บทที่ 12
เมธา Talk
หน้าด้านคำนั้นกระแทกเข้ามาในใจผมแบบเจ็บสุดๆ ผมหน้าด้านจริงๆแหละ
ผมตื้อน้องเขาแบบนั้น ทั้งยังทำตัวน่าเกลียดไม่รู้จักพอ คิดแต่เรื่องอย่างว่าไม่หยุด
ตอนที่น้องบอกว่าต้องใส่ถุง ผมยังสะอึกเลยให้ตายเถอะเรียนมาตั้งสูง จบมาจากต่างประเทศเรื่องเล็กๆแค่นี้ผมดันลืมเสียดาย
ผมมันคนหน้ามืด ตาบอด และหน้าด้านเหมือนที่น้องว่าจริงๆ
แต่ที่ผมเป็นแบบนี้เพราะเขาทั้งนั้น
ผมรังแกเขา ตักตวงร่างกาย ตักตวงความสุขมากจากเขา ทั้งๆที่เขาปฎิเสธทุกอย่าง
ครั้งแรกผมได้ไปไม่พอหรือ ผมถามตัวเอง
ผมเหมือนคนบ้า เหมือนคนติดยาเสพติด ผมกำลังลงแดง พอได้ลิ้มรสความหอมหวาน ผมก็อยากจะกินมันอีกอยากจะกินทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ดี ไม่ดีเลยที่ครั้งต่อไปน้องไม่ได้เต็มใจสักนิด
ผมลงทุนแอบปั๊มกุญแจบ้านน้องเอาไว้เลยนะ พอดีบ้าน้องมีดินน้ำมันกับสีแล้วก็พวกพู่กันเต็มบ้านเลย แล้วน้องทิ้งพวงกุญแจไว้บนโต๊ะในห้องรับแขกผมเดินผ่านเลยแอบปั๊มไว้
ผมแอบย่องมาหาเขาตอนดึก น้องนอนหลับไปแล้ว ผมเลยขึ้นไปนอนแล้วกอดเขาไว้
ยาเสพติดของผม ถ้าไม่ได้นอนกอดแล้วจะนอนไม่หลับ ผมหอมแก้มน้องหลายฟอดแอบจูบปากเล็กหลายทีกว่าจะข่มใจให้หลับไปได้ บางสิ่งบางอย่างเมื่อมันตื่นแล้วก็ยากที่จะหลับจริงไหม (18+)
วันนั้นผมตกใจมากตื่นมาใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยซุกซนของเขา ผมจูบเขาไปทั่วตัว ร่วมรักกับน้องอย่างถึงพริกถึงขิงเพื่อลงโทษ น้องหลับตาพริ้มใต้ร่างของผม มันน่ารักเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นตัวอักษรได้
คิ้วขมวดเป็นปม ดูเป็นจุดสนใจบนใบหน้าน้องที่ผมชอบใช้มือเขี่ยเล่นให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม
น้องโกรธมาก เขาตื่นมาโวยวายใหญ่
“หน้าด้าน ไล่แล้วไม่ยอมไปอีก ออกไปเลย ไม่ต้องมาเลย”
ผมจุกจริงๆกับประโยคเล็กๆน้องของ
ผมเดินออกมาด้วยอาการหน้าชาความจริงอยากจะจับน้องมากอดแล้วลงโทษหนักๆอีกสักรอบที่พูดจาแทงหัวใจของผมเกินไป แต่ผมก็คิดว่าผมมีสิทธ์อะไร เขาเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะโว้ย มึงไปทำแบบนี้กับเขาได้ไงวะ
ผมเคยมองน้องเขาเป็นสิ่งของ เพราะผมเคยซื้อเขามา แต่พอผมได้รู้จักน้องมากขึ้นอีกนิดผมก็รู้เลยว่าผมไม่สามารถซื้อตัวตน
ของน้องได้จริงๆ ผมไม่สามารถซื้อชีวิตใครสักคนมาเป็นของตัวเองได้หรอก ผมคงซื้อให้น้องมาเป็นแบบที่ผมต้องการไม่ได้
ผมตกหลุมความเป็นน้อง ผมชอบเสียงครางของน้อง ชอบตอนเข้าทำหน้าเหยเกเวลาที่ผมอยู่ในตัวน้อง ชอบตอนที่น้องขมวดคิ้วยามที่ผมชำแรกเข้าไปลึกๆในตัวน้องหรือแม้แต่ตอนที่น้องหลับสนิทบนอกของผม ผมมีความสุขมากเวลาเห็นเขาทำกับข้าว เวลาเขาออนท็อปอยู่บนตัว หรือแม้แต่ตอนนั่งเหม่อ
การพบเจอน้องสำหรับผมมันเหมือนพรหมลิขิต ผมว่ามันเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไม่ได้เลย จู่ๆผมก็เจอเว็บนั้นโทรหาเขา ได้เจอเขา อยากได้มาครอบครอง อยากเอามาเป็นของตัวเองสุดๆ
ผมเข้าข้างตัวเองนะว่า น้องเกิดมาเพื่อผม
แต่หลังจากวันนั้นผมก็ไม่มีเวลาไปหาน้องอีกเลย
ผมมาจัดการเรื่องงาน ผมต้องทำหลักสูตรการสอนต้องร่างแล้วเขียนใหม่ทั้งหมด ต้องเตรียมตัวเข้ารับหน้าที่เป็นอาจารย์สอน
นิสิตแพทย์เพื่อใช้ทุนให้กับทางมหาลัย
ความจริงผมจะใช้เงินตัวเองเรียนก็ได้นะ แต่สถาบันที่ผมจะเข้า รับเฉพาะคนในประเทศและนักศึกษาต่างชาติที่ได้ทุนเท่านั้น ไม่สามารถสมัครเรียนเองได้ ผมเลยต้องสมัครเพื่อเอาทุนเข้าไปเรียน เรียนจบมาด้วยเกรดเฉลี่ยที่สูงมากทีเดียว
แต่เมื่อเรียนจบกลับมาก็ต้องทำงานใช้ทุนเป็นเวลาสี่ปี ก่อนจะออกไปทำงานตามที่ตัวเองต้องการได้
ผมยังเลือกไม่ได้ว่าจะทำงานในโรงพยาบาลหรือกลับไปดูแลกิจการฟาร์มโคนมที่บ้าน หรืออาจจะไปช่วยพี่สาวดูแลไร่องุ่นและโรงงานไวน์ก็เป็นไปได้ ความจริงผมยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้นมากนัก
สองอาทิตย์กับหลักสูตรเล่มหนาและเอกสารประกอบการเรียนเสร็จ พร้อมทั้งเคลียร์งานได้หมด ผมตั้งใจว่าจะไปหาน้อง จะซื้อขนมไปฝาก ซื้อของทำอาหารกินด้วยกัน ง้อเขา กอดเขา จูบเขา ทำทุกอย่างเลย
บอกแล้วผมกัดไม่ปล่อยหรอก ยังไงน้องต้องมาเป็นของผมแน่นอน
เที่ยงวันเปิดเรียนวันที่ผมทำงานวันแรก ผมเดินเข้ามาในห้องพักอาจารย์ชั้นล่างเพื่อเอางานมาให้เพื่อน ระหว่างที่เดินเข้าไป ผมสะดุดกับร่างเล็กที่ยืนเกาะคอเพื่อนอยู่ตรงหน้าผม
ปากเล็กอมชมพูอ้าออกแบบไม่ทันตั้งตัว ตาหวานเบิกกว้างเมื่อเห็นหน้าผม
ทำไมน้องมาอยู่ที่นี่ ผมกำลังจะก้าวไปกระชากน้องมาถามว่ามาทำอะไร
“ธนาทิปพรุ่งนี้มาทำงานได้เลย ผมจองตัวคุณนะ”เสียงของอาจารย์สุทธิพงษ์ดังขึ้นจากด้านหลัง
ผมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง อ้อ อย่างนี้สินะ มาเร่ขายถึงในมหาลัยอย่างนี้เลยหรอ ยามประจำตึกควรจะเข้มงวดมากกว่านี้ไม่ควรให้
นิสิตหรือนักศึกษาอื่นเข้ามาในมหาลัยได้
ผมกัดปากที่สั่นระริกแล้วเดินผ่านตัวน้องไปอย่างรวดเร็ว ผมคงจะทนไม่ไหว ถ้าอยู่ตรงนั้นอีกนาน ผมคงกระชากตัวเขาแล้วจับยัด
ใส่รถพากลับบ้านแน่ๆ แต่ในเวลาราชการผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ผมเอางานไปส่งพอออกมาจากห้องน้องก็หายไปแล้ว
ผมเดินวนรอบอาคาร ขับรถวนรอบมหาลัยเผื่อจะเจอเขาอยู่แถวนี้
ผมกลับเข้ามาเกือบบ่าย ผมมีสอนเลยต้องมาเตรียมเอกสาร ระหว่างกำลังขึ้นไปสอนผมเจออาจารย์สุทธิพงษ์ผมอยากต่อยหน้าเขาเหลือเกินให้ตายเถอะ หนวดเครารกรุงรัง อ้วนลงพุง แบบนี้น่ะหรอ น้องชอบแบบนี้หรอ หรืออาจารย์เขามีเงินมากกว่าผม
ผมเป็นบ้าอะไรไป ให้ตายเถอะ
“โชคดีนะครับอาจารย์เมธา”อาจารย์สุทธิพงษ์อวยพรขณะผมก้าวออกมาจากลิฟต์ ผมหันไปยิ้มแล้วโค้งให้อาจารย์
เฮ้อ~~~ อึดอัดชะมัด ผมสงบใจอยู่หน้าห้องสอนราวๆสิบนาที อยากสอนให้มันจบๆ ตอนนี้ใจผมลอยไปบ้านน้องแล้ว
ผมเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนคุยกันดังออกไปถึงข้างนอก พอผมก้าวเข้ามานิสิตทุกคนก็เงียบกริบ ผมเงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองรอบห้อง
ก่อนจะสะดุดสายตากลมด้านหลัง
อยู่ที่นี่? มาได้ยังไง? ผมมองชุดที่เขาใส่ เข็มนิสิต กระดุม เครื่องแต่งกายของมหาลัย อย่าบอกนะว่าน้องเรียนที่นี่ แล้วคลาสที่ผม
สอนเป็นคลาสของนิสิตแพทย์ ให้ตายเถอะ
ผมกำลังจะเป็นบ้า ผมคิดถึงน้องมากเกินไป จนหลอนแล้วหรอเนี่ย
ผมแทบสอนไม่รู้เรื่อง พูดสะดุดผิดๆถูกๆ กว่าจะจบสองชั่วโมงสุดโหดทำเอาลมแทบจับผมแอบหยิกตัวเองระหว่างสอนหลายที เพราะสายตาของผม มองน้องไม่หยุด น้องก้มหน้ามองชีทไม่เงยขึ้นมา ทำเอาผมไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่าใช่เขาไหม
ผมยืนพิจารณาอยู่ไกลๆ ความจริงอยากเดินไปใกล้ๆด้วยซ้ำ แต่ก็ทำไม่ได้ เลิกคลาสผมต้องรีบออกไปเพราะอาจารย์ที่ดูแลสอนงานไลน์มาบอกว่าให้ติดต่อด่วน
ผมได้รับรายชื่อนิสิตมาสี่คน เพราะผมเป็นทีชเชอร์คลาส(อาจารย์ที่ปรึกษา)ของนิสิตปีสาม ทางมหาลัยให้ผมติดตามตรวจสอบพฤติกรรมของนักศึกษากลุ่มนี้เพราะมีความเสี่ยงอาจจะถูกรีไทร์ออกจากมหาวิทยาลัย
ผมค้นแฟ้มรายชื่อนิสิต ผมโทรหาเป็นรายคน ที่คนสุดท้ายรู้สึกว่าเบอร์ติดต่อจะใช้ไม่ได้ ผมเลยโทรไปเบอร์หัวหน้าสายชั้นให้ติดต่อเรียกพบ
อาจารย์บอกว่าให้ผมเรียกนิสิตมาคุยส่วนตัวแล้วสอบถามถึงปัญหา ว่ากล่าวตักเตือนก่อนเขาจะหลุดออกไป
อีกหนึ่งชั่วโมง จะเลิกงาน ผมนั่งมองนาฬิกาก่อนจะได้ยินเสียงเคาะห้องเบาๆ
“ขออนุญาติค่ะอาจารย์”เสียงนิสิตหญิงสอบดังเข้ามา
“เชิญ”ผมตอบรับเสียงเข้ม
TBC
...................................................................
ทุกคนคงอยากเตะฝ้ายอารมณ์แบบ ถ้าจะอัพแบบนี้อย่าอัพดีกว่าใช่ไหมมมมม
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
รอตอนต่อไปละกันน้าคุคิ
ไปอ่านหนังสือแล้วววววววว
แวบมาแวบไป ^^
นิสิตแพทย์ดินสอ >////<