ตอนที่ 61 ครืน ครืน ครืน
เสียงโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือ ผมมองมันอยู่แบบนั้นแต่ก็ไม่ได้กดรับ ขาที่เดินไปตามทางของคอนโดเรื่อยๆ หลังจากบอกเล่าเรื่องราวความจริงกับอีกคนไป ผมก็ออกมาจากที่นั่นโดยไม่ได้กลับไปที่ร้านอีกเลย ผมแยกกับไทตอนนั้น ตอนที่มันไม่แม้จะเอ่ยอtไรสักอย่างกับผม
“ กูทำร้ายหัวใจเพื่อนรึเปล่า กูทำผิดกับเพื่อนมั้ย " ผมคิดแบบนั้นตอนที่ถอนหายใจออกมา ความคิดขัดแย้งของผมที่ทำได้แต่ถอนหายใจออกมาช้าๆ เปิดประตูคอนโดตอนที่ก้าวขาเข้าไปในห้องผมหย่อนตัวเองลงนั่งที่โซฟาก่อนจะหลับตาลงช้าๆ
ราวกับการประมวลภาพต่างๆที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ตอนที่ผมเจอกับอิฐอีกครั้ง ตอนที่ไทยิ้ม ตอนที่ไทมีความสุข ตลอดจนตอนที่มันค่อยๆหยุดยิ้มไป
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูที่ผมหันไปมอง เสือเดินเข้ามาผมก็ถอนหายใจก่อนจะหันกลับมามองที่จุดเดิม มันที่เดินเข้ามาใกล้ก็เอ่ยถาม " ทำไมกลับเร็ว " ผมที่ไม่ตอบอะไร นิ่งอยู่แบบนั้นมันก็ยื่นเท้ามาเขี่ยที่ขา " ปิง ทำไมกลับเร็ว " ถามอีกครั้งผมก็ยังไม่อยากจะตอบ ตอนนี้ไม่แม้จะอ้าปาก หรือหันไปมองหน้ามัน สับสนเสียจนอยากจะนั่งนิ่งๆเงียบๆคนเดียวเท่านั้น " เป็นอะไร "
เสือเดินเข้ามาใกล้ มันเลิกคิ้วก่อนจะพูดขึ้นเสียงใส่ " เป็นอะไร อย่ามานั่งนิ่งๆ ทำท่าเหมือนคนจะตาย ถามอะไรก็ไม่พูด " พอเห็นผมเงียบไม่ยอมตอบจริงๆ มันก็เริ่มถอนหายใจแล้วนั่งลงข้างๆ อาจเพราะผมไม่เคยเป็นแบบนี้ ตอนนี้มันเลยดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้ก่อนจะถามด้วยเสียงนุ่มๆ " เป็นอะไร หื้ม ? ตอบกูหน่อยว่ามึงเป็นอะไร ใครทำอะไรมึง “
“ เปล่า " ตอบเสียงสั้นๆก่อนจะหันหน้าเข้าไปซบที่อกมัน " ไม่มีใครทำกู แต่เป็นกูที่ไปทำเค้า "
“ ทำอะไร "
“ กูทำให้ไทเสียใจ กูทำร้ายเพื่อนกูเอง เสือ กูทำร้ายมัน กูทำความสุขของเพื่อนบ่นปี้ไปหมดแล้ว "
“ หมายความว่าไง "
“ เสือ " ผมผละตัวเองตอนที่เงยมองหน้ามัน " แฟนไอ้ไท คือ แฟนเก่ากู แฟนคนนั้น คนที่มันต้องทำให้กูต้องเป็นแบบนี้ไง แฟนมันคือไอ้เหี้ยนั่น " บอกเสือเสียงน้ำตาที่ไหลออกมา ผมก้มหน้าลงซบที่ไหล่ของเสือ " กูพูดไม่ออกเลยมึง มันที่มีความสุขยิ้มแย้มบอกกูว่าไอ้เหี้ยนั่นคือแฟนของมัน กูที่ได้แต่นิ่งแล้วมองดูมันมีความสุข ความสุขที่มันไม่เคยมี ใจกูแม่งเจ็บไปหมดแล้ว ทำไมวะ ทำไมต้องเป็นไอ้เหี้ยนั่นด้วย กูสงสารเพื่อนมึง ถ้ามันต้องมาเจอแบบที่กูละ ไทมันจะรับไหวเหรอวะ "
“ แล้วบอกไทรึยัง "
“ บอกแล้ว แล้วก็เห็นด้วยว่าหน้าที่มีความสุขของมันค่อยๆหายไปกลายเป็นความทุกข์หน้าตามันเป็นยังไง กูเหมือนคนที่เอามีดไปกรีดใจของมัน เป็นเหมือนคนที่พรากความสุขไป เหมือนคนที่พูดอะไรออกไปไม่คิด พูดอะไรออกไปไม่ดูเวลา กูควรไม่พูดรึเปล่า ในช่วงเวลาที่มันกำลังมีความสุขแบบนั้น "
“ แล้วจะให้รออะไร " เสือถาม " รอมันมีความทุกข์ก่อนแล้วค่อยบอกเหรอ " ยื่นมือมาประคองหน้าผมเอาไว้ ก่อนเช็คน้ำตาให้เบาๆ " บอกตอนนี้ก็ดีแล้ว ดีกว่ามันมารู้ทีหลัง แล้วถามว่าทำไมตอนนั้นมึงถึงไม่บอกมัน "
“ ดีแล้วเหรอ "
“ มึงทำหน้าที่ของคำว่าเพื่อนแล้ว เพราะเพื่อนที่ดี ต้องไม่โกหกกัน "
“ แต่เสือ "
“ ไม่ต้องคิดมากหรอก แล้วไอ้นั่นมันเป็นยังไง "
“ ใคร " เงยหน้าขึ้นถามมันก็ย้ำ
“ แฟนเก่ามึง "
“ ก็ดี เห็นว่าย้ายกลับมาเรียนที่นี่ด้วยละ ไม่เจอกันตั้งนานมันก็เหมือนเดิม ทุกครั้งที่เห็นแล้วรู้สึกเหี้ยยังไง ก็ยังรู้สึกอย่างงั้น "
“ ชีวิตมันดีมั้ย "
“ คงดีเพราะได้เจอคนแบบไทมั้ง " คนที่ชีวิตไม่เคยพบเจออะไร แม้มันจะซึนๆไปตามประสาบ้าง แต่มันก็นิสัยดี ผมหวนคิดถึงเหล่าเพื่อนๆของมัน ไม่ว่าจะเป็นไอ้ซัน หรือไอ้แอ้มเมียมัน ไอ้ภูอีก เป็นไปไม่ได้หรอก ที่มันจะไม่รู้ว่าไอ้ไทเพื่อนผมในเฟสบุ๊คเราก็เพื่อนกัน .. ผมไม่บล๊อคมันหรอก อยากให้พวกมันรู้จะตายว่าผมมีความสุขขนาดไหน เพราะฉะนั้นไอ้เรื่องที่บอกว่าไม่รู้ว่า ไอ้ไทเพื่อนนี่ ตัดไปได้เลย “ เรื่องอื่นกูไม่รู้หรอก แต่เรื่องที่มันคบกันกูมั่นใจแน่ว่า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แน่ๆ "
“ มึงจะบอกกูว่ามันเข้ามาเพราะอยากจะเจอมึงเหรอ "
“ เปล่า กูไม่ได้ค่าอะไรแบบนั้นหรอก " ก็อย่างที่มันบอกกับผม ผมไม่ได้มีค่าอะไรกับมันแล้ว แต่ที่ผมคิดก็คือ " มันคงอยากจะกวนประสาทกูมากกว่า "
“ ยังไง "
“ เข้ามาจีบไอ้ไท แล้วให้ไอ้ไทพามาแนะนำกับกู ให้กูเห็น พอกูโวยวายขึ้นมา ก็เลิก จบ "
“ แค่นั้น เพื่ออะไร " เสือถาม
“ คนบางคนแค่ได้ทำเรื่องไร้สาระก็มีความสุขแล้ว โดยไม่คิดถึงจิตใจของใครอีกคนเลย ว่าจะรู้สึกยังไง "
“ แต่บางทีก็อาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้ "
“ มึงคิดงั้นเหรอ "
“ ถ้าเอาแค่สะใจ มันควรเปิดตัวกับมึงนานแล้ว มันจะรอเวลาให้ไทเจ็บทำไม ไทไม่เกี่ยว " เสือบอก " แต่ถ้ามันเหี้ยมาก อันนั้นก็ไม่รู้ "
“ อย่าพูดแบบนั้นสิ " ผมถอนหายใจออกมาตอนที่พิงหลังลงกับตัวมัน " ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงบ้าง "
“ นั่นมันเรื่องของเค้า อย่าไปสนใจเลย มันจะตัดสินใจยังไง นั่นก็คือ เรื่องของมันอยู่แล้ว ความรักของมัน หัวใจของมัน มึงทำได้แค่ดูเท่านั้นละ "
“ อื้ม "
...........................................................
ผมเดินออกจากห้องน้ำของห้างตอนที่ได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้นจากปากของปิง ทุกอย่างในตอนนั้นก็เหมือนมืดสนิทไปหมด มือสวยๆของปิงยกขึ้นจับไหล่ของผมก่อนจะบีบไว้แน่น " ไท กูขอโทษ "
' ขอโทษทำไมกันนะ ' ผมคิดแบบนั้นมันก็ต้องทำถูกแล้ว ที่บอกความจริงกับผม ก็ทำถูกแล้วที่ไม่ปิดบัง ทำถูกแล้ว แต่ตอนนั้นกลับไม่ได้ตอบอะไรมันออกไป ปิงตัดสินใจกลับไปตั้งแต่ตอนนั้น เหลือแต่ผมที่พาตัวเองเดินกลับไปที่ร้านนั้น ฝนหันมามองหน้าผมที่เดินตรงเข้าไปหาอิฐ
" มึงไปซะตั้งนาน กูคิดว่าแอบหายไปปล่อยให้พวกกูนั่งเม้าส์กันสองคนละ "
" กลับกันเถอะ " ผมพูดเสียงนิ่งๆ อีกคนก็มองหน้า ยังไม่ทันถามอะไร อิฐก็พยักหน้ารับ
" อื้ม "
" แล้วปิงละ " ฝนถาม
" กลับไปแล้วละ " ผมบอก ก่อนจะมองหน้าฝน " กลับก่อนนะมึง "
“ อ่าฮ่ะ " มันพูดออกมาแบบงงๆ เล็กน้อย ผมก็หันหลังเดินออกจากร้าน อิฐที่เดินตามมาเงียบๆ เราขึ้นรถตอนที่ขับไปตามทางผมก็เงียบไปตลอดทาง จนตอนที่รถจอดติดไฟแดงอิฐก็หันมาถามผมด้วยเสียงนิ่งๆ
“ ปิงบอกเรื่องนั้นแล้วใช่มั้ย " มือหนาที่ยื่นมาจับมือผมตอนที่มองออกไปนอกหน้าต่าง
“ อื้ม " ผมตอบมันสั้นๆตอนที่น้ำตาเริ่มไหลลงมา ผมทำได้แค่กัดปากของตัวเองไว้แน่น ผมพยายามถามตัวเองว่าทำไมมันไม่บอผม แล้วทำไมตัวผมถึงโง่แบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาจะรออะไรอยู่ ให้มั่นใจว่ารักเค้าแล้วค่อยพามาพบเพื่อนสนิทอย่างงั้น ทั้งๆที่คิดว่านั่นคือความคิดที่ดีแล้ว แต่มันกลับไม่ใช่ มันไม่ใช่เลย ยิ่งมั่นใจเท่าไหร่ว่าเค้าคือคนที่ใช่ ใจมันก็ยิ่งเจ็บเท่านั้น
ไอ้เหี้ยคนนี้นี่เองที่ผมอยากจะเจอมาตลอด คนที่ทำให้ชีวิตไอ้ปิงต้องเจอแต่เรื่องไม่ดี ไอ้เหี้ยคนที่นั่งข้างๆผม คนที่มันกอดผม คนที่ผมรัก คนคนเดียวกันเลย
“ ไท ขอโทษ " มันพูดเสียงเบาๆ แต่ผมก็ทำได้ค่ร้องไห้อยู่แบบนั้น ตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้เลยว่าอะไรคือสิ่งที่ตัวเองต้องพูดออกมา ทุกอย่างมันชา มันมึนไปหมด ผมทำได้เพียงแค่ร้องไห้ แค่ร้องไห้ออกมา
“ ทำไมต้องเป็นกูด้วย ทำไมต้องเป็นกู " ผมถามตัวเอง ผมถามมัน ทำไมถึงเลือกผมเหรอ ทำไมถึงไม่ใช่ฝน ทำไมถึงไม่ใช่คนอื่น มาทำให้ผมรัก ทั้งๆที่มันก็รู้ว่าปิงเพื่อนผม " มึงทำไปทำไมวะ มึงทำไปทำไมอะ กูไปทำอะไรให้วะ วันนั้น วันที่เราเจอกันครั้งแรก รู้อยู่แล้วใช่มั้ย ว่ากูเป็นเพื่อนปิง "
“ อื้ม " มันสารภาพ
“ แล้วมึงทำ ทำไมวะ มึงเข้ามาทักกูทำไมวะ ทำไมต้องมาทำให้กูเป็นแบบนี้ด้วย รู้อยู่แล้วว่ากูเป็นเพื่อนแฟนเก่าของมึง แล้วแบบนั้นมึงทำ ทำไมวะ " อิฐไม่ตอบมันนิ่ง " กู ไม่เคยมีความรักเลย กูไม่เคยมีความรักดีๆเลย ไม่เคยมีเลยสักครั้งในชีวิต แล้วมึง ทำไมมาทำแบบนี้วะ ไม่รักกู กูก็ไม่ว่า แต่มาทำร้ายกูทำไมวะ กูผิดนักหรอ ที่แค่อยากมีรักดีๆ อยากมีคนรักดีๆ กูมันผิดมากนักเหรอ "
“ ไม่ใช่แบบนั้น ไท กูไม่ได้หลอกมึง " อิฐจับแขนของผม มันที่พยากอธิบาย แต่ตอนนั้นไฟเขียวก็ส่งสัญญาณในเราต้องเดินรถไปข้างหน้า มันเปลี่ยนมาจับมือผม พร้อมอธิบาย " โอเค กูยอมรับ กูยอมรับว่าตอนแรกที่กูเห็นมึงมันเป็นเรื่องบังเอิญ ไอ้แอ้มมันชี้ให้กูดูว่านั่นน่ะ เพื่อนของปิง กูก็เข้าไปจีบมึงเล่นๆ ใช่ ตอนนั้นกูเล่นๆ แต่หลังจากที่กูได้คบมึง ได้รู้จักมึง กูก็เปลี่ยนความคิด กูไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว เพราะงั้นวันนี้ที่กูมา รู้ทั้งรู้ว่ามาเจอปิง แต่กูก็มา มาเพราะอยากทำให้มึงเข้าใจ ไม่อยากจะปิดบังอะไรมึงอีก กูรู้ว่าในความคิด ในสายตาของมึงกูอาจจะไม่ใช่คนดี แต่ไท.. อย่าเอาตอนนั้นของกู กับตอนนี้ไปเกี่ยวข้องกันเลยมันไม่เกี่ยวกันนะ "
“ มันไม่เกี่ยวกันเหรอ " ผมถาม " ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เกี่ยวกันเหรอ " รถที่กำลังเคลื่อนเข้าไปในลานจอดรถของคอนโด ล้อที่หยุดสนิทลงเบรคมือที่ถูกดึงขึ้นหลังการหยุดรถให้นิ่งนั้น ผมดึงมือของตัวเองออกจากมือของมัน " แต่กูว่ามันไม่ต่างกันหรอก ถ้าเป็นคนดีจริงๆ ทั้งๆที่รู้ว่ากูเป็นเพื่อนปิง มึงคงไม่คิดที่จะเข้ามาคุย เข้ามายุ่งด้วยตั้งแต่แรกหรอก แต่เพราะอยากจะทำให้ปิงหงุดหงิดเลยเข้ามายุ่งกับกู แล้วก็คงคิดว่าทำเล่นๆ สักพักก็เลิก งั้นขอถามหน่อย กูที่ต้องเจ็บ เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วยวะ เพราะกูเป็นเพื่อนปิงเหรอ มึงถึงมาทำกับกูแบบนี้ ทำไมถึงเลือกกู เพราะกูโดยหาความรักเหรอ .. แล้วคนอย่างกู อยากมีความรักกับเค้าบ้างไม่ได้เหรอทำไม กูผิดอะไรถึงมาทำกับกูแบบนี้ มาทำให้กูเจ็บ "
ผมรู้สึกตัวเองพูดอยู่แค่เรื่องเดียว พูดวนๆ พูดซ้ำๆ ผมผิดอะไร ทำไมถึงมาทำกันแบบนี้ มันไม่เคยจิตใจกับผมเลยแม้แต่วันแรกที่เจอกันก็ไม่ เข้ามาเพื่อให้ผมเป็นตัวกลาง ทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด " กูรู้นะ ว่ามึงอยากให้ปิงเจ็บปวดที่เห็นมึงคบกู แต่อิฐ แล้วกูละ กูคนนี้เจ็บไม่เป็นเหรอ "
พูดประโยคสุดท้ายก่อนจะก้าวขาเดินลงจากรถมา ความจริงที่ผมได้ฟังวันนี้เหมือนฉีกหัวใจของผมให้แหลกละเอียดกลายเป็นชิ้นๆ ขาที่ค่อยๆเดินผมรู้สึกถึงแรงวิ่งของใครอีกคนที่คว้าตัวผมมากอดไว้
“ ไท กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนั้น แต่ตอนนี้กูอยากให้มึงฟังกูสักหน่อย กูอาจจะผิดที่เข้ามาหามึงในทางที่ไม่ดี แค่เล่นๆ แต่ไทตั้งแต่กูคบกับมึงกูก็เปลี่ยนไป กูไม่ได้คิดเล่นๆ อย่างที่คิดในตอนแรกแล้ว มึงทำให้กูเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปในทางที่ดี "
“ ปล่อย " ผมบอก “ ปล่อยกู "
“ ไท "
“ กูบอกว่าให้ปล่อยกู!! “ ผมตะโกนออกไปตอนที่สะบัดตัวมันออกผมก็ค่อยๆเดินถอยหลัง " อย่ามายุ่ง อึก อย่ามายุ่งกับกูอีก อย่ามายุ่ง ปล่อยกูไปเถอะ อย่ามายุ่งกับกูเลย "
อย่าเอากูเข้าไปยุ่งกับเรื่องของมึง อย่าทำให้กูต้องเจ็บปวดขนาดนั้น กูไม่ใช่คนเก่ง กูรับความเศร้าแบบนั้นไว้ไม่ไหวหรอก หัวใจกูมันไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น
“ ปล่อยกูไปเถอะ ถือซะว่าทำบุญ "
ผมเดินเข้ามาในห้องของตัวเองทรุดลงตรงประตูก่อนจะนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น ผมไม่ได้เปิดไฟในห้องแต่ทุกอย่างกลับฉายชัดออกมาจากความทรงจำชของเรา ห้องครัวที่เคยทำอาหาร โซฟาที่เคยนั่งด้วยกัน ทีวีที่มีรายการโปรด เตียงนุ่มๆที่เรานอนกอดกัน ทุกอย่างมีเรื่องราวในห้องนี้มีเรื่องราว
ทั้งๆที่ห้องนี้มันก็ห้องของผม แต่น่าแปลก... น่าแปลกที่ว่า มันกลับมีภาพใครอีกคนซ้อนทับเต็มไปหมด นี่ละมั้งคงเป็นความรู้สึกที่ใครๆบอก เวลาที่ทะเลาะกัน ความทรงจำจะช่วยให้เรากลับมารักกันอีกเหมือนกาวใจ แต่เวลาที่เลิกกันสิ่งนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากมีดคมๆ ทิ่มแทงจนรู้สึกอยากจะตายลงเสียให้ได้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูในเช้าวันใหม่ทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมาจากหน้าประตูห้องที่ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มองดูแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาผมหรี่ตามองมันก่อนจะถอนหายใจออกมา เสียงเคาะประตูที่ยังดังต่อเนื่องผมค่อยๆลุกจากที่ที่ตัวเองนอน มองลอดออกไปมองตรงช่องทางเล็กๆก่อนจะเปิดประตูเมื่อรู้ว่าใครยืนอยู่นอกห้อง
“ ไท " ฝนเรียกผมก่อนจะชูถุงโจ๊กขึ้นมาให้ " กินโจ๊กหน่อยนะ "
“ ไม่หิว " ผมบอกก่อนจะพาตัวเองไปนั่งที่โซฟา มันคงรู้เรื่องแล้วดูจากสีหน้าก็รู้ แววตาที่กำลังสงสารผมจับใจ น่าสมเพชพอๆกับน้ำตาที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด " ปิงเล่าเรื่องนั้นให้มึงฟังแล้วเหรอ "
“ อ้อ อื้ม " มันพยักหน้า
“ แล้วปิงล่ะ "
“ ไม่มาหรอก " ฝนบอก " มันไม่กล้ามาหรอก "
“ ทำไมไม่กล้ามันผิดอะไร "
“ มันกลัวมึงรู้สึกแย่มันเลยไม่มา " ผมพยักหน้ารับ " กินโจ๊กหน่อยนะ "
“ ยังไม่หิวมึงตั้งไว้เถอะ "
“ กินหน่อยน่า " มันเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะนั่งลงใกล้ๆ มือที่โอบไหล่ผมไว้มันบีบเบาๆ " เดี๋ยวความรู้สึกนี้มันก็ผ่านไป กินข้าวสักหน่อย อย่าทำร้ายตัวเอง ปิงเป็นห่วงมึงมากนะ นี่ก็ออกไปซื้อโจ๊กตั้งแต่เช้ามาให้มึงกิน "
“ ไม่ใช่ความผิดของมันหรอก " ผมบอก " แค่คนซวยมันคือกูเท่านั้นเอง "
“ อย่าพูดแบบนั้นสิ มึงไม่ซวยหรอก กินข้าวหน่อยเถอะนะ " มันลูบหัวเบาๆ รู้สึกสมเพชตัวเองชะมัดที่เป็นแบบนี้ ผมส่ายหน้า
“ ตั้งไว้เถอะ เดี๋ยวกูหิว กูกินเองละ "
“ ไท "
“ ฝนกูอยากอยู่คนเดียว "
“ ก็ได้ แต่ให้กุญแจห้องกูไว้ชุดนึงนะ กูเป็นห่วง " มันบอกผมก็พยักหน้า ฝนขยี้หัวผมเบาๆ " มีอะไรโทรหากูนะ จะไปไหนก็โทรมาหาได้ตลอด ยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย กูจะรีบมาหามึงทันที เข้าใจมั้ย "
“ อื้ม " พยักหน้าอีกครั้งมันเดินเข้าไปในห้องคงจะไปหยิบกุญแจสำรอง ฝนเดินมาที่โซฟาอีกครังมันกอดผม
“ ยังมีกูอยู่นะ มึงไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกนะ "
“ อื้ม " พยักหน้าซ้ำลงอีกครั้งตอนที่มันเดินออกไปจากห้องผม แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาเพิ่งรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปอย่างเชื่องช้าก็วันนี้ ผมมองแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาในห้องอยู่สักพัก รู้สึกว่ามันคงอีกนานมากกว่าจะมืดลง ในจังหวะนั้นผมลุกขึ้นพาตัวเองไปที่ตู้ยา ในนั้นจำได้ว่าเคยมียานอนหลับอยู่แผงนึง ผมหยิบมันขึ้นมาก่อนจะกินไปสองเม็ดก่อนจะพาตัวเองกลับมาที่เดิม
นั่งมองทุกอย่างด้วยรอยน้ำที่ไหลลงมาไปเรื่อยๆ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆตอนที่ยาออกฤทธิ์ในช่วงเวลานั้นผมรู้สึกมีความสุขที่สุดเลย ช่วงเวลาที่ไม่ต้องคิดถึง ช่วงเวลาที่ไม่ต้องเสียใจ ช่วงเวลาแห่งการนอนหลับ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดเลย
“ ไท ไท ไท " เสียงที่ได้ยินผมลืมเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นช้าๆ คนตรงหน้าผมคือฝนกับปิงที่กำลังยืนมองผมอยู่ " ตื่นมากินข้าวได้แล้ว " ปิงบอกผมที่หลับตาลงอีกครั้งก็เอ่ยบอกมันไป
“ กูไม่หิวมึง กูง่วงนอน "
“ ข้าวเช้าก็ไม่กิน เย็นจะไม่กินอีกเหรอวะ แล้วนี่บ่ายสี่แล้วมึง จะนอนไปถึงไหนมากินข้าวบ้าง "
“ ตื่นไม่ไหวจริงๆ มึงตั้งไว้เถอะ " ผมบอกทั้งๆที่หลับตาก่อนจะหลับไปอีกครั้งจริงๆ ตอนที่เสียงนั้นมันเงียบลงไปอีกครั้ง
ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีตอนที่หันไปมองนาฬิกาก็พบว่าฟ้าข้างนอกเริ่มสว่างอีกครั้งแล้ว ผมหลับตาลงตอนที่ตื่นขึ้นมาเพราะนอนมากไปเลยทำให้รู้สึกปวดหัวอย่างบอกไม่ถูก ผมลากตัวเองไปที่ตู้เย็น ตอนที่ดื่มน้ำความเย็นที่แล่นริ้วขึ้นมาที่ก้านสมองทำให้ผมหลับตาแน่น
เงาสะท้อนของตัวเองที่ไม่เด่นชัดบนตู้เย็นทำให้ผมรู้สึกได้ว่า ชุดที่ตัวเองใส่ยังเป็นชุดของสองวันที่แล้วอยู่เลย ก้มลงดมเสื้อของตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเองตอนที่เดินไปหยิบผ้าขนหนู ผมมองเห็นตู้เสื้อผ้าที่เคยว่างเปล่าแต่ตอนนี้มันกลับไม่ว่างเปล่าอีกแล้ว เปิดตู้นั้นออกกลิ่นตัวของเจ้าของมันก็เหมือนจะพุ่งเข้ามาใส่หน้าผม มองไปที่โต๊ะกระจกที่อยู่เยื้องกัน น้ำหอมของมัน หรือแม้แต่นาฬิกาก็ยังวางและตั้งอยู่ ผ้าขนหนูผืนเก่าที่ราว ชุดนอนที่ใส่แล้ว ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวผมมีความทรงจำที่อัดแน่นกันไปหมด
“ กูอยากลืม กูอยากลืมมันไปให้หมด " น้ำตาไหลออกมาพร้อมมือของผมที่กระชากเสื้อผ้าเหล่านั้นให้หล่นลงมาจากตู้ทั้งหมด ทั้งโยนทั้งทุ่มมันลงบนพื้น กวาดทุกอย่างบนโต๊ะหน้าจกนั่นลง เหมือนคนบ้าที่กำลังไร้สติผมทำลายข้าวของทุกอย่างที่อยู่ใกล้ตัว ผมเกลียดทุกอย่างที่มันมีอยู่ในตอนนี้ หันมองกระจกที่สะท้อนเงาของตัวเอง
ผู้ชายที่น่าสมเพช ปรากกฏตัวอยู่บนนั้น แววตาดำคล้ำ และร่างกายที่ดูไม่ได้ แต่ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น น้ำตามันกลับไหลลงมาอีก ทั้งๆที่ดูไมไ่ด้ขนาดนี้อยู่แล้ว ยังทำตัวน่าสมเพชอีก ขนาดอยากจะหยุดน้ำตาไม่ให้ไหลก็ยังทำไม่ได้เลย ผมกัดฟันแน่นตอนที่คว้าเอาขวดน้ำหอมของมันได้ ผมก็โดยนไปที่กระจกที่ส่องตัวผมอยู่
เคร้ง!
“ พอกันสักที พอได้แล้ว เลิกคิดถึงได้แล้ว " ผมตะโกนออกมาตอนที่ก้ใลงร้องไห้อยู่นั้น ทรมานเหมือนจะขาดใจได้ให้ คำถามซ้ำๆที่ผมถามตัวเองทำไมมันถึงเลือกผมเหรอ ทำไมผมต้องเป็นคนคนนั้นที่มันเลือกด้วย คนที่ถูกเลือกให้เสียใจและเสียน้ำตา ทำไมกันนะ ทำไมถึงเป็นผมกัน
ความคิดที่เริ่มสับสน ผมลุกขึ้นอีกครั้งตอนที่เดินผ่านกองกระจกผมเหยียบมันไปเบาๆด้วยสองฝ่าเท้า เลือดแดงที่ไหลซึมออกมารู้สึกแฉะๆที่เท้าแต่ก็ไม่ได้สนใจ เดินตรงไปที่ตู้ยาผมกินยานอนหลับเข้าไปอีกสองเม็ดก่อนจะพาตัวเองมานอนลงที่โซฟาอีกครั้ง ทางเดียวที่จะบรรเทาความเจ็บปวดและความทรมานนี้ คือการนอนหลับ แค่การนอนหลับเท่านั้นจริงๆ
“ ไท ไท ไท " เสียงร้อนรนที่เอ่ยเรียก ผมตื่นตาขึ้นช้าๆก่อนจะหลับลงอีกครั้ง " ไท มึงเลือด ทำไมมึงทำแบบนี้วะ ไท ไท " มือที่คอยเขย่าตัวผม เกิดอะไรขึ้นเหรอ ผมถามตัวเองในตอนนั้น เสียงร้อนรนของปิง เสียงร้องไห้ของฝน เกิดอะไรขึ้นเหรอ
“ กูจะนอน " ผมบอก อยากจะนอนแค่เท่านั้นยังไม่อยากจะตื่นเลยทำไมต้องปลุกด้วย
“ ไอ้ไท " ปิงที่เริ่มเรียกผมด้วยเสียงเครือๆ มืออุ่นๆลูบหน้าของผมแรงกอดที่กอดเอาไว้ รู้สึกถึงน้ำอุ่นๆที่ตกกระทบลงมา อาจจะมีใครสักคนร้องไห้แต่ตอนนั้นผมกลับไม่ได้สติเลยสักนิด เปลือกตาหนักอึ้งลืมตาไม่ขึ้นเลยสักนิด " ทำไมมึงทำแบบนี้ มึงไม่รักตัวเองเลย "
“ ปิง กูจะไปเรียกยามให้ขึ้นมาอุ้มมันนะ "
“ อื้ม "
“ ปิง " ผมที่พยายามเรียกมัน สองแขนที่กอดผมไว้มันก็ยิ่งแน่นขึ้น
“ กูไม่น่าบอกมึงเลย กูไม่น่าบอกมึงเลยไท กูขอโทษมึง กูขอโทษ " น้ำตาไหลตกกระทบผมมากขึ้น ผมรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผม ผมตื่นตาไม่ขึ้นอีกแล้ว ทั้งๆที่ใจนั้นก็อยากจะบอกออกไป
“ ดีแล้วที่มึงบอก ขอบคุณนะ "
“ ไท กูขอโทษมึง กูขอโทษ "
“ ปิง ยามมาแล้ว " ผมรู้สึกถึงตัวเองที่ลอยตัวขึ้นในประโยคนั้น ผมหลับไปอีกครั้ง ตอนที่พยายามจะตื่นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในที่ที่แสงจ้าไปหมด เสียงที่วุ่นวายเหมือนทุกคนกำลังกำลังรีบเร่งอยู่มาก ไม่รู้ว่าที่ไหน ไม่รู้ว่าเกิดอะไร สับสน แล้วก็วุ่นวายไปหมด แล้วด้วยฤทธิ์ยาที่ไม่สามารถต้านไหวผมก็กลับลงอีกครั้ง
เปลือกตาที่หนักอึ้งผมลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องที่สว่างจ้าไปด้วยทั้งแสงธรรมชาติและแสงไฟ แอร์เย็นๆที่ตกกระทบผิว มันมองโดยรอบที่ไม่ใช่ห้องนอนของผม แต่นี่คือโรงพยาบาล รู้สึกเจ็บที่ฝ่าเท้าทั้งสองข้างเป็นที่แรกที่ตื่น ก่อนคนที่นั่งไถโทรศัพท์นิ่งๆสองคนจะหันมาสนใจทันทีตอนที่ผมส่งเสียงครางออกมาเบาๆ
“ อื้มม "
“ ไท " ปิงเรียกผมมันยืนอยู่ข้างเตียง สองมือที่จับมือผมไว้ แววตาของมันบวมไปหมดเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา
“ ร้องไห้ทำไมวะ "
“ มึงยังมีหน้ามาถามกูอีกเหรอวะ ไอ้เหี้ย ทำไมมึงทำแบบนี้ ทีหลังไม่ทำแบบนี้อีกแล้วนะ " มันก้มลงมากอด กอดด้วยแสงแขนที่แน่นจนรู้สึกอึดอัด " มึงทำร้ายตัวเองทำไม "
“ กูทำอะไร "
“ มึงเหยียบกระจกเลือดไหล่เป็นทางทั้งห้องเลย แล้วยังอัดยานอนหลับเข้าไปอีก ตอนนั้นไม่รู้ตัวเลยเหรอ " ผมถามผมก้ส่ายหน้า
“ ไม่เห็นรู้ตัวเลย "
“ ไท ทีหลังมึงอย่าทำแบบนี้อีก ถ้ามันไม่ใช่กระจกชิ้นเล็กๆอย่างวันนี้ ถ้าพวกกูไม่ไปหามึงตอนเช้า มึงจะไม่โชคดีแบบนี้นะ " ปิงลูบหัวผมเบาๆ " รักตัวเองสิมึง ไม่มีใครรักเรา มึงก็รักตัวเอง รักมันให้มากๆ เพราะมันไม่มีคนรักแล้วนะเว้ย "
“ ปิง " ฝนปรามมันที่กำลังจะพูด
“ ที่กูพูดมันอาจจะเจ็บแต่มันคือเรื่องจริง " ปิงพูดเสียงเครือ " รักตัวเองให้มากๆสินมึง อย่าทำแบบนี้อีกแล้ว ไม่มีมึงอยู่แล้วกูจะอยู่ยังไง "
“ กูไม่ได้ตายสักหน่อย " ผมพูดติดขำกับมันที่เอาแต่กอดผมร้องไห้
“ มึงยังมีพวกกูนะ ไม่ใช่ไม่มีใครเลย ยังมีเพื่อนอยู่นะ " ฝนลูบหัว " กูสองคนตกใจแทบจะทำอะไรไม่ถูกเลยรู้มัยตอนที่เห็นมึงนอนอยู่แบบนั้น "
“ แบบไหน "
“ นอนนิ่งๆแล้วเลือดก็ไหลออกมาเต็มเท้าเลย หยดลงมาที่พื้น เป็นทางเดินมาจากห้องนอนของมึง "
“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น มันเกิดอะไรขึ้น น้ำตาของผมไหลออกมาตอนที่คิดถึงมัน
“ ไท "
“ หมอบอกว่ากูต้องอยู่ที่นี่ไปอีกกี่วันเหรอ "
“ อีกสองวัน "
“ อีกสองวันเลยเหรอ แค่กระจกบาดเท้านี่อะนะ " ผมหัวเราะออกมา ปิงที่ยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้
“ ไม่ได้กินอะไรหลายวันร่างกายอ่อนแอ มึงเองก็เดินลำบาก อยู่ที่นี่สักสองคืนก็ดีแล้ว "
“ อยากกลับห้อง " ผมบอก " แต่พวกมึงรบกวนหน่อย "
“ หื้ม ? มีอะไร "
“ ช่วยไปทิ้งขยะในห้องกูให้หน่อยได้มั้ย กูไม่อยากจะเห็นมันอีกตอนที่กูกลับไป "
“ ได้สิ เดี๋ยวกูจะกลับไปทิ้งให้นะ " ปิงบอกมันลูบหัวผม " มึงนอนเถอะ วางใจได้เดี๋ยวกูจะจัดการให้มึงเอง "
“ ขอบคุณนะ " ผมบอก ปิงก็พยักหน้ารับ มือที่คว้ามือมันที่ตั้งอยู่บนเตียงไว้ผมกำแน่น " ปิง "
“ หื้ม มีอะไร "
“ ขอบคุณนะ ที่บอกเรื่องนั้นกับกู "
“ อื้ม " เราที่ยิ้มให้กัน ปิงที่จับมือผมไว้แน่น " ไม่ต้องห่วงกูจะจัดการ ทิ้งทุกอย่างในนั้นให้มึงเอง "
.........................................................
เคยมีคนบอกว่า คนแต่ละคนมีหัวใจที่รองรับความเจ็บปวดได้ไม่เท่ากัน
บางคนอาจจะไม่เป็นไร แต่มันอาจจะไม่ใช่อีกคน..
แล้วเหตุผลที่ควรใช้ก็เหมือนกัน บางทีก็อาจจะใช้ไม่ได้
เพราะความรัก มันมักจะไม่ใช่เหตุผล
ตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้แหละ
ใครมีทวิตกับเฟส ฝากช่วยแท็ก #เสือปิง ด้วยนะคะ หนมอยากรี ><
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
ป.ล. ในแฟนเพจหนมมี่มีประกาศอยู่อย่าลืมเข้าไปอ่านนะคะ
https://www.facebook.com/btskkanom?ref=bookmarks