► เพลงปีกผีเสื้อ ◄ - ตอนที่ ๑๔ ♫ ♬ ♪ (๒๕ พฤศจิกายน)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ► เพลงปีกผีเสื้อ ◄ - ตอนที่ ๑๔ ♫ ♬ ♪ (๒๕ พฤศจิกายน)  (อ่าน 51285 ครั้ง)

ออฟไลน์ mutoo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-37
มาตอบยาวแบบนี้ คนอ่านชอบใจค่ะ เข้าใจขึ้นอีกเป็นกระบุงโกย
กดไลค์ๆๆๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter

อ่านแล้วอยากบอกคุณชายเริญเหลือเกินว่า..

อ้างถึง
"เขาเชื่อว่าทำบุญร่วมกันก็จะได้เกิดมาร่วมกุศลกันทุกชาติไป"

คุณชายขวัญก็เป็นคนแบบนี้ล่ะค่ะ แหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม  :-[
เผลอแป๊บเดียวนี่หยอดกันแล้วหรอคะะะะะะะะะ แอร๊ยยยยย แต่เราชอบนะ
อ่านตอนนี้แล้วเขินค่ะ 555555555555

ชอบที่เรียกกันว่าพี่ขวัญกับน้องเรียมมากเลย
รู้สึกมันกิ๊บก๊าวในหัวใจ รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความหวาน
น้องเรียมน่ารักมาก ตอนแรกนึกว่าอธิปจะดูร้ายๆ ซะอีก (นี่ก็คิดไปเอง กร้ากก)
แต่พออ่านตอนนี้แล้วแบบ..อื้มมม อธิปก็น่ารักดีนะคะ >,<

นั่งจดจ่อรอตอนหน้าเลยล่ะค่ะ ฮริ้งงงง

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
อ่านแล้วปลื้มมมมมมม ทั้งเรียมและขวัญเลยอ่ะ :o8:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญของเรียมมมมม
เขินแทน พี่ขวัญแกหยอดซะ

ออฟไลน์ Lactobacillus_casei

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่ขวัญ แกมาเนียนๆ แต่ได้กำไรไปเยอะนะ ตอนนี้โอบประคองบ้างละ จับมือบ้างละ เฮียเนียนมากกกกกกกกกก

น้องเรียม เห้ย ไม่ใช่ พระองค์เจ้า เรียมลลิตร ภัทรกุล ช่างงดงามยิ่งนัก ต่อไปนี้จะพูดจาอะไรเกี่ยวกับพระองก็ต้องระวังก็เกรงจะถูกบั่นหัว 555

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
อุปสรรคชิ้นใหญ่เลยนะคะยศทั้งคู่เนี่ย..

ออฟไลน์ Apitchaya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น้องเรียมขี้อายนี่เอง
น่ารักมากเลยค่ะ  พี่ขวัญช่วยน้องเรียมเรื่องที่หน่อยสิคะ
จะได้ย้าวมทอยู่ใกล้กันไวๆ

ฟินน้องเรียมมาก ดอกไหนๆก็ไม่เท่าดอกที่ทำกับพี่ขวัญใช่ไหมลูกกกกก

ออฟไลน์ hongzaa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
ชอบที่คนเขียนใส่ใจในนิยายและรายละเอียด+อธิบายให้คนอ่านเข้าใจง่ายๆ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
*******************************************
ก็ให้น้องเรียมไปอยู่กับพี่ขวัญเลย ง่ายดี #ผิดดดดด 55555555

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
รอนานแล้วน้า.....มาต่อไวๆและต่อให้จบน้าเรื่องนี้ ชอบค่ะ >_<

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
ปูเสื่อรอเจ้าค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ twenty8

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เซอร์ไพรส์มากที่น้องเรียมมีศักดิ์สูงกว่าพี่ขวัญอีก
รออ่านต่อค่ะ น่ารักมาก เขินมากๆๆ กรี๊ดอะ >_<)

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
ตอนที่ ๓




คนที่เริญดนุภพนึกครุ่นสงสัยกำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในคลองราวกับเป็นชาวบ้านที่เติบโตมากับท้องนาเสียเพลินใจ

แต่เล็ก ขวัญสรวงไม่เคยนึกรังเกียจกรวดหินกลิ่นดินโคลน ความสนุกของเด็กน้อยไม่ใช่การได้จับของเล่นฝรั่งอย่างลูกผู้ดีทั่วไป ต่อให้เป็นโมเดลหุ่นยนต์ใหม่เอี่ยม ไม่เกินสัปดาห์ของเล่นสีสวยราคาแพงก็ตกทอดไปสู่เยื้อน สมุนตัวจ้อยวัยไล่เลี่ยกันเสียทุกครั้ง

กลับกลายเป็นการได้ส่องนก หยิบสวิงไล่ช้อนปลา ปีนป่ายเก็บลูกไม้แบบชาวบ้านต่างหากที่เรียกรอยยิ้มให้ผุดพรายขึ้นบนใบหน้ามอมแมมของคุณชายตัวน้อย ครั้นถึงเวลาที่ต้องตามผู้เป็นบิดาไปวังอื่น ๆ หม่อมแม้นพิศก็ได้แต่แอบเปิดกระเป๋า หยิบยาดมก็ขึ้นมาสูดฟืดใหญ่ด้วยอับอายขายหน้า แผลที่ตกสะเก็ด รอยเขียวเป็นจ้ำ กระทั่งผิวซึ่งคล้ำแดดกว่าลูกผู้ดีคนอื่นล้วนทำให้ขวัญสรวงกลืนไปกับบ่าวไพร่ในวังต่าง ๆ เสียถนัดตา ถ้าไม่ติดว่าเป็นหัวโจกพาคุณชายอื่นทะโมนตามก็คงแยกไม่ออกว่าเด็กที่ยิ้มแฉ่งชนิดไม่กลัวใครผู้นี้นั่นแหละคือคุณชายแห่งราชสกุลขัตติยพงศ์

เติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัวนิสัยเหล่านี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปนัก กาลเวลาทำได้เพียงสลักความนิ่งสุขุมไว้ในดวงตาคมคู่นั้น ขวัญสรวงก็ยังคงเป็นขวัญสรวงที่ไม่ว่าใครเห็นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อนึกถึงวีรกรรมครั้งเยาว์ จะมีก็แต่ผู้เป็นแม่ที่เอาแต่ถอนใจใส่ด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งชัง

"อีกแล้วหรือลูกคนนี้ ชายขวัญจะให้แม่เป็นลมให้ได้ใช่ไหม"

เสียงเหนื่อยของหม่อมแม้นพิศดังขึ้นที่ศาลาริมน้ำ มีสายบัวกับเจ้าเยื้อนลอบยิ้มเล็กยิ้มน้อยอยู่ด้านหลัง

"สาวสวยที่ไหนมายืนอยู่ตรงนี้นะเยื้อน"

คนในคลองส่งยิ้มชวนมอง รอยยิ้มที่เจือไปด้วยความซนไม่ต่างจากขวัญสรวงตัวน้อยสักนิด

"ยังจะมาทะเล้นอีก ขึ้นมาเลย แดดร้อน ๆ เดี๋ยวก็ได้เป็นไข้เอา คืนนี้ชายต้องไปงานกับแม่นะ"

นอกจากจะไม่สลดให้กับผู้เป็นมารดาที่ทำท่าปั้นปั่งแล้ว เจ้าของรอยยิ้มแฉล้มยังมุดหัวดำลงไปในน้ำอีกรอบ

"ดูทำเข้าซิ"

มืออวบอูมวาดพัดในมืออย่างอ่อนใจ เวลาอารมณ์ดี บุตรชายเธอจะสลัดมาดขรึมนิ่งเป็นชายหนุ่มอารมณ์แจ่มใส ช่างประจบ ขี้เล่น ต่อให้ดุเท่าไรก็ดื้อตาใสไม่รู้ไม่ชี้ พอหล่อนไปฟ้องสามี ท่านชายเขียนนิรมิตก็จะหัวเราะชอบใจแล้วพูดว่า

"แม่พิศจะเอาอะไรกับเด็กผู้ชาย"

เป็นเสียอย่างนี้ คำเทศน์ของหม่อมแม้นพิศจึงได้อวสานเพียงเสียงระบายลมหายใจยาวพรืดไปคนเดียวเสียทุกครั้ง

เพราะรู้นิสัยใจคอมาแต่ยังน้อย เอ็ดตะโรไม่เท่าไรคนที่เอาแต่นั่งค้อนก็ปรับสีหน้าเป็นปรกติ เดินไปนั่งรับลมบนตั่งไม้สักอันเป็นที่ประจำ

แสงแดดลอดเงาพะยอมลงแตะผิวกระเพื่อมน้ำเป็นประกายริ้วระยับ ไม่นานนักพลิ้วน้ำก็ไหวแรงขึ้นพร้อมด้วยเสียงเอะอะมะเทิ่งเป็นระยะ มองอยู่อึดใจหม่อมแม้นพิศก็เอ่ยถามบ่าวคนสนิทขณะเรือพายที่เพิ่งพ้นหัวมุมคลองแสนแสบค่อย ๆ จอดเทียบท่าน้ำฟากตรงข้ามพร้อมกับร่างอ้อนแอ้นคุ้นตา

"นั่นแม่ทิพย์นี่ มากับใคร"





น้ำทิพย์ยิ้มอึดอัดให้กับชายหนุ่มตรงหน้าแล้วหลุบตาลงมองผ้าซิ่นสองผืนที่เพิ่งไปซื้อมาจากตลาดตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ด้วยอาการประดักประเดิก ผ้าเหล่านี้ต้องสั่งให้พ่อค้าที่ตลาดนำมาจากร้านขายผ้าใหญ่ในพระนคร ตั้งใจสำหรับใส่ตอนงานบุญใหญ่ที่จะมาถึง ผืนสีส้มอิฐนี้เป็นของแม่ ส่วนสีฟ้าเข้มอีกผืนเป็นของเธอเอง

"พี่ว่าจะต้องสวยที่สุดแน่แท้ สีฟ้าเหมาะกับทิพย์กว่าใคร"

"ไม่หรอกจ้ะพี่จ้อย"

น้ำทิพย์ประหยัดถ้อยคำ

ความบังเอิญที่ไปพบกับคุณนายสะอิ้งในร้านขายผ้า เด็กสาวที่ได้รับการสอนสั่งมาเป็นอย่างดีก็ยกมือไหว้ ทักทายตามธรรมเนียมชั่วครู่แล้วตั้งใจจะขอตัว แต่คุณนายสะอิ้งกลับออกปากให้จ้อยนั่งเรือมาส่งที่บ้าน ครั้นจะขัดผู้ใหญ่ก็คงไม่เหมาะ น้ำทิพย์จึงได้แต่กล่าวขอบคุณในเมตตาน้ำใจ

"วันเข้าพรรษา ให้พี่มารับนะ"

จ้อยเอ่ยขึ้นขณะส่งน้ำทิพย์ขึ้นท่า เด็กสาวถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะตอบด้วยเสียงพึมพำ

"อย่าเลยจ้ะ ทิพย์ไปกับแม่ได้ รบกวนเปล่า ๆ"

"จะรบกวนอะไร ไอ้ศักดิ์มันก็พายให้ ใช่ไหมวะ"

พูดจบ จ้อยก็หันไปหัวเราะเบิกบานกับบ่าวที่แจวไม้พายอยู่ด้านหลัง ปล่อยให้เด็กสาวนั่งทำหน้าไม่ถูก

นารีนั้นมีรูปเป็นทรัพย์ ในบรรดาสาวบางกะปิที่ย่างเข้าสู่รุ่น น้ำทิพย์นั้นแม้จะไม่สวยเด่นสะดุดตาแบบสาวชาวกรุง ผัดหน้าด้วยเครื่องสำอาง ผมม้วนเป็นลอน สวมกระโปรงฟูฟ่อง หากแต่ใบหน้าผ่องใสนั้นก็ดูงามละออสมตัว ยิ่งพิศก็ยิ่งน่ามอง ความสวยแบบไม่ปรุงแต่งนี้ทำให้ชายหนุ่มหลายคนพยายามเข้ามาพูดคุย แต่เด็กสาวก็ไม่เคยนึกสนใจใคร วางตัวอย่างระมัดระวังมาโดยตลอด จะเว้นก็แต่ชายหนุ่มฟากตรงข้ามผู้นั้นที่ดวงตากลมใสมักอดไม่ได้ที่จะลอบมองด้วยความชื่นชมอยู่เป็นเนือง

น้ำทิพย์คิดว่าเขาพิเศษกว่าใคร

"พี่มารับ ทิพย์จะได้ปลอดภัย"

เด็กสาวได้แต่เงียบและก้มหน้านิ่ง กระทั่งจ้อยหน้าตึงขึ้นด้วยอาการขัดใจ
"หรือจะไม่รับน้ำใจพี่"

เอ่ยขึ้นมาแบบนี้ น้ำทิพย์ก็ได้แต่จำใจตอบรับด้วยความยำเกรง สำนึกที่คุณนายสะอิ้งให้การช่วยเหลือหยิบยืมเงินทองมาลงข้าวเมื่อปีกลายนั้นค้ำคอจนเด็กสาวปฏิเสธไม่ลง

ดวงตาอันเศร้าสร้อยจึงได้แต่ลอบมองไปที่คุณชายขวัญสรวงอยู่ห่าง ๆ อย่างทุกครั้งก่อนจะเดินขึ้นท่าไป





ข่าวเกี่ยวกับน้ำทิพย์เข้าถึงหูของหม่อมแม้นพิศในที่สุด เรื่องที่จ้อยคอยเทียวรับเทียวขื่ออย่างออกหน้าออกตานั้นไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ซักไซ้ได้เท่ากับข่าวลือแปลก ๆ ว่าบุตรชายของเธออาจจะมีใจให้เด็กสาวชาวบ้านหน้าตาสะสวยคนนั้น

ประหลาดใจจนต้องถามซ้ำ

"แน่ใจรึ?"

พอได้ยิน เจ้าเยื้อนก็ตบเข่าตัวเองดังฉาด

"แน่เสียยิ่งกว่าแน่อีกขอรับ พักหลังคุณชายชอบนั่งเหม่อเหมือนรอใคร คราวก่อนที่ไปวัดก็คอยชะโงกหา ถึงขนาดข้าวจากปิ่นโตบ้านนั้นก็ชมว่าอร่อยเหาะเชียวนะหม่อม"

หม่อมแม้นพิศไม่ได้ปักใจเชื่อคำพูดของจอมสอดรู้อย่างเจ้าเยื้อนด้วยรู้นิสัยว่าชอบเติมเรื่องเอาอรรถรสเสียมาก จากสายตาของผู้เป็นมารดาแล้ว ที่เห็นคราวก่อนเธอก็ไม่ใคร่นึกว่าบุตรชายตัวดีจะสนใจเด็กน้ำทิพย์เป็นพิเศษ แต่เมื่อยินคำยืนยันจากปากสายบุญแม่ครัวคนเก่าแก่อีกเสียง เรื่องไม่เป็นเรื่องก็ดูเป็นเรื่องน่าขบคิดขึ้นมาทันที

"แล้วแม่ทิพย์ล่ะ ดูเป็นยังไงบ้าง"

"สาวที่ไม่หลงใหลคุณชายขวัญคงไม่มีหรอกมังคะ"

คราวนี้เป็นน้ำเสียงที่เจือมาพร้อมกับท่าทางหัวเราะน้อย ๆ ของสายบัว

ถึงจะเป็นคนไม่คิดเล็กคิดน้อย แต่ชีวิตที่ผ่านมาเจียนห้าสิบปีก็สั่งสอนให้รู้จักรอบคอบ ข่าวลือแม้จะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ แต่เรื่องรักใคร่ของหนุ่มสาวก็เหมือนกับไฟไหม้ฟาง ประมาทก็ไม่แคล้วจะได้เสียหายก่อนทันดับ ไพล่คิดแล้วหม่อมแม้นพิศก็ได้แต่เก็บความเคลือบแคลงไว้ในใจ เอาเถอะ จวบเหมาะโอกาสเธอจะลอบถามบุตรชายระหว่างไปงานเลี้ยงของท่ายชายภูวดลคืนนี้ดู


กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ปลุกเรียมลลิตรให้ตื่นขึ้นในตอนเย็น แม้อาการงัวเงียจะสร่างไปบ้างแล้วหากแต่เจ้าของดวงหน้าพริ้มเพรานั้นยังคงนิ่งเฉย ไม่ขยับลุกไปไหนเหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง

เพียงครู่ เสียงเคาะประตูเบา ๆ ก็ดังขึ้นพร้อมกับอธิปที่เดินเข้ามา

"ตื่นแล้วหรือครับ"

ทั่วทั้งห้องสว่างไสวขึ้นช้า ๆ จนเห็นภาพทุกอย่างชัดเจน ม่านสีเขียวอ่อนถูกรวบเก็บไว้ตรงมุมวงกบ เผยให้เห็นแสงแดดอุ่นอ่อนที่เกลี่ยทั่วผืนฟ้า

"ไม่แสบตาจนเกินไปใช่ไหมครับ"

เจ้าของห้องส่ายหน้าเบา ๆ อธิปจึงละมือลงจากม่านแล้วเดินมาหยุดยืนที่ข้างเตียงพร้อมรอยยิ้มซึ่งคลี่แย้มดั่งคำทักทาย

หลายวันมานี้เขาเพียรพยายามติดต่อกับเจ้าของผืนที่ดินตรงอำเภอบางกะปิ จนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ไม่เจรจาพาทีด้วย เหมือนนกรู้ คล้ายกับว่ากำนันจงรักจงใจสร้างเงื่อนไขในการโก่งราคาโฉนดที่ดิน เคราะห์ดีที่ผู้เป็นนายของอธิปไม่ได้เร่งรัด เริญดนุภพเองก็เข้าใจในเรื่องราวและไม่คิดตำหนิอะไร กระนั้นชายหนุ่มก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

อธิปพับความกังวลไว้แล้วเอ่ยกับคนที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างยิ้มแย้ม "วันนี้มีงานเลี้ยงของหม่อมเจ้าภูวดล คุณเรียมจะไปตามที่ทางนั้นเชิญมาไหมครับ"

"พี่เริญไปไหม"

"คุณเริญติดรับรองลูกค้าที่เพิ่งบินมาถึงจากกัลกัตตาครับ เอ่ยว่าให้ลองถามคุณเรียมดู"

เรียมลลิตรนิ่งไปชั่วขณะ สักพักก็จะตอบรับคำเชิญด้วยใบหน้าเรียบเฉยเช่นทุกครั้ง

ไม่นานนักนมละเอียดก็เดินนำกลุ่มแม่บ้านเข้ามา ชุดสูทแบบสากลหลากสีนับสิบตัวถูกแขวนอยู่บนราวไม้ ไล่ตามโทนสีและรูปแบบการตัดเย็บที่ต่างกันตามลักษณะของสาบ กระดุม และชายเสื้อ มีตั้งแต่แบบพอดีสะโพกจนไปถึงแบบฟร็อคเทล ประมุขคนเล็กของตำหนักมองชุดต่าง ๆ ที่เรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย

หลายนาทีผ่านไปจนเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด เหล่าแม่บ้านทีี่ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดต่างอดทนรออย่างใจเย็นว่าผู้เป็นนายจะเลือกชุดใด โปรดชุดไหนเป็นพิเศษหรือไม่โปรดสักชุด แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม สงบนิ่งจนแต่ละคนอดไม่ได้ที่จะประหม่าตื่นเต้น

และในที่สุดเรียมลลิตรก็เอ่ยขึ้น

"พักเรื่องเสื้อผ้าเอาไว้เถอะ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรไม่ใช่หรือ"

ในน้ำเสียงที่เรียบเฉยและถ้อยคำธรรมดานั้นกลับเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นไว้วางใจในการคัดสรรของนมละเอียดจนรู้สึกได้ ริมฝีปากของหญิงชราแย้มขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้ม พิศใบหน้าที่กำลังเบือนไปทางบ่าวรับใช้ที่อยู่ไกลออกไปเล็กน้อยนั้นอย่างสำนึกในความกรุณา กระทั่งดวงตาสีน้ำตาลเข้มหันกลับมาจุดเดิม

"หิวแล้ว"

"คุณหนูอยากทานอะไรหรือเจ้าคะ"

นิ่งไปเล็กน้อยเหมือนใช้ความคิด สุดท้ายคนที่นั่งตรงหน้าก็เปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งแบบทุกครั้ง

"อะไรก็ได้ครับนม"





ไม่มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงานเลี้ยงคืนนี้ อันที่จริง แทบจะไม่มีการพูดคุยระหว่างมื้ออาหารด้วยซ้ำ กระทั่งถ้วยชาหอมกรุ่นถูกวางลงตรงหน้าหลังอาหารค่ำผ่านไป

"นี่เป็นชากุหลาบจากไร่ทางเหนือของเราครับ คุณเริญประสงค์ให้ลองทำขึ้น คิดว่าคุณเรียมคงชอบ"

เรียมลลิตรพยักหน้าเล็กน้อยหลังจากยกขึ้นจิบ เป็นการแสดงความรู้สึกพึงใจเท่าที่จะแสดงออกได้ผ่านท่วงทีไม่ยินดียินร้ายตามที่ได้การอบรมมา อธิปที่คุ้นเคยกับการแสดงออกของผู้เป็นนายอย่างดีเข้าใจได้ทันทีว่าดวงหน้าที่ดูจะนิ่งเฉยนั้นกำลังให้ความสนใจในชาที่ดืิ่มอยู่ไม่น้อย

"ตลาดชาที่ทำจากดอกไม้อาจจะยังใหม่ที่บ้านเราแต่กำลังโตมากที่ต่างประเทศ นอกจากชากุหลาบก็จะมีชามัลเบอร์รี่ อีกไม่นานตัวอื่น ๆ คงจะตามมาอีก"

"สดชื่นดี"

"คุณเริญคงดีใจ"

อธิปพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อมก่อนจะส่งสัญญาณให้กับนมละเอียดที่รออยู่หน้าห้อง

เหมือนรออยู่แล้ว แม่นมวัยค่อนหกสิบเดินเข้ามาพร้อมกับชุดสูทผ้าวูลสีน้ำตาลนวล ผ้าฝรั่งเหล่านี้หม่อมมาร์โจรี หรือหม่อมมาศจรวย ผู้เป็นพระมารดามักจะเลือกสรรและส่งมาให้บุตรชายทั้งสองจากยุโรปอยู่เสมอ นมละเอียดจะเป็นคนเรียกช่างเทเลอร์ฝีมือดีมาวัดตัวที่ตำหนักแล้วจัดการตัดเย็บเป็นชุดสูททรงต่าง ๆ ให้กับพระองค์ท่านทั้งสอง

"คุณหนูสวมสีอ่อนแล้วอย่างกับเทวดาตัวน้อย ๆ" หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงละมุนละม่อม

ละเอียดนั้นละเอียด เป็นระเบียบ และเรียบร้อยสมชื่อ แม่นมอาวุโสผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องรู้จักธรรมเนียมต่าง ๆ ทั้งไทยและฝรั่งเสียยิ่งกว่าใครจนหม่อมมาศจรวยเบาใจ ให้เป็นธุระจัดการทางนี้ระหว่างที่ตามราชการของพระองค์เจ้าเริงฤทธีภัทร พระบิดาของเริญดนุภพและเรียมลลิตรไปยุโรปหลายปี นานครั้งก็จะส่งจดหมายเป็นภาษาอังกฤษกลับมาพร้อมข้าวของเครื่องใช้จิปาถะ

"คุณหนูช่างประพิมพ์ประพายคล้ายหม่อมแม่เหลือเกิน ผิวขาวละออ ปากนิดจมูกหน่อย ดวงตาก็สวยนัก คุณหนูเริญยังสู้ไม่ได้"

เรียมลลิตรไหวหน้าเพียงเล็กน้อยเชิงไม่เห็นพ้องนัก ด้วยลึก ๆ แล้วชายหนุ่มนึกนิยมในรูปร่างหน้าตาที่ดูคมขำของพี่ชายเสียมากกว่า เริญดนุภพมีใบหน้าละม้ายกับท่านพ่ออยู่มาก ขณะที่ตนเองนั้นกลับติดไปทางหม่อมแม่ ผิวพรรณจึงนวลใสเป็นยองใยเหมือนไม่เคยต้องแดด

มือขาวเรียวจิบน้ำชาสีอ่อนก่อนจะเปรยถึงความพิถีพิถันของนมละเอียดด้วยเสียงช้าแผ่ว

"จริง ๆ ไม่เห็นต้องลำบาก ไปไม่นานก็คงกลับ"

อธิปยิ้มพลางส่ายหน้าขณะที่รับชุดสูทมาจากนมละเอียด เขานิ่งไปอึดใจก่อนจะให้เหตุผลที่น่าฟัง

"ถึงอย่างนั้นก็ต้องเผื่อได้พบกับเพื่อนของคุณเริญครับ คุณเรียมเองก็อาจจะพบมิตรสหายที่ในงานด้วย"

"ไม่ค่อยรู้จักใครหรอก"

"หม่อมเจ้าภูวดลเป็นคนใหญ่คนโต เป็นข้าราชการชั้นสูงที่ทำงานสนองคุณแผ่นดินมานาน งานวันนี้ถึงแม้จะเป็นงานเลี้ยงต้อนรับบุตรีที่เพิ่งกลับจากโรงเรียนการเรือนที่ปีนังแต่ก็มีคนมาร่วมยินดีมาก ไม่แน่ว่าคุณเรียมอาจจะได้พบกับคนที่รู้จักก็ได้ครับ"

พูดจบ ชายหนุ่มร่างสูงก็หันไปมองนมละเอียดแล้วยิ้มให้กันอย่างรู้นัย แม้เรียมลลิตรจะมองคนทั้่งสองเชิงตั้งคำถาม แต่ก็ไม่มีถ้อยคำใดเล็ดลอดออกมาอีก ชายหนุ่มจึงได้แต่คิดว่าคงเป็นคำพูดเผื่อเหลือเผื่อขาดตามประสาคนรอบคอบอย่างอธิป




(ยังมีต่อนะครับ)

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ต่อครับ)




ราชสกุลขัตติยพงศ์เป็นราชสกุลใหญ่ มีญาติกาตามสาแหรกกระจายอยู่ทั่วพระนคร หม่อมจ้าภูวดลก็นับเป็นพี่น้องห่าง ๆ กับหม่อมเจ้าเขียนนิรมิต เมื่อมีงานมงคล หม่อมแม้นพิศจึงไม่ลังเลที่จะก็ตอบรับด้วยความยินดี ครั้นผู้เป็นสามีติดงานราชการที่ต่างจังหวัดก็ออกโรงเคี่ยวเข็ญบุตรชายให้มาเป็นเพื่อน ถึงขั้นต้องไปรับที่บางกะปิด้วยตนเอง

อันนิสัยเรื่องไม่นิยมคบค้าสมาคมนั้นถ่ายทอดลงมาสู่ขวัญสรวงพอสมควร แม้เจ้าตัวจะไม่ใคร่ออกงานประเภทพบปะสังสรรค์เท่าไรนัก แต่เรื่องให้ไปช่วยงานกิจพิธีประเภทงานบุญ งานบวช กระทั่งงานอวมงคลอย่างสนิทสนมราวกับเป็นญาติพี่น้องตนชายหนุ่มกลับทำได้ไม่นึกคร้าน ไม่ถือยศฐา ยากดีมีจนก็ไม่เคยนึกรังเกียจรังงอน

เสียงชื่นชมสะท้อนกลับมาสู่ผู้เป็นบิดามารดาให้ได้ยินตลอด เรื่องนึกตำหนิบุตรชายที่ไม่ยอมมาทำงานเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่างเลยมีน้ำหนักเบาบางนัก พอขัดตาหม่อมแม้นพิศก็ค่อนบ้างเป็นครั้งคราว จบแล้วก็จบกัน ไม่ถือเป็นเรื่องจริงจังอย่างปากพูด

"ไม่ต้องคิดเข้าไปช่วยงานที่ด้านหลังอีกนะ คราวนี้ไม่ฟังกันจะหยิกให้เนื้อเขียวเทียว"

สิ้นคำ คนตัวสูงก็ยื่นแขนให้ผู้เป็นมารดาหยิกไว้เสียแต่เนิ่น ๆ

"เบา ๆ นะครับ"

ได้ยินแล้วหม่อมแม้นพิศถึงกลับบึ้งตึงใส่ แต่ขวัญสรวงกลับยิ้มสบายใจ

"ยังจะมีหน้ามายืนยิ้ม รู้จักสมาคมเอาไว้บ้าง ไม่ใช่มัวแต่หลงสาวบางกะปิจนลืมสังคมพระนคร"

"ใครครับ?" คิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยความสงสัย

ครั้นจะตะล่อมต่อ หม่อมแม้นพิศก็ถูกเจ้าภาพตรงเข้ามาเอ่ยทักเสียก่อน

"พี่พิศ มาถึงนานหรือยังคะ"

พอถูกหม่อมอำไพ ภริยาของหม่อมเจ้าภูวดลทักทายด้วยกิริยาอัชฌาสัย อารามตั้งใจที่จะซักไซ้ลูกชายตัวดีให้รู้ความจึงตกไป





งานเลี้ยงต้อนรับที่วังของหม่อมเจ้าภูวดลนั้นยิ่งใหญ่สมกับตำแหน่งข้าราชการระดับสูงในกระทรวงใหญ่ ไม่เพียงแต่ผู้เป็นบิดาที่เป็นที่นับถือในสังคม บุตรชายคนโตก็รับราชการเป็นนายทหารถึงยศพันตรี ส่วนบุตรีที่เพิ่งกลับจากศึกษาก็ลือว่างามหมดจดนัก

เรียมลลิตรมาถึงที่งานในเวลาเกือบสองทุ่ม แม้จะไม่รู้จักกับเจ้าภาพเป็นส่วนตัวมาก่อน แต่กระบวนธรรมเนียมปฏิบัติทางสังคมชายหนุ่มล้วนทำได้คล่องแคล่วงามสง่าตามที่ได้รับการบ่มเพาะจากเหล่าแม่นมมาแต่เยาว์ ไม่ว่าใครที่ได้เห็นล้วนแต่ประทับใจในความไม่ถือตน ทั้งยังดูภูมิฐาน และที่สะดุดตากว่าสิ่งใดคือรูปโฉมที่งามสมราวกับพรหมช่างปั้น

ตามประสาคนเก็บเนื้อเก็บตัว ดำรัสกับหม่อมเจ้าภูวดลพอประมาณแล้วร่างประเปรียวก็ปลีกตัวออกไปชมการแสดงวงดนตรีควอร์เต็ตอยู่ที่ลานเฉลียงหินอ่อนนอกตัวตึกอันโอ่อ่า ให้อธิปผู้คล่องแคล่วรับหน้ากับผู้หลักผู้ใหญ่ในโถงรับรองแทนเริญดนุภพอยู่ด้านในด้วยสันทัดกว่า

บริเวณด้านนอกนี้ค่อนข้างไม่วุ่นวายคับคั่ง ทั้งยังมีสายลมพละพลิ้วพอเย็นสบาย เรียมลลิตรหันหน้าออกจากแสงจากโคมระย้าสว่างไสว ยลเพียงแสงจากดวงดาวรายระยับบนผืนแพรสีดำที่กางออกเวลาพลบค่ำ

แสงสลัวของไฟดวงเล็ก ๆ ที่กระจายทั่วท้องฟ้าทำให้เจ้าของดวงตาหวานสวยไม่ทันได้สังเกตดีว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่เฉลียงมาแต่ก่อนหน้าแล้ว

"ชอบดาวหรือครับ"

ใบหน้าคมเข้มในแสงเงานั้นคลี่รอยยิ้มออก ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ในชุดเครื่องแบบทหารจะก้าวออกมายืนอยู่ข้างกัน

"ผมชื่อพิษณุครับ ยินดีที่ได้รู้จัก"
 




ชายหนุ่มที่เพิ่งเอ่ยแนะนำตัวเป็นบุตรคนโตของหม่อมเจ้าภูวดลและหม่อมอำไพ ใบหน้าคมขำเช่นผู้เป็นบิดา ทว่ารูปร่างผ่าเผยและมีผิวคล้ามแดดสมดั่งเป็นนายทหาร พิษณุสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร สันทัดกับปืนผาหน้าไม้และระเบียบวินัยมากกว่าคลุกคลีทักทายคนนั้นคนนี้แบบสังคมนักธุรกิจ ถ้าไม่ติดที่เป็นงานเลี้ยงต้อนรับพิรงรอง ผู้เป็นน้องสาวและไม่อยู่ในฐานะของเจ้าภาพก็คงจะไม่ยอมออกจากรมมาให้เห็นตัว

พิษณุปลีกตัวจากความวุ่นวายด้านในออกมายืนรับลมที่เฉลียงอยู่สักพัก ความที่เป็นคืนเดือนมืด ดวงดาวบนท้องฟ้าจึงงามระยับชวนมองกว่าปรกติ จนอดไม่ได้ที่จะมองประกายแสงวิบวับเหล่านั้นแล้วตั้งคำถามกับตนเองว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้แหงนหน้าขึ้นมองความสวยงามของราตรีเช่นนี้

กระทั่งมีใครคนหนึ่งเงยหน้ามองดาวดวงน้อย ๆ เหล่านั้นเช่นกัน

ในตอนแรกนายทหารหนุ่มได้แต่นึกขำที่นอกจากตนแล้วยังมีสหายร่วมอุดมการณ์ นึกพิศวาสความงามบนฟากฟ้ากว่าความหรูหราอู้ฟู่ของงานเลี้ยงในคืนนี้ แถมยังดูท่าจะเป็นหนุ่มสังคมที่ดูงามสง่าไม่น้อย แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่ยืนมองแสงวิบวับอยู่ก็ถึงกับทึ่งในดวงหน้าที่งามประหลาดตรงหน้า

ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่ดาราดารดาษดูจะด้อยค่าเมื่อเทียบกับความงามของดวงตาคู่นั้น พิษณุเผลอมองผู้ชายในชุดสูทสีน้ำตาลนวลอยู่เนิ่นนาน และพลันอึดใจที่ได้สติ เขาก็เอ่ยทัก

"ไม่คิดว่าจะมีคนชอบดาวกว่าแสงไฟในงานเลี้ยงแบบนี้" เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม "คุณชื่ออะไรหรือครับ"

เรียมลลิตรมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่ไม่ตระหนก ยินดียินร้าย มีแต่ความนิ่งเฉยเป็นปรกติเฉกเช่นทุกครั้งในขณะที่เอ่ยตอบ

"เรียมครับ"

ได้ยินเสียงเรียบแผ่วผนวกกับท่าทีไว้ตัวผิดกับลูกคหบดีทั่วไป พิษณุก็มองร่างประเปรียวตรงหน้าอย่างครุ่นคิด เขารู้จักสหายของบิดาก็มาก สังคมเพื่อนพ้องของตนเองก็ไม่น้อย กระทั่งต่อให้นับรวมกับราชสกุลอื่น ๆ ที่ได้พานพบแต่เยาว์วัย ทุกคนล้วนเติบโตอยู่ในสังคมชั้นสูง ทว่าไม่มีใครดูงามสง่าเทียบได้กับเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าเรียมคนนี้

ไม่มีจริง ๆ

"ท่าทางจะชอบดาวมากเลยนะ"

นิ่งไปสักพัก เจ้าของใบหน้าที่งดงามตอบอย่างเชื่องช้า

"แค่ไม่ได้ไม่ชอบอะไร"

นั่นเป็นคำตอบแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่พิษณุเคยได้ยินมา เช่นเดียวกับความภูมิฐานที่ดูเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและแววตาอ่อนโยนคู่นั้น แววตาแสนจะงดงามที่ให้ความรู้สึกสวยงามแบบดวงดาว

ความรู้สึกที่ทำให้หม่อมราชวงศ์จากราชสกุลที่มีชื่อเสียงเป็นที่เคารพยำเกรง ดำรงยศนายทหารยศใหญ่โตรู้สึกว่าตนเองนั้นสูงเพียงผืนแผ่นดิน
"ผมไม่เคยได้ยินใครให้คำตอบแบบนี้เลย"

พิษณุเปรยขึ้นขณะที่แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

เป็นครั้งแรกที่ร่างสูงผึ่งผายคิดว่านอกเหนือจากอาวุธยุทโธปกรณ์แล้ว โลกนี้ยังมีสิ่งที่สร้างความตื่นเต้นสนใจให้กับเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ





อธิปพยายามหาเส้นสายที่พอจะพูดคุยให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องผืนดินบางกะปิที่คาราคาซังอยู่ แต่ความตั้งใจนั้นค่อนข้างคว้าน้ำเหลว ชายหนุ่มพบว่าผู้หลักผู้ใหญ่ที่อยู่ในงานเลี้ยงของท่านชายภูวดลส่วนมากนั้นเป็นนักธุรกิจที่กว้างขวางในพระนคร ไม่ก็สายการทหารที่ไม่สันทัดเรื่องจำพวกนี้นัก ที่เหลือก็จะเป็นเหล่าผู้หญิงที่ดูจะเพลิดเพลินกับนาฎศิลป์ร่ายรำและดนตรีเอาเสียเป็นส่วนใหญ่

อันที่จริงแล้วอธิปมีคนที่อยากจะปรึกษาในใจแต่แรกแล้ว ทั้งยังมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบกันในงานคืนนี้ ติดที่ว่าใครคนนั้นดูจะมึนตึงไว้ตัวกับเขาเป็นพิเศษนับตั้งแต่การพบกันที่วัดคราวก่อน

และอธิปก็พอจะเดาเหตุผลได้เลา ๆ

"ไม่ได้พบกันเสียนานนะครับ หวังว่าคุณชายคงสบายดี"

อธิปเอ่ยทักชายหนุ่มในชุดสูทแบบฝรั่งดูโก้แปลกตากว่าที่เคยเห็น

ขวัญสรวงแค่ยิ้มน้อย ๆ ตอบตามมรรยาทก่อนจะกลับไปยืนนิ่ง มองการแสดงรำฉุยฉายบนเวทีซึ่งถูกยกขึ้นสูงราวสามคืบ

"คุณชายมาคนเดียวหรือครับ"

"ท่านพ่อติดราชการที่ต่างจังหวัด ผมมากับท่านแม่ครับ"

ชายหนุ่มตอบสั้นที่สุด ตัดช่องการสนทนาของอธิปจนเจ้าตัวได้แต่ยืนอึ้ง ชมการร่ายรำอันแสนอ่อนช้อยอยู่เงียบเชียบ

เรื่องการวางเฉยไม่ข้องเกี่ยวกับใครของคุณชายขวัญสรวงนั้นเข้าหูอธิปพอระแคะระคายอยู่บ้าง ยิ่งเป็นเรื่องปฏิเสธการตีสนิทใช้เส้นสายเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ด้วยแล้วยิ่งถือว่าอยู่ในสายขัตติยพงศ์อย่างเข้มข้น

ชายหนุ่มเห็นพ้องกับเริญดนุภพทุกประการ ไม่ว่าอย่างไร คนของขัตติยพงศ์ก็จะไม่เข้ามาก้าวก่ายจนเกินพอดี ทั้งอุปนิสัยโอบอ้อมอารีมีน้ำใจของเจ้าบ้านนั้นก็น่าคบหา หากผู้อยู่อาศัยติดกันเป็นคฤหาสน์ริมคลองบางกะปิหลังนั้นได้จริง งานของอธิปที่จะต้องคอยกันคนที่เข้าหาผู้เป็นนายให้ไม่สบายใจหม่อมมาร์โจรีและเริญดนุภพก็จะง่ายขึ้นอีกหลายเท่า แต่ความสะดวกนั้นก็นับเป็นเรื่องเล็กนักเมื่อเทียบกับความปลอดภัยที่ได้เป็นเพื่อนบ้านรั้วติดกัน

ขัตติยพงศ์เหมาะที่สุดแล้ว

อธิปเบนความสนใจกลับไปสู่ภาพตรงหน้าอีกครั้งเมื่อเสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับเสียงชื่นชมนางรำที่เพิ่งแสดงจบ ประจวบเหมาะที่จะทลายความมึนตึงเป็นพิเศษของคนที่ยืนขรึมเคร่งเหมือนรูปปั้น

แต่กลายเป็นว่าขวัญสรวงกลับเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาเองจนอธิปแปลกใจ

"คุณมาคนเดียวหรือ"

สิ่งที่ได้ยินเรียกว่าสร้างประหลาดใจให้กับอธิปอยู่ไม่น้อย ตลอดเวลาที่ได้ทำการสืบค้นมา ข่าวลือหนาหูเอ่ยว่าคุณชายขวัญสรวงไม่ใคร่สมาคมกับใคร นอกจากการดนตรีก็ไม่คิดก้าวก่ายสนใจเรื่องของคนอื่น ทั้งหวงแหนความเป็นส่วนตัวยิ่งนัก ใครจะไปใครจะมาไม่เคยนับเป็นเรื่องสลักสำคัญ

มิใช่หรือ?

"มิได้ครับ ผมมากับเรียม" อธิปตอบพลางสังเกตสังกาอีกฝ่าย

ทว่าขวัญสรวงยังคงสุขุมขรึมเป็นปรกติ สุ้มเสียงทุ้มยังเรียบเรื่อยขณะเอ่ยถามเหมือนว่ากำลังชวนคุยเรื่องธรรมดาทั่วไป ไม่มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ
"ไม่อยู่ดูการแสดงด้วยกันหรือ"

"เขาไม่ค่อยชอบความเอิกเกริกหรอกครับ"

เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งในตอนที่นักแสดงชุดใหม่เดินเรียงแถวเข้ามาแล้วย่อตัวลงนั่งกับพื้นรอจังหวะ ขณะที่เสียงดนตรีแว่วขึ้น ขวัญสรวงก็เปรยว่า
"ก็ไม่แปลกที่คุณมาจะสนุกตรงนี้ ผมเข้าใจ"

คำพูดและน้ำเสียงนั้นเรียบง่าย เป็นปรกติทุกอย่าง แต่อธิปกลับรู้สึกชาไปทั้งตัวด้วยความรู้สึกถูกตำหนิหยาม

ขวัญสรวงยังคงยืนนิ่งไม่รู้ร้อนหนาว ดูจะสนใจการแสดงการรำชุดต่อไปอย่างสนอกสนใจเป็นพิเศษด้วยซ้ำ

"ผมคงต้องขอตัวก่อนครับ"

อธิปรีบกวาดตามองหาคนที่อยู่ในบทสนทนาทันที เขาใช้เวลาอยู่ในโถงรับรองเพื่อเรื่องไม่เป็นเรื่องนานเกินไป เห็นควรแก่เวลาที่ไปดูแลเรียมลลิตรแล้วเสียที ร่างสูงมองไปที่เฉลียงหินอ่อนด้านนอกตามที่ผู้เป็นนายเคยเอ่ยปากแสดงว่าเป็นที่นัดหมาย

เรียมลลิตรยืนอยู่ที่ริมเสาที่ทำจากหิน แต่บัดนี้ข้างกายกลับมีชายหนุ่มในชุดทหารอยู่ สังเกตจากความสง่างาม อธิปก็พอจะนึกออกว่าเป็นใคร

หม่อมราชวงศ์พิษณุอย่างนั้นหรือ?





+++++++++++++++++++++++++




สวัสดีครับ คราวนี้ต้องขอโทษจริงๆ ที่มาค่อนข้างช้า เจองานแทรกเข้าไปแบบไม่สามารถมาต่อได้จริงๆ
แอบตกใจที่มีคนรออ่านอยู่ ต้องขอบคุณมากๆ นะครับ สัญญาว่าจะเขียนให้จบครับ
ตอนนี้มีตัวละครโผล่ออกมาอีกแล้ว เนื่องจากเรื่องนี้คงเป้นเรื่องยาว ตัวละครเลยมาเยอะหน่อย
อย่าเพิ่งโกรธที่ออกมาเบียดพื้นที่พี่ขวัญกับน้องเรียมเลยนะ
เดี๋ยวพอย้ายไปอยู่ข้างกันก็จะมีแต่สองตัวนี้ละ แต่คงอีกสักพักนะ อย่าเพิ่งรีบเบื่อกันเน้อ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์นะครับ เดี๋ยวจะรีบชดเชยกับที่หายไปให้
ขอบคุณที่ติดตามกันครับ บวกให้ทุกเมนต์แล้วกราบงามๆ อีกสามสิบที

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
จะรอวันที่ทั้งคู่อยู่ใกล้กันนะคะ รอน้ำหวานอย่างใจจดใจจ่ออิอิ อยากจิกหมอนสะบัดหน้ากรีดร้องเพราะความหวานของสองคนนี้ค่ะ555555

รอเรื่องนี้มาอัพตลอดเลย หลังรักความน่ารักของเรียม ถึงจะออกมาไม่กี่ตอนแต่ก็พอรู้ว่าเจ้าตัวต้องนิสัยมึนๆใสน่ารักแน่ๆ

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
ชายขวัญของน้องงงงงงงง  :hao5:

ชอบเวลาที่คนเขียนบรรยายถึงชายขวัญจังเลยค่ะ
อ่านไปยิ้มตามไป ชอบผู้ชายอบอุ่น ขี้เล่น ใจดี สุขุมนิดๆ แบบนี้
เป็นผู้ชายแบบที่อยากเจอในชีวิตจริง กร้ากกกกกกก (อ่านแล้วเพ้อมาก ฮือออ TvT) ชอบบบ

ตอนนี้ชายขวัญกับหนูเรียมยังไม่ได้เจอกันเลย
อดใจอยากให้เจอกันไม่ไหวแล้ว >_<
ดูเหมือนว่าคุณชายจะมีคู่แข่งโผล่มาแล้วรึเปล่าคะ?
เป็นนายทหารหนุ่มซะด้วย แอร๊ยยยย เราก็ชอบคนในเครื่องแบบเหมือนกันนะ
แต่ แต่.. เรื่องนี้ชายขวัญอีสเดอะเบสท์ค่ะ! *ชูป้ายไฟโบกไปมา*

นี่ตลกตอนชายขวัญแอบแซะอธิป ถถถถถถ เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย 5555555
ผูกมิตรกันไว้สิคะ อีกไม่นาน(?)จะได้เป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงกันแล้วนะ

รอตอนหน้า อยากให้เจอกันไวๆ แย้วว >_<

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ไม่ทันไร คู่แข่งพี่ขวัญก็โผล่มาซะแล้ว
แต่ชอบคนวางตัวแบบพี่ขวัญจังเลย
นิ่งๆ แต่จริงๆก็เป็นเด็กเวลาอยู่กับที่บ้าน พี่ขวัญน่ารัก
ส่วนน้องเรียม นิ่งเกิน นิ่งมากๆ แต่ตอนเจอพี่ขวัญที่วัดก็ดีนะ
มีพูดคุยกัน น่ารักอ่า
รอสองคนนี้เค้าจีบกันรักกันอยู่ค่ะ
นี่เราเข้ามาดูแทบทุกวันเลยว่ามาต่อรึยัง

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ชอบภาษา เนื้อเรื่อง อละการบรรยายค่ะ
ถ้ารวมเล่มไม่พลาดแน่นอน :)

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
ชอบบบบบบ เมื่อไหร่เค้าจะจีบกัน หวานกัน สวีทกัน หุหุหุ กัดผ้าเขินล่วงหน้า 55555

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
ตอนแรกก็นึกว่าใคร แหมมมคุณพิษณุ
แทบจะหงาย นึกว่าเรียมกะขวัญจะเจอกัน
ฮือออออออ รอวันนั้นอย่างใจจดใจจ่อค่า

ออฟไลน์ hongzaa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
เค้ารอเรื่องนี้~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ให้พี่ขวัญกะน้องเรียมเจอกันหน่อยยยยย
พลาดท่าโดนทำคะแนนนำไม่รู้ด้วยยยยยยยยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
ตอนที่ ๓.๒





ตลอดบทสนทนาทั่วไปตามมรรยาท ดวงตาของขวัญสรวงพะวักพะวนกวาดมองไปทั่ว กระทั่งสะดุดกับคนที่มองหาอยู่ที่เฉลียงด้านนอก หากแต่เคียงข้างกันนั้นกลายเป็นคนในเครื่องแบบสีเขียวเข้มคุ้นตา

พิษณุ

ชายหนุ่มตั้งข้อสังเกต มองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา ญาติกาห่าง ๆ คนนี้เป็นชายชาติทหาร หนักแน่น ไว้ใจได้ก็จริง แต่อาการแจ่มใสช่างคุยผิดไปจากปรกติในยามนี้ชวนให้รู้สึกนึกแคลงใจอย่างบอกไม่ถูก กระนั้นคุณชายขัตติยพงศ์ก็ไม่ละลาบละล้วง ถือเป็นธุระเกินจำเป็น

มูลเหตุแห่งความกังวลในใจนั้นคือเรื่องกระแสลมที่โยกแรง อากาศช่วงฤดูฝนเป็นสิ่งที่ไม่ควรวางใจ ขวัญสรวงอยู่กับธรรมชาติ ใช้ชีวิตกับฝนฟ้าจนพอรู้จักว่าช่วงเวลานี้ของทุกปี สายลมอันแช่มชื่นมักจะหอบอาการป่วยไข้มาพร้อมกับความเย็นเป็นร่ำไป

กับคนที่บอบบางดั่งกลีบพุดซ้อนยามต้องลมแล้ว จะทนไหวหรือ

อาการเดือดเนื้อร้อนใจที่อุบัติขึ้นอย่างประหลาดนั้นกลายเป็นความอยู่ไม่สุข จะไปยื่นมือเข้าไปติงก็ดูจะก้าวก่ายเกินสนิทสนม ครั้นจะเพิกเฉยไม่รับรู้เอาเสียเลยก็ผิดวิสัย ลงท้ายชายหนุ่มจึงตัดสินใจวางความว้าวุ่นทั้งหมดลงกับอธิปแทน

บอกแล้วก็บอกกัน ถือว่าได้สะกิดชี้แล้ว จะดูแลจัดการอย่างไรก็ไม่เซ้าซี้ให้มากความ

ภวังค์ความคิดกลับมาสู่เบื้องหน้า คืนนี้การแสดงบนเวทีในวังของหม่อมเจ้าภูวดลผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด จบการรำนาฏศิลป์แบบไทยชุดใหญ่ก็เป็นการแสดงบัลเล่ต์แบบฝรั่ง สร้างความประทับใจแก่แขกผู้มาร่วมงานไม่น้อย หากแต่ความประทับใจนั้นกลับไม่อาจเทียบได้กับความปิติปรีดาที่ได้เห็นตัวจริงของคุณชายขัตติยพงศ์ งามสง่าสมคำร่ำลือนัก

กว่าที่ชายหนุ่มจะปลีกตัวจากผู้คนที่ห้อมล้อมก็ใช้เวลาอีกพอประมาณ ขวัญสรวงเลือกที่จะเลี่ยงความวุ่นวายโดยลัดผ่านส่วนจัดวางอาหารที่บัดนี้ค่อนข้างบางตาผู้คน ไม่คิดว่าจะได้พบคนซึ่งสมควรจะอยู่กับพิษณุและอธิปที่เฉลียงด้านนอกนั้นโดยบังเอิญ

เรียมลลิตรกำลังมองจ้องขนมไทยนานาชนิดที่จัดวางพอดีคำอยู่ในกระทงเจียนใบตอง แต่ละอย่างดูประณีตบรรจง ชวนตื่นตาสำหรับคนที่คุ้นกับขนมเมืองฝรั่งมาแต่เยาว์เหลือล้น

ขวัญสรวงจ้องมองคิ้วงามที่เขม็งขมวดบนดวงหน้าเฉยเมยนั้นอย่างนึกเอ็นดู คราวก่อนก็ข้าวตอก คราวนี้จะอะไรอีก พิศอยู่พอสมควรก็เอ่ยขึ้น

"ชอบขนมไทยหรือ"

คนที่มองจ้องขนมชิ้นเล็กอยู่นานสองนานมีแววประหลาดใจที่ได้เห็นอีกฝ่ายยืนยิ้มอารมณ์ดีอยู่ตรงหน้า เพียงครู่เดียวอากัปอาการนั้นก็เหมือนจมสู่ห้วงมหาสมุทรกว้างใหญ่ เหลือไว้เพียงความเรียบเย็นดูสบายตาชื่นอารมณ์

"นั่นเรียกว่าขนมฝอยทอง"

"ฝอยทอง"

เรียมลลิตรทวนคำช้า ๆ เหมือนให้สลักจำไว้มั่น มืองามเรียวบรรจงหยิบกระทงกลัดทางมะพร้าวขึ้นพินิจแพสีเหลืองปลั่งดั่งสีทองสุกด้วยความสนใจ สักพักก็พึมพำออกมาด้วยอาการทึ่ง

"ค่อย ๆ จับเรียงทีละเส้นหรือ"

ดวงตาใสพิสุทธิ์ตรงหน้ายังคงมองมาเหมือนรอฟังคำตอบด้วยใจจดจ่อ ตรงกันข้ามกับขวัญสรวงที่นิ่งเพราะชะงักกับคำถามไปพักใหญ่ พอตั้งสติได้ ชายหนุ่มก็ถึงกับกลั้นรอยยิ้มอย่างอดไม่ไหว

เรียมลลิตรมิได้เห็นร่องรอยเอ็นดูนั้น เปรยขึ้นขณะคืนกระทงใบตองกลับที่เดิม นึกเสียดายเกินกว่าจะทานลง

"กว่าจะได้สักอัน คงหมดร่วมวัน"

ริมฝีปากของคนที่มองอยู่นานพรายด้วยรอยยิ้ม ขวัญสรวงหยิบส้อมสีเงินเล็ก ๆ จิ้มลงบนเส้นสายสีอร่ามที่ถูกพับจนเล็กกระจุ๋มกระจิิ๋ม ยกขึ้น แล้วส่งให้คนที่เอาแต่มองจ้อง

"ทานเถอะ คนทำคงปลื้มใจถ้าน้องทาน"

ลังเลชั่วครู่ เรียมลลิตรก็เอื้อมไปรับส้อมจากมือกว้างหนาตรงหน้า ลิ้มรสแล้วกลีบปากบางก็คลี่แย้มนิด ๆ ถูกอกถูกใจนักหนา ดวงตาซึ่งปรกติดูหวานฉ่ำอยู่เสมอ เพลานี้กลับวามวาวพราวพรั่งดั่งนิลน้ำงาม

เห็นแล้ว คนที่ส่งให้ก็ยิ้มดีใจ

"เข้ามาข้างในก็ดีแล้ว ไม่รู้หรือว่าละอองน้ำค้างในตอนดึกทำให้เป็นหวัดกันนักต่อนัก" เสียงทุ้มแจ่มใสดังขึ้นขณะที่ผู้พูดเจ้ากี้เจ้าการปัดป่ายหยดน้ำเล็ก ๆ ซึ่งเกาะพราวบนสูทสีน้ำตาลนวลจนชื้น เรียมลลิตรไม่ได้สบตาเจ้าของมือคู่นั้น ได้แต่ยินเสียงพูดทุ้มอุ่นของขวัญสรวง

"เปียกไปหมดแล้ว"

ซับอยู่อีกสักพักเรียมลลิตรก็เอ่ยขอบคุณ จากนั้นก็เอาแต่ก้มศีรษะน้อย ๆ ให้อีกฝ่ายจัดแจงด้วยความรู้สึกคร้ามอายจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไร คราวก่อนเขาก็เมตตาสอนให้ คราวนี้ก็ทำตัวให้เขาเป็นกังวลอีก

"อ้าว! เลยเอาแต่ก้มหน้า"

ขวัญสรวงเอ่ยด้วยเสียงเบิกบานราวกับผนึกรอยยิ้มไว้ในถ้อยประโยค

สายตาที่จับต่ำอยู่เพียงระดับอกหนากว้างตลอดเวลาจึงยกดวงหน้าขึ้น ในใจของเรียมลลิตรนั้นหลากไปด้วยถ้อยคำแห่งความซาบซึ้งน้ำใจ แต่ครั้นเมื่อประทับสายตาลงบนใบหน้าสุขุมที่เจือรอยยิ้มเล็ก ๆ เหนือมุมปากนั้น เสียงในใจก็สลายไปพร้อมกับสีชมพูอ่อนที่เรื่อขึ้นใต้ผิวบางด้วยความกระเดียดกระดาก

ขวัญสรวงเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเช่นกัน ชายหนุ่มเอาแต่ยืนมองใบหน้าที่เนียนดั่งแพรเนื้อนวลอย่างเงียบเชียบ นิ่ง และเนิ่นนานหลายนาที คราวก่อนที่สวมเสื้อผ้ากึ่งลำลองก็ว่างามสะดุดตานัก แต่พอแต่งเต็มชุดแบบฝรั่งยิ่งงามล้ำอย่างไม่น่าเชื่อ ชายหนุ่มได้แต่เผลอมองจนลืมเวลา จวบจนอีกฝ่ายอมยิ้มขึ้นบาง ๆ จึงรู้สึกตัวแล้วยิ้มตอบอย่างนึกเอ็นดู

"เรียม"

เสียงทุ้มอ่อนนั้นดั่งแสงนวลของจันทร์กระจ่าง เย็นแช่มชื่นไม่แพ้ลมในช่วงปลายฝนต้นหนาวขณะต้องผิว

"ไม่ได้พบกันนาน น้องสบายดีรึ ไม่ป่วยไม่ไข้"

เรียมลลิตรก้มหน้าลงคล้ายกับพยักหน้ารับ อีกครั้งที่ดวงตาคู่งามวางบนแผ่นอกหนากว้างเบื้องหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ กลัดเหนือกลีบปากเรื่อดั่งใครเอาชาดมาแต้ม





หนึ่งในงานของอธิปคือการเป็นหูเป็นตาให้กับเริญดนุภพ งานที่ว่านั้นรวมไปถึงการกันหนุ่มสาวหัวสมัยใหม่เกินจำเป็นให้ห่างจากเรียมลลิตร คนเหล่านี้ส่วนมากจะเป็นผู้ลากมากดีมีสกุล ร่ำเรียนเมืองนอกมานานจนลืมกิริยาอัชฌาสัยแบบเมืองเราไปเสียสิ้น สตรีก็หูตาแพรวพราว บุรุษก็ช่างเปิดกว้าง เหลือ ถูกใจแล้วก็ไม่เกี่ยงหญิงหรือชาย

แต่อธิปไม่คิดว่านายทหารผู้เคร่งขรึมอย่างพิษณุจะเอากับเขาด้วย

แม้หม่อมเจ้าภูวดลจะประสูติในหม่อมห้าม แต่ขัตติยพงศ์นั้นขึ้นชื่อเรื่องการวางตัวสมเกียรติจนร่ำลือไปทั้งพระนครมาแต่ไหน พิษณุก็เช่นกัน ลือว่าเขาเป็นคนเอาการเอางาน ไม่หลุกหลิกหรือใคร่สังสรรค์ในสโมสรนายทหารแบบคนอื่น นอกจากวังที่ราชปรารภก็มีแต่กรมที่สังกัด เรียบ และตรงไปตรงมาแบบนี้เช่นเดียวกับนิสัย

เมื่อได้สนทนาพาทีด้วยแล้ว พิษณุไม่ได้ให้ความรู้สึกต่างไปจากข่าวที่ได้ยินมาเลย ยังเป็นนายทหารหนุ่มที่มีความคิดความอ่าน นิ่งขรึม พูดน้อยแบบวิสัยทหาร เอ่ยแต่ละครั้งไตร่ตรองแล้วไตร่ตรองอีกจนอธิปคิดว่าบางทีตนเองอาจกังวลจนคิดเล็กคิดน้อยมากไป

กระนั้นเขาก็ไม่ประมาท ตามประสาคนเป็นทนายที่มีความรอบคอบเป็นที่ตั้ง ชายหนุ่มจึงทำทีเป็นออกปากว่ามีอาหารอร่อยอยากให้เรียมลลิตรลองไปชิมนัก

"อาหารด้านในอร่อยนัก นายน่าจะชอบ"

อธิปจงใจสร้างความสนิทสนมอันคลุมเครือเพื่อปกปิดฐานะที่แท้จริง แม้จะเป็นเจ้าภาพอย่างพิษณุ เขาก็ไม่เห็นความจำเป็นต้องแจกแจง ไม่ถามกันซึ่งหน้า อธิปก็ไม่คิดปริปาก

นี่ไม่ใช่ครั้งแรก และเรียมลลิตรผู้คุ้นแต่อาหารแบบฝรั่งก็ตื่นเต้นอยู่กับความงามแปลกตาของอาหารไทย หลงอยู่ในนั้นเสียเป็นเวลานานเสียทุกครั้ง

"น่่าจะอิ่มจนพุงกาง ป่านนี้ถึงไม่ยอมออกมา"

อธิปเปรยขึ้นมาลอย ๆ ระหว่างห้วข้อพูดคุย ฐานะที่เป็นเจ้าบ้าน พิษณุยิ้มน้อย ๆ ด้วยความยินดี

"ว่าแต่เจ้าของงานคืนนี้ล่ะครับ ผมยังไม่ทันได้แสดงความยินดี"

เจ้าของงานที่อธิปเอ่ยขึ้นนั้นหมายถึงหม่อมราชวงศ์พิรงรอง น้องสาวของพิษณุที่เพิ่งสำเร็จการศึกษามาจากปีนัง

เอ่ยถึงผู้เป็นน้อง แววตาอันเคร่งขรึมของนายทหารหนุ่มก็แสดงความอ่อนโยนออกมาให้เห็น

"ขานั้นเขาอยู่ไม่นิ่งหรอกครับ ร่ำเรียนการเรือนมาแต่กลับว่องไวปรู๊ดปร๊าดจนทุกคนส่ายหัว"

ชายหนุ่มแค่พยักหน้ารับ ตลอดการพูดคุยที่ออกรส ความสนใจของอธิปติดอยู่กับผู้เป็นนายซึ่งกำลังสนทนาอยู่กับขัตติยพงศ์อีกคนที่ด้านในตึก

ขวัญสรวงนั้นถือเป็นข้อยกเว้น อธิปเห็นแล้วว่าชายหนุ่มเป็นคนลึกซึ้ง หลักแหลมแยบคายไม่ใช่น้อย เหนืออื่นใดคือผู้เป็นนายของอธิปเองก็ดูจะกระตือรือร้นสนใจกว่าทุกครั้ง ตื่นเต้นและมีความสุขจนสังเกตได้

แค่ประการหลังก็เป็นเหตุผลอันเพียงพอสำหรับทุกอย่างแล้ว

สิ่งเดียวที่ยังคงเป็นหนามคอยทิ่มแทงให้แปลบใจก็คือการเจรจาที่ดินอันยืดเยื้อไม่จบสิ้นของผู้เป็นเจ้าของเดิม ได้คืบจะเอาศอกอยู่ร่ำไป แม้นึกอยากจะตอกกลับด้วยกฏหมายที่ร่ำเรียนมาให้เป็นบทเรียนล้ำค่าแค่ไหน แต่ความสุขของผู้เป็นนายนั้นสำคัญกว่าสิ่งใดสำหรับอธิป

ยิ่งคุณชายขวัญสรวงดูจะเข้ากับเรียมลลิตรได้ดีแค่ไหน ความสำคัญที่ต้องยิ่งต้องเจรจาซื้อขายที่ดินให้แล้วเสร็จก็มีมากขึ้นตามลำดับ





หลายนาทีผ่านไป ชายหนุ่มสองคนยืนอยู่เงียบ ๆ ในจุดซึ่งไม่เป็นที่สังเกต ขวัญสรวงอธิบายขนมไทยนานาชนิดตรงหน้าไล่ไปทีละอย่าง ตั้งแต่ขนมประเภทที่ทำยากอย่างจ่ามงกุฏ ไปจนถึงขนมทั่วไปอย่างทองหยิบ ขนมบ้าบิ่น ตะโก้แก้ว บัวลอยถั่วเขียว ขนมอินทนิล หรือประเภทที่ไม่ต้องพิธีรีตรองมากนักอย่างมะกรูดลอยแก้ว แม้เรียมลลิตรจะไม่ได้ซักถามให้วุ่นวายแต่แววตาที่จับจ้องตลอดเวลานั้นบ่งความสนใจของผู้ฟังอยู่ไม่น้อย

"ขนมไทยมีหลายอย่าง เอาไว้แวะมาที่บ้านพี่ สายบุญ แม่ครัวที่บ้านรู้เรื่องพวกนี้กว่าพี่มาก คุณแม่ยิ่งเก่ง"

"ไปได้หรือ"

น้ำเสียงที่เรียบเฉยนั้นแฝงไปด้วยความตื่นเต้น ขวัญสรวงมองภาพนั้นด้วยอารมณ์ผ่องใสเป็นพิเศษ

"ทำไมถึงไม่ได้ เรื่องแค่นี้ไม่ได้เดือดร้อนอะไร"

ยืนนิ่งอยู่สักพัก อธิปก็เดินกลับมาจากเฉลียงหินอ่อนด้านนอก สง่าผ่าเผยไม่แพ้กับหน่อเนื้อที่สืบเชื้อสายมาจากราชสกุล

"คุยเรื่องอะไรกันอยู่หรือครับ น่าสนุก"

เรียมลลิตรเปรยขึ้น แม้จะเป็นเสียงที่เรียบแผ่วทว่าจังหวะการพูดนั้นเร็วขึ้นจนสังเกตได้

"อธิป ไว้เราไปบ้านพี่ขวัญได้ไหม"

คำว่า "พี่ขวัญ" นั้นสะดุดหูของชายหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่นัก กระนั้นอธิปก็ซ่อนความประหลาดใจระคนความสงสัยนั้นไว้อย่างระมัดระวัง

"ได้น่ะได้ครับ ถ้าย้ายไปอยู่ที่บางกะปิ บ้านข้างกัน จะไปเมื่อไรก็ได้"

เสียงทุ้มนั้นเว้นห้วงเป็นจังหวะยาว

"หวังก็แต่ให้กำนันจงรักยอมพูดคุยดี ๆ"

ขวัญสรวงที่คิดว่าจะรับฟังเฉย ๆ ถามขึ้นด้วยความสงสัย

"มีอะไรหรือครับ"

"ผมพยายามติดต่อกับทางกำนัน แต่ทางนั้นกลับไม่สะดวกรับสายเสียครั้ง ฝากให้ติดต่อกลับก็เงียบ รุ่งขึ้นก็ให้เสมียนแจ้งว่าอยากจะขอราคาให้สมน้ำสมเนื้อ พอรับปากก็ขอเพิ่มอีกเรื่อย ๆ จนผมจนใจ"

อธิปพูดเท่าที่พูดได้ เห็นท่าทีอันเฉยเมยของอีกฝ่ายตั้งแต่สนทนาคราวก่อนก็ถอดใจเรื่องที่จะเอ่ยขอความช่วยเหลือ

"จริงสิ คงต้องกลับแล้ว ลาคุณชายละครับ"

เห็นอธิปขอตัว เรียมลลิตรก็กระพุ่มมือไหว้ตามแล้วปลีกกลับออกไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านนอก

ขวัญสรวงนิ่ง ไม่ได้เดินตามออกมาส่ง ร่างสูงกำยำยืนเอามือไพล่หลังมองตามอีกฝ่ายพากันเดินไปขึ้นรถ กระทั่งโอลด์สโมบิลสีฟ้าเริ่มเคลื่อนตัวในความมืด

หม่อมแม้นพิศที่เพิ่งเดินออกมากับหม่อมอำไพเห็นบุตรชายยืนมองไปด้านนอกแล้วนิ่งเหมือนรออะไรบางอย่างก็หยุด เขม้นมองสนใจ

รถยนต์ที่เรียมลลิตรกับอธิปนั่งออกไปพ้นหัวมุมแล้วขวัญสรวงจึงหันหลังเดินกลับไปเข้างาน ใบหน้าขรึมคมคายจึงดูจริงจังและมีแววครุ่นคิดบางอย่าง ริมฝีปากที่มักแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม เหยียดตรึงผิดปรกติวิสัย

นั่นเป็นครั้งแรกที่หม่อมแม้นพิศเห็นแววตาของเด็กที่มีต่อขนมหวานสีสวยจากตัวลูกชายของเธอ




(ยังมีต่อครับ)

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ต่อครับ)





งานเข้าพรรษาถูกจัดขึ้นพร้อมกับงานปิดทองฝังลูกนิมิตขึ้นอุโบสถหลังใหม่ที่สร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของชาวบ้านบางกะปิ

ใบหน้าของหม่อมแม้นพิศอิ่มเอิบผ่องใส คุณหญิงขัตติยพงศ์แต่งกายด้วยผ้าลูกไม้สีขาวสะอ้านกับซิ่นสีเขียวก้านมะลิ งามเรียบแต่อ่อนช้อยชวนมองด้วยความประณีตเรียบร้อยสมกับที่สืบสาแหรกมาจากนางสนองพระโอษฐ์องค์สมเด็จพระอัยกีแห่งพระพุทธเจ้าหลวงพระองค์ก่อน

ปิดทอง หย่อนสมุด ดินสอ และเข็มกับด้ายลงไปแล้ว หม่อมเธอก็ประนมมืออธิษฐานจิตแก่ศิลานิมิตให้พระบิดาแห่งผืนแผ่นดิน พุทธศาสนา ตลอดจนครอบครัวบริวารแข็งแรงสุขภาพ ปราศจากอุปัททวะโรคภัย ให้แดนสยามเป็นดั่งเขตแดนแห่งสีมา เป็นเขตสถิตย์แห่งมิ่งมงคล ตลอดจนดลบันดาลให้บุตรชายพบกับคนอันเป็นที่รัก อยู่กินใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในเร็ววัน

วัยที่ล่วงเลยสู่ความชราทีละน้อย หัวอกคนเป็นแม่ไม่ได้เป็นห่วงสิ่งใดนัก  ด้วยรู้นิสัยบุตรชายว่าเป็นคนรู้คิด ไม่ใช่คนสุรุยสุร่าย ทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่ก็มากพอจะใช้ชีวิตได้สุขสบาย ขวัญสรวงเป็นคนรับผิดชอบ ช้าหรือเร็วก็คงผลิใบเติบใหญ่เป็นไม้งามเจริญตามบิดา ยามนี้ในใจของคุณหญิงเธอกลัดหนองก็เพียงเรื่องคู่ครองของบุตรอันเป็นที่รัก หากได้คนดีสมเสมอกัน ครอบครัวก็ไม่รุ่มร้อน ร่มเย็นไปถึงบ่าวไพร่ทั้งขัตติยพงศ์

แววตาแห่งความปรานีทอดมองบุตรชายที่นั่งอมยิ้มอยู่เคียงข้าง ขวัญสรวงยื่นศอกออกมา เอ่ยเสียงแจ่มใส

"วันนี้ขออนุญาตควงผู้หญิงที่สวยที่สุดในพระนครจะได้ไหมครับ"

"ทะลึ่งทะเล้นนักเทียว ลูกคนนี้"

มืออวบอูมตีลงบนต้นแขนคนตัวโตเบา ๆ ก่อนจะทิ้งนำหนักกับวงแขนที่มั่นคงนั้น หม่อมแม้นพิศพยุงตัวลุกขึ้น เดินไปด้วยกันโดยมีบ่าวรับใช้คอยตามอยู่ห่าง ๆ อีกที





ขวัญสรวงส่งมารดาที่เฉลียงศาลาการเปรียญตามคำร้องขอ ตุณหญิงขัตติยพงศ์แทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอบางกะปิไปเสียแล้ว นานวันก็ยิ่งพึงใจกับความเป็นอยู่เรียบง่าย สนทนาปราศรัยกับชาวบ้านที่นี่เสียยิ่งกว่าคนในพระนครเสียอีก

"คุณพี่ ไม่ได้เจอเสียนาน สบายดีนะคะ" สตรีในชุดลูกไม้สีชมพูเข้มรุดขึ้นมาเอ่ยทัก

สะอิ้งเป็นสาวใหญ่วัยสี่สิบที่มักแต่งตัวด้วยสีสันฉูดฉาดแบบสาวรุ่น เหลืองก็ต้องเหลืองสด เขียวก็ต้องเขียวจัด ตำแหน่งเมียใหญ่ของกำนันจงรักซึ่งมีอิทธิพลในละแวกนี้อยู่ไม่น้อยทำให้หล่อนชูคอระหงไปทั่ว เจอใครก็วางตัวว่าอยู่อีกขั้น เป็นผู้ลากมากดีในแบบที่หล่อนจินตนาการเอาตามละครวิทยุ ทุกครั้งที่พบกับหม่อมแม้นพิศก็มักจะตีสนิทเสมอเทียม แต่ท่านแม่ก็สงบพอจะไม่ถือโทษโกรธความ

"ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว ยิ่งใหญ่โตเท่าไร ตัวเราก็ควรต้องยิ่งเล็กลงเท่านั้น ไม่ชอบที่เขาทำบาตรใหญ่ก็อย่าได้เป็นแบบเขา"

คำพูดที่ผู้เป็นมารดาพร่ำสอนอยู่เสมอนั้นพลอยทำให้ขวัญสรวงทุเลาจากอารมณ์กรุ่นเคืองเสียทุกครั้ง

"น้องคิดถึงคุณพี่อยู่ทุกวัน คุยกับใครก็ไม่ถูกคอเหมือนคุณพี่" สะอิ้งเอ่ยเสียงดังไปทั้งศาลา

ผู้เป็นมารดาคงรู้นิสัยของขวัญสรวงดีจึงหันมาส่งยิ้มให้ รอยยิ้มที่เปรียบดังสายน้ำเย็นนั้นชะโลมไฟในทรวงของชายหนุ่มจนดับสิ้น ไม่เหลือแม้แต่เชื้อ

"ชายขวัญออกไปเดินเล่นเถอะ กลับแล้วแม่จะให้คนไปตาม"

ใช่ว่าจะเดาใจผู้เป็นแม่ไม่ออก เมื่อออกปาก เขาก็พร้อมปฏิบัติตามอย่างไม่นึกคร้าน ชายหนุ่มจึ่งหันไปพยักหน้าน้อย ๆ กับบ่าวที่ยืนถือตะกร้าอยู่ด้านหลัง

"สายบัว เธออยู่ตรงนี้เถิด มีอะไรก็ให้ไปตาม"

ขวัญสรวงยืนมองหม่อมแม้นพิศอยู่อีกสักพัก เมื่อเห็นสายบัวเดินไปตามน้าบานชื่นและคนอื่น ๆ มาคั่นกลางระหว่างสะอิ้ง จนใบหน้าเขรอะเครื่องสำอางของเมียใหญ่กำนันจงรักค่อย ๆ มึนตึงด้วยความขัดเคืองจึงเบาใจ ยอมปลีกตัวออกไป





ขาทั้งสองข้างของขวัญสรวงมาหยุดยืนที่หน้าพุ่มข้าวตอกดอกไม้ บัดนี้รวงข้าวเล็ก ๆ ที่ใช้เวลาทำกว่าสัปดาห์ถูกมัดขึ้นเป็นช่อประดับบายศรีขนาดใหญ่อยู่ในอุโบสถ ขาวละม่อมดุจดอกไม้ที่ผลิดอกจากปุยเมฆบนชั้นสวรรค์ พิศก็ให้ยิ่งนึกถึงดวงตาพร่างหยาดน้ำค้างที่เคยมองอย่างซักถามไม่หยุดหย่อน ถ้ามาเห็นความงดงามตรงนี้คงได้นั่งตอบคำถามจนหมดแรง

ดวงตาคมละจากบายศรีที่รายประดับรอบพระประธาน ขวัญสรวงไม่ได้มาเพื่อหยุดชื่นชมความงามของรวงดอกไม้นับหมื่นเช่นนี้ หากแต่จงใจมาเพื่อรอพบใครคนหนึ่ง พร้อมกับธุระบางอย่างที่สำคัญกว่าความน่าอัศจรรย์ของรวงดอกฟ้าตรงหน้านี้มาก

"อ้าว! คุณชายขวัญ นาน ๆ จะได้เจอกันที"

ได้ยินเสียงคนที่รอคอย ขวัญสรวงยกมือขึ้นไหว้ ทักเสียงเย็น

"สวัสดีครับ บังเอิญได้พบกำนันที่นี่"

นิสัยเมียเป็นอย่างไร นิสัยผัวก็ไม่ต่าง ความเป็นคนช่างสังเกต ขวัญสรวงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะเช่นนั้นสีหน้าของชายหนุ่มจึงไม่ได้แสดงออกถึงความประหลาดใจเมื่อชายร่างท้วมดูกร่างอย่างกำนันจงรักจะรีบเข้ามาทักทายราวกับสนิมชิดเชื้อมานานแสนนาน

"แล้วนี่มากับหม่อมท่านรึ"

ขวัญสรวงพยักหน้ารับ สุ้มเสียงหนักแน่นกังวาน

"กำนันสบายดีนะครับ"

"สบายดี ๆ"

เพราะตรึกตรองมาเป็นอย่างดีแล้ว หลักจากทักทายตามอัธยาศัย ชายหนุ่มก็เปิดเข้าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา ประหยัดเวลา ไม่ถือพิธีรีตรอง

"พบกำนัน ผมว่าจะถามเรื่องที่ดินอยู่พอดี ไม่รู้ว่าคิดเห็นยังไง"

เฒ่าผู้กว้างขวางแห่งคลองบางกะปินิ่งไปสักพักแล้วยิ้มกริ่มอารมณ์ดี อิ่มเอมนักที่วันนี้คุณชายขัตติยพงศ์ผู้แสนถือตนเป็นฝ่ายยำเกรงเข้าหา

"ที่ติดต่อจะมาขอซื้อนั่นหรือ เรื่องนั้นผมไม่มีปัญหาหรอก"
กำนันจงรักพูดเสียงกังวาน นิสัยเอารัดเอาเปรียบนั้นดั่งเช่นลายที่สลักบนผิวหนัง กลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเทียบเท่ากับอวัยวะชิ้นสำคัญมาช้านานแล้ว

"จะติดที่ว่าอยากจะเก็บที่ริมน้ำไว้เป็นมรดกให้ไอ้จ้อย ใครจะรู้ว่าอีกหน่อยบางกะปิอาจจะเจริญ มีโรงหนังแบบฝรั่งหรือรถเมล์รถรางแบบอำเภอชั้นในเขามี ที่ตรงนั้นเป็นที่งามนะคุณชาย ยิ่งติดกับคฤหาสน์ขัตติยพงศ์ด้วยยิ่งงาม ผมอยากให้มันสมน้ำสมเนื้อ ไม่ให้ลูกชายมันมาตามว่าเอาทีหลังได้"

ขวัญสรวงนึกขันอยู่เพียงแต่ในใจตนเอง ในท่วงท่าอันสงบนิ่งความหน่ายต่อการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นกำลังต่อสู้อย่างเข้มข้นอยู่ภายใน

"ผมทราบว่ามาทางนั้นน่าจะเป็นคนใหญ่คนโตอยู่ไม่น้อย"

แม้พื้นฐานจะไม่ละเอียดละออแต่กำนันจงรักไม่ใช่คนโง่ เกริ่นมาแค่นี้ก็พอเดาออกว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการพูดถึงอะไร เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าขวัญสรวงจะหยิบยกขึ้นมาพูด

เรื่องเป็นคนใหญ่โตนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกินความคิดกำนันเฒ่าแต่แรกแล้ว แต่ถึงกับต้องออกปากอย่างนี้ เห็นว่าใหญ่โตที่ว่าอาจจะไม่ใช่แค่ใหญ่โตธรรมดา เสียแล้ว เช่นนั้นความกังวลของกำนันจงรักจึงวกมาสู่เรื่องสนนราคาที่ดิน หากไม่สมเหตุสมผลจนอีกฝ่ายร้องประเมิน คนที่ลำบากอาจไม่แคล้วเป็นตน

หากแต่หมูมาให้กินถึงที่ จะให้คนละโมบอย่างจงรักถอดใจง่าย ๆ นั้นเป็นเรื่องยาก กำรี้กำไรกว่าสองเท่าล่อใจให้กำนันจงรักตัดใจยากเย็น

"อย่างนั้นเชียวรึ?"

ขวัญสรวงพยักหน้า ตอบเสียงเรียบเอาการเอางาน

"คนที่ซื้อที่ทีละหลายสิบไร่ได้ ไม่เคยเห็นว่าเป็นเศรษฐีธรรมดา ทางนั้นน่าจะเป็นพ่อค้าวานิช มีธุรกิจหลายอย่าง"

อิทธิพลอันยิ่งใหญ่ของกำนันจงรักนั้นปกคลุมแค่คุ้งน้ำบางกะปิ เกินกว่านั้นสิงห์เฒ่าก็รู้ประมาณตนว่าอาจเป็นได้แค่เปลวไฟเล็ก ๆ บนก้านไม้ขีด โลกที่นอกเหนือจากคลองแสบแสบจะเป็นอย่างไรนั้นไม่เคยรู้ แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนมั่งมี การอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ผูกสมัครรักใคร่ไว้แต่เนิ่น ๆ บางทีอาจจะดีกับตนและครอบครัวยิ่งกว่า

"ที่พูดมาก็น่าคิด คุณชายคิดว่ายังไงล่ะ"

"ผมว่าน่าจะลดราคาที่ลงจากเดิมอีกสักนิด ให้พ้องตามโฉนดที่แก้ไขใหม่"

กำนันจงรักเสียงแข็งขึ้นทันที

"อย่างนั้นไม่ได้หรอก เห็นจะมากเกินไป"

ชายหนุ่มอ่อนวัยกว่ายังคงนิ่งเฉย พูดเสียงเรียบแต่เฉียบขาดนัก

"ถ้าทางนั้นเรียกระวังชี้อีกรอบว่าหลักเขตเคลื่อนได้ยังไง กังวลว่ากำนันอาจจะมีปัญหากับกรมที่ดินได้ กลัวเรื่องจะลามไปใหญ่โต"

คำพูดที่เกินจะคาดคิดของขวัญสรวงทำให้กำนันจงรักหนาวไปถึงสันหลัง ทั้งที่วัน ๆ ชายหนุ่มดูจะไม่สนใจความเป็นไปสักอย่างแต่กลับรอบรู้อย่างลึกซึ่้ง

เรื่องรังวัดที่มีปัญหานั้นมาจากอุบายของกำนันจงรักเอง สิงห์เฒ่าไม่คิดว่าจะมีใครรู้เหตุ และที่ยิ่งคิดไม่ถึงก็คือขัตติยพงศ์จะออกหน้าแบบนี้ เหงื่อกาฬเม็ดเล็ก ๆ กลั่นซึมบนมือหนาหยาบที่เต็มไปด้วยริ้วรอย นี่ไม่ใช่คำปรึกษาอย่างที่ขวัญสรวงเอ่ยสักนิด

มันเป็นคำสั่งแบบไม่มีทางเลือกให้ปฏิเสธได้ชัด ๆ

"ถ้าคุณชายเมตตา ผมก็คงต้องพึ่งบารมีคุณชาย"

กำนันเฒ่าจำใจตอบ รู้ดีว่าบิดาของคนที่ยืนผึ่งผายอยู่ตรงหน้านั้นใหญ่โตถึงเพียงไหนในกระทรวง

ขวัญสรวงยิ้มเรื่อย พูดตรงตามความรู้สึก

"อย่าคิดแบบนั้นเลยครับ ตัวผมเองไม่ได้รับราชการแบบท่านพ่อ อำนาจอะไรคงไม่มี เห็นแก่ที่กำนันจงรักก็เป็นคนคุ้นกันก็กังวล ไม่อยากให้มีปัญหา"

มาถึงขั้นนี้แล้ว กำนันจงรักได้แต่กำมือแน่น ใบหน้าแดงก่ำอวบอูมบิดเบี้ยว ลงท้ายก็จำพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้

"เช่นนั้นกระผมก็ไม่ติดขัดอะไร"





แดดยามเช้าอาบผิวสีอุ่นจนกลายเป็นสีทองนวล ตักบาตรถวายดอกไม้แล้วเสร็จ ขวัญสรวงก็คุกเข่าจรดมือรับพรมงคลจากพระสงฆ์ รอกระทั่งท่านพายเรือออกจากท่าน้ำไปจึงเหยียดตัวขึ้นแลสวมรองเท้า

ดอกผักบุ้งสีขาวแซมม่วงคลอเคลียสายเมฆที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำ มีสีแสดแต้มจุดดำของปีกผีเสื้อกระพือพลิ้วเย้าสายลมเหนือน้ำสีเขียวใสในคลองที่กระเพื่อมจนเป็นริ้ว มือหนากว้างหยิบเมล็ดข้าวสุกที่เหลือในขันแล้วโปรยลงน้ำ ทอดสายตามองมัจฉาน้อยใหญ่ผลุบขึ้นผลุบลงอย่างเพลินใจ

"ตกลงเรื่องซื้อขายที่ของกำนันจงรักเป็นยังไงบ้าง"

ขวัญสรวงเอ่ยถามขณะโปรยข้าวสุกบนฝ่ามืออีกครั้ง

"น่าจะเรียบร้อยดีแล้วนะครับคุณชาย ได้ข่าวว่ากำนันแกขายราคาตามประเมินจริง ลดลงกว่าที่ตั้งไว้ตอนแรกโขเลย อีกประเดี๋ยวก็คงได้เริ่มสร้างพระราชวังกัน"

ขณะที่เก็บข้าวของต่าง ๆ บนถาดให้เป็นระเบียบ บ่าวคนสนิทก็เหน็บเล็กแนมน้อยไปตามประสาอย่างอดไม่ได้ พูดไปก็ทำหน้าตื่นเต้นเสียออกหน้าไป

"เขาลือกันว่าจะสร้างแบบฝรั่งทั้งหมด คนออกแบบก็เป็นฝรั่งจากอิตาลีเชียวนะครับ สร้างเสร็จก็อยู่เคียงกับคฤหาสน์ขัตติยพงศ์ คงจะใหญ่โตโอฬาริก กำนันแกคงยืดน่าดูที่ท้องที่นี้จะมีตึกฝรั่งสวย ๆ แถมที่ดินเดิมก็ยังเป็นของแกอีก นี่ก็เห็นว่าโอนที่ทำสัญญากันแล้ว ราคาดีจนน่าตกใจ"

ท่าทางของขวัญสรวงดูจะไม่ใส่ใจนัก และเมื่อได้ยินคำตอบที่พล่ามมาเสียยาวก็แค่ส่งเสียง "อืม" รับสั้น ๆ แล้วเดินขึ้นเรือนไป ทิ้งให้บ่าวคนสนิทได้แต่บ่นปอดแปดตามหลังด้วยความขี้สงสัย

"มันต้องมีอะไรแน่ละ มีแน่ ๆ อยากรู้เสียจริงว่าใครไปพูดอะไรแกถึงได้พลิกลิ้นเป็นคนละคนแบบนั้น"




+++++++++++++++++++++++++




สวัสดีครับ ขอบคุณมาก ๆ ที่ติดตามอ่านกันนะครับ
จบตอนนี้ไปก็ถอนใจเฮือกใหญ่ ในที่สุดก็จะได้ย้ายมาอยู่ใกล้กันซะที
ซึ่งก็แปลว่านื้อเรื่องจะเริ่มเป็นรูปเป็นทรงมากขึ้น ขาดแค่เติมตัวละครอีกหน่อยน่าจะดีขึ้นครับ

เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ตัวละครเยอะอีกเรื่อง แต่ไม่ต้องกังวลครับ
โผล่มาหยอมแหยมเป็นตัวละคร ABCD อะไรแบบนี้ไป
จะว่าไปแล้ว พิษณุนี่เป็นตัวละครที่น่ากลัวสำหรับคนแต่งมากครับ
เพราะพีเรียดกับเครื่องแบบทหารนี่มันช่างเอื้อกันนัก
เรื่องของเรื่องคือเดี๋ยวพี่ขวัญที่ไม่เป็นโล้เป็นพายจะดับอนาถเอา 555555

หลังจากแต่งไปประมาณนึงแล้วก็พบว่าพีเรียดนี่มันช่างเป็นทางที่ไม่ถนัดเอาซะเลย
ความอึดอัดที่ีสุดก็คืออาการพิรี้พิไรของแต่ละตัว ขัดใจมาก อยากจะให้พูดจาเห็นดำเห็นแดงกันไปจริงๆ
แต่ความอดทนอดกลั้นก็ได้มาซึ่งจังหวะจะโคนแบบนิยายพีเรียดอย่างที่ตั้งใจ พอใจประมาณนึงครับ

โม้มาเยอะละ พบกันตอนหน้าครับ ฝากติดตามด้วยนะ ^ ^

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ไม่ถนัดพีเรียดหรือเนี่ย ส่วนตัวแล้วเราอ่านก็ไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยนะคะ เขียนได้ลื่นไหลมากๆขอชื่นชม

รอทั้งสองคนสวีทหวานแววกันอย่างใจจดใจจ่อนะ5555555

ปล.หลงรักนักเขียน มาต่อไวดีค่ะ เป็นกำลังใจให้ ^^

ออฟไลน์ Apitchaya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ้ยยย ดีใจ มาอัพแล้ว

ยาวด้วย 555555

ชอบตอนนี้มาเลย พี่ขวัญดูอยากได้น้องเรียมมาอยู่ใกล้ๆ
ไปขอมาลยเซ่

น้องเรียมก็น่ารักเหลือเกิน ฮือออ
ฟินมากกก 
ไงตอนต่อไปรีบมาต่อนะคะ รักคนเขียน 55555555

ออฟไลน์ hongzaa

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
โอ้ยยยย ชอบบบบ คิดแล้วว่าพี่ขวัญต้องจัดการให้น้องเรียมมม อิอิอิ
อิตากำนันไรนี้จะมาสร้างปัญหาอะไรอีกไหม แกคงแค้นน่าดู แต่คิดว่าพี่ขวัญคงแก้เกมส์ได้แน่นอนถ้าเกิดอะไรขึ้น
คือแบบ ไม่รู้สิ ชอบอะ ชอบบบบ ชอบอีกอย่างเวลาพี่ขวัญเรียกน้องเรียม ว่าน้อง
มันดูแบบ แบบ แบบไงดีอะ น่ารักอะ ชอบบบ เขินด้วย
ชอบเวลาที่พี่ขวัญกับน้องเรียมอยู่ด้วยกัน คุยกันอะ แค่นั้นมันก็อิ้มๆ มันดูฟรุ้งฟริ้งกิงก่องแก้วมากกก
ออร่าแห่งความสุขขจรขจายไปเลยงี้ น้องเรียมก็ดูมีใจ แลดูสดใสเวลาอยู่กะพี่ขวัญ
โง้ยยยยยยยยยยยยยย สรุป มาต่ออีกเร็วๆน๊าาาาาาาาาา

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
เรียกกันแบบพี่ขวัญกะน้องเรียม
เอื้อออออออออออออชอบบบค่าาา
ถ้าระหว่างสร้างอยากดูการทำงาน
น้องเรียมก็มาอยู่กับพี่ขวัญสิ
บ้านใกล้เรือนเคียงอิๆๆๆๆๆ

คุณพิษณุนี่คงไม่จบแค่นี้โฮ
ชอบเวลาเขาคุยกัน ดูแบบอมยิ้ม ฟีลกู๊ดดี

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
พี่ขวัญกับน้องเรียมมุ้งมิ้งน่ารักมากกกก TvT
ไม่แน่ใจว่าระหว่างฝอยทองกับบรรยากาศตอนสองคนนี้อยู่ด้วยกันอะไรมันจะหวานกว่า
แต่ชอบมากเลยค่ะ ชอบตอนที่พี่ขวัญเรียกน้องเรียมว่าน้อง มันแบบ โฮกกกกกกกกกกกก
นี่อยากถลาเข้าไปซบอกชายขวัญจริงๆ นะคะนี่  :-[

แต่บอกตามตรง ยิ่งอ่านเรายิ่งสงสารอธิปค่ะ 5555555555
มันเป็นความรู้สึกแบบ โอ้ยย ทั้งสงสารทั้งเอ็นดู คืองานราษฏงานหลวงอธิปเยอะมาก
แล้วยังโดนชายขวัญแซะอยู่เนื่องๆ แบบนี้รู้สึกเห็นใจ 55555555555 (แล้วขำทำไมเนี้ย กร้ากกก)

นอกจากชายขวัญแล้วขอชูป้ายไฟอธิปด้วยคนนะคะ 5555555
ส่วนพิษณุนี่อย่างที่คนเขียนบอกเลยค่ะ หนุ่มในเครื่องแบบนี้มันราศีจับดีจริงๆ  :-[ :-[ :-[

แต่จะว่าไปบรรยากาศระหว่างพิษณุกับอธิปก็ดูมีอะไรให้จิ้นดีนะคะ 5555555555

ชอบมากค่ะ
รอตอนหน้า เค้าจะได้มาอยู่ใกล้กันแล้ว ชายขวัญนี่นอกจากจะขี้เล่น อบอุ่นใจดี ยังแอบมีมุมร้ายลึกแบบนี้ คนอ่านยิ่งปลื้มค่า  :hao5:

ออฟไลน์ twenty8

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชอบบรรยากาศเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกัน มันมีความสุขมากอะ
อีกนิด เค้าก็จะจีบกันแล้วใช่มั้ยคะ ตื่นเต้นนน
กรี๊ดใส่หมอนรอ

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
พี่ขวัญจัดการให้เสร็จสรรพ หึหึหึ
อย่างนี้หม่อมแม่ของพี่ขวัญไม่ต้องกังวลเรื่องคู่ครองแล้วล่ะค่า555
แล้วถึงชายพิษณุเค้าเป็นทหาร แต่ทางคุณอธิป(และพี่เริญ?)
ก็ดูจะให้คะแนนไปทางพี่ขวัญของเราเยอะกว่าอย่างเห็นได้ชัด
น้องเรียมเองก็ดูสนอกสนใจพี่ขวัญดี ไม่ใช่แค่นิ่งๆใส่ ฮี่ๆๆ

รออ่านต่อนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด