เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพราะเราต้องรักกัน...วีรกรรมรักของภูผา&ฟ้าลั่น  (อ่าน 168175 ครั้ง)

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
andreas อย่าไปหลงกลตาพูห์เลยครับ
แฟนคลับเป็งร้อยๆหง่ะ  เห็นวันๆต้องนั่งสับรางไปดูหนัง
(บึ้กๆๆ ใครเขวี้ยงไม้หน้าสามมาหวา)   :3128:


ก่อนสิ้นปีก็เดือนเดียวจิ  :interest:
จะเป็นกำลังใจให้นะ ไม่ใช่น้อยๆนะนี่ คิกคิก  :yeb:

เพราะเราต้องรักกัน.........มีความหมายซ่อมด้วยหรือครับ เอิ้กๆไม่เคยสังเกตุมาก่อน
รอบนี้จะลองค้นหาดู
andreas ชอบซ่อนอะไรไว้เรื่อยๆเลย ผมตามไม่ทันนะ เหมือนเรื่อง เพราะรักแท้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
ตามไม่เคยทัน จนกว่าจะมีใครมาเฉลย   :pigha2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2006 17:20:07 โดย b|ueB[o]YhUb »

abcd

  • บุคคลทั่วไป
                                                                      ขอบคุณ คุณแอนดี้มากนะคะที่แวะมาทักทายแฟนคลับค่ะ :myeye:

                                                                                   คุณแอนดี้เล่นพูดถึงตอนจบแบบนี้
                                                                         ตะแน๋วชักอยากอ่านตอนจบไวๆแล้วสิ :interest:

                                                              ส่วนเรื่องนั้นของหมูพูห์ ไม่ขอออกความคิดเห็นดีกว่า  :kikkik:
                                                                                      เด๋วโดนแบบเรย์ เอิ๊กๆ  :try2:



ปล.จะคอยเป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมนะคะ  :yeb:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2006 18:02:01 โดย (ตะแน๋ว) »

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
"ถ้าวันใดที่ผมไม่สามารถปกป้องหรืออยู่กับหมอกได้อีกต่อไป.......ผมขอร้องให้พี่กลับมา"  อันนี้รึเปล่า  ที่บอกว่ามีอะไรซ่อนอยู่  อย่าเศร้าน้า  เรื่องนี้ขอแบบซาบซึ้ง  กุ๊กกิ๊กได้ปะคะ  ภาษาคุณ Andreas สวยงาม  เรื่องราวอิ่มเอมอยู่ละ  อย่าดราม่ามากเน้อ  กลัวเศร้า  อิอิ     แต่ตอนที่ผ่านมานี้น่ารักอีกละ  ชวนให้มีแฟนพ่วงกิ๊กเหลือเกิน สามเรา เอิ๊ก  ๆ  :haun5:

ขอบคุณคุณ Andreas สำหรับคำแนะนำคะ  ไม่ได้เรียนมาทางด้านภาษาอะคะ เวลาเขียนให้เป็นการเป็นงานยากมากเลย  แต่มีคนเคยถามเหมือนกันว่าคิดเป็นภาษาอะไร  เราไม่รู้อะคะ  ตอบไม่ได้อะ  เหมือนมันว่าง ๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่  แต่น่าจะยังเป็นแบบที่คุณ Andreas บอกอยู่  ต้องใช้เวลาอีกหน่อย  แต่ว่าขี้เกียจอะ  วัน ๆ ถ้าว่างก็อ่านแต่นิยายของเรย์อะคะ  เอิ๊ก  ๆ ไม่มีเวลาว่างมากกว่านี้ละ  แต่รู้ตัวเองว่ายังติดขัดอยู่เหมือนกันไม่ว่าพูดหรือเขียน  จะพยายามทำตามคำแนะนำคับผม  :yeb:

รอเรย์ต่อไป  อยากอ่านละ  :impress:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: [novel]เพราะเราต้องรักกัน...ว
«ตอบ #93 เมื่อ04-12-2006 17:34:51 »

อารายอารายหนูบลู :untrust:


นินทาราย


ตะแน๋วด้วย


เข้าเล้าได้ เผาเรือนกันเลยนะ :pigangry2:


ขอบคุณ andreas อีกครั้งนะครับ

เรื่องปล่อยไก่ ผม... :-[

เอ้อ บอกไม่ถูก เอาเปงว่าคราวหน้า จะพยายามปรับปรุงแล้วกันนะครับ :yeb:


พูห์ ณ  :seng2ped:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2006 17:37:00 โดย หมูพูห์ »

FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
เหอๆๆ  ขอโทษนะครับ

ผมไม่ได้ตั้งใจจะวิจารณ์ไรเสียหายหรอกนะ

แต่ขอซักนิดเถอะ  ถือว่าเป็นคำแนะนำเล็กๆน้อยๆละกันนะครับ

ผมว่าเรื่องที่คุณแต่งยังไม่ค่อยได้ feel นะครับ

บางครั้งถ้าเน้นคำที่ดูวิชาการ  หรือเป็นศิลป์มากเกินไปเนี่ย

มันจะทำให้นิยายทื่อ  ไม่ได้อรรถรสนะครับ

แต่โดยเนื้อหาและการดำเนินเรื่องก็ดีมากแล้วครับ   ภาษาก็สวย

แต่อ่านแล้วไม่ค่อยได้ feel ประมาณว่าอารมณ์เดียวกันทั้งเรื่อง



ถ้าไม่ชอบไม่พอใจก้ออย่าว่ากันนะครับ  ถือซะว่าไม่มี rep นี้ละกัน

ขออภัยครับผม.....

Andreas

  • บุคคลทั่วไป
ผมขออนุญาตตอบคุณ FlukeHub ครับ

ขอบคุณสำหรับข้อสังเกตที่ให้มานะครับ....อย่าคิดมากครับ..ผมยินดีรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์งานเขียนของผมเสมอครับ....

แต่อย่างไรก็ตาม...ผมขออนุญาตอธิบายลักษณะงานเขียนของผมให้ทราบนะครับ....(กรุณาอย่าคิดว่าเป็นการโต้กลับ หรือแก้ตัวเลยนะครับ...บางคำแนะนำที่นักอ่านให้ผมมา ผมก็รับทราบและปฏิบัติตามโดยปราศจากคำอธิบายครับ)

ข้อแรกที่อยากเรียนให้ FlukeHub ทราบก็คือ มันเป็นความตั้งใจของผมเองครับ ที่จะให้เรื่องราวรักนี้ออกมามีแค่โทนเดียว และเป็นอารมณ์เดียวทั้งเรื่องครับ....ซึ่งก็คืออารมณ์ของความรัก....ความผูกพัน...ของคนสองคน...(ในแบบฉบับของผมเองครับ)

ผมกำหนดให้งานเขียนของผมสามารถแทนที่ด้วยภาพดอกไม้ครับ....คือ...สามารถแสดงให้เห็นถึงความอ่อนหวาน อ่อนโยน...และสวยงามเท่านั้น..... ผมจงใจไม่ให้สามารถแสดงด้วยภาพอื่นๆ เช่นประเภท abstract ครับ...เพราะมันจะมีหลายความหมายจนเกินไป

ผมตั้งใจเขียน "Love Story" และพยายามกำหนดขอบเขตและการดำเนินเรื่องให้เป็นแบบนี้ ไม่ให้เปลี่ยนเป็น "Dramatic Story" ที่มีหลายอารมณ์...มีความเข้มข้น....และมี feel อย่างที่ Fluke บอกมาครับ....

อีกประการหนึ่งที่สำคัญ โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบ "ตัวอิจฉา" ครับ.... เพราะว่า ผมเชื่อว่า ถ้าคนเรารักกัน และเชื่อใจกันนั้น....ไม่มีทางที่บุคคลที่สามจะเข้ามากั้นกลาง และสร้างความร้าวฉานได้แน่นอนครับ.... ถ้าความรักของคู่ใด ปล่อยให้คนที่สามมาแทรกกลาง รวมถึงสร้างความเดือดร้อนได้ อย่างนั้นคงมิใช่ความรักแล้วกระมังครับ.... ดังนั้นในนิยายรักเรื่องนี้ จึงไม่มีตัวอิจฉา ที่อาจมีข้อดีตรงที่เพิ่ม feel ของเรื่องได้....แต่เมื่อผมคิดถึงข้อเสียของตัวอิจฉา ที่มักจะสะท้อนความรักที่ไม่มั่นคงของคู่พระนางแล้ว....ผมเลือกที่จะนำเสนอรูปแบบของเรื่องใหม่ครับ

ผมเชื่อในประโยคที่ว่า "Love means never having to say you're sorry" (Love Story, 1970). ดังนั้นภูผาและฟ้าลั่น รวมถึงศิวะด้วย พวกเขาจึงต้องพยายามถ่ายทอดความหมายของประโยคนี้ออกมา ผ่านอารมณ์ของความรัก....ความผูกพัน...และความเสียสละ....(Fluke ต้องอ่านตอนต่อไปจนจบนะครับ...ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจการอธิบายของผมมากขึ้น)

สุดท้าย....ผมเป็นคนที่แปลกออกซักหน่อยครับ....คือชอบทำอะไรที่ไม่เหมือนใครครับ...อาจจะติดนิสัยของการเป็นนักวิทยาศาสตร์ ที่ต้องค้นคว้าทดลองทำสิ่งใหม่ตลอดเวลา...ผมจึงลองสร้างความแตกต่างในงานเขียนของตัวเองครับ.... ผมให้คำนิยามส่วนตัวของนิยายเรื่องนี้ว่าเป็น Love Story ครับ.... ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วตีความหมายให้แตกต่างจาก Dramatic Story ครับ...

เมื่อตอนต้น...ผมกล่าวถึงภาพโทนของเรื่องใช่มั้ยครับ....วันนี้ผมเอาภาพเปิดเรื่องที่โพสต์ไว้ในบอร์ดอื่นครั้งที่ผมเพิ่งเร่มเขียนเรื่องนี้ครับ....ภาพเปิดเรื่องนี้...ก็มีอารมณ์เดียวกับเรื่องนั่นนะแหละครับ....มาให้ดูกันครับ....



ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคำแนะนำที่ให้มาครับ....

Andreas

ปล. หนึ่ง ..... สวัสดีทุกคนด้วยนะครับ.... วันนี้อย่าแปลกใจไปนะครับ ที่ผมตอบเป็นภาษาไทยได้ก่อนเวลาเช้าตรู่ของเมืองไทย...วันนี้ผมไม่สบายครับ...รู้สึกว่าจะเป็นหวัดลงคอ...ติดมาจากรูมเมทครับ...เลยต้องนอนอยู่บ้าน....ไปทำงานไม่ได้ครับ...เพราะถ้าเอาไปติดผู้ร่วมงานด้วย....จะเป็นเรื่องครับ....


ปล. สอง....เอาไว้ว่างๆ จะมาคุยด้วยใหม่นะครับ...หมูพูห์ ตะแน๋ว มูมู่ และเรย์ครับ....คงต้องรอให้เรย์โพสต์ตอนใหม่นะครับ...





abcd

  • บุคคลทั่วไป
                                                                    :yeb: ยินดีค่ะคุณแอนดี้ :yeb:




                 ปล. หายไวๆนะคะ ดื่มน้ำให้มากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานวิตามินCเยอะๆค่ะ เด็วก็หาย  สู้สู้ค่ะ



                                                                               :bye2:







                                                                                           

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบ \\\"ตัวอิจฉา\\\" ครับ....

ตกใจมาก เหมือนมองกระจกสะท้อนตัวเองเลยครับ
นี่เป็นเหตุผลหลักที่ผมหันมาอ่านนิยายออนไลน์
เพราะบางครั้งโลกแห่งความเป็นจริง มันโหดร้ายเกินไป
ผมจึงเลิกดูละครไทย  ยิ่งถ้ามีตัวอิจฉาแรงๆนี่แทบทุบทีวีทิ้ง

แค่อ่านเรื่องราวของความรักของคนสองคนก็เจออุปสรรคมากมายแล้ว
ผมคงไม่ชอบแน่ถ้านิยายมีแต่ตัวอิจฉาแบบละครไทยออกมาก่อกวน

พักหลังนี้ดันมาติดซีรีส์เกาหลี ก็ว่าจะหาทางเลิกดูอยู่ เพราะเขายิ่งกว่าละครไทย
สร้างออกมาประมาณแนวนิยายรักนะ ปานจะกลืนกิน แต่มีอุปสรรคมากมายร้อยพันให้ตามแก้
ซึ่งเป็นชะตาชีวิตที่เลี่ยงไม่ได้ ดูแล้วทำใจไม่ค่อยได้ ต่างจากละครไทยตรงที่เขาเน้นไปที่ความรัก
และดำเนินเรื่องในทีมหลักของคนสองคน ไม่ได้มีตัวอิจฉาออกมาแว๊ดๆๆเหมือนละครไทย
เพียงแต่บางครั้งจะมีมือที่สามซึ่งก็มีความรักไม่แพ้กันออกมาเกี่ยวพันเสมอ

แล้วแต่ครับ นานาจิตตัง แต่  FlukeHub ต้องลองอ่านเรื่องนี้ให้จบก่อนนะครับ
แล้วที่สรุปไว้ข้างต้นอาจจะเร็วเกินไป

andreas พักผ่อนเยอะนะครับ อย่าหักโหมแล้วก็รีบหาคนมาดูแลได้แล้วนะ เด่วส่งหมูพูห์บินลัดฟ้าไปหา เอิ้กๆ
เด่วอีกสักพักจะลงเรื่องให้นะครับ ตอนนี้โดนโฮสแบนผมอีกแล้วหง่ะ  ตอนนี้เข้าโดนหลบ proxy
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2006 06:33:44 โดย b|ueB[o]YhUb »

FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
เหอๆๆ...บลูครับ  จริงๆผมก้อไม่ชอบตัวอิจฉาเหมือนกัน

แต่คนละเหตุผลครับ

สำหรับผมไม่ชอบเพราะมันทำให้เรื่องดูน่าเบื่อมากกว่า

แต่ก้อไม่ได้ปฏิเสธนะครับว่าบางครั้งเค้าก้อเป็นสีสันเหมือนกัน


ส่วนคุณ Andreas ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ  ขอโต๊ด!!~

นิยายที่เป็น เลิฟสตอรี่ บางครั้งก็มี feel ที่ขึ้นๆลงๆได้เหมือนกันครับ

ผมว่าแล้วแต่คนแต่งมากกว่า

นิยายที่มีอารมณ์เดียวจะเหมือนเวลาอ่านตำราเรียน  ต่างเพียงแค่อ่านแล้วไม่ง่วง   :myeye:

แต่ถ้าลองใส่อารมณ์เข้าไปซักนิด  จะทำให้คนอ่านเข้าถึงแก่นเรื่องและสิ่งที่คนแต่งอยากจะสื่อถึงได้มากขึ้นนะครับ

แล้วก้อ...ความรักที่มั่นคงน่ะ  ไม่ได้หมายถึงความรักที่ราบเรียบไม่มีอะไรมาขัดขวางนะครับ

แต่เป็นความรักที่ไม่ว่าจะมีอุปสรรคแค่ไหนหรือมีอะไรมาสั่นคลอนแต่ก้อยังยืนหยัดเข้มแข็งอยู่ได้

ตัวอิจฉาบางครั้งก้อทำให้พระเอกนายเอกรู้ใจแล้วก้อรักกันมากขึ้นนะครับ


แล้วก้อสุดท้ายขอให้หายป่วยแล้วกลับมาแต่งต่อไวๆนะครับ

ผมรออ่านอยู่.....


ปล. ขอโต๊ดนะครับ  ถ้าไม่ชอบ  แล้วก้อขอบคุณที่รับฟังครับ


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
แหะ ๆ คุณ Andreas ดิฉันแต่งกลอนไม่เป็นหรอกค่ะ แต่ชอบอ่านกลอนมาก

เพราะกลอนเป็นอะไรที่สวยงาม ข้อความเพียงสองสามประโยคที่แต่งขึ้นมา

จะสามารถรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่หลากหลาย สุข เศร้า เหงา และรัก ตามแต่จะตีความออกไป

ส่วนนิยายของคุณ Andreas เป็นนิยายรักหวาน ๆ อ่านสบาย ๆ แม้ว่าจะไม่มีอะไรตื่นเต้น ลุ้นระทึก (เอหรือจะมีช่วงท้ายเรื่องน้อ)

แต่คนอ่านอย่างดิฉันกลับรู้สึกผ่อนคลาย และมีความสุขที่ได้อ่านค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เหอเหอ

มานอนรอหนูบลู


นอกจากแอดมินจะโดนแบนแล้ว :untrust:


โรคติดซีรียส์ยังมาเยือนอีก :kikkik:


นอนรอต่อไป


พูห์ :yeb:







ปล.

คุณAndreasรักษาสุขภาพด้วยนะครับ

พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายไวๆ

พูห์ :teach:


ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
กรรมโดนแฉกลางเรื่องเอิ้กๆ   :try2:
ไม่จริงๆ  :serius2:  ผมเป็นคนชอบแก้ตัวซะด้วยสิ ( เขาว่ากันว่าเป็นคนดีใช่ปะ)  :sad5:

***************************************************************************
เก็บดาว
[wma=300,50]http://www.geocities.com/atcha_t/star.mp3[/wma]
*****************************************************************************

บทที่ 12 พี่ชายจากไป...น้องชายคนใหม่ก็มา

หลังจากสอบปลายภาคเรียนเสร็จสิ้น นักศึกษาบางสาขาวิชาของทั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องออกฝึกงานตามโรงงานอุตสาหกรรมหรือห้องปฏิบัติการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่เรียน เพราะถือเป็นโปรแกรมบังคับของภาควิชา

ในฐานะของนักศึกษาภาควิชาเคมี ภูผาเลือกที่จะฝึกงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมลำพูน เพียงเพราะไม่ต้องการกลับไปที่กรุงเทพฯ ปทุมธานีหรือนิคมอุตสาหกรรมชลบุรี ที่ล้วนแล้วแต่ค่อนข้างไกลจากเชียงใหม่และมีสภาพการจราจรที่ติดขัด

ส่วนฟ้าลั่นในฐานะนักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม เขาจำเป็นต้องเข้าไปฝึกงานที่หน่วยบำบัดน้ำเสียของกองทัพอากาศ เนื่องจากมีหนังสือระบุมาจากทางกองทัพฯ ต้องการนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมเข้าร่วมฝึกงานและออกแบบบ่อบำบัดน้ำเสียของกองทัพ ร่วมกับวิศวกรผู้ชำนาญงานอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นงานที่สำคัญและต้องการความคิดใหม่ๆของนักศึกษาแม้จะยังไม่จบการศึกษาก็ตาม

ฟ้าลั่นพยายามสละสิทธิ์เพื่อจะอยู่ฝึกงานที่ลำพูนเช่นเดียวกับภูผา.....แต่ก็ถูกอาจารย์หัวหน้าภาควิชาเรียกตัวเข้าพบอย่างเร่งด่วน สุดท้ายด้วยคำขู่และคำเกลี้ยกล่อมของอาจารย์ประกอบกับเพื่อรักษาชื่อเสียงของคณะ เขาจึงต้องตกปากรับคำอาจารย์ไปฝึกงานที่กองทัพอย่างไร้ข้อต่อรองใดๆ

ขณะฝึกงาน ฟ้าลั่นก็โทรหาภูผาแทบจะเป็นสามเวลาหลังอาหาร.....จนภูผาต้องคอยบอกว่าไม่ต้องโทรมาบ่อยมากนัก...วันละครั้งก็เพียงพอแล้ว

แต่ฟ้าลั่นมักจะตอบกลับมาเสมอว่า.....

“หมอกน่ะใจร้าย.....ไม่คิดถึงเราเลย.......ฟ้าลั่นคิดถึงหมอกนะ...เลยต้องโทรบ่อยๆ” ฟ้าลั่นอ้อนมาตามสาย ซึ่งทำให้ภูผายิ้มได้ทุกครั้ง แต่มิวายจะบอกกลับไปว่า

“หมอกก็คิดถึงฟ้าลั่นนะ....แต่ไม่ต้องโทรมาบ่อยนักก็ได้” ภูผาบอกฟ้าลั่นทุกครั้งก่อนวางสาย...แต่ก็ดูเหมือนคนฟังจะมิได้ยินประโยคที่สอง...คงได้ยินแค่คำว่า “คิดถึง” จากคนที่ตนรัก.....สุดท้ายเลยโทรมาสามเวลาหลังอาหารทุกวัน

ฟ้าลั่นกับภูผาไม่ได้คุยโทรศัพท์กันนานเหมือนคู่รักคู่อื่นๆ ส่วนมากฟ้าลั่นจะเป็นฝ่ายโทรมาหา เพื่อบอกว่าคิดถึง แล้วจึงไต่ถามสั้นๆว่ากำลังทำอะไรอยู่ หลังจากนั้นก็วางสาย เพราะไม่อยากให้ผู้ร่วมงานสงสัยว่าตนเองกำลังคุยกับใครอยู่นั่นเอง.......ดังนั้นตลอดการฝึกงานของทั้งสองหนุ่ม โทรศัพท์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องติดตัวอยู่ตลอดเวลา

หลังฝึกงานเสร็จ ทั้งสองหนุ่มก็มีโอกาสกลับไปพักผ่อนที่บ้านของตนเพียงไม่กี่วัน ก่อนที่จะนัดเจอกันที่สถานีรถไฟ เพื่อนั่งรถไฟตู้นอนชั้นหนึ่งขึ้นมาที่มหาวิทยาลัยด้วยกัน.....

เนื่องจากภูผาชอบบรรยากาศของท้องทุ่งนาและบ้านคนที่รถไฟวิ่งผ่าน เขาจึงเลือกที่จะโดยสารรถไฟจากกรุงเทพมหานครเข้าสู่เชียงใหม่....ส่วนฟ้าลั่นก็ไม่ขัดข้อง แม้ว่าจะใช้เวลาในการเดินทางหลายชั่วโมง ...เพราะเขาตระหนักถึงความเป็นจริงที่ว่า.....การอยู่กับคนที่เรารัก....แม้เวลาจะผ่านไปยาวนานสักเพียงไหน กลับรู้สึกว่ามันช่างสั้นเหลือเกิน

ศิวะอยู่รอให้สองหนุ่มขึ้นมาเชียงใหม่เสียก่อน แล้วจึงบินลัดฟ้าไปอเมริกา เพื่อไปเตรียมตัวเข้าเรียนและจัดการเรื่องหอพักต่างๆ เพื่อรอมหาวิทยาลัยเปิดในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า

ก่อนขึ้นเครื่องสองวัน ฟ้าลั่นและภูผาชวนศิวะไปเลี้ยงส่งที่ร้านอาหารริมฝั่งแม่น้ำปิงที่ชื่อว่า เดอะกู๊ดวิวส์ ซึ่งเป็นร้านอาหารบรรยากาศเป็นกันเอง เปิดรับลมเย็นสบายจากแม่น้ำให้ผ่านเข้าตัวร้านโดยตลอด สัมผัสกับแขกที่นั่งรับประทานอาหารและฟังดนตรีบรรเลงสดโดยวงที่มีชื่อเสียง นอกจากบรรยากาศจะดีแล้วอาหารที่นี่ยังอร่อยติดปากหลายๆคน จึงต้องแวะเวียนกลับมาเยือนร้านนี้หลายครั้ง

ทั้งสามหนุ่มใช้เวลาที่เหลืออยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข โดยมีการดื่มเบียร์ รับประทานอาหารและฟังเพลง ตลอดจนสนทนาพูดคุยกันอย่างได้รส ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นการหยอกล้อภูผา......บุคคลที่ครอบครองดวงใจของสองหนุ่มเพื่อความสนุกสนาน โดยไม่ลืมที่จะขุดเอาเรื่องเก่าๆ ที่น่าประทับใจมาพูดคุยกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ศิวะจะไปเรียนนานถึงห้าปี

การสนทนาดำเนินไปจนกระทั่งร้านปิด....ทั้งสามหนุ่มจึงเลือกที่จะขับรถเล่นชมเมืองเชียงใหม่ ก่อนที่จะย้อนกลับมาที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำปิงที่ไม่ไกลจากร้านอาหารเดิมนัก

บริเวณโดยรอบของสวนสาธารณะแห่งนี้ประดับประดาด้วยโคมไฟหลายดวงหลากขนาดและสีสัน ช่วยส่องให้เกิดความสว่าง....สายลมเย็นๆ ยังคงพัดผ่านผิวน้ำขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความสบายกายให้แก่คนที่นั่งเล่นอยู่ เช่นเดียวกับแสงไฟจากอาคารน้อยใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งตกกระทบผิวน้ำ เกิดเป็นประกายระยิบระยับนุ่มนวล สร้างความสวยงามให้กับสายตา

ฟ้าลั่นใจดีอนุญาตให้ศิวะโอบกอดภูผาขณะเดินเล่นริมแม่น้ำปิงได้ เพราะศิวะเข้ามาขออนุญาตด้วยตนเอง....เขาเห็นว่าศิวะต้องจากไปไกลหลายปี ดังนั้นอะไรที่เขาสามารถช่วยทำให้ศิวะมีความสุข และไม่เกินความสามารถ ฟ้าลั่นก็ยินยอม

“ฟ้าลั่นเค้าไม่รักน้องหมอกแล้ว...เห็นมั้ย.......เค้ายกน้องหมอกให้พี่กอดคืนนี้” ศิวะเปิดประเด็นร้อนให้ฟ้าลั่น ขณะเดินโอบกอดภูผาไปตามทางเดินเรียบลำน้ำ

“อ้าว.....พี่เสือ....หาเรื่องให้ผมอีกแล้ว.......” ฟ้าลั่นที่เดินอยู่ข้างๆรีบบอก ก่อนจะหันไปสบตากับคนรักของตน พลางส่ายหน้าตอกย้ำการปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

ภูผาเห็นดังนั้นจึงนึกสนุก จึงแกล้งเอาคืนสองหนุ่มข้างๆบ้าง......หลังจากหยอกล้อตนเองมาตลอดการรับประทานอาหารเย็น

“จริงเหรอฟ้าลั่น.....นายยกเราให้พี่เสือแล้วใช่มั้ย........ดีเลย......งั้นเราก็ตกลง” เจ้าตัวไม่พูดเปล่ากลับหันมาหอมแก้มพี่เสือทันที โดยแม้ศิวะเองก็ยังไม่ทันตั้งตัว

ฟ้าลั่นเห็นดังนั้นก็เลยงอน รีบคว้าตัวภูผาเข้ามากอด แล้วก็ทำโทษด้วยการหอมแก้มซ้ายขวาข้างละที .....โดยที่คนถูกหอมกลับหัวเราะชอบใจในอาการหึงหวงของคนรัก

ฟ้าลั่นหันมาเอาเรื่องกับศิวะทันที

“พี่เสือ....เอาแก้มมา...ผมจะเช็ดเอาหอมที่หมอกให้ออก....ผมหวง” ฟ้าลั่นแยกเขี้ยวใส่ศิวะ โดยมือข้างหนึ่งยังคงโอบไหล่ภูผาไว้ไม่ห่างกาย

“เฮ้ย......ได้งัย.....ไม่ยอมหรอก.....นายได้ไปเยอะแล้ว.......ขอพี่นิดหน่อยน่า.....อย่าหวงมาก” ศิวะยักคิ้ว พูดย้อนกลับ

“ก็...ผมหวง” ฟ้าลั่นบ่นพึมพำ จนภูผาหัวเราะชอบใจอีกครั้ง

“เอาน่า...พี่เสือเค้าจะไปเรียนต่อแล้ว......เหลือนายคนเดียว......เราก็จะไม่หอมแก้มใครแล้ว......” ภูผาหันมาบอกฟ้าลั่น พลางยิ้มให้อย่างเอาใจ จนทำให้คนที่บ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่ยิ้มออกมาจนได้
 
ศิวะเห็นความรักและความห่วงใยที่ทั้งคู่แสดงออกมาก็รู้สึกสบายใจ...เพราะแน่ใจแล้วว่า...ภูผาคงมีความสุขยามที่ฟ้าลั่นอยู่เคียงข้าง.....ศิวะยังคงมั่นใจเสมอว่าฟ้าลั่นจะดูแลภูผาได้เป็นอย่างดี

“เฮ้ย......อย่าหวานกันให้มากนัก.....สงสารคนอกหักคนนี้หน่อยซิ....พี่ยังทำใจไม่ได้นะ.....น้องหมอกครับมาให้พี่เสือกอดหน่อยนะครับ” ศิวะพูดออกไป พร้อมเอื้อมมือไปคว้าร่างภูผาให้มายืนอยู่ข้างตนเอง ก่อนจะโอบไหล่เบาๆ เดินไปบนทางเดินข้างแม่น้ำต่อไป โดยหันมายิ้มและยักคิ้วให้ฟ้าลั่นที่เดินตามมาอยู่ข้างหลัง....ไม่ห่างนัก

“คืนนี้ พี่เสือจะนอนที่ไหนครับ” ภูผาถาม

“ก็ต้องนอนกับน้องหมอกซิครับ.......ของมันแน่นอน” ศิวะกล่าวตอบ แล้วก็ไม่วายที่หันกลับมายักคิ้วให้ฟ้าลั่นเดินอยู่ข้างหลังอีกครั้ง ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ออกมา เพราะเห็นฟ้าลั่นแยกเขี้ยวใส่ตนอย่างอาฆาตแค้น

“ยอมให้คนแก่ซักวันหนึ่ง.....”ฟ้าลั่นบ่นเบาๆแต่ก็ตั้งใจให้ศิวะได้ยิน

“เฮ้ย....ยังไม่แก่ซักหน่อย...เนอะน้องหมอก....พี่เสือออกจะยังหนุ่ม....แถมหล่อกว่าฟ้าลั่นแฟนน้องหมอกอีกนะครับ” ศิวะหันมาถามภูผา โดยไม่ลืมที่จะกระเซ้าฟ้าลั่นอีกตามเคย

ภูผาเลือกที่จะไม่ตอบ เพราะรู้ว่าถ้าตนเองตอบอะไรออกมา.....สองคนนี้คงต้องเหล่กันอีกยาว.....เลยนิ่งเงียบเสียเป็นดีที่สุด

หลังจากเดินเล่นซักพัก ทั้งสามคนก็กลับมานอนต่อกันที่ห้องของศิวะ เพราะว่ามีขนาดใหญ่กว่าห้องพักของฟ้าลั่นและภูผา...รวมถึงเตียงนอนก็ใหญ่กว่าด้วย

หลังจากที่สามหนุ่มอาบน้ำเสร็จ.....ก็เกิดศึกเล็กๆภายในห้องนอน.....เนื่องจากฟ้าลั่นจะเอาคืนศิวะโดยไม่ยอมให้ศิวะกอดภูผา แต่ศิวะก็อ้อนวอนโดยใช้เหตุผลที่ต้องไปเรียนต่อขึ้นมาอ้าง....รวมถึงบอกต่อว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้อยู่กับคนที่ตนรัก เขาสมควรจะได้รับของขวัญบ้าง.......

ภูผาเห็นใจทั้งสองฝ่าย แต่ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรดี เพราะปกติก่อนหน้านั้นแม้ว่าจะนอนด้วยกันสามคน แต่ตนเองก็อยู่ในอ้อมกอดของฟ้าลั่นอยู่ตลอดเวลา

“เอาเป็นว่าผมให้พี่เสือกอดจนถึงหกโมงเช้าแล้วกันครับ.....จะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ด้วย....หลังจากนั้นผมก็จะไปนอนข้างฟ้าลั่นครับ......ห้ามเถียง...ห้ามมีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น........ผมง่วงนอนแล้ว.....จะนอนแล้วด้วย” ภูผาตัดสินใจไกล่เกลี่ยภายหลังเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ได้ข้อยุติ

“เฮ้อ....เหมือนตัวเองเป็นนางพิมพิลาไล ยังงัยก็ไม่รู้” ภูผาบ่นเบาๆ ก่อนจะนอนหลับไปในอ้อมกอดที่อบอุ่นของศิวะ....คนที่แม้ภูผาจะไม่ได้รักแบบฟ้าลั่น แต่ก็มีความผูกพันในฐานะพี่ชายที่แสนดีคนเดียวของตนตลอดมา..........

จริงๆแล้วฟ้าลั่นก็เข้าใจดีว่าภูผารักพี่เสือแบบพี่ชาย....เพราะภูผาอธิบายให้ฟังตั้งแต่เมื่อคืนที่ทั้งสองใช้เวลาอยู่ด้วยกันที่รีสอร์ทในครั้งนั้น......แต่เขาก็อดที่จะเหล่หรือแกล้งกันท่าศิวะเพื่อความสนุกไม่ได้......ซึ่งมักปรากฏว่าจะเกิดอาการของขึ้นกันอยู่บ่อยๆ ระหว่างทั้งสองหนุ่ม

ฟ้าลั่นได้ยินเสียงของภูผา....จึงบอกพูดออกมาเบาๆว่า

“ถ้าเป็นอย่างนั้น....เราก็เป็นขุนแผนแล้วกัน......ใครจะเป็นขุนข้างก็คิดเอาเอง”

*************************
ณ สนามบินนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ เวลา 20.30 น

ศิวะยืนอยู่ท่ามกลางบิดา มารดาและพี่ชายอีกสามคน ห้อมล้อมไปด้วยเพื่อนๆ และ น้องๆจากคณะวิทยาศาสตร์ที่สนิทสนม รวมถึงฟ้าลั่นและภูผาด้วย ศิวะกำลังเตรียมตัวเดินทางโดยเครื่องบินไปที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เพื่อเดินทางต่อไปยังญี่ปุ่น ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องอีกครั้งไปสู่จุดหมายปลายทางที่นิวยอร์ก

ภูผาตัดสินใจซื้อผ้าพันคออย่างดีให้ศิวะโดยถือมามอบให้ที่สนามบินเพื่อให้ศิวะเก็บไว้ติดตัว เมื่อถึงนิวยอร์กก็จะนำเอามาใช้ได้ทันที ภูผาทราบดีว่าในเดือนพฤษภาคม อากาศที่นั่นยังหนาวอยู่แม้จะเป็นช่วง Spring ก็ตาม เพราะนิวยอร์กเป็นรัฐทางเหนือ แม้ว่าเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ....แต่ตามความจริงใบไม้ยังไม่ค่อยจะผลิสักเท่าไร่เพราะอุณหภูมิที่ยังคงหนาวอยู่...กว่าจะต้นไม้จะผลิใบจริงๆก็เกือบจะถึงฤดูร้อนเลยทีเดียว

เมื่อฟ้าลั่นเห็นภูผาซื้อผ้าพันคอให้ศิวะ เขาจึงเลือกซื้อถุงมือหนังอย่างดีให้เพื่อเอาไปใช้คู่กับผ้าพันคอที่ภูผาซื้อให้ โดยไม่วายจะพูดหยอกศิวะว่า

“เห็นมั้ยครับ พี่เสือ ผมกับหมอกน่ะเกิดมาคู่กัน....หมอกเค้าซื้อผ้าพันคอให้พี่.....ผมก็ซื้อถุงมือให้.....ของสองอย่างนี้ใช้กันหนาว แล้วก็ต้องใช้คู่กันอีกต่างหาก” ศิวะฟังแล้วก็ส่ายหน้าหัวเราะชอบใจ เขารู้ดีว่าแม้ฟ้าลั่นจะพูดอย่างนั้น....หรือแม้แต่คอยกันท่าเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ในแววตาคู่นั้นของฟ้าลั่นก็แฝงด้วยความรัก เคารพและความเป็นเป็นห่วง มอบให้เขาเช่นเดียวกับภูผา

ทุกๆคนพยายามใช้เวลาที่เหลืออยู่ไม่มากนัก เพื่อถ่ายรูปและกล่าวคำอำลากับศิวะ หลายคนน้ำตาคลอเพราะคิดถึงความจริงว่าคงจะไม่ได้พบหน้าศิวะบ่อยครั้งอย่างเช่นอดีต ศิวะพยายามแบ่งเวลาให้กับทุกๆคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทจนกระทั่งพนักงานประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง เขาจึงต้องกล่าวลา บิดามารดา และทุกๆคนที่มาส่ง สุดท้ายจึงเดินมาหาภูผาและฟ้าลั่นที่ยืนดูอยู่ห่างๆ แล้วดึงตัวทั้งคู่เข้ามากอด พร้อมกับบอกว่า

“ฟ้าลั่น...ดูแลน้องหมอกให้ดีๆนะครับ”

“น้องหมอกก็ต้องดูและฟ้าลั่นให้ดีๆด้วยนะครับ”

“แล้วพี่จะเมลล์มาหาเราทั้งคู่บ่อยๆนะครับ.....คิดถึงพี่ด้วยนะครับ ทั้งสองคน” ศิวะกล่าวตบท้าย

“ครับ....” ฟ้าลั่นและภูผารับปากพร้อมกัน พร้อมส่งยิ้มให้ศิวะอย่างจริงใจ หลังจากที่ศิวะคลายอ้อมกอดออกจากตนทั้งคู่

ครั้นเสร็จสิ้นจากการอำลา....ศิวะจึงเดินถือกระเป๋าเข้าประตูผู้โดยสารขาออก โดยไม่วายจะหันมาโบกมือให้ทุกๆคนที่ยังคงยืนอยู่นอกประตู ก่อนจะเดินลับสายตาไป

*****************************

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22

ประมาณอาทิตย์กว่าๆหลังจากศิวะเดินทางไปอเมริกา  ก็ถึงเวลาเปิดเทอมของมหาวิทยาลัยพอดี......ปีนี้ภูผาต้องกลับมารับตำแหน่งเลขาสโมสรนักศึกษาอีกครั้ง หลังจากที่ว่างเว้นในช่วงเรียนปีสามไปหนึ่งปี เพราะในช่วงเทอมสุดท้ายก่อนจบปีการศึกษา เพื่อนสนิทในคณะของเขา ขอร้องแกมบังคับให้มาอยู่ในทีมลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการสโมสรแข่งกับอีกทีมหนึ่ง

เป็นแน่นอนว่าทีมของภูผาได้รับการคัดเลือกด้วยคะแนนท่วมท้น เพราะเป็นการรวมดาวดังของคณะไว้ทั้งทีม โดยผู้สมัครแต่ละคนก็มีแฟนๆรุ่นน้องคอยตามเชียร์และให้กำลังใจตลอด ดังนั้นคะแนนเลือกตั้งที่ออกมาจึงชนะขู่แข่งแบบขาดลอย

เพราะตำแหน่งเลขานุการของสโมสร จึงทำให้ภูผาต้องมาปรากฏตัวในงานรับน้องอีกครั้ง....และด้วยความน่ารัก ...เป็นกันเองของภูผา จึงทำให้เขาเป็นที่รักของน้องๆปีหนึ่งรุ่นนี้มาก....

ตามความจริงจะเรียกว่าเฉพาะปีหนึ่งก็ไม่ถูกนัก เพราะภูผามีรุ่นน้องๆนิยมชมชอบอยู่ทุกชั้นปี ด้วยเพราะผลการเรียนที่ดีเยี่ยม การพูดจาที่ไพเราะสุภาพ และความสนุกสนานเนื่องจากเป็นนักกิจกรรมตัวยงคนหนึ่งของคณะ และที่ขาดไม่ได้.......รอยยิ้มแสนหวานที่กระชากใจหลายๆคน

หนึ่งในนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งที่ตกหลุมรักภูผาตั้งแต่แรกพบ....คือ น้องจอม หรือ นายจอมยุทธ์ พัฒนประสาทศิลป์

จอมยุทธ์ เป็นหนุ่มน้อยหุ่นงาม รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว หน้าตาดีออกจะติดไปทางลูกครึ่งคนจีนนิดหน่อย สังเกตได้จากดวงตาที่เรียวยาวได้รูป ไร้แว่นสายตามาปิดบัง บุคลิกและท่าทางการเดิน ตลอดจนการเจรจาแสดงให้เห็นว่าจอมยุทธ์เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมาก และออกจะเอาแต่ใจตนเองอยู่มากเช่นกัน

จอมยุทธ์เป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิด จบชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ บิดาและมารดาเป็นนักธุรกิจส่งออกใหญ่คนสำคัญของจังหวัด รวมถึงเป็นเจ้าของโรงเบียร์ชื่อดังของเชียงใหม่อีกด้วย ครอบครัวของจอมยุทธ์ประกอบด้วย บิดา มารดา พี่ชายและพี่สาวอย่างละสองคน โดยจอมยุทธ์เป็นคนสุดท้อง

ด้วยความที่สนใจวิชาวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก และเพราะบิดามารดาต้องการให้จอมยุทธ์เข้ามาช่วยบริหารงานของโรงเบียร์หลังจากจบการศึกษา เขาจึงตัดสินใจเลือกเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ ตั้งใจจะเน้นทางด้านชีวะเคมีเทคโนโลยี เนื่องจากมีความน่าสนใจและครอบคลุมความรู้กว้างขวางกว่าสาขาวิชาอื่นๆ

สิ่งที่น่าแปลกคือ จอมยุทธ์ไม่สนใจไปเรียนต่อเมืองนอกเหมือนเพื่อนคนอื่นๆที่จบจากโรงเรียนเดียวกัน แต่กลับมีความประสงค์ที่จะเรียนปริญญาตรีที่เมืองไทยก่อน เพื่อหาเพื่อนสนิทที่เป็นคนไทยที่ในอนาคตอาจช่วยเขาในเรื่องของเส้นสายทางธุรกิจได้  หลังจากนั้นจึงคิดไปต่อปริญญาโทที่เมืองนอกในตอนหลัง

จอมยุทธ์เป็นคนสนุกสนาน แต่ก็ค่อนข้างจะเอาใจตัวเองอยู่เล็กน้อย เพราะเป็นลูกคนเล็กของครอบครัว แต่ด้วยเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาดี และเป็นคนมีน้ำใจกับเพื่อนๆ จึงทำให้จอมเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนๆและสาวๆอย่างมาก....รุ่นพี่สาวๆของคณะวิทยาศาสตร์ต่างก็หลงรักน้องจอมกันอย่างมากเลยทีเดียว สังเกตจากถุงขนมที่มีขนาดใหญ่และมีจำนวนมากกว่าคนอื่นๆ ที่เขาได้รับหลังจากเข้าห้องเชียร์....แต่จอมยุทธ์ก็ใจดี โดยมักจะแจกจ่ายขนมนั้นให้เพื่อนๆทุกคนไปรับประทานที่หอพักเสมอ

ครั้งแรกที่จอมยุทธ์เห็นภูผาก็หลงรักขึ้นมาทันที....หรือที่เรียกว่า “Love at First Sight” ......แม้ไม่แน่ใจนักว่าภูผาจะเป็นเกย์หรือไม่......แต่จอมยุทธ์ก็พอจะจับกระแสความรู้สึกแปลกๆ ยามที่พูดคุยกับภูผา....เพราะอาจเป็นอย่างที่หลายคนพูดกันว่า

“คนที่มีรสนิยมเดียวกัน มักมองกันออก.......” จอมยุทธ์ก็เข้าข่ายบุคคลในกลุ่มนี้ด้วย

ดังนั้นทุกๆวัน ในตอนเช้าจอมยุทธ์จึงเอาดอกกุหลาบสีแดงสดไปวางไว้บนโต๊ะภูผาในห้องสโมสร พร้อมกับโน๊ตแผ่นเล็กๆที่เขียนด้วยอักษรภาษาอังกฤษอย่างสวยงามว่า

“Would you be my BF?” จอมยุทธ์ตั้งใจจะใช้อักษรย่อของคำว่า Boyfriend แทนคำจริง เพราะไม่อยากให้ใครทราบความหมายนั้น นอกจากภูผาคนเดียว

ในตอนแรกภูผาแปลกใจอย่างมากที่ได้รับดอกกุหลาบสีแดงสดที่มีโน้ตแผ่นเล็กๆนั้นติดอยู่ เขาพยายามถามคนในสโมสรถึงเจ้าของของดอกกุหลาบนั้น แต่ก็ไม่ได้คำตอบ โดยเมื่อเวลาผ่านไปหลายวันเข้าภูผาก็เริ่มไม่ได้ใส่ใจมากนัก ยิ่งเรื่องที่จะตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วมาเฝ้าดูว่าใครเอาดอกกุหลาบมาให้ ก็เลิกคิดได้เลย....เหตุเพราะภูผาไม่พิสมัยการตื่นเช้าเป็นที่สุด เห็นได้จากตารางเรียนที่เขาตั้งใจลงทะเบียนให้ทุกวิชาเริ่มเรียนตั้งแต่สิบโมงเช้าเป็นต้นไป

“อากาศยามเช้าของเชียงใหม่น่ะหรือ....อย่าฝันที่จะได้สัมผัสตัวคุณภูผาผู้รักการนอนหลับภายใต้อ้อมกอดที่อบอุ่นของคุณฟ้าลั่นคนนี้เลย” ประโยคติดปากของภูผาในทุกครั้งที่ฟ้าลั่นพยายามจะชวนภูผาออกมาวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าที่สนามหน้ามหาวิทยาลัย หรือไม่ก็ที่สันอ่างแก้ว....แต่จนแล้วจนรอดฟ้าลั่นก็ไม่เคยจะได้ออกกำลังกายตอนเช้าสักที เพราะภูผากอดร่างสูงใหญ่นั้นไว้ไม่ปล่อยนั่นเอง

แม้ไม่ทราบว่าใครเป็นคนเอาดอกกุหลาบมาให้ตน แต่ภูผาเลือกที่จะเอาดอกกุหลาบกลับไปที่หอพักทุกวัน แทนที่จะทิ้งไว้ไม่ดูแล จนปล่อยให้มันเหี่ยวเฉาตายไป

“อย่างน้อย เอาน้ำให้มันกินก่อนตายก็ยังดี” ภูผาคิด

วันแรกที่ฟ้าลั่นเห็นดอกกุหลาบและแผ่นโน้ตเล็กๆนั้น ก็แปลกใจและออกจะออกอาการหัวเสียอยู่นิดหน่อย เหตุว่ากำลังมีแมวมาขโมยภูผาที่รักของตนเองไป หลังจากซักไซ้ไล่เลียงถึงที่มาที่ไปของดอกกุหลาบจากภูผา....คนที่ไม่รู้เรื่องราวเช่นกัน....... ฟ้าลั่นก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ฟ้าลั่นพอจะทำได้แทนการเอาดอกกุหลาบไปทิ้งคือ การเขียนคำว่า “No” ลงไปในกระดาษโน๊ตแผ่นนั้น และลงชื่อกำกับไว้ทุกครั้งและทุกวันว่า “From Falan, Bhupha’s BF”

จนกระทั่งสองอาทิตย์ต่อมา....ภูผาก็ทราบว่าผู้ที่ส่งดอกไม้มาให้เป็นใคร เนื่องจากบุคคลลึกลับคนนั้นเดินเข้ามาพูดคุยกับภูผาถึงในห้องสโมสรเลยทีเดียว

“สวัสดีครับ พี่หมอก” ชายหนุ่มแปลกหน้าทักทายภูผาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวในห้องสโมสร

“สวัสดีครับ...เอ่อ...น้อง” ภูผาทักทายกลับ พยายามนึกชื่อของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

“ผมชื่อจอมครับ”

“อ๋อ น้องจอม...พี่จำได้แล้วครับ....ขอโทษครับ อ่านการ์ตูนเพลินไปหน่อยครับ เลยคิดชื่อน้องจอมไม่ทัน” ภูผาตอบกลับพร้อมส่งยิ้มให้ด้วยความเคยชิน

“น้องจอมมีธุระอะไรกับพี่หรือเปล่าครับ”

“ผมก็แค่อยากเข้ามาทวงคำตอบครับ” จอมยุทธ์เปิดประเด็นด้วยความมั่นใจ

“เอ่อ.....คำตอบอะไรหรือครับ......เอ่อ...พี่งงครับ” ภูผาแสดงอาการสงสัยออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“ก็คำตอบในกระดาษโน๊ตที่ติดมากับดอกกุหลาบงัยครับ”

“น้องจอมคือคนที่ส่งดอกกุหลาบมาให้พี่เหรอครับ” ภูผาถามขึ้นอย่างแปลกใจ

“ครับ.......ผมเองครับ พี่หมอกชอบมั้ยครับ”

“เอ่อ....อืม....”ภูผาพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะบอกว่าไม่ต้องลำบากเอามาให้ก็ได้ แต่กลับพูดไม่ทันคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนเอง

“คือว่าผมชอบพี่หมอกนะครับ......ผมคิดว่าพี่อาจจะมีแฟนแล้ว.....ใครนะครับ.....อืม.....ถ้าผมจำไม่ผิด อาจจะเป็นพี่ฟ้าลั่น รูมเมทพี่หมอกก็ได้.....แต่ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ครับ เพราะสายสืบของผมก็บอกว่ายังไม่ยืนยันครับ”

“แต่ผมไม่แคร์หรอกครับ........ผมขอเวลาสองเดือน.......ผมจะทำให้พี่หมอกเป็นแฟนผมให้ได้ครับ” จอมยุทธ์ตั้งเป้าหมาย

“แค่นี้นะครับ...พี่หมอกที่น่ารักของผม” จอมยุทธ์พูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป โดยที่ภูผายังคงนั่งนิ่งสนิท เพราะตกใจกับคำพูดและการจู่โจมที่กะทันหันของเด็กหนุ่มผู้นี้ เขาไม่ทันแม้จะพูดหรืออธิบายอะไรเพิ่มเติมแต่ประการใด

“แล้วจะบอกน้องเค้ายังงัยดีเนี่ย..........เฮ้อ”ภูผาบ่นพึมพำกับตนเอง

“จะบอกว่ามีแฟนแล้ว.......ก็ไม่ได้เพราะฟ้าลั่นก็จะเสียหาย...เพราะคงถูกตราหน้าทั้งคณะว่าเป็นเกย์...........เฮ้อ”

“ถ้าปล่อยไป......ฟ้าลั่นคงไม่ยอมแน่ๆเลย.............เฮ้อ” ภูผาถอนหายใจหลายครั้ง

“โอย...ปวดหัวจริง.....เลิกคิดก่อน...อ่านหนังสือการ์ตูนต่อดีกว่า” ภูผาเลิกคิดชั่วคราว เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ คงต้องรอจังหวะให้สมองโลดแล่นอีกครั้งหลังอ่านการ์ตูนเรื่องโปรดในมือจนจบ

“แล้วจะกลุ้มอยู่คนเดียวทำไม สู้เอาเวลามาอ่านการ์ตูนดีกว่าสนุกกว่ากันเยอะ”

ก่อนนอนในคืนนั้นภูผาก็เล่าให้ฟ้าลั่นฟังว่าเขารู้ตัวคนที่เอาดอกไม้มาให้แล้ว และมีทีเด็ดยิ่งกว่านั้นอีกคือ หนุ่มรุ่นน้องคนนั้นเข้ามาขอเป็นแฟนแบบตั้งตัวไม่ติด ฟ้าลั่นฟังแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด เผลอทำคิ้วผูกโบว์อย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะเริ่มเป็นห่วงภูผาขึ้นมาทันที

“หมอกต้องระวังตัวดีๆนะ.......อย่าไปให้ความหวังน้องเค้าล่ะ.....ห้ามยิ้มให้น้องเค้าด้วย....เดี๋ยวน้องเค้าก็เข้าใจผิด” ฟ้าลั่นที่กำลังนอนโอบกอดภูผาอยู่ เอ่ยคำเตือนออกมา.....สีหน้าของเขาแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“แล้วก็อย่าไปชอบน้องเค้าด้วยนะครับ....ฟ้าลั่นรักหมอกนะครับ.....” ไม่พูดเปล่า ฟ้าลั่นจรดจมูกสวยลงบนแก้มนุ่มของภูผาเพื่อตอกย้ำความรักของตนที่มอบให้กับคนในอ้อมกอดนี้...ทุกลมหายใจ

“อืม.....ไม่หรอก......น้องเค้ายังเด็กอยู่...คงเป็นแบบ puppy love มั้ง ...เดี๋ยวหมอกจัดการเอง.....ถ้าไม่ไหวแล้วก็ให้ฟ้าลั่นช่วยแล้วกัน” ภูผาตอบกลับไป โดยที่ลืมคิดไปว่าตนเองนี่มีนิสัยเป็นเด็กมากกว่าจอมยุทธ์เสียอีก.....แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเป็นการแก้ปัญหา หรือเพิ่มปัญหาดี

“หมอกต้องบอกเราตลอดนะ....เราเป็นห่วง” ฟ้าลั่นกล่าวในตอนท้าย ก่อนที่เงียบเสียงลงเพราะเข้าสู่ห้วงนิทรา

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
น่ารักกุ๊กกิ๊กเหมือนเดิม  ชอบหมอกหง่ะ  เรื่องนี้ก็น่ารักโทนนี้แหละคะดีละ  แต่ชอบอ่านตอนที่หมอก ฟ้าลั่น ศิวะ หรือตอนคนมีปฏิกิริยาต่อกันมากกว่าตอนบรรยายนะคะ  ถ้าเพิ่มตรงส่วนนั้นได้ก็ดี  ส่วนเรื่องของการบรรยายก็ดีอยู่แล้ว  เห็นภาพและบรรยากาศดี แต่ก็อาจจะทำให้โทนเรื่องจืดไปบ้างนิดหน่อยคะ   แต่พออ่านถึงตอนไปร้าน Good View กันใช่มั้ยคะ  อยากบอกว่าร้านนี้นักร้องหล่อจังคะ สงสัยตอนนี้ไม่ใช่คนเดิมที่เคยเห็นละ  ขอเพลงก้อนหินละเมอจากเค้าด้วย  น่าร๊ากกกซ้า   :-[ 

ยังไงเป็นกำลังใจให้คุณ Andreas กับเรย์ด้วยน้า  รอตอนต่อไปจ๊ะ  อย่านานนา  รออยู่   :impress:

ปล  เรย์ไม่ต้องแก้ตัวหรอก  คือมันเห็น ๆ กันอยู่อะนะ   :try2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
คนหนึ่งไป อีกคนก็มา

หมอกนี่เสน่ห์แรงจริง  :angellaugh2:

wee

  • บุคคลทั่วไป
ความรักที่มีคู่แข่งสิถึงจะมันส์....
แต่คู่แข่งของนายฟ้าลั่น น่ะ จะไหวหรือ  ก็นายน่ะออกจะ perfect ขนาดนั้น

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
มีตัวละครเพิ่มอีกแล้ว.............. :teach:

แต่คงมะใช่ตัวอิจฉาอย่างที่คุณ Andreas ว่า..............

................รออ่านต่อ.....................  :impress:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
อืมมม

ลุ้นต่อไป


ชอบชอบ :kikkik:


พุห์ :kikkik:

FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
เหอๆๆ  ต่อแล้วๆๆ

รออ่านตอนต่อไป

หุหุหุ

abcd

  • บุคคลทั่วไป
                                                                 :laugh:   น้องจอมยุทธุ์ มาแว้ววววว  ตัวแปรๆ หุหุ :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
 " ครั้งนึงยังมี จอมยุทธ์ ออกเดินทางไปสุดฟ้า หวังเพื่อที่จะตามหา ยอดวิชาที่หายไป ... "

เหอ เหอ คนอะไร ชื่อเท่จริงๆเลย  :like2: 

รออ่านอยู่นะ บลู  :monkeysad:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ยอมรับผิดครับ จะพยายามมาให้ทันถ้าเพื่อนๆที่อ่านหลักๆลงชื่อกันเกือบครบนะครับ

***************************************************************************




วันถัดมาจอมยุทธ์ก็เริ่มแผนการพิชิตใจของภูผาอย่างไม่รีรอ โดยทำการติดสินบนเป็นไอศกรีมรสดีที่ร้านโบ๊ท ให้กับพี่สาวนักศึกษาชั้นปีที่สี่ ผู้เป็นเพื่อนในสาขาวิชาเดียวกับภูผาเพื่อขอเบอร์โทรศัพท์ของภูผา โดยอ้างว่าจะโทรไปปรึกษาภูผาเรื่องเรียน.....พี่สาวที่ลงเสน่ห์น้องจอม ก็กระวีกระวาดพากันให้เบอร์โทรทั้งของตนเองและภูผาโดยปราศจากข้อแม้ใดๆ

หลังจากได้เบอร์โทรศัพท์ของภูผามาแล้ว จอมยุทธ์จึงตัดสินใจโทรศัพท์เข้าห้องพักของภูผาตอนเวลาประมาณสี่ทุ่มวันเดียวกัน โดยคาดว่าภูผาคงกลับถึงห้องพักเรียบร้อยแล้ว

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาในห้อง........ฟ้าลั่นเดินไปรับสาย และได้ยินเสียงปลายทางบอกว่า

“ขอสายพี่หมอกหน่อยครับ”

“ใครจะพูดด้วยครับ” ฟ้าลั่นกรอกเสียงลงไปเป็นคำถาม

“น้องจอมครับ”

ฟ้าลั่นวางหูโทรศัพท์บนโต๊ะแล้วเดินไปสะกิดเรียกภูผาที่นั่งดูการ์ตูนอยู่ บอกว่าจอมยุทธ์โทรมาหา

ภูผาแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เดินมารับโทรศัพท์แต่โดยดี โดยมีฟ้าลั่นเดินตามมาติดๆ....... ภูผายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูพร้อมๆกับที่ลำตัวถูกแขนทั้งสองข้างของฟ้าลั่นโอบกอดจากด้านหลัง ให้นั่งลงบนตักของตน ที่โซฟารับแขกของห้องพัก...เวลานี้ฟ้าลั่นแสดงอาการหึงหวงออกมาอย่างเห็นได้ชัด

ฟ้าลั่นตัดสินใจกด speak phone เพื่อจะรับฟังประโยคสนทนาของทั้งคู่ โดยที่ภูผาก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือห้ามปรามแต่อย่างใด เนื่องจากเข้าใจความรู้สึกในขณะนี้ของฟ้าลั่นเป็นอย่างดี

“สวัสดีครับ” ภูผากล่าวทักทาย

“สวัสดีครับ พี่หมอกผมจอมนะครับ....พี่หมอกอยู่คนเดียวหรือเปล่าครับ”

“พี่อยู่กับรูมเมทครับ น้องจอมมีธุระอะไรกับพี่หรือเปล่าครับ”

“I have heart‘s stuff to talk about’ จอมยุทธ์ตัดสินใจกล่าวประโยคภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงอเมริกันอย่างชัดเจนออกไป เนื่องจากไม่อยากให้บุคคลที่สามรับรู้ .....ซึ่งก็หมายถึงฟ้าลั่นนั่นเอง

“what?” ภูผาถามกลับไปด้วยภาษาเดียวกันอย่างเคยชิน โดยปกติภูผาจะไม่พูดภาษาอังกฤษ ถ้าคนรอบข้างหรือเพื่อนๆพูดภาษาไทย แต่จะใช้ภาษาอังกฤษเฉพาะเวลาที่อยู่ในห้องเรียนภาษาอังกฤษ หรือใช้สำหรับคำศัพท์เฉพาะที่มีในบทเรียนเท่านั้น ยกเว้นในกรณีที่มีคนพูดภาษาอังกฤษที่มีสำเนียงแบบคนท้องถิ่นกับเขา ซึ่งเขาก็มักจะตอบกลับเป็นภาษาเดียวกันโดยสัญชาติญาณเสมอ

“อะไรนะครับ” ภูผาเพิ่งนึกได้ว่าตอบภาษาอังกฤษกลับไป จึงรีบพูดเป็นภาษาไทยทันที เพราะเกรงว่าฟ้าลั่นจะไม่เข้าใจ แต่ฟ้าลั่นก็กระซิบเบาๆที่ข้างหูภูผาว่า

“พูดอังกฤษก็ได้ครับหมอก...เราชอบ......หมอกพูดเพราะดี”

“I wanna hear your voice before I go to sleep” จอมยุทธ์บอกความปรารถนาของตนในทันที่ว่าต้องการได้รับฟังเสียงของภูผาก่อนนอน

“Is that so important?” คำถามถึงความจำเป็นออกจากภูผาทันทีที่ได้ยินประโยคหวานนั้น

“Yeap, cuz I love you........so I wanna hear you say good night to me....then, for sure,  I am gonna have sweet dream”

ฟ้าลั่นที่นั่งฟังอยู่ก็แสดงอาการมั่นไส้ออกมาอย่างอดไม่ได้......แล้วก็ออกจะหึงหวงภูผาอยู่มาก...เขาเลยหอมแก้มภูผาไปหลายที จนภูผาต้องหันมาผลักฟ้าลั่นให้ลุกออกไป .....แต่สุดท้ายด้วยความแข็งแรงกว่า ฟ้าลั่นก็ยังนั่งกอดภูผาฟังการสนทนาต่อไป เขายังคงปักหลักนิ่งสนิทไม่ยอมลุกไปไหนทั้งสิ้น

“I am afraid that I could not return your wish” ภูผาตอบปฏิเสธ

“It is fine right now though, but I’m gonna call you every now and then until you love me......” จอมยุทธ์ยังคงดื้อดึง

“Thank you very much for your love, but I cannot accept it since my heart has already owned” ภูผาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเป็นปกติ ส่งผลให้คนตัวใหญ่กว่าที่นั่งอยู่ด้านหลังอยู่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พร้อมกับหอมแก้มภูผาอีกครั้ง เพราะประโยคที่ว่า “หัวใจพี่มีคนอื่นอยู่แล้ว” 

“Don’t be kidding.......... I know you have no one right now....... it is hardly to believe so” จอมยุทธ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นใจในความคิดของตน

ภูผาขยับจะตอบอะไรบางอย่างกลับไป แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะคนที่นั่งข้างหลังพูดสวนประโยคนั้นของจอมยุทธ์ ด้วยประโยคภาษาอังกฤษสำเนียงเดียวกับผู้ที่พูดมาก่อนหน้านี้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน ทำเอาภูผาแปลกใจอยู่ในที เนื่องเพราะไม่คิดว่าฟ้าลั่นจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีเยี่ยมขนาดนี้

“I think, you should listen to him, because the one who owns his heart is sitting right here and of course is talking to you right now”

“If you don’t believe me, please come to see Bhupha tomorrow........ You will see a prove of evidence, I bet” ฟ้าลั่นกล่าวพร้อมแผนการที่คิดไว้ในใจ

“It must be some kind of jokes going on” จอมยุทธ์กล่าวออกมาอย่างขัดใจ

“Nop!!!!.......and good bye” ฟ้าลั่นกล่าวปิดการสนทนาพร้อมกับกดปุ่มวางหูโทรศัพท์ ก่อนจะหันมาภูผาจ้องมาที่ตนเองอย่างจริงจังพร้อมด้วยแววตาที่มีเครื่องหมายคำถามชัดเจน

“มีอะไรเหรอหมอก....โกรธเหรอที่เราบอกน้องเค้าอย่างนั้นน่ะ”

“ก็เราหวงหมอกนี่.....ใครจะไปทนได้ครับ ได้ยินผู้ชายคนอื่นมาบอกรักแฟนตัวเองน่ะ” ฟ้าลั่นอธิบายอย่างรวดเร็ว

“อืม...เปล่า....ไม่ได้โกรธ แต่สงสัยว่าทำไมนายพูดภาษาอังกฤษได้ดีขนาดนี้.....อย่างนั้นตลอดเวลาที่นายให้เราติวภาษาอังกฤษให้มาเกือบสามปีนี่....นายก็แกล้งเราใช่มั้ย” คนพูดเริ่มจะตั้งท่างอนขึ้นมา และทำท่าจะลุกขึ้นจากตักของคนตัวใหญ่กว่า.....เป็นเหตุให้ฟ้าลั่นต้องรีบกอดลำตัวบางไว้อย่างแน่นหนา

“ก็......เราชอบฟังเสียงหมอกพูดอังกฤษแบบผู้ดีนี่นา...น่าฟังออก...อีกอย่างตอนนั้นเราก็รู้สึกดีที่หมอกอยู่ข้างๆเรา คอยติวให้เราอย่างตั้งใจ........ก่อนที่เราจะรู้ว่ารักหมอกเข้าให้เสียหมดหัวใจขนาดนี้น่ะ” ฟ้าลั่นอธิบายอย่างช้าๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มของตน ส่งผลคนฟังเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

“เฮ้อ......ทำไมเราต้องเป็นโรคแพ้ความหวานของนายด้วยนะเนี่ย.............” ภูผาส่ายศีรษะไปมา

“หวานแบบนี้โกรธไม่ลงแล้ว....คุณชายฟ้าลั่น” คนพูดไม่พูดเปล่าหันมาจับแก้มสากๆของฟ้าลั่นดึงไปมาเล่นๆ ด้วยความรักใคร่อย่างเต็มที่

“แล้วนายเรียนภาษาอังกฤษที่ไหน...เท่าที่รู้.....นายไม่ได้ไปเรียนที่เมืองนอกไม่ใช่เหรอ...แถมอยู่โรงเรียนธรรมดามาตลอดอีก” ภูผาถามด้วยความสงสัย

“ก็แม่เราเกิดและโตที่อเมริกานี่นา ก่อนจะเจอกับพ่อเราตอนไปเรียนหมอที่นั่น แล้วก็ย้ายตามพ่อมาอยู่เมืองไทย...... แม่พูดภาษาอังกฤษกับเราตั้งแต่เกิด ไม่เคยพูดภาษาไทยเลยด้วยซ้ำ มีแต่พ่อที่พูดภาษาไทยกับเรา.....จนบัดนี้แม่เรายังพูดภาษาอังกฤษกับเราคนเดียวอยู่เลย หมายถึงตอนอยู่กันแค่สามคน คือเรา แม่เรา แล้วก็พ่อเรานะ....ทั้งๆที่คนอื่นแม่ก็พูดภาษาไทยด้วยทุกคน” ฟ้าลั่นเท้าความให้คนรักเขาเข้าใจ

“แล้วนายเพิ่งมาบอกเรานี่นะ” ภูผาร้องถามอย่างขัดใจ

“อ้าว....ก็นายไม่เคยถามนี่นา...อีกอย่างเราก็ไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษห้องเดียวกัน นายไม่รู้ก็ไม่แปลกอะไรนี่นา......เราเองยังไม่รู้ว่านายพูดแบบอังกฤษ-อังกฤษ ถ้านายไม่พูดออกมา.....ว่าแต่เราเถอะ เราไม่เห็นนายพูดภาษาอังกฤษกับใครเลย เห็นพูดแต่ภาษาไทยตลอด” ฟ้าลั่นแก้ตัว พร้อมยกตัวอย่างภูผาเองมาเพื่อเพิ่มน้ำหนักของตนอีกด้วย

“อืม....ก็ไม่ค่อยอยากพูด.....กลัวเค้าหาว่าหัวสูง...เลยเงียบดีกว่า” ภูผาบอก

“เราก็เหมือนกัน” ฟ้าลั่นกล่าวสมทบ 

“เราว่า.......นอนดีกว่า ดึกแล้ว...พรุ่งนี้เรามีเรียนตอนเช้า” ฟ้าลั่นตัดบท และเดินจูงมือภูผาเข้าไปในห้องนอน เหตุเพราะต้องรีบดำเนินแผนการประกาศความเป็นเจ้าของในตัวภูผา....คนรักของตน..... เพื่อเป็นการสั่งสอนนายจอมยุทธ์.....คนที่บังอาจมาจีบคนที่ตนรักที่สุด

ช่วงที่ภูผาหลับสนิท ฟ้าลั่นก็เริ่มแผนการที่วางไว้ เพื่อสร้างหลักฐานให้จอมยุทธ์ได้เห็นว่าภูผามีเจ้าของแล้ว โดยเอื้อมมือมาแกะกระดุมเสื้อชุดนอนของภูผาออกเบาๆ แล้วค่อยๆ ขยับตัวออกห่าง พลิกตัวภูผาให้นอนหงาย ก่อนแนบจมูกลงไปสูดความหอมของร่างกายตลอดท่อนบนของภูผา สุดท้ายค่อยๆทำการฝังรอยจูบไว้บนลำคอและช่วงหน้าอกของภูผาไว้อย่างละหนึ่งรอย โดยกะให้เห็นได้แต่ไม่ชัดเจนนัก

“ฟ้าลั่น......อืมมมมมมมมมมม  อย่ากวนดิ....จะนอนอ่ะ” ภูผาพูดเสียงเบางัวเงีย เพราะรู้สึกว่าลำตัวส่วนบนถูกลุกล้ำโดยคนข้างกาย

“ก็หมอกตัวหอมนี่ครับ........แก้มก็หอม...หอมไปทั้งตัวเลยครับ” ฟ้าลั่นนอนทับลงมาที่ร่างกายภูผา กระซิบเสียงกระเส่า.....เข้าที่ข้างหูเบาๆ ก่อนจะหอมแก้มใสๆ อีกหลายที

“อืมมมมมมมม......จา นอนนนนนนนน” ภูผาอ้อนวอนด้วยเสียงอ่อนแรง ทำให้คนที่แกล้งอยู่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในความน่ารักของคนที่ตนรัก.....

“หนักกกกกอ่ะ........ลงไปได้แล้ว” ภูผาคร่ำครวญ และพยายามผลักฟ้าลั่นลงไปจากตัว แต่ก็ไม่วายจะจูบไปที่แก้มสากๆของฟ้าลั่นไปหนึ่งที เพื่อเอาใจ

“ฟ้าลั่นไม่กวนหมอกแล้วครับ........ไม่ไหว....เดี๋ยวห้ามใจตัวเองไม่อยู่..........” ฟ้าลั่นส่งเสียงทุ้มนุ่มเบาๆที่ข้างหูภูผา แล้วจึงขยับพลิกตัวลงมานอนข้างๆภูผา คว้าร่างบางขึ้นมากอดแนบอก ประทับจูบลงไปบนผมสีดำสนิทที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูสระผมติดอยู่อีกครั้ง ก่อนกระซิบบอกประโยคสำคัญว่า

“ฟ้าลั่นรักหมอกนะครับ.....รักมากกว่าใครๆ”

ตลอดทั้งคืนฟ้าลั่นก็ยังคงกวนภูผาอย่างต่อเนื่อง......ทั้งกอด....ทั้งหอม เพื่อให้นอนไม่เต็มอิ่ม และจะได้ตื่นสาย ต้องกระวีกระวาดไปเรียนหนังสือโดยไม่ทันสังเกตเห็นร่องรอยแปลกปลอมที่เกิดขึ้นที่ซอกคอและหน้าอกของตน

เป็นดังที่ฟ้าลั่นคาดการณ์......ภูผาตื่นสายจนเกือบจะไปเรียนไม่ทัน หลังจากที่อาบน้ำและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็รีบไปเรียนหนังสือ แม้จะเร่งเวลาเต็มที่แต่ก็ยังมาสายไปสิบนาทีจนได้ โชคดีที่วิชาเรียนใช้ห้องต่างระดับขนาดใหญ่เป็นที่เล็กเชอร์ และมีประตูทางเข้าทางด้านหลัง ภูผาจึงแอบย่องเข้าไปเรียนโดยที่อาจารย์ผู้สอนไม่รู้ตัว

หลังจากเรียนเสร็จภูผาก็เขาไปนั่งอ่านหนังสือและจัดการกับเอกสารในห้องสโมสร จากนั้นไม่นานจอมยุทธ์ก็เดินเข้ามาหา ด้วยความมั่นใจอย่างเดิม

“สวัสดีครับพี่หมอก” จอมยุทธ์ทักทายพร้อมส่งสายตาสำรวจไปที่ร่างกายของภูผาอย่างถือวิสาสะ จนไปสะดุดที่รอยจูบที่ซอกคอและที่อกขาวนวล

“สวัสดีครับ” ภูผาทักทายกลับโดยมารยาท

“คนที่อยู่กับพี่หมอกเมื่อคืนเป็นใครเหรอครับ” จอมยุทธ์รุกด้วยคำถามสำคัญ

“เอ่อ......” ภูผาอ้ำอึ้ง...ในที่สุดก็ตัดสินใจบอกไปตามตรง เพื่อตัดปัญหา

“แฟนพี่เองครับ”

“จริงหรือครับ”

“จริงซิครับ” ภูผาย้ำ

“ว้า.....อย่างนั้นก็เป็นอย่างที่ผมคิด............ชัวร์เลยครับ” จอมยุทธ์พูดออกมา หลังจากสังเกตเห็นรอยแดงๆผิดปกติที่ซอกคอและหน้าอกของภูผา ก่อนจะอธิบายให้เจ้าของดวงตาที่ปรากฏเครื่องหมายคำถามอยู่ได้รับฟัง

“ก็..........แฟนพี่หมอกนี่ฉลาดดีนะครับ.....อุตสาห์ฝากรอยจูบมากันท่าผมซะขนาดนี้”

“น้องจอมพูดว่ารอยจูบ...รอยจูบที่ไหนเหรอครับ” ภูผาถามก่อนจะหันซ้ายหันขวา และพยายามก้มลงมามองสำรวจความผิดปกติที่ร่างกายตัวเองอย่างรวดเร็ว

“อ้าว...ก็รอยจูบที่ซอกคอ กับที่หน้าอกพี่งัยครับ......ผมนึกแล้วว่าพี่ต้องไม่เห็น ไปส่องกระจกดูซิครับ...พี่........เอ่อ” จอมยุทธ์กล่าวไม่จบประโยค เพราะว่าคนฟังรีบวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

หลังจากสำรวจดูรอยจูบที่ปรากฏที่คอและหน้าอกตนเองแล้ว....ภูผาก็เกิดอาการโกรธฟ้าลั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้.....โทษฐานที่อาจทำให้คนอื่นๆทั้งคณะเห็นรอยจูบนี้หมดแล้ว......ยิ่งคิดก็ยิ่งอาย

“แล้วเราจะแก้ตัวกับคนอื่นๆงัยดีนี่......ไอ้ฟ้าลั่นบ้า.....เย็นนี้จะเอาคืนเสียให้เข็ดเลย” ภูผาบ่นกับตนเอง พร้อมเก็บความแค้นไว้ในใจ ก่อนทำใจเดินออกมาจากห้องน้ำ และพบจอมยุทธ์กำลังยืนรออยู่

“ฝากบอกแฟนพี่ด้วยนะครับ.....ว่าผมไม่ยอมแพ้หรอกครับ.....พี่ต้องเป็นแฟนผมให้ได้ครับ” จอมยุทธ์ยิ้มกว้างให้คนฟังที่ยืนนิ่งสนิทอยู่ และเดินจากไปอย่างมั่นใจในตนเองยิ่งนัก

ตอนเย็นหลังจากเลิกเรียนเสร็จ........ฟ้าลั่นถูกภูผาจับทุ่มบนเตียงเสียหลายรอบ โทษฐานที่สร้างรอยตำหนิไว้ที่ลำคอจนทำให้เพื่อนๆหลายๆคนสงสัย จนเป็นเหตุให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ถึงขนาดหาข้อตัวไม่ถูกเลยทีเดียว สุดท้ายก็ต้องใช้ข้ออ้างว่าถูกยุงกัดกับเพื่อนๆช่างสงสัยเหล่านั้น

“พอแล้ว.....หมอก.....อย่าโกรธฟ้าลั่นเลยนะครับ” ฟ้าลั่นอ้อนวอนภูผา ที่ตอนนี้ทุ่มตัวเขาไปนอนบนเตียงเป็นรอบที่ 5 แล้ว

“แล้วนายมาทิ้งรอยจูบไว้บนคอเราทำไม...... หาวิธีอื่นบอกให้น้องจอมเค้ารู้ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรืองัย....หา....ไอ้คุณฟ้าลั่น” ภูผาบอกอย่างเหนื่อยหอบ หลังจากหยุดพักการทุ่มฟ้าลั่นชั่วคราว

“อ้าว......เราคิดว่าวิธีนี้ดีที่สุดแล้วนะหมอก........น้องจอมเค้าจะได้คิดว่าเรากับนายมีอะไรกันแล้ว.....เค้าจะไม่ต้องมายุ่งกับนายอีกงัย” ฟ้าลั่นพยายามอธิบายเสียงสั่นเพราะเหนื่อยเอาการจากการถูกทุ่มหลายครั้งเช่นกัน

“ไอ้บ้า......แล้วรู้หรือป่าวว่าน้องเค้าตอบมาว่ายังงัย” ภูผาตะโกนบอก

“ไม่รู้.....บอกมาดิ” ฟ้าลั่นยักคิ้วยิ้มให้

“ยังจะมายิ้มอีก.......เค้าบอกว่า ฝากบอกแฟนพี่ด้วยนะครับ.....ว่าผมไม่ยอมแพ้หรอกครับ.....พี่ต้องเป็นแฟนผมให้ได้”

“ว้า.......ผิดคาด....งั้นเราคงต้องรีบมีอะไรกันเสียจริงๆแล้วแหล่ะหมอก.......น้องเค้าจะได้สังเกตชัดเจนขึ้นอีก” ฟ้าลั่นยิ้มอย่างหมายมั่น

“ไอ้บ้าฟ้าลั่น.....มันไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหนเลย........”

“ไม่รู้แล้ว.....ถ้านายไม่อยากให้น้องเค้ามายุ่งกับเรา....นายก็ต้องรีบจัดการซะ.......แต่ห้ามทำอะไรบ้าๆ หรืออะไรรุนแรงเด็ดขาดนะ......สงสารน้องเค้า” ภูผาพูดเป็นชุด พลางมองฟ้าลั่นอย่างเอาเรื่อง

“อืม........ถ้าถึงที่สุดจริงๆ คงต้องเรียกน้องเค้ามาคุย........” ฟ้าลั่นเริ่มใช้น้ำเสียงเป็นงานเป็นการบอกภูผา

“อย่างนั้นน้องเค้าก็จะรู้เรื่องของเราซิ...........ถ้าน้องเค้าไปบอกคนอื่นๆ เค้าจะได้ว่านายว่าเป็นเกย์น่ะซิ.......อย่าเลยฟ้าลั่น...มันไม่คุ้มหรอก” ภูผาลดเสียงลงเช่นกัน พยายามห้ามปรามความคิดนั้นของฟ้าลั่น เนื่องจากไม่ต้องการให้ฟ้าลั่นถูกตั้งข้อรังเกียจในหมู่เพื่อนชายในคณะ

“ไม่เห็นเป็นไรเลยหมอก....ชีวิตของเรา......ถ้าเพื่อนสนิทเรารับไม่ได้.....มันก็คงไม่เรียกว่าเพื่อนแล้วมั้ง......อีกอย่างเรารักนายมากนะหมอก......เราจะอยู่กับนายไปตลอด......แล้วเราจะกลัวอะไรอีก.....อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดนะหมอก” ฟ้าลั่นกล่าวอย่างจริงจัง จนทำให้คนฟังต้องเดินเข้ามาหา พร้อมให้ของขวัญเป็นการหอมแก้มสากๆไปหนึ่งที ก่อนจะวิงหนีออกมาอย่างรวดเร็วเพราะมิเช่นนั้นอาจถูกคนตัวใหญ่กว่าจับตัวไว้....สุดท้ายก็ต้องถูกหอมแก้มอีกหลายทีแน่นอน.....ฟ้าลั่นจึงได้แต่หัวเราะเบาๆในความน่ารักอย่างสม่ำเสมอของคนที่ตนรัก

“เฮ้อ.........เอาเป็นว่า....มันน่าจะมีทางอื่นนะฟ้าลั่น.....” ภูผากล่าวออกมาในตอนสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม.....แม้ว่าฟ้าลั่นจะฝากรอยรักเป็นพยานให้จอมยุทธ์เห็นว่าภูผามีเจ้าของแล้ว ตลอดจนภูผาก็บอกว่าตนเองมีคนรักแล้วเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้จอมยุทธ์ยกเลิกความคิดในการจีบภูผาแต่อย่างใด กลับหวังจะเอาชนะหัวใจของภูผาให้ได้เร็วขึ้น .....โดยที่ไม่เคยคิดเลยว่า....ตัวเองจะไม่มีวันชนะในเกมนี้.........เกมที่หัวใจต้องผ่ายแพ้....กับความผูกพันของทั้งคู่

ดังนั้นทุกๆคืนจอมยุทธ์จึงโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยกับภูผาตลอด โดยมีฟ้าลั่นนั่งฟังด้วยอยู่ทุกครั้งไป ....ตอนแรกๆฟ้าลั่นก็ใช้ไม้แข็งขู่กลับไปบ้าง.....แต่มาในระยะหลังๆ หลังจากเฝ้าดูพฤติกรรมของจอมยุทธ์แล้ว ฟ้าลั่นพบว่าจอมยุทธ์เป็นเด็กนิสัยดีคนหนึ่ง แม้อาจจะดื้อไปบ้าง แต่ก็เป็นคนมีน้ำใจและค่อนข้างอ่อนโยน เพียงแต่ไม่ชอบให้ใครใช้ไม้แข็งกับตน ดังนั้นทั้งภูผาและฟ้าลั่นจึงตัดสินใจใช้ไม้อ่อนกับจอมยุทธ์ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เห็นว่าสิ่งที่จอมยุทธ์เรียกว่า “ความรัก” นั้น มันเป็นแค่ความหลงชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่ความรักแต่ประการใด

ฟ้าลั่นตัดสินใจชวนจอมยุทธ์ให้มาเล่นเทนนิสกับตนและภูผา รวมถึงเพื่อนๆในกลุ่มเดียวกัน เพื่อเรียนรู้นิสัยของจอมยุทธ์ให้มากขึ้น รวมถึงยังเป็นการแสดงความมั่นใจให้จอมยุทธ์เห็นอีกด้วยว่า แม้จะมีบุคคลที่สามเข้ามากั้นกลาง ฟ้าลั่นและภูผาก็ไม่เคยคิดจะแยกจากกัน กลับคอยดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันมากขึ้น โดยไม่คิดจะหลบหน้าหรือหลีกเลี่ยงการพบปะกับบุคคลนั้นแต่อย่างใด

บางทีฟ้าลั่นและภูผาก็ชวนจอมยุทธ์ไปทานข้าวเย็น ไปดูหนัง หรือแม้จะไปเที่ยวกลางคืนก็ตาม รวมถึงการติวหนังสือให้ตอนสอบมิดเทอมอีกด้วย .......

ในที่สุดจอมยุทธ์ก็ตระหนักดีว่า ไม่อาจทำให้ภูผาเปลี่ยนใจมาหาตนได้ เพราะภูผาและฟ้าลั่นมีรักที่มั่นคงต่อกันนั่นเอง และยิ่งทราบว่าฟ้าลั่นเป็นคนช่วยชีวิตภูผาจากการตกน้ำครั้งก่อน รวมถึงช่วงเวลาแห่งความทุกข์ที่ทั้งสองคนต้องเผชิญ มันทำให้เขายอมรับและซาบซึ้งไปกับความรักที่เกิดขึ้นกับพี่ชายทั้งสองคนของเขา

ดังนั้นจอมยุทธ์จึงเลือกที่จะสนับสนุนพี่ชายต่างสายเลือดของตนให้มีความสุขตลอดไป ........ความรู้สึก “รัก” ของจอมยุทธ์ ในตอนนี้จึงเปลี่ยนไป.... กลายเป็นความเคารพนับถือทั้งภูผาและฟ้าลั่นมากกว่าใครๆ แม้กระทั่งพี่ชาย พี่สาวแท้ๆของตนก็ตาม

อีกประการหนึ่งที่สำคัญ ฟ้าลั่นและภูผาได้แสดงให้จอมยุทธ์เห็นว่า สิ่งที่คิดว่ามันคือ “รัก” นั้น แท้ที่จริงมันคือความรู้สึก “หลงใหล” ชั่วครู่ชั่วยาม ซึ่งไม่ถือว่าเป็นความผิด เพียงแต่แต่ต้องรีบหาคำตอบและถอนตัวออกมาโดยเร็ว เพื่อที่จะก้าวเดินต่อไปสู่ทางเลือกใหม่ๆ ในอนาคตของตนต่อไป

สรุปว่าหลังจากที่ศิวะ....พี่ชายที่แสนดี.....ของทั้งคู่จากไปเรียนต่อเมืองนอก.....ทั้งภูผาและฟ้าลั่นกลับได้น้องชายที่น่ารักมาอีกหนึ่งคนเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน......

และน้องชายคนนี้ก็ดูเหมือนจะเจริญรอยตามฟ้าลั่นและศิวะได้อย่างดีเยี่ยม.....เพราะบัดนี้เริ่มกลายเป็นเสือตัวน้อยๆที่เริ่มออกล่าเหยื่อซึ่งเป็นสาวๆและหนุ่มๆทั่วมหาวิทยาลัย.......จนบางครั้งภูผาก็เกิดอาการหมั่นไส้ในความเจ้าชู้ของน้องชายคนใหม่ จึงแอบรับโทรศัพท์ของจอมยุทธ์เวลามานั่งอ่านหนังสือการ์ตูนหรือพักผ่อนที่ห้องพักของตน แล้วอ้างว่าตัวเขาเป็นแฟนของจอมยุทธ์ .........

จนกระทั่งวันหนึ่งจอมยุทธ์จับได้เลยบอกว่า

“โห.....พี่หมอกน่ะใจร้าย.....อย่างนี้ผมก็อดมีแฟนกันพอดี”

“ยังมาพูด...แล้วที่มีอยู่เกือบสิบคนนี่ ...เค้าเรียกว่าอะไรหา” ภูผาสวนกลับ พร้อมกับมอบค้อนวงใหญ่ให้

“แหม  พี่หมอกก็......ทำเป็นหัวโบราณไปได้......เค้าเรียกว่าคู่ควงครับพี่.....ผมก็กำลังหาแฟนอยู่ด้วยนะ.....เจอคนเป็นแฟนก็เรียกว่าแฟน..........ไม่ใช่ก็เป็นคู่ควง”

“ทีพี่ฟ้าลั่นไม่เห็นพี่หมอกหวงเลย......มาหวงผมทำมัยนี่........อย่าบอกนะว่าแอบนอกใจพี่ฟ้าลั่นมาชอบผมอ่ะ”

“ผมจะได้รีบประกาศให้รู้กันทั่วไปเลย ว่าพี่หมอกเปลี่ยนจากพี่เป็นแฟนผมแล้ว” จอมยุทธ์หัวเราะเสียงดัง ทำท่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กระโดดโลดเต้นอยู่บนโซฟารับแขก ซึ่งบัดนี้เจ้าตัวแทบจะยึดไว้ครอบครองแต่ผู้เดียว นับตั้งแต่ได้รับอนุญาตให้เข้ามานอนเล่น หรือ พักผ่อนที่ห้องนี่ได้ระหว่างรอเรียนวิชาต่างๆ ในตอนกลางวัน

“ฝันไปเถอะไอ้เสือน้อย..........ผ่านพี่ไปให้ได้ก่อน” ฟ้าลั่นที่นั่งทำรายงานอยู่ได้ยินจึงเกิดอาการหมั่นไส้ความทะเล้นของจอมยุทธ์จึงพูดสวนขึ้นมา

“โอ๋ย......พี่ฟ้าลั่นโกรธแล้ว.......ผมไม่เอาพี่หมอกหรอกครับ.....คนอะไรไม่รู้ดุจะตาย...ไม่รู้พี่ฟ้าลั่นทนไปได้งัย” จอมยุทธ์ยังไม่วายบ่นต่อ

“ว่าใครดุหา.....พี่ออกจะใจดี” ภูผาพูดเสียงเย็น ส่งผลให้คนหน้าทะเล้นหุบยิ้มทันที

“คร๊าบ...พี่หมอกใจดีที่สุด.....ไม่ดุเลยคร๊าบบบบบ” จอมยุทธ์รีบพูดประจบก่อนที่ตนเองจะโดนภูผาเล่นงาน

“คนรักกันน่ะจอม......อยู่ด้วยกันได้โดยไม่ต้องทนหรอกนะ....เพราะว่ามันจะมีแต่ความสุขและความเข้าใจซึ่งกันและกัน” ฟ้าลั่นสรุปให้จอมยุทธ์ฟัง

*************

จนแล้วจนรอด.......แม้ภูผาจะพยายามตักเตือนเรื่องความเจ้าชู้ให้จอมยุทธ์ฟังบ่อยๆ....แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ เจ้าตัวยังคงสนุกสนานกับการจีบสาวๆและหนุ่มๆอยู่ดี

“แหม...พี่หมอกก็.....ผมเชื่อฟังพี่ทุกอย่างนะครับ.....ยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียว....ผมขอแล้วกัน......ถ้าผมได้แฟนอย่างพี่หมอก...ผมก็จะมีเค้าเพียงคนเดียวครับ” นี่คือคำพูดติดปากที่จอมยุทธ์กล่าวตอบภูผาเวลาที่ภูผาตักเตือน

“วันใดที่ผมพบเจอคนที่ผมรักที่สุด.....รักมากกว่าพี่หมอก.....ผมก็จะหยุดครับ......แล้วจะมอบความรักให้กลับคนคนนั้นเพียงคนเดียวครับ” จอมยุทธ์ให้สัญญาอย่างหนักแน่น โดยตนเองไม่มีทางจะรู้เลยว่า ในอนาคตข้างหน้าเพียงไม่กี่ปี จอมยุทธ์จะพบเจอคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตถึงสองคนต่างเวลากัน คนหนึ่งคือคนที่ตนเองเฝ้าทะนุถนอมเอาใจใส่ และสัญญาว่าจะดูแลไปตลอดชีวิต........ อีกคนหนึ่งคือหุ้นส่วนของชีวิตที่ขาดไม่ได้เช่นกัน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 19:32:17 โดย b|ueBoYhUb »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ทำไมเรื่องนี้ทุกคนเป็นคนดีเช่นนี้ ไม่มีตัวอิจฉาเลยเหรอ  :try2:

รออ่านต่อไป :impress:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
วิธีบอกของฟ้าลั่นนี่ดีเนอะ  อิอิ  มันจาเห็นกันขนาดนั้นเลยเหรอ  ไม่น่าเชื่อเรย   :try2:

รออ่านต่อ  ชอบหมอก  น่ารัก น่ารัก   :impress:

FlukeHub

  • บุคคลทั่วไป
อ่ะนะ

 :o

จอมยุทธ์จะมีแฟน 2 คนเหรอ

งง  :confuse:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

“วันใดที่ผมพบเจอคนที่ผมรักที่สุด.....รักมากกว่าพี่หมอก.....ผมก็จะหยุดครับ......แล้วจะมอบความรักให้กลับคนคนนั้นเพียงคนเดียวครับ”


เมื่อไหร่จาเจอว้า..................... :angellaugh2:

ออฟไลน์ GoneOn

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
บลู รออ่านอยู่นะจ้ะ

รีบๆมาด้วยล่ะ  :pigangry2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เหอเหอ :untrust:

อยากมีแบบนี้บ้างจังวุ้ย


พุห์ :laugh:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ไปแนวที่ผมชอบเลยครับ คล้ายนิยายเกาหลี สะท้อนชีวิตจริงของคนเรา
ไม่มีใครอยากได้ชื่อว่าเป็นคนเลว แต่บางครั้งความรักก็ทำให้คนหลงทำอะไรผิดๆไป
กว่าจะรู้ตัวก็ทำร้ายคนที่เรารักไปเสียแล้ว

***************************************************************************


บทที่ 13 ตามหัวใจไปสู่ฝัน

นับเป็นเวลากว่าเกือบห้าเดือนแล้วที่จอมยุทธ์กลายเป็นแขกประจำห้องพักของภูผาและฟ้าลั่น เขาซื้อข้าวของจำเป็นต่างๆเข้ามาไว้ที่ห้องของทั้งคู่ ราวกับว่าเป็นห้องพักของตนเอง ทั้งๆที่ก็มีห้องห้องพักเดี่ยวขนาดเล็กถัดไปในชั้นเดียวกันที่บิดาและมารดาเช่าไว้ให้พักผ่อนในช่วงวันเรียนหนังสือ เพราะไม่ต้องการให้จอมยุทธ์ขับรถกลับบ้านที่ไกลออกไปจากตัวเมืองในกรณีที่เลิกเรียนค่อนข้างดึก ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น รวมถึงยังไว้ใจภูผาและฟ้าลั่นว่าคงจะดูแลและห้ามปรามลูกชายของตนไม่ให้ไปก่อเรื่องร้ายที่ไหนได้เป็นอย่างดี

เนื่องจากก่อนหน้านั้นจอมยุทธ์ได้พูดกรอกหูบิดามารดาทุกวันว่าพี่ชายทั้งสองเป็นคนดี น่ารัก เรียนเก่ง แถมช่วยติวหนังสือให้กับเขาที่ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนในระบบการศึกษาของไทยมาก่อนให้สามารถสอบได้คะแนนดี จนทำให้คุณรพีพรรณ ....มารดาของจอมยุทธ์ต้องเอ่ยปากชวนภูผาและฟ้าลั่นไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านเป็นครั้งแรกเมื่อห้าเดือนก่อน

หลังจากเห็นกิริยามารยาทและบุคลิกของภูผาและฟ้าลั่น คุณรพีพรรณและคุณวิศรุต มารดาและบิดาของจอมยุทธ์ก็เกิดความประทับใจอย่างมาก ถึงขนาดเอ่ยชมอยู่ตลอดเวลา รวมถึงเรียกขานทั้งสองหนุ่มว่า “ลูก” อย่างเต็มใจ เล่นเอาจอมยุทธ์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทีเดียว เพราะยินดีกับพี่ชายทั้งสองคนที่ได้รับการยอมรับและไว้วางใจโดยบิดาและมารดาของตน

นั่นจึงเป็นสาเหตุให้คุณรพีพรรณและคุณวิศรุต ยินดีและสนับสนุนให้จอมยุทธ์เช่าห้องพักอยู่ข้างๆ ห้องของภูผาและฟ้าลั่นได้ แถมด้วยการฝากฝังให้ทั้งสองหนุ่มช่วยดูแลและจัดการดัดนิสัยของลูกคนเล็กของตนให้อยู่หมัดอีกด้วย  

หลังจากนั้นเป็นต้นมาจอมยุทธ์จึงกลายมาเป็นแขกประจำห้องพักของภูผาและฟ้าลั่นจนกระทั่งทุกวันนี้ โดยที่สองหนุ่มคู่รักก็มิได้รังเกียจหรือเกิดความอึดอัดแต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านั้นก็มีศิวะหรือพี่เสือที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของทั้งคู่เช่นกัน

และเนื่องจากจอมยุทธ์เป็นคนมีน้ำใจ มีระเบียบวินัยในตนเองสูง จึงไม่เคยทำให้ห้องรกหรือสกปรก หรือสร้างความไม่สบายใจแก่ภูผาและฟ้าลั่นแต่อย่างใด จอมยุทธ์รู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี

หน้าที่ประจำของจอมยุทธ์ที่เขาอาสาทำให้พี่ชายทั้งสองคนอย่างเต็มใจก็คือ การซื้ออาหาร ขนม และผลไม้ มาใส่ไว้ในตู้เย็นตลอดเวลา จนฟ้าลั่นก็เอ่ยปากห้ามอยู่หลายครั้ง ยกเว้นภูผาที่มิได้เอ่ยอะไร เพราะชอบรับประทานอาหารหรือขนมที่จอมยุทธ์ซื้อมา

“จอม......คราวหลังไม่ต้องซื้อขนมมาเยอะนักก็ได้.........พี่ยังอยากให้แฟนพี่หุ่นดีอยู่นะ....ไม่อยากได้แบบอวบๆนักหรอก” ฟ้าลั่นถือโอกาสเปิดหัวข้อสนทนาขณะที่ทั้งสามคนนั่งเล่น ดูทีวี และอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบอยู่ในห้องด้วยกัน เพราะข้างนอกฝนตกหนัก ไม่สะดวกต่อการออกไปข้างนอก เขาสังเกตว่าช่วงนี้ภูผาดูเจริญอาหารขึ้นอย่างผิดปกติ

“เฮ้ย......เราไม่ได้อ้วนซะหน่อย......... ถ้าไม่ชอบเราก็ไปหาคนอื่นเลย......” ภูผาได้ยินจึงรีบประท้วง ก่อนจะขว้างหมอนไปใหญ่ไปที่คนพูด

ฟ้าลั่นตั้งท่าระวังอยู่ก่อนหน้าแล้ว จึงทำให้หมอนที่ถูกขว้างมาไม่สัมผัสกับส่วนใดๆของร่างกายของเขาแต่อย่างใด คนรับหมอนได้ยังมีแก่ใจยักคิ้วให้เล็กน้อยเป็นการล้อเลียน

“โอ๋.....หมอกอย่างอนซิครับ......เราก็แหย่เล่น......ใครจะไปทิ้งหมอกได้ล่ะครับ.........หัวใจเราอยู่กับหมอกนี่นา...ทิ้งหมอกไปเราก็ตายซิ” ฟ้าลั่นรีบง้อทันที ก่อนจะเดินมาโอบกอดภูผาที่นั่งอยู่บนโซฟาทางด้านหลัง พร้อมกับหอมแก้มใสๆไปหนึ่งที เล่นเอาจอมยุทธ์ที่นั่งมองดูอยู่อดไม่ได้ต้องแซวออกมา

“โอ๊ย......หวานกันจริงคู่นี้......เมื่อไหร่เราจะมีแฟนซะทีนี่......จะได้ไม่ต้องมาอิจฉาพี่ทั้งคู่นี่......เฮ้อ” คนพูดแกล้งทำเป็นถอนหายใจแรงๆ เรียกร้องความสนใจ

“ก็รีบหาซิไอ้เสือจอม......มัวแต่ลอยไปลอยมาอยู่แบบนี้.....นายก็คงหาเจออยู่หรอก” ฟ้าลั่นหันหน้าไปสั่งสอนเจ้าน้องชายตัวดี

“แหม...พี่ถ้ามันหาง่ายอย่างนั้น.......ผมคงเจอไปนานแล้วแหล่ะครับ.....ไม่ต้องมาทนนั่งดูพี่สองคนสวีตกันให้เจ็บหัวใจป่าวๆ”

“เฮ้อ.....เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า....พูดที่ไรก็เจ็บใจทุกที.......เอาเป็นว่าผมไม่ซื้อขนมที่กินแล้วอ้วนมาแล้วดีกว่า....หาซื้อผลไม้มาดีที่สุด.....ผมก็ไม่อยากให้พี่หมอกที่รักของผมเป็นหมูด้วย......”จอมยุทธ์ตัดบท ก่อนจะหัวเราะชอบใจเพราะได้แกล้งล้อพี่หมอกที่น่ารักของตน

เจ้าน้องชายตัวดีมัวแต่หัวเราะเพลินจึงไม่ทันระวัง หมอนใบใหม่ก็ถูกโยนมาจากภูผาก็กระทบศีรษะอย่างจัง

“โอ๋ย...พี่หมอกใจร้าย.....ชอบทำร้ายร่างกายผม...”จอมยุทธ์แกล้งโอดครวญ

“ดีแล้ว .......สมน้ำหน้า หาว่าพี่อ้วน.....”ภูผาตอกกลับทันทีด้วยความสะใจ

“โห...พี่หมอกก็..... ผมล้อเล่น....พี่หมอกหุ่นดีจะตาย......ไม่อย่างนั้นพี่ฟ้าลั่นเค้าจะหวงพี่หมอกอย่างนี้หรอกครับ.....”จอมยุทธ์กล่าวออกมาตามตรงจากสิ่งที่เห็น

“ไม่เอาแล้ว....เลิกพูด.....อ่านหนังสือแล้วก็ดูทีวีดีกว่า” คนฟังเขินหน้าแดง จึงรีบเปลี่ยนบทสนทนา

“พี่หมอกกับพี่ฟ้าลั่น เดี๋ยวฝนหยุดตกแล้ว เราไปดูหนังกันดีกว่าครับ” จอมยุทธ์ชักชวน เพราะรู้สึกเบื่อๆกับการอ่านหนังสือ และนั่งเล่นนอนเล่นอยู่แต่เพียงในห้องแต่เพียงอย่างเดียว

“อืม.....ก็ดี.....”ภูผารับคำชวน ก่อนจะหันหน้าไปหาฟ้าลั่นเพื่อขอความเห็น

“อืม.....ไปดูหนังก็ดี...จะได้หาข้าวเย็นกินกัน แล้วกลับมาอ่านหนังสือสอบมิดเทอมต่อ....วันนี้พักมามากแล้ว” ฟ้าลั่นเห็นด้วย แต่ก็ยื่นข้อแม้ที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามโดยเฉพาะจอมยุทธ์

“จอม...นายต้องอ่านหนังสือมากๆนะ อย่าคิดว่าเทอมที่แล้วได้เกรดดี เทอมนี้เลยจะไม่ตั้งใจ.......”ฟ้าลั่นหันมาเตือนจอมยุทธ์

“ใช่เลยจอม......ถ้านายได้เกรดต่ำกว่าสามจุดศูนย์......ไม่ต้องมาพูดกันเลย...ตัดขาดความเป็นพี่น้อง” ภูผาขู่ทับผสมลงไปด้วย

“ครับผม.....ผมจะไม่ทำให้พี่ชายทั้งสองคนผิดหวังหรอกครับ.......ป้ากับม่าม๊าจะได้ดีใจด้วย” จอมยุทธ์รับคำอย่างขึงขัง เวลานี้เขาเชื่อฟังคำสั่งของภูผาและฟ้าลั่นมากกว่าใครในครอบครัวของเขาเสียอีก

*********************

หลังสอบมิดเทอมเสร็จสิ้นก็จะเป็นช่วงปีใหม่พอดี ดังนั้นเพื่อนๆของภูผาและฟ้าลั่นจึงวางแผนกันไปเที่ยวดอยอินทนนท์ โดยเตรียมการที่จะไปกางเต็นท์นอนรับสายลมหนาว และดูทะเลหมอกยามเช้า รวมถึงดวงอาทิตย์แรกของปีใหม่ที่ขึ้นจากขอบฟ้า โปรแกรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้ถือเป็นการท่องเที่ยวครั้งสุดท้ายก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้.....มหาวิทยาลัยที่เป็นเสมือนบ้านหลังที่สองของทุกคน

จอมยุทธ์ได้รับสิทธิพิเศษติดตามไปด้วย เพราะสนิทกับกลุ่มเพื่อนของพี่ชายทั้งสองเป็นอย่างดี เนื่องจากเล่นเทนนิสและทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันบ่อยๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

ดังนั้นทั้งกลุ่มซึ่งประกอบด้วยนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 9 คน และนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ 2 คน คือ ฟ้าลั่นและเพื่อนสนิทของเขาที่ตอนนี้กลายเป็นแฟนหนุ่มของหนึ่งในสี่สาวแท้ผู้ร่วมขบวนการกางเต็นท์รับลมหนาวในครั้งนี้ ทั้งสิบเอ็ดชีวิตออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยในช่วงเช้าตรู่โดยสารสี่ล้อแดง คนขับรถเลือกใช้ถนนสายเชียงใหม่-จอมทอง เพื่อขึ้นสู่ดอยอินทนนท์.....ดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย

คณะเดินทางได้หยุดพักที่ตลาดจอมทอง เพื่อจัดการซื้ออาหารสดและแห้ง รวมถึงอุปกรณ์จำเป็นต่างๆเพื่อใช้ในการทำอาหารและการก่อกองไฟ นอกจากนั้นยังหาอาหารรับประทานรองท้องเพราะย่างเข้าเวลาสายมากแล้ว

หลังจากเสร็จสิ้นการจับจ่ายของจำเป็น รถที่เช่ามาจึงเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้ง มุ่งหน้าขึ้นสู่ดอยอินทนนท์  โดยตลอดทางก็แวะพักตามจุดต่างๆ เพื่อเที่ยวชมจุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติและน้ำตกเช่น น้ำตกแม่กลาง น้ำตกแม่ยะ น้ำตกวชิระธาร ที่ถึงแม้จะไม่ใช่หน้าฝน แต่ก็ยังมีกระแสน้ำไหลอยู่ตลอดเวลา.....คงความสวยงามได้ตลอดปี

ก่อนเข้าบริเวณจุดกางเต็นท์ ทั้งกลุ่มตัดสินใจเลยขึ้นไปสักการะพระมหาธาตุที่สร้างโดยกองทัพอากาศ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ..... พระมหาธาตุที่มีนามคล้องจองกันอย่างไพเราะว่า “นภเมทนีดล” และ “นภพลภูมิศิริ” ซึ่งประดิษฐานครอบครองยอดดอยสูงคู่กันอย่างสวยสง่า.....ตระการตา.......

ยอดของพระบรมธาตุพุ่งสูงเสียดฟ้าสีครามสด บริเวณรอบๆประดับตกแต่งด้วยดอกไม้เมืองหนาวเป็นระเบียบและมีสีสันงดงามยิ่งนัก ขณะที่ขึ้นมาบนบริเวณฐานพระมหาธาตุทั้งสององค์นี้ ทุกคนก็จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบๆ ที่เป็นหุบเขาใหญ่น้อยสีเขียวขจี รวมถึงบริเวณเมือง หมู่บ้าน รวมถึงท้องฟ้าและหมู่เมฆขาวสะอาด ได้ตลอดมุมมองสามร้อยหกสิบองศาเลยทีเดียว

หลังจากนั้นคณะเดินทางจึงย้อนกลับมาเพื่อเข้าสู่บริเวณที่พักกางเต็นท์ แม้ว่าในเวลานี้จะมีผู้คนจับจองอยู่อย่างหนาตา แต่ก็ยังมีที่ว่างเพียงพอสำหรับเต็นท์จำนวน 6 หลังที่ทั้งหมดเตรียมมา ทุกคนต่างช่วยกันกางเต็นท์และจัดการเตรียมทำอาหารเย็นกันเร่งรีบ เนื่องจากย่างเข้าบ่ายสามแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงท้องฟ้าก็จะมืดมิดและกระแสลมหนาวก็จะมาพัดพลิ้วเข้ามาเยือนอย่างรวดเร็ว

หลังพระอาทิตย์ตกจึงเป็นเวลาแห่งการสังสรรค์ การนั่งล้อมวงรับประทานอาหารที่เตรียมกันเองอย่างง่ายๆแต่เอร็ดอร่อย โดยมีทั้งต้มยำไก่ หมูย่าง ลาบหมู ผัดผักคะน้าหมูกรอบ และยำปลากระป๋อง รวมถึงสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ เครื่องดื่มหลากชนิด รวมถึงเหล้า เบียร์เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย

หลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ พ่อครัวแม่ครัวจำเป็นทั้งหลายก็จัดแจงเตรียมกับแกล้ม เช่นหมูย่าง ลาบไก่ ขนมขบเคี้ยวต่างๆเพื่อตั้งวงดื่มเหล้าและเล่นกีตาร์ ร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน แม้ว่าส่วนใหญ่จะดื่มเหล้าและเบียร์หลากชนิด แต่ทุกคนก็ดื่มกันอย่างเรียบร้อยและมีสติอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เพื่อความระมัดระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น  ทั้งกลุ่มตั้งวงร้องเพลง คุยกันไปมา จนกระทั่งถึงเวลานับย้อนหลังสู่ปีใหม่

เสียงนับดังกระหึ่มขึ้นพร้อมๆกันจากนักท่องเที่ยวในบริเวณกางเต็นท์นี้ รวมถึงกลุ่มของภูผาและฟ้าลั่น โดยเริ่มจากสิบและลดลงมาตามจังหวะของเข็มนาฬิกาจนถึงศูนย์ ซึ่งก็คือเวลาเข้าสู่ปีใหม่อย่างเป็นทางการ และตามด้วยเสียงไชโยโห่ร้อง และคำอธิฐานและคำอวยพรต่างๆ  

หลังจากทำการเคาท์ดาวน์และอวยพรกันเสร็จสิ้น ทุกคนจึงจัดการเก็บกวาดข้าวของให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมเข้านอน เพราะมีกำหนดการไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่สวยงามบนยอดดอยในตอนเช้าตรู่

ภูผาเป็นกังวลเพราะเกรงว่าจอมยุทธ์จะไม่สะดวกใจในการนอนร่วมกับเพื่อนๆของตนในเต็นท์หลังอื่นๆ เขาเลยจัดแจงให้มานอนในเต็นท์เดียวกันกับเขาและฟ้าลั่น

ค่ำคืนในวันส่งท้ายปีใหม่นี้...ท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆบดบัง....แสงจันทร์จึงสามารถส่องผ่านช่องหน้าต่างเต็นท์ ให้สามารถเห็นความเป็นไปของคนที่นอนอยู่ได้บ้าง....แม้ไม่ถนัดตานัก แต่ก็ยังพอเห็นได้เลือนราง

“ว้า.......เสียดายจัง......มีตัวมารตัวน้อยๆมาขัดขวาง.....ไม่งั้นคืนนี้........เราก็จะได้แบบว่า......เป็นคืนแรกของกันและกัน” ฟ้าลั่นกระซิบเสียงกระเส่าที่ข้างหูภูผา เนื่องจากฤทธิ์เหล้าที่มีอยู่ในร่างกาย ทั้งคู่นอนอยู่ด้วยกันในถุงนอนใบใหญ่แสนนุ่ม
 
“บ้า.....ไม่เอาหรอก....ใครจะยอม” ภูผาหันหน้ามากระซิบตอบเข้าที่ข้างหูของฟ้าลั่น เขากลัวว่าจอมยุทธ์จะได้ยิน แต่ก็ไม่วายที่จะจูบปากที่มีกลิ่นเหล้าจางๆของคนรัก....ยั่วยวนให้ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของดวงตาหวานซึ้งเกิดอารมณ์กระเจิดกระเจิงขึ้นมาอีกครั้ง

“อืม......ยังจะมาแกล้งยั่วเราอีก.....หมอกที่รักของฟ้าลั่น” ฟ้าลั่นกระซิบ พร้อมกระชับอ้อมแขน รั้งตัวของภูผาให้เคลื่อนมาแนบกับอกของตนเองให้ชิดขึ้น และจรดจมูกฝังลงไปที่แก้มของภูผาหลายที ก่อนจะรู้สึกตัวว่าการกระทำของตนกำลังถูกเฝ้ามองอยู่โดยเจ้าน้องชายตัวแสบ

“มองอะไร...ไอ้เสือจอม......”ฟ้าลั่นแยกเขียวถามคนที่นั่งมองตาเยิ้มเพราะฤทธิ์เหล้าที่มีอยู่ในร่างกายไม่น้อย

“ก็มองคนสวีตกัน.......ว้า.....เสียใจด้วยนะครับ...คืนนี้อ่ะ......ผมยินดีเป็นตัวมารขัดขวางครับ”เวลานี้แม้ว่าจะเห็นไม่ชัดเจนนัก เพราะค่อนข้างมืด แต่คนฟังอย่างฟ้าลั่นก็คงพอเดาได้ว่า เจ้าน้องชายตัวดีคงกำลังหน้าทะเล้นใส่เขาอยู่แน่นอน

“หุบปากไปเลย.....จะนอนข้างในหรือจะไปนอนกับต้นไม้ข้างนอก หา......”ฟ้าลั่นขู่เสียงเบากลับมา เนื่องจากตอนนี้ภูผาได้หลับไปเรียบร้อยเพราะฤทธิ์เหล้าจะความเพลียจัดที่สะสมมาทั้งวัน

“แหม......หุบปากก็ได้.....ทำเป็นโมโห......พลาดหวังละซิท่า” จอมยุทธ์บ่นพึมพำ พร้อมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอน

ฟ้าลั่นเห็นจังหวะตอนที่จอมยุทธ์ไม่ระวัง จึงรูดซิบถุงนอนออกช้าๆ และยื่นขาไปแตะก้นคนปากดีไปหนึ่งที ในข้อหาพูดแทงใจดำเข้าอย่างจัง

“โอ๋ย.....พี่ฟ้าลั่นใจร้าย....จะฟ้องพี่หมอกพรุ่งนี้ด้วย” จอมยุทธ์แกล้งโอดครวญในตอนแรก แต่ครั้นเมื่อนอนในท่าสบาย เขาก็หลับไปอย่างรวดเร็วเพราะความเพลียและฤทธิ์เหล้าเช่นกัน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2007 19:31:26 โดย b|ueBoYhUb »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด