ตอนที่ 67
เช้าวันใหม่ตอนที่ลืมตาขึ้นมาในห้องที่เงียบสงบของผม ถอนหายใจออกมาเป็นสิ่งที่แรกที่ผมก่อนจะพลิกตัวไปอีกฝั่ง ครั้งนึงผมเคยรู้สึกว่าเตียงแคบๆของผมอึดอัดตอนที่ได้นอนกันสองคน อาจเพราะทุกคืนจะมีใครคนนึงกอดผมไว้ เช้าขึ้นมาสิ่งแรกที่ทำคือถอนหายใจกับท่อนแขนใหญ่ๆตรงรอบเอวที่พาดลงมา แล้วแอบบ่นว่าแขนก็ใหญ่ยังจะมาวางบนตัวคนอื่นอีก ตัวกูก็เล็กนิดเดียว ช่วงเวลาเช้าที่มักจะลุกขึ้นจากเตียงยากเสมอ
ต้องกอดกันก่อน ต้องจูบกันก่อน กว่าจะได้ไปอาบน้ำบางทีก็สายเกินกว่าจะเข้าไปเรียนได้ทัน แต่วันนี้ก็คงไปเรียนได้เช้ากว่าใครในห้องแน่ๆ ผมยิ้มก่อนจะบอกตัวเอง " ก็ดีเหมือนกัน "
ลุกขึ้นจากเตียงตอนที่ทุ่มน้ำหนักของตัวเองลงไปที่ฝ่าเท้าความเจ็บเล็กๆแล่นริ้วขึ้นมา ความรู้สึกเจ็บที่แผลตรงฝ่าเท้ายังคงอยู่ ที่หัวใจของผมก็เช่นกัน ลุกขึ้นไปอาบน้ำเพราะว่าต้องใช้เวลานานกว่าปกติ เอาถุงมาผูกเท้าไว้ ผมอาบน้ำจนเสร็จแม้มันทุละทุเลจนน่ารำคาญ หยิบเสื้อนักศึกษามาใส่ก่อนเสียงโทรศัพท์แรกของวันจะดังขึ้น
ครืน ครืน ครืน
“ ว่าไง " ผมกรอกเสียงไปตามสาย ไอ้ฝนเป็นคนโทรเข้ามาหา
“ วันนี้กูไปมึงที่คอนโดนะ เดี๋ยวไปเรียนด้วยกัน " มันบอก " มึงเสร็จยังละ กูกำลังจะออกแล้วนะ "
“ ใส่เสื้ออยู่ เสร็จแล้วละ "
“ อื้ม งั้นกูออกไปเลยนะ ต้องขึ้นไปรับปะ มึงเดินลงมาได้เปล่า "
“ มันมีลิฟต์นะมึง " ผมบอกก่อนจะยิ้มกับความห่วงใยของมัน
“ เออ งั้นเดี๋ยวเจอกัน " ฝนวางสายโทรศัพท์ไป ผมที่แต่งตัวเสร็จก็หยิบหนังสือที่ต้องเรียนของวันนี้ใส่กระเป้ของตัวเอง เดินช้าๆออกจากห้องนอน แต่ตอนที่เปิดประตูจะออกไปรอไอ้ฝนข้างล่างผมก็พบว่าใครบางคนกลับยืนรออยู่ข้างหน้าประตูนั้น " อิฐ "
“ จะไปเรียนแล้วเหรอ " มันถาม
“ อื้ม " ผมพยักหน้ามันก็นิ่งอยู่สักพัก
“ ไปส่งได้มั้ย "
“ ไม่เป็นไรมึง เดี๋ยวฝนมารับกู " บอกแบบนั้นผมก็ยิ้มก่อนจะเดินถอยออกจากมันมา อิฐที่เดินตามมาเราลงลิฟต์ไปพร้อมกับผม จำได้ว่าวันนี้มันไม่มีเรียน มองผมผ่านเงาของลิฟต์ที่สะท้อนเงาของเรา อิฐที่กำลังมองผมความเงียบที่อยู่รอบตัวเราอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ผมก้มหน้าลิฟต์พาเรามาถึงชั้นล่าง ผมเดินออกมาจากลิฟต์แต่เพราะเดินได้ช้าๆประตูลิฟต์ที่กำลังปิดลงอีกครั้งมันก็กดเปิดให้ " ขอบใจมึง " ผมบอกตอนที่เดินไปเรื่อยๆ หยุดยืนรอไอ้ฝนอยู่ที่หน้าคอนโด อิฐก็เดินมาหยุดอยู่ข้างหลัง ตรงที่ว่าง " อิฐ "
“ หื้ม ? “
“ เลิกตามเถอะ มึงกำลังทำให้กูอึดอัดนะ " ผมบอก " ตอนนี้อึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ววะ เลิกตามเถอะ "
“ แต่ว่ากู "
“ กูไม่อยากเห็นหน้ามึง " หันไปบอกแบบนั้น สายตาของผมที่มองมัน ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไม่อยากจะเห็นหน้ามัน ยิ่งเห็นก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกต้องคิดถึงเรื่องราวของเรา " ให้กูได้หายใจบ้างเถอะ อย่าทำให้กูต้องอึดอัดไปมากกว่านี้เลยวะ "
“ ขอโทษแล้วกัน " มันบอกก่อนจะเดินออกไปจากที่ตรงนั้น แผ่นหลังที่ห่างออกไปผมที่ถอนหายใจออกมา เสียงแตรรถที่มาจอดด้านหน้าก็ดึงตัวผมจากความรู้สึกเศร้านั้น
บรี๊ด บรี๊ด กระจกรถที่เลื่อนลง ไอ้ฝนที่นั่งอยู่ในรถมันยิ้มให้ผม " ไปเรียนกัน " มันบอกแบบนั้น ผมไม่รู้ว่ามันเห็นอิฐรึเปล่า ผมเดินขึ้นรถมันก็ถอนหายใจก่อนจะยื่นมือมาจับที่หน้า " ไม่เป็นไรแล้วนะ เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปเหมือนปัญหาอื่นๆที่เคยเข้ามานั่นแหละ "
“ เห็นเหรอ เมื่อกี้น่ะ " ผมถามมันก็พยักหน้า ผมก้มหน้าลง ตอนที่มองออกไปนอกหน้าต่าง " เจ็บเนอะ ทั้งๆที่ไม่มีแผล เลือดก็ไม่ออก แต่เจ็บวะ "
“ แต่แผลที่มองไม่เห็นนั่นแหละที่เจ็บที่สุด เพราะเราจะไม่รู้เลยว่า ต้องทำยังไงมันถึงหาย "
“ อื้ม " พยักหน้ารับกับความคิดของมัน มือของฝนเลื่อนลงมาจับไหล่ของผมมันตบเบาๆ " ไปเรียนเถอะ เดี๋ยวสาย "
“ อื้ม " มันพยักหน้ารับ รถที่เคลื่อนออกไปจากที่จอด ผมมองออกไปนอกหน้าต่างตลอดทาง ฝนเองมันก็เงียบไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เรามาถึงมหาลัยในเวลาเดียวกันกับปิงที่ก็มาพอดี " อ้าวมึง วันนี้มาเร็วเว้ย "
“ เออ ไอ้เสือมันรีบไปทำกิจกรรมอะไรของมันก็ไม่รู้ " ปิงบอกแบบนั้น ตอนที่หันมามองผมมันก็ถอนหายใจ " เป็นยังไงบ้างล่ะมึง "
“ ก็ปกติ " ผมบอกก่อนจะยิ้ม " ทำไมวะ กูดูไม่ปกติเหรอ "
“ อื้ม ไม่ปกติ "
“ น่า มันก็ต้องค่อยๆปรับ " ฝนบอกแบบนั้น มันคงรู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกๆระหว่างเรา ปิงที่มองผมมันเองก็เหมือนมีหลายอย่างที่อยากจะถาม หลายอย่างที่อยากจะพูด
“ ตกลงมึงกับมันเป็นยังไงวะ "
“ ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรกันหรอก "
“ เลิกกันแล้ว " ปิงถาม
“ ก็คงแบบนั้น " พยักหน้ารับมันไป ฝนที่มองอยู่มันก็มองหน้าผมปิงเองก็ด้วย " กูไม่เป็นอะไรเว้ย เดี๋ยวก็เจอคนใหม่ คนที่มันดีกว่านี้ กูว่ากูหาคนใหม่ดีกว่าคนที่เข้ามาจีบกูตรงๆแบบไม่มีเหตุผลอื่น กูคิดว่าแบบนั้น ถ้าคบไปคงคบกันไม่ยาวหรอก ปัญหาเยอะ แล้วกว่าจะเชื่อใจกันอีก " ยิ้มแห้งๆให้พวกมันก่อนจะเปลี่ยนเรื่องที่กำลังคุย " กูว่าขึ้นเรียนเถอะวะ อยู่ตรงนี้ร้อน เข้าไปนั่งห้องแอร์เย็นๆกันดีกว่า "
“ อื้ม ไปสิ " ฝนบอกมันที่เดินมาจับมือผมแล้วลากออกไป แต่ปิงกลับไม่เดินตามมา มันหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น
“ ไท " ผมหันไปตามเสียงที่เรียกผม ปิงมีท่าทีลังเลทั้งๆที่มันเป็นคนมั่นใจ " เพราะกูรึเปล่า เพราะคำพูดของกูใช่มั้ย ที่ทำให้มึงไม่กลับไปคบมัน "
“ ไม่ใช่หรอก ไม่เกี่ยวอะไรกับมึงเลย กูตัดสินใจของกูเอง กูว่าสานต่อไปมันก็เท่านั้น สู้ไปเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนดีกว่า " พอตอบไปแบบนั้นปิงก็เงียบ
“ ก็คิดให้ดีแล้วกัน ยังไงกูก็อยู่ข้างมึง " มันบอกตอนที่เดินนำผมไป ฝนก็หันมามองหน้าผม มันเองก็เหมือนจะมีอะไรสักอย่างที่อยากจะพูดแต่ก็ไม่พูดออกมา บรรยายกาศที่ดูยิ่งอึดอัดไม่รู้เป็นเพราะความรู้สึกของผมคนเดียวหรือความรู้สึกของเพื่อนที่สงสารผม เหมือนว่าตอนนี้ไม่ว่าจะเลือกทางไหนมันก็อึดอัดไปหมด
“ มึงโอเคนะ " ฝนถาม ผมก็พยักหน้า
“ แล้วทำไมจะไม่โอเควะ "
“ หน้าตามึงดูไม่ดีเลย เหมือนกำลังคิดอะไรตลอดเวลา ปิงมันคงห่วงมึงแหละ ไม่ต้องคิดมากหรอก ก็ทำอย่างที่ปิงบอกแล้วกัน " ฝนยิ้ม " คิดให้ดี คิดให้ดีก่อนจะตัดสินใจ "
“ ยังต้องคิดอะไรอีกเหรอวะ "
“ หมายความว่าไง " ผมหันมองปิงตอนที่มันถาม มันเดินขึ้นตึกไปแล้ว ที่ตรงนี้ก็เลยมีแค่ผมกับฝน " เมื่อเช้ากูเห็นอิฐเดินลงมาส่งมึง กูเห็นมึงพูดอะไรสักอย่างกับมัน ท่าทางหงุดหงิด แต่พอมึงหันกลับมามึงกลับทำหน้าเศร้า ปฎิเสธเค้าไปใช่มั้ย ทำไมวะ รักเค้าไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไม่พูดกันดีๆ "
“ แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาวะ " ผมถาม " ถ้ากูกลับไป มันได้อะไรขึ้นมาวะ ตอนนี้มันก็ได้ว่ายังไงก็อยู่ข้างกูแต่ฝน แฟนกูคือคนที่ทำลายชีวิตมันนะ กูต้องอยู่กับความรู้สึกแบบไหนวะ ปิงจะมองหน้ากูยังไงวะ มันบอกว่ามันไม่แคร์ แต่มึงก็รู้ มันเป็นคนแคร์เพื่อนขนาดไหน มันที่บอกว่าไม่เป็นไร แต่ในใจมันก็คงเจ็บ "
“ แล้วใจมึงละ มึงไม่แคร์มันเลยเหรอ ทั้งๆที่มึงรักเค้า แต่ต้องไม่เลือกเค้า เพราะ ไม่อยากจะทะเลาะกับเพื่อน ไม่อยากผิดใจกับเพื่อน งั้นกูถามหน่อยนะไท ตอนที่มึงอยู่คอนโดมึงอยู่กับรึเปล่า มึงใช้ชีวิตอยู่กับปิงมั้ย ก็ไม่ ปิงมันอยู่กับเสือ มันก็อยู่กับแฟนมัน กูไม่ได้บอกว่า อย่าแคร์ความรู้สึกของเพื่อน ไม่ใช่ แต่กูอยากจะบอกว่า ถามใจตัวเองก่อน แคร์ตัวเองด้วย ว่าตัวเองรู้สึกยังไง คิดทบทวน คิดให้ดี อย่าตัดปัญหาเพียงแค่รู้สึกว่ามันคือทางที่ดีที่สุด มันไม่มีทางที่ดีที่สุดหรอก ถ้ามึงเลือกปิง มึงก็ไม่มีความสุข มึงเลือกความสบายใจของเพื่อนที่รักมึง ก็ใช่นั่นถูกแล้ว แต่พอเราเลิกเรียน ปิงก็อยู่กับแฟน ไปมีชีวิตของมัน แล้วมึงละ แล้วถ้ามึงเลิกอิฐ แน่นอนปิงไม่พอใจหรอก มันคงหงุดหงิด โมโห พูดแซะมึงทั้งวันแน่ๆ มันคงเป็นห่วง มึงเองก็คงอึดอัดจะพูดอะไรก็ไม่ได้ มีปัญหาก็ปรึกษาไม่ได้ เวลาอยู่มหาลัยมึงก็จะอึดอัดสักหน่อย แต่พออยู่กับเค้า มึงก็มีความสุขได้ " ฝนเว้นเสียงมันถอนหายใจ มือที่ยื่นมาตบไหล่ผม มันบีบเบาๆ " สิ่งที่กูอยากบอกมึงเลยก็คือ เลือกในทางที่ชอบ ทางที่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมึงต้องยอมรับมันให้ได้ ถ้าวันนึงที่อิฐทำกับมึงแบบที่ทำกับปิง ก็ต้องรับให้ได้ เพื่อนไม่ทิ้งกันหรอก กูเชื่อแบบนั้น แล้วที่กูมั่นใจเลยคือ ปิงคงไม่มีความสุขแน่ๆ ถ้ามันรู้ว่า ที่มึงตัดสินใจเลิกกับอิฐทั้งๆที่รัก ก็เพราะมัน ต่อให้มันเกลียดมากแค่ไหน แต่ไม่ว่ายังไง มึงก็คือเพื่อนมัน มันต้องอยากเห็นมึงมีความสุขอยู่แล้ว เพราะกูเอง ก็คิดแบบนั้น "
“ แล้วเพื่อนที่แคร์กูขนาดนี้ แล้วมึงจะไม่ให้กูแคร์มันเลยเหรอวะ " ผมถาม " ถ้ากูกลับไปคบกับอิฐจริงๆ กูจะไม่แคร์คนที่โกรธแทนกู ร้องไห้ไปกับกู กูจะไม่แคร์เพื่อนเลยเหรอ กูรักมัน ใช่ กูรักอิฐ แต่ก็อิฐไม่ใช่เหรอวะ ที่ทำร้ายกู "
“ ไท "
“ กูไม่รู้จะทำยังไงวะฝน กูไม่รู้ว่ากูควรรู้สึกยังไง หรืออธิบายอะไรให้มึงฟัง กูเอง กูก็ยังสับสน กูรักเพื่อน กูรักมัน แต่เพื่อนกูกลับเกลียดมัน มันเองก็ทำร้ายชีวิตเพื่อนกู ส่วนกูก็เป็นคนที่อยู่ตรงกลาง เรื่องของกู กูอภัยให้มันได้ กูรู้ ว่าความรักมีผิดพลาดได้ แต่ที่กูไม่รู้เพราะมันไม่ใช่เรื่องของกุคนเดียวไง กูไม่รู้ว่าต้องทำยังไง มันถึงจะดีที่สุด กูทำได้แค่เท่านี้ แค่อยู่กับตัวเอง แล้วยุ่งเกี่ยวกับใครเลย "
" แต่มึง มึงไม่มีความสุข "
" กูไม่มีความสุขอยู่แล้ว ตลอดเวลาจะตอนนี้หรือเมื่อก่อน ก็ใช้ชีวิตแบบเรื่อยๆไม่มีความสุขมาตั้งนานแล้ว เพราะงั้นก็ไม่เป็นไรหรอกที่มันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ถึงจะไม่มีความสุข แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่ามีความทุกข์ก็แล้วกัน "
“ ไท " ฝนเรียกผม มันกอดผมไว้ " กูขอโทษที่ช่วยอะไรมึงไม่ได้เลย กูตัดสินใจแทนมึงไม่ได้ กูเลิกทางเดินให้มึงไม่ได้ กูขอโทษมึง "
“ อย่าถามอะไรจากกูเลย อย่าคาดคั้นเหี้ยอะไรจากกูเลย อย่าพูดถึงชื่อของเค้า ไม่ต้องถามว่าจะทำยังไง แค่ปล่อยกูไปสักพักเถอะ ตอนนี้แค่กูไม่ตอบคำถามของใครๆ ใจกูมันก็เจ็บมากพอแล้ว "
เพราะตอนนี้ สมองที่เอาแต่คิดเรื่องราวของผมกับมัน และความเป็นเพื่อนของผมกับปิง ความเลวที่มันทำกับปิง สิ่งที่มันทำกับผม ทุกอย่างที่อยู่ในใจ ในสมองตอนนี้ก็ตอกย้ำให้ทุกอย่างมันแย่อยู่แล้ว อย่าถามอะไรอีกเลย
...........................................
ไม่เคยมาเรียนครั้งไหนรู้สึกอึดอัดเท่าครั้งนี้เลย ผมที่หันหลังมองไปฝนกับไอ้ไทยืนพูดอะไรบางอย่างด้วยสายตาเคร่งเครียดในใจของมันคงอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกแย่ๆจนแทบอยากจะระเบิดออกมา ความรู้สึกที่พูดไม่เข้าคายไม่ออก ผมได้แต่มองมันอยู่ตรงนี้ มันที่กำลังขีดๆเขียนๆดินสอไปบนสมุดหน้าว่างของตัวเอง เหม่อมองออกไปไกลเหมือนกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเองคนเดียวเงียบๆ
“ ปิง "
“ หื้ม ? " ผมหันไปหาฝนที่เอ่ยเรียก " มีอะไร "
“ ถ้าเป็นมึงจะแก้ปัญหานี้ยังไงเหรอ "
“ หมายความว่าไง " ผมทวนในสิ่งที่มันกำลังจะสื่อ
“ ถ้ามึงเป็นไอ้ไทตอนนี้จะตัดสินใจยังไงวะ ถ้าเสือเป็นอิฐ เสือเป็นคนที่ทำให้ไทเสียใจมาก่อน มึงจะยังรักมันมั้ย จะให้อภัยมันรึเปล่า " ถ้าเป็นเสือเหรอ ถ้าไทเป็นผม ถ้าผมเป็นไท ถ้าเสือเป็นอิฐ นั่นสิ ผมจะให้อภัยมันเหมือนอย่างที่เคยให้อภัยมันมาตลอดมั้ยนะ
“ คิดยากมากเลยใช่มั้ย " ฝนบอก " คนนึงก็รัก คนนึงก็เพื่อน "
“ จะพูดอะไรกันแน่ " ผมหันไปถามมัน
“ เปล่า ไม่ได้คิดจะพูดอะไรทั้งนั้นแหละ ก็แค่รู้สึกว่า ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวกู กูจะรู้สึกยังไงนะ " มันพูดแบบนั้นตอนที่ถอนหายใจออกมา เหมือนมันกำลังคิดว่าถ้าเป็นตัวมันจริงๆในสถานการณ์ที่ไอ้ไทกำลังดำเนินอยู่ ตัวมันจะรู้สึกยังไง " จะเลือกอะไรดี ระหว่างเพื่อนกับแฟน "
" ไม่รู้สิ " พอได้รับคำถามแบบนั้น พอมาเป็นตัวเองกลับตอบคำถามนี้ไม่ได้เลย แล้วลองมาคิดดูว่า ตอนนี้ไทจะรู้สึกยังไง คงทั้งสับสนและไม่รู้จะทำตัวยังไง
ผมหาวออกมาหลังหมดคาบเรียนความง่วงงุนเพราะความเบื่อ ผสมกับความเซ็งทำได้แค่ถอนหายใจออกมา ตอนที่ทุกคนแยกย้ายออกจากห้อง
" วันนี้เสือมารับรึเปล่า " ไทหันมาถามผม ที่พยักหน้าตอบมันไป
" แล้วพวกมึงจะไปไหนกัน มึงล่ะใครมารับ "
" กูกลับกับฝน " มันบอกสั้นๆ ไอ้ฝนที่ยืนข้างกันก็ยักคิ้วให้
" สนใจไปแดกส้มตำหน้า ม. กันก่อนกลับเปล่า " มันชวน " ชีวิตไม่ควรจมลงมากกว่านี้แล้ว ควรหาอะไรสร้างสรรแดก "
" เช่น ส้มตำปูปลาร้าพริกระดับสิบเม็ด " ผมบอก ฝนก็พยักหน้า
" อย่างงั้น "
" มึงไปเถอะ วันนี้กูนัดกินข้าวเย็นกับเสือไว้ว่ะ " บอกพวกมันไปแบบนั้น แอบเสียดายเหมือนกันทั้งๆที่ว่าช่วงเวลาแบบนี้ผมสมควรไปที่สุด ไปอยู่ข้างๆ ไปชวนไอ้ไทคุยเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับมัน แต่นัดของเสือ มันก็นานแล้วเหมือนกันที่ผมไม่ได้ไปกินข้าวนอกบ้านกับมันเลย
" งั้นไม่เป็นไร ไว้ไปแดกกันวันอื่นก็ได้ " ไทบอกมันพยักหน้าก่อนจะยิ้ม มันก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ทำไมกูรู้สึกผิด
" เออ โทษทีนะ เดี๋ยวนัดกันอีกที " บอกแบบนั้นเราก็เดินแยกกันไปคนละทาง ผมเดินลงที่ลานจอดรถหน้าคณะ ส่วนพวกมันคงไปหน้ามหาลัยที่อยู่อีกฝั่ง
ผมถอนหายใจออกมา ช่างใจกับการตัดสินใจของตัวเองเล็กน้อย ตอนที่เดินลงไปที่ลานจอดรถผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์โทรออกเบอร์แรกๆที่คุ้นชิน
ตอนที่กำลังรอสายสายตาของผมมองไปรอบๆก่อนจะเจอเข้ากับคนบางคนที่กำลังยืนอยู่ข้างหน้า คนที่ไม่ใช่คนที่รอหรืออยากจะเจอเลยสักนิด หนำซ้ำยังเป็นคนที่เกลียดด้วยซ้ำไป
" อิฐ "
" มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย "
" เรื่องอะไร " ผมบอกแบบนั้นตอนที่มันเดินเข้ามาใกล้ผมก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งก่อนจะหยุดนิ่ง " หยุดอยู่ตรงนั้น แล้วพูดมา "
" เรื่องของเรา "
" มันไม่มีเรื่องของเรา " ตอบเสียงนิ่งผมที่ลดโทรศัพท์มือถือของตัวเองลงใส่กระเป๋า อิฐก็ถอนหายใจ สายตาของมันสิ้นหวัง ขอบตาดำคล้ำ และท่าทางที่ดูเหนื่อยอ่อน
" กูอยากจะขอโทษ กับเรื่องราวเหล่านั้นอีกครั้ง " มันเว้นเสียง " เรื่องราวที่ทำให้มึงเสียใจ "
" กูไม่เคยเสียใจ " ผมบอก " เพราะคนที่เสียใจคนนั้นมันตายไปแล้ว ไม่มีแล้ว ใครคนนั้น ตอนนี้มีแค่กูที่ไม่เคยเสียใจกับเรื่องแบบนั้น กูที่มีชีวิตใหม่ "
" แต่กูก็อยากขอโทษ ขอโทษที้ต้องทำให้มันเป็นแบบนั้น ถ้าวันนั้นกูไม่พูดแบบนั้น ตอนนี้มันคงไม่เป็นแบบนี้ "
" ตอนนี้มันคงไม่เป็นแบบนี้ที่มึงหมายถึงมันคืออะไร " ผมยกยิ้มตอนที่ถามมัน " หมายถึงว่าตอนนี้มึงกับไทก็คงได้คบกัน มีความสุขนะเหรอ ? ทำไมละ ตอนนี้มึงไม่มีความสุขรึไง ทำไม
ไทมันไม่กลับไปหาสินะ แล้วยังไงล่ะ กูต้องรู้สึกผิดเหรอ ต้องให้อภ้ยเหรอ เพื่อให้มึงกลับไปรักกับไอ้ไทเพื่อนกูอย่างมีความสุข " ผมยิ้ม " มึงลืมไปรึเปล่าว่าตอนที่เข้ามาหาเพื่อนกู เข้ามาจีบ มึงเข้ามาเพราะ กู แล้ววันนี้จะมาเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนั้น มันได้เหรอ ทำได้เหรอ เปลี่ยนแปลงอดีตอะ งั้นเอาแบบนี้ กลับไปแก้ไขคำพูดพล่อยๆของมึงในวันนั้นให้กูก่อนสิ ถ้ามึงทำได้ กูก็ทำได้เหมือนกัน "
" กูไม่ได้อยากเปลี่ยนแปลงอดีต แต่กูอยากจะขอโทษสิ่งที่กูทำกับมึงในอดีต ไม่ได้เกี่ยวกับไท ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันกับเรื่องนั้นทั้งนั้น เป็นแค่เรื่องของกูกับมึง " มันพูดขาที่เริ่มเข้ามาใกล้อีก ผมมองมันไม่วางตา " ตอนนั้นกูที่พูดแบบนั้น กูไม่ได้ตั้งใจ มาพูดตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกไป ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นไม่ได้อยากให้มึงเสื่อม ตอนนั้นกูโกรธ เลยพูดออกไป พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด พูดในสิ่งที่ทำให้ชีวิตของมึงเปลี่ยนไปในทางที่แย่ ขอโทษนะ กูทำได้แค่ขอโทษ เหมือนทุกครั้งที่ทำก็ทำได้แค่ขอโทษ ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ " มันเว้นเสียง " จะไม่ให้อภัยกูก็ได้ ไม่เป็น กูเข้าใจ เข้าใจในความรู้สึกนั้น แต่รับคำขอโทษจากกูได้มั้ย อย่างน้อยแค่อย่ารู้สึกแปลกไปกับไทก็พอ กูขอมึงเท่านี้ แค่นี้จริงๆ ไทมันคงรู้สึกแย่มากพอแล้ว "
" รู้สึกแย่จากเรื่องของมึงนะเหรอ "
" ใช่ " มันตอบรับก่อนจะถอนหายใจออกมา ระหว่างผมกับไทมันไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนักหรอก เราไม่ได้รู้สึกแย่ต่อกันแต่ผมคิดว่า ผมควรเรียกมันว่า ความอึดอัดและเข้าหน้ากันไม่ติดมากกว่า ผมไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว มีแต่จะให้กำลังใจแล้วก็อยู่เคียงข้างมัน แต่สำหรับมัน ผมไม่รู้ ไม่รู้เลยว่ามันคิดอะไร อาจจะสับสน เสียใจ อยู่ก็ได้ " ช่วยทำให้มันยิ้มทีเถอะ "
" คนที่พรากรอยยิ้มของมันกำลังขอร้องกูอยู่เหรอ "
" ปิง "
" ทำไมกูต้องทำ ทำไมกูต้องทำอะไรแบบนั้น ปล่อยให้เวลามันรักษาตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ ไทจะได้เรียนรู้ที่จะเจ็บเป็น " ผมมองหน้ามันที่กำลังแสดงสีหน้าขอร้องกับผม คำขอร้องที่ทำให้ผมรู้สึกสำเพชตัวมันขึ้นมา " คุกเข่าดีมั้ย ต่อหน้ากู เดี๋ยวกูจะทำให้ ทำให้ไทยิ้มไง แบบว่า เล่นมุข ชวนไปเที่ยว อยู่กับมันตลอดเวลา แบบนั้นใช่มั้ยที่มึงต้องการ คุกเข่าสิ ขอร้องกู เดี๋ยวกูทำให้ "
ผมยกยิ้มช้าๆหลังจากประโยคนั้น อิฐที่มองมามันถอนหายใจแล้วคิดถึงสิ่งที่ผมพูดกับมัน " อิฐ มันไม่มีหรอกนะ ยาวิเศษที่จะทำให้ใครสักคนหายเจ็บปวดได้ในระยะยาว มันมีก็แค่ยาที่ช่วยทำให้มันลืมได้แค่ในระยะสั้นๆเท่านั้น มันไม่มีหรอก ยาลบความจำน่ะ นี่มันโลกแห่งความจริง นี่ไม่ใช่โลกที่มีโดเรม่อนอยู่จริงๆหรอก เพราะงั้นมันเลยไม่มีของวิเศษแบบนั้น ปล่อยไทไปเถอะ อย่าพยายามทำอะไรให้มันรู้สึกรักมึงอยู่เลย มึงไม่ใช่คนแสนดีตั้งแต่วันที่มึงเข้ามาหามันแล้ว เพราะงั้น ไม่มีความหมายอะไร ที่จะมาทำดีตอนนี้ ตอนที่มันเจ็บไปแล้ว "
" แต่กูจะทำ ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ " มันว่าพลางนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าผม " ขอร้องเถอะ แค่นิดเดียว แค่ช่วงเวลาไม่นานต่อวันก็ได้ เพราะอย่างน้อยแค่มีมึงอยู่ กูคิดว่ามันก็คงไม่เป็นไร แค่ช่วงสั้นๆที่จะได้ยิ้มบ้างก็พอ สำหรับมันตอนนี้มึงคงเป็นเดียวที่ทำให้มันสบายใจจากเรื่องนี้ได้ "
" กูทำให้ก็ได้ ถ้ามึงก้มลงเอาหัวมาแนบเท้ากู แล้วบอกว่า ขอโทษ " ผมถามในใจผมกำลังคิดว่าสะใจเป็นบ้า ที่ได้เห็นมันยอมอะไรแบบนี้ ผมยิ้ม ยิ้มแล้วคิดถึงตัวมันในเมื่อก่อน มันที่ทั้งหยิ่ง ทั้งไม่ยอมอะไร ขนาดเลิกกัน มันก็ไม่ยอมแม้จะเสียหน้า แต่ตอนนี้ใบหน้าคมที่ผมเกลียดกำลังก้มลงช้าๆ หน้าที่แนบลงบนเท้าของผม ผมยิ้มก่อนจะก้มลงมองดูมัน " ไม่รักแล้วเหรอ ศักดิ์ศรีของมึงที่ มึงเคยรักมันถึงขนาดทำร้ายกูน่ะ ไม่รักแล้วเหรอ " ผมถามมันก็เงียบ " งั้นลองให้กูเอาตีนเหยียบลงบนหัวมึงได้มั้ย แล้วกูจะทำให้ แล้วจะทำให้จริงๆ " อิฐเงียบอีกครั้ง " ไม่ตอบกูถือว่าตกลงนะ "
มองมันที่ยังนิ่งในใจผมก็สั้น อยากจะทำอะไรแบบนี้มานานแล้ว ผมมองไปรอบๆพื้นที่ที่มีผู้คนอยู่ไม่มากแต่ทุกสายตากำลังมองมา ถ้ามีใครถ่ายคลิปไว้ก็คงดี คลิปที่จะแชร์ไปให้ทั่วคลิปที่ทำให้มันอายอย่างที่ผมเคยเป็นมาก่อนขาของผมที่กำลังจะยกขึ้น ตอนที่มองมันผมก็คิดถึงใครบางคนขึ้นมา เหมือนวูบนึงที่คิดถึงแล้วทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่งไป
“ ลุกขึ้นเถอะ " ผมบอกมันตอนที่ถอนหายใจออกมา อิฐก็เงยหน้าขึ้นมามอง " เรื่องของเรามันจบลงไปแล้ว แล้วมันควรจบลงจริงๆ กูมีชีวิตใหม่แล้ว " ผมคิดถึงเสือในวูบนั้น อยากจะทำอยากจะแก้แค้นอย่าที่เคยคิดมาตลอด แต่คิดว่าทำไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ผมก็ไม่ได้ดูดีขึ้น แล้วมันเองตอนนี้ก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีเท่าไหร่ บางทีก็อาจจะทุกข์กว่าผมเสียอีก เพราะผมมีเสือ แต่มันไม่มีใครเลย แม้คนที่มันรักมากที่สุด
“ ปิง " มันลุกขึ้นทันทีที่ผมจะเดินถอยหลังออกไป มือที่คว้าข้อมือของผมไว้ " กูขอเรื่องไทเถอะนะ "
“ กูต้องทำแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะมันเป็นเพื่อนกู " ถอนหายใจออกมา แอบเสียดายอยู่เหมือนกันที่ไม่ทำแบบนั้น แต่ก็คิดว่าดีแล้วผมยิ้มให้กับตัวเองตอนที่หันหลังกลับมาก็พบว่ามีใครบางคนกำลังยืนรออยู่ ผู้ชายร่างสูงที่พิงตัวเองอยู่กับรถของตัวเองทำท่าทางเท่ๆที่เห็นแล้วต้องหลุดขำออกมา ผมหันไปหาอิฐอีกครั้ง " เรื่องของไทเป็นเรื่องที่มึงต้องจัดการเอง เพราะมันเป็นเรื่องที่มึงก่อขึ้น แล้วก็อยู่ที่ไทตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกู แต่เกี่ยวกับมึงแล้วก็ไทเท่านั้น ตอนนี้กูมีความสุขดีแล้ว อย่าเอากูไปเกี่ยวเลย เพราะกูไม่อยากจะเกี่ยวด้วยแล้ว พอกันที อย่ามาข้องเกี่ยวกันอีกเลย "
“ ไท " เสียงของอิฐที่ดังขึ้นตอนที่มันเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างหลังของผม ผมหันไปมองตามสายตาของมัน ไทกับฝนที่กำลังยืนมองเราอยู่ มันนิ่งก่อนจะยิ้มออกมาแสร้งว่าตัวมันไม่รู้สึกอะไรอย่างที่ชอบทำให้ผมเห็น
“ เรื่องของมึงทั้งคู่ ตัดสินใจกันเองเถอะ ว่าจะทำยังไง ไม่ต้องเอาเรื่องของกูไปคิด ไปเกี่ยวมึงตัดสินใจกันเอาเองว่าจะทำยังไง ไม่ต้องแคร์กูขนาดนั้นไท " ผมบอกมันก่อนจะยิ้ม " กูเป็นแค่เพื่อน เพื่อนที่ต้องคอยอยู่ข้างๆในเวลาที่มึงล้มอยู่แล้ว เพราะงั้นถ้ามีความสุขที่จะทำอะไร ก็ทำไปเถอะ อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยนะ "
ทุกอย่างเงียบผมที่เดินผ่านมันสองคนออกไป ผมตรงไปหาเสือมันที่ก้มหน้าลงมองแล้วยิ้มให้ผม มือหนาที่ยกขึ้นขยี้หัวนั้นผมยิ้มให้มัน " คิดว่าเท่มากมั้ยไอ้ที่มึงกำลังทำอยู่ "
“ ก็คงน้อยกว่าท่ายืนพิงรถแล้วยกยิ้มของมึงมั้ง " ผมบอก
“ ดีแล้วที่ทำแบบนั้น "
“ อื้ม " พยักหน้ารับมันผมถอนหายใจออกมา " ก็มีมึงแล้ว ไม่รู้ว่าจะดิ้นรนแก้แค้นไปทำไม มันเองก็มีชีวิตที่เหี้ยกว่ากูอยู่แล้ว กูมากกว่าที่ต้องสงสารมัน "
“ กลับบ้านเถอะ ปล่อยให้เป็นเรื่องของเค้า "
“ อื้ม ปล่อยให้เป็นเรื่องของเค้า " เพราะเรื่องของผมกับมัน มันจบลงไปแล้ว และจบลงไปนานมากแล้ว .. จบลงไปตั้งแต่มีใครอีกคนนึงเข้ามาในชีวิตผม คนที่คอยกุมมืออยู่ข้างๆ คนที่คิดว่าไม่ค่อยโอเค แต่ตอนนี้มันกลับเป็นคนที่โอเคที่สุด " เสือ "
“ หื้ม " คนที่นั่งข้างกันในรถหันมาตามเสียงเรียก
“ กูอาจจะพูดหลายครั้งแล้ว แต่ว่ายังไงก็อยากจะพูดอีกว่า ขอบคุณที่เดินเข้ามาหากูนะ " ผมบอกมันเสือก็ยกยิ้ม ก่อนจะหันไปมองตรงทางข้างหน้า มันขับรถออกไปตามทางก่อนจะพูดขึ้น
“ อื้ม ด้วยความยินดี "
..............................................
ขอโทษที่ขาดการอัพนิยายไปหลายวัน
คือหนมมีธุระส่วนตัวนิดหน่อยที่ต้องทำเลยอัพนิยายช้า
บวกกับ นิยายตอนนี้ คือมันเป็นนิยายแก้จากของเก่าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ตอนนี้เลยออกมาแบบ ยากมาก หนมเองเป็นคนแต่งเองก็ยังรู้สึกตัดสินใจกับเรื่องนี้ไม่ถูกเหมือนกัน
ถ้าเป็นปิง ถ้าเป็นไท ถ้าเป็นอิฐ สมองตีหมุนกันไปหมด แต่มีความรู้สึกว่า ถ้าเราไม่หยุด ทุกอย่างคงไม่จบ
เรื่องบางเรื่องคือเรื่องของเรา แต่บางเรื่องก็ไม่ใช่
บางทีคนหยุดก่อน คือคนที่มีความสุขที่สุดก็ได้
คิดแบบนั้นนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกัน ขอโทษที่ขาดการอัพนิยายไปจริงๆค่ะ TT
แต่ไม่ว่ายังไงก็ติดตามกันต่อไปเถิดนะ สำหรับใครสนใจนิยายเรื่องนี้
สามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน แฟนเพจของหนมจ้า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ ฝากแท็ก #เสือปิง ด้วยนะคะ
