{ปิดพรีออเดอร์}º●Not Fat อ้วนไม่รักงั้นผอมก็ได้!!!●º 13/08/59 P.63 END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ถ้าหากจัดพิมพ์นิยายเรื่อง Not fat อ้วนไม่รักงั้นผอมก็ได้ (ฉบับรีไรท์+ตอนพิเศษ)

อุดหนุนแน่นอน
19 (26.8%)
ขอดูราคาก่อน
51 (71.8%)
ไม่อุดหนุน
1 (1.4%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 71

ผู้เขียน หัวข้อ: {ปิดพรีออเดอร์}º●Not Fat อ้วนไม่รักงั้นผอมก็ได้!!!●º 13/08/59 P.63 END  (อ่าน 523929 ครั้ง)

ออฟไลน์ sunakai

  • *~CrAzY_KiLL~*
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-0
หน่วงๆ แฮะ ไม่ชอบความรู้สึกอึดอัดแบบนี้เท่าไหร่

สู้ๆ นะปังปัง พี่ใหญ่อย่าทำให้ปังเสียใจนะ  :m15:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
อย่ามีดราม่าเลยนะ สงสาร หมูปัง ง่ะ

ออฟไลน์ nuttzier

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เป็นแผนป่ะเนี๊ยะ ..???

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ไม่ไว้ใจทั้งมิ้นต์และป้าเลย

ออฟไลน์ zeroj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อินังมิ้นต์นี่  ท่าทางไม่น่าไว้ใจเลย   :fire:

ปังปังเป็นคนซื่อ  จะไปทันเล่ห์เหลี่ยมอินังมิ้นต์คงเป็นไปไม่ได้

ยังไง  พี่ใหญ่ก็ปกป้องปังปังด้วยนะ

ออฟไลน์ Nattiz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หรือว่ามิ้นจะเป็นสาววาย #เดี่ยวๆ หรือว่าบางทีอยากจะได้ปังมากกว่าพี่ใหญ่ เห็นบอกที่ฝรั่งเศษปังคงฮอต :hao6:

เค้าอยากอ่านคู่ชินโดจังงง รู้สึกว่าสองคนนี้น่ารักยังไงไม่รู้ เพราะว่าพี่กาจพลเป็นพวกแบดๆสินะ  :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3

ออฟไลน์ Mynun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ปังนี้ใสซื่อเกินไปเนอะ 555555
นี้ถ้าอิพี่ใหญ่กับนังมิ้นทำปังเสียใจ
กลับไปซบพี่กาจได้ไหมมมมมม (ยังคงฝังใจกับพี่กาจเวอร์)
 :ling1:

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
ปัง ๆ น่าสงสารอ่ะ


แล้วยัยมินต์นี่ยังไงฟร่ะ

จะมาจับพี่ใหญ่ขอปัง ๆ เหรอ


หรือมาแยกปัง ๆ กับพี่ใหญ่เพราะชอบปัง? แล้วจะได้แยกปังจากพี่ใหญ่?

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
มิ้นท์นี่มาไม่ดีแน่ๆ แย่นะเพื่อนนิสัยแบบนี้ อย่าเรียกว่าเพื่อนดีกว่า คือปังเองก็ใสซื่อเกินไป
หวังว่าพี่ใหญ่จะเชื่อใจได้นะ เพราะถ้าไม่ก็อาจเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไป ยิ่งน้องมีป้าอยู่ต่างประเทศ
คราวนี้น้องอาจไปไกลเลยก็ได้ ฮือ ลุ้นอ่ะ

ขอบคุณค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
อีมิ้นนนนนนี่ร้ายแน่ๆ มีแผนชัวร์ออกมาตอนเดียวก็น่าตบแล้ววว ขึ้นแทนปังง อินมากก

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
คิดถึงกันไหมคะ

รออีกนิดนะ คนเขียนกำลังเร่งเคลียงานโปรเจคให้อย่างด่วนๆ

คิดถึงหมูปังกับพี่ใหญ่เหมือนกัน

เลิฟนะคะ ดูแลสุขภาพด้วยน๊า

**ปล ไม่ต้องห่วงนะคนเขียนยังมีชีวิตอยู่ ฮ่าๆๆๆๆๆ

ฝากเพจ ติดตามทวงนิยายกันได้ที่นี้

ห้องเก็บนิยาย pa_pa

 :katai5:

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
คิดถึงจ้า แต่ไม่ต้องซีเรียสจ้า เรารอได้ สู้ ๆน่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
รอได้จ้า เสร็จงานก่อนค่อยมาต่อก็ได้

ออฟไลน์ riai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอยยยยยยยยยยย ตามอ่านทันแล้ววววว ชอบหนูปังมากเลยค่ะ จะติดตามไปเรื่อยๆนะคะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1758
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
มิ้นต์ไม่แน่ใจนะ
ว่ายังไง  แต่ก็เอา
ใจช่วยปังกับพี่ใหญ่
โรคจิตอย่างสุชาดา
ยังผ่านมาได้แล้วกับ
คนอื่น ๆ ยังไงก็ผ่าน
ได้อยู่แล้ว :katai2-1:

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
คิดถึงกันไหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม  :katai5:

เฮาคิดถึงทุกคนมากๆเลยน๊า

อยากจะมาอัพปังปังใจแทบขาด รอกันอีกไม่นานนะคะ

เค้าจะรีบมาอัพปังปังให้  :katai4:

ฝากเพจฝากผลงานอื่นด้วยนะจ้าาา

ห้องเก็บนิยาย pa_pa

 :mew1:

ออฟไลน์ Ryu_Chise

  • You love me?
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
รอน๊าาาาาาา มาไวๆ   :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
{CH 43 คำบอกลา ? }


“ทำให้มันมีชีวิตชีวาหน่อยไอ้เล็ก”


ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับพี่ใหญ่ และหันไปมองตัวเล็กที่นั่งอยู่กับพื้นห้องข้างๆ รอบตัวของเรามีข้าวของของผมวางอยู่เต็มไปหมด เพราะผมต้องไปออสเตรเลียเยี่ยมคุณตาที่ไม่เคยเห็นหน้า 1  สัปดาห์ พี่ใหญ่ทำเรื่องลาทางมหาลัยให้ผมเรียบร้อย โชคดีที่วีคที่ผมจะไปไม่มีสอบ หรืออะไรที่สำคัญมากนัก และโลกก็แคบเกินกว่าที่จะไม่คุยกัน ยังมีสื่อออนไลน์อีกตั้งหลายอย่างที่จะทำให้เราติดต่อกันอย่างง่ายดาย แต่ตัวเล็กก็ทำท่าเหมือนเจ้าเนียร์ ที่นอนเป็นพรมเช็ดเท่าอยู่ข้างๆขาเก้าอี้พี่ใหญ่ที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ 


“เล็กไม่อยากให้ปังปังไป เล็กคิดถึงงงงงงงงงงง”


“ไปแค่สัปดาห์เดียวเอง เราคุยกันได้ทุกวันนะ”


“แต่เล็กไม่ไว้ใจคนๆนั้น คนอะไรอยู่ดีๆก็มาบอกว่าเป็นป้า ถ้าปังโดยหลอกไปขายจะทำยังไง ใครจะช่วยปัง ปังปังต้องไปกับพ่อผดุงแค่ 2 คน แค่ 2 คนนะ ทำไมไม่เอาเล็กหรือพี่ใหญ่ไปด้วย”


“อย่าเยอะไอ้เล็ก”  นายเสาร์ที่นอนนิ่งๆอยู่บนเตียงเลื้อยมาปลายเตียงและใช้มือโยกหัวตัวเล็กไปมา 


“ไม่ได้เยอะ อยากน้อยก็เอาเจ้าเนียร์ไปด้วย เห็นหน้าตาแบบนี้กัดเก่งนะ แฮ่!” เจ้าเนียร์เหมือนรู้จังหวะดี มันเดินมาทิ้งตัวลงบนตักตัวเล็ก ทำให้ตัวเล็กก้มมาแยกเขี้ยวแหล่มๆของเจ้าหมาหน้าเอ๋อที่ทำท่าจะนอนอย่างเดียว


หัวเราะกับมุขของตัวเล็กได้เพียงแค่นิดเดียว ผมก็อดคิดมากไม่ได้เหมือนกัน ผมไม่เคยไปเมืองนอก ไม่คุ้นเคยกับอะไรสักอยาก เวลา 1สัปดาห์ที่ผมต้องอยู่ห่างจากบ้านเกิดเมืองนอน ห่างจากเพื่อน ห่างจากพี่ใหญ่ ในสังคมที่แสนอบอุ่น ทำให้ผมอดที่จะเหงาไม่ได้เหมือนกัน แต่ถ้าผมไม่ไป ตาจะต้องเสียใจ และในสิ่งที่พ่อกับแม่ของผมทำผิดเอาไว้ก็ต้องคาราคาซังต่อไปไม่ได้ขอขมาให้คุณตาหลับอย่างสบาย … ยังไงผมก็ต้องไป แค่ 1 อาทิตย์เอง ไม่เป็นไรหรอก


“เห็นไหมไอ้แมว พูดซะไอ้อ้วนคิดมากเลย”


“หว๋า เล็กขอโทษน๊า!”


“ไม่ๆไม่เป็นไร เล็กไม่ทำงานอาจารย์หนวดหรือ พรุ่งนี้ส่งแล้วนะ”


“จริงด้วย เล็กลืมไปเลย งั้นเล็กไปทำก่อนนะ ก่อนที่จะโดนฆ่า!” ตัวเล็กตาลีตาเหลือกเดินออกนอกห้องไปโดยมีตายเสาร์เดินโซเซ จูงเจ้าเนียร์ตามออกไปด้วยทั้งห้องเลยตกอยู่ในความเงียบมีแต่ เสียงคีย์บอร์ดจากคอมพิวเตอร์ดังอย่างต่อเนื่อง ผมก็ค่อยๆเก็บของที่ตัวเล็กรื้อออกมาจัดประเป๋าให้ ลงไปในกล่องใส่เสื้อผ้าที่ว่างเปล่า ยังไม่อยากเก็บกระเป๋านี้ครับอีกตั้ง สัปดาห์นึงกว่าจะได้ไป ไหนจะต้องทำพาสสปอร์ตอีก ต้องยุ่งยากมากแน่ๆ


“พี่ใหญ่ฮะ”


“ว่า …”


“ตอนผมไปต่างประเทศเราจะคุยกันทุกวันไหม”


“ไม่อะ บางวันก็มีธุระ บางวันก็ไปเรียน นึกกรึมๆก็ไปกินเหล้า”


“ไม่เชื่อหรอก”


“อะไรไม่เชื่อ”


“ไม่เชื่อว่าพี่ใหญ่จะไม่คิดถึงผม”


“มั่นหน้ามากไอ้อ้วน”


ผมหัวเราะคิกเมื่อพี่ใหญ่หันมาพูดหน้าตาย แถมเบะปากอีก พี่ใหญ่พอเห็นผมหัวเราะก็เลิกคิ้วและควักมือเรียกให้เข้าไปใกล้ ผมส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเดินไปเอาแผ่นไม้อัดที่ใหญ่กว่ามาวางกลางห้องและใช้กระดาษ A3 วางทาบลงไป เตรียมดินสอ ในหลายๆขนาดที่ให้ความคมของสีต่างกัน โจทย์ที่เพิ่งได้วันนี้คือรูปของเรือ เรือที่มีโครงสร้างชัดเจน และสามารถสร้างเป็นโมเดลที่ลอยน้ำและขับเคลื่อนได้จริง … นี้ผมเรียนศิลปะหรือวิศวะนะ ถึงผมจะไม่ถนัด แต่ผมก็จะพยายามเหมือนทุกครั้งที่ผมบอกเอาไว้  อ่อ ตอนไปบ้านตาผมก็จะเอาเรือไปวาดด้วย ตั้งชื่อช่วงคราวว่า ‘เรือของปัง’ แบ๊วไหมละ 


“ไอ้หมู”


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


   ก่อนที่พี่ใหญ่จะพูดอะไรต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทำให้ผมกับพี่ใหญ่มองหน้ากัน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจและเดินหน่ายๆ ไปส่องตาแมวถอนหายใจเฮือกใหญ่หันมามองหน้าผมชี้ไปที่ประตูและพูดออกมาอย่างเซ็งๆ


   “มิ้นต์มาหา” ผมเอียงคอเลิกคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะพยักหน้าให้พี่ใหญ่เปิดประตู เขาถอนหายใจอีกรอบก่อนจะยอมเปิดประตูให้ หน้าเหนื่อยใจไปนะพ่อหนุ่มคนนี้น่ะ


   “ไฮ! สวัสดีปังปัง สวัสดีพ่อใหญ่ วันนี้มิ้นต์ขอมานั่งทำงานด้วยนะ” มิ้นต์แทรกตัวเข้ามาในประตูพร้อมกับอุปกรณ์ข้าวของที่อุตส่าห์หอบมาซะเยอะ ตาสีเขียวสบกับผมก่อนจะยิ้มจนตาปิด มิ้นต์เป็นคนยิ้มสวยผมเชื่อว่าทุกคนที่เห็นจะต้องหลงรัก ดีไร้เดียงสาและจริงใจที่สุด ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร มิ้นต์ก็ลงมานั่งข้างๆผม หยิบหนังสืออะไรสักอย่างที่เป็นภาษาอังกฤษออกมาจากกระเป๋า


   “ปังปัง อ่านหนังสือไหม”


“ภาษาปังไม่ค่อยแข็งแรงน่ะ” 


“อ้าวแล้วจะไปต่างประเทศได้ยังไงละ” มิ้นต์เอียงคอมองผม ไม่ใช่แค่มิ้นต์สงสัย ผมก็สงสัยเหมือนกันว่ามิ้นต์รู้ได้ยังไงว่าผมกำลังจะไปเยี่ยมคุณตา …


“มิ้นต์รู้ได้ยังไงว่าปังกำลังจะไปต่างประเทศ”


“… มิ้นต์มีเซ้นต์ไง เพื่อนๆเรียกมิ้นต์ว่ามิ้นต์ญาณทิพย์”


“มิ้นต์ … ปังไม่ตลกนะ” ผมว่าและจ้องหน้ามิ้นต์อย่างไม่ปิดบัง ในบางทีผมก็รู้สึกถูกมิ้นต์ล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัวมากเกินไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบมากที่สุด


“คือ … เมื่อวันก่อนร้านที่ปังกับพี่ใหญ่ไป มิ้นต์ก็อยู่ในร้านด้วย แหะๆ ” ผมเอียงคออย่างสงสัย เมื่อวานผมก็ไม่เห็นมิ้นต์เลยนี้หน่า หรือว่าผมไม่ทันได้สังเกต หันไปมองพี่ใหญ่ที่นั่งมองอยู่บนโต๊ะก็เห็นเค้ายักไหล่ให้ ผมก็เลยถอนหายใจนิดๆก่อนจะยิ้มอย่างปลงๆ เพราะยังไงเรื่องไปต่างประเทศก็ไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด


“แล้วมิ้นต์ไปทำอะไรที่ร้านนั้นละ”


“ไปทานข้าวน่ะ แต่บังเอิญเจอปัง กะจะเข้าไปทักเห็นคุยเรื่องสำคัญอยู่เลยไม่ได้เข้าไปแต่นั่งลงโต๊ะหลังปังคิดว่าจะเข้ามาทักหลังจากที่คุยเสร็จแล้ว แล้วก็ … ขอโทษนะที่เราแอบฟัง … ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”


“อือ” ผมว่าและก้มลงมองหนังสือในมือตัวเองที่มิ้นต์ยื่นให้ ก่อนจะเปิดดู … ผมอ่านออกบางคำ แต่ประติดประต่อเป็นภาษาไม่ได้ มันก็แย่จริงๆนะ ผมไปเยี่ยมตาคงไม่กล้าไปไหนแน่ๆ


“เอาไว้ก่อนดีกว่า ปังต้องทำงานก่อนนะ”


ผมว่าและวางหนังสือเล่มนั้นลง ก่อนจะหันมาสนใจงานของตัวเอง ผมใช้เวลาอยู่กับงานผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ พี่ใหญ่เปลี่ยนจากนั่งหน้าคอม มานอนเล่นเกมในมือถือบนเตียงหันหน้ามาทางผม เราสบตากันบ่อยครั้งและทำให้ผมเขินอยู่บ่อยๆ และเค้าก็ชอบแกล้งผมด้วย ส่วนมิ้นต์ตอนนี้ก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆผม มีบางจังหวะที่หันมาชวนผมกับพี่ใหญ่คุยบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำตัวน่ารำคาญแต่อย่างใด ห้องเลยตกอยู่ในความเงียบ จนผมเผลอพักสายตา เอาหัวพิงกับตู้เสื้อผ้าด้านหลังและหลับตาลง ผ่านไปกี่นาทีแล้วไม่รู้แต่หนังตาของผมหนักอึ้งขี้เกียจเกินกว่าจะฝืนมันจนหลับไปจริง ๆ ในที่สุด


“ทำไมละ ?” เสียงของมิ้นต์ปลุกให้ผมตื่นขึ้น ความรู้สึกนุ่มนิ่มและอุ่นทำให้รู้ว่าตอนนี้กายของผมซุกอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงหนาที่ตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นของพี่ใหญ่ที่ผมคุ้นเคย


“ยังจะถามอีกเหรอไง พูดไม่รู้เรื่องหรือไงว่าตอนนี้มันไม่ใช่เมื่อก่อนแล้ว” เสียงดุๆของพี่ใหญ่ ทำให้ผมตกใจ … เกิดอะไรกันขึ้น ระหว่างมิ้นต์กับพี่ใหญ่ … พวกเขาคุยเรื่องอะไรกันอยู่


“no!!!! I don't understand” ผมสะดุ้งแทบจะถลาออกไปจากผ้าห่ม แต่ … แต่ผมอยากที่จะรู้เรื่องมากกว่านี้ ถ้าผมออกไป ผมอาจจะไม่รู้อะไรเลยก็ได้


“จะตะโกนหาอะไร”  พี่ใหญ่กัดฟันพูด


“I เจ็บ!!!! you are not gay!!!!!!”


โครม!!!


   เสียงปิดประตูดังสนั่นหลังจากที่มีเสียงฉุดกระชากกัน ผมถลาออกจากผ้าห่มวิ่งไปที่ประตู ก่อนจะเปิดประตูออกไป ผมแอบส่องตาแมวที่ประตูก่อนเห็นพี่ใหญ่กับมิ้นต์พูดอะไรกันสองสามคำ ก่อนที่มิ้นต์จะร้องไห้ตาแดงปากกัดแน่นเหมือนคนที่โมโหมากๆ และพยายามจะเข้ามาภายในห้องอีก แต่ถูกพี่ใหญ่คว้าตัวไว้ ก่อนจะลากมิ้นต์ออกห่างห้องผมออกไป ใจในตอนนั้นของผมเต้นแรงซะจนคิดว่ามันอาจจะหยุดเต้นก็ได้ในเวลาต่อมา …


   ผมต้องตามไปดู … นั้นคือสิ่งเดียวที่ผมคิด และทันกับความคิด ผมถลาออกไปจากห้องไม่สนใจรองเท้าหรือทรัพย์สินเงิน
ทองอะไร กลัวที่จะไม่ทันได้เห็น กลัวที่จะไม่ทันได้คุย กลัวจะไม่ทันได้รั้งพี่ใหญ่เอาไว้


   “เร็วๆ สิ !” วินาทีนั้น อะไรก็เชื่องช้าไปหมด แม้แต่ลิฟต์ก็ยังไม่ทันใจ ผมเลยต้องใช้บันไดข้างๆแทน ผมเคยเชื่อว่าตัวเองจะวิ่งลงบันไดได้เร็วขนาดนี้มาก่อนในชีวิตจนกระทั่งวันนี้ ถ้าเกิดไม่ติดว่ารีบผมคงต้องหยุดหัวเราะตัวโยนแน่ๆ


   ผมวิ่งลงหยุดหายใจที่ชั้นล่าง เงยหน้ามองไปข้างนอกตึก นี้คงเป็นเวลาค่อนข้างดึกจนไม่ค่อยมีคนในซอยแล้ว คงจะสัก ตี 2 - ตี 3 ได้แล้วละ ผมมองหาพี่ใหญ่กับมิ้นต์ในระยะสายตาก็ไม่เจอ เลยเดินออกไปจากด้านในที่มีฉากกระจกกั้นหน้าลิฟต์ มายืนอยู่คอนโซนด้านนอกของหอพักที่มีโซฟาตั้งรับแขกอยู่ ติดกับประตูทางเข้าหอ และทางขวามือเป็นห้องออกกำลังกายทางขวาเป็นเคาเตอร์ติดต่อสอบถามที่ตอนนี้ไม่มีคน ลุงยามที่เคยนั่งเฝ้าตอนนี้ก็หายไปไหนไม่รู้


มองไปรอบๆ และเดินออกไปนอกหอพักที่ว่างเปล่าไม่เจอใคร อยากที่จะโทรหาพี่ใหญ่ … แต่ก็ไม่ได้เอาโทรศัพท์ลงมา ระยะเวลาแค่นี้ พี่ใหญ่กับมิ้นต์ไม่น่าจะไปไกล ถ้าผมวิ่งตามพวกเขาไป อาจจะยังทันก็ได้  ถึงผมจะไม่รู้อะไร … แต่ผมก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี ไม่ใช่ไม่ไว้ใจพี่ใหญ่ ผมเชื่อพี่ใหญ่และรักเขา แต่คนที่ผมไม่ไว้ใจคือมิ้นต์ … อาจจะดูเป็นคนไม่ดี แต่ผมคิดแบบนี้จริงๆ และผมก็ต้องการรู้ … ว่าเรื่องระหว่างสองคนนั้นคืออะไรกันแน่


“อ้าวเจ้าปัง มากินข้าวป้าซะดึกเลย หิวเหรอลูก มาๆ ป้ากำลังจะเก็บร้านแต่เห็นหนูปังมาป้าทำให้ก่อนดีกว่า ว่าแต่เจ้าตัวแสบเพื่อนเราไม่มาด้วยหรือไง”


ผมยกมือไหว้ป้าร้านขายข้าวเจ้าประจำที่ตัวแสบของป้าคือตัวเล็กตีสนิทเอาไว้จนได้กินข้าวฟรีเป็นประจำเพราะคุยถูกคอ ผมส่ายหน้าหอบน้อยๆก่อนที่ป้าจากที่ยิ้มๆจะเปลี่ยนมาเป็นหน้าหน้าขึงขังและเดินออกมาโอบหลังผมให้เดินเข้าไปนั่งในร้านก่อน ผมเดินไปอย่างว่าง่าย ป้าอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพผมชัดๆ


“หนีอะไรมาเจ้าปัง”


“เปล่าครับป้า … ป้าหะ เห็นพี่ใหญ่ไหมครับ”


“ไม่นี้ลูก แล้วยังไงวิ่งออกมาเกือบหน้าซอยแบบนี้ทั้งๆที่เท้าเปล่า บอกป้าสิใครรังแก” ถ้าผมบอกว่าพี่ใหญ่รังแกผม ป้าจะไปตีพี่ใหญ่ให้ผมไหม …


“ไม่ครับ ไม่เป็นไร ขอบคุณนะครับป้า”


“เดี๋ยวลูก เอารองเท้าคู่นี้ไปใส่ ตอนเช้าค่อยเอามาคืนป้า”


“แต่ …”


“เอาไปเถอะลูก ของไอ้แดงมัน มันไม่ห่วงของหรอก” ผมยกมือไหว้ป้าอีกครั้งก่อนจะใส่รองเท้าแตะสีฟ้าคู่ใหญ่กว่าเท้าของผมเกือบคืบ ก่อนจะเดินออกมาจากร้าน เดินคอตกกลับหอในเส้นทางที่เงียบสงบ ไม่มีใครเลย

ปริ๊นๆๆๆๆๆๆ !!!


   โสตประสาทของผมรับรู้ได้ถึงเสียงของแตร่รถที่ลั่นเป็นจังหวะสะท้านไปทั้งซอยกับแสงไฟหน้ารถสีส้มที่ส่องเข้าตาผมจนแสบไปหมด กว่าที่จะรู้ตัวรถสีขาวก็พุ่งเข้ามาหาผมอย่างจงใจ ทำให้ผมร้องไม่ออก หรือไม่ทันที่จะได้คิดอะไร ล้มลงนั่งกับพื้น เสียงล้อเสียดสีกับรถสนั่นไปทั้งซอย และทุกอย่างก็นิ่งสงบลง … รถคันนั้นถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมนั่งใจหายใจคว่ำอยู่ตรงนั้น … ผมไม่ได้บาดเจ็บอะไร … แต่ผมก็ไม่ได้ไปยืนกลางถนนขวางทางเขา … ผมอยู่ของผมดีๆ แต่รถคันนั้น … รถคันนั้นจะทำร้ายผม


   “เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าปัง!”


ป้าร้านขายข้าวกับคนที่อยู่แถวๆนั้นเห็นเหตุการณ์ และวิ่งเข้ามาหาผม ทุกคนต่างซุบซิบกันที่ผมฟังไม่รู้เรื่อง มีแต่ป้าใจดี ร้องสาปแช่งรถคันนั้น ผมยันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะยกมือไหว้ป้าแกและเดินกลับมาที่หออย่างเลื่อนลอย … คนในรถคงไม่ใช่มิ้นต์ใช่ไหม … เธอไม่ได้เกลียดผมใช่ไหม … ผมต่างหากที่ควรจะโกรธเธอไม่ใช่หรอไง


   “ไปไหนมา และทำไมสภาพเป็นอย่างงี้”


คำถามแรกของพี่ใหญ่ เมื่อผมเดินเข้ามาในห้อง เขาถลาเข้ามาจับตามเนื้อตัวถามย้ำอีกทีน้ำเสียงดุๆ แต่ผมส่ายหน้าไปมาและฝืนยิ้มให้ เขาเลยเดินไปนั่งที่เตียงเหมือนเดิม ผมกัดปากกลั้นน้ำตาเดินเข้าห้องน้ำไปล้างเนื้อล้างตัวใหม่อีกรอบ ออกมาจากห้องน้ำก็ยังเห็นพี่ใหญ่นอนลืมตามองผมอยู่ ผมเลยเดินเข้าไปทิ้งตัวนอนลงข้างๆเขาและซุกตัวลงไปกอดเขาไว้แน่น


“ตื่นมาทันเห็นสินะ” เสียงเย็นๆของเขาทำให้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลออกมา และเขาก็กอดผมเอาไว้ในอ้อมแขนที่อบอุ่นของเขา ถึงแม้ทุกอย่างมันจะสับสน หรือจะรู้สึกไม่ดีแค่ไหน ผมก็ยังอยากให้เขากอดผมไว้แบบนี้ … อยากให้กอดเอาไว้นานๆ


“ไม่มีอะไรใช่ไหมครับ” ผมกลั้นใจถามออกไป และหวังให้คำตอบนั้นถูกปฏิเสธกลับมา อย่างน้อย ผมก็เชื่อใจเขาถ้าเขาบอกไม่ ทุกอย่างก็จบ …


“มี … แต่ไม่ใช่อยากที่นายคิด ทุกอย่างมันยุ่งเหยิ่งสับสน และบังเอิญไปหมด แต่พี่รับรองว่ามันจะจบลง ไม่ต้องกลัว … จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” เสียงของพี่ใหญ่แหบพล่านและจริงจัง ทำให้ผมคลายทุกสิ่งทุกอย่างที่หนักอื้อลงไป … ไม่อยากรู้อะไรอีกแล้ว เพราะมันอาจจะทำให้ผมไม่สบายใจไปมากกว่าเดิม เพราะในเมื่อพี่ใหญ่บอกให้ผมเชื่อมั่น …... พอแล้วสำหรับวันนี้ ผมอยากพักผ่อนแล้ว … บางทีพรุ่งนี้ผมตื่นขึ้นมาอาจจะมีมีเหตุการณ์ในวันนี้เกิดขึ้นก็ได้


“ผมรักพี่ใหญ่นะ”


“ฮึ … พอรู้จักพูดก็พูดใหญ่เลยนะ” ผมหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ และหลับในอ้อมกอดที่คุ้นเคย จะต่างออกไปก็คือความรู้สึกที่ยังคงไม่คลายความกังวลสงสัย

.

.

.



   พี่ใหญ่บอกผมว่าอย่าคิดมาก ไม่มีอะไรต้องกังวน ให้ผมทำตัวปกติ เค้าไม่ยอมเล่าให้ผมฟัง และผมก็ไม่ถามเพราะกลัวในคำตอบที่จะได้รับ ผมเจ็บเท้าจากเมื่อคืนที่วิ่งไปตามทางคอนกรีตเย็นๆ แถมยังล้มก้มจ้ำเบ้าจนสะโพกเหมือนกันปวดๆด้วย … รู้สึกแย่มากๆเลย ที่กำลังคิดอยู่ว่าคนที่ขับรถจะมาชนผมคือ มิ้นต์ … มิ้นต์ผู้หญิงนัยน์ตาเป็นมิตรเหมือนท้องทะเลนั้นน่ะหรอที่จะทำร้ายผม … แล้วทำท่าจะมาแย่งพี่ใหญ่ไปอีก แต่ดูจากบทสนทนา … เป็นผมหรือเปล่าที่ทำผิด … แล้วเรื่องมันเกิดขึ้นตอนไหน … เกี่ยวข้องกับสุชาดาหรือเปล่า … ผมไม่รู้อะไรเลย


   “ทำงานเสร็จแล้วโทรมาจะได้ไปรับ”


   “ครับ” ผมขานรับพี่ใหญ่ในขณะที่เขาเดินมาส่งผมที่หอสมุดในมหาลัย ที่ทำงานของผม ถึงแม้จะมีงานเยอะแต่ผมก็แบ่ง
เวลาเพื่อมาทำงานในตรงนี้ด้วย อาจจะลดเวลาไปบ้าง และอาจจะมีงานมานั่งทำบ้าง อาจารย์บรรณารักษ์ก็ไม่ได้ว่าแถมใจดีเอ็นดูผมเสมอมา ผมเลยไม่ได้มีปัญหาอะไร


   “ไอ้ปัง” ก่อนที่ผมจะหันหลังเดินเข้าไปด้านใน พี่ใหญ่ก็เรียกเอาไว้ก่อน ผมหันไปเอียงคอมองเขาอย่างสงสัยเพราะในตอนนี้หน้าเขานิ่งเหมือนอยากจะพูดหรืออธิบายอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา


   “ฮะ?”


   “เฮ้อ ช่างเถอะ ไว้กับมาแล้วค่อยคุยกัน ทำงานดีๆละไอ้หมูอ้วน” เขาพูดก่อนจะวางมือบนหัวผมเหมือนที่เขาชอบทำเป็นประจำ ผมเผลอยิ้มออกมาเพราะชอบที่เขาเป็นแบบนี้  ทำให้ผมรู้ว่า เขายังคิดกับผมเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยสักนิด นั้นทำให้ผมวางใจขึ้นได้อีกเป็นกองเลย


   “… เอาไว้เราคุยกันคืนนี้นะครับ”
ก่อนที่เขาจะหันหลังไป ผมก็ชิงบอกเขาไว้ก่อน เขาพยักหน้าและยิ้มให้ผมในแบบที่เขาเป็น ก่อนที่มือสากจะหยิกเข้าที่แก้มผมหนักๆหนึ่งที เราคุยกันอีกสองสามประโยคพี่ใหญ่ก็เดินกลับไป ผมได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่และเดินเข้ามาในหอสมุดที่เงียบสงบ


ผมค่อยๆวางกระเป๋าโน๊ตบุ๊กลงที่เคาร์เตอร์คืนหนังสือ ในวันนี้มีแค่ผมคนเดียวพี่ๆและอาจารย์ต่างติดธุระติดประชุมกันหมด หน้าที่หลักของผมคือดูแลความเรียบร้อยและให้นักศึกษาติดต่อสอบถามได้ในทุกๆเรื่อง และตอนหอสมุดปิดผมก็ต้องเอาเอาหนังสือไปวางตามชั้นให้เรียบร้อย สนุกดีนะครับ ผมชอบอะไรที่เงียบสงบแบบนี้ละ


แก๊ก



   “คืน …อ้าวปัง! ทำงานที่นี้เหรอ” ผมเกือบจะช็อกแต่เก็บอาการไว้ได้ทัน  อยู่ๆมิ้นต์ก็เดินเอาหนังสือมาวางตรงหน้าผม … แต่ตอนนี้เธอไม่เห็นมีอาการโมโหอะไรผมเลย มีแต่รอยยิ้มให้ผมเหมือนเดิม แถมยังหน้าตาแจ่มใส ไม่เห็นเหมือนเมื่อคืนที่ร้องไห้ และทำหน้าเหมือนจะเข้ามาฆ่าผมในห้องให้ได้อย่างงั้นเลย


   “อ่า … ใช่” ผมก้มหน้าและหยิบเอาหนังสือของมิ้นต์มาเปิดดูประวัติ ก่อนจะจัดการเช็คคืนวางไว้ในรถเข็นข้างๆ ขณะที่มิ้นต์ก็มองผมไม่วางตา ตอนแรกผมก็มองว่ารอยยิ้มนั้นสวยดีหรอกนะ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนรอยยิ้มนั้นไม่มีความสดใสเอาซะเลย


   “เมื่อคืน…” ผมเหลือบมองมิ้นต์ก่อนจะหลบตาลง ถ้าเทียบตัวผมตัวใหญ่กว่ามิ้นต์เยอะ แต่ถ้าเทียบใจ ผมว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ ยังจะไฟว์มากกว่าผมซะอีก งื้ออออออ


   “เมื่อคืนมิ้นต์กลับก่อนละ เห็นปังหลับเลยไม่อยากกวน  งั้นมิ้นต์ไปหาหนังสืออ่านก่อนนะ” ผมยังไม่ทันที่จะพูดอะไร มิ้นต์ก็
เดินเข้าไปในโซนชั้นหนังสือ ผมได้แต่มองตาม ถอนหายใจเฮือกใหญ่และทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้เหมือนหมดแรง เฮ้อ …


   “ยังไงไอ้ปังก็ยังไม่วายเป็นไอ้หมูขี้ขลาดสินะ”


อดไม่ได้ที่จะแคลนหัวเราะตัวเอง เฮ้อ … จะว่าไปงานผมที่เอามาวันนี้ก็เยอะนะ ผมควรจะพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน และทำงานจะดีกว่า เพราะพรุ่งนี้เดี๋ยวผมก็ไม่ว่างต้องไปทำพาสสปอร์ตที่แสนน่าเบื่ออีก ไปเลยไม่ไหมไม่ต้องทำ หน้าอย่างผมไม่ทำร้ายใครหรอก … แต่ก็นะ เครื่องบินสินะไม่ใช่รถทัวร์ ทำให้มันถูกต้องจะดีกว่า ผมไม่อยากเป็นไอ้อ้วนที่โดนกักอยู่ที่สนามบินหรอกน๊า อีกอย่างพี่ใหญ่ก็บอกจะไปกับผมด้วย


ประหลาดเนอะ ทุกวันนี้ผมเจอแต่เรื่องประหลาด จากเมื่อก่อนที่ชีวิตผมไม่มีอะไรเลยแอบชอบคนๆนึงไปวันๆ โดนรังแกจากนักเลงเสาร์เป็นประจำ ในวันนึงที่ผมตัดสินใจเข้ามหาลัยตามคนที่ผมชอบ ผมกลับเจอคนที่ทำให้ผมกลัวมากๆ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร แต่ในที่สุด วันเวลาก็ทำให้ผมไม่อายที่จะบอกว่ารักเขา เพราะเขาได้ทำให้ผมรู้ว่าเขารักผมจากใจจริงไม่ใช่เพียงแค่เปลือกนอก  ถึงจะอย่างงั้นผมก็อยากที่จะพัฒนาตัวเองในสิ่งที่ผมเป็นให้สมกับพี่ใหญ่ ถึงจะต้องแบบอยากชกพี่ใหญ่บางครั้งก็เถอะที่ขัดขวางผมในการลดน้ำหนักดูแลตัวเองสารพัด ตั้งแต่อ้อนจนขู่นั้นแหละ นอกจากเรื่องของผมกับเสือร้ายที่เปรียบเสมือนเส้นขนานที่มาบรรจบกันได้ ยังมีเรื่องของตัวเล็กกับชินโดและคนอื่นๆเพื่อนที่ผมไม่เคยคิดว่าจะมีมาก่อนเรื่องของตัวเล็กลามไปจนนายเสาร์ที่ในที่สุดก็มาญาติดีกันได้ จนถึงเรื่องของสุชาดาที่พี่ใหญ่พึ่งเจ็บตัวไป และในตอนนี้ก็ยังมีมิ้นต์เพิ่มขึ้นมาอีก ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้ผจญภัยมาเยอะมาก ในเวลาแค่ ปีกว่าๆ 



ในบางเรื่องผมคิดว่าไม่ต้องพูดไปน่าจะดีกว่า แต่เอาเป็นว่า ผมจะระวังตัวแล้วกัน เพราะยังไงตอนนี้ก็ยังดีกว่าตอนของสุชาดา ที่ผมไม่เคยรู้จักเลย แต่ในตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามิ้นต์เป็นคนยังไง ถึงจะไม่รู้ทั้งหมดก็เถอะ


“ปังปัง!”


“… ตกใจหมดเลย”  ชินโดหัวเราะก่อนจะแทรกตัวมานั่งอยู่ข้างๆผม ก่อนจะฟุบหน้าลงกับเคาเตอร์ไม่พูดไม่จาอะไร ผมก้มลงไปมองด้วยความสงสัยว่าทำไมอยู่ๆชินโดก็มาหาผมที่หอสมุดในสภาพที่เสื้อยืดเก่าๆกับกางเกงวอร์มแบบนี้


โป๊ก!



   “โอ้ย จะ เจ็บ”


   “ปังก็เจ็บ คางแตกแล้วมั้ง T^T” ผมเบะปากจะร้องไห้เพราะอยู่ๆชินโดก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างแรง ทำให้คางผมกับหัวชินโด
ชนกัน เรามองหน้ากันและหัวเราะในขณะที่ต่างคนก็ต่างลูบตรงที่โดนโขก หัวเหล็กหรือเปล่าเนี้ยคนเนี้ย!


   “ชินโดเป็นอะไรหรือเปล่า”


   “ไม่ๆ หัวไม่แตก”


   “ไม่ใช่ดิ หมายถึง มีอะไรหรือเปล่าทำไมถึงมาที่นี้ได้ ไม่เฝ้าร้านหรือ”


   “อ่อ … วันนี้เราลาน่ะ เบื่อๆเลยมาหาปัง”


   “จริงอะ” ผมแกล้งหยีตามองชินโดอย่างหยอกๆ ชินโดเหลือบมองผมก่อนจะหลบตาและหันหน้าไปทางอื่น ผมแกล้งตี
ไหล่ชินโดจากด้านหลังทำเสียงแซวๆ และหัวเราะเมื่อชินโดหันหน้ามาค้อนขวับใหญ่ แบบนี้มันต้องมีอะไรแล้วละ


   “มีอะไรบอกปังได้นะ”


   “ก็เพราะปังนั้นแหละ”


   “เรา ?”


   “ใช่ เพราะปังนั้นแหละ พอปังไม่ชอบไอ้บ้านั้น มันเลยมาพาลลงกับเราเนี้ย โคตรบ้าเลย”


   “ทำไมอ่ะ” ผมอยากจะหัวเราะกับหน้าของชินโดตอนนี้มากเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่ไม่ได้ของเล่น ดูทั้งน่าสงสารทั้งน่าขำ จนผมบรรยายไม่ถูก ผมไม่เคยเห็นชินโดในลักษณะนี้คิดว่าชินโดจะเป็นคนเฉยๆ ซะอีก ที่ไหนได้ขี้หงุดหงิดเหมือนกันนะเนี้ย


.
.
.

มีต่อด้านล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2016 09:25:31 โดย pa_pa »

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4




   “ก็ไอ้บ้านั้นอะดิ มาร้านทุกวัน มากวนทุกวัน กวนเสร็จก็กลับ บ้าๆเข้าก็ลากเราออกจากร้านไปเที่ยวด้วย พอไม่ไปก็ขู่
สารพัดเลย โอ้ยยยย จะบ้าตาย ไอ้เกย์งี่เง่านั้นทำให้ชินโดอยากจะเบิดกะโหลกสักสองสามที ฮึม!!! รำคาญมากเลยปัง น่าเบื่อมากกกกกกกกก”


   “โอ้ย ใจเย็นๆชินโด นี้ห้องสมุดนะ” ผมเอ็ดชินโด เจ้าตัวเหมือนเพิ่งจะรู้ตัว หันมองซ้ายมองขวาและหันมามองผมยิ้มแหยๆ


   “ขะ ขอโทษ แต่ชินโดไม่อยากกลับจริงๆ นะ กลับบ้านก็ไม่ได้มันชอบไปดัก”


   “พูดเหมือนดักตีงั้นแหละ … เอางี้ไปนอนหอปังไหม” ผมยื่นขอเสนอให้ชินโด ดีเลยผมอยากคุยกับเพื่อนๆบ้าง ในบางเรื่องที่ผมคุยกับพี่ใหญ่หรือใครไม่ได้ 


   “…เราเกรงใจ พี่ใหญ่ก็อยู่” ชินโดทำท่าอึกอัก


   “เดี๋ยวเราไปนอนห้องตัวเล็กกันไง คืนนี้เราทำอะไรกินกัน จะได้ทำงานด้วยกันด้วยเอาไหม”


   “งั้นเดี๋ยวเราโทรบอกแม่ก่อนนะ”


   “อื้อ!” 


   ผมทำงานจนหอสมุดใกล้ปิด คนก็ทยอยออกไปกันหมดแล้ว แต่ไม่ยักจะเห็นมิ้นต์กลับออกมา ผมเลยจำใจต้องให้ชินโดเฝ้าเค้าเตอร์ ส่วนตัวเองก็เดินเข้ามาภายในหอสมุดที่ตอนนี้เงียบเป็นป่าช้า ตั้งแต่ผมทำงานที่หอสมุดมาผมไม่เคยฟังเรื่องผีเกี่ยวกับหอสมุดเลย … เห็นว่าที่นี้ก็มีประวัตินะ รุ่นพี่เคยเล่าให้ผมฟังเหมือนกัน … ผมอยู่มาตั้งนานไม่เห็นเคยเจอ แต่ก็ไม่เจอจะดีกว่า แฮะๆ


   “ปัง”


   “โอ๊ะ … ตกใจหมดเลย อยู่ตรงนี้เองเหรอ” ผมสะดุ้งหันไปเห็นมิ้นที่นั่งพิงชั้นวางหนังสืออยู่ในซอกลืบในสุดข้างๆนาฬิกาโบราณเรือนใหญ่


   “อื้อ ตรงนี้เราว่ามันสงบน่ะ ห้องสมุดใกล้ปิดแล้วเหรอ โทษทีนะ” มิ้นต์ลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสัดพร้อมกับกระเป๋าผ้าใบโตของเธอ ก่อนจะเดินเอาหนังสือไปเก็บที่ชั้น ผมเก้ๆกังๆอยู่นานก่อนจะเดินตามไปดู


   “คนเรามันก็เหมือนหนังสือนะปัง” ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวไปใกล้ มิ้นต์ที่กำลังเอื้อมเก็บหนังสือก็พูดขึ้นมาก่อน … ผมเงียบและเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ มิ้นต์คงอยากจะพูดอะไร … และถึงผมไม่พร้อม แต่คงจะทำอะไรไม่ได้ถ้าหากความจริงมันจะถูกรื้อออกมา ในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องของแค่ผมกับพี่ใหญ่แล้ว แต่มีมิ้นต์มาเกี่ยวอีกคน …


   “จะไม่รู้เนื้อหาด้านในถ้าเราไม่เปิดอ่าน … บางเล่มก็มีเจ้าของแล้ว แต่ก็โดนเอาไปเปิดอ่านโดยไม่ได้รับอนุญาต … คนที่เอาไป ภาษาไทยมีศัพท์เรียกว่าอะไรเหรอ”


   “หมายความว่ายังไง” คิ้วผมกระตุกผมไม่รู้ที่มาที่ไป แต่มิ้นต์มาพูดกับผมแบบนี้มันถูกแล้วเหรอ ? ปังงี้ฉุนกึกเลย เอาสิถ้าผมล้มทับ มิ้นต์ก็แบนได้เหมือนกันนะ บุ้ย!


   “ห๊ะ! อะไรเหรอ มิ้นพูดอะไรเหรอ”


   “… มิ้นต์ ไม่รู้ ?”


   “รู้อะไร”


   “… เฮ้อ ช่างเถอะ กลับได้แล้วนะหอสมุดจะปิดแล้วนะ”


   “โอเค ไปก่อนนะปัง เจอกันค่า” สารภาพตามตรงนะครับ ผมไม่เคยงงอะไรมากขนาดนี้มาก่อน สรุปแล้ว มิ้นต์ด่าผม หรือด่าใคร พูดจาไม่รู้เรื่องเลยหรือโดนผีเข้า … เฮ้อ เรื่องนี้ผมคุยกับใครได้บ้าง ที่จะหาทางออกให้ผมและไม่ทำให้เรื่องราวมันบานปลาย …


.


.


.


   “มันแกล้งบ้า!!!”


   “ชู่ว! เบาๆดิเล็ก”


เสียงผรุสวาทของตัวเล็กลั่นห้อง กลางวงน้ำหวานกับขนมนมเนยงานโมเดลล่าสุดที่ต้องต่อวางระเกะระกะเต็มห้องที่มีชินโดและปังปังนั่งตาแบ๋วอยู่ข้างๆ ต้องสะดุ้งและรีบตะครุบเจ้าแมวป่าเอาไว้ที่แรงเยอะกว่าที่ปังคิดไว้เยอะมาก แต่สุดท้ายก็ตัวเล็กก็ยอมนั่งลงแต่ยังเต็มไปด้วยอาการกระฟัดกระเฟี๊ยด หันไปมองเจ้าปังที่เหงื่อตกอยู่และสะบัดตัวออกก่อนจะตะหวาดเพื่อนสนิทเสียงดังจนเจ้าอ้วนหน้าแทบมืด


   “เบาอะไรปัง มันจะขับรถชนปังนะ และมาพูดแบบนั้นอีก โอ้ยยยยย เล็กจะแจ้งตำรวจจับมัน นังนี้มันน่ากลัวยิ่งกว่ายัยสุชาดาอีกนะปัง แกล้งบ้าแบบนี้อ่ะ !!! เล็กถึงว่า มาแปลกๆ สุดท้ายก็กิ๊กเก่าไอ้พี่ใหญ่จอมเจ้าชู้นั้นเอง ฮึม!!!!”


   “ใจเย็นๆก่อน เราไม่มีหลักฐานนะเล็ก” เจ้าปังพยายามทำให้ตัวเล็กใจเย็นลงด้วยการลูบหลังเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่ตัวเล็กโมโหเกินกว่าจะฟังอะไรสะบัดตัวออกรอบสอง หันมามองเพื่อนตัวอวบที่นั่งแก้มยุ้ยอยู่ตาเขียว แทบอยากจะหยิกให้แก้มขาด


   “ฮึ่ม! เล็กรำคาญปังอ่ะ ใจเย็นอยู่ได้ โน้นก็เย็นนี้ก็เย็น ต้องรอให้ตายก่อนไหมค่อยรู้สึกรู้สาอ่ะ !!!!”


   “… แบบนี้ไงปังถึงไม่อยากเล่าอะไรให้เล็กปัง เพราะแบบนี้ไง” ด้วยความฉุนเล็กๆ จึงพูดออกไปแบบนั้นแต่ไม่ได้คิดเลยว่าจะทำให้เรื่องมันบานปลาย


   “อ่อใช่สิ ! เล็กเป็นห่วงปัง แต่ปังกลับพูดแบบนี้กับเล็ก ต่อไปนี้เล็กจะไม่ยุ่งด้วยเล้า!!!!!!” ตัวเล็กหยิบเอาก้อนดินน้ำมันขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ปาใส่เจ้าปัง แต่มันกระเด็นไปตกในแก้วน้ำของชินโดที่นั่งดูสถานการณ์อยู่อย่างตื่นกระหนก และทำท่าจะวิ่งไปหยิบหมอนมาปาใส่อีกด้วยความโมโห


   “ตัวเล็ก!!!!!” เจ้าปังไม่ยอม ฉุนกึกจนขาดสติเลยเผลอขึ้นเสียงลั่นห้อง เหมือนกัน นี้เป็นครั้งแรกที่ปังโมโหหนักขนาดนี้ เหงื่อกายแตกผลัก ตัวสั่น หัวร้อนไปหมด


   “หยุด หยุดเลย!!!” 


ชินโดรีบห้ามทัพเพื่อนทั้งสอง วิ่งไปคว้าเอาหมอนที่ตัวเล็กเตรียมง้างเต็มที่มากอดเอาไว้ ก่อนจะดึงมือตัวเล็กมานั่งข้างๆ มืออีกข้างจับแขนปังปังเอาไว้บีบเบาๆ ปังถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ยขอโทษตัวเล็กเบาๆ เจ้าแมวป่าเชิดหน้าไปทางอื่น กอดอกอย่างขัดใจ แต่ก็ยอมสงบแต่โดยดี


   “แล้วยังไงปัง ต่อไปนี้จะทำยังไงต่อ”


   “ปังทำอะไรไม่ได้หรอก …”


   “ทำได้แต่ไม่ทำ!”


   “เฮ้ย! เฉยก่อน” ชินโดหันไปเอ็ดตัวเล็ก ก่อนที่เจ้าแมวป่าจะย่นจมูกและหันหน้าไปมองทางอื่น


   “ตอนนี้ปังไม่รู้จะทำยังไง ปังเชื่อใจพี่ใหญ่นะ แต่ปังก็อยากจะเคลียก่อนไปต่างประเทศ ปังไม่อยากให้มันค้างคา ปังไม่เคยรู้จักมิ้นต์ ไม่รู้ว่ามิ้นต์เคยคบพี่ใหญ่ ไม่รู้อะไรเลยและปังไม่ได้อยากรู้เรื่องในอดีต เพราะปัจจุบันพี่ใหญ่ไม่รังแกปังและรักปัง” ปังอ้อมแอ้มตอบ และเชื่อในสิ่งที่พี่ใหญ่พร่ำบอกตลอดมาจนทำให้ไอ้เจ้าหมูพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำ


   “ก็ถ้าพี่ใหญ่กลับไปหาชะนีแกล้งบ้า เล็กก็ไม่จะไม่แปลกใจเหมือนกัน”


   “…”


   “ถ้าปังยังเห็นเล็กเป็นเพื่อนอยู่บ้างและเข้าใจว่าเล็กเป็นห่วงปัง ต้องไปบอกไอ้พี่ใหญ่ให้เคลียปัญหาซะ ก่อนที่เล็กจะจัดการเอง หึ พ่อได้สอนคาราเต้ชะนีแกล้งบ้าแน่” 


   “อือ … ก็ได้ ปังจะบอกพี่ใหญ่” เจ้าปังยอมรับปากหลบตาตัวเล็กที่จ้องมาอย่างจะเข้ามาตะครุบแก้มยุ้ยๆนั้นให้เขียว


   “ดี แล้วไงเรื่องของนาย”


   “เรื่องอารายยยยยยยย”


   “ทำมาเป็นไก๋”


   “ไม่มีอะไรหรอก แล้วนายกับเสาร์ละ”


   “ก็เชื่องดีไม่มีปัญหา” ทั้งห้องเงียบไปอึดใจก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังครืนขึ้น จากนั้นบรรยากาศห้องก็กลับมาสดใสดังเดิม แต่ภายในใจของปังปังกลับมืดมน คิดถึงเจ้าเสือร้ายที่ทำงานอยู่ที่หอพี่โย่งเพื่อนสนิท


   เวลาผ่านไปเกือบตีหนึ่งกว่าๆ ตัวเล็กกับชินโดต่างทำงานอย่างขมักเขม่น ตัวเล็กมีงอแงบ้าง แต่ก็ยอมทำต่อไป มีแต่ปังเองที่ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรเพราะไม่สบายใจอยู่แล้วตั้งแต่ต้น เพราะพี่ใหญ่ไม่ตอบไลน์และไม่โทรมาหรือแม้แต่จะออนเฟชบุ๊ก ทำให้เจ้าปังเกิดเป็นห่วง กลัวว่าจะเมาลำพังอยู่ที่ห้องไม่เท่าไหร่ ถ้าออกไปซ่ากันที่ร้านเหล้า อาจจะเป็นอันตรายก็ได้
… ก็คิดไปตามสมองน้อยๆที่แสนจะเป็นห่วงคนอื่นของเจ้าหมูนั้นแหละ อดรอนทนไม่ได้ ต้องลุกออกมาที่ริมระเบียงห้อง เพื่อโทรหาคนที่เป็นห่วง


   “ว่าไง” สัญญาณดังขึ้นไม่ถึง 2 ที ปลายสายก็ตอบกลับมาโดยที่เสียงแวดล้อมรอบข้างเต็มไปด้วยเสียงพวกขี้เมาเพื่อนๆของพี่ใหญ่ที่ต่างเฮฮากันอยู่ เจ้าปังแอบรอบถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรู้ว่าอย่างน้อยพี่ใหญ่ก็อยู่หอไม่ได้ไปที่ร้านเหล้าด้านนอก


   “พี่ใหญ่กลับไหวไหมครับ”


   “ไม่ได้เมานี้”


   “แล้วจะกลับกี่โมงครับ”


   “สักพัก”



   “ใหญ่ๆ ดูนี้สิ!” เจ้าปังขมวดคิ้วเมื่ออยู่ๆมีเสียงผู้หญิงแทรกขึ้นมา


   “… แค่นี้ก่อนนะไอ้ปัง เดี๋ยวสักพักก็กลับ ล็อกห้องดีๆด้วย”


เสือร้ายวางสายไปแล้ว แต่เจ้าปังยังคงยกหูโทรศัพท์ค้างไว้อย่างงั้น ตากลมมองไปตึกฝั่งตรงข้ามทิ้งให้ทุกอย่างนิ่งสงบ ก่อนที่มือข้างนั้นจะทิ้งลงข้างตัวอย่างหมดแรง … ไม่ใช่เสียงใครที่ไหน เสียงของมิ้นต์ … แล้วทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงไปอยู่ข้างพี่ใหญ่ได้ …


     “ปัง มีอะไรเหรอ”


   “ปะ เปล่า แค่ออกมาสูดอากาศน่ะ เอาอะไรไหมปังจะไปข้างล่าง” เสียงของตัวเล็กที่ตะโกนมาจากด้านในทำให้เค้าสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ก่อนจะหันหลังเดินเข้ามาในห้อง หยิบกระเป๋าเงินมาถือคู่ไว้กับโทรศัพท์เดินไปใส่รองเท้าที่อยู่มุมห้อง ด้วยท่าทางอันเป็นปกติที่สุด


   “ตอนนี้เนี้ยนะ ดึกแล้วให้เล็กไปเป็นเพื่อนไหม”


   “ไม่เป็นไร แค่ร้านใกล้ๆ แปปเดียว”


ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งนั้น เจ้าปังเดินลงมาจากหอ โดยไม่ได้ตรงไปที่ร้านค้าใกล้ๆ แต่เดินแยกไปอีกทางเพื่อไปยั่งหอที่อยู่สุดซอยเมื่อมาถึงจุดหมายแล้วก็สูดหายใจเข้าลึก เงยหน้ามองหอพักตรงหน้า ก่อนจะหยิบคีย์การ์ด ที่พี่ใหญ่เคยทำไว้ให้ในวันที่อยากมาหาเขาหรือหาพี่ๆคนอื่นในหอพักนี้จากกระเป๋าขึ้นมา ตนก็ไม่ได้คิดว่าจะได้ใช้มันเหมือนกันจนกระทั่งวันนี้ 
เดินขึ้นบันไดมายั่งชั้นสาม อันเป็นชั้นที่เจ้าปังคุ้นเคยเพราะมากับพี่ใหญ่บ่อยๆ ก่อนที่จะมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องที่มีสติกเกอร์ของบาร์เบียร์ ผับ ต่างๆติดไว้มากมายบนประตูห้องสีน้ำตาล ห้องริมสุดติดบันไดหนีไฟ



ก๊อก ก๊อก ก๊อก



   “ใครแม่งมาวะ!”


เสียงพี่ซิ่งดังออกมาจากด้านใน เจ้าปังที่ยกมือค้างไว้หลับตาลงกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาด และเพียงไม่กี่วินาที เสียงเดินจากด้านในก็ดังขึ้นมาใกล้ประตูเรื่อยๆ และประตูก็ถูกเปิดออก เจ้าซิ่งพอเห็นเจ้าปังก็อ้าปากค้างทำท่าเหมือนจะตะโกนแต่ปังยกมือจรดริมฝีปากไว้ก่อนเขาจึงเงียบลง ก่อนที่จะถอยออกจากประตูไปยืนอยู่ริมห้อง


   ภายในห้องระเกะระกะไปด้วยวงเหล้าที่กระจัดกระจาย พี่โย่งและเพื่อนๆคนอื่น4-5 คนต่างหมดแรงน้ำข้าวต้มนอนอยู่บนเตียงบ้างบนพื้นบ้าง แต่ตากลมนั้นกับไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำให้ความไว้ใจทั้งหมดพังทลายอยู่ตรงหน้าเค้าแล้ว


   สองร่างของชายหญิงนั่งเคียงข้าง ร่างสูงพิงอยู่ที่ตู้เสื้อผ้าด้านหลัง ร่างเล็กกว่าผมยาวจรดหลังใช้กายเล็กนั้นเอี่ยวบังเขาเอาไว้แขนเล็กกายขาวกอดเกี่ยวต้นคอแกร่งเอาไว้อย่างห่วงแหน  ริมฝีปากบางนั้นคงจะลิ้มลองรสชาติที่อ่อนนุ่มที่เคยพร่ำและมอบความหวานไว้เจ้าปังไว้ไม่ต่างกัน  น้ำตาของคนที่ไว้ใน เอ่อล้นออกมาอย่างห้ามไม่ได้หัวใจที่หนักอึ้งเต้นระงมจนแทบจะเป็นบ้า มือไม้อ่อนแรงทิ้งกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ลงพื้นไม่อย่างไม่ใยดีแต่มันคงเบาเกินกว่าที่อีกคนกำลังหลงมัวเมาในรสพิษวาทจะได้ยิน


   “อะ ไอ้ใหญ่ …ไอ้ใหญ่โว้ย น้องมาไอ้สัด!!!”


เสียงของซิ่งทำให้แขนแกร่งผลักร่างบางออกอย่างรวดเร็ว ตาคมเบิ่งกว้างมาที่คนเบื้องหน้าประตูที่แทบจะไม่มีแรงยืนหยัดอยู่ตรงหน้า แก้มแดงปรั่งอาบไปด้วยน้ำตาด้วยความผิดหวัง ริมฝีปากขบกันอย่างสะกดกั้นเสียงสะอื้น ตาที่เคยแสนจะโอบอ้อมอารีเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเพราะความเสียใจ 


“ไหนพี่ใหญ่บอกว่า … บอกกับผม ให้เชื่อใจไง … ไหนบอกผมว่า ไม่มีอะไร … ไหนบอกว่ารักผม … ไหนบอกว่า ฮึก หนะ ไหน …” น้ำเสียงติดขัดสะอื้นในลำคอน้อยๆ หลายคำพำเพ้อที่ออกมาจากดวงใจที่แตกละเอียดดังสะท้อนไปทั้งห้อง ถึงแม้จะเป็นเพียงเสียงเบาๆก็ตาม


“ปัง”พี่ใหญ่ลุกขึ้นยืนก้าวเข้ามาหาเจ้าปังอย่างรวดเร็วพยายามที่จะจับมือของปังเอาไว้เพื่อปลอบประโลม แต่ร่างนั้นกลับเบี่ยงตัวหลบไม่ยอมให้แตะต้องแม้แต่ปลายเล็บ


“ยะ อย่า … อย่าแตะต้อง”


“ฟังก่อนใจเย็นๆ”


“ไม่ … พี่ใหญ่ไม่ได้เมา พี่มีสติ ฮึก พี่มีสติ … ผมเอง … ผมไม่น่าเชื่อพี่ตั้งแต่แรก ฮึก ไม่น่าเลย”


“…” เสือร้ายไม่แม้แต่ที่จะหาคำแก้ตัว


แต่พยายามที่จะกอดเกี่ยวร่างนั้นเอาไว้ด้วยแขนที่แข็งแกร่ง และถึงแม้เจ้าปังจะขัดขืนแค่ไหนก็ไม่มีทางสู่แรงของเขาได้แม้แต่นิดเดียว ถูกตะปบเอาไว้ในวงแขนที่แข็งแกร่งใบหน้าน่าเอ็นดูนั้นซบลงพอดิบพอดีที่อกหน้ามือใหญ่ประคับประคองไว้ไม่ห่างราวกับของขวัญล้ำค่าที่แสนจะบอบบาง


“ใหญ่… ” เสียงหวานใสนั้นทำให้ร่างอวบที่อยู่ในวงแขนแกร่งขยับไปมาเล็กน้อย เหมือนจะเป็นการฟ้องว่าไม่ต้องการอยู่ในอ้อมกอดนี้ อยากจะหนีไปให้ไกลๆ ไม่อยากจะได้ยินเสียงของใครทั้งนั้น เขารีบกอดประคองไว้แน่นกว่าเดิม เพราะรู้ถ้าหากปล่อยไป … เด็กคนนี้อาจจะหายไปเลยก็ได้ และนั้นเขาไม่มีทางยอม


“เธอไม่มีสิทธิเรียกชื่อฉัน”  เสียงของเขาเย็นชาและเด็ดขาดไปพร้อมๆกับแววตาที่พร้อมจะฆ่าทุกคนได้ ก่อนที่จะพาดวงใจของเขาที่ทำท่าเหมือนจะหนีไปได้ทุกเวลา ลงมาจากหอพักความหายนะของเขาอย่างทุระทุเล เพราะเจ้าปังไม่ได้ให้ความร่วมมือแต่อย่างใด


แต่ในที่สุดพี่ใหญ่ก็พาเจ้าปังกลับมาถึงห้องได้ ไม่รีรอที่จะเปิดประตูห้องเข้าไปโดยไม่สนใจตัวเล็กที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ไม่สนใจคำถามมายมายที่รออยู่เลือกที่จะพาเจ้าปังเข้ามาในห้องและปิดประตูล็อกกลอนทันที ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงบมีเพียงเสียงสะอึกเล็กๆที่ดังรอดออกมาจากอกแกร่ง เขาค่อยๆปล่อยร่างนั้นออกอย่างแผ่วเบา และทันใดนั้นร่างของเข้าปังก็ทรุดฮวบลงนั่งกับพื้นอย่างคนที่หมดแรง เสือใหญ่รีบทรุดลงมาประคองตามพึมพัมคำขอโทษตลอดเวลาแต่เหมือนไม่ได้ผสานรอยร้าวในหัวใจที่แตกละเอียดได้


“มิ้นต์บอกว่าผมขโมย … ผมไม่เคยเชื่อ แต่ตอนนี้ ฮึก ผมเชื่อแล้วว่าผมขโมย … ขโมยหนังสือเล่มนั้นของเธอมา”


“…”


“ผมให้พี่ไม่พอใช่ไหม ฮึก ไม่พอใช่ไหมครับ” เจ้าปังเงยหน้าทั้งน้ำตานั้นขึ้นมาสบตากับดวงตาที่แสนจะเฉยชาไร้ความรู้สึก แต่เต็มไปด้วยความปวดร้าวและรู้สึกผิดตรงหน้า


“เพราะยังไงผมก็แค่ผู้ชาย … ผู้ชายที่ไม่สามารถสนองตอบความต้องการของพี่ได้! ตลอดเวลา พี่หลอกผมใช่ไหม ฮึก พี่ไม่ได้รักผมเลยใช่ไหม … แล้วพี่มาทำให้ผมรักพี่ทำไม!!!!!!!!” เสียงนั้นกระแทกใส่หัวใจแกร่งเข้าอย่างจัง แต่เขาก็มีสติพอที่จะคว้าตัวของเจ้าปังเอาไว้ แต่ก็ไม่ทันเพราะเจ้าปังถลั่นตัวออกกายลั่นสะท้านไม่ยอมให้เขาแตะต้องแม้แต่น้อย


 “พี่ยังอยากได้ผมอยู่ไหมครับ ต้องการร่างกายของผมไหม”


มือของเจ้าปังค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่ของตัวเองทีละเม็ด  ร่างสูงจะเข้าไปห้ามแต่ก็ต้องแทบกัดลิ้นเมื่อร่างของเจ้าปังว่องไวกว่าตนเอง ลุกขึ้นยืนและถอดกางเกงออกจนเสื้ออันเดอร์แวร์สีขาวสะอาดตัวนึง กายขาวละเอียดสะท้อนกับแสงไฟนีออนที่สาดส่องไปทั้งห้อง ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ใหญ่เคยต้องการจากเรือนร่างนี้ แต่ไม่ใช่แบบนี้ไม่ใช่ในเวลาที่กำลังมีปัญหากันอยู่เหมือนตอนนี้ เขากลั้นลมหายใจก่อนที่ร่างสูงจะค่อยๆยืนขึ้นเต็มส่วนสัดและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่ขึงขัง


“ไม่มีอะไรทั้งนั้น ถ้ายังเชื่อใจกันอยู่บ้าง ก็ขอให้เชื่อกันอีกสักครั้ง”


“…”


ไม่มีคำตอบ แต่เจ้าปังเลือกที่จะเดินเข้ามาหาเสือร้ายที่เดินอยู่ไม่ไกล โอบเกี่ยวรอบคอของร่างสูงเอาไว้ด้วยร่างกายที่แทบจะเปลือยเปล่า เนื้อขาวละเอียดเสียดสีกับกายแกร่งใต้ร่มผ้าผืนบาง ทำให้สติที่กรึมๆจากฤทธิ์สุราเริ่มเห็นผล ริมฝีปากหนาซุกไซ้ไปตามต้นคอขาวละเอียดเจ้าเนื้อของปังอย่างหลงระเริง ก่อนที่จะใช้มือประคองใบหน้าที่แดงระรื้นจากการร้องไห้อย่างหนักขึ้นมาจูบซับไปตามทุกสัดส่วน พึมพัมคำขอโทษมากมายก่อนที่จะประกบจูบที่อ่อนโยนลงบนริมฝีปากสีแดงนั้นอย่างรักใคร่และเพิ่มความรุนแรงขึ้นตามเสน่ห์หาของกายและใจ


“พี่ขอโทษ”


คำพูดนั้นพึมพำใกล้ริมใบหูของร่างที่เปลือยเปล่าบนเตียงหนานุ่มใต้เงาสัมผัสของราชสีห์ผู้หิวกระหายมือแกร่งปัดป่ายไปทั่วร่างลื่นและนุ่มนิ่ม ที่สั่นสะท้านอย่างหลงใหลครางระงมด้วยความความเจ็บปวดและสุขสรรค์ ถาโถมเข้ามาในร่างกายและจิตใจของทั้งคู่เหมือนพายุกามอารมณ์ที่พัดผ่าน 


เมื่อพายุกามอารมณ์จบสิ้นฟ้าด้านนอกเริ่มสาง เจ้าปังที่อยู่ในอ้อมแขนแกร่งนั้นค่อยๆขยับกายออกห่างมาด้วยกายที่บอบช้ำ ขาอ่อนฮวบลงกับพื้นข้างเตียงแต่พยายามที่จะยืนยัดขึ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี ค่อยๆเดินเข้าห้องน้ำหวังจะชำระล้างร่างกาย แต่เมื่อมองเห็นตัวเองในกระจก ที่เนื้อตัวมีแต่รอยจูบที่คนใจร้ายทิ้งเอาไว้ น้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้งเหมือนคนเป็นบ้า เจ็บในอกจนแทบจะหายใจไม่ออก ทนไม่ไหว … เค้าไม่สามารถอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ … ไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ


แก๊ก …



เสียงกุญแจตกลงพื้นทำให้ร่างสูงที่เปลือยเปล่าอยู่บนเตียงผวาสะดุ้งขึ้นและเบาใจเมื่อเห็นว่าคนที่กลัวว่าจะหายไปยังอยู่ตรงหน้า และในตอนนี้เจ้าปังก็อยู่ในชุดสุภาพ เตรียมที่จะออกไปด้านนอกและ เขาจึงถามขึ้นด้วยเสียงที่แหบพล่าน


   “จะไปไหน”


   “ไปทำพาสปอร์ทครับ” เจ้าปังก้มเก็บกุญแจโดยไม่มองหน้าเพราะกลัวน้ำตาที่กลั้นเอาไว้จะทลายลงมา


   “เดี๋ยวไปด้วย”


   “ไม่ต้องครับ คุณป้ารอผมอยู่แล้ว”


   “… เจ้าปัง” ก่อนที่เจ้าปังจะเดินออกมาจากห้อง เสียงนั้นก็ทำให้เค้าชะงัก แต่ใจไม่แข็งพอที่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง


   “พี่รักเรานะ”


เจ้าปังพยักหน้าก่อนจะปิดประตูห้องลง และน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็เกิดที่จะกั้นเอาไว้ หมดแรงที่จะทำอะไรได้แต่นั่งพิงประตูห้องกัดริมฝีปากจนแทบจะเป็นห้อเลือด น้ำตานองหน้าความเสียใจที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง มันก่อเกิดจนหัวใจที่เคยคาดหวังเอาไว้เจ็บปวดจนแทบจะทำใจไม่ได้ … ไม่ได้เลย เขาทนอยู่อย่างงี้ไม่ได้


เจ้าปังค่อยๆลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสัด ก่อนจะหันไปมองประตูห้องที่คุ้นเคยยิ้มออกมาเพียงแผ่วเบาและร้องไห้ออกมาอีกเหมือนคนบ้า 


   “ลาก่อนครับที่รักของปัง … ขอโทษนะตัวเล็ก”


นั้นเป็นคำบอกลาเพียงคำสั้นๆ จากเรื่องราวที่ถาโถมเข้ามาภายในจิตใจที่บอบช้ำของเจ้าปังที่มอบให้คนที่ตนรักไปหมดแล้วทั้งกายและใจ … ดั่งเสมือนหัวใจที่ไม่สามารถจะแข็งแรงพอจะอยู่ข้างกายคนรักได้ ถึงแม้จะอาทรสักเพียงใดก็ตาม …


ขาอันสั่นเทาทั้งสอง เดินจากออกมาจากจุดเริ่มต้นแห่งความทรงจำมากมายของทั้งสอง มีเพียงแค่สองแขนกอดตัวเองเอาไว้ไม่ให้หนาวเหน็บ ถึงแม้จำรู้ดีว่า ไม่มีค่าเลยก็ตาม



========================

ไม่มีใครเข้าใจปังปังในเวลานั้นนอกจากปังปังเอง

ตอนหน้าทุกอย่างจะกระจ่างเพราะพี่ใหญ่จะเป็นคนเล่า

มาลุ้นกันก่อนดีกว่าว่าปังจะไปต่างประเทศก่อนหรือว่าจะง้อก่อนไป หรือไปก่อนง้อ บลาๆๆๆ

รู้แต่ว่า คนอย่างมิ้นต์ มีจริงในโลกของชีวิตตรงนะ เค้าเจอมากับตัวเองไอดอลเลยคับ ฮ่าๆๆๆๆ ฉากเลิฟซีนเป็นฉากที่ควรจะสุขสันต์กับเป็นฉากที่ระทมที่สุดในเรื่อง #เศร้า #แต่ติดตามกันต่อไปนะคะ รักเสมอ  :mew1:

เจอกันตอนหน้าคะ ขอโทษที่ช้าทุกคนคงจะคิดถึงด้วยอะไรหลายๆอย่างเลยทำให้ช้า

ฝากเพจค่า

ห้องเก็บนิยาย pa_pa

 :bye2:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
น้ำตาซึม สงสารปัง หนูผิดอะไรที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ กว่าจะทำใจรักเขาได้ เพราะตัวเองก็ไม่มั่นใจใน
ความไม่หล่อของตัวเอง พอรักเขาแล้วก็ต้องมาผิดหวัง ครั้งแรกที่ถนอมไว้ก็มาเสียไปแบบเศร้าๆ ฮือ ร้องไห้
เกลี้ยดมิ้นต์มาก เกลียดแบบสุดๆ พี่ใหญ่ด้วย ตอนนี้ยังไม่รู้เหตุขอด่าก่อน คือมันจ้องจะเข้าหาก็ยังเปิดโอกาส
ให้ได้อยู่ด้วยกัน ให้มาหาที่ห้องเรื่อย น่าโมโหอ่ะ ยิ่งวันนี้คือไม่เมา จูบกันอยู่คือไร โว้ย โคตรโมโหอยากพ่นไฟ
รักดีๆ นี่จะรักษาไว้ได้ไหมพี่ใหญ่ สงสารน้อง ฮือ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ปากหนักกันจริง มีเรื่องอะไรก็บอกเล่ากันบ้าง เป็นคนรักกันไม่ใช่หรือปรึกษาหารือกันสักนิดไม่ได้เลยหรือ ประสบการณ์หรือเหตุการณ์ต่างๆที่เคยผ่านมาร่วมกันเนี่ยมันไม่สอนเลยหรือ เจ็บกันให้เยอะๆปวดกันให้นานๆเลย ให้ช้ำในกันไปข้างหนึ่งเลยจะได้จำ

ออฟไลน์ DLuciFer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สงสารปัง โมโหใหญ่ หมั่นไส้มิ้นต์ หน้าด้าน!!!

ปังไปมากกว่าหนึ่งสัปดาห์เลยลูก เอาให้ไอ้คนใจร้ายมันขาดใจตาย

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
43 ตอนนี่รู้สึกว่ามันนานเหลือเกิน
เหมือนกับว่าผ่านมาจะครึ่งชีวิตอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่พ้นบ่วงวิบากกรรม
ว่าตรงๆแล้วกันนะ
รู้สึกเหมือนกับว่าต่างคนใช้คำว่าความเชื่อใจเป็นมนต์วิเศษที่ใช้ท่องปลอบใจตัวเอง
ทั้งคู่คุยกันแต่ไม่เปิดใจ อุบเงียบ
ใหญ่ไม่เล่าเรื่องมินต์เพราะกลัวว่าปังจะคิดมาก?
หรือว่าคิดว่าน้องเป็นของตายยังไงน้องก็เชื่อใจตัวเองอยู่แล้ว
ที่เจอๆมาสุชาดางี้ มามินต์อีกไม่ได้สอนให้ใหญ่ฉลาดขึ้นบ้างเลยหรือไง?
น่าจะรู้นะว่าผู้หญิงที่เคยมาพัวพันตัวเองนั้นพร้อมที่จะทำอะไรขนาดไหน
ชะนีพวกนี้ไม่ปกติสักคน
ใหญ่คิดว่าตัวเองเป็น Tough Silent Typeหรือไง?
ก็แค่เด็ก 20 ต้นๆที่เอาจริงๆก็ไม่สามารถควบคุมอะไรหรือปกป้องอะไรได้เต็มร้อย
เกลียดที่สุดคือคำที่ว่า *ไม่มีอะไรเชื่อใจสิ*
ทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งจะดูดปากกับชะนีมาหยกๆ
น้องก็เห็นเต็มตา   ตัวเองก็ไม่ได้ผลักจนเพื่อนต้องร้องบอก
การที่บอกน้องไปแบบนั้นคือการผลักภาระให้น้องรับเต็มๆ
มันไม่มีอะไรเชื่อใจสิ - ถ้าหากว่าน้องโวยวายก็คือน้องผิดเพราะว่าน้องไม่เชื่อใจ

ปังเองก็เกรงใจพี่ใหญ่มากๆ ขนาดโดนรถยนต์ไล่ชนมาก็ยังไม่เล่า
เดี๋ยวรอให้เล็กบอกพี่ใหญ่ก่อนสิว่าว่าชะนีคนนั้นพยายามทำอะไรไว้
วัวหายแล้วค่อยล้อมคอกนะ
ปังไปสักพักก็ดีนะ สำรวจจิตใจว่าอยู่ด้วยกันแบบนี้ไหวไหม?
มีแฟนมีผัวนะลูกไม่ใช่มีพ่ออีกคนที่จะมาเกรงอยู่นั่นแหละ
ไปอยู่จนรู้สึกดีแล้วก็ค่อยกลับมาดีกว่า
ตัวเองก็ไม่ได้สิ้นไม้ไร้ตอกเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะลูก

ส่วนอิชะนีมินต์นี่เกลียดที่สุดเลยคนประเภทนี้
ในชีวิตจริงก็เคยเจอมาแล้ว
การที่คนพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ได้หมายความว่าเมิงเป็นเทพ
ถ้าหากว่าทุกคนมีโอกาสและขวนขวายอยากเรียนใครๆก็เรียนกันได้
คุณสมบัติที่ดีเวลาอยู่กับคนเลวๆนี่กลายเป็นของไร้ค่าในบัดดล
ช่วยเอานังนี่ไปรีไซเคิ่ลหน่อยเถอะ เปลืองเนื้อที่
ขอโทษค่ะ  อินจัด  สงสารปัง

อ้างถึง
“I เจ็บ!!!! you are not gay!!!!!!”
อย่าลืมกริยาด้วยค่ะ   ไม่งั้นภาษาอังกฤษของมินต์ก็เสิ่นเจิ้นดีๆนี่เอง ไม่ได้ดีกว่าของปังเท่าไหร่หรอกค่ะ   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2015 17:28:23 โดย Freja »

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
มาเลยค่ะ เรารอมาม่าอยู่
ขอให้ง้อไม่ทัน ปังปังไปเลยลูก อย่าได้เผื่อเวลา
แต่เราว่าจะไปคราวนี้น่ะ ช่วยกลับมาเป็นปังคนใหม่ได้ไหมลูก อ่อนแอแบบนี้ไม่เอาแล้วนะ เจ้ว่าที่ผ่านมาอะไรหลายๆอย่างมันคงสอนให้หนูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง ถึงเข้มแข็งได้ไม่เท่าเล็กแต่ขอให้มีเถอะ มั่นใจในตัวเองหน่ยลูก ตัวหนูยังไม่รักตัวเองเลย
รอตอนต่อไป มาไวๆน้าาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2015 06:55:14 โดย Min*Jee »

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :z3: พี่ใหญ่เป็นอย่างงี้ทุกทีมีอะไรไม่บอก ชอบให้เป็นเรื่องใหญ่แล้วค่อยมาแก้

ออฟไลน์ maytarapat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-4
สงสารปังปัง ถ้าหนูทนไม่ไหว
หนูก็ไปเถอะ อย่าฝืนให้ใจเจ็บเลย

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ทำไมพี่ใหญ่มีอะไรหรือคิดอะไรไม่ยอมบอกน้อง :katai1:

ถ้าบอกน้อง ๆ คงไม่เสียใจที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้

ตอนหน้าเป็นพาร์ทพี่ใหญ่ หวังว่าจะได้คำอธิบายที่ดีนะ

ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้น 1 อาทิตย์ที่น้องไป

ขอให้น้องไปนานกว่านั้น นานจนน้องผอมน่ารักดูดี

แล้วค่อยกลับมาขอให้น้องมีคนมาชอบเยอะกว่าเดิม

เอาให้พี่ใหญ่ทั้งหึงทั้งหวงจนจะกระอักตายเลย ฮึ่ย!!!!

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด