สร้างรักคู่ที่สี่: Tsuyoshi x Hikaru (จบ)
แต่สึโยชิไม่ต้องรอจนฮิคารุหายดีอย่างที่บอกน้องชายไว้ หลังจากที่เขาพาฮิคารุไปส่งที่บ้านในตอนเย็นและรอดพ้นจากการถูกฮิโคอิจิซักฟอกไปได้เพราะเพื่อนรุ่นพี่ไม่อยู่บ้านพอดี วันรุ่งขึ้น ฮิคารุก็มาหาเขาที่บริษัท เด็กหนุ่มเปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะและไม่สนใจจะรอให้สึโยชิอนุญาตด้วย
“ฮิคารุ เธอมาที่นี่ได้ยังไง แล้วหายแล้วเหรอ” สึโยชิขมวดคิ้ว มองเด็กหนุ่มเดินมานั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขา
“ผมไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย” ฮิคารุตอบ เขามองหน้าสึโยชิ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มนิด ๆ แล้วถามว่า
“ดูเหมือนว่าสึโยชิซังอยากคุยกับผมใช่ไหม”
“อัตสึชิบอกเธอเหรอ”
“ไม่ใช่อั๊คคุงหรอกครับ คนอื่นน่ะ”
สึโยชิหรี่ตาเล็กน้อย มีความรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองคิดเอาไว้น่าจะถูกต้องแล้ว
เจ้าเด็กคนนี้มันร้ายกาจกว่าที่เขาคิดจริง ๆ!
“เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของเธอใช่ไหมฮิคารุ”
ชายหนุ่มถามเสียงเย็น
“คุณคิดว่ายังไงล่ะ” ฮิคารุเล่นลิ้น ไม่เดือดร้อนกับสายตาและน้ำเสียงเย็น ๆ ของอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว
“เธอเป็นคนทำ! เธอร่วมมือกับนางิ ให้นางิมาเป็นตัวล่อให้คนอื่นไขว้เขว”
ฮิคารุยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่แสดงทุกอย่างให้กระจ่างชัด
สึโยชิทุบโต๊ะปัง เขาโกรธ เขาโมโห และที่สำคัญ เขาเสียใจที่เจ้าเด็กคนนี้มันเอาความห่วงใยของเขามาล้อเล่น
“ทำไม ฮิคารุ”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาประจันหน้ากับสึโยชิ
“เพราะผมต้องการคุณ ผมทำได้ทุกอย่างนั่นแหละที่จะทำให้คุณหันมาสนใจผม ชอบผม”
“แล้วเธอคิดว่าทำอย่างนี้แล้วฉันจะยังชอบเธอได้อยู่งั้นเหรอ”
“ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงตอนนี้คุณก็ไปจากผมไม่ได้แล้ว”
“เธอหมายความว่ายังไง”
คำถามของสึโยชิได้คำตอบในไม่กี่อึดใจนั้น เพราะเมื่อเด็กหนุ่มพูดจบ หลังจากเหลือบมองนาฬิกาแวบหนึ่ง เขาก็กวาดข้าวของบนโต๊ะของสึโยชิตกกระจายลงบนพื้น
ฮิคารุฉีกเสื้อของตัวเองจนขาดรุ่งริ่ง แล้วดึงตัวสึโยชิที่ยืนตะลึงมองให้ล้มลงไปด้วยกันบนโต๊ะทำงานของสึโยชิ
“เฮ้ย!” เสียงอุทานนี้ไม่ได้ออกมาจากปากของสึโยชิ แต่เป็นเสียงร้องประสานกันอย่างน้อยสามเสียง
อัตสึชิ โนมูระ มัตสึดะ และยังมีพนักงานอีกคนหนึ่ง ทั้งหมดยืนอ้าปากค้าง ตาเบิกโพลง จ้องมายังเขากับฮิคารุที่ล้มทับกันอยู่บนโต๊ะในสภาพที่ใครเห็นก็คิดไม่ต่างไปจากนี้
ประธานค่ายหนังกำลังปล้ำนักแสดงในสังกัด!
ยังไม่พอ เจ้าฮิคารุยังตอกย้ำด้วยการบีบน้ำตาให้พยานในเหตุการณ์เห็นอีกด้วย!
“เอ้อ...ขอโทษครับ พวก...พวกผมจะออกไปเดี๋ยวนี้”
โนมูระกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ แล้วค่อย ๆ ถอยหลังออกจากห้องไปพร้อมกับทุกคนพร้อมกับปิดประตูอย่างเงียบกริบ แต่ทันทีที่ประตูปิด เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังระงมทันที
สึโยชิหลับตาอย่างรู้ดีถึงชะตากรรมของตัวเอง หูของเขาได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของฮิคารุ
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด เจ้าเด็กร้ายกาจ!
สึโยชิเตรียมตัวเตรียมใจที่จะต้องเผชิญหน้ากับรุ่นพี่ของเขาตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องแล้ว แต่เมื่อต้องมานั่งอยู่ตรงหน้าฮิโคอิจิที่กำลังโกรธจัดเข้าจริง ๆ ชายหนุ่มก็เริ่มอยากจะให้ตัวเองหายตัวไปจากตรงนี้ได้เหลือเกิน เขาไม่เคยเห็นรุ่นพี่โกรธมานานแล้ว แต่เขายังจำได้ว่าเวลารุ่นพี่โกรธมันจะเป็นยังไง แม้แต่สึนามิก็ยังแรงได้ไม่เท่า แล้วนี่ยิ่งเป็นเรื่องของลูกชายสุดที่รัก ชายหนุ่มไม่อยากจะคิดเลย
“ฉันอุตส่าห์ไว้ใจให้นายดูแลฮิคารุ” ฮิโคอิจิเริ่มต้น “แล้วมันกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง”
ยิ่งพูดเสียงของเขาก็ยิ่งดัง
“นายกับฮิคารุ! รุ่นน้องกับลูกชายของฉัน!”
ดาบไม้ในมือของฮิโคอิจิฟาดเปรี้ยงลงบนพื้นข้างตัวชายหนุ่มจนเขาสะดุ้ง
“นายมีอะไรจะแก้ตัวไหม สึโยชิ”
“ผมไม่มีข้อแก้ตัวครับรุ่นพี่ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจริงตามที่รุ่นพี่ทราบ” สึโยชิตอบ เขาสบตากับฮิโคอิจิโดยไม่เลี่ยงหลบ
“ผมชอบฮิคารุคุงครับ และพร้อมจะรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่าง”
“แต่ลูกฉันเป็นผู้ชาย! นี่ฉันต้องยกลูกชายฉันให้นายงั้นเรอะ!” ฮิโคอิจิคร่ำครวญ ชนิดถ้าตีอกชกหัวได้คงทำไปแล้ว แล้วฮิโคอิจิก็ฟาดดาบไม้ลงกับพื้นข้างตัวชายหนุ่มรุ่นน้องอีกทีคราวนี้เฉียดตัวเขาไปไม่ถึงหนึ่งเซ็นติเมตร
สึโยชิก้มศีรษะจรดพื้น
“ผมรู้ตัวว่าผมทำผิด ผมขอโทษจริง ๆ ครับ รุ่นพี่จะลงโทษหรือจะให้ผมทำอะไร ผมยอมทุกอย่าง”
“โว้ย!” ฮิโคอิจิขว้างดาบไม้ในมือลงพื้นด้วยความขัดใจ เขาเดินพล่านเหมือนเสือติดจั่น แล้วก็ตรงเข้ามาดึงคอเสื้อของชายหนุ่มรุ่นน้องให้ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับเขา
“นายบอกว่าชอบลูกชายฉันใช่ไหม” ฮิโคอิจิถามเสียงเหี้ยม
“ครับผม” สึโยชิตอบรับอย่างหนักแน่น
“นายรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายถ้าทำให้ลูกชายฉันเสียใจ” ฮิโคอิจิแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม
“ผมทราบ” ชายหนุ่มยอมรับอย่างสงบ
ฮิโคอิจิจ้องตาสึโยชินิ่ง แล้วเขาก็ปล่อยคอเสื่อของอีกฝ่าย สึโยชิทรุดตัวลงนั่งตามเดิม
“ฉันรักนายเหมือนน้องชายคนนึง แต่ไม่เคยนึกว่าจะต้องเปลี่ยนสถานะตัวเองจากพี่ชายมาเป็นพ่อตา!”
สึโยชิพยายามกลั้นยิ้ม นึกโล่งอกขึ้นมาทันที ลงรุ่นพี่พูดติดตลกได้แบบนี้แสดงว่าวิกฤตผ่านพ้นไปแล้ว
สุดท้าย หลังจากที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้ ฮิโคอิจิก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ลูกชายฉันมันร้าย” เขาเปรยขึ้นลอย ๆ แต่ก็แสดงให้เห็นเช่นกันว่าเขาเข้าใจอะไร ๆ ดี
ฮิโคอิจิเป็นพ่อที่เลี้ยงดูฮิคารุมากับมือ ทำไมจะไม่รู้จักลูกชายตัวเอง
“เอาล่ะ ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย ส่วนนาย อยากจะอยู่ต่อหรืออยากจะไปไหนก็ตามใจ”
ชายหนุ่มรุ่นพี่เดินไปที่ประตูบานเลื่อนกระดาษ แต่ก่อนที่จะออกไปจากห้อง เขาก็หันมาบอกรุ่นน้องที่ยังนั่งคุกเข่าเรียบร้อยอยู่บนเบาะรองนั่งว่า
“ฮิคารุอยู่ในห้อง”
สึโยชิเคยเข้ามาในห้องของฮิคารุแล้วตอนที่เขามาส่งเด็กหนุ่มเมื่อวานนี้ แต่วันนี้เจ้าของห้องใส่ชุดยูกาตะสีขาวเหมือนที่เคยใส่ตอนเจอกับเขาครั้งแรก ฮิคารุนอนพังพาบอยู่บนฟูกที่นอน มือข้างหนึ่งเท้าคาง อีกมือหนึ่งพลิกนิตยสารอ่านอย่างสบายอารมณ์ แล้วเมื่อเห็นสึโยชิเปิดประตูห้องเข้ามา เด็กหนุ่มก็โบกมือให้
“สึโยชิซัง คุยกับพ่อเสร็จแล้วเหรอ”
“เสร็จแล้ว ฉันโดนพ่อเธอด่าจนหูชาเลย” ชายหนุ่มบอก เขานั่งลงบนฟูกที่นอนที่ฮิคารุนอนอยู่ เด็กหนุ่มหัวเราะคิกเมื่อได้ยินคำบ่น
“น่าสงสารจัง”
“สนุกจังนะ” สึโยชิแดกดัน แต่ฮิคารุก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตามเคย แถมยังยักคิ้วล้อเลียนด้วย ทำเอาสึโยชิหมั่นไส้ขึ้นมาทันที ชายหนุ่มจับฮิคารุพลิกตัวอย่างรวดเร็ว แล้วกดตัวเด็กหนุ่มติดกับฟูก ริมฝีปากของเขาบดขยี้ริมฝีปากของเด็กหนุ่มอย่างรุนแรง แต่เมื่อเขาถอนริมฝีปากออก ก็เห็นรอยยิ้มยั่วเย้าของเด็กหนุ่ม สองมือของฮิคารุถูกสึโยชิกดติดกับฟูก แต่ขาสองข้างของเด็กหนุ่มเป็นอิสระ เขาเกี่ยวขาข้างหนึ่งกับสะโพกของสึโยชิพร้อมกับพูดว่า
“ติดใจอยากจะปล้ำผมเหรอ จริง ๆ ไม่ต้องปล้ำก็ได้นะสึโยชิซัง แค่คุณบอกผมคำเดียว ผมก็ยอมคุณดี ๆ อยู่แล้วล่ะ”
สึโยชิถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนยอมแพ้ เขาปล่อยมือฮิคารุ แล้วซบศีรษะลงกับอกของเด็กหนุ่มแทน ซึ่งฮิคารุก็ยกสองมือที่เป็นอิสระขึ้นกอดเขาตอบ
“ฉันยอมเธอจริง ๆ เลยฮิคารุ เด็กอะไรร้ายกาจที่สุด”
ฮิคารุหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงสึโยชิบ่น เด็กหนุ่มจูบศีรษะของคนที่อยู่ในอ้อมแขนไปทีหนึ่งแล้วพูดว่า
“ผมร้ายก็เพราะคุณนั่นแหละ อยากไม่สนใจผมทำไมล่ะ มันก็ต้องกระตุ้นกันยังงี้แหละ”
“แล้วเธอคิดว่าฉันควรจะจีบเธอเหรอ ทั้งที่เธอเป็นลูกชายของรุ่นพี่ที่มีพระคุณกับฉันเนี่ยนะ แล้วเธอยังมาเป็นนักแสดงในสังกัดฉันอีก ถึงฉันจะชอบเธอยังไง ฉันก็ต้องระวังไหมล่ะ”
“ก็ผมช่วยคุณตัดสินใจแล้วนี่ไงล่ะ โอเคแล้วเนอะ”
สึโยชิอดหัวเราะออกมาไม่ได้ในที่สุด เขาลุกขึ้นนั่งพร้อมกับดึงร่างของฮิคารุเข้ามากอดเอาไว้แน่น
ฮิคารุในวันนั้นกับวันนี้กอดตอบเขาแน่นเหมือนกัน ชายหนุ่มมองคนรักหนุ่มที่หลับตาพริ้มซบอยู่กับอกของเขา ฮิคารุนั่งอยู่บนตักของเขา สองมือกอดเอวเขาไว้ สีผิวของฮิคารุเข้มขึ้นกว่าเดิมเพราะเจ้าตัวไปอบผิวเพิ่มหลังจากลาออกจากบริษัทและเปลี่ยนไปทำงานเป็นนายแบบ ผลงานที่เคยถ่ายไว้สองเรื่องก็ถูกลบทิ้งไป ฮิคารุบ่นกระปอดกระแปดด้วยความเสียดาย แต่ทั้งเขาและฮิโคอิจิไม่อ่อนข้อให้เด็ดขาดสำหรับเรื่องนี้และห้ามเด็ดขาดไม่ให้คิดจะทำงานแบบนี้อีก ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่ขัดข้องเพราะกำลังสนุกและไปได้ดีกับการเป็นนายแบบ
ส่วนผลพวงจากเรื่องของฮิคารุ แม้เจ้าตัวจะลาออกไปแล้ว แต่สึโยชิยังโดนพนักงานตัวเองแอบเม้าธ์ลับหลังอยู่อีกเป็นนาน และบริษัทก็มีกฎแปลก ๆ ตามออกมาพร้อมกันสองข้อหลังจากนั้นว่า พนักงานในระดับบริหารห้ามเป็นแฟนกับนักแสดงในสังกัดเป็นอันขาดและห้องทำงานของประธานถือเป็นเขตหวงห้าม ใครที่ต้องการเข้าพบจะต้องเคาะประตูและรอคำอนุญาตจากเขาเสียก่อนถึงจะเปิดเข้าไปได้ หากใครฝ่าฝืน ไล่ออกสถานเดียว
“ฮิคารุ ตื่นเถอะ” สึโยชิเรียก เขามองชายหนุ่มที่ขยี้ตาด้วยความงัวเงียอย่างเอ็นดู
“เธอจะอยู่กับฉันจนเลิกงานไหม หรือจะกลับก่อน”
ฮิคารุนิ่งคิด ก่อนจะยิ้มกริ่ม
“ผมรอกลับพร้อมคุณก็ได้ แต่ขอไปรอในห้องอั๊คคุงนะ”
คนฟังส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“อย่าแกล้งอัตสึชินักเลยน่า ปล่อยให้เขาอยู่กับสึบาสะคุงไปเถอะ”
“งั้นผมไปรอในห้องอาหารดีกว่า อยู่ที่นี่เดี๋ยวกวนสึโยชิซังจนไม่ได้ทำงานอีก” เด็กหนุ่มก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ
“จะรอเจอนางิล่ะสิ เพราะตอนนี้เขาน่าจะถ่ายงานเสร็จแล้ว” สึโยชิดักคอ
“รู้ทันอีก” ฮิคารุหัวเราะ
เขาลุกขึ้นจากตักของคนรัก
“จะกลับเมื่อไหร่โทรหาผมนะ”
ฮิคารุจูบลาคนรักเร็ว ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยมีสายตาของสึโยชิมองตาม
เป็นสายตาที่ทั้งอ่อนใจและอ่อนหวานระคนกัน
นางิกับฮิคารุจับมือกันเมื่อไหร่ ความวุ่นวายจะต้องเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน
สึโยชินึกสงสารคนที่จะตกเป็นเหยื่อของสองคนนี้ขึ้นมาจับใจ...
........
จบคู่ที่สี่ค่ะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ ตอนนี้เหลืออีกสองคู่จะจบ Season 1 ละค่ะ อยากต่อ Season 2 มากเลยแต่ยังคิดไม่ออก
สำหรับที่มีคอมเม้นท์ถามเรื่องรูปนะคะ เดี๋ยวลองไปหาดูก่อนนะ อาจจะใส่รูปเพิ่มหลังอัพอีกสองคู่ที่เหลือจบนะคะ