[JGV FanFic] "The Company - บริษัทสร้างรัก" (SS1 end) ย้ายได้เลยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [JGV FanFic] "The Company - บริษัทสร้างรัก" (SS1 end) ย้ายได้เลยค่ะ  (อ่าน 30788 ครั้ง)

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
คาสุกิเนี่ยน้าบทจะหวานก็หวานเวอร์ :-[

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักครั้งที่สาม: Teppei x Eiji


     เท็ปเปทำงานเป็นตากล้องให้บริษัทเข้าปีที่ห้าแล้ว นอกจากเป็นตากล้องหลัก เขายังควบตำแหน่งตัดต่ออีกหนึ่งตำแหน่งด้วย และการทำงานแบบนี้ไปนาน ๆ ทำให้บางทีเขารู้สึกว่าตัวเองอาจจะตายด้านเรื่องเซ็กซ์ไปแล้วก็ได้
        เขาอยู่กับเซ็กซ์แทบทุกวันจนชาชิน ชายหนุ่มไม่มีครอบครัว เขาไม่ชอบผู้หญิง ดังนั้นเรื่องแต่งงานจึงไม่เคยมีอยู่ในหัว ส่วนเรื่องเซ็กซ์ก็นาน ๆ จะทำสักครั้งหนึ่ง เขาเป็นตากล้องให้หนังจีวีก็จริง มีโอกาสเจอนักแสดงหน้าตาดีมากมาย แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่เขารู้สึกชอบ
        เขาไม่ได้สานสัมพันธ์กับใครเลย แม้จะเป็นแค่วันไนท์สแตนด์ก็ตาม
        จนกระทั่งถึงตอนนี้
        “เท็ปเปซังสวัสดีครับ”
        เสียงทักที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นทำให้เขาที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ เกือบสะดุ้ง
        “เอย์จิคุง มาเงียบ ๆ”
        เขาทัก
        เอย์จิเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งผ่านออดิชั่นเข้ามา เขาเป็นเด็กหนุ่มตัวเล็ก ผิวขาว ตาโต หน้าตาน่ารักเหมือนผู้หญิง โดยเฉพาะเมื่อไว้ผมหน้าม้าและทำสีผมเป็นสีทองสว่าง ด้วยลุคแบบนี้ เอย์จิจึงมักจะรับบทอุเคะเสมอ
        “ไม่เงียบแล้วครับ ผมเรียกเท็ปเปซังตั้งสองครั้งแล้ว แต่คุณไม่ตอบผมเลย คิดอะไรเพลินอยู่หรือครับ คุณใจลอยไปจนถึงฮอกไกโดแล้วมั้งเนี่ย”
        เด็กหนุ่มพูดยาวเป็นขบวนรถไฟ เอย์จิเป็นคนพูดเก่ง เขาพูดได้ไม่หยุดปาก ถ้ามีโอกาส ดังนั้นตอนที่ให้แนะนำตัวหรือพูดคุยกับกล้อง เขาทำได้ฉลุยทุกครั้งโดยไม่ต้องเทคเลย
        ต่างกับเท็ปเปที่ไม่ค่อยพูดมากนัก
        “ผมเอาเค้กมาฝากครับ เค้กส้มแฮนด์เมดของเพื่อนผม เพื่อนผมเค้าทำเอง เค้ากำลังจะเปิดร้าน ผมเลยช่วยเป็นหนูทดลองให้เค้า แต่จะอ้วนคนเดียวก็ไม่ไหว ขอเอามาให้คนอื่นอ้วนด้วยดีกว่า ว่าแต่เท็ปเปซังชอบเค้กไหมครับ กินหวานได้ไหม แต่เค้กนี่ก็ไม่ค่อยหวานนะครับ เพราะเป็นเค้กส้ม รสจะออกเปรี้ยวนิด ๆ”
        เสียงพูดแจ้ว ๆ ของเอย์จิฟังเหมือนเสียงนกที่ร่าเริงไม่มีผิด เขาไม่รู้สึกรำคาญเลย เท็ปเปฟังเพลินจนเกือบลืมว่าเขาโดนตั้งคำถาม พอเอย์จิเรียกชื่อเขาอีกครั้งนั่นแหละเขาถึงนึกได้ รีบตอบว่า
        “กินได้สิ ขอบใจมากนะเอย์จิคุง คราวหลังไม่ต้องลำบากก็ได้”
        เท็ปเปพูดด้วยความเกรงใจเพราะถ้าเจอเอย์จิคุงทีไร เขาเป็นได้ของอะไรบางอย่างทุกที ส่วนใหญ่มักเป็นของกินที่เจ้าตัวทำเองบ้าง เพื่อนทำบ้าง แล้วหอบมาแจกคนที่บริษัท
        “ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ได้ลำบากอะไรเลย ผมชอบทำอยู่แล้ว”
        เอย์จิยิ้มหวานให้ ก่อนจะขอตัว
        เท็ปเปหยิบเค้กของเอย์จิออกมาจากกล่อง เค้กสีส้มสวย รสชาติเปรี้ยวนิด ๆ อย่างที่เจ้าตัวพูด ดู ๆ ไปแล้ว เค้กส้มอันนี้ก็คล้าย ๆ เอย์จิอยู่นิด ๆ นะ
        สวยและเปรี้ยว
        เท็ปเปเปิดคอมพิวเตอร์ เลือกไฟล์วีดิโอไฟล์หนึ่งขึ้นมา เรื่องใหม่ที่เขายังตัดต่อไม่เสร็จ มีเอย์จิคุงเล่นอยู่ในโปรเจ็คท์ด้วย เรื่องนี้เอย์จิคุงโดนมอมเหล้าและโดนเพื่อนชายข่มขืน
        เอย์จิเมาเหล้าได้เซ็กซี่มาก เมื่อวานเขาก็ดูไปแล้วล่ะ ดูจนเพลินเลยไม่ได้คิดถึงเรื่องที่จะต้องตัดต่อและแก้ไขสักนิด
   ริมฝีปากสีแดงที่เผยอน้อย ๆ เสียงครางเบา ๆ ที่ชวนให้ช่องท้องปั่นป่วน สายตาหวานฉ่ำที่มองสบตากับกล้องเป็นการเชิญชวน
   เหมือนกับเอย์จิกำลังมองเขา ไม่ใช่กล้อง
        เท็ปเปเหมือนถูกมนตร์สะกด เขารูดซิปกางเกงออก ตายังมองสบกับสายตาของเอย์จิในวีดิโอ มือของเขาจัดการกับของตัวเองที่แข็งขันขึ้นมา
        รู้สึกตัวอีกทีเมื่อถึงจุด เขาหอบหายใจหนัก ๆ นึกฉงนเหมือนกัน เขาไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานานแล้ว ตอนนี้ในวีดิโอ เอย์จิกำลังคุยกับกล้อง เขากำลังเล่าถึงซอฟท์ครีมแสนอร่อยที่กินไปเมื่อกี้ ภาพตัดไปที่เอย์จิกำลังออกเดต เด็กหนุ่มยิ้มหวานกับกล้อง แล้วโบกมือลา ก่อนที่ภาพจะหายไป
        เท็ปเปถอนหายใจ เขาไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้แล้ว เอย์จิอายุน้อยกว่าเขาหลายปี อยู่ในวัยที่สดใส เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะสนใจผู้ชายวัยขนาดเขาหรอก

        “เอ้อ นี่มันอะไรกัน”
        เท็ปเปมองหน้าเอย์จิสลับกับมองกล่องที่เด็กหนุ่มวางลงบนโต๊ะอย่างงง ๆ เมื่อจู่ ๆ เด็กหนุ่มก็เอากล่องใหญ่ยักษ์มาตั้งตรงหน้าของเขา
        “เบนโตะไงครับ ผมทำมาให้เท็ปเปซัง รับไว้ด้วยนะครับ”
        “ขอบใจนะ ต้องรบกวนเธอจริง ๆ”
        เอย์จิคุงยิ้มหวาน ทำให้เท็ปเปตะลึงไปนิด ๆ
        “ไม่รบกวนเลยครับ เท็ปเปซังนั่นแหละ กินแต่ขนมปัง มันไม่ดีนะครับ ไม่ค่อยจะมีสารอาหารเลย อย่างน้อยก็น่าจะไปกินข้าวที่โรงอาหารก็ยังดีนะครับ”
        “บางทีมันรีบ ๆ น่ะ ขนมปังก็เร็วดี” เท็ปเปอ้อมแอ้มตอบ บางครั้งเขารู้สึกว่าเอย์จิก็ทำตัวเหมือนคุณแม่ คือ ขี้บ่น
   แต่ก็น่ารักดี
        “แต่มันไม่ค่อยมีประโยชน์”
        เอย์จิค้าน เขาแกะผ้าที่ห่อเบนโตะออก แล้วเปิดกล่องออกให้เห็นว่าเขาทำอะไรมา เป็นเบนโตะที่ตกแต่งอย่างน่ารัก เท็ปเปมองไส้กรอกเวียนนาที่ทำเป็นรูปปลาหมึกกับแอ็บเปิ้ลที่หั่นเป็นชิ้นแล้วตัดเปลือกออกให้ดูเป็นหูกระต่ายด้วยสายตาขบขัน
        “เหมือนทำให้เด็กกินเลย”
        เขาอดแซวไม่ได้ เอย์จิย่นจมูกอย่างน่ารัก
        “ก็เท็ปเปซังเหมือนเด็กนี่นา เด็กไม่ค่อยชอบกินข้าว ต้องทำของมาล่อใจแบบนี้แหละ”
        เท็ปเปหัวเราะเบา ๆ เขาใช้ตะเกียบคีบอาหารขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย เอย์จิมองด้วยความปลาบปลื้มใจ เมื่อเท็ปเปกินจนหมด เขาก็ถามว่า
        “ให้ผมทำเบนโตะให้คุณกินอีกนะครับ”
        “ไม่ดีมั้ง มันจะเป็นภาระให้เธอเปล่า ๆ นะเอย์จิคุง ไม่ต้องหรอก”
        เท็ปเปปฏิเสธ
        “ไม่เป็นภาระหรือลำบากอะไรเลยครับ ผมทำอาหารทุกวันอยู่แล้ว ทำเพิ่มให้เท็ปเปซังอีกคนไม่มีปัญหาอะไรเลย”
        “ฉันออกไปกินที่โรงอาหารก็ได้”
        “เดี๋ยวก็อ้างว่ารีบแล้วก็กินขนมปังอีก ไม่รู้ล่ะ ผมจะทำมาให้ คุณต้องรับเอาไว้ด้วย”
        แล้วเด็กหนุ่มก็ดึงดันทำตามความคิดของตัวเองโดยที่ไม่ฟังคำทัดทานของเท็ปเป คนในค่ายก็เลยได้เห็นเท็ปเปโดนเอย์จิลากออกมานั่งที่โรงอาหารอยู่บ่อย ๆ พร้อมกับกินเบนโตะฝีมือเด็กหนุ่ม
        “ว้าว เบนโตะน่ากินจังเลย เท็ปเปซังโชคดีจังได้กินเบนโตะอร่อย ๆ ทุกวัน”
        เสียงแซวลอยลมมาจากโต๊ะใกล้ ๆ เท็ปเปทำท่ากระอักกระอ่วนใจ พักหลัง ๆ เขาโดนแซวตลอด เรื่องเบนโตะ มองหน้าเอย์จิ ก็เห็นเด็กหนุ่มไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนหรือไม่พอใจ เอย์จิยิ้มหวานให้โชที่เป็นคนแซว ตอบว่า
        “ถ้าโชซังอยากทานเบนโตะ ผมทำให้ก็ได้นะ”
        นางิที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับโชกระแอม โชสะดุ้งโหยง หันไปแก้ตัวทันที
        “ฉันล้อเล่นน่า ก็แค่คิดว่าเบนโตะน่ากิน อยากกินเบนโตะฝีมือนางิจังบ้างอะ”
        ประโยคหลังอ้อนนิด ๆ นางิอมยิ้ม
        “ฉันก็ทำให้นายกินอยู่ทุกวันแล้วนี่ไง”
        “โอนิงิริ ไม่ใช่เบนโตะแห่งรักแบบนี้สักหน่อย มันไม่เหมือนกัน” โชโอดครวญ ถ้าเป็นอาหารที่ทำเอง เขาได้กินข้าวปั้นตลอดแหละ เพราะนางิทำอาหารไม่เป็น ทำได้แค่โอนิงิริ และไปซื้อข้าวกล่องที่ซูเปอร์มาร์เก็ตมาให้เขาเท่านั้น
        โชแค่อยากบ่นคนรักของเขานิดหน่อย ไม่ได้จริงจังอะไร แต่คำพูดที่เขาใช้มันกระทบไปถึงคนที่ได้ยินด้วย เท็ปเปทำหน้าไม่ถูก ส่วนเอย์จิหน้าแดงนิด ๆ
        เบนโตะแห่งรัก
     ก็อยากให้เป็นแบบนั้นเหมือนกันแหละ
        แล้วก่อนที่จะทำอะไรไม่ถูกมากไปกว่านั้น เอย์จิก็ชิงเปลี่ยนเรื่อง เขาร้องทักคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในโรงอาหารเสียงดัง
        “อัตสึชิซัง สวัสดีครับ”
        น้องชายเจ้าของบริษัทก้มหัวรับคำทักทายนิด ๆ มือของเขาจูงเด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาด้วย สึบาสะทักทายโชกับนางิ แล้วหันมามองเอย์จิซึ่งฝ่ายหลังก็มองอยู่ก่อนแล้วเหมือนจะสนใจ ก่อนจะนึกออกพร้อม ๆ กันว่าเคยเจอกันมาก่อนที่ไหน
        “นี่เอย์จิคุง นักแสดงค่ายเรา ส่วนนั่นตากล้อง เท็ปเปซัง” อัตสึชิแนะนำ
        “สวัสดีครับ” สึบาสะทักทาย ก่อนบอกว่า “เราเคยเจอกันแล้วครับ วันที่ผมมาสมัครงานที่นี่ ผมเจอเอย์จิซังด้วย จำได้ไหมครับ” ประโยคหลังเขาหันมาพูดกับเอย์จิ เด็กหนุ่มพยักหน้า
        “จำได้ครับ แต่เรียกเอย์จิเฉย ๆ ก็ได้ครับ”
        “ทั้งสองคนน่าจะอายุพอ ๆ กันนะ” อัตสึชิพูด
        “งั้นไม่ต้องใช้คำสุภาพก็ได้นะ เรียกฉันสึบาสะเฉย ๆ”
        แล้วทั้งเอย์จิกับสึบาสะก็ยิ้มให้กันอย่างถูกชะตา
        “ทานข้าวเที่ยงกันแล้วรึยังครับอัตสึชิซัง สึบาสะคุง” เท็ปเปซึ่งเงียบฟังอยู่ตลอดได้โอกาสถาม
        อัตสึชิพยักหน้า เขาบุ้ยใบ้ไปที่คนรักหนุ่มน้อย
        “เรียบร้อยแล้วล่ะ วันนี้ได้เบนโตะของสึบาสะเขาเหมือนกัน”
        “เพิ่งเริ่มหัดทำครับ สู้เบนโตะของเท็ปเปซังไม่ได้เลย” สึบาสะมองด้วยความสนใจ เท็ปเปอ้อมแอ้มบอกว่าเป็นฝีมือเอย์จิ
        “จริงเหรอ เก่งจังเอย์จิคุง สอนฉันบ้างได้ไหม” สึบาสะขอร้อง อัตสึชิเห็นว่าคนรักของเขากำลังคุยอย่างถูกคอกับเพื่อนที่เพิ่งรู้จัก เขาจึงเลี่ยงไปสั่งเค้กกับน้ำชามาให้ แล้วปล่อยให้คุยกันไปตามสบายโดยฝากไว้กับเท็ปเป ไม่ลืมหันไปชี้หน้านางิเป็นการคาดโทษว่า ถ้าคิดแกล้งสึบาสะ มีเรื่องแน่
        นางิยักคิ้วให้อย่างกวน ๆ เป็นคำตอบ
        สึบาสะกับเอย์จิไม่สนใจคนอื่น ทั้งสองคนคุยกันอย่างถูกคอเกี่ยวกับเรื่องการทำอาหารและนัดแนะกันเสร็จสรรพว่าสึบาสะจะไปหัดทำอาหารที่แมนชั่นของเอย์จิ
        เมนูที่เอย์จิสอนให้สึบาสะนั้นมีทั้งของคาวและหวาน สึบาสะจัดอาหารที่ทำเสร็จแล้วลงกล่อง บอกกับเอย์จิว่าจะให้อัตสึชิลองชิมดู ส่วนของเอย์จิ เขาก็มีคนที่อยากให้ลองชิมดูเหมือนกัน

     เท็ปเปเปิดประตูอพาร์ตเม้นท์รับเอย์จิด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยบอกใครว่าบ้านเขาอยู่ไหน เอย์จิเห็นหน้าเท็ปเปก็เดาได้ เขายิ้มหวานให้ บอกว่า
        “ผมโทรไปถามจากโนมูระซังครับ ขอผมเข้าไปข้างในได้ไหม”
        เท็ปเปมีท่าทีลังเล แต่เอย์จิพูดแล้วไม่รอคำตอบ เดินเข้ามาในอพาร์ตเม้นท์ทันที
        “รกไปหน่อย ขอโทษนะ ฉันอยู่คนเดียว” เขาออกตัวเมื่อเห็นสายตาของเอย์จิมองไปรอบ ๆ
        “ไม่หรอกครับ” เอย์จิพูด เขาเอาถุงที่เขาหิ้วมาวางไว้ในครัว “ผมทำอาหารกับสึบาสะคุงวันนี้ ผมอยากให้คุณลองชิมดู ขอผมยืมครัวหน่อยนะครับ”
        เท็ปเปไม่ทันอนุญาตหรือปฏิเสธ เอย์จิยึดครัวเขาทันทีที่พูดจบ แต่ร่างเล็ก ๆ เมื่อสวมผ้ากันเปื้อนทำให้หัวใจเขาเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมานานแล้ว ข้างล่างของเขาก็ลุกชันขึ้นมาจนเขาต้องระงับใจตัวเองเอาไว้ แล้วหันไปจัดการเก็บของที่วางระเกะระกะอยู่เข้าที่ให้เรียบร้อย
        “เท็ปเปซัง เดี๋ยวผมจัดการเอง มานั่งที่โต๊ะเถอะครับ”
        เอย์จิค้าน เมื่อหันมาเห็นเท็ปเปเก็บโต๊ะอยู่
        “เสร็จแล้วล่ะ” เท็ปเปอ้อมแอ้มบอก เอย์จิจึงยิ้มหวานให้ แล้วยกถาดอาหารที่จัดเสร็จแล้วมาวางตรงหน้า อาหารหน้าตาน่ากินทั้งนั้น
        “ทานสิครับเท็ปเปซัง” เอย์จิพูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไป
        “เอ้อ ขอบใจนะ” เท็ปเปตอบตะกุกตะกัก เขารู้สึกทำตัวไม่ค่อยจะถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าเอย์จิ
        “ฉันไปชงชาให้เธอดีกว่า”
        “ผมทำเองครับ เท็ปเปซังทานเถอะ”
        เอย์จิลุกขึ้นยืนพร้อมกับที่เท็ปเปลุกพอดี ทั้งสองคนชนกัน แล้วเอย์จิก็ล้มลงไปบนตัวของเท็ปเป
        เท็ปเปนิ่งอึ้งไป เขาไม่กล้าขยับตัวเมื่อเห็นว่ามือของเอย์จิวางอยู่กลางลำตัวเขาพอดี
        เด็กหนุ่มไม่ได้ตกใจ เขาสบตากับเท็ปเปที่เมื่อสบตากับเขาแวบหนึ่งก็เบนสายตาหนีทันที เอย์จิอมยิ้ม เขาเลื่อนตัวลงจากตัวของเท็ปเป ก้มลงไปรูดกางเกงผ้ายืดที่เท็ปเปสวมอยู่ให้เลื่อนลงมา
        เท็ปเปตกใจ ขยับจะถอยหนี แต่เอย์จิจับเอวเขาไว้ แล้วก้มหน้าลงไป
        “เดี๋ยวก่อน เอย์จิคุง... อึก”
        เขาจับหัวของเอย์จิ แต่ไม่มีเรี่ยวแรงจะดันออกเมื่ออีกฝ่ายใช้ลิ้นและปากให้เขาอย่างคล่องแคล่ว มือของเอย์จิรูดของเขา ในขณะที่ลิ้นแลบเลียส่วนหัว เอวของเท็ปเปแอ่นตามแรงของเอย์จิ สุดท้ายเขาก็เด้งตัวใส่ปากเด็กหนุ่ม
        “ไม่ไหวแล้ว เอย์จิคุง” น้ำเสียงของเขาสั่นพร่าไปหมด เขากดหัวเอย์จิแรงขึ้น “จะออกแล้ว”
        เขาทนไม่ไหว เอย์จิไม่ยอมถอนตัวออกมา ปล่อยให้เท็ปเปหลั่งออกมาจนหมด เอย์จิกลืนลงไปแล้วใช้ลิ้นเลียให้อีกครั้ง
        “ฉันขอโทษ”
        เท็ปเปไม่รู้จะพูดอย่างไรถูก เขาหันหลังให้เอย์จิด้วยความละอายใจที่ตัวเองเป็นผู้ใหญ่ แต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองไว้ได้
        “ขอโทษทำไมครับ ผมเต็มใจทำให้คุณเองนี่นา”
        เอย์จิเข้ามากอดเท็ปเปจากข้างหลัง ซบหน้าลงกับไหล่ของอีกฝ่ายหนึ่ง
        “ผมชอบคุณ เท็ปเปซัง”
        แต่แทนที่เท็ปเปจะดีใจที่ได้ยินว่าเอย์จิใจตรงกับเขา ชายหนุ่มกลับไม่แน่ใจเลย หนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักอย่างเอย์จิน่ะหรือจะสนใจผู้ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบแบบเขา เอย์จิควรจะได้ใครสักคนที่อายุใกล้เคียงกันมากกว่า
        เท็ปเปปลดมือของเอย์จิออกจากตัวเขา
        “เธอกลับไปเถอะเอย์จิคุง แล้วอย่ามาที่นี่อีก”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-08-2014 08:31:30 โดย Mettnoon »

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักคู่ที่สาม: Teppei x Eiji (จบ)


     เท็ปเปเลี่ยงที่จะเป็นตากล้องให้เรื่องที่เอย์จิเล่นตั้งแต่วันนั้น แต่ใช่ว่าเขาจะหนีเอย์จิพ้นได้ เพราะเขายังต้องทำงานตัดต่ออยู่ เขารู้สึกผิดทุกครั้งที่เห็นสายตาของเอย์จิ สายตาที่มองกล้องด้วยความเศร้าเสียใจและตัดพ้อ เด็กหนุ่มแทบจะไม่มองคู่ที่ตัวเองต้องเล่นด้วยเลย แต่มองกล้อง
        มองเขา
        “เอย์จิคุงเป็นอะไรก็ไม่รู้หมู่นี้ ไม่ค่อยมีสมาธิเลย” เท็ปเปแทบสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงพูดดังขึ้น โนมูระมายืนอยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กำลังมองคลิปวีดีโอในเครื่องของเขา
        “หน้าเศร้า ๆ ด้วยนะ เงียบลง ไม่ค่อยพูดเหมือนเดิม ใจลอย ได้ยินมัตสึดะบอกว่าต้องเทคตั้งหลายทีกว่าจะถ่ายเสร็จ”
        มัตสึดะคือผู้กำกับคนหนึ่งของค่าย
        โนมูระมองเท็ปเปที่นั่งนิ่งไม่ออกความเห็น แล้วตัดสินใจถามตรง ๆ ว่า
        “นายทะเลาะอะไรกับเอย์จิคุงรึเปล่า”
        “ทำไมถามอย่างนั้นล่ะครับโนมูระซัง” เท็ปเปหันมาทันที
        “ใคร ๆ เขาก็เห็นว่าเอย์จิคุงคิดยังไง ไม่งั้นเด็กคนนั้นไม่พยายามจะตามติดนาย ทำอาหารทำขนมให้หรอก นายปฏิเสธเอย์จิคุงเหรอ”
        เท็ปเปจำต้องพยักหน้ารับ โนมูระถอนหายใจเบา ๆ
        “ความจริงนายก็ไม่มีใคร” โนมูระเปรย แต่ก็พูดต่อด้วยความเข้าใจว่า “แต่ก็อย่างว่าแหละนะในเมื่อไม่ได้รักไม่ได้ชอบนี่นา เอาเถอะ ให้เวลาสักพักเดี๋ยวเอย์จิคุงคงทำใจได้”
        “ผมไม่เหมาะกับเด็กหนุ่มน่ารักอย่างเอย์จิคุงหรอกครับ”
        “เอาตรงไหนมาวัดว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ อายุเหรอ หรือหน้าตา ฐานะ?”
        โนมูระตบไหล่หนุ่มรุ่นน้องหนัก ๆ ไปที
        “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตใจต่างหาก ถ้านายชอบเอย์จิคุง เรื่องอื่นมันก็ไม่สำคัญ”
        เท็ปเปนิ่งอึ้งไป เขามัวคิดทบทวนคำพูดของโนมูระจนไม่ได้สังเกตว่าคนพูดออกจากห้องไปตั้งแต่เมื่อไหร่ จริง ๆ ก็ไม่ใช่แค่เอย์จิหรอกที่ใจลอย ตัวเขาเองก็แทบไม่ต่างกัน
        เขารู้สึกไม่ต่างไปจากเอย์จิเลย

        เท็ปเปมองแซนด์วิชในมืออย่างเซ็ง ๆ ปกติเขาชอบแซนด์วิชไข่กับแฮมของร้านนี้มาก ขนมปังอุ่น ๆ ไข่กับแฮมปรุงรสกำลังดี แต่ทำไมวันนี้รสชาติมันแย่นัก เหมือนกำลังกินยางลบอยู่ก็ไม่ปาน
        ชายหนุ่มถอนใจ จริง ๆ ก็ไม่แค่ครั้งนี้หรอก เขากินอะไรก็ไม่อร่อยมาหลายวันแล้ว ขนมปัง ข้าวปั้น หรือเบนโตะตามซูเปอร์มาร์เก็ตที่เคยกินได้อย่างไม่เดือดร้อน ตอนนี้ก็ชักไม่ไหวแล้ว มันไม่อร่อยเอาเสียเลย
        ไม่เหมือนกับข้าวของเอย์จิคุงเลยสักนิด
        เบนโตะหน้าตาสวยงาม หรืออาหารร้อน ๆ ที่เด็กหนุ่มเคยทำให้กินตามหลอกหลอนเขามาจนถึงวันนี้
        อยากกินอาหารที่เอย์จิคุงทำอีกสักครั้งจัง
        เท็ปเปได้แต่รำพึงอยู่ในใจ
        เอย์จิคงโกรธเขา ตอนที่บังเอิญเจอกันในบริษัทเมื่อวันก่อน เด็กหนุ่มยังเป็นฝ่ายเดินหนี
        เท็ปเปถอนหายใจอีกครั้ง
        “เป็นอะไรรึเปล่าครับเท็ปเปซัง”
        ชายหนุ่มเงยหน้ามองตามเสียง ทักว่า
        “สึบาสะคุง สวัสดีครับ”
        คนรักของน้องชายท่านประธานนั่นเอง เด็กหนุ่มยืนอยู่ที่ประตูห้องทำงานของเขาที่เปิดแง้มอยู่ เมื่อเขาส่งเสียงทักทาย เด็กหนุ่มก็เปิดประตูเข้ามา ในมือของเด็กหนุ่มถือถุงใบใหญ่
        “มาหาอัตสึชิซังเหรอครับ”
        “มาหาเท็ปเปซังด้วยครับ”
        สึบาสะยิ้มให้เมื่อวางถุงที่ถือมาลงบนโต๊ะ เท็ปเปมองตามด้วยความไม่เข้าใจ สึบาสะหยิบเบนโตะกล่องหนึ่งออกมาจากถุงยื่นส่งให้
        “โนมูระซังบอกผมว่าช่วงนี้เท็ปเปซังทานอะไรไม่ค่อยลง ผมเลยเอานี่มาให้ มันน่าจะช่วยให้เจริญอาหารได้มากขึ้นนะครับ”
        เท็ปเปมองเบนโตะหน้าตาสวยงามในมืออย่างจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ดี ทำไมสึบาสะเอาเบนโตะมาให้เขาได้ล่ะ น่าจะเอาไปให้อัตสึชิซังมากกว่า แต่หรือว่านี่จะเป็นของเหลือจากเบนโตะท่านรองประธาน สึบาสะมีน้ำใจจึงแบ่งมาให้เขาด้วย
   ต้องเป็นอย่างหลังแน่นอน ชายหนุ่มหยิบตะเกียบคีบอาหารขึ้นมาชิม แล้วชะงักนิ่งไป
        “ไม่อร่อยเหรอครับ” สึบาสะถาม เท็ปเปรีบส่ายหน้าทันที
        “ไม่ใช่ครับ มันอร่อยมาก แต่ว่า...”
        เท็ปเปนิ่งอีก รสชาติมันคุ้น ๆ พิกล
        สึบาสะอมยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางของเท็ปเป เขาพูดลอย ๆ ขึ้นว่า
        “เมื่อเย็นวาน เอย์จิคุงมาสอนผมทำอาหาร ของที่ผมทำเอามาจัดเบนโตะให้อัตสึชิซังไปแล้ว ส่วนของเอย์จิคุง เขาทิ้งไว้กับผม เขาบอกว่าคนที่เขาอยากให้กินปฏิเสธที่จะกินเบนโตะของเขาเสียแล้ว”
        เด็กหนุ่มเห็นดวงตาของเท็ปเปสลดลง เขาพูดต่อ
        “ผมไม่อยากจะทิ้งของที่เอย์จิคุงทำ ผมอยากให้ใครสักคนกินมันมากกว่า เลยนึกถึงเท็ปเปซัง คุณไม่รังเกียจที่จะทานเบนโตะฝีมือเอย์จิคุงใช่ไหมครับ”
        สีบาสะกลับไปแล้ว เท็ปเปแทบจะไม่ได้คุยอะไรกับเด็กหนุ่มอีก เขาตั้งหน้าตั้งตากินเบนโตะกล่องนั้นจนหมดชนิดไม่ให้เหลือแม้แต่ข้าวสักเม็ด
        เอย์จิคุง ฉันขอโทษ

        ข้างนอกห้อง สึบาสะเดินออกมาสมทบกับคนอื่น ๆ ที่รออยู่ โนมูระยืนอยู่กับอัตสึชิ กระทั่งโชกับนางิก็ไม่อยากจะพลาดความสนุก โดยเฉพาะเจ้าของแผนการอย่างนางิ เขาเป็นคนที่เล่นคู่กับเอย์จิในหนังเรื่องล่าสุด แล้วก็จับได้ถึงความผิดปกติทันที จะไม่ให้จับได้ได้อย่างไร เจ้าเอย์จิมันเทคไม่รู้ตั้งกี่หน กว่าจะถ่ายเสร็จ เขาก็เหนื่อยแทบแย่ แล้วก็ไม่มีอารมณ์จะไปต่อกับโชเลย ทำเอาโดนโชบ่นอุบเพราะนัดกันไว้ดิบดี นางิเลยยอมไม่ได้ เขาจับเอย์จิมาซักฟอกจนหมดเปลือก และในฐานะต้นเหตุร่วมที่ทำให้เขาโดนโชงอน เท็ปเปซังต้องรับผิดชอบด้วย
        “ว่ายังไงสึบาสะคุง”
        โนมูระถาม สึบาสะทำมือเป็นเครื่องหมายโอเค
        “เท็ปเปซังทานหมดเกลี้ยงเลยครับ”
        “งั้นต่อไปตาโนมูระซังแล้ว” นางิเตือน โนมูระเข้าไปในห้องเท็ปเปทันที เห็นเจ้าของห้องกำลังนั่งเหม่อก็ลอบยิ้มด้วยความพอใจ ดูท่าแผนของนางิคุงน่าจะได้ผล เท็ปเปก็ชอบเอย์จินั่นแหละแต่ปากแข็งและวิตกเกินเหตุ
        โนมูระแกล้งกระแอม เท็ปเปจึงรู้สึกตัว
        “เย็นนี้มีงาน นายว่างไหม ทำแทนยามาดะหน่อยได้ไหม เจ้านั่นมันเพิ่งโทรมาลาป่วย ฉันหาคนแทนไม่ทัน”
        “ได้สิครับ ที่ไหนล่ะ แล้วใครเล่น”
        “ห้อง 305 นักแสดงคือโทโมยะคุงกับเอย์จิคุง”
        เท็ปเปชะงัก แต่ในที่สุดเขาก็ตอบรับ
        โนมูระโผล่หน้าออกมานอกห้อง แล้วส่งสัญญาณบอกทุกคนว่าทุกอย่างเรียบร้อย

        เอย์จิตกใจเมื่อรู้ว่าเท็ปเปจะมาเป็นตากล้อง ครั้งนี้เขาคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงเท็ปเปได้อีก เด็กหนุ่มหวังว่าเขาจะไม่ร้องไห้ ถ้าต้องสบตากับเท็ปเป
        สายตาของคนที่ปฏิเสธเขา
        เด็กหนุ่มหันหลังให้เท็ปเปอย่างจงใจ เขาคุยกับคู่ของเขาคือคิคุจิ โทโมยะคุงแทบจะตลอดเวลา หวังว่าจะไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่านได้ แต่เท็ปเปก็ไม่ได้พยายามเข้าใกล้เอย์จิเหมือนกัน เขาเช็คกล้องและทำงานของตัวเองไปเงียบ ๆ จนเอย์จิเองเป็นฝ่ายทนไม่ได้ เขามองผ่านกล้องไปสบตากับเท็ปเป
        เด็กหนุ่มไม่ทราบว่าสายตาที่เศร้าสร้อยและละห้อยนั้นทำร้ายจิตใจเท็ปเปมากแค่ไหน เขาต้องข่มใจเป็นอย่างมากที่จะไม่ให้ตัวเองโยนกล้องในมือทิ้งแล้วดึงตัวเด็กหนุ่มมากอดปลอบ
        เท็ปเปรอจนทุกอย่างเสร็จหมด ผู้กำกับสั่งเลิกกอง โทโมยะกับเอย์จิเข้าไปในห้องแต่งตัวด้วยกันเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า สตาฟคนอื่นเก็บข้าวของในห้องที่ใช้ถ่ายทำ โทโมยะออกมาจากห้องแต่งตัวก่อน เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยและกล่าวลาเท็ปเป ชายหนุ่มก้มศีรษะรับคำลา
        เอย์จิยังไม่ยอมออกมา เท็ปเปจุดบุหรี่สูบอย่างใจเย็น
        ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อ เอย์จิตกใจที่ยังเห็นเท็ปเปยืนสูบบุหรี่พิงผนังอยู่ในห้อง เขาอุตส่าห์แต่งตัวช้า ๆ หวังจะถ่วงเวลาให้ทุกคนกลับไปให้หมด ไม่นึกว่าเท็ปเปจะยังอยู่
        แค่เห็นหน้า เอย์จิก็แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว
        “ฉันจะไปส่งเธอเอง”
        เอย์จิไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เท็ปเปพูดกับเขา แล้วยังเอื้อมมือมาจับมือเขาจูงให้เดินตามไปด้วย
        “เอ้อ..เท็ปเปซัง...” เด็กหนุ่มเรียก
        “หืม?” เท็ปเปไม่ได้หันหน้ามามอง เขาจูงมือเอย์จิไม่ยอมปล่อย
        “เปล่าครับ ไม่มีอะไร” เด็กหนุ่มตัดสินใจไม่ถาม แค่เท็ปเปจูงมือเขาแบบนี้เขาก็ดีใจแล้วไม่ใช่หรือไง เด็กหนุ่มเดินตามไปเรื่อย ๆ เขาไม่ถามอะไร แม้ว่าเส้นทางที่เท็ปเปเลือกจะคนละทางกับแมนชั่นของเขาก็ตาม
        เท็ปเปพาเอย์จิมาที่อพาร์ตเม้นท์ของเขา ชายหนุ่มไขกุญแจเปิดประตูให้เด็กหนุ่มเข้าไปข้างใน
        เอย์จินั่งนิ่งมองเท็ปเปที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเขา เท็ปเปไม่พูดอะไร เขาก็พลอยไม่กล้าพูดอะไรไปด้วย แต่แล้วทั้งคู่ก็ขยับจะพูดพร้อมกัน
        “เอ้อ.. เท็ปเปซัง”
        “เอย์จิคุง...”
        ทั้งคู่นิ่ง สายตาเหลือบมองกันและกันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
        “เธอพูดก่อนเถอะเอย์จิคุง”
        “เท็ปเปซังนั่นแหละครับ พูดก่อนเถอะ”
        ชั่งใจกันอยู่ครู่ ในที่สุดเท็ปเปก็แพ้ เขาพูดเสียงอ่อย ๆ ว่า
        “ฉันหิว เธอทำอะไรให้ฉันกินหน่อยได้ไหม”
        เอย์จิฟังแล้วตกใจ เขามองนาฬิกา เกือบสี่ทุ่มแล้ว เท็ปเปยังไม่ได้กินข้าวเย็นอีกเหรอ
        “คุณน่าจะบอกผมเร็วกว่านี้”
        เด็กหนุ่มโวย เขารีบกระวีกระวาดไปที่ครัวทันที ดูเหมือนว่าความเสียใจหรือเรื่องที่เคยไม่เข้าใจกันหายไปหมดแล้ว เพียงแค่เท็ปเปบ่นหิว เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญสำหรับเอย์จิอีกต่อไป
        “ในตู้เย็นไม่ค่อยมีอะไรเลย” เอย์จิบ่น เขาเลือกของบางอย่างออกมา “ของในตู้เย็นคุณมีแค่นี้ ผมทำให้คุณได้แค่โอมุไรซ์นะครับ แหม ถ้ารู้ก่อน จะได้แวะคอนบินิ”
        เด็กหนุ่มหันมาทำหน้าย่นใส่อีกฝ่ายหนึ่ง แล้วทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว ตลอดเวลาเท็ปเปนั่งมองเงียบ ๆ แล้วเขาก็ทนไม่ไหว ลุกเดินเข้าไปหา เอย์จิตักข้าวที่ห่อด้วยไข่อย่างสวยงามใส่ลงในจาน ทันทีที่วางกระทะลงในอ่างล้างจาน ตัวเขาก็ถูกกอดจากข้างหลัง
        “เท็ปเปซัง” เอย์จิเรียก
        “ฉันคิดถึงเธอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันไม่มีความสุขเลย กินอะไรก็ไม่อร่อย เพราะมันไม่ใช่ของที่เธอทำ เธอสปอยล์ฉันแล้วรู้ตัวไหม”
        เอย์จิอมยิ้ม เขาวางมือลงบนท่อนแขนที่รวบเอวเขาอยู่
        “คุณผอมลง”
        “ลดไปสักสองสามกิโลได้มั้ง”
        “งั้นกินข้าวก่อนดีกว่าครับ แล้วค่อยมาคุยกัน”
        หัวของเท็ปเปที่เกยอยู่บนไหล่ของเอย์จิขยับขึ้นลง แล้วเขาก็เดินตามแรงจูงของเอย์จิกลับมานั่งที่เดิม เด็กหนุ่มวางจานข้าวลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา เท็ปเปเริ่มกินอย่างเงียบ ๆ ใช้เวลาเดี๋ยวเดียวก็หมดจาน เขารับน้ำชาที่เอย์จิชงให้มาดื่มล้างคอ
        “อร่อยไหมครับ”
        เด็กหนุ่มถามทั้งที่ไม่จำเป็นเลยเพราะไม่มีข้าวสักเม็ดเหลืออยู่ในจาน
        “อร่อยกว่าทุกอย่างที่ฉันกินในช่วงนี้เลย” เท็ปเปตอบ เขาสบตาของเอย์จิที่มองเขาอยู่แล้ว    “ขอบใจนะเอย์จิคุง”
        รอยยิ้มของเท็ปเปทำให้เอย์จิสะกดกลั้นความรู้สึกตัวเองต่อไปไม่ไหวอีก น้ำตาของเขาร่วง เด็กหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตา
        “ผมดีใจ เท็ปเปซังไม่ได้เกลียดผมใช่ไหม”
        เท็ปเปดึงตัวเอย์จิเข้ามากอดเอาไว้แน่น พร้อมกับเอ็ดเบา ๆ ว่า
        “บ้า ใครบอกว่าฉันเกลียดเธอ ฉันไม่มีวันเกลียดเธอหรอก ฉันต่างหากที่ต้องกลัวเธอจะเกลียดเอามากกว่าเพราะฉันทำไม่ดีกับเธอไว้”
        “ไม่นะ คุณไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ผมผิดเอง”
        เอย์จิรีบค้าน แต่เขาไม่ได้พูดมากกว่านั้นเพราะริมฝีปากของเท็ปเปเลื่อนลงมาประกบปิดปากเขาเอาไว้ก่อน เอย์จิอ้าปากตอบรับสัมผัสของเท็ปเปอย่างเต็มใจ ริมฝีปากและลิ้นของเขาถูกอีกฝ่ายตักตวงความหวานชื่นอย่างกระหาย
        “ฉันชอบเธอ”
        หัวใจของเอย์จิพองโต เขายอมให้เท็ปเปอุ้มลงไปวางบนเตียง เด็กหนุ่มอ้าแขนรับร่างของเท็ปเปที่ทาบทับลงมาอย่างอ่อนโยน
        “ผมก็ชอบคุณครับ”
        เอย์จิกระซิบตอบข้างหูของเท็ปเปก่อนที่เสียงของเขาจะกลายเป็นเสียงครางหลังจากนั้น และเมื่อเท็ปเปแทรกตัวเข้าไปในตัวของเขา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยตลอดทั้งคืน
        ทั้งสองคนกำลังมีความสุขโดยที่ไม่รู้เลยว่าด้านนอกห้องนั้นมีหูหลายหูแนบติดกับประตูคอยฟังเสียงที่อาจจะลอดออกไปข้างนอก แต่เมื่อไม่ได้ยินเสียงอะไร โชก็บ่นอย่างหัวเสีย
        “เงียบไปเลย เมื่อกี้ยังมีเสียงคุยอยู่เลย ตกลงจะรู้เรื่องไหมเนี่ย”
        “ฉันว่าน่าจะโอเคนะ อาจจะตกลงกันได้แล้วก็ได้” โนมูระพูด หูเขาแนบประตูอยู่ถัดไปจากโช
        “สงสัยอยู่บนเตียงกันแล้วแหง” นางิเดา เขายืนอยู่ข้างอัตสึชิกับสึบาสะ ไม่ได้เอาหูแนบประตูเหมือนคนรัก
        “ฉันบอกแล้วว่าอย่ามา เสียเวลาเปล่า ดูสิ มายืนหนาว ๆ แอบฟังชาวบ้านเค้าอยู่เป็นชั่วโมง ๆ รู้อะไรมากขึ้นรึก็เปล่า”
        อัตสึชิบ่น เขากุมมือคนรักแน่น มือของสึบาสะอบอุ่นอยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ตของเขา
        “อยากรู้มากกว่านี้ก็กดกริ่งสิ” นางิยุ โชเชื่อฟังแฟนอยู่แล้ว ทำท่าจะกดกริ่งเอาจริง ๆ จนโนมูระห้ามแทบไม่ทัน
        “อย่ารบกวนพวกเขาเลยครับ เรากลับกันเถอะ อดทนรอไว้ไปถามพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
        สึบาสะพูดซึ่งอัตสึชิก็รีบตอบสนองทันทีด้วยการต้อนคนอื่น ๆ โดยเฉพาะเจ้าโชที่ทำท่าอยากกดกริ่งเหลือเกินให้เดินตามเขาออกไป
        นางิเดินรั้งท้าย เขาแอบหยิบโทรศัพท์ของอัตสึชิตอนลงมาจากรถโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ชายหนุ่มกดส่งเม็สเซจเข้าเครื่องของเท็ปเปทันที แป๊บเดียวเท่านั้นก็มีข้อความตอบกลับมา
        “ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ เราตกลงกันได้แล้ว”
        ข้างหลังข้อความเป็นอิโมติค่อนรูปหน้ายิ้มแบบเขิน ๆ
        นางิอมยิ้ม
        คนอย่างเขาไม่ยอมรอหรอก และเขามีวิธีที่จะทำให้รู้ได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องเอาหูแนบประตูด้วย นางิลบข้อความทิ้ง
        แต่เขาไม่ให้อัตสึชิรู้หรอก
        ปล่อยให้คาใจไปจนพรุ่งนี้ตามที่ต้องการเถอะครับท่านรองประธาน...





     ...........
     จบคู่ที่สาม ไม่ค่อยมีอะไรเนอะคู่นี้ เบา ๆ
     พรุ่งนี้อัพต่อคู่ที่สี่นะคะ กับโมเดลคนที่เราชอบที่สุด ฮิคารุ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
หุหุ กือบไปแล้วคุณตากล้อง

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
คู่นี้ละมุนมากค่ะ หวานพอประมาณ

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักคู่ที่สี่: Tsuyoshi x Hikaru


     “นายชื่อสึบาสะใช่ไหม”
     คำถามจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่จู่ ๆ ก็นั่งลงข้าง ๆ บนโซฟาตัวเดียวกันทำให้สึบาสะหันไปมองด้วยความแปลกใจ เจ้าของคำถามเป็นชายหนุ่มผิวสีเข้มเหมือนโกโก้ ผิวเข้มกว่าของโชซังเสียอีก แต่งตัวเท่เหมือนหลุดออกมาจากนิตยสาร เมื่อเห็นสึบาสะมองมา ปากเจ่อนิด ๆ ของเขาก็ขยับเป็นรอยยิ้ม ตาที่ตี่อยู่แล้วกลายเป็นยิบหยี แต่เขาเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีมาก ยิ่งยิ้มก็ยิ่งดูดีและน่ารักเข้าไปใหญ่       
     แต่เด็กหนุ่มไม่รู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อนแน่ ๆ
     “เอ้อ... ใช่ครับ ผมชื่อสึบาสะ” เด็กหนุ่มตอบอย่างระมัดระวัง
     พอได้ยินคำตอบ ชายหนุ่มผิวสีโกโก้ก็ยิ่งยิ้ม สายตาของเขาที่มองสึบาสะตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนกำลังพิจารณาสินค้าก่อนซื้อทำให้เด็กหนุ่มขยับตัวอย่างอึดอัด แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา ชายหนุ่มผิวสีโกโก้ก็พูดขึ้นก่อนว่า
     “ได้ยินชื่อมาตั้งนานแล้ว ตัวจริงน่ารักกว่าที่คิดซะอีกน้า”
     “เอ้อ...คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ”
     “รู้จักสิ ฉันรู้จักนายมานานแล้วล่ะ อยากมาเจอตั้งนานแล้วด้วย ได้เจอแล้วก็ไม่ผิดหวังเลยน้า สึบาสะคุงน่ารักสุด ๆ ไปเลยอะ อย่างที่ฉันชอบเลย”
     สึบาสะไม่ชอบสายตาวิบวับแปลก ๆ ของผู้ชายคนนี้เลย
     “คุณเป็นใครครับ” เด็กหนุ่มถาม
     “อยากรู้จริง ๆ เหรอ ขยับเข้ามาใกล้ ๆ สิ”
     พอเห็นสึบาสะทำหน้าไม่ถูก แถมจะขยับตัวถอยหนีอีก ชายหนุ่มผิวสีโกโก้ก็เลยคว้าตัวสึบาสะมากอดเอาไว้อย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มอุทานด้วยความตกใจ
     “อ๊ะ อะไรเนี่ย ปล่อยผมนะ”
     “ตกใจอะไร ไม่มีอะไรน่าตกใจสักหน่อย” ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะเป่าลมใส่หูอีกฝ่ายเล่นทำให้สึบาสะตัวแข็งทื่อ เท่านั้นยังไม่พอ มือของชายหนุ่มยังขยับไปลูบเล่นที่กลางตัวของอีกฝ่ายด้วย
     “ไม่เอา ปล่อยผม”
     สึบาสะพยายามจะดึงมือชายหนุ่มแปลกหน้าออกจากตัว แต่ไม่สำเร็จ มือของชายหนุ่มยังคงไล้เล่นอยู่ที่จุดเดิม แถมยังคลึงเคล้นจนเด็กหนุ่มขนลุก หน้าตาเหยเก
     ไม่นะ ไม่เอา
     เด็กหนุ่มหลับตาแน่น น้ำตาจวนเจียนจะหยด เขาไม่ชอบแบบนี้ ถ้าไม่ใช่อัตสึชิซังก็ไม่เอานะ ในใจของเขาปฏิเสธ ทั้งที่ร่างกายกำลังถูกปลุกให้ตื่นตัว
     “เวลานายแก้มแดงนี่น่ารักจัง อยากจูบซะแล้วสิ”
     เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนีริมฝีปากที่พยายามจะมารุกล้ำใบหน้าและแก้มของเขา แต่ชายหนุ่มผิวสีโกโก้ก็ไม่ยอมหยุด สึบาสะได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังอยู่ข้างหู เหมือนอีกฝ่ายกำลังสนุกสนานอย่างมาก
     สึบาสะน้ำตาร่วงอาบแก้ม ในใจร่ำร้อง
     อัตสึชิซัง!
     “หยุดนะ! ทำอะไรกันน่ะ!”
     เสียงของอัตสึชิดังลั่น สึบาสะลืมตาขึ้นทันที ร้องเรียกคนรักด้วยความดีใจ
     “อัตสึชิซัง!”
     ชายหนุ่มผิวสีโกโก้หยุดรุกรานสึบาสะ แต่ยังไม่ยอมปล่อยร่างเล็กที่กอดอยู่ ท่าทางเขาดูสบาย ๆ ไม่ยี่หระต่อใบหน้าโกรธเกรี้ยวและสายตาลุกเป็นไฟของอัตสึชิสักนิด แถมยักคิ้วให้เสียด้วย
     “ไง อั๊คคุง” ชายหนุ่มทักด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
     “ฮิคารุ” อัตสึชิเรียกเสียงแข็ง
     สึบาสะมองคนรักสลับกับชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าฮิคารุอย่างงง ๆ นี่อัตสึชิซังรู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยเหรอเนี่ย
     “นายทำอะไรสึบาสะ!”
     อัตสึชิถามเสียงดัง เขาตรงเข้าไปดึงร่างของคนรักออกมาจากอ้อมแขนของฮิคารุอย่างรวดเร็ว สึบาสะกอดคนรักแน่น ตัวของเขาสั่นนิด ๆ เพราะความกลัวและตกใจ อัตสึชิกอดตอบและจูบหน้าผากสึบาสะเป็นการปลอบประโลม ก่อนจะหันมาว้ากใส่คนที่แกล้งคนรักของเขา
     “ฮิคารุ!”
     ชายหนุ่มผิวสีโกโก้แกล้งทำท่าไขหู เขาตอบด้วยน้ำเสียงยานคางเหมือนจะแกล้งกวนประสาทของอีกฝ่ายเล่นว่า
     “ทำอาราย อั๊คคุง ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่ทักทายกันนิดหน่อยแค่นั้นเอง เนอะสึบาสะคุง”
     “ทักทายบ้าอะไร นายแกล้งสึบาสะชัด ๆ”
     อัตสึชิชี้หน้า ฮิคารุแบมือสองข้างออกเป็นเชิงยอมแพ้ แต่สีหน้าและแววตาแพรวพราว เขายิ้มให้สึบาสะที่ยังกอดอัตสึชิไม่ยอมปล่อย พูดว่า
     “ขอโทษละกันนะสึบาสะคุง นายน่ารักเกินไปอะ ฉันอดใจไม่ไหวจริง ๆ”
     แล้วเขาก็ยื่นมือให้ แนะนำตัวว่า
     “ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันชื่อฮิคารุ”
     อัตสึชิดึงตัวสึบาสะหลบหลังทันทีด้วยความไม่ไว้ใจ ไม่ยอมให้สึบาสะจับมือด้วย เล่นเอาฮิคารุบ่นอุบ
     “จะหวงแฟนอะไรนักหนาเนี่ยอั๊คคุง ฉันไม่แกล้งแล้วล่ะน่า”
     “แล้วนายมาที่นี่ทำไมเนี่ย งานการไม่มีทำรึไง ไหนว่าคิวแน่นนักหนา หรือนายมาหาพี่ พี่อยู่ในห้อง รีบ ๆ ไปหาได้แล้ว ไป อย่ามาเสียเวลาอยู่แถวนี้”
     อัตสึชิโบกมือไล่ทันที ฮิคารุหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ แล้วเปรยลอย ๆ ว่า
     “ไล่จริงนะ”
     สึบาสะฟังสองคนโต้ตอบกันด้วยความสนใจ เขาหายตกใจแล้ว และเมื่อฮิคารุหันมาเห็นเด็กหนุ่มกำลังมองตัวเองตาแป๋ว เขาก็ยิ้มและยื่นมือมาให้อีกครั้ง
     “ยินดีที่ได้รู้จัก”
     คราวนี้สึบาสะยื่นมือไปจับด้วย ท่ามกลางเสียงจิ๊จ๊ะไม่ค่อยพอใจของอัตสึชิ ฮิคารุยิ่งยิ้ม พูดแหย่ว่า
     “เอ้า หวงจริง ๆ ซะด้วยสิ ตอนได้ยินทีแรกนึกว่าล้อเล่นซะอีก”
     “ใครไปเล่าอะไรให้นายฟัง” อัตสึชิหรี่ตา
     “เขาก็พูดกันให้แซด” ฮิคารุตอบเล่นลิ้น ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “สึโยชิซังอยู่ในห้องใช่ไหม งั้นฉันไปหาสึโยชิซังดีกว่า ไปละอั๊คคุง แล้วค่อยเจอกันใหม่นะสึบาสะคุง”
     แล้วก็อาศัยจังหวะที่อัตสึชิเผลอ ขโมยจูบแก้มสึบาสะไปฟอดใหญ่ ก่อนจะเดินเร็ว ๆ จากไปพลางหัวเราะชอบใจ
     สึบาสะเอามือกุมแก้มที่โดนจูบ ตาโตด้วยความตกใจ
     อัตสิชึสบถลั่น
     “ไอ้บ้าฮิคารุ!”
     เขาหันมาหาสึบาสะ ลูบหน้าลูบแขนคนรัก ก่อนจะถามด้วยความห่วงใยว่า
     “ไม่เป็นอะไรนะสึบาสะ เจ้าฮิคารุมันคงไม่ได้ทำอะไรแปลก ๆ กับเธอใช่ไหม”
     สึบาสะนึกถึงตอนที่เขาโดนรุกราน แต่ก็ตัดสินใจไม่พูดดีกว่า เพราะรู้สึกว่าฮิคารุน่าจะแค่อยากแกล้งมากกว่าจะเอาจริง เด็กหนุ่มจึงส่ายหน้าแรง ๆ
     “ค่อยยังชั่ว” อัตสึชิถอนหายใจดังเฮือกด้วยความโล่งอก
     “ฮิคารุซังเป็นใครเหรอครับ เขาดูสนิทกับอัตสึชิซังจัง”
     เด็กหนุ่มถาม
     “ก็จะว่าสนิทก็สนิท” อัตสึชิทำหน้าปั้นยาก “เจ้าหมอนั่นเคยทำงานที่นี่แป๊บนึง ตอนนี้เป็นนายแบบและก็เป็นแฟนพี่ด้วย”
     เขาหมายถึงพี่ชายของเขา สึโยชิ เจ้าของบริษัทและค่ายหนังจีวีแห่งนี้
     “หมอนั่นมันเป็นลูกชายรุ่นพี่ของพี่ ก็รู้จักกันมานานแล้วล่ะ แต่ฉันสงสัยชะมัด จู่ ๆ มันมาที่นี่ทำไมเนี่ย ปกติมันไม่ค่อยมาที่นี่หรอก แต่บทจะมาก็ดันมาวันที่เธอมาพอดี”
     ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
     “เจ้านางิแน่ ๆ ที่เป็นตัวการ” อัตสึชิกัดฟันกรอด “ไอ้เจ้าตัวแสบนั่นมันคงโมโหเรื่องที่ฉันจับได้ว่ามันแอบใช้โทรศัพท์ฉันส่งข้อความหาเท็ปเปซังคราวก่อน มันเลยถูกฉันแคนเซิลเดตกับเจ้าโชที่ปริ๊นซ์โฮเท็ลเป็นการลงโทษ เจ้านั่นมันก็เลยไปยืมมือเจ้าฮิคารุมาจู่โจมเธอเพื่อหวังจะเล่นงานฉัน เวรเอ๊ย โดนมันเล่นงานจนได้!”
     สึบาสะฟังแล้วทำตาปริบ ๆ ไม่อยากจะเชื่อ
     “ฝีมือนางิซังเหรอครับ”   
     “ไม่ใช่ฝีมือมันแล้วจะเป็นใคร แผนการชั่วร้ายแบบนี้มีเจ้านั่นคนเดียวแหละที่คิดออกมาได้”
     อัตสึชิขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาโอบไหล่คนรักหนุ่มแน่น แล้วจูบกระหม่อมเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน
     “เลยทำให้เธอต้องตกใจ ขอโทษนะสึบาสะ”
     เด็กหนุ่มสั่นศีรษะ เขาแตะมืออัตสึชิที่โอบไหล่เขาอยู่พร้อมกับยิ้มอย่างน่ารักให้
     “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้ตกใจอะไร ฮิคารุซังก็แค่ล้อเล่นนิดหน่อยเท่านั้นเองครับ”
     อัตสึชิยิ้มตอบ ก่อนจะคำรามลอดไรฟันออกมาว่า
     “แต่เจ้านางินี่ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ละ เคยเตือนแล้วนะว่าอย่าแกล้งเธอ มันก็ยังไม่ฟัง”
     “แกล้งกันไปมาเรื่องก็ไม่จบนะครับ อัตสึชิซัง อย่าไปโกรธนางิซังเลยครับ ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
     เมื่อเห็นคนรักยังทำท่าฮึดฮัดเหมือนไม่ค่อยพอใจ สึบาสะจึงโอบเอวอัตสึชิเอาไว้แล้วเขย่งนิด ๆ เพื่อยืดตัวไปจุ๊บริมฝีปากของชายหนุ่ม
     “นะครับ อัตสึชิซัง อย่าโกรธเลยนะครับ”
     ชายหนุ่มถอนใจเฮือก เขาไม่เคยเอาชนะสึบาสะได้สักที ยิ่งเมื่อเด็กหนุ่มออดอ้อนเขาแบบนี้ด้วยแล้ว ใจของชายหนุ่มก็อ่อนยวบเหมือนโดนไฟลนทุกที สุดท้ายอัตสึชิก็ต้องพยักหน้ารับด้วยความจำใจ

     สึโยชิวางแฟ้มที่อ่านค้างอยู่ลงบนโต๊ะทันทีเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องทำงานของเขาเปิดออก ชายหนุ่มรู้ตั้งแต่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมองแล้วว่าเป็นใคร
     มีอยู่คนเดียวเท่านั้นแหละที่เปิดประตูห้องทำงานของประธานบริษัทและค่ายหนังแห่งนี้ได้โดยไม่ต้องเคาะประตู ไม่ต้องรอคำอนุญาต
     ชายหนุ่มยิ้มนิด ๆ ให้กับคนรัก เมื่อเขาอ้าแขนออก ฮิคารุก็ตรงเข้าสู่อ้อมแขนนั้นทันที ชายหนุ่มนั่งลงบนตักของสึโยชิและจูบทักทายเขา สึโยชิจูบตอบ ก่อนจะซบศีรษะลงกับไหล่ของคนรักหนุ่มเหมือนกับที่ชอบทำ สองมือของเขาโอบเอวฮิคารุเอาไว้หลวม ๆ
     “วันนี้มาถึงนี่เลยนะฮิคารุ มาหาใครกันล่ะ”
     “ก็มาหาสึโยชิซังไง คิดถึงจังเลย” ฮิคารุยิ้มหวาน
     สึโยชิยิ้มตอบนิด ๆ สายตาที่มองคนรักหนุ่มอ่อนโยนและอ่อนหวาน
     “อย่ามาหลอกกันเลย เธอไม่เคยมาที่นี่เพราะแค่คิดถึงฉันสักที ถ้าไม่มาหานางิก็มาทะเลาะกับอัตสึชิ คราวนี้อะไรล่ะ”
     “เกลียดคนรู้ทัน” ชายหนุ่มแกล้งงอน แต่สายตาที่มองอีกฝ่ายก็หวานไม่แพ้กัน และยังมีประกายท้าทายอยู่ในแววตานั้นด้วย สึโยชิกดศีรษะของคนรักให้ก้มลงมาหาทันทีและจูบอีกฝ่ายแรง ๆ ราวกับจะลงโทษ
     “ไม่อยากได้ยินคำว่าเกลียด”
     ฮิคารุหอบนิด ๆ เมื่อสึโยชิถอนริมฝีปากออก ดวงตาของเขาตวัดเหมือนกับจะค้อน 
     “ตกลงมาที่นี่ทำไม” สึโยชิถาม
     “อยากมาเห็นแฟนอั๊คคุง” ฮิคารุตอบ
     สีโยชิเลิกคิ้ว ฮิคารุเลยหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อว่า
     “ตั้งใจมาเจอเลยแหละ สึบาสะคุงน่ารักมาก ๆ เลย อั๊คคุงนี่ตาถึงเหมือนกันนะ”
     “แค่เจออย่างเดียวเหรอ แน่ใจนะว่าไม่ได้ไปแกล้งอะไรเขา”
     สึโยชิดักคอ เขารู้จักฮิคารุดี เห็นสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องของคนรักหนุ่มเขาก็เดาออกแล้วว่าก่อนมาหาเขาที่ห้องนี่ ฮิคารุต้องไปทำอะไรบางอย่างมาก่อน และสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือการแกล้งน้องชายของเขาเล่นนี่แหละ
     “นิดนึง ก็สึบาสะคุงอยากน่ารักเกินไปเองอะ ช่วยไม่ได้” ฮิคารุพูดหน้าตาเฉย
     สึโยชิส่ายหน้าอย่างอ่อนใจแกมเอ็นดู แกล้งบ่นว่า
     “เธอนี่ร้ายจริง ๆ”
     ฮิคารุไม่ค้าน แต่เขากลับย้ำความร้ายของตัวเองด้วยการขยับสะโพกเสียดสีกับหน้าขาของคนรัก สองมือโอบรอบคอ ริมฝีปากของเขาซุกไซ้ไล้เลียเล่นอยู่ที่ข้างแก้มของสึโยชิ ฮิคารุขบติ่งหูของชายหนุ่มเบา ๆ ก่อนกระซิบว่า
     “ยังร้ายกว่านี้ได้อีกนะ”
     สึโยชิหลับตา ตัวของฮิคารุค่อย ๆ เลื่อนลงจากตักของเขา ชายหนุ่มกัดริมฝีปากกลั้นเสียงครางเมื่อฮิคารุไล้มือและริมฝีปากไปตามตัวของเขา
     ฮิคารุไม่เคยแคร์ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือจะมีใครมาเห็นรึเปล่า ลงว่าเขาต้องการ เขาก็จะทำให้ได้
     ร้ายมาตั้งแต่ต้น แล้วดูท่าว่าจะร้ายต่อไปเรื่อย ๆ เสียด้วยสิ
     แต่สึโยชิก็หลงรักชายหนุ่มผิวสีโกโก้ผู้ร้ายกาจคนนี้ เรียกว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอที่บ้านรุ่นพี่ของเขาเลยก็ว่าได้
     สึโยชินึกถึงวันนั้น วันที่เขาได้เจอเด็กร้ายกาจที่ชื่อฮิคารุ


ออฟไลน์ mamie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-5
แอร้ยยย รอค่ะรอ คู่นี่ท่าทางจะแซ่บบ

 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
คู่เอกไหมคะ? :mc4:

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
คู่เอกไหมคะ? :mc4:

คู่เอกสำหรับเราคือ โชxนางิ นะคะ แบบมีเอี่ยวมันไปแทบทุกเรื่องอะสองคนนี้ แต่เรื่องของคู่นี้เรายังคิดไม่ออก แหะแหะ  :katai5:
ส่วนฮิคารุเป็นโมเดลที่เราชอบที่สุดเฉย ๆ อะค่ะ แล้วเราก็ชอบแพ็คคู่โชxนางิมากเหมือนกัน


ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักคู่ที่สี่: Tsuyoshi x Hikaru (ต่อ)


     แทบจะเป็นกิจวัตรไปแล้วที่สึโยชิจะต้องมาที่คฤหาสน์ทรงญี่ปุ่นหลังนี้เพื่อมาดื่มชาและเป็นเพื่อนเล่นหมากรุกกับเจ้าของบ้านที่เป็นรุ่นพี่และผู้มีพระคุณของเขา
     ในฐานะเจ้าพ่อธุรกิจบันเทิง ฮิโคอิจิเป็นคนสนับสนุนและให้คำแนะนำเมื่อทราบว่าสึโยชิกำลังจะเริ่มจับธุรกิจด้านนี้ เขาเป็นคนแนะนำให้รุ่นน้องเปิดค่ายหนังจีวี แทนที่จะเป็นเอวี เพราะเล็งเห็นตลาดที่กำลังเติบโต และค่ายของสึโยชิที่แม้จะเพิ่งเปิดใหม่ แต่ก็ไปได้ด้วยดี
     “แพ้อีกแล้ว ผมไม่เคยเอาชนะรุ่นพี่ได้สักที” สึโยชิอุทธรณ์ เมื่อขุนบนกระดานถูกรุกจนจนมุม
     ฮิโคอิจิในชุดยูกาตะอยู่กับบ้านสบาย ๆ หัวเราะเสียงดัง
     “แต่นายก็ฝีมือดีขึ้นนะ ตอนที่เดินเรือตะกี้น่ะ คาดไม่ถึงเลย เกือบแก้ไม่ได้แน่ะ นี่ถ้าฉันเผลอแม้แต่นิดเดียวคงแพ้นายแน่ ๆ ตานี้”
     เขายกชาขึ้นจิบ โบกมือเป็นเชิงปฏิเสธเมื่อคนที่นั่งตรงข้ามจะเติมชาให้อีก
     “ก็ได้ฝึกกับรุ่นพี่อยู่เสมอนี่แหละครับ ขอบคุณที่ช่วยสอนผมหลาย ๆ อย่าง”
     สึโยชิก้มศีรษะต่ำ
     “ไม่ต้องพิธีรีตองน่า นายก็เหมือนน้องชายฉันคนนึง การสนับสนุนน้องชายตัวเองมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วนี่”
     ฮิโคอิจิโบกมือ ก่อนจะถามว่า
     “ได้ยินว่างานไปได้ด้วยดีใช่ไหม อัตสึชิคุงคงช่วยแบ่งเบาภาระไปได้เยอะเลยสินะ”
     “ครับผม เขาช่วยดูด้านการผลิตและการตลาด ทำงานร่วมกับโนมูระซังที่รุ่นพี่แนะนำมาได้ดีทีเดียวครับ”
     “งั้นรึ ดีแล้วล่ะนะ” ฮิโคอิจิพูด เขาดื่มน้ำชาที่เหลือจนหมดถ้วย ก่อนจะบ่นว่า
     “นายนี่โชคดีนะมีน้องชายเอาการเอางาน เจ้าลูกชายฉันสิ ไม่ไหว จนป่านนี้ยังไม่เป็นโล้เป็นพาย”
     สึโยชิขมวดคิ้ว
     “ฮิคารุคุงน่ะรึครับ กลับจากอเมริกาแล้วเหรอ”
     “กลับมาแล้ว พอถามว่าจะทำอะไร มันก็ว่าไม่รู้อย่างเดียว วัน ๆ ก็ลอยชายไปมา ฉันละปวดหัวกับมันจริง ๆ”
     ฮิโคอิจิบ่น
     สึโยชิอมยิ้ม รุ่นพี่ของเขามีลูกชายคนเดียว อายุน้อยกว่าอัตสึชิน้องชายของเขาสองสามปี เป็นที่รู้กันว่าฮิโคอิจิรักและตามใจลูกชายคนนี้มาก เขาเจอฮิคารุบ่อย ๆ ตอนที่มาช่วยงานฮิโคอิจิที่บ้านหลังนี้ แต่นั่นก็หลายปีมาแล้ว ตอนที่ฮิคารุยังใส่ชุดนักเรียนอยู่ พอจบมัธยมต้น ฮิคารุก็ถูกส่งไปอยู่ที่อเมริกาและเขาก็ไม่เคยได้เจอลูกชายคนนี้ของรุ่นพี่อีกเลย
     “เพิ่งเรียนจบกลับมาไม่ใช่รึครับ คงยังไม่ทราบว่าตัวเองชอบอะไรหรืออยากทำงานด้านไหน คงต้องให้เวลาสักพัก”
     ชายหนุ่มอยู่คุยและดื่มชากับเพื่อนรุ่นพี่อยู่อีกครู่ใหญ่ก็ลากลับ ตอนที่สึโยชิเดินผ่านระเบียงด้านหลังเพื่อจะออกทางประตูหลังบ้านที่ซึ่งรถของเขาจอดอยู่ หางตาของชายหนุ่มก็เหลือบเห็นชายผ้าสีขาวสะบัด เมื่อเขาหันไปมองก็เห็นร่างสูงเพรียวในชุดยูกาตะสีขาวสะอาดยืนอยู่ใต้ต้นไม้ในสวน
     เสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มในชุดยูกาตะคุ้นตาเขาอย่างประหลาด แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
     เด็กหนุ่มในชุดยูกาตะขยับตัว เขาพยายามจะเขย่งตัวเอื้อมหยิบอะไรสักอย่างที่อยู่บนต้นไม้ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งนั้นจะอยู่สูงเกินไป สึโยชิเดินเข้าไปหาทันทีเหมือนกับละเมอและเสียงฝีเท้าของเขาทำให้เด็กหนุ่มหันขวับมามอง
     สึโยชินิ่งอึ้งไปทันทีเมื่อสบตากับเด็กหนุ่มในชุดยูกาตะสีขาว สายตาของเด็กคนนั้นคมกริบและจ้องมองเขาไม่วางตา
     ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นมุมปากของเด็กหนุ่มยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ แต่เมื่อสึโยชิกะพริบตา รอยยิ้มที่เขานึกว่าตัวเองเห็นก็หายไปเสียแล้ว แต่กลับได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มคนนั้นแทน
     “คุณช่วยเก็บนั่นให้ผมหน่อยสิ”
     สึโยชิมองตามที่นิ้วของเด็กหนุ่มชี้
     “นั่น” ของเด็กหนุ่มคือดอกไม้สีขาวดอกน้อยที่ร่วงจากกิ่งที่อยู่สูงกว่าลงมาติดอยู่บนกิ่งที่เตี้ยที่สุด แต่ก็ยังสูงเกินกว่าที่เด็กหนุ่มจะเอื้อมถึง ส่วนเขาสูงกว่าเด็กหนุ่ม เขย่งอีกนิดก็เก็บดอกไม้สีขาวดอกนั้นลงมาได้ ชายหนุ่มยื่นดอกไม้ในมือส่งให้
รอยยิ้มของเด็กหนุ่มแทบทำให้เขาลืมหายใจ
     “ขอบคุณครับ”
     เขารู้จักเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อนแน่ ๆ ใบหน้าที่ดูคุ้นตา รูปร่างสูงเพรียว ผิวสีเข้มเหมือนสีน้ำผึ้ง และรอยยิ้มจับตาแบบนี้
     “ฮิคารุคุง”
     สึโยชิหลุดปากออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว
     เด็กหนุ่มไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่กลับเดินตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา และก่อนที่เขาจะได้พูดหรือขยับตัว เขาก็โดนเด็กหนุ่มจู่โจม
     สึโยชิถูกผลักให้ล้มลงโดยมีร่างของฮิคารุคร่อมอยู่ข้างบน แล้วเด็กหนุ่มก็ก้มลงมาจูบเขา
     ลิ้นของฮิคารุแทรกเข้ามาในปากของเขา สึโยชิดันร่างของเด็กหนุ่มออกอย่างแรงด้วยความตกใจ
     “เธอทำอะไรของเธอเนี่ย ฮิคารุคุง”
     “ทำอะไร ก็จูบขอบคุณไง” เด็กหนุ่มทำหน้าใสซื่อ เหมือนกับว่าการที่เขาจูบกับผู้ชายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่สุด
     “เธอไม่ควรทำแบบนี้” สึโยชิดุ เขารีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “คราวหลังอย่าทำอะไรแบบนี้อีก มันไม่สมควร ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี”
     ชายหนุ่มมองลูกชายของรุ่นพี่ที่ยังนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นด้วยสายตาดุ ๆ แต่คนที่โดนดุยังคงมีสีหน้าไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย
     สึโยชิมองชุดยูกาตะสีขาวที่เปรอะเปื้อนดินของเด็กหนุ่มด้วยความอ่อนใจ เขาพูดว่า
     “ลุกขึ้นเถอะ ฮิคารุคุง ชุดเธอเปื้อนหมดแล้ว”
     ฮิคารุไม่ขยับ ทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเขา ชายหนุ่มเรียกอีกครั้ง
     “ฮิคารุคุง ได้ยินรึเปล่า”
     เด็กหนุ่มก้มหน้าลง มือกุมข้อเท้าขวาเอาไว้ แต่ยังไม่ยอมพูดอะไร
     “เธอเป็นอะไร เจ็บขาเหรอ”
     สึโยชิทรุดตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่งลงข้าง ๆ ร่างของเด็กหนุ่ม เมื่อครู่เขาผลักฮิคารุจนล้ม หรือว่าจะเป็นตอนนั้นฮิคารุเลยเจ็บตัว
     “เจ็บมากมั้ย”
     ชายหนุ่มพยายามจะดู แต่ฮิคารุยังกุมข้อเท้าแน่น
     “ฉันจะพยุงเธอเข้าไปในบ้าน”
     เด็กหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ
     “ผมเดินไม่ไหว”
     “งั้นรอเดี๋ยว ฉันจะไปตามเด็กในบ้านมาช่วยเธอ”
     “ไม่เอา” เด็กหนุ่มปฏิเสธ “คุณต้องอุ้มผมไปส่งที่ห้อง”
     สึโยชิชะงัก เขามองหน้าเด็กหนุ่ม แต่สายตาที่ฮิคารุมองเขาไม่มีคำว่าล้อเล่น
     “ฉันจะไปตามคนในบ้าน” ชายหนุ่มทำเป็นไม่ได้ยินประโยคที่ฮิคารุพูด เขาลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ทันจะขยับเท้า เสียงใส ๆ ของเด็กหนุ่มก็หยุดเขาไว้ได้ก่อน
     “ถ้าคุณไม่ทำตามที่ผมบอก ผมจะบอกพ่อว่าคุณทำผมเจ็บตัว คุณผลักผมจนล้ม”
     สึโยชิหันขวับมามอง ดวงตาของฮิคารุเต็มไปด้วยความท้าทาย แล้วประโยคถัดมาของเด็กหนุ่มก็แทบทำให้เขาอยากกัดลิ้นตายเดี๋ยวนั้น
     “แล้วคุณยังจูบผมด้วย คุณพยายามจะปล้ำผม”
     “นี่เธอ” ชายหนุ่มพูดไม่ออก
     เด็กอะไรร้ายกาจ!
     ฮิคารุยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะเมื่อสึโยชิจำใจเข้ามาอุ้มเขาขึ้นจากพื้น สองมือของเด็กหนุ่มโอบรอบคอของชายหนุ่มทันที เสียงใส ๆ ฟังเหมือนเยาะดังอยู่ข้างหูของเขา
     “ขอบคุณครับสึโยชิซัง”
     สึโยชิกัดฟัน ไม่โต้ตอบอะไร เขาอุ้มเด็กหนุ่มเข้าไปในบ้าน แล้วก็เหมือนเกิดกลียุคทันทีเมื่อคนในบ้านและฮิโคอิจิเห็นฮิคารุถูกอุ้มมาแบบนั้น
     “อะไรกันนี่ เกิดอะไรขึ้น ฮิคารุ ลูกเป็นอะไร” ฮิโคอิจิตรงเข้ามาจับเนื้อจับตัวลูกชายคนเดียวด้วยความเป็นห่วงเป็นใยเมื่อร่างของฮิคารุถูกวางลงบนโซฟาตัวเตี้ยในห้องพักผ่อนแบบตะวันตกของบ้าน เขามองลูกชาย แล้วหันไปมองเพื่อนรุ่นน้องเป็นเชิงถาม
     “ฮิคารุคุงเจ็บข้อเท้าครับ เดินไม่ไหว” สึโยชิตอบ
     “แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าลูก ตามหมอดีกว่า” ฮิโคอิจิหันไปจะสั่งเด็กในบ้าน แต่ฮิคารุรีบค้านเสียก่อน
     “ผมไม่เป็นไร เจ็บนิดหน่อย ตอนนี้หายแล้ว”
     พูดจบก็ลุกขึ้นยืน แล้วก็เดินให้ดูด้วยเท้าที่มั่นคงทั้งสองข้าง เขาหันไปยิ้มให้กับสึโยชิที่ตอนนี้ทำหน้าปั้นยากเต็มทีเพราะรู้ตัวว่าโดนเด็กหลอกเข้าให้แล้ว
     “ขอบคุณสึโยชิซังด้วยนะครับ ต้องลำบากคุณอุ้มผมมาส่งจริง ๆ”
     ชายหนุ่มกัดฟันกรอด อยากจะจับตัวเด็กร้ายกาจมาเขย่าให้หัวสั่นหัวคลอนนัก!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mamie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-5
รอค่ะรอ  :o8:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ชอบค่า
แต่ถ้ามีรูปด้วยก็ดีนะ555
เพราะเราไม่เคยจำชื่อใครเลย
จำไดัแต่นางิโตะ  :z10:

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักคู่ที่สี่: Tsuyoshi x Hikaru (ต่อ)

     สึโยชิไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านของรุ่นพี่ของเขาในวันนั้นจะเป็นเพียงแค่ปฐมบทของความวุ่นวายครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของเขาเท่านั้น แต่เขารู้ตัวว่าต่อจากนี้ไปชีวิตของเขาคงไม่ปกติแน่ในทันทีที่เปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแล้วเจอร่างเพรียวของฮิคารุนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานของเขา
     “ฮิคารุคุง เธอมาที่นี่ได้ยังไง”
     ชายหนุ่มถาม เขาขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจนิด ๆ ที่เห็นอีกฝ่ายถือวิสาสะเข้ามาในห้องของเขาและยังนั่งไขว่ห้างทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่บนเก้าอี้ของเขาอีกด้วย
     “ถามโนมูระซังมา” ฮิคารุตอบยิ้ม ๆ โดยไม่สนใจหน้าดุ ๆ ของอีกฝ่าย “ผมมาสมัครงาน”
     “สมัครงาน” สึโยชิทวนคำ จับต้นชนปลายไม่ถูก “งานอะไร”
     “เป็นนักแสดงในสังกัดของคุณไง”
     “หา อะไรนะ”
     สึโยชิอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาสงสัยว่าตัวเองจะโดนล้อเล่นอีกหรือเปล่า
     “อย่ามาล้อเล่นนะ”
     “ไม่ได้ล้อเล่น ผมเขียนใบสมัครแล้ว นี่ไง” เด็กหนุ่มชูกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้น สึโยชิเดินไปหยิบมาดู ใบสมัครของบริษัทของเขาจริง ๆ เขียนเสร็จเรียบร้อย
     ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความหนักใจ
     “ฉันรับเธอไม่ได้หรอกนะ พ่อของเธอไม่มีวันยอมให้เธอมาทำงานแบบนี้แน่ ๆ”
     “พ่ออนุญาตแล้ว” เด็กหนุ่มบอกง่าย ๆ แต่เมื่อเห็นสายตาคลางแคลงของสึโยชิ เด็กหนุ่มก็บุ้ยใบ้ไปที่โทรศัพท์บนโต๊ะ
     “ไม่เชื่อก็ลองโทรไปถามก็ได้นะ”
     “ฉันโทรแน่” ชายหนุ่มยกหูโทรศัพท์ตามคำท้าและเมื่อฮิโคอิจิรับสาย ชายหนุ่มก็ต้องรับฟังคำบ่นของรุ่นพี่จนหูชา
     “ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าไอ้ลูกชายฉันมันคิดอะไรอยู่” ฮิโคอิจิโวยวายมาตามสายโทรศัพท์ “มันขู่ฉันว่าถ้าไม่ยอมให้มันทำ มันจะกลับไปอเมริกาแล้วไม่ยอมกลับมาญี่ปุ่นอีก มันจะไปสมัครกับค่ายที่โน่น ฉันไม่ยอมให้มันไปหรอกนะ ลูกชายคนเดียวของฉัน แค่คิดว่ามันจะต้องเจออะไรบ้างที่โน่น ฉันก็ทนไม่ไหวแล้ว ดังนั้น ถ้ามันอยากทำ ฉันก็อยากฝากไว้กับคนที่ไว้ใจได้ซึ่งก็คือนาย สึโยชิ ฉันฝากลูกชายฉันด้วยนะ มันอยากทำอะไรก็ยอม ๆ มันหน่อย”
     “แต่ว่ารุ่นพี่ครับ...” สึโยชิน้ำท่วมปาก มองเห็นความยุ่งยากอยู่รำไร
     “มันอยากถ่ายก็ปล่อยมันถ่ายไป แต่อย่าให้ต้องถึงกับวางขายเลย นายไม่ต้องห่วง ฉันจะจ่ายเงินค่าเสียหายทั้งหมดเอง ไฟล์วีดิโอทุกไฟล์ฉันจะรับซื้อเอาไว้เอง นายช่วยฉันหน่อยนะ ฉันจนปัญญากับเจ้าฮิคารุแล้วจริง ๆ เป็นเพราะฉันตามใจมันมากเกินไป สงสารว่ามันไม่มีแม่ มันเลยกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้”
     สึโยชิแทบไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเพราะรุ่นพี่ของเขารวบรัดตัดความหมดแล้ว ชายหนุ่มจำใจรับคำและวางหูโทรศัพท์ลง ก่อนหันไปมองตัวต้นเหตุของปัญหาที่นั่งลอยหน้าลอยตาอยู่บนเก้าอี้ของเขา
     “ตกลงฉันรับเธอเข้าทำงาน” สึโยชิพูด เขาจับต้นแขนของเด็กหนุ่มดึงให้ลุกขึ้นยืน
     “ตอนนี้เธอเป็นพนักงานที่นี่แล้วก็ควรจะต้องทำตัวให้สมกับเป็นพนักงานด้วย ต่อไปห้ามเข้ามาในห้องของฉันโดยที่ฉันไม่ได้อนุญาตอีกเด็ดขาด”
     สึโยชิจ้องตากับฮิคารุ สายตาของเขาแสดงความเอาจริง แต่ดูเหมือนว่าจะใช้ไม่ได้กับฮิคารุ เพราะฝ่ายหลังมีรอยยิ้มบาง ๆ ติดอยู่ที่ริมฝีปากตลอดเวลา ทำตัวเหมือนไม่รับรู้สาสน์ที่อีกฝ่ายพยายามสื่อ เด็กหนุ่มไม่ยอมรับปาก แต่กลับเปลี่ยนเรื่องไปว่า
     “มีอะไรอีกครับ”
     “เรื่องตารางงาน การถ่ายทำ อัตสึชิเป็นคนดูแลร่วมกับโนมูระ เธอคงรู้จักทั้งสองคนแล้ว ฉันจะคุยกับสองคนนี้ก่อนสำหรับเรื่องแผนงานที่เกี่ยวกับเธอ แล้วฉันจะติดต่อไปทีหลัง”
     “คงไม่คิดจะดองผมหรอกนะ” เด็กหนุ่มดักคอ ก่อนจะพูดเรียบ ๆ แต่ฟังเหมือนขู่อยู่ในทีว่า
     “อีกสามวันผมจะโทรมาถามความคืบหน้านะครับ ถ้ามีปัญหาอะไร ผมอาจจะมาหาคุณที่นี่อีก”
     ฮิคารุเดินลอยชายออกจากห้องไปแล้ว สึโยชิรู้สึกปวดหัวจนต้องซัดยาแก้ไมเกรน เขาเจอเด็กมีปัญหามาก็มากและก็จัดการได้ทุกที จะมีแค่เด็กคนนี้เท่านั้นแหละที่เขาไม่รู้จะรับมือยังไง ลำพังแค่นิสัยหรือความร้ายกาจของเจ้าตัวเองเขาก็อาจจะพอหาวิธีจัดการได้ แต่ฮิคารุดันมีแรงหนุนคือฮิโคอิจิที่พร้อมจะเข้าข้างลูกชายคนเดียวแบบสุดลิ่มทิ่มประตู มันทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
     ชายหนุ่มคิดถึงภาพของเด็กหนุ่มในชุดยูกาตะสีขาว รอยยิ้มจับตาแต่แฝงความเจ้าเล่ห์และท้าทาย รวมทั้งจูบใต้ต้นไม้ในวันนั้น
     สึโยชิไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้วเขาจะตกที่นั่งเดียวกับฮิโคอิจิหรือไม่ คือตามใจฮิคารุอย่างช่วยไม่ได้

     อัตสึชิกลายเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากกุมขมับกับเรื่องของฮิคารุ พี่บอกเขาแล้วว่าเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนนี้จะมาทำงานที่นี่โดยมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง แต่พี่ไม่ได้เตือนเขาก่อนว่าตอนนี้เจ้าฮิคารุมันกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจที่แสนจะรับมือยากไปเสียแล้ว เวลา 7 ปีที่ไม่ได้เจอกัน สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปคือรอยยิ้มสดใสของฮิคารุ พอเจ้านั่นเห็นเขาก็ยิ้มกว้างจนตาหยี เรียกชื่อเล่นที่เขาเคยบอกไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าอย่าเรียกท่ามกลางสาธารณชน แต่เจ้าฮิคารุก็ไม่เคยทำตามเสียที
     “อั๊คคุง คิดถึงจังเลย”
     อัตสึชิยิ้มปุเลี่ยน ๆ เมื่อตระหนักได้ว่าคนรอบตัวเขาเบือนหน้าไปกลั้นยิ้มกันเป็นแถว
     “เลิกเรียกฉันยังงี้สักทีเถอะ ขอร้อง”
     “ทำไมล่ะก็อั๊คคุงคืออั๊คคุงนี่นา”
     ฮิคารุยิ้มตาใส ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ จนอัตสึชิต้องรีบเปลี่ยนเรื่องไปเอง วันนี้เขานัดคนที่เกี่ยวข้องกับแผนงานเกี่ยวกับฮิคารุมาประชุมกัน และจะเป็นวันที่ฮิคารุต้องทดสอบหน้ากล้องด้วย พี่ย้ำนักย้ำหนาว่าต้องเลเวลต่ำสุดและห้ามเด็กหนุ่มรู้เป็นอันขาดว่าผลงานที่ถ่ายไปยังไงก็ไม่มีวันได้ออกวางขายเด็ดขาด
     “ผลงานแรกของนายจะมีแค่สองเรื่อง เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็คท์สองอันสำหรับนักแสดงหน้าใหม่ นี่เป็นบรีฟเรื่องที่นายต้องถ่าย”
     ฮิคารุรับเอกสารมาอ่านคร่าว ๆ แล้วถามหน้าตาเฉยว่า
     “ทำไมไม่มีเซ็กซ์ล่ะอั๊คคุง”
     อัตสึชิกลอกตา ก่อนจะตอบว่า
     “นักแสดงหน้าใหม่ยังไม่ต้องมีหรอก แค่มาสเตอร์เบตก็พอแล้ว” แล้วชายหนุ่มก็แนะนำสตาฟและเจ้าหน้าที่ที่ฮิคารุจะต้องทำงานด้วยในวันนี้ให้เด็กหนุ่มรู้จัก
     “โนมูระซัง นายคงรู้จักแล้ว ผู้จัดการฝ่ายบุคคล ดูแลเรื่องทั่ว ๆ ไปของออฟฟิศด้วย มีอะไรก็ถามโนมูระซังได้”
     ถัดไปชายหนุ่มแนะนำมัตสึดะกับเท็ปเปซึ่งเป็นผู้กำกับและตากล้องที่จะถ่ายให้ในวันนี้ จากนั้นจึงแนะนำคู่ของเด็กหนุ่มซึ่งเป็นสตาฟของบริษัท เวลาแสดงจะไม่เปิดเผยหน้าตา
     ฮิคารุมีปัญหาทันที
     “ผมไม่เล่นกับสตาฟคนนี้”
     ทุกคนอึ้ง อัตสึชิถามว่า
     “ทำไม นายมีปัญหาอะไร”
     “ก็นี่มันผลงานแรกของผม ให้ผมเล่นกับใครก็ไม่รู้ได้ยังไง ผมต้องการเล่นกับเบอร์หนึ่งของค่าย ถ้าไม่ได้ผมก็ไม่เล่น”
     คนฟังพากันอยากจะกุมขมับไปตาม ๆ กัน อัตสึชิทำหน้าปั้นยากอีกรอบ ถ้าเป็นนักแสดงคนอื่นเขาอาจจะพูดว่าไม่เล่นก็ไม่ต้องเล่นได้หรอก แต่เจ้าหมอนี่มันดันไม่ใช่นักแสดงธรรมดา ทั้งพี่ทั้งผู้มีพระคุณของพี่ต่างฝากฝังเอาไว้
     ปวดหัวจริงวุ้ย
     “กะทันหันอย่างนี้จัดการให้ไม่ได้หรอกนะ นักแสดงคนอื่นเค้าก็คิวแน่นกันทั้งนั้น ทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามแพลน”
     “คิวผมตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ ยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมง ถ้าจะจัดการมันก็ทัน” ฮิคารุไม่สนใจ
     “แต่วันนี้เบอร์หนึ่งของค่ายมีคิวตอนบ่ายแล้วครับ”
     โนมูระซึงเป็นคนที่รู้เรื่องตารางงานของทุกคนดีที่สุดบอกด้วยความเกรงใจ ฮิคารุหันขวับไปจ้องคนพูดด้วยสายตาคมกริบ
     “แคนเซิลซะ แล้วให้เขามาเล่นกับผม” ฮิคารุสั่ง
     “เอ้อ...” โนมูระทำตัวไม่ถูก เขาหันไปหาอัตสึชิเป็นเชิงขอความเห็น
     “บ่ายนี้โชเล่นกับใคร” อัตสึชิถาม
     “เอ้อ... โชคุงมีคิวถ่ายกับนางิคุงครับ”
     ฉิบหายแล้ว... ตอนนี้อัตสึชิแทบอยากจะเอาเท้าตะกายหน้าผากเสียให้รู้แล้วรู้รอด
     เจ้าโชมีคิวกับใครไม่มี ดันมามีกับเจ้านางิ แล้วถ้าจู่ ๆ ไปแคนเซิลคิวมันเพราะต้องการให้มาเล่นคู่คนอื่นโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรแล้วล่ะก็ มีหวังระเบิดลง เจ้านางิกลายร่างเป็นก็อตซิลล่าแน่
     เจ้านั่นมันชอบเจ้าโช และมันก็หวงของมันเอามาก ๆ
     เหลือบมองหน้าคนอื่น ๆ ในห้อง ดูเหมือนว่าทุกคนจะคิดถึงเรื่องเดียวกัน
     แต่มันมีทางเลือกอย่างอื่นด้วยเหรอในตอนนี้ อัตสึชิถอนหายใจ
     “เรียกโชมาถ่ายกับฮิคารุ แคนเซิลคิวนางิไปก่อน โนมูระซัง ช่วยจัดการเรื่องเช็คค่าเสียเวลาให้นางิด้วยนะครับ”
     ชายหนุ่มตัดสินใจ
     เมื่อทุกคนออกไปจากห้องแล้ว ชายหนุ่มก็หันมาหาเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่นั่งทำหน้าสบายอกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ถามด้วยน้ำเสียงเสียดสีว่า
     “พอใจรึยัง”
     แต่ฮิคารุจะสนใจหรือก็เปล่า เด็กหนุ่มส่งจูบให้อัตสึชิเป็นคำตอบ

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
วัวอยากเห็นนางิอาละวาด :z2:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
สายโหด

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักคู่ที่สี่: Tsuyoshi x Hikaru (ต่อ)


     นางิแทบเต้นเมื่อได้รับโทรศัพท์ยกเลิกงานจากโนมูระ
     ถ้าเล่นกับคนอื่น เขาคงไม่มีปฏิกิริยาขนาดนี้ แต่นี่คู่ของเขาคือโช
     เด็กหนุ่มยอมไม่ได้ ยิ่งได้ฟังเหตุผลจากโนมูระที่ (ถูกเขาบังคับให้) บอกอีก เด็กหนุ่มยิ่งรู้สึกว่าเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง
เขาไม่สนใจว่าเจ้าเด็กใหม่นั่นมันจะเส้นใหญ่แค่ไหน แต่ในเมื่อมาทำให้คิวงานของเขากับโชต้องปั่นป่วนแบบนี้ก็เห็นทีจะญาติดีกันไม่ได้แล้ว
     โชก็เหมือนกัน ไม่มีท่าทีอะไรสักนิดทั้งที่รู้ว่าไม่ได้ถ่ายกับเขาแล้ว
     เด็กหนุ่มเหลือบมองเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาในรถไฟใต้ดิน
     โชรับโทรศัพท์จากโนมูระแล้วก็รับปากอย่างสงบ ไม่คัดค้านอะไร แม้ต้องเปลี่ยนจุดหมายปลายทางมาที่บริษัทอย่างกะทันหันก็ตาม เขาสนใจเกมที่กำลังเล่นอยู่มากกว่าวันนี้จะต้องเล่นกับใครเสียอีก
     ไม่สนใจกระทั่งเขาด้วย
     เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักทีก็ไม่รู้ เขาเปิดเผยความรู้สึกถึงขนาดนั้นแล้วแท้ ๆ แต่โชจังก็ยังเห็นเขาเป็นเพื่อนสนิทอยู่นั่นเอง
     ดันไปตกหลุมรักผู้ชายซื่อบื้อไม่ค่อยคิดไม่ค่อยสังเกตอะไรนี่มันก็น่ากลุ้มเหมือนกันนะ
     นางิคิดอย่างเซ็ง ๆ 
     แต่เรื่องนี้ช่างมันเถอะ ตอนนี้ขอเขาดูหน้าเจ้าเด็กใหม่เส้นใหญ่ก่อน

     เจ้าเด็กใหม่ชื่อฮิคารุ
     อัตสึชิเป็นคนแนะนำให้นางิกับโชรู้จักเด็กหนุ่มหน้าตาดีผิวสีน้ำผึ้งที่เพียงแค่นางิได้เห็นแวบแรก เขาก็ลงความเห็นได้ทันทีว่า
หมอนี่มันไม่ธรรมดา
     เขาจ้องฮิคารุเขม็งซึ่งเจ้าหมอนั่นก็จ้องตอบอย่างไม่ยอมลงให้เหมือนกัน
     “สวัสดี ฉันชื่อนางิ”
     “ฮิคารุครับ”
     ทั้งสองคนจับมือกัน
     อัตสึชิรู้สึกเหมือนกับว่ามีประจุไฟฟ้าแล่นชนกันดังเปรี๊ยะ
     ดูเหมือนโชจะเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รับรู้ถึงปฏิกิริยาความเป็นปรปักษ์อันนี้ พอได้รับการแนะนำและเห็นนางิจับมือกับฮิคารุ เด็กหนุ่มก็กอดไหล่ทั้งสองคนพร้อมกัน ยิ้มร่าเริง
     “ยินดีที่ได้รู้จัก ดูเหมือนเราสามคนจะอายุเท่า ๆ กันเลยนะ นี่ถ้าได้เล่นด้วยกันหมดก็คงดีเนอะ นางิจังว่ายังไง”
ประโยคท้ายเขาหันมาหานางิซึ่งฝ่ายหลังไม่ตอบ เพียงแค่ยิ้มให้นิด ๆ สายตาที่แข็งก็นุ่มนวลลงด้วย
     การกระทำของนางิไม่พ้นสายตาของฮิคารุ เด็กหนุ่มยิ้มมุมปากนิด ๆ
     โนมูระกับมัตสึดะเข้ามาแยกเด็กหนุ่มทั้งสามคนออกจากกัน ถึงตอนนี้จะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าฮิคารุจะทำอะไรต่อไปและนางิจะแปลงร่างเป็นก็อตซิลล่าขึ้นมาเมื่อไหร่
     “ฮิคารุคุง เตรียมตัวเข้าฉากได้แล้ว ส่วนโชคุง ประเดี๋ยวสตาฟจะเข้ามาบรีฟให้ฟังนะ นายถ่ายเรื่องที่สอง” มัตสึดะบอกโชกับฮิคารุ ส่วนโนมูระหันไปพูดกับนางิว่า
     “ฉันเตรียมเช็คค่าเสียเวลาให้เธอเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวตามฉันไปเอาที่ห้องเลยนะ แล้วเธอก็กลับได้เลย”
     “ไม่เห็นต้องรีบเลยครับโนมูระซัง ไหน ๆ วันนี้ผมก็ไม่มีคิวแล้ว ผมขอรอเอาเช็คพร้อมกับโชจังหลังถ่ายเสร็จก็แล้วกัน วันนี้ผมกับโชจังจะกลับด้วยกันครับ โชจังจะไปค้างที่ห้องผม”
     นางิแสดงความเป็นเจ้าของโชอย่างชัดเจนแบบนี้เสมอ
     โนมูระเสียวสันหลังวาบ เพราะเมื่อนางิพูดจบ เขาก็หันไปพูดกับฮิคารุเหมือนจะท้าตีท้าต่อยว่า
     “จะขออยู่ดูถ่ายทำด้วย นายไม่ขัดข้องใช่ไหม”
     “ตามสบาย” ฮิคารุตอบ
     เด็กหนุ่มสองคนมองหน้ากันเหมือนจะหยั่งเชิงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วต่างคนต่างก็หันหลังให้กันและแยกย้ายกันไปอยู่มุมใครมุมมัน ท่ามกลางความใจหายใจคว่ำของคนทั้งกองที่จับตามองสถานการณ์อยู่
     มัตสึดะรีบประกาศเดินกล้องทันที
     เรื่องแรกนี้ฮิคารุเล่นคนเดียว เด็กหนุ่มได้รับโจทย์ให้หว่านเสน่ห์ใส่กล้องซึ่งสมมติว่าเป็นคู่ของตัวเอง เรื่องนี้ถือเป็นการทดสอบนักแสดงเพราะไม่มีกำหนดตายตัวว่าจะแสดงอย่างไร นักแสดงจะทำอะไรก็ได้ แสดงท่าทางอย่างไรก็ได้ตามแต่จินตนาการของนักแสดงเองเลย ซึ่งฮิคารุก็ตีบทแตกกระจุย
     เด็กหนุ่มใช้กระจกที่อยู่ในฉากเป็นเครื่องมือ เขาเล่นกับกระจก จูบและลูบไล้ตัวของเขาในกระจกเหมือนกับเป็นคู่ของตัวเอง ท่าทางและการแสดงออกของฮิคารุนั้นมีครบทั้งความยั่วยวน เซ็กซี่ และมีเสน่ห์ชนิดที่พาให้คนดูเคลิบเคลิ้มได้เลยทีเดียว
นางิที่มองแบบไม่คลาดสายตามาตั้งแต่ต้นหรี่ตาเล็กน้อย
     เขาพูดไม่ผิดหรอกว่าไอ้เจ้าเด็กใหม่นี่มันไม่ธรรมดา!
     ฮิคารุจบท้ายด้วยการช่วยตัวเอง เมื่อเขาหลั่งออกมา ผู้กำกับก็สั่งคัตและให้เขาไปล้างตัวและพักสักหน่อยก่อนที่จะแสดงในเรื่องต่อไป
     โชรออยู่แล้วเมื่อเขากลับเข้ามาในฉากอีกครั้ง
     เรื่องที่สองนี้ก็ยังเป็นมาสเตอร์เบชั่นเหมือนเดิมเพียงแต่โชจะเป็นคนทำให้ เด็กหนุ่มต้องเล้าโลมเพื่อสร้างอารมณ์ให้ฮิคารุซึ่งโชก็ทำอย่างที่ได้รับบรีฟมา เขาลูบไล้และจูบฮิคารุพลางค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าให้ซึ่งฮิคารุก็แสดงท่าเคลิบเคลิ้มได้สมจริงสมจังมากจนคนที่ดูอยู่นอกฉากกำหมัดแน่น
     ไอ้เจ้าเด็กใหม่มันคิดจะลองดีกับเขาใช่ไหม
     โชไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นนอกฉากบ้างเพราะเขามีสมาธิอยู่กับงานตรงหน้าอย่างเดียวเท่านั้น เด็กหนุ่มถอดเสื้อผ้าของฮิคารุออกจนหมดแล้วใช้ปากให้ สุดท้ายก็ช่วยด้วยมือจนฮิคารุหลั่งออกมาอีกครั้ง เป็นอันจบหน้าที่ของเขาในวันนี้ หลังผู้กำกับสั่งคัต เขาก็เดินเข้าห้องอาบน้ำไปล้างตัว ส่วนฮิคารุยังคงนั่งอยู่บนเตียงที่ใช้ถ่ายทำ กำลังใช้ทิชชูเช็ดคราบบนหน้าท้องของตัวเอง
     โนมูระกับอัตสึชิเดินเข้าไปหาฮิคารุ
     “โอเคไหมครับฮิคารุคุง” โนมูระถามด้วยความเป็นห่วง
     “ยังอยากจะแสดงต่ออีกไหม” อัตสึชิถาม เขาลุ้นให้คำตอบเป็นไม่ แต่ฮิคารุดับฝันของเขาด้วยรอยยิ้ม
     “เป็นดาราหน้ากล้องก็สนุกดีนะ เตรียมโปรเจ็คท์ต่อไปให้ผมได้เลยอั๊คคุง อ้อ แล้วถ้าเป็นเซ็กซ์ ผมขอเล่นกับโชจังนะ โชจังเก่ง แล้วก็น่ารักด้วย”
     โครม!
     โต๊ะกลมตัวเล็กตรงหน้านางิล้มลงกับพื้น แก้วเครื่องดื่ม กระป๋องเบียร์ ของกระจุกกระจิกที่เคยอยู่บนโต๊ะหล่นกระจายลงบนพื้น
     "ขอโทษ ขามันกระตุก"
     ทั้งโนมูระและอัตสึชิรู้สึกหนาวเยือกไปตามไขสันหลังเมื่อเห็นนางิจ้องเขม็งมา   
     วุ่นแล้วไง
     “เอ้อ... ไว้ฉันดูให้อีกทีละกัน” อัตสึชิไม่รับปาก
     ฮิคารุก็ไม่สนใจ พอพูดจบก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินเข้าห้องอาบน้ำไปล้างตัวบ้าง แต่เขาก็เจอนางิก้าวเข้ามายืนขวางเอาไว้ก่อน
โนมูระกับอัตสึชิใจหายวาบเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทั้งสองเผชิญหน้ากันอีกแล้ว แต่ค่อยยังชั่วที่ยังไม่ถึงขนาดลงไม้ลงมือกัน ฮิคารุยอมเป็นฝ่ายเดินเลี่ยงหลบไป และระหว่างที่เดินสวนไป เด็กหนุ่มกระซิบอะไรบางอย่างเบา ๆ ใส่หูนางิโดยที่ไม่มีใครทันสังเกต
     “พวกนายอย่าทำให้ฉันตกใจบ่อยนักได้ไหมเนี่ย” อัตสึชิบ่นเสียงดัง
     นางิร้องฮึในคอ กลับไปนั่งที่ของตัวเอง หยิบโทรศัพท์ออกมากด ส่วนฮิคารุก็เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
ร้ายมาก นางิเจอศึกหนัก 555

ออฟไลน์ poohanddew

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ฮิคารุร้ายกาจ

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักคู่ที่สี่: Tsuyoshi x Hikaru (ต่อ)

     สึโยชิฟังอัตสึชิรายงานเรื่องการถ่ายทำด้วยความรู้สึกลำบากใจ ฮิคารุเอาเรื่องจริง ๆ ตามที่เขากังวลไว้ไม่มีผิด แค่วันแรกที่ทำงานก็แสดงความเอาแต่ใจตัวเองให้สตาฟต้องปวดหัวไปตาม ๆ กัน ซ้ำร้ายยังไปมีปัญหากับนางิเข้าอีก
     “ฮิคารุขอถ่ายโปรเจ็คท์ต่อไปแล้วครับ ประกาศชัดว่าจะแสดงกับโชเท่านั้น ไม่เอาคนอื่น พี่จะว่ายังไงครับ จะชะลอไปก่อนไหม”
     อัตสึชิถาม
     “ทำได้ก็ดีสิ” สึโยชิบ่น “รุ่นพี่โทรมาคุยกับฉันเมื่อเช้า ไม่รู้ฮิคารุไปคุยอีท่าไหน รุ่นพี่ยอมรับให้ฮิคารุทำงานนี้ได้ซะอย่างนั้น แถมถามฉันอย่างละเอียดถึงแผนงานโปรโมตฮิคารุ ฉันคิดว่าแผนเดิมที่จะแทรกฮิคารุในโปรเจ็คท์นักแสดงหน้าใหม่คงใช้ไม่ได้แล้ว เราโปรโมตฮิคารุเดี่ยวไปเลย ให้ถ่ายอีกสองเรื่อง”
     ชายหนุ่มเจ้าของค่ายตัดสินใจ
     “เรื่องแรกให้จับคู่กับโช เรื่องที่สองจับคู่กับโชและนางิ เป็น 3P”
     “สามคนเนี่ยนะครับ จะดีเหรอ” อัตสึชิลังเล มองเห็นเค้าความยุ่งยากราง ๆ
     “นางิคงจะอยากมีส่วนร่วม ถ้าเรากันเขาออกไป ฉันว่ามันจะมีปัญหาซะมากกว่า ถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยก็ยังอยู่ในสายตาเรา ตอนถ่ายทำ นายก็ไปอยู่ด้วยละกัน เผื่อเกิดอะไรขึ้น จะได้แก้ไขได้”
     อัตสึชิมองหน้าพี่ชายตัวเองเต็มตา
     “พี่ครับ ผมถามจริง ๆ เถอะ ทำไมพี่ต้องยอมยุ่งยากขนาดนี้ อย่างเรื่องของนางิก็เหมือนกัน ถ้านิสัยขี้หึงขี้หวงของเจ้านั่นจะทำให้เกิดผลกับงาน พี่น่าจะจัดการไปเลย แต่นี่พี่ทำเหมือนเข้าข้างนางิ”
     สึโยชิยิ้มนิด ๆ เขาตอบน้องชายว่า
     “จะอยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกัน มันต้องยืดหยุ่นกันบ้าง นางิอาจจะมีนิสัยที่เป็นปัญหา อาจจะเหวี่ยง อาจจะแสดงความไม่พอใจถ้ามีใครคิดจะมาแตะโช แต่นางิก็ยอมรับมติของบริษัททุกอย่าง ถ้าเราจะให้โชถ่ายอะไร กับใคร ถึงแม้นางิจะไม่ชอบ เจ้าหมอนั่นก็ไม่เคยขัดข้องไม่ใช่เหรอ ฉันให้ความสำคัญกับความรู้สึกและจิตใจของพนักงานทุกคน นายก็รู้ ยิ่งทำงานแบบนี้ ต้องเจออะไรมากมาย ต้องทำสิ่งที่อาจจะไม่ชอบใจ ถ้าแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ยังถูกกดดันอีก ทีนี้จะเหลืออะไร เพราะฉะนั้น ถ้ามันไม่ทำให้งานผิดพลาดหรือมีปัญหา เรื่องอะไรที่มองข้ามได้ก็ข้ามไป หรือช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป”
     อัตสึชิถอนหายใจ เขาเข้าใจตัวตนและความคิดของพี่ชายของเขาดี สึโยชิภายนอกเป็นคนเคร่งขรึม เอาจริงเอาจัง แต่ภายในเป็นคนใจดี เขาเป็นพี่ชายที่อบอุ่นและใจดีสำหรับน้อง ๆ เมื่อมาทำธุรกิจก็ยังคงลักษณะนิสัยพี่ชายที่พร้อมจะดูแลทุกคนเอาไว้เหมือนเดิม
     “หนักใจเหรอ” พี่ชายถามยิ้ม ๆ
     “สุด ๆ ครับ ต้องรับมือทั้งเจ้านางิทั้งเจ้าฮิคารุนี่นา วันถ่ายทำอะสนุกแน่”
     “เอาน่า มันไม่ยากเกินไปหรอก” สึโยชิให้กำลังใจ “นายไปเตรียมงานเถอะ แล้วก็แจ้งทุกคนตามนี้ด้วยนะ”

     แม้ว่าจะบอกน้องชายว่ามันไม่ใช่ปัญหา แต่สึโยชิก็ไม่ประมาท เขากำชับให้โนมูระเข้าไปช่วยอัตสึชิอีกคนในวันถ่ายทำและย้ำว่าเขาจะแสตนด์บายอยู่ตลอดทั้งวัน หากมีปัญหาอะไรก็ให้แจ้งโดยด่วน
     การถ่ายทำเริ่มขึ้นตั้งแต่เช้า ฮิคารุถูกนัดคิวทั้งวันเพื่อถ่ายทำทั้งสองเรื่องให้เสร็จ ตอนที่เด็กหนุ่มมาถึงบริษัท โชมารออยู่แล้วพร้อมกับนางิซึ่งรายหลังนัดคิวตอนบ่าย แต่เจ้าตัวยืนยันจะมาแต่เช้าพร้อมกับโช ทั้งสองคนนั่งคุยกันอยู่ในห้องที่จะใช้ถ่ายทำ เมื่อเห็นฮิคารุเดินเข้ามา โชก็ยิ้มร่าทักทาย
     “โย่ ฮิคารุจัง”
     นางิเหลือบมองคนข้างตัวนิดนึงด้วยแววตาที่เหมือนจะค้อน แค่ถ่ายด้วยกันเรื่องเดียวนี่ดูสนิทสนมกันจังเลยนะ
     “สวัสดีโชจัง” ฮิคารุนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้าม เขาหันไปยิ้มให้นางิด้วย
     “สวัสดีนางิจัง ขอเรียกเหมือนโชจังนะ”
     นางิไม่ตอบรับหรือปฏิเสธคำทักทายที่ถือสนิทของฮิคารุ เขาแกล้งมองเมินไปเหมือนไม่ได้ยิน ก้มหน้าเล่นกับโทรศัพท์ในมือ ฮิคารุยักไหล่ เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง
     โนมูระที่จับตามองอยู่เห็นท่าไม่ดี เขารีบเดินเข้ามาหาฮิคารุพร้อมกับส่งบทให้ จากนั้นก็ดึงตัวฮิคารุไปหาอัตสึชิเพื่อรับบรีฟ ส่วนโชรับบรีฟไปแล้วเพราะมาถึงก่อน
     เมื่อทุกอย่างพร้อม กล้องเดิน โชดึงตัวฮิคารุเข้าไปจูบ ทั้งสองคนถอดเสื้อผ้าให้กันและกัน ก่อนที่โชจะอุ้มร่างเปลือยเปล่าของฮิคารุไปวางลงบนเตียง โชหันไปหยิบขวดเจลที่หัวเตียง ฮิคารุพลิกตัวนอนคว่ำ แต่ทันทีที่หน้าของเด็กหนุ่มซุกลงกับหมอน ดวงตาสัมผัสกับปลอกหมอนที่ออกสีเทา ๆ เด็กหนุ่มก็ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ทะลึ่งตัวลุกพรวดขึ้นมานั่ง สองมือปิดตาที่มีน้ำตาไหลพราก
     กองถ่ายกลายเป็นดินแดนมิคสัญญีทันที โชอุทานด้วยความตกใจ อัตสึชิกับโนมูระก้าวพรวดเดียวถึงตัวฮิคารุ ส่วนนางิเดินช้า ๆ ตามเข้ามา คิ้วขมวด
     “เป็นอะไร ฮิคารุจัง” โชถาม เขาพยายามจะแกะมือของฮิคารุออก แต่ฮิคารุเอามือปิดตาแน่น
     “เจ็บ ตาฉันเป็นอะไรก็ไม่รู้” เด็กหนุ่มร้อง
     “ผมต้องรีบโทรหาท่านประธาน” โนมูระระล่ำระลักหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามือไม้สั่น
     “ขอดูซิ เอามือออก ฮิคารุ” อัตสึชิสั่ง เขาช่วยกับโชดึงมือของฮิคารุออก ตาของเด็กหนุ่มแดงมากและมีน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลา
     “แย่แล้ว รีบเข้าไปล้างตาก่อนเถอะฮิคารุจัง” โชอุทาน อัตสึชิรีบช่วยโชพยุงฮิคารุไปที่ห้องอาบน้ำทันที โนมูระกดวางสายโทรศัพท์ที่โทรรายงานสึโยชิ เขาบ่นอย่างกลัดกลุ้มว่า
     “ฮิคารุคุงเจ็บตัวจนได้ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
     “คงมีใครหมั่นไส้เจ้าเด็กเส้นละมั้งครับ” นางิเปรยลอย ๆ โนมูระหันมามองทันที นางิพยักเพยิดไปที่ปลอกหมอนที่ฮิคารุนอนหนุนอยู่เมื่อสักครู่ เมื่อโนมูระเข้าไปดูใกล้ ๆ และเอานิ้วแตะดูก็เห็นว่าที่ปลอกหมอนมีผงอะไรสักอย่างโรยไว้บาง ๆ
     “มีคนแกล้งฮิคารุคุง” โนมูระอุทาน
     นางิยักไหล่
     สึโยชิรับรู้เรื่องราวทั้งหมดด้วยความเคร่งเครียด ชายหนุ่มสั่งเลิกกองทันที คนที่ไม่เกี่ยวข้องถูกไล่ออกไปจากห้องจนหมด เหลือแค่ตัวเขาเอง โนมูระ อัตสึชิ และฮิคารุอยู่ในห้อง
     ชายหนุ่มดูปลอกหมอน แล้วเข้าไปดูฮิคารุที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ดวงตาของเด็กหนุ่มยังแดงอยู่ แต่ไม่น่ากลัวเหมือนตอนแรก ๆ น้ำตาก็หยุดไหลแล้ว
     “ยังเจ็บอยู่ไหมฮิคารุ” สึโยชิถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือข้างหนึ่งลูบศีรษะของเด็กหนุ่ม
     สองมือของเด็กหนุ่มยึดชายเสื้อแจ็กเก็ตของสึโยชิไว้แน่นเหมือนต้องการจับไว้เป็นหลักยึด ฮิคารุไม่ตอบอะไร เขาก้มหน้า มือที่จับเสื้อของสึโยชิอยู่สั่นนิด ๆ
     สึโยชิกัดกรามแน่น เขาลูบศีรษะเด็กหนุ่มด้วยความสงสาร
     ต้นเหตุของเรื่องคราวนี้มาจากเขาคนเดียว อัตสึชิเตือนเขาแล้วว่ามันอาจจะมีปัญหา แต่เขาก็ดันทุรัง สุดท้ายฮิคารุก็ต้องเจ็บตัวจนได้
     “ขอโทษนะฮิคารุ” ชายหนุ่มพูด ฮิคารุส่ายหน้าเบา ๆ
     “วันนี้เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ เรื่องงานค่อยว่ากันอีกที โนมูระซัง...” สึโยชิจะสั่งให้โนมูระพาเด็กหนุ่มไปส่งที่บ้าน แต่มือสองข้างที่ยึดชายเสื้อแจ็กเกตเขาอยู่กระตุกเบา ๆ ทันที เขาเห็นสายตาอ้อนวอนเงียบ ๆ กับท่าทางที่เสียขวัญของฮิคารุก็ชะงัก เปลี่ยนเป็นพูดว่า
     “ฉันจะไปส่งฮิคารุที่บ้าน เรื่องนี้เราจะคุยกันอีกทีตอนฉันกลับมา”

     ระหว่างที่อยู่บนรถ ฮิคารุไม่ได้พูดอะไร เขานอนหลับตาอย่างเดียว เหมือนต้องการจะพัก แต่เมื่อรถจอดที่หน้าบ้าน ฮิคารุก็หันมาขอร้องเขาว่า
     “อย่าบอกพ่อนะครับสึโยชิซัง”
     “แต่เรื่องนี้พ่อเธอควรจะรู้ มันไม่ใช่อุบัติเหตุ มีคนจงใจแกล้งเธอ”
     “แล้วคุณไม่กลัวเหรอ ถ้าพ่อรู้ คุณโดนเล่นงานแน่ โทษฐานที่ดูแลผมไม่ดี”
     สึโยชิจ้องตาฮิคารุ ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง
     “ฉันสมควรโดนอยู่แล้วเพราะฉันดูแลเธอไม่ดีจริง ๆ ฉันต้องสารภาพผิดกับพ่อเธอนั่นแหละมันถึงจะถูกต้อง เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอีก”
     “จะทำได้เหรอ คุณไม่ได้อยู่กับผมตลอดสักหน่อย ลับหลังคุณก็อาจจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้ คุณไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้หรอก ไม่ต้องบอกพ่อด้วย ผมจัดการเองได้”
     เด็กหนุ่มบอกอย่างดื้อดึง เขาเปิดประตูรถ แต่สึโยชิเอื้อมมาดึงประตูปิดตามเดิม เขาจับไหล่ฮิคารุให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา
     “ฉันรับปากพ่อเธอไว้แล้วว่าฉันจะดูแลเธอ ฉันผิดคำพูดไม่ได้หรอก”
     “ถ้าคุณดูแลผมเพราะรับปากพ่อไว้ คุณไม่จำเป็นต้องทำ ผมดูแลตัวเองได้”
     เด็กหนุ่มสะบัดตัวหลุดจากมือของสึโยชิ แล้วเปิดประตูรถลงไป สึโยชิรีบเปิดประตูรถตามลงไปดึงมือของฮิคารุไว้ทันก่อนที่เด็กหนุ่มจะเข้าไปในบ้าน
     “ฮิคารุ” สึโยชิเรียกเสียงอ่อน “มีเหตุผลหน่อยได้ไหม”
     เด็กหนุ่มเงียบแต่ท่าทางฮึดฮัด
     “ตอนที่ถ่ายซ่อม ฉันจะไปอยู่กับเธอที่กองด้วย” สึโยชิพูด “คราวนี้ฉันจะเป็นคนดูแลเธอเอง”
     เด็กหนุ่มยังคงไม่พูดอะไรอยู่ดี สึโยชิถอนหายใจด้วยความหนักใจ เขากระตุกมือฮิคารุ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังนิ่ง เขาก็กระตุกอีกไม่หยุด
     ฮิคารุพยายามทำหน้าบึ้ง แต่ตอนนี้ทำต่อไปไม่ไหวแล้ว เด็กหนุ่มยิ้มออกมาในที่สุด
     “สัญญานะว่าจะเป็นคนดูแลผม”
     สึโยชิสบตากับฮิคารุ ก่อนจะพูดอย่างหนักแน่นว่า
     “ฉันสัญญา”

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :pig4:
เรื่องนี้ถูกจริตอย่างแรง อ่านสนุกค่ะ เหมือนเรื่องแปลเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
ฮิคารุหนูเล่นเองชงเองเรียกร้องความสนใจป่าวจ้ะ
5555555555555 ล้อเล่นน้า

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
เราก็ว่าฮิคารุทำเองป่าวหว่า   :undecided:

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักคู่ที่สี่: Tsuyoshi x Hikaru (ต่อ)


     การถ่ายซ่อมเกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วันหลังจากนั้น หลังจากที่ชายหนุ่มได้รับคำยืนยันจากฮิคารุว่าพร้อมจะถ่ายแล้ว
หลังจากเขาส่งฮิคารุที่บ้านในวันที่เกิดเรื่อง สึโยชิกลับมาที่บริษัท เขาปิดห้องคุยกับอัตสึชิและโนมูระ ทั้งหมดคิดเหมือนกันว่านางิน่าสงสัยมากที่สุด แต่ปัญหาคือไม่มีหลักฐานว่านางิเป็นคนทำ โนมูระยืนยันว่าระหว่างที่อยู่ในกอง นางิไม่ได้เข้าไปใกล้เตียงเลย เขาตัวติดกับโชตลอดเวลา ส่วนนอกกอง หลังจากสอบถามกับพนักงานแล้วก็ไม่มีใครเห็นนางิเฉียดใกล้ห้องถ่ายทำเหมือนกัน
เมื่อไม่มีหลักฐาน นางิก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
     ตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือต้องระวังกันมากขึ้น
     นางิกับโชมาถึงกองถ่ายก่อนเวลานัดเล็กน้อย เข้ามาไล่เลี่ยกับฮิคารุ โนมูระเรียกตัวทั้งสามคนไปบรีฟพร้อมกัน อัตสึชิได้จังหวะเดินเข้ามาหาพี่ชายที่มาถึงล่ากว่าฮิคารุนิดหน่อย กระซิบว่าทุกอย่างปกติเรียบร้อยดี สึโยชิพยักหน้ารับ สายตาของเขามองตามฮิคารุไม่วางตา
     สึโยชิจัดให้ถ่ายเรื่องที่ต้องเล่นกันสามคนก่อน เขาคิดว่าถ้าเรื่องนี้ผ่านไปอย่างไม่มีปัญหา เรื่องที่เล่นกับโชก็น่าจะไม่มีปัญหาเช่นกัน
     นักแสดงทั้งสามคนนั่งอยู่ด้วยกันบนเตียง เมื่อผู้กำกับสั่งเดินกล้อง ทั้งสามก็เริ่มคุยกันเรื่อยเปื่อยเป็นการสร้างความคุ้นเคยกัน ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาของการเล้าโลม และเพราะเรื่องนี้ต้องการดันฮิคารุให้เป็นตัวเอก นางิกับโชจึงทำหน้าที่เป็นคนเล้าโลมฮิคารุ
     ฮิคารุหลับตาและส่งเสียงครางเบา ๆ ขณะที่โชช่วยกันกับนางิไล้เลียไปตามร่างกายของเขา เสื้อผ้าของเขาถูกถอดออก ฮิคารุนอนพิงอกโช ในขณะที่นางิใช้ปากให้
     การเล้าโลมผ่านไปอย่างไม่มีปัญหา
     ฮิคารุยังนอนเอนพิงอกโชอยู่ขณะที่นางิหยิบขวดเจลขึ้นมาทาให้ แล้วเด็กหนุ่มก็ถูกจับให้ลุกขึ้น นางิกดเขาลงบนตัวของโชที่นั่งยืดขาอยู่บนเตียง ฮิคารุกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้หลุดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกไป เขาเหลือบตามองนางิ ฝ่ายหลังพยักหน้านิดเดียว แล้วฮิคารุก็รู้สึกเหมือนกับว่าสติของเขาหลุดไปวูบหนึ่งเมื่อนางิดันตัวเองเข้ามาอีกคน
     เด็กหนุ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดประสานกับเสียงตะโกนของสึโยชิและโชที่ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน
     “โอ๊ย!”
     “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
     “เฮ้ย!”
     โชดึงตัวเองออกมาแทบไม่ทัน เขาเห็นเลือดไหลออกมาจากตัวฮิคารุ นางิก็ดึงตัวเองออกมาในเวลาเดียวกัน
     สึโยชิเผ่นพรวดเดียวถึงตัวเด็กหนุ่ม เขากัดฟันกรอดเมื่อเห็นรอยฉีกขาดที่เลือดไหลซิบออกมาที่ตัวฮิคารุ โนมูระหน้าซีดเผือด อัตสึชิหันไปโวยใส่นางิทันที
     “นายทำอะไรลงไปรู้ตัวไหมเนี่ย!”
     “ผมทำอะไร”
     “อย่ามาเล่นลิ้น นายก็รู้ว่านี่มันเรื่องแรกของฮิคารุ แล้วนายเล่นสอดใส่เข้าไปพร้อมกันแบบนี้มันก็ฉีกน่ะสิ นายตั้งใจแกล้งฮิคารุใช่ไหม นางิ!”
     คนถูกกล่าวหายังนิ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขามองสึโยชิที่กอดร่างฮิคารุแนบอก ดวงตาของเจ้าของค่ายที่มองมาทางเขาแทบจะลุกเป็นไฟ ถ้าไม่ติดที่ฮิคารุกอดเอาไว้แน่น เขาเชื่อว่าท่านประธานคงจะลุกมาต่อยหน้าเขาแล้วเป็นแน่
     “เอ้อ... นางิจังไม่ได้แกล้งหรอกครับ เราทำไปตามบท”
     โชพูดสอดขึ้นมา เขาตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับฮิคารุเหมือนกัน แต่เมื่อทุกคนกำลังสงสัยนางิ เขาก็คิดว่าตัวเองต้องพูดอะไรบ้าง
     อัตสึชิหันขวับมาหาทันที
     “นายหมายความว่ายังไงโชจัง”
     “ก็บทที่ผมได้น่ะครับ เขียนไว้อย่างนั้น ให้ผมกับนางิจังใส่เข้าไปพร้อมกันเลย บทของนางิจังก็น่าจะเหมือนกันใช่ไหม”
     ประโยคหลังเขาถามนางิซึ่งเด็กหนุ่มก็เดินไปหยิบบทของตัวเองกับโชที่วางอยู่บนโต๊ะมาส่งให้อัตสึชิดูโดยไม่พูดอะไร
     “พอเรามาถึงที่กอง สตาฟก็เอาบทมาให้ แล้วโนมูระซังก็เรียกบรีฟ หลังจากนั้นผมกับนางิก็นั่งดูบทอยู่ด้วยกันจนถึงเวลาถ่ายนี่แหละครับ”
     โชอธิบาย อัตสึชิอ่านเอกสารในมือ เป็นจริงอย่างที่โชว่า แต่บทอันนี้มันไม่ใช่บทที่ตกลงกันเอาไว้แต่แรก
     “มีการสลับบท” อัตสึชิสรุป
     “นายจัดการเรื่องนี้ ฉันจะพาฮิคารุไปหาหมอก่อน” สึโยชิตัดสินใจ เขาอุ้มตัวฮิคารุขึ้นแล้วก้าวยาว ๆ ออกไปจากห้อง
     แผลของฮิคารุไม่ได้ฉีกมากอย่างที่นึกกลัว หลังจากห้ามเลือดและทำแผลเสร็จ คุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ สึโยชิตัดสินใจพาฮิคารุมาที่ห้องของเขาก่อน ถ้าพากลับทั้งสภาพแบบนี้ เชื่อเหลือเกินว่าฮิโคอิจิคงจะฆ่าเขาตายทันทีที่รู้เรื่อง
     ชายหนุ่มอุ้มฮิคารุที่หลับพับอยู่กับอกของเขาเข้าไปในห้องนอนแล้ววางร่างของเด็กหนุ่มลงบนเตียงอย่างเบามือ แต่ก็ทำให้ฮิคารุรู้สึกตัวอยู่ดี
     “สึโยชิซัง”
     สึโยชินั่งลงบนเตียงข้างตัวฮิคารุ มือของเขาลูบศีรษะเด็กหนุ่ม
     “ขอโทษนะฮิคารุ ฉันสัญญาแล้วแท้ ๆ ว่าจะดูแลเธอ แต่กลับทำไม่ได้อย่างที่พูด แถมยังทำให้เธอเจ็บตัวมากกว่าเดิมเสียอีก”
     เด็กหนุ่มส่ายหน้าช้า ๆ เขาจับมือของสึโยชิไว้
     “ไม่ใช่ความผิดของสึโยชิซังสักหน่อย”
     “แต่ฉันก็ต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ดี เธอเข้ามาอยู่ในสังกัดของฉัน พ่อของเธอก็ฝากเธอไว้กับฉัน ฉันก็ต้องดูแลเธอให้ดี แต่แล้วเรื่องมันก็กลายเป็นอย่างนี้ไปซะได้ ฉันเสียใจจริง ๆ”
     ฮิคารุปล่อยมือจากสึโยชิทันที เขาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง
     “ฮิคารุ” สึโยชิเรียก เขาจะดึงผ้าห่มออก แต่ฮิคารุยึดผ้าห่มไว้แน่น
     “มาคุยกันก่อน”
     “ผมไม่อยากคุย” เด็กหนุ่มพูดเสียงอู้อี้
     “งั้นไม่ต้องคุยก็ได้ ฉันจะไปบริษัทก่อนก็แล้วกัน” สึโยชิพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนไม่แยแส แต่สายตาของเขาจับนิ่งอยู่ที่ร่างบนเตียง และเป็นอย่างที่คิดไม่มีผิด พอเขาพูดจบ เด็กหนุ่มก็ดึงผ้าห่มที่ใช้ปิดหน้าอยู่ออกทันที
     ฮิคารุหน้างอ
     “คุณแกล้งผม” ฮิคารุกล่าวหา
     สึโยชิหัวเราะเบา ๆ
     “เธอไม่ยอมคุยกับฉันเองนี่นา เธอเริ่มก่อนนะฮิคารุ”
     “ก็ผมไม่อยากได้ยินคุณบอกว่าต้องดูแลผมเพราะพ่อ” ฮิคารุพ้อ
     “คุณไม่รู้สึกชอบผมสักนิดเลยเหรอ สึโยชิซัง”
     เด็กหนุ่มสบตากับสึโยชิ แต่ฝ่ายหลังเบือนหน้าหนีและลุกขึ้นยืนพร้อมกับตัดบทว่า
     “เธอพักเถอะ ตอนเย็นฉันจะพาเธอกลับไปส่งที่บ้าน”
     “ไม่เอา อย่าเพิ่งไป โอ๊ย!” พอขยับตัว เด็กหนุ่มก็รู้สึกเจ็บจนหลุดปากร้องออกมา สึโยชิชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวออกจากห้องทันที เขานั่งลงบนเตียงข้างตัวฮิคารุ เด็กหนุ่มถือโอกาสรั้งแขนเขาเอาไว้แน่น
     “สึโยชิซัง อยู่กับผมนะ อย่าไป”
     “ไม่ได้หรอกนะฮิคารุ ฉันต้องไปจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เธอเจ็บแบบนี้เราคงปิดพ่อเธอไม่ได้แน่ ฉันต้องหาตัวคนทำให้ได้ก่อนที่จะคุยกับพ่อเธอ หรืออย่างน้อยก็ต้องมีความคืบหน้าอะไรบ้าง”
     “แต่ผมไม่อยากให้คุณหาคนทำได้เลย”
     ฮิคารุครวญ
     “ถ้าคุณรู้ว่าใครทำ คุณก็คงเลิกดูแลผมแบบนี้อีก”
     คนฟังถอนหายใจ
     “ฉันไม่เลิกดูแลเธอหรอกนะ”
     “เพราะพ่อฝากฝังเอาไว้ ผมรู้แล้วล่ะน่า” เด็กหนุ่มชิงพูดประโยคนั้นออกมาก่อน เขามองหน้าสึโยชิ
     “แต่คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผมนะ สึโยชิซัง คุณชอบผมบ้างสักนิดมั้ย”
     “ฉันต้องไปแล้ว” สึโยชิเปลี่ยนเรื่อง เขาหันหลังให้ แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นประตูห้อง เสียงสั่น ๆ ของฮิคารุก็ดังขึ้นก่อนว่า
     “แต่ผมชอบคุณ สึโยชิซัง คุณได้ยินไหม ผมชอบคุณ!”
     สึโยชิตัวชา เสียงของฮิคารุยังดังไม่หยุด
     “ผมชอบคุณ ผมชอบคุณ ผมชอบคุณ!”
     ขนาดสารภาพรัก แต่ฮิคารุก็ยังไม่ทิ้งความร้ายกาจ พอเห็นว่าเสียงไม่ได้ผล เด็กหนุ่มก็คว้าของใกล้มือคือหมอนที่ตัวเองหนุนอยู่ขว้างใส่สึโยชิ
     “เฮ้ย!” สึโยชิอุทาน เขาเอี้ยวตัวหลบหมอนอีกใบที่เด็กหนุ่มขว้างใส่
     พอหมอนไม่มีแล้ว ฮิคารุก็เหลียวหาของอย่างอื่นต่อ แต่เขายังไม่ทันจะคว้าของประดับที่หัวเตียง สึโยชิก็คว้าตัวเขาไปกอดเอาไว้ก่อน
     “พอแล้ว ฮิคารุ” สึโยชิพูด เขากดศีรษะเด็กหนุ่มแนบอก
     ฮิคารุดิ้น สองมือของเขาทั้งจิกทั้งทึ้งทั้งทุบหลังของสึโยชิเหมือนต้องการระบายความอัดอั้น
     “ผมชอบคุณ ผมชอบคุณ ผมชอบคุณ!”
     “ฉันรู้ ฮิคารุ ฉันรู้” สึโยชิกระซิบ ชายหนุ่มกอดร่างในอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก สองมือที่ทุบถองหลังของเขาอยู่ค่อย ๆ หยุด เปลี่ยนมาเป็นยึดเสื้อสูทของเขาแทน ชายหนุ่มได้ยินเสียงฮิคารุสะอื้น ฮิคารุคงจะเจ็บ ดีไม่ดีแผลอาจจะเปิดก็ได้ เล่นขยับซะขนาดนั้น
     “สงบลงบ้างรึยัง” ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นฮิคารุนิ่งอยู่กับอกของเขาแล้ว
     เด็กหนุ่มพยักหน้าเงียบ ๆ และพอเขาคลายอ้อมแขน ฮิคารุก็ผลักเขาทันที
     “คนใจร้าย”
     “แผลเปิดรึเปล่าเนี่ย ให้ฉันดูหน่อยนะ”
     ฮิคารุปัดแขนของสึโยชิที่ยื่นมา หน้าของเด็กหนุ่มงอง้ำและบนแก้มยังมีคราบน้ำตาติดอยู่
     “ถ้าคุณไม่ได้ชอบผมก็ไม่ต้องมาทำดีด้วยหรอก เย็นนี้ก็ไม่ต้องลำบากไปส่งผมด้วย ผมจะกลับเอง คุณจะไปไหนก็ไปเลย ไปให้พ้น!”
     “ฮิคารุ”
     เด็กหนุ่มหันหลังให้กับเสียงเรียกของสึโยชิ แต่อึดใจต่อมา ตัวของเขาก็ถูกกอดจากข้างหลัง สึโยชิถอนใจยาว เขาซบศีรษะลงกับไหล่ของฮิคารุพลางบ่นว่า
     “เธอนี่มันเป็นเด็กร้ายกาจเอาแต่ใจยังไงก็ยังเป็นเหมือนเดิมเลยนะ จะมีวันไหนไหมที่เธอไม่สร้างความเดือดร้อนลำบากใจให้ฉันเนี่ย ฉันชักเข้าใจความลำบากของรุ่นพี่ซะแล้วสิ เพราะตอนนี้ฉันเองก็ตกที่นั่งเดียวกับพ่อเธอจนได้”
     ฮิคารุเหลียวมาสบตากับสึโยชิที่มองเขานิ่งอยู่ก่อนแล้ว และเมื่อเขาเผยอริมฝีปาก สึโยชิก็ก้มลงมาจูบเขาทันที
     “ฉันก็ชอบเธอเหมือนกันนะฮิคารุ”

     การจะหาตัวคนผิดไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว สึโยชิรับฟังอัตสึชิกับโนมูระรายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้นด้วยความหนักใจ การเปลี่ยนบททำขึ้นเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ สตาฟที่ดูแลเรื่องบทยืนยันว่าไม่มีใครมายุ่งกับบท ส่วนผู้ต้องสงสัยคนสำคัญคือนางิก็มีพยานยืนยันที่อยู่ชัดเจน เด็กหนุ่มอยู่กับโชตั้งแต่เมื่อวานจนกระทั่งถึงวันนี้ โชยืนยันว่านางิไม่มีท่าทีอะไรผิดปกติเลย แต่ลางสังหรณ์ของสึโยชิบอกเขาว่านางิต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน เขาจึงเรียกนักแสดงหนุ่มในสังกัดเข้ามาสอบถามอีกครั้งเป็นการส่วนตัว
     นางิไม่มีทีท่าหวั่นเกรงอะไรเมื่อต้องเดินเข้าไปคุยกับสึโยชิตามลำพัง
     “นั่งสินางิคุง” สึโยชิผายมือไปที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขา เด็กหนุ่มนั่งลง
     “ประธานมีเรื่องอะไรจะถามผมอีกครับ ผมบอกทุกอย่างกับโนมูระซังและอัตสึชิซังไปหมดแล้ว”
     สึโยชิมองนางินิ่ง ๆ ซึ่งฝ่ายหลังก็ไม่หลบสายตา ไม่แสดงท่าทีมีพิรุธหรือหวาดหวั่นใด ๆ ออกมาเลย
     “เธอไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริง ๆ น่ะเหรอ”
     นางิยักไหล่
     “ผมไม่ได้ทำอะไร”
     “แต่เธอเป็นคนเดียวที่มีปัญหากับฮิคารุ เรื่องโช”
     นางิยิ้มนิด ๆ เขายกขาขึ้นนั่งไขว่ห้างด้วยท่าทางสบายอารมณ์
     “ประธานคิดจะเอาเรื่องนี้มาปรักปรำผมเหรอครับ”
     “ฉันต้องการรู้ความจริง”
     “ความจริงก็คือผมไม่ได้ทำอะไร” นางิยืนยัน “แต่ถ้าประธานไม่เชื่อ ยังสงสัยผมอยู่ ประธานก็หาหลักฐานมาเอาผิดผมให้ได้ก็แล้วกัน แค่การสันนิษฐานว่าผมมีปัญหากับฮิคารุจังแล้วจะมาเหมาเอาว่าผมเป็นคนทำน่ะมันอ่อนไปนะครับ”
     สึโยชิสะดุดหู
     “ฮิคารุจัง?”
     นางิยิ้มสดใสส่งให้ใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งดูดีมากขึ้น แต่ในสายตาของสึโยชิ เขากลับเห็นความเจ้าเล่ห์นิด ๆ ซ่อนอยู่ข้างในใบหน้านั้น มันดูคล้าย ๆ กับสีหน้าของฮิคารุในบางครั้งไม่มีผิดเพี้ยน
     เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกำลังสนุกสนานว่า
     “ขอพูดอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายนะครับว่าผมไม่ได้มีปัญหากับฮิคารุจัง ไม่ได้เป็นคนแกล้ง และไม่เคยคิดจะทำด้วย”
     สึโยชิมองตามหลังเด็กหนุ่มที่เดินออกไปจากห้องของเขาด้วยแววตาครุ่นคิด
     “เป็นยังไงบ้างครับพี่”
     อัตสึชิเข้ามาในห้องของพี่ชายหลังจากที่เห็นนางิออกไปแล้ว
     “นางิปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนทำ” สึโยชิตอบเรียบ ๆ
     “เจ้านั่นก็ยืนยันกับผมอย่างนั้นเหมือนกัน” อัตสึชิพูด “ตอนนี้ผมไม่แน่ใจซะแล้วสิครับ ตอนแรกก็คิดว่าเป็นนางิ แต่ไป ๆ มา ๆ มันไม่น่าจะใช่เจ้านั่นซะแล้ว ตกลงใครกันแน่ที่เป็นคนทำ”
     “สองคนนั้นมีปัญหากันจริง ๆ เหรอ ฮิคารุกับนางิน่ะ” สึโยชิถาม
     “ก็เขม่นกันเรื่องโชน่ะครับ ฮิคารุขอถ่ายแต่กับโช นางิมันก็โมโห”
     “ขนาดไหน ลงไม้ลงมือกันเลยมั้ย”
     อัตสึชินิ่งคิด ก่อนจะส่ายหน้า
     “ไม่ถึงขนาดนั้นนะครับ มีจ้อง ๆ กัน พูดยั่วยุใส่กันบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับจะร้ายแรงขนาดให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโมโหจัดจนเลยเถิดไปถึงการแกล้งกันได้”
     สึโยชิเคาะนิ้วกับโต๊ะ เขากำลังใช้ความคิด
     อัตสึชิมองพี่ชายด้วยความสงสัย
     “นี่พี่กำลังคิดอะไรอยู่ครับ”
     ชายหนุ่มถอนใจ
     “เอาไว้ให้ฮิคารุหาย ฉันจะเรียกมาคุย แล้วจะบอกนายอีกที”

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
ฮิคารุน่าสงสัยสุด  :ruready

ออฟไลน์ mamie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-5
แหม่ร้ายกาจฝุดๆ 555555


ชอบเรื่องนี้จุง  o13 o13

ออฟไลน์ mana_ai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ฝีมือฮิคารุแน่ๆ

ออฟไลน์ Mettnoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
สร้างรักคู่ที่สี่: Tsuyoshi x Hikaru (จบ)


     แต่สึโยชิไม่ต้องรอจนฮิคารุหายดีอย่างที่บอกน้องชายไว้ หลังจากที่เขาพาฮิคารุไปส่งที่บ้านในตอนเย็นและรอดพ้นจากการถูกฮิโคอิจิซักฟอกไปได้เพราะเพื่อนรุ่นพี่ไม่อยู่บ้านพอดี วันรุ่งขึ้น ฮิคารุก็มาหาเขาที่บริษัท เด็กหนุ่มเปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะและไม่สนใจจะรอให้สึโยชิอนุญาตด้วย
     “ฮิคารุ เธอมาที่นี่ได้ยังไง แล้วหายแล้วเหรอ” สึโยชิขมวดคิ้ว มองเด็กหนุ่มเดินมานั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขา
     “ผมไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย” ฮิคารุตอบ เขามองหน้าสึโยชิ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มนิด ๆ แล้วถามว่า
     “ดูเหมือนว่าสึโยชิซังอยากคุยกับผมใช่ไหม”
     “อัตสึชิบอกเธอเหรอ”
     “ไม่ใช่อั๊คคุงหรอกครับ คนอื่นน่ะ”
     สึโยชิหรี่ตาเล็กน้อย มีความรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองคิดเอาไว้น่าจะถูกต้องแล้ว
     เจ้าเด็กคนนี้มันร้ายกาจกว่าที่เขาคิดจริง ๆ!
     “เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของเธอใช่ไหมฮิคารุ”
     ชายหนุ่มถามเสียงเย็น
     “คุณคิดว่ายังไงล่ะ” ฮิคารุเล่นลิ้น ไม่เดือดร้อนกับสายตาและน้ำเสียงเย็น ๆ ของอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว
     “เธอเป็นคนทำ! เธอร่วมมือกับนางิ ให้นางิมาเป็นตัวล่อให้คนอื่นไขว้เขว”
     ฮิคารุยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่แสดงทุกอย่างให้กระจ่างชัด
     สึโยชิทุบโต๊ะปัง เขาโกรธ เขาโมโห และที่สำคัญ เขาเสียใจที่เจ้าเด็กคนนี้มันเอาความห่วงใยของเขามาล้อเล่น
     “ทำไม ฮิคารุ”
     เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาประจันหน้ากับสึโยชิ
     “เพราะผมต้องการคุณ ผมทำได้ทุกอย่างนั่นแหละที่จะทำให้คุณหันมาสนใจผม ชอบผม”
     “แล้วเธอคิดว่าทำอย่างนี้แล้วฉันจะยังชอบเธอได้อยู่งั้นเหรอ”
     “ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงตอนนี้คุณก็ไปจากผมไม่ได้แล้ว”
     “เธอหมายความว่ายังไง”
     คำถามของสึโยชิได้คำตอบในไม่กี่อึดใจนั้น เพราะเมื่อเด็กหนุ่มพูดจบ หลังจากเหลือบมองนาฬิกาแวบหนึ่ง เขาก็กวาดข้าวของบนโต๊ะของสึโยชิตกกระจายลงบนพื้น
     ฮิคารุฉีกเสื้อของตัวเองจนขาดรุ่งริ่ง แล้วดึงตัวสึโยชิที่ยืนตะลึงมองให้ล้มลงไปด้วยกันบนโต๊ะทำงานของสึโยชิ
     “เฮ้ย!” เสียงอุทานนี้ไม่ได้ออกมาจากปากของสึโยชิ แต่เป็นเสียงร้องประสานกันอย่างน้อยสามเสียง
     อัตสึชิ โนมูระ มัตสึดะ และยังมีพนักงานอีกคนหนึ่ง ทั้งหมดยืนอ้าปากค้าง ตาเบิกโพลง จ้องมายังเขากับฮิคารุที่ล้มทับกันอยู่บนโต๊ะในสภาพที่ใครเห็นก็คิดไม่ต่างไปจากนี้
     ประธานค่ายหนังกำลังปล้ำนักแสดงในสังกัด!
     ยังไม่พอ เจ้าฮิคารุยังตอกย้ำด้วยการบีบน้ำตาให้พยานในเหตุการณ์เห็นอีกด้วย!
     “เอ้อ...ขอโทษครับ พวก...พวกผมจะออกไปเดี๋ยวนี้”
     โนมูระกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ แล้วค่อย ๆ ถอยหลังออกจากห้องไปพร้อมกับทุกคนพร้อมกับปิดประตูอย่างเงียบกริบ แต่ทันทีที่ประตูปิด เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังระงมทันที
     สึโยชิหลับตาอย่างรู้ดีถึงชะตากรรมของตัวเอง หูของเขาได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของฮิคารุ
     ชายหนุ่มกัดฟันกรอด เจ้าเด็กร้ายกาจ!

     สึโยชิเตรียมตัวเตรียมใจที่จะต้องเผชิญหน้ากับรุ่นพี่ของเขาตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องแล้ว แต่เมื่อต้องมานั่งอยู่ตรงหน้าฮิโคอิจิที่กำลังโกรธจัดเข้าจริง ๆ ชายหนุ่มก็เริ่มอยากจะให้ตัวเองหายตัวไปจากตรงนี้ได้เหลือเกิน เขาไม่เคยเห็นรุ่นพี่โกรธมานานแล้ว แต่เขายังจำได้ว่าเวลารุ่นพี่โกรธมันจะเป็นยังไง แม้แต่สึนามิก็ยังแรงได้ไม่เท่า แล้วนี่ยิ่งเป็นเรื่องของลูกชายสุดที่รัก ชายหนุ่มไม่อยากจะคิดเลย
     “ฉันอุตส่าห์ไว้ใจให้นายดูแลฮิคารุ” ฮิโคอิจิเริ่มต้น “แล้วมันกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง”
     ยิ่งพูดเสียงของเขาก็ยิ่งดัง
     “นายกับฮิคารุ! รุ่นน้องกับลูกชายของฉัน!”
     ดาบไม้ในมือของฮิโคอิจิฟาดเปรี้ยงลงบนพื้นข้างตัวชายหนุ่มจนเขาสะดุ้ง
     “นายมีอะไรจะแก้ตัวไหม สึโยชิ”
     “ผมไม่มีข้อแก้ตัวครับรุ่นพี่ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจริงตามที่รุ่นพี่ทราบ” สึโยชิตอบ เขาสบตากับฮิโคอิจิโดยไม่เลี่ยงหลบ
     “ผมชอบฮิคารุคุงครับ และพร้อมจะรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่าง”
     “แต่ลูกฉันเป็นผู้ชาย! นี่ฉันต้องยกลูกชายฉันให้นายงั้นเรอะ!” ฮิโคอิจิคร่ำครวญ ชนิดถ้าตีอกชกหัวได้คงทำไปแล้ว แล้วฮิโคอิจิก็ฟาดดาบไม้ลงกับพื้นข้างตัวชายหนุ่มรุ่นน้องอีกทีคราวนี้เฉียดตัวเขาไปไม่ถึงหนึ่งเซ็นติเมตร 
     สึโยชิก้มศีรษะจรดพื้น
     “ผมรู้ตัวว่าผมทำผิด ผมขอโทษจริง ๆ ครับ รุ่นพี่จะลงโทษหรือจะให้ผมทำอะไร ผมยอมทุกอย่าง”
     “โว้ย!” ฮิโคอิจิขว้างดาบไม้ในมือลงพื้นด้วยความขัดใจ เขาเดินพล่านเหมือนเสือติดจั่น แล้วก็ตรงเข้ามาดึงคอเสื้อของชายหนุ่มรุ่นน้องให้ลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับเขา
     “นายบอกว่าชอบลูกชายฉันใช่ไหม” ฮิโคอิจิถามเสียงเหี้ยม
     “ครับผม” สึโยชิตอบรับอย่างหนักแน่น
     “นายรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายถ้าทำให้ลูกชายฉันเสียใจ” ฮิโคอิจิแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม
     “ผมทราบ” ชายหนุ่มยอมรับอย่างสงบ
     ฮิโคอิจิจ้องตาสึโยชินิ่ง แล้วเขาก็ปล่อยคอเสื่อของอีกฝ่าย สึโยชิทรุดตัวลงนั่งตามเดิม
     “ฉันรักนายเหมือนน้องชายคนนึง แต่ไม่เคยนึกว่าจะต้องเปลี่ยนสถานะตัวเองจากพี่ชายมาเป็นพ่อตา!”
     สึโยชิพยายามกลั้นยิ้ม นึกโล่งอกขึ้นมาทันที ลงรุ่นพี่พูดติดตลกได้แบบนี้แสดงว่าวิกฤตผ่านพ้นไปแล้ว
     สุดท้าย หลังจากที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้ ฮิโคอิจิก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
     “ลูกชายฉันมันร้าย” เขาเปรยขึ้นลอย ๆ แต่ก็แสดงให้เห็นเช่นกันว่าเขาเข้าใจอะไร ๆ ดี
     ฮิโคอิจิเป็นพ่อที่เลี้ยงดูฮิคารุมากับมือ ทำไมจะไม่รู้จักลูกชายตัวเอง
     “เอาล่ะ ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย ส่วนนาย อยากจะอยู่ต่อหรืออยากจะไปไหนก็ตามใจ”
     ชายหนุ่มรุ่นพี่เดินไปที่ประตูบานเลื่อนกระดาษ แต่ก่อนที่จะออกไปจากห้อง เขาก็หันมาบอกรุ่นน้องที่ยังนั่งคุกเข่าเรียบร้อยอยู่บนเบาะรองนั่งว่า
     “ฮิคารุอยู่ในห้อง”

     สึโยชิเคยเข้ามาในห้องของฮิคารุแล้วตอนที่เขามาส่งเด็กหนุ่มเมื่อวานนี้ แต่วันนี้เจ้าของห้องใส่ชุดยูกาตะสีขาวเหมือนที่เคยใส่ตอนเจอกับเขาครั้งแรก ฮิคารุนอนพังพาบอยู่บนฟูกที่นอน มือข้างหนึ่งเท้าคาง อีกมือหนึ่งพลิกนิตยสารอ่านอย่างสบายอารมณ์ แล้วเมื่อเห็นสึโยชิเปิดประตูห้องเข้ามา เด็กหนุ่มก็โบกมือให้
     “สึโยชิซัง คุยกับพ่อเสร็จแล้วเหรอ”
     “เสร็จแล้ว ฉันโดนพ่อเธอด่าจนหูชาเลย” ชายหนุ่มบอก เขานั่งลงบนฟูกที่นอนที่ฮิคารุนอนอยู่ เด็กหนุ่มหัวเราะคิกเมื่อได้ยินคำบ่น
     “น่าสงสารจัง”
     “สนุกจังนะ” สึโยชิแดกดัน แต่ฮิคารุก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตามเคย แถมยังยักคิ้วล้อเลียนด้วย ทำเอาสึโยชิหมั่นไส้ขึ้นมาทันที ชายหนุ่มจับฮิคารุพลิกตัวอย่างรวดเร็ว แล้วกดตัวเด็กหนุ่มติดกับฟูก ริมฝีปากของเขาบดขยี้ริมฝีปากของเด็กหนุ่มอย่างรุนแรง แต่เมื่อเขาถอนริมฝีปากออก ก็เห็นรอยยิ้มยั่วเย้าของเด็กหนุ่ม สองมือของฮิคารุถูกสึโยชิกดติดกับฟูก แต่ขาสองข้างของเด็กหนุ่มเป็นอิสระ เขาเกี่ยวขาข้างหนึ่งกับสะโพกของสึโยชิพร้อมกับพูดว่า
     “ติดใจอยากจะปล้ำผมเหรอ จริง ๆ ไม่ต้องปล้ำก็ได้นะสึโยชิซัง แค่คุณบอกผมคำเดียว ผมก็ยอมคุณดี ๆ อยู่แล้วล่ะ”
     สึโยชิถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนยอมแพ้ เขาปล่อยมือฮิคารุ แล้วซบศีรษะลงกับอกของเด็กหนุ่มแทน ซึ่งฮิคารุก็ยกสองมือที่เป็นอิสระขึ้นกอดเขาตอบ
     “ฉันยอมเธอจริง ๆ เลยฮิคารุ เด็กอะไรร้ายกาจที่สุด”
     ฮิคารุหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงสึโยชิบ่น เด็กหนุ่มจูบศีรษะของคนที่อยู่ในอ้อมแขนไปทีหนึ่งแล้วพูดว่า
     “ผมร้ายก็เพราะคุณนั่นแหละ อยากไม่สนใจผมทำไมล่ะ มันก็ต้องกระตุ้นกันยังงี้แหละ”
     “แล้วเธอคิดว่าฉันควรจะจีบเธอเหรอ ทั้งที่เธอเป็นลูกชายของรุ่นพี่ที่มีพระคุณกับฉันเนี่ยนะ แล้วเธอยังมาเป็นนักแสดงในสังกัดฉันอีก ถึงฉันจะชอบเธอยังไง ฉันก็ต้องระวังไหมล่ะ”
     “ก็ผมช่วยคุณตัดสินใจแล้วนี่ไงล่ะ โอเคแล้วเนอะ”
     สึโยชิอดหัวเราะออกมาไม่ได้ในที่สุด เขาลุกขึ้นนั่งพร้อมกับดึงร่างของฮิคารุเข้ามากอดเอาไว้แน่น

     ฮิคารุในวันนั้นกับวันนี้กอดตอบเขาแน่นเหมือนกัน ชายหนุ่มมองคนรักหนุ่มที่หลับตาพริ้มซบอยู่กับอกของเขา ฮิคารุนั่งอยู่บนตักของเขา สองมือกอดเอวเขาไว้ สีผิวของฮิคารุเข้มขึ้นกว่าเดิมเพราะเจ้าตัวไปอบผิวเพิ่มหลังจากลาออกจากบริษัทและเปลี่ยนไปทำงานเป็นนายแบบ ผลงานที่เคยถ่ายไว้สองเรื่องก็ถูกลบทิ้งไป ฮิคารุบ่นกระปอดกระแปดด้วยความเสียดาย แต่ทั้งเขาและฮิโคอิจิไม่อ่อนข้อให้เด็ดขาดสำหรับเรื่องนี้และห้ามเด็ดขาดไม่ให้คิดจะทำงานแบบนี้อีก ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่ขัดข้องเพราะกำลังสนุกและไปได้ดีกับการเป็นนายแบบ
     ส่วนผลพวงจากเรื่องของฮิคารุ แม้เจ้าตัวจะลาออกไปแล้ว แต่สึโยชิยังโดนพนักงานตัวเองแอบเม้าธ์ลับหลังอยู่อีกเป็นนาน และบริษัทก็มีกฎแปลก ๆ ตามออกมาพร้อมกันสองข้อหลังจากนั้นว่า พนักงานในระดับบริหารห้ามเป็นแฟนกับนักแสดงในสังกัดเป็นอันขาดและห้องทำงานของประธานถือเป็นเขตหวงห้าม ใครที่ต้องการเข้าพบจะต้องเคาะประตูและรอคำอนุญาตจากเขาเสียก่อนถึงจะเปิดเข้าไปได้ หากใครฝ่าฝืน ไล่ออกสถานเดียว
     “ฮิคารุ ตื่นเถอะ” สึโยชิเรียก เขามองชายหนุ่มที่ขยี้ตาด้วยความงัวเงียอย่างเอ็นดู
     “เธอจะอยู่กับฉันจนเลิกงานไหม หรือจะกลับก่อน”
     ฮิคารุนิ่งคิด ก่อนจะยิ้มกริ่ม
     “ผมรอกลับพร้อมคุณก็ได้ แต่ขอไปรอในห้องอั๊คคุงนะ”
     คนฟังส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
     “อย่าแกล้งอัตสึชินักเลยน่า ปล่อยให้เขาอยู่กับสึบาสะคุงไปเถอะ”
     “งั้นผมไปรอในห้องอาหารดีกว่า อยู่ที่นี่เดี๋ยวกวนสึโยชิซังจนไม่ได้ทำงานอีก” เด็กหนุ่มก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ
     “จะรอเจอนางิล่ะสิ เพราะตอนนี้เขาน่าจะถ่ายงานเสร็จแล้ว” สึโยชิดักคอ
     “รู้ทันอีก” ฮิคารุหัวเราะ
     เขาลุกขึ้นจากตักของคนรัก
     “จะกลับเมื่อไหร่โทรหาผมนะ”
     ฮิคารุจูบลาคนรักเร็ว ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยมีสายตาของสึโยชิมองตาม
     เป็นสายตาที่ทั้งอ่อนใจและอ่อนหวานระคนกัน
     นางิกับฮิคารุจับมือกันเมื่อไหร่ ความวุ่นวายจะต้องเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน
     สึโยชินึกสงสารคนที่จะตกเป็นเหยื่อของสองคนนี้ขึ้นมาจับใจ...





     ........
     จบคู่ที่สี่ค่ะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ ตอนนี้เหลืออีกสองคู่จะจบ Season 1 ละค่ะ อยากต่อ Season 2 มากเลยแต่ยังคิดไม่ออก  :katai4: สำหรับที่มีคอมเม้นท์ถามเรื่องรูปนะคะ เดี๋ยวลองไปหาดูก่อนนะ อาจจะใส่รูปเพิ่มหลังอัพอีกสองคู่ที่เหลือจบนะคะ

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :L2:ความรักของผอ.ไม่หวือหวาแต่ คนรักเจ้าเลห์อ้ะ
กินเด็กเป็นอมตะจริงๆ

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ยินดีกับสึโยชิ    :mew5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด