ตอนที่ 21 “ แล้วตกลงจะกินกาแฟยี่ห้อไหน " ผมถามมันตอนที่เงยหน้าขึ้นมาจากอกของมันได้สักพัก ไม่ได้ร้องไห้อะไรมากมายแค่รู้สึกเสียใจที่มันโดนด่าก็เท่านั้น " กูเป็นคนไม่กินกาแฟเลยเลือกไม่ถูก "
“ อยากได้เครื่องชงกาแฟ เดี๋ยวจะไปซื้อ "
“ เครื่องชงกาแฟ " ผมทวนเสียงมันก็พยักหน้า
“ ก็ที่มันโฆษณา เครื่องสีแดงๆ " เสือหันมามองผม " กูไม่ยอมแดกกาแฟที่เด็กร้องไห้ขี้มูกโป่ง ไม่กินกาแฟชงให้หรอกนะ เพราะมันต้องไม่อร่อยแน่ "
“ ดูถูก " ผมว่า
“ แต่ก็ดีกว่า ดูผิดแล้วกัน " มันว่าแบบนั้น ตอนที่เดินไปหยิบน้ำแอปเปิ้ลแบบไม่เย็นมาสามกล่อง แล้วก็น้ำส้มอีกสามกล่อง
“ นี่ซื้อน้ำส้มไปทำไมเยอะแยะ ที่บ้านเหลืออีกกล่องยังไม่ได้กินเลย " ผมบอกตอนที่จะหยิบออกไอ้เสือก็เข็นรถออกไป
“ ไหนใครบอกว่าชอบ "
“ กู " ชี้เข้าหาตัวเอง เสือเดินไปหยิบเบียร์มาใส่รถเข็น " อันนี้เอาไปแพ็คเดียว "
“ ตังค์กู "
“ เออ กูรู้ แล้วตู้เย็นมันใส่ไม่หมดแล้วเว้ย " เอาเบียร์ไปตั้งไว้ที่เดิม ผมเดินข้างมันที่เข็นรถออกไปข้างหน้า ผมมองไปรอบๆที่ไม่มีใครอยู่ในล๊อคของเรา " นี่ "
“ อะไร " จะขานให้เพราะกว่านี้ไมไ่ด้เลยรึไงนะ ผมเดินไปยืนใกล้ๆมันมากขึ้น
“ ขอควงหน่อย " จับแขนมันมาควง ตอนที่เดินออกไปข้างหน้า ผมแซว " พี่เสือดูนั่นสิ ปิงอยากกินจังเลย "
“ ซื้อไปแดกสิ "
“ หื้มมมม กูหมั่นใส้จริงๆ " ต่อยแขนมัน ผมดึงตัวเองออกมาแต่เสือก็ยึดเอาไว้ " มีอะไร "
“ ดูนั่น " จับมือผมยึดเอาไว้มันชี้ไปที่บนชั้นวางของ
“ อะไรของมึง "
“ ช็อคโกเล็ต " ว่าแบบนั้นแต่มือก็ไม่ยอมปล่อยไปไหน ผมยืนนิ่งอยู่แบบนั้นนานก่อนจะชวนมันเดินออกไป
“ ถ้าจะให้เดินอยู่แบบนี้ก็บอก ยังไงกูก็ชอบควงมึงอยู่แล้ว "
“ ใครบอกว่ากูชอบ ไม่เห็นจะชอบเลย " เดินออกไปนิ่งๆ ทำท่าไม่สนใจจนน่าหมั่นใส้ แต่ตอนที่ผมจะเอามือออกก็เอื้อมมาจับไว้แน่น " แค่อุ่นดี "
“ ไม่เห็นจะหนาว "
“ หนวกหูน่า เดินเงียบๆได้มั้ย " มันว่าแบบนั้น ท่าทางหัวเสียที่ทำให้หูแดงไปหมด ผมแอบหัวเราะ ก่อนจะซบลงไปบนไหล่ของมัน ผู้คนที่เดินผ่านไปมานั่นมองเรา บางคนก็ยิ้ม บางคนก็ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้น่าสนใจอะไร เพราะคนที่น่าสนใจกลับยืนอยู่ข้างตรงนี้ ที่ข้างๆผมเท่านั้น
“ นี่ คืนนี้ทำมากิซูชิกินกัน "
“ ของที่มึงทำ แดกแล้วกลัวท้องเสียชะมัด "
“ ไม่เสียเถอะ มันเป็นอาหารที่มีแค่ของที่อยากกินก็แดกได้เลย " เป็นอาหารที่ทำงานที่สุดตั้งแต่ในชีวิตเคยรู้จักมา แถมยังมีแต่อร่อยๆทั้งนั้น
“ ยังไง "
“ ก็แค่มีข้าวญี่ปุ่น สาหร่าย โซยุ วาซาบิ ถ้ามึงชอบนะ แล้วก็ของที่มึงอยากกิน แซลมอน ปูอัด คาโรเกะ มึงก็แค่ห่อมันแล้วก็เอาเข้าปากแล้วก็แดก อร่อยง่ายๆ แถมยังมีแต่ของที่ชอบทั้งนั้น "
“ ก็น่าสนใจ "
“ ใช่มั้ยล่ะ จัดกันเถอะ ต้องอร่อยแน่ๆ มึงอยากกินไส้อะไรบ้างกูจะซื้อถูก "
“ แล้วมึงอยากจะกินอะไร "
“ ไข่หวาน ปลาแซลมอน คาโรเกะ กุ้งทอด ไข่กุ้ง ไข่ปลาแซลมอน แล้วก็ ปูอัด" มองหน้ามันสำหรับคำตอบ เสือนิ่งตอนที่มองหน้าผม " แล้วมึงอยากจะแดกอะไร "
“ ของที่มึงอยากจะแดกเยอะขนาดนั้นยังมาถามกูอีกเหรอ "
“ ก็แหม ตามมารยาทกินข้าวด้วยกันก็ต้องถาม "
“ มึงมารยาทเสียตั้งแต่เลือกของกินเยอะแยะนั่นแล้วละ " ยิ้มให้เสือแห้งๆ อีกก็ยกยิ้มกลับมา
“ งั้นตัดของกูออก "
“ ไม่ต้อง "
“ ก็ไหนบอกว่าเยอะไป "
“ ก็มึงอยากกินนี่ กินให้หมดแล้วกัน " คนปากแข็งแต่ใจดีว่ามาแบบนั้น ผมก็เดินเลือกของไปเรื่อยๆ ตรงโซนของอาหารสดผมลังเลว่าระหว่างชุดใหญ่กับเล็กจะเอาอันไหนดี
“ เฮ้ย!มึง คนนั้น น่ารักจังเลยว่ะ " เสียงผู้ชายที่ผมได้ยินไม่ไกลนัก ทำให้ได้แค่เหลือบสายตาไปมองดู " เออ น่ารักๆ เข้าไปจีบดิ เข้าไปเลย " พอได้ยินมันพูดแบบนั้น มือของผมที่กำลังหยิบของสองชิ้นไปให้มันเลือก
“ นี่ เสือ เอาอันไหนดี " ผมทักมันที่กำลังยืนมองผู้ชายที่กำลังมองผมอยู่
“ ก็เอาอันที่อยากแดกดิ " เสือหยิบแพ็คใหญ่เอามาใส่รถเข็น " เอาอันนั้นไปเก็บ "
“ นี่ ช่วยเลือกปูอัดหน่อย "
“ อื้ม " มันหันมาหา มือที่กอดรอบคอตอนที่ก้มลงช่วยผมเลือกของกับผม
“ มีปูอัดธรรมดา กับปูอัดอลาสก้า " ผมบอกก่อนจะหยิบปูอลาสก้าขึ้นมา " แต่อันนี้อร่อยกว่า " หันไปบอกเสือที่ไม่ได้สนใจผม มันมองไปที่ผู้ชายสองคนนั้นที่ยังคงยืนอยู่แถวนั้น ผมที่หันไปมองจนเค้าหันมาสบตา ไอ้เสือจ้องพวกเขาก่อนจะแอบเอามือชี้มาที่ผม แล้วก็ชี้ที่ตัวเอง แถมยังด้วยการทำท่าเฉือนคอขู่
“ ทำอะไรอะ " ผมยิ้มกว้างตอนที่ถาม มันหันมาจ้องผมหน้าแดง
“ เปล่า " ตอบออกมาก่อนจะเงียบไปสักพัก แล้วก็ถามขึ้นมา " นี่ "
“ หื้ม "
“ เมื่อกี้เห็นเหรอ " ผมหันไปมองมันก่อนจะกลั้นยิ้มไว้ ปากก็ถามออกไป
“ เห็นอะไร "
“ ที่กูทำ "
“ ก็ อื้ม เห็นสิ " พยักหน้าไปให้มัน ผมยิ้มกว้างออกมา แต่คนที่จ้องหน้าผมหันกลับไปอีกทางแล้ว หูขาวๆแดงขึ้นอัตโนมัติ เสือหันไปหยิบมายองเนสมาใส่รถเข็น " เอามาทำไม ไม่เอา เค้าไม่ต้องใส่ "
“ ก็กูจะใส่อะ " มันเถียงผม ตอนที่นิ่งแล้วมองหน้ากัน หน้ามันก็แดงขึ้นมาอีก ผมยิ้ม มันก็ทำท่าทีจะเดินไป มือของผมเอื้อมไปฉุดมันไว้
“ แล้วจะไปไหนอีก ได้ของครบแล้ว กลับได้แล้ว "
“ ไปซื้อเบียร์ "
“ ซื้อมาแล้ว นั่นไง " ชี้ไปที่กล่องเบียร์ที่มันซื้อ เสือยืนนิ่งๆ ผมหัวเราะ " เวลามึงเขินแล้วทำอะไรไม่ถูกนี่ น่ารักดีนะ "
“ พูดมาก "
“ ไม่ล้อก็ได้ " ผมทำท่าชี้ไปที่เสือ ก่อนจะชี้มาที่ตัวเอง แล้วทำท่าเฉือนคอแบบที่มันทำ ผมหัวเราะ มันก็หันไปทางอื่น
“ ไอ้ปิง " ทำเสียงเข้มๆใส่แม้หน้าจะแดงเพราะเขินอย่างคนเก็บอาการไม่อยู่
“ โอเคๆ ไม่ล้อแล้ว ก็กูมีความสุขนี่ " กอดแขนมันไอ้เสือก็ถอนหายใจ
“ เมื่อกี้ยังร้องไห้เหมือนลูกหมาโดนแม่ทิ้งอยู่เลย "
“ ไม่ขนาดนั้นเถอะ มีสะอื้นเล็กๆเท่านั้น ก็ตอนนั้นกูโดนทำร้ายจิตใจขั้นรุนแรงมา "
“ มึงน่าจะชินนะ ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย "
“ ที่ได้มาฟังเค้าด่ามึงว่าโง่ที่มาเอากูนะ ครั้งแรกเลย "
“ แต่กู ชินแล้ว " ว่าแบบนั้นตอนที่เราเดินเอาของทั้งหมดที่ซื้อไปตรงเค้าเตอร์เช็คเงิน " แต่ก็แค่ ไม่สนใจ "
“ พวกนั้นไม่มีความสำคัญกับมึงสินะ "
“ อื้ม ไม่มีความสำคัญสักนิด ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก มันไม่ได้มาโดนกูว่าแบบที่มึงโดน มันไม่สำคัญหรอก "
“ คนที่โดนมึงด่าแบบกูนี่ สำคัญสินะ "
“ อยากด่าทุกวัน ก็ต้องสำคัญอยู่แล้ว " มือที่เอื้อมมาจับมือผม
" มึงทำแบบนี้ อยากให้กูเปลี่ยนใจไม่ชอบที่โดนมึงด่า หันมาชอบแทนใช่มั๊ย "
“ แล้วได้ผลมั้ย "
“ คิดว่าไม่ โดนด่านะมึง ไม่ใช่โดนบอกรัก ใครจะชอบ "
“ แต่กูชอบนะ เวลามีมึงให้กูได้ด่านะ "
“ รู้น่า กูก็ชอบเหมือนกัน "
“ ที่ได้โดนกูด่า "
“ ที่ได้เห็นหน้ามึง " ผมหันไปมองเสือ ตอนที่จับมือมันไว้แน่น " ชอบจริงๆนะ "
ขับคอนโดกลับบ้านก็มาถึงมื้ออาหารที่รอคอย มากิซูชิ ผมจัดการเอาของไปเก็บในตู้เย็นก่อนจะวางของที่จะกินเป็นมื้อเย็นไว้บนโต๊ะ
“ กินได้ยัง "
“ ยัง แปปนึง เอาใส่จานก่อน " จัดทุกอย่างใส่จาน ข้าวที่ซื้อมาผมผสมผงโรยข้าวลงไปก่อนคลุกให้เข้ากัน หยิบแผ่นสาหร่ายขึ้นมาวางบนมือ " จะสอนวิธีทำนะ เอาสาหร่ายมาแผ่นนึง ตักข้าวตั้งลงไป ใส่ของที่ชอบลงไปตรงกลาง ของกูจะเอาเป็นไข่หวานแล้วกัน ถ้ามึงชอบซอสก็ราดลงไป ของกูเอาไปโชยุแล้วกัน จากนั้นก็ห่อ แล้วก็ กิน "
“ แค่นั้น "
“ อื้ม " ก็บอกแล้ว ว่าง่าย แถมยังอร่อยอีกด้วย
“ ขอกูเอาแซลมอน "
“ แซลมอนนะ " หยิบแซลมอนมาวางไว้ตรงกลางใส่วาซาบิเล็กน้อย กับโชยุ ผมห่อก่อนจะยื่นให้มัน เสืออ้าปากรับแถมด้วยการงับนิ้วผมไปนิดหน่อย " เป็นไง " พยักหน้าให้ก่อนจะเคี้ยวพอกลืนลงไปเสือก็พูดขึ้นมา
“ แบบนี้ก็ดีนะ ไม่ต้องเลี่ยงท้องเสียจากการกินอาหารที่มึงทำ "
“ หนอย ไอ้สัด พรุ่งนี้กูก็ไม่ทำอะไรให้แดกซะหรอก "
“ อยากกินข้าว "
“ หื้ม ก็นี่ไง " ชี้ไปที่ข้าวมันก็ส่ายหน้า
“ พรุ่งนี้อยากจะกินข้าวก่อนไปเรียน "
“ ข้าวเหรอ " ผมทำท่าคิด เมนูข้าวๆ
“ ข้าวผัดไข่ดีมั้ย "
“ อย่าให้กูท้องเสียแล้วกัน " ปากมึงนี่สวนทางกับความอยากที่กูอยากจะทำให้กินชะมัด หยิิบสาหร่ายขึ้นมาตั้งบนมือผมตักข้าวลงเกลี่ย " เอากุ้งทอด "
“ แล้วทำไมไม่ทำเอง "
“ ขี้เกียจ " บอกแบบนั้น คุณชายของผมก็เดินไปหยิบเบียร์มานั่งจิบ ก่อนจะอ้าปากรับอาหารจากมือของผมที่ป้อน
“ แล้วแบบนี้กูจะได้แดกมั้ย "
“ เรื่องมึงสิ " มันยิ้มออกมาก่อนจะมองไปบนโต๊ะ " เอาไข่กุ้ง "
“ ไอ้เชี้ยเสือ " สถบออกมาแบบนั้น แต่แม่งก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร หนำซ้ำยังอ้าปากรอรับของที่สั่งให้ผมให้อีก ยัดเข้าปากมันไปคำโตอีกคนก็เคี้ยว " เอาไปทำเองบ้างไป " หยิบสาหร่ายให้มัน ไอ้เสือทำท่าอิดออดแต่ก็ตักข้าวแล้วก็กุ้งทอดใส่ลงไปตรงกลาง มันราดซอสมะเขือเทศกับมายองเนส แล้วก็ห่อก่อนจะยื่นมาตรงหน้าผม
“ อ้าปาก "
“ ให้กู "
“ ไหนบอกยังไม่ได้กิน " ผมอ้าปากแต่มือหนักๆของมันก็ยัดเข้ามาคำใหญ่จนแทบจะเคี้ยวไม่ได้ แต่พอลองพยายามเคี้ยวดูแล้วมองคนตรงหน้าที่ป้อน ผมค้นพบแล้วละว่าทำไม เสือถึงชอบให้ผมป้อนให้
“ อร่อย " บอกตรงๆว่า มันอร่อยกว่าทำกินเองตั้งเยอะอร่อยกว่าครั้งไหนๆที่ได้กินเลย
“ ใช่มั๊ยละ "
“ อื้ม "
“ เอาปลาแซลมอน " เสือบอก ผมวางไปที่โต๊ะ
“ กูเอาไข่กุ้งนะ " ต่างคนต่างทำของที่อีกคนอยากกิน ผมห่อพอดีคำ เสร็จพอดีๆกับเสือที่ผมเสร็จ มันยื่นมือมาตรงหน้าเองก็ด้วย เรากินอาหารที่ต่างคนต่างป้อนให้กัน .. การกินอาหารที่บ้าน ดีอะไรแบบนี้นะ
แล้วก็ ความรักนะ มันดีอะไรแบบนี้นะ
.................................................
“ วันนี้ ไม่มาเหรอ " ปลายสายของเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในช่วงดึก ผมยิ้มให้กับชื่อบนหน้าจอ ตอนที่ได้ยินเสียงของอีกคนถามออกมาแบบนั้น เพราะตั้งแต่คืนนั้นผมเองก็ไปผับนั่นทุกวัน
แม้ความสัมพันธ์ของเราไม่มีอะไรคืบหน้า แค่เจอหน้าแล้วก็คุยกัน กินเหล้าด้วยกัน จากนั้นก็แยกย้าย เป็นความสัมพันธ์ธรรมดาที่ดูน่าเบื่อ แต่ผมกลับรู้สึกตัวเองเหมือนถูกยึดติดเอาไว้กับความสัมพันธ์นั่นจนแทบจะถอนตัวไม่ขึ้น
“ ไม่ไป " ผมบอก ตอนที่ยิ้มออกมา ผมเอาหน้าซุกหมอน แค่ได้ยินเสียงก็อยากจะเห็นหน้าอีกแล้ว
“ ไปหา ได้มั้ย "
“ อยู่ที่คอนโด "
“ อีก ห้านาทีถึง "
“ ทำไมเร็วขนาดนั้นว่ะ " ตอนที่ผมถามก็ได้ยินแต่หัวเราะในลำคอที่ตอบกลับมา อิฐวางสาย ก่อนที่ผมจะขมวดคิ้วกับคำตอบที่ไม่ได้รับ แต่กลับเป็นเสียงเคาะประตูหน้าห้องที่ดังขึ้นมาแทน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ เอาจริงดิ " ผมสถบ ตอนที่มองผ่านตาแมวหน้าห้อง ก็พบว่าเป็นอิฐจริงๆ ผู้ชายคุ้นหน้าที่วันนี้ใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ตัวเก่าที่เห็นเกือบทุกวัน ผมก้มลงมองตัวเองที่ใส่ชุดนอนแบบเสื้อบอลทีมโปรด ตอนที่ตัดสินใจว่าจะไปเปลี่ยนอีกคนก็เคาะประตูอีกครั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ ครับๆ " ผมเปิดประตูห้องออก ไอ้อิฐยิ้มตอนที่ชูถุงเซเว่นที่ใส่เบียร์มาเต็มถุง
“ หวัดดี " มันว่าแบบนั้นตอนที่เดินเข้ามา " คืนนี้ กินเบียร์ด้วยกันนะ "
“ ทำไมทุกครั้งที่เจอ มึงต้องชวนกูเมาทุกทีเลยว่ะ " ไม่ตอบอะไรตอนที่เดินเข้ามาในห้องมันวางถุงลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งบนโซฟา
" มีกับแกล้มมั้ย "
“ ไม่มี " ผมบอกอีกคนก็พยักหน้า มันหยิบรีโมตที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมา " ขอดูทีวีหน่อยนะ "
“ อื้ม " พยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ผมนั่งลงบนพื้นข้างๆมัน ที่นั่งบนโซฟา เงยหน้าขึ้นมองตอนที่อิฐเปิดกระป๋องเบียร์ แต่ผมเองสงสัยอยู่อย่างนึง " ทำไมมึงมาเร็วจังว่ะ "
“ ทำไมจะไม่เร็วว่ะ กูอยู่ชั้น 22 ตรงนี้เอง "
“ หื้ม ? “ ผมขมวดคิ้วงง มันก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ดึงคีย์การ์ดที่หน้าตาคล้ายๆกับของผมออกมา
“ ห้องที่ 22 ห้อง 2 ห้องกูเอง "
“ มึงอยู่ที่นี่เหรอว่ะ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมกูไม่รู้เลย เชี้ย มึงเพิ่งซื้อเหรอ หรือว่ายังไง " ถามแบบรนๆอีกคนก็จับไหล่
“ ใจเย็นๆ กูรู้ว่าอยากรู้ "
“ ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย " บอกปัด อิฐก็ยิ้ม
“ งั้นก็ไม่ต้องบอก "
“ แต่บอกหน่อยก็ดีนะ " อิฐหัวเราะออกมา ตอนที่ยื่นมือมาลูบหัวผม
“ เหมือนลูกแมวเลย "
“ อะไรของมึง " มันส่ายหน้าตอนผมถาม " ว่าไง มาอยู่นานแล้วเหรอ หรือว่าเพิ่งมา " แบบว่า ตามมาอยู่เพราะว่าผมอยู่ที่นี่ ใจผมเต้นแรงตอนที่คิดแบบนั้น ทั้งๆที่มันก็เป็นความคิดที่เข้าข้าง เป็นไปไม่ได้ แถมยังหลงตัวเองเป็นที่สุด
“ นานแล้ว แม่กูซื้อไว้ให้คนอื่นเช่า แต่พอกูมาอยู่นี่ อยากอยู่คอนโดเลยมาอยู่นี่ "
“ มาอยู่ตั้งแต่ตอนไหนว่ะ "
“ ก่อนจะมาส่งมึงครั้งแรกที่นี่ " ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะ เป็นอะไรที่เซอร์ไฟส์ผมมากๆ อิฐอยู่ใกล้ตัวผมแค่นี้เอง ทำไมถึงเพิ่งมาเจอกันว่ะ
“ งั้นมึงก็รู้ตลอดว่า กูอยู่ที่นี่ "
“ อื้ม " พยักหน้ามันถอนหายใจ " แต่กูก็ไม่ได้โอกาสที่จะเข้ามาหาสักที ไม่รู้จะอ้างอะไร "
“ แล้ววันนี้ทำไมถึงหาข้ออ้างได้ว่ะ "
“ ก็มึงไม่ไปผับนะสิ " ยกเบียร์ขึ้นมากิน ตาที่จ้องทีวีอยู่ผมหันไปมอง เป็นหนังเรื่องนึงที่ผมไม่รู้จัก " คนที่เจอกันทุกวัน แล้วอยู่ๆก็ไม่ได้เจอ รู้สึกแปลกๆว่ะ " อิฐวางกระป๋องเบียร์ลงกับโต๊ะ มันหัวเราะออกมาตอนที่ใจของผมกำลังเต้นแรง สายตาคมที่หันมามองผมก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเบาๆ " โทษทีว่ะ คงทำให้มึงรู้สึกแปลกๆ แต่อย่าใส่ใจเลย "
“ ไม่ใช่แบบนั้น " ผมบอกตอนที่เอามือไปจับมือของมันที่ตั้งอยู่บนหัวของผม ถอนหายใจออกมาตอนที่เงยหน้าขึ้นยิ้มให้มัน " มึงรู้สึกเหมือนกูเลย คนที่เจอหน้ากันทุกวัน แล้วไม่ได้เจอกันวันนึง มันก็รู้สึกแปลกๆจริงๆ "
“ กูไม่ได้คิดไปเองคนเดียวใช่มั้ย "
“ ไม่หรอก "
“ คิดว่า ตัวเองคิดถึงมึง ก็ไม่ได้คิดไปข้างเดียวใช่มั๊ย "
“ อื้ม ก็ใช่ " หลบสายตาของมันที่หันมามอง ผมหยิบเบียร์ขึ้นมากินก่อนจะมองไปที่ทีวี " แล้วมึงดูอะไรอยู่ "
“ ไม่รู้สิ "
“ อ้าว " หันไปบอกมันอีกที อิฐก็หัวเราะ
“ ก็ปกติ เวลาอยู่กับมึง รอบข้างเสียงดังตลอด จะมานั่งแบบเงียบๆ ไม่รู้ว่ะ มันแปลกๆ เลยเปิดทีวี " อิฐใช้มือค้ำหัวตัวเองกับที่พักแขนของโซฟา มันมองมาที่ผม " กูบอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่าตัวเองเป็นอะไร ไม่เข้าใจเหมือนกัน กูรู้สึกไม่ได้อยากได้เพื่อนใหม่ที่ผับนั่นเลย เก้าอี้ตัวที่กูนั่ง ข้างๆอยากให้เป็นมึงเท่านั้น พอรู้ว่ามึงไม่ไป กูก็ไม่อยากไป อยากมาหามึงมากกว่า น่าแปลกชะมัด " คำพูดที่ทำให้ผมใจเต้นแรง ก้มหน้ามองพรมบนพื้นหน้าทีวีของตัวเองผมไม่กล้าแม้จะหันไปสบสายตา
“ กูเองก็รู้สึกตัวเองแปลกๆเหมือนกัน ทั้งๆที่จะนอนอยู่แล้ว ทั้งๆที่อยากจะนอนจะตายอยู่แล้ว แต่ก็ยังดีใจสุดๆกับเสียงโทรศัพท์ของมึง ตอนที่บอกว่าจะมาก็ต้องรีบลุกมาเปิดประตูให้ คิดตั้งนานว่าจะใส่ชุดไหนดี แต่สุดท้ายก็ตื่นเต้นที่มึงมามากไป จนต้องออกมาทั้งชุดนอน ตลกชะมัด "
“ อย่างงั้นเหรอ "
“ แต่ว่า เพื่อนกูเคยบอกไว้ ความรักมักไม่มีเหตุผล มันทำให้เราทำอะไรแปลกๆ โดยที่เราไม่รู้เหตุผล แต่นั่นเป็นสิ่งที่เราอยากทำ อยากทำแบบไม่มีเหตุผล "
“ ความรักงั้นเหรอ " อิฐที่มองหน้าผม มันก้มลงมาใกล้ตอนที่ยิ้มออกมา " งั้นเราก็ "
“ ไม่รู้สิ "
“ มึงนะ เวลาเขินน่ารักมากเลย แก้มตรงนี้แดงนิดๆเหมือนเด็กตัวเล็กๆเลย ยิ่งนั่งบนพื้นก็ยิ่งเหมือนเด็ก " นิ้วชี้ที่เอื้อมมาเกลี่ยแก้มของผม แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจคำชมพวกนั้นหรอก สิ่งที่ผมอยากจะฟังมันมีมากกว่านั้น อย่างน้อยก็คำพูดก่อนหน้านี้ที่มันค้างไว้
“ งั้นเราก็อะไรว่ะ "
“ ก็อะไรดีล่ะ "
“ ไม่รู้ " ที่เอาแต่บอกว่า ไม่รู้ เพราะว่าไม่รู้จริงๆ ว่าเราจะเป็นแบบนั้น ได้รึเปล่า เป็นอย่างที่ใจของผมคิด
แต่ตอนนั้นที่คิดว่าจะได้ยินเสียงของใครตอบกลับมา แต่ทุกอย่างเงียบกลับเงียบลงจนน่าใจหาย อิฐไม่ตอบมันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด คำพูดหวานๆที่อยากได้ยิน ไม่ใช่แบบนั้น ตอนนี้แม้แต่เสียงทีวีที่ดังก็ยังเป็นเสียงที่เบามากๆจนแทบไม่ได้ยิน อิฐไม่พูดอะไร จนผมเองไม่เข้าใจแม้ความหมาย หรือความสัมพันธ์ที่เจอกันไม่ถึงอาทิตย์แต่อยากผูกมัดเอาไว้ของผม อาจจะเร็วไปที่จะรวบรัด
“ ง่วงแล้วว่ะ มึงกลับไปได้แล้ว กูจะนอน "
“ ไท เดี๋ยวสิ "
“ กลับไปเถอะ " ผมลุกขึ้นยืน ตอนที่หันไปทางอื่น อิฐก็จับมือผม
“ ไท เดี๋ยวสิ ฟังกูก่อน " อิฐลุกขึ้นยืน ขาที่ไม่แม้จะเคลื่อนออกไปไหน " ไม่ใช่ ไม่อยากพูด แต่เร็วเกินไปที่พูด "
“ อื้ม " ผมกำลังหวังอะไรอยู่กันนะ ความรักที่มากับความบังเอิญในคืนหนึ่งที่ผมได้พบงั้นเหรอ คิดว่าตัวเองเป็นตัวเอกในนิยายรึยังไงกันไอ้ไท
ผมยกยิ้มกับตัวเอง ตอนที่เงยมองหน้ามัน รู้สึกเหมือนเป็นผมคนเดียวที่รู้สึก อยากจะผูกความสัมพันธ์นี้เข้าไว้ด้วยกัน น่าหงุดหงิดชะมัดที่ตัวเองดันพูดคำพูดพวกนั้นไปก่อน " มันคงเร็วไปจริงๆ สินะ "
“ กูอยากให้ความรู้สึกทั้งของมึง และของกูมั่นคงกว่านี้ ไม่ใช่โหยหากันและกัน แล้วลงเอยกัน กูคิดว่าความรักมันมีมากกว่านั้น "
“ อื้ม กูรู้ " แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งฟังเหตุผลอะไรแบบนั้นหรอก อีกอย่างเหตุผลของมึงมันฟังดูไม่ขึ้นยังไงก็ไม่รู้ " แต่กูง่วงแล้วจริงๆว่ะ มึงกลับไปก่อนเถอะ แล้วค่อยคุยกันอีกที "
“ กูไม่ไป " มันว่าพร้อมกับขาที่ไม่เคลื่อนไปไหน " เพราะถ้ากูไป กูรู้สึกว่า กูต้องไม่ได้เจอมึงอีก "
“ ทำไมคิดแบบนั้น " ทำไมถึงรู้ใจกันถึงขนาดนั้น
“ ความรู้สึกกูมันบอกว่า มึงน่าจะเป็นคนหนีปัญหา แล้วก็เป็นคนอ่อนไหวกับความรู้สึกเล็กๆ แถมยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน "
“ มึงไปเถอะ กูง่วงแล้วจริงๆว่ะ "
“ ไม่ไป "
“ งั้นก็ปิดประตูให้กูด้วยแล้วกัน " ผมเลิกที่จะดึงดัน
บางทีอิฐอาจจะพูดถูกทุกอย่าง ผมเป็นคนหนีปัญหา เก็บความเสียใจ ไม่อดทน ไม่กล้าเสี่ยง และกลัวความผิดหวัง เมื่อกี้ที่พูดออกไป ก็หวังว่าจะได้คำพูดที่ตัวเองคิดเหมือนกันตอบกลับมา แต่พอมันไม่เป็นแบบนั้น ผมบอกตัวเองแค่ว่า จะไม่มีครั้งที่สอง ที่ผมจะพูดออกไป จะไม่มีครั้งที่สองอย่างเด็ดขาด จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว
ในความรัก ผมอ่อนแอเกินกว่าจะมีมัน และเพราะรู้แบบนั้น เลยไม่กล้าที่จะมีมาตลอด
พาตัวเองเดินเข้าไปในห้องนอน ผมปิดประตูก่อนจะล็อค ยืนนิ่งอยู่ที่ประตูนั่นอยู่นานก่อนจะทรุดนั่งลงที่ประตู เสียงของอิฐก็ดังขึ้น ใกล้ๆเหมือนกับว่ามันยืนอยู่ตรงนั้น ตรงที่หน้าประตูห้องของผม " พรุ่งนี้เราจะได้เจอกันที่เดิมมั้ย "
“ ถ้าว่างกูจะไปนะ " ผมบอก
“ ขอโทษนะ แต่เพราะคิดว่าพรุ่งนี้มึงคงไม่ไป เลยอยากจะบอกมึงว่า กูไม่ได้อยากเลี่ยงไม่ตอบ แต่ที่ไม่ตอบเพราะอยากให้ความสัมพันธ์ของเราแน่ใจกว่านี้ กูเลยอยากให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะแน่ใจ มันก็เท่านั้น หวังว่ามึงจะเข้าใจ "
“ ทำไม คนเราต้องเข้าใจอะไร ที่มันยากแบบนั้น ถ้าตอนนี้ยังไม่ใช่ ก็แค่ไม่ใช่ ไม่มีเหตุผลอื่นหรอก แฟนนะมันคือฐานะที่ทำให้เรามีสิทธิศึกษาใครอีกคนจนแน่ใจว่า ใช่ ไม่ใช่เหรอว่ะ ถ้ามึงบอกว่า แน่ใจแล้วค่อยคบ งั้นเราจะเป็นแฟนกันไปทำไมว่ะ กูว่าถ้ามึงบอกว่ากูยังไม่ใช่ กูยังคิดว่านั่นคือเหตุผลที่น่าจะดีกว่าคำพูดที่มึงบอกว่า อยากรู้จักกูให้นานกว่านี้ ทั้งที่ๆสองประโยคนี้ มันก็ประโยคเดียวกัน " ผมหัวเราะออกมา หัวเราะออกมาพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาเรื่อยๆ " ฟังแล้วก็เจ็บเหมือนกัน "
คำพูดที่หลีกเลี่ยงเพื่อที่จะทำให้กูยังยืนอยู่ในความสัมพันธ์ ทั้งๆที่กูยื่นมือออกไปหาแต่มึงกลับปัดออกไปนั้น คำพูดที่ฟังดูดีพวกนั้น มันไม่มีความจำเป็นหรอก .. เพราะความรู้สึกที่ถูกทำลาย จะพูดคำไหนก็แปลความหมายออกมาได้เหมือนกันหมด
ความรัก ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่เหละ ไม่ต้องพยายามหรอก
................................................
ก็บอกแล้วว่าไม่ดราม่า... เสือปิงอะ ไม่ดราม่า
แต่ไม่บอกนินะ ว่า อิฐไทจะไม่ดราม่า #โดนตบรัวๆ

รู้สึกความรู้สึกคนละขั๋วเลย หวานๆ กับ เสือปิง แล้วมา.. กับอิฐไท
เจอกันตอนนี้ เร็วๆนี้ ไม่ช้า ไม่นาน ไม่ค้าง ไม่รักไม่ต้องมาแคร์มาดีกับฉัน
ฝากแท็ก #เสือปิง ด้วยนะคร่า ทุกท่านนน ในทวิต หรือใน เฟส ก็ได้
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
