ตอนที่ ๕๕.๒ ต.เต่าตะลุยกรุง
“หมวดบูมดูโทรมๆไปนะ”
“เหรอวะ เออ กูนอนไม่ค่อยพอ”
“เลี้ยงลูกหนักเหรอครับผู้หมวด”ผมยิ้มกว้างอย่างรู้ดีว่าพี่แกไปโดนอะไรมาบ้าง
“เลี้ยงลูกไม่เท่าไหร่ แต่เลี้ยงแฟนนี่สิไอ้สัส ยันเช้า เออ ได้ลาก็ถนอมๆไอ้เต้ยหน่อยนะ มันเพิ่งฝึกเสร็จให้มันพักผ่อนเยอะๆ”
“ครับๆ อันนั้นก็แล้วแต่หมวดเต้ยเขาต้องการ ผมไม่อะไรมากอยู่แล้ว แล้วไอ้บอมบ์ล่ะผู้หมวด”
“มันบอกว่าจะเข้ากองพัน ๕ โมงมั้ง กูอยากให้มันโดนแดกจริงๆเลย”แล้วผู้หมวดแกก็เดินจากไป พรุ่งนี้เหล่าทหารใหม่จะไปสวนสนามสาบานธงกันแล้ว ในกองพันก็ซ้อมกันทุกวัน บางครั้งก็ซ้อมจนดึกดื่น เพราะจะมีการแข่งขันด้วยครับ การสวนสนามนี่ไม่ใช่สวนสนามแค่กองพันเดียวนะครับ ไปหลายกองพันมากเลย แล้วสถานที่สวนสนามจะเป็นอีกกรม ผมไม่บอกชื่อนะครับ แต่ขอบอกสมญานามสนามนี้ว่าสนามปราบเซียน คือมันจะเป็นลานเฮลิคอปเตอร์ที่ใหญ่มาก สนามกว้างมากด้วย กองพันไหนที่สวนสนามเก่งๆไปเจอสนามนี้บ่นกันทุกคน นี่จึงเป็นที่มาของคำว่าสนามปราบเซียน แต่ผมก็ไม่ได้รู้ลึกเท่าไหร่นะครับ ฟังๆเขามาอีกทีและเลยผ่านแถวนั้นไปไม่กี่ครั้ง ก็พอจะนึกออกบ้างเล็กน้อย
วันประกาศศักดามาถึงเอ๊ย วันสวนสนามครับ ทหารใหม่ตื่นแต่เช้ารีบมาอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย ส่วนผมเองก็ต้องตื่นเหมือนกันเพราะทหารใหม่จะมาเบิกปืน
“สวัสดีครับ”เดินขึ้นมาบนคลังทหารใหม่ยืนตรงทำแล้ววันทยหัตถ์ความเคารพ ไอ้สัส ทำเหมือนกูเป็นผู้หมวด คือที่จริงพวกทหารใหม่จะไม่มีสิทธิ์ยกมือไหว้ทหารรุ่นพี่เลยนะครับจนกว่าจะขึ้นกองร้อย ตอนผมเป็นทหารใหม่เขาก็สอนมาแบบนี้ครับ เบิกปืนเสร็จแล้วก็หมดหน้าที่ต้องลงไปอาบน้ำอาบท่า เมื่อหลายวันก่อนอากาศยังหนาวๆเย็นๆอยู่เลย พอมาวันนี้อากาศเริ่มจะอบอ้าวซะแล้ว
ทั้งวันก็ไม่มีอะไรมากมาย สายๆจ่ามาทำงานผมก็ช่วยก๊อกๆแก๊กๆตามประสาพลทหารครับ เสร็จงานนี้ก็คงจะได้ลาสมใจอยาก หึหึ อยากหลายอย่างเลยครับ เดี๋ยวไปคลายอยากกับไอ้มหาสักหน่อยนะครับ ฮ่าๆๆ
“นิ่งเลยนะมึง เด็กคลังก็งี้แหละ เวรยามไม่ต้องเข้า”ลงไปกินน้ำเจอรุ่นพี่พูดกระทบกระเทียบ คือผมจะโดนบ่อยากหาว่าอู้งานบ้าง แอบหลับบ้าง เวรยามไม่เข้าบ้าง ไรก็แล้วแต่ที่เขาจะคิดได้ แต่ผมก็ไม่เคยจะตบโต้ ของแบบนี้วัดกันที่ผลงานว่ะ ขี้เกียจใส่ใจ ร้อยคนก็ร้อยปาก เราไม่สามารถทำได้ถูกใจใครทั้งหมดหรอกครับ เราอยู่นิ่งๆดีกว่า ทำของเราไป
“ขยันนะมึง ครั้งที่แล้วขายได้กี่บาทล่ะ”รุ่นพี่ที่อยู่คลังเดียวกับหมู่อาร์ตยิ้มเหยียดระหว่างที่ผมก้มลงเก็บขวดพลาสติก
“ถ้าหมามันไม่ลากไปก็ขายได้หลายบาทอยู่นะพี่”
“มึงว่าใครมหา”รุ่นพี่ชี้หน้าผม ผมไม่ได้ตอบโต้อะไรเก็บขวดของผมต่อไป “เดี๋ยวมึงเจอกู”นี่คือขำขู่ที่ผมถูกขู่มาตั้งแต่ขึ้นกองร้อย จนมาป่านนี้ก็เกือบจะปีผมยังไม่ได้เจอมันเลยครับ เอ๊ะ หรือเพราะว่าเราเจอกันทุกวันมันเลยชินไปเอง ฮ่าๆๆ
“ขยันว่ะ”เดินเก็บตามถังขยะรอบกองร้อยก็มีแต่คนชมว่าขยัน นี่กูทำให้พวกมึงเอาแบบอย่างนะไอ้สัส กูไม่ได้ทำให้แค่พวกมึงชม
“อดอยากถึงขนาดต้องเก็บขยะขายเลยเหรอวะมหา”หมู่อาร์ตพูดแล้วยักคิ้วใส่
“มันก็ดีกว่าไม่มีจะแดกแล้วไปลักกินขโมยกินแหละครับหมู่”ผมตอบแล้วยิ้มให้
“วอนตีนแล้วมึง ระวังไว้นะพวกมึง ๒ ตัว อย่าหาว่ากูไม่เตือน เงาหัวในกองร้อยนี้ของพวกมึงแทบไม่เหลือแล้วนะ จำเอาไว้”
“ขอบคุณที่เตือนครับหมู่ แต่หมู่ก็อย่าลืมระวังตัวเองด้วยล่ะ ครั้งหน้าอาจจะไม่ได้แค่นอนโรงพยาบาล อาจจะได้นอนในโลงเย็นๆไปตลอดกาลเลยก็ได้ คิดจะนักเลงน่ะหาคู่ปรับที่มันสมน้ำสมเนื้อหน่อยนะหมู่”ผมพูดแล้วก็เดินออก เอาดิ มึงนักเลงมาก็ก็นักเลงไปเหมือนกัน คนแบบนี้มันดีแต่ปากครับ ผมก็ไม่แน่ใจว่าผมกับไอ้บอมบ์ไปทำอะไรให้มัน แต่เคยได้ยินว่าหมู่อาร์ตจะจีบหมวดบูม ผมเองก็มองกิริยาท่าทางของมันหลายทีนะครับเวลามันอยู่ใกล้หมวดบูม หรือบางทีก็ชอบอาสาช่วยงานหมวดบูมกับผู้กองบ่อยๆ จะว่าประจบก็ไม่เชิงแต่มันพยายามตีสนิท หรือบางทีหมวดเต้ยมาที่กองร้อย หมู่อาร์ตก็จะทักทายคุยด้วยแบบยิ้มแย้มแจ่มใส ชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ หรือว่ามันคิดจะเคลมทั้ง ๒ หมวดวะ
ทั้งวันผมไม่ได้ทำอะไร อยู่หน้าคลัง ถึงเวลาก็ไปกินข้าว มานั่งโม้กับไอ้บอมบ์ ๒ คน ในกองร้อยน่ะผมคุยกับมันรู้เรื่องที่สุดแล้ว ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจคนอื่นนะครับ คือบางทีสไตล์ของการดำเนินชีวิตมันต่างกัน วิธีคิดที่แตกต่างกันผมก็ไม่ใคร่จะสนิทด้วยเท่าไหร่นัก แต่ถ้ามาชวนผมคุยผมก็คุยได้ทุกคนแหละครับ หากแต่ว่าที่สนิทที่สุดก็คือไอ้บอมบ์ บุคลิกมันห่ามๆเถื่อนๆ แล้วความคิดความอ่านของมันผมชอบ มันเป็นคนตรงๆ กล้ากับทุกสถานการณ์ แต่ไอ้นี่มันไม่ค่อยจะเปิดเผยความรู้ในหัวมันเท่าไหร่ ชอบทำตัวเหมือนคนไม่มีอะไรแต่จริงๆน่ะไอ้บอมบ์มันมีอะไรที่น่าค้นหาเยอะ เยอะยังไงก็ต้องไปถามหมวดบูมเอาแล้วกัน ฮ่าๆๆ
๔ ทุ่ม ทหารกลับมึงกองพัน ที่จริงงานสวนสนามน่าจะเสร็จตั้งแต่ช่วงบ่ายแก่ๆแล้วล่ะครับ แต่เพราะว่าหลังจากการสวนสนามของทุกปีก็จะมีดนตรีมีคอนเสิร์ตเลี้ยงฉลองให้กับกำลังพลทุกนายได้มีกำลังใจในการทำงาน และถือว่าเป็นการผ่อนคลายหลังจากการฝึกทหารใหม่เสร็จ เมื่อทหารกับมาที่กองพันหน้าที่ของผมก็จะมารับคืนปืน ช่วยจ่าทำงานครับ พอเรียบร้อยแล้วก็กลับไปนอนต่อ
แป๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด แป๊ด ไม่ใช่เสียงนกหวีดดั่งที่คุ้นเคย แต่เป็นเสียงตดที่คุ้นชิน ไอ้สัสเอ๊ย ทำหน้าที่ได้ดีกว่านกหวีดของสิบเวรอีก เสียงน่ะไม่เท่าไหร่ แต่กลิ่นนี่สิเหมือนหมาไปเน่าตายอยู่ในลำไส้เป็นสิบชาติ ผมต้องเดินหนีไปไกลๆไม่ต้องเผื่อแผ่กูก็ได้
ปู้ดดดดดดดดดดดดด อีกแล้วครับ หนีเสือปะจระเข้จริงๆ ตอนเช้าๆนี่นอกจากควันบุหรี่ที่คนอื่นๆพยายามอัดเข้าปอดแต่เช้าแล้ว เสียงตดคือเสียงที่พวกผมต้องได้ยินกันประจำ บางคนนี่เบ่งกันเต็มที่ ดีน่ะที่ขี้ไม่เล็ดตามมาด้วย
“ถ้ากูมาไม่ทันจำหน่ายกูด้วยนะมหาว่ากูเข้าห้องน้ำ”ไอ้บอมบ์พูดแล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จำหน่ายที่พูดเนี่ยไม่ได้หมายถึงการขายนะครับ แต่หมายถึงการชี้แจงว่าไปไหนด้วยสาเหตุอะไร รอสิบเวรเป่านกหวีดรวมอีกครั้งระหว่างนี้ก็ทักรุ่นพี่ ไหว้ไว้ก่อนครับ ยังไงเขาก็มาก่อนเรา การไหว้ไม่ได้ทำให้ศักดิ์ศรีเราลดน้อยถอยลงหรอกครับ รวงข้าวจะโน้มลงสวยก็ด้วยข้าวเต็มเม็ดเต็มหน่วย คนจะงามก็ด้วยการนอบน้อม บางคนหัวแข็ง กูใหญ่กว่าใคร ศักดิ์ศรีกูเยอะ กูไม่ยอมก้มหัวให้ใคร กูไม่ไหว้ แล้วก็มักจะโดนรุ่นพี่ชี้แจงว่าไม่เคารพ แต่บางคนผมก็ไม่ไหว้นะครับ ทำตัวไม่น่าไหว้ก็ไม่ไหว้ ไหว้คนที่ควรไหว้สบายใจดีครับ
ไปรวมแถวที่ลานรวมพลแล้วก็วิ่งออกกำลังกายกัน ๑ รอบจากนั้นก็มาอาบน้ำ อากาศกำลังดีไม่หนาวและไม่ร้อนอบอ้าว อาบน้ำแต่งตัวมารวมที่หน้ากองร้อยแล้วจ่ายงานกันไปทำความสะอาด หยิบไม้กวาดทางมะพร้าว ลากถังขยะ ถือที่ตักขยะแล้วพากันเดินด็อกๆไปที่จุดที่ได้รับมอบหมาย กวาดไปคุยไป อย่างพวกที่เพิ่งกลับมาจากบ้านก็จะรายงานว่าไปทำอะไรมาบ้าง ส่วนใหญ่ชายไทยจะกินเหล้ากัน บางคนเงินเก็บหลายพันกลับไปถึงบ้าน นี่มึงอาบหรือมึงกิน ล่อกันเป็นลังๆแล้วคุยเรื่องหญิงสาวพราวเสน่ห์ เรื่องตีรันฟันแทง ฟังแล้วก็หน่าย
“วันนี้ผู้กองปล่อยกลับบ้านเหรอมหา”
“น่าจะเป็นอย่างนั้นครับจ่า”
“เออ เสร็จงานแล้วนี่ ต่อไปก็คงไม่มีอะไร เออ เดี๋ยวยังไงกลับมาค่อยว่ากันอีกทีนะเรื่องทำความสะอาดปืน”
“ครับจ่า”
“เฮ้อ กูล่ะหน่ายกับกับข้าวว่ะ”ไอ้บอมบ์มันบ่นออกมา มองไปเบื้องหน้าก็คือแกงจืดผักกาดขาว ผักเต็มถ้วยเลยครับ ก็ทนกินไปทั้งอย่างนั้น จะโวยวายเดี๋ยวก็โดนด่าว่าทำให้แดกแล้วเรื่องมาก
“ทหาร ตรงไหนยังไม่เรียบร้อยก็ไปดูให้เรียบร้อยนะ ตรงไหนเสร็จแล้วก็ดูอีกที อย่ให้เขาด่าหมู่ได้ แล้วไอ้พวกที่ทำบนโรงนอน เอาให้ดี วันนี้เวรหมู่อาร์ต พวกมึงก็รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ทำให้ดีทำทีเดียว อย่าทำหลายเที่ยวมันเหนื่อย เข้าใจป่ะ”
“ครับหมู่”รุ่นพี่ที่สนิทๆหน่อยก็จะพูดแบบกวนๆ แต่หมู่แกไม่ค่อยถือสาเท่าไหร่ถือว่าเป็นพี่น้องกัน ทำความสะอาดกันต่อจนถึงเวลาที่จะต้องไปหน้าคลัง ไปทำหน้าที่ของตัวเอง
วันนี้ทหารใหม่เตรียมตัวกลับบ้านกันครับ พอสายๆเคารพธงชาติเสร็จ เปลี่ยนสิบเวรแล้วพวกทหารใหม่ก็ขนย้ายตู้เตียงที่ยืมมามาจากกองร้อยต่างๆเอามาคืนครับ หมู่อาร์ตเข้าสิบเวรก็โหวกเหวกโวยวาย
“มันเป็นเหี้ยอะไรมากรึเปล่าวะ เอ็งเบื่อไหมมหา”จ่าพูดกับผมขำๆ
“โคตรเบื่อเลยครับจ่า”
“เออดิ”
“เขาเป็นมานานแล้วเหรอครับจ่า”ผมสงสัยจริงๆว่าหมู่อาร์ตนี่เป็นแบบนี้มานานรึยัง
“ใหม่ๆไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่อยู่นานๆไปแล้วก็เสียงดัง ช่างมันเถอะ ขี้เกียจจะพูดว่ะ เออ แล้วผู้กองจะปล่อยกี่โมงไปถามผู้กองยัง”
“ยังเลยครับ แต่หมวดบูมบอกว่าน่าจะปล่อยเย็นนี้”
“อือ จะได้พักผ่อนซะที คนอื่นเขาพักผ่อนกันไปหมดกองร้อยแล้ว แล้วนี่รุ่นน้องขึ้นมากองร้อยก็ช่วยดูให้จ่าหน่อยนะว่าจะเอาใครมาทำงานด้วย เวลาพักจะได้สับเปลี่ยนกันพัก ดูสิ จ่ามีเอ็งช่วยงานยู่คนเดียว เวลาพักก็ไม่ได้พักเหมือนคนอื่นเขา”
“ครับจ่า”
เวลาล่วงเลยมาทั้งวันจนตอนนี้ก็ได้เวลาที่ผมจะไปพักผ่อนเสียที ๖ โมงเย็นหลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมไปอาบน้ำแต่งตัวตามคำสั่งของหมวดบูมครับ แต่งชุดอ่อนอย่างเท่ ติดเครื่องหมายเรียบร้อย หยิบเป้ซึ่งมีเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นเดินลงมาด้านล่าง
“เหลี่ยมจัดนะมึง เวลาพักไม่อยากจะพัก”มีพูดเหน็บผมอีก แต่ผมไม่สนใจ ลูกน้องมึงอู้งานไม่เห็นจะมีใครว่าอะไร กูใช้เหลี่ยมนิดๆหน่อยๆยังจะมากวนตีนกูอีก เฮ้อ กูล่ะหน่ายจริงๆ
ได้รับใบลาแล้วก็เดินออกไปหน้ากองพัน สบายใจโว้ย หลังจากที่อดทนรอมานานหลายเดือนมาก ข้ามถนนโบกแท็กซี่แล้วชี้เป้าหมาย เย็นนี้คงไปพักที่เรือนหอเอ๊ย บ้านหมวดเต้ยครับ พี่แกให้กุญแจบ้านมาแต่หัววัน นั่งแท็กซี่ ๒ ชั่วโมง กว่าจะถึงบ้านหมวดเต้ย ระยะทางไม่ได้ไกลเท่าไหร่ แต่รถมันติดน่ะ มาถึงบ้านเกือบ ๓ ทุ่มพอดี ไม่ได้มาหลายหมวดเต้ยหลายเดือนดูเหมือนจะรกๆไปหน่อย พี่แกคงไม่มีเวลามาดูแลบ้านแน่เลย เอาวะ พรุ่งนี้ว่างๆจัดบ้านให้พี่แกหน่อย ทำหน้าที่สามีเอ๊ยแฟนที่ดี
“ครับที่รัก”กวาดบ้านอยู่ดีๆ ผู้หมวดแกก็โทรมา
“หวานสัส เออ คืนนี้กูกลับดึกหน่อยนะ ถ้าหิวก็หาอะไรกินไปก่อนเลยแล้วกัน ไม่ต้องรอ”
“ครับ ได้ครับ”แล้วพี่แกก็วางสายไป มาเร็วไปเร็วจริงครับ ลาครั้งนี้ผมก็ไม่ได้กลับบ้านอีกแล้ว แม่ผมมีอีเวนต์ ไปดูแลลูกสะใภ้ที่ต่างจังหวัด ไปทั้งพ่อทั้งแม่เลยไม่มีใครอยู่บ้าน อยู่แต่พี่ชายผม
“หมอๆ อยู่บ้านป่ะ”จัดข้าวของเล็กๆน้อยๆเสร็จแล้ว ไม่มีอะไรทำ ขอไปป่วนหมอสักหน่อยเห็นไฟบ้านยังเปิดอยู่
“อ้าว พี่ตวง มาเมื่อไหร่ครับ”หมอแกเดินออกมาหน้ายิ้มแย้ม
“เพิ่งมาอ่ะ ทำอะไรอยู่เหรอ กินข้าวยัง”
“กินแล้วครับ เพิ่งอาบน้ำเสร็จอ่ะพี่ ว่าแต่พี่ยังไม่กินข้าวอีกเหรอ ดึกแล้วนะ”
“กินมาแล้วแต่หิวอีก”
“จะไปหาอะไรกินเหรอ ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหมครับ”
“แค่เพื่อนเองเหรอ ว้า”ทำหน้าน้อยใจ แหย่ๆหมอแกหน่อยครับ
“จะให้เป็นอะไรล่ะครับ”หมอแกทำหน้าเขินๆ น่าจับมาหอมแก้มสักฟอดจริงเลย
“หึหึ น่ารักจริง ว่าแต่ผมไม่รบกวนหมอแน่นะ”
“ไม่ครับ”ใจดีว่ะ หมอไปปิดบ้านให้เรียบร้อยแล้วก็เดินไปหาอะไรกินกันที่หน้าปากซอยทางเข้าหมู่บ้าน ยังดีนะครับที่พอมีอะไรขายอยู่บ้าง มองซ้ายแลขวาหาอะไรกิน เปรี้ยวปากเลยล่อส้มตำซะเลย ท้องตึงตาก็ชวนหย่อนไปด้วย เดินกลับบ้านด้วยอารมณ์เบิกบาน รอที่รักกลับมา อยากเจอว่ะ
แยกตัวกับหมอแล้วมานั่งรอยู่หมวดอยู่ในบ้าน เปิดทีวีดูพลางๆ ไม่รู้ว่าเพราะเสียงทีวีที่ขับกล่อมหรือเพราะว่าความเหนื่อยเมื่อยล้า หนังตาที่เคยเปิดเป็นปกติก็ต้องหลับลง มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่มีอะไรหนักๆมาทับที่ตัว ลืมตาขึ้นมาก็เจอกับใบหน้าหล่อเหลาที่ผมเฝ้าถวิลหามาหลายเดือน เจ้าตัวยิ้มให้ผมหน้าบาน ส่วนผมรู้สึกว่าหนักครับแต่ไม่เป็นไร พี่ตวงทนได้
“เพิ่งกลับมาเหรอครับ”ผมรีบโอบกอดทันที
“อืม เพิ่งเลิกงาน เหนื่อยว่ะ จุ๊บ”ริมฝีปากประกบมาเบาๆ แหม่ มันช่างเหมือนหยดน้ำที่ที่หยดลงมาบนพื้นดินยังความชุ่มชื้นให้กับตนไม้ใบหญ้าเสียจริง หมวดเต้ยยังนอนทับมอยู่ไม่ยอมลงจากตัวผม ถามว่าหนักไหมก็หนักล่ะครับตัวเท่าๆกัน คือตัวพี่แกจะหนา เอวคอดหน่อยๆ มีกล้ามเนื้อหน้าอกมองเห็นเป็นลูกๆ น่ากัดที่สุด แต่กัดไม่ได้ครับพี่แกยังไม่เปลี่ยนชุดนอนทับผมทั้งคอมแบทนี่แหละครับ
“ผมว่าผู้หมวดไปเปลี่ยนชุดแล้วอาบน้ำอาบท่าดีกว่านะครับ จะได้รีบพักผ่อน กี่โมงแล้วเนี่ย โห เที่ยงคืนแล้ว รีบไปอาบน้ำเถอะครับผู้หมวด จะได้ตัวหอมๆ”
“แค่นี้หอมไม่พอรึไง”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่เรียกว่าหอมละครับผู้หมวด กลิ่นเปรี้ยวยิ่งกว่าผักกาดดองในซอสมะเขือเทศอีก ฮ่าๆๆ”
“มีด้วยเหรอผักกาดดองในซอสมะเขือเทศ ฮ้าว ง่วงนอน อาบน้ำให้หน่อยสิ”
“แน่ะๆ อย่ามาชวนนะ รู้อยู่ว่านอกจากจะอาบน้ำแล้วผมจะชวนทำอะไร”
“เออนะ กูไม่อดอยากถึงขนาดต้องไปคุ้ยของกินในโถส้วมหรอกมหา เออ อย่าลืม คืนนี้จะฟังเรื่องผี”
“ครับๆ แต่ไปอาบน้ำก่อนเถอะ สงสารห้องน้ำบ้าง มันคงอยากจะให้เจ้าของบ้านเข้าไปอาบเสียเต็มทน”
“เออๆ จุ๊บ”หอมแก้มผมแล้วรีบเด้งตัวถอดชุดพรางกับคมแบทโยนว่อนเต็มบ้าน แล้วใครตามเก็บก็คงไม่พ้นไอ้มหา ช่างเหอะ ช่วยเหลือกันครับ แต่พอมาเก็บถุงเท้ารู้สึกฉุนกึกไปที่โพรงจมูกทันที สงสัยจะใส่รองเท้าทั้งวัน เอ๊ะ หรือนี่มันอาจจะเป็นที่มาของคำศัพท์ว่าเปรี้ยวตีน คือตีนมันเหม็นเปรี้ยวเลยเรียกว่าเปรี้ยวตีน ฮ่าๆๆ เก็บของแล้วลงไปล็อกบ้านปิดไฟปิดประตูด้านล่างให้เรียบร้อย
นอนรอหมวดเต้ยหลับๆตื่นๆ คนที่ผมรอออกมาจากห้องน้ำรีบเช็ดตัวใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อกล้ามเอาผ้าเช็ดตัวไปตากแล้วคลานขึ้นมาบนเตียง คิดถึงว่ะ ผมรีบคว้าที่ต้นคอของพี่แกมาจูบอย่างรวดเร็วให้สมกับการรอคอย จูบกันเหมือนตายอดตายอยากจากไหนก็ไม่รู้ จูบแล้วก็ของขึ้น
“คิดถึงว่ะ”ไม่มีคำพูดอื่นใดที่สามารถอธิบายถึงห้วงความคิดถึงไปได้มากกว่าคำนี้อีกแล้ว เออ ก็มันความหมายตรงตัวนี่หว่า คิดถึงก็คือคิดถึง เรามองหน้าส่งสายตาให้กันก่อนจะจูบเบาๆ อยากลึกซึ้งกว่านี้นะแต่กลัวว่าผู้หมวดแกจะเหนื่อย
“โคตรรักเลยว่ะ”มองหน้าแล้วลูบไปตามเนื้อตัวของหมวดเต้ย ดูแกร่งขึ้นมาก “ผมว่าผู้หมวดผอมลงไปเยอะนะ”
“เออดิ ฝึกคนหนักยิ่งกว่าฝึกควายอีก กว่าจะได้ทหารมาแต่ละคน แต่สุดท้ายก็มึนเหมือนเดิม”
“ฮ่าๆๆ ทำไงได้ละครับผู้หมวด มันก็มึนบ้างอะไรบ้างแหละครับ”
“เออ ก็เข้าใจนะ ฝึกมาได้ขนาดนี้ดีแค่ไหนแล้ว ที่เหลือก็ไปบ่มเพาะเอาที่กองร้อย แต่กับคนบางคนขนาดขึ้นกองร้อยมันน่าจะรู้อะไรทำไมมันยิ่งมึนกว่าเดิมวะ”
“หือ แล้วใครมาพูดว่าเราไม่ได้ฝึกให้ท่านเป็นทหาร แต่ฝึกให้ท่านเป็นควาย คนจะมึนมาโทษกันไม่ได้นะครับ”เคยมีคำพูดนั้นจริงๆนะครับที่บอกว่าจะฝึกให้เป็นควายน่ะ คือโดยเจตนาที่แท้ไม่ได้ต้องการดูถูกพวกผมหรอกครับ แต่การฝึกทหารต้องทำให้ผมอดทนเหมือนควาย ควายมันหนังหนา มันทนแดดทนร้อนได้
“เออ แต่มึนแค่ไหนกูก็รักของกูนะ”ยักคิ้วกวนๆ หมั่นเขี้ยวเลยจับมาจูบซะเลย จูบแลกลิ้นนัวเนียกันจนพอใจจึงหยุด ที่จริงไม่อยากจะห้ามอารมณ์หรอกนะถ้าไม่เห็นใจหมวดเต้ยน่ะ แอร์ในห้องเริ่มเย็นลงเรื่อยๆจนกลายเป็นหนาว อากาศข้าวนอกก็ว่าเย็นแล้วพี่แกมาเปิดแอร์อีก ดึงผ้าห่มมาคลุมกาย
“คืนนี้จะฟังเรื่องผีหรือจะเล่นผีผ้าห่มดีครับ”ถามความสมัครใจก่อนครับ
“ถ้ากูบอกว่าเล่นผีผ้าห่มมึงจะเล่นไหมล่ะ”
“หึหึ เรื่องนี้ไม่ต้องถามหรอกครับ ผมพร้อมสำหรับผู้หมวดเสมอ ว่แต่ผู้หมวดจะพร้อมสำหรับผมไหมล่ะ”
“ไม่พร้อมว่ะ เหนื่อย ขอพักฟื้นสักเดือนได้ป่ะ”
“โห เดือนหนึ่งจวยผมแตกหน่อใหม่แน่ๆ วัน สองวันว่าไปอย่าง ที่จริงวันนี้ของขึ้นนะเนี่ย แต่ผู้หมวดเหนื่อยผมเข้าใจ”
“หึหึ เออๆ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ว่าแต่คืนนี้เล่าเรื่องผีให้ฟังหน่อยสิ ติดใจจากครั้งที่แล้วว่ะ”น้องขอมาพี่จัดให้ ดับไฟที่หัวเตียงจนทั้งห้องมืดสนิท ลูบตามลำตัวหมวดเต้ยขนลุกซู่ คงเป็นเพราะหนาวหรือเสียวไม่รู้ จากนั้นผมจึงเกริ่นนำเรื่องผี ก็เล่าไปตามที่เคยเจอมาบ้างหรือหลวงพี่หลวงพ่อเล่าให้ฟังบ้าง จนเวลาล่วงเลยมาถึงตี ๒ กว่าๆแล้วความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทำให้ร่างกายต้องการที่จะพักผ่อน หมวดเต้ยหลับไปก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่นาที ส่วนผมจะลืมตาไปเพื่ออะไรล่ะครับ ไม่มีคนฟังแล้วก็กระชับผ้าห่ม คว้ารีโมทปิดแอร์แล้วลงจากเตียงไปเปิดพัดลมให้มันส่ายไปมา แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับนิทราที่ไม่ยาวนาน