The Real of Life Online (บทสรุป update 100% P.4 6/03/58) จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Real of Life Online (บทสรุป update 100% P.4 6/03/58) จบแล้วค่ะ ย้ายได้เลยค่ะ  (อ่าน 25853 ครั้ง)

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
สนุกมากกกกก

ขำๆๆ มาริโอ

คริคริคริ


รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 12 เมืองเริ่มต้น

..................           

หลังจากราตรีได้พักผ่อนเพียงพอแล้ว เธอก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำก่อนจะมาทานอาหารซึ่งผู้เตรียมอาหารนั้นจะเป็นใครที่ไหนไม่ได้นอกจากมาริโอ และแน่นอนว่าอาหารมื้อเที่ยงนี้หนีไม่พ้นข้าวบดผลไม้ เมื่อราตรีกับมาริโอทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ลุงมานาก็ได้เรียกเธอเข้ามาคุยด้วย

“มีอารายหยอฮะท่านลุง” ราตรีถามพลางแวบหันกลับไปมองมาริโอที่กำลังคาบกะลามะพร้าวไปทิ้ง ก่อนเธอจะหันหน้ากลับมายังทางลุงมานาอีกครั้ง

“วันนี้เจ้าก็สามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้แล้ว ถึงยังจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม ลุงก็ไม่มีอะไรที่จะสอนเจ้าอีกแล้วเด็กน้อยเอ๋ย” ลุงมานาพูดเกริ่นก่อนจะพูดต่อไป “ส่วนเรื่องหัดบินนั้น ให้เจ้าไปหัดลองบินด้วยตัวเอง เพราะข้าได้สอนวิชาทฤษฎีทุกอย่างหมดแล้ว คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เจ้าจะไปหัดเองได้ใช่ไหม”

ราตรีได้ยินที่ลุงมานาพูดถึงกับขมวดคิ้ว แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังคงตอบกลับไปว่า

“ด้ายฮะท่านลุง ม่ายมีปัญหา”

“อ้อแล้วก็เรื่องของมาริโอ” ลุงมานาพูดอย่างนึกขึ้นได้ “เจ้าสอนสั่งมันให้ดีล่ะ เพราะการพูดจาของมันยังไม่ค่อยจะดีนัก”

“ฮะท่านลุง”

“ส่วนเรื่องที่ข้าเคยพูดกับเจ้าไว้เมื่อวันก่อน เจ้าไม่ต้องทำก็ได้นะเด็กน้อย เพราะราชาปีศาจหาได้ใช้คู่มือของเจ้าไม่ มันอันตรายเกินไปที่เจ้าจะต่อกรด้วย” ลุงมานาบอกด้วยความเป็นห่วง ซึ่งราตรีได้ส่ายหน้าเป็นคำตอบ เธอส่งยิ้มพลางตอบกลับไปว่า

“ข้าต้องขอบคุงท่านลุงที่เป็งห่วงข้า เรื่องนี้ข้าทามด้วยความเต็มจายฮะ ส่วนเรื่องราชาปีสาดข้าจาหาวิธีปายฉู้กับมานด้ายแน่ เพียงแต่ตอนนี้ข้าต้องฝึกวิชาห้ายเก่งเสียก่อง  อ้อ แล้วก้อหาพรรคพวกปายฉู้ด้วยกานนะฮะ”

“อืม คิดได้งั้นก็ดีแล้วล่ะเด็กน้อย เห็นเจ้าพูดอย่างนี้ข้าค่อยเบาใจหน่อย” แล้วลุงมานาก็ได้ยื่นข้อเสนอมาให้ ซึ่งราตรีก็รีบตอบรับก่อนจะพามาริโอมาลาลุงมานา จากนั้นทั้งคู่จึงพากันออกเดินทางต่อ โดยเป้าหมายคือเมืองเริ่มต้นตามทางที่ลุงมานาได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ระหว่างทางที่ทั้งคู่ออกเดินทางนั้นต่างมีผู้เล่นมากหน้าหลายตามองมาที่ราตรีกับมาริโออย่างสนอกสนใจ ซึ่งเธอรับรู้แต่ไม่ใส่ใจ เพราะเธอยังมีภาระอีกมากที่จะต้องทำต่อไปอีก

“เย้! เจอเมืองแล้วรัตติ! พวกเราเจอเมืองแล้วรัตติ!” มาริโอโห่ร้องด้วยความดีใจเมื่อมันพาเจ้านายเดินมาถึงเมืองแล้ว ซึ่งทำเอาราตรีที่นั่งขี่คออยู่ต้องใช้มือตบหัวมันเบาๆ

“เจ้าจาพูดเฉียงดังปายทามมาย หัดอายคงอื่นเฉียบ้างจิ เฮ้อ!” ราตรีพูดพลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเมืองเริ่มต้นที่มีกำแพงอิฐสีแดงรอบล้อมไว้อยู่

ในที่สุดก็มาถึงซักที

ก่อนอื่นเราคงต้องไปตึกผู้เล่นใหม่ก่อนสินะ


ราตรีคิดในใจ เพราะก่อนหน้านี้เมฆาเคยบอกไว้ว่าถ้าจะเข้าไปในเมืองเริ่มต้น ให้ไปที่ตึกผู้เล่นใหม่ก่อน เพราะที่นั่นเขาจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ของสำหรับผู้เล่นที่เพิ่งจะเข้าเกมมาใหม่เป็นครั้งแรกด้วย แล้วราตรีก็หันมองหาตัวช่วยก่อนจะเห็นผู้เล่นหญิงคนหนึ่งที่สวมชุดสวยงามเดินผ่านมา

“เอ่อเดี๋ยวฮะพี่ฉ๋าวคนฉวย เอ้ามะรีโอ้พาข้าเดินปายหาพี่ฉ๋าวคนนั้นทีจิ” ราตรีร้องเรียกพลางสั่งให้มาริโอเดิน ซึ่งมันก็ยอมเดินไปหาแต่โดยดี ส่วนผู้หญิงคนนั้นเมื่อถูกราตรีเรียกแล้วก็รีบหันกลับมาก่อนจะมองราตรีกับมาริโออย่างสงสัย “พอดีข้า…เอ้ย ป๋มเพิ่งมาที่นี่เป็งครั้งแรก ม่ายซาบว่าพี่ฉ๋าวยู้จักทางปายตึกผู้เย่นหม่ายหมายฮะ”

ราตรีถามพลางมองหน้าผู้เล่นที่เป็นผู้หญิงซึ่งมีผมสีแดงสั้นระต้นคอ สวมชุดเกราะสีดำเน้นทรวดทรงสำหรับนักรบหญิงทำให้เห็นเรือนร่างที่ดูสง่างามและทะมัดทะแมงสมส่วน  หากแต่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบคำถามของเธอไม่ กลับมองราตรีตั้งแต่หัวจรดเท้า

“นี่เจ้านายของข้าถามแล้วทำไมไม่ตอบล่ะฮะยัยมนุษย์น่าโง่!” มาริโอทนยืนฟังอยู่นานแล้วจึงด่ากลับไปอย่างไม่ไว้หน้า

“อย่าเฉียมาระยาดนะมะรีโอ้!” ราตรีดุมาริโอก่อนจะหันหน้าไปยิ้มให้กับผู้หญิงคนนั้น “ป๋มต้องขอโทดแทนมะรีโอ้ที่เฉียมาระยาดฮะ มานยางเด็กเลยพูดม่ายยู้จักคิด”

“ว่าแต่เขาแล้วตัวเองไม่เด็กนักรึไง”

“มะรีโอ้!” ราตรีตวาดเสียงใส่พลางใช้มือขวาเขกหัวมาริโอเป็นการสั่งสอน “เวลาผู้หญ่ายคุยกานเจ้าห้ามสอดเข้าจายหมาย”

“เข้าใจแล้ว” มาริโอตอบเสียงอ่อย แล้วราตรีก็หันไปหน้าทางผู้เล่นคนนั้นซึ่งยังคงมองเธออย่างฉงน

“ว่ายางงายฮะพี่ฉ๋าว พอจารู้ทางปายหมายฮะ” ราตรีถามซ้ำอีกรอบ หากแต่อีกฝ่ายกลับจ้องราตรีเขม็ง

หวา จ้องตาไม่กระพริบเลยแหะ

“น่า” จู่ๆ ผู้หญิงในชุดเกราะก็พูดขึ้นมา ซึ่งทำเอาราตรีกับมาริโอมึนงง

น่า?

“น่า...น่ารักจังเลย! ขอพี่สาวคนนี้กอดหน่อยเถอะนะ!” เมื่อผู้หญิงคนนั้นพูดจบ ก็รีบเข้ามาอุ้มราตรีอย่างเร็วก่อนจะกอดเธออย่างแนบแน่น ซึ่งทำเอาคนถูกกอดแทบอ้าปากค้าง

“ปล่อยนายของข้าเดี๋ยวนี้นะเจ้ามนุษย์!” มาริโอตะโกนบอกด้วยความเดือดดาล แต่ทว่าผู้หญิงคนนั้นหาได้คลายกอดราตรีไม่ กลับกอดแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม แถมนอกจากนี้ยังหอมแก้มราตรีทั้งสองข้างอย่างไม่สนใจเสียงมาริโอเลยสักนิด “บอกว่าให้ปล่อยนายของข้ายังไงกันเล่า!”

มาริโอพูดพลางทำท่าจะเตะหญิงสาวให้เลิกกอดราตรี หากแต่อีกฝ่ายปล่อยให้ราตรีลงยืนกับพื้นก่อน

“พี่ขอโทษด้วยที่ทำให้น้องต้องตกใจ” หญิงสาวผมแดงกล่าวยิ้มๆพลางเอามือเกาศีรษะอย่างเคอะเขิน “พอดีพี่เป็นคนที่ชอบเห็นเด็กทารกแล้วเป็นต้องกอดต้องหอมทุกที หวังว่าน้องคงไม่ว่าอะไรพี่หรอกนะจ้ะ”

ราตรีได้ยินที่อีกฝ่ายพูดถึงกับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

“ม่ายเป็งรายฮะ ป๋มแค่ตกจายนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

“ว่าแต่น้องเป็นผู้เล่นจริงๆรึ คงไม่ใช่จีเอ็มหรือเอ็นพีซีหรอกนะ” หญิงสาวถามใหม่อีกครั้ง ซึ่งราตรีก็ตอบกลับไปว่า

“ฮะ ป๋มเป็งผู้เย่นหม่าย ม่ายช่ายจีเอ็มหรือเอ็งพีชีอย่างที่พี่ฉ๋าวถามมารอกฮะ ว่าแต่พี่ฉ๋าวจาบอกทางห้ายป๋มด้ายหรือยางฮะ”

“ได้สิจ้ะ พี่ผ่านทางนั้นพอดี ไปด้วยกันเลยนะจ้ะ” ว่าแล้วหญิงสาวผมแดงก็อุ้มราตรีขึ้นมาแล้วพาเดินเข้าไปในเมืองโดยไม่รอคำตอบจากเธอเลยสักนิดเดียว ส่วนมาริโอเมื่อเห็นว่าราตรีถูกอุ้มไปแล้วจึงรีบวิ่งตามไปอย่างเร็ว ในขณะที่ราตรีถูกผู้เล่นหญิงอุ้มพาเดินเข้าไปในเมืองแล้ว เธอก็แทบอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ในกำแพงเมืองเริ่มต้น เพราะสองข้างทางเดินเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้หลากหลายพันธุ์บนพื้นหญ้าอันเขียวขจีแทนที่จะเป็นตึกรามบ้านช่องตามความคิดของเธอ “คิกๆ อ้าปากค้างซะแล้วน้องเรา คงตกใจกับเมืองเริ่มต้นนี้ไม่น้อยสินะ”

หญิงสาวผมแดงพูดพลางหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อเห็นเด็กน้อยที่เธออุ้มอยู่นั้นอ้าปากค้าง

ไม่น้อยแล้วล่ะ มากจนเกือบช็อคตั้งหาก

ราตรีคิดพลางหุบปากลงก่อนจะหันหน้าไปถามผู้อุ้มต่อ

“ที่นี่คือเมืองเริ่มต้นแน่หยอฮะพี่ฉ๋าว”

“แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งเลยจ้ะ” หญิงสาวตอบยิ้มๆ “เพราะผู้สร้างเกมต้องการให้ผู้ที่เพิ่งเข้ามาเล่นเกมครั้งแรกเกิดความประทับใจ จึงลงทุนลงแรมสร้างเมืองเริ่มต้นนี้ให้สวยงามเสมือนเมืองในฝันยังไงล่ะจ้ะ”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง ว่าแต่ตึกยามบ้านช่องกับผู้เย่นคงอื่นปายอยู่กานตรงหนายแย้วฮะ ป๋มหาม่ายเจอเลยซากที เห็นแต่ทุ่งหญ้าดอกม้ายเต็มปายหมด” ราตรีพูดพลางถามอย่างสงสัย เพราะไม่ว่าเธอมองไปทางไหนก็เห็นแต่ดอกไม้กับทุ่งหญ้าเท่านั้น

“อ้อ พวกบ้านกับคนอื่นๆเค้าไม่ได้หายไปไหนกันหรอกจ้ะ เพียงแต่ว่าตรงส่วนที่พวกเรากำลังยืนอยู่นั้นเป็นเพียงแค่ทุ่งหญ้าก่อนถึงตัวเมืองนะจ้ะ” หญิงสาวตอบพลางชี้นิ้วไปด้านหน้าซึ่งเป็นทางเดินที่ถูกปูด้วยหินสีแดงยาวจนสุดลูกหูลูกตาของราตรี “เดี๋ยวพวกเราเดินตามทางนี้ไปซักพัก น้องก็จะได้เห็นเมืองเริ่มต้นแล้วล่ะ”

คำตอบจากอีกฝ่ายได้ทำให้ราตรีอ้าปากร้องอ้ออย่างเข้าใจ

“คุยกันมาตั้งนานพี่ยังไม่รู้จักชื่อน้องเลย น้องชื่ออะไรหรือจ้ะ”

คนอุ้มถามซึ่งราตรีกำลังจะอ้าปากตอบ มาริโอก็ดันแย่งตอบกลับไปว่า “รัตติ! นายของข้ามีนามสูงส่งว่ารัตติ โปรดจำใส่กะลาหัวไว้ด้วยล่ะเจ้ามนุษย์ผู้ต้อยต่ำ”

“มะรีโอ้!”

“ไม่เป็นไรจ้ะน้องรัตติ เรื่องแค่นี้พี่ไม่โกรธหรอก” หญิงสาวตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ส่วนพี่ชื่อธิดา ยินดีที่ได้รู้จักนะจ้ะน้องรัตติ อ้อ แล้วก็มาริโอด้วยนะ”

ธิดาพูดพลางหันหน้าไปยิ้มหวานให้กับมาริโอ หากแต่มันหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ตอบพลางสะบัดหน้าหนี

ดูมัน เห็นทีต้องสั่งสอนให้มากกว่านี้ซะแล้ว!

หลังจากที่ธิดาพาพวกราตรีเดินไปถึงเมืองเริ่มต้นแล้ว ก็ทำเอาราตรีกับมาริโออ้าปากค้างด้วยความตะลึง เพราะเบื้องหน้าที่พวกเขาเห็นในขณะนี้เป็นเมืองคล้ายเมืองเล็กๆ ในแถบชนบทของยุโรป บ้านแต่ละหลังถูกออกแบบมาอย่างประณีตด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสาน โดยที่อาคารขนาดใหญ่จะเป็นสถาปัตยกรรมทรงโกธิค ส่วนบ้านทั่วๆ ไป จะให้อารมณ์ที่เป็นกลิ่นไอของยุคกลาง นอกจากนี้ตามถนนหนทางก็ดูสะอาดเรียบร้อยจนราตรีนึกชมผู้สร้างที่ช่างเข้าใจออกแบบให้ผู้เล่นใหม่รู้สึกเกิดความประทับใจเกมในครั้งแรกที่เข้ามาเล่น ซึ่งแน่นอนว่าราตรีได้ประทับใจกับฉากของเกมไปเรียบร้อยแล้ว

“ฮู้ ที่นี่คงเยอะม่ายช่ายน้อยเยยนะฮะท่านพี่ธิดา” ราตรีพูดเสียงตื่นเต้นในขณะที่เห็นผู้เล่นคนอื่นเดินพลุ่กพล่านจนลานตา

“ปกติไม่เยอะขนาดนี้หรอกนะจ้ะน้องรัตติ แต่พอดีวันนี้ทางเกมเขาจัดกิจกรรม ก็เลยมีผู้เล่นเยอะมากเป็นพิเศษ” ธิดาตอบพลางก้มมองราตรี “ว่าแต่เมื่อกี้นี้น้องเรียกพี่ว่าอะไรนะจ้ะ”

“ท่านพี่ธิดา?”

“ตายแล้ว ทำไมเรียกพี่ซะโบราณขนาดนั้นล่ะ หรือน้องชอบนิยายพวกกำลังภายในจีน” ธิดาถามอย่างสงสัย

“เป่าชอบฮะท่านพี่ ป๋มเป็งแบบนี้มาตั้งแต่ด้ายเล่งเกมนี้แย้ว” ราตรีตอบก่อนที่เธอจะรู้สึกถึงสายตาของผู้เล่นคนอื่นที่จ้องมองมา ทีแรกราตรีไม่เอะใจเพราะเห็นมาตั้งแต่ก่อนเข้าเมืองแล้ว หากแต่สายตาของทุกคนกลับจ้องไปที่ธิดาแทนที่จะเป็นราตรี

มองทำไมหว่า?

ราตรีครุ่นคิดในใจอย่างสงสัย แล้วทันใดนั้นจู่ๆก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งขี่ม้าเข้ามายังตรงที่พวกราตรีกำลังยืนอยู่

ฮี้!

เสียงม้าร้องก่อนจะหยุดวิ่งตรงเบื้องหน้าราตรี แล้วหนึ่งในผู้ขี่ม้าซึ่งเป็นผู้หญิงผมสีน้ำเงินได้กระโดดลงจากหลังม้าพลางเดินปรี่เข้ามาก่อนจะทำท่าคำนับ

“ขออภัยท่านประ…” ผู้หญิงผมหางม้าสีเขียวทำท่าจะพูดกลับชะงักไปเสียดื้อๆ แถมยังรีบลุกขึ้นยืนราวกับว่าพื้นที่เธอนั่งมันร้อนจัดเกินไป “เอ่อ พี่ธิดา กลับมาแล้วเหรอคะ”

ราตรีเห็นการกระทำแปลกๆของอีกฝ่ายก็นึกสงสัย

บ๊องรึเปล่าเนี่ย เดี๋ยวนั่งเดี๋ยวลุก แถมพูดจาก็แปลกๆอีกด้วย

“จ้ะ พี่กลับมาแล้ว” ธิดาตอบโดยปราศจากรอยยิ้ม “เราพาเพื่อนๆกลับไปกันก่อน เดี๋ยวพี่เสร็จธุระจะรีบกลับไป”

“ค่ะพี่ธิดา” ผู้หญิงคนนั้นตอบพลางเหลือบตามองราตรีกับมาริโออย่างระแวง จากนั้นจึงหมุนตัวเดินกลับไปที่เดิมก่อนจะพูดคุยกับพรรคพวกสักสองประโยค แล้วจึงขึ้นม้าขี่พากันกลับไปทางเดิม

“มามะ พวกเราไปกันต่อเถอะจ้ะน้องรัตติ” ธิดาบอกซึ่งราตรีก็พยักหน้าตอบรับ แล้วหญิงสาวก็พาราตรีกับมาริโอออกเดินต่อ เมื่อมาถึงที่หมายแล้ว ธิดาก็อุ้มราตรีลงยืนกับพื้น “เดี๋ยวพี่จะต้องรีบไปทำธุระ ไม่ว่างไปส่งข้างในนี้ได้”

ธิดาพูดลาพลางนั่งยองหอมแก้มราตรี และไม่ลืมหันไปหอมแก้มมาริโอด้วย ซึ่งทำให้มันถึงกับหน้าแดง

“แล้วพบกันใหม่นะจ้ะน้องรัตติ มาริโอ” พอกล่าวลาแล้วร่างบางก็พลันเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

“เอาล่ะ พวกเรารีบเข้าปายกานเถอะ” ราตรีบอกมาริโอก่อนจะหันตัวกลับไปยังตึกผู้เล่นใหม่ที่ถูกสร้างคล้ายปราสาทขนาดเล็ก หากแต่ตึกผู้เล่นใหม่นี้ถูกประดับด้วยหินแกะสลักรูปปั้นมังกร ซึ่งราตรีเห็นแล้วอดโมโหไม่ได้ว่าทำไมถึงต้องสร้างเป็นรูปสัตว์โดยเฉพาะมังกรที่เป็นเผ่าเดียวกับเธอด้วย ทว่าพอหันไปเห็นรูปปั้นสัตว์เผ่าอื่นๆ หรือแม้กระทั่งมนุษย์เองแล้ว ความโกรธก็พลันมลายหายไป “มะรีโอ มัวยืนเหม่ออยู่ด้าย รีบๆเข้าปายกานเถอะ”

ราตรีบอกพลางปีนขึ้นหัวมาริโอ

“อะ…อืม” แล้วมาริโอก็พาราตรีเดินเข้าไปยังข้างในตึกผู้เล่นใหม่ทันที เมื่อราตรีกับมาริโอได้เข้าไปข้างใน เธอก็ได้เห็นผู้เล่นมากหน้าหลายตากำลังยืนต่อแถวยาวเหยียด

“ผู้เล่นคนไหนเพิ่งเข้ามาเล่นเกมนี้เป็นครั้งแรกกรุณาช่วยมาต่อแถวตรงนี้ด้วยนะครับ” เสียงของพนักงานตะโกนบอก ซึ่งทำให้ราตรีทราบว่าทำไมถึงได้มีผู้เล่นยืนต่อแถวกันเยอะขนาดนี้

“จะไปต่อแถวไหมรัตติ” มาริโอถามด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ

“ปายจิมะรีโอ้” ราตรีตอบ “เค้าอุดส่ามีของฟรีแจกทั้งที ม่ายเอาก้อโง่แย้ว”

แล้วมาริโอก็พาราตรีไปยืนต่อแถวเข้าคิวกับเขาบ้าง

“เดี๋ยวครับน้อง ทางนี้ครับ” เสียงเพรียกดังมาจากข้างซ้ายทำให้รัตติกับมาริโอหันขวับอย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะเห็นชายหนุ่มผมสีเขียวสั้นระต้นคอในชุดสูทเดินปรี่เข้ามาหาพวกเธอด้วยสีหน้าตื่นๆ

“เรียกพวกป๋มหยอฮะพี่ชาย” ราตรีขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย หากแต่อีกฝ่ายยืนหอบหายใจสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดว่า

“ครับ ถ้ายังไงพี่ขอเชิญน้องไปกับพี่ทางนี้หน่อยนะครับ”

“ม่ายปาย ถ้าพี่ชายม่ายพูดแนะนามตัวเองก่อง” ราตรีบอกพลางส่ายหน้า ซึ่งทำให้ชายหนุ่มอึ้งไปสองวิ

“ฮะๆ จริงด้วยสิครับ พี่รีบจนลืมแนะนำตัวไป” ชายหนุ่มพูดหัวเราะอย่างเขินอายพลางกระแอมไอสองครั้ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน “พี่ชื่อดนัยเทพ เป็นเจ้าหน้าที่ของเกมนี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

“เช่นกานฮะ” ราตรีตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแต่เธอไม่ยอมบอกชื่อของตัวเองไป เพราะต่อให้อีกฝ่ายแนะนำตัวเองแล้วก็ตาม เธอยังไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้อยู่ดี หากแต่อีกฝ่ายรู้สึกถึงความระแวงของเธอจึงเอ่ยปากชวนว่า

“ถ้าน้องไม่ไว้ใจพี่แล้วล่ะก็ พวกเราไปคุยที่ร้านอาหารข้างนอกแล้วกัน ตกลงไหมครับ” ราตรีได้ยินถึงกับขมวดคิ้ว เพราะไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะชวนเธอไปคุยกันที่ข้างนอกแทน

“ตกลงฮะ”

....................

ณ ถ้ำหินย้อยใต้สมุทรที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเริ่มต้น ได้มีผู้เล่นอยู่แถวนั้นมากมายเนื่องจากที่แห่งนี้มีออกซิเจนอยู่มาก จึงทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งเก็บเลเวลกับแหล่งหาของชั้นดีในระดับหนึ่ง และลึกลงไปในถ้ำหินย้อยยังมีสมาคมแห่งหนึ่งตั้งอยู่ข้างในนั้น

สมาคมจันทราวารี

ป้ายสมาคมตั้งเด่นหราอยู่หน้าปากทางเข้าซึ่งมีผู้หญิงสองคนในชุดเกราะสีฟ้ายืนเชิงคุมอยู่ตลอดเวลา ตามปกติแล้วหากผู้เล่นทั่วไปไม่เคยเป็นสมาชิกของสมาคมใดๆมาก่อน ก็จะไม่สามารถเข้าไปในเขตสมาคมของคนอื่นได้ ดังนั้นถ้าผู้เล่นคนใดหลงเข้าไปแล้ว ก็จะโดนผู้เล่นของสมาคมนั้นขับไล่ให้ออกมาทันที แต่ในเวลานี้ไม่มีสมาชิกหลักเดินเพ่นพ่านเพราะต้องเข้าห้องประชุมกันทุกคน เนื่องด้วยหัวหน้าสมาคมของที่นี่เพิ่งจะกลับมาเล่นเกมอีกครั้งหลังจากหายหน้าหายตาไปหนึ่งปีเต็ม

“ขอยินดีต้อนรับการกลับมาของท่านประมุขค่ะ” เหล่าสมาชิกนับร้อยที่สวมหน้ากากครึ่งเสี้ยวกล่าวคำนับพร้อมกันเป็นเสียงเดียว ส่วนผู้เป็นประมุขที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าบัลลังก์สีขาวหาได้ตอบรับคำทักทายของเหล่าสมาชิกไม่ กลับตีสีหน้าเคร่งเครียดจนทุกคนในที่นี้เริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย

“ฉันเคยบอกทุกคนแล้วไงว่าเวลาอยู่ข้างนอกให้เรียกพี่เรียกน้อง” ประมุขพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าใช้ภาษานิยายจีนกับฉันอีกเด็ดขาดเพราะฉันไม่ชอบ แล้วนี่อะไรกัน ฉันหยุดเล่นเกมไปหนึ่งปีเพื่อกลับไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่สุสานในต่างประเทศเท่านั้น พอกลับมาเล่นเกมอีกครั้งทุกๆคนกลับลืมไปเสียแล้ว แถมยังออกมาต้อนรับฉันด้วยท่าทางแบบนั้นต่อหน้าเพื่อนใหม่ตัวน้อยของฉันอีก มันหมายความว่ายังไงกัน”

พอประมุขพูดจบ ผู้หญิงผมหางม้าสีเขียวในชุดนักรบที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของเหล่าสมาชิกก็ได้พูดกล่าวขึ้นต่อทันที

“เรียนท่านประ…” หญิงสาวชะงักพูดเมื่อเห็นสีหน้าของท่านประมุขที่จ้องจับผิดเธอ ซึ่งทำให้เธอต้องรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “เอ่อ ขอโทษค่ะพี่ธิดา นี่เป็นความผิดของหนูเอง เพราะฉะนั้นอย่าได้ดุพวกเขาเลยนะคะพี่ธิดา”

“คงไม่ได้แล้วล่ะน้องหงส์หยก เพราะพี่ไม่ชอบคนที่ไม่ทำตามสัญญา” ธิดาพูดแย้งอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินคำพูดของหงส์หยก “ถ้าทุกคนมีข้อข้องใจหรือสงสัยแล้วล่ะก็ สามารถเข้ามาคุยกับฉันได้ทุกเมื่อ เอาล่ะ เลิกประชุมได้”

ธิดาบอกก่อนจะเดินลงจากพื้นที่ตรงนั้น ซึ่งทำให้หงส์หยกต้องรีบวิ่งตามธิดาไปอย่างรวดเร็ว ทว่าหงส์หยกกลับต้องชนหลังของธิดาอย่างแรงเพราะอีกฝ่ายดันหยุดเดินกะทันหันโดยไม่บอกกล่าว

“พี่ธิดาคะหนูขอ...”

“เก็บคำขอโทษนั้นไปซะ พี่ไม่อยากได้ยินตอนนี้” ธิดาพูดเสียงเรียบแต่ก็ไม่ได้หันหน้ากลับมาดูหงส์หยกเลยสักนิดเดียว “พี่จะไปเดินเล่นข้างนอก ถ้าคนอื่นต้องการพบพี่แล้วล่ะก็ บอกเขาไปว่าตอนเย็นพี่จะกลับมาคุยด้วย”

แล้วธิดาก็เดินหายออกไปนอกห้องประชุม โดยปล่อยให้หงส์หยกยืนอยู่ในห้องคนเดียว

...................

 ปล.ภาพข้างล่างเป็นภาพจำลองของธิดาจ้า :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2015 11:55:52 โดย dragon123 »

ออฟไลน์ JY_JRB

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แวะมานั่งรอตอนต่อไปเนอะ :hao3:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 13 เจอกันอีกครั้ง

.....................

ณ ร้านอาหารสองชั้นในย่านใจกลางเมืองซึ่งเต็มไปด้วยผู้เล่นหลากหลายอาชีพมานั่งจับเข่าคุยกันกับรับประทานอาหารอย่างอรรถรส หากแต่มุมหนึ่งที่อยู่ด้านในสุดของร้านกลับผิดแปลกไปเพราะที่นั่นได้มีผู้เล่นสองคนกับอีกหนึ่งตัวกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่เงียบๆ

“เมื่อครู่นี้ตอนที่อยู่ในตึกผมต้องขอโทษครับที่เรียกคุณยายว่าน้อง” ชายหนุ่มนามว่าดนัยเทพพูดขอโทษราตรีด้วยเสียงอันเบา

“ม่ายเป็งรายฮะ ม่ายเป็งราย” ราตรีตอบอย่างไม่ใส่ใจ “แต่เวลาพี่ชายอยู่ที่นี่ เรียกป๋มว่าน้องเถอะ เพาะว่าสะถานะของป๋มนายตอนนี้ม่ายช่ายคุงยาย แต่เป็งเด็กทารกอายุหนึ่งขวบเท่านั้น”

ทีแรกราตรีไม่เชื่อว่าชายหนุ่มคนนี้จะเป็นเจ้าหน้าที่ของเกมจริง เพราะไม่ว่าใครก็สามารถอ้างตัวว่าเป็นจีเอ็มกันได้ทั้งนั้น หากแต่อีกฝ่ายเล่าถึงเหตุการณ์ของแต่ละวันในเกมที่เธอเคยผ่านมาละเอียดถี่ยิบโดยผ่านพรายกระซิบ* ซึ่งทำเอาเธอถึงกับเชื่อสนิทใจ และเพื่อเป็นการยืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของเกมจริง ดนัยเทพยังได้โชว์หลักฐานโดยการแสดงไอดีการ์ดที่ทำงานของตัวเองให้เธอดูอีกด้วย

ข้อมูลกับหลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ ใครไม่เชื่อก็บ้าแล้ว

แต่ถึงกระนั้นราตรีก็ไม่ค่อยจะเข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องมาหาเธอด้วย เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย

“ว่าแต่พี่ชายมาหาป๋มด้วยเรื่องอารายฮะ” ราตรีถามพลางเหล่มาริโอที่กำลังแทะแฮมเบอเกอร์อย่างมูมมามก่อนจะหันกลับมามองดนัยเทพต่อ “หรือว่าจาเป็งเพาะมะรีโอ้ เขาม่ายด้ายทามอารายที่ผิดกดของเกมเลยนะฮะ”

“อ้อ เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างที่น้องคิดเลยสักนิดเดียว ไม่ใช่อย่างแน่นอนครับ” ดนัยเทพรีบพูดปฏิเสธทันควัน

“ถ้างั้นพี่ชายมาหาป๋มด้วยอารายกานแน่ละฮะ”

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแต่ไอดีของน้องมันพิเศษกว่าคนอื่นเขา ถ้าน้องไปขอของฟรีจากเคาน์เตอร์ตรงเมื่อครู่นี้แล้วล่ะก็ น้องคงเอาไปใช้ได้แค่สองอย่างเท่านั้น ที่เหลือต้องขายทิ้งหมด” ดนัยบอกเหตุผลที่เรียกตัวเธอออกมา

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” ราตรีพูดพลางพยักหน้า

“เพราะงั้นพี่ถึงได้ต้องเข้ามาในเกมเพื่อมามอบของให้น้องโดยเฉพาะยังไงล่ะครับ แต่พี่ขอบอกไว้ก่อนนะครับว่าจะให้ของน้องแค่หกอย่างตามกฎของเกมที่ผู้เล่นใหม่ควรได้รับกันทุกคน ไม่มีลำเอียงใดๆทั้งสิ้น”

“ซาบแย้วฮะ” ราตรีตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่เสียงระบบจะประกาศในหัวของเธอว่า

“ท่านได้รับมีดสั้น 1 เล่ม”

“ท่านได้รับชุดเซทนักผจญภัย 1 ชุด”

“ท่านได้รับยาเพิ่มเลือด (HP) 100 ขวด”

“ท่านได้รับยาเพิ่มมานา (MP) 100 ขวด”

“ท่านได้รับปีกพี 10 อัน”

“พวกพี่ใช้เวลาสร้างอยู่พอสมควร ห้ามน้องเอาไปขายเด็ดขาดนะครับ” ดนัยเทพพูดจบ ชายหนุ่มก็ทำท่านึกขึ้นได้จึงพูดขึ้นต่อไปว่า “จริงสิ ลืมให้ของอีกอันกับน้องด้วย มันเป็นของสำคัญยิ่งยวดสำหรับเด็กทารกที่ขาดมันไปไม่ได้เลยสักนิดเดียว”

“ของฉามคันอาราย…”

“ท่านได้รับขวดนม 1 ขวด”

เสียงระบบประกาศดังกึกก้องในหัวของราตรีก่อนที่ของชิ้นนั้นจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ

“ขวดนมยังไงล่ะครับน้องราตรี” ดนัยเทพตอบ ก่อนจะพูดอธิบายให้ราตรีฟังต่อ “ถึงน้องจะมีอายุหนึ่งขวบแล้วก็ตาม แต่ยังไงน้องก็ต้องดูดนมอยู่ดี เพราะร่างกายของน้องยังหย่านมไม่ได้ ไหนจะยังต้องรับสารอาหารบางอย่างจากน้ำนมด้วย อ้อ พี่ลืมบอกไป นมในขวดนมนี้เป็นน้ำนมที่ได้มาจากแม่มังกรนะครับ เพราะพวกพี่เกรงว่าร่างกายน้องจะไม่รับน้ำนมจากที่อื่นก็เลยสร้างขึ้นมาให้ แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องปริมาณน้ำนมนะครับน้องราตรี เพราะมันจะไม่มีวันหมด”

คำพูดอธิบายของดนัยเทพผนวกกับคำว่าน้ำนมของแม่มังกรแล้ว ทำให้น้ำตาที่เคยเหือดแห้งกลับไหลรินลงอาบแก้มอีกครั้ง

ท่านแม่

“รัตติร้องไห้!” มาริโอร้องอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นเจ้านายของมันร้องไห้ “นี่แกบังอาจทำรัตติร้องไห้ อย่าอยู่เลย!”

มาริโอตะโกนว่าดนัยเทพพลางทำท่าจะกระโดดถีบชายหนุ่ม หากแต่มันชะงักเนื่องจากราตรีได้ดึงเสื้อมาริโอเอาไว้

“อย่ามะรีโอ้...ข้าม่ายเป็งราย...ฮึกๆ ข้าก้อแค่...คิดถึง...ท่านแม่...เท่านั้นเอง” ราตรีพูดเสียงสะอื้นพร้อมกับใช้มือเช็ดน้ำตาไปด้วย

“แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร” มาริโอถามย้ำอีกครั้งอย่างลังเล ซึ่งราตรีก็ได้แต่พยักหน้าตอบ เมื่อมาริโอเห็นว่าเจ้านายไม่เป็นอะไรแล้ว มันจึงนั่งลงต่อแต่กลับจ้องดนัยเทพอย่างไม่ละสายตา ทำเอาคนถูกจ้องได้แต่ยิ้มแห้งๆ ทว่าไม่ใช่มีเพียงแค่มาริโอที่จ้องตาดนัยเทพตนเดียวเท่านั้น ก็ยังมีผู้เล่นคนอื่นที่นั่งอยู่ในร้านอาหารคอยลอบมองกับซุบซิบนินทาอย่างไม่ขาดสายอีกด้วย

“ดูเจ้าหน้าที่เกมคนนั้นสิ ทำเด็กทารกร้องไห้ด้วยละ”

“ต๊าย ยังหนุ่มยังแน่นช่างกล้าทำร้ายจิตใจเด็กได้ลงคอ” ราตรีได้ยินคำพูดเหล่านั้นแล้วจึงรีบเช็ดน้ำตาออกเพราะกลัวคนมองจะเข้าใจผิดคิดว่าดนัยเทพทำเธอร้องไห้ เมื่อเช็ดน้ำตาเสร็จ เธอก็เงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับดนัยเทพ

“ป๋มม่ายเป็งรายแย้ว พี่ชายมะต้องเป็งห่วง” หากแต่รอยยิ้มอันน่ารักน่าชังของเด็กทารกวัยหนึ่งขวบ ทำให้ผู้เล่นคนอื่นที่ได้เห็นรอยยิ้มแล้วต่างพากันหน้าแดงกันเป็นแถว

“เด็กคนนั้นน่ารักจัง ชักอยากได้มาเป็นเพื่อนแล้วสิ”

“อยากได้ก็เดินไปขอสิ มัวแต่ปลื้มอยู่ได้”

“อยากจะไปอยู่เหมือนกัน แต่กลัวเด็กคนนั้นไม่ใช่ผู้เล่นเหมือนเรานะ” คำพูดของผู้เล่นคนอื่นยังคงดังต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้ดนัยเทพต้องรีบลุกขึ้นยืนพลางคว้าราตรีกับมาริโออุ้มขึ้นทั้งสองข้าง ก่อนจะรีบชิ่งหนีออกที่นี่ไปอย่างรวดเร็วเพราะชายหนุ่มกลัวความลับเรื่องมีผู้เล่นเป็นทารกจะแตกเสียก่อน

.......................

ย้อนกลับมาทางด้านธิดา ตั้งแต่หญิงสาวได้เดินออกมาจากที่นั่นแล้วเธอก็กลับมายังที่เมืองเริ่มต้นอีกครั้ง

“อ๊ะ นี่เราเดินเหม่อจนเดินมาถึงหน้าตึกผู้เล่นใหม่เลยรึ” ธิดาร้องอุทานเบาๆเมื่อพบว่าเบื้องหน้าของเธอเป็นตึกผู้เล่นใหม่ “เฮ้อ ไม่ไหวเลยเรา ตั้งใจจะเดินเล่นแท้ๆแต่ไหงกลับเดินมาถึงนี่โดยไม่รู้ตัวได้ละเนี่ย”

ธิดาพูดพลางถอนหายใจกับความงี่เง่าของตัวเอง

“ขอโทดนะฮะที่ป๋มกับมะรีโอ้ทามห้ายพี่ชายต้องเหนื่อย”

เอ๊ะ? เสียงคุ้นๆ

ธิดาคิดในใจกับเสียงที่ได้ยินจากทางหลัง ก่อนจะรีบหันไปดูต้นเสียง

“ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมาก” ชายหนุ่มในชุดสูทพูดในขณะที่ในมือทั้งสองข้างอุ้มเด็กทารกผมสีเงินกับเห็ดมาริโอที่สวมชุดเอี๊ยมสีแดงอยู่ “เดี๋ยวพวกเราเข้าไปคุยกันข้างในจะดีกว่านะครับ”

“ฮะ” เด็กน้อยผมสีเงินนามว่ารัตติตอบยิ้มๆ

อ้าว? นั่นมันน้องรัตตินี่ ธิดาคิดในใจหากแต่ผู้อุ้มรัตติเป็นถึงจีเอ็ม เธอจึงมิกล้าเข้าไปทักทาย แล้วพวกเขาก็เดินหายเข้าไปในตึกผู้เล่นใหม่โดยที่ธิดาไม่ได้เดินตามเข้าไป ช่างเถอะ ยังมีโอกาสที่จะได้พบกันอีกนี่นะ

ธิดาคิดในใจก่อนจะตัดสินใจไปเดินเล่นรอบเมืองต่อ แต่หญิงสาวเดินไปได้แค่ครึ่งชั่วโมงก็ได้วกกลับมาทางเก่า

แล้วกัน นี่เราเผลอเดินกลับมาที่นี่อีกแล้วรึ

ธิดาคิดในใจ ซึ่งเธอไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจให้เดินย้อนกลับมาทางเดิมทั้งๆที่เธอไม่ได้ตั้งใจจะมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ ครั้นพอจะก้าวเท้าออกเดินต่อ เสียงเล็กๆก็ขานเรียกเธอเสียก่อน

“ท่านพี่ธิดา!”

..................

หลังจากที่ราตรีได้รับฟังเรื่องราวไอดีพิเศษของตัวเองจากปากดนัยเทพแล้ว เธอก็ยอมรับปากแต่โดยดีว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หากแต่เรื่องที่เธอเป็นผู้เล่นนี้ได้มีผู้รู้อยู่ถึงห้าคนแล้ว ซึ่งสองคนแรกที่เธอได้พบในป่านั้น เธอไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนาม รู้เพียงแต่ใบหน้าค่าตากับชุดที่สวมใส่เท่านั้น ส่วนคนที่สามก็เป็นเมฆา ตามมาด้วยปริ๊นซ์ และธิดาคนที่พาเธอมาส่งถึงตึกผู้เล่นใหม่

“ถ้ารู้แค่นั้นคงไม่เป็นไรครับ เพราะพี่สามารถเข้าไปคุยกับเขาแล้วขอให้พวกเขายอมร่วมมือในการปิดบังเรื่องนี้ไม่ให้ผู้เล่นคนอื่นได้รู้” ดนัยบอก “แต่น้องไม่ต้องบอกพวกเขานะครับว่าข้างนอกเกมนั้นน้องเป็นใครมาจากที่ไหนนะ”

“ฮะพี่ชาย เอ้อ จิงฉิ แย้วถ้ามีผู้เย่นคงอื่นถามป๋มละฮะ จาห้ายป๋มตอบพวกเขาว่ายางงายดี” ราตรีถามอย่างสงสัย เพราะถ้ามีคนถามเธอเล่า จะให้เธอตอบว่ายังไงดี ซึ่งกว่าดนัยเทพจะตอบกลับมา ก็ใช้เวลาคิดอยู่นานพอสมควร

“อืม เรื่องนี้น้องต้องปิดปากตัวเองให้เงียบ แล้วทำตัวเองให้เหมือนเด็กทารกที่ยังพูดไม่ได้ให้มากที่สุด ถ้าน้องเจอกับห้าคนที่เคยรู้ความลับนี้แล้วล่ะก็ ให้น้องส่งพรายกระซิบคุยกับเขาแทนเอาครับ” เมื่อราตรีหมดข้อกังขา ดนัยเทพก็ได้อุ้มเธอมาส่งถึงข้างนอกห้องทำงาน

“เสร็จธุระแล้วเหรอรัตติ” มาริโอถามทันทีที่เห็นเจ้านายของมันออกมาพร้อมกับดนัยเทพ

“อื้อ” ราตรีตอบก่อนจะหันไปมองผู้อุ้ม “ขอบคุงนะฮะพี่ชาย แย้วป๋มจากลับมาหาพี่ชายหม่ายอีกครั้ง”

“ครับ แล้วเจอกันใหม่” ดนัยเทพตอบพลางวางราตรีไว้บนหัวมาริโอ แล้วราตรีก็สั่งให้มาริโอออกเดินไปข้างนอกตึกผู้เล่นใหม่ เมื่อออกมาจากตึกแล้ว ราตรีก็ได้เห็นร่างคุ้นตายืนหันหลังให้อยู่

นั่นพี่ธิดานี่!

“ท่านพี่ธิดา!” ร่างสูงบางสะดุ้งไหวเล็กน้อยเมื่อถูกราตรีเรียก ก่อนจะหันหลังกลับมามองเธอ

“อ้าวน้องรัตติ พวกเราได้พบกันอีกแล้วนะจ้ะ” ธิดาพูดพลางส่งยิ้มหวานให้ราตรี

“ฮะ ว่าแต่ท่านพี่ธิดามาทามอารายอยู่แถวนี้หยอฮะ” คนถูกถามไม่ตอบคำถามของราตรีเดี๋ยวนั้น หากทำหน้าขมวดคิ้วคล้ายกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างในใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตอบกลับมาว่า

“อ๋อ พี่กำลังคิดว่าจะไปร้านอาหารอยู่พอดีนะ เอ่อจริงสิ น้องจะไปทานข้าวกลางวันพร้อมกับพี่ไหมล่ะจ้ะ”

“ทานข้าวกับท่านพี่หยอฮะ?”

“ใช่แล้วจ้ะ” หญิงสาวตอบพลางก้มตัวลงถามมาริโอ “แล้วมาริโอล่ะจ้ะ หิวหรือยังเอ่ย”

“หิวแล้ว!” มันตอบทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ซึ่งทำให้ราตรีถึงกับกลุ้มใจ เพราะเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้มันเพิ่งกินแฮมเบอเกอร์อยู่เลย

ก็ดีเหมือนกัน จะได้บอกเรื่องความลับนั้นให้พี่ธิดารู้ตอนนี้เลย

ราตรีคิดก่อนจะตอบตกลง แล้วธิดาก็อุ้มเธอขึ้นมาแนบอกก่อนจะพาเธอกับมาริโออกเดินไปยังร้านอาหารทันที เมื่อไปถึงร้านอาหารแล้วราตรีบอกให้ธิดาพาเธอไปนั่งตรงที่ไม่มีคน ก่อนจะใช้พรายกระซิบบอกเรื่องไอดีพิเศษให้ธิดารู้ ซึ่งหญิงสาวก็ยอมให้ความร่วมมืออย่างดีว่าจะไม่ไปบอกใครด้วย

“แต่มีข้อแม้ว่าน้องต้องให้พี่อุ้มด้วยนะจ้ะ อ้อ แล้วก็ถ้าน้องอยากจะเก็บเลเวลล่ะก็ เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะพาไปเก็บเองให้จ้า” ธิดาพูดพลางหัวเราะอย่างสนุกที่ได้แกล้งเด็ก ซึ่งราตรีก็ได้แต่ถอนหายใจ

“เรื่องเก็บเลเวลป๋มยางม่ายคิดจาทามตอนนี้ฮะท่านพี่”

“อ้าวเหรอจ้ะ แล้วน้องรัตติคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ” ธิดาถามพลางมองราตรีที่กำลังเขย่าขวดนมของตัวเองอย่างสนใจ

“ก้อน้องจาปายปะกาดออกตามหาคงรู้จักนะฮะ เพาะป๋มคิดว่าป่านนี้แย้วเขาคงเป็งห่วงป๋มจะแย่แย้วล่ะ” ราตรีตอบก่อนจะลองดูดขวดนมดู ซึ่งปรากฏว่ามันมีรสชาดเดียวกับน้ำนมของท่านแม่ไม่มีผิด “แย้วนายระหว่างที่รอ ก้อปายทามอย่างอื่นแทน แต่ร่างกายของป๋มนายตอนนี้ม่ายเหมาะเก็บเลเวลเยย ท่านพี่ธิดาพอจามีคำแนะนามบ้างหมายฮะ”

“ไอ้มีนะมีหรอกนะจ้ะ แต่ทำไมน้องถึงไม่ให้พี่พาไปเก็บเลเวลให้ล่ะ” ธิดาถามอย่างสงสัย

“คือป๋มเกรงจาย ม่ายอยากรบกวนท่านพี่นะฮะ” ราตรีตอบอย่างเคอะเขิน ซึ่งทำเอาหญิงสาวสวมกอดร่างเล็กด้วยความปลื้ม

“แหม น่ารักจริงเชียวนักเรา รู้จักเกรงใจแบบนี้พี่รักตายเลย” หากแต่คนถูกกอดรีบพูดกับธิดาว่า

“ท่านพี่ฮะอย่ากอดป๋มแบบนี้บ่อยๆจิฮะ” ธิดาได้ยินถึงกับขมวดคิ้วก่อนจะคลายมือออกจากร่างเล็ก

“ทำไมละจ้ะ” ธิดาถามอย่างสงสัย “หรือว่าน้องรังเกียจพี่สาวคนนี้แล้ว”

ราตรีได้ยินก็รีบส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ป๋มม่ายด้ายรังเกียดท่านพี่เยยฮะ เพียงแต่ถ้าป๋มเป็งผู้ชายนายโลกจิงแย้ว ท่านพี่จาเสียหายอาวด้ายนะฮะ” คำพูดของราตรีได้ทำให้ธิดาถึงกับยิ้มออกมา

“แหมตัวแค่นี้ก็รู้จักเป็นห่วงพี่แล้วรึ” ธิดาพูดพลางใช้มือขยี้ผมสีเงินของราตรีเบาๆ “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะน้องรัตติ ต่อให้น้องเป็นผู้ชายในโลกนอกเกมจริง พี่ก็ไม่กลัวหรอกจ้ะ เพราะนี่มันแค่เกม ไม่มีอะไรทำให้พี่เสียหายได้หรอกจ้ะ”

“ฮู้ ป๋มค่อยยางชั่วหน่อย นึกว่าจาทามเรื่องม่ายดีเฉียแย้วฉิ” ราตรีพูดพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก ซึ่งทำให้ธิดาหัวเราะเบาๆ แล้วหลังพวกเขาสามคนทานอาหารเสร็จแล้ว ธิดาก็จ่ายเงินค่าอาหารก่อนจะพาราตรีกับมาริโอไปยังใจกลางเมืองเพื่อเขียนป้ายประกาศออกตามหาคนตามที่ราตรีบอก

..........................

ในขณะเดียวกันเอง หลังจากที่ปฐพี ศาสตรา พิภพได้ออกจากป่าหุบเขาวงกตแล้ว ปฐพีก็ขอตัวออฟไลน์ออกจากเกมไป ซึ่งเหลือแต่ศาสตรากับพิภพที่ยังคงเล่นเกมอยู่ ส่วนเมฆาผู้นำทางนั้นได้ขอแยกตัวไปทำอย่างอื่นแล้ว

“จะไปไหนดีล่ะพิภพ คงอีกนานที่ปฐพีจะกลับมาออนไลน์อีก” ศาสตราบอกด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย เพราะก่อนที่ปฐพีจะออฟไลน์ออกจากเกมไป มันได้บอกพวกเขาสองคนว่าจะออกไปทำธุระที่ข้างนอกบ้านซึ่งกว่าจะกลับมาเล่นอีกในเกมก็ผ่านไปได้หลายวันแล้ว ดังนั้นปฐพีจึงบอกไว้ว่าถ้ามันออนไลน์อีกทีจะส่งพรายกระซิบไปหาทีหลัง

“อืม นั่นสินะ” พิภพพูดพลางทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ “จริงสิ ช่วงนี้ในเมืองเริ่มต้นมีการจัดกิจกรรมอยู่นี่ ทำไมพวกเราไม่ไปรอปฐพีที่นั่นเสียเลยล่ะ”

“อะฮ่า งั้นมัวรออะไรอยู่ล่ะ ไปเร็วไอ้ลูกพ่อ ย่ะ!” ศาสตราพูดก่อนจะดึงเชือกม้าของตัวเองให้ออกวิ่ง ซึ่งทำให้พิภพต้องรีบสั่งให้ม้าของตัวเองวิ่งตามศาสตราไปบ้าง ทั้งคู่ก็ขี่ม้าไปได้สักหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็มาถึงเมืองเริ่มต้นสักที “ให้ตายสิ คนมางานเยอะชะมัดเลย สงสัยว่าพวกเรากว่าจะขี่ไปถึงตัวเมืองก็ปาเกือบชั่วโมงแล้วมั้งพิภพ”

ศาสตราพูดบ่นทันทีที่เห็นผู้เล่นเดินเต็มท้องถนนซึ่งเป็นทางที่จะเข้าไปในตัวเมืองเริ่มต้น

“ก็คงงั้นแหละ” พิภพตอบพลางถอนหายใจ “แต่นายจะบ่นไปทำซากอะไร ตอนนี้พวกเรากำลังขี่ม้าอยู่นะ ไม่ได้เดินเหมือนคนอื่นๆสักหน่อย”

“เอ้อจริงด้วย ฉันก็ลืมไปเสียสนิท ฮ่าๆ” ศาสตราพูดอย่างนึกขึ้นได้ ก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างไม่อายสายตาคนอื่น ซึ่งทำให้พิภพต้องถอนหายใจเป็นครั้งที่สอง เมื่อผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมงพวกเขาทั้งสองคนก็เข้ามาในเมืองได้แล้ว พวกเขานำม้าคู่ใจไปฝากไว้ที่รับฝากม้าก่อนจะออกเดินต่อ “ชักหิวๆแล้วสิพิภพ ฉันว่าพวกเราไปกินข้าวกันก่อนดีไหม”

ศาสตราพูดพลางเอามือลูบท้อง

“ก็ดีเหมือนกัน งั้นไปกันเลย” พิภพพูดอย่างเห็นด้วย ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันไปยังร้านอาหารทันที เมื่อพวกเขาไปถึงร้านอาหารแล้วศาสตราก็ได้ซื้อข้าวราดแกงสองจานก่อนจะเดินถือกลับมานั่งรอบนโต๊ะอาหารซึ่งมีพิภพนั่งจองที่ให้อยู่

“เฮ้ นั่งเหม่ออะไรอยู่ รีบทานเร็วเข้า พวกเราจะได้ไปที่อื่นกันต่อ” ศาสตราบอกในขณะที่ตนวางจานอาหารให้เพื่อน หากแต่มันเหม่อมองเสียนานจนศาสตราอดหันมองตามบ้าง ซึ่งทำเอาชายหนุ่มแทบเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งเดียวกับที่เพื่อนเห็น “นั่นมัน…ธิดานี่”

“ใช่ ธิดา เธอกลับมาเล่นเกมแล้ว” พิภพพูดพลางมองหญิงสาวที่อยู่ห่างจากพวกเขาไปอีกสองสามโต๊ะ หากแต่หญิงสาวไม่ได้อยู่ตามลำพัง กลับมีเด็กทารกผมสีเงินกับมอนสเตอร์เห็ดนั่งร่วมโต๊ะทานข้าวด้วย

“แล้วเด็กกับเห็ดนั่นมันอะไรกัน” ศาสตราพูดพลางขมวดคิ้วคิดอย่างสงสัย เพราะไม่น่าจะมีผู้เล่นเป็นเด็กทารกได้ ส่วนเห็ดนั่นก็คงเป็นมอนสเตอร์อย่างแน่นอน แต่จะเป็นสัตว์เลี้ยงของใครนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง “สงสัยจะเป็นเอ็นพีซีหรือไม่ก็ทาสรับใช้ที่ธิดาไปหาจับมาได้กระมัง เฮ้อ แต่ก็ช่างเถอะ คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ตอนนี้ธิดาไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเราแล้วนี่ ฉันว่าพวกเราเลิกสนใจเธอเถอะพิภพ”

“อือ รู้แล้วๆ” พิภพตอบ แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็ลงมือทานข้าวกันต่อโดยไม่สนใจเธออีก

.................

*พรายกระซิบ คือ วิธีการโทรจิตคุยกันได้โดยไม่ต้องเปิดปากพูด แต่ผู้ทำจะต้องรู้ชื่อของอีกฝ่ายอยู่ก่อนและอยู่ในวงรัศมีไม่เกินหนึ่งกิโลเมตรถึงจะสามารถพรายกระซิบหากันได้

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:


ออฟไลน์ mumamayza

  • ลั้ลลา !! ไปวันๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :-[ รออออออออออออออออ ท่านพี่นักเขียนมาต่อ FC น้องรัตติ  :L2:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 14 ภารกิจ

.........................

กลับมาทางด้านพวกราตรี เมื่อธิดาได้อุ้มพาเธอไปยังใจกลางเมืองเพื่อเขียนป้ายประกาศออกตามหาคน หญิงสาวกลับขอตัวไปทำธุระอย่างกะทันหันแถมยังบอกว่าจะติดต่อกลับมาทีหลังด้วย ซึ่งราตรีนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายจะติดต่อกลับมาหาเธอได้ยังไง เพราะชื่อที่เธอใช้อยู่นี้เป็นแค่ชื่อปลอมเท่านั้น

ช่างเถอะ ถ้ามีวาสนาต่อกันจริง ยังไงก็ได้พบกันอีกอยู่ดี

ราตรีคิดในใจก่อนจะสั่งให้มาริโอเดินเข้าไปใกล้ๆป้ายกระดานสีเขียวใหญ่เท่าบ้าน ซึ่งโชคดีที่แถวนี้ไม่มีคนเดินผ่านเพราะเนื่องด้วยจุดนี้ไม่ใช่โซนของกิจกรรม จึงทำให้ราตรีไม่ต้องกลัวว่าใครจะมองเธอตอนที่กำลังเขียนหนังสือบนกระดานนี้

“เจ้าจะเขียนประกาศตามหาใครรึ” มาริโอเอ่ยปากถามอย่างสงสัย “อย่าบอกนะว่าจะประกาศออกตามหาเมฆา ไม่ได้นะ ห้ามเขียนเด็ดขาดรัตติ”

 “ข้าม่ายด้ายจาเขียนปากาดตามหาคงน้านซากหน่อย” ราตรีพูดพลางเอานิ้วอุดหูสองข้างอย่างรำคาญ “ฮู้ ช่างเถอะ ข้าจาเขียนตามหาครายก้อช่าง เจ้าอย่าฉนจายปายเยยมะรีโอ้”

เมื่อราตรีพูดจบ เธอก็หยิบปากกาเมจิคที่วางอยู่ใกล้กระดานขึ้นมา

ว่าแต่จะเขียนถึงตานพยังไงดีล่ะ?

ราตรีครุ่นคิดอย่างหนัก เพราะเธอยังไม่ได้บอกเรื่องตัวเองในเกมให้หลานชายรู้เลยสักนิด

“แค่เขียนตามหาคนจะใช้เวลาคิดอะไรนานขนาดนั้นกันล่ะรัตติ รีบๆเขียนไปสิ พวกเราจะได้ไปทำอย่างอื่นต่อ” มาริโอพูดอย่างหมดความอดทน

“เออๆ จาเขียนเดี๋ยวนี้ล่ะ” ราตรีบอกพลางเขียนข้อความบนกระดาน ซึ่งกว่าเธอจะเขียนเสร็จก็ใช้เวลาอยู่นานเลยทีเดียว “ฮู้ แค่เขียนก้อยางยาก แย้วนี่ข้าจาปายทามอารายอื่นด้ายอีกล่ะเนี่ย”

ราตรีบ่นพร้อมกับมองข้อความที่เธอเขียนบนกระดาน ซึ่งโย้เย้ไปมาจนเกือบอ่านไม่ออก

ยายมาถึงเมืองเริ่มต้นแล้ว ถ้านพเห็นข้อความของยายแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะ

จาก ราตรีพิสุทธิ์


“นั่นเจ้าเขียนภาษาอะไรนะ ทำไมข้าถึงอ่านมันไม่ออกเลย แถมไก่เขี่ยอีกตั้งหาก” มาริโอถามพลางมองตัวหนังสือที่เธอเขียนซึ่งมีแต่ตัวเลขอารบิกอย่างสงสัย

“พาฉาอารายมานก้อเรื่องของข้าน่ามะรีโอ้” ราตรีตอบบอกปัด เพราะภาษาที่เธอเขียนมันเป็นภาษาโค๊ดลับ ซึ่งคนอ่านโค๊ดลับนี้ได้จะมีก็แต่ลูกสาวกับหลานชายของเธอเท่านั้น ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่มาริโอจะอ่านตัวหนังสือที่เธอเขียนไม่ออก “ปายกานเถอะมะรีโอ้ ปายหาที่พักกานแย้วค่อยปายหางานทามกาน”

ราตรีบอกก่อนจะสั่งให้มาริโอออกเดิน ซึ่งในขณะที่พวกราตรีออกตามหาที่พักนั้น ก็ได้มีผู้เล่นคนอื่นมองเธอกับมาริโออย่างฉงนสงสัย หากแต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะทุกคนต่างคิดว่าราตรีเป็นจีเอ็มลับของเกมมากกว่าจะเป็นผู้เล่นอย่างพวกเขาได้ แล้วไม่นานนักราตรีก็หาที่พักจนเจอ

“แน่ใจเหรอว่าจะพักที่นี่นะรัตติ” มาริโอถามพลางกลืนน้ำลายอย่างลำบากเมื่อเห็นสภาพที่พักซึ่งไม่ต่างอะไรกับกระท่อมกลางนา ทีแรกมาริโอนึกว่าราตรีจะพามันไปพักในโรงแรมหรือบ้านพักเสียอีก แต่กลับมาพักในสถานที่ๆอยู่เกือบสุดนอกเมืองเริ่มต้นแทน

“แน่จายฉิ” ราตรีตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “เพาะที่นี่จาเป็งที่ม่ายมีคงอื่นพักมากเท่าหร่าย และเป็งที่พักที่ท่านพี่ดานายแนะมาว่าเฉียค่าพักแค่หนึ่งร้อยเหรียญเอง”

“ตอนนี้พี่ให้เงินน้องได้แค่ห้าร้อยเหรียญเท่านั้นนะครับ เพราะตามกฎของเกมแล้ว เจ้าหน้าที่เกมไม่สามารถช่วยเหลือผู้เล่นใหม่โดยการให้เงินได้” ดนัยเทพบอกก่อนจะก้มหน้าพูดกระซิบที่ข้างหูของราตรีว่า “นี่เป็นเงินของไอดีเกมที่พี่เล่นเอง ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับไอดีของจีเอ็ม ฉะนั้นเรื่องนี้หายห่วงได้ ไม่มีผิดกฎอย่างแน่นอนครับ”

ราตรีคิดพลางถอนหายใจกับความขี้เหนียวของดนัยเทพ เพราะเงินของชายหนุ่มที่ให้ทั้งหมดมีพอจ่ายค่าที่พักแค่ห้าวันเท่านั้น ซึ่งถ้าหมดแล้วเธอก็ต้องออกไปหาเงินเพื่อมาจ่ายค่าที่พักเอง ไหนจะต้องเจียดเงินที่เหลือมาจ่ายค่าอาหารให้มาริโออีก

ชีวิตนี้ช่างรันทดเหมือนโอชินไม่มีผิด

หลังจากนั้นราตรีก็สั่งให้มาริโอเดินเข้าไปใกล้ประตูก่อนที่เธอจะเป็นคนเคาะประตูเอง

ก๊อก! ก๊อก!

“เออๆ จะเปิดให้เดี๋ยวนี้แหละ” เสียงทุ้มแหบที่อยู่ข้างในกระท่อมตะโกนกลับมา ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก ซึ่งเผยให้เห็นชายวัยกลางคนผมสีน้ำตาลเข้มในคราบชุดนายพรานสีเขียวยืนทำหน้าถมึงทึง

น่ากลัวจังแหะ

ราตรีคิดในใจอย่างหวาดหวั่น ทว่าอีกฝ่ายเมื่อได้เห็นผู้มาเคาะประตูแล้ว ก็พลันขมวดคิ้วหรี่ตามองเธอจนใบหน้าเกือบจะประชิดกับใบหน้าของราตรีถ้าหากไม่ได้มาริโอช่วยพูดห้ามเอาไว้

“หยุดมองอยู่อย่างนั้นเลยเจ้ามนุษย์!” คำพูดของมันทำเอาชายวัยกลางคนชะงักก่อนจะก้มหน้ามองมาริโออย่างสนใจ

“หืม? อะไรกันเห็ดพูดได้หรอกรึ” อีกฝ่ายพูดด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินที่มาริโอพูด “ปกติแล้วมอนสเตอร์ที่พูดได้จะต้องมีระดับเดียวกับบอส แต่ดูยังไงๆเจ้าก็ไม่เหมือนบอสเลยสักนิดเดียวนะเจ้าเห็ด”

“ข้าชื่อมาริโอ! แล้วอดีตก็เคยเป็นบอสมาแล้วด้วย!” มาริโอพูดแก้อย่างฉุนเฉียว

“ฮะๆ มาริโอก็มาริโอ” ชายวัยกลางคนพูดไปหัวเราะไปพลาง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองราตรีที่ขี่หัวมาริโออยู่อีกครั้ง “ว่าแต่หนุ่มน้อยผู้นี้เป็นใครกันเอ่ย ช่วยแนะนำตัวให้ลุงฟังหน่อยได้ไหม”

“รัดจิ!” ราตรีตอบสั้นๆ

“อะไรนะ รัดจิหรือรัตตินะ ลุงฟังไม่ชัด” อีกฝ่ายย้อนถามเธอเมื่อได้ยินคำพูดไม่ชัดเจน

“รัดจิ! รัดจิ!” หากแต่ราตรีเอาแต่พูดคำว่ารัดจิอย่างเดียว ซึ่งทำเอามาริโอที่ยืนร่วมฟังด้วยเกิดความรู้สึกหมั่นไส้ จึงด่าสวนกลับไปว่า

“ทำไมเจ้าไม่พูดอธิบายให้มันชัดเจนกว่านี้ล่ะรัตติ มัวแต่พูดชื่อตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ได้ อย่าลืมสิว่าตัวเองไม่ใช่เด็กทารกที่เพิ่งหัดพูด...” มาริโอยังด่าไม่ครบประโยคดี ใบหน้าก็บิดเบี้ยวเนื่องจากถูกมือน้อยๆหยิกเข้าที่หัว

“ที่ข้าพูดแค่ชื่อตัวเองซ้ำปายซ้ำมาน้านก้อเพาะต้องกานจาสาแดงห้ายเหมือนเด็กทารกจิงๆงายเล่าเจ้าบื้อ!” ราตรีส่งพรายกระซิบบอกมันก่อนจะพูดขู่ต่อไปว่า “ถ้าม่ายอยากกายเป็งเห็ดเผา จงร่วมมือกับข้าชะโดยดี อย่าหาว่าข้าม่ายเตือน”

“ตกลงว่าชื่ออะไรกันแน่ล่ะหืม? เด็กน้อย” ลุงถามย้ำอีกครั้งหากแต่น้ำเสียงที่พูดเริ่มอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งราตรีได้ฟังแล้วเกิดรู้สึกความอบอุ่นอยู่ในใจลึกๆ

เหมือนได้อยู่กับท่านพ่อเลย

“เจ้านี่มันชื่อรัตตินะลุง” มาริโอพูดตอบหลังจากมันยอมร่วมมือแสดงละครกับเธอแล้ว “ข้าไปเจอมันหลงทางอยู่ในป่า ก็เลยพามันมาในเมืองด้วย”

“โฮ่ อย่างนี้นี่เอง หลงทางกับพ่อแม่สินะเด็กน้อย มามะ ขอลุงอุ้มเจ้าหน่อยซิ” ลุงพูดพลางคว้าร่างเล็กขึ้นมาอุ้ม ก่อนจะตบหลังราตรีอย่างเบาๆ

“ตอนนี้พวกข้าไม่มีที่อยู่เลย แถมเงินก็มีไม่พอที่จะพักโรงแรม…”

“จะไปยากอะไร เจ้าก็มาพักที่บ้านข้าซะก็สิ้นเรื่อง เพราะข้าจะให้พวกเจ้าอยู่พักได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียเงินสักเหรียญเดียว” ชายวัยกลางคนตอบโดยไม่รอฟังให้มาริโอพูดจนจบ “แต่มีข้อแม้…เจ้าต้องทำงานบ้านแลกกับค่าที่พักด้วยนะมาริโอ”

“ห๊ะ ข้าเนี่ยนะ!” มาริโอร้องอย่างตกตะลึง

“ก็ใช่นะสิ หรือใจคอเจ้าจะให้รัตติเป็นคนทำล่ะ?” ลุงถามย้อนกลับไปอย่างห้วนๆ “ขอบอกไว้ก่อนนะว่าข้าเกลียดการใช้แรงงานเด็กที่สุด เอาล่ะ งานแรกของเจ้าในตอนนี้ก็คือไปเตรียมน้ำกับต้มน้ำอาบซะ เพราะข้าจะเป็นคนอาบน้ำให้รัตติเอง เฮ้อ จะว่าไปเจ้านี่ช่างดูแลเด็กไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ดูสิมอมแมมไปทั้งตัว”

ลุงพูดจบก็พลางก้มสำรวจเสื้อผ้าของราตรีที่ขมุกขมัวไปด้วยขี้ดิน

“เอ้ มัวยืนทำอะไรอยู่เล่า รีบไปเตรียมน้ำเร็วเข้า เดี๋ยวข้าจับเจ้าทำต้มยำเห็ดกินซะเลยนี่” เมื่อมาริโอได้ยินดังนั้นมันจึงรีบไปวิ่งทำหน้าที่อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ราตรีได้แต่มองมันอย่างนึกสงสาร เพราะเธอไม่สามารถพูดออกความเห็นอะไรได้เลยสักนิดเดียว หลังจากที่คุณลุงอาบน้ำให้ราตรีเสร็จแล้ว ก็ได้จัดแจงเสื้อผ้าเด็กซึ่งเป็นเสื้อผ้าเก่าของลูกชายลุงมาให้เธอใช้ชั่วคราว เมื่อเรียบร้อยแล้วราตรีก็พรายกระซิบบอกมาริโอให้พาเธอไปออกข้างนอก “จะพารัตติไปเดินเที่ยวตลาดงั้นรึ ก็เอาสิ แต่อย่าเที่ยวจนดึกล่ะ”

ลุงใจดีบอกก่อนจะให้เงินกับมาริโอสองร้อยเหรียญเพื่อนำไปใช้ซื้อขนม ซึ่งมาริโอก็รีบกล่าวขอบคุณพร้อมกับรับเงินนั้นมาก่อนจะเดินออกไปข้างนอกกระท่อมโดยมีราตรีนั่งเกาะอยู่บนหัวของมัน

.....................

“เร่เข้ามาครับเร่เข้ามา น้ำยาเติมพลังถูกๆ สามขวดร้อยหาซื้อที่ไหนไม่ได้”

“ดาบฝึกหัดระดับหนึ่งสองร้อยเหรียญจ้า ใครสนใจก็เชิญชมได้นะ”

“เสื้อผ้าเครื่องป้องกันสำหรับผู้เริ่มต้นแค่สิบเหรียญอยู่ทางนี้นะคะ”

เสียงพ่อค้าแม่ค้าตะโกนเรียกลูกค้าดังแข่งกันไปมาท่ามกลางผู้เล่นนับร้อยที่เดินเบียดเสียดกัน แน่นอนว่าราตรีกับมาริโอย่อมรู้สึกอัดอัดเพราะทั้งคู่ต่างโดนผู้เล่นคนอื่นเดินเบียดจนเกือบจะเป็นปลากระป๋อง

“โอย ร้อน อึดอัด ทำไมมนุษย์ถึงชอบเดินนักนะไอ้ตลาดนัดเนี่ย” มาริโอบ่นพึมพำในขณะที่พยายามเดินเบียดผู้คนอยู่

“ก้อเพาะที่นี่มีของขายถูกงาย คงอื่นถึงด้ายมาจาบจ่ายฉื้อของกานนะมะรีโอ้” ราตรีพรายกระซิบบอกมันพลางเอามือเกาะหัวมันอย่างแน่นๆเพราะกลัวจะโดนเบียดจนตก “เดี๋ยวเจ้าพาข้าปายดูร้านตรงนู้นหน่อยนะ”

ราตรีบอกพลางชี้นิ้วป้อมๆไปยังซ้ายมือซึ่งตรงจุดนั้นเป็นหัวมุมถนนที่ไม่ค่อยมีผู้เล่นเดินผ่าน

“อือได้สิ” มาริโอตอบตกลงก่อนจะพาเดินไปยังตามที่ราตรีต้องการ พอเดินมาถึงแล้วมาริโอกลับอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นสภาพร้านขายของตรงหน้า “แน่ใจหรอกว่าจะเข้าไปนะรัตติ มันน่ากลัวยังไงไม่รู้”

มาริโอพูดพลางมองร้านขายของที่ถูกตกแต่งด้วยโครงกระดูกมนุษย์

“แน่จายจิ เพาะที่นี่มานเป็งร้านขายเฉื้อผ้ากับอาวุดนะ” ราตรีตอบ ซึ่งทีแรกเธอไม่แน่ใจว่าจะใช่ร้านขายของหรือเปล่า หากแต่ได้เข้ามาใกล้ๆและมองลอดเข้าไปในกระจกแล้ว เธอก็ได้เห็นเสื้อผ้ากับอาวุธวางอยู่ในร้านเต็มไปหมด “รีบๆเดินเข้าปายกานเถอะมะรีโอ้ เดี๋ยวพวกเรายางต้องปายที่อื่นต่อนะ”

เมื่อราตรีหรือรัตติสั่งเป็นมั่นเป็นเหมาะดีแล้ว มาริโอก็ได้แต่จำยอมเดินเข้าไปในร้านแต่โดยดี

แอ๊ด!

เสียงประตูถูกเปิดอย่างฝืดๆ ซึ่งทำเอาทั้งคู่ถึงกับกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก

“มีใครอยู่ไหมครับ” มาริโอตะโกนถามเมื่อเห็นว่าในร้านไม่มีใครเลยสักคน ส่วนราตรีเมื่อเห็นว่าในนี้ไม่มีผู้เล่นคนอื่นจึงเลิกที่จะใช้พรายกระซิบแล้วหันมาเปิดปากพูดแทน

“มีคงอยู่หมาย จามาฉื้อของฮะ”

เงียบกริบ

“นี่รัตติ ข้าว่าพวกเราออกไปจากที่นี่กันเถอะ บรรยากาศที่นี่มันวังเวงยังไงชอบกล” มาริโอบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “ไปกันเถอะนะ ข้ายอมเดินเบียดกับคนข้างนอกมากกว่าจะเดินอยู่ในร้านนี้”

ซึ่งราตรีกำลังจะอ้าปากตอบคำถามมาริโอ จู่ๆก็มีเงาร่างยักษ์โผล่ออกมาจากข้างล่างเคาน์เตอร์

“ต๊ะเอ๋!”

“เฮ้ย!” มาริโอร้องตกใจจนล้มลงไปนั่งกองกับพื้น ซึ่งทำให้ราตรีที่นั่งอยู่บนหัวมันต้องกลิ้งหล่นลงกับพื้นตามไปด้วยอีกคน

“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ตกจากที่สูง ทำให้ติดค่าสถานะมึนงง”

“อุ๊ยตายว้ายกรี๊ดตาเถรเด็กร่วง!” เสียงปริศนาร้องก่อนร่างยักษ์ในเสื้อสายเดี่ยวสีดำกระโปรงสั้นจู๋สีสันฉูดฉาดลวดลายสุดแสนหรูเลิศอลังการจะวิ่งถลาเข้าไปดูราตรีใกล้ ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมาลูบหัวเบาๆ “ไม่เป็นไรแล้วโอ๋ๆ พี่สาวขอโทษ พี่สาวไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายน้องนะฮ้า”

แม้นว่าราตรีกำลังอยู่ในสถานะมึนงง แต่เธอสามารถเห็นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ร่างสูงใหญ่หากแต่ใบหน้าถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางเต็มร้อยกับเสื้อผ้าที่แสนจะเซ็กซี่

มิน่าเล่า การตกแต่งของร้านถึงได้ดูแปลกๆ

ที่แท้เจ้าของร้านก็เป็นกระเทยนี่เอง


ทว่าราตรีผ่านโลกมามากแล้ว เธอจึงเลือกที่จะเก็บคำพูดนั้นไว้กับตัว

“ป๋มม่ายเป็งราย แค่มึนๆ…”

“นี่เจ้าเป็นผู้หญิงแน่รึเปล่า ทำไมถึงได้ล่ำถึกบึกบึนขนาดนี้ล่ะ” แล้วจู่ๆ มาริโอก็พูดแทรกกะทันหัน ซึ่งทำเอาราตรีนึกอยากจะเดินลงมาตบหัวสั่งสอนมันหากไม่ติดตรงที่อีกฝ่ายยังอุ้มเธอเอาไว้อยู่

“อ๊าย! เห็ดมาริโอพูดได้ น่ารักจังเลยตัว” ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่โกรธที่มาริโอถาม แถมยังมีทีท่าสนใจมันเสียด้วย “นี่ตัวมาจากป่าที่อยู่ใกล้ป่าหุบเขาวงกตใช่ไหม”

“ใช่แล้วเจ้าจะรู้ไปทำไม” มาริโอถามอย่างสงสัย

“ก๊ะแหม” ผู้หญิงในร่างยักษ์พูดด้วยสำเนียงแอ๊บแบ๊วจนสุดชีวิต หากแต่น้ำเสียงนั้นช่างแข็งแกร่งทรงพลังเกินหญิง จนคนฟังแทบอยากจะส่ายหน้าหนี “ตะเองน่ารักออกอย่างนี้ ใครๆ ก็อยากเอามาเป็นตุ๊กตาหรือไม่ก็เพื่อนด้วยน้า ว่าแต่เจ้านายตัวอยู่ไหนหรอ”

ว่าแล้วก็หันซ้ายหันขวาหาร่างเจ้านายของมาริโอ

“ก็เจ้ากำลังอุ้มอยู่นั่นไง นั่นแหละเจ้านายของข้า” แล้วคนอุ้มก็ก้มหน้ามองราตรีตามที่มันบอก

“ว้าย อกอีแป้นจะแตก นี่เหรอเจ้านายของตัวนะ” สาวกอูบุนตู้ร้องอุทานเสียงเบา หากแต่ราตรีเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมปิดความลับเรื่องที่ตัวเองเป็นทารก “หืม? นี่เธอ…ผู้เล่นไอดีพิเศษแปดพันที่อยู่ในร่างทารกนี่ ต๊าย! เกิดมาเป็นมังกรเสียด้วย หายากเลยนะที่จะมีผู้เล่นเกิดมาอยู่ในเผ่ามังกร หนึ่งในล้านผู้เล่นเลยนะเนี่ย กิ๊บเก๋ยูเรก้าที่สุด”

คำพูดของคนอุ้มทำเอาราตรีถึงกับมึนงง

อย่าบอกนะว่าคนๆนี้เป็น…

“ท่านพี่เป็งเจ้าหน้าที่เกมหยอฮะ” ราตรีถามอย่างสงสัย ซึ่งอีกฝ่ายที่ได้ยินคำถามจากปากของเธอแล้วก็พลันพยักหน้าตอบ

“ใช่แล้ว พี่เป็นเจ้าหน้าที่เกมฝ่ายเอ็นพีซีจ้ะ”

ถึงว่าสิ เห็นพูดเอ๊าพูดเอา ที่แท้ก็จีเอ็มนี่เอง

“ว่าแต่คุณน้องมาซื้อเสื้อผ้ากับอาวุธใช่ไหมเนี่ย”

“ฮะท่านพี่”

“งั้นก็ดีเลย พี่กำลังคิดจะดีไซน์เสื้อผ้าเด็กให้อยู่พอดี” พี่สาวชาววายตอบยิ้มๆ “ส่วนเรื่องอาวุธนั้น เอ ทางทีมงานเขาไม่ได้ฝากอาวุธมาให้พี่ขายด้วยสิ”

“เรื่องอาวุดม่ายต้องแย้วฮะ ป๋มมีอยู่กับตัวแย้วถึงฉองอาน” ราตรีรีบตอบปฏิเสธเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดมากเรื่องอาวุธ แต่อนิจจา หารู้ไม่ว่ารูปร่างและท่าทางของคุณเธอ แค่เหลือบตามองก็ทำให้บอสยอมฆ่าตัวตายยังได้

“มีแล้วงั้นหรอกรึ เอ แปลกจัง ทำไมทางนั้นไม่เห็นส่งข้อความมาบอกกันบ้างเลย” อีกฝ่ายบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ “แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องมันแล้วก็แล้วไป ว่าแต่พี่ต้องขอโทษคุณน้องด้วยนะฮะที่ตอนนี้ร้านของพี่ไม่มีเสื้อผ้าหรืออาวุธสำหรับเด็กทารกขายเลย”

“ม่ายเป็งรายฮับ ป๋มม่ายคิดมากอยู่แย้ว” ราตรีตอบอย่างไม่ใส่ใจ เพราะยังไงเธอก็ยังพอมีชุดให้ใส่อยู่บ้าง

“เอาอย่างนี้แล้วกัน ในระหว่างที่พี่กำลังคิดดีไซน์เสื้อผ้าเด็กให้คุณน้องอยู่ คุณน้องก็รับภารกิจของพี่ไปทำดูสิฮ้า ไม่ยากและเหมาะสำหรับผู้เล่นเริ่มต้นระดับศูนย์เลยด้วย” อีกฝ่ายพูดแนะนำภารกิจให้ราตรีฟัง

“พาระกิดหยอฮะ”

“ใช่แล้วฮ่ะ ภารกิจ” เขาหรือเธอตอบก่อนจะพูดต่อ “แต่งานนี้คุณน้องต้องให้มาริโอร่วมมือด้วย ไม่งั้นแล้วคุณน้องจะทำภารกิจนี้ไม่สำเร็จเอาได้นะฮ้า”

“ตกลงฮะ ป๋มจาทาม” ราตรีรีบตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

“ท่านได้รับภารกิจระดับดี คือ ล่าขนกระต่าย 2000 ชิ้น”

เสียงระบบดังก้องในหัวราตรี

“ขนกาต่าย?”

“ฮ่ะขนกระต่าย แต่งานนี้พี่ไม่จำกัดเรื่องเวลา คุณน้องจะส่งเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ พี่รอได้ฮ่ะ” อีกฝ่ายตอบยิ้มๆก่อนจะหันไปทางมาริโอ “แล้วตัวก็อย่าลืมช่วยน้องเขาล่ะ”

“เออ ข้าช่วยอยู่แล้วน่า” มาริโอตอบอย่างฉุนจัดพลางนึกในใจว่า

ดีนะมันไม่บอกว่าภารกิจ ยาราไนก้า ล่าถั่วดำเห็ด

“ว่าแต่ท่านพี่ชื่ออารายหยอฮะ ป๋มราตีพิฉุด” ราตรีพูดแนะนำตัวเองอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้

“ลำไยฮ่ะ พี่ชื่อลำไย ยินดีที่ได้รู้จักนะฮะน้องราตรีพิสุทธิ์”

“เช่นกานฮะพี่ลำไย”

หลังจากนั้นราตรีก็บอกลาพี่ลำไยก่อนจะสั่งให้มาริโอพาเธอกลับบ้าน

....................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 15 เพื่อนใหม่ 1

..................................

“งั้นฉันลาตรงนี้แล้วกันนะ ขอให้พวกนายสามคนโชคดี”

เมฆาบอกลาพวกปฐพีหลังจากที่เขาพาเพื่อนๆออกมาจากป่าหุบเขาวงกตได้แล้ว

“เช่นกันเมฆา หวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีก” ปฐพีบอก ซึ่งเมฆาได้แต่ยิ้มรับก่อนจะเดินกลับเข้าไปในป่าหุบเขาวงกตอีกครั้ง

“ให้ตายสิ หมอนั่นจะเดินกลับเข้าไปในป่านั้นทำซากอะไรอีกละ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ” เสียงศาสตราพูดนินทาเขาดังแว่วมาจากทางหลัง ซึ่งเมฆายังเดินไปได้ไม่ไกลจึงหยุดชะงักเดินเพื่อฟังพวกนี้พูดอีก

“เอาน่า เขาจะไปทำอะไรก็เรื่องของสิศาสตรา เราจะไปบังคับเขาให้เดินตามได้ยังไงกันเล่า” อันนี้เป็นเสียงของพิภพ

“ก็มันน่าสงสัยนี่หว่า” เสียงของศาสตราพูดย้อนอย่างสงสัย “มีอย่างที่ไหนผู้เล่นระดับท็อปจะมาเดินเล่นแถวนี้กันล่ะจริงไหมปฐพี”

“จริง ก็ฉันไงล่ะที่เป็นคนหนึ่งที่มาเดินเล่นแถวนี้ เอาล่ะ ขืนนายยังไม่หยุดพล่ามอีก ฉันจะทิ้งนายให้อยู่ตรงนี้นะ” เสียงของปฐพีตอบอย่างกวนๆ ซึ่งทำเอาผู้แอบฟังถึงกับส่ายหน้า

ดูมันพูดช่วยกู้หน้าให้เขาสิ

ทำไปได้...


เมฆาก็รู้สึกปลื้มไม่น้อยที่มีเพื่อนดีๆอย่างปฐพี ถึงแม้ว่าเขากับปฐพีจะเจอหน้ากันแค่สองครั้งก็เถอะ เมื่อคิดเสร็จเมฆาก็ก้าวเท้าเดินกลับเข้าป่าต่อ โดยจุดมุ่งหมายก็คือ

การออกตามหาน้องราตรีกับมาริโอที่อยู่ในป่า!

ทว่าเขาใช้เวลาเดินอยู่ในป่าวันนี้เกือบทั้งวันแล้วก็ไม่พบ แต่ดันมาเจอพวกปฐพีแทน ทีแรกเมฆาตั้งใจจะถามเรื่องนี้กับพวกเขา แต่พอคิดไปคิดมาพวกนี้หลงอยู่ในป่าตั้งสี่วันก็น่าจะเห็นน้องราตรีกับมาริโอสิ แต่นี่กลับทำหน้าไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างเลย

หรือว่าน้องราตรีกับมาริโอตายไปแล้ว!

เพราะเมฆาจำกฏของเกมนี้ได้ว่า ถ้าหากผู้เล่นคนใดตาย ทางระบบก็จะส่งผู้เล่นให้ไปอยู่ในห้องพักของเกมรอเกิดใหม่ ซึ่งกว่าจะได้กลับมาในเกมอีกก็ต้องใช้เวลาอยู่หนึ่งชั่วโมง แล้วระบบถึงจะส่งกลับมายังจุดเดิมที่เคยถูกฆ่าตาย ดังนั้นเมฆาจึงเดินกลับไปดูยังจุดเดิมที่เขาเคยหายตัวไปพร้อมกับเดินสำรวจจนหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้พบ

เอ…หรือว่าน้องราตรีกับมาริโอถูกมอนสเตอร์รุมฆ่าตายแล้วก็กลับมาเกิดใหม่ จนวนเวียนอยู่อย่างนี้หลายรอบแล้วก็เป็นได้!

เมฆาครุ่นคิดอย่างหนักใจ

หากเป็นอย่างที่คิดแล้วล่ะก็…

“ฮึ่ม!” เมฆากัดฟันตัวเองจนเลือดไหลออกมุมปาก “รอก่อนนะมาริโอ น้องราตรี พี่ชายคนนี้จะรีบไปช่วยเดี๋ยวนี้แหละ”

เมฆาพูดจบก็รีบก้าวเท้าออกเดินทันที โดยชายหนุ่มไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนที่ตนกำลังออกตามหาอยู่นั้นได้ออกจากป่าแห่งนี้ไปตั้งนานแล้ว


..............

“ฮัดจิ้ว!”

ราตรีจามในขณะที่กำลังนั่งทานข้าวต้มตอนเช้าโดยมีคุณลุงใจดีป้อนข้าวให้อยู่

“เอ สงสัยอากาศตอนเช้ามันจะเย็นเกินรัตติเสียแล้วมั้ง” ลุงพูดพลางเอาช้อนวางลงในชาม ก่อนจะหันไปทางมาริโอซึ่งกำลังแทะข้าวโพดอย่างเอาเป็นเอาตาย “เจ้าช่วยไปเอาเสื้อกันหนาวของเด็กในตู้ให้ข้าหน่อยสิมาริโอ”

ผู้ถูกเรียกเงยหน้าขึ้น ทำให้เห็นข้าวโพดติดอยู่บนมุมปากของมันได้อย่างชัดเจน

“ทำไมต้องเป็นข้าล่ะ” มาริโอถามพลางเคี้ยวข้าวโพดตุ้ยๆ “ลุงก็เดินไปเอาเองสิ ข้ากำลังกินข้าวโพดอยู่ไม่เห็นรึไง”

ทว่าลุงใจดีที่ซึ่งราตรีมารู้เอาทีหลังว่าชื่อจิลได้ตีหน้ายักษ์ใส่มาริโออย่างเอาเรื่อง

“จะไปดีๆหรือจะให้อดข้าวเที่ยงล่ะมาริโอ” มาริโอได้ยินถึงกับเบะปากหากแต่มันยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปเอาเสื้อผ้าให้โดยไม่ปริปากบ่น

“มามะ ทานข้าวต่อนะรัตติ” ลุงจิลพูดพลางใช้ช้อนตักข้าวขึ้นมา “อีกคำเดียว เดี๋ยวก็หมดแล้วนะเด็กดี ไหนอ้าปากสิ อ้าม”

“ฮัดจิ้ว!”

ไม่ทันช้อนได้ถึงปากของราตรี เธอก็จามออกมาเสียก่อน ซึ่งทำให้ข้าวต้มกระเด็นไปโดนใบหน้าของคนป้อนเต็มๆ

อุ้ย แย่แล้วสิเรา

ราตรีคิดอย่างหวาดหวั่นเพราะกลัวลุงจิลจะลงโทษเธอ หากแต่อีกฝ่ายหาได้โกรธเธอไม่ กลับฉีกยิ้มพร้อมกับใช้มือเช็ดหน้าของตัวเอง

“หึ ตัวเล็กแต่พลังไม่เล็กเท่าที่คิดเลยนะเรา” ลุงจิลบอกก่อนจะวางชามข้าวลงเพราะข้าวมันหมดเกลี้ยงชามแล้ว “ดูท่าจะได้เชื้อพ่อแม่มาแรง ไหนขอลุงตรวจสอบค่าพลังงานหน่อยซิ”

ลุงจิลพูดจบก็จับแขนของราตรีมาใกล้ๆก่อนจะเลิกแขนเสื้อขึ้นอย่างเบามือ ซึ่งเผยให้เห็นแขนเล็กๆสีขาวเนียนแลอมชมพู หากแต่ลุงจิลกลับขมวดคิ้วหรี่ตาเมื่อได้เห็นแขนบางส่วนที่ไม่ขาว แต่กลับมีเกร็ดสีเงินเล็กๆขึ้นประปราย

“นี่เจ้า…เป็นมังกรหรอกรึ” ลุงจิลพูดพลางมองแขนของราตรีอย่างสงสัย “แปลกแฮะ ตอนอาบน้ำให้เจ้าทำไมลุงไม่เห็นเกล็ดบนแขนของเจ้าเลยนะเด็กน้อย”

“แอ้?” ราตรีเองก็ไม่ทราบเช่นกัน และไม่อยากจะพูดให้ความลับของตัวเองแตกด้วย ดังนั้นเธอจึงแสร้งปั้นหน้าไม่เข้าใจในคำพูดของลุงจิล

“ช่างเถอะ ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร” ลุงจิลพูดอย่างนึกขึ้นได้ว่าเด็กทารกอย่างรัตติจะไปเข้าใจคำพูดของตนได้ยังไงกัน “งั้นลุงจะเริ่มตรวจแล้วนะ”

เมื่อลุงจิลพูดจบ ก็พลันหลับตาลงเพื่อตรวจหาพลังของราตรี หากแต่ลุงจิลหลับตาอยู่เนื่องนานจนราตรีนึกสงสัย

จะดูไปถึงไหนกันล่ะนั่น?

ทว่าพอราตรีคิดเสร็จ ลุงจิลก็ได้หัวเราะออกมาก่อนจะลืมตาขึ้นมองราตรี

“ไม่เลวนี่เด็กน้อย พลังมังกรของเจ้าสูงส่งมากจนที่ข้าคาดไม่ถึง นี่ถ้าได้ฝึกปรือฝีมือแล้วล่ะก็ คงจะแข็งแกร่งสมเป็นเผ่ามังกรผู้ยิ่งใหญ่แน่ๆ” ลุงจิลพูดพลางเอามือลูบหัวราตรีเบาๆ “แต่ตอนนี้เจ้ายังเป็นทารก ฉะนั้นแค่กิน นอน หัดเดินกับหัดพูดก็คงพอแล้วล่ะเด็กน้อยเอ้ย”

ทว่าลุงจิลก็ต้องหยุดสนทนาแต่เพียงเท่านี้เพราะมาริโอได้นำเสื้อกันหนาวมาให้ราตรีใส่ แล้วลุงจิลก็ขอตัวไปข้างนอกเพื่อทำงาน ซึ่งราตรีเห็นโอกาสอันดีจึงพรายกระซิบสั่งมาริโอให้มันบอกลุงจิลว่าจะพาเธอออกไปข้างนอกเมืองประมาณสามสี่วันแล้วจะรีบกลับ ซึ่งลุงจิลก็ไม่ได้แย้งว่าอะไรสักคำ แถมยังจัดเตรียมเสบียงให้ราตรีกับมาริโอไว้ทานตอนอยู่ในป่าอีกด้วย

“เที่ยวให้สนุกนะทั้งสองคน แล้วอย่าลืมของฝากติดไม้ติดมือกลับมาด้วยล่ะ”

นี่คือคำพูดของลุงจิลที่ฝากทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่ราตรีกับมาริโอจะออกไปข้างนอก เมื่อมาริโอพาเธอออกมาข้างนอกบ้านแล้ว ราตรีก็พรายกระซิบบอกให้มาริโอพาเธอไปซื้อเสบียงตุนเพิ่มอีกนิดเพราะเธอเกรงว่าจะไม่พอใช้ในการต่อสู้ หากแต่ตอนที่มาริโอพาเธอไปซื้อนั้น ลูกค้าที่เป็นผู้เล่นกลับแปลกใจที่เห็นมอนสเตอร์ระดับบอสออกมาซื้อของให้เจ้านาย และยิ่งกว่านั้นพ่อค้ายังตะลึงที่ได้เห็นเด็กทารกนั่งเกาะหัวมาริโออยู่ด้วย ซึ่งราตรีไม่อยากให้ตกเป็นเป้าสายตาผู้เล่นไปมากกว่านี้ เธอจึงพรายกระซิบสั่งให้มาริโอรีบซื้อแล้วรีบพาเธอออกไปนอกเมืองโดยให้เร็วที่สุด

“ฮู้ ในที่ฉุดก้อออกมาด้ายซากที” ราตรีร้องพลางยืดแขนยืดขาเพื่อคลายเส้น ตอนนี้เธอเปลี่ยนที่นั่งจากหัวมาริโอเป็นหัวไหล่มาริโอแทน แถมตรงนี้ก็ไม่มีใครเดินผ่านกันเลยสักคนเดียว จึงทำให้ราตรีไม่ต้องใช้พรายกระซิบให้เหนื่อยเปล่า

“แล้วนี่พวกเราจะไปไหนกันหรือรัตติ” มาริโอถามอย่างสงสัย

“ก้อปายเก็บขนกาต่ายงายมะรีโอ้” ราตรีตอบ “อย่าบอกนะว่าเจ้าลืมปายแย้วนะ”

มาริโอได้ยินที่ราตรีพูดถึงกับหัวเราะแห้งๆ ซึ่งทำเอาราตรีอดเขกหัวมันด้วยความหมั่นไส้มิได้

“ว่าแต่เจ้ารู้หรือว่ากระต่ายมันอยู่ตรงไหนนะรัตติ”

“ม่ายยู้” ราตรีตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด ซึ่งทำให้คนฟังแทบเกือบสะดุดล้ม “ก้อเดินปายเรื่อยๆก่อง ถ้าเจอคงอื่นเดินผ่านมาค่อยถามเขาเอา”

“แล้วใครจะเป็นคนถามกันล่ะ” มาริโอถามต่ออย่างสงสัย

“ก้อเจ้างายล่ะมะรีโอ้”

“อะไรนะ!” มาริโอร้องอย่างตกใจ “ข้าอีกแล้วเหรอ!!”

“ก้อช่ายนะจิ ถ้าม่ายเป็งเจ้าแย้วจาห้ายข้าถามรึงาย” ราตรีบอกพลางหยิบแผนที่ๆเธอซื้อมาจากในตลาดขึ้นมากางดู ซึ่งเผยให้เห็นแผนที่ของเกาะเริ่มต้น “โหย แต่ละที่ไกลทั้งน้าน! ม่ายหวาย ฉงฉัยพวกเราคงด้ายแต่เดินอยู่แถวเมืองแย้วล่ะมะรีโอ้”

เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว มาริโอก็พาราตรีออกตามหากระต่ายต่อ หากแต่จุดที่พวกราตรีเดินอยู่นั้นมีก้อนหินยักษ์ตั้งอยู่บนพื้นมากจึงทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก

“เกาะข้าให้แน่นๆหน่อยสิรัตติ เดี๋ยวตกแล้วข้าไม่ช่วยเจ้าด้วยนะ” มาริโอบอกด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ซึ่งราตรีเข้าใจดีว่าทำไมมันถึงพูดแบบนั้น

ทำตัวน่ารักก็เป็นเหมือนกันนะเจ้านี่

“อื้อ เข้าจายแย้ว” ราตรีตอบพลางอมยิ้มกับความขี้อายของมัน แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากอีกฟากของก้อนหินตรงที่เธออยู่ “อ๊ะ มีคงมา เดี๋ยวเจ้าอย่าลืมทามตามที่ข้าบอกนะมะรีโอ้”

ราตรีพรายกระซิบบอกมาริโอ ซึ่งมันก็พยักหน้าตอบตกลง ก่อนจะยืนรอให้เจ้าของเสียงฝีเท้านั้นจะปรากฏตัว

แกรก!

เสียงฝีเท้าย่ำเศษก้อนหินก่อนจะเผยให้เห็นร่างบางมีเส้นผมสีดำยาวสลวยกลางหลังซึ่งถูกประดับด้วยปิ่นลายดอกไม้สีชมพู กับชุดที่สวมใส่เป็นผ้าแพรสีชมพูอ่อนดูราวกับเป็นเทพธิดาจำแลง ค่อยๆเยื้องกายออกมาจากด้านหลังก้อนหินยักษ์ อากัปกริยารื่นเริง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน ราวกับเวลาหยุดเดิน ในทุกๆ อิริยาบถที่เคลื่อนไหว จนแม้ราตรียังอดที่จะหลงใหลในความงดงามนี้ไม่ได้ ส่วนมาริโอนั้นตาเยิ้มน้ำลายไหลย้อยมุมปาก บ่งบอกอาการอย่างชัดเจนว่าหัวใจเห็ดน้อยล่องลอยไปอยู่กับเทพธิดาจำแลงเสียแล้ว

ผู้หญิง!

แถมยังสวยเหมือนนางฟ้าเสียด้วย!


ราตรีคิดอย่างตะลึงเมื่อได้เห็นอีกฝ่ายงดงามยิ่งกว่าผู้หญิงที่เธอเคยเห็นมา

“เดี๋ยวก่อน” จู่ๆ มาริโอก็พูดขึ้นมา ซึ่งทำเอาฝ่ายถูกทักหยุดชะงักเดินก่อนจะหันหน้ามามองมาริโอกับราตรี “ท่านเป็นนางฟ้ารึเปล่า หนูไม่เคยเห็นมนุษย์ตนใดสวยเหมือนท่านมาก่อนเลย”

อีกฝ่ายได้ยินที่มันพูดจึงคลี่ยิ้มก่อนจะเอ่ยปากตอบด้วยน้ำเสียงที่หวานว่า

“ขอบใจที่ชมจ้ะ แต่พี่ไม่ใช่นางฟ้าหรอกนะเจ้าเห็ดน้อย”

“แต่ท่านเหมือนนางฟ้าจริงๆนะ” มาริโอยังคงพูดยืนยันคำเดิมว่าตัวมันคิดเช่นนั้น ซึ่งไม่เว้นแต่ราตรีที่เห็นด้วยกับมัน

“งั้นเหรอจ้ะ” หญิงสาวพูดพลางยกมือขึ้นป้องปากหัวเราะเบาๆ หากแต่สายตาเหลือบมาเห็นราตรีจึงหยุดหัวเราะก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้ามาดูใกล้ๆ “เอ แล้วพ่อหนุ่มน้อยน่ารักคนนี้มีชื่อว่าอะไรเอ่ย บอกพี่สาวคนนี้ได้ไหมจ้ะ”

“รัดจิ!” ราตรีตอบทันที ซึ่งทำเอามาริโอที่จะตอบแทนเธอกลับต้องอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น

“รัตติเหรอจ้ะ แหม เป็นชื่อน่ารักจังเลยนะ” หญิงสาวยิ้มก่อนจะก้มหน้ามองมาริโอต่อ “แล้วเธอล่ะเจ้าเห็ดน้อย”

มาริโอได้ยินที่อีกฝ่ายถามก็พลันสะดุ้งวาบ ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักว่า

“มะ...มะ”

“มะ?”

“มะรีโอ้!” ราตรีพูดตอบแทนมาริโอพร้อมกับเอามือตบหัวมันพลางหัวเราะอย่างชอบใจ “มะรีโอ้! มะรีโอ้! มะรีโอ้!”

“มะรีโอ้?”

“ไม่ใช่! มาริโอตั้งหาก!” มาริโอรีบพูดแก้ความเข้าใจผิดในเรื่องชื่อ นี่ถ้ามันมีแขนกับมือแล้วล่ะก็ มันคงจะตีนายของมันด้วยข้อหาจงใจแกล้งโดยไม่รู้กาลเทศะอย่างแน่นอน “ท่านนางฟ้าอย่าไปฟังรัตติพูดให้มากนักนะฮะ เพราะเจ้านี่ยังเด็กแถมยังพูดไม่ชัดด้วย”

“จ้าๆ เข้าใจแล้วจ้ะ” อีกฝ่ายตอบยิ้มๆ

“ว่าแต่ท่านนางฟ้าชื่ออะไรเหรอฮะ” มาริโอถามต่อทันที

“พี่ชื่อหยางชุนหลานจ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะหนูรัตติ หนูมาริโอ” หญิงสาวตอบก่อนจะถามต่อ “ว่าแต่พวกหนูสองคนจะไปไหนกันหรือจ้ะ”

“ไปล่ากระต่ายฮะ พอดีพี่ชายสั่งให้พวกหนูไปล่าเอาขนกระต่าย” มาริโอตอบตามที่ราตรีบอกทางพรายกระซิบ

“ล่ากระต่าย?”

“ฮะล่ากระต่าย” มาริโอตอบก่อนจะอ้าปากพูดต่อ “ว่าแต่พี่สาวพอจะรู้ที่อยู่ของกระต่ายหรือเปล่าฮะ”

หญิงสาวได้ยินที่มาริโอถามถึงกับนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบกลับกลับมาว่า

“รู้จ้ะ ว่าแต่พวกหนูจะไปกันแค่สองคนเองหรือจ้ะ”

“ฮะพี่หยางชุนหลาน”

“ถ้างั้นพี่ขอตามพวกหนูไปอีกคนได้ไหม เพราะภารกิจล่ากระต่ายนี้พี่ก็ยังทำไม่เสร็จเหมือนกัน” หยางชุนหลานถามต่อ ซึ่งมาริโอก็รีบพยักหน้าตอบโดยที่ราตรีห้ามมันไม่ทัน

เอาวะ ดีกว่าไปล่ากระต่ายกันแค่สองคนแล้วกัน

ราตรีคิดในใจ เพราะลำพังตัวเธอเองคงช่วยมาริโอได้ไม่มาก ถ้าได้ผู้ช่วยสักคนก็คงจะทำให้มาริโอล่ากระต่ายได้เร็วขึ้นเป็นกอง ดีไม่ดีอาจจะล่าเอาขนกระต่ายเสร็จภายในวันเดียวเลยก็ได้ เมื่อมาริโอกับหญิงสาวตกลงกันเรียบร้อยแล้ว หยางชุนหลานก็พามาริโอกับราตรีออกเดินทางต่อทันที ซึ่งในระหว่างการเดินทางนั้นหยางชุนหลานได้เล่าเรื่องกระต่ายที่กำลังจะไปล่าด้วย

“มันก็ไม่ได้ล่ายากอะไรนักหรอกถ้าคุณกระต่ายอยู่แค่ตัวเดียวนะจ้ะ” หยางชุนหลานพูดอธิบายในขณะที่อุ้มราตรีอยู่ “แต่ถ้าพวกคุณกระต่ายอยู่รวมกันเป็นฝูงแล้วล่ะก็ จะน่ากลัวและรับมือได้ยากกว่าเดิม ฉะนั้นเวลาจะมาล่ากระต่ายก็ต้องพาคนที่มีเลเวลสูงมาคอยคุ้มกันด้วยนะจ้ะ”

“ฮะพี่หยางชุนหลาน”

“ส่วนเรื่องขนกระต่ายที่ล่าได้นั้น พี่จะแบ่งให้แต่ต้องหารสองกับพี่นะ” หยางชุนหลานบอก ซึ่งมาริโอก็พยักหน้ายอมรับข้อตกลงอย่างว่าง่าย หลังจากหญิงสาวพามาริโอเดินอยู่ได้ครึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย“อย่าเพิ่งเข้าไปหนูมาริโอ พี่ว่าพวกเรามาตระเตรียมแผนการโจมตีก่อนดีกว่านะจ้ะ”

หยางชุนหลานบอกพลางจับไหล่มาริโอไม่ให้เดินดุ่มเข้าไปดงกระต่ายสีขาวโดยไม่ได้วางแผนอะไรสักอย่างเลย ซึ่งมาริโอก็ยอมหยุดเดินก่อนจะหันตัวกลับมารับฟังแผนการ พอหยางชุนหลานบอกแผนแล้วมาริโอถึงกับร้องโวยวายเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องเป็นคนไปเดินล่อกระต่ายออกมา

“ทำไมต้องเป็นหนูด้วย!”

“ชู่! อย่าเสียงดังสิจ้ะหนูมาริโอ” หยางชุนหลานพูดพลางเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากมาริโอ “พี่เองก็ไม่อยากให้หนูต้องเป็นตัวล่อหรอกจ้ะ แต่ถ้าให้พี่ที่เป็นมนุษย์เดินออกไปแล้วล่ะก็ มีหวังคุณกระต่ายได้เรียกพรรคพวกให้มาช่วยแน่ๆจ้ะ”

“แล้วทำไมถึงไม่ให้รัตติออกไปล่ะฮะ” มาริโอถามพลางมองเจ้านายของตัวเองที่กำลังนั่งอยู่ในอ้อมแขนของหยางชุนหลานอย่างไม่เข้าใจ

“ก็น้องรัตติยังเด็กอยู่ยังไงล่ะจ้ะหนูมาริโอ” หยางชุนหลานตอบยิ้มๆ ก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างลูบหัวมาริโออย่างแผ่วเบา “อย่าลืมสิว่าหนูเป็นพี่ จะให้หนูรัตติทำงานอันตรายแบบนี้ไม่ได้ ฉะนั้นหนูควรจะเสียสละทำงานนี้เพื่อหนูรัตติดีกว่านะจ้ะ”

ราตรีได้ยินที่หยางชุนหลานพูดก็พลอยเห็นด้วยกับคำสอนของเธอ

ไม่เลวเหมือนกันนี่

“เข้าใจแล้วฮะพี่หยางชุนหลาน หนูจะทำเต็มที่ให้สมกับเป็นพี่ให้ได้เลย” มาริโอตอบยิ้มๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังข้างหน้าเพื่อล่อกระต่ายตามแผนที่วางไว้ เมื่อมาริโอเดินไปแล้ว หยางชุนหลานก็ได้วางราตรีลงกับพื้นดินซึ่งทำเอาราตรีถึงกับงุนงง

ทำอะไรของเค้านะ ไม่ดูมาริโอรึไง

ราตรีคิดอย่างสงสัยหากแต่อีกฝ่ายจ้องหน้าเธอเขม็ง

“เก่งใช่ย่อยเลยนะนี่ เกือบดูไม่ออกว่าไม่ใช่ทารกจริงๆ” หยางชุนหลานพูด ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับสะดุ้งวาบ

“ทามมายยู้ล่ะ อุ้ย!” ราตรีรีบปิดปากตัวเองเพราะเผลอพูดออกมาต่อหน้าหยางชุนหลาน

“ฮั่นแน่ ยอมเปิดเผยตัวตนจริงแล้ว” หยางชุนหลานพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์นิดๆ “น้องคงยังไม่รู้สินะ ว่าแท้จริงแล้วภารกิจทุกอย่างที่ได้รับมา ไม่ว่าทาสรับใช้ เอ็นพีซี หรือจีเอ็มจะไม่สามารถทำภารกิจให้กับผู้เล่นคนอื่นแทนกันได้ นอกเสียจากว่า...”

หยางชุนหลานหยุดชะงักพูดพลางยื่นหน้าเข้าไปกระซิบกับราตรีต่อด้วยสีหน้ายิ้มๆ

“น้องจะเป็นผู้เล่นเสียเองจริงไหมจ้ะรัตติ”

........................

ปล.ข้างล่างเป็นภาพจำลองหยางชุนหลานจ้า :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2015 15:08:37 โดย dragon123 »

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
รัดจิ น่ายักอ่ะ


ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 16 เพื่อนใหม่ 2

..........................

“น้องจะเป็นผู้เล่นเสียเองจริงไหมรัตติ”

คำพูดของหยางชุนหลานดังกึกก้องในหูอย่างซ้ำไปซ้ำมาราวกับมีใครไปกรอเทปกลับ หลังจากราตรีถูกอีกฝ่ายจับผิดได้แล้ว หยางชุนหลานก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะว่าต้องคอยดูมาริโอที่กำลังเดินไปล่อให้กระต่ายสีขาวตัวหนึ่งตามมา เมื่อมาริโอพากระต่ายมาถึงที่แล้วก็รีบกระโดดหลบออกไปจากตรงนั้น ทำให้หยางชุนหลานรีบปราดเข้าไปโจมตีโดยไม่ให้กระต่ายตนนั้นได้ตั้งตัว

ตูม!

1000

ออกหมัดเพียงแค่ครั้งเดียว กระต่ายตัวนั้นถึงกระเด็นลอยไปไกลก่อนจะสลายไปในพริบตา

“ชุดนี้ใส่แล้วสู้ไม่ถนัดเลย เปลี่ยนดีกว่า” หยางชุนหลานบ่นพึมพำ ซึ่งทำเอามาริโอได้ยินถึงกับหูผึ่ง

เปลี่ยนเลยเจ้ ถอดเลย ถอดๆ

มาริโอแอบลุ้นเชียร์อยู่ในใจ เมื่อได้เห็นหยางชุนหลานปลดสายชุดที่สวมอยู่ แล้วกระตุกสะบัดขึ้นฟ้า ทีแรกราตรีจะร้องห้ามไม่ให้หญิงสาวถอดเสื้อผ้าต่อหน้ามาริโอ แต่พอได้เห็นหยางชุนหลานแค่สะบัดชุดสีชมพูออก เสื้อผ้าของเธอก็กลับกลายเป็นเสื้อแขนสั้นสีขาวรัดรูปทับด้วยเกราะอ่อนสีน้ำตาลบนหน้าอก กางเกงขายาวสีดำรัดรูป สวมบูทยาวและปลอกแขนหนังสีแดง เส้นผมที่ยาวสลวยถูกเกล้าไว้เป็นหางม้าดูปราดเปรียวราวแม่เสือสาว ซึ่งพออีกฝ่ายเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ทำเอามาริโอถึงกับเสียดายที่ไม่ได้เห็นของดี แต่มันก็ฉลาดพอที่จะไม่แสดงอาการอะไรออกมา ไม่อย่างนั้น มันอาจได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของภาระกิจแทนที่กระต่ายก็ได้

จริงสิ ที่นี่มันเป็นเกมนี่นะ

จะไปเห็นได้ยังไงกัน

ราตรีคิดในใจพลางส่ายหน้ากับความคิดตื้นๆของตัวเอง ส่วนทางด้านหยางชุนหลานเมื่อกำจัดกระต่ายตัวแรกเสร็จแล้ว เจ้าของร่างบางก็เดินไปหยิบขนกระต่ายที่อยู่กับพื้นขึ้นมาซึ่งมีอยู่ที่พื้นเพียงแค่สองชิ้น

“เดี๋ยวขนกระต่ายนี้เก็บไว้ที่พี่ก่อนนะจ้ะ แล้วถ้ามันครบเมื่อไหร่ค่อยนำออกมาแบ่งกันทีหลัง” หยางชุนหลานหันมาบอก ซึ่งมาริโอก็พยักหน้าตกลง แล้วจึงเดินกลับออกไปล่อกระต่ายต่อ เมื่อมาริโอเดินไปแล้วราตรีจึงคลานกึ่งเดินไปหาหญิงสาวทันที

“ขอถามอารายหน่อยด้ายหมายฮะพี่หยางชุนหลาน” ในเมื่ออีกฝ่ายรู้ตัวตนแท้จริงแล้ว ราตรีก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องแสร้งเป็นเด็กทารกอีก “เมื่อกี้พี่ทามงายถึงเปี่ยนชุดด้ายเร็วถึงขนาดน้านฮะ ป๋มเคยลองแย้วแต่มานม่ายด้ายอย่างพี่ฉ๋าวเยยฉักนิดเดียว”

ราตรีถามอย่างสงสัย เพราะวิธีนี้เมฆากับธิดาไม่ได้สอนเธอเลยสักนิดเดียว ตั้งแต่เข้าเกมมา เธอรู้เนื้อหาของเกมแค่นิดหน่อย ไม่ลึกถึงขนาดวิธีเปลี่ยนเสื้อผ้าได้อย่างรวดเร็วแบบหยางชุนหลานเลยสักนิดเดียว

“อ้อ พี่ก็แค่ใช้คำสั่งลัดนะจ้ะ” หยางชุนหลานตอบก่อนจะอธิบายต่อ “เป็นระบบพิเศษ สำหรับการเปลี่ยนไอเทมสวมใส่ ในกรณีที่มีไอเทมสวมใส่มากกว่า 1 ชุด ใช้กับอาวุธอะไรก็ได้ แล้วเวลาใช้งานก็สะดวก ไม่ต้องเปิดหน้าต่างไอเทม แล้วเลือกทีละชิ้น แต่มันเปลี่ยนได้ทั้งชุดจ้ะ”

ราตรีได้ยินแล้วก็ทำปากร้องอ้อ

มิน่าล่ะ ว่าทำไมเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เร็วถึงขนาดนั้น

“ปกติแล้วผู้เล่นหน้าใหม่กับทั่วไปจะรู้นะจ้ะรัตติ” หยางชุนหลานพูดยิ้มๆ “อย่าบอกนะว่าน้องเข้ามาเล่นโดยไม่อ่านคู่มือมาก่อนเลย”

“ฮะ ม่ายด้ายอ่านก่องมาเยย” ราตรีตอบพลางนึกในใจ

ก็ตานพชวนให้เธอเข้ามาเล่นโดยไม่ได้ให้คู่มืออะไรเลยนี่

“ถ้างั้นเดี๋ยวพอพี่จัดการกระต่ายตัวนี้เสร็จแล้ว จะสอนให้นะจ้ะ” หยางชุนหลานบอกก่อนจะหันไปมองมาริโอ ซึ่งพอทันเห็นมันกระโดดเตะตูดกระต่ายตัวเท่าหมีก่อนจะหมุนตัวกลับวิ่งมาทางนี้

“กรี๊ด! ช่วยเห็ดด้วยคร้าบบบบ! กระต่ายจะกินเห็ด!” มาริโอวิ่งไปพลางตะโกนร้องไห้น้ำตาเป็นทางไปพลาง หยางชุนหลานเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งปราดเข้าไปเสยปลายคางของกระต่ายตัวแรกที่กำลังจะถึงตัวมาริโอเข้าเต็มรัก

โชริวเคน!

ตูม!


1200

อานุภาพของกำปั้นที่ดุเดือดส่งเจ้ากระต่ายชะตาขาดลอยข้ามหัวเพื่อนของมันไปเสียไกล จากนั้นหยางชุนหลานก็ใช้มือซ้ายชกเข้าที่ใบหน้ากระต่ายตัวที่เหลืออย่างเร็ว และไม่มีช่องว่าง

ตูม!

1000


ตัวเลขหนึ่งพันกระจายก่อนที่กระต่ายดวงซวยจะลอยละลิ่วไปทับร่างของเพื่อนร่วมชะตากรรมที่เพิ่งจะหล่นถึงพื้น

โหดใช่ย่อยเลยแหะ

ราตรีคิดพลางมองกระต่ายสองตัวที่กำลังจะเลือนหายไป ก่อนจะหันไปมองหยางชุนหลานที่กำลังก้มเก็บขนกระต่ายที่กองอยู่กับพื้น

เก่งแบบนี้ เห็นทีคงต้องระวังหน่อยแล้ว

หลังจากนั้นพวกราตรีก็ได้นั่งพักหนึ่งชั่วโมง ซึ่งในช่วงเวลานี้หยางชุนหลานก็ได้สอนวิธีการใช้คำสั่งลัดในการเปลี่ยนเสื้อผ้ากับวิธีการใช้อาวุธอันอื่นนอกเหนือจากแส้กับค้อนพลาสติกให้ราตรีฟัง ส่วนเรื่องความลับที่ราตรีเป็นเด็กทารกนั้น หยางชุนหลานเอ่ยปากตกลงว่าจะปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับโดยไม่บอกใครอย่างแน่นอน

“ตอนนี้น้องใช้แส้ไปก่อน ไว้เลเวลของน้องรัตติอัพเมื่อไหร่ แล้วค่อยใช้มีดสั้นที่พี่ให้ไปนะจ้ะ”

“ฮะ” เมื่อราตรีได้ทดลองใช้คำสั่งลัดกับฝึกอาวุธอยู่พักใหญ่แล้ว หยางชุนหลานก็ให้มาริโอไปเดินล่อกระต่ายยักษ์ต่อ ซึ่งครั้งนี้มีราตรีขอร่วมแจมสู้ด้วยคนเพราะไม่อยากจะอยู่เฉยๆ

“งั้นเดี๋ยวพี่จะใช้ผ้าคาดตัวน้องไว้ด้านหลังแล้วกัน จะได้ช่วยพี่โจมตีกระต่าย” หยางชุนหลานบอกก่อนจะตั้งปาร์ตี้โดยมีตัวเธอเองเป็นหัวหน้า แล้วเชิญชวนให้ราตรีเข้ามาอยู่ในปาร์ตี้ด้วย ซึ่งหยางชุนหลานได้แบ่งค่าประสบการณ์ให้กับตัวเองแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นยกยอดให้ราตรีทั้งหมดเพราะเลเวลจะได้อัพเกรดขึ้นไวๆ แล้วจากนั้นราตรีก็ได้ช่วยหยางชุนหลานในการเก็บขนกระต่ายซึ่งกินเวลาไปสามชั่วโมงก็ถึงเวลาพักเที่ยง

“เที่ยงแล้วพวกเราจะทานอะไรดีฮะพี่ชุนหลาน” มาริโอถามโดยเปลี่ยนสรรพนามการเรียกชื่อของอีกฝ่ายให้สั้นลง

“เอ พี่ก็ยังไม่รู้เลยจ้ะ” หยางชุนหลานพูดด้วยความลำบากใจ เพราะหญิงสาวไม่ได้ตระเตรียมเสบียงมาเลยสักนิด “น้องมีอาหารอะไรบ้างหรือเปล่ารัตติ”

หยางชุนหลานถามโดยยังไม่คิดจะเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกรัตติสักนิด

“มีฮะ” ราตรีหรือรัตติตอบ ซึ่งเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าหากหยางชุนหลานจะเรียกเธอแบบนั้น “มีเนื้อแห้ง ก่องข้าวฉองก่องและน้ามผนละม้าย”

ราตรีร่ายชื่ออาหารที่ลุงจิลเตรียมให้ก่อนจะนำอาหารเหล่านั้นออกมาจากกระเป๋าเป้ที่สามารถจุของได้ 50 ชิ้น ซึ่งมีเนื้อแห้งสิบชิ้น กล่องข้าวใหญ่สองกล่อง กับน้ำผลไม้ที่บรรจุใส่กระบอกไม้ไผ่สองกระบอกตามที่ราตรีบอกไว้จริงๆ

“แค่นี้คงไม่พอทานสามคนแล้วมั้งรัตติ” มาริโอบอกพลางจดจ้องอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า เพราะมันกลัวว่าอาหารจะหมด “พวกเรายังต้องอยู่ข้างนอกเมืองอีกหลายวันนะ”

“ม่ายเป็งราย เดี๋ยวค่อยหาผนละม้ายป่าทานเอาก้อด้าย” ราตรีพูดอย่างไม่ใส่ใจ เพราะเธอไม่กลัวเรื่องเสบียงหมดอยู่แล้ว ทว่าผู้ฟังอย่างหยางชุนหลานกลับแปลกใจที่เห็นราตรีเห็นอาหารเป็นเรื่องเล็ก

“แล้วนี่ทานแค่ผลไม้มันจะไปอิ่มหรือ” หยางชุนหลานถามอย่างสงสัย ซึ่งราตรีก็ตอบกลับมาว่า

“ถ้ามานม่ายอิ่มค่อยหาเพิ่มอีกด้าย แย้วอีกอย่างพวกหนูก้อผ่านป่ามามากแย้ว เยื่องนี้จิ๊บๆ”

“แต่พี่กลัวว่าร่างกายน้องมันจะไม่โตเอาได้นะสิจ้ะ” หยางชุนหลานเถียงกลับอย่างมีเหตุผล เพราะเธอเป็นผู้รู้ข้อมูลเกมมากกว่าราตรี “อย่าลืมสิว่าเกมนี้มันสมจริงมากแค่ไหน ถ้าน้องไม่ทานอาหารให้ครบหมู่แล้วร่างกายก็จะไม่พัฒนาได้ แถมเลเวลก็จะไม่เพิ่มขึ้นด้วยนะจ้ะ”

“ฮะ หนูซาบ แต่หนูยางเด็กนะฮะพี่ฉ๋าว ทานอาหานด้ายแค่ของเหลวกับน้ามนมเท่าน้านนะฮะ” ราตรีตอบอย่างผู้เคยมีประสบการณ์เรื่องการเลี้ยงลูกมาก่อน ซึ่งคนอย่างเธอผ่านโลกมามากแล้วย่อมรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะตั้งแต่จากท่านแม่มา เธอก็จัดการได้ด้วยมือเธอเองทั้งนั้น จะให้มาริโอมาช่วยก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นแค่มอนสเตอร์ เมื่อหยางชุนหลานได้ยินคำตอบจากราตรีแล้วถึงกับหน้าเจื่อนไป ซึ่งราตรีพอเดาได้ลางๆว่าอีกฝ่ายคงยังไม่ได้แต่งงานและยังไม่เคยมีลูกอย่างแน่นอน แล้วหลังจากนั้นพวกราตรีก็เริ่มออกล่ากระต่ายต่อโดยมีมาริโอเป็นตัวล่ออีกตามเคย ซึ่งทั้งสามคนล่ากระต่ายจนกระทั่งดวงอาทิตย์เริ่มลอยลับขอบฟ้า จึงมานั่งพักผ่อนที่ริมสระน้ำแห่งหนึ่งซึ่งมีขนาดกว้างพอประมาณ รายล้อมด้วยพุ่มไม้หนาตาและโขดหิน

“สู้มาทั้งวันชักเมื่อยแล้วสิ รัตติจ๊ะ เราไปอาบน้ำกันเถอะ”

“คร้าบคุณพี่คนสวย” ทว่าเสียงที่ตอบกลับมา กลับกลายเป็นมาริโอที่มีทีท่าคึกคักอย่างออกนอกหน้า นัยน์ตาของมันลุกวาว เพียงแค่ได้ยินคำว่า “อาบน้ำ” ภาพของพี่สาวคนสวยกำลังเปลือยกายขาวโพลนลูบไล้เนื้อตัวด้วยความสดชื่น ก็ปรากฏขึ้นในมโนภาพทันที

“ไม่ได้จ้ะ มาริโอ หนูต้องคอยเฝ้ายามอยู่ที่นี่”

“แต่ว่า”

ตูม!

สิ้นเสียง โขดหินก้อนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของหยางชุนหลานก็กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พร้อมๆ กับพื้นดินที่ยุบลงไปเป็นหลุมขนาดกว้างและลึกพอประมาณ

“เด็กดี เชื่อฟังพี่สาวนะจ๊ะ”

“ครับผม” มาริโอรับคำด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นพลางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก ภาพของเทพธิดาจำแลงที่มันคิดไว้กับภาพความจริงที่ปรากฏช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ดุขนาดนี้ ชาตินี้คงหาแฟนได้หรอกนะ

มันได้แต่แอบคิดในใจมิกล้าเอ่ยปากออกมา ด้วยเกรงว่าฤทธิ์หมัดมังกรทะยานที่บรรดากระต่ายนับร้อยได้ลิ้มรสไปแล้ว จะบังเกิดผลกับมันเช่นกัน

“อย่าแม้แต่จะคิด มะรีโอ้” เสียงพรายกระซิบดังขึ้นที่ข้างหูของมัน ในขณะที่ผู้เป็นเจ้าของมองมายังมันด้วยแววตาเย็นยะเยียบ

“ไม่ยุติธรรมนี่หว่า ทำไมเจ้าได้อาบแต่ข้าไม่ได้”

“เพาะข้ายางเป็งเด็กทารก ฉ่วนเจ้าโตแย้ว”

“ชิ จำไว้เลย”


ว่าแล้วมันก็งอนตุบป่องเดินไปด้านหลังโขดหินขนาดใหญ่ที่หยางชุนหลานชี้ให้ดู เมื่อมาริโอเดินไปได้สักพัก ราตรีก็ได้เห็นหยางชุนหลานอย่างเต็มตา ผิวขาวเนียนตัดกับเส้นผมสีดำยาวสลวยเป็นเงางาม ดูงดงามยิ่งกว่าครั้งแรกที่พบกันเสียด้วยซ้ำ

“ตายจริงรัตติ ไม่ต้องเขินพี่หรอกจ้ะ” น้ำเสียงไพเราะดังขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของราตรีพิสุทธิ์ที่ขณะนี้กลายเป็นสีแดงกล่ำ แม้จะคิดว่าเป็นผู้หญิงด้วยกัน แต่ราตรีก็ยังอดที่จะเขินอายโดยธรรมชาติไม่ได้

“ก็พี่ชุนหลานฉวยนี่ฮับ”

“แหม ปากหวานแต่เล็กเลยนะเรา” หยางชุนหลานกล่าวอย่างอารมณ์ดี จากนั้นหญิงสาวจึงอุ้มราตรีขึ้นแนบอกก่อนจะก้าวเท้าลงสระน้ำที่ใสเย็น แล้วจึงค่อยบรรจงอาบน้ำให้กับราตรีซึ่งในขณะนี้ได้นอนหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข

รู้สึกเหมือนมีท่านแม่มาอาบน้ำให้เราไม่มีผิด

“รัตตินี่น่ารักจังเลยน้า พี่ก็อยากมีลูกน่ารักๆ กับเขาสักคนเหมือนกัน” พอพูดจบเธอก็ก้มหัวลงจูบราตรีที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา ก่อนจะปล่อยราตรีให้ลงเล่นน้ำเองที่ริมตลิ่ง แล้วจึงค่อยลงมือชำระล้างร่างกายของเธอบ้าง

ในเวลาเดียวกันด้านหลังของโขดหินใหญ่ที่มีพุ่มไม้ขึ้นหนาแน่น มาริโอได้แต่กัดฟันทนฟังเสียงหัวร่อต่อกระซิกด้วยความทุกข์ทรมาน แม้ใจของมันในยามนี้จะไปอยู่ที่ทรวงอกอวบอิ่ม สะโพกขาวกลมกลึง และแผ่นหลังเนียนเรียบที่กำลังเริงร่าอยู่ในน้ำ แต่ก็จนปัญญาที่มันจะหาข้ออ้างเข้าไปได้เพราะอานุภาพกำปั้นที่ป่นหินทีเดียวกระจุยยังติดตามันอยู่

ฮือๆ เห็ดก็มีหัวใจนะ เค้าก็อยากดูอะไรสวยๆงามๆเหมือนกันนี่ ทำไมต้องมากีดกันเค้าด้วย

ทันใดนั้นสายตาของมันก็พลันไปสุดที่กระต่ายตัวหนึ่งเข้า วูบหนึ่งของความคิดอกุศลแล่นปราดเข้ามาในหัวของมันพอดี พร้อมกับนัยน์ตาที่ฉายแววของแผนร้ายออกมา

หึๆ ทำแบบนี้ไอ้เด็กเปรตก็ว่าอะไรเราไม่ได้ เจ้คนสวยจ๋า เล่นน้ำให้สนุกนะ

ว่าแล้วมันก็พุ่งไปยังกระต่ายตัวหนึ่ง แล้วกระโดดม้วนตัวใส่เกลียว19รอบครึ่งถีบเข้าที่กกหูของกระต่ายอย่างงดงาม ก่อนที่มันจะหันหลังวิ่งอย่างสุดชีวิต แน่นอนว่ากระต่ายตัวนั้นที่กำลังเพลิดเพลินกับแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ย่อมไม่รู้สึกชื่นชมกับลีลากายกรรมเห็ดของมันแน่ๆ ด้วยเหตุนี้มันจึงวิ่งไล่กวดมาริโออย่างเต็มฝีเท้า ดวงตาของมันกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ

เจ้จ๋ารอเห็ดก่อนนะ ฮี่ๆ แผนของเราช่างสมบูรณ์แบบ

มาริโอคิดพลางวิ่งไปพลาง แผนของมันต้องสัมฤทธิ์ผลเมื่อกระต่ายรับบาปวิ่งประชิดมันแล้ว แต่กระนั้นมันก็ไม่คิดที่จะกระโดดหลบแต่อย่างใดด้วยอานุภาพของไฟลามกที่ลุกโชติช่วงในใจของมัน จนกระทั่งอีกไม่กี่เมตรก็จะถึงพุ่มไม้และสระน้ำอันเป็นเป้าหมายแล้ว

ตุ้บ!

แปร๊ด! แอก


เสียงแรกดังขึ้นมาเพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนที่เสียงที่สอง และสาม จะตามมาอย่างต่อเนื่อง แผนการอันแนบเนียนของมาริโอมิอาจบรรลุเป้าหมายได้ ด้วยตัวของมันเกิดสะดุดล้มคว่ำลงเสียก่อน แล้วโชคชะตาจึงกระหน่ำซ้ำเติมลงมาเมื่อกระต่ายย่ำเท้าลงบนตัวมันเต็มๆ ก่อนจะวิ่งเลยไปยังพุ่มไม้หนาเบื้องหน้า ภาพสุดท้ายที่ผ่านเข้ามาในสายตาของมาริโอจึงมิใช่เทพธิดาจำแลงลงเล่นน้ำ แต่เป็นพื้นหญ้าอันอ่อนนุ่ม ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็มืดดับลงในพริบตา

ส่วนกระต่ายตัวนั้นวิ่งทะลุผ่านพุ่มไม้ออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดวงตาที่ถลนออกมานอกเบ้า กับภาพของหญิงสาวเปลือยกายเล่นน้ำที่อยู่เบื้องหน้ามัน ความโกรธที่มีต่อเห็ดน้อยที่เข้ามารบกวนเวลาแสนสุขของมันจางหายไปในพริบตา เหลือเพียงความรู้สึกขอบคุณที่เห็ดน้อยทำให้มันได้เห็นของดีเป็นบุญตา

กรี๊ด!

ตูม!

9999


เป็นพลังหมัดที่รุนแรงกว่าที่เคยมีมาทั้งหมด กระต่ายผู้โชคดีตัวนั้นถึงกับลอยละลิ่วหายลับข้ามขอบฟ้าไปเลยทีเดียว ส่วนเจ้าของพลังหมัดก็ยืนหอบหน้าแดงอยู่ในน้ำ มือซ้ายทาบลำตัวปกปิดส่วนสำคัญต่างๆเอาไว้แม้จะไม่มิดชิดนักก็ตาม ส่วนมือขวายังคงค้างอยู่ที่ท่าชกที่ยากจะเชื่อว่าเป็นพลังของหญิงสาวเอวบาง

“บ้าๆๆ กระต่ายบ้า ไอ้กระต่ายลามก ทุเรศที่สุด” การพักผ่อนอันแสนสุขก็ต้องจบลงเพียงเท่านั้น ไม่นานนักท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมด้วยความมืด มีเพียงแสงจันทร์ และแสงดาวระยิบระยับเท่านั้น มาริโอค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อมันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างร้อนๆเข้ามาใกล้มัน พลันเมื่อลืมตาขึ้นมันก็ถึงกับดิ้นพราดตาเหลือกน้ำตาไหลพรากเพราะใต้เท้าของมันคือกองไฟที่กำลังลุกโชนได้ที่ ส่วนตัวของมันถูกจับมัดติดอยู่กับท่อนไม้ที่ปักไว้กลางกองไฟ

“ว้าก! ช่วยหนูด้วย”

“ไม่!” สองเสียงต่างวัยประสานขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน เจ้าของเสียงเวลานี้กำลังเอาไม้เขี่ยเปลวไฟให้แรงขึ้นอีกจนมาริโอเริ่มแสบตาเพราะสำลักควันอย่างแรง ทั้งราตรีและหยางชุนหลานต่างมองมายังมันด้วยสายตาเย็นชา โดยเฉพาะคนหลังสุดถึงกับเปล่งออร่าของรังสีอำมหิตให้ลุกโชนขึ้นมาทั่วร่าง

“รัตติจ๊ะ รอไม่นานหรอก อาหารค่ำมื้อนี้ เราจะทานเห็ดย่างกันนะ”

“ฮะ” ทั้งสองต่างคุยกันด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยียบเข้าไปถึงสันหลังของมาริโอ ที่ขณะนี้ยังคงดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่ท่ามกลางเปลวไฟอันร้อนระอุ

“ใครก็ได้ช่วยหนูด้วย! หนูไม่อยากตาย!”

.................

ปล.ภาพข้างล่างเป็นภาพจำลองกระต่ายที่ทุกคนคิดว่าล่ายากมากนักเหรอ  :hao7: :hao7:


[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 17 แยกทาง

..................

แล้วเช้าวันต่อมาพวกราตรีก็ลุกขึ้นมาล่าขนกระต่ายต่อ แน่นอนว่าครั้งนี้มาริโอเจียมเนื้อเจียมตัวจนราตรีนึกขำที่เมื่อคืนวานมาริโอโดนพวกเธอเล่นงานเสียแทบแย่

“ท่านได้รับขนกระต่ายจำนวน 20 ชิ้น”

เสียงระบบประกาศบอกราตรี ซึ่งตอนนี้หน้าที่เก็บขนกระต่ายเป็นของเธอ เพราะหยางชุนหลานบอกว่าจะรีบเก็บให้เร็วที่สุดภายในสองสามวันนี้ แล้วจะรีบไปทำธุระต่อ ซึ่งราตรีก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะไม่อยากรบกวนหยางชุนหลานไปมากกว่านี้ ส่วนจำนวนขนกระต่ายที่พวกราตรีล่าตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ก็ปาไปห้าพันชิ้นได้ แล้ววันเวลาก็ผ่านไปอีกสองวันเต็ม ราตรีกับหยางชุนหลานก็สามารถเก็บขนกระต่ายได้ครบจำนวนสองพันชิ้นตามที่มีระบุในภารกิจนี้

“ตอนนี้ก็ครบแล้ว ถ้างั้นพี่ขอตัวก่อนนะจ้ะ” หยางชุนหลานบอกซึ่งทำเอาราตรีแปลกใจ

“ม่ายปายด้วยกานหยอฮะท่านพี่”

“ไม่ล่ะจ้ะรัตติ พอดีแฟนของพี่ส่งข้อความมาบอกให้รีบกลับนะ” หยางชุนหลานตอบยิ้มๆ ซึ่งทำให้มาริโอได้ยินถึงกับใจแป้ว “แต่ถ้ารัตติคิดถึงพี่ก็สามารถส่งข้อความมาบอกได้นะ แล้วพี่จะกลับมาหาน้องเลยทันทีจ้ะ”

“ฮะ ขอห้ายท่านพี่เดินทางโดยซาหวัดดีพาบฮะ”

“เช่นกันจ้ะน้องรัตติ แล้วก็หนูมาริโอด้วยนะจ้ะ” หยางชุนหลานพูดพลางหันหน้าไปยิ้มให้กับมาริโอ ซึ่งกำลังร้องไห้น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บช้ำเมื่อได้รู้ความจริงว่าหยางชุนหลานมีคนรักแล้ว เมื่อหยางชุนหลานได้เดินจากไปแล้วมันถึงกับร้องไห้เสียงดังลั่น

“โอ๋ๆ อย่าร้องห้ายนะคนเก่ง พู้หยิงนายโลกนี้ยางมีห้ายเจ้าเลือกอีกเยอะ เพาะงั้นอย่าคิดมากปายเยยนะมะรีโอ้” ราตรีพูดปลอบพลางเอามือลูบหัวมาริโอ

“ค่ามิตรภาพของท่านเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 6”

“อือๆ ขอบใจนะรัตติ ขอบใจจริงๆ” มาริโอพูดขอบคุณ แล้วหลังจากนั้นราตรีจึงค่อยปีนขึ้นหัวมาริโอก่อนจะสั่งให้มันพากลับเข้าเมืองเพื่อส่งภารกิจนี้ แต่ยังไม่ทันจะออกเดินทางทั้งคู่ก็ต้องเผชิญกับเรื่องไม่คาดฝันอีกครั้ง เมื่อกระต่ายสีดำตัวหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ขนาดของมันหากเทียบกับกระต่ายที่ล่าไปแล้วราวกับเอาหมูไปเทียบกับช้าง

“บอสกระต่ายบิ๊กบันนี่ระดับ50ปรากฏตัว”

เสียงระบบดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่สะดุ้งตกใจพร้อมกัน

“แม่เจ้าโว้ย สาบานได้ว่ามันคือกระต่าย”

“มะรีโอ้อย่าปายทามอารายห้ายมานโกดเชียวนะ พี่ชุนหลานก้อม่ายอยู่ด้วย พวกเราเละเป็งโจ๊กเห็ดทารกแน่”

“รู้แล้วน่า”
ทั้งสองต่างใช้พรายกระซิบพูดคุยกันเงียบๆ เพื่อป้องกันมิให้คิงคองหรืออาจจะเป็นก๊อดซิลล่าในรูปของกระต่ายเกิดความคิดอยากกินโจ๊กเห็ดทารกขึ้นมา แล้วจากนั้นมาริโอจึงค่อยสาวเท้าย่องผ่านมันไปอย่างแผ่วเบา

“เฮ้ย พวกแกสองตัวนะ” เสียงของมันที่จู่ๆ โพล่งขึ้นมา ทำเอาราตรีและมาริโอถึงกับสะดุ้งโหยงก่อนจะหันกลับไปมองด้วยใบหน้าซีดเผือดเหงื่อทะลัก “ได้ยินว่าเก๋านี่หว่า เข้ามาไล่กระทืบลูกน้องของพวกข้าตายเกือบยกฝูงนะ คนไหนที่ทำวะ ข้องใจนะเว้ย”

“ไหนๆ ใครวะ ใครฆ่ากระต่าย เฮ้ย ใครรังแกลูกน้องพี่เขาก็ไสหัวออกมาสิเว้ย” มาริโอกล่าวพลางหันหน้ามองซ้ายมองขวา แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะกระต่ายยักษ์ยื่นหน้าลงมาจนเกือบชิดหน้ามัน ส่วนราตรีก็รีบไต่ลงไปหลบด้านหลังใช้หัวของมันเป็นที่กำบัง

“แกไม่ต้องมาแถไอ้บอสเห็ดกาก” บอสกระต่ายพูดเถียงกลับไป “ขาก ถุย เป็นถึงบอสแต่ลดตัวไปเป็นทาสมนุษย์ คิดว่าแกเป็นใครวะ มาแหยมข้ามถิ่น”

เท่านั้นเอง มาริโอก็สลัดราตรีลงจากหัวของมัน แล้วเริ่มตอบโต้ทันที

“ก็คิดว่าเป็นเห็ดไง ข้าฆ่าเด็กแกแล้วจะทำไมวะ คิดว่าตัวใหญ่กว่าแน่กว่าหรือไง เจอกันได้นะโว้ย ตัวตัวมาเลยมาไอ้คิงคองสมองถั่ว”

“อ้าวเฮ้ย พูดแบบนี้ก็สวยสิวะ ไอ้เห็ดสด เห็ดกาก”

“เออสิวะ ไอ้กระต่ายเกรียน แน่จริงมาตัวต่อตัวกับเห็ดได้นะเว้ย มาเลย” มาริโอพูดพลางกระโดดเต้นฟุตเวิร์คไปมา ทั้งๆ ที่มันไม่มีมือที่จะยกขึ้นมารำหมัด แต่เท่านี้ก็สร้างความหมั่นไส้ให้กับฝ่ายตรงข้ามได้มากพอดู ในขณะที่กระต่ายยักษ์บิ๊กบันนี่ก็บ้วนน้ำลายปรี๊ด ก่อนจะหันมามองมันด้วยสายตาเหยียดๆ “แน่จริงก็เข้ามาสิวะ”

“แกก็เข้ามาก่อนสิ” อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพลังเกรียน ทำเอามาริโอถึงกับลืมตัวต่อปากต่อคำกับคู่ต่อสู้ที่มีขนาดใหญ่กว่ามันนับสิบเท่า ส่วนราตรีก็อาศัยจังหวะนี้คลานหลบออกมาพร้อมกับคิดวางแผนช่วยมาริโอ และหาวิธีตบเกรียนของกระต่ายยักษ์ไปพลางๆ

จริงสิ ชุนหลานอาจจะยังไปได้ไม่ไกล ถ้าเป็นชุนหลานอาจต่อยมันทีเดียวกระเด็นไปดาวอังคารเลยก็ได้

“ท่านพี่ฮับ ช่วยป๋มด้วยฮับ” ราตรีรีบส่งข้อความไปอย่างรวดเร็ว เธอพลางนึกภาวนาขอให้หยางชุนหลานมาช่วยเธอได้ทัน ก่อนที่เธอและมาริโอจะกลายเป็นอาหารของกระต่าย

ในเวลาเดียวกันสงครามน้ำลายกระต่ายนรกเห็ดเกรียนก็ยังดำเนินต่อไป จนกระทั่งระเบิดถึงขีดสุดเมื่อต่างฝ่ายต่างงัดเอาของลับ สรรพสัตว์ต่างๆ ออกมาแจกจ่ายกันจนเลยเถิดไปถึงขั้นย้อนกรุบรรพบุรุษ มาริโอจึงกระโดดถีบแสกหน้าบอสบิ๊กบันนี่ให้เต็มรัก ส่วนกระต่ายยักษ์ใช้ขาหน้าของมันปัดเบาๆบริเวณที่ถูกถีบ ราวกับว่าลูกถบเมื่อครู่เป็นเพียงแมลงวันบินมาเกาะเท่านั้น ราตรีเห็นท่าไม่ดีเธอจึงรีบชักมีดออกมา ตัดสินใจที่จะร่วมสู้ด้วย เพียงแต่จะทำอะไรมันได้หรือเปล่าเนี่ยสิ

“มะรีโอ้ ข้ามาแย้ว” แว่บหนึ่งที่มาริโอหันมาตามเสียงเรียกของผู้เป็นนาย กระต่ายยักษ์ก็ใช้จมูกอันใหญ่โตของมันพ่นลมใส่อย่างแรงจนมาริโอปลิวมาลงตรงหน้าราตรีพอดี

“บ้าเอ้ย จะเข้ามาทำไม อยากตายรึไง”

“แบบนี้เขาเรียกว่ามิตรภาพจ้ะหนูมาริโอ” เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นจากเบื้องหลัง เจ้าของเสียงเดินมาอย่างแช่มช้าโดยที่มือทั้งสองบิดจนดังกรอบแกรบ สายตาคมกริบจับจ้องไปที่เป้าหมาย ทุกย่างก้าวล้วนเปี่ยมด้วยความระมัดระวัง

“เฮ้อ อุตส่าห์คิดว่าจะได้พักยาวแล้วเชียว”

“ท่านพี่ชุนหลาน”

“อาเจ้ของหนู” ทั้งสองต่างเข้าไปหาหญิงสาวด้วยความดีใจเพราะเห็นทางรอดแล้ว อย่างน้อยกำปั้นของหยางชุนหลานก็เป็นของจริง และดูจะพึ่งพาได้มากกว่าลูกเตะของมาริโอแน่ๆ

“ลำบากหน่อยนะ เจ้าบ้านี่แหละเหตุผลที่พี่ไม่อยากทำภารกิจนี้เท่าไหร่”

“ให้ตายสิ นี่แกลดตัวต่ำลงถึงขนาดให้มนุษย์เพศหญิงช่วยเลยรึไอ้เห็ดเน่า”

บอสกระต่ายหันไปว่ามาริโอ หยางชุนหลานได้ยินดังนั้นจึงแย้งกลับไปว่า

“ก็ยังดีกว่าพวกที่ชอบรุมทำร้ายคนอ่อนแออย่างแกแล้วกันไอ้ปากเหม็น”

“ปากคอเราะร้ายแบบนี้ มิน่าหาผัวไม่ได้”

“หาได้ไม่ได้ ชั้นก็ดีกว่าแกเยอะแหละย่ะ ตายร้อยชาติ เกิดร้อยปี หาดีไม่ได้ ไอ้อ้วนดำปากเหม็น” สงครามน้ำลายรอบนี้จบลงด้วยการโจมตีอย่างเต็มกำลังของบิ๊กบันนี่ที่โถมน้ำหนักตัวทั้งหมดพุ่งใส่  แต่ทว่าหยางชุนหลานก็สามารถหลบได้อย่างว่องไว

“มาริโอพารัตติหลบไป” แม้จะไม่สั่งมาริโอก็พร้อมอยู่แล้ว มันรีบใช้ปากคาบคอเสื้อของราตรีไว้ ก่อนจะพาวิ่งออกออกห่างไปหลายร้อยเมตรเพื่อให้หยางชุนหลานสามารถได้ใช้พื้นที่ในการต่อสู้อย่างถนัดใจ แต่เรื่องก็ไม่ง่ายถึงขนาดนั้น เพราะจู่ๆ ก็มีแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นที่พื้นรอบๆตัวทุกคน กระต่ายจำนวนไม่ต่ำกว่า 20 ตัว ค่อยย่างสามขุมเข้ามาทีละน้อยๆ

“ไอ้ปากเหม็น แน่จริงอย่ารุมสิวะ”

“ทีพวกแกยังมีคนมาช่วย แล้วทำไมข้าจะมีบ้างไม่ได้วะไอ้เห็ดสด”

“พระเอกทำอะไรก็ไม่ผิดเว้ย” คำตอบของมาริโอเล่นเอาราตรี หยางชุนหลาน รวมถึงบอสกระต่ายช็อคไปพร้อมกันไม่ต่ำกว่าสิบวินาที

มันคิดได้อย่างไรนี่ ช่างกล้า

เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างพร้อมเพียงกันในใจของทุกคน จากนั้นการต่อสู้ก็ดำเนินต่อไป

ตูม!

1500

ชุนหลานฮุคเข้าปลายคางของมันเต็มแรง พร้อมกับความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ก็มีฤทธิเพียงแค่ทำให้มันมึนงงชั่วขณะเท่านั้น แต่ก็มากพอที่จะเปิดโอกาสให้การโจมตีต่อเนื่องเข้าเป้าอย่างมีประสิทธิภาพ

ผัวะ! ผัวะ! ผัวะ!

1500

1200

1500

900

1300


แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดมันลงได้ หนำซ้ำกระต่ายที่เหลือต่างก็พากันพุ่งเข้าตะลุมบอนเหยื่อทั้งสามที่อยู่ในวงล้อม ซึ่งตอนนี้พากันหลบอย่างชุลมุน

“ท่านพี่ระวัง!” ราตรีตะโกนขึ้นหลังจากที่เห็นกระต่ายตัวหนึ่งพุ่งเข้าหาหยางชุนหลานจากด้านหลัง แต่ก็เพียงพอสำหรับการตวัดเท้าเข้าก้านคอของมัน

กรอบ!

1500

ร่างของมันกระเด็นข้ามหัวพรรคพวกไปทันที แต่ที่เหลือก็ยังคงโหมบุกเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

“มะรีโอ้ วิ่งเร็วพวกเราต้องช่วยพี่ฉาว”

“ก็อยากอยู่ แต่จะช่วยยังไง ขนาดเจ้ยังอัดมันแทบไม่เข้าเลย”

“ข้ามีวิธี”

จากนั้นราตรีก็รีบกระซิบบางอย่างเข้าที่ข้างหูของมัน แน่นอนว่ามาริโอรีบทำตามทันที แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็เป็นวิธีที่จะช่วยนางฟ้าของมันได้ มันรีบพุ่งเข้าหากระต่ายที่อยู่ใกล้ที่สุดพร้อมกับถีบอย่างสุดแรง ในขณะที่ราตรีซึ่งเกาะอยู่บนหัวของมันก็ใช้มีดในมือแทงเข้าให้เช่นกัน

50

จากนั้นราตรีก็สลับมีดมาเป็นแส้ แล้วตวัดไปที่กระต่ายรอบๆ อย่างไวที่สุดเท่าที่จะทำได้

20

20

15

12


กระต่ายทุกตัวที่ถูกสะกิดต่างก็พุ่งเข้าใส่ทั้งสองทันที มาริโอรีบวิ่งนำหน้ากระต่ายพวกนี้ตัดหน้ากระต่ายอีกหลายตัวที่กำลังจะพุ่งใส่หยางชุนหลาน ทำให้พวกมันหันมาทางหนึ่งทารกและหนึ่งเห็ดทันที ราตรีใช้แส้กำราบสัตว์ร้ายที่มีอยู่ผูกเข้ากับหัวของมาริโออย่างรวดเร็ว ตามแบบที่เคยเรียนมาเมื่อสมัยเป็นเนตรนารี ไม่ช้าบังเหียนจำเป็นก็สมบูรณ์แบบ ราตรีควบมาริโอไปตามทิศทางที่ตนเองกำหนด ในขณะที่เจ้าตัวก็ไม่ขัดขืนแต่อย่างใดกลับให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเสียอีกด้วย

“ทำอะไรนะรัตติ มันอันตรายนะ”

“ท่านพี่ม่ายต้องเป็งห่วง ป๋มจาจาดกานพวกนี้เอง” ว่าแล้วราตรีก็เปลี่ยนทิศทางควบมาริโอล่อฝูงกระต่ายออกมา หลายต่อหลายครั้งที่จะถูกไล่ตามจนทันก็แก้ไขได้ด้วยการหยิกเข้าที่หัวของมัน ทำให้มันเร่งความเร็วขึ้นได้อีก “ตอนนี้เยยฮับท่านพี่”

สิ้นเสียงของราตรี หยางชุนหลานก็เค้นเอาพลังทั้งหมดที่มีอยู่มารวมไว้ที่กำปั้น แล้วรีบปล่อยพลังใส่บอสกระต่ายยักษ์ทันที ลำแสงสีฟ้าปะทุออกมาอย่างรุนแรงเป็นลำขนาดใหญ่ ทำให้บอสกระต่ายบิ๊กบันนี่ถูกพลังจากแรงระเบิดและลำแสงสีฟ้าดันจนลอยละลิ่ว

โครม!!!

68590


หลังจากนั้นร่างของหยางชุนหลานก็ทรุดลงกับพื้น โลหิตสดๆกระอักออกมาเป็นลิ่ม เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นทั่วทั้งตัว เพียงหมัดเดียวที่ปล่อยออกไปทำให้หยางชุนหลานก็ถึงกับสาหัส ราวกับว่าการโจมตีนั้นใช้พลังชีวิตทั้งหมดก็ไม่ปานในขณะที่เจ้าตัวเองก็ไม่ขัดขืนแต่อย่างใดนรอบเจ้ากระต่ายตัวยักษ์ออย่างรวดเร็ว ตามแบบที่เคยเรียนมาเมื่อสมัยเป็นเนตรนารี ไม่ช้าบังเ

“ท่านพี่ชุนหลาน”

“เจ้” ทั้งราตรีและมาริโอต่างก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็น จนลืมตัวไปว่าขณะนี้เบื้องหลังของตนคือฝูงกระต่ายที่ไล่กวดมาอย่างกระชั้นชิด

พลั่ก!

ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้รับความเสียหายจากกระต่าย 999

ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์พลังชีวิตเหลือ 1

เสียงจากระบบประกาศดังขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในหัวของราตรี ซึ่งเวลานี้เธอนอนจมกองเลือดมองดูภาพของเพื่อนใหม่ที่นอนหอบหายใจรวยริน ในขณะที่ฝูงกระต่ายกำลังวกกลับมาอีกครั้ง ส่วนมาริโอก็บาดเจ็บสาหัสไม่แพ้กัน

“ร้ายนักนะ แบบนี้สวยแน่” เสียงของกระต่ายบิ๊กบันนี่ดังขึ้นมาหลังจากที่มันพยุงตัวลุกขึ้นยืนได้ หมัดที่หยางชุนหลานทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง ทำได้เพียงแค่ให้มันบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ไม่อาจสยบมันลงได้อย่างถาวร มันค่อยๆย่างเท้าเข้ามาหาทั้งสามพร้อมกับสมุนกระต่ายของมัน หมายจะขยี้ทั้งสามร่างที่อยู่เบื้องหน้าให้แหลกเป็นผุยผง แล้วทันใดนั้นริมฝีปากของหยางชุนหลานก็เผยอยิ้มขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ราตรีและมาริโอถึงกับงุนงง ว่าเหตุใดผู้หญิงคนนี้จึงยิ้มออกมาได้ในช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตายนี้

ดาวตกมังกรทะยาน!

9500

9200

9999

9010

9870


เสียงหนึ่งดังกึกก้องฝ่าความเงียบพร้อมกับลำแสงสีส้มปนแดงที่สว่างวูบขึ้นกลางอากาศ แล้วพุ่งลงกลางฝูงของกระต่ายยักษ์ที่มีบอสกระต่ายบิ๊กบันนี่รวมอยู่ด้วย ตัวเลขความเสียหาปรากฏขึ้นซ้ำๆกันอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางแรงระเบิดและประกายแสงที่เจิดจ้าราวกับพญามังกรที่โจนขึ้นฟ้า แล้วพุ่งลงสู่พื้นเช่นดาวตก เมื่อควันจางลงทั้งสามก็เห็นชายคนหนึ่ง ซึ่งสวมเสื้อผ้าเหมือนกับหยางชุนหลานทุกประการยืนตระหง่านดุจรูปปั้นสำริด ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้าม ดูสูงกว่าหยางชุนหลานเล็กน้อย ผมสีดำที่ถูกย้อมด้วยประกายสีแดงพลิ้วไหวไปตามลม เพียงการโจมตีแค่ครั้งเดียวชายลึกลับคนนี้ก็สามารถจัดการกับกระต่ายยักษ์ได้ยกฝูง แถมยังรุนแรงกว่าของหยางชุนหลานเสียอีก ส่วนบิ๊กบันนี่ที่น่าจะเป็นญาติสนิทกับแมลงสาบก็กำลังเผชิญหน้ากับเขาคนนี้

“ชุนหลานปลอดภัยนะ ขอโทษที่มาช้า แต่มันจะจบเดี๋ยวนี้แหละ” เขาหันมาเหลือบตามองเธอเพียงครู่เดียว ทำให้เห็นดวงตาที่ส่องประกายสีเขียวราวกับมรกต

“อืม ฝากด้วยค่ะพี่เทียนหลง” เพียงแค่คำพูดราตรีก็เข้าใจได้ทันทีว่าชายคนนี้เป็นใคร แม้แต่มอนสเตอร์อย่างมาริโอก็เข้าใจดีเช่นกัน ถึงจะเจ็บปวดที่ได้เห็นความจริงแต่ก็ยังดีกว่าตาย

ตูม!

ฝ่าเท้าของเขากระแทกเข้าที่บอสกระต่ายบิ๊กบันนี่อย่างรุนแรงจนมันกระเด็นออกไป ที่น่าแปลกใจคือเหตุใดตัวเลขความเสียหายจึงไม่ปรากฏขึ้น

“ทำบ้าไรวะ เก๋านักหรือไง เตะแค่นี้ไม่เห็นจะเจ็บเลย” เจ้ากระต่ายยักษ์ตะโกนเย้ยออกมาด้วยความลำพองใจ ในขณะที่เขาหรือเทียนหลงยังคงยืนค้างอยู่ที่ท่าเตะนั้น ทันใดนั้นบิ๊กบันนี่ก็หยุดเคลื่อนไหวไปเสียดื้อๆ ส่วนเทียนหลงก็ชักเท้าเข้ามาแล้วจึงหันหลังเดินตรงมายังร่างของหยางชุนหลานที่พยายามประคองตัวเองให้ลุกขึ้นอยู่

“แก มันตายไปแล้ว”

348725

ตัวเลขความเสียหายที่สูงจนไม่น่าเชื่อปรากฏขึ้น ก่อนที่ร่างของบอสกระต่ายบิ๊กบันนี่จะระเบิดอย่างรุนแรงจนไม่เหลือแม้แต่ซาก ปิดฉากปากเกรียนๆของมันไว้ ณ ที่นี้

“ท่านได้รับหูกระต่ายบันนี่แบนด์ระดับ 10 จำนวน 1 ชิ้น”

เสียงระบบดังในหัวราตรี

“ทุลักทุเลใช่ย่อยเลยนะนี่” ชายหนุ่มกล่าวพลางหยิบเอาขวดยาฟื้นพลังอย่างดีที่สุดออกมา แล้วป้อนให้กับทุกคน เพียงแค่สัมผัสลิ้นอาการบาดเจ็บต่างๆก็หายไปในทันที มาริโอลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนจะสะบัดหัวของมัน แล้วจึงค่อยเดินมาหาราตรี

“ขอบพระคุณมากครับคุณพี่ที่ช่วยพวกเราไว้” เป็นครั้งแรกที่ราตรีพิสุทธิ์ได้ยินมาริโอพูดจาสุภาพ แม้น้ำเสียงของมันจะสั่นแต่มันก็พูดจากใจจริง

“ขอบพระคุนฮะท่านพี่ เอ่อ”

“พี่ชื่อเทียนหลง ยินดีที่ได้รู้จักนะเพื่อนตัวน้อยทั้งสอง”

“ฮะ” จากนั้นชายหนุ่มก็ได้ช่วยพยุงหยางชุนหลานขึ้นมา ก่อนที่หญิงสาวจะเดินไปลูบหัวราตรีกับมาริโอ ที่เวลานี้เริ่มจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่เพราะรู้ว่าเวลาแห่งการลาจากมาถึงแล้ว หยางชุนหลานลูบหัวมันด้วยความเอ็นดูพลางโน้มตัวลงไปจูบที่หัวของมาริโออย่างแผ่วเบา

“เป็นเด็กดี ดูแลน้องให้ดีๆ นะจ๊ะ มาริโอ”

“ครับเจ้ ฮือๆ”

“รัตติ พวกพี่ไปก่อนนะจ๊ะ”

“ฮะท่านพี่เทียนหยง แย้วก้อท่านพี่ชุนหลาน”

“หนทางข้างหน้ายังอีกไกล รีบโตเป็นหนุ่มไวๆ ยืนหยัดให้ได้ด้วยตัวเองนะจ๊ะหนุ่มน้อย”

จากนั้นหยางชุนหลานก็อุ้มราตรีขึ้นมากอดไว้แนบอก แล้วบรรจงจูบลงที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน ก่อนจะวางร่างเล็กๆ ลงบนหัวของมาริโอที่น้ำตานองหน้า แล้วจึงสลัดชุดออกเป็นชุดเดิมที่ใส่เมื่อพบกันครั้งแรก ก่อนจะเดินกุมมือไปกับเทียนหลงทิ้งให้ราตรีและมาริโอมองตามไปจนลับตา

“พวกเราก็ไปกันเถอะมะรีโอ้”

มาริโอไม่ตอบได้แต่หันหลังกลับ ก่อนจะมุ่งตรงไปยังเมืองเริ่มต้นโดยมิยอมหันกลับไปอีกเลย 

..................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 18 หาเงิน

.......................

เมื่อราตรีกับมาริโอมาถึงเมืองเริ่มต้นแล้วก็เดินตรงไปยังร้านเสื้อผ้าทันที

“อุ้ยแม่เจ้า นี่คุณน้องกับมาริโอไปลุยล่ากระต่ายมาได้จนครบเลยหรือเนี่ย” พี่ลำไยกรีดเสียงร้องอย่างแปลกใจเมื่อเห็นราตรีกับมาริโอมาส่งภารกิจ

“ด้ายครบทุกชิ้นเยยฮะ แต่ป๋มม่ายด้ายเก็บคงเดียวนะฮะ มีพี่ฉ๋าวคงฉ๋วยอีกคงมาช่วยอาวไว้นะ”

“อย่างนั้นเองหรือจ้ะ แหม ผู้หญิงคนนั้นใจดีจังเลยนะ ได้ยินแล้วอยากตบ เอ้ย อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นบ้างจังว่าจะสวยมากแค่ไหน” คุณลำไยพูดด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียมเล่นเอามาริโอเดินเขยิบถอยหลังด้วยความกลัว “แล้วนั่นตะเองร้องไห้มาทำไม มีใครแกล้งงั้นหรือฮ้า”

มาริโอรีบส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ไม่มีๆ”

“งั้นก็แล้วไป” พี่ลำไยพูดพลางถอนหายใจ “แต่ถ้ามีล่ะก็ แม่จะตบให้หน้าหงายลืมบ้านเลขที่ไปเลยคอยดูสิ อุ้ย ไม่ได้สิ พี่เป็นผู้หญิงแถมอ่อนแอด้วยจะไปต่อยตีกับใครได้”

อ่อนแออะไร คุณพี่เป็นพวกสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีเลยต่างหาก

ราตรีกับมาริโอคิดในใจ หลังจากนั้นราตรีก็รีบส่งภารกิจให้กับพี่ลำไย ซึ่งค่าตอบแทนได้มาก็คือเงินจำนวน 100000 เหรียญ ซึ่งราตรีคิดว่ามันคุ้มค่าพอที่เธออุตส่าห์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไปล่ามา

“เดี๋ยวพี่จะเอาขนกระต่ายที่คุณน้องล่ามานี้ไปทำเป็นเสื้อผ้าให้น้องนะฮะ” พี่ลำไยบอกพลางเก็บขนกระต่ายเข้ากล่อง “ส่วนค่าใช้จ่าย คุณน้องต้องจ่ายค่ามัดจำไว้ก่อน 200000 เหรียญนะฮะ”

“แม่เจ้า 200000 เหรียญ!” ทั้งราตรีทั้งมาริโอต่างร้องออกมาพร้อมกันเป็นเสียงเดียว เพราะเงินจำนวนค่ามัดจำนี้มันมากเกินที่พวกราตรีจะมีได้

“ใช่แล้วฮ่ะ สองแสนเหรียญ” คุณพี่ลำไยตอบ “เพราะค่าชุดที่จะตัดให้สำหรับน้องรัตติที่ยังเป็นเด็กทารกอยู่นั้นพิเศษกว่าผู้เล่นคนอื่นเพราะเป็นตัวแรกของเกม ไหนจะค่าดีไซน์ ค่าจิปาถะ ค่าเสียเวลาอีก เบ็ดเสร็จแล้วก็หนึ่งล้านเหรียญพอดีเลยฮ่ะ”

“นี่ๆ มันไม่โหดไปหน่อยหรือคุณพี่ เสื้อผ้านะไม่ใช่ทอง คิดไปได้ตั้งล้านนึง” มาริโอเถียงอย่างมีเหตุผล

“แหมโหดเหิดอะไรกันตะเองก้อ ราคาแค่หนึ่งล้านเหรียญสำหรับเสื้อผ้าเกรดเอไม่ใช่หาง่ายๆเลยนะจ้ะ แล้วอีกอย่างที่พี่ตั้งราคานี้ก็เพราะพี่จำต้องเอาเงินส่วนหนึ่งจากค่าเสื้อผ้าของน้องไปจ่ายค่าเช่าร้านนี้ด้วย ไม่งั้นพี่คงเปิดร้านอยู่อย่างนี้ไม่ได้หรอกฮ่า” ลำไยพูดพลางโบกมือไปมาเพื่อให้ตัวเองดูน่ารัก แต่สำหรับผู้มองอย่างราตรีกับมาริโอนั้นดูน่าสะพรึงกลัวเสียมากกว่า “หรือคุณน้องอยากได้เสื้อผ้าเกรดต่ำ ดีไซน์ห่วยๆ พลังป้องกันเก๊ๆ แบบว่าถูกฟันทีเดียวซี้ม่องเท่งล่ะฮะหนูมาริโอ”

มาริโอเตรียมอ้าปากจะเถียงกระทิงร่างยักษ์ แต่กลับถูกราตรีใช้มือปิดปากมันเสียก่อน

“ป๋มอาวอย่างแรกแย้วกานนะฮะพี่ลามยาย” ราตรีรีบพูดเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะโมโหจนฆ่า หรือหันมากินถั่วดำมาริโอเอาได้ “ฉ่วนเยื่องเงินน้าน เดี๋ยวป๋มจาออกปายหามาจ่ายค่ามาดจำแน่ฮะ”

“งั้นแล้วไป พี่จะได้เก็บขนกระต่ายนี่ไว้รอทำเสื้อผ้าให้นะฮะคุณน้องผู้น่ารัก” เมื่อตกปากรับคำแล้วราตรีก็สั่งให้มาริโอพาเธอเดินออกไปจากที่นี่ทันที

“ทำไมเจ้าถึงไปรับคำยัยกระเทียมนั่นล่ะ เงินตั้งล้านเชียวนะ แล้วไหนจะค่ามัดจำอีก” มาริโอบ่นทันทีที่พาเจ้านายของตนเดินออกมา “แบบนี้มันขูดเลือดกันชัดๆ”

“อย่าบ่นห้ายมากนากเยยมะรีโอ้ ที่พี่เค้าตั้งราคาแบบนี้ก้อฉมควนแย้ว เพาะเค้ายางต้องกินต้องใช้อีก อยากด้ายของดีๆก้อต้องจ่ายแพงหน่อย จาด้ายฉมน้ามฉมเนื้อกับของที่อยากด้าย” ราตรีตอบมาริโอพร้อมกับพูดสั่งสอนมาริโอไปพลาง

“ฮึ สมน้ำสมเนื้อไปคนเดียวเถอะ” มาริโอบ่นอุบอิบก่อนจะพูดเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่พวกเราจะไปหาเงินได้จากที่ไหนล่ะ เข้าบ่อนพนันเลยดีไหม ได้เร็วดี”

โป๊ก!

คนพูดโดนเขกหัวแต่ก็ไม่แรงมากนักเพราะราตรียังเป็นแค่เด็กทารก จึงทำให้มาริโอไม่รู้สึกเจ็บอะไรสักนิด

“กานพานานเป็งฉิ่งม่ายดี” ราตรีพูดอย่างฉุนเฉียว “เจ้ายางเด็กนัก ริอาดจาปายเล่งกานพานาน ก้อต้องโดนแบบนี้แหละ”

“แต่...”

เพี๊ยะ!

แส้หวดลงพื้นดินต่อหน้าต่อตามาริโอ ซึ่งทำเอามันถึงกับอ้าปากค้าง

“ม่ายมีแต่” ราตรีตอบเสียงเหี้ยม “กานพานานมีแต่เฉียกับเฉีย ฉะน้านเจ้าห้ามพูดหรือคิดแบบนี้อีกเด็ดขาดจามเอาว้ายห้ายดีล่ะมะรีโอ้”

มาริโอได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าตอบตกลงอย่างเร็วเพราะกลัวจะโดนราตรีเฆี่ยนด้วยแส้กำราบสัตว์อีก

ปี๊บ!

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ออนไลน์ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ชั่วโมงแล้ว ทางระบบจะทำการออฟไลน์โดยอัตโนมัติในเวลา 20 นาที ขอให้นำตัวละครไปอยู่ในที่ปลอดภัย และเก็บสัมภาระติดตัวให้เรียบร้อย ก่อนออกจากเกม มิฉะนั้นระบบจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้”

ตายจริง ห้าชั่วโมงแล้วหรือนี่

ราตรีคิดในใจทันทีที่ได้ยินเสียงระบบประกาศบอก ดังนั้นเธอจึงสั่งมาริโอให้พาเธอไปยังพื้นที่ว่างซึ่งเธอคิดว่าปลอดภัยที่สุด จากนั้นจึงค่อยนำเต็นท์ออกมากางอย่างรวดเร็ว

“นั่นเจ้าจะทำอะไรรัตติ มันยังไม่ถึงเวลานอนเลยนะ” มาริโอถามอย่างสงสัยในขณะที่มองเจ้านายกำลังกางเต็นท์สำเร็จรูป “แล้วอีกอย่างบ้านของพวกเราก็มี กระท่อมตาลุงจิลไงล่ะ”

ราตรีไม่ตอบคำถามมาริโอเดี๋ยวนั้น เธอรอให้เต็นท์กางเองอัตโนมัติจนเสร็จแล้วจึงค่อยหันหน้ากลับมาทางมาริโอ

“เข้าปายนอนนายเต็นท์เดี๋ยวนี้มะรีโอ้” เธอสั่งพลางชี้นิ้วไปยังทางประตูของเต็นท์ “แย้วม่ายต้องถามว่าทามมายข้าถึงห้ายเจ้ารีบเข้าปายนอน”

“เอ่อ ก็ได้ เข้าใจแล้ว” มาริโอตอบพลางเดินเข้าไปข้างในเต็นท์ทั้งๆที่ในใจยังคงสงสัยคำสั่งของเจ้านายอยู่ เมื่อราตรีเห็นว่ามาริโอเดินเข้าไปแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปตามก่อนจะรูดซิปเต็นท์ให้สนิท

“มะรีโอ้ ฟังข้าห้ายดีๆนะ” ราตรีหันหน้าไปพูดกับมาริโอเมื่อรูปซิปเต็นท์เสร็จแล้ว “ต่อจากนี้ปายข้าจานอนหลับพักผ่อนอีกหลายวาน และม่ายยู้ว่าจาตื่นเมื่อไหร่ ฉะน้านเจ้านอนพักนายเต็นท์นี้อย่าด้ายออกปายหนายเด็ดขาด ม่ายว่าจาเป็งคงยู้จักหรือครายก้อตามมาเคาะเรียกห้ายเจ้าออกปายข้างนอกก้อห้ามออกปายเข้าจายหมายมะรีโอ้”

มาริโอได้ยินที่ตัวเล็กสั่งถึงกับตกใจ

“อะไรไอ้เด็กเปรต นี่เจ้าคิดจะนอนจำศีลรึยังไง”

“ม่ายต้องพูดมาก ปายนอนเดี๋ยวนี้มะรีโอ้ ม่ายอย่างง้านข้าจาเรียกพี่ลามยายห้ายมานอนเป็งเพื่อนเจ้าแทนนะ”

เพียงแค่ได้ยินชื่อลำไย ภาพกระเทยควายที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีก็ปรากฏขึ้นในหัว มันช่างสยดสยองเกินกว่าจะบรรยาย หากต้องพบว่ามีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวมานอนอยู่ข้างๆ มาริโอรีบวิ่งไปนอนบนฟูกที่กางอยู่บนพื้นใจกลางเต็นท์อย่างเร็ว เมื่อมาริโอเข้านอนแล้ว ราตรีก็รีบเข้านอนบ้างก่อนจะออฟไลน์จากเกมไป

...................

หลังจากเธอออฟไลน์จากเกมแล้ว ก็จัดการถอดแว่นตาอนาล็อกออกก่อนที่จะเงยหน้ามองนาฬิกาที่ตั้งแขวนอยู่บนข้างฝาผนัง ซึ่งเข็มสั้นกำลังชี้เลขห้ากับเข็มยาวชี้เลขหนึ่ง

ให้ตายสิ นี่เธอเล่นเกมนานถึงห้าชั่วโมงจริงๆด้วย

เธอครุ่นคิดอย่างหนักใจ เพราะจำได้ว่าเธอเป็นคนตั้งเวลาเล่นอยู่ห้าชั่วโมง ซึ่งแทนที่เธอจะได้จะได้อยู่ในเกมประมาณสี่ห้าอาทิตย์ของเวลาในเกม แต่กลับได้เล่นเกมอยู่เพียงแค่ห้าวันเท่านั้น

หรือว่าเกมนี้จะเปลี่ยนระบบใหม่โดยให้เวลาในเกมหนึ่งวันเท่ากับหนึ่งชั่วโมงในโลกจริง?

เธอคิดพลางเอามือกุมศีรษะเพราะรู้สึกมึนหัวกับความเปลี่ยนแปลงของเกม เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เธอควรจะนำเรื่องนี้ไปบอกให้ตานพหลานชายของเธอให้รู้เสียแล้วล่ะ

ก๊อก! ก๊อก!

“คุณยายคะ ถึงเวลาทานอาหารเย็นแล้วนะคะ” เสียงนางพยาบาลตะโกนบอก

“อืม เดี๋ยวฉันออกไป ขอล้างหน้าตาสักหน่อย” เธอบอกก่อนจะลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ถึงแม้ตอนนี้เธอจะผ่านวัยทองไปนานแล้ว แต่ร่างกายก็ไม่ได้ทรุดโทรมตามที่คนอื่นเข้าใจ เธอยังคงเดินเหินได้สะดวกราวกับเธอเพิ่งจะเข้าวัยทองได้ไม่นาน จากนั้นเธอก็เข้าไปยังห้องน้ำ และจัดแจงล้างหน้าไล่ความมึนงงจากการนอนเป็นเวลานานออกไปจากร่างกาย เรียกความสดชื่นเข้ามาแทนที่ พลางส่งเสียงถามพยาบาลที่คอยดูแล “คุณพยาบาลจ๊ะ วันนี้มีอะไรน่าทานบ้างล่ะนี่”

“มีแกงเลียงเห็ดเจ็ดอย่าง แล้วก็ข้าวเหนียวลำไย นี่คุณนพเข้าครัวทำเองเลยค่ะ”

พลันเธอก็ชะงักสะดุดกึกเมื่อได้ยินคำว่าเห็ดควบคู่ไปกับลำไย ภาพของคุณพี่ลำไยที่กำลังกอดรัดมาริโอจู่ๆ ก็ฉายวาบเข้ามาในความคิด ทำเอาเธอขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

ไอ้นพ หาเรื่องโดนไม้เรียวแท้ๆ ไอ้เด็กบ้า

เมื่อจัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินออกจากนอกห้องนอนไป ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องครัวโดยมีนางพยาบาลเดินตามเคียงข้าง เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องครัวแล้ว เธอก็เห็นนพเดินอ้อมโต๊ะกินข้าวมาทางเธอ ก่อนที่จะเขยิบเก้าอี้ให้

“เชิญนั่งครับคุณยาย”

“ขอบใจจ้ะ” เธอตอบก่อนจะนั่งลง แล้วจากนั้นนพจึงค่อยเดินวกกลับไปนั่งที่ของตัวเองต่อ เมื่อเธอได้นั่งบนเก้าอี้แล้ว เธอก็หันมาสนใจอาหารที่วางอยู่เบื้องหน้า

มีแต่เห็ดทั้งนั้น

เธอครุ่นคิดอย่างหนักใจ เพราะเธอเพิ่งจะจากมาริโอในเกมมา หากแต่อาหารเบื้องนี้เป็นฝีมือของตานพหลานชายของเธอ จึงทำให้เธอไม่กล้าพูดปฏิเสธที่จะทานอาหารพวกนี้ได้

“ยายไม่ยักรู้ว่าเธอจะทำอาหารเป็นกับเขาด้วยนะตานพ”

ในเมื่อพูดปฏิเสธไม่ได้ เธอจึงเลือกที่จะแกล้งพูดแบบนี้แทน ซึ่งทำเอาคนเป็นหลานถึงกับหน้าหงิก

“โธ่คุณยาย ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ ถึงผมจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ทำอาหารได้ไม่แพ้ผู้หญิงนะครับ” นพพูดแย้ง ซึ่งทำเอาเธอนึกขบขันอยู่ในใจที่ได้แกล้งหลานชายของตัวเอง

ช่วยไม่ได้ ก็อยากทำเห็ดกับกับข้าวเหนียวลำไยเองนี่

“ว่าแต่เราเถอะ เมื่อบ่ายนี้ออกไปทำธุระอะไรกับยัยแก้วล่ะ” เธอพูดเปลี่ยนเรื่องพลางใช้ช้อนกลางตักแกงเลียงเห็ดใส่จานข้าวตัวเอง

“อ้อ พอดีลูกแก้วเค้าขอผมไปเที่ยววัดใหญ่นะครับคุณยาย ผมก็เลยต้องพาไป” นพตอบพลางหันหน้ามายิ้มให้กับลูกสาวตัวเองซึ่งนั่งอยู่ติดกัน ก่อนจะหันหน้ากลับมามองเธอต่อ “ว่าแต่คุณยายละครับ เล่นเกมกับเพื่อนไปถึงไหนแล้วครับ”

เธอยังไม่ตอบเดี๋ยวนั้นเพราะกำลังเคี้ยวข้าวอยู่ เมื่อเธอกลืนลงคอแล้วจึงค่อยตอบกลับไปว่า

“ยายกำลังหาเงินซื้อเสื้อผ้ามาใส่นะตานพ”

“หาเงินซื้อเสื้อผ้าหรือครับ” นพพูดพลางขมวดคิ้ว

“ใช่แล้วจ้ะตานพ เพราะเงินที่ยายกำลังหาอยู่นี้มันเยอะเสียจนยายไม่รู้จะตั้งต้นหามันจากที่ไหนดี” เธอตอบก่อนจะวางช้อนส้อมลง “หลานพอจะรู้วิธีหาเงินจำนวนมากๆไหมล่ะ”

“ก็พอรู้ครับคุณยาย ว่าแต่คุณยายทำไมไม่ถามเพื่อนของคุณยายดูละครับ” นพถามกลับอย่างสงสัย เพราะอย่างน้อยผู้เล่นคนอื่นก็น่าจะรู้วิธีหาเงินในเกมบ้าง

“ยายถามแล้ว แต่เพื่อนของยายแนะให้ไปเข้าบ่อนนะ”

“อะไรนะครับ?! ไปเข้าบ่อน” นพร้องอุทานอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าเพื่อนของคุณยายจะแนะให้ไปหาเงินในบ่อนการพนันแทน

“ใช่แล้วนพ เพราะมันเป็นอย่างนี้ไงเล่า ยายถึงต้องมาถามหลาน” เธอพูดพลางทอดถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ ซึ่งทำเอาชายหนุ่มมองแล้วรู้สึกอดสงสารแทนท่านเสียจับใจ

“แล้วคุณยายต้องการหาเงินมากเท่าไหร่ล่ะครับ ผมจะได้บอกวิธีหาเงินทางลัดให้ครับ” นพถามต่อ ซึ่งเธอชูนิ้วชี้ขึ้นมาหนึ่งนิ้ว “หนึ่งพันเหรียญหรือครับ”

เธอส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับมาว่า

“หนึ่งล้านเหรียญนะนพ”

“หนึ่งล้านเหรียญ!” นพร้องอุทานเสียงดังลั่นยิ่งกว่าเดิมเมื่อรู้จำนวนเงินที่คุณยายต้องการไปซื้อเสื้อผ้า “เสื้อผ้าสำหรับผู้เล่นใหม่ที่ไหนเค้าขายตั้งหนึ่งล้านเหรียญกันครับคุณยาย! ผมว่าคุณยายโดนหลอกแล้วล่ะครับ!”

“หลอกรึไม่นั้นยายไม่รู้ ยายรู้แต่ว่าคนขายเป็นพนักงานฝ่ายเอ็นพีซีเท่านั้น” พอนพได้ยินคำตอบที่ชัดเจนแล้ว ชายหนุ่มถึงกับกัดฟันด้วยความโกรธ

“ถ้าเป็นพนักงานเกมแล้วล่ะก็ ผมจะไม่มีวันละเว้นให้แน่” นพพูดด้วยเสียงเดือดดาล ซึ่งทำเอาแก้วที่นั่งทานอาหารอยู่เงียบๆ สะดุ้งตกใจกับท่าทีของพ่อที่เปลี่ยนไป “แล้วเอ็นพีซีคนนั้นมีชื่อว่าอะไรครับคุณยาย ผมจะไปแจ้งกับทางบริษัทว่าพนักงานคนนี้ตั้งราคาขายเกินกว่าเหตุ”

เธอได้ยินที่นพพูดถึงกับกุมขมับ

ใจร้อนเสียจริงเชียวนะไอ้นพเอ้ย

“หลานอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่หน่อยเลย แค่เรื่องเงินซื้อเสื้อผ้าแพงนิดแพงหน่อย ยายพอหาได้น่า”

“ตั้งล้านเหรียญไม่เรียกว่าแพงนิดแพงหน่อยแล้วครับคุณยาย” นพเถียงอย่างมีเหตุผลแต่แฝงไปด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว “ผมไม่ยอมปล่อยให้พวกที่ชอบโก่งราคาผู้เล่นใหม่ที่ไม่รู้เรื่องไปง่ายๆแน่ โดยเฉพาะกับคุณยาย มันก็ยังหลอกกันได้ แบบนี้ผมไม่มีวันยอมแน่ ไม่มีวัน!”

“นพเอ้ย เรานะอย่าได้แค้นเขาไปเลย ยายขอร้องล่ะ”

“แต่ผม…”

“นพ” เธอพูดชื่อหลานชายพลางก้มตาจ้องหลานชาย จึงทำให้อีกฝ่ายยอมหยุดพูดแต่โดยดี “ใครทำอะไรไว้ ผลแห่งกรรมก็จะตามมาทันเอง เพราะงั้นเราไม่ต้องเดือดร้อนแทนยายหรอก”

“ครับคุณยาย” นพตอบเสียงเรียบ แล้วหลังจากนั้นนพก็บอกวิธีหาเงินทางลัดให้เธอฟัง ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่ลืมที่จะบอกเรื่องเวลาในเกมที่เปลี่ยนแปลงไปให้นพรับทราบด้วย เมื่อเธอ นพ และแก้วรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว นพกับแก้วก็ขอตัวกลับห้องนอนเพื่อพักผ่อน ส่วนตัวเธอนั้นยังไม่คิดจะเข้าเกมในตอนนี้ เพราะเธอยังต้องเข้าห้องพระเตรียมสวดมนต์ทำสมาธิซึ่งเป็นสิ่งที่เธอทำเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว

......................

ย้อนกลับมาทางด้านเมฆา ซึ่งชายหนุ่มดั้นด้นออกตามหาราตรีกับเห็ดมาริโออยู่ในป่าหุบเขาวงกตอยู่เป็นอาทิตย์ เขาไม่เคยคิดจะยอมแพ้หากแต่ตอนนี้เมฆาเริ่มแน่ใจแล้วว่าสองคนนั้นไม่ได้อยู่ในป่านี้แล้วจริงๆ

“อาจจะมีคนช่วยออกไปแล้วก็ได้” เมฆาพูดให้ความหวังกับตัวเองก่อนจะตัดสินใจออกจากป่าแห่งนี้ไป เพราะขืนหาอยู่ต่อไปก็เปล่าประโยชน์ เมื่อเมฆาออกมาจากที่แห่งนั้นแล้ว ก็เดินหน้าต่อไปโดยระหว่างทางถ้าเจอผู้เล่นคนอื่นเดินผ่านมา เขาก็จะถามหาสองคนนั้นไปพลางด้วย

ปี๊บ!

เมฆาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงดังก้องในหัว ก่อนภาพหน้าต่างที่มีรูปคนปรากฏต่อหน้าชายหนุ่ม ซึ่งเผยให้เห็นใบหน้าตัวตลกที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสดใส เปลือกตาบนล่างเป็นสีฟ้าขอบตาดำขลับตัดเส้นคมกริบคิ้วถูกวาดให้สูงกว่าโหนกคิ้วจริง โค้งโก่งเป็นครึ่งวงกลมสวยงามบรรจง ดวงตาโค้งงอแสดงความรู้สึกว่ายิ้มอยู่เกือบตลอดเวลา ดังเช่นปากของมันฉีกยิ้มกว้างผิดปกติ และสีแดงสดดังเลือดจมูกมีก้อนกลมสีแดงแปะเอาไว้ เมื่อเมฆาได้เห็นผู้ติดต่อมาแล้วก็พลันเปลี่ยนสีหน้าเคร่งเครียดทันที

“แหมท่านราชาเงา กระผมอุตส่าห์ติดต่อมาทั้งที ท่านไม่น่าทำหน้าตาเคร่งเครียดถึงขนาดนั้นเลยนะ” บุคคลในชุดตัวตลกกล่าวล้อเลียนเมฆา

“อย่ามาทำตลกปิเอโร่ มีธุระอะไรก็ว่ามา” เมฆาพูดเสียงเหี้ยม ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะดังลั่น “ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วล่ะก็…”

“อย่าใจร้อนสิท่านราชา กระผมแค่มาแจ้งข่าวเท่านั้น” ปิเอโร่รีบพูดแทรก ทำเอาเมฆาที่กำลังคิดจะปิดหน้าต่างสนทนาพลันหยุดชะงัก

“ข่าวงั้นรึ”

“ใช่แล้วท่านราชา” ปิเอโร่ตอบโดยที่ใบหน้ายังยิ้มอยู่ “มีข่าวดีและข่าวร้าย ท่านจะเลือกฟังข่าวไหนก่อนล่ะ”

“อย่ามัวเล่นลิ้น รีบๆบอกทั้งสองข่าวมาเลยปิเอโร่” เมฆาพูดตัดบทด้วยน้ำเสียงราบเรียบเชิงรำคาญ ซึ่งทำเอาปิเอโร่หัวเราะเสียงดังลั่น

“แหมท่านราชาก็ ใจร้อนซะจริงเชียวนะ” ปิเอโร่พูดไปยิ้มไป “ข่าวดีก็คือพ่อแม่ของเพื่อนที่ท่านราชาเงารู้จักเป็นถึงราชากับราชินีมังกรนะขอรับ ส่วนข่าวร้าย…ตอนนี้ราชาปีศาจได้จับราชามังกรขังไว้ที่ดินแดนปีศาจแล้วขอรับท่านราชา”

“ว่ายังไงนะ!” เมฆาร้องอุทานอย่างตกใจเมื่อได้ทราบข่าวจากปิเอโร่ เนื่องจากชายหนุ่มไม่แน่ใจกับเรื่องที่ราตรีพิสุทธิ์เล่าให้ตนฟัง เขาจึงใช้ปิเอโร่ที่เป็นทาสรับใช้ให้กลับไปดินแดนปีศาจเพื่อสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง

“ก็อย่างที่กระผมบอกไป ตอนนี้ราชามังกรได้ถูกราชาปีศาจจับขังไว้ที่ดินแดนปีศาจแล้ว” ปิเอโร่พูดย้ำอีกรอบ “ส่วนราชินีพญามังกรนั้นไม่รู้อยู่ที่ไหนขอรับ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้พระบิดาได้ทรงเรียกหาพระองค์ให้เสด็จกลับพระตำหนักอยู่นะขอรับท่านเมฆา”

“ข้าไม่กลับ ถ้าเจ้ายังพูดเรื่องนี้กับข้าอีก ข้าจะลงโทษเจ้าแน่ปิเอโร่” เมฆาพูดสั่งเสียงเข้มก่อนจะสั่งปิเอโร่ให้รีบกลับมาหาเขา

“ขอรับ แล้วกระผมจะรีบกลับมาหาท่าน”

เมื่อการสนทนายุติลงแล้วเมฆาก็รีบปิดหน้าต่างสนทนาของปิเอโร่ ก่อนจะนั่งบนพื้นเอามือกุมขมับทั้งสองข้างด้วยความกลัดกลุ้ม

ให้ตายสิ ทำไมเรื่องมันยุ่งยากอย่างนี้นะ

เมฆาครุ่นคิดอย่างปวดหัว เนื่องจากครั้งแรกที่ชายหนุ่มเข้ามาเล่นเกมนั้น เขาก็ได้เกิดมาเป็นลูกชายของราชาปีศาจผู้แสนเก่งกาจซึ่งผิดกับผู้เล่นคนอื่นที่ได้เกิดมากับพวกพ่อแม่ที่เป็นเผ่ามนุษย์ เอลฟ์ เทพ ส่วนมังกรกับปีศาจนั้นแทบไม่มีเลยว่าได้ แต่ทว่าหลายปีในเกมมานี้เมฆาไม่ได้กลับบ้านนานพอดู จึงไม่ทราบข่าวคราวทางบ้านเลยสักนิดเดียว นี่ถ้าราตรีไม่บอกเมฆาแล้วล่ะก็ ชายหนุ่มก็คงยังไม่รู้เรื่องสิ่งที่ราชาปีศาจหรือพ่อของตัวเองเป็นคนทำอย่างแน่นอน เมื่อเมฆาคิดได้ดังนั้นก็พลันลุกขึ้นยืน ก่อนจะออกเดินทางตามหาราตรีกับมาริโอต่อด้วยความรู้สึกยากที่จะบรรยายได้


............................

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ pare_140

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-6

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 19 เมฆาผู้น่าสงสาร

............................

เมื่อถึงเวลาสองทุ่ม ราตรีได้กลับเข้ามาออนไลน์เกมอีกครั้งซึ่งครั้งนี้เธอตั้งเวลาออนไลน์เกมอยู่ถึงสิบชั่วโมง ก็เท่ากับว่าเธอจะสามารถอยู่ในเกมได้อีกสิบวันเต็ม พอราตรีลืมตาขึ้นมาเธอก็พบว่ามาริโอนอนกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น

“อ้าวฟื้นจากการจำศีลแล้วเหรอรัตติ” มาริโอร้องทักเมื่อเห็นร่างเล็กที่นอนอยู่บนฟูกลุกขึ้นนั่ง

“อือ” ราตรีตอบด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ถึงแม้เธอจะเพิ่งหลับแล้วเข้าเกมได้ไม่ถึงชั่วโมงดี แต่ความรู้สึกของตัวละครที่เธอเล่นอยู่นี้กลับรู้สึกเพลียๆเหมือนเพิ่งจะตื่นนอนหลังจากหลับไปนานหลายวัน “ข้าต้องขอโทดด้วยที่ทามห้ายเจ้าต้องคอยนาน ว่าแต่เจ้าหิวหรือยางล่ะมะรีโอ้”

ราตรีถามอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนออฟไลน์เกมไป เธอไม่ได้เตรียมอาหารให้ไว้กับมาริโอเลยสักนิด

“ยังไม่ค่อยหิวนะ” มาริโอตอบพลางโบกมือไปมา “พอดีข้าเพิ่งจะทานผลไม้เมื่อกี้นี้เอง หวานอร่อยมากเลยด้วย”

“ผนละม้าย? ที่นี่มีผนละม้ายด้วยหยอ” ราตรีถามอย่างสงสัย

“มีสิ แค่พูดชื่อผลไม้ มันก็โผล่ออกมาให้แล้วล่ะ” มาริโอตอบพลางลุกขึ้นนั่ง “เดี๋ยวเจ้าคอยดูนะ ขอกล้วยหนึ่งหวี”

พอสิ้นคำพูด จู่ๆ ก็มีกล้วยหนึ่งหวีโผล่มาตรงพื้นที่มาริโอนั่งอยู่ ซึ่งทำเอาราตรีตะลึง

“เห็นไหม แค่นี้ก็ได้ของกินแล้ว” มาริโอยิ้มพลางใช้ปากแกะเปลือกกล้วยออก “เจ้าก็มาทานด้วยกันสิรัตติ เดี๋ยวข้าช่วยแกะเปลือกให้”

“ม่ายเป็งราย ข้ายางม่ายหิว เจ้าทานปายคงเดียวเถอะ” ราตรีบอก ซึ่งมาริโอได้ยินดังนั้นมันก็หันมาแกะเปลือกต่อ

น่าแปลก ทำไมเต็นท์ที่ปริ๊นซ์ให้มานี้ถึงสามารถเรียกผลไม้มาได้นะ? ราตรีคิดอย่างฉงน แล้วถ้านอกเหนือจากผลไม้ล่ะ จะเรียกได้ไหมหนอ

“ขอข้าวแกงกายี่หนึ่งจาน”

เงียบ

เอ หรือว่าเราพูดไม่ชัด เดี๋ยวลองดูใหม่ดีกว่า

“ขอข้าวไก่ทอดหนึ่งจาน” คราวนี้ข้าวไก่ทอดหอมกรุ่นด้วยไอร้อนก็ได้ปรากฏต่อหน้าราตรีทันที ซึ่งทำเอามาริโอได้กลิ่นถึงกับหันขวับมามองอย่างสนใจ

“โอ้แม่เจ้าโว้ย สั่งอาหารได้ด้วย” มาริโอร้องพลางลุกขึ้นเดินไปดูข้าวไก่ทอดที่ราตรีสั่ง “ขอชิมได้ไหมรัตติ มันช่างหอมหวนเกินห้ามใจจริงๆ”

“ตามฉาบาย” ราตรีบอก ซึ่งมาริโอก็ใช้ปากงับไก่ทอดหนึ่งชิ้นขึ้นมาเคี้ยวอย่างรวดเร็ว ในเมื่อเต็นท์นี้มีพิเศษแบบนี้แล้วล่ะก็ เธอคงไม่จำเป็นต้องซื้ออาหารสำหรับมาริโอจากข้างนอกให้เสียเงินอีก

“รัตติ แล้วพวกเราจะทำยังไงกันต่อเหรอ” มาริโอเคี้ยวอาหารไปพูดไปพลาง

“กลับปายหาท่านลุงจิลก่อง แย้วค่อยปายนายเมืองต่อ” ราตรีตอบพลางใช้มือขวาอันน้อยนิดตบแก้มมาริโอเบาๆ ก่อนจะพูดสอนมันว่า “ทีหลังเคี้ยวอาหานห้ายหมดก่องแย้วค่อยพูดนะมะรีโอ้ ปะเดี๋ยวอาหานมานจะติดคอเจ้าอาวด้าย”

“อือๆ” มาริโอตอบพลางพยักหน้า เมื่อคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ราตรีกับมาริโอก็พากันกลับไปยังกระท่อมของลุงจิลอีกครั้ง แต่ทว่าลุงจิลกลับไม่อยู่ที่นั่น จึงทำให้ราตรีกับมาริโอต้องเดินย้อนกลับมาในตลาดซึ่งตอนนี้ผู้เล่นเริ่มบางลงเพราะหมดหน้ากิจกรรมแล้ว จะเหลือก็แต่ผู้เล่นหน้าใหม่อย่างราตรีเท่านั้น “นั่นเจ้าจะทำกับหัวของข้านะรัตติ”

มาริโอถามพลางมองร่างเล็กผ่านกระจกที่ซึ่งกำลังหยิบหูกระต่ายออกมาสวมหัวมัน

“อาวกาต่ายฉ่ายหัวของเจ้านะฉิ” ราตรีตอบพลางขยับหูกระต่ายให้เข้าที่

“ว้าว หูกระต่ายน่ารักจัง!” เสียงหวานร้องดังมาจากข้างหลัง ทำเอามาริโอหันขวับมาดู ก่อนจะเห็นผู้หญิงอายุประมาณสิบสี่สิบห้าในชุดแม่มดน้อยยืนมองพวกราตรีอยู่ “หูกระต่ายนั่นขายต่อให้หนูได้ไหมคะคุณเห็ด”

มาริโอเห็นแล้วถึงกับตาโตเป็นรูปหัวใจ

“ได้สิครับคุณผู้หญิง” มาริโอพูดเสียงหล่อ ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับส่ายหน้า “หูกระต่ายนี้ปกติผมขายให้คนอื่นห้าล้านเหรียญ แต่สำหรับผู้หญิงสวยๆอย่างคุณ ผมลดให้ฟรีพร้อมหัวใจเห็ดครับ”

ขวับ!

แส้ถูกหวดเข้าที่ก้นมาริโอ ซึ่งทำเอามันสะดุ้งโหยง

“มะรีโอ้ นี่ของสำหรับขาย ไม่ใช่ของจีบสาว” ราตรีพูดขู่มาริโอโดยใช้พรายกระซิบ

“ตกลงแล้วว่าขายหรือให้ฟรีกันแน่คะ” หญิงสาวในชุดแม่มดน้อยถามอีกครั้ง

“ให้ฟรี เอ้ย ขายครับ” มาริโอพูดเสียงตะกุกตะกักเพราะมันถูกราตรีหยิกหัวไว้อยู่ “หูกระต่ายชิ้นนี้ผมขายให้ห้าล้านเหรียญ ลดมากกว่านี้ไม่ได้แล้วครับเพราะของมันดรอปยากมาก”

พอมาริโอพูดจบ อีกฝ่ายก็เข้ามากอดหัวมาริโออย่างหน้าตาเฉย

“ลดให้หน่อยสิคะ นะคะ ลดนะ นะ” อีกฝ่ายไม่พูดเปล่า แถมยังเอาคางมาถูไถหัวมาริโออีก ซึ่งทำเอามาริโอถึงกับหน้าแดงเหงื่อตก ส่วนราตรีเห็นแล้วอดนึกถึงเหลนตัวน้อยๆเวลาอ้อนไม่ได้

“คุณทวดขา”

“เรียกทวดทำไมฮึยัยแก้ว จะอ้อนเอาขนมล่ะสิ”

“ไม่ใช่ค่ะคุณทวด แก้วไม่ได้ต้องการขนม”

“อ้าว แล้วอ้อนทวดเรื่องอะไรล่ะ”

“ก็ขาของคุณทวดนะสิคะ มีจิ้งจกเกาะอยู่บนขาด้วย”


คงไม่ต้องเล่าว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีก เพราะตอนเย็นเธอได้ทำอาหารสุดพิเศษให้นพทาน ซึ่งทำเอาหลานชายเป็นปลื้มอย่างไม่มีวันลืม

“บอกเธอไปว่าลดให้ได้แค่สามล้านห้าแสนเหรียญ ถ้าต่ออีกก็บอกว่าลดให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว” ราตรีพรายกระซิบบอกมาริโอ

“เอ่อ งั้นผมลดให้เหลือแค่สามล้านห้าแสนเหรียญแล้วกันครับ” 

“โหแพงไป ขอสองล้านได้ไหมคะคุณเห็ด” หญิงสาวพูดเสียงออดอ้อน

“สามล้านขาดตัว ไม่ลดให้อีก” ราตรีพรายกระซิบบอกมาริโอ ซึ่งมันพยักหน้าก่อนจะพูดแบบเดียวกับเธอว่า

“สามล้านขาดตัวครับ ผมไม่ลดให้คุณอีกแล้วนะ” หญิงสาวได้ยินถึงกับหน้าบูดแต่แล้วก็ฉีกยิ้มพูดกลับมาว่า

“ก็ได้ค่ะ สามล้านก็สามล้าน”

“ผู้เล่นคริสตัลยื่นข้อเสนอซื้อบันนี่แบนในวงจำนวนเงินสามล้านค่ะ”

เสียงระบบดังในหัวราตรี ซึ่งเธอก็ตอบตกลงกลับไปด้วยเช่นกัน จึงทำให้บันนี่แบนหรือหูกระต่ายที่อยู่บนหัวมาริโอถึงกับหลุดออก ก่อนจะลอยไปอยู่ในมือของหญิงสาวนามว่าคริสตัล

“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้รับเงินเป็นจำนวนสามล้านเหรียญ”

“ขอบคุณนะคะ บายๆ” คริสตัลบอกลาก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำเอามาริโอมองตาละห้อยด้วยความเสียดาย

“พอด้ายแย้วมะรีโอ้ เด็กน่ายักแบบนี้มีอีกเยอะนะ” ราตรีบอกพลางลูบหัวมาริโอเพื่อปลอบขวัญมัน เมื่อปลอบใจมาริโอเสร็จแล้ว ราตรีก็สั่งให้มันพาเธอเดินกลับไปยังร้านพี่ลำไยอีกครั้งเพื่อนำเงินไปจ่ายค่าเสื้อผ้าในราคาหนึ่งล้านเหรียญ

.......................

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นซักครึ่งชั่วโมง เมฆาได้เดินกลับมายังเมืองเริ่มต้นอีกครั้งก่อนจะเดินตรงไปยังร้านเสื้อผ้าที่อยู่ตรงหัวมุมถนน

แอ๊ด!

เสียงเมฆาเปิดประตูก่อนจะเดินเข้าไปยังข้างในร้านซึ่งตกแต่งเต็มไปด้วยสีสันฉูดฉาด

นี่เราเข้าผิดร้านหรือเปล่าวะ

เมื่อก่อนเข้ามา มันไม่ได้เป็นแบบนี้นี่

เมฆาครุ่นคิดอย่างหนักใจ เพราะเขาจำได้ว่าร้านอาวุธแห่งนี้ไม่ได้มีสภาพเหมือนที่เป็นอยู่ พอคิดได้ดังนั้นเมฆาจึงก้าวเท้าเดินต่อ ทว่าเขากลับต้องหยุดชะงักเมื่อได้เห็นเงาของใครบางคนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาที่ตั้งอยู่ซ้ายมือข้างทางเดินที่เขายืนอยู่ แล้วเงานั้นก็พลันสบตากับเขา สร้างความรู้สึกที่น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด

“ไงฮ้ารูปหล่อ” เงานั้นพูดพลางเอามือจับปกเสื้อของตัวเองก่อนจะขยิบตา แล้วเผยอปากพร้อมแววตาเชื้อเชิญ “รับอะไรดีฮ้า”

เพียงแค่ได้ยินกับเห็นแล้วเมฆาก็สามารถรับรู้ได้บางอย่างว่า ในขณะนี้เขากำลังอยู่ในสภาวะที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ชายหนุ่มจึงรีบหมุนตัวกลับแล้วก้าวเท้าอย่างรวดเร็วเพื่อหนีให้พ้นไปจากสถานที่นี้ แต่เท้าเจ้ากรรมของเขาเกิดสะดุดกับกล่องสินค้าที่วางอยู่กับพื้น ทำให้เขาเสียหลักล้มลงคว่ำกับพื้น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่อีกฝ่ายเดินตรงเข้ามาหมายจะคว้าเขาเอาไว้แต่ก็ไม่ทัน หนำซ้ำยังประสบชะตากรรมเดียวกันเมื่อเท้าสะดุดเจ้ากล่องกรรม จนล้มคว่ำลงไปคร่อมทับอยู่บนตัวของเมฆาเข้าอย่างจัง

“อุ้ยว้าย ตาเถร แม่ร่วง” อีกฝ่ายร้องอุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะพูดต่อไปด้วยประโยคอันสุดแสนจะน่ากลัว “โอสุดหล่อ ช่างร้อนแรงเสียนี่กระไร เธออยากเป็นฝ่ายรับสินะ”

ไม่เอา ใครก็ได้ช่วยที!

เมฆาตะโกนร้องในใจอย่างบ้าคลั่ง หากแต่ในหัวกลับได้ยินเสียงของปิเอโร่แทรกเข้ามาว่า

“ขอให้โชคดีนะขอรับ” แล้วเสียงของปิเอโร่ก็พลันเลือนหายไป นี่ถ้าหากไม่ได้เห็นด้วยตาคงยากที่จะเชื่อว่าบัดนี้ผู้เล่นอันดับ 1 ของเกมอย่างผู้เล่นเมฆาจะต้องมาประสบชะตากรรมเช่นนี้ ลำไยกอดรัดเขาไว้แน่นเสียจนเขารู้สึกหมดแรงและสยดสยองจนไม่อาจทำอะไรได้อีกนอกจากร้องเสียงโหยหวน

แอ๊ด!

เสียงประตูหน้าร้านได้ถูกเปิดอีกครั้ง ซึ่งทำเอาสองร่างที่นอนอยู่บนพื้นถึงกับเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ แต่พอเมฆาได้เห็นใบหน้าของผู้มาใหม่แล้วถึงกับหน้าซีด

“ท่านพี่เมฆา!” เสียงนี้ไม่ใช่ใครคนอื่นเลยนอกเสียจากราตรีพิสุทธิ์ที่นั่งอยู่บนหัวมาริโอ ส่วนมาริโอนั้นเมื่อได้เห็นเมฆาแล้วถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

“รัตติ เรากลับกันเถอะ”

“อืม”

“น้องราตรีช่วยพี่ด้วยคร้าบ พี่กลัว ฮือๆ” เมฆาร้องเรียกทั้งคู่ให้หันกลับมา หากแต่ทั้งคู่ยังคงเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของเมฆาเลยสักนิด

“ตัวเองก็ พูดซะ เค้าออกจะน่ารัก ใช่ไหมคะที่รักขา” เสียงน่ากลัวยังคงพูดกระซิบข้างหู ซึ่งทำเอาเมฆาถึงกับสติแตก

“อ้ากกก ม่ายยย”


...........................

 :m20: :m20: :m20: :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ minminmin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
 :laugh: :laugh: :laugh: เมฆาที่น่าสงสารรรรรรรรรรรรรรร

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 20 ปรับความเข้าใจ

................

หลังจากลำไยได้เชยชมเมฆาจนสมใจแล้ว ก็ปล่อยให้เมฆาเป็นอิสระแต่ยังมิวายชำเลืองตามองเมฆาด้วยความอาลัย ทางด้านราตรีก็ได้นำเงินหนึ่งล้านขึ้นมาจ่ายให้กับลำไย ซึ่งอีกฝ่ายก็รับเงินมาก่อนจะให้ราตรีเซ็นใบสัญญาว่าเป็นผู้ซื้อเสื้อผ้าของลำไย

“ทีนี้ก็เรียบร้อย อีกห้าวันในเกมน้องก็เอาใบสัญญารับของนี้มารับเสื้อผ้าได้เลยนะฮ้า” พี่ลำไยบอกราตรีในขณะที่ยื่นใบสัญญามาให้

“ฮะพี่ลามยาย” ราตรีตอบพลางรับใบกลับมาก่อนจะเก็บมันใส่ไว้ในกระเป๋า แล้วจากนั้นจึงหมุนตัวกลับไปมองเมฆา ซึ่งชายหนุ่มกำลังนั่งร้องไห้เช็ดน้ำตาโดยมีมาริโอยืนปลอบใจอยู่เคียงข้าง

โถ ไม่เหลือมาดที่เจอกันครั้งแรกเลย

เฮ้อ น่าสงสาร ปวีณาจะรับฟ้องไหมนี่


ราตรีครุ่นคิดอย่างหนักใจก่อนจะเดินไปหาเมฆา

“ม่ายเป็งรายช่ายหมายฮะ” ราตรีถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแต่ในมุมมองของเมฆานั้น เสียงนี้ช่างดูเหินห่างเสียยิ่งกระไรดี

“อะ…อืม พี่ไม่เป็นไรแล้วครับน้องราตรี” เมฆาตอบพลางใช้มือปาดน้ำตาออกก่อนจะกระแอมไอพูดต่อไปว่า “คือว่าพี่มีเรื่องจะคุยด้วย น้องราตรีอยู่คุยกับ…”

“ขอโทษด้วยนะ พอดีพวกข้าไม่อยากสนทนากับพวกที่ชอบทิ้งเพื่อน” มาริโอพูดแทรกกะทันหัน ซึ่งทำเอาเมฆาถึงกับหน้าซีดอ้าปากค้าง

“นี่ผ้าเย็งฮะ ป๋มหวางว่ามานจาช่วยทามห้ายพี่ชายดีขึ้น” ราตรีบอกพลางส่งผ้าเย็นที่ได้มาจากพี่ลำไยให้เมฆา ซึ่งชายหนุ่มมองผ้าเย็นสลับกับใบหน้าของราตรี “ราบปายฉิฮะพี่ชาย”

“น้องราตรีอย่าทำแบบนี้กับพี่ชายได้ไหมครับ” เมฆาพูดด้วยความรู้สึกเจ็บช้ำใจที่เห็นราตรีทำท่าเหินห่างตน ส่วนราตรีนั้นไม่ได้พูดตอบอะไรเมฆากลับไปเลยสักคำ ได้แต่วางผ้าเย็นบนมือของเมฆาก่อนจะเดินกลับไปยังมาริโอ

“ปายกานเถอะมะรีโอ้”

“อืม” มาริโอตอบพลางย่อตัวลงให้ราตรีได้ปีนขึ้นอย่างถนัด เมื่อราตรีปีนขึ้นไปอยู่บนหัวมาริโอแล้ว มาริโอก็พลันหมุนตัวกลับไปทางประตู

“เดี๋ยวก่อนสิครับน้องราตรี ตอนนั้นพี่ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งน้องไปเลยนะครับ” คราวนี้มาริโอถึงกับหยุดชะงักเดินเมื่อได้ยินคำพูดของเมฆา

“คิดจะแก้ตัวตอนนี้มันไม่สายเกินไปแล้วรึไง” มาริโอหันมาพูดแทนราตรี เพราะมันคิดว่าเจ้านายของมันกำลังรู้สึกเจ็บปวดใจอยู่ “ไหนบอกว่าจะอยู่ข้างเจ้านายของข้า ฮึ มนุษย์อย่างแกมันไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด”

เมื่อมาริโอพูดจบก็หันตัวกลับก่อนจะก้าวเท้าพาราตรีเดินออกข้างนอกไป

“มัวยืนทำซากไรอยู่เล่า รีบตามพวกน้องเค้าไปสิยะตะเอง” ลำไยพูดพลางใช้มือดันไหล่เมฆา

“แต่พวกเขาเกลียดข้าแล้ว” เมฆาพูดอย่างลังเลใจ

“เกลียด? เขาบอกเกลียดตะเองหรือเปล่าล่ะย่ะ” ลำไยพูดย้อน “เดี๊ยนไม่เห็นน้องราตรีพูดอะไรเลยสักคำ มีแต่น้องเห็ดมาริโอพูดอยู่คนเดียว รีบๆไปเร็วเข้า เดี๋ยวก็เดินตามไม่ทันหรอก!”

คราวนี้ลำไยไม่ได้ใช้มือดันหลังเมฆาแต่กลับใช้เท้ายันหลังเมฆาอย่างแรง จึงทำให้ชายหนุ่มกระเด็นกระดอนออกนอกร้านไป

“ขอให้โชคดีนะฮ้าสุดหล่อ” ลำไยตะโกนเชียร์เมฆาที่กำลังตัวลอยออกนอกร้านด้วยลำไยไรเดอร์คิกก่อนจะปิดประตูดังปัง

.........................

“รัตติ เมฆาเดินตามพวกเรามาด้วยล่ะ”

มาริโอบอกราตรีในขณะที่มันพาเธอเดินไปยังตึกผู้เล่นใหม่ตามคำสั่ง หากแต่ราตรีหาได้หันกลับไปดูชายหนุ่มไม่

เขาผิดสัญญา

เขาทอดทิ้งเรา

ราตรีครุ่นคิดในใจ ซึ่งเธอตั้งใจไว้ว่าจะไม่สนใจเมฆาอีก

“ช่างเขา เดี๋ยวก้อเบื่อแย้วเลิกเดินตามเองแหละ ม่ายต้องปายฉนหยอกมะรีโอ้”

“อืม เข้าใจแล้วล่ะ” เมื่อมาริโอพาราตรีเดินเข้าไปยังตึกผู้เล่นใหม่แล้ว เธอก็ให้มาริโอพาเธอไปยังเคาน์เตอร์ที่เขียนไว้ว่า ‘จุดรับภารกิจ’

“ว่ายังไงพ่อหนุ่มน้อย มากับคุณเห็ดมาริโอรึคะ” พนักงานหญิงกล่าวทักทายทันทีที่เห็นราตรีกับมาริโอมายืนตรงหน้าเคาน์เตอร์

“เอ่อ...ฮะ” ราตรีตอบเสียงเลิ่กลั่ก “เอ่อ...ป๋มมารับพาละกิดฮะพี่ฉ๋าว”

พอราตรีพูดจบ พนักงานสาวถึงกับขมวดคิ้วมองราตรีตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะทำปากร้องอ้อ

“กรุณารอสักครู่นะคะน้อง เดี๋ยวพี่มา” พนักงานสาวบอกก่อนจะผละหายเข้าไปในห้องชั่วครู่ ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีก็โผล่หน้ากลับมาอีกครั้ง “ต้องขออภัยที่ให้คอยนานค่ะ”

“ม่ายเป็งรายฮะ” หญิงสาวยิ้มรับก่อนจะคีย์ข้อมูลลงบนแป้นพิมพ์ใสสีเขียว

“กรุณาระบุชื่อของน้องด้วยค่ะ”

“อ่า...ราตีพิฉุดฮะ” แล้วหญิงสาวก็เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าพูดกับเธอว่า

“ภารกิจแรกที่น้องจะได้ทำก็คือขุดแร่ค่ะ”

“ขุดแร่?”

“ท่านได้รับภารกิจระดับ C คือขุดแร่เงินกับแร่ดีบุกให้ได้อย่างล่ะ 50 ก้อน”

ระบบประกาศดังในหัวราตรี ซึ่งทำเอาเธอถึงกับขมวดคิ้ว

“ขุดแร่นี่มานต้องทามกานยางงายหยอฮะพี่ฉ๋าว ป๋มม่ายค่อยเข้าจายเยยฉักนิด” พนักงานสาวได้ยินที่ราตรีถามก็ฉีกยิ้มหวานก่อนจะตอบคำถามว่า

“ไม่ยากเลยค่ะน้องชาย แร่ในเกมของเราเป็นแร่ที่ขุดง่ายมาก ง่ายกว่าขุดกระทู้ในบอร์ดประมูลเสียอีกค่ะ ถึงน้องจะเป็นผู้เล่นที่มีเลเวลน้อยหรือเด็กก็สามารถขุดได้ค่ะ”

“แย้วใช้อารายนายกานขุดแร่ล่ะฮะพี่ฉ๋าว” ราตรีถามต่ออย่างสงสัย ซึ่งเธอเดาว่าน่าจะเป็นพวกจอบหรือไม่ก็เสียม

“อีเตอร์ค่ะน้อง” พนักงานสาวตอบยิ้มๆ “ถ้าน้องยังไม่มีอีเตอร์แล้วล่ะก็ ทางพี่มีอีเตอร์ให้น้องไว้ใช้ฟรีค่ะ”

“อีเตอร์?”

“ท่านได้รับอีเตอร์จำนวน 1 อัน”

เสียงระบบประกาศดังก้องในหัวราตรี

“น้องลองเรียกอีเตอร์ออกมาดูสิคะ แล้วจะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง” พนักงานสาวบอกซึ่งราตรีพยักหน้าก่อนจะเดินลงจากหัวมาริโอ

“อีเตอร์จงออกมา”

แวบ!

แสงสีทองส่องประกายไปทั่วบริเวณก่อนจะหายวับไป เผยให้เห็นอีเตอร์เด็กเล่นขนาดพอเหมาะ

บ๊ะ! ต่อจากค้อนพลาสติกเปลี่ยนมาเป็นอีเตอร์สำหรับเด็กเล่นรึนี่

ราตรีขมวดคิ้วคิด

“เฮ้ย ทำไมมันเล็กขนาดนี้ล่ะ จะขุดไหวแน่รึ” มาริโอร้องทักท้วงเมื่อเห็นอีเตอร์ในมือของราตรี ซึ่งทำเอาพนักงานสาวรีบแย้งกลับไปว่า

“หรือคุณเห็ดมาริโออยากจะใช้ศีรษะของตัวเองแทนสว่านเจาะหินหรือคะ”

“ขอโทษคร้าบ หนูผิดเองคร้าบ!” มาริโอร้องพลางก้มหัวขอโทษ ทำเอาราตรีนึกขำกับท่าทางของมัน

“ว่าแต่พาระกิดนี้ต้องฉ่งเมื่อหร่ายฮะ” ราตรีหันไปถามหญิงสาวต่อ

“อ้อ ภารกิจนี้ทางเราไม่จำกัดเวลาค่ะ น้องจะส่งเมื่อไหร่ก็ย่อมได้” พนักงานสาวตอบ แล้วหลังจากนั้นราตรีก็บอกลาพนักงานสาวก่อนจะปีนขึ้นหัวมาริโอต่อ

“ปายกานเถอะมะรีโอ้ ปายทามพาระกิดกาน”

“อืม” เมื่อมาริโอพาราตรีเดินออกไปข้างนอกตึกแล้ว กลับหยุดชะงักเดินเนื่องจากเห็นเมฆายืนรออยู่ด้านหน้าประตูแล้ว “คนบางคนทิ้งเพื่อนแล้วยังหน้าด้านได้อีก”

มาริโอพูดแขวะ หากแต่ราตรีพรายกระซิบบอกมันให้เดินต่อ ซึ่งมาริโอก็ทำตามคำสั่ง พอมาริโอออกเดินไปสี่ห้าก้าวแล้ว เมฆาก็รีบเดินตามทันที ทว่าเส้นทางที่พวกราตรีจะไปเหมืองแร่นั้นมันอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับป่าหุบเขาวงกต แถมมีระยะไกลพอสมควรด้วย จึงทำให้พวกราตรีต้องคอยหยุดแวะพักเหนื่อยเอาแรงตามข้างทางทุกหนึ่งชั่วโมง

“รัตติ จะแวะหาลุงมานาด้วยไหม” มาริโอเอ่ยปากถามในขณะนั่งบิดขี้เกียจ

“ม่ายล่ะ” ราตรีตอบพลางเขย่าขวดนมของตัวเอง “เพาะถ้าแวะหาลุงมานาด้วยมีหวางถึงเหมืองแร่ตอนเช้าแน่”

แล้วความเงียบก็เข้าครอบงำ ราตรีนั่งดูดขวดนมของตัวเองไป ส่วนมาริโอก็นั่งดูดน้ำจากขวดแก้วสลับกับมองเมฆาที่ซึ่งนั่งอยู่ห่างจากพวกตนไปหนึ่งร้อยเมตรไปพลางด้วย

“รัตติ”

“หืม?”

“จะเอายังไงกับเจ้านั่นดีล่ะ” มาริโอพูดเสียงเบาเพราะกลัวชายหนุ่มจะได้ยิน “มันตามเจ้ามาตลอดตั้งแต่ร้านนางกระทิงแล้วนะ”

ราตรีอ้าปากออกจากจุกหัวนมก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“ช่างเค้าฉิ จาตามก้อป่อยห้ายตามปาย” แล้วราตรีก็ดูดนมต่ออย่างไม่ใส่ใจ ส่วนมาริโอนั้นเมื่อเห็นว่าเจ้านายไม่ได้สนใจไยดีกับเมฆาแล้ว มันก็เองก็เลิกที่จะสนใจแล้วด้วยเช่นกัน ซึ่งผิดกับทางด้านเมฆาที่นั่งคิดหาหนทางจะเข้าหาราตรีเพื่อพูดคุยด้วย ทว่าพอชายหนุ่มนึกถึงคำพูดของมาริโอแล้ว ก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกอย่างแรง

ถูกของมัน ถึงเขาพูดแก้ตัวไปก็เปล่าประโยชน์

เมฆาครุ่นคิดอย่างหนักใจ ชายหนุ่มคิดว่าถ้าได้ออฟไลน์เกมแล้วล่ะก็ เขาจะออกไปเอาเรื่องกับเจ้าหน้าที่ของเกมให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายเอ็นพีซีที่เขาตั้งใจว่าจะต้องเผชิญกับการลงทัณฑ์ที่ยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น พอเมฆาหันไปมองพวกราตรีอีกครั้ง ก็พบว่าทั้งสองได้ลุกขึ้นเดินแล้ว ซึ่งทำเอาเมฆาต้องรีบเก็บสัมภาระก่อนจะลุกขึ้นเดินตามอย่างไว ซึ่งเมฆาเดินตามพวกราตรีได้อยู่เกือบชั่วโมง เขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าราตรีกับมาริโอกำลังเผชิญหน้ากับพวกกลุ่มผู้เล่นที่มีแต่ผู้ชายร่างยักษ์อยู่ถึงสี่คน

เกิดอะไรขึ้นนะ?

เมฆาได้แต่คิดอย่างสงสัยเพราะตนไม่กล้าเข้าไปใกล้ แถมตรงจุดที่เขายืนนี้ก็ไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงพูดสนทนาของราตรีได้ ทว่าเมฆามองไปได้สักพัก หนึ่งในสี่ผู้เล่นที่เป็นชายร่างยักษ์ก็ได้เดินเข้ามาจับแขนขาวอ้วนป้อมของราตรีก่อนจะกระชากร่างเล็กให้ลอยขึ้นตามแรง ซึ่งทำเอาร่างเล็กอันบอบบางถึงกับร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด

“แอ้!”

ไม่ได้การล่ะ ต้องรีบเข้าไปช่วยแล้ว!

เมฆาคิดได้ดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย หยุด!” เมฆาตะโกนร้องพลางชักอาวุธขึ้นมาอย่างลืมตัว ซึ่งทำเอาทั้งสี่ร่างหันมามองชายหนุ่มพร้อมกัน “เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า คิดจะรุมรังแกเด็กทารกที่ไม่มีทางสู้ ไม่น่ามีจมูกไว้สูดออกซิเจนเลย”

“ฮ่าๆ คิดว่ากล้าได้ก็เชิญเข้ามาได้เลย แต่ไอ้เด็กนี่จะโดนลูกหลงไปด้วยนะ” ชายร่างยักษ์ผมเกรียนสีทองแดงพูดพลางชูราตรีให้เมฆาดู ซึ่งทำเอาเมฆาชะงัก

“ปล่อยเจ้านายของข้าเดี๋ยวนี้นะไอ้พวกสารเลว!” มาริโอตะโกนร้องด้วยความเดือดดาล แม้นมันจะพยายามเตะอีกฝ่ายให้กระเด็น แต่ทว่ามันก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากระดับของมันแตกต่างกว่าชายร่างยักษ์อยู่มาก “บอกให้ปล่อยไงเล่าไอ้บ้า! ปล่อยเดี๋ยวนี้!!”

“เฮ้ย! หนวกหูเฟ้ย!!” ชายร่างยักษ์อีกคนตวาดอย่างรำคาญก่อนจะใช้เท้าเตะท้องมาริโอทันที

บึก!

1000


“อ็อก!” มาริโอกระอักเลือดก่อนจะกระเด็นหงายท้องนอนกับพื้นไป

“มะรีโอ้!” ราตรีร้องน้ำตาคลอเบ้าเมื่อเห็นมาริโอโดนทำร้าย

“กร็อด!” เมฆากัดฟันด้วยความโกรธ นี่ถ้าไม่ติดว่ามีราตรีเป็นตัวประกันอยู่แล้วล่ะก็ ชายหนุ่มคงจะฆ่าพวกนี้ไปนานแล้ว

“ลูกพี่ระวังหน่อย นั่นมันเมฆาราชาแห่งสมาคมเงาเชียวนะ” ชายร่างยักษ์ผมสีน้ำตาลที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบเดินมาพรายกระซิบบอกเพราะจำหน้าเมฆาได้ ซึ่งคนที่เป็นลูกพี่ได้ยินที่ลูกน้องบอกถึงกับอึ้ง

“เฮ้ย จริงดิ เรือหายแล้วไงพี่น้อง”

“ก็จริงสิลูกพี่ นี่ถ้าเมื่อกี้มันไม่เดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วล่ะก็ ข้าก็คงจำมันไม่ได้หรอก” เมื่อชายร่างยักษ์ที่เป็นลูกพี่ได้รับรู้แล้ว ก็รีบหันหน้ามาทางเมฆาต่อ

“เฮ้ยไอ้รูปหล่อครับ ถ้าไม่อยากให้ไอ้เด็กนี่ตายล่ะก็ ส่งเงินกับของเทพๆ มาให้พวกผมเร็วๆ ครับ พวกผมไม่มีเงินไม่มีของเก็บเลเวลครับพี่”

“ได้ แต่ปล่อยเด็กคนนั้นก่อน” เมฆาตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ทว่าพวกชายร่างยักษ์กลับหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินคำตอบของเมฆา

“เรื่องอะไร ปล่อยก่อนก็กลัวดิ กดรับเดลจิครับ” ชายร่างยักษ์ผมเกรียนสีทองแดงพูดเสียงเหี้ยม ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ว่างจับเข้าลำคอขาวเล็กของราตรี โดยไม่แม้แต่จะคิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครที่ไหนใช้คำว่าเดลในการแลกเปลี่ยน ในขณะที่หน้าต่างขอแลกเปลี่ยนปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเมฆา “กดๆสิวะ เฮ้ย กดสิ ให้ไวๆ กดๆ ส่งของมา ถ้าไม่อยากให้ไอ้เด็กนี่ตายคามือ!”

“อึ่ก!” ราตรีร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อมืออันกร้านใหญ่บีบลำคอของเธอแรงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งส่งผลให้เธอเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก นัยน์ตามืดมัว หูสองข้างเริ่มแทบไม่ได้ยินเสียงจากภายนอก แถมนอกจากนี้เรี่ยวแรงที่มีก็เริ่มถดถอยลงทีละนิดๆ

นี่หรือความตาย...

ช่างน่ากลัวเหลือเกิน...


ในขณะที่ราตรีกำลังอยู่ในช่วงภาวะความเป็นความตายนั้น มาริโอเกิดผุดลุกขึ้นมาก่อนจะใช้ลูกฮึดกระโดดถีบชายร่างยักษ์โดยเล็งที่มือของอีกฝ่ายกะหมายจะให้ราตรีได้หลุดจากการจับกุม ทว่าชายร่างยักษ์ที่อยู่ด้านข้างเกิดรู้ตัวทันเสียก่อน จึงวาดเท้าเตะเข้าสีข้างมาริโออย่างแรง

พลั่ก!

1200


“อั่ก!” มาริโอกระอักเลือดก่อนที่จะกระเด็นกลิ้งกับพื้นอยู่เสียหลายรอบ แล้วร่างจึงค่อยหยุดนิ่ง

“มาริโอ!” เมฆาร้องอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นมาริโอถูกโจมตีจนแน่นิ่งไป แม้ว่าชายหนุ่มกับมาริโอไม่ค่อยจะถูกกัน  แต่เมฆายอมรับนับถือมันจากใจจริงเพราะได้เห็นความพยายามของมาริโอที่จะป้องกันเจ้านายของตัวเองอย่างไม่ยอมแพ้จนในวินาทีสุดท้าย

“อั่ก!” เสียงของร่างเล็กร้องดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เมฆารีบหันหน้ากลับมาก่อนจะตกใจเมื่อเห็นสีหน้าอันเขียวคล้ำเนื่องจากร่างเล็กเจียนจะหมดลมหายใจ

“ตกลง! อยากได้ก็มาเก็บเอาเอง!” เมฆาบอกเพราะเป็นห่วงราตรีสุดขีด ก่อนจะรีบโยนของที่มีในตัวทั้งหมดลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจว่าของชิ้นนั้นจะมีราคามหาศาลต่อเขามากเพียงใดก็ตาม “เอ้า ปล่อยเด็กสิ!”

ส่วนฝ่ายพวกชายร่างยักษ์เมื่อเห็นว่าเมฆาทำตามคำสั่งแล้ว ผู้เป็นลูกพี่ก็เชิดหน้าให้ลูกน้องเดินเข้าไปเก็บของที่ตกอยู่กับพื้นให้หมด เมื่อพวกมันเก็บเสร็จแล้ว ชายร่างยักษ์ผมเกรียนสีทองแดงก็โยนร่างเล็กขึ้นกลางอากาศ ในช่วงเวลาพริบตานั้นเอง ร่างของเมฆาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วประดุจเงา เข้าประชิดกลุ่มชายร่างยักษ์ ก่อนจะตวัดดาบฟันเข้าที่ลำคอของพวกมันทั้งสี่อย่างรวดเร็ว

“เดมอนเบลดแดนซ์” (ระบำกระบี่มาร)

ฉัวะๆๆ

9999

9999

9999

9999


“เนื่องจากผู้เล่นเมฆาโจมตีผู้เล่นด้วยกันเอง จึงทำให้ไม่ได้รับค่าประสบการณ์”

วูบเดียวเท่านั้น พวกมันก็ล้มลงกลายเป็นศพอยู่เบื้องหน้าของเมฆาก่อนที่จะเลือนหายไป ทิ้งไว้เพียงกองไอเทมและเงิน ทั้งของพวกมันเองกับที่เมฆาโยนทิ้งไว้เพื่อหลอกล่อให้พวกมันตายใจเท่านั้น ส่วนเมฆาก็โจนขึ้นกลางอากาศรับเอาร่างเล็กไว้ในอ้อมอก แล้วจึงค่อยลงกับพื้นอย่างนุ่มนวล

“น้องราตรีครับ น้องราตรี ลืมตาสิครับน้องราตรี!” เมฆาพยายามร้องเรียกให้ร่างเล็กในอ้อมกอดตื่น แต่ทว่าราตรีหาได้ตอบขานเสียงเรียกของเมฆาไม่ “ขอร้องล่ะน้องราตรี ลืมตาขึ้นมามองพี่ชายคนนี้เถอะ พี่ชายคนนี้ไม่หวังอะไรอีกแล้ว นอกเสียจากขอให้น้องลืมตาขึ้น แค่ลืมตาขึ้นเท่านั้นเอง ขอร้องล่ะ”

เมื่อเมฆาพูดจบ ก็พลันกอดร่างเล็กสะอื้นไห้อย่างไม่อายฟ้าอายดิน แต่ทว่าเมฆาร้องไห้ไปได้ไม่นานเท่าไหร่นัก มือขาวอ้วนป้อมเกิดขยับขึ้นมาเสียเอาดื้อๆ ทำเอาคนร้องถึงกับหยุดร้องทันควันก่อนจะคลายกอดเพื่อดูสภาพของน้องราตรีด้วยความสงสัย

“แอ้” เสียงราตรีร้องไม่เป็นภาษาผนวกกับนัยน์ตาที่ยังคงปรืออยู่ ทำให้เมฆาทราบได้ว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในสภาวะเบลอไม่ได้สติ

“รอเดี๋ยวนะน้องราตรี พี่ชายคนนี้จะรีบรักษาให้แล้วนะครับ” เมฆาบอกพลางหยิบขวดยาเพิ่มเลือดออกมา ก่อนจะเปิดฝาจุกออกแล้วยกขวดขึ้นกระดกโดยอมน้ำไว้ที่กระพุงแก้ม แล้วจากนั้นจึงค่อยยื่นหน้ามาใกล้ชิดกับราตรีก่อนจะแนบริมฝีปากกับริมฝีปากอันน้อยนิดของราตรีอย่างแผ่วเบา

“อึ่กๆ” เสียงกลืนน้ำยาดังมาจากลำคอของราตรี ซึ่งบ่งบอกให้เมฆาได้รู้ว่าอีกฝ่ายได้กลืนยาลงคอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเมฆาจึงค่อยถอนริมฝีปากออกก่อนจะมองร่างเล็กด้วยความเป็นห่วง

“น้องราตรีครับ น้องราตรี” เมฆาเรียกพลางเขย่าร่างเล็กอย่างเบามือ

“อือ” ราตรีร้องครางเสียงเบาก่อนจะลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำเงินที่ส่องประกายสดใสประดุจห้วงท้องทะเลลึก ซึ่งทำเอาชายหนุ่มเผลอมองอย่างลืมตัว หากแต่คนถูกมองยังไม่ค่อยรู้สึกตัวดี ได้แต่สอดส่ายตามองไปมาก่อนจะวกกลับมามองคนอุ้มอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ทั้งสองได้ต่างจ้องตาประสานกัน ทำเอาร่างเล็กรู้สึกตัวได้ว่าตนกำลังอยู่ในอ้อมอกของชายหนุ่ม “อ้า! ป่อยนะพี่ชาย ป่อย!”

ราตรีร้องพลางใช้มือน้อยๆทั้งสองข้างผลักเมฆาออก ซึ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวจึงรีบวางราตรีนั่งลงกับพื้นอย่างเร็วเพราะกลัวว่าราตรีจะไม่พอใจตนเอาได้ ส่วนราตรีนั้นเมื่อเมฆาได้วางเธอนั่งลงกับพื้นแล้ว เธอก็เงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างสงสัย

“ท่านพี่ช่วยข้าไว้ง้านหยอ” ราตรีถามเพราะเธอได้ยินเสียงจากระบบของเกม ซึ่งบอกไว้ว่าเมฆาเป็นคนช่วยเติมพลังให้เธอ

“ครับน้องราตรี” เมฆาตอบยิ้มๆ “ว่าแต่น้องรู้สึกดีขึ้นหรือยังครับ”

“ก้อ…ดีแย้วฮะ” ราตรีตอบเมฆา แต่แล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“จริงสิมะรีโอ้ล่ะ! มะรีโอ้อยู่ที่หนายฮะท่านพี่” ราตรีถามพลางหันซ้ายหันขวามองหามาริโอ ก่อนจะเห็นร่างของมาริโอนอนแผ่หลาอยู่ห่างเกือบร้อยเมตรได้ “มะรีโอ้!”

ราตรีผุดลุกขึ้นยืนก่อนจะวิ่งปราดเข้าไปหามาริโออย่างเร็ว ซึ่งทำเอาเมฆาต้องรีบวิ่งตามไป

“มะรีโอ้!” เมื่อราตรีวิ่งมาถึงแล้วเธอก็เขย่าเรียกอีกฝ่ายอย่างเอาเป็นเอาตาย “มะรีโอ้ฟื้นสิ! ข้ามาช่วยเจ้าแย้วนะ”

แล้วราตรีก็หยิบขวดยาเพิ่มเลือดออกมาจากในกระเป๋าก่อนจะเปิดฝาจุกออก แล้วจึงจับกรอกเข้าปากมาริโออย่างรวดเร็ว

“เนื่องจากเห็ดมาริโอได้รับน้ำยาเพิ่มเลือด ทำให้พลังฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ”

เสียงระบบประกาศดังก้องหัวราตรี ก่อนที่มาริโอจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

“เอ๋? นี่ข้ายังไม่ตายอีกรึเนี่ย” มาริโอพูดกับตัวเองอย่างมึนงง ก่อนจะหันมาเห็นราตรีกับเมฆานั่งอยู่ข้างกายมัน “รัตติ…เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม!”

มันว่าพลางผุดลุกขึ้นนั่งถามเจ้านายอย่างเป็นห่วง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันเกือบตายแล้วด้วยซ้ำ

“ข้าม่ายเป็งรายแย้วมะรีโอ้” ราตรีตอบพลางส่งยิ้มให้มาริโอ “เพาะท่านพี่เมฆาเป็งคงช่วยข้าไว้ ม่ายง้านข้าคงตายปายนานแย้ว”

มาริโอได้ยินดังนั้นก็หันมามองเมฆาอย่างไม่เชื่อสายตา

“ชิ ตบหัวแล้วลูบหลังสิไม่ว่า”

“มะรีโอ้!” ราตรีร้องอุทานตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของมาริโอ “อย่าเฉียมาระยาดฉิ เขาอุตส่าห์ช่วยพวกเราอาวไว้นะ”

“ขอบคุงท่านพี่ นี่ถ้าท่านพี่ม่ายช่วยไว้แย้วล่ะก้อ พวกข้าคงต้องถูกพวกน้านฆ่าตายแน่ๆ” ราตรีพูดขอโทษพลางก้มหัวลง ส่วนเมฆาเมื่อเห็นราตรีก้มหัวขอบคุณตนแล้ว ถึงกับหน้าแดง

“ไม่เป็นไรครับน้องราตรี ไม่ต้องขอบคุณพี่ชายคนนี้หรอก พี่ชายก็แค่ทนเห็นพวกน้องถูกทำร้ายไม่ได้ก็เท่านั้นเอง”

“แหม พูดถ่อมตัวดีจังเลยนะ” มาริโอพูดแขวะ ซึ่งทำให้ราตรีต้องหันมาทุบหัวมาริโอเนื่องด้วยข้อหากวนประสาทไม่เลือกเวลา

“เอ่อน้องราตรีครับ” ราตรีได้ยินที่อีกฝ่ายเรียก จึงหันหน้ากลับมามองเมฆา “พี่ชายมีเรื่องอยากจะสารภาพ ถ้าน้องราตรีไม่ว่าอะไร ช่วยรับฟังพี่สักหน่อยได้ไหมครับ แค่สักสิบนาทีก็ยังดี”

ราตรีได้ยินที่อีกฝ่ายพูดถึงกับขมวดคิ้ว

นี่เขาตั้งใจจะขอโทษเราเมื่อตอนนั้นงั้นรึ ราตรีคิดในใจพลางมองเมฆาอย่างสงสัย แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อเขาอุตส่าห์ยอมช่วยเหลือเราแล้ว จะรับฟังคำแก้ตัวแล้วกันนะ

ราตรีคิดได้ดังนั้นก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

“เชิญพูดมาด้ายเยยฮะท่านพี่เมฆา”

.............................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 21 ทำภารกิจ

.........................

“อัง อัง อัง ตดเตะโมะดาอิซุคิ โดราเอ..มอน!”

เพลงโดราเอม่อนถูกร้องออกมาจากปากของเมฆา ซึ่งทำให้ราตรีที่นั่งขี่คอชายหนุ่มอยู่นั้นถึงกับเอามือกุมขมับ

ดูทำเข้าสิ ไม่อายเธอกับมาริโอบ้างเลยรึไง

ราตรีคิดในใจอย่างกลัดกลุ้ม เพราะอีกฝ่ายเห็นเธอเป็นเด็ก จึงร้องเพลงการ์ตูนยอดฮิตเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนอย่างโดราเอม่อนให้เธอได้ฟัง ส่วนมาริโอที่เดินตามหลังเมฆามาอย่างเงียบๆ นั้น ก็เป็นเพราะมันถูกราตรีสั่งห้ามไม่ให้พูดจึงได้แต่ทนฟังเมฆาร้องเพลงโดเรม่อนไป ในช่วงขณะที่เมฆาพาราตรีกับมาริโอเดินไปยังถ้ำเหมืองแร่นั้น ราตรีก็นึกย้อนหลังกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ซึ่งเมฆาเล่าความจริงทุกอย่างให้เธอฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ว่าชายหนุ่มไม่ได้ทอดทิ้งเธอหากแต่โดนออฟไลน์กะทันหัน แต่พอจะกลับเข้าเกมอีกครั้ง ก็ดันออนไลน์ไม่ได้เพราะอินเตอร์เน็ตที่บ้านของเขาล่มอยู่ ซึ่งพอเธอได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว ความโกรธที่เคยมีก็พลันหายไปหมดสิ้น

“น้องราตรีครับ” เสียงเรียกของเมฆาทำเอาราตรีหลุดจากห้วงความคิดก่อนจะก้มลงมองคนเรียกเธอ “ตอนนี้ก็เที่ยงวันแล้ว จะหยุดแวะทานข้าวกลางวันหน่อยไหมครับ เดี๋ยวมื้อนี้พี่ชายจะลงมือทำอาหารให้เราเอง”

“เอาอย่างน้านก้อด้ายฮะท่านพี่” ราตรีตอบอย่างว่าง่าย แล้วหลังจากนั้นเมฆาก็วางราตรีนั่งลงกับพื้นดิน ก่อนจะหันไปสั่งมาริโอให้ตระเตรียมฟืนมา ส่วนชายหนุ่มก็งัดอุปกรณ์ทำอาหารจากในกระเป๋าไอเทมขึ้นมาวางก่อนจะลงมือทำอาหารอย่างเร็วประดุจมืออาชีพ ซึ่งในระหว่างที่รอเมฆาทำอาหารอยู่นั้น ราตรีก็ได้เล่าสิ่งที่เธอกับมาริโอได้ผจญภัยมาทั้งหมด รวมถึงบอกให้เมฆาช่วยปิดความลับเรื่องที่เธอเป็นเด็กทารกไม่ให้ผู้เล่นคนอื่นรู้ด้วย ซึ่งเมฆาก็ตกปากรับคำว่าจะไม่บอกใครอย่างแน่นอน เมื่อเมฆาทำอาหารเสร็จแล้วก็วางจานอาหารลงบนผ้าที่ซึ่งฝีมือคนปูผ้านั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกเสียจากราตรี “ข้าวห่อข่าย?”

ราตรีพูดพลางก้มลงมองจานข้าวที่มีไข่สีเหลืองหอมชวนน่ารับประทาน

“นี่เป็นอาหารสำหรับเด็กหนึ่งขวบที่กำลังเริ่มหัดทานข้าว” เมฆาบอกก่อนจะพูดต่อ “พี่เห็นเราว่าอายุได้หนึ่งขวบแล้ว ฉะนั้นพี่ชายก็เลยคิดทำข้าวห่อไข่ง่ายๆให้ลองทานดูก่อน แต่ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ต้องทานนะครับ เพราะพี่จะไม่บังคับให้ทานจนหมด”

“ฮะท่านพี่” ราตรีตอบก่อนจะใช้มือขาวอันน้อยนิดจับช้อนตักข้าวห่อไข่ หากแต่ร่างกายของราตรียังเป็นเพียงแค่เด็กหนึ่งขวบ จึงทำให้เธอตักข้าวแทบไม่ค่อยจะได้

“มามะ เดี๋ยวพี่ป้อนข้าวให้เองครับ” เมฆาบอกพลางแย่งช้อนมาจากมือของราตรี ก่อนจะตักข้าวขึ้นมาเป่าให้คลายร้อนแล้วจึงค่อยยื่นช้อนหาราตรี “อ้าปากเร็วครับ อ้าม”

ราตรีเห็นที่อีกฝ่ายทำแล้ว ถึงกับหน้าแดงเป็นมะเขือเทศ

“เอ้า รีบอ้าปากสิครับ เดี๋ยวข้าวมันจะไม่อร่อยเอาได้นะ” เมฆาบอกพลางดันช้อนเข้าไปใกล้ริมฝีปากของราตรี หากแต่เธอจ้องช้อนข้าวสลับกับใบหน้าของเมฆาไปมาอยู่สองรอบแล้ว ก่อนจะยอมอ้าปากให้อีกฝ่ายป้อนข้าวเสียแต่โดยดี ทันทีที่ได้สัมผัสรสชาติของข้าวห่อไข่แล้ว ราตรีถึงกับตะลึง

หือ? ทำอาหารได้ไม่เลวเลยนี่

“เฮ้รัตติ เจ้าป้อนข้าวให้ข้าหน่อย” มาริโอร้องทักท้วงความยุติธรรมเมื่อเห็นเมฆาป้อนข้าวให้เจ้านายของตัวเอง

“เจ้าโตแย้วก้อทานเองจิ ทามมายต้องห้ายข้าป้อนห้ายเจ้าด้วยล่ะฮึมะรีโอ้” ราตรีพูดพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ

“ก็ข้าไม่มีมือนี่หว่า” มาริโอตอบอย่างฉุนจัด “ที่แล้วมาข้าทานด้วยปากมาโดยตลอด คราวนี้เจ้าก็ป้อนข้าวให้ข้าบ้างสิรัตติ”

คำพูดของมาริโอทำเอาราตรีถึงกับส่ายหน้า

สงสัยต้องหาเวลาสั่งสอนมันเสียหน่อย จะได้เลิกอิจฉาคนอื่นสักที

“ราตรียังเด็กคงป้อนให้เจ้าไม่สะดวก เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะป้อนให้เจ้าเองแล้วกันนะมาริโอ” เมฆาพูดตัดบทก่อนจะวางชามข้าวของราตรีลง แล้วจึงหันไปหยิบชามข้าวของมาริโอขึ้นมา

“หยุดก่อน!” มาริโอร้องเสียงหลง ซึ่งทำเอาเมฆาหยุดชะงัก “เจ้าไม่ต้องป้อนข้าวให้ข้าเลย ข้าทานของข้าเองได้”

“เอาอย่างนั้นแน่รึมาริโอ แน่ใจนะว่าจะทานเองโดยไม่ให้พี่ชายคนนี้ป้อนให้นะ”

“ก็ใช่นะสิ รีบวางชามเดี๋ยวนี้เลย ข้าจะทานด้วยตัวของข้าเอง” มาริโอบอกโดยทำท่าอกผายไหล่ผึ่งราวกับทหารเกณฑ์ ซึ่งเมฆาได้ยินดังนั้นจึงวางชามข้าวไว้ตรงหน้ามาริโอแต่โดยดี เมื่อมาริโอเห็นว่าอีกฝ่ายวางชามข้าวไว้ตรงหน้าแล้ว มันก็ก้มลงมองชามข้าวด้วยความดีใจ ทว่าพอได้เห็นอาหารที่อยู่ในชามของมันแล้ว นัยน์ตาของมันก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ “เห็ดอีกแล้ว! กับข้าวของหนูเป็นเห็ดอีกแล้ว!”

มาริโอพูดก่อนจะแผดเสียงร้องไห้ดังจ้า

“จะร้องห้ายปายทามมายมะรีโอ้ มีห้ายทานก้อดีถมแย้วนะ อย่าเลือกทานห้ายมากหน่อยเยย” ราตรีบอกอย่างเหนื่อยใจ หากแต่มาริโอหาได้หยุดร้องไม่ กลับนอนกลิ้งเกลือกร้องไห้ไปมาเหมือนกับเด็กน้อยที่ต้องการของเล่นให้ได้เดี๋ยวนั้น

“หนูไม่ต้องการเห็ด หนูอยากได้ข้าวห่อไข่เหมือนรัตติ!”

“ข้าว่าท่านพี่เลิกแกล้งมะรีโอ้ด้ายแย้วนะฮะ” ราตรีหันมาบอกชายหนุ่มเพราะทนเสียงร้องของมาริโอไม่ไหว แต่เมฆากลับนั่งหัวเราะไม่หยุดจนราตรีต้องหยิกที่แขนอย่างแรง

“ฮะๆ ขอโทษที พอดีพี่อยากจะเอาคืนมันที่พูดว่าพี่ตอนอยู่ในเมืองนะ” เมฆาบอกก่อนจะเปลี่ยนชามข้าวให้มาริโอ ซึ่งทำให้มันหยุดร้องไห้ก่อนจะก้มลงทานข้าวทั้งน้ำตา เมื่อพวกราตรีทานข้าวกลางวันเสร็จแล้วก็พากันออกเดินทางต่อ หากแต่ตัวละครที่ราตรีเล่นอยู่นั้นเป็นแค่เด็กหนึ่งขวบผนวกกับเพิ่งทานข้าวกลางวันเสร็จ จึงเผลอหลับทั้งๆที่นั่งขี่คอเมฆาอยู่ เมฆาเห็นดังนั้นจึงย้ายร่างเล็กมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนแทนก่อนจะออกเดินทางต่อทั้งอย่างนั้น

................................

ย้อนไปทางด้านปฐพีที่เพิ่งจะออนไลน์เกมหลังจากพาลูกสาวเข้านอนแล้ว ชายหนุ่มก็รีบขี่ม้ากลับเข้าเมืองเริ่มต้นอย่างเร็วเพราะหวังว่าตนอาจจะได้เจอกับคุณยายบ้าง

ติ๊ด! ติ๊ด!

“เฮ้ย! ออนไลน์แล้วทำไมถึงไม่รีบติดต่อพวกฉันทันทีเลยล่ะวะปฐพี”

เสียงคุ้นหูดังก้องในหัวปฐพี ซึ่งทำเอาชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วก่อนจะติดต่อกลับไปว่า

“ขอโทษ พอดีลืมนะ”

“ห๊ะ! ลืมงั้นเหรอ!!” เสียงของศาสตราแผดร้องตกใจดังลั่นหัวปฐพี ทำให้ชายหนุ่มต้องรีบเอามืออุดหู “ให้ตายสิ นี่ออฟไลน์ไปหน่อยเดียว กลับเข้ามาอีกทีก็ดันลืมพวกฉันซะแล้ว”

ปฐพีถึงกับพูดไม่ออกเพราะเขาลืมเพื่อนไปแล้วจริงๆ ตั้งแต่ได้ทราบเรื่องที่คุณยายโดนเจ้าหน้าที่หรือจีเอ็มหลอกขายเสื้อผ้าแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่คิดถึงใครอีกเลย

เป็นห่วงกลัวว่าท่านจะโดนคนอื่นหลอกเอาเงินอีก

ปฐพีครุ่นคิดอย่างหนักใจแกมเป็นห่วงจนลืมฟังเสียงของศาสตราที่ร้องเรียกเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

“เฮ้ย! ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่านายเลยนะ ขอร้องล่ะพูดอะไรกลับมาบ้างสิปฐพี…ปฐพี!” ซึ่งกว่าที่ปฐพีจะรู้สึกตัวก็กินเวลาเกือบสิบนาที

“อ๊ะ ขอโทษที มัวแต่เหม่อไปหน่อยนะศาสตรา” ปฐพีรีบตอบเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจตนผิด “แล้วตอนนี้พวกนายอยู่ที่ไหนกันล่ะ ฉันจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้แหละ”

“อยู่ที่โรงแรมทางเหนือของเมืองนะ” พออีกฝ่ายพูดจบ ปฐพีก็รีบนำม้าฝากไว้ที่รับฝากม้าก่อนจะใช้วิชาตัวเบาวิ่งไปยังจุดหมายปลายทางที่เพื่อนๆของเขากำลังรออยู่ ซึ่งในระหว่างทางที่ปฐพีกำลังจะไปหาเพื่อนนั้น สายตาของเขาดันเหลือบไปเห็นข้อความบางอย่างที่คุ้นตาถูกเขียนอยู่บนป้ายประกาศตามหาคนซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของเมืองเริ่มต้นนี้ ซึ่งทำเอาปฐพีถึงกับหยุดชะงักพลางเดินถอยหลังกลับมาดูข้อความที่ตนเห็นอีกครั้ง

“นี่มัน...” ปฐพีพูดพลางขมวดคิ้ว เพราะข้อความที่ชายหนุ่มเห็นอยู่นี้เป็นตัวเลขทุกตัวอักษร ซึ่งผิดกับข้อความของคนอื่นๆที่ถูกเขียนเป็นตัวหนังสือ “...ข้อความจากคุณยายนี่”

ยายมาถึงเมืองเริ่มต้นแล้ว ถ้านพเห็นข้อความของยายแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะ

จาก ราตรีพิสุทธิ์


แต่ทว่าข้อความนี้ได้ระบุเวลาที่เขียนเอาไว้ด้วย จึงทำให้ปฐพีทราบได้ว่าข้อความนี้ถูกเขียนขึ้นเมื่อหลายวันก่อนแล้ว

“คุณยายนะคุณยายเขียนประกาศทั้งที ทำไมไม่ระบุที่อยู่ให้ผมรู้ด้วยนะ” ปฐพีบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย ถึงแม้ตอนนี้เขาจะรู้ว่าคุณยายอยู่ในเมืองเริ่มต้นแล้ว แต่เขาก็ยังวางใจไม่ได้ว่าคุณยายจะเล่นเกมอย่างมีความสุขตามที่ท่านว่าเอาไว้จริง

แค่ซื้อเสื้อผ้าในเมืองเริ่มต้น ท่านก็ยังโดนหลอกให้เสียเงินซื้อเลย

แล้วอย่างนี้จะให้เขาวางใจปล่อยให้ท่านเล่นต่อไปได้อีกหรือ

ทว่าปฐพีต้องเก็บความคิดนี้ไว้ทีหลังเพราะเขาต้องรีบไปหาเพื่อนต่อ แต่ก่อนจะไปปฐพีหยิบปากกาขึ้นมาพลางลงมือเขียนตัวเลขที่เป็นรหัสลับลงบนป้ายประกาศ แล้วจึงค่อยใช้วิชาตัวเบาพาตัวเองวิ่งหายไปจากที่นั้นอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ


..............

หลังจากที่ราตรีตื่นขึ้นอีกครั้งเธอก็พบว่าตอนนี้เมฆาได้พาเธอมาถึงเหมืองแร่แล้ว และนอกจากนี้เมฆาก็ได้ชักชวนเธอให้เข้ากลุ่มปาร์ตี้ด้วยกัน

“เดี๋ยวพี่จะแบ่งค่าเปอร์เซ็นต์ในการขุดแร่ให้น้องราตรีนะครับ เลเวลของน้องจะได้อัพขึ้นไวๆ แล้วร่างกายจะได้โตเสียที” เมฆาพูดด้วยความหวังดี ก่อนจะพาเธอเข้าไปในถ้ำเหมืองแร่ตรงจุดที่ไม่มีมอนสเตอร์เดินผ่าน เมื่อเข้าไปในถ้ำแล้วเมฆาก็สอนราตรีถึงวิธีการขุดแร่ที่ถูกต้อง ซึ่งมันไม่ยากอะไรเพียงแค่นำอีเตอร์จ่อกับพื้นดินก่อนจะสั่งว่า’ขุดเดี๋ยวนี้’ อีเตอร์ก็ทำการขุดให้โดยที่ราตรีไม่ต้องเหนื่อยแรงอะไรเลยสักนิดเดียว

ครืด!

เสียงอีเตอร์ขุดแร่อย่างหนวกหู

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์จากการขุดแร่ 200 หน่วย”

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์จากการขุดแร่ 100 หน่วย”

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์จากการขุดแร่ 201 หน่วย”

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์จากการขุดแร่ 199 หน่วย”

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์จากการขุดแร่ 205 หน่วย”


เสียงระบบประกาศบอกในหัวราตรีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงค่าประสบการณ์ที่เมฆาขุดก็ได้โอนถ่ายมายังที่เธอนับครั้งไม่ถ้วนด้วย

“ท่านได้เลื่อนระดับพื้นฐานจากเด็กอายุหนึ่งขวบเป็นสองขวบ”

“เอ๋? ฉองขวบแย้ว” ราตรีพูดอย่างแปลกใจก่อนที่แสงสีทองได้ปรากฏขึ้นในตัวของราตรี ซึ่งทำเอาเมฆาหันมามองด้วยความสนใจเพราะพึ่งเห็นความเปลี่ยนแปลงร่างกายของราตรีเป็นครั้งแรก ถึงแม้ราตรีจะสองขวบแล้วแต่ร่างกายกลับยืดขึ้นนิดเดียว

“เดี๋ยวพี่จะขุดให้เร็วกว่านี้นะครับ เราจะได้อัพขึ้นไวๆ” เมฆาบอกพลางเก็บอีเตอร์ที่ใช้ขุดอันแรกกลับเข้ากระเป๋า ก่อนจะหยิบอีเตอร์สีทองออกมาพร้อมกับน้ำยาสีเขียวเข้มซึ่งเมฆาบอกว่าเป็นน้ำยาเพิ่มความเร็ว เมื่อเมฆาดื่มน้ำยาเสร็จก็พลันขุดแร่อย่างเร็วจนราตรีแทบมองไม่เห็นมือของเมฆา

“ท่านได้รับแร่เงินจำนวน 2 ชิ้น”

“ท่านได้รับแร่ดีบุกจำนวน 1 ชิ้น”

“ท่านได้รับแร่เงินจำนวน 3 ชิ้น”

“ท่านได้รับแร่ดีบุกจำนวน 2 ชิ้น”

“ท่านได้รับแร่เงินจำนวน 4 ชิ้น”

“ท่านได้รับแร่ดีบุกจำนวน 5 ชิ้น”

“ท่านได้รับแร่เงินจำนวน 1 ชิ้น”

“ท่านได้รับแร่ดีบุกจำนวน 1 ชิ้น”


ราตรีได้ยินเสียงของระบบประกาศบอก

ขุดเร็วแบบนี้อีกไม่นานก็ขุดแร่ได้ครบตามที่ภารกิจระบุไว้แน่ๆ

เมื่อคิดได้ดังนั้นราตรีก็ตั้งหน้าตั้งตาขุดแร่บ้าง ส่วนมาริโอนั้นเธอให้มันคอยเฝ้าดูความปลอดภัยอยู่รอบๆนอกแทน

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์จากการขุดแร่ 230 หน่วย”

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์จากการขุดแร่ 198 หน่วย”

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์จากการขุดแร่ 233 หน่วย”

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์จากการขุดแร่ 190 หน่วย”

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์จากการขุดแร่ 259 หน่วย”

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์จากการขุดแร่ 201 หน่วย”

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์จากการขุดแร่ 199 หน่วย”

“ท่านได้รับค่าประสบการณ์จากการขุดแร่ 205 หน่วย”

“ท่านได้พัฒนาทักษะการเดินระดับ2, 3, 4”

“ท่านได้พัฒนาทักษะการพูดระดับ11, 12”


ราตรีได้ยินเสียงระบบประกาศถึงกับขมวดคิ้ว ซึ่งเธออยากรู้ว่าทักษะพวกนี้จะอัพไปถึงไหนกันแน่ จึงวางอีเตอร์ลงก่อนจะเปิดหน้าต่างสถานะในช่องทักษะออกมาดูอย่างสงสัย

ทักษะ (SKILL)

            1.พื้นฐานเด็กทารก (1-10)

            -ทักษะการร้องไห้ (10)                 -ทักษะการฟัง (10)

            -ทักษะการมองเห็น (10)              -ทักษะการหัวเราะ (10)

            -ทักษะการคลาน (10)                 -ทักษะการเดิน (4)

            -ทักษะการพูด (12)                     -ทักษะการนั่ง (10)

*ยกเว้นทักษะการพูดที่สามารถอัพถึงระดับ 20

          ทักษะพิเศษ

            -ทำอาหาร (1, 2)

            -ทำสมุนไพร (1)

            -ยั่วประสาท (1)


“ยางอีกนานเลยกว่าที่ทักฉะการพูดจาอัพครบยี่ฉิบ” ราตรีพูดพลางจ้องหน้าต่างทักษะตรงหน้า ซึ่งทำเอาเมฆาที่กำลังขุดแร่อยู่นั้นถึงกับหยุดมือก่อนจะหันมามองหน้าต่างทักษะของราตรีบ้าง

“ทักษะทำอาหารสอง ทักษะทำสมุนไพรหนึ่ง ทักษะยั่วประสาท…เอ นี่น้องราตรีไปยั่วประสาทใครมางั้นหรือครับ” เมฆาพูดพลางเงยหน้าถามราตรีอย่างสงสัย

“ก้อครายชักคนที่อยู่แถวนี้” ราตรีพูดพลางเหล่ตามองไปยังมาริโอที่นั่งอยู่ห่างจากพวกราตรีไม่มากนัก ซึ่งทำเอาเมฆาถึงกับอมยิ้มเมื่อได้รู้ว่าคนที่ราตรียั่วประสาทนั้นเป็นใคร พอคุยเสร็จเมฆากับราตรีก็หันมาขุดแร่ต่อ ซึ่งใช้เวลาอยู่สองชั่วโมงราตรีก็สามารถอัพ ทักษะการเดินครบสิบกับทักษะการพูดได้ครบยี่สิบตามที่มีระบุไว้ในนั้น

“วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับน้องราตรี เพราะตอนนี้มันก็เย็นจวนค่ำแล้ว” เมฆาบอกพลางชะเง้อดูนอกถ้ำซึ่งพระอาทิตย์กำลังตกลับฟ้า

“ฮะท่านพี่” ราตรีตอบก่อนจะเก็บอีเตอร์เข้ากระเป๋าไอเทม “เย็นนี้จะทานอะไรไหมมาริโอ เดี๋ยวข้าจะเป็นคนทำให้”

ราตรีหันไปถามมาริโอด้วยคำพูดที่ชัดถ้อยชัดคำเนื่องจากราตรีได้อัพทักษะการพูดจนครบยี่สิบแล้ว ซึ่งนอกจากนี้ราตรีก็สามารถเดินได้คล่องโดยไม่ต้องกลัวว่าล้มอีก และที่พิเศษกว่านั้นตอนนี้ราตรีได้อัพพื้นฐานเด็กจากสองขวบเป็นหกขวบแล้วด้วย เส้นผมสีเงินก็มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย โดยผมจะหนาแน่นเป็นกระจุกอยู่ด้านบน ยกเว้นด้านข้างและด้านหลังที่ยังสั้นติดหนังหัว

“พี่ว่าเรากับมาริโอไปอาบน้ำก่อนไม่ดีกว่าหรือครับ เดี๋ยวเรื่องอาหารทางพี่จะเป็นคนจัดการให้เอง” เมฆาพูดชิงตัดหน้ามาริโอ ซึ่งทำเอามันถึงกับอ้าปากค้าง

“ก็ได้ฮะ” ราตรีตอบก่อนจะหันไปทางมาริโอ “จะให้ข้าอาบน้ำให้ไหมมาริโอ เนื้อตัวจะได้สะอาด เห็นสกปรกมาหลายวันแล้ว”

“ไม่ต้อง ข้าอาบเองได้” มาริโอแย้งก่อนจะรีบวิ่งไปอาบน้ำที่ลำธารโดยที่ราตรีกับเมฆาได้แต่หัวเราะอย่างขำๆกับความขี้อายของมัน เมื่อมาริโอวิ่งนำไปก่อนแล้ว ราตรีก็ไปอาบน้ำอีกที่หนึ่งซึ่งอยู่คนฟากกับที่มาริโออาบ เมื่อเธออาบน้ำเสร็จแล้วก็หยิบชุดนักผจญภัยขึ้นมาใส่ ซึ่งเป็นความโชคดีของราตรีที่เสื้อผ้านักผจญภัยสามารถยืดขยายตามร่างกายของผู้สวมใส่ จึงทำให้ราตรีใส่แล้วไม่รู้สึกอึดอัด

“อาหารมื้อเย็นนี้คงไม่มี…เอ่อ…ข้าวกับเห็ดหรอกนะฮะท่านพี่เมฆา” ราตรีถามพลางชะเง้อมองหามาริโอแต่ก็ไม่พบ

ให้ตายสิ นี่ยังอาบน้ำไม่เสร็จอีกรึ

“ฮะๆ ไม่มีหรอกครับน้องราตรี” เมฆาตอบพลางหัวเราะอย่างขำขันเมื่อได้ยินคำถามนั้น “เพราะกับข้าวเย็นมื้อนี้พี่ชายทำสตูว์ผักผสมเนื้อปลากับน้ำผลไม้นะครับ”

“เฮ้อ งั้นค่อยยังชั่วหน่อย เพราะผมเองก็ขี้เกียจฟังมาริโอร้องไห้เสียด้วยสิ” ราตรีพูดพลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน

“ฮะๆ พี่ก็ว่างั้นแหละครับ” แล้วพวกเขาก็รอได้สิบนาที มาริโอก็เดินกลับมาพร้อมกับเนื้อตัวที่ชื้นๆ

“ให้ตายสิ อาบน้ำประสาอะไร ไม่รู้จักเช็ดตัวให้แห้ง มานี่ซิมาริโอ เดี๋ยวข้าจะเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้” ราตรีบอกพลางหยิบผ้าเช็ดตัวจากเมฆาที่หยิบยื่นให้ ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าหามาริโอ

“เฮ้ย ไม่ต้อง ข้าเช็ดเองได้นะรัตติ” มาริโอพูดด้วยเสียงตื่นๆ แต่ทว่าราตรีหาได้ฟังไม่ เธอเดินเข้าไปเช็ดตัวให้มาริโอโดยไม่ฟังเสียงคำทัดทานของมันเลยสักนิดเดียว

“ค่ามิตรภาพของท่านเพิ่มขึ้นเป็นระดับ7”

พอสิ้นสุดเสียงระบบประกาศบอก จู่ๆ ร่างกายของมาริโอก็เกิดเปล่งสีทองจ้า ซึ่งทำเอาเมฆากับราตรีต้องเอามือปิดตาอย่างเร็ว

“เนื่องจากค่ามิตรภาพของท่านเพิ่มขึ้นเป็นระดับ7 ทำให้ร่างกายของมาริโอได้รับการพัฒนาขึ้น100%”

เสียงระบบประกาศบอกก่อนที่แสงสีทองจะหายไป ซึ่งพอราตรีกับเมฆาเอามือออก ทั้งคู่ก็แทบตะลึงเมื่อได้เห็นมาริโอเปลี่ยนแปลงไป มือเล็กๆกับแขนสั้นๆได้ปรากฏขึ้นที่ตัวของมัน

“เย้! ในที่สุดเจ้าก็มีมือมีแขนแล้ว ดีใจด้วยนะมาริโอ ทีนี้เจ้าก็ไม่ต้องงอแงเวลาทานข้าวอีก” ราตรีเอ่ยปากชมมาริโอ ซึ่งทำเอาคนถูกชมถึงกับหน้าแดงเป็นมะเขือเทศ

“เห็ดมาริโอได้รับทักษะเกรียนระดับ10”

คราวนี้ทั้งราตรีและเมฆาถึงกับอึ้งไปเมื่อได้ยินเสียงประกาศนั้น

“โห มาริโอเกรียนได้ระดับ10เลย นี่ถ้ามันถือโล่ได้ มันคงเกรียนได้โล่แน่ๆ”

“ท่านพี่เมฆาครับ ทักษะเกรียนนี่คืออะไรเหรอ แล้วมีสูงสุดถึงระดับไหนครับ” ราตรีถามอย่างสงสัย เพราะเธอไม่เคยรู้จักคำว่าเกรียนมาก่อนในชีวิต

“ไม่รู้ดีแล้วล่ะครับน้องราตรี” เมฆาตอบยิ้มๆ “ส่วนระดับของมันก็…”

“ก็ระดับเทพไงล่ะรัตติ อะไรว้า ไม่เคยได้ยินเหรอ เกรียนเทพอ่ะ” มาริโอแทรกขึ้นทันควัน

“แบบนี้แหละครับที่เรียกว่าเกรียน” เมฆาตอบ “ส่วนระดับที่ว่าเทพ น้องราตรีดูมาริโอไปนานๆก็จะเข้าใจไปเอง”

แล้วราตรีก็พลันนึกถึงตอนที่มาริโอพูดเถียงกับบอสกระต่ายยักษ์เมื่อคราวก่อน

หวังว่ายัยแก้วของฉันจะไม่เป็นแบบนี้ลับหลังทวดนะลูก

หลังจากนั้นพวกราตรีก็เริ่มลงมือทานสตูว์ทันที ทีแรกมาริโอถึงกับหวาดระแวงเมื่อเห็นชามข้าวของตัวเอง ซึ่งทำเอาราตรีกับเมฆาหัวเราะอย่างขำๆกับท่าทีของมัน เมื่อทั้งสามทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว เมฆาก็ได้อธิบายถึงเรื่องการเปลี่ยนอาชีพที่ราตรีต้องเก็บค่าประสบการณ์จนกว่าเลเวลของเธอถึงระดับสิบ ซึ่งตอนนี้เธอพึ่งจะเลเวลสองเอง ฉะนั้นเธอยังมีเวลาอีกมากที่จะคิดว่ายึดเล่นอาชีพใดดีถึงจะเหมาะกับเธอที่สุด พอคุยกันเสร็จแล้วต่างแยกย้ายกันเข้านอน โดยราตรีกับมาริโอนอนในเต็นท์เดียวกัน ส่วนเมฆานอนในเต็นท์ของเขาเอง

........................

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ minminmin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ทักษะเกรียนเทพ!?  :laugh:
คุณทวดร่างนี้ท่าจะน่ารักไม่เบาเลยนะคะ 55555555

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 22 ยกแรก

...............

เช้าวันต่อมาหลังจากราตรีลืมตาขึ้นมาแล้ว เธอก็ลุกขึ้นเดินออกมาจากเต็นท์โดยในมือยังจูงมาริโอที่ยังงัวเงียอยู่

“อรุณสวัสดิ์ครับน้องราตรีน้องมาริโอ” เมฆาร้องทักทายอรุณสวัสดิ์ยามเช้ากับพวกราตรี “ไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนนะครับ แล้วค่อยกลับมาทานข้าวเช้านะ”

ราตรีได้ยินที่อีกฝ่ายพูดถึงกับขมวดคิ้ว

พ่อหรือเพื่อนกันแน่ล่ะนี่

เล่นลุกขึ้นมาทำอาหารให้พวกเธอแต่เช้าทุกที


ทว่าด้วยความที่ราตรีเป็นผู้ผ่านโลกมามากจึงไม่คิดจะพูดออกมาให้เสียเพื่อน แล้วราตรีพามาริโอไปอาบน้ำก่อนจะพากลับมาทานข้าวเช้า โดยอาหารมื้อเช้านี้เป็นข้าวต้มร้อนๆซึ่งเหมาะกับอากาศเย็นในช่วงเช้าได้อย่างพอดี เมื่อทั้งสามทานข้าวเช้าเสร็จแล้วก็พากันเข้าไปในถ้ำเหมืองแร่อีกครั้ง ก่อนจะขุดแร่ตามเดิม ซึ่งครั้งนี้มาริโอถูกเมฆาใช้ให้ขุดแร่ด้วยเพราะมันมีมือมีแขนแล้ว และในระหว่างที่พวกราตรีอยู่ในถ้ำนั้น ก็มีเสียงผู้เล่นคนอื่นดังลอดเข้ามา

“นี่หรือถ้ำเหมืองแร่ ดูน่ากลัวยังไม่รู้นะ”

“กลัวเกลออะไร มีข้าอยู่ทั้งคน เจ้าไม่ต้องกลัวไปหรอกคริสตัล” เสียงทุ้มบอก ก่อนจะมีอีกเสียงหนึ่งพูดแทรกว่า

“ใช่แล้วคริสตัล ทั้งข้าทั้งมันต่างมีเลเวลระดับยี่สิบ สามารถสู้กับพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ในถ้ำนี้ได้สบาย เพราะงั้นเจ้าไม่ต้องกลัวว่าเวลาขุดแร่แล้วจะโดนมอนสเตอร์โจมตี”

“งั้นเหรอ ขอบใจมากนะคอเบียร์ งุ้งงิ้ง” เสียงหวานพูดขอบคุณ หากแต่ชื่อที่เสียงหวานพูดนั้นทำเอาราตรี เมฆา และมาริโอถึงกับขมวดคิ้ว

คนอะไรชื่อประหลาด

โดยเฉพาะงุ้งงิ้งนี่ ช่างคิดมาตั้งเป็นชื่อได้อีกนะ!


แล้วเสียงลากเท้าของพวกผู้เล่นกลุ่มนั้นก็ได้เดินเข้ามา ซึ่งมาจ๊ะเอ๋กับพวกราตรีที่ยืนขุดอยู่ใกล้ปากถ้ำ

“อ้าว มีคนมาขุดแร่ก่อนแต่เช้าแล้วรึนี่” ผู้เล่นที่เป็นชายในชุดโจรเดินนำหน้าได้เอ่ยปากพูดทันทีที่เห็นพวกราตรี “ว่ายังไงพวก ขุดแร่ได้กันกี่ก้อน…แล้ว”

แล้วคนพูดก็ชะงักไปเมื่อเห็นใครบางคนยืนอยู่ด้านหลังเด็กผู้ชายร่างเล็กผมสีเงินกับเห็ดมาริโอตัวใหญ่

“หยุดเดินทำไมคอเบียร์ ทำไมไม่เดินต่อล่ะ” ผู้ชายในชุดคลุมสีชมพูเดินเข้ามาทีหลังถามอย่างสงสัย ก่อนจะหันมาเห็นพวกราตรี “อ้าว มีคนอยู่ก่อนแล้วนี่ ขุดแร่ได้กันกี่…ก้อน”

แล้วก็เงียบไปเหมือนคนแรก ซึ่งทำเอาราตรีกับมาริโอมองผู้ชายทั้งสองคนอย่างสงสัย

มันจะหยุดถามไปทำไมกันละนี่

ส่วนผู้หญิงอีกคนที่เดินตามมาทีหลังนั้น พอมาริโอได้เห็นหูกระต่ายที่อีกฝ่ายใส่แล้วถึงกับวางอีเตอร์ลงอย่างไม่รู้ตัว

“อ้าว นั่นคุณเห็ดมาริโอนี่คะ” อีกฝ่ายเอ่ยปากทักก่อน แล้วจึงหันไปมองราตรีอย่างสงสัย “เด็กคนนี้คุ้นๆนะ ใช่คนเดียวกับที่ขี่คอคุณเห็ดมาริโอหรือเปล่าคะ”

“ฉันว่าพวกเราไปเก็บเลเวลข้างนอกกันเถอะ” ผู้ชายในชุดโจรบอกเสียงสั่นก่อนจะดันหลังคริสตัลให้เดินย้อนกลับไป

“อ้าว ไหนว่าจะขุดแร่ก่อนไม่ใช่รึคะ แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจคิดจะไปเก็บเลเวลละคะ” คริสตัลถามอย่างสงสัย แต่ทว่าผู้ชายทั้งสองคนหาได้ตอบไม่ กลับดันหลังหญิงสาวให้ออกไปจากถ้ำอย่างไว

ทำอะไรของเขานะ

ไม่เข้าใจเลยจริงๆ


ราตรีคิดในใจอย่างสงสัย ซึ่งเธอหาได้รู้ไม่ว่าสาเหตุที่ผู้ชายสองคนนั้นรีบออกไปนั้น เป็นเพราะได้เห็นเมฆาผู้เป็นราชาแห่งสมาคมเงาระดับท็อปยืนอยู่ด้านหลังเธอตั้งหาก จึงไม่คิดกล้าจะอยู่อีก เมื่อพวกนั้นไปแล้วพวกราตรีก็รีบขุดแร่ต่อ ซึ่งขุดกันไปได้สองชั่วโมงทั้งสามคนก็นั่งพักยกเอาแรง ราตรีเห็นว่าตอนนี้ไม่รู้จะทำอะไรดีจึงเปิดหน้าต่างสถานะของตัวเองออกมาดูฆ่าเวลาเล่น

ชื่อ ราตรีพิสุทธิ์ (สถานะร่างแปลงมนุษย์)

เลเวล: 2 (EXP: 4900/58003)     อายุ: 6 ปี 0 เดือน (EXP: 10903/37874)

เผ่า: มังกร                                  สถานที่จุติ: พระราชวังส่วนพระองค์เขตการปกครองมังกร

ธาตุ: ?

HP: ?                           

SP: ?

เงินที่มี : 2,000,730 เหรียญ


ราตรีขมวดคิ้วมองหน้าต่างสถานะของตัวเองอย่างสงสัย โดยเฉพาะค่าพลังอย่างพวก HP SP และพลังธาตุที่มีแต่เครื่องหมายคำถามที่เธอดูแล้วไม่เข้าใจ

ถามผู้รู้อย่างเมฆาดีกว่า

“เอ่อท่านพี่เมฆา พลังธาตุนี่ใช่พวกดินน้ำลมไฟหรือเปล่าครับ” ราตรีหันไปถามเมฆาเพราะเรื่องธาตุนี้เธอพอรู้บ้างเล็กน้อยเพียงแต่ไม่แน่ใจเท่านั้น ซึ่งชายหนุ่มที่กำลังนั่งเช็ดอีเตอร์อยู่นั้นก็หยุดมือ ก่อนจะหันมามองราตรี

“ใช่ครับน้องราตรี” เมฆาตอบ “ดินน้ำลมไฟคือธาตุที่ผู้เล่นทุกคนต้องมีอยู่ในตัวตั้งแต่เกิดแล้วยกเว้นแต่พวกธาตุพิเศษจะมีอยู่สองแบบคือมืดกับสว่าง ซึ่งของพี่ได้ธาตุมืดมานะครับ แล้วของน้องราตรีละ ได้ธาตุอะไรมาเอ่ย”

“ไม่มีฮะ” ราตรีตอบ ซึ่งทำเอาคนฟังถึงกับขมวดคิ้ว

“ไม่มีงั้นหรือครับน้องราตรี”

“ฮะ ไม่มี” ราตรีตอบก่อนจะถามต่อ “เอ่อ ของท่านพี่เมฆามีตัวเลขตรงค่าเอชพีกับเอสพีหรือเปล่าฮะ เพราะของผมไม่มีอะไรสักนิดนอกจากเครื่องหมายคำถามนะ”

“อะไรนะครับน้อง ไม่มีงั้นเหรอ!” เมฆาร้องอุทานอย่างตกใจ

“ฮะ ไม่มี”

“งั้นขอพี่ดูหน้าต่างของน้องหน่อยได้ไหมครับ” เมฆาถาม ซึ่งราตรีไม่ตอบแต่กลับผลักหน้าต่างของตัวเองไปให้อีกฝ่ายดู ซึ่งเมฆาก็ก้มหน้าลงมองดูหน้าต่างสถานะของเธอก่อนจะตีสีหน้าเคร่งเครียด “แปลก แปลกจริงๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน”

“อะไรแปลกงั้นหรือฮะท่านพี่” ราตรีถามกลับอย่างสงสัย เมฆาเงยหน้าขึ้นตอบกลับมาว่า

“ก็เพราะตามปกติแล้วทางเกมจะระบุให้ผู้เล่นทุกคนมีธาตุเป็นของตัวเอง แต่ของน้องราตรีกลับไม่มีธาตุอะไรเลย ไหนจะค่าเลือดกับค่ามานาอีก นี่คงจะเป็นเพราะไอดีของน้องมันพิเศษกว่าคนอื่น น้องถึงได้เกิดมาเป็นเด็กทารกและมีอะไรพิสดารเกินกว่าผู้เล่นคนอื่นเคยมียังไงล่ะครับ” พอราตรีได้ยินที่เมฆาพูดถึงกับพยักหน้าอย่างเข้าใจดี

“พี่เชื่อว่าอีกไม่นานน้องราตรีต้องค้นพบพลังธาตุของตัวเองได้อย่างแน่นอน” เมฆาพูดปลอบใจเพราะกลัวราตรีจะคิดมาก “เอาล่ะ ทีนี้พวกเราก็มาขุดแร่กันต่อเถอะ”

“ฮะ”

ราตรีตอบก่อนจะลุกขึ้นขุดแร่ตามเมฆาโดยไม่ลืมที่จะบอกให้มาริโอขุดแร่ต่อด้วย

.............

ย้อนกลับไปทางด้านปฐพีเมื่อวานนี้ เมื่อชายหนุ่มได้เจอกับเพื่อนๆแล้วเขาก็ไม่ลืมเล่าเรื่องที่คุณยายโดนพนักงานเกมหรือจีเอ็มหลอกให้ซื้อเสื้อผ้าในราคาหนึ่งล้านเหรียญ

“โหย ขูดเลือดกันชะมัด แบบนี้ต้องฟ้องลูกเดียว” ศาสตราพูดอย่างฉุนเฉียว

“แล้วคุณยายของนายว่ายังไงล่ะ ท่านจะเอาเรื่องหรือเปล่า” พิภพถามเสียงเรียบ ซึ่งปฐพีได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“ไม่เอาเรื่องงั้นเหรอ!” ศาสตราแผดเสียงลั่นห้อง ซึ่งโชคดีที่พวกเขาสามคนอยู่ในห้องพักของโรงแรมแถมยังเป็นห้องเก็บเสียงด้วย จึงไม่ทำให้เสียงของศาสตราเล็ดลอดออกไปได้ “ไม่ได้นะของแบบนี้ต้องจัดการเสียให้อยู่หมัด ไอ้พวกที่ชอบทำมาหากินหลอกคนแก่ ให้อภัยไม่ได้”

“ใจเย็นๆสิศาสตรา ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ให้อภัยไม่ได้ แต่ถ้าคุณยายของปฐพีไม่เอาเรื่อง พวกเราก็ไปฟ้องร้องไม่ได้หรอกนะ” พิภพพูดพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ซึ่งทำเอาศาสตราชะงัก

“นั่นสิ ฉันก็ลืมไป” ศาสตราพูดเอามือเกาหัว “เฮ้ย แต่พวกนายจะปล่อยให้คนผิดลอยนวลหรือไง ถ้าเกิดมันไปหลอกคนอื่นอีกล่ะจะว่ายังไง มิแย่เลยหรือ”

แล้วความเงียบก็เข้าครอบงำ ทั้งศาสตราทั้งพิภพต่างคิดหาหนทางไม่ออกว่าจะแก้แทนให้คุณยายยังไงดี เพราะฝ่ายคุณยายไม่ได้อยากเอาเรื่องกับพวกเจ้าหน้าที่เกมเลยสักนิดเดียว

“แล้วนายรู้ไหมว่าคนที่หลอกเงินท่านเป็นใครกัน” พิภพถามอย่างสงสัย ซึ่งทำเอาศาสตราพลอยอยากรู้ไปด้วยอีกคน

“อ้อ เรื่องนั้นเห็นท่านว่าเป็นพนักงานฝ่ายเอ็นพีซีที่ชื่อลำไยนะ” ปฐพีตอบพลางถอนหายใจ “ส่วนเรื่องที่อยู่นั้นก็คงไม่พ้นร้านเสื้อผ้าที่อยู่ในเมืองเริ่มต้นนี้แหละ ใช้เวลาหานิดหน่อยเดี๋ยวเดียวก็เจอแล้ว”

“ลำไย? ลำไย เอ ชื่อมันคุ้นๆหูนะ เหมือนเคยได้ยินมาก่อน แต่ที่แน่ๆฉันไม่ค่อยชอบชื่อนี้สักเท่าไหร่ เหมือนเลวร้ายยังไงไม่รู้แฮะ” ศาสตราพูดพลางเอามือเกาหัวอีกครั้ง

“นายเคยเจอลำไยด้วยรึไง ทั้งๆที่พวกเราอยู่บนทวีปหลักมานาน ไม่ได้กลับมาเกาะเริ่มต้นเป็นสิบปีในเกมได้มั้ง” พิภพพูดย้อน “แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่เคยรู้จักจีเอ็มที่ชื่อลำไยเลยสักนิด ไม่แน่ว่าจีเอ็มคนนี้อาจจะเพิ่งทำงานนี้เป็นครั้งแรก ก็เลยไม่รู้กฎของจีเอ็มว่าห้ามใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว”

“แล้วนายคิดจะทำยังไงต่อไปล่ะปฐพี ฟ้องร้องเอาความก็ไม่ได้แล้วด้วย” ศาสตราหันไปถามเพื่อนที่กำลังนั่งใช้ความคิดอยู่เงียบๆ ซึ่งปฐพีไม่ได้ตอบคำถามของศาสตราเดี๋ยวนั้น กลับนั่งครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ซึ่งปกติปฐพีไม่ค่อยจะยิ้มอยู่แล้ว พอได้ยิ้มออกมา ทำให้คนที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสเห็นรอยยิ้มของปฐพีเกิดรู้สึกขนลุกขนพอง

ปฐพียิ้ม!

แถมยิ้มแบบมีเลศนัยเสียด้วยสิ!


“ฉันพอนึกวิธีจัดการดีๆออกแล้วล่ะ รับรองว่าเรื่องไม่แดงถึงหูท่านแน่” ปฐพีพูดไปแสยะยิ้มไป ก่อนจะกวักมือเรียกทั้งคู่ให้เข้ามาฟังแผนการอันร้ายกาจของเขาใกล้ๆ


...................

“ฮัดชิ้ว!”

เสียงจามดังลั่นจากปากราตรี ทำเอาอีกสองร่างเงยหน้าขึ้นมามอง

“สงสัยอากาศในถ้ำจะเย็นไป พี่ชายว่าเราน่าจะเอาเสื้ออีกตัวมาใส่ทับอีกชั้นไม่ดีกว่าหรือครับ” เมฆาถามด้วยความเป็นกังวล หากแต่ราตรีส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่เป็นไรฮะ จามแค่นี้สบายมาก”

“งั้นดื่มนมร้อนนี่หน่อยไหมรัตติ เผื่อร่างกายในตัวของเจ้าจะได้อุ่นขึ้น” มาริโอพูดพลางยกแก้วนมขึ้นมา ซึ่งผู้ชงนมนี้จะเป็นใครไม่ได้นอกเสียจากเมฆา

“เอาก็ได้ ขอบใจเจ้ามากนะมาริโอ” ราตรีพูดขอบคุณก่อนจะหยิบแก้วนมที่มาริโอยื่นมายกขึ้นจิบเล็กน้อย ตอนนี้เธอ เมฆา และมาริโอได้พักทานข้าวกลางวันในถ้ำ โดยอาหารมื้อนี้ราตรีขอเป็นผู้ลงมือทำเอง ซึ่งทีแรกเมฆาแปลกใจที่เห็นว่าน้องราตรีเอ่ยปากว่าจะทำอาหารให้กิน ทว่าพอได้เห็นตอนราตรีทำแล้วถึงกับยกนิ้วให้ เพราะฝีมือการทำอาหารของราตรีนั้นเทียบขั้นมืออาชีพที่จากวงการไปเสียนาน

“ไม่เป็นไร” มาริโอตอบพลางเขี่ยกระเทียมไว้ข้างขอบจาน ซึ่งเหลือแต่เนื้อกับผักบุ้งที่ยังคงอยู่ในจาน “ว่าแต่เจ้าทำอาหารได้เยี่ยมจริงๆนะรัตติ ไอ้ผัดผักบุ้งนี่ อร่อยสุดยอด”

“อร่อยก็ทานเข้าไป แต่ทีหลังอย่าเขี่ยกระเทียมออกได้ไหม”

“ก็ข้าไม่ชอบนี่” มาริโอบ่นพึมพำ “มันเหม็นจะตายชัก”

“ถ้าไม่ชอบก็เอามาให้ข้า” ราตรีบอกก่อนจะใช้ช้อนตักกระเทียมที่อยู่บนขอบจานนั้นออก แล้วนำมันมาใส่จานของตัวเอง ซึ่งความเป็นกันเองของราตรีกับมาริโอนั้นทำให้เมฆารู้สึกอิจฉานิดๆ เพราะคราวก่อนหน้าที่เขาจะได้ออฟไลน์ออกจากเกมไปนั้น มาริโอกับราตรีไม่ได้สนิทกันถึงขั้นนี้เลยด้วยซ้ำ

สงสัยคงเป็นเพราะเวลาที่ช่วยให้สองคนนั้นได้เข้าใจกันกระมัง

เมฆาคิดในใจ หากแต่พอคิดถึงความผิดของตัวเองแล้วก็แทบกลืนอาหารไม่ลง

แกรก!

เสียงช้อนส้อมถูกรวบเข้าหากัน ทำให้ราตรีได้ยินถึงกับหันไปมอง

“อิ่มแล้วหรือฮะท่านพี่เมฆา ข้าวยังไม่หมดจานเลยนะฮะ” ราตรีถามพลางมองชายหนุ่มอย่างสงสัย ซึ่งเมฆาเงยหน้าก่อนจะส่งยิ้มตอบไปว่า

“พอดีเมื่อเช้าพี่ชายทานข้าวมากไปหน่อยนะครับ ตอนนี้ก็เลยไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”

“งั้นเหรอฮะ”

เมื่อเมฆาบอกว่าไม่หิวแล้ว ราตรีก็ไม่คิดจะถามต่อให้เสียมารยาท หากแต่ขอข้าวที่เหลือจากในจานของเมฆามาแบ่งให้มาริโอได้ทานต่อ พอราตรีกับมาริโอทานข้าวเสร็จแล้ว ก็เริ่มลงมือขุดแร่กันต่ออย่างสนุกสนาน ซึ่งผิดกับที่เมฆายังคงกลุ้มใจกับเรื่องพ่อของตัวเองอยู่เกือบตลอดเวลา

จะบอกเรื่องที่พ่อของน้องราตรีถูกพ่อของเราลักพาตัวไปดีไหมหนอ เมฆาคิดในใจอย่างกลัดกลุ้ม ก่อนจะแอบลอบมองใบหน้าของน้องราตรีที่กำลังขุดแร่กับมาริโอด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข หากเขาบอกเรื่องนั้นให้อีกฝ่ายรู้แล้วล่ะก็ ใบหน้ารอยยิ้มอันสดใสนี้ก็จะหายไปแน่ แล้วมิตรภาพระหว่างเขากับน้องราตรีมีอันได้ขาดสะบั้นตลอดกาล

เมฆาคิดในใจก่อนจะส่ายหน้าให้กับความคิดของตัวเอง

ขออยู่อย่างนี้ไปอีกสักพักแล้วกัน…

เพราะถ้าหากถึงเวลานั้นจริงแล้ว…

เขาจะขอรับโทษทุกอย่างโดยไม่ขัดข้องแม้แต่นิดเดียว!


..............

ย้อนไปในเมืองตอนเช้าของวันนี้ ขณะที่พวกราตรีกำลังขุดแร่อยู่ในถ้ำเหมืองแร่นั้น ทางลำไยที่เพิ่งจะตื่นนอนตอนเช้า ก็รีบทำภารกิจส่วนตัวเสร็จก่อนจะเปิดรีบเปิดร้านทันที

“ฮ้า อากาศตอนเช้าในเกมนี่ช่างสดชื่นเสียจริง” ลำไยพูดในขณะที่เปิดประตูร้าน เมื่อเปิดเสร็จแล้วก็ทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในร้านแต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อมีมือปริศนาเข้ามาแตะไหล่ ซึ่งทำให้ลำไยขมวดคิ้วก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของมือปริศนานี้

“ขอโทษนะครับ ที่ร้านนี้รับซื้อเสื้อผ้าชั้นดีหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มและราบเรียบถาม ก่อนจะเผยให้เห็นชายหนุ่มหน้าเข้มสูงใหญ่ ทั้งนัยน์ตากับเส้นผมเป็นสีดำดูเรียบง่าย หากแต่ชุดที่สวมใส่กลับเป็นชุดคลุมมอซอราวกับยาจก

ว้ายอกอีแป้นจะแตก ผู้ชายอะไร้ หล่อก็หล่อ แถมยังล่ำอีกตั้งหาก

สงสัยจะเป็นพวกเผ่ายักษ์


แล้วลำไยก็พลันเปลี่ยนสีหน้ายิ้มการค้า

“ใช่แล้วฮ้า ที่ร้านนี้รับซื้อผู้ชาย เอ้ย เสื้อผ้าทุกอย่างเลยพ่อหนุ่ม” ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทำท่าสะดุ้งตกใจทันทีที่ได้ยินลำไยพูด ซึ่งลำไยเห็นแต่หาได้สนใจไม่

“งั้นก็ดีเลยครับ เพราะผมเดินตามหาร้านรับซื้อเสื้อผ้าอยู่ตั้งหลายวันแล้ว” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงยินดี

“ฮ้าพ่อหนุ่ม งั้นก็เข้าไปคุยกันในร้านดีกว่านะ เพราะถ้าคุยกันข้างนอกคงจะไม่สะดวก” ลำไยบอกพลางผายมือไปยังในประตู ซึ่งชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปตามคำเชิญ แล้วลำไยก็รีบเข้าไปตามโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูด้วย “ไหนละฮ้าเสื้อผ้าที่จะให้ลำไยช่วยซื้อนะ”

ลำไยถามทันทีที่เข้าไปในร้านแล้ว ซึ่งชายหนุ่มพยักหน้าพลางหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า ก่อนจะเผยให้เห็นชุดคลุมนักเวทย์สีดำทมิฬ

“นี่แหละครับเสื้อผ้าที่ผมต้องการจะขาย พอดีผมดรอปได้มาจากพวกยักษ์ที่อยู่ในเมืองยักษ์นะครับ” ชายหนุ่มบอกก่อนจะรีบพูดต่อ “แต่ตอนนี้ผมขอฝากเสื้อคลุมนักเวทย์ไว้กับคุณ…เอ่อ ลำไยก่อนจะได้ไหมครับ เพราะผมต้องรีบไปทำภารกิจ เดี๋ยวอีกสองชั่วโมงเพื่อนของผมที่อยู่แถวนี้จะมาคุยเรื่องเสื้อผ้าด้วย”

“ได้สิฮ้าตะเอง แต่ก่อนอื่นต้องเซ็นชื่อฝากเสื้อผ้าที่จะขายไว้ด้วยนะ เพราะถ้ามาฝากโดยไม่เซ็นชื่อไว้ก่อน ทางลำไยจะไม่รับผิดชอบนะฮ้า” ลำไยบอกพลางหยิบใบสัญญาที่อยู่ใต้เคาน์เตอร์ออกมาให้ชายหนุ่มได้เซ็น ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะรีบลงมือเซ็นชื่อ “ตะเองอย่าลืมใบสำเนาสัญญานี้ส่งไปให้เพื่อนด้วยนะฮ้า เพราะเวลาเพื่อนของตะเองมาที่ร้านนี้แล้วเดี๊ยนจะได้รู้ว่าเป็นใคร”

“ครับๆ” ชายหนุ่มตกปากรับคำก่อนจะหยิบใบสำเนาสัญญารับของแล้วรีบเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำเอาลำไยนึกเสียดายที่ไม่ได้ขอเบอร์โทรจากชายหนุ่มเอาไว้ แล้วเวลาก็ได้ผ่านไปอีกสองชั่วโมง เสียงบานประตูก็ได้ถูกเปิดอีกครั้ง

“ยินดีต้อนรับฮ้า” ลำไยกล่าวทักทายกับลูกค้าโดยไม่หันไปมองเพราะกำลังจัดเรียงเสื้อผ้าอยู่

“ผมมาคุยเรื่องเสื้อผ้าที่เพื่อนของผมฝากคุณลำไยไว้ครับ” เสียงทุ้มของลูกค้าพูด ซึ่งทำให้ลำไยต้องรีบหันกลับไปดู ก่อนจะตกตะลึงเมื่อได้เห็นชายหนุ่มผิวสีแทนผมสีทองสั้นเกรียนในมาดชุดนักรบสีดำ

อุ้ย หล่อเข้มสมชายชาตรี ถูกใจเด๋อฮ้า

ลำไยคิดอย่างเป็นปลื้มก่อนจะรีบเช็ดน้ำลายที่หกอยู่มุมปากของตัวเอง

“ถ้างั้นเดี๊ยนขอดูใบสำเนาสัญญาของเพื่อนตะเองหน่อยนะ” ลำไยพูดพลางแบมือออกมา ซึ่งอีกฝ่ายได้ยินดังนั้นก็หยิบใบสำเนาสัญญาขึ้นมาก่อนจะวางมันลงบนมือของเธอ ทว่าพอชายหนุ่มส่งให้ถึงมือแล้ว ลำไยกลับจับมือของชายหนุ่มซะแน่น “อุ้ย มือใหญ่จังนะตะเอง”

ชายหนุ่มผู้แสนโชคร้ายเมื่อถูกลำไยจับมือด้วยแล้ว กลับรีบสะบัดมือนั้นออกอย่างไวก่อนจะตีสีหน้าเย็นชาใส่ ซึ่งทำเอาลำไยนึกเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ยอมเล่นด้วยกับเธอ

ว้า เสียดายจัง

ลำไยได้แต่คิดในใจก่อนจะเช็คดูใบสำเนาสัญญา ซึ่งมันก็เป็นใบเดียวกับที่ชายหนุ่มคนแรกเอาไป

“เรื่องเสื้อคลุมที่เพื่อนผมเอามาฝาก คุณลำไยคิดว่ายังไงครับ” ชายหนุ่มพูดเกริ่นเข้าเรื่อง

“อือฮึ เดี๊ยนก็คิดว่ามันเป็นเนื้อผ้าที่ดีเหมือนกันนะฮ้า แต่…” ลำไยพูดพลางหยิบผ้าคลุมนักเวทย์สีดำขึ้นมาดูอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าตอบกลับไปว่า “ดูเหมือนการป้องกันจะสูงไปหน่อย แถมในช่วงนี้ผู้เล่นหน้าใหม่ส่วนมากจะยังระดับต่ำกันทั้งนั้น ก็เลยไม่มีใครมาซื้อเสื้อคลุมนักเวทย์ระดับสูงกันซักคน เดี๊ยนคิดว่าราคาที่จะรับซื้อก็อย่างมากแค่…ห้าพันเหรียญฮ้า”

คำพูดของลำไยทำเอาชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้ว

“แค่ห้าพันเหรียญไม่น้อยไปหรือครับ” ชายหนุ่มพูดพลางก้มหน้าหรี่ตามองต่ำลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเข้ม “กดราคาแบบนี้มันไม่คุ้มทุนกับที่เพื่อนผมได้มาเลยนะครับ…คุณลำไย”

“ใครว่าเดี๊ยนกดราคาซื้อละฮ้า นี่เห็นว่าหาที่รับซื้อเสื้อคลุมไม่ได้ เดี๋ยนก็เลยเพิ่มราคาให้มากกว่าเท่าตัว เพราะถ้าเปรียบกับทวีปหลักแล้ว ราคาห้าพันนี้หารับซื้อที่ไหนไม่ได้อีกนะตะเอง” ลำไยบอกแต่ในใจกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น

โฮะๆ ด้วยราคาห้าพันเหรียญสำหรับชุดคลุมนักเวทย์ธาตุไฟที่ดรอปได้จากพวกยักษ์แล้วนี่ ถือว่าน้อยเอามากๆ ถ้าเปรียบกับราคารับซื้อจากในทวีปหลักแล้ว ก็ปาห้าหมื่นเหรียญไปแล้วด้วยซ้ำ ลำไยคิดในใจก่อนจะมองอีกฝ่ายที่ใส่ชุดเกราะนักรบ ซึ่งที่เอวถูกคาดด้วยเข็มขัดราคาแพงแสนแพง เอ แต่ดูท่าผู้ชายคนนี้จะเป็นผู้เล่นระดับสูงแฮะ คงจะหลอกฟันราคาไม่ได้ง่ายๆซะแล้ว

ลำไยคิดก่อนจะพูดใหม่ว่า

“เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวเดี๊ยนจะเพิ่มราคารับซื้ออีกเท่าตัวให้นะฮ้า” ลำไยพูดจบก็รีบหยิบเครื่องคิดเลขขึ้นมาคำนวณใหม่ ก่อนจะโชว์ตัวเลขบนเครื่องคิดเลขให้ชายหนุ่มดู “สักหมื่นเหรียญเป็นยังไงตะเอง”

ชายหนุ่มมองตัวเลขพลางขมวดคิ้ว

“ผมว่ามันยังน้อยไปอยู่ดีนะครับคุณลำไย” อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ขอเพิ่มเป็นสองหมื่นเหรียญไม่ได้หรือครับ เพราะเพื่อนของผมตอนนี้กำลังลำบากเรื่องเงินมากๆ”

ลำบากเงินแล้วทำไมตะเองไม่ช่วยเพื่อนละย่ะ!

ลำไยด่าทอชายหนุ่มในใจอย่างฉุนเฉียว หากแต่อีกฝ่ายเป็นถึงหนุ่มหล่อที่นานครั้งจะโผล่เข้ามาร้านเธอบ้าง ลำไยจึงคลายโกรธไปส่วนหนึ่งก่อนจะส่งยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมกับพูดว่า

“ก็ได้ฮ้าตะเอง สองหมื่นเหรียญก็สองหมื่นเหรียญ นี่ถ้าไม่ใช่เพราะตะเองเป็นคนหล่อถูกใจเดี๊ยนแล้วล่ะก็ เดี๊ยนคงไม่ยอมเพิ่มให้ง่ายๆแบบนี้หรอก”

สุดท้ายแล้วลำไยก็รับซื้อเสื้อคลุมนักเวทย์จากชายหนุ่มด้วยราคาสองหมื่นเหรียญ

“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับคุณลำไย”

แล้วชายหนุ่มผิวสีแทนในชุดเกราะสีดำก็จรลีจากลำไยไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ลำไยพลาดที่จะขอเบอร์โทรจากชายหนุ่มเป็นครั้งที่สองไปอีกจนได้

..................................

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 23 เดชอีลำไย

.............

แล้วเวลาก็ผ่านไปได้สองชั่วโมง ลำไยก็ลืมเรื่องราวของชายหนุ่มไปจนหมดสิ้นเพราะต้องหันมาเร่งมือเย็บผ้าของราตรีพิสุทธิ์ให้เสร็จภายในวันนี้ ซึ่งโชคดีที่ช่วงบ่ายไม่มีลูกค้าเข้ามา จึงทำให้ลำไยนั่งเย็บผ้าได้อย่างสบายใจ

แอ๊ด!

เสียงบานประตูได้ถูกเปิดออกอีกครั้ง ซึ่งทำเอาลำไยรีบเก็บผ้ารวมถึงอุปกรณ์ทั้งหมดยัดเข้าตู้ก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากนอกห้องเพื่อต้อนรับลูกค้า

“ยินดีต้อนรับฮ้า” ลำไยกล่าวทักทายลูกค้าก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นลูกค้าเต็มสองตา เด็กหนุ่มหน้าละอ่อนวัยสิบห้าสิบหกผู้มีนัยน์ตาสีเขียวด้านขวาเพียงข้างเดียวมาในมาดชุดนักธนูที่แสนจะเรียบง่าย หากแต่ใบหูทั้งสองข้างกลับแหลมยื่นออกมาให้เห็นเด่นชัด

กรี๊ด คราวนี้เป็นหนุ่มเอลฟ์หรอกรึนี่ ลำไยคิดในใจอย่างเป็นปลื้มที่เธอได้เจอผู้ชายหน้าตาดีถึงสามคนภายในวันเดียวกัน เห็นทีต้องต้อนรับลูกค้าให้ดีซะหน่อยแล้ว...โฮะๆ

ทว่าเด็กหนุ่มยืนตาเบิกกว้างไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

โฮะๆ คงปลื้มกับความงามของเดี๊ยนจนพูดอะไรไม่ออกสินะ

ลำไยคิดเข้าข้างตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ ซึ่งทำเอาเด็กหนุ่มผงะ

“จะซื้ออะไรฮ้าหนุ่มน้อย ถ้าเป็นพวกเสื้อผ้าก็เดินเลือกเอาได้เลยนะตะเอง” ลำไยบอกพลางส่งยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เธอคิดว่ามันน่ารักสุด แต่อีกฝ่ายกลับหน้าซีดเหงื่อตกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “หรือว่าจะชวนเดี๊ยนไปออกเดทล่ะฮ้าพ่อหนุ่ม”

“ระ…รู้ได้ยังไงว่าผมจะมาชวนคุณลำไยไปเที่ยวนะครับ ผมยังไม่ได้บอกสักคำเดียว” อีกฝ่ายตอบเสียงเลิ่กลั่ก ซึ่งทำเอาลำไยอึ้งอย่างไม่เชื่อสายตา เพราะตั้งแต่เกิดมาสิ่งมีชีวิตเยี่ยงลำไยไม่เคยมีใครชวนออกเดท มีแต่ถอยห่างแล้วเดธทั้งนั้น แถมเมื่อครู่นี้เธอก็แค่พูดแหย่เล่นๆ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาชวนเธอไปเดทจริงๆ

สงสัยต้องขอบคุณพระเจ้าให้มากๆเสียแล้ว

ลำไยคิดในใจก่อนจะฉีกยิ้มหวาน

“บอกไว้ก่อนนะตะเองว่าเดี๊ยนไม่ได้ขายตัว” ลำไยแสร้งพูดหยิ่งๆ “แล้วอีกอย่างเดี๊ยนเป็นเจ้าหน้าที่เกมฝ่ายเอ็นพีซี คงจะรับซื้อขายบริการทางเพศไม่ได้ แต่ถ้าเป็นนอกเกมก็ว่าไปอย่าง เอ้ย ไม่ใช่ๆ บอกไว้ก่อนนะว่าเดี๊ยนจะไม่ไปเที่ยวกับหนุ่มแปลกหน้าอย่างตะเองด้วยนะฮ้า”

“เรื่องนั้นผมทราบดีครับ แต่พอดีเพื่อนของผมรู้จักกับคุณลำไยด้วยนะครับ”

“รู้จักเดี๊ยน?” ลำไยขมวดคิ้วพลางนึกสงสัยว่าเพื่อนของอีกฝ่ายรู้จักเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เพราะเธอเอาแต่ทำงานอยู่ในร้าน แทบไม่ได้ออกไปเก็บเลเวลข้างนอกเลยด้วยซ้ำไป

“ครับรู้จัก” อีกฝ่ายตอบก่อนจะพูดต่อ “คุณลำไยจำผู้ชายสองคนที่มาขายเสื้อคลุมนักเวทย์ธาตุไฟในราคาสองหมื่นเหรียญได้ไหมครับ นั่นพวกเพื่อนๆของผมเอง”

ว้ายตาเถร นี่พวกเขาเป็นเพื่อนกันหรอกรึ

ลำไยคิดอย่างตะลึงก่อนจะตอบกลับไปว่า

“อ้อ ถ้าเป็นสองคนนั้นเดี๊ยนจำได้ดีไม่มีลืมหรอกฮ้า” คำตอบของลำไยทำเอาอีกฝ่ายยิ้มรับ

“งั้นก็ดีเลยครับ เพราะเพื่อนของผมต้องการจะขอโทษคุณลำไยที่พูดต่อราคามากเกินไป พวกเขาก็เลยวานให้ผมมาชวนคุณลำไยไปเดทน่ะครับ”

เด็กหนุ่มพูดพลางโน้มตัวลงก้มหน้าโดยผายมือไปด้านประตูราวกับเชื้อเชิญให้ลำไยออกไปข้างนอกด้วยกัน ซึ่งทำเอาลำไยแทบตัวลอยกับการกระทำของเด็กหนุ่ม

เชิญชวนกันแบบนี้ บอกไม่ไปคงไม่ได้แล้วล่ะ!

“ตกลงฮ้า เดี๋ยวเดี๋ยนจะไปเที่ยวด้วย แต่ขอเก็บของที่ร้านให้เรียบร้อยก่อนนะฮ้า” ลำไยพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นก่อนจะหายเข้าร้านไป ซึ่งหารู้ไม่ว่าเด็กหนุ่มที่ก้มหน้าอยู่นั้นกำลังแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจกับผลงานของตัวเอง ทว่าเมื่อนึกตอนที่ต้องบอกว่ามาชวนมันเดทแล้ว อาหารที่พึ่งกินเข้าไปไม่นาน แทบจะทะลักออกมาจากปาก

................

เมื่อลำไยปิดร้านเสร็จแล้ว เด็กหนุ่มหน้าหวานก็พาเธอออกเดินนำหน้าทันที

“ว่าแต่พวกเพื่อนของตะเองจะพาเดี๊ยนไปสนุกกันที่ไหนหรือฮ้า” ลำไยถามอย่างสงสัย

“เดี๋ยวก็รู้เองครับ” อีกฝ่ายตอบโดยไม่หันหน้ากลับมา “คุณลำไยตามผมมาก็แล้วกัน แต่ในระหว่างนี้คุณลำไยช่วยเดินเงียบๆหน่อยนะครับ เพราะผมจะพรายกระซิบบอกพวกเพื่อนๆว่ากำลังพาคุณลำไยไปหาพวกเขาแล้ว”

“ได้สิฮ้าตะเอง” แล้วลำไยก็เงียบเสียงไปโดยเอาแต่เดินตามหลังเด็กหนุ่มอย่างเงียบๆ ซึ่งไม่นานนักเด็กหนุ่มก็ได้พาลำไยเดินออกนอกเมืองไป ทำเอาคนเดินตามหลังนึกสงสัย “เอ่อตะเอง นี่ยังไม่ถึงอีกเหรอฮ้า”

ลำไยถาม ซึ่งเด็กหนุ่มก็ตอบกลับมาว่า

“อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้วครับคุณลำไย”

พอได้คำตอบแล้วลำไยก็ไม่คิดจะถามต่อให้มากความเพราะกลัวว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะเปลี่ยนใจไม่พาเธอไปสนุกให้สุดเหวี่ยงเสียก่อน แล้วเด็กหนุ่มก็พาลำไยเดินไปได้ครึ่งชั่วโมงจนกระทั่งถึงหน้าเขตชายแดนป่าเอลฟ์ เด็กหนุ่มที่เดินนำก็หยุดเดินกะทันหัน ซึ่งทำเอาคนตามหยุดเดินไม่ทันจึงชนเข้าที่แผ่นหลังอย่างจัง

“ตะเองก็ คิดจะหยุดเดินก็บอกกันก่อนสิฮ้า” ลำไยบ่นพลางเอามือลูบหน้า ก่อนจะหันซ้ายหันขวาหาอีกสองร่างที่คาดว่าน่าจะรออยู่แถวบริเวณนี้ “แล้วไหนล่ะเพื่อนๆของตะเอง เดี๊ยนไม่ยักเห็นจะมีเลยสักคนเดียว นี่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าเดี๊ยนไม่ชอบการรอคอย จะหมู่หรือเดี่ยวก็เข้ามา เดี๊ยนชอบหมด… หรือจะให้เดี๊ยนเป็นฝ่ายรุกก็”

ลำไยพูดไม่ทันจบก็เห็นแสงสะท้อนจากคมอาวุธออกมา จึงรีบกระโดดหลบอย่างเร็ว

วืด!

ลวนลามเฉียบพลัน!

แล้วร่างของลำไยก็พลันหายไปอยู่ด้านหลังเด็กหนุ่มอย่างเร็ว ก่อนจะใช้มือบีบหมับเข้าที่บั้นท้าย จากนั้นก็เข้ากอดรัดเด็กหนุ่มพร้อมกับระดมจูบไปทั่ว ซึ่งทำเอาผู้ถูกลอบโจมตีถึงกับร้องโหยหวน

“ว้าก! ใครก็ได้ช่วยด้วย!!”

“โฮะๆ ถึงร้องไปก็ไม่มีใครช่วยตะเองได้แล้วนะฮ้า แหมตะเองชอบรุนแรงก็ไม่บอกแต่แรก มามะ มาสนุกกันให้สุดเหวี่ยง” ลำไยพูดด้วยน้ำเสียงสนุกสนานที่ได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงเด็กหนุ่ม ซึ่งในขณะเดียวกันพิภพกับปฐพีที่ยืนหลบซ่อนอยู่นั้น ต่างเถียงกันหน้าดำหน้าแดงว่าใครจะเป็นคนออกไปช่วยเพื่อน

“นายเข้าไปช่วยศาสตราเร็ว”

“เฮ้ย นายเป็นเผ่ายักษ์ปล้ำกับมันได้สูสีนะพิภพ”

“แต่นายเป็นมนุษย์คล่องตัวกว่าฉันนะ”

“พวกคุณมึงทั้งสองคร้าบ ช่วยกูก่อนสิคร้าบ กูจะกลายเป็นเมียของมันอยู่แล้วคร้าบ”

เสียงร้องอย่างโหยหวนของศาสตราทำให้พิภพรีบปราดเข้าไปช่วยอย่างเร็ว โดยมีปฐพีที่วิ่งตามมาทีหลัง

สวบ!

เสียงอาวุธเสียบเข้ากับอะไรบางอย่าง ซึ่งทำให้นัยน์ตาสองข้างของลำไยถึงกับเบิกกว้าง ก่อนที่จะหันมามองบุรุษร่างยักษ์ผู้ลอบโจมตีมันด้วยนัยน์ตาแวววับ

เฮือก

เพียงแค่สบตาพิภพก็ถึงกับผวาจนมือไม้สั่น แต่ด้วยความรักตัวกลัวตุ๊ดผนวกกับความรักเพื่อนทำให้พิภพต้องจำใจเข้าแลกกับมันอย่างเลี่ยงไม่ได้

เอาวะ เสร็จงานนี้ พ่อจะออกเกมตะลุยอ่างล้างซวยให้สะเด็ดไปเลย

จากนั้นพิภพก็เงื้ออาวุธของตนแล้วเหวี่ยงใส่เป้าหมายอย่างสุดกำลัง แต่ลำไยมิได้อยู่ตรงนั้นแล้ว มีเพียงศาสตราที่เข่าอ่อนล้มระทวยกองพังพาบกับพื้น ในเสี้ยววินาทีที่คมขวานพุ่งผ่านศีรษะไปอย่างน่าใจหาย

“อะฮ้า พ่อร่างยักษ์ ล่ำๆ เก๋ไก๋สไตล์Kแบบนี้ ลำไยชอบมากฮ่ะ” ไม่ทันการเสียแล้ว ลำไยอาศัยจังหวะที่พิภพโจมตีพลาด รุกเข้าประชิดวงในและเปิดฉากการต่อสู้แบบมวยปล้ำในทันที โดยเฉพาะทั้งคู่ที่มีร่างกายใหญ่โตและบึกบึนพอๆ กัน เพียงแต่ศิลปะการปล้ำที่ออกมานั้น ช่างต่างจากที่ปรากฏในโทรทัศน์เสียนี่กระไร ด้วยฝ่ายหนึ่งปล้ำเพื่อเอาชีวิตรอด แต่อีกฝ่ายหนึ่งปล้ำเพื่อหมายลิ้มรสข้าวเหนียวถั่วดำ ซึ่งไม่ช้าก็เริ่มรู้ผล

“แว้ก ไม่อาว แม่จ๋า ช่วยหนูด้วย”

“อย่าดีดดิ้นนักสิฮ้า พ่อล่ำยอดรัก”

“ม่าย”

“ยาราไนก๊า”

“Nooooooo”

อูบุนตู้!!!

เพียงแค่ได้ยิน พิภพ และปฐพีก็เย็นวาบถึงสันหลัง แน่นอนว่าทักษะนี้เป็นสุดยอดของยอดทักษะที่ใช้ประหารชายชาตรีมานับไม่ถ้วน ด้วยเกรงว่าเพื่อนรักจะค้นพบตัวเองเข้าเสียก่อน ปฐพีจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดทันที

คุณยายครับ ปกป้องผมด้วย ลูกแก้วจ๋า พ่อรักหนู

“มาหาข้านี่!”

ทักษะกระตุ้นความกระหายสู้ ทักษะประจำอาชีพของเหล่าอัศวินถูกนำมาใช้อย่างไม่ต้องลังเลอีกต่อไป ที่สำคัญด้วยรูปร่างหน้าตาและเพศของปฐพี ต่อให้ใช้ทักษะที่เลเวล1 ก็เพียงพอสำหรับการกระตุ้นความสนใจจากกระเทยตกมัน ที่เวลานี้กำลังติดผลของทักษะกระหายชายหนุ่มที่ระดับสูงสุด เพียงแต่ไม่ใช่ความกระหายสู้อย่างที่คิดแต่เป็นความกระหายถั่วดำ

“หยึย”

ผัวะ!

โล่ของปฐพี ตบเข้าใส่ที่ใบหน้าของลำไยอย่างรุนแรง แต่น่าแปลกที่มันกลับไม่ติดสถานะมึนงง หรือขึ้นค่าความเสียหายเป็นตัวเลขเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่ามันเป็นอมตะก็ไม่ปาน

“โฮะๆๆ ตบอีกสิฮ้า หนุ่มน้อย เข้ามาตบตีอีลำไยอีก มา เข้ามา” น้ำเสียงที่เปล่งออกมา กับเสียงลมหายใจที่ฟืดฟาดราวกับวัวกระทิง สร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับลำไยเป็นทวีคูณ

“ฉิบแล้วไง ลืมไปเลยว่ามันเป็นจีเอ็ม รู้แบบนี้เชื่อคุณยายแต่แรกก็ดีแล้ว”

“อ๊ากกก” ปฐพีถึงกับร้องเสียงหลง เมื่อพบว่าลำไยขณะนี้กอดรัดเขาไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมๆกับริมฝีปากที่กำลังซุกไซร้ไปมาจนเขาถึงกับขนลุกและหมดแรงในพริบตา ในขณะที่ลำไยเปิดใช้ทักษะจู่โจมเขาด้วยการลวนลามเป็นคอมโบ

“เฮ้ย พิภพ ศาสตรา ได้สติหน่อยโว้ย มาช่วยกันหน่อย ว้าก” สิ้นเสียง การตะลุมบอนแบบมวยหมู่ 3-1 ก็เกิดขึ้น ท่ามกลางความโกลาหลภายในหน้าจอมอนิเตอร์ด้านนอก ดนัยเทพ ปริญ และคนอื่นๆ กำลังยืนมองดูด้วยความขบขัน ทำให้บรรยากาศของการทำงานในวันนี้จึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะราวกับได้ชมรายการตลกชั้นเยี่ยม

“ฮะๆๆ ดนัยเทพ นาย ฮะๆ โอย ขำ นายไม่รีบจัดการให้เรียบร้อยล่ะ”

“ฮะๆๆ ก็มัน ฮะๆๆๆ ขำนี่หว่า เอ้า มันฝรั่ง”

ดนัยเทพกล่าวตอบพลางหัวเราะไปพลาง ก่อนจะส่งห่อมันฝรั่งทอดให้กับเพื่อนที่อยู่ในอาการเดียวกัน เสียงเคี้ยวมันฝรั่งดังสนั่น โดยเฉพาะปริญถึงกับแก้มตุ่ย ส่วนดนัยเทพก็ยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นมาดื่ม แล้วเรออย่างสบายใจ ชั่วขณะหนึ่งที่เขารวบรวมสมาธิกลั้นหัวเราะ นิ้วของเขาก็กดแป้นพิมพ์ป้อนคำสั่งบางอย่างลงไปทันที

ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ศาสตรา พิภพ และปฐพีตัดสินใจขั้นเด็ดขาด ชกเข้าที่กลางลำตัวของกระเทยควายที่พันตูกับพวกเขาสุดแรงเกิด

หมัดสลายบุรุษ กำลัง 3

แค่ครั้งเดียวก็เห็นผล ลำไยใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวซีด มือทั้งสองกุมเป้าทรุดลงกองกับพื้นแน่นิ่งไปในทันที

“ท่านได้รับผลจากทักษะ หมัดสลายบุรุษ ทำให้ค่าพลังลดเหลือ 0 หน่วย”

เสียงระบบประกาศในหัวของลำไย ก่อนที่ภาพตรงหน้าลำไยจะดับวูบลง

..................

“เนื่องจากผู้เล่นลำไยถูกโจมตีจุดตาย ทำให้ถึงแก่ความตาย”

เสียงระบบประกาศบอกก่อนที่ร่างของลำไยจะเลือนหายไปพร้อมกับแสงสีทองลอยสู่ขึ้นเหนือฟ้า เมื่อลำไยถูกฆ่าตายแล้ว ทำให้ทั้งสามหนุ่ม เข่าอ่อนนั่งลงไปกองกับพื้น

“ทำไมถึงออกมาช่วยฉันช้านักล่ะ รู้หรือเปล่าว่ามันโจมตีมาแต่ละที เล่นเอาฉันเกือบตายแล้วนะ” เด็กหนุ่มหันไปบ่นใส่สองหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ “ดูสิ พลังเหลือตั้ง 1 แถมยังต้องเสียเนื้อเสียตัวให้มันจับ อึ๋ย คิดแล้วยังขนลุกไม่หายเลยเนี่ย”

“อย่างกับนายโดนคนเดียว ฉันกับพิภพก็ไม่แพ้นายหรอกนะ”

“แต่ฉันเกือบโดนมันอูบุนตู้แล้วนะเฟ้ย ยิ่งตอนมันร้องยาราไนก้า ฉันแทบจะเชือดคอตาย”

“ให้ตายสิ อีกระเทยควายยักษ์นี่มันเป็นตัวอะไรกันแน่ กว่าจะเอาลง ถึกแล้วยังสยองอีก ฉันนี่ไม่น่าร่วมเล่นละครกับพวกนายเลย” ศาสตราพูดจบก็ถอนหายใจเฮือกก่อนจะหยิบขวดน้ำยายกขึ้นดื่มเพื่อเพิ่มพลังเลือดในร่างกาย

“อย่าคิดแบบนั้นสิศาสตรา เดี๋ยวไว้จบงานนี้แล้วฉันจะพานายไปเลี้ยงอาหารที่ภัตตาคารในเมืองเริ่มต้นแทนคำขอโทษแล้วกันนะ” ปฐพีบอกก่อนจะเอามือมาแตะบ่าเพื่อนเพื่อปลอบใจ

“งั้นฉันขอเงินเพิ่มที่ต้องเสียผ้าคลุมนักเวทย์ชั้นดีด้วยนะปฐพี” ศาสตราพูดเสริม ซึ่งปฐพีก็พยักหน้าตอบตกลง

วูบ!

ลำแสงสีทองได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมกับร่างยักษ์ของลำไยที่กลับมาจุติอีกครั้ง ซึ่งไม่ทันที่ลำไยจะได้รู้สึกตัวดี ปฐพีก็รีบตวัดดาบตัดเข้าที่ลำคอของลำไยอย่างรวดเร็ว

ฉับ!

วูบ!

ร่างของลำไยถูกส่งให้กลับไปรอในห้องจุติอีกครั้ง

“มันไม่โหดเกินไปหน่อยเหรอปฐพี” พิภพหันมาถามอย่างสงสัย “เล่นฆ่าทั้งๆที่เพิ่งจะเกิดได้ไม่ถึงสิบวินาทีดีเลยนะ”

“ฉันรู้ดีว่ามันโหดเหี้ยมเกินไป แต่ฉันจะไม่ให้อภัยกับสิ่งที่มันทำคุณยายของฉันเอาไว้ หรือนายจะปล่อยให้มันลอยนวลโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยล่ะ” นี่เป็นครั้งแรกที่ปฐพีโกรธจนถึงขั้นลงมือฆ่าคน เพราะเดิมทีชายหนุ่มไม่เคยเอาเรื่องกับใครถึงขนาดนี้ ถ้าเหตุมันไม่สุดวิสัยจริงๆ ล่ะก็นะ

“นี่ยังดีที่ไม่มีผู้เล่นคนอื่นเห็น ไม่งั้นนายได้ถูกลดขั้นจากผู้เล่นระดับท็อปที่แสนจะใจดีกลายเป็นผู้บ้าความยุติธรรม ตัดสินคนเลวด้วยการฆ่าซ้ำกันหลายครั้งต่อหลายครั้งก็เป็นไปได้” ศาสตราบอกพลางถอนหายใจ ซึ่งทำให้คนฟังพลอยอดพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของศาสตราเสียมิได้

“ถ้างั้นทีหลังก็คงต้องระวังกันหน่อย จีเอ็มยิ่งคอยจับตาดูพวกเราอยู่เสียด้วยสิ” เมื่อคุยกันเสร็จแล้ว ลำไยก็พลันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เป็นตาของพิภพ ชายหนุ่มชักขวานออกมาก่อนจะจามใส่หัวของลำไยอย่างเหี้ยมโหด

โพละ!

วูบ!


ลำไยถูกพิภพส่งไปเกิดใหม่โดยไม่ทันได้ร้องสักแอะ

“ว่าแต่เขา นายเองก็ฆ่าโหดใช่ย่อยเหมือนกันนะพิภพ”

“โทษฐานที่มันเกือบเล่นอูบุนตู้ฉัน” ศาสตราพูดแขวะ ในขณะที่พิภพก็ตอบด้วยอารมณ์ที่เผ็ดร้อน เป็นของธรรมดาเพราะเขาเกือบๆ จะเสียตัวให้กับมัน แล้วหลังจากนั้นลำไยก็ได้เกิดอีกครั้งและก็ถูกศาสตราลงมือฆ่าเพื่อล้างแค้นให้กับตัวเองบ้าง ซึ่งเหตุการณ์นี้วนเวียนไปอยู่ถึงสองชั่วโมง จนคนที่ถูกฆ่าถึงกับร้องไห้คร่ำครวญ

“ปล่อยเดี๊ยนไปเถิดนะ!”

ตูม!

“อย่าฆ่าเดี๊ยนเลยนะขอร้อง!”

ฉัวะ!

“เดี๊ยนขอโทษฮ้า!”

ฉึก!

“ฮือๆ”

โพละ!

“เอ๋งๆ!”

เสียงร้องครั้งล่าสุดนี้ทำเอาสามหนุ่มถึงกับขมวดคิ้ว แต่ทว่าเวลาลงทัณฑ์ของสามหนุ่มก็ได้จบลง เมื่อมีใครบางคนได้ปรากฏต่อหน้าพวกปฐพี

“สวัสดีครับคุณปฐพี คุณพิภพ คุณศาสตรา” ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทผูกเนคไทต์ยืนกล่าวสวัสดีกับพวกเขา “กระผมดนัยเทพ หัวหน้าผู้ควบคุมทุกอย่างในเกมครับ”

แล้วความเงียบก็เข้าครอบงำ สามหนุ่มไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่มองดนัยเทพเพียงอย่างเดียว เพราะต่างรู้ดีว่าพวกเขาต้องโดนจีเอ็มเข้ามาเตือนเรื่องการกระทำผิดของพวกเขาอย่างแน่นอน

“ตามกฎมาตราของผู้เล่นเกมที่ห้า” ดนัยเทพพูดเกริ่นเข้าเรื่อง “ว่าด้วยผู้เล่นคนใดทำร้ายร่างกายพนักงานของเกมจะถูกลงโทษด้วยการยึดเงินเป็นจำนวนสิบล้านเหรียญกับถูกควบคุมความประพฤติหนึ่งปีแต่…”

แล้วดนัยเทพก็หยุดพูดไป ก่อนจะดีดนิ้วหนึ่งครั้ง สีแสงทองก็พลันปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมกับร่างชายใจหญิงนามว่าลำไยนั่งสะอื้นไห้

“ถ้าพนักงานประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับเป็นพนักงานด้วยการใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง โดยการกดราคาที่ต่ำเกินมาตรฐานในการรับซื้อเสื้อผ้าจากผู้เล่น และจงใจขืนใจผู้เล่นชายโดยที่พวกคุณไม่ได้ยินยอม ฉะนั้นทางเราได้ตัดสินแล้วว่าจะลดหย่อนโทษให้พวกคุณจากหักเงินสิบล้านเหรียญเป็นคนละห้าล้านเหรียญ และนอกจากนี้ผมเห็นว่าพวกคุณยังคงทำร้ายร่างกายพนักงานนานถึงสองชั่วโมงโดยไม่หยุดหย่อน ก็ต้องขอเพิ่มโทษโดยขอให้พวกคุณไปทำความสะอาดเมืองเริ่มต้นเป็นเวลาสองเดือนในเกมด้วยนะครับ” พอสิ้นคำพูดของดนัยเทพ ทำเอาคนร้องไห้เสียงสะอื้นถึงกับหยุดร้อง

“ไม่ได้นะฮ้าคุณดนัยเทพ ลงโทษแค่ห้าล้านเหรียญกับทำความสะอาดเมืองมันเบาไป มันต้องแบนไอดีเท่านั้น!”

“ผมยังไม่อนุญาตให้คุณพูดนะครับคุณลำไย” ดนัยเทพพูดเสียงเรียบ ซึ่งทำเอาลำไยยอมหุบปากแต่โดยดี “ส่วนเรื่องที่พวกคุณสามคนรุมทำร้ายจีเอ็มลำไยนั้น ทางเราจะปิดไว้เป็นความลับเพื่อมิให้เสื่อมเสียชื่อเสียงสมาคมจับฉ่ายของพวกคุณ”

พอปฐพีได้ยินดังนั้นจึงกล่าวขอบคุณดนัยเทพที่ช่วยปิดข่าวนี้ไว้

ดีเหมือนกัน คุณยายจะได้ไม่รู้เรื่องที่เราทำเอาไว้

“อ้อ แล้วทีนี้ก็ถึงตาคุณลำไย” ดนัยเทพพูดพลางหันกลับไปมองลำไยที่นั่งอยู่กับพื้นอย่างเจี๋ยมเจี้ยม “จากข้อมูลที่เราตรวจสอบมาทั้งหมด คุณกระทำการขืนใจผู้เล่นชายจนเลิกเล่นไปบวชหรือไปอยู่โรงพยาบาลบ้ามาแล้วหลายราย นอกนั้นก็มีเพียง 2 รายที่ยังเล่นอยู่ คือผู้เล่นเมฆา และผู้เล่นศาสตรา”

พอได้ยินชื่อสุดท้ายที่ดนัยเทพกล่าวถึง ทำเอาสามหนุ่มสะดุ้งตกใจโดยเฉพาะศาสตราที่ยืนหน้าซีดจวนจะเป็นลม ไหนจะชื่อของเมฆาผู้เล่นระดับท็อปที่ทำให้ปฐพีถึงกับขมวดคิ้ว

หมอนั่นก็โดนลวนลามด้วยรึนี่

“ไม่จริง ผมไม่เชื่อ” ศาสตราร้องโวยวาย “ผมไม่แม้แต่จะเคยเจอหน้ามัน จะโดนอีควาย เอ้ย อีกระเทยควายนี่ขืนใจได้ไง”

ดนัยเทพยิ้มก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ผมพูดไม่ผิดหรอกครับคุณศาสตรา คุณเคยโดนจีเอ็มลำไยลวนลามจริงๆ เพียงแต่ทางเกมได้ใช้โปรแกรมลบความทรงจำในช่วงไม่ดีของคุณให้ออกไป ฉะนั้นคุณถึงจำเหตุการณ์เหล่านั้นไม่ได้ยังไงล่ะครับคุณศาสตรา”

พอได้ยินคำตอบแล้ว พิภพถึงกับขมวดคิ้วก่อนจะถามกลับไปว่า

“มันมีด้วยหรือครับไอ้โปรแกรมลบความทรงจำเนี่ย”

“มีสิครับ” ดนัยเทพหันมาตอบคำถามของพิภพ “มันเป็นระบบป้องกันผลข้างเคียงจากความรุนแรงที่เกิดขึ้น จะเรียกว่าเป็นระบบบำบัดอาการทางจิตก็ได้ครับ และเพราะเกมนี้มีความสมจริงมาก ทำให้บางเหตุการณ์ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจผู้เล่น จึงต้องมีระบบนี้เข้ามาช่วยรองรับ”

“แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ พวกเราจะได้รับการบำบัดด้วยระบบนี้ไหมครับ”

ศาสตราถามอย่างสงสัย ซึ่งดนัยเทพส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับมาว่า

“ไม่ครับ ทางเราถือว่านี่เป็นการลงโทษที่กระทำเกินกว่าเหตุ”

โอ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า นี่ลูกจะต้องจดจำวินาทีสยองนี้ไปจนตายเลยใช่ไหม

ทั้งสามหนุ่มคิดในใจพร้อมกัน เมื่อสามหนุ่มไม่มีคำถามแล้ว ดนัยเทพจึงพูดถึงบทลงโทษของลำไยต่อ

“นอกจากคุณจะขืนใจผู้เล่นชายแล้ว ยังใช้อำนาจของจีเอ็มในการตั้งราคารับซื้อเสื้อผ้าของพวกคุณสามคนในราคาต่ำกว่ามาตรฐานของเกม รวมถึงการตั้งราคาของขายในร้านค้าตัวเองที่สูงลิบลิ่วจนผู้เล่นระดับต่ำไม่สามารถซื้อได้ ซึ่งทางเราได้ส่งข้อความตักเตือนมาแล้วแต่คุณกลับไม่ทำตาม เพราะฉะนั้นทางเราขอไล่คุณลำไยออกจากการเป็นจีเอ็มฝ่ายเอ็นพีซี ณ บัดนี้”

พอดนัยเทพพูดจบ ร่างของลำไยก็พลันเปลี่ยนไป จากเสื้อผ้าที่ดูหรูมีระดับและราคาแพงกลับเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้านักผจญภัยในระดับ1 ซึ่งทำเอาลำไยที่เห็นดังนั้นถึงกับกรีดร้องโหยหวน จนสามหนุ่มแทบสะดุ้งโหยงด้วยความกลัว

“แก…แกไอ้ดนัย…มึงกล้าไล่กูออก มึงไม่ได้ตายดีแน่!” เมื่อลำไยโดนถอดถอนยศกับสภาพความร่ำรวยของตัวเองทั้งหมดแล้ว ก็พลันผุดลุกขึ้นหมายจะฆ่าดนัยเทพที่ยืนยิ้มหน้าตายให้จงได้ ทีแรกสามหนุ่มจะปราดเข้าไปช่วยแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อดนัยเทพยกมือขวาขึ้นห้ามในเชิงประมาณว่า’เดี๋ยวผมจัดการเองได้ครับ’ ก่อนจะเรียกกระบองออกมาจากมืออย่างเร็วแล้วฟาดเข้าที่ใบหน้าของลำไยเต็มแรง ทำเอาร่างยักษ์ที่โดนกระบองไม่ทันตั้งตัวถึงกับลอยกระเด็นเหมือนลูกเบสบอลที่ถูกตีโฮมรัน

9999

“โห คุณดนัยเทพนี่สุดยอด!” ศาสตราร้องพลางมองร่างลำไยที่ลอยได้ไปไกลแล้ว

“ขอบคุณที่ชมครับคุณศาสตรา” ดนัยเทพกล่าวขอบคุณ “ผมจัดการลงโทษขั้นเด็ดขาดไปแล้ว เขาถูกแบนไอดีและพ้นสภาพการเป็นพนักงานของเราตั้งแต่วันนี้”

“แล้ว…” ปฐพีกำลังจะอ้าปากถามเรื่องที่คุณยายโดนหลอกขายเสื้อผ้าแพง แต่ดนัยเทพกลับพูดสวนมาว่า

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับคุณปฐพี เดี๋ยวทางเราจะคืนเงินส่วนที่ลำไยหลอกให้กับผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์แน่ครับ”

พอได้ยินที่ดนัยเทพบอกแล้ว ชายหนุ่มถึงกับหายใจโล่งคออย่างหมดกังวล เมื่อสามหนุ่มหมดธุระแล้วก็พากันกลับเข้าเมืองเริ่มต้นไป ส่วนดนัยเทพก็พลันหายตัวไปจากเกมทันที

............................

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 24 มาริโอ vs. ปิเอโร่

....................

กลับมาทางด้านพวกราตรี ซึ่งตอนนี้ทั้งสองคนกับอีกหนึ่งตัวได้ขุดแร่ตามที่ภารกิจระบุไว้จนครบเรียบร้อยแล้ว หากแต่เมฆาชวนให้ราตรีกับมาริโออยู่ขุดแร่ต่อเพราะราตรีจะได้อัพเลเวลของการต่อสู้กับอายุจนครบสิบ แล้วถึงจะพากลับเมืองเริ่มต้นเพื่อไปส่งภารกิจกับเปลี่ยนอาชีพที่ราตรีต้องการเอาทีหลัง

“ว่าแต่น้องราตรีคิดไว้แล้วรึยังครับว่าอยากจะเป็นอาชีพอะไร” เมฆาถามในขณะที่นั่งหั่นผักอยู่ ซึ่งคำถามของเมฆาทำเอาราตรีขมวดคิ้ว

“เอ่อ ผมคิดว่าจะเป็นนักดาบสายเวทย์นะฮะ” ราตรีตอบ เพราะก่อนหน้านี้เมฆาเคยเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพเบื้องต้นให้เธอได้ฟังอย่างละเอียดถี่ยิบ ซึ่งอาชีพหลักๆในเกมก็จะมีนักดาบ นักธนู พ่อค้าแม่ค้า นักเวทย์ โจร นักบวชเป็นต้น ส่วนอาชีพรองลงมานั้นก็ล้วนแล้วแต่ผู้เล่นจะต้องการเป็นอาชีพอะไร ทว่าอันนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้เล่นว่าจะฝึกฝนได้มากน้อยแค่ไหน ถึงจะประสบความสำเร็จในอาชีพที่สองตามที่ตัวเองเป็นคนเลือกเอาไว้ ซึ่งเมฆาบอกว่ามีผู้เล่นน้อยมากที่จะทำได้สำเร็จ จึงทำให้ไม่มีผู้เล่นคนใดคิดจะเลือกอาชีพรองมาเล่นให้เสียเวลา

“อ้ออย่างนั้นหรอกรึครับ ถ้าน้องราตรีต้องการแบบนั้นพี่ชายจะช่วยติวให้” เมฆาบอกด้วยความหวังดี เพราะชายหนุ่มอยากให้อีกฝ่ายมีสองอาชีพได้สำเร็จเหมือนกับตัวเองที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว

“ขอบคุณฮะท่านพี่เมฆา ผมต้องรบกวนพี่อีกนานเลย” ราตรีกล่าวขอบคุณก่อนจะถามต่อ “ว่าแต่ท่านพี่มีสายอาชีพหลักกับรองอะไรบ้างฮะ”

“ก็อาชีพเดียวกันกับที่เราคิดนั่นแหละครับ แต่พี่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าเกมนี้สมจริงมากเสียจนผู้เล่นบางคนที่ไม่เคยจับดาบมาก่อน มักจะกลัวจนเลิกเล่นอาชีพนี้ไปเลยก็มี เพราะงั้นน้องต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดีล่ะ” ราตรีขมวดคิ้วก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ฮะท่านพี่เมฆา” หลังจากพวกราตรีทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ลงมือขุดแร่กันต่อไปอีก ซึ่งในช่วงที่ขุดแร่นั้นราตรีก็ได้อัพเลเวลการต่อสู้ครบสิบกับอายุที่เพิ่มขึ้นมาเป็นสิบขวบ จนกระทั่งเข้าวันที่ห้าแล้วเมฆาก็ได้พาราตรีกับมาริโอกลับเมืองเริ่มต้นเพื่อไปรับเสื้อผ้าที่ราตรีได้สั่งเอาไว้กับลำไย

“เฮ้อ” เมฆาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน “น้องราตรีครับ เดี๋ยวพอถึงร้านนั้นแล้ว พี่ชายจะไม่เข้าไปนะครับ เพราะพี่จะยืนรอน้องอยู่ที่ข้างนอกร้าน”

ราตรีได้ยินถึงกับอมยิ้มเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องอะไร ส่วนมาริโอได้แต่เอียงคอมองเมฆาอย่างไม่เข้าใจคำพูด เมื่อทั้งสามคนเดินมาถึงร้านลำไยแล้ว กลับพบว่าหน้าร้านได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากร้านที่ตกแต่งของน่ากลัวกลับเปลี่ยนเป็นร้านขายเสื้อผ้าธรรมดาแทน

“เอ ท่านพี่ฮะ พวกเรามาผิดร้านกันหรือเปล่าฮะ” ราตรีถามอย่างสงสัย ซึ่งเมฆากับมาริโอเองก็สงสัยด้วยเช่นกัน

“เอ พี่ว่ามาถูกร้านแล้วนะ” เมฆาตอบพลางเดินสำรวจไปมาอย่างสงสัย “ก็ไม่น่าจะผิดนะ เพราะแถวนี้มีร้านขายเสื้อผ้าอยู่แห่งเดียวด้วย”

“ทำไมพวกเราไม่ลองเข้าไปดูก่อนล่ะรัตติ เผื่อลำไยอาจจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ร้านใหม่ก็ได้” มาริโอออกความเห็น

“อือนั่นสิ งั้นก็เข้าไปกันเลย” ราตรีบอกก่อนจะพากันเดินเข้าไปพร้อมกับมาริโอ ส่วนเมฆายืนรออยู่หน้าร้านเพราะไม่เข้าไปดูด้วย เมื่อราตรีกับมาริโอเดินเข้าไปแล้ว ก็พบกับหญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลสวมใส่ชุดสมัยวิคตอเรียต้นศตวรรษที่ 19 ซึ่งมีลักษะคอปิดแขนยาวกับกระโปรงสุ่มไก่ตัวบานสีชมพู ที่หัวสวมหมวกปีกกว้างซึ่งถูกประดับด้วยพู่ขนนก และนอกจากนี้ยังมีสายริบบิ้นสีดำยาวโผล่จากหมวกผูกมัดเป็นโบว์ที่ใต้คางผู้สวมกำลังยืนยิ้มให้อยู่ “เอ่อ ไม่ทราบว่าที่นี่ใช่ร้านคุณลำไยหรือเปล่าฮะพี่สาว ผมจะมารับเสื้อผ้าที่เคยได้สั่งเอาไว้”

ราตรีถามพลางจ้องเอวที่คอกิ่วซึ่งเธอเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายต้องใส่ชุดคอเซ็ต*ด้วยอย่างแน่นอน

คงทรมานน่าดู

“ถ้าเป็นสี่วันก่อนนะใช่ค่ะ” อีกฝ่ายตอบพลางยิ้มหวานให้ ซึ่งทำเอามาริโอที่จ้องหญิงสาวตาเป็นมันถึงกับน้ำลายไหลย้อยมุมปากอย่างลืมตัว “แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วค่ะ เพราะคุณลำไยถูกไล่ออกจากการเป็นจีเอ็มฝ่ายเอ็นพีซีกับถูกแบนออกจากเกมแล้วค่ะ”

“อ้าว ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้ล่ะฮะ” ราตรีถามอย่างสงสัยปนตกใจกับเรื่องที่ได้ยินนิดหน่อย ส่วนมาริโอเองที่กำลังตกตะลึงกับความงามของหญิงสาวก็พลันตกใจกับเรื่องที่ได้ยินด้วยเช่นเดียวกัน

“ต้องขออภัยด้วยที่ทางเราไม่สามารถบอกเรื่องนี้ได้ค่ะ เพราะมันเป็นความลับส่วนบุคคล” หญิงสาวตอบก่อนจะพูดต่อ “มิทราบว่าคุณผู้เล่นมีชื่อเรียกว่าอะไรคะ”

“ราตรีพิสุทธิ์ฮะ”

“ราตรีพิสุทธิ์หรือคะ งั้นกรุณารอสักครู่นะคะ” หญิงสาวบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปในหลังร้านสักพัก ก่อนจะโผล่ออกมาพร้อมกับถุงเงินจำนวนหนึ่ง “ต้องขออภัยด้วยนะคะ ชุดที่คุณเคยสั่งตัดไว้กับคุณลำไยนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ทางเราถือว่าผลงานชิ้นนั้นล้มเหลว ฉะนั้นทางเราจะขอคืนเงินจำนวนหนึ่งล้านเหรียญคืนให้กับคุณผู้เล่นทั้งหมดค่ะ”

“ฮะ เข้าใจแล้วฮะ” ราตรีตอบอย่างเข้าใจ ถึงแม้จะได้ชุดไปแต่เธอก็ไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าได้อีกแล้ว เพราะมันเป็นชุดของเด็กทารก เมื่อได้รับเงินกลับคืนมาครบจำนวนแล้ว เธอก็บอกลาหญิงสาวก่อนจะเดินออกจากร้านไป

“ว่ายังไงครับน้องราตรี ได้เรื่องหรือเปล่าเอ่ย” เมฆาเอ่ยปากถามทันทีที่เห็นราตรีกับมาริโอเดินออกมา

“ได้ฮะ เขาบอกว่าร้านนี้เปลี่ยนเป็นร้านอื่นแล้ว เพราะพี่ลำไยถูกไล่ออกจากการเป็นจีเอ็มกับถูกแบนออกจากเกมไปนะฮะ”

“อ้าว ถ้างั้นเรื่องเสื้อผ้าของน้องล่ะครับ” เมฆาถามต่ออย่างสงสัย

“เขาบอกว่าเสื้อผ้ายังเย็บไม่เสร็จดีก็เลยคืนเงินทั้งหมดให้ผมนะฮะ แต่ผมว่ามันก็ดีเหมือนกัน  เพราะตอนนี้ผมคงใส่ชุดเด็กทารกไม่ได้อีกแล้วฮะ” ราตรีตอบ ซึ่งทำให้ผู้ฟังต้องพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย เมื่อคุยกันเสร็จแล้วเมฆาก็พาราตรีกับมาริโอไปยังตึกเปลี่ยนอาชีพทันที ในขณะที่ทั้งสองคนกับอีกหนึ่งตัวกำลังเดินอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเพลงดังขึ้นมา

“ยังจำไม่เคยลืมเลือน คอยเตือนตัวเองเอาไว้ มันชื่อว่าลำไย ยังเก็บเอาไว้ในใจเรื่อยมา” พอสิ้นเสียงเพลง เมฆาถึงกับสะดุ้งเฮือกก่อนจะรีบหันซ้ายหันขวา

“ท่านพี่เมฆาเป็นอะไรไปเหรอฮะ” ราตรีเห็นเมฆาทำท่าแปลกๆจึงเอ่ยปากถามอย่างสงสัย ทว่าชายหนุ่มไม่ตอบได้แต่หันซ้ายหันขวาหาต้นเสียง ซึ่งราตรีกับมาริโอเองก็ต้องพลอยหันมองตาม ก่อนจะพากันชะงักเห็นใครบางคนในชุดตัวตลกกำลังเดินส่ายสะโพกตุ้งติ้งคล้ายกระเทยอย่างพี่ลำไยมาทางนี้

“แก…ไอ้…ปิเอโร่”

“แหมคุณชายก็ อย่าเรียกเค้าแบบนั้นสิฮ้า มันเขินนะ” ชายในชุดตลกนามว่าปิเอโร่พูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน แต่ทว่าคนฟังหาได้รู้สึกขำไม่

ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้

ราตรีกับมาริโอคิดในใจ

“ท่านพี่เมฆารู้จักกันด้วยเหรอฮะ” ราตรีถามต่ออย่างสงสัย

ซึ่งเมฆากำลังจะอ้าปากตอบคำถามของเธอ ปิเอโร่ในชุดตัวตลกกลับแย่งตอบว่า

“ขออภัยที่กระผมแนะนำตัวช้าไปหน่อยคุณชายน้อย กระผมปิเอโร่ผู้รับใช้ซื่อสัตย์ของคุณชายเมฆานะขอรับ” ปิเอโร่พูดพลางก้มตัวคำนับโดยไม่ลืมที่จะถอดหมวกออกแล้วแนบไว้กับอกของตัวเอง

“ปิเอโร่…อย่างงั้นเหรอฮะ” ราตรีพูดด้วยความสงสัย เพราะเธอไม่คิดว่าเมฆาจะได้ตัวตลกปิเอโร่เป็นทาสรับใช้

“ขอรับกระผม” ปิเอโร่ตอบพลางเงยหน้าขึ้นก่อนจะนำหมวกใส่กลับเข้าที่เดิม จากนั้นจึงค่อยหันไปมองเมฆาต่อ “ต้องขออภัยที่กระผมมาช้านะขอรับคุณชาย พอดีเรือที่กระผมโดยสารมาด้วยเกิดเจอมรสุมอย่างหนัก จึงทำให้การเดินทางมาที่นี่ล่าช้าไปสักนิด”

“แล้วปิเอโร่ไปไหนมาเหรอฮะ ถึงได้มาหาท่านพี่เมฆาช้า” ราตรีถามต่ออย่างสงสัย ซึ่งปิเอโร่ก็หันมาตอบยิ้มๆว่า

“กระผมไปทำงานมานะขอรับคุณชายน้อย” คำว่าคุณชายน้อย ทำให้ราตรีหน้าขึ้นสี

“เรียกข้าว่าราตรีจะดีกว่านะฮะ” ราตรีบอกด้วยความขัดเขิน

“ก็ได้ขอรับคุณราตรี” ปิเอโร่ตอบตกลงก่อนจะอ้าปากถามต่อ “ว่าแต่พวกคุณกำลังจะไปที่ไหนหรือขอรับ กระผมขอติดตามไปด้วยคนได้ไหม”

“นี่ๆขอถามอะไรหน่อย เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่ปิเอโร่ ทำไมกลิ่นไม่เหมือนมนุษย์เลยสักนิด” จู่ๆ มาริโอก็เอ่ยปากถามแทรกขึ้นมาอย่างสงสัย ซึ่งปิเอโร่ได้ยินดังนั้นก็พลันหันหน้ากลับไปตอบมาริโอด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า

“กระผมเองก็สงสัยเหมือนกันขอรับ ว่าเห็ดมาริโออย่างคุณทำไมถึงมีแขนมีมือได้ทั้งๆที่เห็ดมาริโอตัวอื่นไม่เคยมีสักตัวเดียว”

“นี่เจ้า!” มาริโอพูดด้วยความเดือดดาล หากแต่ราตรีใช้มือแตะไหล่หัวของมาริโอห้ามเอาไว้

“ห้ามเสียมารยาทนะมาริโอ” ราตรีดุมันก่อนจะหันหน้ามายิ้มให้กับปิเอโร่ “ข้าต้องขอโทษแทนมาริโอด้วยนะฮะ มันยังเด็กมากก็เลยไม่รู้ประสีประสา”

“ไม่เป็นไรขอรับคุณราตรี กระผมไม่ถือสาหาความอยู่แล้ว ว่าแต่จะตอบได้รึยังขอรับว่าพวกคุณกำลังจะเดินทางไปที่ไหนกัน” ปิเอโร่เอ่ยปากถามสงสัย หากแต่ผู้ตอบนั้นกลับเป็นเมฆาซึ่งตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงห้วนว่า

“ไปตึกเปลี่ยนอาชีพ ถ้าจะไปก็ตามมา อย่าได้พูดมาก” ราตรีถึงกับขมวดคิ้วเมื่อสัมผัสกลิ่นไอแห่งความเย็นชาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน แต่ทว่าเธอไม่ใส่ใจอยู่แล้ว เพราะไม่อยากจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น แล้วชายหนุ่มก็ออกเดินนำโดยไม่พูดไม่จา ซึ่งทำให้ราตรี มาริโอ และปิเอโร่ต้องรีบเดินตาม เมื่อมาถึงที่หมายแล้ว ราตรีก็พบว่าที่นี่เหมือนกับตึกผู้เล่นใหม่ไม่มีผิด มีเพียงแค่ป้ายชื่อที่เขียนสถานที่แตกต่างกันเท่านั้น

“เดี๋ยวกระผมรออยู่หน้าตึกนะขอรับคุณชายคุณราตรี” ปิเอโร่บอกก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้าไปในตึก

“อ้าวไม่เข้าไปด้วยกันหรอกหรือฮะ” ราตรีถามอย่างสงสัย หากแต่เมฆาไม่รอให้ปิเอโร่ได้ตอบ กลับดึงแขนราตรีกับมาริโอให้เดินเข้าไปอย่างเร็ว ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับงุนงง เมื่อเข้าไปยังข้างในแล้ว เมฆาก็ปล่อยแขนมาริโอออกก่อนจะหันหน้ามาทางราตรี

“พี่ชายไม่ว่าอะไรน้องเลยถ้าน้องอยากจะทำความรู้จักกับปิเอโร่” เมฆาพูดเสียงเข้ม ซึ่งทำเอาราตรีขมวดคิ้ว “แต่อย่าได้ทำสนิทสนมกับมันมาก เพราะพี่ไม่ชอบ”

ชอบไม่ชอบแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย?

แล้วเธอก็ไม่ได้ทำตัวสนิทสนมกับปิเอโร่เสียหน่อย


“ทำไมล่ะฮะท่านพี่เมฆา ผมไม่เข้าใจ” ราตรีถามกลับ ซึ่งทำเอาร่างสูงชะงัก “ปิเอโร่เป็นคนรับใช้ท่านพี่เองนะฮะ ทำไมผมถึงจะคุยกับเขาไม่ได้ล่ะ”

“เอ่อ...พี่...ไม่มีอะไร...พี่ว่าเราไปเปลี่ยนอาชีพกันเถอะครับ แล้วพี่จะได้พาน้องไปซื้ออาวุธต่อ” เมฆาพูดเปลี่ยนเรื่องทันควันก่อนจะจับแขนราตรีออกเดินอีกครั้ง ส่วนมาริโอที่ยืนฟังอยู่ก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ยอมเดินตามเมฆากับราตรีไปอย่างเงียบๆ

“ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานสาวผมทองสั้นเท่าติ่งหูในชุดกี่เพ้าสีแดงซึ่งยืนอยู่ประจำเคาน์เตอร์พูดขึ้นทันทีที่เห็นสองหนุ่มเดินเข้ามาหาเธอ

“คือว่าผมพาน้องชายมาเปลี่ยนอาชีพคลาสแรกนะครับ” เมฆาบอกก่อนจะดันหลังราตรีให้มาเดินอยู่ด้านหน้าตนเอง

“งั้นกรุณาช่วยแจ้งชื่อของท่านด้วยค่ะ”

“เอ่อ...ราตรีพิสุทธิ์ครับ” ราตรีตอบ ซึ่งพนักงานสาวก็ทำการคีย์ข้อมูลก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง

“มิทราบว่าท่านรู้ข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพของคลาสแรกไปแล้วรึยังคะ”

“ทราบแล้วครับ”

“ถ้างั้นช่วยระบุอาชีพที่ท่านผู้เล่นต้องการด้วยค่ะ”

“นักดาบครับ” ราตรีตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ซึ่งพนักงานสาวได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้าคีย์ข้อมูลต่ออย่างรวดเร็วก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งด้วยรอยยิ้มหวาน

“เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณที่มาใช้บริการค่ะ”

“ท่านได้เป็นนักดาบเรียบร้อยแล้วค่ะ”

เสียงระบบประกาศดังก้องหัวราตรี

“ขอบคุณครับคุณพนักงาน ถ้างั้นพวกผมสองคนต้องขอตัวก่อนนะครับ” เมฆาบอกก่อนจะพาราตรีกับมาริโอออกมาทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรสักคำเดียว เมื่อเมฆาพาเธอกับมาริโอเดินออกมานอกตึกแล้ว ก็ตรงดิ่งไปยังร้านอาวุธโดยมีปิเอโร่ตามมาอยู่ห่างๆ หลังจากที่มาถึงแล้ว ก็พาเดินเข้าไปในร้านซึ่งภายในมีอาวุธมากมายหลายประเภทวางอยู่บนชั้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

“ไม่ทราบว่าต้องการอาวุธอะไรหรือครับคุณลูกค้า” เสียงพ่อค้าในชุดยูกาตะชายพูด ซึ่งเมฆาก็ตอบกลับไปว่า

“ผมต้องการดูดาบคาตานะระดับ1 หน่อยครับ พอดีน้องชายผมเพิ่งเป็นนักดาบใหม่ๆ ก็เลยต้องการดาบที่จะเอาไว้ใช้ฝึกนะ”

“ได้สิครับ ว่าแต่ต้องการแบบธรรมดาหรือแบบธาตุผสมด้วยดีครับ”

“ขอทั้งสองแบบอย่างละเล่มครับ ส่วนแบบธาตุขอเป็นธาตุไฟครับ” เมฆาบอกก่อนจะทำท่านึกอะไรบางอย่างออกได้ “อ้อ แล้วก็ขอดาบไม้ไผ่สักยี่สิบเล่มด้วยครับ”

“ได้ครับ งั้นกรุณารอสักครู่นะครับ” แล้วพ่อค้าก็เดินหายเข้าร้านไป

“ท่านพี่เมฆาจะซื้อดาบไปทำไมตั้งเยอะตั้งแยะ ผมว่าแค่ดาบเล่มเดียวก็คงพอแล้วมั้งฮะ” ราตรีถามชายหนุ่มอย่างสงสัย “แล้วไหนจะดาบไม้ไผ่อีก มันจะเอาไปฟันมอนสเตอร์ได้แน่เหรอฮะ”

เมฆาได้ยินที่ราตรีถามก็พลันส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ที่พี่เอาดาบสองแบบไปก็เพื่อให้น้องได้เก็บไว้ใช้ยามจำเป็นนะครับ ส่วนดาบไม้ไผ่นั้น น้องไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะโจมตีมอนสเตอร์ไม่ได้ เพราะดาบไม้ไผ่ก็เหมือนกันกับดาบทั่วไปนั่นแหละ เพียงแต่ค่าโจมตีจะน้อยกว่าก็เท่านั้นเองครับน้องราตรี”

“อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้วฮะ” เมื่อคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ่อค้าก็เอาของที่สั่งไว้ออกมาขาย ซึ่งเมฆาก็ได้นำเงินจ่ายให้กับพ่อค้าไปประมาณสามสี่หมื่นเหรียญได้ ทำเอาราตรีเกรงใจจนต้องรีบควักเงินให้เมฆา

“ไม่ต้องให้เงินพี่หรอกนะครับน้องราตรี เพราะอันนี้พี่ตั้งใจมอบให้ฟรีครับ”

“แต่จำนวนเงินมันเยอะเกินไปนะฮะ ผมเกรงว่า”

“งั้นน้องก็ถือซะว่าสิ่งนี้เป็นคำขอโทษที่พี่ชายทิ้งพวกน้องให้เผชิญอันตรายในตอนนั้นแล้วกันนะ” ในเมื่อเมฆาบอกมาแบบนี้ ราตรีก็จนมุมที่จะเถียง เมื่อซื้ออาวุธเสร็จแล้วเมฆาก็พาไปร้านขายเสื้อผ้าต่อซึ่งคราวนี้ราตรีไม่ยอมให้เมฆาเป็นผู้ออกเงินอีกแล้ว หลังจากซื้อเสื้อผ้ากับรองเท้าเสร็จแล้ว ราตรีก็ได้ใส่เสื้อผ้านักดาบแบบใหม่กับรองเท้าสมใจอยาก โดยชุดที่สวมใส่นั้นเป็นสีแดงตัดกับสีฟ้าซึ่งเข้ากับสีของนัยน์ตาเธอได้เป็นอย่างดี

“เลือกได้ไม่เลวนี่รัตติ สีแดงเดียวกับสีตัวของข้าเลย” มาริโอกล่าวชมเมื่อเห็นราตรีเดินออกมาจากร้าน ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับอมยิ้ม

“ขอบใจที่ชม” ราตรีกล่าวขอบคุณมันก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้ “จริงสิ ข้าซื้อของมาเผื่อเจ้าด้วยนะมาริโอ”

“จริงเหรอ ไหนๆขอดูหน่อยซิ!” มาริโอพูดด้วยความตื่นเต้น ซึ่งพอราตรีหยิบขึ้นมากลับเป็นดอกไม้สีส้มแทนที่จะเป็นเสื้อผ้าตามที่มันเข้าใจ “ดอกไม้? เจ้าซื้อดอกไม้นี่มาให้ข้าทำไม”

“ก็เจ้าจะได้พ่นไฟได้ยังไงล่ะ เอ้ารีบทานเข้าซะสิ”

“เจ้าบ้า! ข้าพ่นไฟได้ที่ไหนกันเล่า!!” มาริโอกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ส่วนเมฆาเห็นราตรีพูดแล้ว พลันนึกขึ้นมาได้บ้าง

“น้องมาริโอครับ พี่เองก็ซื้อของมาเผื่อให้น้องด้วยนะ”

“จริงเหรอ ไหนๆ” มาริโอหันไปสนใจเมฆาแทน ซึ่งพอชายหนุ่มหยิบขึ้นมาแล้ว กลับเป็นเข็มกลัดรูปดาวสีเหลืองแทน

“เอาไปติดซะ น้องจะได้เป็นอมตะยังไงครับ” คราวนี้มาริโอถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนจะแผดเสียงร้องลั่น

“แง้! หนูไม่ใช่มาริโอในเกมมาริโอนะ!!!” แถมล้มตัวลงไปนอนกลิ้งกับพื้นชักดิ้นชักงอเพราะโดนคนรุมแกล้ง

“โอ๋ๆ อย่าเพิ่งร้องนะขอรับ กระผมมีของจะให้” คราวนี้มาริโอหยุดชะงักด้วยความแปลกใจก่อนจะลุกขึ้นมามองปิเอโร่ที่กำลังหยิบของจากในกระเป๋า ซึ่งเผยให้เห็นกระดองเต่าสีเขียวอันใหญ่ในมือของปิเอโร่ “กระดองเต่าระดับ 10 เก็บเอาไว้ใช้เป็นอาวุธนะขอรับ...คุณ...มา...ริ...โอ”

ปิเอโร่พูดด้วยน้ำเสียงยินดีปนเยาะเย้ยถากถาง ก่อนจะส่งกระดองเต่าให้มาริโอ ซึ่งทำเอามาริโอที่นั่งฟังถึงกับเตะกระดองเต่าออกอย่างเร็ว ก่อนจะล้มตัวลงไปนอนชักดิ้นชักงอแผดเสียงจ้าอีกครั้ง

“เฮ้อ! เสียภาพลักษณ์บอสเห็ดมาริโอหมดพอดีกันเลยนะขอรับ” ปิเอโร่พูดพลางถอนหายใจ ซึ่งทำเอาคนร้องผุดลุกขึ้นอย่างเร็ว

“อ้าวเฮ้ย พูดงี้มายิงกันเลยดีกว่าไอ้ปากเหม็น”

“มาริโอ!” ราตรีร้องห้ามไม่ให้มาริโอพูดไปมากกว่านี้ หากแต่ปิเอโร่กลับพูดแทรกขึ้นมาว่า

“อ้าวเฮ้ย พูดงี้มายิงกันเลยดีกว่าไอ้ปากเหม็น”

“นี่แกพูดตามข้าทำไมฟ่ะ” มาริโอพูดด้วยความเดือดดาล ทว่าปิเอโร่กลับพูดด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกับมาริโอว่า

“นี่แกพูดตามข้าทำไมฟ่ะ”

“แล้วแกจะพูดตามข้าทำหอกไร”

“แล้วแกจะพูดตามข้าทำหอกไร” ปิเอโร่ยังคงพูดตามมาริโอ ซึ่งทำเอามาริโอถึงกับสติแตก

“แง้! หนูไม่ยอมนะ มาพูดตามหนูทำไม หนูไม่ยอมนะ! หนูไม่ยอม! ฮือๆ”

“แง้! หนูไม่ยอมนะ มาพูดตามหนูทำไม หนูไม่ยอมนะ! หนูไม่ยอม! ฮือๆ” ดูเหมือนปิเอโร่จะไม่ยอมเลิกแกล้ง ซึ่งทำเอาราตรีกับเมฆาถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ

ว่ามาริโอเกรียนขั้นเทพแล้วนะ แต่ปิเอโร่นี่ช่าง เกรียนเมพจริงๆ

“พอแค่นั้นแหละปิเอโร่” เมฆาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น ซึ่งทำให้ปิเอโร่ที่ยืนยิ้มอยู่ถึงกับหุบยิ้มไปทันที

“ขอรับคุณชาย” แล้วราตรีก็เดินไปจับแขนมาริโอให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะใช้มือตบหลังมาริโอเบาๆเป็นการปลอบใจ

“โอ๋ๆ ไม่มีอะไรแล้วนะ หยุดร้องไห้ได้แล้วนะเด็กน้อยเอ้ย”

“ค่ามิตรภาพของท่านเพิ่มขึ้นเป็นระดับ8”

เสียงระบบประกาศ ซึ่งเธอพูดปลอบได้ไม่นานนัก มาริโอจึงยอมหยุดร้องไห้แต่โดยดี หากแต่ราตรีได้แต่เก็บความสงสัยในท่าทางของปิเอโร่ที่ยากจะคาดเดาไว้ในใจอย่างเงียบๆ

.....................

 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:

[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2015 09:54:26 โดย dragon123 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 25 ลุงจิล

......................................         

หลังจากนั้นราตรีก็ได้ขอเมฆาให้พาเธอกับมาริโอไปยังกระท่อมลุงจิล เพราะเธอกับมาริโอได้หายตัวไปหลายวันแล้ว เธอจึงกลัวว่าลุงจิลจะเป็นห่วงเอาได้ เมื่อไปถึงแล้ว ลุงจิลไม่พูดไม่จาแต่กลับยืนตะลึงเมื่อได้เห็นราตรีในรูปโฉมใหม่

“นะ…นะ…นี่เจ้าใช่รัตติแน่หรือ” ลุงจิลถามเสียงตะกุกตะกัก

“แน่สิฮะท่านลุงจิล” ราตรีตอบยิ้มๆ “ผมกลัวว่าท่านลุงจะเป็นห่วง ก็เลยมาหา ว่าแต่ท่านลุงสบายดีหรือเปล่าฮะ”

“เด็กน้อย เจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก ข้าสบายดี เอ๊ะ นี่เจ้ามีแขนกับมืองอกตั้งแต่เมื่อไหร่กันมาริโอ” ลุงจิลพูดก่อนจะเหลือบเห็นแขนมาริโอทั้งสองข้างอย่างแปลกใจ

“ก็ไม่นานนี่แหละตาแก่” มาริโอตอบอย่างไม่สุภาพ ซึ่งทำให้ราตรีต้องหันมาหยิกแขนมันเป็นการลงโทษ

“พูดกับผู้ใหญ่ให้มันสุภาพหน่อยมาริโอ” ราตรีดุก่อนจะหันหน้ามาขอโทษลุงจิล “ผมต้องขอโทษแทนมาริโอด้วยนะฮะ ที่มันพูดจาเสียมารยาทกับท่านลุง”

“ไม่เป็นไรๆ ข้าไม่ใส่ใจอยู่แล้ว ว่าแต่เจ้าเถอะเด็กน้อย ไปไงมาไงร่างกายถึงได้เติบโตขนาดนี้” ลุงจิลถามอย่างสงสัย

“เรื่องมันยาวฮะท่านลุง” ราตรีตอบพลางหยิบถุงเงินขึ้นมา ก่อนจะยัดใส่มือของลุงจิล “เงินถุงนี้ผมขอมอบให้ท่านลุงฮะ ถือซะว่าเป็นค่าตอบแทนที่ท่านลุงอุตส่าห์ให้ที่พักและเลี้ยงดูผมตอนยังเป็นทารก”

ลุงจิลได้ยินที่ราตรีพูดถึงกับส่ายหน้าไปมาก่อนจะพูดตอบกลับไปว่า

“เด็กน้อยเอ้ย เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องให้เงินกับลุงหรอก ลุงขอแค่ได้เห็นเจ้าเติบโตเป็นคนดี รูปงามกับมีชีวิตที่ปลอดภัย ลุงก็ค่อยหายห่วงแล้ว”

“ท่านลุง” ราตรีถึงกับรู้สึกปลื้มเมื่อได้ยินคำพูดของลุงจิล เพราะเธอเปรียบเขาเสมือนพ่อคนหนึ่งของเธอ ถึงแม้อีกฝ่ายจะเลี้ยงดูเขาได้เพียงแค่วันเดียวก็ตาม “อ๊ะจริงสิท่านลุงฮะ นี่เพื่อนของผมเมฆากับปิเอโร่ฮะ”

ราตรีพูดอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนจะผายมือไปทางเมฆากับปิเอโร่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ซึ่งพอลุงจิลหันไปมองตามมือของราตรี ทำให้นัยน์ตาของชายวัยกลางคนขยับวูบหนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นดังเดิมโดยที่ราตรีไม่มีโอกาสได้สังเกตทัน

“สวัสดีครับคุณลุง ผมเมฆา ส่วนนี่ ปิเอโร่คนรับใช้ส่วนตัวของผมครับ” เมฆาพูดแนะนำตัวเองกับปิเอโร่ให้อีกฝ่ายรู้จัก

“เช่นกันนะพ่อหนุ่ม” ลุงจิลตอบสั้นๆ ถึงแม้คล้ายจะมองเมฆากับปิเอโร่ แต่นัยน์ตาทั้งสองข้างหาได้มองไม่ “แล้วนี่เจ้าจะกลับมาพักกระท่อมข้าหรือเปล่าเด็กน้อย”

ราตรียิ้มก่อนจะตอบกลับไปว่า

“คงจะไม่ล่ะฮะ พอดีผมมีธุระที่ต้องไปฝึกวิชากับเพื่อนที่นอกเมืองนะฮะ”

“อย่างงั้นหรอกรึ” ลุงจิลพูดด้วยความเสียดายเมื่อราตรีบอกปฏิเสธ “ถ้าเจ้าอยากจะกลับมาพักกระท่อมของข้าอีก ก็มาได้เลยนะ ข้ายินดีต้อนรับเจ้ากับมาริโอเสมอ”

“ฮะท่านลุง ผมต้องกลับมาแน่ฮะ” ราตรีตอบก่อนจะบอกลาลุงจิลเพื่อไปฝึกวิชาต่อ

“ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะตาแก่” มาริโอพูดปิดท้ายโดยโบกมือไหวไปมา ซึ่งทำเอาราตรีต้องตบหัวมาริโอโทษฐานที่มันพูดจาไม่เพราะกับผู้ใหญ่ ส่วนลุงจิลก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เมื่อพวกราตรีได้จากไปแล้ว ใบหน้ายิ้มแย้มของลุงจิลก็พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันควัน ก่อนจะพูดติดต่อกับใครบางคนโดยผ่านพรายกระซิบว่า

“นี่เจพูด เป็นอย่างที่ข่าวลือพูดเอาไว้จริงๆ ตอนนี้ราชาแห่งสมาคมเงากับตัวตลกปิเอโร่อยู่ที่เมืองเริ่มต้นแล้ว ใช่ ตอนนี้อยู่กับผู้เล่นชายผมสีเงินสั้นชุดสีแดงและเห็ดมาริโอ ใช่ เริ่มแผนการได้เลย ฆ่าได้ตามสบายแต่อย่าให้สองคนนั้นโดนลูกหลงเชียวล่ะ ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน แค่นี้นะ”

..........................

เมื่อพวกราตรีบอกลาลุงจิลแล้ว เมฆาก็พาเธอออกไปยังนอกเมืองเริ่มต้นเพื่อที่จะพาไปฝึกฝนดาบให้คล่องก่อนลงสนามจริง ทว่าพวกราตรีเดินออกมาจากนอกเมืองได้ไม่ถึงสามสิบนาที จู่ๆเมฆาที่เดินนำหน้าถึงกับหยุดเดิน

“มีอะไรเหรอฮะท่านพี่” ราตรีถามอย่างสงสัย

“เอาดาบคาตานะขึ้นมาเลยครับน้องราตรี” เมฆาบอกโดยไม่หันหน้ามามองราตรี ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบหยิบดาบออกมาจากกระเป๋าไอเทมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ราตรีหยิบดาบขึ้นมาจากกระเป๋าไอเทมแล้ว จู่ๆก็มีผู้เล่นปริศนาในชุดคล้ายนินจาสีดำปกปิดหน้าตาถึงสิบร่างโผล่ออกมาล้อมวงพวกราตรีเอาไว้ “ระวังตัวนะ”

แล้วราตรีก็ยืนย่อเข่า มือซ้ายกุมฝักดาบแน่น มือขวากระชับที่ด้าม สายตามองกวาดประสานไปที่ดวงตาของคนในชุดดำที่ยืนล้อม ส่วนเมฆานั้นเมื่อได้เห็นราตรีแล้ว ก็รู้สึกประหลาดใจกับท่าทางและวิธีใช้ดาบที่ไม่ต่างกับนักดาบตัวจริงเลย แต่ทว่าเมฆาก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นก่อนจะรับการโจมตีจากพวกนักฆ่าที่ดาหน้ามาหาชายหนุ่ม ซึ่งการโจมตีของพวกชุดดำนั้นได้สร้างความแปลกใจให้กับราตรี เพราะแทนที่พวกนี้จะเข้ามาทำร้ายเธอกับมาริโอด้วย กลับรุมโจมตีทำร้ายเมฆากับปิเอโร่แทน

ให้ตายสิเจ้าพวกนักฆ่า เล่นให้เราตั้งท่ารอเก้อรึเนี่ย!

ราตรีคิดในใจอย่างฉุนจัด

“มาริโอรีบเข้าไปช่วยท่านพี่กับปิเอโร่เร็วเข้า!” ราตรีตะโกนบอก ซึ่งมาริโอก็พยักหน้าก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปจัดการนักฆ่าคนหนึ่งที่อยู่ห่างจากเมฆาไม่เท่าไหร่ เมื่อมาริโอไปแล้ว เธอก็ปรี่เข้าไปหานักฆ่าที่กำลังต่อสู้กับปิเอโร่ถึงห้าคนบ้าง

“เฮ้ย! อย่าวิ่งมาทางนี้สิฟ่ะไอ้หนุ่ม” นักฆ่าคนหนึ่งร้องลั่นเมื่อเห็นราตรีถือดาบวิ่งเข้าหามันอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าราตรีหาได้ฟังไม่ ซึ่งทำเอานักฆ่าที่ราตรีคิดจะสู้ด้วยถึงกับรีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ส่วนราตรีที่วิ่งตามนักฆ่าก็นึกแปลกใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเอาแต่วิ่งหนีลูกเดียว ไม่ยอมหันมาสู้กับเธอเลยสักนิด

ก็ดีเหมือนกัน จะได้จัดการง่ายๆหน่อย

ราตรีคิดในใจก่อนจะตัดสินใจเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่งอีกสองก้าวก็จะถึงตัวของนักฆ่าแล้ว ราตรีก็ชักดาบออกมาก่อนจะตวัดดาบฟันขาข้างซ้ายของนักฆ่าอย่างรวดเร็ว

ฉัวะ!

1908

ทันทีที่ดาบได้ตวัดขาข้างซ้ายแล้ว ขาข้างนั้นก็พลันขาดแล้วเลือดก็พุ่งกระฉูดออกมา

“อ้าก!” นักฆ่าแผดเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดก่อนจะล้มหน้าทิ่มเพราะขาดเสาหลักอย่างขาข้างซ้ายไป พอนักฆ่าล้มลงไปแล้ว ราตรีก็เดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะใช้ดาบเสียบเข้ากลางหลังทันที

ฉึ่ก!

“อ็อค!” นักฆ่าร้องเพียงแค่อึดใจเดียว ร่างก็พลันเปล่งแสงขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างเร็ว เสร็จแล้วราตรีก็กวาดสายตาหาเหยื่อรายใหม่ ส่วนทางด้านเมฆาที่กำลังรับมือการโจมตีจากนักฆ่าอยู่ถึงห้าคนนั้น ก็ได้มาริโอวิ่งเข้ามาช่วยต่อสู้ ซึ่งทีแรกเมฆาถึงกับหัวเสียเพราะแทนที่มาริโอจะมาช่วย กลับเป็นตัวยุ่งเสียมิว่า หากแต่มาริโอวิ่งเข้าใกล้นักฆ่าคนหนึ่งที่อยู่ห่างจากเขาไปได้ไม่ไกลแล้ว นักฆ่าคนนั้นกลับวิ่งหนีมาริโอเสียจนเตลิด ซึ่งทำเอาเมฆาถึงกับงุนงง ส่วนมาริโอที่วิ่งไล่ตามนักฆ่านั้นถึงกับแปลกใจ ว่าทำไมมนุษย์ผู้นี้ถึงได้หนีมันแทนที่จะสู้เหมือนกับเมฆา   

หรือว่านี่จะเป็นพลังจากเข็มกลัดดาวที่เมฆาให้ข้านะ?

ปิเอโร่เห็นมาริโอดังนั้นจึงตะโกนสำทับไปว่า

“ใช้ดาวอมตะไล่เตะมันเลยมาริโอ จะกระโดดเหยียบหัวมันเลยก็ได้” มาริโอได้ยินที่ปิเอโร่ตะโกนบอก จึงใช้ท่ากระโดดที่แสนจะภาคภูมิใจก่อนจะเหยียบลงบนหัวของนักฆ่าคนนั้นอยู่หลายครั้ง

ป๊อก!

100

ป๊อก!

200

ป๊อก!

400

ป๊อก!

800

ป๊อก!

2000

ป๊อก!

5000

ป๊อก!

8000

ป๊อก!

1up

ป๊อก!

1up

ป๊อก!

1up


แล้วนักฆ่าคนนั้นก็ล้มลงนอนจูบกับพื้นเพราะเสียหลักเนื่องจากถูกมาริโอเหยียบหัว แต่พอลุกขึ้นอีกครั้ง...

ปัก!

5555

ฉูด!


เลือดพุ่งกระฉูดเพราะมีไพ่รูปโจ๊กเกอร์ปักคากลางหน้าผาก ซึ่งทำให้นักฆ่าคนนั้นถึงกับตายทันทีโดยไม่มีโอกาสได้ร้องสักแอะ ซึ่งทำให้ตอนนี้นักฆ่าเหลือเพียงแปดจากสิบคนเพราะมัวแต่วิ่งหนีจนถูกฆ่า

ปรี๊ด!

เสียงนกหวีดจากที่ไหนไม่รู้ดังลั่นป่า ทำเอาเหล่านักฆ่าที่เหลือชะงักไปชั่วขณะก่อนจะเพิ่มความเร็วในการลงมือ ซึ่งทำเอาเมฆากับปิเอโร่รับมือหนักขึ้นกว่าเดิม ส่วนทางราตรีที่คิดจะโจมตีนักฆ่าที่อยู่ใกล้เมฆาต่อ ทว่ากลับมีเงาจากไหนก็ไม่รู้โผล่มาจากทางหลังเธออย่างรวดเร็ว

“รัตติข้างหลัง!” เสียงมาริโอตะโกนบอกเธอ ซึ่งไม่ทันที่ราตรีจะได้หันกลับไปดู เสียงกระแทกที่ต้นคออย่างหนักหน่วงก็ดังขึ้นกังวาน

พลั่ก!

แรงปะทะอันหนักหน่วงซัดเข้าที่ต้นคอ ทำให้ภาพเบื้องหน้าที่ราตรีเห็นเริ่มเลือนราง หากแต่ด้วยผิวเกล็ดสีฟ้าของเธอช่วยต้านแรงโจมตีเอาไว้ จึงไม่ทำให้เธอถึงกับหมดสติไปทันที มีเพียงแต่เดินเซซ้ายเซขวาไปมาอย่างอ่อนแรง

“นี่ ยังไม่ล้มอีกรึเนี่ย เผ่ามังกรช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้” เสียงคุ้นหูดังแว่วจากด้านหลังของราตรี “ขอโทษด้วยนะพ่อหนุ่ม ข้าจำเป็นต้องทำ ไม่งั้นพวกข้าคงลงมือได้ไม่สำเร็จแน่ๆ”

พอสิ้นเสียงของผู้ลอบทำร้ายแล้ว คราวนี้แรงปะทะซัดเข้าที่ลำคอของเธอซ้ำอีกรอบ

พลั่ก!

แล้วโลกทั้งโลกก็พลันมืดลง ซึ่งก่อนจะสลบไปเธอได้ยินเสียงเรียกของเมฆาดังแว่วเข้ามา

“น้องราตรี!” จากนั้นเธอก็ไม่รับรู้อีกเลย

................

“น้องราตรี!”

เมฆาร้องตะโกนเรียกเด็กหนุ่มผมเงินที่โดนทุบจนสลบ ซึ่งบัดนี้ร่างของราตรีได้อยู่ในอุ้งมือของใครบางคนที่พวกเมฆาเพิ่งจากมาได้ไม่นาน นี่ถ้าพวกนักฆ่าไม่มาขวางไว้แล้วล่ะก็ เมฆาคงจะเข้าไปช่วยได้ทัน ส่วนปิเอโร่นั้นไม่สามารถช่วยราตรีได้ทันเช่นกัน เพราะระยะที่ปิเอโร่กับราตรียืนอยู่นั้นห่างกันเกินที่ปิเอโร่จะปาไพ่ไปได้ถึง

“รัตติ!” มาริโอร้องพลางจะวิ่งเข้าไปหาราตรีเพื่อช่วยเหลือ หากแต่โดนนักฆ่าทุบหัวจนสลบไปอีกรายตามราตรีไป เมื่อราตรีกับมาริโอสลบไปแล้ว เหล่านักฆ่าที่เหลือต่างวิ่งเป็นวงกลมล้อมเมฆากับปิเอโร่ไว้ไม่ให้หนี

“กร็อด!” เมฆากัดฟันด้วยความโกรธก่อนจะหันไปมองชายวัยกลางคนที่คุ้นตากำลังอุ้มร่างของราตรีเดินมาทางนี้ ก่อนจะตามมาด้วยมาริโอที่ถูกนักฆ่าดึงขามาริโอลากเดินมาโดยไม่สนว่าใบหน้าของมาริโอจะขูดกับพื้นดิน “ทำแบบนี้ต้องการอะไรจากข้ากันแน่”

“ลุงจิล” แท้จริงแล้วโฉมหน้าบุคคลที่ทำร้ายราตรีจนสลบไปนั้นก็คือ ลุงจิลหรือเอ็นพีซีที่ราตรีเคยบอกชายหนุ่มเอาไว้ แต่บัดนี้เมฆาแทบไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะสามารถเดินออกมาจากในเมืองได้ ทั้งๆที่เอ็นพีซีในเกมถูกจำกัดพื้นที่ไม่ให้เดินออกไปไหนมาตามใจชอบ หรือจะพูดให้ถูกก็คือเอ็นพีซีเป็นเพียงแค่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้น ไม่สามารถมีชีวิตจิตใจหรือสามารถมีความคิดเป็นของตัวเองได้เหมือนมนุษย์อย่างพวกเขาที่เข้ามาเล่นเกมออนไลน์นี้ ส่วนลุงจิลที่ถูกเมฆาเรียกชื่อถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะตอบกลับไปว่า

“หึ ต้องการอะไรนะหรือ ก็ชีวิตของเจ้ายังไงล่ะราชาแห่งสมาพันธ์เงา” เมฆาได้ยินถึงกับกัดฟันก่อนจะเถียงกลับไปว่า

“ถ้าเจ้าต้องการชีวิตข้าก็เข้ามาเอาสิ แต่ไม่เห็นต้องทำร้ายสองคนนั้นด้วย พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสมาพันธ์ของข้า พวกเขาเป็นเด็กบริสุทธิ์” คำว่าเด็กบริสุทธิ์ทำให้ลุงจิลหัวเราะเสียงดังลั่น

“เจ้าไม่ต้องมาทำเป็นเสี้ยมสอนข้าราชาเงา ข้ารู้ดีว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่” ลุงจิลพูดเสียงเหี้ยม “เจ้าคงแปลกใจสินะว่าทำไมเอ็นพีซีอย่างข้าถึงเดินออกมานอกเมืองได้ทั้งๆที่ต้องจมปลักอยู่ที่นั่นคอยทำตามคำสั่งของระบบเกมนี้”

เมฆาได้ยินที่อีกฝ่ายพูดถึงกับขมวดคิ้ว เพราะเขาเองก็ยังสงสัยข้อนี้ด้วยเช่นกัน

“นั่นก็เป็นเพราะว่าข้าไม่ใช่เอ็นพีซีจริงๆนะสิ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ข้าเป็นผู้เล่นเกมแบบเดียวกับพวกเจ้าเพียงแต่ถูกให้เกิดมาเป็นเอ็นพีซีนั่นเอง”

“อะไรนะ!” เมฆาร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อได้รับรู้ความจริง เพราะเท่าที่เขาได้อ่านคู่มือเกมนี้มา ไม่มีหน้าไหนที่ระบุบอกไว้เลยว่าจะมีผู้เล่นอย่างพวกเขาเกิดมาเป็นเอ็นพีซีได้

“ตกใจล่ะสิราชาเงา ที่ข้าเป็นผู้เล่นเหมือนพวกเจ้าได้” ลุงจิลพูดกึ่งหัวเราะกึ่งเยาะเย้ย “จะโทษก็ไปโทษระบบของเกมนี้เถอะ เพราะมันดันสร้างขึ้นมาเสมือนจริงมาก ก็เลยทำให้ข้าเกิดมาเป็นเอ็นพีซีอย่างที่เห็นอยู่นี้”

เมฆาได้ยินก็แทบหัวเราะไม่ออก เพราะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้เล่นแบบเดียวกับเขา

“แต่น่าเสียดายยิ่งนัก ที่ข้าเกิดเป็นเอ็นพีซีแล้วไม่สามารถออกจากเกมได้”

“ว่ายังไงนะ!” คราวนี้เมฆาตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำพูดของลุงจิล

“เพราะข้าต้องทำหน้าที่ของเอ็นพีซีอยู่เกือบตลอดเวลา ถ้ามีผู้เล่นคนใดเข้าไปเคาะประตูกระท่อมแล้ว ข้าก็ต้องเปิดประตูรับ แต่ก็มีบ้างเป็นบางครั้งที่ข้าพยายามจะไม่เปิดประตู เพราะขี้เกียจทำหน้าที่เอ็นพีซียังไงล่ะ” ลุงจิลตอบด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย “แต่ก็ช่างเถอะ ถึงจะออกเกมไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงตัวข้านี้ก็ไม่สามารถออกจากเกมได้อยู่แล้วล่ะ”

“ทำไม? ทำไมถึงออกไม่ได้ล่ะ” เมฆาถามอย่างลืมตัว ลืมว่าอีกฝ่ายเป็นนักฆ่าที่ทำร้ายราตรีจนสลบ

“ก็เพราะตัวข้าที่อยู่ข้างนอกเป็นเจ้าชายนิทรายังไงล่ะราชาเงา” พอเมฆาได้ยินที่อีกฝ่ายพูดแล้ว ก็แทบพูดอะไรไม่ออกอีก “แต่ใช่ว่าข้าจะเป็นพวกที่ชอบฆ่าคนไร้เหตุผลหรอกนะราชาเงา เจ้ายังจำผู้เล่นคนหนึ่งที่เคยสู้กับเจ้าที่สุสานเลือดได้รึไม่”

พอสิ้นคำถามของลุงจิลแล้ว นัยน์ตาสีแดงของเมฆาถึงกับเบิกกว้างอย่างตกใจ

“ดูท่าเจ้าคงจะยังไม่ลืมสินะ วันนั้นคนที่เจ้าสู้ด้วย เขาเป็นเพื่อนรักของข้าและเป็นเพื่อนชายคนเดียวที่ข้ามีอยู่ในเกม” ลุงจิลพูดพลางทำหน้าเศร้า ก่อนจะตีสีหน้าเกรี้ยวกราดใส่เมฆาต่อ “แต่พอเขาสู้เจ้าจนถึงกับพ่ายแพ้ เขาก็ลาจากโลกนี้ไปโดยไม่คิดจะหวนกลับเข้ามาในเกมอีก ฉะนั้นข้าจะไม่มีวันให้อภัยเจ้าแน่! ทุกคนจัดการได้!!”

“ครับ!” แล้วพวกนักฆ่าก็พากันกรูเข้าหาเมฆากับปิเอโร่อย่างพร้อมเพรียง ส่วนลุงจิลก็ได้อุ้มร่างของราตรีเดินออกจากที่แห่งนั้นไปพร้อมกับร่างของมาริโอซึ่งถูกนักฆ่าอีกคนลากเดินตามไปด้วยโดยไม่คิดจะหันกลับมาดูอีกเลย


.......................

“เอาล่ะ เรื่องประชุมด้านเสบียงของสมาพันธ์ก็ต้องขอยุติแต่เพียงเท่านี้ ถ้ามีอะไรสงสัยล่ะก็ พรายกระซิบถามมาได้เลย แล้วฉันจะมาตอบคำถามข้อสงสัยให้ เอาล่ะ เลิกประชุมได้”

เสียงผู้หญิงในชุดเกราะสีดำพูดตัดบทก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกนอกห้องประชุมไป โดยไม่สนใจสายตาของพวกสมาชิกที่เหลือซึ่งนั่งฟังอย่างเงียบสงบมานานพอสมควร

“ท่านคะ ท่านประมุข…” เสียงหวานเรียกหากแต่ชะงักเมื่อเห็นนัยน์ตาของประมุขตวัดมองกลับมาด้วยความโกรธเคือง “เอ่อ ขอโทษค่ะพี่ธิดา หนูไม่ได้ตั้งใจจะพูด มันลืมตัว…เอ่อ พี่ธิดากำลังจะไปไหนคะ”

“เวลานี้คือเวลาส่วนตัวของพี่ ถ้าน้องหงส์หยกเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องล่ะก็ ควรจะให้พี่ได้พักผ่อนไปตามเรื่องตามราวบ้าง” ธิดาตอบพลางหันหน้าหนี ก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อ หากแต่หงส์หยกรีบเดินตามหลังธิดาไปอย่างเงียบๆเพราะไม่อยากจะแยกจากหญิงสาวผู้พี่ในตอนนี้ ซึ่งธิดาเห็นว่าอีกฝ่ายเดินตามมาด้วยก็ไม่ได้ห้ามว่าแต่อย่างใด จึงเดินตัวปลิวโดยที่ไม่คิดจะรออีกฝ่ายให้เสียเวลา

ป่านนี้แล้วน้องรัตติกับมาริโอจะเป็นยังไงบ้างนะ

ธิดาคิดในใจในขณะที่กำลังจะเดินออกจากปากถ้ำซึ่งภายนอกเป็นทะเลทั้งหมด เมื่อถึงปากถ้ำดีแล้วธิดาก็ใช้สกิลทันที

Changing!

จากขาเรียวงามกลายเป็นหางนางเงือกสีแดงแทนที่ ส่วนหงส์หยกที่เดินตามมานั้นก็ได้ใช้สกิลแบบเดียวกับธิดาหากแต่หางนางเงือกเป็นสีเขียวมรกตแทน เมื่อเปลี่ยนเสร็จแล้วธิดาก็สอดมือแทรกออกไปนอกม่านพลังซึ่งอีกด้านเป็นเพียงแค่น้ำทะเลที่ถูกกั้นไว้ไม่ให้ทะลักเข้ามา จากนั้นธิดาจึงค่อยใช้มือแหวกว่ายทำให้ร่างกายลอยไปตามน้ำ ก่อนจะสะบัดครีบหางไปมาเพื่อที่จะลอยตัวขึ้นเหนือผิวน้ำ ทว่าธิดายังว่ายไปไม่ถึงผิวน้ำดี สายตาทั้งสองข้างก็พลันเห็นเงาผู้เล่นชายคนหนึ่งกำลังนอนจมลงน้ำทะเลเรื่อยๆ พร้อมกับอีกร่างที่เป็นเห็ดซึ่งลอยอยู่มิห่างไกล

นั่นน้องมาริโอนี่!

ธิดาคิดอย่างตะลึงเมื่อได้เห็นมาริโอ เพราะเธอจำเสื้อผ้าที่มาริโอใส่ได้ดี

ถ้างั้นผู้เล่นคนเมื่อกี้ก็คือ…

น้องรัตติ!

ธิดาคิดได้ดังนั้นจึงรีบว่ายน้ำตรงดิ่งเพื่อไปช่วยเด็กหนุ่มคนนั้นทันที ก่อนจะหันไปสั่งหงส์หยกให้ไปช่วยมาริโอแล้วจึงพาว่ายขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็ว พอขึ้นฝั่งเรียบร้อยแล้ว ธิดาก็วางเด็กหนุ่มลงกับพื้นก่อนจะผายปอดช่วยชีวิตหนุ่มน้อยอย่างไวเพราะหวั่นเกรงว่าอีกฝ่ายจะตายเอาได้ ส่วนทางด้านหงส์หยกก็ได้ช่วยชีวิตมาริโอเช่นเดียวกับธิดา

“แค่กๆ!” ผู้เล่นหนุ่มน้อยหรือรัตติตามที่ธิดาเข้าใจว่าต้องใช่สำลักน้ำทันทีที่เธอปั้มหน้าอก หากแต่ธิดายังไม่มั่นใจว่าน้ำในปอดยังไม่ออกหมดดี จึงคิดจะผายปอดอีกครั้ง ในขณะที่ธิดากำลังก้มลงเพื่อจะผายปอดที่ปาก เด็กหนุ่มที่นอนหลับตาก็พลันลืมตาขึ้นอย่างเร็ว เผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำเงินที่ส่องประกายสดใสประดุจห้วงท้องทะเลลึก

นัยน์ตาสีสวยจัง

ธิดาเผลอคิดชื่นชมเด็กหนุ่มอย่างลืมตัว

“ท่านพี่ธิดา?” เด็กหนุ่มเริ่มฟื้นตัวดีแล้วพอได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวผมแดงใกล้ๆแล้ว ก็เรียกชื่อเธอ ซึ่งทำเอาธิดาที่มัวแต่เหม่อมองสีนัยน์ตาของเด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งตกใจก่อนจะรีบถอยหน้าออกห่างอย่างเร็ว “นั่นใช่ท่านพี่ธิดาหรือเปล่าฮะ”

อีกฝ่ายถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งธิดาสะบัดหน้าไปมาก่อนจะส่งยิ้มหวานพร้อมกับคำตอบไปว่า

“ใช่จ้ะ ว่าแต่น้องใช่รัตติหรือเปล่าจ้ะ แหม โตขึ้นเยอะจนพี่จำแทบไม่ได้เลยนะเรา” เด็กหนุ่มได้ยินที่ธิดาพูดก็พลันหัวเราะแห้งๆก่อนจะใช้มือยันตัวเพื่อลุกขึ้นนั่ง หากแต่ธิดารีบปราดเข้าไปช่วยประคองเด็กหนุ่มอย่างไว

“ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนเหรอฮะท่านพี่ธิดา ผม…โอ๊ย เจ็บๆ” รัตติร้องครางอย่างเจ็บปวดก่อนจะเอามือลูบที่ต้นคอ ซึ่งธิดาเห็นดังนั้นจึงหันไปมองต้นคอก่อนจะร้องอุทานอย่างตกใจ

“ตายแล้ว นี่น้องไปโดนอะไรมาหรือจ้ะ คอแดงเป็นปื้นเลยเชียว” รัตติได้ยินที่ธิดาถามถึงกับขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก

“ผม...ผมจำไม่ได้...จริงสิ มาริโอ! ท่านพี่ธิดาเห็นมาริโอไหมครับ”

“มาริโอเหรอจ้ะ ตอนนี้น้องสาวของพี่กำลังช่วยดูให้อยู่ นั่นไงล่ะจ้ะน้องรัตติ อยู่นั้นนะ” ธิดาพูดพลางชี้นิ้วไปยังด้านขวาของรัตติ ซึ่งมีร่างของมาริโอนอนสำลักน้ำอยู่

“ท่านพี่ช่วยพาผมไปหามาริโอได้ไหมครับ ผมเป็นห่วงเขา” รัตติเอ่ยปากขอร้องเธอ

“ได้สิจ้ะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” แล้วธิดาก็พยุงร่างเล็กให้ยืนขึ้นก่อนจะพาเดินไปหามาริโอที่นอนอยู่ ซึ่งทำให้หงส์หยกที่นั่งอยู่ข้างมาริโอ ก็พลันลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินถอยออกไปห่างๆ เมื่อธิดาพารัตติเดินมาถึงแล้ว เด็กหนุ่มก็พลันนั่งลงกับพื้นก่อนจะรีบจับคลำแขนมาริโอไปมาอย่างเป็นห่วง

“มาริโอ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม” รัตติถามพลางก้มหน้ามองมาริโอที่เพิ่งจะลืมตาขึ้นมาอย่างสะลืมสะลือ “มาริโอพูดอะไรกับข้าสักคำสิ มาริโอๆ”

ไม่ว่าพลางแถมเขย่าตัวมาริโอไปมาจนคนถูกเขย่าถึงกับร้องโวยวาย

“เออ ข้าตื่นแล้ว ไม่ต้องเขย่าขนาดนั้นก็ได้นี่รัตติ! ให้ตายพับผ่าสิ” เมื่อรัตติได้ยินที่มาริโอพูดแล้ว ถึงกับร้องไห้น้ำตาไหลพราก “อ้าวแล้วนั่นจะร้องไห้ไปทำสวรรค์วิมานอะไร นี่ข้ายังไม่ตายนะเฟ้ยไอ้รัตติ!”

มาริโอร้องโวยวายเมื่อเห็นเจ้านายตัวเองนั่งร้องไห้ต่อหน้า ก่อนจะบ่นอุบอิบกับตัวเองว่า “สู้เก็บน้ำตาไว้ให้คนอื่นยังจะดีกว่าอีกนะ”

ธิดาได้ยินที่ทั้งคู่พูดกัน ถึงกับหัวเราะเบาๆ

สองคนนี้น่ารักจัง

“ว่าแต่พวกน้องไปทำอะไรกันมาหรือจ้ะ ถึงตกน้ำทะเลไปได้นะ” พอธิดาพูดจบ รัตติก็พลันขมวดคิ้วก่อนจะร้องอุทานด้วยความตกใจ

“จริงสิ พี่เมฆา! ต้องรีบไปช่วยท่านพี่เมฆาซะแล้ว” ไม่ว่าเปล่าแถมผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าเด็กหนุ่มเพิ่งจะฟื้นได้ไม่นาน จึงทำให้หน้ามืดวูบลงกับพื้นอีกครั้ง ซึ่งยังดีที่ธิดาจับเอาไว้ได้ทัน ไม่งั้นคงล้มทับมาริโอที่นั่งอยู่แน่ๆ

“ใจเย็นๆจ้ะน้องรัตติ ตอนนี้น้องเพิ่งจะฟื้นตัวดี อย่าเพิ่งรีบลุกขึ้นไปไหนเลยดีกว่านะจ้ะ”

“แต่ถ้าไม่ไปตอนนี้ท่านพี่เมฆากับปิเอโร่โดนฆ่าตายแน่ๆ” พอได้ยินคำว่าฆ่า ธิดาถึงกับขมวดคิ้ว

“ฆ่า? ใครฆ่าใครจ้ะ”

“ก็เพื่อนของผมนะฮะท่านพี่ธิดา! ตอนนี้พวกเขากำลังโดนนักฆ่ารุมฆ่าอยู่ ผม…ผมไม่รู้ว่าทำไมผมกับมาริโอถึงมาอยู่ที่นี่ได้” รัตติตอบพลางเอามือกุมขมับ ก่อนจะหันหน้าไปทางมาริโอ “เจ้าพอจะรู้หลังจากที่ข้าสลบไปบ้างไหมมาริโอ”

มาริโอส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ขอโทษนะรัตติ ตอนนั้นข้ามัวแต่เป็นห่วงเจ้า กำลังจะเข้าไปช่วยเจ้าแต่กลับโดนทุบหัวจนสลบไปเสียก่อนนะ” พอได้คำตอบแล้ว สีหน้าของรัตติกลับซีดลงกว่าเดิม

“น้องรัตติจ้ะ เรื่องนี้น้องไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะช่วยน้องเองนะ”

“ท่านพี่จะช่วยผมจริงเหรอฮะ!” ราตรีร้องถามอย่างตื่นเต้น ซึ่งธิดาได้ยินก็พลันพยักหน้าตอบ

“จริงสิจ้ะ พี่จะช่วยน้องเอง” ธิดาตอบยิ้มๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไปทางหญิงสาวอีกคนซึ่งกำลังยืนกุมมืออยู่ห่างๆ “ได้ยินที่พูดแล้วใช่ไหมน้องหงส์หยก”

“คะพี่ธิดา” หงส์หยกตอบคำขาน

“ส่งสัญญาณเรียกสมาชิกที่อยู่ใกล้ๆนี้ให้รีบมาที่นี่ด่วน ต้องภายในสองนาทีด้วยนะ”

“ค่ะพี่ธิดา” แล้วหงส์หยกก็หยิบขลุ่ยใบไม้ออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะนำมันคาบไว้ที่ปากก่อนจะเป่ามันออกมา

“แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว สองนาที ขอเวลาพี่แค่สองนาที” ธิดาหันกลับไปพูดกับรัตติ “ว่าแต่ที่เกิดเหตุมันอยู่ที่ไหนจ้ะน้องรัตติ พอจะบอกพี่ได้ไหมล่ะ”

“ได้สิฮะ ที่เกิดเหตุมันอยู่ที่…”

........................

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 26 คลั่ง

....................................

ย้อนกลับมาสามหนุ่มสามมุม หลังจากได้กำจัดลำไยไปแล้ว ก็ได้ทำความสะอาดเมืองเริ่มต้นถึงห้าวันเต็ม จนกระทั่งระบบได้ประกาศบอกสิ้นสุดการลงโทษแต่เพียงเท่านี้ สามหนุ่มก็วางมือจากงานทั้งหมดก่อนจะเดินออกไปนอกเมืองเพื่อที่จะตามหาคุณยายต่อ แต่ทว่าพวกเขายังเดินไปได้ไม่ไกลจากเมืองเท่าไหร่นัก กลับต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นศพปริศนานอนจมกองเลือดอยู่กับพื้นดินท่ามกลางเขตชายป่าดินแดนยักษ์

“น่าแปลก ศพผู้เล่นถูกฆ่าแต่ทำไมไม่กลายเป็นแสงกลับไปรอห้องเตรียมจุตินะว่าไหมพวก” ศาสตราเอ่ยปากถามเพื่อน ซึ่งพิภพยังไม่ทันได้ตอบคำถามของศาสตรา ศพปริศนาก็พลันหายไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาโดยทิ้งรอยเลือดไว้ให้เป็นของดูต่างหน้าแทน

“คงเป็นบั๊ก” พิภพตอบพลางส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายกับความผิดพลาดของระบบเกม “ช่างเถอะ นานๆครั้งที่ระบบเกมของเกมมันจะรวนบ้าง เหมือนอย่างกรณีของปฐพีที่ส่งข้อความหาคุณยายไม่ได้ยังไงล่ะศาสตรา”

“ก็จริงนะ แต่ไอ้รอยเลือดนี่มันไม่ยอมหายไปเลยสักที เห็นแล้วสยองวะ” ศาสตราพูดพลางทำท่าขนลุก

“อืม ฉันก็ว่างั้น” ปฐพีตอบพลางก้มหน้ามองกองเลือดที่มีอยู่หลายจุด เขาคาดว่าที่นี่คงจะมีคนโดนฆ่าไม่ต่ำกว่าห้าคนอย่างแน่นอน และหนึ่งในศพที่เพิ่งจะหายไปก็อนาถพอดู โดนฆ่าสับละเอียดแทบไม่เป็นชิ้นดี ดูท่าคนฆ่าคงจะมีความแค้นอย่างแสนสาหัสจึงได้ฆ่าอย่างน่าหวาดเสียวถึงขนาดนี้ “เดี๋ยวกลับเมืองเริ่มต้นแล้วไปแจ้งกับพนักงานของเกมให้มาจัดการ…”

“ปฐพี ธิดามาแน่ะ” พิภพพูดเสียงกระซิบพลางสะกิดไหล่เพื่อน ทำให้ปฐพีต้องหันหลังกลับไปดู ก่อนจะพบหญิงสาวผมแดงในชุดเกราะสีดำยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่โดยมีผู้เล่นยืนอยู่ด้านหลังสักเจ็ดแปดคนได้ และนอกจากนี้ที่ข้างกายเธอก็มีเด็กหนุ่มผมสีเงินในชุดนักรบฝึกหัดสีแดงกำลังจ้องพวกเขากับเห็ดมาริโอที่อ้าปากค้างยืนอยู่ด้วย แต่ทว่าทั้งธิดาทั้งปฐพีต่างไม่พูดอะไรสักคำเดียว เอาแต่ยืนจ้องหน้ากันจนศาสตราต้องกล่าวพูดแทนปฐพีเพื่อทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้

“พวกเราไม่ได้เป็นคนทำนะ พวกเราเพิ่งจะมาที่นี่ได้ไม่ถึงสองนา...”

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรพวกนาย กรุณาอย่าร้อนตัว” ธิดาพูดดักคออย่างรู้ทัน ซึ่งทำเอาผู้หญิงผมเขียวที่ยืนอยู่ด้านหลังธิดาถึงกับขยับตัวไปมา แต่ทว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่ทันได้พูดต่อ จู่ๆ เด็กหนุ่มผมสีเงินในชุดแดงก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นว่า

“ไม่จริงใช่ไหม...เป็นท่าน...ท่านพี่...เมฆา”

“รัตติ?” เห็ดมาริโอหันมาพูดกับเด็กหนุ่มอย่างฉงน หากแต่เด็กหนุ่มเจ้าของนามว่ารัตติหาได้ตอบไม่ กลับวิ่งปราดเข้าไปยังกองเลือดก่อนจะใช้มือสองข้างกวาดเลือดที่ยังไม่แห้งดีขึ้นมาหน้าตาเฉย ทำเอาทุกคนต่างพาหลบหน้าหนีเพราะทนดูไม่ได้ ซึ่งยกเว้นสามหนุ่มกับธิดาที่ยังคงมองเด็กหนุ่มด้วยความแปลกใจ

“ท่านพี่เมฆา ผมขอโทษที่มาช่วยท่านพี่ช้าไป! ผมขอโทษ ฮือๆ” แล้วเด็กหนุ่มพูดร้องไห้ครวญครางเสียงดังลั่น ซึ่งทำเอาผู้ได้ยินต่างรู้สึกเจ็บปวดไปตามๆกัน ทว่าชื่อเมฆาที่ดังมาจากปากของเด็กหนุ่มทำให้ปฐพีกับพรรคพวกถึงกับขมวดคิ้ว

“เมฆา? น้องชายพูดชื่อเมฆางั้นหรือ” ปฐพีถามอย่างสงสัย แต่ทว่าเด็กหนุ่มหาได้ตอบไม่ กลับร้องไห้ครวญครางจนเสียงแหบแห้ง

“รัตติ อย่าร้องไห้เลยนะ” เห็ดมาริโอที่ยืนอยู่ข้างกายเด็กหนุ่มหันมาพูดปลอบ ซึ่งปฐพีเดาเอาว่ามันคงเป็นทาสรับใช้ของเด็กหนุ่มนามว่ารัตติอย่างไม่ต้องสงสัย

ปลอบเจ้านายตอนที่อยู่ในช่วงภาวะเศร้า

ช่างเป็นทาสที่ดีอะไรเช่นนี้

น่ายกย่องจริงๆ


ปฐพีคิดชื่นชมเห็ดมาริโอ ทว่ามีบางอย่างที่ปฐพีเผลอคิดข้ามไปโดยไม่รู้ตัว

“ไม่!” เสียงกรีดร้องเด็กหนุ่มแผดร้องดังขึ้นอีกครั้งทำเอาทุกคนที่อยู่ในบริเวณนี้สะดุ้งตกใจ ก่อนที่ร่างกายของเด็กหนุ่มเกิดเปล่งแสงสีฟ้าขึ้นมาอย่างหน้าตาเฉย

“เกิดอะไรขึ้นนะ!” ทุกคนร้องถามกันเป็นเสียงเดียวพร้อมกับเอามือป้องใบหน้ากันแสงเข้าตา ซึ่งแสงสีฟ้าได้เจิดจ้าอยู่ชั่วครู่ก่อนจะจางหายไปพร้อมกับเสียงคำรามของสัตว์ใหญ่ที่เพิ่งจะแผดเสียงดังขึ้น

“ก๊าซ!” ปฐพีได้ยินดังนั้นจึงรีบวางแขนลงก่อนจะตกตะลึงเมื่อได้เห็นมังกรสีผิวเพทายฟ้าอ่อนตัวสูงใหญ่ประมาณสองเมตรกำลังยืนอ้าปากร้องโดยที่ข้างหลังได้กางปีกสองข้างอยู่ด้วย

“เด็กคนนั้นเป็นพวกเผ่ามังกรรึเนี่ย!” ปฐพีพูดอย่างตกตะลึง ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งธิดา ศาสตรา พิภพ หงส์หยก และผู้เล่นคนอื่นที่ต่างอ้าปากค้างมองมังกรตรงหน้าด้วยความตกใจไม่แพ้กัน ยกเว้นเห็ดมาริโอที่ไม่ได้ทำหน้าตาตกใจเหมือนคนอื่นๆ

“ใจเย็นๆรัตติ! อย่าโมโห ตั้งสมาธิให้มั่น อย่าให้ความโกรธของตัวเองเข้าครอบงำ” เห็ดมาริโอตะโกนบอกหากแต่มังกรกลับใช้เท้าสะกิดมันให้ไปไกลๆ ซึ่งทำเอาเห็ดมาริโอกระเด็นไปไกลร่วมหนึ่งเมตร เมื่อเห็ดมาริโอกระเด็นไปไกลแล้ว มังกรก็หันหน้ากลับมาทางพวกปฐพีต่อ ทำให้พวกสามหนุ่มได้เห็นนัยน์ตาสีแดงกล่ำได้อย่างชัดเจน

น่ากลัวชะมัด!

“ใจเย็นๆนะไอ้น้อง มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน…”

ผัวะ!

1200


ศาสตราพูดยังไม่ทันจบ ก็โดนมังกรใช้หางฟาดเข้าใบหน้าเต็มๆ ก่อนที่ร่างของศาสตราจะกระเด็นม้วนตีลังกากลิ้งกับพื้นไกลออกไปร่วมสองร้อยเมตรได้

“ศาสตรา!” พิภพกับปฐพีร้องเรียกชื่อเพื่อนที่นอนสลบไปแล้วด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่ามังกรจะมีพลังอำนาจมากถึงเพียงนี้ ทว่ามังกรไม่ได้รอให้ทุกคนได้มีโอกาสขยับตัว ก็หันมาเล่นงานพิภพต่อทันที

ผัวะ!

1991


ร่างพิภพถูกหางปัดเข้าที่ลำตัว หากแต่พิภพมีร่างที่ใหญ่โตจึงไม่ถึงกับกระเด็นกระดอนเหมือนศาสตรา จึงแค่กระเด็นหงายท้องกับพื้นแน่นิ่งไปไม่มีลุกขึ้นอีก ปฐพีเห็นทั้งคู่โดนโจมตีแล้วก็ไม่พลาดที่จะรอให้มังกรได้โจมตีตน จึงเรียกโล่สีทองยักษ์ออกมาอย่างไว แต่ถึงกระนั้นปฐพีก็ไม่สามารถทนแรงโจมตีของหางที่ฟาดมาได้อยู่ดี

เคร้ง!

699


โล่ถูกปัดจากออกจากมือซึ่งทำเอาปฐพีถึงกับมือชา

พลังมังกรน่ากลัวจริงๆ!

พอคิดเสร็จปฐพีก็รีบกระโดดถอยหลังเพื่อตั้งหลัก ก่อนจะรีบชักดาบขึ้นมาแต่ทว่าจู่ๆ ก็มีเปลวไฟสีฟ้าอันร้อนแรงได้แผดเผามือของปฐพีอย่างไม่ทันตั้งตัว

ฟู่!

2678


“อ้าก!” ปฐพีแผดเสียงร้องก่อนจะสะบัดมือที่มีไฟลุกท่วม ทำให้ดาบร่วงหล่นกับพื้นก่อนจะหายวับเข้าไปในกระเป๋าเป้ตามเดิม ซึ่งเหตุการณ์นี้พวกธิดาได้แต่ยืนตะลึงเพราะไม่คาดว่าสามหนุ่มจะโดนมังกรโจมตี

“พลังวารี!” เสียงหวานร่ายเวทย์ก่อนที่พลังน้ำจะพัดเข้าใส่ที่มือของปฐพีอย่างเร็ว ทำให้ไฟที่เคยลุกไหม้ก็ดับลงภายในพริบตาเดียว ซึ่งหลงเหลือแต่รอยคราบเขม่าสีดำกับรอยเลือดที่ยังคงอยู่

“ขอบใจนะธิดา” ปฐพีหันมาพูดขอบคุณ แต่ทว่าหญิงสาวไม่อยู่รอคำตอบเพราะรัตติที่กลายเป็นมังกรได้เข้าโจมตีกลุ่มของธิดาบ้างแล้ว ซึ่งในระหว่างที่ธิดากับหงส์หยก หรือแม้กระทั่งปฐพีคอยหลบการโจมตีของเด็กหนุ่มที่ได้กลายเป็นมังกรไปแล้ว ก็พยายามพูดเกลี่ยกล่อมให้อีกฝ่ายได้สติ แต่ทว่ามังกรหาได้ตอบรับคำเรียกจากพวกเขาไม่ แล้วเวลาก็ผ่านไปได้สิบนาที คนของธิดาก็พากันสลบไปจนหมด จะเหลือก็แต่ปฐพี ธิดา และหงส์หยกที่ยังคงคอยหลบการโจมตีได้อยู่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงได้รับบาดเจ็บบ้าง

“พี่ธิดาคะ พวกเราสูญเสียคนไปมากแล้ว น้องว่าฆ่าเลยจะดีกว่านะคะ” พอหงส์หยกพูดจบ ธิดาก็หันหน้ามาตำหนิก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

“ถ้าน้องทำแบบนั้นล่ะก็ พี่จะไม่มีวันให้อภัยน้องแน่หงส์หยก” ปฐพีได้ยินถึงกับอึ้งในคำพูดของธิดา เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดแบบนี้

เด็กหนุ่มคนนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับเธอกันแน่ เธอถึงให้ความสำคัญมากขนาดนี้

ธิดา


ทว่าเวลาผ่านไปได้สองนาที หงส์หยกก็โดนมังกรโจมตีจนสลบไปอีกราย ก่อนจะตามด้วยธิดาซึ่งถูกปีกสะบัดเข้าที่ศีรษะเพียงครั้งเดียวก็สลบ แล้วก็ปฐพีที่ไม่ถึงคราวเคราะห์ เขาโดนเตะก็จริงแต่ก็ไม่ถึงกับสลบทันที ภาพมังกรนัยน์ตาสีแดงตรงหน้าดูเลือนรางกำลังขยับเข้ามาใกล้ทุกที

สงสัยเราคงจะไม่รอดแล้วจริงๆ

ปฐพีคิดในใจอย่างหมดแรง แต่ทว่าจู่ๆ เห็ดมาริโอที่น่าจะสลบไปแล้ว กลับวิ่งมาบังร่างของปฐพีเอาไว้

“รัตติหยุดเดี๋ยวนี้!”

เห็ดมาริโอ?

เจ้านี่ช่าง…


แล้วปฐพีก็สลบไปซึ่งทำให้พลาดโอกาสที่จะได้เห็นความลับของเด็กหนุ่มในร่างมังกรไปอย่างน่าเสียดาย

...............................

หลังจากปฐพีได้สลบไปแล้ว มาริโอก็ได้พยายามเรียกสติของเจ้านายตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ตื่นสิรัตติ อย่าให้ความโกรธเข้าครอบงำ!”

ตึง!

1001


มาริโอถูกรัตติเหยียบหากแต่มันหลบได้ทันจึงโดนแค่เฉียดๆ

“ตื่นสิไอ้เด็กเปรต!” มาริโอตะโกนบอกแต่ก็มิวายทำให้รัตติในร่างมังกรใช้หางฟาดเข้าที่แขน

พลั่ก!

1903


“อั่ก!” มาริโอกระอักเลือด

“รัตติ ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธ แต่เจ้าก็ไม่น่าจะโกรธถึงขนาดนี้ก็ได้นี่” มาริโอกัดฟันพูดพลางเงยหน้ามองรัตติในร่างมังกร “แล้วอีกอย่างมันก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้า คนที่ผิดคือนักฆ่า”

ฟู่!

“เย้ย!” มาริโอร้องตกใจก่อนจะหันหลังวิ่งหนีลูกไฟ หากแต่ลูกไฟมันดันวิ่งตามมาริโอ จึงทำให้มาริโอโดนลูกไฟไปเต็มๆ

ตูม!

1900

1930

1800


“อ้าก!” มาริโอกรีดร้องอย่างเจ็บแสบเจ็บร้อนเนื่องจากไฟได้ลุกท่วมตัว แต่ทว่าโชคยังเข้าข้างมาริโอ เพราะทันทีที่มาริโอวิ่งกรีดร้องอยู่นั้น จู่ๆฝนก็ตกลงมาอย่างแรง ทำให้ไฟสีฟ้าที่เคยลุกท่วมตัวมาริโอก็พลันหายไป

ตุบ!

มาริโอล้มฟุบนอนกับพื้นอย่างหมดแรง ซึ่งคราวนี้มันไม่มีแรงที่จะขยับตัวได้อีกแล้ว

“รัตติ ข้าขอร้องล่ะ รีบรู้สึกตัวซะที” มาริโอพูดเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะเงยหน้ามองรัตติในร่างมังกรที่กำลังเดินย่างกรายเข้ามาหามันอย่างเชื่องช้า ทำให้มาริโอสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะใช้กำลังเฮือกสุดท้ายตะโกนกลับไปว่า “รีบตื่นได้แล้วราตรีพิสุทธิ์!”

สิ้นคำพูดของมาริโอ น้ำตาจากนัยน์ตาของมันก็พลันร่วงลงอาบแก้มก่อนจะหยดลงบนพื้นดิน

แปะ

วูบ!


จู่ๆ สร้อยคอเกล็ดย้อนของเหม่ยจิงที่รัตติสวมไว้อยู่เกิดเปล่งแสงสีเงินสว่างจ้า พร้อมกับบาเรียได้ครอบคลุมรัตติในร่างมังกรทั้งหมด แล้วร่างคุ้นตาก็พลันปรากฏขึ้นต่อหน้าราตรี

ท่าน...พ่อ?!

“เจ้าเด็กโง่ นี่หรือลูกชายข้า ทำได้แค่ใช้กำลังอาละวาดไม่ต่างกับมังกรชั้นต่ำ มองไปรอบๆ สิ ดูผลของสิ่งที่เจ้ากระทำลงไป เห็นหรือยัง นี่คือผลจากความบ้าคลั่งของเจ้า” เดรคราชามังกรพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ลูกพ่อ ตั้งสติ แล้วรีบกลับไปช่วยเพื่อนของเจ้าเสีย จงอย่าปล่อยให้สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตต้องมลายหายไปด้วยน้ำมือเจ้า”

อะไรนะ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น ภาพที่เคยมืดมัวกลับสว่างขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะเผยให้เห็นร่างเห็ดมาริโอนอนฟุบหน้าจมกองเลือด ซึ่งสภาพตามร่างกายที่เคยดูดีกลับเต็มไปด้วยรอยแผลไฟไหม้จนดูน่าเกลียดน่ากลัว

“มาริโอ!” ราตรีร้องอุทานด้วยความตกใจ ซึ่งทำให้ร่างมังกรอันใหญ่โตของเธอกลับคืนกลายเป็นมนุษย์ตามเดิม ก่อนที่ราตรีจะวิ่งกระเสือกกระสนเข้าอุ้มมาริโอทั้งน้ำตา “ข้าขอโทษ! ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า! ข้าขอโทษนะมาริโอ! ตื่นสิมาริโอ ตื่น มาริโอ”

มาริโอในอ้อมแขนของราตรีลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า

“ในที่สุด...ก็ตื่นซะทีนะ...ราตรี” แล้วมาริโอก็หลับลงไปอีกครั้ง ซึ่งทำเอาราตรีตกใจถึงกับตกใจสุดขีด

“มาริโอลืมตาขึ้นสิ! มาริโอ…มาริโอ!” ราตรีตะโกนร้องเรียกมาริโอพร้อมกับเขย่าร่างของมันอย่างแรง

“เนื่องจากเห็ดมาริโอถูกโจมตีอย่างหนัก ทำให้ติดค่าสถานะสลบ”

เสียงระบบประกาศบอกในหัวราตรี ซึ่งทำเอาเธอหยุดชะงัก

สลบงั้นหรือ? ราตรีคิดในใจพลางใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางอังจมูกมาริโอ ทำให้รู้สึกถึงลมหายใจที่แผ่วเบา แค่สลบไปจริงๆด้วย แต่ดูจากอาการแล้วคงจะสาหัสมาก ถ้าไม่รีบรักษาตอนนี้มีหวังมาริโอได้ไปเที่ยวยมโลกแน่

ทว่าเมื่อราตรีได้รู้ว่ามาริโอปลอดภัยดีแล้ว ภาพเบื้องหน้าถึงกับดับวูบลง ซึ่งทำให้ร่างของราตรีทรุดลงไปนอนทับร่างมาริโอทั้งที่ยังอุ้มอยู่อย่างนั้น

“เนื่องจากค่าพลังงานในการแปลงร่างมังกรของท่านหมด ทำให้ติดค่าสถานะสลบ”

................................

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 27 ฝึกวิชา

...................
 
“เจ้าเด็กโง่ นี่หรือลูกชายข้า ทำได้แค่ใช้กำลังอาละวาดไม่ต่างกับมังกรชั้นต่ำ มองไปรอบๆสิ ดูผลของสิ่งที่เจ้ากระทำลงไป เห็นหรือยัง นี่คือผลจากความบ้าคลั่งของเจ้า”

ไม่จริง ข้าไม่ได้ตั้งใจ!


ราตรีหรือรัตติแย้งทันควันก่อนจะก้มมือสองข้างของตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือด

เลือด?!

“รัตติ พี่ไปทำอะไรให้น้องจ้ะ น้องถึงมาฆ่าพี่” เสียงพูดตะกุกตะกักมาจากธิดา ซึ่งทำเอาราตรีรีบส่ายหน้าอย่างเร็ว “พี่เจ็บเหลือเกิน รัตติ น้องฆ่าพี่ทำไม!”

“ผมขอโทษฮะพี่ธิดา ผมไม่ได้ตั้งใจ!” ราตรีตอบ แต่ทว่าธิดาตรงหน้ากลับเลือนหายไปก่อนที่มาริโอจะโผล่ขึ้นมาแทน “มาริโอ ข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเจ้า ข้าขอโทษ”

ทว่ามาริโอกลับตีสีหน้ารังเกียจปนเย็นชา

“เจ้าฆ่าข้า ฉะนั้นข้าไม่มีวันให้อภัยเจ้าแน่รัตติ!”

แล้วร่างมาริโอก็ค่อยๆเลือนหายไป ทำเอาราตรีรีบวิ่งเข้าหาเพื่อจะคว้าตัวมาริโอแต่ก็คว้าไม่ทัน

“ไม่นะมาริโอ ข้าขอโทษ!”

“เพราะเจ้าทำพวกข้าตาย!” เสียงผู้คนนับสิบร้องโหยหวน ก่อนจะมีมือเปื้อนเลือดหลายคู่ที่โผล่มาจากความมืดเข้ามาจับแขนขาของราตรีอย่างบ้าคลั่ง “เอาชีวิตของข้าคืนมา เอาชีวิตของพวกข้าคืนมา!”

“ไม่นะ ผมไม่ได้ตั้งใจ!” แล้วร่างสูงก็โผล่มาตรงหน้า ทำเอาราตรีถึงกับยิ้มแป้น “ท่านพี่เมฆา”

“เพราะเรามาช้า พี่ถึงต้องตายยังไงล่ะครับ” ชายหนุ่มยิ้มตอบ จากใบหน้าที่เคยขาวเนียนกลับมีเลือดกับหนอนสีเขียวโผล่ขึ้นเต็มหน้า ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับผงะ “พี่จะมาเอาชีวิตของเราไปอยู่ด้วย เพราะงั้นไปด้วยกันเถอะนะ!”

“ไม่!!”

“รัตติ! ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว!” เสียงหวานดังแทรกขัดจังหวะ ทำให้ราตรีลืมตาขึ้นมาก่อนจะเห็นใบหน้าของธิดาอยู่ใกล้ๆ

“ท่านพี่…ธิดา?”

“จ้ะ นี่พี่เอง” ธิดาตอบยิ้มๆ ซึ่งทำให้ราตรีที่เพิ่งลืมตาขึ้นมาก็ต้องหลับตาอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน

“มันเกิดอะไรขึ้นครับท่านพี่...ผม...งงไปหมดแล้ว” ราตรีถามอย่างสงสัย

“เอ อันนี้พี่ไม่แน่ใจนะ พี่รู้แต่เพียงว่าพอพี่ฟื้นอีกที ก็เห็นน้องนอนสลบข้างมาริโอแล้ว” เสียงของธิดาตอบ ก่อนที่ราตรีจะรู้สึกถึงผ้าเย็นมาโปะที่หน้าผาก “ดีนะที่น้องรัตติกับน้องมาริโอไม่เป็นอะไรแล้ว เพราะพี่เป็นห่วงพวกน้องมาก ไม่ว่าจะเรียกยังไงก็ไม่ยอมตื่น”

“ผมกับมาริโอ...จริงสิ มาริโอ!” ราตรีร้องอย่างนึกขึ้นได้ก่อนจะลุกขึ้นนั่งพรวดพราด แต่เนื่องด้วยราตรีเพิ่งจะฟื้นทำให้หน้ามืดก่อนจะล้มลงนอนอีกครั้ง

“ไม่ได้นะจ้ะน้องรัตติ น้องยังเพิ่งฟื้นใหม่ๆ จะรีบลุกขึ้นไม่ได้”

“แต่ผมเป็นห่วงมาริโอ” แล้วราตรีก็รู้สึกถึงมืออันเนียนนุ่มลูบที่หัวของเธออย่างแผ่วเบา

“เรื่องน้องมาริโอนั้นปลอดภัยแล้วจ้ะ รู้สึกตอนนี้น้องเค้ากำลังทานขนมเค้กกับหงส์หยกอยู่นะ”

“หงส์หยก?”

“อ้อ นั่นเพื่อนของพี่เองจ้ะ พอดีพวกพี่กำลังหาทางให้น้องมาริโอทานยาอยู่ ก็เลยใช้ขนมเค้กเป็นตัวล่อนิดหน่อยนะจ้ะ” ธิดาตอบ ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับกุมขมับ

ใครว่ามันทานยายาก มันหาเรื่องเนียนหลีหญิงมากกว่า

ส่วนธิดาเห็นรัตติทำสีหน้าเคร่งเครียด จึงถามกลับไปว่า

“ถ้าน้องรัตติเป็นห่วงเขามาก งั้นพี่จะพาน้องไปหาน้องมาริโอเลยแล้วกัน”

“ฮะ ต้องรบกวนท่านพี่ธิดาอีกแล้วนะฮะ” ราตรีตอบ ซึ่งธิดาก็ได้พยุงตัวราตรีขึ้นก่อนจะพาราตรีเดินไปข้างนอกห้องเพื่อหามาริโอ เมื่อมาถึงแล้ว ราตรีถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นคนที่เธอห่วงนักห่วงหนากำลังนั่งตักผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีผมเขียวมัดรวบเป็นหางม้าในชุดว่ายน้ำทูพีช

“ง่ำๆ อร่อยจัง เอาอีกฮับ เอาอีก” มาริโอพูดพลางเคี้ยวขนมเค้กตุ้ยๆ ส่วนผู้หญิงอีกคนที่กำลังถือจานขนมเค้กอยู่นั้นก็รีบพยักหน้า ก่อนจะใช้ช้อนตักขนมเค้กและทำท่าจะส่งเข้าปากมาริโอ

“มา...ริ...โอ” ราตรีกัดฟันเรียกชื่อมันด้วยความโกรธเคืองพร้อมกับจ้องมาริโออย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งทำเอามาริโอที่ถูกราตรีแผ่รังสีฆ่าฟันใส่ถึงกับสะดุ้งตกใจกระโดดออกจากตักของผู้หญิงคนนั้นอย่างเร็ว

“รัตติฟื้นแล้วเหรอ” มาริโอแสร้งพูดเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นเจ้านายยืนตรงประตู “ดีจังเลยนะ ข้าเป็นห่วงแทบแย่ กินอะไรก็ไม่ค่อยได้ นอนก็ไม่ค่อยหลับ เฝ้าเป็นห่วงเจ้าอยู่เกือบตลอดเวลา”

ราตรีขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำแก้ตัวของมาริโอ

เป็นห่วง? แต่มาอ้อนผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยนี่นะรึห่วง

ไอ้เห็ดแก่ตัณหา


“งั้นเหรอ แล้วไอ้ครีมติดอยู่ที่มุมปากนั่นหมายความว่ายังไง”

“ห๊ะ! อะไรนะ” มาริโอชะงักก่อนจะรีบเอามือป้ายปากอย่างไว ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับถอนหายใจ

ดูมัน แค่พูดดักคอนิดเดียวก็หลุดแล้ว

“น้องรัตติจ้ะ อย่าไปโกรธน้องมาริโอเลยนะ เพราะพี่เป็นคนบังคับให้เขามาทานเค้กเองจ้ะ” ธิดารีบพูดแก้ความเข้าใจผิดเด็กหนุ่ม ก่อนจะหันหน้าไปทางผู้หญิงคนนั้น “ว่าแต่น้องหงส์หยกเถอะ ไม่เห็นต้องลงทุนถึงขนาดนี้เลยก็ได้นี่ แค่ป้อนเค้กเฉยๆก็น่าจะพอแล้วนะ”

หงส์หยกยิ้มแห้งๆก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ก็เขาบอกว่าถ้าหนูไม่ใส่ชุดนี้แล้ว เขาจะไม่ยอมทานขนมเค้กนี่คะ”

“มาริโอ!!” หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวพร้อมใจประสานเสียงใส่มาริโอ ซึ่งทำเอามันตกใจ

“หนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจ!”

“ฮึ ไม่รู้ล่ะ ข้าจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องท่านพี่ชุนหลาน”

“ง่า ม่ายอาว หนูกลัวโดนต่อย รัตติเจ้าอย่าไปบอกท่านพี่ชุนหลานเลยนะ” มาริโอร้องครวญครางก่อนจะวิ่งเข้าไปนั่งคุกเข่าจับขากางเกงราตรีอย่างออดอ้อน

“อุ้ยตายจริง มีคนกำราบน้องมาริโออยู่หมัดด้วยหรือนี่จ้ะ” ธิดาร้องอุทานด้วยความแปลกใจ

ไม่อยู่ได้ยังไงล่ะ เจ้ชกทีระเบิดตูมตาม

ราตรีคิดในใจแต่โดยหารู้ไม่ว่าตัวเธอเองก็ร้ายพอเท่ากับหยางชุนหลานเช่นเดียวกัน เพียงแต่กรณีของเธอเป็นการใช้แส้ในการลงโทษมาริโอเท่านั้น

“ถ้าทำตัวดี ข้าก็จะไม่บอก” ราตรีบอกก่อนจะพูดขู่ต่อ “แต่ถ้าทำอีก ข้าจะไปฟ้องทันที”

“อื้อๆ ข้าจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน” มาริโอพูดพลางพยักหน้า ซึ่งราตรีเชื่อว่าอีกฝ่ายคงไม่ทำตามที่เธอบอกอย่างแน่นอน

มีครั้งแรกก็ย่อมมีครั้งสอง

“เอาล่ะเด็กๆ ทีนี้ก็หมดเรื่องแล้วนะจ้ะ เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะพาพวกน้องไปทานข้าวเช้าก่อน แล้วค่อยทานยาแล้วกันนะจ้ะ” ธิดาบอก ซึ่งทำเอามาริโอถึงกับตาวาว

“เย้ ข้าวเช้าๆ!” ราตรีได้ยินถึงกับกุมขมับกับความตะกละของมาริโอที่ไม่มีสิ้นสุด

“ไปกันเถอะจ้ะน้องรัตติน้องมาริโอ เดี๋ยวพี่จะพาไปห้องอาหารให้เอง” ธิดาบอกพลางสั่งให้มาริโอมาช่วยพยุงรัตติไปห้องอาหาร เมื่อสองร่างเดินออกไปแล้วธิดาจึงค่อยหันหน้ากลับมามองหงส์หยกด้วยแววตาเคร่งขรึม “ทีหลังห้ามใส่ชุดแบบนั้นอีกนะน้องหงส์หยก พี่ไม่ชอบ”

หงส์หยกสะดุ้งวาบก่อนจะก้มหน้าตอบว่า

“ค่ะพี่ธิดา น้องจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ”

เมื่อมาถึงห้องอาหารแล้ว ราตรีกับมาริโอแทบตะลึงหลังจากที่ได้เห็นอาหารบนโต๊ะไม้ เพราะแต่ละอย่างล้วนเป็นอาหารระดับฮ่องเต้ทั้งนั้น ซึ่งทำเอาราตรีรู้สึกเกรงใจอย่างยิ่ง

“ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกจ้ะน้องรัตติ อันนี้เป็นอาหารฟรีที่พี่ได้มาจากการจับรางวัลในงานประลองของเกมเรียลนี้นะจ้ะ” ธิดาบอกเหตุผลให้ราตรีฟัง ซึ่งเธอก็ค่อยรู้สึกหายใจโล่งคอ เพราะเธอไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร

“งั้นขอทานเลยนะฮะ” มาริโอพูดแทรกก่อนจะใช้มือคว้าหยิบไก่ทอดขึ้นมา แต่ทว่ารัตติไวกว่า เธอรีบตบมือของมาริโออย่างเร็ว ทำให้ไก่ทอดชิ้นนั้นร่วงหล่นบนโต๊ะอาหารทันที

“ยังไม่ได้ล้างมือ ห้ามทานอาหารเด็ดขาด อ้อ แล้วก็ห้ามทานอาหารก่อนผู้ใหญ่ด้วย” ราตรีพูดในเชิงสั่งสอน “ท่านพี่ธิดาฮะ ที่นี่มีอ่างล้างมือไหมฮะ ผมจะให้มาริโอล้างมือสักหน่อย”

“ได้สิจ้ะ”

หลังจากนั้นก็มีคนนำชามสำหรับล้างมือมาให้ พอพวกราตรีล้างเสร็จแล้วก็เริ่มลงมือรับประทานอาหารทันที ช่วงในระหว่างรับประทานอาหารนั้นธิดาก็ได้เล่าเรื่องให้ฟังต่อ ซึ่งสามหนุ่มแปลกหน้าที่ราตรีได้ทำร้ายร่างกายก่อนใครเขานั้น ก็ได้ขอแยกทางไปเรียบร้อยแล้วโดยที่ทั้งสามหนุ่มไม่ได้ติดใจเอาเรื่องที่รัตติทำร้ายร่างกายพวกเขาเลยแม้สักนิดเดียว แถมยังบอกว่ากองเลือดที่เห็นอยู่นั้นจะต้องไม่ใช่ผู้เล่นชายที่รัตติอยากจะช่วยแน่นอน ซึ่งพอราตรีได้ยินถึงกับโล่งใจไปหนึ่งเปลาะ เมื่อราตรีกับมาริโอทานข้าวกับทานยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว พลังก็ได้ฟื้นฟูคืนกลับมาเป็นปกติ

“ผมต้องขอขอบคุณท่านพี่ธิดามากนะฮะ ถ้าไม่ได้ท่านพี่ผมกับมาริโอคงแย่” ราตรีบอกพลางยกมือขึ้นไหว้ ซึ่งทำเอาธิดารีบยกมือขึ้นไหว้ตอบกลับอย่างไว

“ไม่เป็นไรจ้ะน้องรัตติ เรื่องของน้องก็คือเรื่องของพี่ ถ้าพี่ไม่ช่วยน้องแล้วจะให้ไปช่วยใครล่ะจ้ะ”

“ถ้ามีโอกาสหน้าผมคงตอบแทนให้ท่านพี่แน่ฮะ แต่ตอนนี้ผมกับมาริโอต้องขอตัวก่อนนะฮะ” คำพูดของราตรีทำเอาธิดาตกใจ

“อ้าว แล้วนั่นน้องรัตติจะรีบไปไหนล่ะจ้ะ ไม่อยู่พักฟื้นที่บ้านพี่ก่อนหรือ” ราตรีส่ายหน้าก่อนจะตอบยิ้มๆไปว่า

“แค่ผมทำร้ายร่างกายพี่ก็มากเกินพอแล้วฮะ ไหนจะมาพักฟื้นที่บ้านกับทานข้าวเช้าอีก”

“ไม่นะน้องรัตติ เรื่องนี้พี่ไม่คิดถือสาอะไรน้องเลยสักนิดเดียว!” ธิดารีบพูดแย้งเพราะไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะคิดถึงมากถึงเพียงนี้ “เอาแบบนี้แล้วกัน ถ้าน้องรัตติกังวลว่าจะเอาเปรียบพี่แล้วล่ะก็ มาทำงานอยู่ในสมาพันธ์ของพี่เป็นการชั่วคราวก่อนสิจ้ะ”

“ใช่ๆรัตติ อยู่ที่นี่ต่อเถอะ” มาริโอพูดเสริม ซึ่งทำเอาราตรีแทบกุมขมับ

ไอ้เห็ดลามก อยากอยู่เพราะมีแต่ผู้หญิงก็ว่ามาเถอะ

“เอาอย่างนั้นก็ได้ฮะท่านพี่ธิดา ผมจะทำงานเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ท่านพี่ธิดามอบให้กับพวกผม” ราตรีตอบ ซึ่งทำเอามาริโอถึงกับกระโดดโห่ร้องไชโย “แต่แค่อยู่ชั่วคราวนะฮะท่านพี่ธิดา ส่วนเรื่องการลงชื่อในสมาพันธ์ของท่านพี่นั้น ผมขอไม่ลงชื่อนะฮะ”

“อ้าวทำไมพูดแบบนั้นล่ะจ้ะน้องรัตติ” ธิดาถามกลับอย่างมึนงง เพราะถ้าไม่ลงชื่อแล้ว จะเรียกว่าเข้ามาทำงานในสมาพันธ์ได้ยังไง

“ก็ขืนผมเข้าสมาพันธ์ของท่านพี่จริงๆ ผมมิต้องคอยรับส่วนแบ่งจากท่านพี่ตลอดเลยรึยังไงฮะ” ราตรีตอบไปตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม “สู้ให้ผมทำงานโดยไม่ต้องรับส่วนแบ่งเลยจะดีกว่า เพราะผมไม่ชอบทำงานตอบแทนเพื่อหวังผลนะฮะ”

คราวนี้ธิดาถึงกับนิ่งไป ทำเอาราตรีชักไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะโกรธเธอรึเปล่า แต่ทว่าความคิดของราตรีมีอันต้องพับลงไป เพราะธิดายิ้มหวานให้กับราตรีก่อนจะตอบกลับมาว่า

“ไม่มีปัญหาอยู่แล้วจ้ะ น้องจะทำแบบนั้นก็ได้พี่ไม่ว่า เพราะพี่คิดอยู่แล้วว่าน้องต้องพูดแบบนี้”

เมื่อคุยตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ธิดาก็พาราตรีกับมาริโอไปพักผ่อนในห้องนอนสำหรับแขก เพราะพรุ่งนี้เช้าราตรีจะได้เริ่มทำงานต่อทันที

...............
 
รุ่งเช้าเข้าย่างวันที่เจ็ดในการออนไลน์เล่นเกมของราตรี ซึ่งแน่นอนว่าราตรีได้ตื่นนอนก่อนไก่ที่จะขันเสียอีก ส่วนมาริโอนั้นราตรีปล่อยให้มันนอนได้ตามสบาย หลังจากอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอก็ไม่ลืมที่จะนั่งสมาธิซึ่งในโลกจริงเธอทำจนเป็นกิจวัตรไปแล้ว

“ท่านได้รับทักษะพลังจิตระดับ1”

ราตรีถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงระบบประกาศ

ไม่ยักรู้ว่าแค่นั่งสมาธิก็ได้ทักษะมาด้วย

ราตรีคิดในใจก่อนจะนั่งสมาธิต่อ ซึ่งการนั่งสมาธิของเธอก็ไม่ใช่มีอะไรมากมาย เพียงแค่นั่งให้สบาย ไม่คิดฟุ้งซ่าน ส่วนเรื่องการหายใจนั้น เธอเพียงแค่กำหนดลมหายใจโดยหายใจเข้าก็นับหนึ่ง พอหายใจออกก็นับสอง ซึ่งบวกเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งครบร้อยแล้วเริ่มนับหนึ่งใหม่

“ท่านได้รับทักษะพลังจิตระดับ2”

“ท่านได้รับทักษะพลังจิตระดับ3”

“ท่านได้รับทักษะพลังจิตระดับ4”

“ท่านได้รับทักษะพลังจิตระดับ5”

“ท่านได้รับทักษะพลังจิตระดับ6”

“ท่านได้รับทักษะพลังจิตระดับ7”

“ท่านได้รับทักษะพลังจิตระดับ8”


ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง ก่อนจะตามด้วยเสียงหวานที่ดังแว่วออกมาจากข้างนอกประตู

“น้องรัตติจ้ะ น้องรัตติตื่นหรือยังเอ่ย” ราตรีได้ยินดังนั้นจึงลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้าก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ตื่นแล้วฮะท่านพี่ธิดา”

“งั้นหรือจ้ะ ถ้าตื่นแล้วก็รีบปลุกน้องมาริโอด้วยนะ แล้วเดี๋ยวเรามาเจอกันที่ห้องเดิมนะจ้ะ”

“ฮะท่านพี่”

เมื่อเสียงคนที่อยู่ข้างนอกได้เดินไปแล้ว ราตรีก็หันไปปลุกมาริโอซึ่งทีแรกมันไม่ยอมขยับเขยื้อน พอเธอปลุกครั้งที่สองมันกลับตีแขนเธอเต็มแรง พอครั้งที่สามคราวนี้ราตรีไม่เขย่าตัวมันอีก แต่กลับลงจากเตียงแล้วเดินหายไปในห้องน้ำสักพักก่อนจะเดินกลับออกมาพร้อมกับถังน้ำหนึ่งใบ

ซ่า!

น้ำในถังหกใส่หน้ามาริโอไปเต็มๆ ทำเอาคนขี้เซาถึงกับสะดุ้งตื่นทันที

“ว้าก! ข้าศึกโจมตีแล้ว!!” มาริโอร้องโวยวายก่อนจะหันมาเห็นราตรีที่กำลังยืนถือถังน้ำอยู่ข้างๆเตียง “ปลุกข้าดีๆก็ได้นี่รัตติ ทำไมต้องสาดน้ำใส่ข้าด้วยล่ะ”

“ก็ ข้าปลุกเจ้าตั้งสองหนแล้วก็ไม่ยอมตื่นเอง ช่วยไม่ได้”

“โห่ รัตติใจร้าย ดูสิ ข้าเปียกไปหมดทั้งตัวแล้วนะ” มาริโอพูดงอนตุบป่อง

“เปียกก็ดี จะได้ไม่ต้องล้างหน้าอีกรอบยังไงล่ะ” ราตรีบอกพลางวางถังน้ำลง ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วโยนใส่หัวมาริโอ “รีบเช็ดให้แห้งซะ แล้วจะได้รีบออกไปข้างนอกกัน”

“อื้อ เข้าใจแล้วล่ะ” มาริโอตอบก่อนจะรีบเช็ดตัวอย่างไว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วราตรีกับมาริโอก็เดินออกไปยังห้องอาหารทันที พอมาถึงที่หมายแล้ว ราตรีก็แทบแปลกใจเมื่อเห็นธิดาในชุดใหม่ ซึ่งดูทะมัดทะแมงราวกับจะไปเดินป่า ส่วนผู้หญิงผมเขียวอีกคนที่เป็นน้องสาวของธิดานั้นก็ไม่ต่างเช่นเดียวกับธิดา เพียงแต่เส้นผมที่เคยยาวกลับสั้นลงเพียงแค่ปะบ่า

“เชิญนั่งลงก่อนได้เลยจ้ะน้องรัตติน้องมาริโอ”

“ฮะ” เมื่อราตรีกับมาริโอก็นั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว ธิดาก็เอ่ยปากพูดก่อนทันที

“ก่อนอื่นพี่จะขอพูดอะไรสักหน่อยนะจ้ะน้องรัตติ”

“ฮะ เชิญท่านพี่ว่ามาได้เลยฮะ ต่อให้งานหนักแค่ไหนผมไม่เกี่ยง” ราตรีตอบยิ้มๆ

“พี่ตั้งใจว่าจะให้น้องช่วยทำภารกิจระดับยากๆหน่อยนะจ้ะ” ธิดาบอกพลางมองราตรีตั้งแต่หัวจรดเท้า “แต่เท่าที่พี่สังเกตดูตอนน้องอยู่ในร่างมังกรแล้ว ค่าโจมตียังไม่สูงพอแถมน้องยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ก็เลยทำให้เป็นมังกรในสถานะคลั่งจนทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นพี่คิดว่าน้องรัตติควรจะฝึกฝนวิชาก่อนที่จะออกไปทำภารกิจกับพี่ที่ข้างนอกดีกว่านะจ้ะ”

“ฝึกวิชาเหรอฮะ” ราตรีถามอย่างสงสัย ถึงแม้คำพูดของธิดาจะทำให้เธอรู้สึกเจ็บใจ แต่นั่นก็คือความจริงที่ราตรีต้องยอมรับ

“ใช่แล้วจ้ะ ฝึกวิชาเพื่อที่น้องจะได้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม” ธิดาตอบก่อนจะอธิบายต่อ “แต่ก่อนอื่นพี่ขอให้น้องทดสอบสักหน่อย เพราะพี่จะได้เตรียมการฝึกให้น้องได้ถูก เอ่อ ว่าแต่น้องรัตติมีพลังธาตุอะไรเอ่ย”

“ไม่ทราบฮะ”

“อะไรนะจ้ะ ไม่ทราบงั้นหรือ” ธิดาถามด้วยความแปลกใจ

“ฮะ ไม่ทราบ” ราตรีตอบก่อนจะเรียกหน้าต่างสถานะของตัวเองให้ธิดาได้ดู ซึ่งทำเอาหญิงสาวถึงกับขมวดคิ้ว

“ไม่มีจริงๆด้วย ไม่มีค่าพลังเลือด ค่ามานา นี่มันอะไรกัน” ธิดาบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเงยหน้ามองราตรี “ถึงไม่มีก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จะให้น้องรัตติฝึกทดสอบไปก่อน ส่วนเรื่องพลังธาตุเอาไว้ทีหลัง”

“ฮะท่านพี่” แล้วจากนั้นธิดาก็ขอจดชื่อทักษะที่ราตรีได้มาทั้งหมด ก่อนบอกให้รัตติกับมาริโอลงมือทานข้าวเช้าต่อ

.......................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
สิบขวบแล้ววววววว


เดี่ยวก้อโตเป็นหนุ่มๆ มีคนมารุมจีบ

เนอะ ^^

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 28 นางเงือก

..............
 
หลังจากราตรีกับมาริโอทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว ธิดาก็ได้พาพวกราตรีไปยังลานสนามกว้างซึ่งท้องฟ้าที่ราตรีได้เห็นนั้นเป็นเพียงท้องทะเลที่แสนจะกว้างขวาง

“นี่ข้าอยู่ใต้ท้องทะเลรึเนี่ย” มาริโอพูดอ้าปากค้างอย่างตะลึง ซึ่งทำเอาธิดาหัวเราะ

“คิกๆ ขอโทษทีจ้ะพอดีพี่ลืมบอกพวกน้องไป ตอนนี้พวกเราอยู่ใต้ทะเลลึกลงจากแผ่นดินเกือบสิบกิโลเมตรเห็นจะได้นะ”

“สิบกิโล!” มาริโอร้องอุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะทำท่าเหมือนขาดอากาศหายใจ “นี่ข้าจะตายไหมเนี่ย!! รัตติช่วยข้าด้วยรัตติ!”

ผัวะ!

มาริโอถูกราตรีตบหัวอย่างหมั่นไส้

“ถ้าตายก็ตายไปตั้งนานแล้วเจ้าเห็ดงี่เง่า”

“เออจริงด้วยแหะ ข้าก็ลืมไป” มาริโอพูดพลางเอามือลูบหัวของตัวเองป้อยๆ “ว่าแต่พวกเราหายใจอยู่ในน้ำได้ยังไงล่ะนี่”

“ไม่เห็นยาก น่าจะเป็นพวกเวทมนตร์หรือของวิเศษสักอย่างที่ทำให้พวกเราหายใจอยู่ในน้ำได้” ราตรีพูดอย่างคาดเดา

“เดาได้เก่งเหมือนกันนี่เรา” ธิดาหันมาพูดชมราตรี “ถูกแล้วจ้ะ พี่ใช้ของวิเศษทำให้พวกน้องสองคนหายใจอยู่ในน้ำได้ ลองสังเกตแหวนที่นิ้วกลางมือซ้ายสิจ้ะ”

ราตรีกับมาริโอได้ยินที่ธิดาบอกก็รีบยกมือขึ้นมาดู ซึ่งมีแหวนกลมๆสีเขียวอยู่บนนิ้วกลางมือซ้ายจริงๆ

“นี่ๆ รัตติดูสิ แหวนนี่สวยมากเลยเนอะ ดูสิๆ” มาริโอพูดอย่างตื่นเต้นพลางชูนิ้วลางที่สวมแหวนให้ราตรีดู ก่อนที่ราตรีจะตบหัวมันด้วยแม่ไม้มวยไทยในตำนานนารายณ์บั่นเศียร ดังเพียะสนั่นหวั่นไหว จนมันเซถลา

หนอยแน่ สบโอกาสเป็นไม่ได้ ไอ้เห็ดเกรียน

“เอาล่ะเด็กๆ ฟังทางนี้หน่อยจ้า” ธิดาบอกพลางปรบมือ ซึ่งทำเอาราตรีกับมาริโอหันไปฟังที่อีกฝ่ายพูด “เดี๋ยวพี่จะเริ่มทำการทดสอบฝีมือโดยให้น้องรัตติได้ลองเป็นคนแรกก่อนนะจ้ะ ก่อนอื่นน้องรัตติมีอาวุธอะไรที่ติดตัวบ้าง พี่ขอแบบอันที่โจมตีไม่แรงหน่อยนะ”

“ได้ฮะ” ราตรีตอบก่อนจะเรียกค้อนพลาสติกออกมา ซึ่งทำเอาธิดาถึงกับขมวดคิ้ว

“น้องรัตติจ้ะ น้องแน่ใจแล้วหรือว่าจะเอาค้อนอันนั้นมาใช้นะ”

“แน่ใจสิฮะ” ราตรีตอบพลางกวัดแกว่งค้อนพลาสติกไปมาเพื่อทดสอบพลังของมันเล่นๆ “ถ้าท่านพี่ธิดาไม่เชื่อ ประเดี๋ยวผมจะทดสอบให้ดูนะฮะ”

“เอ่อไม่ต้อง...”

บิ๊บ! บิ๊บ! บิ๊บ!

100

98

80


ราตรีเอาค้อนพลาสติกทุบหัวมาริโอถึงสามครั้ง ซึ่งทำเอาคนติดตามธิดาอย่างหงส์หยกถึงกับหัวเราะเสียงคิกคัก

“เว้ย! ทำไมเจ้าต้องเอาข้าเป็นหนูทดลองด้วยเนี่ย” มาริโอร้องโวยวาย

“ใครว่าเจ้าเป็นหนูทดลอง” ราตรีแย้ง “แต่เป็นเห็ดทดลองตั้งหากล่ะ”

“แง้! หนูไม่ใช่เห็ดทดลองนะ!” มาริโอร้องอีกครั้งซึ่งทำเอาธิดาต้องเข้าห้ามปราม เมื่อเรื่องสงบแล้วธิดาก็พูดเข้าเรื่องต่อ

“ความจริงพี่เองก็อยากทดสอบน้องด้วยตัวของพี่เอง แต่ตอนนี้ตัวของพี่มีระดับสูงเกินไป ฉะนั้นพี่จะให้คนของพี่มาต่อสู้กับน้องแทนจ้ะ เอาล่ะน้องปลาออกมาได้แล้วจ้ะ” ธิดาพูดจบก็ปรบมือเรียก ก่อนจะเผยให้เห็นหญิงสาวผมยาวสีม่วงวัยยี่สิบต้นในชุดบิกินี่ซึ่งมีท่อนล่างเป็นหางปลาสีม่วงว่ายน้ำออกมา ซึ่งทำเอามาริโอถึงกับอ้าปากค้าง

“ปลา! ปลาจริงๆด้วย!! สวยจังเลย!!” ส่วนผู้หญิงที่ชื่อปลาได้ยินที่มาริโอร้องอุทานเสียงดังถึงกับหัวเราะออกมา

“คิกๆ ขอบใจที่ชมจ้ะหนูเห็ดมาริโอ” ปลาตอบก่อนที่หางปลาของตัวเองจะหายไป เผยให้เห็นขาสองข้างยืนอยู่กับพื้นดินแทน “ขอบอกไว้ก่อนนะว่าพี่ไม่ใช่ปลา แต่เป็นเงือกจ้ะ”

ราตรีได้ยินถึงกับขมวดคิ้ว

อะไรกัน นอกจากเธอที่เกิดเป็นมังกรแล้ว ยังมีคนเกิดเป็นเงือกได้อีกหรือนี่

“แล้วท่านพี่ธิดากับท่านพี่หงส์หยกเกิดมาเป็นเผ่าอะไรหรือฮะ” ราตรีถามต่ออย่างสงสัย

“อ้อ พี่กับน้องหงส์หยกเป็นมนุษย์ทั้งคู่จ้า” ธิดาตอบก่อนจะพูดต่อ “พี่ว่าเริ่มเข้าเรื่องกันเถอะ น้องปลาจ้ะ ถ้าไม่มีอาวุธก็ใช้มือเปล่านั่นแหละจ้ะ”

“ทราบแล้วค่ะพี่ธิดา แต่น้องขอกลับคืนร่างเดิมนะคะ”

“อืม ยังไงก็ได้แล้วแต่น้องปลาจ้ะ” เมื่อสิ้นคำตอบจากธิดาแล้ว ปลาก็รีบคืนร่างเดิมซึ่งทำให้ขาสองข้างกลายเป็นหางปลาตามเดิม

เข้าใจอยู่หรอกนะว่าเกมนี้มีเผ่านางเงือกด้วย

แต่ทำไมต้องใส่แต่ชุดบิกินี่ด้วย!!


ราตรีแทบกุมขมับเมื่อเห็นปลากลับคืนร่างเดิมแล้ว ส่วนมาริโอก็ได้แต่อ้าปากค้างน้ำลายไหลย้อยเพราะได้เห็นภาพปลาในร่างนางเงือกอีกครั้ง

“น้องรัตติน้องปลาจ้ะ ถ้าพร้อมแล้วก็บอกได้นะ พี่จะได้ให้สัญญาณ”

“น้องก็พร้อมแล้วค่ะพี่ธิดา”

“ฮะ ผมพร้อมแล้วฮะ” ราตรีตอบก่อนจะจับค้อนพลาสติกให้กระชับมือ ถึงแม้ตอนนี้อาวุธในมือของราตรีไม่ใช่ดาบ แต่เธอก็ยังคงตั้งท่ารอราวกับมีดาบอยู่ในมือจริงๆ ซึ่งการตั้งท่ารอของราตรีทำเอาสามร่างชะงักโดยเฉพาะธิดาที่หรี่ตามองราตรีราวกับพินิจพิเคราะห์อะไรบางอย่าง

“เอาล่ะ เตรียมพร้อม” ธิดาพูดพลางยกมือขึ้นให้สัญญาณ ซึ่งมาริโอได้เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งถอยออกห่างอย่างเร็วเพราะกลัวโดนลูกหลง “เริ่มได้!”

ทันทีที่สิ้นเสียงของธิดา ปลาก็ได้ว่ายเข้าหาราตรีก่อนจะใช้หางปลาฟาดเข้าที่ใบหน้าของเธอ ซึ่งราตรีเองก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้โจมตีฟรี รีบยกค้อนพลาสติกขึ้นมากันอย่างเร็ว แต่ทว่าราตรีลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่บนบกแต่เป็นในน้ำทะเล จึงทำให้พละกำลังลดลงไปเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งผลก็คือราตรีโดนหางเงือกของอีกฝ่ายฟาดเข้าที่แก้มอย่างจัง

ผัวะ!

100


ทว่าราตรีไม่ให้อีกฝ่ายได้โจมตีฟรี ราตรีรีบวาดขาขึ้นสูงเตะเข้าที่แขนซ้ายของปลาอย่างเร็ว

ผัวะ!

189


“แปลก ทั้งๆที่ระดับเดียวกันแต่รัตติโจมตีได้เบากว่าพี่ปลา” มาริโอพูดวิจารณ์อย่างสงสัย

“ไม่แปลกหรอกจ้ะน้องมาริโอ” ธิดาตอบโดยยังคงมองปลากับรัตติอยู่ “เพราะปลาเค้าเป็นพวกเผ่าเงือก แถมมีหางเงือกด้วย ก็เลยทำให้โจมตีได้แรงและเร็ว ส่วนรัตตินั้นเป็นแค่เผ่ามังกร ยังไม่เคยสัมผัสการต่อสู้ในน้ำทะเลด้วย ก็เลยแพ้ปลาที่อยู่ในน้ำทะเลตั้งแต่เกิด”

พอธิดาพูดจบ มาริโอก็หันหน้ากลับไปมองราตรีต่อ

“อ๊ะ แย่แล้วสิ” มาริโอร้องอุทานเสียงเบาเมื่อเห็นว่าปลากำลังว่ายน้ำอ้อมไปด้านหลัง ก่อนจะหอมแก้มราตรีหนึ่งที เมื่อปลาหอมเสร็จแล้วก็ว่ายหลบออกไปหัวเราะคิกคัก

“เลิกเล่นแล้วเอาจริงเสียทีน้องปลา” ธิดาพูดเสียงเข้ม ซึ่งทำเอาปลาถึงกับหยุดหัวเราะ

“ค่ะพี่ธิดา” พอปลาตอบ ร่างของเธอก็ว่ายเข้าหาราตรีก่อนจะโจมตีด้วยหางอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งทำเอาราตรีเกือบป้องกันไม่ทัน พอปลาพลิกตัวกลับอีกที ราตรีก็ใช้มือจับหางไว้ก่อนจะใช้ค้อนพลาสติกทุบรัวๆ

“นี่แน่ะๆ!”

บิ๊บ! บิ๊บ! บิ๊บ! บิ๊บ!

185

168

174

178


ราตรีใช้ค้อนพลาสติกทุบไล่ตั้งแต่หางขึ้นไป ซึ่งในระหว่างทุบนี้ราตรีก็ได้คิดในใจไปด้วย

เอาสิ ดิ้นดีนัก แม่จะจับขอดเกล็ดทอดซะ!

เมื่อราตรีใช้ค้อนพลาสติกทุบจนถึงหัวของปลาแล้ว หญิงสาวก็ได้เอ่ยปากขอยอมแพ้

“ยอมแพ้แล้วๆ เลิกทุบหัวพี่ได้แล้วนะน้องรัตติ!” ราตรีได้ยินดังนั้นก็ปล่อยมือออกจากหางปลาทันที “ฮือๆ หัวเขาปูดหมดแล้ว”

นี่ถ้ามีมีดหรือดาบซักเล่ม ฉันทุบหัวควักไส้เธอไปนานแล้ว

ราตรีครุ่นคิดในใจอย่างเงียบๆ

แปะ! แปะ!

“เอาล่ะพอแค่นี้ได้แล้วจ้ะ” ธิดาบอกยุติการต่อสู้ “ขอบใจน้องปลามากนะจ้ะที่อุตส่าห์สละเวลามาช่วยฝึกซ้อมให้รัตติ”

“ไม่เป็นไรค่ะพี่ธิดา เรื่องแค่นี้เอง” ปลาตอบยิ้มๆ

“เอาล่ะทีนี้ก็ถึงตาของน้องมาริโอแล้วนะจ้ะ” ธิดาหันมาพูดกับมาริโอ ก่อนจะทำหน้าขมวดคิ้ว “พี่ไม่รู้จะให้เราทดสอบแบบไหนดี เอาเป็นว่า…”

ธิดามองซ้ายมองขวาก่อนจะหันขวับมาทางรัตติ

“ลองสู้กับรัตติแล้วกันนะ” หนึ่งหนุ่มกับหนึ่งตัวสะดุ้งวาบเมื่อได้ยินคำพูดของธิดา

“ไม่นะ หนูไม่สู้กับรัตติ!” มาริโอร้องโวยวาย

“ทำไมจะสู้ไม่ได้ล่ะจ้ะ แค่สู้เพื่อดูฝีมือกัน ไม่ใช่สู้จนตายสักหน่อยนะหนูมาริโอ”

“ยังไงก็ไม่ได้! หนูไม่สู้กับเจ้านายของตัวเอง” มาริโอยังคงพูดยืนกรานเสียงแข็ง ซึ่งทำเอาราตรีแทบเอามือกุมขมับ

สงสัยเธอแกล้งบ่อยไป มันก็เลยไม่กล้าสู้กับเธอ

“เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าหนูยอมสู้กับรัตติ พี่สาวคนนี้จะป้อนขนมเค้กให้เอาไหมจ้ะ” ธิดาพูดเสนอข้อแนะ ซึ่งทำเอามาริโอถึงกับตาวาวเป็นประกาย

“ตกลง! หนูจะสู้!!” คำพูดของมันทำเอาราตรีเกือบล้มคะมำ

ไอ้เห็ดทะลึ่งเอ้ย!

เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ธิดาก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง

“พร้อมแล้วนะจ้ะ” ธิดาถามทั้งคู่ เมื่อเห็นว่าราตรีกับมาริโอพยักหน้าตกลงแล้ว ธิดาก็เอามือลงพร้อมกับพูดว่า “เริ่มได้!”

วูบ!

มาริโอยันตัวกระโดดขึ้นสูงเหนือน้ำหมายมาดจะใช้เท้าถีบราตรี แต่ทว่ามันก็ลืมนึกถึงแรงดันน้ำไปสนิทใจ จึงทำให้การเคลื่อนไหวของมาริโอดูช้าลงไปเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ เมื่อมาริโอเคลื่อนลงเข้ามาใกล้ๆ ราตรีก็ย่อเข่าลงเล็กน้อยก่อนจะตวัดค้อนพลาสติกฟาดเข้าที่ขาข้างซ้ายของมาริโออย่างแรง

บิ๊บ! กร็อบ!

200


“โอ๊ย!” ถึงแม้เสียงการโจมตีด้วยค้อนพลาสติกจะดูไม่แรงก็จริง แต่มาริโอกลับร้องอย่างเจ็บปวดประดุจโดนค้อนไม้ทุบก็มิปาน เมื่อมันโดนราตรีทุบด้วยค้อนพลาสติกแล้วก็ร่วงไปนอนกุมขากลิ้งไปมาอยู่ที่พื้นดิน “เจ็บๆ กระดูกขาหนูแตกแน่ๆ โอยๆ หนูจะตายแล้วเจ็บๆๆ”

“ลุกขึ้น อย่าสำออย” จู่ๆราตรีก็พูดเสียงห้วนขึ้นมา ทำให้ธิดากับปลาที่ยืนมองอยู่นั้นถึงกับสะดุ้งตกใจ

น้องรัตติเปลี่ยนไป!

เพราะภาพที่เห็นนั้นเป็นภาพของรัตติยืนก้มหน้ามองมาริโออย่างดูถูกดูแคลน ซึ่งผิดกับภาพลักษณ์เด็กหนุ่มผู้น่ารัก อ่อนโยนที่พวกเธอเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น ส่วนมาริโอนั้นเมื่อโดนเจ้านายพูดดุใส่แล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมองราตรีทั้งน้ำตา

“ก็...ก็...ก็เค้าเจ็บนี่”

“เจ็บแค่นี้มันทำให้เจ้าตายรึไงมาริโอ” ราตรีพูดเสียงเข้ม ก่อนจะยื่นหัวค้อนพลาสติกประชิดใบหน้ามาริโอ “ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ข้าไม่ชอบทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้”

“ใจร้าย รัตติใจร้าย” มาริโอพูดเสียงสั่นเครือ

“ใจร้าย?” ราตรีพูดทวนคำพูดของมาริโอ “แล้วทีแต่ก่อนเจ้าโดนข้าเฆี่ยนไม่รู้จักกี่ครั้ง ทำไมถึงยังทนได้ แต่พอโดนครั้งนี้กลับร้องไห้คร่ำครวญจะเป็นจะตาย นี่ถ้าคู่ต่อสู้ไม่ใช่ข้าแต่เป็นคนอื่นล่ะก็ เจ้าคงโดนฆ่าตายไปนานแล้วล่ะมาริโอ”

เงียบ ไร้การตอบรับ

“เอ่อ น้องรัตติจ้ะ พี่ว่าน้องอย่าไปดุน้องมาริโอเลยนะ” ปลาพูดแทรกขัดจังหวะ “เขายังไม่พร้อมที่จะ...”

ปลาพูดยังไม่ทันจบดี ธิดาก็ยกมือห้ามปลาไม่ให้พูดต่อ

“ไม่ลุกใช่ไหม งั้นเจ้าก็เป็นได้แค่บอสเห็ดที่ขี้แยต่อไปเถอะ” ราตรีพูดพลางหมุนตัวกลับก่อนจะเดินออกห่าง

“ใครว่าข้าขี้แยกันเล่า!” จู่ๆมาริโอก็ตวาดเสียงกลับมา ซึ่งทำให้ราตรีที่กำลังยืนหันหลังถึงกับอมยิ้ม “ข้าร้องไห้ก็เพราะน้ำทะเลมันเข้าตาตั้งหากล่ะ”

ราตรีได้ยินที่มาริโอพูดถึงกับส่ายหน้าอย่างขำๆ

ดูมัน แค่คำแก้ตัวก็ยังพูดผิดเลย

“ดี ถ้างั้นเราก็มาสู้กันต่อ” ราตรีพูดพลางหมุนตัวกลับ “ขอบอกไว้ก่อนนะว่าครั้งนี้ข้าจะไม่ออมมือให้เจ้าอีกแล้ว”

“อื้อๆ”

“ค่ามิตรภาพของท่านเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 9”

เสียงระบบประกาศดังก้องหัวราตรี ซึ่งคราวนี้ราตรีตั้งท่ารอใหม่ แล้วมาริโอก็พุ่งเข้าหาเธอ แต่แทนที่มันจะกระโดดอย่างเคย กลับเปลี่ยนทิศทางโดยกลิ้งตัวไปด้านหลังของราตรีก่อนจะพุ่งชนอย่างเต็มแรง

โครม!

100


ราตรีล้มลงกับพื้น แต่ถึงกระนั้นเธอก็สามารถพลิกตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง แต่ก็ดันมาจ๊ะเอ๋กับมาริโอตรงหน้า เธอเห็นดังนั้นจึงรีบตวัดค้อนใส่มาริโอ

วูบ!

มาริโอหลบได้ก่อนจะพุ่งตัวถีบ

“ย้ากกก ดาวตกมังก…”

ผัวะ!

200


“เอ๋งๆ!” มาริโอร้องครวญครางไม่เป็นภาษาหลังจากถูกราตรีโจมตีด้วยค้อนพลาสติก ซึ่งหลังจากนั้นมันก็ถูกราตรีทุบด้วยค้อนอีกนับครั้งไม่ถ้วน เล่นเอาน่วมเลยทีเดียวถ้าหากธิดาไม่ร้องห้ามเอาไว้

“ทำไมต้องเป็นท่าดาวตกด้วยล่ะมาริโอ ข้าไม่เข้าใจเจ้าเลยจริงๆ” ราตรีถามหลังจากนั่งพักผ่อนเอาแรง

“ก็ท่านี้มันเท่ดีนี่” มาริโอตอบ แล้วหลังจากทดสอบเสร็จธิดาก็ให้ปลาพาราตรีกับมาริโอไปเดินเล่นพักผ่อนในสมาพันธ์ของเธออีกวันไปฟรีๆ

..........................

 o13 o13 o13 o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-02-2015 23:24:25 โดย dragon123 »

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 29 ความลับของราตรี

.........................

“ท่านพี่ช่วยข้าด้วย!”

เสียงเพรียกของเด็กหนุ่มผมเงินสั้นทำเอาเมฆาอยากจะเข้าไปช่วย แต่ติดตรงที่ชายหนุ่มโดนนักฆ่ารุมล้อมเอาไว้จึงทำให้ไปช่วยไม่ได้

พลั่ก!

100


ภาพราตรีถูกนักฆ่าคนหนึ่งทุบต้นคอจนสลบไป ทำให้เมฆาแทบคลั่งจนอยากจะไปช่วยน้องราตรีใจแทบขาด

“ไม่!” เมฆากรีดร้องลั่นพลางผุดลุกขึ้นนั่งหอบหายใจ

ฝัน?

เมฆาคิดในใจพลางเอามือขวากุมหน้าผากของตัวเอง เพราะตั้งแต่เมฆาเดินทางกลับทวีปหลักแล้ว เขาก็ฝันแบบนี้อยู่ทุกวัน แต่พอลองนึกย้อนตอนที่น้องราตรีได้ถูกนักฆ่าหรือลุงจิลลักพาตัวไปแล้ว  ตอนนั้นเขาก็ได้ระเบิดความบ้าคลั่งของตัวเองด้วยการฆ่านักฆ่าโดยไม่สนคำอ้อนวอนของพวกนักฆ่าเลยสักนิดเดียว เมื่อจัดการนักฆ่าเสร็จแล้ว เขาก็คิดจะตามไปช่วยราตรีกับมาริโอต่อ หากแต่ลุงจิลได้วกกลับมาอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าเขาได้จัดการลงมือฆ่าอีกฝ่ายให้ตายอย่างอเนจอนาถชนิดที่ไม่เหลือให้เห็นเป็นรูปร่างคนได้

“ฝันร้ายอีกแล้วหรือขอรับท่านราชาเงา” น้ำเสียงกึ่งขบขันกึ่งเยาะเย้ยดังขึ้นข้างเตียง ทำเอาเมฆานึกฉุนคนพูดแทบอยากจะฆ่าให้ตายคามือแต่ก็ไม่สามารถทำได้ “กี่ครั้งแล้วที่ท่านฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงกระผมไม่เห็นความฝันของท่านก็จริง แต่กระผมก็พอรู้อยู่ว่าท่านฝันถึงใคร หึ เห็นทีว่าท่านราชาปีศาจจะได้ลูกเขยมาเป็นเจ้าสาวแทนลูกสะใภ้แล้วกระมัง”

“แต่เอ...ท่านจะเลือกใครเป็นเขยใหญ่หรือขอรับ ระหว่างราตรีกับลำไย?”

“หุบปากสั่วๆของเจ้าเดี๋ยวนี้ปิเอโร่!” เมฆาตวาดด่ากลับไป ซึ่งทำให้ปิเอโร่ยอมหุบปากอย่างว่าง่าย

“ว่าแต่วันนี้ท่านจะออกล่าบอสในหุบเขาความตายหรือเปล่าขอรับ” ทว่าเมฆาไม่ตอบคำถามปิเอโร่ แต่กลับใช้ความเงียบเป็นคำตอบ ซึ่งปิเอโร่เห็นเจ้านายแล้วก็พอเดาได้ว่าเจ้านายของตนคงไม่ออกไปที่ไหนแล้วแน่ จึงเดินออกไปนอกเต็นท์อย่างเงียบๆ พอปิเอโร่ได้เดินออกไปข้างนอกเต็นท์แล้ว เมฆาก็ล้มตัวนอนแผ่หลาบนเตียงต่อ ก่อนจะนึกถึงคำพูดของปิเอโร่เมื่อครู่นี้ “เห็นทีว่าท่านราชาปีศาจจะได้ลูกเขยมาเป็นเจ้าสาวแทนลูกสะใภ้แล้วกระมัง”

บ้าน่า?! อย่างเรานะรึจะชอบเพศเดียวกัน เมฆาครุ่นคิดอย่างหนักใจราวกับได้เผชิญเมฆหมอกที่ลงหนาจัดกันเป็นกลุ่มก้อน คงเป็นไปไม่ได้หรอก เราก็แค่เป็นห่วงน้องราตรีที่เป็นผู้เล่นมือหัดใหม่เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดเกินกว่าความเป็นพี่เป็นน้องเลยสักนิด

พอคิดได้สักพัก เมฆาก็พลิกตัวหันไปอีกข้างก่อนจะมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย ภาพเหตุการณ์เก่าที่เมฆาช่วยราตรีกับมาริโอไม่ได้นั้น ทำให้ชายหนุ่มยากที่จะลืมเลือนลง

เรานี่ช่าง...อ่อนแอเสียจริง

แค่ช่วยคนๆหนึ่งก็ยังทำไม่ได้เลย


เมฆาครุ่นคิดอย่างหนักใจ เพราะแบบนี้ยังไงเล่า เขาถึงได้กลับมายังทวีปหลักเพื่อตั้งต้นเก็บเลเวลอีกครั้ง และได้ตั้งปณิธานไว้แล้วว่าถ้าเขายังไม่เก่งเทียบราชาปีศาจผู้พ่อของเขาได้แล้วล่ะก็ จะไม่ขอแบกหน้ากลับไปหาพวกน้องราตรีอีก แล้วเมฆาก็ผล็อยหลับไป โดยหารู้ไม่ว่าความคิดนั้นได้ลงฝังลึกไปในใจของชายหนุ่มทีละนิดๆ


..........................

รุ่งเช้าย่างเข้าวันที่แปดของการออนไลน์เกม ซึ่งราตรีตื่นแต่เช้าก่อนไก่ขันเพื่อนั่งสมาธิตามปกติ และแน่นอนว่าการนั่งสมาธิของเธอทำให้ทักษะพลังจิตอัพระดับไปถึงสิบ พอนั่งสมาธิไปได้สักพักพี่ธิดาก็มาเคาะประตูเรียกเธอให้ไปฝึกซ้อมวิชาตามที่กำหนดไว้ ส่วนมาริโอนั้นไม่ต้องพูดถึง โดนพี่ธิดาปลุกโดยการหยิบยื่นแส้ของราตรีฟาดซะจนหน้าเป็นรอยแดงโทษฐานที่ปลุกแล้วไม่ยอมตื่น

“นี่กำหนดการฝึกวิชานะจ้ะน้องรัตติ” ธิดาพูดพลางยื่นกระดาษหนึ่งแผ่นให้กับราตรี ก่อนจะหันไปส่งกระดาษให้กับมาริโอบ้าง “ฝึกให้ได้ทุกวันตามนี้นะจ้ะ ถ้าพี่รู้ว่าคนไหนแอบโดดล่ะก็ จะเพิ่มการฝึกเป็นสิบเท่าไม่รู้ด้วยนะ”

ราตรีพยักหน้าก่อนจะก้มลงมองกระดาษในมือ

กำหนดการฝึกวิชาของน้องรัตติ

7.00น. วิ่งรอบสมาพันธ์ยี่สิบรอบ

8.00น. วิดพื้นกับซิทอัพครั้งละหนึ่งร้อยรอบ

9.00น. รับประทานอาหารเช้า

10.00น. ฝึกวิชากับพี่ธิดาตัวต่อตัว

12.00น. รับประทานอาหารกลางวัน

13.00น. ว่ายน้ำ

14.00น. วิ่งรอบสมาพันธ์ยี่สิบรอบ

15.00น. วิดพื้นกับซิทอัพครั้งละหนึ่งร้อยรอบ

16.00น. สู้กับมาริโอ

16.30น. รับประทานอาหารเย็น

17.00น.-20.00น. ฝึกวิชากับพี่ธิดาตัวต่อตัว

20.00น. นอน


พอราตรีหันไปมองของมาริโอบ้าง ซึ่งก็คล้ายๆกับของเธอ เพียงแต่ตอนฝึกวิชานั้นมาริโอได้ฝึกกับน้องปลาแทน

“ว่ายังไงจ้ะน้องรัตติน้องมาริโอ มีตรงไหนสงสัยหรือการฝึกมากไปก็เข้ามาคุยกับพี่ตัวต่อตัวได้นะ”ธิดาถาม ซึ่งราตรีได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ ส่วนมาริโอนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรกลับมาเพราะเธอคิดว่ามันคงยอมรับการฝึกนี้ได้ พอได้แบบฝึกแล้วมาริโอก็รีบไปฝึกทันที “เดี๋ยวจ้ะน้องรัตติ พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อย”

ราตรีที่กำลังจะไปฝึกตามกำหนดการถึงกับหยุดชะงักเดิน

“มีอะไรหรือฮะท่านพี่ธิดา” ธิดาไม่ถามเดี๋ยวนั้น กลับหรี่ตามองราตรีราวกับจ้องจับผิด

อะไรของเค้าหว่า?

“พี่ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ในโลกจริงน้องรัตติเป็นพวกที่ถนัดใช้อาวุธเช่นดาบใช่ไหม” ราตรียืนนิ่งเงียบทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น ซึ่งเธอไม่รู้จะตอบธิดากลับไปว่ายังไงดี เพราะคำถามของธิดามันแปลได้สองแง่ อย่างแรกธิดาคงคิดว่าราตรีเป็นพวกหัวนักเลง ส่วนอย่างสุดท้ายก็คงไม่พ้นพวกนักกีฬาอย่างกีฬาเคนโดของประเทศญี่ปุ่น “ตอบพี่มาตามความจริง น้องรัตติถนัดใช้ดาบใช่ไหม”

ธิดาถามย้ำอีกรอบ ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับถอนหายใจ

“ใช่ฮะท่านพี่” ราตรีตอบพลางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจเพราะไม่คิดจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ซึ่งมีเพียงแต่ความแปลกใจที่โดนธิดาจับผิดได้จังเบอร์ “ว่าแต่ท่านพี่รู้ได้ยังไงฮะว่าผมเป็นพวกถนัดดาบ ไม่แน่ว่าผมอาจจะเผลอฟลุคจับดาบได้ถูกต้องโดยไม่รู้ตัวก็ได้นะฮะ”

ธิดาส่ายหน้าก่อนจะพูดโต้ราตรีกลับมาว่า

“พี่ดูไม่ผิดแน่จ้ะน้องรัตติ ตอนน้องสู้กับน้องปลานั้นพี่เห็นทุกอย่าง ทั้งวิธีการจับอาวุธเอย วิธีการโต้ตอบคู่ต่อสู้เอย และอื่นๆอีก ซึ่งพี่ไม่ขอพูดให้มันเปลืองน้ำลายแล้วกัน สรุปก็คือน้องรัตติไม่ต่างจากพวกนักดาบมืออาชีพ เพียงแต่ฝีมือของน้องรัตติยังไม่เข้าที่เหมือน...กับว่า...น้องห่างเหินจากการฝึกดาบไปนาน....มากพอสมควร”

พอราตรีได้ยินที่อีกฝ่ายพูดก็นิ่งเงียบไปอีกครั้ง

ใช่แล้ว...

เวลามันได้ผ่านไปนานมากเหลือเกิน…

นานมากจนเราไม่คิดว่าจะได้กลับมาจับดาบอีก...


“น้องรัตติจ๊ะ? น้องรัตติได้ยินที่พี่พูดหรือเปล่าเอ่ย” เสียงของธิดาดังขัดจังหวะ ทำให้ราตรีหลุดห้วงแห่งความคิดของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับธิดาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อครู่นี้

“ฮะ พอดีผมคิดอะไรนิดหน่อยเท่านั้น ถ้าท่านพี่ไม่มีอะไรจะถามผมแล้วล่ะก็ ผมขอตัวไปฝึกตามตารางก่อนนะฮะ” ราตรีรีบพูดตัดบทพลางชิ่งหนีเอาตัวรอดโดยไม่ให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสถามเธอได้อีก หลังจากฝึกฝนตามตารางเสร็จ ราตรีกับมาริโอก็มาเดินกลับยังที่ห้องอาหารเพื่อรับประทานอาหารเช้า

“ไงจ้ะน้องมาริโอน้องรัตติ เหนื่อยไหมเอ่ย” ธิดาเอ่ยทักทายหลังจากที่ได้เห็นทั้งคู่เดินเข้ามาแล้ว

“เหนื่อยฮะ เหนื่อยมากๆเลยด้วย” มาริโอบ่นอย่างเหนื่อยๆ บนใบหน้าของมันในตอนนี้เต็มไปด้วยคราบเหงื่อไคลที่ได้ฝึกตามตารางของธิดา ซึ่งแตกต่างกับราตรีที่มีเพียงหอบหายใจนิดหน่อย

“ถ้างั้นก็นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อน แล้วค่อยลงมือทานอาหารเช้านะจ้ะ” ธิดาบอกพลางยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับมาริโอ ก่อนจะหันมาส่งผ้าเช็ดหน้าให้กับราตรีบ้าง ซึ่งราตรีรับผ้ามาจากธิดาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่าขอบคุณ หลังจากนั่งพักอยู่ได้สักพัก พวกเขาก็รีบลงมือรับประทานอาหารเช้าต่อ เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จแล้วมาริโอก็เดินไปหาน้องปลาเพื่อฝึกวิชา ส่วนราตรีนั้นได้แต่ยืนรออยู่ข้างนอกเพื่อให้อีกฝ่ายเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก่อน “ขอโทษนะจ้ะน้องรัตติที่พี่สาวคนนี้ปล่อยให้น้องต้องรอนาน”

ธิดาพูดขอโทษหลังจากเดินออกมาจากห้องนอนของตัวเอง ซึ่งราตรียืนพิงหลังกอดอกอยู่ได้ไม่นานก็คลายกอดก่อนจะหันมาตอบธิดาว่า

“ไม่เป็นไรฮะ”

ราตรีตอบพลางมองธิดาในชุดใหม่ ซึ่งเป็นเสื้อแขนสั้นสีขาวทับด้วยเกราะอ่อนสีแดงบนหน้าอก กางเกงขายาวสามส่วนสีดำรัดรูป สวมบูทยาวและปลอกหนังสีแดง

ดูทะมัดทะแมงเหมือนผู้ชายเลยแหะ

ราตรีคิดในใจ

“น้องรัตติช่วยจับแขนพี่หน่อยนะจ้ะ เดี๋ยวพี่จะพาไปยังที่ฝึกซ้อมของพวกเรา”

“ฮะ” แล้วราตรีก็เดินเข้ามาจับแขนของธิดา แล้วทันใดนั้นภาพห้องนอนของธิดาก็พลันหายไป ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยภาพของพื้นที่ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา “ที่นี่ที่ไหนเหรอฮะท่านพี่”

ราตรีถามพลางมองไปรอบๆอย่างสงสัย

“ที่นี่คือมิติลับจ้ะ ซึ่งมีไว้เฉพาะของผู้เป็นหัวหน้าสมาพันธ์ที่ต้องการฝึกวิชานะ” ธิดาตอบก่อนจะพูดอธิบายให้ราตรีฟังต่อ “แต่สำหรับของพวกนี้ใช่ว่าหัวหน้าสมาพันธ์ทุกคนจะได้มาง่ายๆหรอกนะจ้ะ เพราะมันเป็นของแรร์ไอเทมที่ผู้เล่นต้องทำภารกิจที่เสี่ยงต่อการลดระดับของตัวเองถึงห้าสิบระดับแล้ว ยังต้องเสียเงินสามสิบล้านเหรียญเพื่อที่จะได้กุญแจในการเปิดประตูมิติด้วยนะ”

ราตรีได้ยินดังนั้นก็พลอยอดพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของธิดาเสียมิได้

ถ้าได้มาง่ายจริง มันก็ไม่ใช่ของระดับแรร์ไอเทมแล้วล่ะ

“เอาล่ะพูดคุยหอมปากหอมแล้ว พี่ขอเข้าเรื่องเลยนะ” ธิดาบอก ซึ่งทำเอาราตรีมุ่นคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย “ที่พี่พาน้องรัตติมานี่ก็เพื่อที่จะขอประลองด้วย”

พอสิ้นคำพูดของธิดา ทำเอาราตรีแทบตะลึง เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะขอท้าสู้กับเธอ

“แต่ท่านพี่ฮะ...ผมกับท่านพี่มีระดับแตกต่างกันนะฮะ จะให้ผมสู้กับท่านพี่ได้ยังไงล่ะ”

“ได้สิจ้ะน้องรัตติ” ธิดาตอบก่อนจะพูดอธิบายต่อ “มิตินี้เป็นมิติพิเศษ ผู้เล่นที่เข้ามาในนี้แล้ว จะมีพลังเทียบเท่ากันเพื่อมิให้เอาเปรียบกัน และยิ่งกว่านั้นมิตินี้สู้กันแล้วไม่มีพลังลดจนตายกับถูกลดค่าประสบการณ์ได้ ฉะนั้นน้องรัตติไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกนะจ้ะ”

ราตรีได้ยินถึงกับนิ่งเงียบไป

ไม่มีตาย ไม่ถูกลดค่าประสบการณ์

แบบนี้ก็สวยซี่


ราตรีครุ่นคิดในใจก่อนจะฉีกยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ซึ่งทำเอาธิดามองราตรีรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของราตรีที่เปลี่ยนไป แต่แล้วธิดาก็เลิกคิดก่อนจะถามราตรีกลับมาว่า

“ส่วนเรื่องอาวุธนั้น ถ้าน้องรัตติยังไม่มีก็ยืมพี่ก่อนได้นะจ้ะ”

“ไม่เป็นไรฮะท่านพี่ ผมมีดาบอยู่” ราตรีตอบก่อนจะเรียกดาบคาตานะออกมา ซึ่งทำเอาธิดารู้สึกผิดคาด เพราะเธอไม่คิดว่าราตรีจะมีดาบเป็นของตัวเอง เมื่อธิดาเห็นว่าอีกฝ่ายมีอาวุธพร้อมแล้ว ก็เรียกอาวุธของตัวเองออกมาบ้าง

“น้องรัตติสู้กับพี่ได้เต็มที่เลยนะจ้ะ ไม่ต้องออมมือ เพราะพี่เองก็จะสู้กับน้องแบบเต็มที่ด้วย”

“ได้ฮะท่านพี่”

พอราตรีพูดจบ ก็ย่อเข่าลงโดยวาดเท้าซ้ายไปข้างหน้า มือซ้ายกุมฝักดาบแน่น มือขวากระชับที่ด้ามดาบ ก่อนจะมองธิดาด้วยสายตาแน่นิ่ง ซึ่งทำเอาธิดาที่ยืนมองอยู่ต้องรีบตั้งท่าตาม แต่ทว่าธิดายังไม่ทันได้ตั้งท่า จู่ๆ จิตสังหารก็แผ่กระจายออกมาอย่างรวดเร็ว ทำเอาธิดาถึงกับสั่นสะท้านด้วยความกลัว

อะไรกัน จิตนี่มัน…

ธิดาครุ่นคิดในใจอย่างหวาดหวั่น ซึ่งหากเธอคิดจะเปลี่ยนใจไม่สู้ก็คงไม่ทันเสียแล้ว

ลองสู้กันดูสักตั้งหน่อยเป็นไร เพราะยังไงก็ไม่ตายอยู่แล้วนี่

พอธิดาตั้งท่าเตรียมพร้อมสู้เสร็จ ร่างของราตรีก็พลันหายไปจากสายตาของธิดาทันที

เคล้ง!

เสียงดาบปะทะดาบ ซึ่งโชคดีที่ธิดามีไหวพริบดีพอ จึงทำให้รับดาบของราตรีได้ทันท่วงที ทว่าธิดาไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นผู้ตั้งรับเพียงฝ่ายเดียว จึงขอเป็นฝ่ายรุกกลับคืนไปบ้าง

เคล้ง! เคล้ง!

เสียงดาบปะทะกันอย่างหนักหน่วง ซึ่งทั้งคู่ผลัดกันรุกผลัดกันรับโดยไม่สนใจใยดีกับดอกไม้บนทุ่งหญ้าที่เหยียบอยู่ว่าจะเป็นยังไงบ้าง ถึงแม้ตอนแรกการโจมตีของราตรีจะดูฝืดเคืองไปบ้าง แต่พอยิ่งนานเข้าก็ยิ่งใช้ดาบคล่องแคล่วจนน่าใจหาย

อืม สนิมยังไม่เกาะ ราตรีครุ่นคิดในใจหลังจากที่ได้ทดสอบการใช้ดาบของตัวเองอยู่ได้สักพักแล้ว ก่อนจะหันมาพิจารณาฝีมือของธิดาบ้าง ส่วนเด็กคนนี้ก็ไม่เลว ฝีมือระดับนี้เป็นแชมป์ของจังหวัดได้เลย...แต่น่าเสียดายที่เอาไปใช้งานจริงไม่ได้

ซึ่งราตรีกับธิดาก็สู้กันไปสักพัก ราตรีก็สังเกตว่าการหายใจของธิดาแปลกไป เพราะนักดาบที่ฝึกจริงจัง เขาจะฝึกการออมลมหายใจด้วย ซึ่งทำให้ไม่เหนื่อยมากถ้าได้เจอเวลาต่อสู้ที่ยืดเยื้อ

คงพอแค่นี้ได้แล้วมั้ง?

ราตรีคิดในใจก่อนแสร้งทำเป็นก้าวเท้าผิดจังหวะ

“อ๊ะ!” ธิดาเห็นช่องว่างแล้วจึงรีบสวนโต้ตอบกลับไป ซึ่งเด็กหนุ่มรับการโจมตีของธิดาได้ทันแต่ก็ต้องถอยร่นหลังไปเรื่อยๆ เพราะทนแรงการโจมตีของเธอไม่ได้ เมื่อธิดาโจมตีอีกฝ่ายไปได้สักระยะจึงรีบคิดจะปิดเกมเดี๋ยวนั้นทันที ซึ่งโดยหารู้ไม่ว่านั่นคือกลยุทธ์เปิดช่องให้ตี

“ย่ะ!” ธิดาร้องพลางแทงดาบเข้าหาราตรี ซึ่งประจวบเหมาะที่ราตรีเองก็สวนดาบกลับไปบ้างเช่นกัน

ชิ้ง!

เสียงดาบทั้งสองฝ่ายปะทะกันดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะจบลงที่คมดาบของราตรีพาดลงบนลำคอขาวเนียนของธิดา ในขณะที่คมดาบของธิดาก็จ่อที่กลางอกของราตรีเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งคู่ต่างจ้องตากันซักพักก่อนจะเก็บดาบของตัวเองเข้าฝักไป

“ไม่เลวนี่จ้ะน้องรัตติ ฝีมือแบบนี้น้องต้องเป็นนักกีฬาแน่ๆ” ธิดากล่าวชมด้วยรอยยิ้มอย่างจริงใจ แต่พอได้คำตอบจากราตรีเล่นเอาธิดาหุบยิ้มไม่ทัน

“เปล่าฮะ ผมแค่เคยฝึกกับเพื่อน กับเลียนแบบหนังไฮแลนเดอร์ แต่ไม่เคยลงแข่งฮะ”

เคยฝึกจริงแต่ไม่ได้ฝึกเหมือนนักกีฬาทั่วไปเท่านั้นแหละ

ราตรีคิดในใจเพราะวิชาดาบที่เธอใช้มันเป็นวิชาลึกลับซับซ้อนและน่ากลัว ซึ่งในชีวิตจริงเธอแทบไม่ค่อยงัดขึ้นมาใช้ถ้าหากไม่จำเป็นจริงๆ ส่วนธิดานั้นก็ยืนหน้าซีดเมื่อได้ยินคำตอบจากราตรี

ไม่จริง นี่เราแพ้เด็กที่ชอบเลียนแบบหนังเองหรอกรึ

เมื่อประลองเสร็จแล้วธิดาก็ไม่มีอะไรจะสอนราตรีอีก เพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะสอนราตรีให้รู้วิชาดาบเบื้องต้นเลยสักนิด จึงได้แต่สั่งให้ราตรีแปลงร่างเป็นมังกรให้เธอดูกับลองสู้กับเธออีกครั้งด้วยร่างมังกร ซึ่งผลการประลองคือราตรีเป็นฝ่ายแพ้ เพราะเธอยังควบคุมร่างมังกรไม่ค่อยจะได้

...........................

 :hao3: :hao3: :hao3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2015 17:52:03 โดย dragon123 »

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 30 รำลึก

......................

หลังจากนั้นอีกสองวันในเกมก็ถึงคราวที่ราตรีต้องออฟไลน์เกมเสียแล้ว ซึ่งคราวนี้ราตรีได้ฝากฝังมาริโอให้กับธิดาช่วยดูแลมันตอนที่เธอไม่อยู่ด้วย

“แล้วน้องรัตติจะออนไลน์เกมอีกเมื่อไหร่หรือจ้ะ” ธิดาถามทันทีที่ตอบรับคำฝากของราตรีแล้ว

“เอ่อ ผม…” ราตรีขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนักใจ เพราะทางนอกเกมในตอนนี้กำลังใกล้จะรุ่งเช้าแล้ว แถมวันนี้ก็ดันเป็นวันเสาร์ ซึ่งเธอจะต้องไปวัดเพื่อทำบุญกรวดน้ำให้กับคนรักที่เสียไปตามปกติอย่างที่เคยทำด้วย “วันนี้ผมคงไม่ออนไลน์เกมนะฮะ คิดว่าหลังสองทุ่มจะกลับเข้ามาในเกมอีกที ผมหวังว่าท่านพี่คงจะไม่ว่าผมที่เข้ามาเล่นเกมช้าไป”

“ไม่เป็นไรจ้ะพี่ไม่ว่าน้องอยู่แล้ว แต่ถ้าน้องกลับมาไม่เจอพี่ออนไลน์เกมล่ะก็ ให้ฝึกฝนวิชาในร่างมังกรตามเดิมที่พี่เคยบอกไปด้วยนะจ้ะ”

“ฮะท่านพี่” พอราตรีตอบเสร็จ ก็บอกลามาริโอก่อนจะนอนลงบนเตียงออฟไลน์ไปท่ามกลางห้องพักโดยมีมาริโอกับธิดานั่งมองอยู่

“ท่านได้ออฟไลน์จากเกมแล้วค่ะ”

เสียงระบบประกาศบอกก่อนที่เธอจะถอดแว่นตาอนาล็อกออก ทำให้เห็นแสงรุ่งอรุณลอดผ่านเข้ามาในหน้าต่างห้องนอนของเธอ

ไม่เลว อากาศเช้านี้สดชื่นดี

เมื่อเธอเห็นว่าแดดจะเริ่มออกแล้ว ก็รีบลุกขึ้นนั่งก่อนจะทำสมาธิอยู่สิบนาทีเห็นจะได้ ก่อนจะลงจากเตียงแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็ออกจากห้องนอนของตัวเองก่อนจะเดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อตระเตรียมข้าวของที่จะไปทำบุญที่วัด ซึ่งแน่นอนว่ามีนางพยาบาลคอยช่วยเตรียมด้วยอีกแรง หลังจากจัดเสร็จแล้ว เสียงของนพก็ดังเล็ดลอดออกมาจากข้างนอกห้องอาหาร

“ครับ อีกสามวันผมก็จะกลับไปทำงานแน่ครับ ครับท่าน สวัสดีครับ” แล้วร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์เดินเข้ามาในห้องอาหารก่อนจะชะงักเมื่อเห็นว่ามีผู้อยู่ในห้องอาหารด้วย “อรุณสวัสดิ์ครับคุณยาย วันนี้คุณยายตื่นแต่เช้าจังเลยนะครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ”

นพยกมือขึ้นไหว้สวัสดีพลางเหล่ตามองข้าวของที่กองอยู่บนโต๊ะอาหาร

“พอดีวันนี้ยายจะไปทำบุญที่วัดนะตานพ” เธอตอบ ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้ทำหน้าแปลกใจเลย เพราะรู้ดีว่าเธอชอบไปทำบุญที่วัดอยู่บ่อยๆ

“คุณยายจะไปที่วัดหรือครับ ดีเลย ถ้างั้นผมจะขอเป็นคนขับรถพาคุณยายไปที่วัดให้เองครับ” นพเอ่ยปากพูดอาสาขอทำหน้าที่ให้เธออย่างเต็มที่ ซึ่งทำเอาเธอส่ายหน้าทันที

“ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ตานพ” เธอบอกปัดก่อนจะพูดต่อ “เมื่อวานนี้หลานเองก็เพิ่งขับรถไปวัดกับยายแก้วมาไม่ใช่รึ ยายเกรงว่าหลานจะเหนื่อยเอาเปล่าๆ พักผ่อนอยู่ที่บ้านให้สบายเถิด”

เธอบอกปฏิเสธ ทว่านพกลับแย้งมาว่า

“ไม่ได้ครับ ผมจะไม่ให้คุณยายขึ้นรถเมล์ไปแน่ๆ ถึงจะไปกับคุณพยาบาลก็เถอะ”

“นพเอ้ย ยายไปมาแบบนี้เป็นประจำจนชินแล้ว นพไม่ต้องเป็นห่วงยายหรอก”

“ถึงจะชินแล้วแต่ผมก็ปล่อยให้คุณยายขึ้นรถเมล์ไปไม่ได้อยู่ดีครับ” นพแย้งต่อด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เพราะชายหนุ่มไม่อยากให้คุณยายต้องขึ้นรถเมล์ให้เหนื่อย “นะครับคุณยาย ให้ผมทำหน้าที่นี้เถอะครับ”

“ถ้าเราไปด้วยแล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนยายแก้วล่ะ” เธอเถียงต่ออย่างมีเหตุผล เพราะบ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่อีกนอกจากเธอกับนางพยาบาล

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงไปครับคุณยาย เดี๋ยวผมจะปลุกลูกแก้วให้ตามไปที่วัดด้วย” พอนพพูดจบ เธอถึงกับส่ายหน้าอย่างยอมแพ้

ให้ตายสิ ดื้อรั้นไม่ยอมแพ้เหมือนแม่มันไม่มีผิด

“เอาตามนั้นก็ได้ งั้นหลานก็รีบไปปลุกยายแก้วให้ลงมาทานข้าวเช้าซะ”

“ครับคุณยาย”

.....................

เมื่อไปถึงวัดแล้ว ทั้งสามคนรวมถึงนางพยาบาลเป็นสี่ก็ได้พากันไปยังกุฏิที่ตั้งอยู่อย่างสงบท่ามกลางต้นไม้ป่าเขาลำเนาไพร ก่อนจะเข้ากุฏิทุกคนต่างเห็นพระรูปหนึ่งกำลังยืนกวาดพื้นอยู่เบื้องหน้า

“มนัสการพระคุณเจ้าค่ะ” เธอกล่าวพลางยกมือขึ้นไหว้ ซึ่งทำให้พระรูปนั้นหยุดชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่

“อืม เจริญพรเถอะโยม มีธุระอะไรกันหรือ”

“อิฉันพาลูกๆหลานๆมากราบขอพรท่านเจ้าค่ะ”

“งั้นก็เชิญโยมขึ้นกุฏิก่อนเลย เดี๋ยวอาตมาเก็บของแล้วจะตามไป” พระรูปนั้นกล่าวบอกกับพวกเธอก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังกุฏิ ซึ่งเธอ นพ ลูกแก้ว และนางพยาบาลต่างขึ้นไปนั่งพับเพียบรอพระอยู่บนที่กุฏิได้สักพัก พระท่านก็เดินกลับขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งตรงหน้าพวกเธอ “ว่ายังไงกันเล่าโยม วันนี้พาเจ้าตัวเล็กมาด้วยหรือนี่ ชื่ออะไรอายุเท่าไหร่ล่ะ หืม?”

“ชื่อแก้วค่ะ อายุสิบสองขวบ อยู่ปอหกค่ะ” แก้วตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉาน

“อืม ชื่อดีนะเรา เอ้าเข้ามาใกล้ๆนี่สิ หลวงตามีของจะให้” พระท่านบอก ซึ่งแก้วก็คลานเขยิบเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะหยุดเว้นห่างพอสมควร “พระนี่ห้อยคอไว้ แล้วก็สวดมนต์บ่อยๆนะหนู”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะหลวงตา” แก้วพูดขอบคุณพลางยกมือขึ้นไหว้ แล้วพระท่านก็สวดมนต์ให้ศีลให้พรกับลูกแก้วก่อนจะหันมาทางนพ

“โยมพอจะสวดมนต์เป็นใช่ไหม”

“ครับหลวงตา” นพตอบก่อนจะเขยิบตัวลุกขึ้นเพื่อขยับถังสังฆทานวางบนผ้าสีเหลือง แน่อนว่านพไม่ลืมที่จะเอาซองจดหมายที่มีชื่อของคุณตาติดอยู่ด้วยวางไว้บนถังสังฆทาน ซึ่งเธอเห็นดังนั้นจึงยกมือขึ้นพนมมือ รวมถึงนางพยาบาลกับเหลนแก้วที่ต่างยกมือขึ้นพนมมือพร้อมกัน ก่อนจะเอ่ยปากสวดมนต์ตามนพ “อิมานิ มะยังภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุโน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะฯ ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายภัตตาหารพร้อมด้วยเครื่องบริวารเหล่านี้แด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงรับภัตตาหารพร้อมด้วยเครื่องบริวารเหล่านี้ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ”

“สาธุ” เมื่อสิ้นคำพูดของหลวงตาแล้ว นพก็ยกถังสังฆทานให้หลวงตาจากนั้นจึงค่อยกรวดน้ำกันต่อ ซึ่งเธอเป็นคนกรวดน้ำ ส่วนพวกนพก็ยกมือขึ้นพนมมือแทน

“ยะถาวาริวะหาปูรา…” พระท่านสวดไปจนกระทั่งใกล้จบ เธอก็รีบรินน้ำให้หมดก่อนจะวางที่กรวดน้ำลงกับพื้น แล้วจึงค่อยยกมือขึ้นพนมมือ “…มะณิโชติระโส ยะถา”

ก่อนจะสวดมนต์ต่อด้วย

“สัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ มา เต ภะวัตวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภวะ อภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลังฯ”

พอสิ้นบทสวด ทุกคนต่างยกมือขึ้นจรดหน้าผากพร้อมพูดว่า’สาธุ’

“เดี๋ยวโยมนำน้ำที่กรวดนี้ไปรดข้างต้นไม้นะ”

“ครับ” แล้วนพก็นำน้ำไปรดข้างต้นไม้ก่อนจะเดินกลับขึ้นมานั่งที่เดิม แล้วพระท่านก็ให้พรแก่ทุกคนก่อนที่เธอจะลาท่านไปทำธุระต่อยังอีกที่หนึ่ง ซึ่งเป็นน้ำตกที่อยู่หลังวัดแห่งนี้ โดยระยะทางที่จะไปนั้นต้องใช้เท้าเดินเท่านั้น ไปด้วยรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ก็ไม่ได้ด้วย

“นี่พวกเราไปที่ไหนต่อหรือคะคุณทวด” แก้วถามอย่างสงสัยในขณะที่เดินจูงมือพ่อของเธอไปด้วย แต่ทว่าเธอไม่ตอบคำถามกลับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อแทน ซึ่งทำเอานพที่เดินอยู่ข้างๆหันมาถามด้วยความเป็นห่วง

“ร้อนหรือครับคุณยาย ผมว่าพวกเรากลับกันเถอะครับ”

“ไม่เป็นไรนพ ยายทนได้” เธอตอบก่อนจะเก็บผ้าเช็ดหน้าเข้ากระเป๋า “เมื่อปีที่แล้วฝนมันตก ยายก็เลยไม่ได้ไป แต่ปีนี้ฝนไม่ตก ยายคิดว่ายายจะต้องเดินไปให้ได้”

เมื่อนพเห็นว่ายายดื้อรั้นจะไปให้ได้ เขาก็เลยไม่คิดจะห้าม จึงได้แต่มองดูอยู่ห่างๆ แล้วพวกเขาเดินไปได้สักครึ่งชั่วโมงก็ถึงปลายทาง ซึ่งเป็นน้ำตกสองชั้นไหลเอื่อยๆดูสบายตา หากเป็นผู้อื่นเห็นว่ามันเป็นมุมพักผ่อนน่าเล่นน้ำเป็นอย่างยิ่ง แต่กับเธอนั้นเห็นเป็นน้ำตกนรกที่พรากคนรักไปจากเธออย่างไม่มีหวนกลับ

“คุณ…ยาย” นพเรียกคุณยายพลางนึกย้อนอดีตกลับไป ตอนนั้นเขายังเด็กนัก ไม่รู้ประสีประสาดีพอ จึงได้แต่สงสัยว่าทำไมยายของเขาถึงเอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญในจุดที่คุณยายยืนในตอนนี้ ซึ่งพอเขาโตเป็นหนุ่ม ถึงได้ทราบว่าคุณตาของคุณยายนั้นได้จากไปพร้อมกับน้ำตกของที่นี่ ซึ่งแม้กระทั่งศพก็ยังหาไม่พบ

“ขอโทษทีตานพ ยายยืนเหม่อนานไปหน่อย” เธอบอกทันทีที่รู้สึกตัวได้หลังจากยืนเหม่อนานอยู่เกือบสิบนาที “นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ยายชักหิวแล้วสิ ตานพเอ้ย เดี๋ยวออกจากวัดไปแล้วนพช่วยพายายไปร้านเกี๋ยวเตี๋ยวห้อยขาด้วยนะ ยายอยากทาน”

“ได้ครับคุณยาย เดี๋ยวผมจะพาคุณยายไปเองครับ” หลังจากนั้นพวกเธอก็เดินย้อนกลับไปที่วัดก่อนจะนั่งรถยนต์ไปทานก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ซึ่งเมื่อทานเสร็จแล้วนพก็พาเธอกลับบ้านทันที เพราะกลัวว่าจะค่ำเสียก่อนจะถึงบ้าน

....................

ในระหว่างที่ราตรีกับนพไม่ได้เล่นเกมออนไลน์อยู่นั้น ภายในเกมออนไลน์ในขณะนี้สมาคมจันทราวารีกำลังย่ำแย่ เพราะจู่ๆราชาปีศาจพาพวกปีศาจเข้าลอบโจมตีพวกธิดาอย่างไร้สาเหตุ ซึ่งทีแรกธิดาพอจะรับมือได้เพราะเธอมีสมาชิกในกลุ่มเยอะพอสมควร แต่ทว่านานๆเข้าก็ชักจะรับมือไม่ไหว แถมสมาชิกของเธอก็พากันตายเป็นแถว ซึ่งเธอเห็นว่ามันแย่เกินที่จะรับมือได้ จึงสั่งให้พวกสมาชิกที่เหลือหนีเอาตัวรอดก่อน แล้วค่อยกลับมาตั้งหลักกันทีหลัง

“ท่านพี่…เอ่อ ไม่สิ พี่ธิดาคะ หนูว่าพวกเรารีบหนีกันเถอะค่ะ ตอนนี้ทุกคนหนีไปกันหมดแล้วนะคะ” หงส์หยกวิ่งเข้ามาบอกธิดาที่กำลังอยู่ในห้องพักของรัตติ

“อืม” ธิดาตอบก่อนจะอุ้มรัตติขึ้นในท่าเจ้าหญิง ก่อนจะหันไปพูดกับมาริโอที่ยืนมองเธอด้วยใบหน้าซีดเผือก “เดี๋ยวน้องมาริโอหนีไปกับน้องหงส์หยกนะ อ๊ะ ฝากอุ้มรัตติให้ด้วยจ้ะ”

ธิดาบอกพลางยื่นร่างของรัตติให้กับมาริโอ ซึ่งมันก็รับร่างเจ้านายมาอุ้มไว้แต่โดยดี

“แล้วพี่ธิดาจะไม่ไปกับพวกผมเหรอฮะ” มาริโอถามอย่างสงสัย ซึ่งธิดาส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“พี่ยังมีงานต้องทำนะจ้ะ” ธิดาตอบก่อนจะหันหน้าไปทางหงส์หยก “น้องหงส์หยกพาน้องมาริโอกับน้องรัตติหนีไปซะ เดี๋ยวพี่จะคอยอยู่กันราชาปีศาจไว้”

“แต่พี่ธิดาคะ หนูปล่อยให้พี่อยู่คนเดียวไม่ได้นะคะ! ถ้าจะหนีก็หนีด้วยพร้อมกันสิ” หงส์หยกพูดแย้ง

“พี่ทำแบบนั้นไม่ได้จ้ะน้องหงส์หยก” ธิดาตอบก่อนจะพูดต่อ “ถ้าพี่หนีไปด้วย พวกเราก็จะตายไปด้วยพร้อมกัน สู้ให้พี่อยู่เป็นกันชนให้พวกน้องได้หนีจะดีกว่านะจ้ะ”

“แต่พี่คะ!”

“ไม่มีแต่! รีบไปเดี๋ยวนี้ก่อนที่ราชาปีศาจจะพาพวกปีศาจมาถึงที่นี่! หนีไปซะ!!” ธิดาตวาดไล่พลางใช้มือดันร่างของหงส์หยกกับมาริโอที่อุ้มรัตติอยู่ให้หนีไปทางประตูลับ เมื่อสามร่างได้หายไปในประตูลับแล้ว ประตูห้องนี้ก็ถูกเปิดออกทันที ซึ่งเผยให้เห็นร่างสูงผมสีดำเข้มยาวลากพื้นในชุดเกราะสีดำทมิฬยืนแสยะยิ้มให้กับธิดา

“ที่แท้ก็ซ่อนอยู่ที่นี่เอง ปล่อยให้ข้าออกเดินตามหาแทบแย่” ราชาปีศาจพูดพลางชักดาบขึ้นมาขู่ธิดา “จงบอกที่ซ่อนรัชทายาทของราชามังกรมาเดี๋ยวนี้เจ้ามนุษย์ มิเช่นนั้นเจ้าจะได้ตายคาดาบของข้าแน่”

ธิดาได้ยินดังนั้นก็ยิ้มตอบกลับไปอย่างท้าทายว่า

“เรื่องอะไรจะบอกให้โง่กันล่ะ จะเข้ามาสู้ก็มาเลยสิ อย่าคิดว่าฉันจะกลัวแกหรอกนะไอ้ราชาปีศาจ” คำตอบของธิดาทำให้ราชาปีศาจถึงกับแผ่รังสีอำมหิตออกมา

“ได้! ถ้างั้นจงตายคาคมดาบของข้าเสียเถิด!!”

................

“ฮัดชิ้ว!”

เธอจามเสียงดังในขณะที่นั่งตรวจร่างกายหลังจากกลับบ้านได้สักพักแล้ว

“คุณยายสวมเสื้อกันหนาวด้วยนะคะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้ค่ะ” นางพยาบาลบอก ซึ่งเธอก็พยักหน้าตอบตกลง เมื่อตรวจร่างกายเสร็จ เธอก็คิดจะกลับเข้าไปเล่นเกมต่อ หากแต่นพกับแก้วเข้ามาชวนเธอไปดูหนังที่ห้องพักผ่อน ซึ่งเธอก็ยอมไปดูแต่โดยดี หลังจากเวลาผ่านไปได้สองชั่วโมงดี เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ซึ่งเธออยู่ใกล้สุดจึงรีบยกหูโทรศัพท์แบบเก่าขึ้นมาแนบหู

“สวัสดีจ้ะ บ้านคนแก่คนหนึ่งที่กำลังนั่งดูหนังกับหลานอยู่จ้า” คำพูดของเธอทำเอานพกับแก้วหันขวับมามองพร้อมกัน ส่วนปลายสายนั้นเมื่อได้ยินเสียงของเธอพูดถึงกับหัวเราะ

“โธ่คุณแม่คะ พูดอะไรของคุณแม่อยู่คะนี่ เล่นเอาหนูขำไปหมดแล้วนะคะ”

“ฉันก็พูดของฉันอยู่ประจำ” เธอแย้งเสียงเรียบทั้งๆที่ในใจก็นึกขำตัวเองว่าเมื่อครู่นี้พูดออกไปได้ยังไง “ว่าแต่แกโทรมาหานี่มีธุระอะไรล่ะแม่รุ้ง ฉันกำลังดูหนังกับตานพแล้วก็ยายแก้ว”

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่อยากจะบอกว่าตอนนี้หนูกำลังจะถึงบ้านของคุณแม่แล้วนะคะ”

“อะไรนะ จะมาถึงบ้านฉันแล้วรึ” เธอร้องอุทานเสียงดังลั่น ทำเอานพสะดุ้ง “แล้วนี่แกมากับใคร มารถอะไร จะให้ตานพไปรับไหม”

ปลายสายหัวเราะก่อนจะตอบคำถามของเธอมาว่า

“โธ่คุณแม่คะ เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอกค่ะ ตอนนี้หนูให้มีนาขับรถให้อยู่ค่ะ”

“งั้นแล้วไป” เธอพูดพลางถอนหายใจ ซึ่งทำให้คนฟังอย่างนพพลอยถอนหายใจตามไปด้วย “เดี๋ยวฉันจะให้ตานพไปยืนรอหน้าบ้านแล้วกัน”

“ค่ะคุณแม่” แล้วอีกฝ่ายก็ตัดสายทิ้งไป ทำให้เธอต้องวางโทรศัพท์ลงตามเดิม

“นพเอ้ย เดี๋ยวนพไปรอแม่ของหลานที่หน้าบ้านด้วยนะ”

“ครับคุณยาย” นพพูดรับปากรับคำก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วเดินหายออกไปนอกห้อง

.......................

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 31 โดนพิษ

.................

“เฮ้ยดนัย เดี๋ยวนี้เกมเรามันชักเพี้ยนๆยังไงไม่รู้แฮะ”

ปริญพูดในขณะที่มองหน้าจอผู้เล่นราตรีที่ยังคงสถานะออฟไลน์ ซึ่งตอนนี้ตัวละครของราตรีกำลังถูกมาริโออุ้มวิ่งหนีราชาปีศาจโดยมีผู้เล่นหงส์หยกที่โดนผู้เล่นธิดาสั่งให้พามาริโอหนีไปด้วยพร้อมกัน ส่วนคนถูกถามยังคงใช้ดินสอขีดเขียนบนกระดาษสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบกลับไปว่า

“ก็แหงล่ะ ตั้งแต่โดนแฮคครั้งนั้นเกมนี้ก็ไม่ปกติอีกแล้ว” ดนัยตอบพลางก้มลงเขียนต่อ “เห็นพวกทีมโปรแกรมเมอร์บ่นว่าแก้ไขโปรแกรมของราชาปีศาจแล้ว แต่มันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่สิน่ากลุ้ม จนกว่าอาวุธลับ “แยกรวม” ของท่านประธานจะสำเร็จนั่นแหละ ถึงจะเบาใจ แต่เวลานี้พวกเราต้องคอยดูความเคลื่อนไหวของไอดีแปดพันนี่ไปตลอดด้วย อย่าไปสนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ให้พวกเราคอยจับตาดูอยู่เงียบๆ”

“แต่ราชาปีศาจมันบ้าถึงขนาดออกตามล่าไอดีแปดพันอยู่เนี่ยนะ”

“เออ แกก็คิดซะว่ากำลังนั่งดูนิยายหรือหนังภาพยนตร์สิวะไอ้ปริญ มันจะไปยากอะไร” ดนัยแย้งกลับพลางวางดินสอกับกระดาษลงบนโต๊ะทำงาน “อย่าลืมสิว่าพวกเราแทรกแซงผู้เล่นมาหลายครั้งแล้ว คำสั่งก็คือคำสั่ง ดูอยู่เงียบๆ ก็พอ”

ปริญได้ยินที่ดนัยเทพก็เถียงไม่ออก เพราะดนัยเทพพูดถูกทุกอย่าง เมื่อปริญไม่แย้งแล้วดนัยเทพก็หันกลับมาทำงานของตัวเองต่อ ส่วนปริญก็กลับมามองหน้าจอต่อ ซึ่งในขณะนี้กำลังฉายภาพของมาริโอที่ยังอุ้มผู้เล่นราตรีอยู่ในมือกับผู้เล่นหงส์หยกที่ได้ชักอาวุธออกมาเตรียมพร้อมสู้กับพรรคพวกของราชาปีศาจที่ตามมาเจอจนได้

เอาตัวรอดให้ได้จนกว่าคุณยายแกจะกลับเข้าไปเล่นนะมาริโอเอ๋ย!

..........................

กลับมาทางด้านมาริโอ ซึ่งกำลังอุ้มรัตติที่นอนจำศีลหนีไปพร้อมกับหงส์หยกที่บาดเจ็บสาหัสเพราะต้องคอยคุ้มกันมาริโออยู่เกือบตลอดเวลา แต่ทว่ามาริโอใช่ว่าจะเอาแต่อุ้มรัตติเฉยๆ มันเองก็ใช้เท้าในการโจมตีบ้างเหมือนกัน ทีแรกจุดมุ่งหมายของพวกหงส์หยกที่จะไปนั้นเป็นฐานลับสำรองของสมาคมจันทราวารีที่อยู่ใกล้ป่าเอลฟ์แล้ว แต่กลับต้องเปลี่ยนทิศทางเพราะหงส์หยกเกรงว่าพวกปีศาจจะตามไปถึงฐานสำรองของพวกเธอได้

“งั้นไปหาตาแก่มานาแล้วกัน!” มาริโอบอก ซึ่งทำเอาหงส์หยกขมวดคิ้ว

“ตาแก่มานา?” หงส์หยกพูดทวนชื่ออย่างสงสัย “เขาคือใครกันหรือจ้ะน้องมาริโอ”

“ก็ลุงที่เป็นต้นมานายังไงล่ะ นั่นเป็นหนทางเดียวที่หนูพอจะพึ่งพาได้!” ซึ่งหงส์หยกฟังแล้วก็พลอยเห็นดีไปด้วยเพราะเธอเองก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วเหมือนกัน แต่จะให้กลับเข้าเมืองเริ่มต้นไปก็ใช่ที่ เพราะตอนนี้พวกเธอกำลังหนีการจับกุมของพวกราชาปีศาจอยู่

“จ๊ะเอ๋!” จู่ๆก็มีผู้เล่นกระโดดออกมาจากพุ่มไม้มาดักหน้าพวกหงส์หยกที่กำลังวิ่งหนีอยู่ ทำเอามาริโอตกใจจนเกือบปล่อยร่างของรัตติลงกับพื้น

“น้องปลา!” หงส์หยกร้องเรียกอีกฝ่ายอย่างตกใจ แต่ด้วยความที่เธอบาดเจ็บหนักก็เลยทำให้ต้องนั่งทรุดลงไปด้วยความเหนื่อยอ่อน “ทีหลังอย่ามาเล่นให้พวกพี่ตกใจแบบนี้สิ มันไม่ดีนะรู้ไหม”

ปลายิ้มก่อนจะตอบกลับมาว่า

“ขอโทษค่ะพี่หงส์หยก พอดีน้องเองก็หนีมาทางนี้เหมือนกัน แต่บังเอิญเห็นพี่กับน้องมาริโอวิ่งหนีมาทางนี้ หนูก็เลยวิ่งอ้อมมาดักข้างหน้านะค่ะ ว่าแต่พี่หงส์หยกกับน้องมาริโอจะหนีไปทางไหนเหรอคะ ปลาขอตามไปด้วยคนได้ไหมคะ”

“ได้สิ แต่ช่วยมาริโออุ้มหน่อยนะ เพราะเห็นน้องเค้าอุ้มรัตตินานแล้ว” หงส์หยกบอก ซึ่งปลาก็พยักหน้าก่อนจะหันไปอุ้มร่างรัตติแทนมาริโอ แล้วทั้งสามจะเริ่มออกวิ่งต่อโดยที่หงส์หยกไม่ลืมส่งข้อความบอกธิดาว่าตอนนี้พวกเธอกำลังวิ่งไปหลบซ่อนตัวที่ไหน

...................

“สวัสดีค่ะคุณแม่ แหมกำลังดูหนังเรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์ภาคจบอยู่หรือคะ”

รุ้งยกมือขึ้นพูดกล่าวสวัสดีเธอ ถึงแม้ผู้พูดจะมีอายุย่างเข้าหกสิบแต่รูปร่างหน้าต่างก็ยังคงสะสวยเหมือนคนอายุสี่สิบต้น ใบหน้าเรียวคมนัยน์ตาสีน้ำตาล ผมสั้นทรงบ็อบสีดำ สวมเสื้อคอวีสีเทากางเกงขายาวห้าส่วนทรงแคบดูปราดเปรียวเหมือนสาวที่เพิ่งจะพ้นวัยทำงานได้ไม่นาน ซึ่งในขณะที่หลานสะใภ้หรือมีนา ภรรยาสาวของนพในวัยสามสิบห้า มีใบหน้าค่อนข้างกลม ผมยาวสีน้ำตาลแกมทองยาวปะบ่า นัยน์ตาสีดำเปล่งประกายสดใส แก้มถูกปัดด้วยบัชออนสีชมพูอ่อนกับริมฝีปากที่ถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกสีเดียวกันกับแก้ม ส่วนเสื้อผ้าก็เป็นลายลูกไม้สีขาวกับกระโปรงสั้นสีชมพูเหนือเข่าทำให้แลดูเป็นสาวหวานได้ยกมือขึ้นพนมมือกล่าวทักทายสวัสดีกับเธอด้วยเช่นกัน

“ใช่แล้วแม่รุ้ง” เธอตอบพลางหันไปมองมองหลานสะใภ้ที่แต่งตัวหวานซะหยดย้อยจนลืมอายุบ้าง “แล้วนี่นึกยังไงถึงขับรถยนต์ขึ้นเหนือมาหาฉันล่ะ ไม่ทำงานทำการกันเลยรึไง”

“เรื่องนั้นคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ งานการกุศลที่หนูกับมีนาไปมานั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ” รุ้งตอบก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาข้างเธอ

“อืม รู้จักทำบุญกับเขาก็ดีเหมือนกันนะ” เธอพูดสัพยอก ทำเอารุ้งยิ้มแห้งๆ “ว่าแต่มาพักที่นี่คืนเดียว หรือว่าจะกลับพร้อมกับตานพล่ะแม่รุ้ง”

“คงจะกลับพร้อมกับลูกนพนะค่ะคุณแม่ จริงไหมจ้ะมีนา” รุ้งตอบก่อนจะหันไปถามความเห็นกับลูกสะใภ้ ซึ่งมีนาพยักหน้าก่อนจะตอบกลับมาว่า

“ค่ะคุณแม่” หลังจากนั้นก็ถึงเวลาอาหารเย็น ซึ่งคนทำอาหารในครั้งนี้เป็นฝีมือของรุ้งกับมีนาที่ขอเป็นคนทำเอง ส่วนเธอ นพ แก้วก็ได้แต่นั่งดูหนังแฮร์รี่ฆ่าเวลารออาหารเย็น เมื่อรุ้งกับมีนาทำอาหารเสร็จ พวกเขาก็นั่งรับประทานอาหารไปคุยไปด้วยพร้อมกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งในขณะที่เธอกำลังนั่งทานอาหารอยู่นั้น จู่ๆ มีนาเกิดเอ่ยปากพูดเรื่องเกมออนไลน์ขึ้นมา ทำเอาเธอต้องเงยหน้าฟัง

“ที่รักเมื่อกี้ตอนที่เค้าหยุดพักแวะปั้มเติมน้ำมัน เค้าได้ยินข่าวในโทรทัศน์ประกาศว่าในเกมเรียลไลฟ์ออนไลน์ในตอนนี้กำลังมีราชาปีศาจพากองทัพปีศาจนับร้อยไปบุกถล่มสมาคมจันทราวารีกับเมืองเริ่มต้นด้วยล่ะ”

“อะไรนะ?!” นพร้องอุทานเสียงดังลั่น ซึ่งแม้แต่เธอก็เผลอปล่อยช้อนส้อมลงบนจานเสียงดังอย่างลืมตัว

เคล้ง!

ทั้งโต๊ะต่างหันมามองเธอพร้อมกัน

“คุณยายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” นพเอ่ยปากถามอย่างเป็นห่วง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอะใจอะไรได้บางอย่างในตัวเธอ “หรือว่าตัวละครในเกมของคุณยายยังอยู่แถวนั้นนะครับ!”

“อะไรกันนะตัวเอง อย่าไปตะคอกเสียงใส่คุณยายแบบนั้นสิ” มีนาพูดพลางสะกิดนพ หากแต่ชายหนุ่มหาได้ฟังไม่ กลับจ้องเธอเพื่อคาดคั้นคำตอบ

“อุ้ย นี่ลูกนพชวนคุณแม่เล่นเกมออนไลน์ด้วยหรือจ้ะ” รุ้งถาม ซึ่งนพก็พยักหน้าแทนคำพูด ก่อนจะหันมามองเธอต่อ

“ใช่ ยายอยู่แถวนั้นจริงตานพ” เธอพูดตอบโดยที่ไม่ลืมจะปิดบังเรื่องที่อยู่ของตัวเอง “แต่นพไม่ต้องห่วงยาย ตัวละครยายในตอนนี้อยู่ในความดูแลของเพื่อนหลายคน อย่าว่าแต่ยายเลย หลานกลับไปดูตัวละครของตัวเองในเกมให้ดีเถอะตานพ”

“แต่ผมเป็นห่วงนี่ครับคุณยาย แถมตอนนี้ตัวละครของผมก็อยู่เกาะเริ่มต้นด้วย เพราะฉะนั้นขอให้ผมตามไปช่วยคุณยายเถอะครับ ผมขอร้องล่ะ” นพพูดเสียงออดอ้อน ซึ่งทำเอาเธอถึงกับเหนื่อยใจกับความดื้อรั้นของหลานชาย “นะครับคุณยาย ผมอยากตามไปช่วยคุณยายจริงๆนะครับ”

คำพูดของนพทำให้เธอต้องถอนหายใจอีกรอบ

“ไม่ต้องหรอกตานพ ยายพอมีเพื่อนเก่งๆอยู่หลายคน แถมพวกเขาก็มีระดับสูงมากพอที่จะป้องกันยายด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นนพห่วงตัวเองจะดีกว่านะหลานรัก”

“แต่ผม…” นพทำท่าจะแย้งกลับต้องหุบปากลงเมื่อเห็นคุณยายส่งสายตามาในเชิงห้ามปราม “ก็ได้ครับ ผมจะไม่ตามคุณยายก็ได้ครับ”

แล้วหลังจากนั้นเธอก็รีบลงมือทานอาหารเย็นต่อ เมื่อทานเสร็จเธอก็ตรงดิ่งกลับเข้าห้องไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนอนก่อนจะนั่งสมาธิสักสิบนาที แล้วจึงค่อยนอนลงบนเตียงก่อนจะล็อกอินเข้าเกมต่อทันที ซึ่งโดยหารู้ไม่ว่าในขณะที่เธอกำลังจะล็อกอินเข้าเกมอยู่นั้น มาริโอ หงส์หยก และปลากำลังต่อสู้กับพวกปีศาจที่ติดตามมาจนทันเพื่อช่วยร่างของเธอที่ถูกพวกปีศาจชิงไปก่อนหน้านี้แล้ว

“ท่านได้ล็อกอินเกมเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ”

เสียงระบบประกาศบอกในขณะที่เธอเริ่มรู้สึกตัว พอครั้นคิดจะขยับตัวเพื่อบิดความเมื่อยล้าของร่างกายแต่เธอกลับพบว่ามือทั้งสองข้างกลับถูกมัดไพล่หลังเอาไว้อย่างแน่นหนา

เกิดอะไรขึ้นกันกับเราเนี่ย?!

“รัตติ!” เสียงมาริโอกู่ร้องดังข้ามหัว ทำให้ราตรีต้องรีบลืมตาขึ้นมาทันที ก่อนจะพบกับภาพพื้นดินกลับหัว ส่วนของท้องฟ้ากลับอยู่แทนพื้นดิน ซึ่งทำเอาราตรีแทบมึนไปเลยทีเดียว

“เฮ้ย พวกแกอย่าปล่อยให้พวกนั้นตามข้ามาได้นะ” เสียงแหบแห้งตะโกนลั่น ทำให้ราตรีต้องขมวดคิ้วคิดอย่างสงสัย ครั้นจะอ้าปากพูดถามเสียงนั้น กลับมีเพียงเสียงอู้อี้เท่านั้น

“อื้อๆ?!”

ให้ตายสิ นอกจากจะถูกจับมัดมือแล้ว ยังถูกปิดปากอีกด้วยหรือเนี่ย!

ราตรีครุ่นคิดอย่างเหนื่อยใจ รู้อย่างนี้เธอน่าจะเชื่อฟังคำพูดของนพตั้งแต่แรกเสียก็ดีหรอก แล้วราตรีล้วเธอก็ถูกคนแปลกหน้าอุ้มไปเรื่อยๆโดยตัวเธอเองก็ไม่ทราบจุดหมายที่แน่นอน กเสียก็ดีหรอกบหัว ส่วนของท้องฟ้ากลับอยู่แทนพื้นดิน ซึ่ก็ถูกคนแปลกหน้าอุ้มไปเรื่อยๆซึ่งไม่รู้ว่าอีกฝ่ายลักพาตัวเธอไปเพื่ออะไร ราตรีเห็นแต่เพียงด้านหลังของผู้อุ้มมีลักษณะสีเขียวคล้ายต้นยางยืดเหนียวคล้ายต้นยางพารากำลังออกวิ่งเป็นเส้นตรงและเร็วจนเธอต้องหลับตาอยู่หลายครั้ง ส่วนคนที่จับเธอมานี้ก็ไม่พ้นพวกมอนสเตอร์ เพราะถ้าหากเป็นผู้เล่นจริง เธอก็ชักอยากเห็นหน้าเหมือนกันว่าอีกฝ่ายคิดลักพาตัวเธอไปทำไม เพราะตั้งแต่เข้าเกมออนไลน์มา ราตรีแทบไม่เคยทำความเดือดร้อนให้ใครเลยสักคนเดียว ซึ่งในขณะที่มอนสเตอร์สีเขียวตัวนี้พาเธอออกวิ่ง เสียงของระบบก็ได้ประกาศในหัวเธอว่า

“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้สัมผัสกับปีศาจรากไม้ระดับ 20 ทำให้ท่านได้รับพิษประเภทมึนงงชั่วขณะ” สิ้นเสียงของระบบ ราตรีก็รู้สึกถึงอาการมึนตามที่ระบบประกาศเอาไว้จริงๆ “หากผู้เล่นที่ได้รับพิษนี้เข้าไป จะมีผลต่อระบบความทรงจำของตัวเอง ซึ่งมีผลอยู่นานถึง 7 วัน 7 คืน”

พอสิ้นเสียงระบบประกาศเตือนอีกครั้ง ความรู้สึกของราตรีก็พลันดับวูบลงราวกับทีวีถูกปิดกะทันหัน

.......................

ย้อนมาทางด้านนพหรือปฐพี หลังจากชายหนุ่มได้เข้าเกมออนไลน์อีกครั้ง เขาก็รีบติดต่อหาเพื่อนอีกสองคนพร้อมชักชวนทั้งคู่ให้ช่วยเขาออกตามหาคุณยาย ซึ่งแน่นอนว่าศาสตรากับพิภพยอมที่จะช่วยเหลือโดยไม่คัดค้านแม้สักคำเดียว แถมยังมีความกระตือรือร้นที่จะออกตามหาคุณยายของเขาอีกด้วย หลังจากที่พวกเขาขี่ม้าคู่ใจตรงดิ่งไปยังเมืองเริ่มต้นแล้ว ทั้งสามคนก็ได้พบกับซากปรักหักพังของเมืองซึ่งผู้กระทำก็มิใช่ใครนอกเสียจากกองทัพราชาปีศาจ

“โหย พวกกองทัพราชาปีศาจนี่น่ากลัวใช่ย่อย บุกทีเมืองเริ่มต้นเละเป็นโจ๊ก ดีนะที่พวกกองทัพราชาปีศาจไม่ได้อยู่ในเมืองเริ่มต้นนี้แล้ว แต่กลับไปถล่มสมาคมจันทราวารีแทน เฮ้อ พูดแล้วรู้สึกหนาวแทนธิดาชะมัดเลย” ศาสตราพูดเสียงสูงพลางมองเมืองเริ่มต้นที่เคยสวยงามมาก่อน

“ใช่ น่ากลัว” พิภพพูดอย่างเห็นด้วยกับศาสตรา แต่ก็พยายามจงใจเลี่ยงที่จะพูดถึงชื่อธิดาให้ปฐพีได้ยินอีก “แต่อีกไม่นาน เดี๋ยวพวกจีเอ็มก็ทำให้เมืองนี้กลับคืนสภาพเดิมเองได้ล่ะน่า”

“ก็คงเป็นอย่างนั้นแหละ ว่าแต่นายจะออกตามหาคุณยายที่เมืองเริ่มต้นนี้เลยไหม” ศาสตราพูดพลางหันไปถามปฐพี ซึ่งชายหนุ่มผมทองเกรียนนิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบว่า

“เดี๋ยวนายอยู่หาคุณยายที่นี่แล้วกันนะศาสตรา ส่วนฉันกับพิภพจะไปตามหาคุณยายที่อื่นต่อ”

“อ้าวทำไมไม่อยู่หาด้วยกันล่ะ” ศาสตราร้องถามอย่างสงสัย แต่ทว่าปฐพีหาได้ตอบกลับไปไม่ กลับดึงเชือกม้าให้หมุนตัวแล้วออกวิ่งไปนอกเมืองเริ่มต้นทันทีโดยไม่ฟังคำคัดค้านใดๆทั้งสิ้น

ไม่ใช่ไม่อยากหา

แต่ใจของเขามันกลับรู้สึกว่าท่านต้องไม่ได้อยู่ที่นี่แน่!


ปฐพีครุ่นคิดในใจอย่างเงียบๆ ส่วนพิภพกับศาสตราที่ขี่ม้าตามปฐพีมานั้นต่างก็นึกสงสัย แต่ไม่ได้ถามอะไรกลับไปเพราะรู้ดีว่าถามไปก็เปล่าประโยชน์ หลังจากที่ปฐพีขี่ม้านำหน้าพิภพไปสักระยะ เขาก็ได้ยินเสียงคุ้นหูตะโกนโห่ร้องไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่เขาขี่ม้าอยู่

“รัตติ!” คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยิน แต่จำไม่ได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงใคร

ปฐพีคิดก่อนจะชะงักม้าที่ขี่ให้หยุด ซึ่งทำเอาพิภพกับศาสตราต้องรีบดึงเชือกให้ม้าที่ตนเองขี่ต้องหยุดตาม

“มีอะไรหรือเปล่าปฐพี” พิภพถามอย่างสงสัย หากแต่คนถูกถามไม่ได้ตอบคำถามของพิภพ กลับกระโดดลงจากหลังม้าก่อนจะก้าวเท้าออกเดินไปอย่างหน้าตาเฉย ซึ่งทำให้พิภพกับศาสตราต้องรีบกระโดดจากหลังม้าตามปฐพีไปอย่างรวดเร็ว เมื่อปฐพีเดินแหวกพุ่มไม้ไปเรื่อยๆไปได้สักระยะ เขาก็ได้ยินเสียงคล้ายกับมีอะไรบางอย่างสะดุดหกล้ม จึงรีบสาวเท้าเข้าไปดูหลังพุ่มไม้อย่างรวดเร็วก่อนจะพบเห็นปีศาจรากไม้ระดับ 20 นอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นโดยที่ขาของมันมีเห็ดมาริโอจับขาทั้งสองข้างเอาไว้อยู่

นั่นมันมาริโอที่อยู่กับธิดานี่!

ปฐพีคิดในใจ เพราะเขาจำเห็ดมาริโอที่เป็นทาสรับใช้ของผู้เล่นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่แปลงร่างเป็นมังกรแล้วคลั่งได้เป็นอย่างดี พอชายหนุ่มคิดเสร็จก็พลันเหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มผมสีเงินที่ดูคุ้นตาถูกมัดด้วยเถาวัลย์เต็มไปทั่วร่างนอนสลบไสลอยู่กับพื้น

“นั่นน้องชายที่เป็นพวกเผ่ามังกรกับเห็ดมาริโอไม่ใช่หรือปฐพี” ศาสตราที่เดินตามหลังมาได้กล่าวพูดกับเขาทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มผมสีเงิน ส่วนพิภพเดินตามมาทีหลังแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ “ดูท่าจะโดนลูกหลงจากพวกกองทัพราชาปีศาจตามฆ่าแหง นายจะไปช่วยหรือเปล่าล่ะปฐพี”

“อืม” ปฐพีตอบสั้นๆ ก่อนจะหยิบมีดสั้นขึ้นมาแล้วจึงค่อยปามีดออกไปอย่างรวดเร็ว

ฉึ่ก!

500


มีดสั้นที่ปฐพีปาไปนั้นได้แทงเข้าที่กลางหน้าผากของปีศาจรากไม้เข้าพอดีอย่างจัง ก่อนจะดับวูบหายไปในพริบตาเดียว

“ผู้เล่นปฐพีได้รับค่าประสบการณ์ 5 หน่วย”

เสียงระบบประกาศ ทว่าปฐพีหาได้สนใจไม่ เขารีบเดินดิ่งไปช่วยเด็กหนุ่มที่ถูกเถาวัลย์มัดทันที ส่วนพิภพกับศาสตราก็รีบเข้าไปตรวจดูเห็ดมาริโอด้วยเช่นกัน

“เฮ้ปฐพี ทางนี้ก็ยังไม่ตาย แค่สลบไปนะ”  พิภพบอก ซึ่งปฐพีพยักหน้าตอบก่อนจะก้มลงแกะเถาวัลย์ให้กับเด็กหนุ่มผมสีเงินต่อ สักพักเมื่อปฐพีได้จัดการเถาวัลย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็หันมาสำรวจสภาพของเด็กหนุ่มเผ่ามังกรว่าเป็นยังไงบ้าง

ก็แค่สลบไปเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรร้ายแรง

ปฐพีคิดในใจก่อนจะใช้มือตบใบหน้าของเด็กหนุ่มเบาๆ

แปะ แปะ

“ตื่นสิน้องชาย ตื่นๆ” ปฐพีเรียกอีกฝ่ายไปด้วยพร้อมกัน หากแต่เด็กหนุ่มหาได้รู้สึกไม่ จึงทำให้เขาต้องตบใบหน้าของเด็กหนุ่มอีกครั้งอย่างแรงๆ “ตื่นได้แล้วน้องชาย พี่มาช่วยน้องแล้วนะ”

อาจจะเป็นเพราะปฐพีตบหน้าของเด็กหนุ่มแรงเกินไป ทำให้อีกฝ่ายลืมตาขึ้นมาอย่างสะลืมสะลือ ซึ่งเผยให้เห็นนัยน์ตาสีฟ้าครามสดใสประดุจห้วงท้องทะเลลึก

สวยจังแหะ

ปฐพีคิดในใจอย่างลืมตัว ส่วนอีกฝ่ายเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วก็พลันมองหน้าเขาสลับกับมองไปข้างๆกลับไปกลับมา ก่อนจะหันหน้ากลับมาหาปฐพีอีกครั้ง

“ที่นี่...ที่ไหนหรือครับ” เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“อ้อ ที่นี่คือชายป่าทางเข้าป่าเอลฟ์นะ” ปฐพีตอบพลางวางศีรษะของเด็กหนุ่มลงบนพื้นอย่างเบาๆ ก่อนจะหันไปหยิบขวดยาที่อยู่ในกระเป๋า “ว่าแต่น้องชายไปทำอีท่าไหนให้พวกกองทัพราชาปีศาจจับได้ล่ะ”

“ผม...ผมไม่รู้”

เด็กหนุ่มตอบเสียงตะกุกตะกัก ทำเอาปฐพีที่ได้ยินต้องหันกลับไปมองอย่างฉงน

“ไม่รู้?”

“ครับ ไม่รู้”

ปฐพีได้ยินถึงกับขมวดคิ้ว

แปลกคน เรื่องแค่นี้ก็จำไม่ได้

“ว่าแต่น้องชื่ออะไรล่ะ พี่จะได้เรียกเราได้ถูก” ทว่าแทนที่อีกฝ่ายจะตอบกลับมาทันที กลับนั่งนิ่งจนปฐพีต้องถามอีกครั้ง “น้องครับ น้องมีชื่อว่าอะ...”

ปฐพียังถามไม่ทันจบประโยคดี เด็กหนุ่มก็ตอบกลับมาด้วยคำตอบที่ทำเอาปฐพี พิภพ และศาสตราถึงกับอึ้ง

“ชื่อ...ชื่อหรือ...ไม่รู้สิ ผมนึกอะไรไม่ออกเลย พี่ช่วยบอกผมทีว่าผมเป็นใคร”

.............................

 o22 o22 o22 o22 o22 o22 o22

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บทที่ 32 เจ้าชายเอลฟ์

..............
 
“ชื่อ…ชื่อหรือ…ไม่รู้สิ ผมนึกอะไรไม่ออกเลย พี่ช่วยบอกผมทีว่าผมเป็นใคร”

เด็กหนุ่มผมสีเงินถามอย่างเหม่อลอย ซึ่งทำเอาสามหนุ่มได้ยินถึงกับอึ้ง

“จะพูดเล่นก็ไปพูดกับคนอื่นเถอะไอ้น้อง” ศาสตราพูดพลางเอามือเกาหัวหยิกๆ “ไอ้มุขความจำเสื่อมนี่ มันเก่าไปไหม แล้วนี่ธิดาไปไหนล่ะ ไม่ได้ตามมาด้วยกันหรือ”

คำพูดของศาสตราทำให้พิภพต้องใช้ศอกถองเข้าท้องของมันด้วยความหมั่นไส้ ซึ่งทำให้ศาสตรานึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูดเรื่องธิดาต่อหน้าปฐพีแต่ก็สายไปเสียแล้ว

“ธิดา?” เด็กหนุ่มผมสีเงินสั้นพูดชื่อนั้นอย่างมึนงง “ธิดาคือใครหรือครับ ผมไม่รู้จัก”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ตอนนี้น้องต้องดื่มยาเพิ่มพลังนี่ก่อน” ปฐพีบอกพลางยื่นขวดยาสีแดงให้กับเด็กหนุ่ม ซึ่งทำให้อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางหยิบขวดยาจากปฐพียกขึ้นดื่ม เมื่อเด็กหนุ่มดื่มยาเสร็จแล้วก็พลันเบ้ปากอย่างไม่พอใจ

“ไม่อร่อยเลย” เด็กหนุ่มผมสีเงินบอกเขาพลางขมวดคิ้ว “เอ แล้วนั่นเสียงใครหรือครับ ผมได้ยินเขาบอกว่าผมได้รับการเติมพลังอะไรสักอย่างเนี่ยแหละ”

“เสียงนั้นเป็นเสียงของระบบนะไอ้น้อง ถามจริงเถอะ ไอ้มุขความจำเสื่อมมันน่าเล่นตรงไหน เลิกเล่นได้แล้วนะ มันไม่สนุกเลยสักนิด” ศาสตราพูดอย่างเบื่อหน่าย แต่ทว่าเด็กหนุ่มผมสีเงินกลับทำหน้ามึนงงยิ่งกว่าเดิม

“ผมเปล่าเล่นนะครับ ผม…จำไม่ได้จริงๆ”

“นี่ไอ้น้อง…” ปฐพีรีบโบกมือห้ามศาสตราไม่ให้พูดไปมากกว่านี้ จึงทำให้เพื่อนยอมหุบปากแต่โดยดี

“เอาล่ะๆ จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ขอถามอะไรหน่อย น้องรู้จักเห็ดที่นอนอยู่ตรงนั้นได้ไหม” ปฐพีพูดพลางชี้นิ้วไปยังมาริโอที่นอนสลบอยู่กับพื้น เด็กหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงหันไปมองตาม

“ไม่เลยครับ” อีกฝ่ายตอบพลางส่ายหน้าไปมา “ผมไม่รู้จักเลยสักนิด แล้วนั่นเห็ดพันธุ์ชนิดใหม่หรือยังไงครับ”

คำตอบของเด็กหนุ่มผมสีเงินทำเอาพวกเขาถึงกับกลุ้ม เพราะไม่แน่ใจว่านี่คือการเล่นละครหรือจำไม่ได้จริงๆ

“จำไม่ได้ก็ช่างเถอะ ตอนนี้นายช่วยปลุกมาริโอให้ตื่นทีสิศาสตรา” ปฐพีหันไปสั่งเพื่อน ซึ่งศาสตราพยักหน้าตอบก่อนจะหันมาปลุกมาริโอ

“น้องมาริโอตื่นได้แล้ว” ศาสตราพูดพลางตบหน้ามาริโอเบาๆ หากแต่มันไม่ยอมตื่นสักที ศาสตราจึงตบแรงขึ้นอีกนิด “เฮ้ย ถ้าฉันนับหนึ่งถึงสามแล้วยังไม่ลุกอีกล่ะก็ เลือกเอาได้เลยนะว่าจะเอาแบบสุกๆดิบๆ ปานกลางหรือย่างเกรียม หึๆ”

คำพูดของศาสตราทำให้ปฐพีกับพิภพต้องส่ายหน้า

ทำเป็นเล่นเหมือนเด็กๆไปได้

“ตื่นแล้วๆ! อย่าจับหนูไปกินเลยนะ!” มาริโอร้องโวยวายก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่งเพราะกลัวจะโดนจับไปทอดกินจริงๆ พอลุกขึ้นมาแล้วมันก็หันไปมองรอบๆข้างอย่างมึนงง “ที่นี่ที่ไหน แล้ว…อ๊ะ รัตติ! รัตติจริงๆด้วย รัตติ!”

มาริโอร้องอุทานอย่างดีใจเมื่อได้เห็นเจ้านายของมัน

รัตติ? จริงสิ จะว่าไปตอนนั้นมาริโอก็เรียกชื่อเด็กคนนี้ว่ารัตตินี่

ปฐพีคิดในใจอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ แล้วมาริโอก็รีบลุกขึ้นยืนก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดรัตติอย่างดีอกดีใจ

“รัตติ! โชคดีจังที่เจ้าปลอดภัย” มาริโอร้องถามอย่างเป็นห่วง หากแต่ผู้โดนถามกลับตีสีหน้ามึนงง “ว่าแต่เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือเปล่านี่รัตติ ข้าจะได้ช่วยทายาให้”

“เอ่อ ผมไม่เป็นไร ขอบคุณที่เป็นห่วง” เด็กหนุ่มตอบ ซึ่งทำเอามาริโอที่กำลังสำรวจดูร่างกายของรัตติต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ

“เจ้าพูดอะไรของเจ้านะรัตติ?” มาริโอถามอย่างสงสัย เพราะตามปกติรัตติไม่เคยพูดจาสุภาพหรือห่างเหินกับมันเลยสักครั้ง “เอ หรือว่าจะเป็นไข้ ไหนขอตรวจดูหน่อยสิ”

มาริโอพูดพลางใช้หลังมือแนบหน้าผากของรัตติ

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่ เอ แปลกจังเลยแฮะ”

“ไม่แปลกหรอกที่ตัวไม่ร้อน แต่เป็นเพราะเค้าจำอะไรไม่ได้เลยตั้งหากล่ะน้องมาริโอ” ศาสตราพูดตัดบทอย่างรำคาญนิดๆ “เฮ้อ แต่ถ้าเจ้าช่วยเบิร์ดกะโหลกเขาสักครั้งด้วยก็ดีนะ จะได้เลิกเล่นละครงี่เง่านี้ซะ”

“เล่นละคร?” มาริโอพูดพลางชะงักมือพลางมองรัตติอย่างสงสัย

“ผมเปล่าเล่นละคร” รัตติพูดตอบอย่างฉุนเฉียว “ผมบอกพวกคุณไปแล้วไงว่าจำอะไรไม่ได้ ทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้างเลย”

สามหนุ่มได้ยินที่รัตติพูดก็พลันส่ายหน้าพร้อมกันอย่างไม่เชื่อในคำพูดนั้น

“คงเชื่อยากหรอกนะไอ้น้อง เพราะที่นี่เป็นแค่เกมออนไลน์ ไม่มีผู้เล่นคนไหนจะความจำเสื่อมได้หรอกนะ” ศาสตรายังคงพูดแย้งตามเดิม ซึ่งทีแรกปฐพีกับพิภพต่างคิดแบบเดียวกับศาสตรา แต่พลันนึกขึ้นได้ว่าเกมนี้ยังมีจำพวกคำสาปกับพิษที่ผู้เล่นสามารถโดนแล้วความจำเลอะเลือนไปชั่วขณะได้เหมือนกัน แล้วอีกอย่างเมื่อก่อนหน้านี้รัตติก็ได้สัมผัสตัวกับปีศาจรากไม้ด้วย มิแน่ว่ารัตติอาจจะได้รับพิษจากปีศาจตัวนั้นก็เป็นได้

“เดี๋ยวก่อนศาสตรา ที่เกมออนไลน์นี้สามารถทำให้ผู้เล่นมีความจำเลอะเลือนได้นะ” ปฐพีพูดแย้ง ซึ่งทำเอาศาสตราชะงัก “บางทีน้องเค้าอาจจะหลงลืมเพราะโดนพิษจากปีศาจรากไม้ก็เป็นไปได้ เพราะงั้นนายเลิกว่าน้องเขาได้แล้ว”

“อืม เข้าใจแล้วล่ะ” เมื่อลงความเห็นว่าเด็กคนนี้ความจำเสื่อมเพราะได้รับพิษจากปีศาจรากไม้จริง ปฐพีก็คิดจะพาเด็กคนนี้ไปส่งให้กับธิดาเพราะพวกเขาไม่ว่างที่จะดูแล

“นายจะไปส่งน้องเขาทั้งๆที่ทางด้านธิดาเองก็ถูกพวกกองทัพราชาปีศาจโจมตีเนี่ยนะ!” ศาสตราพูดเสียงดังลั่นเมื่อปฐพีคิดจะไปส่งรัตติกับมาริโอให้กับธิดา “นายลืมไปแล้วหรือว่าตอนนี้ฐานทัพสมาคมจันทราวารีมีกองทัพราชาปีศาจบุกถล่มอยู่ ขืนให้ไปส่งที่นั่นในตอนนี้ เกรงว่าพวกเราห้าคนจะได้ตายคามือราชาปีศาจแน่ๆปฐพีเอ๋ย”

ปฐพีได้ยินก็พลันขมวดคิ้ว

เออแหะ ลืมไปเลย

“งั้นก็ให้น้องมาริโอนำทางไปฐานสำรองของธิดาก็ซะสิ้นเรื่อง”

“หนูไม่รู้ฐานสำรองอะไรนั่นหรอก เพราะหนูกับรัตติเพิ่งจะมาอยู่กับท่านพี่ธิดาได้ไม่กี่วันเองฮะ” มาริโอพูดตอบปฏิเสธทันทีที่ได้ยินปฐพีพูด ซึ่งทำเอาสามหนุ่มถึงกับเครียดจัดยิ่งกว่าเดิม

“เอาอย่างนี้ปฐพี นายก็ให้น้องสองคนนี้ติดตามไปพวกเราไปด้วยเลยแล้วกัน เพราะขืนปล่อยทิ้งไว้ประเดี๋ยวก็โดนพวกกองทัพราชาปีศาจที่เหลือจับไปเชือดเหมือนทีแรกซะหรอก” พิภพพูดออกความเห็นหลังจากยืนฟังอยู่นานแล้ว

“เอาอย่างนั้นก็ได้ ให้ตามไปด้วยจนกว่าความจำจะฟื้นคืนกลับมาล่ะกัน” เมื่อตกลงกันได้แล้ว ทั้งสามหนุ่มก็พารัตติกับมาริโอเดินย้อนกลับไปที่ม้าต่อ ก่อนจะพาขึ้นม้าออกเดินไปยังป่าเอลฟ์เพื่อหลบหนีกองทัพราชาปีศาจไปซักระยะ ซึ่งปฐพีไม่มีวันรู้เลยว่าเด็กหนุ่มที่ตนพาไปด้วยนั้น เป็นคนที่เขากำลังออกตามหาอย่างเอาเป็นเอาตาย

.................

ทางด้านหงส์หยกกับปลาที่พยายามวิ่งตามมาริโอให้ทันแต่จำต้องพลัดหลง เนื่องด้วยพวกปีศาจลากพวกเธอไปสู้ในทิศตรงกันข้ามที่มาริโอวิ่งไป หลังจากสู้เสร็จ ทั้งคู่ก็เดินย้อนกลับมาทิศเดิมเพื่อที่จะตามหารัตติที่ถูกปีศาจจับตัวไป พร้อมกับมาริโอที่พวกเธอไม่แน่ใจว่ามันจะตามปีศาจรากไม้ได้ทันรึไม่ แต่พอไปหาดูจนทั่วแล้วก็ไม่มีวี่แววที่จะพบ

“เอายังไงดีกันต่อคะพี่หงส์หยก” ปลาถามอย่างสงสัย เพราะถ้ากลับไปฐานสำรองโดยไม่มีรัตติกับมาริโอด้วย มีหวังธิดาได้ลงโทษพวกเธอสองคนอย่างแน่นอน ส่วนหงส์หยกเองก็รู้ชะตากรรมของตัวเองดี จึงนั่งลงบนขอนไม้พลางครุ่นคิดอย่างหนักใจ เพราะก่อนหน้านี้เธอลองติดต่อหาพี่ธิดาดูแล้ว แต่ก็ไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้ ซึ่งทำให้หงส์หยกเดาได้ว่าพี่ธิดาคงจะถูกราชาปีศาจฆ่าตายไปนานแล้ว จะติดต่อมาริโอก็ทำไม่ได้ เพราะมันเป็นแค่มอนสเตอร์ ส่วนรัตตินั้น เธอก็ส่งข้อความติดต่อกับเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้เลยสักครั้งเดียว

“เฮ้อ” หงส์หยกถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ “กลับไปที่ฐานสำรองแล้วกัน เพราะขืนเดินหาต่อไปก็เสียเวลาเปล่า สู้รอให้พี่ธิดาออนไลน์เกมอีกครั้งแล้วค่อยถามดูว่าตกลงจะเอายังไงกันต่อดีนะจ้ะน้องปลา”

“ค่ะพี่หงส์หยก” แล้วทั้งคู่ก็เดินย้อนกลับไปฐานสำรองเพื่อรอให้ธิดากลับมาออนไลน์เกมอีกครั้ง
 
....................

หลังจากที่พวกเขาทั้งห้าได้เดินเข้ามาในป่าเอลฟ์แล้ว ศาสตราก็ได้พูดคุยกับพวกเอลฟ์ว่าจะขอพักอยู่อาศัยที่นี่ด้วยสักสองสามวัน ไว้รอให้พวกกองทัพราชาปีศาจไปจากเกาะเริ่มต้นเสียก่อนแล้วจึงค่อยออกเดินทางต่อ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเอลฟ์ยอมให้พวกเขาได้อยู่พักฟรี แต่พวกเขาต้องช่วยเอลฟ์ทำงานเป็นการแลกเปลี่ยนด้วย

“อันนี้คือส่วนดูเวลาออนไลน์โลกของเกมกับโลกจริง ส่วนนี้คือหน้าต่างสถานะซึ่งน้องสามารถเรียกมันได้” เสียงพิภพพูดอธิบายวิธีการเล่นเกมเบื้องต้นให้เด็กหนุ่มผู้ความจำเสื่อมได้ฟัง ส่วนมาริโอนั้นไม่ต้องพูดถึง มันเอาแต่เกาะแขนรัตติอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เดินเข้ามาในป่าเอลฟ์จนกระทั่งถึงห้องพักรับแขกของเอลฟ์นี้แล้ว

“ไม่เห็นต้องกอดแขนเจ้านายของตัวเองตลอดเวลาก็ได้นี่น้องมาริโอ” ศาสตราพูดอย่างเห็นใจเด็กหนุ่มผมสีเงินนามว่ารัตติที่ถูกมาริโอเกาะแขนติดหนึบ “รัตติคงร้อนแขนแย่เลย”

“ไม่” มาริโอตอบปฏิเสธเสียงห้วนพลางกอดแขนรัตติแน่นขึ้นยิ่งกว่าเดิม ซึ่งทำเอาปฐพีกับศาสตราส่ายหน้า

ดูท่ามันคงจะรักเจ้านายของมันมากจนไม่ยอมไปไหน

ส่วนผู้ถูกกอดแขนก็ไม่คิดรำคาญ กลับเอามือข้างที่ว่างลูบหัวมาริโออย่างแผ่วเบา

“เด็กดีนะเด็กดี” มาริโอได้ยินที่ราตรีพูดชม มันถึงกับอ้าปากค้าง เพราะถ้าเป็นราตรีคนเดิม จะไม่พูดว่าเด็กดีกับมาริโอเลยสักครั้ง

ไม่จริง! รัตติจำข้าไม่ได้!

แล้วมาริโอก็ปล่อยแขนราตรีออกก่อนจะลุกขึ้นวิ่งหนีหายเข้าไปในห้องน้ำ ซึ่งมาริโอหายเข้าไปในนั้นได้สักพักก่อนจะเดินกลับมานั่งกอดแขนรัตติตามเดิม โดยที่นัยน์ตาของมันแดงก่ำราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

“อ้าว? เป็นอะไรไปเหรอครับมาริโอ ตานี่แดงเชียว” ราตรีหรือรัตติผู้ความจำเสื่อมร้องถามทันทีที่เห็นมาริโอนั่งกอดแขนตนนัยน์ตาแดงก่ำ หากแต่ผู้ถูกถามกลับกอดแขนนิ่งไม่ยอมตอบสักคำ เด็กหนุ่มจึงทำได้แต่เพียงลูบหัวมันเพื่อปลอบใจ ซึ่งการกระทำของมาริโออยู่ในสายตาของปฐพีที่กำลังเช็ดดาบมาโดยตลอด

เหมือนลูกหมาเลยแหะ

ปฐพีคิดในใจ ซึ่งทำให้เขานึกย้อนกลับไปในอดีต ตอนเขาป่วยนอนซมอยู่กับเตียงนั้น ลูกหมาของเขาได้แต่นั่งหมอบซึมกะทืออยู่ข้างเตียงนอน ไม่กินไม่นอนจนกระทั่งเขาหายดี มันถึงยอมกินข้าวแต่โดยดี แล้วปฐพีก็นึกอะไรบางอย่างได้จึงรีบพรายกระซิบไปหาใครบางคน

“ลูกแก้ว นี่พ่อเองนะ” แล้วเขาก็นั่งเช็ดดาบไปสักพักอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาด้วยเสียงหวานว่า

“คะคุณพ่อ”

“ตอนนี้ลูกแก้วอยู่ที่ไหนหรือลูก”

“อ๋อ ตอนนี้หนูอยู่กับพวกงุ้งงิ้งที่เหมืองแร่ค่ะ”
ลูกแก้วตอบก่อนจะถามเขาต่อ “คุณพ่อมีธุระอะไรกับหนูหรือคะ”

“พ่อแค่จะเตือนลูกว่าตอนนี้ที่เมืองเริ่มต้นกับเมืองใต้บาดาลกำลังมีกองทัพราชาปีศาจอยู่ ลูกแก้วกับเพื่อนๆจะต้องอยู่ที่นั่นจนกว่าทางเกมจะประกาศว่าปลอดภัย แล้วลูกแก้วกับเพื่อนๆค่อยเดินออกมานะครับ”

“ทราบแล้วค่ะคุณพ่อ หนูกับพวกเพื่อนจะไม่ออกไปไหนแน่ค่ะ”


เมื่อได้รับคำตอบแน่ชัดจากลูกสาวแล้ว ปฐพีก็บอกลาลูกก่อนจะตัดสายทิ้ง ซึ่งค่ำคืนนั้นผ่านพ้นไปด้วยดี สามหนุ่มกับอีกหนึ่งตัวหลับสบาย ยกเว้นรัตติที่นอนไม่หลับเพราะรู้สึกสับสนกับความทรงจำของตัวเองที่ขาดหายไป

...................
 
รุ่งเช้าวันถัดมา พวกเอลฟ์ก็เรียกพวกเขาไปช่วยทำงานแต่เช้า ซึ่งงานที่พวกเอลฟ์ให้พวกเขาไปช่วยก็จะเป็นพวกปลูกต้นไม้ รดน้ำ ใส่ปุ๋ย กับเก็บกวาดเศษใบไม้ใบหญ้าที่ตกอยู่ตามพื้นดิน หลังจากที่ทำเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาพักเที่ยงที่พวกเขาสี่คนกับหนึ่งตัวก็ออกเดินดูในเมืองหลวงเอลฟ์เพื่อหาของกิน ซึ่งในระหว่างที่พวกเขาออกเดินหาร้านอาหารอยู่นั้น รัตติก็รู้สึกถึงสายตาของพวกบรรดาเอลฟ์ทั้งหลายต่างจับจ้องมาที่พวกเขาอยู่ตลอดเวลา

แปลก?

ทว่ารัตติไม่กล้าจะถามพวกพี่ทั้งสามคน จึงได้แต่เดินตามหลังอย่างเงียบๆ หลังจากที่พวกปฐพีหาร้านอาหารได้แล้วพวกเขาก็เข้าไปนั่งในร้าน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเอลฟ์ในนั้นต่างจ้องมองพวกเขากันเป็นตาเดียว รัตติรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่งแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร เมื่อรับประทานอาหารกันจนเสร็จแล้วพวกปฐพีก็วางเงินถุงจำนวนหนึ่งวางบนโต๊ะ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากร้านอาหารไปพร้อมกันอย่างเงียบๆ ซึ่งทำให้รัตติกับมาริโอต้องรีบลุกขึ้นเดินตามไปอย่างไว ครั้นพอก้าวเท้าออกจากร้านอาหารได้ไม่ทันไร รัตติกับมาริโอก็เดินหลงกับพวกปฐพีเสียแล้ว

“กลับห้องกันเถอะรัตติ ข้าเบื่อที่จะทนเห็นสายตาเหยียดหยามของพวกเอลฟ์แล้ว” มาริโอบ่นโดยที่ยังกอดแขนรัตติอยู่ ซึ่งเด็กหนุ่มก็เห็นดีเห็นงามด้วยกับคำพูดของมาริโอจึงเดินกลับทางเดิม แต่ทว่าเมืองเอลฟ์เป็นเมืองที่ใหญ่ มีเส้นทางเดินอยู่มากมาย แถมไม่มีผู้นำทางอย่างพวกปฐพีด้วย จึงทำให้ทั้งคู่เดินหลงทางไปโดยปริยาย ซึ่งพวกเขาเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ รัตติก็ได้ยินเสียงคนร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ

“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!!”

“เสียงคนร้องให้ช่วยนี่ ไปกันเถอะมาริโอ” รัตติบอกพลางออกวิ่งทันที ซึ่งไม่ฟังคำทัดทานของมาริโอที่กอดแขนเขาอยู่เลยสักนิด เมื่อทั้งคู่วิ่งเข้าไปในซอกซอยของตึกไม้แล้ว ก็พลันเห็นเด็กหนุ่มหูแหลมผิวขาวผมสีทองยาวรุงรังสวมใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวกับกางเกงขายาวสีน้ำตาลถูกเชือกพันรอบตัวนอนหงายท้องขาสองข้างชี้ขึ้นฟ้าห้อยต่องแต่งกลางอากาศ

“ใครก็ได้ช่วย…” เด็กหนุ่มเอลฟ์ผมทองผู้โชคร้ายกำลังร้องขอความช่วยเหลืออีกหน ครั้นพอเห็นผู้มาใหม่อย่างรัตติกับมาริโอแล้ว ถึงกับหยุดร้องทันที

“ไม่เป็นไรแล้วนะครับ ผมมาช่วยคุณแล้ว” รัตติบอกก่อนจะหยิบมีดสั้นออกมาจากกระเป๋า ครั้นพอจะก้าวเท้าเดินไปตัดเชือกให้หนุ่มเอลฟ์ผมทอง กลับโดนมาริโอดึงแขนรั้งเอาไว้ “ปล่อยแขนผมสิครับมาริโอ ผมจะไปช่วยเขานะ”

“ไม่รัตติ ผู้ชายคนนั้นเป็น…เอลฟ์นะ” รัตติขมวดคิ้วกับคำพูดของมาริโอ ถึงเขาจะโดนพวกเอลฟ์มองอย่างรังเกียจ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ใจร้ายพอที่จะไม่ช่วยเหลือพวกเอลฟ์อยู่ดี

“มาริโอครับแต่ถึงยังไงผมก็จะเข้าไป…”

“ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกมนุษย์” เอลฟ์หนุ่มผมทองพูดแทรกกะทันหัน ทำเอารัตติกับมาริโอหันไปมอง ซึ่งอีกฝ่ายได้ตีหน้ายักษ์ใส่ “ไสหัวไปซะ อย่าสะเออะโผล่มาให้ข้าเห็นหน้าอีก ไป๊!”

“พวกข้าเองก็ไม่อยากจะช่วยเจ้าเหมือนกันไอ้หูแหลมเอ๊ย” มาริโอเถียงกลับ ซึ่งทำเอาหนุ่มเอลฟ์ถึงกับกัดฟันหน้าแดงด้วยความโกรธ

“แกไอ้เห็ดเน่าติดมนุษย์ ถ้าข้าหลุดไปได้ล่ะก็ ข้าจะฆ่าแกก่อนเป็นคนแรก”

“เอาสิ แน่จริงก็ลงมาตัวต่อตัวเลย ข้าไม่กลัวเจ้าหรอกไอ้หู…” มาริโอไม่ทันได้พูดจนจบก็ถูกรัตติห้ามเอาไว้ซะก่อน ซึ่งเด็กหนุ่มไม่พูดพล่ามทำเพลง กลับเดินตรงดิ่งเข้าไปพร้อมกับมีดสั้นเล่มหนึ่ง ก่อนรัตติจะใช้มีดสั้นเล่มนั้นฟันเชือกที่พันธนาการหนุ่มเอลฟ์ออกอย่างรวดเร็ว ทำให้หนุ่มเอลฟ์หลุดจากเชือกก่อนจะร่วงหล่นลงพื้นก้นจ้ำเบ้าอย่างแรง

“อุ” หนุ่มเอลฟ์ร้องเจ็บปวดเบาๆ พลางลุกขึ้นยืนหันหน้ามาทางรัตติด้วยสายตาหยามเหยียด “ข้าไม่คิดจะขอบคุณมนุษย์หรอกนะ เพราะเชือกมันขาดของมันเอง”

หนุ่มเอลฟ์พูดจบก็เดินกระแทกไหล่ของรัตติสวนออกไปทางถนนใหญ่

“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ได้ช่วยเจ้าชายเอลฟ์จากพันธนาการ ทำให้ท่านได้รับภารกิจพิเศษระดับเอ กู้วิกฤตดินแดนเอลฟ์” เสียงระบบประกาศดังในหัวรัตติ ซึ่งทำเอารัตติถึงกับขมวดคิ้ว “หากท่านสงสัยในภารกิจพิเศษระดับเอ สามารถสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ของเกมได้ที่ตึกรับภารกิจของเมืองเอลฟ์ค่ะ”

“เห็นไหมรัตติ ข้าบอกแล้วว่าอย่าไปช่วยมัน ฮึ แล้วเป็นไงล่ะ ขอบคุณสักคำก็ไม่มี แถมยังต้องโดนกระแทกไหล่อีก” มาริโอบ่นอย่างเนื้อน้อยต่ำใจ

“ช่างเขาเถอะครับมาริโอ” รัตติบอกพลางใช้มือลูบหัวมาริโอเบาๆ “แค่มาริโอไม่ไปต่อยตีกับเขา ผมก็พอใจแล้วล่ะ”

“ค่ามิตรภาพของท่านเพิ่มขึ้นเป็นระดับ10”

แล้วรัตติก็พามาริโอเดินกลับทางเดิมโดยมีมาริโอเดินเกาะแขนเขาไปด้วยพร้อมกัน

......................

 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ monday1995

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอตอนต่อไปค่าาาา กำลังสนุกเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด