The Real of Life Online (บทสรุป update 100% P.4 6/03/58) จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real of Life Online (บทสรุป update 100% P.4 6/03/58) จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลยค่ะ  (อ่าน 25855 ครั้ง)

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อ ความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
*****************************************************************************************








บทนำ

............................
 
“คุณทวดค่ะคุณทวด หนูมาหาคุณทวดแล้วนะคะ”

เสียงเจื้อยแจ้วดังลอดผ่านเจ้าของหูที่กำลังนั่งเอนหลังบนเก้าอี้โยกไม้อย่างเงียบๆ นัยน์ตาสีดำส่องประกายเงาคนสองร่างผู้เป็นเหลนกับหลานชายตรงหน้า

“คุณยายครับ ผมกับลูกมาเยี่ยมคุณยายนะครับ เอ่อ...ลูกแก้ว สวัสดีคุณทวดสิ”

ชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นหลานชายของเธอยกมือไหว้พร้อมกับบอกลูกสาวของตนให้ยกมือไหว้ตาม

“สวัสดีค่ะคุณทวด”

“อืม ไหว้พระเถอะลูก” คุณทวดกล่าวเสียงเนิบนาบ ด้วยวัยอายุหนึ่งร้อยสิบปีไม่ได้บั่นทอนสุขภาพเธอแม้แต่น้อย มีเพียงแต่ริ้วรอยเหี่ยวย่นที่แสดงถึงอายุให้คนอื่นรู้ว่าเธอมีชีวิตยืนยาวมากแค่ไหน ถึงสุขภาพจะไม่ได้ทรุดโทรมไปตามวัย แต่เรี่ยวแรงก็เริ่มลดถอยลงเพราะอายุอยู่ดี “ตานพเอ้ย ยายเคยบอกแล้วไงว่าถ้างานยุ่ง ไม่ต้องมาเยี่ยมยายถึงจังหวัดพิษณุโลกหรอก ลำบากเปล่าๆ”

นพหรือนพเดช หลานชายของยายผู้มีอายุ 35 ปีแต่งงานได้ห้าปีก็มีลูกแก้วโผล่มาเป็นแก้วตาขวัญใจให้เชยชมเล่น แต่ทว่านพกลับมิได้พาลูกสาวของเขามาให้ท่านได้ชื่นชม ดังนั้นเมื่อมีเวลาว่างเขาจึงพาลูกบินมาหาถึงที่โดยไม่ได้บอกกล่าวกับท่านเลยแม้ซักนิดเดียว

“ไม่ลำบากหรอกครับคุณยาย ผมตั้งหากที่ต้องกราบขอขมาคุณยายที่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนคุณยายเสียนาน ก็ตั้งแต่คุณพ่อของผมเสียไป งานก็เลยยุ่งๆ จนถึงตอนนี้เพิ่งจะมาหาได้นี่แหละครับ” นพเดชบอกเหตุผลของตัวเองที่มาไม่ได้ นั่นก็เพราะเมื่อครึ่งปีที่แล้วพ่อของนพเพิ่งจะเสียไป ทำให้ต้องจัดงานศพอยู่เสียหลายวัน และนอกจากนี้คุณยายเองก็ไม่ได้ไปร่วมงานด้วย เนื่องจากท่านแก่มากเกินไปจึงไม่สามารถไปร่วมงานได้ ก็เลยทำให้เขาอดที่จะแสดงตัวลูกสาวให้คุณยายได้ชื่นชมเลยสักที “คุณแม่เองก็แอบบ่นอยู่เหมือนกันครับว่าคิดถึงคุณยาย แต่ก็ไม่สามารถมาได้เพราะติดงานการกุศล ผมหวังว่าคุณยายคงจะไม่โกรธลูกสาวของตัวเองหรอกนะครับ”

“ไม่โกรธเลย ดีออกที่รู้จักรับผิดชอบงานที่ตัวเองทำ ไม่เสียแรงที่ยายเลี้ยงมากับมื

[attachment deleted by admin]
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2015 12:19:13 โดย dragon123 »

ออฟไลน์ numildkub

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: The Real of Life Online (อัพ บทนำ 26/8/57)
«ตอบ #1 เมื่อ26-08-2014 18:45:35 »

เข้ามาปูเสื่อกลิ้งรอ  :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
Re: The Real of Life Online (อัพ บทนำ 26/8/57)
«ตอบ #2 เมื่อ26-08-2014 18:46:23 »

พล็อตใหม่มาแนวเกมออนไลน์หรอคะ แหวกแนวมากกก (แต่ชอบนะ เราขาเล่นเกม)

รอดูต่อปายยยยย   :really2:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: The Real of Life Online (อัพ บทนำ 26/8/57)
«ตอบ #3 เมื่อ26-08-2014 21:36:41 »

บทที่ 1 เข้าเกม

........................
 
“ขอต้อนรับท่านเข้าสู่เกมเรียลไลฟ์ค่ะ”

เสียงโอเปอเรเตอร์ประกาศ ซึ่งทำให้เธอถึงกับงุนงง เพราะเธอจำได้ว่าเธอเพิ่งจะกดปุ่มเริ่มเกมไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีเอง

“เนื่องจากไอดีของคุณได้ทำการล็อกระบบไอดีไว้อัตโนมัติแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องยืนยันตัวตนกับทางบริษัทเกมค่ะ”

ก็ดี เพราะเธอไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเกมเลยสักนิด

เธอคิดในใจ

“กรุณาตั้งชื่อตัวละครของคุณด้วยค่ะ”

โอเปอเรเตอร์บอก ซึ่งทำเอาคนฟังแทบขมวดคิ้ว

“ต้องตั้งชื่อด้วยเหรอจ้ะ”

เธอถามอย่างสงสัย แต่ทว่าระบบหาได้ตอบคำถามของเธอไม่

“กรุณาตั้งชื่อตัวละครของคุณด้วยค่ะ”

ดูท่าโอเปอเรเตอร์จะไม่ฟังคำพูดของเธอเลยสักนิด

เอาเถอะ ตอบๆไปก็เสียหมดเรื่อง

“แก้วกัลยา” เธอตอบเพราะว่าชื่อนี้เป็นชื่อเก่าของคุณแม่

“ขอโทษด้วยค่ะ ชื่อนี้มีคนตั้งไว้แล้ว กรุณาระบุชื่อที่คุณต้องการด้วยค่ะ”

“เจนจิรา”

อันนี้เป็นชื่อเพื่อนสนิทคนแรกสมัยมัธยมของเธอเอง

“ขอโทษด้วยค่ะ ชื่อนี้มีคนตั้งไว้แล้ว กรุณาระบุชื่อที่คุณต้องการด้วยค่ะ”

“จินตนา”

“ขอโทษด้วยค่ะ ชื่อนี้มีคนตั้งไว้แล้ว กรุณาระบุชื่อที่คุณต้องการด้วยค่ะ”

คนตั้งชื่อเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาทีละนิด เพราะชื่อที่เธอคิดไม่สามารถตั้งได้ แถมชื่อนี้ก็ดันเป็นชื่อของคุณน้าที่เสียไปนานแล้ว

“นางเงือกน้อย”

อันนี้เธอประชด ซึ่งผลปรากฏว่านางเงือกน้อยมีคนตั้งไว้ก่อนแล้ว

ฮึ่ม อะไรก็ไม่ได้สักอย่าง!

ด้วยความโมโหปนหงุดหงิดใจที่ไม่สามารถตั้งชื่อได้ดั่งใจ เธอจึงตอบส่งเดชไปว่า

“ราตรีพิสุทธิ์”

“ชื่อนี้คุณสามารถตั้งได้ค่ะ” เสียงโอเปอเรเตอร์ตอบ ซึ่งทำให้เธออ้าปากค้าง เพราะชื่อนี้เป็นชื่อที่สามีชอบใช้เรียกเธอเสมอ “เนื่องจากเกมนี้มีชื่อว่าเรียลไลฟ์ ซึ่งเป็นเกมที่จำลองชีวิตจริง ดังนั้นคุณจึงไม่มีสิทธิ์เลือกตัวละครตามที่คุณชอบ”

อะไรนะ ไม่มีให้เลือกตัวละครด้วยงั้นหรือ?

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ทางบริษัทจะส่งคุณราตรีพิสุทธิ์ไปเกิดเลยนะคะ”

“เดี๋ยวก่อนสิคุณโอเปอเรเตอร์ฉันยังไม่เข้าใจ...”

เธอร้องเรียกอย่างเร็วเพราะเธอกลัวว่าโอเปอเรเตอร์จะส่งเธอไปเกิดโดยที่เธอยังไม่รู้เรื่องเกมเลยสักนิด แต่ทว่าเธอพูดยังไม่ครบประโยคดี จู่ๆ ก็เกิดแสงสีขาวส่องจ้าจนเธอต้องรีบหลับตาลงอย่างเร็ว เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น เธอก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอนั้นขยับไม่ได้ตามที่ใจต้องการ แถมยังลืมตาขึ้นไม่ได้อีกด้วย

ทำยังไงดี ใครก็ได้ช่วยได้

“อุแว้! อุแว้!”

จู่ๆ เสียงร้องทารกก็ดังขึ้น ซึ่งทำให้เธอถึงกับมึนงง เพราะเธอไม่รู้ว่าต้นเสียงนั้นมาจากไหน แล้วทำไมถึงมีเสียงเด็กทารกร้องดังอยู่แถวนี้ได้

“ขณะนี้ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้เกิดขึ้นแล้ว”

เสียงระบบเกมดังขึ้น ซึ่งทำให้เธอพอจะเดาได้คร่าวๆขึ้นมาบ้างแล้ว

หรือว่าเสียงเด็กทารกเมื่อครู่นี้จะเป็น... เธอคิดในใจอย่างแทบไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่ออยู่ดี เมื่อเธอขยับตัวได้เพียงแค่มือเท่านั้น ให้ตายสิ เป็นเด็กทารกแล้วจะเล่นเกมยังไงล่ะเนี่ย

แต่ด้วยความที่เธอใช้ชีวิตมานานร้อยปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก จึงไม่หวาดหวั่นกับเรื่องที่เจอในตอนนี้

ถ้าตอนนี้เราเป็นทารกจริง งั้นก็ต้องมีใครสักคนคอยเลี้ยงดูเราสิ

เธอคิดในใจ เพราะตามปกติแล้วทารกจะเกิดได้ก็เพราะมีคนให้กำเนิด ดังนั้นแม่ของเธอจะต้องอยู่แถวๆนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ เธอก็รู้สึกว่าร่างของเธอถูกยกขึ้นกลางอากาศ

นั่นไงมีจริงๆด้วย

เธอคิดในใจอย่างยินดี แต่ทว่าความคิดของเธอก็ต้องมีอันพับเก็บลงไปทันทีที่เสียงของระบบประกาศดังขึ้นมาว่า

“ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้มังกรระดับ 80 เป็นแม่ค่ะ”

อะไรนะ! มังกรงั้นหรือ?!

คราวนี้เป็นตัวเธอเองที่ต้องตกใจแทน เพราะแทนที่เธอจะมีแม่เป็นมนุษย์ กลับมีแม่เป็นมังกรซะได้

มังกรก็มังกร

เธอคิดอย่างโล่งอก เพราะดูท่าแล้วเกมนี้จะสมจริงตามที่โอเปอเรเตอร์บอกไว้ไม่มีผิด

สงสัยเกมนี้มันจะส่งให้เกิดแบบสุ่มมั้ง?

เธอคิดอย่างคาดเดา ถ้าสมมุตว่าเกมมันส่งให้เธอไปเกิดในห้องน้ำล่ะ

คิดแล้วน่าขนลุก

ราตรีพิสุทธิ์คิดพลางส่ายหน้าไปมากับความคิดงี่เง่าของตัวเอง เกมคงไม่ใจร้ายถึงขนาดส่งผู้เล่นไปเกิดในห้องน้ำหรอก

แผล็บ!

จู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างมาโดนเข้าที่ใบหน้าของเธอ ทำเอาราตรีพิสุทธิ์รู้สึกสะดุ้งตกใจ

“ลูกแม่นี่ช่างน่ารักจริงเชียว เกิดมาก็ร้องเสียงดังไพเราะเสนาะหูแบบนี้ คงไม่แคล้วเหมือนท่านพ่อแน่” เสียงหวานพูดชม ซึ่งทำให้ราตรีพิสุทธิ์คิดได้ว่าเสียงหวานนี้คงจะเป็นท่านแม่ของเธอ “เจ้าเกิดในยามราตรี แม่ขอตั้งชื่อว่า...”

“ราตรีพิสุทธิ์”

ถึงจะดูสมจริง แต่ทว่าเกมก็ยังคงเป็นเกมอยู่ดี ดังนั้นแม่มังกรตัวนี้จึงตั้งชื่อเธอตามที่เธอเคยบอกไว้กับโอเปอเรเตอร์ของเกม

“จริงสิ จนป่านนี้แล้วแม่ยังไม่ได้ให้เจ้าดูดนมเลย คงจะหิวแล้วสิท่า” ท่านแม่บอก ซึ่งทีแรกราตรีพิสุทธิ์ไม่รู้สึกหิว แต่พออีกฝ่ายพูดขึ้นก็ทำให้เธอหิวขึ้นมาแล้วจริงๆ

แม้กระทั่งความรู้สึกหิวก็ยังสร้างได้...

ไม่เลวเลยทีเดียว

เธอคิดในใจอย่างชื่นชมกับความสมจริงของเกม แต่แล้วก็ฉุกคิดถึงคำพูดของท่านแม่เมื่อครู่นี้ได้

ดูดนมงั้นหรือ? อย่าบอกนะว่า...

แล้วทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอะไรบางอย่างสอดเข้ามาในปากอย่างนิ่มนวล ซึ่งทีแรกเธอตกใจจนเกือบจะอ้าปากเพื่อคลายสิ่งที่เข้าไปในปากของเธอออก แต่ด้วยไออุ่นจากมือของท่านแม่มาตบเข้าที่ก้นของเธอสองสามครั้งอย่างแผ่วเบา ผนวกกับรสชาติของน้ำนมที่เพิ่งจะปลดปล่อยออกมาจากสิ่งนั้นด้วย ทำให้เธอเคลิบเคลิ้มจนเผลอดูดน้ำนมเข้าไปโดยไม่รู้ตัว

“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ดูดน้ำนมจากแม่มังกร จึงเลื่อนระดับพื้นฐานให้เป็นเด็กทารกระดับ 1”

เสียงระบบดังขึ้นขัดจังหวะการดูดดื่มนม ทำให้เธอสะดุ้งตกใจจนอ้าปากคลายสิ่งนั้นออกอย่างรวดเร็ว

นี่เราเผลอดูดนมท่านแม่ไปได้ยังไงเนี่ย!

ด้วยความเขินอายจึงทำให้เธอพยายามส่ายหน้าหนีกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งทำให้ท่านแม่เข้าใจผิดว่าเธอรู้สึกอิ่มนมแล้ว จึงเลิกที่จะให้นมกับเธอทันที

“ดูดนมน้อยนักนะเรา อย่างนี้ต้องลงโทษกันเสียหน่อย” ท่านแม่พูดพลางอุ้มร่างเธอขึ้นกอดอย่างแนบแน่นราวกับต้องการจะแกล้งเธอ แต่ก็ไม่ลืมที่จะลูบหลังของราตรีพิสุทธิ์เพื่อให้เธอได้เรอบ้าง พอเธอได้เรอตามสมใจอยากแล้ว ท่านแม่จึงอุ้มเธอลงในท่านอนต่อ “ตอนนี้ลูกยังลืมตาไม่ได้นะจ้ะ ไว้ผ่านไปห้าวันแล้วลูกก็จะได้เห็นหน้าแม่ อ้อ แล้วก็หน้าท่านพ่อของลูกด้วยนะ”

ห้าวัน! นี่เราต้องตามืดบอดไปอย่างนี้ถึงห้าวันเชียว

ราตรีพิสุทธิ์คิดอย่างหนักใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ท่านแม่บอก

“หือ? ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะลูก ยังหิวนมอยู่อีกหรือจ้ะ” เสียงท่านแม่ถามเธอเพราะเห็นว่าเธอทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “เอ...หรือว่าปวดท้องฉี่กันแน่ ไหนขอแม่ดูหน่อยซิ”

ท่านแม่พูดต่อ ซึ่งทำให้ราตรีพิสุทธิ์แทบตะลึงไปในทันที

โอ สวรรค์ทรงโปรด…

เกมนี้สร้างได้เหมือนจริงเกินไปแล้ว!

ราตรีพิสุทธิ์ร้องครวญครางในใจปนกระดากอายที่ต้องมาแก้ผ้าโชว์ต่อหน้าท่านแม่ในเกม เมื่อหมดหนทางที่จะบอกท่านแม่ได้ เธอได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายดูจนกว่าจะพอใจ หลังจากท่านแม่ตรวจดูแล้ว ท่านแม่ก็พบว่าเธอทั้งฉี่ทั้งอุจจาระเลอะเต็มผ้าอ้อมโดยที่ตัวเธอเองก็คาดไม่ถึงเช่นเดียวกัน

จริงสิ เรามันเด็กทารกนี่ ย่อมไม่รู้จักวิธีการกลั้นฉี่กับอุจจาระเป็นของธรรมดา

ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจพร้อมกับชื่นชมเกมไปด้วย ทว่าเธอไม่แปลกใจเลยที่เกมจะสร้างความสมจริงให้กับผู้เล่นแล้ว ยังรู้จักสร้างให้ผู้เล่นรู้สึกถึงการเป็นเด็กทารกแรกเกิดพร้อมกับรู้สึกถึงความรักของผู้เป็นแม่ที่มอบให้อีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเล่นเกมของบริษัทของตัวเองได้อย่างไร้ที่ติ

นี่นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดสิบปี สำหรับราตรีพิสุทธิ์ที่ได้หวนกลับมาสัมผัสกับความรู้สึกที่ครั้งหนึ่งเธอเคยลืมเลือนไปแล้วอีกครั้ง เมื่อคิดได้ดังนั้น น้ำตาของเธอก็พาลไหลรินออกมาโดยที่เธอไม่รู้สึกตัว

ถ้าเป็นไปได้ ลูกอยากให้คนที่อุ้มลูกอยู่ในตอนนี้เป็นแม่แท้ๆ ของลูก

ไม่ใช่แม่มังกรที่ถูกสร้างขึ้นจากในเกม

คุณแม่คะ...หนูรักแม่นะคะ

ส่วนแม่มังกรเมื่อเห็นน้ำตาของลูกไหลออกมา ก็นึกแปลกใจว่าทำไมจู่ๆลูกตนถึงได้ร้องไห้ออกมา ซึ่งแม่มังกรก็ไม่รู้จะทำยังไงดี จึงได้แต่เอามือมาตบก้นลูกตนอย่างเบาๆราวกับต้องการปลอบร่างเล็กให้หยุดร้องไห้

“ท่านได้รับทักษะการร้องไห้ ระดับ1, 2, 3, 4, 5”

ราตรีพิสุทธิ์ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ แค่เธอร้องไห้มีการเพิ่มระดับทักษะด้วยหรือเนี่ย แต่แล้วเธอก็เลิกสนใจเพราะตอนนี้ท่านแม่ได้ร้องเพลงกล่อมเด็กให้เธอฟัง

“กาเหว่าเอย                   ไข่ให้แม่กาฟัก
แม่กาหลงรัก                              คิดว่าลูกในอุทร
            คาบข้าวมาเผื่อ               คาบเหยื่อมาป้อน
ปีกหางเจ้ายังอ่อน                       สอนร่อนสอนบิน
            แม่กาพาไปกิน                ที่ปากน้ำแม่คงคา
ตีนเหยียบสาหร่าย                       ปากก็ไซ้หาปลา
            กินกุ้งกินกั้ง                    กินหอยกระพังแมงดา
กินแล้วบินมา                             จับต้นหว้าโพธิ์ทอง
            นายพรานเห็นเข้า            เยี่ยมเยี่ยมมองมอ
ยกปืนขึ้นส่อง                             หมายจ้องแม่กาดำ
            ตัวหนึ่งว่าจะต้ม              ตัวหนึ่งว่าจะยำ
แม่กาตาดำ                                แสนระกำใจเอย”

“ท่านได้รับทักษะการฟัง ระดับ1, 2, 3…”

เสียงของระบบประกาศในขณะที่ราตรีพิสุทธิ์ได้เพลิดเพลินกับเสียงเพลงกล่อมเด็กจนเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
 
..............................

ย้อนกลับมาทางด้านนอกเกม เมื่อคุณยายได้เข้าไปเล่นเกมได้พักใหญ่แล้วนพเดชจึงพาลูกสาวไปฝากไว้กับพยาบาลสักพักหนึ่ง ก่อนจะย้อนกลับมาประกอบเกมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต โดยนพเดชเลือกที่จะนอนเล่นใกล้กับคุณยายเพื่อความสะดวกในการดูแลใกล้ชิด เมื่อทุกอย่างเข้าที่แล้วนพเดชจึงสวมแว่นตาก่อนจะกดปุ่มสตาร์ทเพื่อเล่นเกมทันที

“ขอต้อนรับท่านเข้าสู่เกมเรียลไลฟ์ออนไลน์ค่ะ”

เสียงโอเปอเรเตอร์พูด ซึ่งมันก็เป็นเหมือนเดิมทุกครั้งที่นพเข้ามาในห้วงแห่งเกม

“ไอดีนพเดช พาสเวิร์ดxxxx”

นพเดชบอกไอดีของตัวเองอย่างเร่งรีบ

“ไอดีกับพาสเวิร์ดถูกต้องค่ะ ทางระบบจะทำการส่งผู้เล่นปฐพีเข้าไปในเกมเดี๋ยวนี้แล้วค่ะ”

เพียงชั่วพริบตาเดียวภาพห้องนอนอันใหญ่โตหรูหราโอ่อ่าก็ได้ปรากฏสู่สายตา พอรู้ว่าตนได้เข้ามาในเกมแล้ว เขาก็รีบกดปุ่มนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือของตัวเองก่อนจะเผยให้เห็นภาพสามมิติสีฟ้าบ่งบอกสถานะของตัวเขาเองกับภาพชายหนุ่มที่มีใบหน้าเรียวคม ผิวสีแทน นัยน์ตาสีฟ้า ผมสั้นรองทรงสีทองเปล่งประกายสดใส ซึ่งผิดกับใบหน้าแท้จริงของเขาที่นอกเกมโดยสิ้นเชิง
เมื่อปฐพีได้เปิดหน้าต่างสถานะเกมแล้ว เขาก็รีบกดปุ่มเมนูติดต่อครอบครัวตามที่เคยยื่นเรื่องขอกับทางบริษัทเกมว่าจะให้ไอดีของคุณยายอยู่ในวงรายชื่อครอบครัวเดียวกับตน

“ผู้เล่นปฐพีต้องการเชื่อมการติดต่อกับคนในครอบครัวใช่รึไม่”

เสียงระบบถามปฐพี

“ใช่”

ปฐพีตอบอย่างว้าวุ่นใจ เพราะเขาไม่ต้องการปล่อยให้คุณยายเล่นเกมตามลำพัง

“กรุณารอสักครู่ ระบบจะทำการตรวจเช็คเพื่อค้นหาบุคคลที่ท่านต้องการติดต่อ”

ก๊อก! ก๊อก!

“ไอ้ปฐพีเว้ย! แกอยู่ในห้องรึเปล่าวะ! ปฐพี!”

เสียงเข้มตะโกนดังลั่นมาจากข้างนอก ทำเอาปฐพีแทบสะดุ้ง

“เอออยู่ๆ รอเดี๋ยวนะ!”

ปฐพีตะโกนบอกกลับไป ซึ่งทำให้บุคคลที่อยู่ภายนอกหยุดเคาะประตูทันที เมื่อเหตุการณ์สงบ ปฐพีจึงหันหน้ากลับไปยังหน้าต่างสามมิติต่อ

“ต้องขออภัยด้วยค่ะ เนื่องจากบุคคลที่ท่านต้องการติดต่อด้วย ไม่สามารถทำการติดต่อได้ค่ะ” เสียงของระบบบอกปฐพี ซึ่งทำเอาคนฟังแทบจะเป็นบ้า “ผู้เล่นปฐพีต้องการจะทราบชื่อของบุคคลในครอบครัวหรือไม่คะ”

“ต้องการ!”

ปฐพีตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

“นามผู้เล่นในครอบครัวของผู้เล่นปฐพีคือราตรีพิสุทธิ์ค่ะ”

ปฐพีได้ยินชื่อของคุณยายถึงกับขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะชื่อนี้ไม่ใช่ชื่อของท่าน แถมเขาก็ไม่เคยได้ยินใครเรียกท่านว่าราตรีพิสุทธิ์ด้วย

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงประตูถูกใครบางคนเคาะดังลั่นห้อง

“คุณชายปฐพีจะให้กระผมรออีกนานแค่ไหนขอรับ! ถ้าขืนยังไม่ออกมาอีก กระผมจะพังประตูเดี๋ยวนี้แล้วนะเว้ย!”

คนข้างนอกเริ่มเดือดดาลเพราะรอคนในห้องไม่ไหว ซึ่งทำให้ปฐพีต้องรีบปิดหน้าต่างแล้วออกไปข้างนอกเพื่อไปจัดการกับตัวป่วนในข้อหากวนบาทา

ไว้จัดการทางนี้เสร็จแล้วค่อยออกตามหาคุณยายอีกทีแล้วกัน

 
.......................

 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 2 ลืมตาดูโลก

....................
 
ทางด้านราตรีพิสุทธิ์หลังจากเธอนอนหลับไปพักใหญ่แล้ว ตื่นมาอีกทีก็ถูกท่านแม่พาไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วถูกพาอุ้มไปเดินเล่นไหนต่อไหนซึ่งเธอไม่สามารถรับรู้ได้เพราะดวงตาของเธอยังลืมไม่ขึ้น ซึ่งชีวิตทารกของเธอนี้ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากกิน นอน ถ่าย อาบน้ำ ฟังท่านแม่ร้องเพลง และก็นอนหลับ ซึ่งวนเวียนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปได้ห้าวัน…

ปัง!

เสียงประตูถูกเปิดดังสนั่น ซึ่งทำให้ราตรีพิสุทธิ์ที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับเสียงร้องเพลงของแม่มังกรถึงกับสะดุ้งตกใจ

“อุแว้! อุแว้!”

ราตรีพิสุทธิ์ร้องเสียงดังลั่นโดยที่ตัวเธอเองไม่สามารถบังคับหรือฝืนมันได้

“ที่รัก ข้าเคยบอกท่านแล้วว่าเวลาเปิดประตู ก็อย่าเปิดให้มันเสียงดังนัก” เสียงของแม่มังกรพูดอย่างฉุนเฉียว แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็ได้รู้สึกถึงมือของแม่มังกรมาตบเข้าที่สะโพกของเธอเบาๆ “โอ๋ๆ ไม่มีอะไรแล้วนะลูกรัก ไม่มีอะไรแล้ว”

“ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำ เจ้าก็รู้”

เสียงทุ้มแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นพูด ซึ่งทำให้ราตรีพิสุทธิ์พอจะเดาได้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร

“ฮึ ถ้าไม่ได้ตั้งใจทำแล้วไฉนถึงเปิดประตูเสียงดังล่ะเดรค” เสียงแม่มังกรพูดเสียงย้อนอย่างห้วนๆ “ลูกเกิดมาทั้งที ไม่เห็นมีของขวัญมอบให้ลูกบ้าง อย่าบอกนะว่าลืมไปแล้ว”

โอ้ ท่านแม่ดุจัง

ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจอย่างขำขัน เพราะช่วงสี่วันมานี้เธอได้รับความรักความอบอุ่นจากแม่มังกรมาโดยตลอด ดังนั้นเธอจึงเปรียบแม่มังกรประดุจแม่แท้ๆของเธอ

“ข้าไม่ได้ลืม” เดรคบอกก่อนจะเงียบไป แล้วทันใดนั้นราตรีพิสุทธิ์ก็รู้สึกว่ามีมือหนามาจับมือของเธออย่างเบาๆ “นี่หรือลูกของข้า เขายังแปลงร่างเป็นมังกรไม่ได้สินะ”

เขา? ท่านพ่อหมายถึงใครกัน

“ก็ยังนะสิคะที่รัก แหม เด็กทารกแรกเกิดก็เป็นแบบนี้กันทุกคนแหละ เอ หรือว่าท่านอยากให้ลูกชายของเรากลายเป็นมังกรตลอดเวลาเลยรึไง”

ลูกชาย?!

โอ้มายก็อด…นี่เราเกิดมาเป็นผู้ชายรึเนี่ย!!


“นั่นสินะ ขืนให้ลูกชายของเราแปลงร่างเป็นมังกรตลอดก็คงไม่ดีแน่” เมื่อราตรีพิสุทธิ์ได้ยินคำพูดของแม่มังกรกับพ่อมังกรแล้ว ยิ่งทำให้เธออยากรู้มากขึ้น ดังนั้นเธอจึงพยายามที่จะลืมตาขึ้นมาให้ได้ ทว่าเธอลองทำอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่สามารถลืมตาขึ้นได้เลยสักนิด “ว่าแต่ลูกของเรายังลืมตาไม่ขึ้นอีกหรือ”

“ดูเหมือนจะยังนะคะที่รัก เฮ้อ ข้าล่ะนึกเป็นห่วงลูกคนนี้เหลือเกิน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะลืมตาดูโลกกับเขาได้เสียที”

แม่มังกรพูดเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้ ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์นึกเสียใจที่ตนทำตามอย่างที่แม่มังกรคาดหวังไม่ได้

“อย่าได้ห่วงเลยเหม่ยจิง อีกไม่นานลูกเราก็จะเติบโตขึ้นมาแข็งแกร่งอย่างแน่นอน เชื่อข้าสิ” เดรคพูดปลอบคนรัก “ตอนนี้พวกเราทำได้แค่เลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอ”

“อือ ข้าก็ได้แต่หวังให้มันเป็นเช่นนั้น”

ท่านพ่อท่านแม่…

นี่เป็นหนแรกที่ราตรีพิสุทธิ์รู้สึกซาบซึ้งถึงความห่วงใยของท่านพ่อกับท่านแม่ที่มีให้ต่อตัวเอง ถ้าเป็นไปได้ เธออยากให้ทั้งคู่มีตัวตนจริงขึ้นมาเสียแล้ว ไม่ใช่แค่เนื้อหาบนเกมที่ถูกสร้างขึ้น

“จะว่าไปเมื่อไหร่ท่านจะให้ของขวัญกับลูกเสียทีล่ะ”

เหม่ยจิงพูดย้อนเรื่องเก่า ซึ่งทำให้ราตรีพิสุทธิ์ที่กำลังซาบซึ้งอยู่นั้น ถึงกับหัวเราะทันที

“เอิ้กๆ”

แม้เธอจะหัวเราะ แต่ทว่าเสียงของเธอก็ยังเป็นแค่เสียงเด็กทารกอยู่ดี

“ท่านได้รับทักษะการหัวเราะ ระดับ1, 2, 3”

เสียงระบบประกาศในหัวของราตรีพิสุทธิ์

ดู! แค่หัวเราะก็ยังเอามานับเป็นทักษะ!!

ทำไปได้!!


ราตรีพิสุทธิ์คิดอย่างเอือมระอากับความสมจริงของเกมนี้ เพราะหลายวันที่ผ่านมาเธอได้รับทักษะแปลกๆมาไม่รู้ต่อกี่ครั้งแล้ว นี่ถ้าเป็นคนอื่นแล้วล่ะก็ คงจะรำคาญกับเสียงของระบบไม่น้อยเลยทีเดียว

“โธ่เหม่ยจิง ก็ข้ากำลังจะให้อยู่นี่ไง” เดรคพูดอย่างน้อยอกน้อยใจเมื่อโดนคนรักบ่น “ดูสิเพราะเจ้าแท้ๆ ลูกหัวเราะเยาะข้าเลยเห็นไหม”

“ท่านจะมาโทษข้าไม่ได้นะเดรค ท่านทำตัวของท่านเอง”

เหม่ยจิงพูดจาประชดประชัน จนราตรีพิสุทธิ์นึกขำท่านแม่ที่ยังไม่ยอมหายโกรธท่านพ่อเสียที

“ก็ได้ๆ ข้าผิดเองก็ได้” เดรคพูดยอมแพ้ยกธงขาว “ถ้างั้นเจ้ากับลูกก็รีบไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย ประเดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอกกัน”

“ไปข้างนอก? ไปทำไมกัน ไหนท่านว่าจะให้ของขวัญกับลูกยังไงล่ะคะที่รัก”

เหม่ยจิงถามอย่างสงสัย ซึ่งเดรคก็ตอบกลับมาด้วยเสียงระรื่นว่า

“เดี๋ยวเจ้าก็รู้…”

...................
 
หวือ!

เสียงลมปะทะเข้ากับใบหน้าของราตรีพิสุทธิ์ทำให้เธออดเสียววาบไม่ได้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะท่านพ่อมังกรเล่นแปลงร่างตัวเองให้เป็นมังกรก่อนจะพาเธอขึ้นบินสู่เหนือฟ้าโดยมีเหม่ยจิงคอยอุ้มอยู่ไม่ห่างกาย ถึงแม้ราตรีพิสุทธิ์จะได้รับความคุ้มครองจากผู้เป็นแม่แล้ว แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังรู้สึกกลัวความสูงนับพันฟุตไม่ได้อยู่ดี

“กลัวหรือลูกรัก เอ่เอไม่ต้องกลัวนะ อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้วจ้ะ” คนเป็นแม่พูดปลอบลูกทันทีที่เห็นลูกตัวสั่นเทา ก่อนจะหันไปตะโกนแข่งกับสายลมว่า “ยังไม่ถึงที่หมายอีกรึที่รัก! ลูกเรากลัวจนตัวสั่นแล้วนะ!”

“จวนจะถึงแล้ว ใจเย็นๆ!”

เสียงของเดรคตะโกนตอบกลับมา ซึ่งไม่นานนักจนกระทั่งเดรคบอกว่าตอนนี้ได้บินลงมาบนพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ที่นี่มัน…” เสียงเหม่ยจิงพูดในขณะที่อุ้มเธอเดินลงจากหลังของเดรค ซึ่งราตรีพิสุทธิ์เองก็อยากเห็นแต่ตาของเธอยังลืมไม่ขึ้น “น้ำพุสวรรค์”

“สวยใช่ไหมล่ะเหม่ยจิง ที่นี่แหละที่จะเหมาะกับลูกของเรา” เดรคพูดเสียงตื่นเต้น

“สวยค่ะ แหม ท่านนี่ช่างเข้าใจคิดนะ อยากจะให้ลูกเรามาแช่น้ำพุสวรรค์เพื่อเพิ่มพลังล่ะสิ”

เหม่ยจิงพูดราวกับรู้ทันความคิดของเดรค

“ใช่แล้ว เพราะการแช่น้ำพุสวรรค์เป็นการเพิ่มพูนพลังร่างกายของมังกรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แถมนอกจากนี้น้ำพุสวรรค์ก็ยังช่วยบำบัดโรคภัยเกือบทุกชนิดให้หายเป็นปลิดทิ้งอีกด้วย ดังนั้นข้าคิดว่าน้ำพุสวรรค์แห่งนี้น่าจะช่วยให้ลูกของเราสามารถลืมตาขึ้นมาดูโลกได้”

เดรคตอบพลางอธิบายคุณประโยชน์ของการแช่น้ำพุสวรรค์

“เยี่ยมไปเลยค่ะที่รัก ความคิดของท่านช่างฉลาดหลักแหลมสมกับที่เป็นราชามังกร แต่จะดีกว่านี้ถ้าท่านไม่เอาเวลานั้นไปทำอย่างอื่นเช่น…” เหม่ยจิงพูดชมคนรักด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “กกอีหนูโดยที่ข้าไม่รู้”

“เฮ้ย ใครกกอีหนูกันเล่า! เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้วเหม่ยจิง”

เดรครีบพูดแก้ตัวทันควัน

“แน่นะว่าไม่มี” เหม่ยจิงถามย้ำอย่างเอาเรื่อง

“ไม่มีแน่นอนจ้ะ ข้าให้สัญญา”

“อ้อ งั้นก็แล้วไป” เหม่ยจิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “แต่อย่าให้ข้าจับได้แล้วกัน ไม่งั้นแม่จะเจี๋ยนของท่านทิ้งลงบ่อน้ำร้อนเสีย”

“โธ่เหม่ยจิง เจ้าไม่เชื่อข้าบ้างเลยหรือ” เดรคพูดเสียงอ่อย แต่หญิงสาวไม่สนใจที่จะฟัง

“มามะลูกรัก เราไปอาบน้ำแช่น้ำเซียนด้วยกันดีกว่า ปล่อยให้มังกรบ้ายืนพูดคนเดียวไปเถอะ”

“เอิ้กๆ!”

ราตรีพิสุทธิ์หัวเราะอย่างถูกใจที่ท่านพ่อโดนท่านแม่ปราบซะจนหงอ ซึ่งทำให้เธอนึกหวนความหลังครั้งสมัยสาวๆที่ตัวเธอเองก็เคยปราบคนรักด้วยวิธีนี้มาก่อน เมื่อเหม่ยจิงได้อุ้มราตรีพิสุทธิ์เดินเข้าไปยังข้างในแล้ว ก็รีบถอดเสื้อผ้าให้ราตรีพิสุทธิ์ก่อนที่ตัวเองจะถอดตาม

“ข้าขอแช่น้ำด้วยคนไม่ได้เหรอเหม่ยจิง” เดรคพูดเสียงอ้อนวอนอย่างแผ่วเบา ซึ่งทำให้ราตรีพิสุทธิ์เดาได้ว่าท่านพ่อคงจะยืนอยู่ห่างออกไปจากจุดที่เธอกับท่านแม่อยู่ “ข้าเป็นคนพาเจ้ากับลูกมาแท้ๆ น่าจะได้แช่น้ำพุร้อนพร้อมหน้าพร้อมตากันสามพ่อแม่ลูกนะ”

“ไม่ได้”

เหม่ยจิงตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด ซึ่งทำให้เดรคถึงกับร้องไห้

“ข้าล้อเล่นค่ะที่รัก ท่านจะมาแช่น้ำด้วยก็มาเถอะค่ะ” เหม่ยจิงบอกขณะที่อุ้มราตรีพิสุทธิ์ขึ้นมา

“จริงเหรอเหม่ยจิง เจ้าจะให้ข้าลงไปจริงเหรอ”

เดรคถามด้วยเสียงหวาดหวั่น

“จริงสิคะที่รัก”

เหม่ยจิงตอบ ซึ่งทำให้เดรคแทบโห่ร้องด้วยความยินดี ก่อนจะรีบถอดเสื้อผ้าแล้วลงไปในบ่อน้ำพุอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเหม่ยจิงที่ค่อยเดินจุ่มเท้าลงไปอย่างเชื่องช้าโดยระวังมิให้ราตรีพิสุทธิ์ต้องโดนน้ำพุร้อนเร็วเกินไป ส่วนราตรีพิสุทธิ์ก็รู้สึกถึงไอความร้อนที่แผ่มาจากข้างล่าง

ไออุ่นจากน้ำพุร้อนนี่ช่าง…ดีจริงๆ

ไว้ว่างๆให้ตานพพาไปเที่ยวน้ำพุร้อนบ้างดีกว่า


ราตรีพิสุทธิ์คิดลอบในใจโดยไม่รู้ว่าหลานชายของตนผู้ซึ่งถูกนินทาได้จามฮัดเช้ยอยู่หลายครั้งต่อหลายครั้งอย่างน่าสงสาร แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็ต้องหยุดคิดเนื่องจากเธอรู้สึกถึงน้ำอุ่นจากบนมือของท่านแม่มาสัมผัสบนตัวเธอ ซึ่งทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่

“เอ่เอ ไม่ร้อนนะไม่ร้อน”

เสียงท่านแม่พูดราวกับต้องการจะบอกเธอว่าไม่ต้องกลัวน้ำร้อนที่กำลังโดนอยู่ในตอนนี้ เมื่อราตรีพิสุทธิ์ได้สัมผัสกับหยาดน้ำจากน้ำพุร้อนแล้ว เธอก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก และยิ่งเมื่อท่านแม่อุ้มเธอหย่อนตัวลงแช่น้ำร้อนอย่างช้าๆ เธอก็สัมผัสได้ถึงพลังงานอันมหาศาลที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง

“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้แช่น้ำพุสวรรค์ จึงเลื่อนระดับพื้นฐานให้เป็นเด็กทารกระดับ 2”

พอสิ้นเสียงระบบประกาศ นัยน์ตาทั้งสองข้างก็ได้ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำเงินที่ส่องประกายสดใสประดุจห้วงท้องทะเลลึก จากที่เคยเห็นแต่ความมืดมิด มาบัดนี้เธอได้เห็นแสงสว่างทีละเล็กทีละน้อย

“เดรคมาดูลูกเรานี่สิคะ!”

ถึงแม้ควันไอน้ำจากน้ำพุร้อนจะมีมาก แต่ก็ไม่ทำให้ราตรีพิสุทธิ์พลาดรายละเอียดใบหน้าของท่านแม่เลยสักนิด ริมฝีปากเรียวอมชมพู ใบหน้าเรียวคมไร้เครื่องสำอางตกแต่ง นัยน์ตาสีทองส่องประกายความตื่นเต้น ผนวกกับผมสีน้ำตาลประกายทองสลวยสวยเก๋ถูกม้วนเกล้าขึ้นไปเหนือศีรษะด้วยปิ่นไม้สีน้ำตาลแลดูงดงาม

สวย…สวยอะไรอย่างนี้!

“อะไรหรือเหม่ยจิง เจ้าเล่นพูดซะข้าตกอกตกใจหมดเลย”

เสียงเดรคพูดด้วยความตกใจปนสงสัยพร้อมกับเสียงใครบางคนเดินลุยน้ำเข้ามาใกล้ๆ ก่อนต้นเสียงนั้นจะเผยให้ราตรีพิสุทธิ์เห็นเป็นชายหนุ่มรูปงามผมยาวสีเงินปะบ่ากับนัยน์ตาสีน้ำเงินสะท้อนความเย็นชาแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน

นี่หรือท่านพ่อมังกรของเรา

เนื่องจากพ่อของราตรีพิสุทธิ์ได้เสียไปเพราะอุบัติเหตุตั้งแต่เธอยังเล็ก ก็เลยทำให้แม่ต้องคอยเลี้ยงดูเธอมาโดยตลอด ดังนั้นเธอจึงอดหวนนึกถึงพ่อของตัวเองเสียมิได้

“ฮึก...ฮึก...อุแว้! อุแว้!”

“ท่านได้รับทักษะการร้องไห้ ระดับ6, 7, 8, 9, 10”

เสียงระบบประกาศบอกในหัวแต่ทว่าราตรีพิสุทธิ์หาได้สนใจไม่

“โอ๋ๆ อย่าร้องไห้เลยนะจ้ะลูกรัก”

เหม่ยจิงรีบอุ้มลูกทารกน้อยขึ้นแนบอกเพื่อปลอบขวัญ ส่วนคนเป็นพ่อได้แต่หน้าเสียเพราะเมื่อครู่นี้ตนเพิ่งจะเดินลุยน้ำเพื่อมาดูหน้าลูกชายตามเสียงเรียกร้องของผู้เป็นภรรยา แต่ทว่าลูกชายกลับร้องไห้ขึ้นมาอย่างหน้าตาเฉย ดังนั้นตนจึงรีบไปยืนหลบอยู่ด้านหลังภรรยาแทน หลังจากเหม่ยจิงใช้เวลาในการปลอบอยู่นาน ราตรีพิสุทธิ์ก็ได้หยุดร้องไห้ซึ่งเหลือแต่เพียงเสียงสะอื้นเบาๆ

“สมกับเป็นน้ำพุสวรรค์ มันสามารถทำให้ลูกเราลืมตาขึ้นมาได้จริงๆ มหัศจรรย์ยิ่งนัก”

เดรคพูดพลางจ้องน้ำพุอันใสสะอาดที่ตนแช่อยู่ในขณะนี้

“ที่รักคะ ใจคอท่านจะไม่ดูลูกชายเราหน่อยหรือ เขาอุตส่าห์ลืมตาขึ้นมาได้แล้วแท้ๆ”

“ดูสิ ใครว่าจะไม่ดูกันล่ะ” เดรคพูดพลางชะเง้อหน้าเอียงคอดูจากทางหลังคนรัก ก่อนจะมองเห็นราตรีพิสุทธิ์ซึ่งมีนัยน์ตาสีเดียวกับตน “โอ้ ลูกเรามีนัยน์ตากับสีผมเหมือนพ่อไม่มีผิด ฮ่า! ฮ่า! สงสัยเชื้อพ่อมันแรง”

“ฮึ ลูกเหมือนท่านหมดเสียเมื่อไหร่ สีผิวกับใบหน้าก็เหมือนข้าด้วยนะ”

เหม่ยจิงพูดเสียงเง้างอน ซึ่งทำให้เดรครีบหอมแก้มเพื่อเอาอกเอาใจคนรัก

“จริงด้วย เหมือนเจ้าจริงๆด้วย” ชายหนุ่มพูดพลางมองหน้าราตรีพิสุทธิ์ “อือ แต่จะว่าไปลูกเราก็…น่ารักใช่ย่อยนะ หน้าหวานแบบนี้คงจะมีผู้หญิงมาติดพันเยอะแน่”

“เนื้อหอมไม่ว่า แต่ขออย่าให้เจ้าชู้เหมือนท่านแล้วกัน”

เหม่ยจิงพูดประชด ซึ่งทำให้เดรคได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ หลังจากนั้นสามพ่อแม่ลูกได้แช่น้ำอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนเดรคจะพาคนรักกับลูกชายกลับบ้านทันที ซึ่งครั้งนี้แตกต่างกับตอนขามาโดยสิ้นเชิง เพราะราตรีพิสุทธิ์สามารถมองเห็นโลกภายนอกได้แล้ว แต่ทว่าราตรีพิสุทธิ์ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก จึงทำให้เธอผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

.................
 
“ปฐพี...ปฐพี!”

เสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้น ทำเอาคนที่นั่งหลับเอนหลังพิงต้นไม้ถึงกับลืมตาขึ้นมา ทีแรกปฐพีแทบงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน และเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่พอได้เห็นสิ่งรอบข้างที่เป็นเวลากลางคืนผนวกกับต้นไม้รอบกายที่มีอยู่เยอะแล้ว ปฐพีก็จำเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมดภายในช่วงพริบตาเดียว

จริงสิ ตอนนี้เขากับเพื่อนๆกำลังออกตามหาคุณยายที่บนเกาะเริ่มต้นนี่

พอชายหนุ่มคิดเสร็จ ปฐพีก็หันมามองสองหนุ่มที่กำลังนั่งจ้องหน้าเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามกองไฟที่ลุกโชติช่วง ซึ่งคนที่เรียกปฐพีเป็นเด็กหนุ่มหน้าละอ่อนวัยสิบห้าสิบหกกำลังนั่งกอดอกอยู่ เจ้าตัวมีนัยน์ตาสีเขียวด้านขวาเพียงข้างเดียว ส่วนข้างซ้ายกลับถูกผ้าผืนสีดำปกปิดไว้ เสื้อผ้าที่สวมก็เป็นผ้าฝ้ายสีขาวกางเกงขาสั้นสามส่วนสีเขียวใบไม้เข้มกับรองเท้าบู๊ตสีน้ำตาลเข้มแลดูทะมัดทะแมงดี และนอกจากนี้อีกฝ่ายยังมีใบหูสองข้างที่แหลมเหมือนกับหูของเอลฟ์อีกด้วย

“นายเรียกฉันเหรอศาสตรา”

ปฐพีถามพลางเอามือขยี้ตา ตอนนี้เขากับเพื่อนอีกสองคนที่กลางป่าบนเกาะเริ่มต้น

“ก็ใช่นะสิปฐพี” ศาสตราพูดตอบพลางส่งยื่นไก่ปิ้งให้กับปฐพี “พอได้นั่งพักปุ๊บ นายก็หลับปั๊บทันที ถามหน่อยเถอะ กะอีแค่เกมนายจะกังวลไปทำไมกัน คุณยายของนายคงเอาตัวรอดในเกมได้อยู่หรอกน่า”

ปฐพียังไม่ตอบคำถามของศาสตราเดี๋ยวนั้น เขารับไก่ปิ้งของอีกฝ่ายมาฉีกเนื้อไก่ใส่ปากเคี้ยวให้ละเอียด ก่อนจะกลืนลงคออย่างรวดเร็ว

"จะไม่ให้เป็นกังวลได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อคุณยายของฉันไม่เคยแตะคอมพิวเตอร์เลยด้วยซ้ำ จะให้ท่านเล่นเกมออนไลน์เป็นได้ยังไงกัน พวกนายลองคิดดูสิ เอ่อ ฉันลืมบอกไปว่าตอนนี้ท่านมีอายุหนึ่งร้อยสิบปีแล้วด้วย ไม่ใช่หกสิบเจ็ดสิบเหมือนผู้เล่นที่หนึ่งของเกมนี้นะจะบอกให้”

ผู้ฟังทั้งสองตกใจจนตาเกือบถลนออกจากเบ้าเมื่อได้รับทราบถึงอายุคุณยายของปฐพี

“โอ้แม่เจ้า! หนึ่งร้อยสิบปี อยู่ไปได้ยังไงกันล่ะนั่น” คนพูดเป็นชายร่างยักษ์ มีผมสีดำยาวปะบ่า ผิวสีเขียวเข้ม นัยน์ตาสีแดงเข้ม สวมเสื้อเกราะสีดำกับกางเกงผ้าฝ้ายขายาวสีดำ ซึ่งผิดกับใบหน้าที่ทะเล้นตึงตัง ไม่โหดเหี้ยมเหมือนยักษ์ในนิทานเลยสักนิด “ขนาดยายของฉันว่าอายุเจ็ดสิบแล้ว ยังสู้ยายของนายไม่ได้เลยปฐพี สุดยอดเลยจริงๆ ว่าแต่ยายของนายไม่แก่จนละเลือนไปเลยรึ”

คนถูกถามส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ไม่เลยพิภพ” ปฐพีตอบพลางยกกระติกน้ำขึ้นดื่ม “ถึงท่านจะอายุมากก็จริง แต่สุขภาพของท่านแข็งแรงพอๆกับคนอายุห้าสิบหกสิบ เพราะฉะนั้นพวกนายสองคนเลิกกังวลเรื่องความทรงจำของท่านไปได้เลย”

“ถ้านายยืนยันอย่างนั้น พวกฉันก็ค่อยหายห่วงหน่อย”

ศาสตราพูดพลางถอนหายใจ ซึ่งความกังวลของผู้เป็นเพื่อนที่แสดงออกมา ทำให้ปฐพีถึงกับซาบซึ้งน้ำใจเพื่อนที่มีให้กับเขา

“ฉันต้องขอบใจพวกนายสองคนจริงๆ ที่อุตส่าห์มาช่วยออกตามหาคุณยายของฉันทั้งๆที่งานในสมาคมจับฉ่ายของพวกเรายังมีอยู่อีกมาก”

ปฐพีพูดขอบคุณเพื่อนอย่างจริงใจ ซึ่งทีแรกเขาตั้งใจจะเคลียร์งานในสมาคมจับฉ่ายกับเคลียร์ภารกิจของศาสตราที่ค้างคาให้เสร็จพร้อมกันเลยทีเดียว แล้วจากนั้นค่อยออกมาตามหาคุณยายที่เกาะเริ่มต้นตามลำพัง แต่ทว่าปฐพีกลับโดนสองคนนี้รุมมะตุ้มถามเหตุผลที่เขาเลือกจะกลับไปยังเกาะเริ่มต้น ทั้งๆที่ปฐพีมีระดับที่สูงเกินสี่สิบแถมยังไม่มีความจำเป็นต้องกลับไปเลยด้วยซ้ำ ซึ่งพอปฐพีเล่าให้เพื่อนทั้งสองคนฟังจนจบแล้ว ทั้งคู่ก็ขอตามเขาไปด้วยอย่างหน้าตาเฉย

“มิได้ๆปฐพี แค่นายไม่โกรธที่พวกฉันขอตามมาด้วยก็พอแล้วล่ะ”

พิภพตอบ ซึ่งศาสตราเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับพิภพ

“อย่างที่พิภพพูดนั่นแหละ งานนี้พวกเราเต็มใจที่จะมาเอง เพราะฉะนั้นนายห้ามปฏิเสธหรือไล่พวกเรากลับไปเสียให้ยาก” ศาสตราพูดพลางโบกมือที่ถือช้อนไปมา แล้วศาสตราทำท่านึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงสิ ตอนนี้พวกเราก็อยู่บนเกาะเริ่มต้น
แล้ว นายจะเริ่มต้นหาคุณยายที่ไหนก่อนดีล่ะ”

“คงจะเป็นที่เมืองเริ่มต้น...ฉันคิดว่าจะไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่เกมเกี่ยวกับปัญหาการติดต่อกับคุณยายไม่ได้นะ แล้วจากนั้นค่อยไปติดประกาศขอความช่วยเหลือคนในเกมให้ช่วยออกตามหาคุณยายด้วยอีกแรง”

ปฐพีตอบอย่างที่เคยคิดไว้ล่วงหน้าอยู่นานแล้ว

“อืม เป็นความคิดที่ดี” พิภพพูดพลางพยักหน้า “ว่าแต่ทำไมนายไม่ไปขอความช่วยเหลือพวกสมาชิกในสมาคมจับฉ่ายดูบ้างล่ะ เป็นหัวหน้าสมาคมจับฉ่ายแท้ๆ กลับไม่ใช้ประโยชน์นี้ในการตามหาคุณยายของนายซะเลย”

“เห็นทีคงจะไม่ เพราะการใช้อำนาจเพียงเพื่อเรื่องส่วนตัวย่อมไม่ใช่วิสัยผู้นำควรพึงกระทำ แล้วอีกอย่างเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันควรจะจัดการด้วยตัวของฉันเอง”

คำตอบที่กลั่นกรองมาจากปากปฐพี ซึ่งทำให้ผู้ฟังทั้งสองถึงกับตะลึง

เพราะมันเป็นคนแบบนี้ไงเล่า พวกเขาถึงได้ยอมติดตามมันมาตั้งแต่ระดับศูนย์จนถึงเดี๋ยวนี้!

ศาสตรากับพิภพคิดไปอมยิ้มไปพลาง คนดีอย่างปฐพี ไม่ว่าใครก็อยากคบหาด้วย ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงไม่คิดจะทอดทิ้งหัวหน้าผู้แสนดีของสมาคมจับฉ่ายได้ลงคอหรอก

“คืนนี้ก็ดึกมากแล้ว ฉันว่าพวกเราควรรีบเข้านอนพักผ่อนเอาแรงจะดีกว่านะ แล้วตอนเช้าค่อยว่ากันใหม่”

ปฐพีพูดตัดบทพลางอ้าปากหาววอดโดยไม่ลืมเอามือปิดปากด้วย ซึ่งศาสตรากับพิภพเองก็รู้สึกง่วงนอนแล้วเช่นกัน จึงพากันแยกย้ายเข้านอนในเต็นท์ใครเต็นท์มัน

 
...................................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Aly-Q

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
สนุกมากค่ะ ชอบคุณยายมากเลยเราเคยอ่านเรื่องนี้แล้ว
แต่ก็จะอ่านอีกนะ มาต่อไวๆนะ

ตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 3 พลัดพราก(1)

.....................
 
หลังจากราตรีพิสุทธิ์ได้นอนหลับถึงห้าชั่วโมงเต็ม เธอก็ได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งราตรีพิสุทธิ์รู้สึกดีใจที่ได้เห็นโลกแห่งเกมจริงจังสักที ทีแรกราตรีพิสุทธิ์คิดว่าบ้านที่เธออยู่อาศัยนี้ เป็นเพียงแค่บ้านธรรมดาๆ แต่พอท่านแม่กับท่านพ่อได้อุ้มเธอเดินออกไปนอกตัวบ้านแล้ว เธอแทบตะลึงจนอ้าปากค้าง เพราะภาพบ้านตรงหน้าของราตรีพิสุทธิ์มันตรงกันข้ามกับที่เธอเคยคิดไว้

ไม่ใช่แม้กระทั้งบ้านหรือกระทั้งคฤหาสน์

แต่เป็นปราสาท!

นอกจากนี้ราตรีพิสุทธิ์ก็ยังได้รู้ฐานะอันแท้จริงของทั้งคู่ในเกมว่าเป็นถึงราชากับราชินีของเหล่ามังกรทั้งปวง ซึ่งเธอทราบเรื่องพวกนี้ได้จากแขกที่แวะมาเยี่ยมเยียนบ้านของเธอเพราะต้องการดูหน้าลูกชายของเดรคที่เพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นใหม่นั่นเอง แต่ทว่าราตรีพิสุทธิ์ก็ยังไม่ทราบอยู่ดีว่า สถานที่ๆเธอกำลังพักอาศัยอยู่นี้มันคือที่ใด แล้วทำไมหลานชายของเธอถึงยังไม่ติดต่อมาหาเธอสักที ซึ่งราตรีพิสุทธิ์เองก็ไม่มีเวลาจะคิดเรื่องพวกนี้ นั่นก็เพราะเธอได้รับความรักความเอาใจใส่ของท่านพ่อกับท่านแม่มากเสียจนเธอหลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดสิ้น

หลังจากที่ราตรีพิสุทธิ์ได้ใช้ชีวิตเยี่ยงอย่างเด็กทารก เธอจึงค่อยๆซึมซับสิ่งที่ท่านพ่อกับท่านแม่มังกรเลี้ยงเธอมาอย่างทีละเล็กทีละน้อยตามอายุของเด็กทารกคนหนึ่ง

จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้สองอาทิตย์เต็มๆ…

กรุ้งกริ่ง! กรุ้งกริ่ง!

เสียงโมบายล์ดังไหวอยู่ตลอดเวลาเมื่อสัมผัสกับสายลมยามเช้าจากภายนอกหน้าต่างที่ถูกเปิด ซึ่งพอมองเข้าไปยังในหน้าต่างจะเป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีฟ้าอ่อนแลดูสบายตาอย่างยิ่ง นอกจากนี้ภายในห้องก็ยังมีข้าวของเครื่องใช้สำหรับเด็กทารกอาทิเช่น เปลนอนสำหรับเด็กเป็นต้น ได้ถูกจัดวางอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

“เอิ้กๆ”

เสียงเด็กทารกร้องอย่างสดใส ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากราตรีพิสุทธิ์ ตอนนี้เธอกำลังนอนหัวเราะอย่างสนุกสนานในเปลเพราะเห็นท่านพ่อทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เธออยู่

“เดรคคะ นี่ไม่ใช่เวลามามัวเล่นกับลูกนะ ไหนท่านว่าจะพาข้ากับลูกออกไปข้างนอกยังไงล่ะ”

เหม่ยจิงบ่นอย่างหัวเสีย เนื่องจากเธอมัวแต่เสียเวลาในการตระเตรียมข้าวของเพื่อจะไปปิกนิกอยู่เสียนาน แต่พอเธอจัดเสร็จแทนที่จะได้ไปข้างนอกก่อนเวลาแปดโมงเช้า กลับต้องมารอคนรักของเธอเล่นกับลูกชายอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น

“ก็กำลังจะพาไปอยู่นี่ไงล่ะ” เดรคพูดพลางใช้มือช้อนตัวราตรีพิสุทธิ์ขึ้นมาอุ้มอย่างทะนุถนอม “เอ่เอ...วันนี้ลูกห้ามร้องไห้โยเยกวนพ่อกับแม่เชียวนะ ไม่งั้นหมดสนุกกันพอดี”

“ข้าว่าเราจะหมดสนุกก็เพราะท่านไม่ยอมพาไปสักทีมากกว่านะ”

เหม่ยจิงพูดประชดใส่ ซึ่งทำให้ชายหนุ่มต้องรีบพาคนรักกับลูกชายออกไปข้างนอกอย่างเร็วเพราะกลัวคนรักของตัวเองจะโกรธไปมากกว่านี้

..................
 
ในขณะที่ราตรีพิสุทธิ์เล่นเกมอยู่ข้างใน ที่ข้างนอกเกมได้มีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์สิบคนกำลังนั่งจับตาดูจอสไลด์ภาพเคลื่อนไหวท่ามกลางห้องที่มีหน้าจออื่นๆอยู่ร่วมนับสิบ ซึ่งหนึ่งในภาพนั้นเห็นจะเป็นเด็กทารกเพศชายผมสีเงินตาสีน้ำเงินที่กำลังถูกพ่อมังกรอุ้มอยู่

วืด!

เสียงประตูเลื่อนอัตโนมัติถูกเปิด ก่อนจะเผยให้เห็นผู้มาใหม่ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนผอมสูงในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าเหี่ยวย่นไปตามวัย แต่ทว่าผิดกับนัยน์ตาที่เป็นสีน้ำตาล ซึ่งทอประกายความหวังไว้เต็มเปี่ยมกับเรื่องบางอย่าง

“อ๊ะ ท่านประธาน”

หนึ่งในกลุ่มคนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์รีบผุดลุกขึ้นยืนทำความเคารพเมื่อเห็นผู้เป็นนายกำลังเดินเข้ามา ซึ่งทำให้คนอื่นจะลุกขึ้นตามแต่ก็ต้องนั่งลงเพราะท่านประธานได้โบกมือห้ามไว้

“เชิญทำงานกันต่อตามสบาย” ท่านประธานบอกทุกคน ก่อนจะหันหน้ามามองคนแรกที่เรียกตนเมื่อครู่นี้ “โปรเจคย้อนวัยทารกได้ความคืบหน้าถึงไหนแล้วล่ะดนัยเทพ”

ดนัยเทพหรือชายหนุ่มวัยสามสิบสองผู้มีใบหน้ามัวหมองเนื่องจากอดหลับอดนอนเพราะทำงานล่วงเวลาอยู่เกือบทุกวัน ไหนจะผมเผ้าสีดำหยิกรุงรังเป็นสังกะตังที่เจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจจะหวีมันอีก

“เรียนท่านประธาน ตอนนี้โปรเจคกำลังดำเนินตามแผนที่วางไว้ครับ” ดนัยเทพตอบพลางหยิบสคริปต์ขึ้นมาอ่านให้ท่านประธานฟัง “จากผลสรุปของไอดีแปดพันนี้ มีทั้งสติปัญญา การเคลื่อนไหว การสัมผัสเป็นปกติดีทุกอย่าง ยกเว้นอารมณ์ที่แปรปรวนตามสถานการณ์ได้อยู่เสมอ”

ดนัยเทพพูดก่อนจะเงยหน้ามองท่านประธาน

“ส่วนเรื่องค่าทักษะ อันนี้ผมไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ทั้งๆที่พวกผมกำหนดทักษะให้แค่พื้นๆ ซึ่งมีไม่กี่ทักษะ อย่างเช่นพวกการกิน นอน นั่ง ยืน พูด แต่นี่กลับมีทักษะหัวเราะ ร้องไห้ เพิ่มขึ้นมาเองโดยที่ทางพวกผมไม่สามารถควบคุมได้ครับท่าน” ท่านประธานได้ยินที่ดนัยเทพพูด ก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “ไม่เพียงแค่นั้นครับท่านประธาน เรื่องกราฟิกด้านความทรงจำของผู้เล่นไอดีแปดพันขยับขึ้นลงอย่างต่อเนื่องแบบผิดปกติ ซึ่งทางจิตแพทย์ลงความเห็นว่าผู้เล่นไอดีนี้มีความผิดปกติทางด้านสมองอยู่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ครับ จะมีผลอันตรายเมนเบรน...”

“เอาเนื้อไม่เอาน้ำดนัยเทพ ผมต้องการทราบผลข้อสรุปที่สั้นและกะทัดรัด”

ท่านประธานพูดพลางยกมือ ซึ่งทำให้ดนัยเทพถึงกับยิ้มแห้ง

“ครับท่านประธาน ผลข้อสรุปโดยย่อก็คือ เมื่อนำเอาข้อมูลของไอดีแปดพันหรือคุณราตรีพิสุทธิ์ที่กลายเป็นเด็กทารกไปเทียบกับผู้เล่นทุกคนที่ทางเราเคยส่งไปเกิดเป็นเด็กห้าขวบแล้ว ทางไอดีแปดพันจะมีความคิดของเด็กทารกมากกว่าผู้เล่นคนอื่นอีกครับ”

“พูดง่ายๆว่าไอดีแปดพันมีความคิดที่กลายเป็นเด็กทารกก็ว่ามาเถอะดนัยเทพเอ้ย!”

เสียงแซวดังมาจากทางหลังดนัยเทพ ทำให้ดนัยเทพรีบหันกลับไปตวาดต้นเสียงอย่างเร็ว

“ไม่ขัดคอข้าสักวันมันจะทำให้แกตายไหมไอ้ปริญ!”

“ไอ้ขัดก็ไม่อยากขัดหรอก แต่ฉันทนไม่ได้ที่เห็นแกพูดภาษาแบบกำกวมให้ท่านประธานฟัง บอกตามตรงเลยว่ามันแหยงหูชะมัด” ชายหนุ่มผมน้ำตาลประกายแดงสั้นระต้นคอหรือปริญพูดพลางเอามือแคะหูอย่างไม่แคร์สายตาท่านประธานที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะทำท่านึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงหันหน้ามาคุยกับท่านประธานที่ยืนฟังอยู่นานแล้ว “อ้อ สวัสดีครับท่านประธาน เดี๋ยววันนี้ผมขอลาหยุดตั้งแต่เที่ยงเลยนะครับ พอดีน้องสาวของผมอยากจะเล่นเกมเรียลไลฟ์ ผมก็เลยต้องตามไปสอนอย่างเลี่ยงไม่ได้...แม่ฆ่าผมตายแน่ถ้าไม่สอนน้องเล่นเกม ไปล่ะครับท่านประธาน”

ปริญพูดจบก็จ้ำเท้าออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว จนท่านประธานอ้าปากคัดค้านไม่ทัน ส่วนดนัยเทพได้แต่ยิ้มแห้งๆอย่างจนปัญญา นี่ถ้ามันเป็นพนักงานธรรมดามาพูดกับท่านประธานแบบนี้แล้วล่ะก็ มีหวังโดนไล่ออกตั้งแต่ทำท่าแคะหูไปนานแล้ว

“ผมต้องขออภัยแทนปริญด้วยนะครับท่านประธาน มันนิสัยเสียมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่มันก็ทำงานได้ทันตามกำหนดเวลานะครับท่าน” ดนัยเทพพูดพลางทำท่าขอโทษโดยไม่ลืมพูดถึงข้อดีของปริญไปด้วยพร้อมกัน

“ช่างเถอะ ผมไม่ถือ” ท่านประธานตอบเสียงเรียบ ก่อนจะพูดวกเข้าเรื่องงานต่อ “เรื่องความผิดปกติของไอดีแปดพันนั่น ผมขอให้ปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติ อย่าได้ไปขัดขวางการเล่นเกมของผู้เล่นคนนั้นเด็ดขาด”

“ครับท่านประธาน”

ดนัยเทพตอบ ซึ่งเขาก็ไม่คิดอยากจะขัดขวางผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์เล่นเกมเป็นทารกอยู่แล้ว เพราะนี่คือการทดสอบโปรเจคย้อนวัยทารกที่ต้องดำเนินการอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้ใครทราบแม้กระทั่งผู้เล่นที่ถูกทดสอบอยู่ก็ตามที!

หวอ! หวอ!

จู่ๆ เสียงเตือนภัยพร้อมกับแสงสีแดงปรากฏขึ้นภายในห้อง ซึ่งทำเอาเหล่านักวิทยาศาสตร์รวมถึงท่านประธานกับดนัยเทพสะดุ้งตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น!”

ดนัยเทพหันหลังกลับไปตะโกนถามกับพวกเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่หน้าจอภาพ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ได้หันมาตอบดนัยเทพว่า

“ก็จุดที่ไอดีแปดพันอยู่ จู่ๆก็เกิดหายไปนะดนัย เหมือนมีอะไรเข้ามาแทรกแซงระบบ ทำให้พวกเราไม่สามารถติดต่อหรือจับดูภาพตรงพื้นที่ส่วนนั้นได้เลยสักนิด”

“อะไรนะ!” ดนัยเทพร้องอุทานอย่างตะลึง เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีพวกแฮคเข้ามาแทรกแซงเกมนี้ได้ “แล้วนี่พวกนายได้ใช้โปรแกรมป้องกันกับจัดการพวกแฮคแล้วรึยังล่ะ!”

“ลองทำแล้วแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังทำให้โปรแกรมที่พวกเราส่งไปมีอันต้องพังหมด”

เพื่อนร่วมงานของดนัยเทพตอบ ซึ่งทำให้ดนัยเทพถึงกับกุมขมับ ไม่ใช่ว่าเขาจะกังวลเรื่องโปรเจคของท่านประธานจะพัง แต่เขากลัวว่าผู้เล่นไอดีแปดพันที่เป็นหญิงชราวัยหนึ่งร้อยสิบจะเกิดอันตรายต่อสมองเอาได้ตั้งหาก

“งั้นใครก็ได้ช่วยโทรไปติดต่อไอ้ปริญให้รีบกลับมาที่นี่ด่วนด้วยล่ะ” ดนัยเทพบอกเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะหันหน้ากลับมายังท่านประธานที่ยืนรอฟังอยู่เงียบๆ “ต้องขออภัยด้วยครับท่านประธาน พอดีเกิดเหตุฉุกเฉินขั้นร้ายแรง คือว่า...”

“ไม่ต้องเล่าซ้ำอีกรอบหรอกดนัยเทพ ผมได้ยินตั้งแต่ตอนแรกหมดแล้ว”

ท่านประธานตอบ ซึ่งทำให้ดนัยเทพได้แต่ยิ้มแห้งๆ

“ถ้างั้นผมต้องขอตัวไปจัดการเรื่องนี้ก่อนนะครับท่านประธาน ไว้อีกสองสามวันผมจะโทร...”

“30นาที”

ท่านประธานพูดสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ซึ่งทำเอาดนัยเทพกับพวกนักวิทยาศาสตร์ถึงกับเหงื่อตก เพราะนานครั้งจะเห็นท่านประธานเอาจริง

“ครับท่านประธาน!”

ทุกคนตอบรับพร้อมกันเป็นเสียงเดียว ก่อนจะรีบลงมือในส่วนของตัวเองทันที รวมถึงดนัยเทพที่เอ่ยปากขอตัวกลับไปทำงานต่อบ้าง


...................................

ย้อนกลับมาด้านทางในเกม ในขณะนี้ราตรีพิสุทธิ์ได้มาเที่ยวปิกนิกกับพ่อแม่มังกรที่สวนดอกไม้แห่งหนึ่งซึ่งสวยเอามากๆสำหรับกราฟิกในเกมที่ถูกสร้างขึ้นมา และนอกจากนั้นวันนี้ท้องฟ้าก็ยังดูสดใส เหมาะกับการปิกนิกและเดินเล่นเป็นอย่างมาก

“อย่าทานอาหารให้มากสิคะที่รัก ประเดี๋ยวจะปวดท้องเอาไม่รู้ด้วยนะ”

เหม่ยจิงบอกคนรักในขณะที่ตนกำลังให้นมราตรีพิสุทธิ์อยู่ ส่วนเดรคก็นั่งทานอาหารที่เหม่ยจิจัดเตรียมมาให้อย่างเอร็ดอร่อย
           
“อือๆ ข้ารู้หรอกน่า” เดรคตอบพลางกลืนอาหารลงคอ ก่อนจะดื่มน้ำตาม “ฮู้! เจ้าน่าจะเอาสุรามาด้วยก็ดีนะเหม่ยจิง”
หญิงสาวได้ยินที่คนรักถามก็หันไปหยิกต้นแขนคนรักด้วยความหมั่นไส้

“จนป่านนี้แล้วท่านยังไม่เลิกดื่มสุราอีก ไหนท่านสัญญากับข้าแล้วไงว่าจะเลิกทันทีที่ลูกเกิดมา อะไรกัน นี่ยังไม่ครบหนึ่งเดือนดี ท่านก็จะหันมาดื่มสุราอีกเสียแล้ว”

“โธ่เหม่ยจิง ก็คนมันอดไม่ได้นี่ แล้วอีกอย่างบรรยากาศมันก็พาไปด้วย”

เดรคพูดตอบพลางลูบต้นแขนที่ถูกหยิก ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์ที่กำลังดูดนมของท่านแม่ถึงกับขำ

“เอิ้กๆ”

“โหยไอ้ตัวแสบ บังอาจหัวเราะเยาะพ่อบังเกิดเกล้าเชียวรึ” เดรคพูดอย่างเอาเรื่อง ซึ่งทำให้เหม่ยจิงต้องหยิกต้นแขนพ่อมังกรอีกรอบ “โอย เจ้าหยิกข้าอีกทำไมล่ะเนี่ย”

“ก็ท่านอยากว่าลูกราตรีพิสุทธิ์เองทำไมล่ะ ไม่รู้ด้วยแล้ว ถ้าท่านยังไม่เลิกดื่มสุราอีกล่ะก็ ท่านกับข้าไม่ต้องมานอนห้องเดียวกันอีก” เหม่ยจิงพูดขู่ ซึ่งทำเอาเดรคถึงกับเบ้ปาก

“ทำแบบนั้นได้ยังไงกันเหม่ยจิง ข้าเป็นสามีของเจ้านะ ให้แยกห้องนอนแบบนี้ ข้ารับไม่ได้!”

ชายหนุ่มพูดพลางล้มตัวลงไปนอนดิ้นกับพื้น ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ราชามังกรผู้เก่งกาจหายไปในพริบตาเดียว ส่วนเหม่ยจิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาที่มีสามีผู้แสนเอาแต่ใจเหมือนเด็กคนหนึ่ง

นี่ถ้าทุกคนได้เห็นพ่อมังกรทำแบบนี้แล้วล่ะก็ มีหวังได้เสื่อมศรัทธาแน่!

ราตรีพิสุทธิ์นึกขันท่านพ่อ เพราะอีกฝ่ายทำท่าดิ้นได้เหมือนกับเด็กน้อยที่ต้องการของเล่นอย่างจะเป็นจะตายเสียให้ได้ และเมื่อเหม่ยจิงให้นมกับราตรีพิสุทธิ์เสร็จ เธอก็ไม่ลืมที่จะทำให้ราตรีพิสุทธิ์ได้เรอ ก่อนจะวางตัวราตรีพิสุทธิ์นั่งลงบนพื้นผ้าลายหมากรุกแล้วตนจึงเขยิบไปนั่งชิดกับคนรักของตัวเอง ซึ่งโชคดีที่เมื่อหลายวันก่อนราตรีพิสุทธิ์ได้รับทักษะการนั่งกับการคลานมา จึงทำให้เธอสามารถนั่งลงได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะหงายท้อง

“จะว่าไปลูกเราก็ตั้งไข่ได้เร็วกว่าลูกมังกรคนอื่นอีกนะคะที่รัก”

แม่มังกรหรือเหม่ยจิงพูดชมลูกตัวเอง

“อืม นั่นสิ” เดรคพูดพลางทำท่าครุ่นคิด “ไม่แน่ว่าที่ลูกเราพัฒนาได้เร็วกว่าคนอื่น อาจจะเป็นเพราะน้ำพุสวรรค์ก็ได้นะ”

“จริงด้วย ข้าก็ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย”

เหม่ยจิงพูดอย่างนึกขึ้นได้ ซึ่งการสนทนาระหว่างของทั้งคู่ ทำให้ราตรีพิสุทธิ์ทึ่งกับคุณประโยชน์ของน้ำพุสวรรค์เสียมิได้ นี่ถ้าเธอสามารถนำน้ำพุสวรรค์ออกไปจากเกมนี้ได้แล้วล่ะก็ โรคภัยต่างๆที่ไม่สามารถรักษาด้วยยาก็จะได้หายไปจากโลกนี้เสียที

เฮ้อ ไม่เอาแล้วล่ะ คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ

ราตรีพิสุทธิ์ส่ายหน้ากับความคิดที่ไม่สามารถเป็นได้จริง ก่อนจะหันมาเอาใจทั้งสองคนด้วยการคลานให้ทั้งสองชมเล่น

“แอ้!” เนื่องจากราตรีพิสุทธิ์ยังไม่ได้ทักษะการพูดสักระดับ จึงทำให้เธอไม่สามารถพูดได้สักคำ มีเพียงแค่เสียงร้องนิดหน่อยเท่านั้น “แอ้...ด๊า!”

“ที่รักดูลูกราตรีพิสุทธิ์สิคะ ลูกกำลังคลานมาหาพวกเราอยู่นะ” เหม่ยจิงพูด ซึ่งทำเอาคนเป็นพ่อหันขวับอย่างไว

“มาเลยไอ้ลูกรัก คลานมาหาไวๆ พ่อจะหามังกรสาวๆ อกอึ๋มๆ มาให้เป็นเพื่อน”

เดรคพูดเร่งเร้าให้ลูกชายคลานมา

“นี่คิดจะสอนลูกให้เดินตามรอยหรือไงคะเดรค” เหม่ยจิงพูดเสียงเหี้ยมพร้อมกับบิดหูคนนั่งข้างๆอย่างแรง

“โอย ไม่ล่ะจ้า ไม่คิดจะสอนแบบนั้นเลยจริงๆ”

ชายหนุ่มตอบเสียงอ่อย เหม่ยจิงจึงเลิกบิดหู แล้วทั้งคู่จึงค่อยหันมามองลูกชายต่อ

“เร็วเข้าไอ้ลูกชาย สู้ๆ” ราตรีพิสุทธิ์ได้ยินเสียงเชียร์ของพ่อมังกร จึงรีบคลานไปอย่างเร็ว จนกระทั่งถึงที่หมาย เธอก็รู้สึกได้ว่ามีมือสองข้างอุ้มร่างเธอขึ้นสูง “เยี่ยมมากไอ้ลูกชาย ต้องอย่างนี้สิถึงจะสมกับที่เป็นลูกชายของราชามังกร ฮะๆ”

เดรคพูดชมพร้อมกับหัวเราะไปพลาง ซึ่งทำให้คนถูกชมรู้สึกปลื้มตันใจกับคำชมเป็นอย่างมาก

ดีเหลือเกินที่ได้เข้ามาเล่นเกมนี้

ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจอย่างเป็นสุข แล้วหลังจากนั้นเธอกับพ่อแม่มังกรก็ได้เล่นกันอย่างสนุกสนานตามประสาครอบครัว เมื่อเวลาล่วงผ่านไปจนเย็น พ่อมังกรก็ได้คืนร่างตัวเองเป็นมังกร

“เจ้าไม่ลืมของอีกแล้วใช่ไหมเหม่ยจิง”

เดรคถามเตือนความจำของคนรักเผื่อว่าเหม่ยจิงจะลืมของไว้ที่นี่

“ไม่ค่ะที่รัก ข้าเก็บใส่ตะกร้าหมดแล้ว” เหม่ยจิงตอบพลางมองตะกร้าที่วางอยู่ข้างกายหล่อน ส่วนในมือก็มีราตรีพิสุทธิ์ซึ่งถูกอุ้มอยู่ “ว่าแต่ท่านเถอะ ลืมของอะไรไว้ที่นี่บ้างหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่มีลืมอย่างแน่นอน”

ชายหนุ่มตอบอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนจะกระพือปีกบินขึ้นสู่เหนือท้องฟ้าทันที โดยเส้นทางมุ่งตรงกลับไปยังปราสาท ในขณะที่พวกราตรีพิสุทธิ์อยู่เหนือน่านฟ้า แม่มังกรก็พยายามร้องเพลงกล่อมเพื่อมิให้ราตรีพิสุทธิ์กลัวความสูง ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงที่แม่มังกรร้อง จนกระทั่ง...

ตูม!

เสียงระเบิดดังกึกก้องพร้อมกับเสียงของระบบที่ประกาศก้องในหัวราตรีพิสุทธิ์ว่า

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ถูกราชาปีศาจระดับ90โจมตีค่ะ”

ท่านพ่อของราตรีพิสุทธิ์กระเด็นไปไกลจากการลอบโจมตีราชาปีศาจ ส่วนเธอกับท่านแม่ก็กระเด็นกันไปอีกทาง ซึ่งโชคยังดีที่เหม่ยจิงตั้งสติได้ทัน เธอจึงพยุงตัวได้กลางอากาศ แต่ทว่าเหม่ยจิงก็ต้องหันมารับมือกับพวกกองทัพปีศาจนับแสนต่อโดยที่มือยังอุ้มราตรีพิสุทธิ์อยู่

มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆพวกปีศาจถึงมาโจมตีพวกเธอได้นะ

ราตรีพิสุทธิ์คิดอย่างงุนงงแกมไม่เข้าใจเนื้อหาของเกมนี้เสียเท่าไหร่ แต่ด้วยสถานการณ์คับขันผนวกท่านแม่ต้องต่อสู้กับพวกปีศาจทั้งกองทัพเพียงลำพัง จึงทำให้เธอเลิกความคิดนั้นทิ้งก่อนจะพยามยามนั่งนิ่งๆในอ้อมกอดของท่านแม่เพื่อมิให้ตนต้องเป็นตัวถ่วง ส่วนท่านพ่อนั้นราตรีพิสุทธิ์คิดว่าท่านพ่อคงกำลังต่อสู้กับราชาปีศาจที่ไหนสักแห่ง ซึ่งเธอได้แต่คาดหวังว่าท่านพ่อจะต้องปลอดภัยกลับมา

เคร้ง! เคร้ง!

เสียงดาบปะทะปีศาจโครงกระดูกตรงหน้าสองที แล้วปีศาจตนนั้นก็แตกหายไปในพริบตา

“แฮ่กๆ” เสียงท่านแม่หอบหายใจอย่างหนัก ถึงแม้ฝีมือการใช้ดาบของท่านแม่จะแข็งแกร่งและยอดเยี่ยมมากแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าต่อสู้ต่อเนื่องเป็นระยะยาวนานโดยยังอุ้มเธออยู่อย่างนี้ล่ะก็ คงจะทนได้อีกไม่นานอย่างแน่นอน ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ไม่รู้จะทำยังไงดีได้แต่มองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ซีดเซียวอย่างเป็นห่วง “ไม่ต้องกลัว…แม่สู้…แฮ่กๆ…ได้”

ปากพูดปลอบใจลูกแต่มือก็ยังไม่ยอมหยุดดาบ ทำให้ราตรีพิสุทธิ์ฟังแล้วรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหล

“แอ้...แอ้”

ราตรีพิสุทธิ์ร้องพลางเอามือน้อยๆของเธอมาเช็ดเหงื่อให้ท่านแม่ ซึ่งการกระทำของเธอที่แสดงออกมาทำให้เหม่ยจิงต้องเหล่ตามองอย่างฉงน

เมื่อครู่นี้ลูกเช็ดเหงื่อให้ข้าหรือเนี่ย?

“เหม่ยจิงระวัง!” เสียงของเดรคร้องเตือน ซึ่งทำให้หญิงสาวหันกลับมามองหลังอย่างไว

ฉัวะ!

แต่ทว่าผู้ถูกฟันกลับเป็นเดรคที่โผล่มาตอนไหนก็ไม่รู้ได้เข้ามาปกป้องเหม่ยจิงแทน

“เดรค!”

..........................

 :m15: :m15: :m15::m15: :m15: :m15::m15: :m15: :m15::m15: :m15: :m15::m15: :m15: :m15:

ปล.รูปครอบครัวของราตรีจ้า

[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2014 17:23:57 โดย dragon123 »

ออฟไลน์ Aly-Q

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
สู้ๆค่ะ คนเขียนเป็นกำลังใจให้ เพราะสนุกมาก

ตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 4 พลัดพราก(2)

................

“แฮ่กๆ”

เสียงเหม่ยจิงวิ่งหอบอย่างเหนื่อยล้าท่ามกลางป่าเขาอันแห้งแล้ง ในมือซ้ายอุ้มราตรีพิสุทธิ์ที่ได้รับบาดเจ็บจากลูกหลงของพลังเวทมนตร์ของราชาปีศาจจนเกือบเจียนตาย หลังจากเดรคเข้ามาปกป้องคนรักจนตัวเองถูกปีศาจโครงกระดูกตัดปีกทั้งสองข้างแล้ว เดรคก็ได้ร่วงหล่นลงยังพื้นแผ่นดินท่ามกลางสายตาอันตะลึงของเหม่ยจิงที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ ซึ่งเธอไม่มีเวลาดูตอนคนรักของตัวเองตกลงไปถึงพื้น เพราะราชาปีศาจดันใช้พลังเวทมนตร์สาดใส่ราตรีพิสุทธิ์ตอนที่เหม่ยจิงเผลอ แถมตัวเธอเองก็พลอยโดนลูกหลงพลังของราชาปีศาจจนบาดเจ็บไปด้วยอีกคน เพราะเหตุนี้จึงทำให้เหม่ยจิงต้องรีบหนีออกมาโดยไม่คิดจะหวนกลับไปดูคนรักของตัวเองว่าเป็นตายร้ายดีหรือไม่

“แอ้” ราตรีพิสุทธิ์เองก็ใช่ว่าเจ็บแล้วจะสลบไปเลยทันที เธอยังฝืนทนความเจ็บปวดด้วยการส่งเสียงให้ท่านแม่ได้ทราบว่าเธอยังสบายดีอยู่

“เจ็บหรือลูกรัก? โอ๋ๆ อดทนอีกหน่อยนะราตรีพิสุทธิ์ เดี๋ยวแม่จะพาลูกไปยังที่ปลอดภัย” เหม่ยจิงพูดปลอบลูกชายในขณะที่วิ่งอยู่บนพื้นดิน ส่วนเหตุผลที่เหม่ยจิงไม่บินขึ้นท้องฟ้าอีก ก็เพราะเธอเกรงว่าจะเป็นเป้าสายตาของพวกกองทัพปีศาจ

แต่เธอจะพาลูกชายหนีรอดจากเงื้อมมือของราชาปีศาจได้แน่หรือ?

เหม่ยจิงขบริมฝีปากของตัวเองด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจที่ต้องมาเผชิญสถานการณ์อันเลวร้ายโดยไม่รู้ความเป็นไปของเดรคผู้เป็นสามีของหล่อนเลยสักนิด แต่ความปลอดภัยของลูกต้องมาเป็นที่หนึ่งก่อน ดังนั้นเหม่ยจิงจึงเลือกที่จะปกป้องลูกชายอย่างสุดชีวิต

ตูม!

เพราะเหม่ยจิงมัวแต่ครุ่นคิดจึงทำให้ตัวเองกับลูกชายมีอันต้องกระเด็นไปตามแรงระเบิดของพลังที่ซัดเข้ามา

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์โดนโจมตีจากราชาปีศาจ พลังลดเหลือ 50 ค่ะ”

เสียงของระบบประกาศดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นรอบที่ห้าหลังจากราตรีพิสุทธิ์โดนพลังของราชาปีศาจ ราตรีพิสุทธิ์ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับค่าพลังงานชีวิตของตัวเองในเกมสักเท่าไหร่ แต่เธอก็สามารถรับรู้ได้จากข้างในร่างกายอันบอบบางนี้โดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

แย่แล้วสิ ขยับตัวไม่ได้เลย

ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจ ตอนนี้เธอได้กระเด็นหลุดจากมือของท่านแม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ราตรีพิสุทธิ์!” เหม่ยจิงร้องเรียกหาลูกที่ตนเผลอทำหลุดมือ ก่อนจะหันไปเห็นลูกชายนอนจมกองเลือดอยู่ห่างออกไปถึงสองเมตร “ไม่นะ! ราตรีพิสุทธิ์แม่ขอโทษ”

เหม่ยจิงพูดเสียงร่ำไห้พลางวิ่งเข้าไปอุ้มลูกชายขึ้นมาแนบอก เท่าที่เธอดูสภาพราตรีพิสุทธิ์แล้ว ลูกชายคงจะทนความบาดเจ็บได้อีกไม่นานแน่

“ทนหน่อยนะ เดี๋ยวแม่จะรักษาลูกเดี๋ยวนี้แหละ” เหม่ยจิงบอกก่อนจะถลกแขนเสื้อสีเหลืองลายดอกไม้ออก เผยให้เห็นผิวขาวนวลหิมะ เมื่อเหม่ยจิงถลกแขนเสื้อออกแล้ว เธอจึงนำมีดสั้นที่พกไว้ในเสื้อคลุมออกมากรีดข้อมือตัวเอง ก่อนจะนำเลือดสีแดงที่ผุดออกมาจากบาดแผลป้อนเข้าปากลูกชายตนเอง “ดูดเลือดแม่ซะนะลูกรัก เจ้าจะได้หายไวๆ”
ถึงสติของราตรีพิสุทธิ์จะเลือนรางแต่เธอกลับได้ยินชัดเจน ดังนั้นเธอจึงรีบดูดเลือดตามคำบอกของท่านแม่อย่างว่าง่าย

ขม

ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยคิดรังเกียจที่จะได้ดูดเลือดของผู้เป็นแม่ ซึ่งพอราตรีพิสุทธิ์ดูดเลือดไปสักพัก เธอก็รู้สึกถึงพลังในร่างกายกำลังเริ่มฟื้นฟู บาดแผลบางส่วนที่เคยมีตามร่างกายก็เริ่มค่อยหายไปทีละนิด

เลือดมังกรรักษาบาดแผลได้ด้วยรึเนี่ย?

“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้รับเลือดจากแม่มังกร ทำให้ร่างกายเริ่มฟื้นฟูสภาพ10%”

เสียงของระบบประกาศดังก้องหัว แต่ถึงกระนั้นเลือดของเหม่ยจิงไม่สามารถให้พลังงานแก่ราตรีพิสุทธิ์ได้เพียงพอ ดังนั้นเธอจึงร่ายมนตร์รักษาพร้อมกับถ่ายเทพลังของเธอให้กับลูกชายอย่างเต็มที่โดยไม่คำนึงถึงสภาพร่างกายของตัวเองที่บอบช้ำ

“ท่านได้รับการฟื้นฟูจากพลังเวทย์ 80%”

เสียงระบบประกาศพร้อมกับร่างกายอันบอบบางเริ่มฟื้นฟูบาดแผลจนหายสนิท

“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้รับพลังตบะจากแม่มังกรระดับ 80 จึงเลื่อนระดับพื้นฐานให้เป็นเด็กทารกระดับ 7, 8”

ดูมัน ขนาดเวลาหน้าสิวหน้าขวานก็ยังประกาศบอกอยู่ได้!

ราตรีพิสุทธิ์คิดอย่างแค้นเคืองกับระบบเกมที่ประกาศบอกไม่รู้จักจบจักสิ้น แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็รู้สึกว่าท่านแม่กำลังถอนมือออกจากตัวเธอ

เอ๋ ท่านแม่รักษาเสร็จแล้วเหรอ?

พอราตรีพิสุทธิ์ลืมตาขึ้นมองแม่มังกร เธอก็พบกับรอยยิ้มอันอ่อนโยนจากผู้เป็นแม่

“ในที่สุดลูกก็ลืมตาขึ้นเสียที” เหม่ยจิงพูดอย่างโล่งอกที่เห็นว่าลูกของเธอปลอดภัยดีแล้ว “เอ่อจริงสิ แม่มีอะไรบางอย่างให้ลูกด้วยนะ”

เหม่ยจิงพูดพลางถอดสร้อยคอออกมาก่อนจะสวมสร้อยคอเส้นนั้นให้กับราตรีพิสุทธิ์

“ท่านได้รับสร้อยคอผลึกเกล็ดย้อน 1 เส้น”

เสียงระบบประกาศ ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ไม่สนใจที่จะฟังมันอีก

“เก็บไว้ให้ดีล่ะ อย่าให้หายเด็ดขาดนะลูกรัก”

พอท่านแม่พูดจบ ท่านก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะพาราตรีพิสุทธิ์ไปยังลำธารที่ไหลเชี่ยวกราก

ทะ...ท่านแม่คิดจะทำอะไรนะ!

ราตรีพิสุทธิ์ครุ่นคิดในใจอย่างหวาดหวั่น ซึ่งพอมาถึงลำธารแล้ว ท่านแม่ก็หยุดเดินทันที

“แม่ขอโทษด้วยนะราตรีพิสุทธิ์ ขอโทษด้วยจริงๆ” เหม่ยจิงพูดขอโทษด้วยน้ำเสียงสั่นเครือก่อนจะนั่งลงยอง “ไว้แม่เสร็จธุระทางนี้แล้ว แม่จะตามลูกไปทีหลัง จริงสิ ลูกไม่ต้องห่วงท่านพ่อหรอกนะ เดี๋ยวแม่จะไปตามท่านพ่อกลับมาให้ลูกด้วย”

พอเหม่ยจิงพูดจบ ก็ค่อยๆหย่อนตัวลูกชายลงน้ำ ซึ่งคราวนี้ราตรีพิสุทธิ์รู้ได้ทันทีเลยว่าท่านแม่คิดจะทำอะไรกับเธอ

ไม่นะ...

ท่านแม่อย่าทิ้งหนู...

“มะ...มัมมะ!”

เสียงเล็กๆดังออกมาจากริมฝีปากของราตรีพิสุทธิ์ ทำเอาคนเป็นแม่ชะงักมือทันที

“เมื่อครู่นี้ลูกเรียกแม่งั้นหรือ?!” เหม่ยจิงพูดอย่างดีอกดีใจจนน้ำตาไหลพราก “โอ้...แม่ดีใจเหลือเกิน ดีใจที่ได้ยินลูกพูดชื่อแม่ก่อน ขอบคุณสวรรค์ ท่านช่างเมตตาให้ข้าได้ยินคำพูดคำแรกของลูกชาย ไม่มีอะไรน่ายินดีกว่านี้อีกแล้ว...จริงๆ”

จากนั้นเหม่ยจิงก็กอดราตรีพิสุทธิ์อย่างแนบแน่น สักพักจึงหอมแก้มลูกชายเบาๆ ก่อนจะหย่อนตัวราตรีพิสุทธิ์ลงน้ำอีกครั้ง

“แม่จะไม่มีวันลืมคำพูดคำแรกของลูกแน่ ราตรีพิสุทธิ์ แม่ให้สัญญา”

เหม่ยจิงพูดจบ เธอก็ปล่อยร่างน้อยให้ลอยไปตามกระแสน้ำก่อนที่สร้อยคอผลึกเกล็ดย้อนจะทำหน้าที่ของมัน โดยเป็นม่านอาคมกันมิให้ราตรีพิสุทธิ์ต้องจมน้ำตาย ซึ่งภาพสุดท้ายที่ราตรีพิสุทธิ์จะได้เห็นคือรอยยิ้มอันอบอุ่นของผู้เป็นแม่ที่ส่งมาให้เธอ

“มัมมะ! มัมมะ!!”

..............................

หลังจากพลัดพรากจากผู้เป็นแม่แล้วเธอก็เผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ซึ่งพอตื่นขึ้นมาอีกที ราตรีพิสุทธิ์ก็มานอนอยู่ที่ริมตลิ่งท่ามกลางป่าสีเขียวที่ไม่รู้จักแล้ว

จะให้ทำยังไงต่อดีล่ะ

ราตรีพิสุทธิ์คิดอย่างหนักใจ เพราะตอนนี้เธอเป็นเพียงแค่เด็กทารก จะให้ไปมีชีวิตรอดท่ามกลางป่าเขาที่ใหญ่โตนี่ได้ยังไงกัน ส่วนเรื่องที่จะไปขอความช่วยเหลือจากผู้เล่นเกมคนอื่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แค่คลานให้ออกไปจากป่านี้จะได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้

เอาเถิด คลานไปก่อนดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ

ราตรีพิสุทธิ์คิดได้ดังนั้นจึงเริ่มออกคลานทันที โดยเธอใช้ตำแหน่งที่พระอาทิตย์ขึ้นซึ่งเป็นทิศตะวันออกเป็นตัวกำหนดทิศทางที่เธอจะต้องคลานไป แต่ทว่าราตรีพิสุทธิ์หาได้รู้ไม่ว่า เกมนี้ไม่ได้สร้างให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกแต่เป็นทางทิศตะวันตกแทน ดังนั้นเธอจึงคลานไปอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ ซึ่งราตรีพิสุทธิ์คลานไปได้ซักพักใหญ่ เธอก็ได้เห็นอะไรบางอย่างที่มีลักษณะกลม สีแดงเข้มผสมสีเหลืองอ่อน แถมข้างล่างก็มีขาสองข้างเป็นสีขาวด้วย

นั่นเห็ดนี่! ราตรีพิสุทธิ์แทบตะลึงเมื่อได้เจอเห็ดตรงหน้า เพราะเห็ดที่เธอกำลังเห็นอยู่นี้ มันมีลักษณะคล้ายกับเห็ดในเกมมาริโออย่างไม่ผิดเพี้ยน ถ้าเป็นในเกมมาริโอ มาริโอกินเห็ดนี่เข้าไปตัวก็จะโตไม่ใช่รึ

ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออกได้

จริงสิ ถ้าเรากินเห็ดตามมาริโอบ้าง ตัวเราคงจะโตเป็นผู้ใหญ่เหมือนกับเกมนั้น แล้วทีนี้เราก็สามารถย้อนกลับไปช่วยท่านพ่อกับท่านแม่ได้!

แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็ไม่รอช้า เธอจึงคลานเข้าไปหาเห็ดอย่างเงียบเชียวเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวเสียก่อน และเมื่อถึงเป้าหมาย ราตรีพิสุทธิ์ก็อ้าปากกว้างก่อนจะ...

งับ!

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์โจมตีบอสเห็ดมาริโอระดับ10 ค่ะ”

“อ้าก!! ใครงับหัวข้า!!” เสียงกรีดร้องดังมาจากเห็ด ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์ตกใจจนถูกอีกฝ่ายสะบัดให้กระเด็นกลิ้งม้วนตีลังกากลับไปด้านข้างเห็ด “ฮู้ๆ เจ็บๆ ฮือ ใครกันที่บังอาจทำร้ายข้า”

เห็ดสีแดงพูดอย่างเจ็บปวดก่อนจะหันหน้ากลับมามองราตรีพิสุทธิ์ ซึ่งเธอกำลังจะตั้งตัวขึ้นมาใหม่หลังจากกลิ้งล้มไม่เป็นท่า

“อ้าวไอ้เด็กเปรตนี่” เห็ดสีแดงพูดด้วยน้ำเสียงกวนบาทา “คิดจะกินข้า คิดผิดคิดใหม่ได้นะเว้ยไอ้เด็กนรก ชิ ให้ตายสิ พ่อแม่ไม่สั่งสอนไงวะ เดี๋ยวปัดตบหัวหลุด”

อ้าวไอ้เห็ดปากหมา เดี๋ยวแม่กระโดดเหยียบเลยนี่

ราตรีพิสุทธิ์แค่นด่าทอบอสเห็ดในใจ แล้วเธอก็กวักมือเรียกเห็ด ก่อนจะยกนิ้วกลางขึ้นมา

“ท่านได้รับทักษะยั่วประสาทระดับ1” เสียงระบบประกาศบอก

แก่ก็มีหัวใจนะเว้ย

ส่วนเห็ดสีแดงก็ทำท่าโกรธทันทีที่เห็นราตรีพิสุทธิ์ทำท่ายกนิ้วกลางใส่

“อย่าอยู่เลยไอ้เด็กเปรต!”

เห็ดสีแดงหรือบอสเห็ดมาริโอแผดเสียงร้องลั่น ก่อนจะวิ่งเข้าหาราตรีพิสุทธิ์เพื่อจะฆ่าให้ตาย ซึ่งทำให้ราตรีพิสุทธิ์สะดุ้งตกใจ เพราะเธอนั้นไม่สามารถต่อสู้กับเห็ดสีแดงนี่ได้เลย

ตายแน่เลยเรา! ท่านพ่อท่านแม่ช่วยหนูด้วย!!

ราตรีพิสุทธิ์คิดพลางหลับตาปี๋อย่างหวาดกลัว

แวบ!

จู่ๆ เสียงประหลาดดังขึ้นพร้อมกับแสงสีขาวจ้า ทำให้บอสเห็ดหยุดวิ่งก่อนจะหลับตาลงเพื่อหลบแสงสีขาวนั่นทันที

“ท่านได้รับ Toy Hammer ระดับ10 จำนวน1อันค่ะ”

เสียงระบบประกาศ ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ลองลืมตาขึ้นมาดู ก่อนจะพบเห็นค้อนพลาสติกสีชมพูปนเหลืองซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเธอเล็กน้อยกำลังลอยอยู่ตรงหน้า

ค้อนเด็กเล่น? ราตรีพิสุทธิ์มองค้อนของเล็กสำหรับเด็กอย่างสงสัย มันมาได้ยังไงเนี่ย??

ส่วนบอสเห็ดมังกรหลังจากลืมตาขึ้นแล้ว มันก็ได้แต่มองค้อนตรงหน้าอย่างสงสัยเช่นเดียวกับเธอ แต่ทว่าตอนนี้อยู่ในช่วงวิกฤต ราตรีพิสุทธิ์คิดว่านี่คือโอกาสอันล้ำค่าของเธอแล้ว ดังนั้นราตรีพิสุทธิ์ไม่รอช้า เธอรีบหยิบค้อนเด็กเล่นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฟาดลงบนหัวของบอสเห็ดมาริโอโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันระวังตัว

บิ๊บ! บิ๊บ! บิ๊บ! บิ๊บ! บิ๊บ!

100

98

80

90

100

เสียงกระทบกระทั่งระหว่างค้อนปะทะหัวบอสเห็ดมาริโอ ทำให้เกิดค่าตัวเลขจากการโจมตีรัวของราตรีพิสุทธิ์ถึงห้าครั้ง แต่ทว่าบอสเห็ดมาริโอได้รับเพียงแค่บาดแผลเล็กน้อย

“เล่นทีเผลอแบบนี้ลูกตุ๊ดนี่หว่า”

บอสเห็ดมาริโอด่า ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์รู้สึกโกรธจนฟืนลุกเป็นไฟ

เล่นกันถึงท่านพ่อท่านแม่ แบบนี้ให้อภัยไม่ได้

แกได้ลงหม้อต้มยำแน่ไอ้เห็ดเวรตะไล!

“แอ๊! อายอ๊ะไอเอ็ดเอนอะไอ (ย๊าก!ตายซะไอ้เห็ดเวรตะไล)”

ราตรีพิสุทธิ์แผดเสียงร้องลั่นก่อนจะใช้ค้อนเด็กทุบลงหัวบอสเห็ดมาริโออีกครั้งอย่างไม่ยั้ง

บิ๊บ! บิ๊บ! บิ๊บ! บิ๊บ! บิ๊บ!

105

100

99

110

90

“โอย...แอก...ไอ้...อั๊ก...เด็ก...เอ๋ง...บ้า!” บอสเห็ดมาริโอแผดเสียงร้องด่าราตรีพิสุทธิ์อย่างไม่เป็นภาษา “แก...อั่ก...ไม่...ได้...เอ๋ง...ตาย...อั๊ก...ดีแน่!”

ถึงราตรีพิสุทธิ์จะโจมตีแบบรัว แต่ถึงกระนั้นแรงเด็กมีหรือจะสู้บอสเห็ดมาริโอที่มีร่างกายตัวใหญ่กว่าได้ ซึ่งไม่นานนักราตรีพิสุทธิ์ก็หมดแรงข้าวต้ม

“อะไรกัน หมดแรงแล้วหรือไอ้เด็กเปรต” บอสเห็ดมาริโอพูดอย่างสบายๆ ซึ่งตามเนื้อตามตัวมีบาดแผลจ้ำเลือดจากการทุบด้วยค้อนเด็กนิดหน่อย “ถ้างั้นก็ถึงตาของข้าบ้างล่ะ!”

เมื่อบอสเห็ดมาริโอพูดจบ ก็ทำท่าจะกระโดดทับร่างเล็กให้บี้แบนภายในทีเดียว แต่ทว่า...

ปัง!

เสียงคล้ายอาวุธปืนดังก้องป่า ก่อนร่างบอสเห็ดมาริโอจะกระเด็นหงายท้องไปนอนกับพื้น

“ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมครับน้องชาย”

น้ำเสียงทุ้มแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนดังมาจากทางหลัง ซึ่งทำให้ราตรีพิสุทธิ์รีบหันหลังกลับไปดูต้นเสียงอย่างเร็ว ก่อนจะเผยให้เห็นสองหนุ่มที่ยืนคู่กัน หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มหน้าหวานผมสีทองยาวกลางหลังในชุดคลุมสีขาวกำลังถือคทาไร้ลวดลาย กับอีกหนึ่งหนุ่มหน้าเข้มผมสั้นสีดำปนขาวในชุดคาวบอยกำลังถือปืนที่มีควันลอยครุกกรุ่นอยู่
ผู้ชายคนนั้นสินะที่เป็นคนยิง

แต่เก่งเป็นบ้า...แค่เพียงนัดเดียวก็สามารถล้มบอสเห็ดมาริโอได้

น่านับถือ...

ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ไอ้เอ็นไอ (ไม่เป็นไร)”

“งั้นเหรอครับ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ” ชายหนุ่มผมทองยิ้ม แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้ามาหาราตรีพิสุทธิ์ “น้องเป็นผู้เล่นใหม่สินะครับ แหม โดนสุ่มให้เกิดเป็นทารกเลยหรือนี่ คงลำบากมิใช่น้อยเลยนะครับ”

ราตรีพิสุทธิ์พยักหน้าทันทีที่อีกฝ่ายถามจบ

ลำบากก็จริงแต่เราก็รู้สึกสนุกที่ได้อยู่กับท่านพ่อท่านแม่มังกร

“คุยกันจบรึยัง จะได้ไปกันสักที” ชายหนุ่มในชุดคาวบอยสะกิดเรียกเพื่อนอย่างเร่งรีบ

“เดี๋ยวสิครับ ขอผมคุยกับน้องเค้าสักครู่เดียว” ชายหนุ่มผมทองตอบก่อนจะหันมาทางราตรีพิสุทธิ์ต่อ “ขอโทษนะครับที่พวกพี่อยู่ช่วยน้องต่อไม่ได้ นี่ถ้าพี่มีเวลาแล้วล่ะก็ พี่คงจะพาน้องไปยังเมืองเริ่มต้นได้ด้วยตนเอง...อืม...เอาอย่างนี้แล้วกันนะ”

ว่าแล้วชายหนุ่มผมทองก็หันไปปรึกษากับเพื่อนของตัวเอง ซึ่งชายหนุ่มผมดำขาวสั้นในชุดคาวบอยก็พยักหน้าตอบตกลงก่อนจะเดินไปยังบอสเห็ดมาริโอที่ยังคงนอนนิ่งจมกองเลือดที่พื้นอยู่

ผัวะ!

จู่ๆ ผู้ชายคนนั้นใช้ขาเตะเข้าที่ลำตัวของบอสเห็ดมาริโออย่างแรง ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์สะดุ้งตกใจ

“เลือกเอา ต้มยำ แกงเห็ด ยำเห็ด”

คำพูดขู่ที่แสนจะเย็นยะเยือก ทำเอาร่างที่นอนฟุบอยู่กับพื้นรีบผุดลุกขึ้นยืนอย่างไว

“แง้ กลัวแล้วครับ หนูยอมแพ้แล้ว อย่าเตะหนูเลยนะครับคุณพี่ชายสุดหล่อ ฮือๆ”

บอสเห็ดมาริโอเสียงหลงเมื่อถูกสยบเกรียนจนสิ้นลาย แต่ทว่าคำขอกลับไร้ผล บอสเห็ดมาริโอถูกชายผมดำเตะนับสิบรอบได้ ซึ่งทำเอาบอสเห็ดมาริโอถึงกับน่วม

“ผมว่าพอแค่นี้เถอะครับ ประเดี๋ยวบอสเห็ดมาริโอจะตายเสียก่อน” หนุ่มผมทองพูดเตือนอย่างเป็นกังวล จึงทำให้ร่างสูงยอมเลิกเตะแต่โดยดี “ถ้ายังไม่สลบล่ะก็ โปรดช่วยฟังผมให้ดีนะครับคุณบอสเห็ดมาริโอ เพราะผมจะพูดเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”

“คะ...ครับ...คุณพี่ชาย...หน้าหวาน”

ฝากไว้ก่อนไอ้หน้าตุ๊ด อย่าให้เจอตอนเผลอเชียว

ผัวะ!

“เอ๋ง!”

บอสเห็ดมาริโอร้องลั่นไม่เป็นภาษาเมื่อโดนร่างสูงที่ยืนอยู่ใกล้ๆโบกเข้าไปเต็มแรง

“หนูทำอะไรผิด...ก็แค่เรียกพี่ชายหน้าวะ...”

ผัวะ!

ตอนนี้ราตรีพิสุทธิ์พอเข้าใจแล้วว่าทำไมชายผมดำคนนี้ถึงได้ตบบอสเห็ดมาริโอ

“เอาล่ะ คุณฟังผมให้ดีล่ะคุณบอสเห็ดมาริโอ” ชายผมทองเริ่มพูดเข้าเรื่องต่อโดยไม่สนใจสภาพบอบช้ำของบอสเห็ดมาริโอ “จงยอมเป็นทาสรับใช้เด็กคนนี้เสียแต่โดยดี อย่าให้ผมต้องบังคับหรือขู่เข็ญคุณจนต้องลงไม้ลงมืออีก...มิเช่นนั้นแล้วอย่ามาหาว่าผมไม่เตือนคุณ”

“ฮือๆ ครับคุณพี่ชาย หนูยอมทุกอย่างแล้ว แต่อย่าตบเตะหนูอีกเลยนะงับ ฮือๆ”

บอสเห็ดมาริโอตอบอย่างว่าง่าย

“ดีมาก ถ้างั้นก็ช่วยทำสัญญาพันธะว่าจะเป็นทาสรับใช้เด็กคนนี้ตลอดไปด้วยล่ะ”

“ครับคุณพี่ชาย”

ใครจะยอมเป็นเบ้เด็กตัวกะเปี๊ยกวะ เผลอก่อนเถอะ ป๋าจะฆ่าไอ้เด็กเปรตนี่ซะ!

ผัวะ!

บอสเห็ดมาริโอโดนไม้คทาปลิวมากระแทกเข้าที่ใบหน้าเต็มๆ ซึ่งคราวนี้ไม่ใช่คนเดิมที่เตะกับต่อยบอสเห็ดมาริโอ แต่เป็นชายผมทองที่ยืนอยู่ข้างราตรีพิสุทธิ์แทน

“จะยอมทำหรือยังครับคุณบอสเห็ดมาริโอ อย่าให้พวกผมต้องรอนานสิ” ชายผมทองพูดเตือนโดยที่ใบหน้ายังยิ้มแย้มอยู่

น่ากลัว คนอ่านใจได้แบบนี้หนูไม่เล่นด้วยแล้ว!

บอสเห็ดมาริโอพยักหน้าก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินมาหาราตรีพิสุทธิ์เพื่อทำพันธะสัญญาตามที่ตกลงกันไว้

“บอสเห็ดมาริโอได้ยื่นข้อเสนอเป็นทาสรับใช้ประจำตัวของท่าน”

เสียงระบบประกาศดังก้องในหัวราตรีพิสุทธิ์

“อกอง (ตกลง)”

“บอสเห็ดมาริโอได้เป็นทาสรับใช้ประจำตัวของท่านเรียบร้อยแล้วค่ะ” เสียงระบบประกาศอีกครั้ง ก่อนจะอธิบายต่อ “หากท่านสงสัยในข้อพันธะสัญญาระหว่างทาสรับใช้ประจำตัว ท่านสามารถติดต่อได้ที่ตึกผู้เล่นใหม่ค่ะ”

“เกิดเป็นเห็ด แท้จริงแสนลำบาก เกิดเป็นบอส ยากลำบากกว่าหลายเท่า”

บอสเห็ดมาริโอบ่นหลังจากทำพันธะสัญญาเสร็จ ซึ่งชายผมทองก็ได้หันหน้ามาคุยกับราตรีพิสุทธิ์ต่อโดยไม่สนใจว่าบอสเห็ดมาริโอกำลังบ่นเรื่องอะไรอยู่

“หลังจากนี้น้องก็ใช้งานบอสเห็ดมาริโอได้เต็มที่เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ” ชายผมทองพูดพลางหยิบของอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะวางของไว้บนมือราตรีพิสุทธิ์ “แต่ถ้ามันดื้อรั้นไม่ฟังที่น้องพูดแล้วล่ะก็ น้องก็เอาแส้อันนี้ไปใช้ได้เลย พี่ให้ฟรีครับ”

“ท่านได้รับแส้กำราบสัตว์ระดับ 50 จำนวน 1 ชิ้น”

อดีตบอสเห็ดมาริโอได้เห็นแส้กำราบสัตว์แล้วถึงกับสะดุ้งวาบ

ฉิบหายล่ะ ซาดิสต์นี่หว่า แม่จ๋าช่วยหนูด้วย!

ผัวะ!

เห็ดมาริโอถูกตบด้วยก้อนหินที่ลอยมาจากชายผมทอง

“พี่ว่าน้องควรจะกำราบนิสัยของมันที่ชอบคิดด่าลับหลังคนอื่นให้ได้เสียก่อนแล้วมั้งครับ”

ชายผมทองพูดอย่างเป็นปริศนา ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ไม่ค่อยเข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องอะไร แต่พอคาดเดาได้ว่าเขากำลังต้องการให้เธอจัดการนิสัยของเห็ดมาริโอให้ดีกว่าที่เป็นอยู่นี้เสีย

มันก็น่าสมควรอยู่หรอก ปากจัดขนาดนั้น

แต่ไม่ต้องห่วง...เดี๋ยวอีแก่คนนี้ จะดัดนิสัยให้รู้ซึ้งถึงทรวงกันไปเลย

ราตรีคิดในใจพลางนึกย้อนอดีตสมัยที่เธอเคยใช้ไม้เรียวสยบลูกหลานมานักต่อนัก โดยเฉพาะนพ สมัยเด็กๆ ดื้อยิ่งกว่ากระไรดี กว่าเธอจะปราบได้ก็ยากเย็นแสนเข็ญเลยทีเดียว

“ตอนนี้พวกพี่ก็ต้องขอตัวก่อนนะครับน้อง ถ้าเจอกันคราวหน้าพี่หวังว่าน้องคงจะกำราบเจ้านี่ได้”

“แอ้ (ครับ)”

แล้วทั้งสองหนุ่มก็เดินจากไป จะเหลือก็แต่ราตรีพิสุทธิ์กับอีกหนึ่งดอกที่ยังคงอยู่ ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ก็ใช้สิทธิของการเป็นเจ้านายโดยการปีนขึ้นไปบนหัวเห็ดมาริโอ ก่อนจะสั่งให้มันเดินไปยังเมืองเริ่มต้นโดยตัวเธอไม่ต้องคลานเองให้เสียแรง

จะว่าไปลืมถามชื่อพวกเขาเลยแหะ

เมื่อร่างเล็กขี่เห็ดมาริโอออกไปไกลจากจุดเดิมแล้ว สองหนุ่มที่รีบจากไปเมื่อครู่นี้ก็ได้เดินกลับมายังจุดเดิมอีกครั้ง

“อ้าวแล้วกัน ไปซะแล้วหรือเนี่ย” ชายผมทองบ่นด้วยความเสียดายเมื่อไม่เห็นน้องชายผมสีเงินกับเห็ดมาริโอ “เพราะคุณเลยทีเดียว ทำให้ผมรีบจนลืมให้ของอีกชิ้นหนึ่งกับน้อง เฮ้อ แล้วนี่จะทำยังไงกันดี”

“โลกในเกมมันกลม ยังไงเจ้ากับผู้หญิงคนนั้นก็ต้องได้พบเจอกันอีกนะคีย์*”

ชายผมดำสั้นแกมขาวตอบก่อนจะเอามือลูบศีรษะของชายผมทองอย่างแผ่วเบา

“นั่นสินะครับคุณโซล** ผมลืมไปซะสนิทเลย”

เมื่อทั้งคู่พูดจบ สองร่างก็พลันหายไปกับมวลอากาศอย่างรวดเร็วท่ามกลางป่าเขาสีเขียวอันชอุ่ม

- - - - - - - - - - - - - - - - - -

* คีย์ หรือลูฟาเอล แขกรับเชิญจากเรื่อง tale of fantasy online
** โซล แขกรับเชิญจากเรื่อง tale of fantasy online
(ทั้งคู่แอบมาเล่นเกมเรียลไลฟ์กันแค่2คนโดยไม่บอกเพื่อนๆ)

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 5 หลงทาง

............

ภายนอกเกมซึ่งผ่านได้สิบนาทีหลังจากเกิดเหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับโปรเจคย้อนวัยทารก ดนัยเทพกับปริญ รวมถึงทีมงานทุกคนได้ทำการแก้ไขระบบให้กลับมาปกติดังเดิมแล้ว ซึ่งผลปรากฏว่าไอดีแปดพันเกิดพลัดหลงกับพ่อแม่มังกร ก็เลยทำให้ไอดีแปดพันหลุดออกมาในมิติที่พวกเขาเคยกำหนดไว้ แถมนอกจากนี้ไอดีแปดพันก็ได้ไปเจอะกับบอสเห็ดมาริโอ ซึ่งมีระดับที่สูงกว่าไอดีแปดพันหลายเท่า ดังนั้นพวกเขาจึงทำการส่งตัวช่วยไปให้ นั่นก็คือ

Toy Hammer ระดับ 10

มันเป็นอาวุธที่พวกเขาเตรียมสร้างเอาไว้ให้ไอดีแปดพันโดยเฉพาะ ไม่สามารถซื้อหาได้ตามร้านค้าแผงลอยทั่วไปได้ แต่ทว่าพวกเขากลับได้เจอปัญหาใหญ่อีกครั้ง เมื่อไอดีแปดพันเกิดวิกฤตเจียนตายเพราะบอสเห็ดมาริโอ ภาพหน้าจอพลันดับวูบไปต่อหน้าต่อตาทีมงาน ซึ่งทำเอาทุกคนรีบทำการแก้ไขอย่างรวดเร็ว จนเวลาผ่านไปได้ยี่สิบนาที ภาพหน้าจอก็ได้กลับมาเป็นปกติ แต่ทว่าไอดีแปดพันกลับหายไปจากพื้นที่จุดนั้นแล้ว

“รีบตามหาที่อยู่ไอดีแปดพันเร็วเข้า!”

“รู้สึกของที่ไอดีแปดพันมีติดตัวอยู่จะเพิ่มขึ้นนะ!”

“แล้วมันเป็นของอะไรกันล่ะ เช็คดูให้ดีหรือยัง!”

“กำลังเช็คอยู่ เฮ้ย! กู้ข้อมูลเสร็จรึยังวะ!”

เสียงพูดจอแจของทีมงานดังกันวุ่นเป็นระยะๆ ไหนจะเดินชนกันล้มจนได้แผลก็ไม่เหลียวแล เมื่องานตรงหน้าสำคัญกว่ายิ่งชีพ แม้กระทั่งดนัยเทพกับปริญที่วิ่งวุ่นคอยแก้โปรแกรมของบริษัทที่เพิ่งจะเสียไปเมื่อครู่นี้อีก

พรึบ!

ภาพหน้าจอกลับคืนมาอีกครั้งซึ่งทำเอาพวกเขาถึงกับมึนไปตามกัน

“อะไรกัน พวกเรายังแก้ไม่เสร็จไม่ใช่รึไง แล้วทำไมภาพถึงออกมาได้ล่ะ” ดนัยเทพเงยหน้าขึ้นพูดอย่างฉงน ซึ่งบนภาพหน้าจอนี้กำลังฉายไอดีแปดพันหรือราตรีพิสุทธิ์ที่กำลังขี่คอมอนสเตอร์เห็ดสีแดงอยู่ “อันนี้แกเป็นคนทำหรือเปล่าปริญ”

“ไม่ ฉันทำได้ก็คงทำไปตั้งนานแล้วล่ะไอ้ดนัย”

ปริญพูดตอบอย่างหงุดหงิด หลังจากที่ปริญกลับไปถึงบ้านแล้ว ซึ่งเขากำลังเตรียมใส่ชุดนอนเพื่อเข้าเกมตามน้องสาวไปอยู่ แต่ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนในทีมงานว่ามีงานเร่งด่วน จึงทำให้ปริญต้องมาที่ทำงานในสภาพกึ่งชุดนอนอย่างหลีกเลี่ยงมิได้

“เฮ้! ฝ่ายมอนสเตอร์ช่วยเช็คหน่อยสิว่าตัวที่ไอดีแปดพันกำลังขี่อยู่นี้เป็นตัวอะไร ขอแบบละเอียดด้วยด่วน” ดนัยเทพตะโกนบอกเพื่อนในทีมงาน ก่อนจะหันกลับมาทางปริญต่อ “ว่าแต่แกเถอะ ไปทำอีท่าไหนถึงได้ตัวเปื้อนขี้โคลนล่ะ”

คนถูกถามยังไม่ตอบคำถามเดี๋ยวนั้น กลับพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดรัวสักพักจึงหันกลับมาตอบว่า

“ตกท่อน้ำหน้าบ้านมาวะ”

“ฮะ!?” ดนัยเทพร้องอุทานอย่างเบาๆ “แกไปทำอีท่าไหนถึงตกท่อน้ำได้ล่ะปริญ”

“ก็น้องสาวของฉันนะสิ พอเห็นว่าฉันต้องรีบกลับมาที่บริษัท ยัยนี่ก็สั่งให้หมาที่บ้านไล่กัดฉัน แล้วทีนี้ฉันก็มัวแต่วิ่งเลยลืมดูท่อน้ำหน้าบ้านว่ามันยังเปิดฝาท่อค้างไว้อยู่”

“ฉะนั้นแกก็เลยตกไปสินะ”

“ใช่” ปริญตอบพลางถอน “นี่ยังดีนะที่มีแผลไม่ร้ายแรง ไม่งั้นฉันเอายัยนั่นตายคามือแน่”

“เฮ้ย นั่นน้องสาวแกนะไอ้ปริญ ฆ่าคนติดคุกนะเฟ้ย”

ดนัยเทพพูดเตือนด้วยความหวังดีเพราะกลัวเพื่อนจะฆ่าน้องสาวจริงๆ ส่วนปริญหันหน้ามาเขกกะโหลกดนัยเทพก่อนจะพูดกลับมาว่า

“ไอ้บ้า ใครคิดจะฆ่าน้องสาวตัวเองกันเล่า ฮึ่ม แกนี่นอกจากจะพูดไม่รู้เรื่องแล้วยังโง่อีกตั้งหาก พอๆ เลิกคุยกันแล้วลงมือทำงานกันต่อดีกว่า เดี๋ยวท่านประธานได้ไล่พวกเราออกหมดกันพอดี”

ดนัยเทพทำท่าจะเถียงต่อแต่ก็ต้องหันมารับรายงานจากฝ่ายมอนสเตอร์ ก่อนจะลงมือทำงานอย่างเร่งด่วน


........................

กลับมาทางด้านเกมอีกครั้ง ตอนนี้ราตรีพิสุทธิ์ได้ออกเขตป่าสีเขียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเวลานี้ก็เป็นเวลาค่ำ อากาศเริ่มเย็นตัวลงแถมคืนนี้ยังเป็นคืนเดือนมืดอีกด้วย ดังนั้นราตรีพิสุทธิ์จึงบอกให้เห็ดมาริโอหยุดพักค้างแรมกลางป่าแล้ววันรุ่งเช้าค่อยออกเดินทางต่อ

“อะไรกัน ทำไมข้าต้องจัดอาหารให้เจ้าด้วยไอ้เด็กเปรต”

เห็ดมาริโอบ่นอย่างไม่พอใจหลังจากก่อกองไฟเสร็จตามคำสั่งของราตรีพิสุทธิ์

“อ้ออ้าอังเอ็ก อะไอ้อานอ๋าเองไอ้อังไออันเอ้า(ก็ข้ายังเด็ก จะให้คลานหาเองได้ยังไงกันเล่า)”

ราตรีพิสุทธิ์พูดเสียงอ้อแอ้เนื่องจากตัวเธอยังเป็นแค่เด็กทารก แถมทักษะการพูดก็แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ส่วนเห็ดมาริโอหลังจากที่อยู่ด้วยกับราตรีพิสุทธิ์เกือบหนึ่งวันเต็มๆ พอจะฟังภาษาที่ราตรีพิสุทธิ์ออกบ้างเล็กน้อย จึงเถียงกลับไปว่า

“ชิ คลานแล้วมีหรือจะหาอาหารเองไม่ได้ ผักสมุนไพรก็มีขึ้นตามพื้นดิน ส่วนปลาก็มีอยู่ในน้ำ”

ราตรีพิสุทธิ์ไม่คิดจะเถียงแต่กลับหยิบแส้ขึ้นมาก่อนจะฟาดใส่เห็ดมาริโออย่างแรง

เพี๊ยะ!

“โอ้ย!”

เพี๊ยะ!

“เอ๋า!”

เพี๊ยะ!

“เอ๋ง!”

พอครบสามที ราตรีพิสุทธิ์ก็หยุดมือก่อนจะพูดขึ้นว่า

“อู้ไอ๋อ้าอำไออ้าอึงอ้องเอี้ยนเอ้า (รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงต้องเฆี่ยนเจ้า)” เห็ดมาริโอส่ายหน้าทั้งที่น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บปวด “เอาะเอ้าอื้ออังไออ่ะ เอ็กอี้อื้ออั้นไอ้อังอี้อู้ไอ่อู้ อันอ้ออ้องเออแอออี้อันอุกอน (เพราะเจ้าดื้อยังไงล่ะ เด็กที่ดื้อรั้นไม่ฟังที่ผู้ใหญ่พูด มันก็ต้องเจอแบบนี้กันทุกคน)”

ความจริงราตรีพิสุทธิ์ไม่อยากจะทำแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะเวลาเธอตีเด็กทีไร เธอมักจะรู้สึกเจ็บหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ฉะนั้นเวลาเด็กดื้อ เธอมักจะใช้เหตุผลแทนการลงโทษเสมอ

ยกเว้นเห็ดมาริโอที่เธอจำต้องเฆี่ยนให้รู้จักจำ

“ไอเอ็บอักอนอะไอ้อับอักอ้ำไออำอานอา อ่าไอ้อ้าอ้องอู้เอือนอีกอั้งอ่ะ (ไปเก็บผักผลไม้กับตักน้ำในลำธารมา อย่าให้ข้าต้องพูดเตือนอีกครั้งล่ะ)”

ราตรีพิสุทธิ์สั่งเสียงเข้มซึ่งทำเอาเห็ดมาริโอถึงกับจ๋อย และยอมเดินไปหาอาหารอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นไม่นานเห็ดมาริโอก็ได้นำของที่เธอสั่งมาให้ ซึ่งมีแค่หัวไชเท้า กล้วย กับน้ำเท่านั้นที่เห็ดมาริโอพอจะขนมาได้ เมื่อราตรีพิสุทธิ์ก้มมองดูหัวไชเท้าที่เห็ดมาริโอวางบนพื้น เธอก็พบรอยฟันกับคราบน้ำลายเต็มไปหมด ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ไม่คิดจะรังเกียจน้ำลายของเห็ดมาริโอเลยสักนิด กลับยิ้มแย้มกับความพยายามของเห็ดมาริโอที่ไม่มีแขนเหมือนมนุษย์

เอาเถอะ มีให้กินก็ดีถมแล้วล่ะ

ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจก่อนจะลงมือทำอาหารโดยมีเห็ดมาริโอคอยเป็นลูกมือ แต่ในระหว่างที่ราตรีพิสุทธิ์สั่งให้เห็ดมาริโอต้มน้ำให้เดือดโดยใช้กะลามะพร้าวเป็นภาชนะแทนหม้อ ส่วนกล้วยนั้นเธอสั่งให้เห็ดมาริโอแกะเปลือกออก จากนั้นเธอจึงค่อยหันไปล้างหัวไชเท้าให้สะอาดรอเวลาน้ำเดือด

“ท่านได้รับทักษะการทำอาหารระดับ 1”

เสียงระบบประกาศ ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์แทบขมวดคิ้ว

แค่ทำอาหารก็นับเป็นทักษะได้ด้วยเหรอเนี่ย

หลังจากนั้นราตรีพิสุทธิ์ก็ใช้มีดสั้นเก่าๆที่เก็บมาได้จากพื้นในระหว่างการเดินทางออกจากป่านั้นขึ้นมาหั่นหัวไชเท้าให้ละเอียด เมื่อหั่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็นำหัวไชเท้าใส่ลงน้ำที่เดือดก่อนจะหันมาลงมือบดกล้วยต่อ

“จะไปรอดไหมนี่”

เห็ดมาริโอพูดพลางมองร่างเล็กแกมสมเพช เพราะตนไม่เคยเห็นเด็กทารกทำอาหารมาก่อน แต่ทว่าเห็ดมาริโอไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่า ต่อจากนี้ไปมันจะต้องเตรียมรับชะตากรรมเป็นเห็ดลองยาของราตรีพิสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงมิได้

........................

ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทางด้านปฐพี ศาสตรา และพิภพกำลังอยู่ในป่าเอลฟ์ที่อยู่ทางทิศใต้ของเกาะเริ่มต้น ซึ่งห่างจากจุดที่ราตรีพิสุทธิ์อยู่กันมากพอสมควร ทีแรกปฐพีตั้งใจว่าจะไปเมืองเริ่มต้นตามที่คาดไว้ แต่ศาสตรากลับแนะนำปฐพีว่าให้ลองมาหาคุณยายที่ป่าเอลฟ์ดู เผื่อว่าจะเจอคุณยายหลงอยู่แถวนี้บ้าง แต่เมื่อพวกเขามาถึงป่าเอลฟ์แล้ว กลับต้องมานั่งจุ้มปุกกับงานเลี้ยงต้อนรับแขกจากเผ่าเอลฟ์แทนที่จะได้ออกตามหาคุณยายตามที่วางแผนกันเอาไว้

“เอาน่าปฐพี นานทีพวกเขาจะจัดงานเลี้ยงให้กับพวกเรานะ” ศาสตราพูดปลอบใจเพื่อนก่อนจะเทสุราลงถ้วยชาให้เพื่อน “แล้วอีกอย่างถ้าไม่ใช่เพราะฉันที่เป็นเอลฟ์มาด้วยแล้วล่ะก็ พวกนายสองคนคงไม่ได้มานั่งดื่มนั่งกินของดีๆในป่าเอลฟ์หรอกนะ”

ปฐพีได้ยินถึงกับขมวดคิ้ว

จริงสิ ตามประวัติของเกมนี้พวกเอลฟ์เกลียดขี้หน้ามนุษย์อยู่นี่

ปฐพีคิดพลางมองสายตาของเอลฟ์ทั้งหลายตนที่จับจ้องมายังพวกเขาอย่างไม่ละสายตา

“แต่นายไม่ต้องเป็นห่วงไป เดี๋ยวฉันขอพวกนี้ให้ออกตามหาคุณยายของนายเอง”

ศาสตราบอกพลางกระดกขวดสุราขึ้นดื่ม

“ฉันว่าอย่าเลยดีกว่านะศาสตรา” ปฐพีพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ “แค่นี้ก็ทำฉันหืดขึ้นคอมากพอแล้ว อย่าให้พวกเขาคิดว่ามนุษย์ดีแต่เป็นใช้งานคนอื่น”

“เฮ้ย อย่าคิดมากเหมือนพวกคนแก่สิ พวกเอลฟ์ใจดีออกจะตายไป เขาคงไม่คิดแบบนั้นแน่”

ศาสตราพูดยืนกรานเสียงแข็ง

“แต่ฉันคิด” พิภพแย้งบ้างหลังจากนั่งฟังบทสนทนาของเพื่อนอยู่นานแล้ว “ถึงนายจะเป็นคนเอ่ยปากขอร้องแทนให้พวกเราก็จริงอยู่ แต่พวกเอลฟ์จะคิดแบบนายหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง ฉันกลัวตรงจุดนี้แหละ ถ้าเกิดมันไม่ทำขึ้นมาแล้วหันมาฆ่าพวกฉันแทน พวกฉันมิต้องหนีหัวซุกหัวซุนเลยรึไง”

ศาสตราอ้าปากค้างอย่างจนมุมที่จะเถียง

“แต่ฉันก็ต้องขอขอบใจสำหรับความคิดของนาย มันช่วยฉันได้มากเลยทีเดียว”

ปฐพีพูดปลอบใจเพราะกลัวจะเสียน้ำใจเพื่อนที่อุตส่าห์ช่วยเขาคิด ซึ่งทำเอาศาสตราหุบปากก่อนจะยิ้มหน้าระรื่นเมื่อได้รับคำปลอบใจจากปฐพี

“เอ่อ นายไม่ลองติดต่อท่านดูอีกล่ะ เผื่อว่าตอนนี้สัญญาณอาจจะเชื่อมต่อหากันแล้วก็ได้นะ” พิภพพูดเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งปฐพีส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับไปว่า “เมื่อครู่นี้ฉันลองแล้ว แต่ก็ไม่ได้นะพิภพ”

 “อ้าว จนป่านนี้แล้วยังไม่ได้อีกรึเนี่ย” ศาสตราร้องอุทานเบาๆ “ไม่ไหวเลยเกมนี้ ข้อเสียเพียบเชียว พรุ่งนี้ฉันก็ออฟไลน์เกมแล้ว เดี๋ยวฉันจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งกับทางจีเอ็มให้เองปฐพี ไม่ต้องเป็นห่วง”

ปฐพีได้ยินถึงกับตื้นตันใจ จึงรีบกล่าวขอบคุณอยู่เสียหลายครั้ง หลังจากงานเลี้ยงได้จบลง พวกเขาทั้งสามคนก็รีบบอกลากับหัวหน้าเอลฟ์ก่อนจะชิ่งหนีหายไปจากป่าเอลฟ์ เพราะพวกเขาไม่อยากอยู่รบกวนพวกเอลฟ์ไปนานกว่านี้อีก

..............

เช้าวันต่อมา ราตรีพิสุทธิ์ก็ตื่นนอนขึ้นมาท่ามกลางเศษหญ้ากับกองฟางที่ทับถมสูงเหนือร่าง ซึ่งเมื่อคืนวานเธอใช้ให้เห็ดมาริโอนำเศษหญ้ากับเศษกองฟางมาสุมรวมกันเยอะๆ เพื่อทำเป็นที่นอนกับผ้าห่มกันหนาวโดยเฉพาะ

พอใช้ได้แต่ก็ยังหนาวอยู่ดี

ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจก่อนจะหันไปมองทาสรับใช้ที่ยังคงนอนร้องเสียงครวญคราง เนื่องจากเมื่อคืนวานนี้เธอทำการทดลองอาหารหลากหลายรูปแบบโดยมีเห็ดมาริโอเป็นหนูลองยา ซึ่งกว่าจะได้อาหารที่ถูกปากก็ปาเข้าไปหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ทำให้หนูลองยาต้องวิ่งเข้าวิ่งออกพุ่มหญ้าเพื่อถ่ายของเสียออกจากร่างกายให้หมด

“อะ...อูย ปวดท้อง...ปวดท้องจังเลย”

จู่ๆเห็ดมาริโอก็รำพึงรำพันออกมา ทำเอาราตรีพิสุทธิ์ผุดลุกขึ้นนั่งก่อนจะคลานไปหาเห็ดมาริโออย่างสงสัย

“อวดอ้องอ๋อ (ปวดท้องเหรอ)”

ราตรีพิสุทธิ์ถามโดยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ซึ่งอีกฝ่ายตอบกลับทั้งที่ยังหลับตาอยู่

“อูย...อะ...อืม”

ถึงเห็ดมาริโอจะมีนิสัยดื้อรั้นปากเสียมากก็เถอะ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นแค่เด็กน้อยในสายตาของราตรีพิสุทธิ์อยู่ดี

สงสัยเราจะแกล้งมันมากไปหน่อยมั้ง

ราตรีพิสุทธิ์ครุ่นคิดอย่างหนัก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเธอต้องการปราบเห็ดมาริโอให้อยู่หมัด แต่เธอไม่ยักรู้ว่าเกมนี้จะสร้างได้สมจริงมากจนถึงเพียงนี้

“ออนอู่อี้ๆอะ เอี๋ยวอา (นอนอยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวมา)”

แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็คลานออกไปจากจุดนั้นโดยไม่ลืมทำคบเพลิงติดตัวไปด้วย แน่นอนว่าราตรีพิสุทธิ์ใช้เวลานานเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะหาต้นทับทิมเจอ ซึ่งแต่ละต้นก็สูงไม่ใช่น้อยจึงทำให้เธอต้องคลานหาไม้สูงๆเขี่ยให้ผลทับทิมหนึ่งให้ตกลงบนพื้นได้ หลังจากนั้นเธอจึงวกกลับไปทางเดิมก่อนจะเด็ดเปลือกผลทับทิมแห้งมาต้มกับน้ำจนเดือด

“ท่านได้รับทักษะการทำอาหารระดับ 2”

“ท่านได้รับทักษะการทำสมุนไพรระดับ 1”

เสียงระบบประกาศ แต่ทว่าราตรีพิสุทธิ์หาได้ใส่ใจไม่ เมื่อน้ำสมุนไพรเดือดได้ที่ เธอจึงหยิบกะลามะพร้าวที่เต็มไปด้วยน้ำสมุนไพรขึ้นมาก่อนจะคลานไปหาเห็ดมาริโอ

“อื่นไอ้แอ้วเอ็ดอาอิโอ้ (ตื่นได้แล้วเห็ดมาริโอ)” ราตรีพิสุทธิ์ปลุกเห็ดมาริโอพลางใช้มือที่ว่างเขย่าร่างนั้นให้ตื่น “อาอื่มอ้ำอี้อ๊ะ อะไอ้อ๋ายอวดอ้องไอๆ (มาดื่มน้ำนี้ซะ จะได้หายปวดท้องไวๆ)”

เห็ดมาริโอร้องครวญครางเล็กน้อยก่อนจะปรือตาขึ้นมาดู

“น้ำอะไร...ไอ้...เด็กเปรต...แก...คิดจะฆ่า...ข้ารึไง”

ดูมัน ขนาดป่วยอยู่ก็ยังมิวายปากเสียอีก

ราตรีพิสุทธิ์คิดพลางส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายกับนิสัยเสียๆที่แก้ไม่หายของเห็ดมาริโอ

“อุบอากแอ้วอื่มๆเอ้าไออะ! (หุบปากแล้วดื่มๆเข้าไปซะ!)”

ราตรีพิสุทธิ์ตวาดพลางใช้มือข้างที่ว่างง้างปากเห็ดมาริโอ ก่อนจะนำน้ำที่อยู่ในกะลาเทกรอกใส่ปากเห็ดมาริโอโดยไม่สนใจว่ามันจะดิ้นทุรนทุรายเพราะโดนน้ำร้อนลวกปาก หลังจากกรอกเสร็จแล้ว เห็ดมาริโอก็รีบใช้มือปาดน้ำที่ไหลมุมปากออกก่อนจะด่าราตรีพิสุทธิ์กลับไปว่า

“แกได้ตายแน่ไอ้เด็กเปรต!”

เห็ดมาริโอผุดลุกขึ้นนั่งทำท่าคล้ายจะบีบเค้นคอร่างเล็กให้ตายคามือแต่กลับต้องนอนตัวงอเป็นกุ้งตามเดิม

“อังอากเอี๋ยไอ้อ่างอี้ อ้ออีบออนอ๊ะ(ยังปากเสียได้อย่างนี้ ก็รีบนอนซะ)”

ราตรีพิสุทธิ์บอกก่อนจะคลานกลับไปยังที่นอนของตัวเอง โดยเธอไม่สนใจสายตาของเห็ดมาริโอที่จ้องมองมาอย่างเงียบๆ จนกระทั่งเช้าวันใหม่ เมื่อราตรีพิสุทธิ์ตื่นแล้วเธอก็คลานไปดูเห็ดมาริโอซึ่งยังนอนถ่างขาอ้าปากหวอน้ำลายไหลยืดอย่างไม่เกรงใจใคร

“ฮู้!”

ราตรีพิสุทธิ์ถอนหายใจแรงพลางส่ายหน้าเมื่อเห็นท่านอนที่ดูไม่งามของทาสรับใช้ตัวเอง

สงสัยต้องสั่งสอนหนักมากขึ้นกว่าเดิมเสียแล้ว

ราตรีพิสุทธิ์คิดก่อนจะคลานกลับไปเอากะลามะพร้าว จากนั้นเธอจึงคลานไปยังลำธารที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่พวกเธอนอน เมื่อได้น้ำเรียบร้อยแล้ว ราตรีพิสุทธิ์ก็คลานกลับที่เดิมอีกครั้ง

จ๊อก! จ๊อก! จ๊อก!

เสียงน้ำไหลลงบนหน้าเห็ดมาริโอก่อนจะย้ายมายังปากที่หวอ

“แค่ก! แค่ก!” เห็ดมาริโอพ่นน้ำไออย่างบ้าคลั่งก่อนจะผุดลุกขึ้นมาหอบหายใจ “ใครทำข้าวะ เดี๋ยวฆ่าให้ตายคามือซะเลย อ้าว? ไอ้เด็กเปรตมาทำบ้า...อะไร เฮ้ย! นี่แกเป็นคนเทน้ำใส่ปากข้ารึไงวะ!”

เห็ดมาริโอถามด้วยความโมโหเมื่อเห็นร่างเล็กถือกะลามะพร้าวอยู่

“อื้อ อ้าอำเอง (อื้อ ข้าทำเอง)” ราตรีพิสุทธิ์พูดยอมรับอย่างว่าง่ายก่อนจะโยนกะลาทิ้งลงพื้น “อ้ออากออนไอ้เอียบอ้อยเองอี่ (ก็อยากนอนไม่เรียบร้อยเองนี่)”

“ข้าจะนอนยังไงมันก็เรื่องของข้า แกอย่ามายุ่ง!”

เห็ดมาริโอเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ดังนั้นราตรีพิสุทธิ์จำต้องหยิบแส้ขึ้นมาขู่ จึงทำให้เห็ดมาริโอยอมหุบปากแต่โดยดี หลังอาหารเช้าได้ผ่านไปอย่างเรียบง่ายเพราะราตรีพิสุทธิ์เป็นคนคลานไปหาของทานเอง ส่วนเห็ดมาริโอนั้นราตรีพิสุทธิ์สั่งห้ามมันมิให้ทานอะไรเด็ดขาดเพราะยังไม่หายท้องเสียดี ซึ่งมันก็ได้แต่ดื่มน้ำสมุนไพรที่ราตรีพิสุทธิ์ต้มเก็บไว้ให้ตั้งแต่เมื่อคืนวานนี้

“เอาอ่ะ ออกเอินอางไอ้ (เอาล่ะ ออกเดินทางได้)”

ราตรีพิสุทธิ์บอกในขณะที่เธอกำลังขี่คอเห็ดมาริโออยู่ ซึ่งจุดมุ่งหมายคือการตามหาเมืองเริ่มต้นตามที่ได้ยินจากปากของชายหนุ่มผมทองยาวคนนั้น แต่ทว่าราตรีพิสุทธิ์กับเห็ดมาริโอได้เดินวนเวียนอยู่ในป่าดิบเมืองร้อนเป็นเวลาสองสามชั่วโมง ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะพบทางออกไปจากที่นี่ได้เลย         

หลงทางอย่างไม่ต้องสงสัย

ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจ เธอหลงนึกว่าเห็ดมาริโอจะรู้เส้นทางไปยังเมืองเริ่มต้นได้เสียอีก แต่ที่ไหนมันกลับพาเธอหลงทางอยู่ในป่าแห่งนี้แทน

“เหนื่อยเว้ย ขอพักมันตรงนี้แหละ”

เห็ดมาริโอบ่นพลางนั่งลงกับพื้นโดยไม่สนใจร่างเล็กที่นั่งขี่คอมันเลยสักนิด ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์ก้นกระแทกพื้นอย่างแรง

“โอย อะองอ้อออกอันอ่อนอิ อันเอ็บอะ (โอย จะลงก็บอกกันก่อนสิ มันเจ็บนะ)”

ราตรีพิสุทธิ์บอกพลางเอามือลูบก้นเบาๆ เมื่ออาการปวดเริ่มเบาลง เธอก็หันไปสำรวจรอบข้างซึ่งที่เธออยู่เป็นเนินหินสูง พอลอบมองไปข้างหน้าก็เป็นหน้าผาที่สูงชัน

ตกลงไปมีหวังตายไม่เหลือซาก

ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะคลานถอยกลับมานั่งพักตรงที่เห็ดมาริโอนอนอยู่

“แอ้ อ้าอิ๋วแอ้ว อ๋าอ้วยไอ้อ่อยอิ (นี่ ข้าหิวแล้ว วานหากล้วยให้หน่อยสิ)” ราตรีพิสุทธิ์บอกเมื่อเห็นว่าเวลานี้มันเลยเที่ยงมากแล้ว แต่ทว่าเห็ดมาริโอกลับนอนหลับตานิ่ง “แอ้ ไอ้อินอื๋อเอ่า อ้าอิ๋วแอ้วเอ็ดอาอิโอ้ (นี่ได้ยินรึเปล่า ข้าหิวแล้วเห็ดมาริโอ)”

เงียบ ไร้การตอบรับ

เมื่อทาสรับใช้ไม่ยอมทำงานตามที่สั่ง ทำให้ราตรีพิสุทธิ์ต้องคลานออกไปหาผลไม้ทานเองตามลำพังอย่างช่วยไม่ได้

เอาเถิด มันก็กำลังป่วยอยู่นี่ ปล่อยให้มันนอนพักไป ราตรีพิสุทธิ์คิดในใจในขณะที่คลานหาต้นผลไม้ที่เตี้ยที่สุด มันจะมีแต่พวกผลไม้ที่เด็กอย่างเธอทานไม่ได้ ส่วนพวกที่เธอทานได้มันก็อยู่สูงเกินที่จะเอื้อมถึง ซึ่งราตรีพิสุทธิ์คลานหาผลไม้จนกระทั่งคลานไปเจอกองผลไม้หลากหลายชนิดวางอยู่บนใบตองใกล้กองไฟที่ดับลงไปแล้ว มีแต่ของที่เราทานได้เยอะเลยแหะ

ถึงมันจะมีของที่สามารถทานได้ก็จริง แต่ราตรีพิสุทธิ์ก็ไม่เคยคิดจะหยิบฉวยของใครโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ทว่ากองไฟตรงเบื้องหน้ายังดับไม่สนิทดี เกรงว่าปล่อยไว้นานกว่านี้จะทำให้ไฟไหม้ป่าเอาได้

ดับไฟให้ดีกว่า

แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็กำดินทรายขึ้นมาสองกำมือก่อนจะคลานตรงไปยังกองไฟเพื่อที่จะดับมัน ทว่าร่างเล็กยังคลานไม่ถึงจุดมุ่งหมาย ดินตรงหน้าเกิดทรุดลงไปข้างล่างโดยที่ราตรีพิสุทธิ์ไม่ทันคาดคิด

ครืน!

“แอ้!”

...................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Minerva

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
Re: The Real of Life Online (อัพ บทที่ 5 หลงทาง 15/9/57)
«ตอบ #11 เมื่อ15-09-2014 23:06:16 »

ว๊ายยๆๆๆๆๆๆ //ติ่งดิ้นค่ะ
เห็นชื่อแว็บๆ เหมือนเคยเห็นที่ให้มาก่อน..
เฮ้ยยย มาลงที่นี่ด้วยยยยย เป็นแฟนคลับตั้งแต่อยู่ในเด็กดี
เคยวาดคู่คุณยายทวดตอนยังสาวกับพี่เมฆาหนุ่มๆด้วยนะ
มานั่งรออ่านเหมือนเดิม ฮะๆ

ออฟไลน์ padloms

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: The Real of Life Online (อัพ บทที่ 5 หลงทาง 15/9/57)
«ตอบ #12 เมื่อ17-09-2014 17:13:45 »

รอครับ :pig4:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: The Real of Life Online (อัพ บทที่ 5 หลงทาง 15/9/57)
«ตอบ #13 เมื่อ17-09-2014 17:40:47 »

บทที่ 6 พี่เลี้ยงหรือเพื่อน

...........................

“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์โดนกับดักนายพราน พลังลดเหลือ 40”

เสียงระบบประกาศในขณะที่ราตรีพิสุทธิ์นอนหน้าทิ่มในหลุมกับดัก โชคดีที่ภายในหลุมกับดักนี้ไม่มีอะไรวางอยู่ข้างใน ไม่งั้นแล้วราตรีพิสุทธิ์ได้ตายคาหลุมอย่างแน่นอน

ให้ตายสิ นี่เราโดนหลอกให้ติดกับรึเนี่ย ราตรีพิสุทธิ์นึกด่าตัวเองในใจที่หลงเข้ามาติดกับดักเข้าโดยบังเอิญ ทั้งๆที่เธอตั้งใจจะช่วยดับไฟกลับต้องมาโดนกับดักแทน แล้วนี่เราจะปีนกลับขึ้นไปยังไงละ

ราตรีพิสุทธิ์คิดพลางมองปากหลุมซึ่งอยู่สูงพอสมควร ต่อให้เธอไม่ใช่เด็กทารกก็ยากที่จะปีนขึ้นออกไปได้ ถึงต่อให้เธอเรียกเห็ดมาริโอ ก็คงทำไม่ได้อยู่ดีเพราะมันอยู่ไกลเกินที่เสียงเรียกจะไปถึง ส่วนแส้กำราบสัตว์นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะตรงจุดที่เธออยู่นั้นไม่ได้มีต้นไม้หรือก้อนหินอยู่เลยสักนิด

ไม่เอานะ…

ไม่อยากตายอยู่ที่นี่…

ท่านพ่อท่านแม่ช่วยหนูด้วย…

เมื่อจนหนทางทุกด้านผนวกกับความหิวโหยที่ยังไม่ได้ทานอะไรลงท้อง ทำเอาราตรีพิสุทธิ์ถึงกับแผดเสียงร้องไห้จ้าอย่างไม่อายฟ้าอายดิน

“ฮึก แงๆ!”

ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ก็ใช้เวลาร้องไห้อยู่เกือบยี่สิบนาทีเห็นจะได้ ก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ปากหลุมกับดัก

“เสียงเด็กทารก?”

เสียงทุ้มพูดด้วยความแปลกใจ ซึ่งทำให้ราตรีพิสุทธิ์ถึงกับหยุดร้องไห้

มีคนมาช่วยแล้ว!

“แอ้ๆ อ้วยอี อ้าอิดอู่ไออุ๋มอี้ (นี่ๆ ช่วยที ข้าติดอยู่ในหลุมนี้)”

ราตรีร้องตะโกนขอความช่วยเหลือพลางเงยหน้าขึ้นมองเหนือหลุม แล้วเสียงฝีเท้าก็ได้เดินวนไปวนมาอยู่สองสามรอบก่อนจะมาหยุดตรงที่ปากหลุมกับดัก ซึ่งเผยให้เห็นชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีแดงเลือดกำลังนั่งก้มหน้ามองเธออย่างสงสัย

“ใช่เด็กทารกจริงๆด้วย” ชายหนุ่มผู้นั้นเอ่ยปากพูดทันทีที่เห็นราตรีพิสุทธิ์ “มาติดอยู่ในหลุมกับดักนี้ได้ยังไงกัน ไม่สิ มาอยู่ที่ป่าเขาวงกตนี้ได้ยังไงสิถึงจะถูก เอ หรือว่าจะเป็นภารกิจลับที่ทางบริษัทเกมยังไม่ได้ประกาศให้ผู้เล่นอื่นรู้ทั่วกันแน่”

ภารกิจลับอะไรของเขานะ? ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด

ราตรีพิสุทธิ์คิดอย่างมึนงงเมื่อได้ยินคำพูดของผู้ชายคนนี้

“เฮ้อ ช่างมันปะไร” ชายหนุ่มผมดำพูดพลางหลับตาถอนหายใจแรงๆ แล้วจึงค่อยลืมตามองเธอพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ “ว่าไงคนเก่ง ร้องไห้จนตาแดงเลยนะเรา คงจะกลัวอยู่สิท่า มามะ ไม่ต้องกลัวแล้ว เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะช่วยน้องเอง”

ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาเกือบสุดแขนก่อนจะช้อนร่างราตรีพิสุทธิ์ขึ้นมาแนบอกอย่างทะนุถนอม เมื่อขึ้นมาในระดับเดียวกัน ทำให้นัยน์ตาทั้งคู่ประสานเข้ากันโดยบังเอิญ

ตุ้บ! ตุ้บ!

ความรู้สึกนี้มัน...

นับตั้งแต่คนรักของเธอได้ตายจากไป เธอก็ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้อีกเลย แต่เมื่อได้กลับมาสัมผัสอีกครั้ง ทำเอาหญิงชราอย่างราตรีพิสุทธิ์ถึงกับใจเต้นระรัว แต่สำหรับชายหนุ่มผมดำเห็นเด็กทารกเพศชายผู้นี้หน้าแดง จึงคิดว่าเด็กน้อยเป็นไข้เพราะตกจากที่สูง

“เอ หน้าแดงอย่างนี้เป็นไข้รึเปล่านะเรา ไหนขอพี่ชายตรวจดูหน่อยสิ” ชายหนุ่มพูดจบพลันยื่นหน้าผากประทับหน้าผากร่างเล็ก ซึ่งทำให้ราตรีพิสุทธิ์ยิ่งใจเต้นกว่าเก่า “ตัวก็ไม่ร้อนนี่ แล้วทำไมถึงหน้าแดงได้กันล่ะเนี่ย”

อีกฝ่ายพูดเสียงพึมพำกับตัวเองโดยไม่สนใจสีหน้าของเด็กทารกที่แดงยิ่งขึ้นกว่าเดิม แล้วทันใดนั้นภาพใบหน้าคนรักที่ตายจากไปแล้วก็ได้ผุดขึ้นมาฉุดสติของราตรีพิสุทธิ์มิให้คิดไปมากกว่านี้

ไม่ได้...

เราจะรักใครไม่ได้นอกจากเขาอีก...

แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็รีบใช้มือน้อยทั้งสองข้างผลักใบหน้าอันเรียวคมของอีกฝ่ายให้ออกห่าง แต่ทว่าชายหนุ่มกลับตีความหมายของราตรีพิสุทธิ์ผิดไปอีกอย่างแทน

“อ้าว กลัวพี่รึไงเรา ฮะ ฮะ” ชายหนุ่มผมดำพูดไปหัวเราะไปพลาง ก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างมาขยี้ผมสีเงินของราตรีพิสุทธิ์ด้วยความหมั่นไส้ “นี่แน่ะ พี่ไม่คิดจะทำอะไรน้องหรอก แค่สงสัยว่าเป็นไข้รึเปล่าก็เท่านั้นเอง”

แล้วชายหนุ่มก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะล้วงหยิบขวดสีฟ้าขึ้นมา

นั่นมันอะไรนะ?

ราตรีพิสุทธิ์มองวัตถุขวดทรงกลมที่บรรจุน้ำสีฟ้าใสอย่างสงสัย ส่วนชายหนุ่มก็ใช้ปากกัดจุกไม้ที่ติดอยู่ปากขวดออกก่อนจะหันหน้ามาทางราตรีพิสุทธิ์ด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ลำบากหน่อยนะ พอดีพี่ชายหาขวดนมแทนขวดน้ำนี้ไม่ได้ แต่ถ้าน้องไม่ดื่ม บาดแผลตามร่างกายก็จะไม่หายดีนะ”

อ้อ ที่แท้ขวดทรงกลมสีฟ้าเป็นยารักษาบาดแผลเองหรอกรึ

ราตรีพิสุทธิ์คิดพลางพยักหน้าอย่างเข้าใจในคำพูดของชายหนุ่ม ก่อนจะยื่นมือไปรับขวดยาเพื่อที่เธอจะดื่มเองโดยไม่ต้องลำบากชายหนุ่ม แต่อีกฝ่ายกลับเข้าใจผิดไปว่าเด็กทารกจะจับขวดยาเล่น จึงเคลื่อนย้ายขวดน้ำสีฟ้าหนีมือของราตรีพิสุทธิ์แทน

“ไม่ได้นะเรา อันนี้มันของกิน ไม่ใช่ของเล่น” ชายหนุ่มดุ ซึ่งทำเอาราตรีพิสุทธิ์แทบขมวดคิ้ว

ผู้ชายคนนี้เห็นเราเป็นเด็กทารกอมมือรึไง

“อู้อ้าๆเอ็นอองอิน เอาอันอาอี้อิ เอี๋ยวอ้าอะเอ็นอนอื่มเอง (รู้น่าว่าเป็นของกิน เอามันมานี่สิ เดี๋ยวข้าจะเป็นคนดื่มเอง)” ราตรีพิสุทธิ์พูดพลางแบมือ ซึ่งเธอลืมไปว่าตัวเองก็กำลังอยู่ในคราบเด็กทารก หาได้ใช่หญิงชราวัยหนึ่งร้อยต้นๆ

“เอ๊ะ? เมื่อกี้น้องพูดกับพี่เหรอ”

ชายหนุ่มพูดด้วยความตกใจปนทึ่งที่ได้ยินเสียงของเด็กทารกพูดออกมาเป็นประโยค

“อื้อ”

ราตรีพิสุทธิ์ตอบสั้นๆ ซึ่งทำเอาชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วมองเธออย่างแปลกใจก่อนจะถามต่อไปว่า

“ถามหน่อยเถอะ น้องเป็นผู้เล่นเกมหรือเอ็นพีซีกันแน่”

“อ้องอู้เอ้นอิ อ้าแอ่เอ็นอีๆอันอืออะไออ๋ออี้อาย (ต้องผู้เล่นสิ ว่าแต่เอ็นพีซีมันคืออะไรเหรอพี่ชาย)”

ราตรีพิสุทธิ์ถามย้อนอย่างสงสัย เพราะเธอไม่ค่อยรู้จักคำศัพท์ในวงการเกมเสียเท่าไหร่ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับทำหน้างุนงง เพราะฟังที่ราตรีพิสุทธิ์พูดไม่รู้เรื่อง

“ให้ตายสิ พี่ฟังที่น้องพูดไม่รู้เรื่องเลย” ชายหนุ่มพูดพลางส่ายหน้า “เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าพี่ถามก็ให้พยักหน้ากับส่ายหน้าพอนะ เข้าใจใช่ไหม”

ราตรีพิสุทธิ์พยักหน้าตอบ แล้วชายหนุ่มก็วางเธอลงกับพื้นก่อนจะนั่งลงตาม แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะถามคำถาม เขาก็ให้เธอดื่มน้ำยาเพื่อฟื้นฟูบาดแผลบนร่างกายเสียก่อน

“ท่านได้รับการฟื้นฟูบาดแผล 100%”

เสียงระบบประกาศดังก้องหัวราตรีพิสุทธิ์

“น้องเป็นผู้เล่นที่เข้ามาเล่นเกมใช่ไหม แล้วเข้ามาอยู่ในป่าวงกตได้ยังไงกัน ทำไมไม่มีพ่อแม่ตามมาด้วยล่ะ”

อีกฝ่ายถามทันทีที่เห็นว่าเธอดื่มเสร็จแล้ว ซึ่งราตรีพิสุทธิ์ไม่รู้จะตอบยังไงดี เพราะเรื่องมันยาวมากเสียจนเล่าวันเดียวคงไม่จบแน่ ดังนั้นราตรีพิสุทธิ์จึงคลานไปหยิบกิ่งไม้อันเล็กแหลมมาหนึ่งอันก่อนจะคลานกลับมายังชายหนุ่มต่อ

“อออ่อนอ๊ะ อ๋อเอี๋ยนอู้เอียว (รอก่อนนะ ขอเขียนครู่เดียว)” ราตรีพิสุทธิ์บอกก่อนจะลงใช้กิ่งไม้เขียนลงบนพื้นดิน ซึ่งเธอใช้เวลาเขียนอยู่นานพอสมควรเนื่องจากมือของเธอมันเล็กเกินไป ยากที่จะเขียนให้เสร็จเร็วได้ดั่งใจ และแน่นอนว่าเธอย่อมไม่เขียนเรื่องว่าตนเป็นผู้หญิงที่เข้ามาเล่นเกมด้วย เพราะเธอกลัวชายหนุ่มพาลว่าเธอเป็นวิปริตเอาได้ เมื่อราตรีพิสุทธิ์เขียนเสร็จแล้วเธอก็รีบเงยหน้าขึ้นพูดว่า “อ่ะ เอ็ดแอ้ว (อ่ะ เสร็จแล้ว)”

ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้าลงมองตัวหนังสือที่ถูกเขียนอยู่บนพื้นดินตามที่เด็กทารกบอก

ใช่ น้องเป็นผู้เล่นเกม ส่วนมาที่นี่ได้ยังไงนั้นบอสเห็ดมาริโอเป็นคนพามา (เพราะมันเป็นทาสรับใช้) ตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่ถูกราชาปีศาจลอบทำร้าย ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง แล้วที่น้องหนีรอดมาได้เพราะท่านแม่ช่วยเอาไว้

เมื่อชายหนุ่มอ่านจบ ก็พลันเงยหน้าขึ้นมองเด็กทารกด้วยความสงสาร

“โธ่ พี่ไม่คิดเลยว่าน้องจะเจอเรื่องร้ายถึงขนาดนี้” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงสั่นเครือก่อนจะเอามือลูบศีรษะของราตรีพิสุทธิ์อย่างแผ่วเบา “แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะเป็นคนคอยดูแลเราเอง”

ก็ดี เธอจะได้ไม่ลำบากไปขอให้เห็ดมาริโอจอมขี้เกียจช่วยอีก

“ว่าแต่เมื่อครู่นี้น้องบอกว่าอยู่กับเห็ดมาริโองั้นรึ”

“อื้อ อู่อับเอ็ดอาอิโอ้ (อื้อ อยู่กับเห็ดมาริโอ)”

“แล้วตอนนี้เห็ดมาริโอนั่นอยู่ที่ไหนล่ะ”

ชายหนุ่มถามต่ออย่างสงสัย เพราะไม่คิดว่าทาสรับใช้จะกล้าทิ้งนายตัวเองได้ลงคอ

“ออนอับอู่ (นอนหลับอยู่)” ราตรีพิสุทธิ์ตอบพลางทำท่านอนหลับให้ชายหนุ่มดู

“อะไรนะ นอนหลับ เวลานี้เนี่ยนะ!” ชายหนุ่มพูดอย่างตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าทาสรับใช้จะกล้าปล่อยให้นายของตัวเองที่เป็นเด็กทารกคลานเล่นไปมาโดยไม่ติดตามมาด้วย “ฮึ เห็นทีคงปล่อยไว้ไม่ได้ พี่ชายคนนี้จะทำโทษมันให้น้องเอง โทษฐานที่ขี้เกียจตามน้องมาด้วย”

แล้วชายหนุ่มก็อุ้มร่างเล็กขึ้นยืนอีกครั้งก่อนจะออกเดินไปตามเส้นทางที่ราตรีพิสุทธิ์ชี้บอก

...........................

กลับมาทางด้านปฐพีกับเพื่อนอีกสองคนที่ซึ่งตอนนี้ได้เดินออกมาจากป่าเอลฟ์แล้ว ทั้งสามหนุ่มก็ได้มุ่งตรงไปยังเมืองเริ่มต้นโดยใช้ม้าเร็วของศาสตราที่ผูกเชือกไว้รออยู่เบื้องนอกป่าเอลฟ์ในการเดินทาง เมื่อถึงที่หมายแล้วปฐพีก็พาเพื่อนทั้งสองไปยังตึกผู้เล่นใหม่ทันที แต่เนื่องด้วยช่วงนี้อยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทำให้ตึกผู้เล่นใหม่นี้ถูกตกแต่งให้เข้ากับเทศกาล แถมนอกจากนี้เจ้าหน้าที่แต่ละคนก็ยังแต่งชุดซานต้าสีแดงพร้อมทั้งจัดกิจกรรมให้กับผู้เล่นหน้าใหม่อีกด้วย จึงทำให้ที่นี่ดูคึกคักผิดหูผิดตา

“พวกนายสองคนรออยู่ที่นี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปติดต่อกับพนักงานเกมสักหน่อย”

ปฐพีบอกเพื่อนก่อนจะเดินหายเข้าไปยังอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องไว้สำหรับติดต่อปัญหาเกี่ยวกับเกม ส่วนสองหนุ่มก็หันไปเล่นกิจกรรมที่ทีมงานจัดขึ้นเป็นซุ้มเพื่อฆ่าเวลา เมื่อปฐพีได้เข้าไปข้างในห้องแล้วเขาก็พบว่าข้างในห้องนี้ออกแบบคล้ายธนาคารเล็กน้อย จะขาดเพียงจำนวนคนที่มีอยู่ในห้องซึ่งมีจำนวนน้อยนักเมื่อเปรียบเทียบกับผู้เล่นที่อยู่ข้างนอก แต่ปฐพีหาได้สนใจไม่ ก่อนจะเดินไปตรงยังเคาน์เตอร์ตัวหนึ่งที่เขียนป้ายไว้ว่า

รับปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับเกม

“สวัสดีครับ มีอะไรให้รับใช้ครับ”

พนักงานชายยกมือขึ้นไหว้กล่าวสวัสดีกับปฐพี ซึ่งชายหนุ่มก็ยกมือไหว้ตอบกลับไปตามมารยาท

“ผมมาแจ้งเรื่องเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระหว่างครอบครัวครับ พอดีผมเคยยื่นเรื่องการสนทนาระหว่างครอบครัว แต่ตอนนี้มีปัญหาเชื่อมต่อกับครอบครัวไม่ได้เลยครับ”

พนักงานชายขมวดคิ้วก่อนจะทำท่าคีย์ข้อมูลบนแป้นพิมพ์

“ขอทราบชื่อไอดีที่ท่านกำลังใช้อยู่ในขณะนี้ด้วยครับ”

“นพเดช”

ปฐพีตอบ ซึ่งพนักงานชายรีบพิมพ์ป้อนข้อมูลลงไปอย่างรวดเร็วก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง

“มิทราบว่าครอบครัวที่คุณเคยยื่นเรื่องกับทางเรานั้นใช่เป็นคุณยายของคุณหรือเปล่าครับ”

“ใช่” ปฐพีตอบก่อนจะพูดต่ออย่างเร่งรีบ “ผมร้อนใจมากที่ติดต่อกับท่านไม่ได้ กรุณาช่วยผมให้เร็วๆด้วยนะครับ เพราะท่านอายุมากเกินที่จะเล่นเกมได้ตามลำพัง”

“ไม่ต้องห่วงไปครับ ทางเราจะช่วยคุณอย่างเต็มที่แน่นอนครับ” แล้วพนักงานชายก็บอกให้ปฐพีนั่งรอสักครู่ก่อนจะผละหายเข้าในห้องทางหลังเคาน์เตอร์เพื่อยื่นเรื่องนี้ให้กับทางหัวหน้าเกม “แย่แล้วครับหัวหน้า ไอดีนพเดชที่เป็นลูกหลานของไอดีแปดพันมาแจ้งเรื่องเกี่ยวกับการติดต่อครอบครัวแล้วครับ”

พนักงานชายคนนั้นพูดรายงานให้หัวหน้าฟังทันทีที่เข้าไปในห้องเรียบร้อยแล้ว ทำให้หัวหน้างานที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานถึงกับเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารทันที

“อะไรนะ มาแจ้งแล้วงั้นรึ”

ชายหนุ่มวัยสามสิบปลายผมสีเทาอยู่ในชุดนักเวทย์พูดด้วยความตกใจ

“ครับ ตอนนี้กำลังนั่งรออยู่หน้าเคาน์เตอร์นี่เองครับหัวหน้า”

พนักงานชายคนเดิมบอก ซึ่งทำเอาหัวหน้างานถึงกับเอามือกุมขมับ

“สมแล้วที่เป็นหัวหน้าสมาคมจับฉ่าย พอรู้ว่าไอดีแปดพันติดต่อไม่ได้ก็รีบมาหาถึงที่” หัวหน้างานพูดอย่างหัวเสีย ถึงแม้นท่าทางของปฐพีไม่ได้มาเอาเรื่องกับทางเกมก็ตาม แต่หัวหน้างานรู้ซึ้งถึงชื่อเสียงที่ขจรไกลของปฐพีที่เป็นถึงหัวหน้าสมาคมจับฉ่ายดี ว่าเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม เอาการเอางานโดยไม่เกี่ยงว่าจะหนักสาหัสแค่ไหน เกลียดการเอารัดเอาเปรียบ รักเพื่อนพ้องจนเป็นที่รักใคร่ของหลายสมาคมอันโด่งดังที่อยู่ในเกม และที่สำคัญเขายังเป็นบุคคลต้องห้ามอันดับสองรองจากผู้เล่นระดับท๊อปว่าใครยุ่งด้วยแล้วต้องมีอันโดนพวกสมาคมพันธมิตรของสมาคมจับฉ่ายรุมฆ่าชนิดไม่มีได้ผุดได้เกิดกัน “รีบติดต่อดนัยเทพกับปริญที่อยู่นอกเกมด้วย ว่าเรากำลังมีปัญหาใหญ่อยู่”

“ครับหัวหน้า”

พนักงานชายตอบรับก่อนจะหมุนตัวกลับไปทางประตู

“เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป” หัวหน้างานบอก ซึ่งทำเอาพนักงานชายคนนั้นหยุดชะงักพลางหันหน้ากลับมาทางหัวหน้า “ทำยังไงก็ได้ให้คนนั้นกลับไปเล่นเกมต่อ แต่อย่าให้เขาโมโหเชียวล่ะ”

“รับทราบครับท่าน”

แล้วพนักงานชายก็รีบเดินออกไปโดยไม่ลืมสลัดสีหน้าร้อนรนเมื่อครู่นี้ทิ้ง

“ต้องขออภัยที่ให้คุณต้องรอนาน”

พนักงานคนเดิมบอกในขณะที่ปฐพีกำลังเดินมาหาตน “ตอนนี้ทางบริษัทกำลังหาทางช่วยคุณอยู่ ถ้าได้เรื่องยังไง ทางทีมงานจะติดต่อคุณกลับไปอีกที”

พอตนพูดจบ ใบหน้าของปฐพีก็พลันขึ้นสีหน้าอย่างฉุนเฉียว ซึ่งทำเอาพนักงานชายเริ่มกลัวปฐพีเสียจับใจ

“ตกลงครับ ผมจะรอข่าวจากพวกคุณ ถ้างั้นผมต้องขอตัวก่อนนะครับ”

ปฐพีพูดลาก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเร็ว ซึ่งทำเอาพนักงานชายถึงกับถอนหายใจโล่งคอ เพราะคิดว่าจะโดนอีกฝ่ายเอาเรื่องตนเสียแล้ว

“ฮู้ เกือบเห็นนรกแล้วเรา”


.......................

ย้อนมาทางด้านราตรีพิสุทธิ์ ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ทำให้พวกเขาทั้งสามจำต้องพักค้างแรมในป่าอย่างช่วยไม่ได้

“ทานข้าวไปเยอะๆเลยนะน้องราตรีพิสุทธิ์ อีกเดี๋ยวเราต้องมาดื่มนมแพะนี่ตบท้ายด้วย”

ชายหนุ่มผมดำยาวในชุดนักรบบอกขณะที่ตนกำลังใช้ช้อนคนนมในแก้วน้ำไปมาเพื่อให้มันเข้ากัน

“อือ” ราตรีพิสุทธิ์ตอบพลางใช้ช้อนจ้วงข้าวบดกล้วยที่อีกฝ่ายเป็นผู้ทำให้แต่ก็เลอะบ้างเล็กน้อยเพราะยังบังคับมือไม่ค่อยจะเก่ง “อั้นอี้เออาเอ่นเอมอี้อาอานอึ๊อังอับ (ท่านพี่เมฆาเล่นเกมนี้มานานรึยังครับ)”

เนื่องจากคำพูดของราตรีพิสุทธิ์ยังไม่ชัดดี ทำให้เมฆาคิดหนักว่าเธอกำลังถามอะไรเขาอยู่

“อ้อ พี่เล่นเกมนี้มานานสามปีแล้วล่ะ ถ้าเป็นเวลาในเกมก็…” เมฆาพูดพลางนั่งนึกคำนวณไปพลางก่อนจะตอบกลับมาว่า “สามสิบปีได้มั้ง เอ้ ทานดีๆสิ เลอะหมดแล้ว”

เมฆาพูดจบก็หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปากที่เปื้อนข้าวหนึ่งเม็ดให้ราตรีพิสุทธิ์

“ฮือๆ เมื่อไหร่จะปล่อยหนูสักที หนูขอโทษ” เสียงร้องไห้ดังมาจากข้างหลังราตรีพิสุทธิ์ ซึ่งจะเป็นใครที่ไหนไม่ได้นอกจากเห็ดมาริโอ ที่มันเป็นเช่นนี้ก็เพราะเมฆาลงโทษเห็ดมาริโอด้วยการใช้แส้ของราตรีพิสุทธิ์เฆี่ยนหลังสิบทีจนหลังลายก่อนจะจับมันขึงเชือกห้อยหัวลงดินที่ข้างต้นไม้ “หนูหิวข้าว ขอหนูทานข้าวก่อนได้ไหม ฮือๆ”

“อย่าไปหลงคารมของเห็ดมาริโอเชียวล่ะเรา”

เมฆาพูดเตือนด้วยความหวังดีเพราะเห็นราตรีพิสุทธิ์หันไปชะเง้อมองทาสรับใช้อย่างไม่เลิกรา

“อั๊บ ไอ้อ๋งแอ้ (ครับ ไม่หลงแน่)”

ราตรีพิสุทธิ์ตอบก่อนจะหันหน้ากลับมาทางเดิม “อิงอิอั้นอี้เออา แอ้วอวกเอาอ้องไอ้เออาเอ้าไอ่อึ๋งอะออกอากอ่าเอ๋าองอดอี้ไอ้อั๊บ (จริงสิท่านพี่เมฆา แล้วพวกเราต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะออกจากป่าเขาวงกตนี่ได้ครับ)”

คำถามที่แสนจะยาวยืดและฟังไม่รู้เรื่องทำเอาเมฆาถึงกับขมวดคิ้ว ซึ่งราตรีพิสุทธิ์เห็นท่าทางอันงุนงงของอีกฝ่ายแล้ว เธอก็รีบพูดใหม่อย่างสั้นๆอีกครั้ง

“อ้องไอ้เออาอีกอานไอ๋อว่าอะออกอากอ่าอี้ไอ้อั๊บ (ต้องใช้เวลาอีกนานไหมกว่าจะออกจากป่านี้ได้ครับ)”

“อ้อ พรุ่งนี้เย็นก็ออกจากป่านี้ได้แล้วล่ะน้องราตรี” เมฆาตอบพลางถอนหายใจ เพราะกว่าที่ชายหนุ่มจะฟังรู้เรื่องนั้นก็แสนจะยากเย็นเสียเหลือเกิน ส่วนเหตุผลที่เมฆาเรียกราตรีนั้นก็เป็นเพราะว่าชื่อราตรีพิสุทธิ์มันยาวไป ถ้าเรียกสั้นๆก็จะได้ดูสนิทสนมมากขึ้นกว่าเดิม “ไม่ต้องห่วงไปน้องราตรี ตราบใดที่พี่ชายคนนี้ไปพาน้องไปถึงเมืองเริ่มต้นแล้ว พี่ก็ยังไม่ปล่อยให้น้องเล่นเกมตามลำพังแน่ จะอยู่เป็นพี่เลี้ยงให้น้องราตรีไปเรื่อยๆอย่างนี้แหละ”

ราตรีพิสุทธิ์หรือราตรีได้ยินที่อีกฝ่ายพูดถึงกับขมวดคิ้ว เพราะอีกฝ่ายเล่นเสนอตัวว่ามีเวลาว่างมากพอที่จะอยู่ดูแลเธอตลอดเวลา แถมพอใจที่จะติดตามเธอไปตลอดเลยด้วย

น่าสงสัย

ราตรีครุ่นคิดอย่างหนัก เพราะคนประเภทนี้เธอเคยเจอมานักต่อนัก แต่ทว่าเกมก็คือเกมอยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางที่คนในเกมจะได้พบเจอกันง่ายๆ ดังนั้นเธอจึงลืมเรื่องนี้ทิ้งไปซะ แล้วหันมาสนุกกับเกมออนไลน์ที่หลานชายของเธอเป็นคนแนะมาให้เล่นต่อไปจะดีกว่า

“จริงสิ พี่ยังไม่ได้ขอน้องเป็นเพื่อนเลย ว่าแต่ทำเป็นหรือเปล่านะเรา” เมฆาพูดเปลี่ยนเรื่อง

“ไอ้เอ็นอั๊บ (ไม่เป็นครับ)”

“อ้าวทำไม่เป็นเลยเหรอ แล้วเปิดหน้าต่างสถานะเป็นหรือเปล่า มีกำไลหรือของติดตัวบ้างไหมล่ะ” อีกฝ่ายถามอีกรอบ ซึ่งราตรีได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธเพียงอย่างเดียว เพราะว่าเธอเพิ่งเล่นเกมนี้เป็นครั้งแรก จะไปรู้เรื่องราวในเกมได้ยังไงกัน แถมนอกจากนี้เธอก็ไม่มีของตามที่เมฆาถามไว้เลยสักนิด จะมีก็แต่ของที่ท่านแม่กับพี่ชายผมทองเป็นคนให้ไว้เท่านั้น “แล้วกัน นี่เราเล่นโดยไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับเกมเลยรึ”

“อื้อ”

คำตอบโดยไม่คิดของราตรีพิสุทธิ์ทำเอาชายหนุ่มถึงกับกุมขมับ เพราะไม่คิดว่าจะมีผู้เล่นหน้าใหม่อย่างราตรีพิสุทธิ์เข้ามาเล่นเกมโดยไม่ศึกษาเนื้อหาของเกมให้ดีเสียก่อน

“แล้วพี่จะอธิบายให้น้องฟังทีหลังนะ” เมฆาพูดอย่างหมดแรง “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เด็กทารกอย่างน้องไม่ควรนอนดึก เพราะงั้นน้องรีบทานข้าวกับดื่มนมให้ไวเลยนะ จะได้เข้านอนกันเสียที”

“อั๊บ! (ครับ!)”

แล้วราตรีพิสุทธิ์ก็รีบลงมือทานให้ไวเท่าที่จะทำได้

.....................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ปล.ภาพอันแรกมาจากคุณ NG_Galaxyz
ปล2.ภาพที่เราวาดเองค่ะ

[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2014 17:54:20 โดย dragon123 »

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 7 โดนรุม
   
...........................
           
เช้าวันต่อมาหลังจากที่ราตรีพิสุทธิ์ตื่นนอนแล้ว เธอก็พบว่าเมฆากำลังทำอาหารเช้าอยู่

“ล้างหน้าล้างตาก่อนนะน้องราตรี น้ำอยู่ตรงนั้นนะ พี่เตรียมไว้ให้หมดแล้ว” เมฆาบอกพลางชี้นิ้วไปยังถังน้ำที่วางอยู่ข้างเต็นท์ ซึ่งราตรีก็คลานไปล้างหน้าตามที่ชายหนุ่มบอก หลังจากนั้นเธอก็คลานไปหาเห็ดมาริโอที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเต็นท์สักเท่าไหร่

ไม่ไหว สั่งสอนแล้วไม่เคยรู้จักจำเสียที

ราตรีคิดในใจทันทีที่เห็นท่านอนของเห็ดมาริโอ เมื่อคืนนี้เธออุตส่าห์ใจดีปล่อยเห็ดมาริโอออกจากเชือกพร้อมทั้งนำอาหารที่เหลือไปให้มันทานอีกด้วย แทนที่เห็ดมาริโอจะกลับใจเปลี่ยนนิสัยใหม่ แต่กลับยังคงทำต่อโดยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เฮ้อ เลี้ยงคนว่ายากแล้ว เลี้ยงมอนสเตอร์กลับยากกว่าอีก

แล้วเธอก็ปลุกเห็ดมาริโอให้ตื่นก่อนจะคลานกลับไปที่เมฆาอยู่โดยไม่สนใจท่าทางไม่พอใจของเห็ดมาริโอที่ถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้า เมื่อราตรีกับเห็ดมาริโอมาถึงแล้ว เธอก็ก้มลงมองชามอาหารของตัวเองทันที

“อี้อันอะไออันอั๊บอั้นอี้? (นี่มันอะไรกันครับท่านพี่?)” ราตรีเงยหน้าถามอย่างสงสัย เพราะเธอเห็นเนื้อสัตว์ชิ้นเล็กๆจมอยู่ในกองข้าวด้วย

“อ้อ นั่นตับบดละเอียดนะ” เมฆาตอบพลางยื่นเห็ดฟางให้เห็ดมาริโอ ซึ่งทำเอามันถึงกับน้ำตาร่วง “พี่เห็นว่าเราทานแต่กล้วย ก็เลยคิดเปลี่ยนเมนูให้ รับสารอาหารอื่นบ้างคงจะดีไม่น้อยใช่ไหมล่ะ...อย่ามาทำเป็นบีบน้ำตาเรียกความสงสารแถวนี้นะเจ้าเห็ดมาริโอ รีบๆกินเข้าซะ”

ดูเหมือนเมฆาจะรู้แกวทัน จึงพูดเสียงดุใส่มัน

“ทำไม...ทำไม...อาหารของหนู...ต้องเป็นเห็ด แง้!” เห็ดมาริโอแผดเสียงร้องไห้จ้าเมื่อโดนดุ ซึ่งราตรีเห็นแล้วก็อดสงสารแทนมันมิได้ เพราะสิ่งที่เมฆาทำนั้นคือการลงโทษต่อจากเมื่อคืนวานนี้

“อ้าอ้าออแอ้อี้ไอ้แอ้วอั้งอั๊บ (ข้าว่าพอแค่นี้ได้แล้วมั้งครับ)” ราตรีไม่อยากเห็นเห็ดมาริโอถูกแกล้งไปมากกว่านี้ เธอจึงรีบใช้ช้อนตักอาหารของเธอออกครึ่งหนึ่งก่อนจะแบ่งใส่จานใบไม้ให้เห็ดมาริโออย่างรวดเร็ว “อ้าองอานไอ้อด เอ้าอ้ออ้วยอ้าอานอาอ๋านอ้วยแอ้วอัน (ข้าคงทานไม่หมด เจ้าก็ช่วยข้าทานอาหารด้วยแล้วกัน)”

ถึงแม้เมฆาจะฟังคำพูดแล้วจะแปลความหมายของราตรีพิสุทธิ์ไม่ทันก็ตาม แต่ชายหนุ่มกลับเข้าใจดีว่าราตรีพิสุทธิ์กำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นชายหนุ่มจึงเอาจานที่ราตรีแบ่งให้เห็ดมาริโอออกทันที

“ก็เพราะน้องใจดีแบบนี้ยังไงเล่า เจ้าเห็ดมาริโอก็เลยยิ่งได้ใจใหญ่นะสิ”

“อย่ามาเรียกหนูว่าเจ้าเห็ดมาริโอนะ หนูมีชื่อว่ามาริโอตั้งหาก” มาริโอพูดยอกย้อน ซึ่งทำให้เมฆาหันหน้ามาถลึงตาใส่ “ฮือๆ อย่าจ้องหนูอย่างนั้นสิ หนูยอมทานเห็ดฟางก็ได้”

มาริโอพูดจบก็รีบคว้าเห็ดฟางที่ตกอยู่กับพื้นขึ้นมาทานอย่างรวดเร็ว ซึ่งราตรีก็ได้แต่มองโดยที่ช่วยอะไรมาริโอไม่ได้เลยสักนิด

ขอโทษนะมาริโอ เพื่อตัวของเจ้าเอง อดทนหน่อยแล้วกัน

หลังจากที่ทั้งสามคนทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางต่อทันที โดยระหว่างทางที่เดินไปนั้นเมฆาจะเป็นคนอุ้มราตรีพร้อมกับเล่าวิธีการเล่นเกมนี้ให้เธอฟัง ส่วนมาริโอก็ได้เดินตามหลังพวกเขาต้อยๆ ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำเดียว

“หนอนยักษ์สีเขียวระดับ 2 ปรากฏ”

เสียงระบบประกาศบอก ซึ่งทำเอาเมฆาถึงกับหยุดชะงัก ทำให้มาริโอที่เดินตามหลังมาเข้าชนขาของเมฆาก่อนจะล้มลงไปนั่งกับพื้น

“แปลกแหะ? ไม่ยักรู้ว่าที่นี่จะมีมอนสเตอร์อยู่ด้วย” เมฆาพูดพลางมองหนอนยักษ์สีเขียวระดับสองที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเชื่องช้า “น้องราตรีไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพี่จะเป็นคนจัดการให้เอง”

เมฆาบอกพลางชักดาบออกมา ส่วนราตรีก็ได้แต่พยักหน้าในทำนองว่าเชิญจัดการตามสบาย เพราะหลังจากที่เธอรู้เรื่องเกมมากพอแล้ว เมฆาก็ได้ยื่นขอเป็นเพื่อนพร้อมกับตั้งกลุ่มโดยแบ่งค่าประสบการณ์การต่อสู้ทั้งหมดให้กับราตรีแทน ซึ่งโชคดีที่เกมนี้ให้สิทธิแก่สมาชิกในกลุ่มที่มีอายุต่ำกว่าเจ็ดขวบนั้น สามารถดูดค่าประสบการณ์จากหัวหน้ากลุ่มได้ เหตุนี้จึงทำให้ราตรีสามารถดูดค่าประสบการณ์จากเมฆาได้อย่างสบายโดยไม่ต้องทำอะไรเลยสักอย่าง

ฉัวะ!

หนอนยักษ์สีเขียวถูกคมดาบของเมฆาฟันจนตัวขาดครึ่ง ซึ่งดูเหมือนจริงเสียมากจนราตรีต้องรีบเบือนหน้าหนีด้วยความกลัว

“ผู้เล่นเมฆาฆ่าหนอนยักษ์สีเขียวระดับ 2 สำเร็จ”

ระบบประกาศบอกเมื่อหนอนยักษ์สีเขียวถูกฆ่าตาย ก่อนที่ระบบจะประกาศบอกการอัพค่าประสบการณ์ที่ได้มาให้ราตรีฟังอย่างต่อเนื่อง

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 500”

“ท่านได้เลื่อนระดับพื้นฐานให้เป็นเด็กทารกระดับ 9”

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 501”

“ท่านได้รับเนื้อหนอนยักษ์ 1 ชิ้น”

“อั้นอี้เอ่งอัง อ๋าอาดอ้าอ๋อนอั๊กอายไอ้อ้วย (ท่านพี่เก่งจัง สามารถฆ่าหนอนยักษ์ตายได้ด้วย)”

ราตรีกล่าวชมอย่างใจจริงโดยไม่ได้หันหน้ากลับไปดูศพหนอนยักษ์เพราะยังกลัวอยู่

“เก่งเกิ่งไรกัน อย่าชมพี่หน่อยเลยนะเรา” เมฆาบอกพลางเก็บดาบเข้าฝัก “ว่าแต่เราเถอะ กลัวขนาดจนหลับตาปี๋เลยรึ”

ราตรีถึงกับเบ้ปากเมื่อได้ยินที่เมฆาแซวเธอ

“ไอ้อำไอไอ้ อ้ออนอันไอ้เอยเอ๋นอี้ (ให้ทำไงได้ ก็คนมันไม่เคยเห็นนี่)”

“งั้นก็ทำใจให้มันชินซะ เพราะเรายังต้องเจออีก...” เมฆาชะงักพูดพลางหันซ้ายหันขวาจนราตรีนึกสงสัย “...ให้ตายสิ พูดยังไม่ทันขาดคำก็พากันแห่มาอีกแล้ว เฮ้อ ระบบเกมนี่ใช้การไม่ได้เลย ดูสิ ผู้เล่นอย่างพี่รู้ตัวทันก่อนมันจะประกาศอีกเสียนี่ อ้อ น้องราตรีขึ้นไปอยู่บนคอพี่เร็วเข้า ส่วนเจ้ามาริโอ...ระวังอย่าให้โดนจับเอาไปกินเชียวล่ะ”

เมฆาบอกพลางดันก้นร่างเล็กให้ขึ้นไปนั่งอยู่บนต้นคอตัวเองโดยไม่สนเสียงโวยของมาริโอเลยสักนิด แล้วชายหนุ่มชักดาบออกมาจากฝักอีกครั้ง ซึ่งประจวบเหมาะพอดีที่ระบบประกาศออกมาพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง

“บอสหนอนยักษ์สีเขียวระดับ10 ปรากฏ”

“หนอนยักษ์สีเขียวระดับ2 ปรากฏ”

“หนอนยักษ์สีเขียวระดับ3 ปรากฏ”

“หนอนยักษ์สีแดงระดับ8 ปรากฏ”

“หนอนยักษ์สีเขียวระดับ3 ปรากฏ”

“หนอนยักษ์สีแดงระดับ8 ปรากฏ”

และมันยังคงประกาศต่อโดยไม่สนใจผู้เล่นทั้งสองที่กำลังหน้าซีดเข้าไปทุกที

“ตายแน่ๆ แห่มาเยอะอย่างนี้คงไม่รอดแน่!” มาริโอแผดเสียงร้องดังลั่นพร้อมกับวิ่งวนรอบตัวเมฆาอย่างหวาดกลัว “ไม่รอดแน่ พระเจ้าช่วยกล้วย...”

“หุบปาก!”

เมฆาตะโกนเสียงดังลั่น ทำเอามาริโอรีบหุบปากอย่างเร็ว ซึ่งราตรีเข้าใจดีว่าเมฆาตวาดไปเพื่อต้องการทำสมาธิ

“อกอิอ้วกออนเอ้ออาอดเออะอะอาดอี้เอยอ๋ออั๊บอั้นอี้เออา (ปกติพวกมอนสเตอร์ปรากฏเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับท่านพี่เมฆา)” ราตรีถามอย่างสงสัย เพราะถ้าเธออยู่คนเดียวแล้วต้องมาเจอแบบนี้เข้าล่ะก็คงแย่แน่ๆ

“ไม่เลยสักนิดเดียว” เมฆาพอเดาคำพูดของราตรีออก ก็เลยทำให้ชายหนุ่มตอบกลับไปได้โดยไม่ต้องคิดมาก “อย่างมากก็แค่ห้าตัว อย่างที่พี่เคยเล่าไป บนเกาะเริ่มต้นจะมีมอนสเตอร์น้อยมากเพราะกลัวผู้เล่นหน้าใหม่จะสู้ไม่ได้ แต่นี่มันผิดปกติเกินที่พี่เคยเจอมาก่อน เอาล่ะ เกาะพี่ให้แน่นๆนะน้องราตรี เพราะต่อจากนี้ไปพี่จะสู้กับพวกมอนสเตอร์แบบไม่หยุดพัก น้องราตรีไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นนะ เดี๋ยวพี่จะคอยอยู่คุ้ม…”

จู่ๆ เมฆาก็เงียบเสียงไปหน้าตาเฉย ทำให้ราตรีนึกสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเงียบไป ไม่ทันที่ราตรีจะได้ก้มหน้ามองเมฆาอย่างสงสัย ระบบเกมก็ได้ประกาศบอกกับเธอเสียก่อน

“ผู้เล่นเมฆาถูกตัดออกจากเซิฟเวอร์ค่ะ”

............................

“นั่นแกทำอะไรของแกนะไอ้ปริญ!”

ดนัยเทพร้องโวยวายเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานกดปุ่มคำสั่งให้ผู้เล่นเมฆาหลุดออกจากเซิฟเวอร์กะทันหัน ส่วนคนโดนโวยที่กำลังทำหน้าสะลึมสะลือเพราะง่วงนอนจัด ต้องกระเด้งออกจากเก้าอี้ราวกับถูกไฟช็อตใส่

“เอ๋? อะไรดนัย นายเรียกฉันเหรอ ฮ้าว! ง่วงวุ้ย” ถึงแม้จะตื่นแล้วแต่เสียงพูดยังคงงัวเงีย ซึ่งดนัยเทพทนไม่ได้ที่เห็นปริญทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาจึงจับไหล่อีกฝ่ายก่อนจะเขย่าไปมาอย่างเร็วๆ “เฮ้ยๆ อย่าเขย่าสิฟ่ะ! ปลุกกันดีๆก่อนก็ได้ ไม่เห็นต้องลงไม้ลงมือถึงขนาดนี้เลยนี่ไอ้ดนัย!!”

“นี่แกยังไม่รู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปอีกนะไอ้ปริญ!! ดูนู่น! ถ้าอยากรู้ก็หันไปดูหน้าจอของตัวเองซะ!”

ดนัยเทพแผดเสียงบอกอย่างสุดทนก่อนจะใช้มือดันศีรษะของเพื่อนร่วมงานให้หันไปดูหน้าจอ ซึ่งทำเอาปริญที่ยังไม่หายสะลืมสะลือดี กลับต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจ

“อุ๊บส์!”

“ไม่ต้องมาอุ๊บส์เลยไอ้ปริญ แกรู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรลงไป! ดีนะที่คนอื่นๆพักงานครึ่งชั่วโมง ไม่งั้นคงแย่กว่านี้แน่” ดนัยเทพบอกพลางปล่อยมือออกจากศีรษะของปริญ “มีอย่างที่ไหนง่วงนอนจนเผลอกดปุ่มไล่ไอดีผู้เล่นเมฆาให้หลุดออกจากเซิฟเวอร์ในขณะตอนหน้าสิวหน้าขวานแบบนี้กันด้วยเล่า ฮึ! งานนี้เราคงได้เห็นไอดีแปดพันถูกมอนสเตอร์ฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตาซะแล้วมั้งไอ้ปริญ!”

แล้วปริญก็เงียบไปราวกับใช้ความคิด ก่อนจะพูดต่อ

“งั้นก็ส่งผู้ช่วยไปสิ จะได้ไม่ต้องทนเห็นไอดีแปดพันถูกฆ่าไง”

“ไอ้บ้า!” ดนัยเทพด่าทันทีที่ได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย “คิดจะแก้ปัญหาด้วยวิธีนั้นได้รึไง แกอย่าลืมสิว่าพวกเราเป็นใคร จะไปช่วยผู้เล่นตลอดแบบนั้นมันไม่ดีหรอกนะ”

“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” ปริญถามย้อน ซึ่งทำเอาดนัยเทพถึงกับสะอึก

“ก็…ก็…”

“เห็นไหม แม้กระทั่งนายก็ยังคิดไม่ได้” ปริญพูดพลางส่ายหน้า “ช่างเถอะ ถือว่างานนี้ฉันผิดเอง เอ้อ ถ้านายจะส่งรายงานท่านประธานคราวหน้าแล้วล่ะก็ ช่วยเขียนรายงานลงไปด้วยว่าฉันเป็นคนทำให้ไอดีแปดพันต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์นับร้อยตัวจนถึงแก่ความตายแล้วกัน”

“ปริญ นี่แก…”

ดนัยเทพพูดไม่ออกเมื่อเห็นปริญยอมแพ้อย่างง่ายๆแบบนี้ เพราะเจ้าตัวเป็นคนมีไอคิวสูงผิดกว่าคนปกติ ดังนั้นไม่ว่าเรื่องจะยากมากแค่ไหน ปริญก็มักจะแก้ไขได้อยู่ตลอดเสมอ

“อ้อ แล้วก็ฝากแจ้งท่านประธานให้ด้วยว่า ฉันขอลาพักครึ่งชั่วโมง”

จู่ๆ ปริญก็พูดขึ้นมาอย่างหน้าตาเฉย ทำเอาดนัยเทพถึงกับงง

“นั่นแกจะไปไหนของแกน่ะไอ้ปริญ” ดนัยเทพถามอย่างสงสัย ซึ่งปริญยังไม่ตอบคำถามของดนัยเทพเดี๋ยวนั้น ชายหนุ่มกลับรีบหยิบแว่นตาอนาล็อกเกมขึ้นมาก่อนจะตอบกลับมาด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์ว่า

“ก็ไปช่วยเด็กทารกน่ารักในเกมไง…ถึงจะกฎระบุว่าห้ามจีเอ็มทำการยื่นมือเข้าแทรกแซงการดำเนินเกมของผู้เล่น แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าห้ามผู้เล่นช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้นี่หว่า”


.........................

ย้อนมาทางด้านใครบางคนที่ถูกตัดเซิฟเวอร์โดยไม่รู้ตัวนั้น ก็พลันสะดุ้งตื่นขึ้นท่ามกลางความมืดไร้แสงสว่างในห้องนอนของคฤหาสน์อันใหญ่โตแห่งหนึ่งในประเทศจีน ทีแรกเจ้าตัวออกจะงุนงงสักเล็กน้อยเนื่องจากเมื่อครู่นี้ตนกำลังยืนคุยกับเพื่อนในเกมอยู่เลย แต่ไฉนถึงได้โดนตัดออกจากเกมอย่างกะทันหันทั้งๆที่คฤหาสน์ของเขาไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตเลยสักนิด

หรือว่าไฟตก?

เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงถอดแว่นตาอนาล็อกออก เผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลส่องประกายสดใสท่ามกลางความมืดมิด ครั้นคิดจะผุดลุกขึ้นจากที่นอน ก็รู้สึกปวดเอวกะทันหันจึงโน้มตัวลงสักครู่ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง

ไม่ไหว นอนเล่นเกมนานเกินไปหน่อยมั้งเรา

เจ้าตัวคิดพลางส่ายหน้ากับความบ้าเกมของตัวเอง แล้วจากนั้นจึงหันไปกดสวิตซ์ไฟที่หัวเตียง ก่อนที่แสงสว่างจะปรากฏขึ้นทั่วห้อง เผยให้เห็นร่างสูงในวัยชราราวเจ็ดสิบปลายผมสั้นระต้นคอสีดำในชุดคลุมสีฟ้าครามลายมังกรนั่งอยู่บนเตียงหลังใหญ่ท่ามกลางห้องนอนที่หรูหราระดับโรงแรมห้าดาว

“นี่มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง”

เจ้าตัวบอกพลางกดปุ่มเรียกให้ใครสักคนเดินเข้ามา ซึ่งไม่นานนักประตูสีทองของห้องก็ถูกเปิด ซึ่งเผยให้เห็นชายหนุ่มลูกครึ่งจีนร่างสูงผมดำสั้นในชุดสูทสีดำเดินย่างกรายเข้ามาในห้องก่อนจะหยุดเดินพร้อมกับโค้งคำนับผู้ที่อยู่บนเตียงด้วยความนอบน้อม

“มีเรื่องอะไรหรือครับ บอส”

 “ไม่มีอะไรมากหรอก แค่จะวานให้ช่วยอะไรนิดหน่อย”

 “ครับบอส”

ที่แท้ชายชราวัยเจ็ดสิบผู้นี้คือเมฆาที่เพิ่งถูกปริญกดปุ่มไล่ออกจากเกมเมื่อครู่นี้เอง!

นี่ถ้าคนในเกมได้รู้ถึงฐานะแท้จริงของผู้เล่นเมฆานี่แล้วล่ะก็ มีหวังตกใจจนช็อกหมดสติแน่ ซึ่งไม่เว้นแต่ราตรี ดนัยเทพ หรือแม้กระทั่งปริญก็ตามที เพราะเขาคือไป่เส้าอวิ๋น อดีตตำนานมาเฟียผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอิทธิพลครอบงำกึ่งหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ แม้รัฐบาลยังต้องเกรงใจ

“นี่กี่โมงแล้วรึอาเฟย” เขาเรียกอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม “อยากให้นายโทรไปถามองค์การไฟฟ้าหน่อย”

อาเฟยหรือบอดี้การ์ดของเขารับฟังก่อนจะพูดตอบกลับไปว่า

“บ่ายสองสี่สิบครับบอส เอ่อ องค์การไฟฟ้ามีปัญหาอะไรกับบอสหรือครับ”

“ก็เรื่องเกมที่เรากำลังเล่นอยู่นี่ไงล่ะอาเฟย” ชายชราพูดพลางถอนหายใจ “อยู่ดีๆ เราก็ถูกตัดออกจากเซิฟเวอร์ทั้งที่เราไม่ได้ต้องการออฟไลน์ออกจากเกมเลยแม้สักนิดเดียว”

ถึงแม้ร่างกายจะแก่ชราไปมากแล้ว แต่อวิ๋นหรือเมฆาก็ยังมีนิสัยที่ชื่นชอบเล่นเกมเหมือนเด็กเสมอ ส่วนอาเฟยก็ได้แต่ทำหน้าขมวดคิ้วมองผู้เป็นนายของตนอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ถึงได้ติดเกมยิ่งนัก และนอกจากนั้นเขายังบังคับให้ตนร่วมเล่นเกมเรียลออฟไลฟ์นี้เป็นเพื่อนโดยห้ามนำไปบอกใครเป็นอันขาดอีกด้วย

“แปลกนะครับ ถ้าเป็นเรื่องไฟฟ้าแล้ว ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้ เพราะเมื่อครู่นี้ผมเองก็กำลังดูข่าวทางโทรทัศน์อยู่พอดี หรือว่ามีคนปองร้าย! จริงสิ!! มันต้องเป็นพวกแฮคเกอร์! มันต้องใช่ฝีมือพวกแฮคเกอร์แน่ๆ ครับบอส!!”

อาเฟยพูดด้วยความเดือดดาล เพราะเขาไม่นึกเลยว่าจะมีคนกล้ากระตุกหนวดมังกร ด้วยการไล่เมฆาที่เป็นผู้เล่นระดับท็อปซึ่งกำลังเป็นที่โด่งดังของเกมเรียลออฟไลฟ์ให้ออกจากเกมอย่างกะทันหัน

“ใจเย็นๆ อาเฟย เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับแฮคเกอร์หรอก” ไป่เส้าอวิ๋น รีบพูดกล่อมเพราะกลัวว่าอาเฟยจะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ “ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพราะสัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ค่อยจะดีก็เป็นได้ แล้วอีกอย่างเราก็แค่ถูกตัดออกจากเซิฟเวอร์เกมเท่านั้น”

“แต่ผมเกรงว่า…”

“ไม่มีแต่ จัดการทำให้เรากลับเข้าไปในเกมด่วน เพราะตอนนี้เราต้องรีบกลับไปช่วยชีวิตเด็กทารก ไม่สิ เพื่อนตัวน้อยให้ทันก่อนที่จะสายเกินแก้”

เขาพูดตัดบทเพราะเขาเริ่มเป็นกังวลว่าราตรีจะตายไปเสียก่อนที่เขาจะได้เข้าไปช่วย

“ครับ”

อาเฟยตกปากรับคำก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้องนอนเพื่อทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ซึ่งกว่าที่อวิ๋นจะได้กลับเข้าไปสวมบทบาทของผู้เล่นเมฆาอีกครั้ง เวลาในเกมก็ผ่านไปราวห้าถึงหกวันแล้ว

.............................

วกกลับมาทางด้านเกม หลังจากเมฆาได้หายตัวไปต่อหน้าแล้ว ราตรีก็ได้ขึ้นขี่คอมาริโอราวกับขี่ม้า ก่อนจะสั่งให้มันออกวิ่งหนีฝูงหนอนนับร้อยชีวิตที่ติดตามหลังอย่างน่ากลัว

“ฮู้ๆ อ้าไอ้อากอายอ้ออิ้งเอ็วเอ้าอาอิโอ้! (วู้ๆ ถ้าไม่อยากตายก็วิ่งเร็วเข้ามาริโอ!)”

ส่วนมาริโอที่ถูกสั่งให้วิ่งหนีก็ได้แต่ร้องเหนื่อยหอบจะเป็นจะตาย เพราะมันได้พาเจ้านายออกวิ่งมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว

“แฮ่กๆ ฮือๆ ทำไมหนูต้องมาวิ่งแบบนี้ด้วย”

โป๊ก!

เสียงราตรีทุบหัวมาริโอด้วยความหมั่นไส้

“อิ้งอ่อไอ อ้ามอ่น (วิ่งต่อไป ห้ามบ่น)” ราตรีพูดเสียงดุ ถ้าให้เลือกได้ราตรีคงไม่ใช้มาริโอให้วิ่งหนีจนเหนื่อยขนาดนี้หรอก แต่เธอจำเป็นต้องทำเพราะคนที่เคยเอ่ยปากว่าจะปกป้องกลับหายไปเสียแล้ว “อ้าออดอาย ไอ้อ้าอาด (ถ้ารอดตาย ให้ห้าบาท)”

ส่วนมาริโอเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายบอก ก็แทบมึนงงเพราะไม่รู้จักคำว่าห้าบาทเลยสักนิดเดียว แต่ด้วยสถานการณ์หน้าสิวหน้าขวานแบบนี้ มาริโอจึงตัดใจไม่ถามเจ้านายของมันอีก เพราะถึงถามไปก็มีแต่จะโดนทุบหัวเอาได้ง่าย

กึก!

เนื่องจากมาริโอวิ่งแบบไม่ลืมหูลืมตาทำให้สะดุดรากไม้จนล้มลงไป ส่วนราตรีที่ขี่คอมันอยู่ก็กระเด็นกลิ้งไปข้างหน้ามาริโอซะจนหลายตลบ

“อูย เอ็บๆ (อูย เจ็บๆ)” ราตรีร้องครางอย่างแผ่วเบาเมื่อร่างของเธอได้หยุดกลิ้งแล้ว พอตั้งตัวได้เธอก็เงยหน้าขึ้นมองหาทาสรับใช้ของตัวเอง ก่อนจะตกใจเมื่อได้เห็นมอนสเตอร์นับร้อยกำลังคลานมาจวนใกล้จะถึงพวกเธอแล้ว “อาอิโอ้! อุ๊กเอ็วเอ้า อวกอันอาแอ้ว! (มาริโอ! ลุกเร็วเข้า พวกมันมาแล้ว!)”

มาริโอได้ยินที่เจ้านายมันบอก ก็รีบผุดลุกขึ้นยืนพลางหันกลับไปมองก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นฝูงหนอนยักษ์กำลังคลานตามมาอย่างรวดเร็ว

“ว้าก! พวกมันมาแล้วจริงๆด้วย!”

มาริโอร้องอย่างเสียขวัญก่อนจะวิ่งมาทางเจ้านาย แต่แทนที่มันจะคาบเธอวิ่งหนีไปด้วยพร้อมกัน มันกลับวิ่งกระโดดข้ามตัวเธอไปอย่างหน้าตาเฉย

“อ้าวเอ้ย! อั้นอะอี๋ไอไอ๋! อาอับอ้าไออ้วยอิ! (อ้าวเฮ้ย! นั่นจะหนีไปไหน! มารับข้าไปด้วยสิ!)” ราตรีร้องเรียกให้มาริโอวิ่งกลับมารับตัวเธอด้วย แต่มันกลับตะโกนบอกกับเธอว่า “เรื่องอะไรที่ข้าจะต้องรับแกไปด้วยเล่าไอ้เด็กเปรต! ตัวใครตัวมันล่ะเฟ้ย!!”

แล้วมาริโอก็วิ่งหนีหายเข้าไปในป่าลึกโดยไม่ย้อนกลับมารับราตรีเลยสักนิด ซึ่งการกระทำของมาริโอทำเอาราตรีถึงกับอ้าปากค้าง

ทั้งที่เราอุตส่าห์ใจดีกับมันแล้วแท้ๆ…

แต่มันกลับเลือกที่จะทิ้งเรา…


พอราตรีคิดได้ดังนั้น น้ำตาก็พลันไหลอาบแก้มด้วยความน้อยอกน้อยใจที่ใครๆต่างพากันทิ้งเธอไปกันจนหมด

สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง...

ไม่มีใครเลยที่จะอยู่ข้างกายเราได้ตลอดเวลา...


แล้วราตรีก็ก้มหน้าฟุบกับอ้อมแขนน้อยๆของตัวเองท่ามกลางวงล้อมของมอนสเตอร์นับร้อยที่จ้องจะฆ่าเธออยู่ในเร็วๆนี้

....................

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ done_dirt_cheap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
:3123:
เป็นกำลังใจให้ล่ะกันน๊า
รออ่านต่อ
 :pig4:

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
น้องราตรีน่าสงสาร   :mew6:

ออฟไลน์ Vavaviz

  • oONaMMOo
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-4
น่าสนใจจจจ

มาอัพเร็วๆนะค้า

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 8 มิตรภาพ

............................

“วู้! อิสระจ๋าข้ามาแล้ว!!”

มาริโอโห่เสียงร้องอย่างดีใจหลังจากที่วิ่งหนีได้มาไกลพอสมควร นั่นก็เป็นเพราะว่าเกมนี้ถูกตั้งโปรแกรมให้ทาสรับใช้ของผู้เล่นสามารถไปไหนมาไหนได้โดยไม่ต้องให้เจ้านายตามไปด้วย แต่ถ้าหากเจ้านายเรียกหาแล้ว ไม่ว่าทาสรับใช้จะอยู่ที่ห่างไกลหรือกำลังทำอะไรอยู่ก็ตามที มันก็จะต้องหายตัวกลับไปอยู่ข้างกายเจ้านายอัตโนมัติทันทีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งราตรีพิสุทธิ์เองก็ได้เรียนรู้วิชาการเรียกทาสรับใช้ของตัวเองนี้จากเมฆามาแล้วด้วยเช่นกัน เมื่อมาริโอวิ่งมาได้สักพักแล้วจึงหยุดลงที่ลำธารแห่งหนึ่งเพื่อพักให้หายเหนื่อย

“ลำธาร! โห น้ำใสแจ๋วซะด้วย ไปกินน้ำดีกว่าเรา” เห็ดมาริโอพูดก่อนจะวิ่งเข้าไปกินน้ำในลำธาร ซึ่งมาริโอกินน้ำสักอึกใหญ่ได้แล้ว มันก็กระโดดลงว่ายน้ำอย่างสนุกสนาน “เจ้าก็ลงมาเล่นน้ำด้วยสิไอ้เด็กเปรต”

มาริโอเผลอร้องเรียกหาราตรีพิสุทธิ์ด้วยความลืมตัว แต่พอมันหันกลับไปดูฝั่งก็พบกับความว่างเปล่า

จริงสิ ข้าทิ้งไอ้เด็กนั่นมานี่...

มาริโอคิดในใจก่อนจะนึกความหลังที่ทารกน้อยผมสีเงินเป็นผู้ทำอาหารให้มันกินทั้งๆที่อีกฝ่ายยังเล็กกว่ามันมาก ไหนจะช่วงเวลาที่มาริโอท้องเสียเพราะมันได้ชิมฝีมือการทำอาหารของทารกน้อยตนนั้น อีกฝ่ายก็ยังสู้อุตส่าห์คลานไปหาผลไม้มาบดให้มันทานแก้ท้องเสียอีก

“เฮ้ย! นี่ข้าจะไปคิดถึงไอ้เด็กเปรตนั่นไปทำไมกัน อุตส่าห์รอดพ้นเงื้อมมือมันแล้วแท้ๆ เฮ้อ! นอนเล่นดีกว่า” มาริโอพูดก่อนจะทิ้งตัวลงนอนแผ่บนพื้นหญ้าที่เขียวชอุ่ม ถึงแม้ที่นี่จะมีลมเย็นๆพัดพาให้น่านอนก็ตาม แต่มันกลับรู้สึกร้อนรุ่มจนนอนไม่หลับ แล้วมาริโอนอนมองท้องฟ้าอยู่เนิ่นนานก็พลันคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้อีกครั้ง หลังจากที่มาริโอถูกห้อยหัวอยู่นานเกือบสามชั่วโมง ทารกน้อยก็ได้คลานมาหามันถึงที่ตามลำพัง

“อ๋อโอ้ดอี้ไอ้ออยอาน อ้าอาอ้วยเอ้าแอ้ว (ขอโทษที่ให้คอยนาน ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว)”  ทารกผมสีเงินบอกก่อนจะมองซ้ายมองขวาราวกับหาอะไรบางอย่าง “อ๊ะ อั้นไอ (อ๊ะ นั่นไง)”

แล้วร่างเล็กคลานหายไปจากสายตาของมันสักพัก ก่อนจะโผล่ออกมาอีกครั้งพร้อมกับไม้ยาวด้ามหนึ่งซึ่งปลายไม้มีมีดสั้นเล่มหนึ่งถูกมัดติดเชือกมาด้วย

“อิ้งๆอ๊ะ เอี๋ยวอะอัดเอื๊อกไอ้ (นิ่งๆนะ เดี๋ยวจะตัดเชือกให้)” แล้วเจ้านายก็ทำให้มันเป็นอิสระจากการถูกห้อยหัว ก่อนจะคลานมาหามันอีกครั้งพร้อมกับตัดเชือกที่มัดรอบตัวออก “อิ๋วอื๋ออัง อ้าเอาอาอ๋านอับอาๆไอ้เอาอิน (หิวหรือยัง ข้าเอาอาหารกับยามาให้เจ้ากิน)”

เนื่องจากมาริโอถูกเมฆาเฆี่ยนอย่างหนัก แถมหิวจนไส้จะขาดจึงได้แต่นอนนิ่งมองร่างเล็กที่นั่งอยู่เบื้องหน้ามันเพียงอย่างเดียว

“อ้าวแอ้วอัน อะอับไอ้อ้ายออกอึ๊ (อ้าวแล้วกัน ขยับไม่ได้หรอกรึ)” ร่างเล็กพูดด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่ามันไม่ยอมดื่มยากับทานอาหารตามที่สั่ง “ฮู้! อั๋นเอี๋ยวอ้าอ้อนไอ้แอ้วอันอะ (ฮู้! งั้นเดี๋ยวข้าป้อนให้แล้วกันนะ)”

แล้วเจ้านายของมาริโอก็ป้อนอาหารให้มันจริงๆ ซึ่งทำเอามาริโอถึงกับอึ้ง ไหนจะป้อนยาให้มันหลังจากป้อนข้าวเสร็จกับทายาบนแผลที่ถูกเฆี่ยนด้วยแส้ให้มันอีก

นี่มันคิดถูกหรือคิดผิดที่บังอาจทิ้งเจ้านายไว้เบื้องหลังแล้ววิ่งหนีเอาตัวรอดแบบนี้

มาริโอครุ่นคิดในใจอย่างกลัดกลุ้ม ก่อนมันจะวาดภาพร่างทารกถูกเหล่าหนอนยักษ์สีเขียวหลายร้อยตัวรุมทำร้ายอย่างน่ากลัว เจ้านายของมันทั้งตัวเล็กทั้งไม่มีเรี่ยวแรงพอจะถืออาวุธอะไรได้นอกจากแส้กำราบสัตว์กับค้อนพลาสติกเท่านั้น ซึ่งผิดกับหนอนยักษ์ที่มีระดับมากกว่าราตรีพิสุทธิ์ลิบลับ นี่ถ้าได้มันสักคนคอยอยู่ช่วยป้องกัน ก็คงจะพอพาหนีได้อยู่บ้าง ทว่าความคิดด้านเลวของมาริโอขัดแย้งกับความคิดด้านดี มันจึงเลือกที่จะนอนต่อ

ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ ไอ้เด็กเปรตนั่นจะได้ลิ้มรสของความเจ็บปวดเหมือนมันซะบ้าง

มาริโอคิดในใจพลางหลับตาลง ก่อนที่มันจะได้เห็นภาพเจ้านายมันที่ชุ่มไปด้วยเลือด

“กร็อด!” มาริโอกัดฟันตัวเองด้วยความเกรี้ยวกราด ซึ่งมันก็รีบลุกขึ้นยืนก่อนจะวิ่งกลับไปยังทิศที่มันเคยทิ้งเจ้านายของมันเอาไว้

อย่าเพิ่งรีบตายไปก่อนล่ะไอ้เด็กเปรต!

..............................

ย้อนกลับมาทางด้านราตรีอีกครั้ง ซึ่งเธอเกือบจะถูกหนอนยักษ์ฆ่าถ้าไม่ได้สร้อยผลึกเกล็ดย้อนของท่านแม่คอยป้องกันเอาไว้แล้วล่ะก็ เธอคงตายไปนานตั้งแต่การโจมตีครั้งแรกของหนอนยักษ์ไปนานแล้ว แต่พอเวลาผ่านไปได้ไม่นาน บาเรียที่คอยคุ้มกันราตรีก็เริ่มมีรอยร้าวขึ้นปรากฏ ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับใจเสีย

ไม่นะ...

อย่าเพิ่งมาหายตอนนี้เลยได้โปรด...


“พระเอกมาแล้ว!”

จู่ๆ เสียงใครบางคนก็ดังขึ้นแทรกความคิด ซึ่งทำให้ราตรีรีบหันหลังกลับไปมองก่อนจะเห็นมาริโอยืนเต๊ะบนโขดหินด้วยท่าที่มันคิดว่าเท่ห์ที่สุดในชีวิต

มาริโอ!

ราตรีเห็นแล้วรู้สึกเป็นปลื้มแกมสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงคิดกลับมาช่วยเธอทั้งๆที่มันสามารถหนีเอาตัวรอดไปแล้วด้วยซ้ำ

“อับอาอำไอเอ้าอ้า! อากอะอายอึ๊ไอ อี๋ไออ๊ะ! (กลับมาทำไมเจ้าบ้า! อยากจะตายรึไง หนีไปซะ!)” ราตรีตะโกนบอกมัน เพราะเธอไม่ต้องการให้มันกลับมาช่วยเธอ แต่ทว่ามาริโอหาได้ทำตามไม่ มันกลับวิ่งกระโดดข้ามเป็นระยะๆเพื่อหลบหนอนยักษ์ที่ขวางทางมันอยู่

“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้มาช่วยเจ้า” มาริโอบอกในขณะที่มันกระโดดถีบตัวหนอนยักษ์ที่ยืนขวางทางมัน “เพราะคนที่จะจัดการกับเจ้าคือข้าคนเดียวเท่านั้น”

ถึงแม้คำพูดของมาริโอจะฟังดูน่าโมโห แต่มันก็ทำให้ราตรียิ้มออกมาได้อีกครั้ง เมื่อมาริโอได้ฝ่าวงหนอนยักษ์นับร้อยตัวจนเข้ามาถึงตรงที่ราตรีนอนอยู่ได้แล้ว บาเรียที่เคยคุ้มกันราตรีก็พลันหายไปทันที

“เวรล่ะ! บาเรียหาย!!” มาริโอร้องอย่างตกใจก่อนจะคาบเสื้อราตรีดึงขึ้นมา ซึ่งราตรีเองก็ใช่ว่าจะอยู่เฉย เธอรีบปีนขึ้นกลับไปนั่งบนหัวมาริโอตามเดิมก่อนจะหยิบแส้กำราบสัตว์ขึ้นมาโจมตีหนอนยักษ์อย่างเร็ว ส่วนมาริโอก็รีบงัดไม้ตายของตัวเองมาใช้กับพวกหนอนยักษ์ต่อ ถึงแม้ราตรีจะได้มาริโอกลับมาช่วยแล้ว แต่มันก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้มาก มันทำได้ก็แค่เตะถีบกับกระโดดเหยียบเท่านั้น  ซึ่งไม่นานนักทั้งคู่ก็เริ่มถูกฝูงหนอนยักษ์บีบเข้าเป็นวงแคบ

“ไอ้อีอ้าเอะอะอองเอ่าอื๋ออ้นอูกไออ๋ออาอิโอ้ (ไม่มีท่าเตะกระดองเต่าหรือพ่นลูกไฟเหรอมาริโอ)” ราตรีถามอย่างพึ่งนึกขึ้นได้ขณะที่เธอกำลังใช้แส้ฟาดหนอนยักษ์อย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนคนถูกถามได้แต่มึนงงกับคำถามของราตรี “อั้นไอ้อ้ออะโอดเอียบเอ้าอ้วกอี้ไอเอื้อยๆ อะไอ้อ็อคอึ่งอ้อยอัว (งั้นไม่ก็กระโดดเหยียบเจ้าพวกนี้ไปเรื่อยๆ จะได้ตัวป๊อก 100 ตัว)”

“ชื่อเหมือนแต่เกมไม่เหมือนนะเฟ้ย!” มาริโอตอบกลับอย่างฉุนเฉียวพลางกระโดดเหยียบหนอนยักษ์ตัวหนึ่ง “ถ้าเจ้าทำขนาดนั้นได้ เรามาฟิวชั่นกันเลยดีกว่าไหม”

ราตรีได้ยินก็นึกขำที่อีกฝ่ายพูด

เข้าใจพูดประชดดีนะ

หากด้วยสถานการณ์ปกติราตรีคงคิดจะพูดกับมาริโอต่ออีกแน่ แต่ตอนนี้มันฉุกเฉินเกินกว่าที่จะล้อกันเล่นได้ ทันทีที่มาริโอจะกระโดดโจมตีอีกครั้ง กลับโดนบอสหนอนยักษ์ที่แอบอยู่มุมอับสายตาของมันเข้าเล่นงานจนทำให้มาริโอกับราตรีต้องล้มลงไปนอนกับพื้น

“เนื่องจากเห็ดมาริโอถูกบอสหนอนยักษ์ระดับ10 โจมตี ทำให้พลังลดลง 5”

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของบอสหนอนยักษ์ ทำให้พลังลดลง 8”

ระบบประกาศก้องหัวราตรีพิสุทธิ์ ซึ่งมาริโอก็ได้คืบคลานมาหาเธอก่อนจะใช้ตัวบังไว้

“อำอะไออะอาอิโอ้ อ่อยอ้าออกไออะ! (ทำอะไรนะมาริโอ ปล่อยข้าออกไปนะ!)” ราตรีบอกพลางใช้มือสองข้างดันอีกฝ่ายให้ออก แต่มาริโอกลับหาทำตามไม่

“ไม่ ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องตายก่อนข้าไอ้เด็กเปรต” มาริโอบอกเสียงเข้ม “ต้องมีใครสักคนมาช่วยเจ้าอย่างแน่นอน ข้าเชื่ออย่างนั้น”

มาริโอพูดก่อนจะโดนบอสหนอนยักษ์กับพวกหนอนยักษ์รุมกระหน่ำเข้าโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง

“เนื่องจากเห็ดมาริโอถูกบอสหนอนยักษ์ระดับ10 โจมตี ทำให้พลังลดลง 10”

“เนื่องจากเห็ดมาริโอถูกหนอนยักษ์ระดับ2 โจมตี ทำให้พลังลดลง 8”

“เนื่องจากเห็ดมาริโอถูกหนอนยักษ์ระดับ3 โจมตี ทำให้พลังลดลง 7”

“เนื่องจากเห็ดมาริโอถูกหนอนยักษ์ระดับ8 โจมตี ทำให้พลังลดลง 3”

“เนื่องจากเห็ดมาริโอถูกหนอนยักษ์ระดับ7 โจมตี ทำให้พลังลดลง 7”

“เนื่องจากเห็ดมาริโอถูกหนอนยักษ์ระดับ5 โจมตี ทำให้พลังลดลง 2”

“เนื่องจากเห็ดมาริโอถูกหนอนยักษ์ระดับ1 โจมตี ทำให้พลังลดลง 1”

เสียงระบบประกาศอย่างบ้าคลั่งผนวกกับเลือดที่ไหลกระเซ็นจากมาริโอทำให้ราตรีนึกเจ็บใจที่ตัวเองช่วยอะไรมันไม่ได้ ส่วนคนที่ป้องกันเธออยู่ก็ได้แต่กระอักเลือดโดยไม่ร้องเสียงออกมาซักนิดเดียว

“มะ…มาริ…โอ” นี่เป็นครั้งแรกที่ราตรีเรียกชื่อมาริโอได้อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้มันรู้สึกดีใจที่ได้ยินเจ้านายมันพูดชัดเป็นครั้งแรก แล้วมาริโอก็ได้กระอักเลือดอีกครั้ง ก่อนจะพลันล้มลงทับราตรีทันที

“เนื่องจากเห็ดมาริโอเสียเลือดมากเกินไป ทำให้ติดค่าสถานะมึนงง”

พอมาริโอทรุดตัวลงทับราตรีแล้ว จู่ๆ พื้นที่รอบข้างเกิดเสียงระเบิดดังลั่น ซึ่งราตรีก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะเธอถูกมาริโอทับจึงมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น

เกิดอะไรขึ้นละนี่?

ในระหว่างที่ราตรีรอคอยว่ามันเกิดอะไรขึ้นนั้น เสียงระบบก็ได้ประกาศบอกค่าประสบการณ์ที่ราตรีได้รับจากพวกหนอนยักษ์ทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้รับเนื้อหนอนยักษ์จำนวน 2 ชิ้น”

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้รับเนื้อหนอนยักษ์จำนวน 5 ชิ้น”

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้รับเนื้อหนอนยักษ์จำนวน 4 ชิ้น”

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้รับเนื้อหนอนยักษ์จำนวน 6 ชิ้น”

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้รับเนื้อหนอนยักษ์จำนวน 7 ชิ้น”

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้รับเนื้อหนอนยักษ์จำนวน 2 ชิ้น”

ถึงแม้ราตรีจะได้ของมายังไงนั้น เธอก็ไม่สนมันอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้เธอเป็นห่วงมาริโอมากที่สุด ใบหน้าที่ปราศจากเลือดของมันทำให้ราตรีถึงกับคิดมาก เธอกลัวมันจะตายหากมันไม่ได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด

อย่าทอดทิ้งเราไปอีกคนนะมาริโอ

ราตรีครุ่นคิดอย่างกลัดกลุ้ม แล้วทันใดนั้นก็มีใครบางคนยกตัวมาริโอที่อยู่บนตัวของราตรีขึ้น ทำให้เธอได้เห็นบุคคลแปลกหน้าได้อย่างชัดเจน เผยให้เห็นหนุ่มหล่อนัยน์ตาสีดำกับเส้นผมสีม่วงยาวลากพื้นอายุราวสามสิบต้นในชุดนักบวชสีขาวกำลังมองหน้าเธออยู่

“เอ่อ...สวัสดี....ไม่เป็นไรใช่ไหมน้องสะ...เอ่อ...ชาย” อีกฝ่ายกล่าวอย่างไม่แน่ใจกับคำพูดของตัวเอง แต่ทว่าราตรีหาได้ตอบคำถามนั้นไม่

“อี้อายอ้วยมะริโออี อ๋ออ้องอ่ะ อันอำอังอะอาย! (พี่ชายช่วยมาริโอที ขอร้องล่ะ มันกำลังจะตาย!)” ราตรีพูดขอร้องจนน้ำตาไหลอาบแก้ม “ไอ้โอดอะอั๊บ อ้วยอันอี (ได้โปรดนะครับ ช่วยมันที)”

ชายหนุ่มได้ยินที่เธอพูดถึงกับขมวดคิ้วมึนงงอยู่สักพัก ก่อนจะร้องเสียงสูง

“อ้อ ได้สิพี่ชายจะช่วยเดี๋ยวนี้แหละ” แล้วชายหนุ่มแปลกหน้าก็รีบช่วยมาริโออย่างเร็ว โดยใช้เวทมนตร์ในการรักษามาริโอกับดื่มยาสีน้ำตาลเพียงแค่ครั้งเดียว

“เห็ดมาริโอได้รับการฟื้นฟูบาดแผล 100%”

“เห็ดมาริโอได้รับยาแก้สถานะมึนงง”

เสียงของระบบประกาศก่อนที่มาริโอจะลืมตาขึ้นมา ซึ่งทำให้ราตรีลืมตัวเผลอเข้าไปกอดมาริโอด้วยความดีใจ

“มะรีโอ้!”

“มะเหงกแน่ะ! ใครมะรีโอ้กันไอ้เด็กเปรต” มาริโอเถียงทันทีที่ได้ยินคำพูดไม่ชัดเจนของเจ้านายมัน พร้อมทั้งพยายามดันร่างเล็กให้ออกห่างด้วยความเขินอายที่ถูกกอด “พูดให้ชัดๆสิ มาริโอ! ไม่ใช่มะรีโอ้ จำไว้ให้ดี”

“มะรีโอ้!” ราตรีไม่สนว่าตัวเองจะพูดผิดพูดถูก ขอเพียงได้เห็นมาริโอปลอดภัยก็พอใจแล้ว ส่วนมาริโอเมื่อสายตาเริ่มชัดเจนแล้ว มันก็ได้เห็นคราบน้ำตาของผู้เป็นนายซึ่งพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายร้องไห้ทำไม

มัน…ร้องไห้เพราะข้ารึเนี่ย

“ค่ามิตรภาพของท่านเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 1”

ระบบประกาศแทรกอย่างขัดจังหวะ ซึ่งทำเอาราตรีแทบขมวดคิ้ว

“ว่าแต่...” มาริโอพูดเกริ่นพลางเงยหน้ามองผู้มาใหม่อย่างสงสัย “เจ้าเป็นใครกัน แล้วพวกฝูงหนอนยักษ์มันหายหัวไปไหนกันหมดเนี่ย”

ราตรีได้ยินที่มาริโอพูดก็รีบเช็ดน้ำตาก่อนจะตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“อี้ชายอนอี้อาอ้วยอ้วกเอาอะมะรีโอ้ อ่วนอ้วกอ๋อนอั๊กอ้อไอ้อี้อายอนอี้อัดอานไอ้ (พี่ชายคนนี้มาช่วยพวกเรานะมาริโอ ส่วนพวกหนอนยักษ์ก็ได้พี่ชายคนนี้จัดการให้)”

“อย่างนั้นเองหรอกรึ” มาริโอพูดพลางเงยหน้ามองชายหนุ่มที่มาช่วย แต่ทว่าไม่รู้ทำไมพอมาริโอมองอีกฝ่ายแล้วพลันนึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก

ชะรอยว่าจะเป็นพวกไม่หวังดีปลอมตัวมา

“ออบอุนอั๊บอี้อายอี้อาอ้วยอ้วกอ้า (ขอบคุณครับพี่ชายที่มาช่วยพวกข้า)” ราตรีหันไปขอบคุณชายหนุ่มอย่างจริงใจโดยเธอลืมไปว่าตัวเองยังพูดไม่ชัดเจน จึงทำให้อีกฝ่ายถึงกับขมวดคิ้วเป็นรอบที่สอง ซึ่งมาริโอเห็นชายหนุ่มทำหน้ามึนงงก็พอเข้าใจดีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงทำหน้าแบบนั้น

“อะแฮ่ม!” มาริโอทำท่ากระแอมไอก่อนจะเชิดหน้าขึ้นพูดว่า “จะแปลให้เอาบุญแล้วกัน ฮึ เจ้านายของข้าบอกว่าขอบคุณที่ช่วย...แต่ไม่มีของมีค่าตอบแทนให้หรอกนะ”

ราตรีแทบอ้าปากค้างเมื่อได้ยินทาสของตัวเองพูดแปลให้อีกฝ่ายฟัง ส่วนชายหนุ่มเมื่อได้ยินที่มาริโอพูดกลับทำหน้าขมวดคิ้วมองมาริโอราวกับใช้ความคิด ก่อนจะพูดกลับมาด้วยสีหน้าสบายๆว่า

“ของตอบแทนรึ หึ ไม่ต้องหรอก บังเอิญว่าบ้านรวย แต่คิดดูๆได้กินเห็ดย่างจิ้มน้ำพริกก็ไม่เลว” มาริโอได้ยินคำด่าของอีกฝ่ายก็แทบลมออกหู จนหวิดขอสรรเสริญมารดาของชายหนุ่มสักครั้ง

“จริงสิ เกือบลืมแนะนำตัวไปเลย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็พูดเปลี่ยนเรื่องอย่างหน้าตาเฉยโดยไม่สนใจมาริโอที่ทำหน้าบึ้งตึงใส่ “พี่ชื่อปริ๊นซ์ ยินดีที่ได้รู้จักนะน้องชาย”

“เอ้นอันอั๊บอั้นอี้อิ้น อ้าอื้อ… (เช่นกันครับท่านพี่ปริ๊นซ์ ข้าชื่อ…)”

“…ราตรีพิสุทธิ์ เจ้านายข้าชื่อราตรีพิสุทธิ์ ส่วนข้า…มาริโอ ผู้ไร้พ่าย” มาริโอแย่งเธอพูดกะทันหัน ทำให้ราตรีต้องอ้าปากค้างเป็นรอบที่สอง “เมื่อรู้แล้วก็จงกลับไปซะ พวกข้าไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครอีก”

ปริ๊นซ์ยิ้มแล้วส่ายหน้าเมื่อได้ยินที่มาริโอพูด

“คงไม่ได้หรอกคุณมาริโอผู้ไร้พ่าย” ปริ๊นซ์พูดแกมขำขัน “เพราะฉันคงไม่ใจร้ายพอที่จะทิ้งให้เด็กทารกผู้น่ารักกับเห็ดตัวหนึ่งที่อวดเบ่งเหมือนเกรียนเดินหลงในป่าเขาวงกตได้ตามลำพังหรอกจริงไหม”

คำพูดของปริ๊นซ์ทำเอามาริโอแทบอยากเค้นคออีกฝ่ายให้ตายคามือ

“แกไอ้!”

“มะรีโอ้!” ราตรีรีบห้ามเพราะกลัวมาริโอจะทำเสียมารยาทอีก เธอจึงใช้ค้อนพลาสติกของเด็กทุบหัวมาริโอเสียหนึ่งที “อี๊บอ๋อโอดเอาอ๊ะ แอ้วอ้อออบอุนเอาอ้วย เอาอุดอ่าอ้วยอ้วกเอาไอ้อะ (รีบขอโทษเขาซะ แล้วก็ขอบคุณเขาด้วย เขาอุตส่าห์ช่วยพวกเราไว้นะ)”

“แต่ข้าไม่ยอม…”

“มะรีโอ้” ราตรีเรียกชื่อมันพลางจ้องอย่างเอาเรื่อง ถ้ามาริโอไม่เห็นแก่หน้าราตรีผู้เป็นนายแล้วล่ะก็ มันคงเอาเรื่องไปนานแล้ว

“ก็ได้...ขอโทษ! และ...ขอบคุณ!”

“หึ มิได้ๆ” ปริ๊นซ์ยิ้มตอบอย่างพอใจ ซึ่งหลังจากนั้นชายหนุ่มก็เอ่ยปากอาสาที่จะพาราตรีกับมาริโอออกไปยังนอกเขตป่าเขาวงกต ทีแรกราตรีลังเลที่จะตอบตกลง เพราะเธอกังวลว่าถ้าหากเมฆากลับเข้ามาในเกมอีกครั้งจะไม่เจอพวกเธออีก “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงไปน้องราตรี ถ้าน้องคิดจะตามหาเพื่อนในเกมแล้วล่ะก็ น้องสามารถไปเขียนบอกได้ที่ป้ายประกาศออกตามหาคนตรงใจกลางเมืองเริ่มต้นได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่เว้นวันหยุดราชการ ส่วนเรื่องเงินนั้น...น้องราตรีไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะเกมนี้เขาให้ผู้เล่นใช้บริการได้ฟรีทุกคน”

ปริ๊นซ์ตอบข้อสงสัยให้แก่ราตรีพิสุทธิ์ ซึ่งทำให้เธอยอมตกลงไปกับปริ๊นซ์แต่โดยดีอย่างไร้ข้อกังขา

..................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ ลิเซ่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ้ากสนุกมากค่า :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 9 หนึ่งขวบ

..........................

ทางด้านปฐพี ศาสตรา และพิภพนั้นเมื่อทั้งสามเสร็จธุระในเมืองเริ่มต้นแล้ว ก็พลันรีบออกจากเมืองเริ่มต้นก่อนจะมุ่งหน้าไปยังป่าเขาวงกตที่อยู่ตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเริ่มต้น ซึ่งโชคร้ายที่พวกราตรีได้ออกจากป่าเขาวงกตไปเมื่อสามชั่วโมงก่อนหน้านี้แล้ว จึงทำให้ทั้งสามคนพลาดโอกาสที่จะได้เจอตามที่คาดคิดไว้ ทว่าการเข้ามาในป่าเขาวงกตนี้ไม่ง่ายเหมือนสมัยที่พวกปฐพีเคยเข้ามาก่อน  เนื่องจากเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วปริญได้เป็นคนแก้ไขโปรแกรมตรงจุดนี้ให้มันยากยิ่งขึ้น จากเดิมที่เส้นทางภายในเป็นรูปแบบเก่าๆ ซึ่งไม่ว่าผู้เล่นคนใดที่เคยเข้ามาซ้ำเกินสองรอบแล้วย่อมจำได้ มาบัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่จนไม่มีเค้าแบบเดิม โดยเส้นทางภายในจะถูกปรับเปลี่ยนเองอัตโนมัติอยู่ตลอดทุกๆสิบนาที ดังนั้นผู้รู้เส้นทางนี้ก็มีเพียงแต่ปริญหรือปริ๊นซ์เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าพวกปฐพีเดินเข้ามายังป่าเขาวงกตโดยไม่รู้เรื่องการปรับเปลี่ยนเส้นทางใหม่นี้ จึงทำให้พวกเขาเดินหลงทางตั้งแต่เข้ามาได้ไม่ถึงชั่วโมงดี

“มันอะไรกันวะเนี่ย ฉันจำได้ว่ามันต้องเป็นเส้นทางนี้สิ แล้วมันหายไปได้ยังไงล่ะ” ศาสตราร้องโวยวายเมื่อเห็นว่าเส้นทางที่ตนเคยเดินผ่านมาก่อนกลับหายไป

“ใจเย็นๆศาสตรา เส้นทางเดินมันคงไม่ได้หายไปไหน บางทีนายอาจจะหลงลืมจำผิดไปก็ได้นะ” พิภพรีบพูดปลอบเพื่อน แต่ศาสตรากลับแย้งว่า “จำผิดบ้าสิ เส้นทางนี้ฉันเคยเดินอยู่สิบรอบแล้ว ไม่มีทางลืมได้อย่างแน่นอน!”

“แต่ของแบบนี้มันก็ลืมได้เหมือนกันนะศาสตรา ดูอย่างปฐพีสิ เขายังไม่เห็นโวยวายเหมือนนายเลยสักนิด” พิภพบอกก่อนจะเหลือบตาไปยังทางปฐพีที่กำลังยืนเหม่อมองไปข้างหน้าราวกับใช้ความคิดอย่างเงียบๆ ซึ่งคำพูดของพิภพเล่นเอาศาสตราถึงกับหน้าเจื่อนไปทันที แล้วทั้งคู่ต่างยืนรอเพื่อนสักพัก ก่อนที่ปฐพีจะรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

“อ๊ะ ขอโทษทีพวก มัวแต่เหม่อมากไปหน่อยนะ” เขาพูดขอโทษเพื่อนทั้งสองคนอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไร พวกฉันไม่ว่าอะไรนายหรอก” ศาสตราพูดตอบไปยิ้มไปพลาง เพราะพวกเขาต่างรู้ดีว่าปฐพีเหม่อลอยด้วยเรื่องอะไร “ว่าแต่จะเอายังไงกันดีต่อปฐพี จะให้พวกเราออกตามหาคุณยายในป่าเขาวงกตต่อเลยไหมหรือจะออกไปหาที่อื่นล่ะ”

ปฐพีได้ยินคำถามของศาสตราแล้วถึงกับขมวดคิ้วครุ่นคิด เพราะขืนพวกเขาออกเดินหาคุณยายในป่าเขาวงกตโดยที่ยังหลงทางแบบนี้ต่อไปแล้วล่ะก็ คงจะหาพบได้ยาก แถมเขาก็ไม่แน่ใจว่าคุณยายจะเดินอยู่แถวนี้ด้วย

“ฉันว่าพวกเราออกไปตามหาคุณยายที่อื่นดีกว่านะ” แล้วจากนั้นทั้งสามหนุ่มก็พากันเดินหาทางออก โดยที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าพวกเขาจะใช้เวลานานซักเท่าไหร่ถึงจะสามารถออกไปจากที่แห่งนี้ได้


.............................

กลับมาทางด้านพวกราตรีพิสุทธิ์ หลังจากที่ปริ๊นซ์ได้พาราตรีกับมาริโอเดินออกมานอกเขตป่าเขาวงกตแล้ว ชายหนุ่มก็ได้ให้เต็นท์กับราตรีหนึ่งชุดฟรีเพราะเห็นว่าเธอเป็นเด็กทารก ซึ่งจำเป็นต้องมีที่นอนดีๆไว้นอนหาได้ใช่นอนตามพื้นดินพื้นทรายเหมือนแต่ก่อน และนอกจากนี้ปริ๊นซ์ยังให้ของกับมาริโอถึงสองชิ้นอีกด้วย

“นี่มันเสื้อผ้ากับรองเท้าไม่ใช่รึ เอามาให้ข้าทำไม” มาริโอถามพลางก้มมองชุดเอี๊ยมยีนส์เสื้อแดงกับรองเท้าคู่ใหม่สีแดงเข้มที่ตัวมันเองกำลังใส่อยู่อย่างสงสัย ซึ่งปริ๊นซ์หาได้ตอบเดี๋ยวนั้นไม่ กลับทำหน้าอมยิ้มก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่น ส่วนราตรีได้แต่อ้าปากค้างมองมาริโอในมาดใหม่

เหมือน...

เหมือนมาริโอไม่มีผิด!

“น่าเสียดายจริงๆ ยังขาดตรงที่ไม่มีแขนกับหัวที่ยังเป็นเห็ดอยู่” ปริ๊นซ์พูดพลางมองมาริโอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “นี่ถ้าพัฒนาทักษะกับระดับอีกหน่อยก็คงจะเปลี่ยนร่างได้เหมือนแน่”

จะเหมือนหรือไม่เหมือนก็ช่าง เพียงแค่นี้ราตรีก็ไม่รู้จะตอบแทนชายหนุ่มคนนี้ยังไงดีแล้ว เพราะนอกจากเขาจะช่วยเธอกับมาริโอให้รอดเงื้อมมือฝูงหนอนยักษ์กับพาออกจากป่าเขาวงกตแล้ว ยังมอบของให้กับพวกเธอฟรีโดยไม่คิดเงินสักแดงเดียวด้วย

“ออบอุนงับอี้อาย ออบอุนอิงๆ (ขอบคุณครับพี่ชาย ขอบคุณจริงๆ)” ราตรีได้แต่กล่าวขอบคุณพลางก้มหัวให้ ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายถึงกับรีบเข้าไปพยุงเด็กทารกน้อยให้เงยหน้าขึ้น

“ไม่ต้องก้มหน้าขอบคุณพี่ขนาดนี้ก็ได้ พี่แค่ทำในสิ่งที่ผู้เล่นที่ดีควรพึงกระทำก็เท่านั้น” ปริ๊นซ์พูดแต่ในใจคิดไปอีกอย่าง

โธ่คุณยายคร้าบ อย่าให้ผมอายุสั้นเลยคร้าบ!

ก่อนปริ๊นซ์จะขอตัวไปทำภารกิจ ราตรีไม่ลืมที่จะขอบันทึกชื่อปริ๊นซ์ไว้เป็นเพื่อนด้วย

“แล้วเจอกันนะน้องราตรี”

“ฮะ” แล้วร่างสูงก็พลันหายวับไปทันที เมื่อปริ๊นซ์ได้จากไปแล้ว ราตรีก็หันมามองมาริโอในชุดเอี๊ยมสีแดงที่กำลังสำรวจเสื้อผ้าชุดใหม่ของตัวเองอยู่

“มะรีโอ้” มาริโอได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมองผู้เรียก “เอ้าอู้อางอี้อะไอเอืองเอิ้มอ้นไอ๋ (เจ้ารู้ทางที่จะไปเมืองเริ่มต้นไหม)”

“ไม่รู้” มาริโอตอบหน้าตาย ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับผงะ

ช่างเป็นทาสรับใช้ที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย! ราตรีคิดอย่างปวดหัว แต่แล้วเธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามาริโอเป็นเพียงแค่มอนสเตอร์ แถมอยู่แต่ในป่ามาตลอด จะไปรู้เส้นทางข้างนอกป่าได้ยังไงกัน เอาเถิด คลำทางไปเรื่อยๆแล้วกัน ไว้เจอผู้เล่นคนอื่นกลางทางแล้วค่อยถามเอา

ราตรีคิดได้ดังนั้นก็ขึ้นขี่มาริโอก่อนจะสั่งให้มันออกเดินตามทางที่เธอบอก

.........................

แกรก!

เสียงแว่นตาอนาล็อกถูกถอดออก เผยให้เห็นนัยน์ตาสีดำอมน้ำตาลเมื่อยามต้องแสงไฟ

“ว่ายังไงพ่อวีรบุรุษ” เสียงของดนัยพูดออกมาอย่างห้วนๆ ทำให้ผู้ที่เพิ่งจะลืมตาขึ้นไม่นานต้องหันไปส่งยิ้มให้ “ไปช่วยเด็กทารกคงจะปลื้มมากสินะ ถึงกับให้เต็นท์หนึ่งหลัง เสื้อผ้าหนึ่งชุด กับรองเท้าอีกหนึ่งคู่ไปฟรีๆด้วย ให้ตายสิ คิดจะทำอะไรก็หัดปรึกษาคนอื่นเสียบ้างสิ”

คนถูกบ่นถอนหายใจเฮือกก่อนจะพูดกลับไปว่า

“ก็ให้ทำยังไงได้ ฉันทำผิดจนทำให้ไอดีแปดพันเกือบต้องตาย ของแบบนี้มันต้องหาอะไรให้ชดเชยเพื่อเป็นการปลอบใจแทน นายก็น่าจะรู้กฎข้อนี้ของจีเอ็มดีนะดนัย”

“ใช่ ฉันรู้” ดนัยตอบด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “แต่แกช่วยพวกเขาให้รอดชีวิตกับพาออกจากป่าเขาวงกตก็น่าจะพอแล้วนี่ แล้วทำไมถึงต้องให้ของกันด้วยล่ะ”

“ก็…ผู้เล่นคนนั้นน่ารักดีนี่ แหม ดนัยเอ้ย ถ้าลองเป็นนายได้เห็นน้องราตรีแล้วล่ะก็”

ปริญพูดเสียงสูงราวกับเพ้อฝัน ซึ่งทำอาดนัยเทพอดส่ายหน้าไม่ได้

“เออๆ น่ารักก็น่ารัก” ดนัยพูดด้วยความเหนื่อยหน่ายก่อนจะหยิบกระดาษออกมาปึกหนึ่ง “เอานี่ไปทำซะ เรื่องรายงานฉันไม่ทำให้แกหรอกนะ เอ้อ ท่านประธานฝากมาบอกไว้ว่าอย่าให้มีแบบนี้อีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นนายเตรียมโดนซองขาวได้เลย”

“อือ รู้แล้วๆ ไม่ต้องย้ำหรอกน่าให้ตายสิ”

ปริญตอบก่อนจะหยิบกระดาษที่ดนัยให้มาเขียนรายงานอย่างรวดเร็ว


....................

ตั้งแต่ราตรีได้เข้ามาเล่นเกมตามคำเชิญของนพหลานชายแล้ว วันเวลาก็ได้ผ่านไปสองอาทิตย์กับอีกสามวันเต็มๆ ซึ่งเธอไม่นึกเลยว่าจะเล่นมาได้ถึงขนาดนี้ ช่วงสองอาทิตย์แรกราตรีก็ได้สัมผัสกับการใช้ชีวิตเยี่ยงทารกนั้น ช่างเป็นประสบการณ์ประเสริฐที่สุด เพราะไม่มีมนุษย์คนใดที่เกิดมาแล้วสามารถจดจำในช่วงเป็นทารกได้กันสักคนเดียว

ป่านนี้แล้วท่านพ่อกับท่านแม่จะเป็นยังไงบ้างนะ

ราตรีคิดพลางเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้ายามมืดมิด มีเพียงแสงดาวกับแสงจันทร์ที่ยังคงทอแสงประกายสดใสในยามนี้

“ข้าวบดเนื้อหนอนยักษ์ผสมกล้วยหอมของเจ้าเดือดแล้วนะ” เสียงเรียกขัดจังหวะความคิด ทำให้ราตรีต้องหันหน้ากลับไปมองมาริโอ ซึ่งมันกำลังนั่งมองข้าวในหม้อกะลาที่ตั้งอยู่บนกองไฟตรงหน้า

“อือ อะไอเอี๋ยวอี้แอะ (อือ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ)” ราตรีบอกก่อนจะคิดย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ซึ่งหลังจากท้องฟ้าเริ่มมืดตัวลง เธอก็สั่งให้มาริโอตั้งเต็นท์ทันที ส่วนตัวเธอก็ควักเอากะลามะพร้าวเก่าๆที่เคยใช้แล้วออกมาจากกระเป๋าเป้เสื้อผ้าของตัวเองก่อนจะลงมือทำอาหารตามที่ตัวเองถนัด ซึ่งคราวนี้มาริโอได้ให้ช่วยเธอทำอาหารโดยเธอไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากสั่งเลยด้วยซ้ำ

“ว่าแต่อาหารที่เจ้าทำมันจะกินได้เหรอ นี่มัน...” มาริโอพูดพลางก้มมองอาหารในหม้อด้วยสีหน้าฉงน ในขณะที่ราตรีกำลังตักอาหารใส่กะลามะพร้าวให้มาริโออยู่ “...เนื้อหนอนยักษ์ที่เคยคิดจะฆ่าพวกเราเชียวนะ”

“อือ อ้อไอ้อะอิ เอ้าอะอัวไออำไอเอื้ออ้วกอันอายไอแอ้ว อีไอ้อานอ้ออีอ๋มแอ้ไอ๋แอ้ว (อือ ก็ใช่นะสิ เจ้าจะกลัวไปทำไมเมื่อพวกมันตายไปแล้ว มีให้ทานก็ดีถมแค่ไหนแล้ว)”

ราตรีเห็นโอกาสดีก็เลยพูดสั่งสอนให้มันรู้ซึ้งถึงคุณค่าของอาหารซะเลย แต่แทนที่มาริโอจะเข้าใจ กลับทำสีหน้ารังเกียจอาหารที่เธอทำให้

“ไม่เอา ไม่ทาน ให้ตายยังไงก็ไม่กินเด็ดขาด!”

“อ่าเอื้องอ้ากไอ้ไอ๋มะรีโอ้ อี๊บอานๆเอ้าไออ๊ะ เอาะอังไออันอ้อเอื๋อนเอื้ออั้วไออี้เอ้าเอยอานอั้นแอะ (อย่าเรื่องมากได้ไหมมาริโอ รีบทานๆเข้าไปซะ เพราะยังไงมันก็เหมือนเนื้อทั่วไปที่เจ้าเคยทานนั่นแหละ)” ราตรีพูดเสียงดุ ก่อนจะวางกะลามะพร้าวที่เต็มไปด้วยอาหารลงบนพื้นอย่างแรงจนทำให้น้ำซุปกระฉอก “อานอ๊ะ เอี๋ยวอะอาไออ๋าเอ็ดอ่าอั๊กๆ (ทานซะ เดี๋ยวจะพาไปหาเห็ดน่ารักๆ)”

“ทะลึ่งละไอ้เด็กเปรต เป็นเด็กเป็นเล็กทำรู้มาก เดี๋ยวปัด...”

มาริโอเถียงพลางทำท่าจะเตะราตรี แต่พอมันเห็นใบหน้าของเจ้านายแล้วเกิดชะงักค้าง

“ขอโทษ”

แล้วมาริโอก็รีบทานอาหารที่ราตรีวางให้อย่างเร็วโดยไม่เถียงอีกเลย หลังจากที่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาริโอก็เอากะลามะพร้าวไปล้างน้ำให้ราตรีทันที ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับแปลกใจ

อะไรของมัน? แล้วเวลาก็ผ่านไปสิบนาทีได้ มาริโอก็กลับมาที่เต็นท์อีกครั้งพร้อมกะลามะพร้าวในปากที่ถูกล้างสะอาดเอี่ยมอ่อง ไปล้างด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำลายกันแน่นะ?

ราตรีคิดพลางมองกะลามะพร้าวในปากของมาริโออย่างสงสัย แต่แล้วเธอก็พอเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมมาริโอถึงทำแบบนี้

ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์สั่งสอนมัน

ราตรีคิดได้ดังนั้นก็คลานเข้าไปหามาริโอ ก่อนจะใช้มือน้อยขาวๆนี้ลูบหัวมาริโอแผ่วเบา

“อำไอ้อี อ๋อไอ้เอ้าเอ็นแอบอี้อะออดไออะมะรีโอ้ (ทำได้ดี ขอให้เจ้าเป็นแบบนี้ตลอดไปนะมาริโอ)”

“ค่ามิตรภาพของท่านเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 2”

ส่วนมาริโอเมื่อได้รับคำชมจากราตรีแล้ว ถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอาย

“ขะ...ข้าไปนอนก่อนนะ!”

มาริโอตะโกนบอกแล้ววิ่งเข้าไปในเต็นท์อย่างรวดเร็ว ซึ่งท่าทางของมันทำให้ราตรีอดยิ้มเสียมิได้ แล้วหลังจากนั้นราตรีค่อยเติมฟืนเข้าไปเพื่อมิให้ไฟดับก่อนจะคลานกลับเข้าไปนอนในเต็นท์ตามทีหลัง พอรุ่งเช้าต่อมาราตรีก็ลุกขึ้นคลานออกไปนอกเต็นท์เพื่อทำอาหาร

“ตื่นแล้วเหรอไอ้เด็กเปรต”

เสียงมาริโอพูดทักทายสวัสดี ทำเอาราตรีแทบขมวดคิ้ว

นี่มันตื่นนอนก่อนเธออีกรึ พอราตรีหันไปมองมาริโอ เธอก็เห็นอีกฝ่ายนั่งขัดสมาธิฉีกยิ้มให้อย่างแปลกๆ และนอกจากนั้นเธอก็ได้เห็นว่าที่บนพื้นข้างมาริโอนั้น ได้มีผลไม้ที่แกะเปลือกแล้ววางอยู่บนใบตองอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดี อย่าบอกนะว่าที่ตื่นแต่เช้าตรู่นี่ก็เพื่อ...หาผลไม้นี้ให้เธอกิน

“อือ”

ว่าแต่มาริโอแกะเปลือกได้ยังไงนะ ก็ในเมื่อมันไม่มีมือเลยสักนิด?

ราตรีครุ่นคิดอย่างหนักก่อนจะหันไปมองรอบๆอย่างสงสัย แล้วสายตาของเธอก็พลันไปเห็นเปลือกผลไม้ที่ชุ่มด้วยน้ำวางอยู่หลังต้นไม้เข้าโดยบังเอิญ

กะแล้วเชียวว่ามันต้องเป็นแบบนี้

ราตรียิ้มพลางส่ายหน้าเมื่อเห็นความพยายามในการแกะเปลือกผลไม้ของมาริโอ เมื่อมันไม่มีมือช่วยแกะ ก็คงจะใช้ปากกับเท้าในการช่วยแกะผลไม้อย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยคิดที่จะรังเกียจมาริโอเลยสักนิด

“จะอาบน้ำก่อนหรือจะทานผลไม้ก่อนล่ะไอ้เด็กเปรต” มาริโอถามพลางเตรียมท่าลุกขึ้นยืน “ถ้าอาบน้ำก่อน ข้าจะพาเจ้าไปอาบให้”

เพี๊ยะ!

“โอ้ย นี่เจ้าเฆี่ยนข้าทำไม!!” มาริโอร้องครางด้วยความเจ็บปวด และทำท่าจะพูดต่อแต่ก็ต้องหุบปากลงเมื่อเห็นร่างเล็กมองมันด้วยสีหน้าดุดัน “เอื้องอ้วกอี้อ้าอัดอานเองไอ้ เอ้าไอ้อ้องอาอุ่ง อั้งองไออ๊ะ เอี๊ยวอ้าอา! (เรื่องพวกนี้ข้าจัดการเองได้ เจ้าไม่ต้องมายุ่ง นั่งลงไปซะ เดี๋ยวข้ามา!)”

พอราตรีพูดจบ เธอก็รีบคลานไปยังทิศที่มีลำธารอยู่ด้วยความฉุนเฉียว

ขอเปลี่ยนความคิดจากไม่รังเกียจเป็นรังเกียจมาริโอ คงจะไม่สายไปหรอกนะ!

เมื่อราตรีอาบน้ำเสร็จแล้วเธอก็คลานกลับมายังเต็นท์เพื่อทานผลไม้เป็นอาหารเช้า

“อ้าว มะรีโอ้อ๋ายไอไอ๋แอ้วอี้ (อ้าว มาริโอหายไปไหนแล้วนี่)”

ราตรีพูดเมื่อเธอไม่เห็นมาริโอนั่งอยู่ที่เดิม

พลั่ก! พลั่ก!

เสียงการต่อสู้แว่วดังเข้ามาจากไม่ใกล้ไม่ไกลตรงที่ราตรีอยู่ ซึ่งทำเอาเธอนึกสงสัยจึงรีบคลานไปดูต้นเสียง เมื่อเธอคลานไปถึงแล้ว ก็ได้เห็นว่ามาริโอกำลังต่อสู้กับหมูป่าตัวเล็กตัวหนึ่งอยู่

“อย่าเข้ามาใกล้นะไอ้เด็กเปรต ประเดี๋ยวจะโดนลูกหลง!”

มาริโอตะโกนบอกเจ้านายเมื่อเห็นเธอคลานเข้ามาหา

“ไอ้ อ้าอะอ้วยเอ้าอ้วย (ไม่ ข้าจะช่วยเจ้าด้วย)” ราตรีพูดแย้งกลับไปทันทีที่มาริโอพูดจบ ก่อนจะหยิบแส้กำราบสัตว์ขึ้นมาเตรียมพร้อมจะสู้ด้วยอีกคน “อ้าเอ็นอายอองเอ้าอ๊ะ อะไอ้อ้าอืนอูเอ้าอู้อนเอียวไอ้อังไอเอ้า! (ข้าเป็นนายของเจ้านะ จะให้ข้ายืนดูเจ้าสู้คนเดียวได้ยังไงกันเล่า!)”

ว่าแล้วราตรีก็ใช้แส้กำราบสัตว์ฟาดเข้าไปที่หมูป่าสีน้ำตาลตัวเล็กที่ยืนหันหลังให้ทันที

เพี๊ยะ!

1,000


“อู๊ด!”

หมูป่าร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่มันจะหันกลับมามองราตรีด้วยความโมโห

“เวรแล้ว! หนีไปไอ้เด็กเปรต!”

มาริโอร้องเตือนเสียงดังลั่น แต่ทว่าราตรีไม่คิดจะหนี เพราะว่าต่อให้เธอคลานหนีก็คงหนีไม่พ้นอยู่ดี แล้วหมูป่าตัวเล็กก็วิ่งเข้าหาราตรีซึ่งเธอก็เตรียมตั้งท่าถือแส้สองมือรอหมูป่าอย่างสงบนิ่ง จนกระทั่งหมูป่าตัวเล็กวิ่งมาถึงระยะประชิดตัว

ปึก!

“อู๊ดๆ!”

จู่ๆ ก็มีก้อนหินลอยมากระทบที่ใบหน้าของหมูป่า ทำให้มันถึงกับหยุดชะงักวิ่งไปชั่วขณะ ซึ่งราตรีได้จังหวะ เธอก็รีบฟาดแส้ใส่หมูป่ารัวทันที

ขวับ! เพี๊ยะ! ขวับ! เพี๊ยะ!

1,000

989

990

1,000


ค่าตัวเลขที่ราตรีโจมตีหมูป่าได้ปรากฏขึ้นมาหลังจากที่ราตรีฟาดแส้ลงไปด้วยเช่นกัน

“ขอร่วมด้วยคน!” มาริโอตะโกนร้องพลางวิ่งเข้ามากระทืบหมูป่าด้วยคนบ้าง ซึ่งราตรีก็ยอมให้มันโจมตีแต่โดยดี เพราะขืนปล่อยให้เธอโจมตีหมูป่าเพียงคนเดียวก็คงไม่สำเร็จแน่ ดีไม่ดีเธออาจจะโดนหมูป่าฆ่าตายก็เป็นได้ “บังอาจรุกล้ำพื้นที่ส่วนบุคคล ตายซะเถอะไอ้หมูป่า!”

ซึ่งเวลาผ่านไปได้ไม่ถึงนาที จากการรุมโจมตีของราตรีกับมาริโอ ทำให้หมูป่าตายไปอย่างรวดเร็ว

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ฆ่าหมูป่าระดับ1 สำเร็จ”

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 1500”

“ท่านได้รับเนื้อหมูป่าจำนวน 1 ชิ้น”

“ท่านได้รับเขี้ยวหมูป่าจำนวน 2 ชิ้น”

“ท่านได้เลื่อนระดับพื้นฐานจากเด็กทารกระดับ9 เป็นเด็กอายุ 1 ขวบ”

“ท่านได้พัฒนาทักษะการพูดระดับ10”

“ท่านได้รับทักษะการเดินระดับ1”

เสียงของระบบประกาศบอกก่อนที่แสงสีทองจะปรากฏขึ้นในตัวของราตรี จากร่างกายที่เล็กจิ๋วก็ได้ใหญ่ขึ้นมาสองสามเซนติเมตร ซึ่งรวมถึงเสื้อผ้าทารกที่ราตรีสวมใส่ก็เริ่มคับมากขึ้น

“เจ้า…เจ้าตัวใหญ่ขึ้นไอ้เด็กเปรต!”

มาริโอร้องอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นนายของตนตัวใหญ่ขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นราตรีก็ยังเตี้ยตัวเล็กกว่ามาริโออยู่ดี

“อือ หญ่ายขึ้น” ราตรีพูดพลางมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ “จากี้ข้าพูดชาด อ๋า พูดเริ่มเป็งผู้เป็งคนแย้วอ่ะมะรีโอ้”

มาริโอยังไม่ตอบคำถามของเจ้านาย ได้แต่เบิกตามองร่างเล็กอย่างตะลึง

“ดีจายหมายที่ข้าเริ่มพูดชาดขึ้น”

ราตรีถามอีกครั้งซึ่งมาริโอก็รีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับเจ้านาย แต่ทว่าเมื่อครู่นี้ราตรีได้ยินระบบประกาศว่าเธอได้รับทักษะการเดินด้วย เธอจึงรีบใช้มือทั้งสองข้างจับพื้นดินก่อนจะยันตัวให้ลุกขึ้นยืน

“นั่นเจ้าจะยืนรึไงไอ้เด็กเปรต อ๊ะ ระวังๆ” มาริโอพูดก่อนจะรีบเข้าไปช่วยร่างเล็กประคองเมื่อเห็นเจ้านายยืนโซซัดโซเซ “ให้ข้าช่วยรึเปล่าไอ้เด็กเปรต”

“มะจ้อง ข้าจะจองหาดยืนเอง”

ราตรีบอกในขณะที่พยายามยืนให้คงที่ หากแต่เท้าไม่ยอมทำตามความคิดของเธอจึงทำให้เธอล้มหน้าคว่ำไปอีกครั้ง

“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์หกล้ม ทำให้ค่าพลังลด 1”

ดูมัน ขนาดหกล้มก็ยังหักลบพลังกันได้นะ!

ราตรีคิดในใจก่อนจะใช้มือยันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง

“อ๊ะ ระวังๆ สู้เข้านะไอ้เด็กเปรต อย่ายอมแพ้เด็ดขาด”

มาริโอพูดลุ้นจนตัวโก่ง ซึ่งไม่นานนักราตรีก็สามารถยืนได้โดยไม่ล้ม

“ถอยปายมะรีโอ้ ข้าจะยองเดินดู” ราตรีบอกมาริโอ ซึ่งมันก็เขยิบถอยออกข้างทันที เมื่อราตรีเห็นทางว่างแล้ว เธอก็ลองยกขาขวาก้าวเดินดู ซึ่งก้าวแรกก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ไม่มีหกล้ม แต่ทว่าพอราตรียกเท้าซ้ายขึ้น มีอันต้องเซซ้ายจนมาริโอรีบเข้ามาช่วยดันไว้ “เอ ข้าบอกแย้วงายว่าอย่ามาจ้วย”

ราตรีบอกพลางใช้มือผลักมาริโอให้ถอยห่าง ก่อนจะหันมาเดินต่อ ซึ่งคราวนี้ราตรีสามารถก้าวเท้าเดินได้อย่างมั่นคงไม่มีเดินเซเหมือนทีแรก

“เย้! ในที่ฉุดก็ฉำเย็จ ข้าเดินด้ายแย้ว!”

พลั่ก! โครม!

“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์หกล้ม ทำให้ค่าพลังลด 1”

“อ้าว เดินได้แค่สองสามก้าวก็ล้มซะแล้วไอ้เด็กเปรต”

....................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
น่ารักกกกก><

ออฟไลน์ ลิเซ่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ความโมเอะนี้คืออะไร  :oo1:

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
กว่าจะอัพสกิลไม่ล้มกันพลังหมดหรอ

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 10 คุณลุงต้นไม้

....................
 
“เมื่อกี้เจ้าเป็งคงเตะก้องหินช่วยข้าหยอ”

ราตรีถามในขณะที่เธอนำเนื้อหมูป่าเสียบไม้เพื่อจะปิ้งกับไฟ

“อือ ข้าเป็นคนเตะก้อนหินเอง” มาริโอตอบพลางจ้องเนื้อหมูป่าตาเป็นมัน “ข้าวิ่งตามหมูป่าไม่ทัน ก็เลยเตะก้อนหินไปแทน ว่าแต่ข้าเตะก้อนหินแม่นไหมล่ะไอ้เด็กเปรต”

“แม่นจิ แม่น เป่าก่องนะมานย้อน” ราตรีพูดชมพลางวางเนื้อหมูป่าที่ปิ้งเสร็จบนกะลามะพร้าว ซึ่งมาริโอเห็นแล้วจึงก้มลงเป่าให้เนื้อหมูป่าคลายความร้อน “มะรีโอ้ ถ้าเวลาครายถามจื้อข้าแย้ว เจ้าห้ามพูดแทนข้านะ เพาะข้าจะเป็งคนพูดเอง แย้วเจ้าห้ามเรียกข้าว่าราจีพิฉุดหรือราจีจ่อหน้าคนอื่นเด็ดขาด”

“อ้าว ทำไมล่ะ” มาริโอถามอย่างสงสัย ซึ่งราตรียังไม่ตอบคำถามเดี๋ยวนั้น เธอหยิบไม้ที่เสียบหมูปิ้งไว้อยู่ออกจากกะลามะพร้าวของมาริโอก่อนจะฉีกเป็นชิ้นๆให้มาริโอ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นตอบกลับไปว่า

“ก้อข้ามะเจื้อจายครายอีกแย้วงายล่ะ เจ้าก้อน่าจาเห็งนา ท่านพี่เมฆาหนีพวกราวปายนายช่วงเวลาคาบขาน”

“อือ จริงของเจ้า” มาริโอพูดอย่างเห็นด้วยกับราตรี “มันน่าแค้นนัก แทนที่จะอยู่ช่วยกลับหนีหายไปต่อหน้าต่อตา แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน ว่าแต่เจ้าจะให้ข้าเรียกว่าอะไรดีล่ะ”

“อือ รัจจิแย้วกาน ง่ายดี”

“รัตติ?” มาริโอพูดทวนชื่อที่ราตรีบอก “มันไม่ต่างกับชื่อเก่าเท่าไหร่เลยนี่ไอ้เด็กเปรต”

“อือ ก้อข้าอยากห้ายเป็งแบบน้าน เพาะว่าเวลาท่านพ่อกับท่านแม่ด้ายยินจื้อนี้แย้วท่านจาด้ายรู้ว่าเป็งข้างาย”

“อ้อ เข้าใจแล้วล่ะ รัตติก็รัตติ” มาริโอตอบพลางพยักหน้าไปด้วยพร้อมกัน แล้วทั้งคู่ก็รีบลงมือทานอาหารอย่างไว เมื่อราตรีกับมาริโอทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็รีบเก็บข้าวของก่อนจะรีบออกเดินทางต่อ ซึ่งราตรีคิดอย่างคาดเดาว่าเมืองเริ่มต้นน่าจะอยู่ทิศใต้ ดังนั้นเธอจึงปีนขึ้นไปอยู่บนหัวมาริโอก่อนจะสั่งมันให้เดินตามทางที่เธอบอก ในระหว่างทางที่ราตรีกับมาริโอเดินอยู่นั้น เป็นพื้นหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาผนวกกับผืนฟ้าสีครามอ่อนทำให้ราตรีคิดในใจว่าเธอนี่ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ นอกจากจะได้เจอพ่อแม่ที่ดีแล้ว ยังได้รู้จักผู้คนมากหน้าหลายตากับภาพธรรมชาติอันสวยงามซึ่งหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

อ้อ แล้วก็มาริโอด้วย

ราตรีคิดพลางก้มมองมาริโอที่ยินยอมให้เธอขี่หัวแต่โดยดีไม่มีบ่นสักคำเดียว เมื่อราตรีเงยหน้ามองรอบข้างบ้าง เธอก็พบว่าระหว่างทางเดินที่พวกเธอเดินอยู่นั้นได้มีผู้เล่นเดินผ่านมาด้วย แต่บางครั้งก็มีมาเป็นกลุ่มซึ่งราตรีคิดว่าคนพวกนี้คงจะเป็นพวกปาร์ตี้ตามที่เธอเคยได้ยินมาจากพี่เมฆามาแล้ว

โอ้ ไม่ใช่มีแต่เธอเท่านั้นที่เป็นเด็กแหะ

ราตรีคิดพลางมองเด็กผู้ชายเด็กผู้หญิงอายุคราวประมาณห้าหกขวบเดินกันมาเป็นกลุ่มโดยมีผู้ใหญ่ที่เป็นชายคอยเดินนำทางให้ เหมือนลูกเสือพาเด็กประถมเดินข้ามถนนเลย

หากมองในมุมกลับกัน ผู้เล่นคนอื่นที่เดินสวนราตรีที่ซึ่งกำลังขี่มาริโออยู่นั้นต่างลอบมองทั้งคู่อย่างสนใจกันเป็นทิวแถว แถมยังพากันแปลกใจที่ได้เห็นเด็กทารกพูดสั่งมาริโอให้เดินตามทางราวกับเป็นเจ้านายอีกด้วย

“เด็กทารกคนนั้นเป็นผู้เล่นหรือเปล่านะ”

“คงไม่ใช่แล้วมั้ง ถ้าเป็นผู้เล่นจริง ป่านนี้บริษัทเกมคงประโคมข่าวไปนานแล้ว”

“แล้วเห็ดมาริโอที่เดินมาด้วยนั่นล่ะ มันเป็นบอสระดับสิบไม่ใช่รึไง”

“แต่ถ้าเด็กทารกคนนั้นเป็นผู้เล่นจริง ต้องมีผู้เล่นคนใดสักคนจับไว้เป็นทาส แล้วมาให้เด็กทารกคนนี้ไว้ใช้เป็นยานพาหนะก็เป็นได้”

เรื่องเล่าพวกนี้ลือกันให้แซดในหมู่ผู้เล่นที่อยู่ข้างนอกเมืองเริ่มต้น ซึ่งราตรีกับมาริโอไม่มีวันที่จะได้รู้เลยสักนิด แต่ทว่าเรื่องราวของทั้งคู่ทำให้ทีมงานของพวกดนัยเทพกับปริญต้องวิ่งวุ่นหาทางแก้ข่าวอยู่ไม่ขาดสาย ซึ่งนอกจากราตรีจะได้พบเห็นผู้เล่นเดินผ่านแล้ว เธอยังได้เห็นการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นกับมอนสเตอร์ที่เป็นจำพวกสัตว์สี่ขา เช่น กระต่าย หมาป่าตัวน้อย เป็นต้น ซึ่งถ้ามาเทียบกับราตรีที่เคยปะทะกับราชาปีศาจมาแล้ว ของเธอยังดูน่ากลัวกว่าพวกผู้เล่นแถวนี้เลยด้วยซ้ำ

จะเรียกว่าอนาถหรือน่าสมเพชดีนะ

ราตรีคิดในใจอย่างท้อแท้ ด้วยร่างเล็กจิ๋วที่ยังเดินได้เพียงแค่สองสามก้าวกับจับอาวุธก็ยังไม่มั่นคง

ริคิดไปช่วยท่านพ่อท่านแม่ก็ออกจะฝันเฟื้องเกินตัว ไว้เจอตานพก่อนเถอะ จะถล่มราชาปีศาจให้ราบคาบเป็นหน้ากองเลยคอยดู!

ราตรีคิดในใจก่อนจะรู้สึกตัวว่ามาริโอได้หยุดเดินแล้ว

“เจ้าหยุดเดินทามมายหยอมะรีโอ้”

“ต้นไม้ยักษ์” มาริโอตอบสั้นๆ “มีต้นไม้ยักษ์อยู่ตรงหน้านะรัตติ”

ราตรีได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองตามบ้าง เผยให้เห็นเบื้องหน้าอีกสองร้อยเมตรมีต้นไม้ต้นหนึ่งสูงใหญ่ราวกับตึกสิบชั้นแต่ทว่ามันกลับแห้งเหี่ยวไร้ใบซึ่งผิดแผกกับต้นไม้ต้นอื่นลิบลับ

“เจ้าพาข้าเข้าปายใกล้ๆหน่อยจิ ข้าอยากเห็งว่ามานเป็งยางงาย”

“ได้สิ” แล้วมาริโอก็พาราตรีหรือรัตติเดินเข้าไปใกล้ๆต้นไม้ยักษ์ตามคำสั่ง เมื่อทั้งคู่เดินจนเกือบจะถึงต้นไม้ยักษ์แล้ว จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มแหบเหมือนคนแก่ดังขึ้นมา

“ที่นี่คือเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ ห้ามผู้ใดเข้าใกล้เป็นอันขาด” มาริโอได้ยินถึงกับหยุดชะงักเดิน

“เอ ดินแดนฉักฉิดง้านหยอ” ราตรีเอ่ยอย่างฉงน เพราะเท่าที่เธอเห็น ที่นี่มีเพียงแค่ต้นไม้ยักษ์แห้งเหี่ยวต้นหนึ่งกับต้นไม้ต้นเล็กอยู่ใกล้ๆสองสามต้นเท่านั้น

“ใช่แล้วเด็กน้อยเอ๋ย” เสียงเดิมตอบคำถามราตรี แล้วทันใดนั้นพื้นดินตรงส่วนที่มาริโอยืนอยู่เกิดขยับขึ้นสูงสองสามเมตร ก่อนจะเคลื่อนย้ายพวกราตรีไปใกล้ต้นไม้ยักษ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำเอาทั้งคู่หวีดร้องด้วยความตกใจ “ไม่ต้องกลัว ข้าแค่เคลื่อนย้ายพวกเจ้าให้เข้ามาใกล้ข้าก็เท่านั้นเอง”

เสียงนั้นบอกก่อนพื้นที่ๆมาริโอยืนอยู่นั้นหยุดลงตรงหน้าต้นไม้ยักษ์

“ตะ…ตะ…ต้นไม้พูดได้!” มาริโอพูดเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว

“เจ้าเองก็พูดได้นะเจ้าเห็ดมาริโอ” เสียงที่ดังจากต้นไม้ยักษ์ตอบอย่างกวนๆ แล้วทันใดนั้นตรงส่วนเนื้อไม้ตรงหน้าราตรีเกิดขยับ ก่อนที่เนื้อไม้จะมลายหายไปถูกแทนด้วยนัยน์ตาสีเขียวที่ปรากฏออกมาทีหลัง ซึ่งทำให้ราตรีกับมาริโอสะดุ้งตกใจ “ขออภัยที่ทำให้พวกเจ้าตกใจเป็นครั้งที่สอง ข้าคือผู้ปกปักรักษาดินแดนเริ่มต้น นามว่า…”

“มานา”

“มานา?” ราตรีพูดทวนชื่อต้นไม้ยักษ์อย่างสงสัย “มานาคืออายายหยอฮับ”

ต้นไม้ยักษ์นามว่ามาน่าฉีกยิ้มให้กับราตรี ซึ่งทำเอาทั้งคู่สะดุ้งตกใจเป็นครั้งที่สาม

“รากศัพท์ของเวทมนตร์ พลังเวทมนตร์ อำนาจลึกลับ คาถาอาคม ซึ่งมันก็แปลได้หลายความหมาย แล้วแต่ว่ามนุษย์จะบัญญัติขึ้นมาใช้กันยังไง” ต้นไม้ยักษ์ตอบก่อนจะอธิบายต่อโดยไม่รอให้ราตรีได้ถามต่อ “แต่สำหรับตัวข้านั้น คือแหล่งรวมพลังงานชีวิตทุกสรรพสิ่งในโลกนี้เข้าด้วยกัน ถ้าขาดข้าไป โลกนี้คงจะถึงกัลปาวสาน”

พอต้นไม้ยักษ์พูดจบก็พลันทำหน้าเศร้า ซึ่งทำให้ราตรีอดสงสัยถามมิได้

“ท่านลุงเป็งอายาย ทามมายถึงทามหน้าเส้าอย่างน้านล่ะฮับ” ต้นไม้ยักษ์หรือลุงมานาได้ยินที่เด็กน้อยถามจึงเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะตอบกลับมาว่า

“ข้ากำลังใกล้จะตายนะเด็กน้อยเอ๋ย”

“ใกล้ตาย?”

“ใช่ ใกล้ตาย” ลุงมานาตอบด้วยเสียงสลดหดหู่ “เมื่อสองปีที่แล้ว ข้านอนหลับของข้าอยู่ดีๆ ราชาปีศาจเกิดปรากฏต่อหน้าข้า ทั้งที่ข้ากับราชาปีศาจแทบไม่ได้เจอหน้ากันนับพันปีก็ว่าได้”

คำว่าราชาปีศาจได้สะกิดต่อมความอยากรู้ของราตรีขึ้นมาทันที

“แย้วงายต่อฮับ”

“ทีแรกข้าก็ทักทายราชาปีศาจไปตามประสาคนที่ไม่ได้พบกันนาน” ลุงมานาเล่าย้อนเหตุการณ์ให้ฟังอย่างเชื่องช้า “แล้วราชาปีศาจก็ทักทายตอบข้ากลับมา แต่พ่วงด้วยคำขู่พร้อมกองทัพปีศาจนับแสนว่า ’จงมอบพลังมานาของเจ้ามาให้แก่ข้าเสีย มิเช่นนั้นแล้วมนุษย์บนโลกนี้จะตายด้วยน้ำมือของราชาปีศาจอย่างข้า’”

“ย้ายกาดที่ฉุด!” ราตรีกัดฟันพูดแทรกด้วยความเดือดดาล ซึ่งทำเอาลุงมานากับมาริโอมองเธออย่างแปลกใจ

“เจ้าเป็นอะไรไปรัตติ อยู่ๆก็พูดขึ้นมา ไม่สบายรึเปล่า” มาริโอถามอย่างสงสัย เพราะพวกเขายังฟังเรื่องเล่าจากลุงมานายังไม่ครบดี แต่ราตรีกลับพูดโพล่งออกมาขัดจังหวะเสียก่อน ซึ่งราตรียังไม่ตอบคำถามของมาริโอเดี๋ยวนั้น หากกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความโกรธ ส่วนต้นไม้ยักษ์หรือลุงมานาเมื่อเห็นสีหน้าความโกรธของเด็กน้อยผมสีเงินที่แสดงออกมาแล้ว ก็ถึงกับถอนหายใจก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“เด็กน้อยเอ๋ย ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้ามีความแค้นใดกับราชาปีศาจ แต่อย่าได้เอาอารมณ์นั้นมาเป็นที่ตั้ง รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง มิเช่นนั้นแล้วเจ้าจะจมปลักกับความแค้นไปตลอดชีวิต”

“ฮับท่านลุงต้นม้าย ข้าจาจดจามคามฉั่งฉอนของท่านลุงปายตาหลอด” ราตรียกมือไหว้ขอบคุณลุงมานา ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มรับไหว้จากราตรี

“ว่าแต่ท่านลุงมานาเล่าเรื่องพวกนี้ให้พวกข้าฟังไปทำไมกันหรือ” มาริโอถามกลับเข้าเรื่องต่อ

“ข้ามีเรื่องขอร้องที่จะให้พวกเจ้าช่วยนะ” ลุงมานาตอบก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้า “ขอร้องล่ะ ถ้าพวกเจ้าไม่ช่วยแล้ว ก็ไม่มีใครจะช่วยข้าได้อีก”

“อ้าว แย้วพวกคงอื่นที่เดินผ่านมาเค้าม่ายด้ายช่วยท่านลุงเยยหยอฮับ” ราตรีถามอย่างสงสัย

“ไม่มีเลยสักคนเดียว” ลุงมานาหลับตาตอบ “ทีแรกมันก็มีอยู่หรอก เพียงแต่พอได้ยินคำขอของข้าเข้าแล้ว ต่างพากันส่ายหน้าหนีไม่ยอมช่วยกันเลยสักคนเดียว”

“ฮึ ม่ายนึกเยยว่าพวกผู้เย่นคงอื่นจาจายดามขนาดนี้ ถ้าเป็งข้าๆจาทาม”

“เด็กน้อย เจ้าอย่าพูดล้อให้คนแก่ตกใจเล่นสิ มันไม่สนุกหรอกนะ” ลุงมานาพูดยิ้มอย่างอ่อนใจเมื่อได้ฟังคำพูดล้อเล่นของราตรี

“ข้าม่ายด้ายพูดย้อเย่น ข้าจาทามจิงๆท่านลุงมานา” ราตรีพูดพลางโบกมือไปมา “ต่อห้ายมานยากเกินมือข้าจิงๆ ข้าก้อจาพายายามหาวิธีทามห้ายจงด้าย”

ลุงมานาได้ยินที่ราตรีพูดก็ถึงกับตะลึง เพราะตนไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากเด็กทารกได้

“หึๆ ฮะ ฮะ ฮ่า” ลุงมานาหัวเราะเสียงดังลั่นไปทั่ว ทำให้ผู้เล่นคนอื่นที่เดินผ่านมาแถวนี้หันมามองด้วยความสนใจ “เป็นคำพูดไม่เลวนี่เด็กน้อย เจ้ามีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร ข้าจะได้จดจำเจ้าไปตลอดชีวิต”

ราตรีได้ยินที่ลุงมานาถามก็รีบตอบกลับไปว่า

“ราจีพิฉุด หรือ ราจี แย้วแต่ท่านลุงจาเรียกนะฮับ”

“หืม? ราตรีพิสุทธิ์รึ” ลุงมานาพูดพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนจะร้องอ้อ “เจ้าใช่ราตรีพิสุทธิ์ที่เป็นลูกชายคนแรกของราชามังกรเดรคกับนางพญามังกรเหม่ยจิงหรือเปล่า!”

ราตรีพยักหน้าตอบกลับไปว่า

“ใช่แย้วฮับท่านลุง ว่าแต่ท่านลุงรู้จักปาป่ะมัมมะด้วยหยอฮับ”

“รู้จักเสียยิ่งกว่ารู้จัก” ลุงมานาตอบยิ้มๆ “เพราะข้าคืออาจารย์ที่สอนวิชาเวทมนตร์ให้กับพ่อแม่ของเจ้ายังไงล่ะเด็กน้อย”

ราตรีทำหน้าตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบจากลุงมานา

“จิงหยอฮับ!”

“จริงสิเด็กน้อย พ่อกับแม่ของเจ้าเป็นลูกศิษย์ของข้าจริงๆ” ลุงมานาพูดพลางพยักหน้า “ว่าแต่พ่อแม่ของเจ้าเป็นยังไงบ้าง ยังสบายดีอยู่รึเปล่า แล้วนี่พวกเขาปล่อยให้เจ้าออกมาเดินท่อมๆตามลำพังกับเจ้าเห็ดนี่ได้ยังไงกัน เฮ้อ แย่จริงๆเจ้าพวกนี้ เห็นทีข้าต้องจับมาสั่งสอนบ้างแล้ว”

ราตรีทำหน้าเศร้าเมื่อได้ยินคำถามจากลุงมานา

“ปาป่ะมัมมะ ฮึก!” ราตรีพูดพลางสะอื้นไห้ “โดนราชาปีสาดโจมตีฮับท่านลุง”

“ว่ายังไงนะ! พ่อแม่ของเจ้าโดนราชาปีศาจลอบโจมตีงั้นรึ” ลุงมานาแผดเสียงร้องดังลั่น

“ฮับท่านลุง” ราตรีตอบพลางเช็ดน้ำตาตัวเอง “ข้าม่ายยู้ว่าปาป่ะเป็งยางงายบ้าง เพาะข้าเห็นท่านป้องกานมัมมะจนตกลงปาย ส่วนมัมมะ…ฮือๆ มัมมะช่วยข้าเพาะเห็นข้าบาดเจ็บหนัก ก้อเยยรีบยักฉาข้าแย้วฉ่งข้าลงแม่น้ามมา…ท่านบอกว่าจาตามมาทีหลัง แต่นี่มานก็หลายวานแย้ว มัมมะก็ยางม่ายมาชักทีเยย!”

พอพูดจบ ราตรีก็ร้องเสียงสะอื้นอย่างไม่อายสายตามาริโอทันที ส่วนมาริโอที่เพิ่งจะได้ยินเรื่องราวของเจ้านายมันเป็นครั้งแรก ถึงกับตะลึงพลางแอบคิดในใจ

ไอ๋หยา เผ่ามังกรเชียวรึ ดีนะ ตอนเจอกันครั้งแรก มันไม่พ่นไฟใส่เรา ไม่งั้นจบชีวิตเยี่ยงเห็ดบนเตาแหง

คิดแล้วมันก็ถึงกับยืนซึมก่อนจะร้องไห้ตามราตรีบ้าง ซึ่งทำเอาผู้ฟังอย่างมานาถึงกับกลุ้ม จึงได้แต่รอให้ราตรีกับมาริโอร้องไห้จนกว่าจะหยุดร้อง เมื่อทั้งคู่หยุดร้องไห้แล้ว เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลาลุงมานาจึงพูดเข้าเรื่องต่อ

“ข้าเสียใจด้วยกับเรื่องที่เจ้าเจอมานะเด็กน้อย” ลุงมานาบอกก่อนที่จะมีรากไม้ผุดออกมาจากดินมาเช็ดน้ำตาให้ราตรีอย่างแผ่วเบา “ถ้าข้ามีพลังมากกว่านี้ ข้าคงจะแบ่งพลังครึ่งหนึ่งให้เจ้าได้ อย่างที่ข้าเคยเล่าให้ฟัง ราชาปีศาจมันแย่งชิงพลังมานาของข้าไปจนเกือบหมด มันคงอยากให้ข้าได้เห็นโลกถูกทำลายจึงเหลือพลังส่วนหนึ่งไว้ต่อลมหายใจข้า”

“ย้ายกาดที่ฉุด” ราตรีพูดอย่างฉุนเฉียวแต่เธอก็พยายามระงับอารมณ์ตัวเองไม่ให้ระเบิดไปมากกว่านี้

“ใช่ร้ายกาจ แต่ข้าก็ไม่นึกว่าราชาปีศาจจะกล้าทำทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นมันออกจะเป็นราชาปีศาจที่แสนดี” ลุงมานาบอกพลางถอนหายใจแรงๆ “เอาเถิด ถึงข้าจะให้พลังเจ้าไม่ได้ แต่ข้าสามารถสอนวิชาเกี่ยวกับการเป็นมังกรให้เจ้าได้นะเด็กน้อย”

“ฉอนวิชากานเป็งมางกอน?” ราตรีพูดทวนคำพูดลุงมานาอย่างสงสัย

“ใช่ สอนวิชาการเป็นมังกร” ลุงมานาตอบย้ำอีกครั้ง “ข้าคิดว่าเจ้าคงยังไม่ได้เรียนรู้พวกนี้อย่างแน่นอน เพราะเจ้าดันพลัดพรากจากพ่อกับแม่เสียก่อนที่จะได้เรียน ดังนั้นก่อนที่เจ้าจะได้ผจญกับโลกบนใบนี้อันแสนโหดร้าย ข้าจำต้องสอนวิธีการต่อสู้ให้แก่เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย”

ราตรีได้ยินที่อีกฝ่ายพูดถึงกับปลื้มตันใจ ก่อนจะรีบยกมือไหว้พลางกล่าวขอบคุณว่า

“ขอบคุงท่านลุง ม่ายจิ ต้องท่านอาจาน ฉิดน้อยผู้นี้จาจดจามบุนคุนของท่านอาจานปายตาหลอดชีวิด” ส่วนลุงมานาเมื่อได้ยินที่ราตรีพูดถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างพอใจยิ่ง

“ดีมากเด็กน้อย ข้าจะสอนเจ้าให้รู้ซึ้งถึงแก่นของการเป็นมังกรเลยเชียวล่ะ” แล้วราตรีก็ได้ลุงมานาช่วยสอนวิชาการเป็นมังกรอยู่ตรงนั้นหลายวันจนกระทั่งถึงวันออฟไลน์

..........................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ 13 จ้าวนภา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 11 มังกร

......................

ย้อนมาทางด้านพวกปฐพี ซึ่งพวกเขาทั้งสามคนได้หลงทางอยู่ในป่าหุบเขาวงกตเป็นเวลาสี่วันเต็มแล้ว

“เฮ้อ เมื่อไหร่พวกเราจะหาทางออกเจอซักทีนะ เบื่อที่จะสู้กับพวกหนอนยักษ์กับบอสเต็มทนแล้ว” ศาสตราบ่นเสียงดังในขณะที่เดินตามหลังปฐพี

“ช่วยไม่ได้ ก็ใครอยากให้นายตามมาด้วยกันเล่า ทนๆเอาหน่อยแล้วกัน ฉันคิดว่าอีกไม่กี่วันพวกเราก็คงหาทางออกเจอแล้วล่ะ” พิภพพูดพลางเหลือบมองปฐพีที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะหันมาพูดกระซิบกับศาสตรา “คราวหน้าถ้านายจะบ่นอีกล่ะก็ ช่วยบ่นเบาๆกว่านี้หน่อยนะ เพราะฉันกลัวว่าปฐพีจะหันมาด่านายเอาได้”

“ปฐพีนะรึจะด่าฉัน” ศาสตราพูดพลางขมวดคิ้ว

“ก็ใช่นะสิ เห็นเงียบๆอย่างนั้น นายอย่านึกว่าปฐพีจะด่าใครไม่เป็น” พิภพบอกพลางคลี่พัดก่อนจะสะบัดพัดเข้าหาตัวเองเพื่อคลายร้อน “ถึงพวกเราไม่ได้ตั้งใจจะออกตามหาคุณยายของปฐพีในป่านี้ก็เถอะ แต่นี่พวกเราเดินหลงทางจนทั่วป่ามาได้สี่วันเต็มแล้วก็ยังไม่มีวี่แววจะได้เห็นเลยสักนิด ฉะนั้นนายลองคิดดูให้ดีๆแล้วกัน ว่าตอนนี้ปฐพีจะรู้สึกยังไง”

ศาสตราได้ยินที่พิภพบอกก็รู้สึกขนลุกซู่ด้วยความกลัว ถึงแม้ปฐพีเป็นคนดี มีน้ำใจต่อเพื่อนก็เถอะ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาสองคนก็ไม่อยากเห็นสีหน้าโกรธของปฐพีเลยสักนิดเดียว แล้วพวกเขาสามคนก็เดินไปได้สักพัก จู่ๆ ก็มีเงาผู้เล่นคนอื่นเดินสวนมา ซึ่งทำให้ศาสตรา พิภพ และปฐพีถึงกับหยุดชะงักเดินในทันที 

ครืน!

บรรยากาศของป่าที่เคยเงียบสงบดีกลับคุกกรุ่นไปด้วยไอรังสีฆ่าฟัน

“ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอหัวหน้าสมาคมจับฉ่ายที่ป่าหุบเขาวงกตบนเกาะเริ่มต้นนี่ได้” ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยปากพูดขึ้น ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินออกมายังแสงสว่าง ซึ่งเผยให้เห็นชายหนุ่มผมดำยาวมีนัยน์ตาสีแดงเลือดในชุดเกราะสีดำที่ปล่อยออร่าออกมาบางๆดูลึกลับ และทรงพลังอย่างบอกไม่ถูก

“ทางเราก็คาดไม่ถึงเช่นกัน ว่าผู้เล่นระดับท็อปจะมาเดินเล่นอยู่แถวนี้” ปฐพีพูดตอบอีกฝ่ายกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คงจะเบื่อมอนสเตอร์บนทวีปหลักแล้วสินะ ถึงได้ขึ้นเรือเหาะย้อนกลับมายังเกาะเริ่มต้น…คิดจะเพิ่มชื่อเสียงของตัวเองอยู่รึไง”

“เมฆา ราชาแห่งสมาคมเงา” ทว่าเมฆาหาได้ตอบไม่ กลับทำท่าจับฝักดาบขึ้นมาเตรียมพร้อมที่จะจู่โจม ซึ่งทำให้ศาสตรากับพิภพรีบหยิบอาวุธของตัวเองขึ้นมาก่อนจะวิ่งมาบังร่างปฐพีที่เป็นหัวหน้าของพวกเขา

“ถ้าจะฆ่าหัวหน้าของพวกเรา ต้องข้ามศพพวกเราไปก่อน” ศาสตราพูดขู่ทั้งที่ในใจกลับร้อนรุ่ม เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงผู้เล่นที่มีระดับสูงสุดของเกมนี้

เอาวะ สู้ให้ตายกันไปข้าง!

ศาสตรากับพิภพคิดในใจ ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้ชักดาบออกจากฝัก แต่กลับหัวเราะเสียงดังลั่น

“ฮะ...ฮะ...ฮะ!” เสียงหัวเราะของเมฆาได้สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้แก่ศาสตราและพิภพเป็นอย่างมาก “ฉันว่าพวกเราเล่นละครกันแค่นี้พอได้แล้วมั้งปฐพี ประเดี๋ยวพรรคพวกของนายจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้หรอก”

เมฆาบอกพลางลดมือออกจากฝักก่อนจะส่งยิ้มมาให้ปฐพี ส่วนปฐพีที่ยืนมองเมฆาด้วยสายตาดุดันก็พลันหายไปราวกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“จริงของนาย” ปฐพียิ้มตอบ ซึ่งทำให้ศาสตรากับพิภพมองหน้าเพื่อนด้วยความงุนงง “แต่คราวหลังไม่ต้องเล่นแบบนี้อีกนะเมฆา เพราะฉันขี้เกียจมาอธิบายให้คนอื่นฟังทีหลัง”

“ฮะๆ ตกลง ไม่เล่นก็ไม่เล่น” เมฆาพูดตอบไปหัวเราะไป แล้วปฐพีก็หันหน้ามาทางศาสตรากับพิภพที่ยืนค้างในท่าเตรียมอาวุธตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว

คงจะช็อกน่าดู

ปฐพีคิดพลางเอานิ้วชี้เกาแก้มเบาๆ

“เอ่อ ขอโทษนะที่เล่นละครหลอกพวกนาย” ปฐพีพูดขอโทษด้วยเสียงตะกุกตะกัก “ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกพวกนาย แต่เมฆาสิบังคับให้ฉันเล่น ฉันเข้าใจดีว่ามันบ้า แต่มันจำใจต้องเล่นด้วยเพราะฉันดันมีหนี้ติดค้างเมฆาเขาไว้”

ปฐพีหยุดพูดพลางมองเพื่อนทั้งสองคน หากแต่ทั้งคู่ไม่ได้พูดว่าอะไรเขาสักคำ ปฐพีจึงพูดต่อไปอีก

“ส่วนหนี้ที่ฉันค้างเมฆาไว้นั้น มันเป็นตอนที่ฉันเพิ่งเข้าเกมนี้เป็นครั้งแรก ตอนนั้นฉันหลงทางอยู่ที่นี่แถมเกือบถูกหนอนยักษ์ฆ่าตายด้วย ดีที่ได้เมฆาช่วยไว้ทัน ฉันก็เลยคิดจะตอบแทนบุญคุณเมฆด้วยการร่วมเล่นละคร โดยแสร้งทำเป็นว่าถ้าใครคนใดคนหนึ่งเดินผ่านสวนทางกัน มีอันต้องหาเรื่องเหมือนไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่คนนั้นๆต้องมีเพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้าเมฆาหรือฉันเด็ดขาด ฉันขอโทษพวกนายด้วยนะ! นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่ฉันหลอกคนอื่น เพราะนานแล้วที่ฉันไม่ได้เดินสวนกับเมฆาเลยตั้งแต่จากกันเมื่อครั้งนั้น จริงๆนะ ฉันสาบานได้”

พอปฐพีพูดจบ ทั้งคู่ก็ยังคงยืนเงียบอยู่ดี จนทำให้ปฐพีกับเมฆาต่างมองหน้ากันด้วยความลำบากใจ

“เอ่อ ฉันเองก็ต้องขอโทษแทนปฐพีด้วยที่ทำ…ให้พวกนาย…”

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วเมฆา พวกเราเข้าใจดี” พิภพยกมือขึ้นห้ามเมฆา “แต่ถ้าจะขอโทษ เปลี่ยนมาเป็นเลี้ยงข้าวพวกเราในภัตตาคารหรูดีกว่านะว่าไหมศาสตรา”

“อือ ใช่แล้ว เพราะงั้นพวกนายสองคนห้ามปฎิเสธเชียวล่ะ หึๆ” ศาสตราพูดพลางหัวเราะเยาะ

“ไอ้เรื่องเลี้ยงพวกนาย ฉันเต็มที่อยู่แล้ว แต่พวกเราจะเดินออกไปจากที่นี่ได้ยังไงล่ะ อย่าลืมสิว่าพวกเราสามคนเดินหลงทางมาได้สี่วันแล้วนะ” ปฐพีพูดพลางถอนหายใจเนือยๆ

“อ้อ เรื่องนั้นไม่มีปัญหา เดี๋ยวฉันจะพาพวกนายเดินออกไปจากที่นี่เอง” พอเมฆาพูดจบ พวกปฐพีแทบจะหันไปมองผู้พูดทันที

“นายรู้ทางออกด้วยเหรอเมฆา” ปฐพีถามอย่างสงสัย ซึ่งเมฆาพยักหน้าก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ใช่ ฉันรู้ มันไม่ยากอะไรนักหรอกถ้าพวกนายรู้จักสังเกตสักนิด”

“งั้นมัวรออะไรอยู่ล่ะ รีบๆไปกันเถอะ” ศาสตราพูดตัดบทก่อนดันหลังเมฆากับปฐพีให้รีบออกเดิน ส่วนพิภพได้แต่ส่ายหน้ากับความใจร้อนของศาสตราก่อนจะก้าวเดินตามอย่างช้าๆ

............................

“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ออนไลน์เกมเป็นเวลาสามชั่วโมงแล้ว ทางระบบขอออฟไลน์ผู้เล่นอัตโนมัติค่ะ”

เสียงระบบประกาศบอก ก่อนที่เธอจะรู้สึกถึงแสงพระอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องเข้ามาบนแขนของเธอ

ทำไมร้อนจัง เธอคิดในใจพลางถอดแว่นตาอนาล็อกออก เมื่อครู่นี้ในเกมมันยังเป็นเวลาค่ำอยู่เลย แถมเธอกำลังนอนดูดขวดนมที่ได้มาจากลุงมานาอยู่ด้วย จริงสิ เธอออกมาจากเกมแล้วนี่

แล้วเธอก็หันไปมองรอบๆข้างเพื่อหาหลานชายตัวแสบ ก่อนที่จะเห็นนพนอนสวมแว่นตาอนาล็อกอยู่บนฟูกข้างๆเตียงผ้าใบที่เธอกำลังนอนอยู่

"อ้าว ตานพยังไม่ออกจากเกมอีกรึ” เธอพูดอย่างแปลกใจ เพราะถึงเธอจะเข้าไปเล่นเกมออนไลน์มาแล้วก็จริง แต่เธอก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมหลานชายของเธอไม่ออกจากเกมพร้อมกับเธอ เมื่อคิดเสร็จ เธอก็เรียกนางพยาบาลทันที

“มีอะไรเหรอคะคุณยาย”

“ตอนนี้ยัยแก้วของฉันไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ” เธอถามอย่างสงสัย เพราะเธอเข้าเกมก่อนนพ เธอจึงไม่รู้ว่านพพาลูกสาวไปฝากไว้ที่ไหน

“อ้อ ตอนนี้น้องแก้วนอนเล่นเกมออนไลน์ค่ะคุณยาย”

“อะไรนะ แก้วเล่นเกมออนไลน์รึ?” เธอพูดด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าลูกสาวของนพจะเล่นเกมออนไลน์เหมือนกับพ่อของเธอ

“ใช่แล้วค่ะ น้องแก้วเล่นเกมเดียวกับที่คุณยายเล่นนะค่ะ แต่คุณยายอย่าโกรธน้องแก้วไปเลยนะคะ เพราะเกมออนไลน์นี้ได้ควบคุมเวลาการเล่นสำหรับผู้เล่นที่มีอายุน้อยกว่าสิบขวบด้วยค่ะ” นางพยาบาลรีบอธิบายเพราะกลัวคุณยายจะโกรธคุณนพที่ปล่อยให้ลูกสาวเล่นเกมจนร่างกายทรุดเอาได้ ทว่านางพยาบาลเข้าใจผิดไปทั้งหมด ราตรีหาได้โกรธนพไม่ เพียงแต่เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนพถึงปิดบังเรื่องนี้โดยไม่บอกเธอ ทั้งๆที่เธอไม่เคยต่อว่าลูกหลานเรื่องการเล่นเกมเลยสักนิดเดียว

ดี ชอบปิดนักใช่ไหม เธอคิดในใจอย่างฉุนเฉียว งั้นฉันก็จะปิดเรื่องที่เป็นเด็กทารกด้วยเหมือนกัน และจะไม่บอกที่อยู่ให้ตานพรู้ด้วย!

หลังจากนั้นเธอก็ให้นางพยาบาลพาเธอไปยังห้องครัวเพื่อที่จะทำอาหารกลางวันเอง ซึ่งมีนางพยาบาลคนนี้คอยเป็นลูกมือด้วย แล้วเวลาผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมงเธอก็ทำอาหารจนเสร็จ

“เดี๋ยวคุณพยาบาลช่วยไปเรียกแก้วมาทานข้าวกลางวันด้วยนะ เพราะฉันไม่อยากให้ยัยแก้วต้องเป็นโรคกระเพาะ” เธอสั่งเสียงเข้ม

“ได้ค่ะคุณยาย” แล้วนางพยาบาลก็เดินออกจากห้องครัวไป ซึ่งเธอนั่งรอได้ไม่นาน พยาบาลก็ได้พาแก้วมาตามที่เธอสั่ง แถมนอกจากนี้นพก็ได้เดินเข้ามาในห้องครัวพร้อมกับเสียงทักทาย

“เป็นยังไงบ้างครับคุณยาย เกมออนไลน์ที่ผมแนะนำให้สนุกดีไหมครับ” ทว่าเธอไม่ตอบ กลับแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินโดยเดินเข้าไปหยิบนมจากในตู้เย็น “แต่เกมนี้ก็แย่จังเลยนะครับ ผมกระซิบหาคุณยายไม่ได้เลย ผมก็เลยเดินกลับเข้าไปในเมืองเริ่มต้นและได้แจ้งเรื่องนี้กับพนักงานเกมไปแล้ว หวังว่าล็อกอินคราวหน้าคงจะใช้งานได้แน่ครับ เอ่อ...ว่าแต่คุณยายใช้ชื่อราตรีพิสุทธิ์อยู่ใช่ไหมครับ แล้วตอนนี้คุณยายอยู่ตรงส่วนไหนของเกาะเริ่มต้นครับ ถ้าล็อกอินคราวหน้าผมจะรีบไปหาคุณยายได้ทันที”

เมื่อเธอเดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้แล้ว จึงค่อยตอบคำถามของหลานชายไปว่า

“ยายไม่รู้ว่าที่ยายอยู่นั้นมันเป็นที่ไหน แต่นพไม่ต้องเป็นห่วงยายหรอกนะ เพราะยายไม่ได้อยู่ตามลำพัง” เธอพูดพลางหยิบผ้ากันเปื้อนมารองไว้บนตัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดต่อ “แล้วอีกอย่างยายกำลังสนุกกับเพื่อนๆอยู่ ไม่อยากแยกจากกับเขานะ”

นพได้ยินที่คุณยายพูดถึงกับขมวดคิ้ว

“คุณยายแน่ใจนะครับว่าไม่รู้ที่อยู่นะ” นพถามอย่างสงสัย เพราะผู้เล่นใหม่ที่เพิ่งจะเข้าไปเล่นเกมเป็นครั้งแรก มักจะเกิดเป็นเด็กห้าขวบและจำเป็นต้องอยู่อาศัยกับพ่อแม่ที่เป็นเอ็นพีซี ดังนั้นการที่คุณยายไม่รู้ที่อยู่เลยนั้นมันยิ่งเป็นไปไม่ได้

“ใช่แล้วตานพ ยายไม่รู้เลย แต่ขอร้องล่ะนพ ขอยายสนุกกับเพื่อนใหม่ให้เต็มที่ อย่าได้เป็นห่วง ยายชอบที่ได้ผจญภัยเจออะไรใหม่ๆนะ” นพได้ยินแทบกุมขมับ เพราะนพไม่อยากทิ้งให้ยายเล่นเกมตามลำพังโดยที่ไม่มีตนคอยดูแลด้วย “เอาอย่างนี้แล้วกัน ในระหว่างที่ยายเล่นเกมกับเพื่อนๆ ยายจะส่งจดหมายไปหาหลานวันละหนึ่งฉบับดีไหม”

คำขอจากคุณยายทำให้นพถึงกับลังเลใจ แต่พอเห็นสีหน้าของท่านที่กำลังฉายแววแห่งความสุขแล้ว ชายหนุ่มก็เลิกคิดทันที

“ก็ได้ครับ ถ้าคุณยายต้องการตามนั้นผมก็ไม่ว่าอะไร” นพบอกพลางถอนหายใจ “แต่ถ้าคุณยายเห็นว่าตัวเองเล่นไม่ไหวแล้ว คุณยายต้องรีบออฟไลน์ออกจากเกมนั้นทันทีเลยนะครับ”

“จ้ะหลานรัก” แต่พอเธอได้เห็นนพแล้วก็ทำให้เธออดนึกถึงมาริโอที่อยู่ในเกมเสียมิได้ “แก้ว ไปหยิบไม้เรียวที่ห้องพระให้ทวดหน่อยสิจ้ะ”

เธอหันไปบอกลูกสาวของนพที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆเธอ

“ค่าคุณทวด” แล้วแก้วก็ลงจากเก้าอี้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัวเพื่อไปเอาไม้เรียวตามคำสั่งของคุณทวด ซึ่งนพเห็นแล้วเกิดรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างบอกไม่ถูก

ทำไมคุณยายต้องเรียกหาไม้เรียวเอาเวลานี้ด้วย

แก้วไปไม่นานนักก็ได้กลับมาพร้อมกับไม้เรียวหนึ่งอัน

“นี่ค่ะคุณทวด” แก้วพูดพลางยื่นส่งไม้เรียวให้ ซึ่งเธอรับไม้เรียวมาก่อนจะเอามือขวาลูบไม้เรียวอย่างแผ่วเบา

“สมัยนพยังเด็ก นพทั้งดื้อทั้งซนจนยายไม่รู้จะทำยังไงดี สอนก็แล้ว ดุก็แล้ว ยายก็เลยใช้ไม้เรียวอันนี้แหละตีนพ” เธอพูดย้อนความหลัง “พอนพโดนยายตีก็ร้องไห้ฟูมฟายวิ่งไปฟ้องแม่ว่ายายตีเธอ”

“คิกๆ อย่างคุณพ่อก็โดนตีเป็นกับเขาด้วย แถมร้องไห้จนขี้มูกเกรอะอีก” แก้วพูดไปหัวเราะเยาะพ่อตัวเองไปพลาง ซึ่งทำให้นพหันไปว่าลูกสาวตัวเองบ้าง

“เดี๋ยวเถอะลูกแก้ว มาพูดเยาะเย้ยพ่อแบบนี้เดี๋ยววันหลังพ่อไม่ให้เงินค่าขนมพิเศษเลยนี่”

“ไม่ต้องกลัวไปแก้ว เดี๋ยวทวดจะให้เอง” เธอพูดต่อ ซึ่งทำเอานพถึงกับหน้ามู่

“โธ่คุณยายครับ อย่าให้ท้ายลูกสาวผมแบบนี้สิ”

“ฉันจะให้มันก็เรื่องของฉัน” เธอย้อนเสียงเข้ม “อย่าว่าแต่แก้วเลย แม้แต่เธอฉันก็ยังเคยให้มาก่อนเหมือนกัน”

นพแทบอ้าปากค้างเมื่อได้ยินที่คุณยายพูด แต่แล้วชายหนุ่มก็หุบปากลงก่อนจะพูดขึ้นว่า

“เพราะไม้เรียวของคุณยาย ผมถึงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้มาจนถึงทุกวันนี้” นพพูดจบก็ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ แล้วเดินไปยืนอยู่ข้างคุณยายพลางนั่งลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้น ก่อนจะยกแขนขึ้นพนมมืออย่างเรียบร้อย “ผมขอกราบขอบพระคุณยายครับ ชั่วชีวิตนี้ผมจะไม่มีวันลืมคำสั่งสอนของคุณยายอย่างแน่นอน”

เมื่อนพพูดจบ ชายหนุ่มก็ก้มลงกราบบนตักเธอโดยที่เธอได้แต่เอามือลูบหัวหลานชายทั้งน้ำตา แล้วหลังจากนั้นพวกเธอก็รีบลงมือทานข้าว เมื่อเรียบร้อยแล้วนพก็ขอตัวไปทำธุระที่นอกบ้านโดยพาแก้วไปตามด้วย ส่วนตัวเธอไม่รู้จะทำอะไรดี จึงกลับเข้าไปเล่นเกมออนไลน์เพื่อไปฝึกฝนการเป็นมังกรต่อโดยเธอปรับเวลาเล่นเป็นห้าชั่วโมงตามที่หลานชายได้สอนไว้ก่อนออกจากบ้านไป ซึ่งทั้งเธอและนพต่างไม่รู้ว่าตอนนี้ในเกมออนไลน์เองก็ได้อัพเดทแพทช์เรื่องเวลา จากเดิมที่เคยเป็นสามชั่วโมงจากโลกจริงต่อสามอาทิตย์ในเกมเปลี่ยนเป็นหนึ่งชั่วโมงของโลกจริงต่อหนึ่งวันในเกมเลยแม้แต่นิดเดียว

.......................

หลังจากที่ราตรีได้กลับเข้ามาในเกมอีกครั้ง เธอก็ได้ลืมตาขึ้นมาเห็นมาริโอนั่งคุกเข่าร้องไห้ข้างกายเธออย่างไม่หยุดหย่อน

“เป็งอารายปายมะรีโอ้ ทามมายเจ้าถึงร้องห้าย” ราตรีถามอย่างสงสัย ซึ่งมาริโอตอบคำถามเธอกลับมาด้วยเสียงสะอื้นว่า

“ก็เจ้าเล่นสลบไปตั้งหนึ่งวันเต็ม แถมเรียกก็ไม่ยอมตื่น ไม่ให้ข้าร้องไห้ก็บ้าแล้ว ดีนะที่พวกเราอยู่ใกล้ลุงมานา จึงทำให้พวกมอนสเตอร์ไม่กล้าเข้ามาทำร้าย”

“เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าตื่นได้ก็ดีแล้ว ทีหลังอย่าทำให้คนแก่เป็นห่วงอีกล่ะ” เสียงลุงมานาพูดสอดแทรก ทำให้ราตรีรู้สึกตัวว่าตอนนี้เธอกับมาริโอกำลังอยู่ในวงล้อมของรากต้นไม้ที่เต็มไปด้วยหนามอันแหลมคม “ถ้าเจ้าคิดจะขอโทษ ก็ไปขอโทษมาริโอดีกว่านะเด็กน้อย เพราะเจ้านี่ไม่ยอมกินไม่ยอมนอน เอาแต่นั่งร้องไห้เรียกเจ้าจนเสียงแทบไม่มี”

พอลุงมานาพูดจบ ราตรีก็หันไปมองมาริโอด้วยความทึ่ง เพราะเธอไม่คิดว่ามันจะร้องไห้เสียน้ำตาเพื่อเธอถึงเพียงนี้

ช่างเป็น...มิตรภาพแท้ที่เธอหาซื้อที่ไหนไม่ได้

เกมนี้ดูท่าจะสมจริงของมัน

กระทั่งมิตรภาพก็ยังสร้างได้!


ราตรีคิดในใจเสร็จก็ลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ เมื่อเธอยืนได้อย่างมั่นคงแล้วจึงเข้าสวมกอดมาริโอพร้อมกับใช้มือขวาอันน้อยนิดลูบหลังมันอย่างแผ่วเบา

“ขอบคุงที่อยู่ข้างกายข้า แย้วก้อ...ขอโทดด้วยนะมะรีโอ ข้าขอโทดที่ทามห้ายเจ้าต้องเป็งห่วง”

“ค่ามิตรภาพของท่านเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 2, 3, 4, 5”

เสียงของระบบประกาศดังก้องหัวราตรี ซึ่งเธอกอดมาริโอได้ไม่นานนัก มันก็ผลักเธอออกห่างเบาๆ ก่อนจะพูดตวาดเสียงใส่

“เป็นเด็กเป็นเล็กริมากอดข้า ช่างไม่อายฟ้าอายดินบ้างเลยนะไอ้เด็กเปรต” ราตรีได้ยินที่มาริโอพูดก็นึกขำขัน

คงจะอายที่เธอกอดมันสินะ

“เอาเถิดมาริโอ ราตรีก็ได้พูดขอโทษเจ้าไปแล้ว เจ้าก็น่าจะเลิกโมโหได้แล้วนะ” ลุงมานาพูดแทรก ในขณะที่รากไม้ที่เคยล้อมรอบราตรีกับมาริโอก็พลันหดหายไปอย่างเชื่องช้า “หากเจ้ายังไม่เลิกหายโกรธอีกล่ะก็ ข้าจะสับเนื้อเจ้าเป็นชิ้นๆ แล้วนำเนื้อเจ้าไปทำต้มยำเห็ดให้ราตรีทานแทนอาหารมื้อเช้าเสียเลยนี่”

คำขู่จากลุงมานาพร้อมกับรากไม้อันแหลมคมที่จ่อคอมาริโออยู่ไม่ห่าง ซึ่งทำเอามาริโอถึงกับหน้าซีด ส่วนราตรีได้แต่แอบขำมาริโออยู่ในใจ

เธอได้ตัวช่วยดัดนิสัยมาริโอเพิ่มอีกคนแล้ว

หลังจากนั้นลุงมานาก็ให้มาริโอนำผลหมากรากไม้มาให้ราตรีทาน ซึ่งมาริโอก็ยอมทำแต่โดยดี เพราะยังคงเกรงกลัวลุงมานาอยู่นั่นเอง เมื่อราตรีกับมาริโอทานเสร็จแล้ว ลุงมานาก็พาเธอเข้าสู่บทเรียนต่อ ซึ่งโดยครั้งนี้ลุงมานาไม่ได้สอนทฤษฎีเหมือนหลายวันที่ผ่านมา หากแต่ลุงมานาจะสอนภาคปฏิบัติโดยให้ราตรีหัดลองแปลงร่างเป็นมังกรจริงดูบ้างแล้ว

“ทำใจให้ว่าง ผ่อนลมหายใจให้เป็นจังหวะตามที่ข้าเคยสอนไว้” ลุงมานาบอก ซึ่งราตรีก็รับฟังก่อนจะทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย “การแปลงร่างมังกรสามารถเปลี่ยนได้สองวิธี หนึ่งคือการกำหนดจิตว่าตัวเจ้าเป็นมังกร สองคืออารมณ์โกรธ หากแต่วิธีที่สองนี้อันตรายยิ่งยวด เพราะมันจะกระทบกับจิตใจของตัวเจ้าเอง เจ้าจะบังคับร่างกายตอนเป็นมังกรยากเสียยิ่งกว่าวิธีแรก พูดง่ายๆก็คือเจ้าจะคลั่งนั่นเอง”

“คลั่งที่ว่านี่คือการทำร้ายคนอื่นเหรอตาแก่” มาริโอพูดขัดจังหวะการสอนเสียเอาดื้อๆ แถมยังเปลี่ยนสรรพนามการเรียกลุงมานาเป็นตาแก่แทน ซึ่งทำเอาคนสอนแทบอยากเอามันไปทำต้มยำเห็ดให้รู้แล้วรู้รอด แต่ติดอยู่ตรงที่ลูกศิษย์ของตนกำลังทำสมาธิอยู่ ดังนั้นลุงมานาจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถามของมาริโอก่อนจะพูดสอนราตรีต่อ

“อย่าลืมผ่อนร่างกายให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ แล้วถึงตอนนั้นเจ้าค่อยกำหนดจิตว่าตัวเองจะเป็นมังกร อย่าลืมว่าเจ้าก็คือมังกร และมังกรก็คือเจ้า แล้วร่างกายของเจ้าก็จะเปลี่ยนรูปร่างเอง”

พอถึงตรงนี้แล้ว ราตรีกลับไม่ได้ยินเสียงของลุงมานาอีกเลย ราวกับว่าตัวเธออยู่ท่ามกลางความมืดมิดปราศจากเสียงรบกวน ซึ่งราตรีกลับรู้สึกอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกถึงขุมพลังจากส่วนที่ลึกที่สุดกำลังแผ่ซ่านมายังที่ร่างกายเธอ

รู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน เหมือนมีท่านพ่อกับท่านแม่อยู่ข้างกายมิผิด

แล้วแสงสีฟ้าก็ส่องประกายทั่วร่างกายของราตรี ซึ่งทำเอามาริโอที่ยืนมองเจ้านายแปลงร่างร้องโห่ด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้มันจะมองไม่เห็นเจ้านายมันเพราะแสงสีฟ้าบดบังจนหมดก็ตาม แต่มันก็สามารถรับรู้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของราตรีว่าเจ้านายของมันแปลงร่างเป็นมังกรได้สำเร็จแน่

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์แปลงร่างเป็นมังกรระดับ 1”

เสียงระบบประกาศบอกก่อนที่ลำแสงสีฟ้าจะหายไป ซึ่งเผยให้เห็นมังกรร่างเล็กมีลักษะเกล็ดสีผิวเพทายฟ้าอ่อนกำลังนั่งอยู่ในท่าก้มหน้าก้มตาโดยมีปีกทั้งสองข้างมาบังใบหน้าเล็กน้อย

“เหลือเชื่อ นี่หรือไอ้เด็กเปรต” มาริโอพูดอย่างตกตะลึงกับความเปลี่ยนแปลงของเจ้านายตัวเอง

“ไม่เลว ช่างเป็นมังกรที่สวยไม่แพ้พ่อแม่ของมันเลย” ลุงมานาพูดพึมพำกับตัวเอง “ไม่สิ สวยและงดงามเสียยิ่งกว่ามังกรทุกตัวในโลกนี้”

ชักอยากจะรู้พลังธาตุของเด็กน้อยเสียแล้ว

ลุงมานาครุ่นคิดในใจพลางบอกให้ราตรีลืมตาขึ้นได้ พอราตรีในร่างมังกรลืมตาขึ้น ก็เผยให้เห็นนัยน์ตาแมวสีน้ำทะเลลึกที่ผู้ชมอย่างลุงมานากับมาริโอดูแล้วรู้สึกอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยว

แม้กระทั่งนัยน์ตาก็ยังสวย!

ส่วนราตรีเมื่อลืมตาขึ้นแล้ว เธอก็สังเกตร่างกายของตัวเองที่เปลี่ยนไป

สีเกล็ดมังกรสวยใช่ย่อย

ราตรีคิดพลางคิดลองวิชาพ่นไฟที่เคยได้เรียนมาจากลุงมานา เธอจึงอ้าปากกว้างพร้อมตั้งสติก่อนจะพ่นไฟออกมา

ฟู่! ฟู่!

ไฟที่โผล่ออกจากปากของราตรีลอยออกมาเป็นวงกลมคล้ายโดนัท ซึ่งทำเอามาริโอที่จ้องมองเจ้านายมันอยู่ถึงกับหัวเราะกลิ้งตัวไปมา

“ฮะ...ฮะ...ฮะ...ฮะ” ราตรีได้ยินที่มาริโอหัวเราะเยาะจึงหันมาจ้องมันด้วยความฉุนเฉียวก่อนจะพ่นลมแรงๆใส่มัน

ฟู่!

พลันมาริโอก็เห็นภาพตัวเองไหม้เกรียมถูกไม้เสียบเป็นบาบีคิวแวบเข้ามาในหัว ดังนั้นมันจึงรีบก้มหัวขอโทษผู้เป็นนายทันที

“ขอโต้ดก๊าบ! หนูกัวแย้ว!”

“ฮึ” ราตรีในคราบมังกรพ่นลมหายใจก่อนจะเปิดปากพูดต่อ “ข้าแปลงร่างเป็งมางกอนแย้วเป็งงายบ้าง ฮะท่านลุงมานา”

“อืม เยี่ยมไปเลยเด็กน้อย เจ้าทำได้ดีมาก” ลุงมานาพูดชมซึ่งทำเอาราตรีรู้สึกดีใจอย่างยิ่ง

“แล้วนี่ไอ้เด็กเปรตจะต้องหัดบินเลยไหม” มาริโอเอ่ยปากถามแทนเจ้านาย ซึ่งไม่ทันที่ลุงมานาจะได้อ้าปากพูดสักคำ ราตรีในคราบมังกรก็เดินต้วมเตี้ยมไปหามาริโอ เมื่อถึงตัวมันแล้วเธอก็หันหลังให้มันก่อนจะ...

ตูม!

พื้นดินแตกกระจายเป็นสองส่วนโดยฝีมือหางของราตรีที่ฟาดพื้นเพียงครั้งเดียว ซึ่งทำเอามาริโอถึงกับตัวแข็ง แล้วราตรีก็หันมายักคิ้วใส่ให้มัน ส่วนลุงมานาได้แต่หัวเราะชอบใจกับการสอนมาริโอของราตรี แล้วเวลาผ่านไปได้นาทีเดียวราตรีก็ได้กลับคืนมาร่างเด็กหนึ่งขวบตามเดิม ซึ่งที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าร่างกายของราตรียังไม่พร้อมที่จะแปลงร่างเป็นมังกร ดังนั้นจึงทำให้ราตรีแปลงร่างได้ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ลุงมานาบอกเหตุผลว่าถ้าหากไม่ถึงคราวจำเป็นจริง ก็อย่าได้แปลงร่างเป็นมังกรเด็ดขาด แล้วจากนั้นราตรีก็กลับเข้าไปนอนในเต็นท์พร้อมกับมาริโอเพื่อพักฟื้นพลังกายที่หายไปจากการแปลงร่างเป็นมังกรตามคำบอกของลุงมานา

.................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ 13 จ้าวนภา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :mew1: :mew1: อิอิอิ มาอีกสนุกดี

ออฟไลน์ wavalove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :-[

กำลังสนุกเลยย


อิอิอิ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
รอค่ะ เป็นเรื่องที่น่าติดตามอีกเรื่องนึงเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด