เพลิงพ่าย
บทที่ 16
“ไอ้ฝรั่งบ้านี่มันหลงตัวเองชะมัด เวลายืนอยู่บนเวทีนี่ก็แอคอาทโอเวอร์ ไม่รู้ว่ามันไปรวยมาจากไหน
นี่ป้องรู้ไหม มันบอกกับคุณแมนว่าจะให้เราสองคนไปถ่ายแบบเพื่อส่งรูปไปที่อิตาลีด้วยนะ เฮอะ หมั่นไส้
แม่งว่ะ”
เสียงบ่นของชาวีที่นั่งอยู่ด้านข้างในรถตู้ของบริษัทผ่านหูของเขาไปอย่างที่ไม่ทันได้ใส่ใจฟังนักเมื่อ
ปมุตเอาแต่ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างรถและครุ่นคิดอย่างนึกเจ็บใจ
ปลายนิ้วถูกยกขึ้นมาไล้กลีบปากตนเองอย่างเผลอไผล พลันใจก็เต้นรัวราวกับสัมผัสใกล้ชิดจากคน
แสนผยองเพิ่งจะละออกไปเพียงวินาทีที่ผ่านมาทั้งที่ความเป็นจริงมันผ่านไปนานนับชั่วโมงกว่าที่เขาจะทำ
จิตใจให้คืนสู่สภาพเดิมแล้วเดินใจลอยกลับเข้าไปในงานอีกครั้ง
ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้ ผู้ชายคนนั้นเป็นคนแรก
ตั้งแต่ปมุตจำความได้และโตเป็นหนุ่มพอที่จะเข้าใจเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ ยอมรับว่าตนเองก็
เนื้อหอมตั้งแต่แตกวัยหนุ่มในรั้วโรงเรียนมัธยม มีเด็กสาวหลายคนชะม้ายชายตาและทอดกายให้ ซึ่ง
บ่อยครั้งที่ปมุตสนองเพราะตัวเขาเองก็ต้องการปลดปล่อยตามประสาชายหนุ่ม แต่มีสิ่งหนึ่งในบทรักที่
ปมุตไม่ยินยอมที่จะกระทำกับผู้ใดนั่นคือเขาไม่ชอบให้ใครมาเป็นฝ่ายแตะต้องริมฝีปากของเขา ซึ่งปมุตก็ยัง
ไม่เข้าใจตนเอง
เล้าโลมได้ ใช้ปากโลมไล้ขบเม้มปทุมถันอวบอิ่มของสาวแรกรุ่นได้ หรือแม้แต่จะใช้ปลายชิวหาสร้าง
ความรัญจวนให้คู่นอนก็ทำได้ แต่เขากลับไม่ให้ใครมาจูบปาก หากใครดื้อดึงปมุตจะหมดอารมณ์และไล่
ตะเพิดไปหมด ปมุตเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะเก็บมันไว้เพื่อใคร จนกระทั่งเขาพบกับ ปราบ ปริวัตร!
เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาเท่านั้น
มันกลับสร้างความหวามไหวอยู่ในใจอย่างเหลือเชื่อ
ปมุตไม่ใช่เกย์ เขาไม่ได้ชอบผู้ชาย
แต่เมื่อสบตาคมปลาบของคนตัวสูงกว่ายามก้มมามองด้วยนัยน์ตาพราวระยับมันกลับทำให้หัวใจ
ระส่ำระสาย
ปมุตไม่รู้ว่า ปราบ ปริวัตรเป็นใคร
รู้เพียงอย่างเดียวว่าผู้ชายคนนี้อันตราย!
สมควรที่เขาจะหลีกหนีให้ห่างไว้ อย่าเข้าใกล้เด็ดขาด
ปมุตคิดวนกลับไปกลับมาแม้ว่าจะกลับถึงบริษัทและขับรถญี่ปุ่นของตัวเองกลับมาถึงบ้านแล้วก็ตาม
เมื่อก้าวเข้าไปในเขตด้านในตัวบ้านที่แสนจะกว้างขวางเกินจำเป็นสำหรับเขา เสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังลั่น
เรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้ทันที
“คุณเคยให้ฉันเดือนละแสนแต่นี่มันมีแค่ห้าหมื่น มันหมายความว่าไงคุณปัญญา”
“ก็หมายความว่ากูไม่มีเงินให้มึงไถแล้วไง อย่าถามมากได้ไหม วันๆงอมืองอตีนรอรับเงินจากผัว
ได้แค่นี้ก็คุ้มแล้ว”
ปมุตถอนหายใจกับสิ่งที่เขาเห็นจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว นายปัญญากับรัศมีแม่ของเขา
มักจะทะเลาะกันบ่อยครั้งในระยะหลัง มันบ่อยจนแม้แต่คนรับใช้ภายในบ้านยังเอือมระอา
“แล้วคุณเอาเงินไปทำอะไรหมด อย่าบอกนะว่าเอาไปถลุงในบ่อนหมดน่ะ”
“แล้วจะทำไม อย่างน้อยมันก็ยังได้คืนมาบ้างล่ะน่า ไม่เหมือนเธอหรอกงานการไม่ทำเอาเงินไปเสริม
สวยแทนที่จะเก็บไว้บ้าง”
“ก็ถ้าฉันคิดจะทำงาน ฉันจะมาเป็นเมียไอ้แก่อย่างคุณให้เปลืองตัวทำไม”
“แม่ครับ”
ปมุตรีบขัดเมื่อเห็นรัศมีแว้ดขึ้นมาอย่างเหลืออด เขากลัวเรื่องจะใหญ่โตลุกลามมากขึ้นเมื่อเห็นบิดา
เริ่มเดือดแล้วเหมือนกัน
“อย่าทะเลาะกันเลยเรื่องแค่นี้เอง วันนี้ผมไปงานอิเวนท์ได้เงินมาห้าหมื่นแม่เอาไปก่อนก็ได้”
ปมุตหยิบเงินจากกระเป๋าที่สะพายเฉียงอยู่ข้างตัวส่งให้มารดา แต่ในปัญญากลับคว้าหมับไปจากมือ
ทันที
“ฮะฮะ เป็นนักร้องนี่มันหาเงินง่ายดีนะ เก่งมากป้องลูกพ่อ ยังไงพ่อขอไปเป็นทุนก่อนนะคืนนี้เจ้ามือ
กระเป๋าหนักเสียด้วย”
รัศมีกรีดร้องดังลั่นพลางพุ่งตัวเข้าไปหานายปัญญาที่อายุล่วงเข้าวัยห้าสิบ เข้าสู่วัยชราด้วยรูปร่าง
อ้วนท้วนเพราะขาดการดูแลตนเอง
“อย่าเอาไป เงินนั่นลูกมันให้ฉันนะ เอาเงินมานี่”
ปัญญาไม่สนใจ เขาผลักรัศมีจนล้มลงแล้วจ้ำอ้าวไปที่รถยนต์ของเขา ไม่นานนักเสียงเครื่องยนต์ก็
แล่นออกไปจากบ้านทิ้งให้รัศมีเจ็บใจ
“แม่ ไม่เป็นไรนะ”
ปมุตเข้าไปประคองมารดาให้ลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา รัศมีป้ายน้ำตาด้วยความโกรธแค้น
“ดูพ่อแกทำสิป้อง เลวแค่ไหน เอาแต่เล่นการพนันทั้งวันทั้งคืน คอยดูเหอะจะหมดตัวเข้าสักวัน”
ปมุตถอนหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้มกับเรื่องในครอบครัวของตนเอง
“ปล่อยพ่อเขาไปก่อนนะแม่ เดี๋ยวป้องจะคอยเตือนๆพ่อเขาเอง ดึกแล้ว แม่ขึ้นไปนอนเถอะ ป้องเองก็
จะพักด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้ป้องต้องไปถ่ายแบบแต่เช้า”
ปมุตจูงมือมารดาไปส่งถึงในห้องก่อนที่จะเดินไปห้องตัวเองอาบน้ำชำระร่างกายและล้มตัวลงนอน
อย่างเหน็ดเหนื่อยโดยไม่รู้เลยว่ารัศมีแอบออกไปนอกบ้านกลางดึกแล้วขึ้นแท็กซี่ไปเพียงลำพัง
แสงสีพร่างพราวส่องวูบวาบท่ามกลางความมืดสลัวของบรรยากาศและเสียงเพลงดังปลุกเร้า
อารมณ์ของหล่อนได้เป็นอย่างดีสำหรับสาวใหญ่วัยเกือบสี่สิบที่ยังรักษาสภาพร่างกายตนเองไว้อย่างสุด
ความสามารถ รัศมีละเลียดเครื่องดึ่มสีสวยในแก้วบางใสพลางจับตามาองบริกรหนุ่มที่แต่งตัวน้อยชิ้นโชว์
กล้ามเนื้อเป็นลอนยั่วน้ำลายที่เดินผ่านไปมา
ไม่นานนักหล่อนก็กวักมือเรียกมาคนหนึ่ง สองแขนของหล่อนเหนี่ยวคอสูงให้โน้มลงมาบดจูบอย่าง
เร่าร้อนโดยไม่นึกอาย เพราะเป็นเรื่องปกติของคลับเฉพาะที่หล่อนมาใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง ชายหนุ่มรุ่นลูก
ปรนจูบให้ไม่ยั้ง จนพาลูกค้าสาวใหญ่เดินตามเข้าไปด้านหลังของร้านที่จัดเป็นห้องเล็กๆ อำนวยความ
สะดวกไว้หลายห้อง
ทำอย่างไรได้ล่ะ ก็รัศมียังมีเลือดเนื้อมีอารมณ์รัญจวนที่ต้องการถ่ายถอนแต่สามีที่อายุน้อยกว่าแม่
ไม่กี่ปีให้ความสุขกับหล่อนไม่ได้ รัศมีก็ต้องหาทางปรนเปรอตนเองบ้าง หล่อนหอบหายใจหนักเมื่อทิ้งตัวลง
ไปบนเตียงกว้างท่ามกลางห้องเล็กที่บุผนังด้วยกระจกสะท้อนทุกด้าน เสียงเพลงคลอเบาและฤทธิ์
แอลกอฮอล์ทำให้ไฟพิสวาสยิ่งจุดติดง่ายเมื่อชายหนุ่มกลางคืนที่ไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำโถมร่างเข้าหา
เพียงแค่นั้นรัศมีก็เลิกสนใจอย่างอื่น แม้ว่าด้านข้างของผนังด้านหนึ่งจะมีดวงไฟเล็กๆ กะพริบส่องแสงอย่าง
ผิดสังเกต
ปัญญาหน้าซีดเผือดเมื่อเงินที่กำอยู่ในมือก้อนสุดท้ายหมดลงในยามใกล้รุ่ง หนี้เก่าของบ่อนนี้ยังใช้
ไม่หมดหนี้ใหม่ก็เกิดขึ้นทันที เขากำลังคิดว่าจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายเพราะหุ้นที่มีในบริษัทเขาก็แอบทยอย
ขายจนเกือบหมดแล้ว
คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก แต่ตอนนี้เขาควรจะเอาตัวให้รอดโดยการออกไปจากที่นี่ก่อนที่เสี่ยเดชา
เจ้าของบ่อนจะรู้ว่าเขาหมดตัวแล้ว ปัญญาผละออกจากวงพนันที่ผู้คนยังล้นหลามแล้วเดินตัวลีบจากไป
อย่างเงียบเชียบที่สุด แต่ก็ยังไม่พ้นสายตาชายฉกรรจ์สูงใหญ่หน้าเหี้ยมที่โผล่พรวดเข้ามาหิ้วปีกเขาไปที่ชั้น
ลอยซึ่งเป็นที่อยู่ของเสี่ยเดชาที่กำลังนั่งสูบไปป์พ่นควันอย่างอารมณ์ดี
เสี่ยเดชาหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสภาพนักธุรกิจที่เคยรุ่งเรืองถูกบังคับให้นั่งคอตกเผชิญหน้ากับเขา มี
เพียงโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่กั้นกลางไว้ แม้ภายในห้องจะเย็นฉ่ำแต่ปัญญากลับเหงื่อตก
“ทำไม่รีบกลับล่ะครับคุณปัญญา วันนี้ไม่สนุกหรือไง”
ปัญญากลืนน้ำลายเหนียวหนับลงคอ
“เอ่อ สนุกเหมือนเคยล่ะครับเสี่ย แต่คือ ทุนของผมมันร่อยหรอน่ะครับ”
เสี่ยเดชาเลิกคิ้วขึ้นพลางยิ้มขบขัน
“อ้าว ผมก็เติมทุนให้แล้ว ยังไม่พอถอนคืนหรือครับ ห้าล้านของเก่ากับอีกหนึ่งล้านคืนนี้ไม่พอเป็นทุน
ให้คุณปัญญาเลยหรือ”
ปัญญาอยากจะร้องไห้กับรอยยิ้มอย่างรู้ทันของเสี่ยเดชาและร้องไห้ให้กับตัวเองด้วย หกล้านที่นี่ยัง
ไม่รวมหนี้ที่ไปก่อไว้ในคาสิโนประเทศเพื่อนบ้านที่กว่าจะกลับมาได้เขาก็เสียหุ้นในมือไปมากโข
“ผมอยากจะขอความกรุณาเสี่ย”
ปัญญาทิ้งศักดิ์ศรีลงแล้วยกมือไหว้
“ทุนผมหมดแล้วจริงๆ ครับ ขอเวลาผมไปหามาใช้คืนสักหน่อย”
เสี่ยเดชาไม่ตอบ เขาพ่นควันยาสูบออกมายาวนาน ยิ่งทำให้ปัญญากลัวจนขึ้นสมอง
“ผมก็เห็นใจนะ ผมรู้ว่าคุณไม่ผิดคำพูดหรอก แต่เงินก็คือเงินยืมไปก็ต้องเอาคืน นี่ผมยังไม่ได้พูดถึง
ดอกเบี้ยด้วยซ้ำ”
ปัญญาสะดุ้งเมื่อนึกถึงหนี้บานเบอะ เขารู้ดีว่าดอกเบี้ยมันหฤโหดแค่ไหน
“นี่ดีนะครับที่ผมได้เจ้าของทุนรายใหม่ที่แสนจะกระเป๋าหนักและใจดี ผมเลยยังปล่อยคุณปัญญาไป
ได้ และเจ้าของทุนผมน่ะ เขาเห็นคุณเป็นลูกค้าวีไอพีก็เลยจะให้ทุนอีกสักก้อน”
“จะ จริงหรือครับ”
ปัญญาตาลุกวาบเมื่อได้ยิน ช่างเป็นข่าวดีเหลือเกิน
“มะรืนนี้เราจะจัดบ่อนเคลื่อนที่บนเรือท่องเที่ยวในอ่าวไทยสองวันสองคืน เจ้าของทุนพร้อมจะให้เงิน
คุณอีกห้าล้านขอเพียงคุณมีของมาค้ำประกันให้บ้าง”
ปัญญาใจแป้ว
“แล้วผมจะเอาอะไรมาค้ำประกันล่ะครับ”
เสี่ยเดชาพ่นควันใส่หน้าอีกรอบ
“บ้านหลังใหญ่พร้อมที่ดินกว้างขวางก็ค้ำประกันได้นะ ถ้าคุณอยากไปท่องเที่ยวกับเรา”
มืออูมหนาของเสี่ยเดชายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาตรงหน้าปัญญา
“แค่ตัดสินใจเซ็นสัญญากู้เงินฉบับใหม่ตอนนี้ อีกสองวันที่ท่าเรือคุณเอาเงินไปท่องเที่ยวกับเราได้
เลย”
ปราบมองเห็นแผ่นหลังค้อมของบิดาเดินกลับออกไป
ยิ้มเยาะตามแผ่นหลังนั้น ทั้งที่ไม่ได้พบหน้ากันสิบกว่าปีแต่เมื่อเขาได้ยินการสนทนาผ่านโทรศัพท์ที่
เสี่ยเดชาเปิดไว้บนโต๊ะเพื่อให้เขาที่อยู่ในห้องถัดไปได้ยิน เขากลับไม่นึกยินดีที่ได้พบชายคนที่ได้ชื่อว่าเป็น
บิดาสักนิด
มีแต่ความหยามหยันในความมักมากในอบายมุขจนยิ่งนึกรังเกียจ สมบัติที่คุณตาและแม่เพียรหามา
ต้องถูกทำลายจากคนที่ไว้ใจที่สุด
ปราบยิ้มให้กับเสี่ยเดชาที่ท่าทีเปลี่ยนไปเมื่อเห็นเขาก้าวเข้าไปในห้อง เมื่อกลายเป็นความ
เกรงอกเกรงใจขึ้นมาทันที
“เรียบร้อยแล้วครับคุณปราบ ของที่อยากได้”
เดชายื่นสัญญาเงินกู้ที่บิดารีบเซ็นโดยไม่อ่านรายละเอียดมาให้ ปราบรับมาพลางค้อมศีรษะให้เดชา
“ขอบคุณสำหรับความร่วมมือนะครับ”
“โอย ไม่เป็นไรมิได้ สำหรับคุณปราบที่เคยทำงานกับมิสเตอร์แลงดาจิโอ แค่บอกมาคำเดียวเท่านั้น
ว่าต้องการอะไร”
เดชาพินอบพิเทา
สายตาคมเยาะหยันกับตัวเอง
“ตอนนี้ผมต้องการเพียงอย่างเดียว ขอให้ผมได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้เมื่อนายปัญญากลับมาจาก
ท่องเรือสำราญ”
มีต่ออีกนิด