ตอนที่ ๖๐ ก่อนไป
“ลำกล้อง ๑ ๒ ๓ เรียบร้อย ศูนย์หน้า ๑ ๒ ๓ เรียบร้อย.....”เสียงขานชิ้นส่วนของปืนกลสำหรับการฝึกตรวจอาวุธ วันนี้เราฝึกกันในหน่วยครับ ผมกับไอ้มหาอยู่ในตำแหน่งพลยิงปืนกล และรุ่นน้องจะเป็นผู้ช่วยพลยิง มีพลกระสุน ๑ และพลกระสุน ๒ อย่างละคน ฝึกไปขำไปครับ ผมน่ะเป๊ะอยู่แล้วแต่รุ่นน้องที่มาใหม่นี่สิยังไม่ค่อยได้ จ่าเองก็ไม่ได้ซีเรียสเท่าไหร่ แต่หากว่าเมื่อไหร่ที่เราเริ่มต้นด้วยคำว่า คราวนี้เอาจริง พวกผมก็จะต้องทำให้เต็มที่ พลาดได้แต่ห้ามหัวเราะ
“อ่ะ พอก่อน พักก่อนเว้ย เดี๋ยวมาต่ออีกยกแล้วค่อยพักกลางวัน”จ่าที่เป็นผู้บังคับหมู่ปืนกลให้สัญญาณการพักประจำชั่วโมง “กินน้ำเยอะๆนะทหาร ร่างกายมันขับเหงื่อออกมาเยอะต้องกินน้ำให้มันทดแทน”จ่าพูดทิ้งท้ายด้วยความเป็นห่วง วางปืนให้เป็นระเบียบแล้วเดินไปที่พีเอ็กซ์ซื้อชาเขียวเย็นๆมากระดก
“เหนื่อยๆแบบนี้กินของหวานๆแล้วสดชื่นเนอะ มึงว่าไหม”
“เออ แต่กูฮาตอนเราฝึกทหารใหม่ ไอ้สัส กลัวทหารขาดเกลือแร่ เล่นเอาเกลือไปผสมน้ำให้ทหารกิน กูว่ามันจะคอแห้งกว่าเก่า”พูดไปแล้วก็อดขำไม่ได้ ตอนฝึกทหารใหม่ จ่าเห็นพวกผมเสียเหงื่อ กลัวจะขาดเกลือแร่ในร่างกายพี่แกเลยเอาเกลือมาผสมในถังน้ำดื่มให้พวกผมดื่ม มันไม่เค็มมากหรอกครับพอปะแล่มๆ ผมก็ไม่รู้เขาคิดยังไง เกลือกับเกลือแร่นี่มันคนละอย่างกันเลย
“เขากลัวเราจะขาดไอโอดีนมั้ง”
“ไปขอเกลือแร่จากหน่วยตรวจโรคมาผสมน้ำให้กินมันจะเสียเงินเท่าไหร่เชียว”
“เออ นั่นน่ะสิ แต่กูก็คิดถึงความยากลำบากที่พวกเราผ่านมานะ โอ้โห ลูกอมเม็ดหนึ่งนี่มีค่ายิ่งกว่าทองคำ เห็นเขาซื้อไก่ย่างหิวอยากกินใจแทบขาด กลืนน้ำลายจนคอแห้งก็ไม่ได้กิน เวลาเดินแถวผ่านร้านลูกชิ้นทีไรนะ กูสูดเอากลิ่นลูกชิ้นทอดแล้วมันชื่นใจยังไงไม่รู้”
“ฮ่าๆๆๆ มึงจำได้ไหม ตอนที่เราฝึกอยู่แล้วแม่ค้ากำลังผัดคะน้าน่ะ ตอนที่เขาเหยาะซอส เหยาะน้ำปลา เสียงมันจะซ่าๆ แล้วลมก็พัดโชยมาอีก สัส ตอนนั้นใกล้เที่ยงแล้วป่ะ กูนี่ไม่มีอารมณ์จะฝึก”
“เออ ห่า ผัดไม่เกรงใจทหารกำลังฝึก กูก็หิวไส้แทบขาด ได้กลิ่นนี่น้ำลายไหล พอไปกินที่โรงเลี้ยงนี่คนละเรื่อง”
“เนอะ คนเรามันต้องลำบาก ต้องหิว มันถึงจะรู้คุณค่าของข้าวของ”
“อือ แต่หลายคนที่กูสังเกต ขนาดมันลำบากแทบตายมันยังไม่ค่อยจะรู้คุณค่าเลย แต่ก็ช่างเหอะ เงินเขา ความสุขเขา”
“เออ ตราบใดที่เรายังไม่โดนยืมเงิน เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าใครหรอก แต่กูเบื่อพวกมาขอยืมเงินว่ะ เงินเดือนกูก็ใช่ว่าจะเดือนละแสนที่ไหนล่ะ กูเซ็นรับ ๙ พันเหมือนๆพวกมัน เห็นเงินกูเหลือเยอะก็ชอบพูดจองกฐินไว้ก่อน”
“เออ นั่นดิ ไม่จำเป็นกูไม่ให้ใครยืมหรอก กูขี้เกียจจะทวงว่ะ มันจะผิดใจกัน ถ้าสนิทกันเหมือนกูกับมึงกูให้ได้ แต่เสี่ยใหญ่อย่างมึงจะยืมเงินกูเหรอ”
“ใช่ว่ากูจะมีเงินไปตลอดชีวิตนี่หว่า วันนี้กูมีพรุ่งนี้กูอาจจะอดก็ได้”
“เออ ก็จริงของมึง ไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่าง”
พักพอหายเหนื่อยจากนั้นก็ไปฝึกกันต่อครับ เวลาพักเที่ยงไปกินข้าวตามปกติ วันนี้ฝึกถึงบ่าย ๓ เอาปืนไปคืนที่คลังแล้วมานั่งพักที่ใต้ถุนกองร้อย เหนื่อยครับ ตากแดดอาบเหงื่อมาทั้งวัน ถอดหมวกแคปร่าทีผมแข็งเลยครับ
“พี่บอมบ์ หนูอยากกินส้มตำ เลี้ยงหน่อยดิ”อีหนูมากอดแขนอ้อน กูใช่ผัวมึงป่ะเนี่ย
“หมดตูดแล้วไง ถึงได้มาขอกูอ่ะ”ผมถามไปงั้นๆ กล้าขอผมก็กล้าให้
“อือ เกลี้ยงกระเป๋าเลย ไม่กล้าเซ็น ไม่อยากติดหนี้ หนูก็เลย ปิ๊ง กลายร่างเป็นผีน้อยน่ารักมาขอส่วนบุญ”มันทำท่าเหมือนเซเล่อมูนแปลงร่าง แบ๊วมากเลยอีหนู
“หึหึ ตกลงว่า ๑๐ ขวบหรือ ๒๑ แล้ววะ”
“แหม ก็คนมันน่ารัก ทำอะไรมันก็สวยงามไปหมดแหละพี่บอมบ์ ขอบคุณพี่บอมบ์มากๆ เจ้แก้วตาจ๋า ตำไทยถุงหนึ่ง ไก่ทอดด้วย น้ำตกถุงหนึ่ง ข้าวเหนียว ๒ พี่มหาเอาข้าวเหนียวไหม”มันแหกปากแต่ไกล ผมเองก็เดินตามหลังมันไป เจ้แก้วตาแกจะมาขายอาหารอีสานช่วงบ่ายแก่ๆ แกจะปั่นจักรยานมาด้านหน้ากับเบาะหลังจะเป็นตะกร้าใส่อาหารการกินที่จะนำมาขายให้กับทหาร วันนี้มีขนมจีนด้วยนี่หว่า เปรี้ยวปากพอดีเลย
“ซัน กินขนมจีนไหมวะ”ผมถามไอ้ซันที่เพิ่งจะเดินลงมาจากหน้าคลัง
“อาเลี้ยงนะ”นั่นไง คิดแล้วไม่มีผิด
“เออๆ”ผมหยิบขนมจีนมา ๓ ถุง อีหนูมันก็หยิบไปหลายอย่าง อยากกินอะไรกินเลย ไอ้บอมบ์เลี้ยง หมดไปร้อยกว่า ยังไม่กินทันทีหรอกนะครับเพราะว่าต้องไปวิ่ง ทั้งที่มันก็หิวน้ำลายศอ คงจะหอบเอาไปกินที่โรงเลี้ยงในมื้อเย็นทีเดียว
พอ ๔ โมงกว่าๆ เสียงนกหวีดเรียกให้พวกทหารไปวิ่งกัน พวกผมที่วิ่งกับผู้หมวดก็แยกกลุ่มมาอีกกลุ่มหนึ่ง มีหลายคนที่ขอมาวิ่งด้วยครับ จากวันก่อนไม่กี่คนตอนนี้เกือบๆ ๑๕ คน ผม ไอ้มหา หมวดบูม หมวดเต้ย แบกเป้วิ่ง ส่วนคนอื่นๆวิ่งตัวเปล่า วิ่งไปก็เล่าเรื่องตลกไป
“เฮ้อ เหนื่อย นี่ถ้าผู้หมวดไม่หล่อนี่หนูคงวิ่งไม่ครบรอบแน่”อีหนูนั่งแผ่บนหญ้าเขียวหน้ากองร้อย
“ตกลงว่าใช้ขาวิ่งหรือใช้ความหล่อของพี่วิ่งวะหนู”หมวดเต้ยทำหน้างง
“คิ ก็นิดหนึ่งอ่ะผู้หมวด แต่พี่มหาก็อึดนะ มีผัวอึดแบบนี้หนูรักตายเลย”
“ทำไมอ่ะ ไอ้ฝรั่งเจิดเสร็จไวไง”
“นี่ หมายถึงความแข็งแกร่งของร่างกาย ความอดทน ไม่ได้หมายถึงเรื่องบนเตียง ก็มาว่าแต่หนูลามก พี่มหาอ่ะแหละลามก”มันต่อว่าไอ้มหา ที่จริงกูก็คิดนะหนูแต่ปากกูไม่ไวพอ กูเหนื่อย
“ฮ่าๆๆๆ ก็มึงชวนกูคุยแต่เรื่องนั้นนี่หว่า ทำไงได้ มึงมองหน้ากูสิหนู หล่อๆแบบกูต้องแข็งแรงอยู่แล้ว”
“เชอะ ไม่เกี่ยวกันหรอก หนูน่ารัก หนูยังแข็งแรงเลย ดูซิกแพ็คหนูสิ”มันเลิกชายเสื้อโชว์ซิกแพ็คบางๆของมัน อีหนูมีซิกแพ็คมีกล้ามหน้าอกด้วยนะครับ ตอนเป็นทหารใหม่เห็นขึ้นบางๆ ตอนนี้เห็นพวกผมออกกำลังกายมันก็เอาหมด เลยเห็นชัดขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน
“ตุ๊ดมีกล้ามด้วยแฮะ ของกูไม่เห็นขึ้น”ไอ้นนท์ลูบหน้าท้องย้วยๆของมัน
“ก็กินแล้วนอนเหมือนหมูแบบมึงจะขึ้นได้ไง ต้องกินแล้วทำตัวสวยๆแบบกูนี่สิ ใช่ไหมพี่บอมบ์”
“หนู กูไม่มีอะไรจะอ้วกแล้วนะ อย่ามาพูดจาชวนสำรอกอาหารเก่า เสียดายของ”
“ว้าย คนบ้า อ้วกไม่ได้ก็ไปขี้สิ เชอะ แต่ไม่เป็นไร หนูเข้าใจแหละว่าคนน่ารักแบบหนูอ่ะ ทุกคนต้องเห็นใช่ป่ะ แต่ว่ามันอยู่ภายใน พูดไม่ออก แบบว่า น่ารักเกินอะไรแบบนี้”มันก็ยังสะบัดบ๊อบของมันได้
“จ้า แม่คนสวย แต่น้องเป็นกะเทยถึกแบบนี้ น้องไม่คิดมากบ้างเลยเหรอ”หมวดเต้ยถาม
“ฮ่าๆๆ ผู้หมวดอ่ะ ผู้หมวดไม่รู้อะไร ตุ๊ดบางคนน่ะกล้ามโตยิ่งกว่าผู้ชายอีก แต่ละนางนะ เข้าฟิตเนสเอย เพิ่มความแมนเอย ไว้หนวดเข้มๆบ้างละ ที่ไหนได้ ตอนขึ้นเตียงนี่นะ ครางซะชะนีอาย เสียงแต่ละนางนี่ละสาวมาก หนูยังอึ้งเลย”
“เคยเห็นเหรอ”ผมถามบ้าง
“แหม ทีเรื่องแบบนี้นี้นะ ปากไวเชียวพ่อรูปหล่อของน้อง เคยเห็นเพื่อนสนิทมันเอากับแฟน มันคิดว่าหนูเมาแล้วหลับ ที่ไหนได้ หนูนอนมองพวกมัน ๒ คนทั้งคืน อีตัวผัวนะ ใหม่ๆตอนเข้ามาก็แมนดี เสียงห้าวเข้ม พอโดนเพื่อนหนูรุกกลับเท่านั้นแหละ ผัวขาๆ ดอก ผู้ชายสมัยนี้ดูยาก”
เออ มันก็ดูยากจริงๆล่ะมั้ง ผมเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้วยสิ คุยกันนิดหน่อยแล้วเตรียมตัวไปกินข้าว มื้อนี้มีอาหารเสริมครับ ก็พวกขนมจีน ส้มตำที่ซื้อเมื่อตอนก่อนไปวิ่งนั่นแหละครับ เจริญอาหารกันมาก
“บอมบ์ๆ”ไอ้มหาสะกิดเรียกระหว่างรอสิบเวรที่หน้าโรงเลี้ยง
“หือ”ผมหันไป
“เออะ”ไอ้สัส พอหันไปเท่านั้นแหละมันเรอใส่หน้าผมเต็มๆ “ฮ่าๆๆๆ”
“สัส คราวหน้าก็อ้วกใส่เลยดีกว่าไหม”
“เออ กำลังคิดอยู่พอดี”
กลับมาอาบน้ำตอนเย็นด้วยความเร่งรีบ เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงจะรวมฟังสิบเวรชี้แจง แอบดอดไปหาผู้หมวดดีกว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยได้หวานกันเลย เข้าไปในห้องเจอหมวดเต้ยกับหมวดบูมนั่งเล่มเกมส์กันอยู่ ๒ คน เกมส์โอเวอร์พอดี
“ฟอด อาบน้ำแล้วเหรอ ตัวหอมจัง”ยื่นหน้าไปหอมแก้มหมวดเต้ยทีหนึ่ง หมวดบูมทีหนึ่ง ฮ่าๆๆ มึงชอบหอมแก้มแฟนกูนักไอ้มหา กูขอเอาคืน
“ไอ้มหาฝากมาเหรอ”หมวดเต้ยหันมาถามด้วยเอิบอิ่ม สงสารจริงไม่ค่อยได้สวีทกัน
“เปล่า ไอ้มหามันกำลังจู๋จี๋กับอีหนูอยู่ นี่ยังไม่ไปกินข้าวกันอีกเหรอครับ”ผมเดินไปนั่งซ้อนหลังที่หมวดบูม กอดพี่แกเบาๆซบลงที่ไหล่แกร่ง ลูบหน้าท้องที่มีซิกแพคแน่นๆ ลูบทีไรมันชวนตบะแตกเสียจริง
“โอ๊ะ จะดึงมันทำไมวะ มืออ่ะนิ่งๆหน่อยได้ไหม”ลูบๆไปผมดึงขนที่ขึ้นลามแถวสะดือของผู้หมวดเล่น แต่พี่แกคงเจ็บศอกผมซะเกือบจุก
“หึหึ งั้นกอดหมวดเต้ยก็ได้”
“อย่านะมึง ครั้งที่แล้วก็บี้หัวนมกูซะจนอยากจะไปผ่าตัดเสริมนมให้มึงมาบีบเล่น ห่า เชิญมึงกอดจูบลูบคลำแฟนมึงเหอะ”หมวดเต้ยทำหน้าขยะแขยง
“เพราะรักหรอกจึงหยอกเล่น จริงไหมน้องบูม”ผมพูดเสียงเบาๆข้างหูในประโยคสุดท้าย หมวดบูมถึงกับขนลุกซู่เลยครับเพราะไม่กระซิบเปล่า เลียหูพี่แกนิดหนึ่ง ฮ่าๆๆ
“ชอบแกล้งจริงเว้ย กอดเฉยๆ พูดเพราะๆได้ไหมครับพี่บอมบ์ อย่าทะลึ่งได้ป่ะ”
“ทำไมอ่ะครับที่รัก”
“มันฟุ้งซ่านอ่ะดิ เออ ฟุ้งซ่านแบบนี้ไปหาที่ระบายไหมเต้ย ไปดริ๊งกับพวกไอ้อาร์ตดีไหม”นั่นไง พูดถึงชื่อนี้แล้วจี๊ดไปถึงกระดองใจ
“ประชดกันใช่ป่ะ”ผมกอดหมวดบูมแน่นกว่าเดิม
“เออดิ ก็มึงชอบแกล้งกูนี่หว่า”
“อ้าว ไหนว่าให้พี่บอมบ์พูดเพราะๆไง ไงบูมไม่เห็นจะพูดเพราะๆกับพี่บ้างเลย กูน้อยใจนะมึง”
“หึ กูขอลงไปอ้วกก่อนได้ไหม ไอ้พี่บอมบ์”หมวดขำยิ้มอย่างหมั่นไส้
“ไม่เคยเจอหวานๆอ่ะดิหมวดเต้ย”ผมหันไปยักคิ้วให้ทีหนึ่ง
“ก็ไม่รู้จะหวานยังไง เดี๋ยวกลับไปลองกับไอ้มหาดู”
“ลองกับผมก็ได้นะครับ”
“จวยเหอะครับพี่บอมบ์”หมวดเต้ยชูนิ้วกลางให้
“ไม่เป็นไรครับผู้หมวด ขอบคุณมาก ของผมมีแล้ว สะท้านทรวงจริงไหมครับบูม”ผมกำนิ้วกลางหมวดเต้ยเบาๆ
“อือ ใช่ เอ๊ย เหี้ย ชวนกูเอ๋ออีกแล้วมึง วู้ พอๆ พูดเรื่องอื่นกันบ้างเว้ย โรคจิตกันทั้งบางหรือไงวะพวกนี้ มึงเคยสงสัยไหมเต้ยพวกทหารตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่มันจะทำคืออะไร”
“มันจะทำเหี้ยอะไรล่ะ ตด ขี้ สูบบุหรี่ พูดเรื่องหมีเรื่องแดด โชคร้ายหน่อยก็เรื่องใครไปล่อกะเทย เฮ้อ พวกนี้นี่จริงๆ”หมวดเต้ยส่ายหน้า
“ว่าแต่คนอื่นเหอะ รู้เรื่องทหารหมดเลยนี่หว่า”
“เออดิ ไม่รู้เรื่องพวกมึง กูจะควบคุมคนอยู่เหรอ นี่ปล่อยๆไปบ้างนะ ไม่อยากจะอะไรมาก ขี้เกียจจะบ่น หยวนๆกันบ้าง เห็นใจกัน ถ้าพวกกูระเบียบเป๊ะกับพวกมึงนะ พวกมึงแทบจะไม่มีที่ไว้หายใจแน่”หมวดบูมเอนมาพิงที่อกผม
“นี่ขนาดไม่ค่อยอะไรมากนะ พวกมึงก็ยังหนีกันแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ถ้าเกิดเป๊ะๆทุกอย่างนี่จะเหลือทหารในกองพันกี่คนวะ เย็นนี้กูกะว่าจะไม่กลับบ้าน ได้ข่าวว่าจะมีรวมรุ่นน้องที่กองร้อย หึ ไอ้สัส คืนนี้ตี ๓ คงได้นอนล่ะพวกมึง พรุ่งนี้วันเสาร์ด้วยนี้ ไม่ต้องฝึก”หมวดเต้ยคู้เข่ามากอดไว้ สงสาร ไม่มีคนมากอดต้องนั่งกอดเข่า
“มานั่งข้างๆแล้วให้พี่บอมบ์กอดก็ได้นะน้องเต้ย ดูท่าจะไม่อบอุ่นเท่าไหร่”
“อะไร กูกับไอ้บูมนอนกอดกันทุกวัน พวกมึงจะไปรู้อะไร จริงไหมน้องบูม”
“จริงที่สุดเลยพี่เต้ย เพราะไม่มีใครสนใจเรา เราเลยเอากันเองจริงไหมพี่เต้ย”หมวดบูมโผไปกอดคอหมวดเต้ยซะแล้ว อ้าว เมียกูแปรพักตร์
“อย่ามากวนประสาทนะ”
“กวนที่ไหน เคยฟังเพลงนี้ไหม เธอกับฉัน ฉันกับเธอ เรารักกันและเป็นเพื่อนกัน ด้วยอ้อมแขนอบอุ่น อยากจะโอบกอดเธอเอาไว้ ให้เข้าใจว่าฉันรักเธอ” หมวดบูมกับหมวดเต้ยร้องเพลงนี้พร้อมกันแล้วโผกอดกันหน้าตาปลื้มสุข กูเครียด เพี้ยนแค่กูกับไอ้มหาไม่พอ ยังลามไปถึงผู้หมวดอีก เฮ้อ ไม่ทันได้แก่คงได้รับยาที่โรงพยาบาลบ้าแน่กู
“เพลงเมื่อปีไหนอ่ะ จำได้ว่าช่วงนั้นผมน่าจะป.๖มั้ง”
“ฮ่าๆๆ ไม่รู้ดิ จำไม่ได้แล้ว น่าจะเกือบ ๑๕ ปีได้แล้วมั้ง”ผมจำได้ว่ามันจะเป็นตุ๊กตาไดโดเสาร์ แล้วพอเริ่มรายการก็จะแปลงร่าง จากนั้นก็จะเล่านิทาน แล้วมีช่วงพาไปเที่ยวด้วยจอทีวีทางหน้าท้อง ไม่ใช่โพ ลาล่าอะไรนั้นนะครับ รายการนี้ออกอากาศช่องไอทีวี(ไม่รู้มีใครทันรุ่นนั้นหรือเปล่า) ช่วงน่าจะประมาณ ๗ โมงครึ่ง ออกเฉพาะวันอาทิตย์หรือเปล่าผมก็ลืมๆไปบ้างแล้ว แต่เนื้อเพลงผมจำได้ดีเพราะดูทุกครั้ง
ได้ยินเพลงนี้แล้วทำให้นึกย้อนไปถึงวัยเด็ก ตอนเด็กๆแถวบ้านผมมีอะไรให้เล่นเยอะเลย โดดยางผมก็เคยเล่น เป่ากบ ลูกแก้ว เล่นขายของ หอบกะลา กระป๋อง มาเล่นเป็นพ่อแม่ลูก ทำครัวหุงหาอาหาร บางทีก็เล่นต่อสู่กัน ฟันดาบ ไปตัดไม้มาทำดาบ เอาก้านกล้วยทำเป็นปืน พ่อเคยทำรองเท้าจากไม้ให้ใส่ ไปตัดไม้แล้วมาเหลา เอาเปลือกไม้มาดัดให้มันโค้งตอกตะปูซ้ายขวาให้มันสวมได้ ใส่ได้ครึ่งวันก็พังแล้ว บางครั้งก็เอากระป๋องนมมาทำเป็นล้อรถ เอาไม้ปอมามัดกับยางเป็นโครงรถ ของเล่นนี่หาได้แถวๆบ้านครับ อยากเล่นอะไรก็หาเอาแถวๆบ้าน
ผลหมากรากไม้ก็อุดมสมบูรณ์ไปทุกอย่าง อยากกินอะไรล่ะ มะม่วง ลูกหว้า มะพร้าว ขนุน น้อยหน่า เยอะไปหมดเลยครับ หากมาเปรียบเทียบกับเด็กยุคปัจจุบันแถวบ้าน น้อยคนนักที่จะเล่นอะไรเหมือนแต่ก่อน บางอย่างมันยังไม่รู้จักเลยครับ คงเป็นเพราะว่าความเจริญทางเทคโนโลยีเข้ามาครอบงำสังคมในทุกระดับ เด็กในเจเนอเรชั่นหลังๆจึงมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป รวมทั้งพ่อแม่ที่เป็นพ่อแม่วัยรุ่นเยอะ วุฒิภาวะยังไม่ค่อยมี มาเจอความเจริญทางเทคโนโลยี สุดท้ายคือการมีลูกก่อนวัยอันควร แล้วที่ผมเห็นในปัจจุบันก็คือความเป็นปัจเจกบุคคลมีสูงมาก ทุกคนเรียกร้องสิทธิส่วนตัวกันมากขึ้น โดยที่เราลืมถึงสิทธิส่วนรวม บรรทัดฐานบางอย่างที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมได้ถูกความเป็นปัจเจกบุคคลเข้าทำลายอย่างรวดเร็ว ทำให้คนเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น เห็นสิ่งที่ผิดปกติกลายเป็นสิ่งที่ไม่ผิดปกติ
มันอาจจะโอเคในระดับปัจเจกบุคคล แต่ว่ามันอาจจะไม่โอเคสำหรับสังคม เหมือนกับเศรษฐศาสตร์ มันอาจจะให้ผลดีในระดับจุลภาค แต่ระดับมหภาคมันอาจจะไม่ดีก็ได้ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะเตรียมตัวรับมือยังไงกับเจเนอเรชั่นที่เปลี่ยนแปลงไปแบบก้าวกระโดด เพราะลูกผมกับผมมันเป็นคนละเจเนอเรชั่นกัน คงเลี้ยงให้ได้ตามความสามารถและคงต้องปรับตัวอีกเยอะ เพราะทัศนคติและมุมมองของสังคมในเจเนอเรชั่นล่าสุดมันเริ่มเบี่ยงเบนไปจากเดิม ดีไม่ดีคือเห็นตรงกันข้ามกับสิ่งที่รุ่น ๓๐ อัพเขาเห็นหรือเขามีความคิดอย่างไร
ก่อนจะมีลูกผมก็คิดนะครับว่า ถ้าผมมีลูกแล้วผมจะรับมือกับเขายังไง ผมจะเลี้ยงเขายังไงในท่ามกลางกระแสสังคมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พอมีมาแบบกะทันหันพลันด่วนแบบนี้ ก็เล่นเอาเป๋ไปช่วงหนึ่งเหมือนกัน ตอนนี้ก็คงได้แต่คิดเผื่อไปต่างๆนานา เลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่เรื่องยากอีกเช่นกัน ผมเห็นความลำบากของแม่ที่เลี้ยงเจ้าแสบเจ้าซ่าแล้ว ทำให้ย้อยถึงตอนที่แม่เลี้ยงผมมา คงลำบากน่าดู เฮ้อ แต่นั่นมันก็คงเป็นเรื่องของอนาคตล่ะครับ ทุกอย่างมันมีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรคงที่ถาวร เหมือนคำพระท่านสอนแหละครับ อดีตล่วงมาแล้ว อนาคตยังมาไม่ถึง อย่าไปรำพึงรำพันกับมัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
๑ ทุ่มตรง ผมมานั่งฟังสิบเวรอบรม ส่วนหมวดบูมกับหมวดเต้ยออกไปกินข้าว คืนนี้พี่แกคงจะนอนที่กองร้อยทั้ง ๒ คน สิบเวรใจดีเล่าเรื่องตลกโปกฮาให้ฟังครับ เป็นประสบการณ์ที่เคยไปฝึกที่ป่าของรุ่นพี่เก่าๆ ใครไปเจออะไรมาบ้างก็เล่าให้ฟังนั่งขำกันที่หน้ามุขกลางน้ำตาเล็ดน้ำตาซึม
“เออ แล้วมีรุ่นพี่ของพวกเอ็ง ตอนนั้นหมู่เป็นหัวหน้าชุดยิง ข. วันหนึ่งช่วงกลางคืน ต่างคนต่างผูกเปลนอนเรียบร้อยแล้ว รุ่นพี่ของพวกเอ็ง ชื่ออะไรวะ เออ ชื่อโก้ จำได้ละ ไอ้โก้มาสะกิดหมู่ หมู่ๆ ผมปวดขี้ หมู่เพิ่งจะหลับ มันก็เซ้าซี้นั่นแหละ เลยไปยืนเป็นเพื่อนมันหน่อย ไอ้สัส หมู่ยืนใต้ต้นไม้ มันก็เอาพลั่วเอาไฟฉายเดินไปหลายก้าว แล้วดับไฟ มันคงจะขี้อยู่มั้ง พอสักแปบเท่านั้นแหละ ไอ้ห่าเอ๊ย รถถังวิ่งมาจากทางไหนก็ไม่รู้ ตุบๆตับๆ ไอ้โก้ร้องจ้ากถือพลั่วข้าง มืออีกข้างมันดึงกางเกงวิ่งมาหาหมู่ ตูดเติดไม่ได้เช็ด มันร้อง หมู่ๆ ช่วยผมด้วยยยยยยยยยย หมู่ก็ตกใจ ทำอะไรแทบไม่ถูก จนรถถังมันวิ่งผ่านไป เอาไฟฉายมาส่องดูมัน แล้วก็ขำก้ากออกมา ไอ้สัส ใบไม้ยังคาตูดอยู่เลย”ฮ่าๆๆ พวกผมนั่งขำกันทั้งกองร้อย ไอ้สัส ขี้อยู่ดีๆเกือบตายเพราะรถถัง
“แล้วทำไงต่อครับหมู่”รุ่นพี่ถามแทรก
“ก็ให้มันเช็ดตูดแล้วกลับไปนอนดิ ไอ้สัส ตอนเช้าหมู่มาเล่าให้คนอื่นฟัง แม่งขำกันน้ำตาเล็ด เออ แล้วมีรุ่นไหนวะที่หนีวัวน่ะ”
“หมู่ตอนหมวด ปีที่แล้วครับหมู่”ไอ้เฉินพูดแทรกขึ้นมา
“เออ ไอ้ห่า กลัวอะไรไม่กลัว กลัววัว แล้วมึงไอ้พัน ไอ้สัส พวกมึงคิดดู ต้นมะขามทั้งต้น ไหนจะเป้สนาม ไหนจะปืนเนเกฟ มันแบกขึ้นไปจนถึงยอดมะขาม พอตอนลงกลับลงไม่ได้”ฮ่าๆๆๆ คิดแล้วก็ขำครับ ทหารเกือบ ๖๐ คน วิ่งหนีวัวทั้งฝูง ผมเองก็ไม่ต่างจากคนอื่น กลัวมันจะเอาเอาเหมือนกัน ไหนจะปืนกล ไหนจะเป้สนาม ดีนะที่ไม่ทะลึ่งปีนไปบนยอดไม้ หาต้นไม้ใหญ่ๆหลบเอา นั่งเล่าเรื่องตลกที่ไปเจอกันอยู่ครู่ใหญ่จากนั้นก็ไปหาอะไรกินที่ตลาด
“ฟาง กลัวไอ้ซันหายเหรอ ถึงได้โทรหาทุกวัน”ผมพูดแทรกระหว่างที่ไอ้ซันคุยโทรศัพท์กับฟาง สิ้นคำไอ้ซันก็ยื่นโทรศัพท์ให้ผม
“อะไรอ่ะพี่บอมบ์ ชอบแซว”ฟางพูดเสียงใส
“แซวนิดแซวหน่อยไม่ได้เลยนะ กลัวไอ้ซันหายรึไง”
“ไม่ได้กลัวหายหรอก แต่กลัวคนอื่นจะลากไป ทหารชอบเจ้าชู้”เข้าใจผิดกันเยอะจริง ทหารที่รักเดียวใจเดียวก็มีเยอะนะครับ
“หึหึ หาเมียใหม่อีกสักคนสองคนให้ไอ้ซันดีกว่ามั้ง”ผมพูดขำๆ
“เอ๊ย อาบอมบ์ อย่าพูดงี้ดิ”ไอ้ซันร้องออกมาทันที
“พี่บอมบ์ วุ้ย อย่าทำให้คนอื่นเขาแตกแยกกันดิ คอยดูนะ ถ้าได้ลาเมื่อไหร่นะ ฟางจะแกล้งพี่บอมบ์คืน”ฟางขู่
“ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นๆ อ่ะๆ สวีทกันต่อเหอะ พี่ไม่กวนแล้ว”ผมยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้ซัน จากนั้นมันก็คุยจ๊ะจ๋ากันต่อ เล่าเรื่องที่มันฝึกทั้งวันให้แฟนมันฟัง ผมเองไปหานมกินแล้วกลับมาขัดรองเท้า ดูเสื้อผ้าอาภรณ์ที่จะต้องใส่ในวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้วันหยุดครับไม่ต้องฝึก
“เป็นไรมึง ทำหน้าเหมือนกินนมบูด”ผมสะกิดถามไอ้ศักดิ์ที่นั่งกอดเข่าทำหน้าเหม่อลอยอยู่บนเตียง
“เปล่า แค่คิดอะไรเพลินๆ เฮ้อ ไอ้มหาไปไหนวะ”
“เข้าห้องน้ำมั้ง มีเรื่องเครียดเหรอมึง”
“เออ นิดหน่อยว่ะ กูเบื่อพี่กูว่ะ เมื่อไหร่มันจะตายๆไปซักทีก็ไม่รู้ หาแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้”ไอ้ศักดิ์นอนหงายเอาขาห้อยลงพื้นทั้ง ๒ ข้าง อีหนูหิ้วรองเท้าที่ขัดเสร็จแล้วมาวางใต้เตียงแล้วมานั่งตักผมแบบวิสาสะ
“อะไรครับที่รัก ยั่วพี่เหรอ”ผมโอบเอวอีหนู หยอกเล่นขำๆ
“คนบ้า เขินเลยกู กะว่าจะแกล้งสักหน่อย พี่บอมบ์บ้า”มันทุบอกผมทีหนึ่ง เจ็บตัวตลอดอ่ะ
“มึงก็สะดีดสะดิ้งไปได้”
“แหม ก็มันปลื้มนี่นา ไอ้ศักดิ์เป็นไรอ่ะ อีนังเผือกทิ้งมึงรึไง”อีหนูลงไปนั่งบนเตียง
“กูจะตายเพราะเห็นหน้ามึงนี่แหละหนู”
“ไอ้เหี้ย”
เช้าวันจันทร์เรามาเริ่มฝึกกันต่อครับ คราวนี้เป็นการฝึกรูปขบวนทางยุทธวิธีฝึกครึ่งเช้าเอาพอรู้ตำแหน่งว่าใครต้องอยู่ตรงไหนอะไรยังไง เวลาเข้าตีกลางวันต้องเดินขบวนรูปแบบไหน เข้าตีกลางคืนต้องทำอย่างไร การหมอบ การคลาน การโผ อะไรต่างๆ ช่วงบ่ายก็จะเป็นการฝึกการตรวจสภาพความพร้อมรบ ฝึกพร้อมกันทั้ง ๒ กองร้อย คือกองร้อยของผมกับกองร้อยของหมวดเต้ย การฝึกครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าครั้งที่แล้วครับ เพราะเป็นการฝึกที่ใหญ่ขึ้นกว่าครั้งที่แล้ว ทหารเยอะมาก
และแล้วสัปดาห์การตรวจสอบการฝึกก่อนไปฝึกที่สนามจริงก็มาถึง ทุกคนทำเต็มที่เลยครับเพราะตรวจสอบเสร็จแล้ว อีก ๓ วันเราจะต้องเดินทางไปฝึกที่ป่าเมองกาญจน์กันแล้ว ไม่มีอะไรมากมายครับ ทำตามคำสั่งอย่างเดียว ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย ครั้งหน้าก็คงจะเป็นการผจญป่า จะโหด มัน ฮา ยังไงก็ต้องคอยลุ้นกันต่อไปครับ