ตอนที่ 8
แน่ใจว่าเอาคืน? (ครึ่งหลัง)
หายไปไหนกันอีกนะ...
“นี่ครับป้า ถือได้ครับ สบายมาก” แขนเล็กส่งเย็นไปให้พอดีจำนวน แล้วหยิบถุงผักถุงใหญ่มาถือไว้เอง
“จ้าโอกาสหน้ามาใหม่นะ”
“ครับ”
ปลายฝันเดินออกมาจากร้านผัก แล้วเดินตามหาคนตัวสูงที่แต่งตัวโดดเด่นเกินหน้าเกินตาชาวบ้านก็ไม่เจอ พลางคิดในใจว่า สองคนนั้นจะไปไหนได้
ไม่ใช่ว่ากลับไปแล้ว ทิ้งให้เรากลับเองหรอกนะ...
“อยู่ไหนนะ อย่าแกล้งให้กลับเองเชียว จะโกรธแบบไม่คุยด้วย ไม่มองหน้าอีกเลย” ร่างเล็กบ่น ก็มองหาปฐพีกับอัคนีไปด้วย
เดินวนเวียนอยู่ในตลาดสักพัก ก็ไม่พบตัวร่างสูงทั้งสอง ปลายฝันก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ หัวใจรู้สึกหน่วงแบบแปลกๆ
ทำไมสองคนนั้น ถึงต้องคอยแกล้งเราด้วย...
“แม่ฮะ ดรีมท้อแล้ว” ปลายฝันพึมพำเบาๆ มองไปข้างหน้าก็เจอกับถนนแสนยาว ที่ไม่รู้ว่าไปจบที่แห่งใด
เหมือนกับปลายฝัน ที่มีชีวิตอยู่ แต่ก็มองไม่เห็นอนาคตเลยสักนิด...
ปลายฝันกลับไปซื้อของให้ครบ ในมือเต็มไปด้วยข้าวของมากมาย แต่ก็ไม่ปริปากบ่น ถึงแม้ว่าในใจจะร่ำไห้เพียงใด ภายนอกกลับดูเข้มแข็งเสมอ
สองเท้าเดินไปเรื่อยๆ เพื่อไปหาป้ายรถประจำทาง สองมือถือของพะรุงพะรัง
ปลายฝันไม่รู้ว่าความรู้สึกตอนนี้คืออะไร เพราะมันตีกันไปหมด แต่ที่ปลายฝันรับรู้และยอมรับอย่างไม่อายเลยว่า ตัวเองกำลัง...
เสียใจ!
หมับ!!
แรงจับแขนทั้งสองข้างกระชากสติที่หลุดลอยของปลายฝันกลับมา พร้อมกับเสียงตะคอกเสียงดังของปฐพีกับอัคนีที่คนแถวนั้นหันมามองด้วยความสนใจ
“จะไปไหนฮะ!!”
“รู้ไหมว่าพวกเราวิ่งหาทั่วตลาดแล้ว!!”
ปลายฝันหันไปมองปฐพีกับอัคนีที่หอบหน่อยๆ ใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมานอกอก เมื่อกี้หัวใจยังรู้สึกห่อเหี่ยวอยู่เลย แต่พอได้เห็นหน้าของทั้งสองคน
หัวใจกลับพองโตขึ้นมาอย่างน่าสงสัย
ปลายฝันไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร แต่ที่รู้สึกได้คือ อบอุ่น...
“อย่าเดินเร็วนักได้ไหม พวกเราเดินตาเธอไม่ทันนะ ใครจะไปเดินตลาดคล่องแบบนี้เธอกัน นี่ครั้งแรกของพวกฉันนะโว้ย” อัคนีโวยวายอย่างโมโห แต่ก็ดีใจที่เจอร่างบาง
วิ่งหากับปฐพีทั่วตลาด หันไปรับโทรศัพท์นิดเดียว คลาดกันเสียแล้ว
ไม่รู้ว่าเพราะคำต่อว่าหรืออย่างไรที่ทำให้นำตามาปริ่มที่ขอบตาล่างสวยของปลายฝันได้ ก่อนจะรินไหลออกมาจากดวงตาช้าๆ
“ร้องไห้ทำไม” ปฐพีถามเสียงดุ
ว่าแค่นี้ถึงกับร้องเลยหรือไง คนก็มองใหญ่แล้วด้วย
“คุณสองคนทิ้งผม ฮึก” ใส่ร้ายด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ปนสะอื้น ปฐพีกับอัคนีปล่อยแขนสวย ก่อนจะหยิบของที่มือร่างบางมาถือเอาไว้เอง มือสวยยกขึ้นปาดน้ำตา
“ใครทิ้ง จะบ้าหรือไง!”
“อย่ามาดุนะคุณเพลิง ฮึก พวกคุณแกล้งผม โดยการทิ้งให้ผมกลับบ้านเอง ทำไมผมจะไม่รู้” ต่อว่าเสียงดัง คนที่มองดูแถวนั้นก็คิดว่าปฐพีกับอัคนีเป็นคนไม่ดีไปด้วย
เริ่มมีเสียงซุบซิบนินทาออกมา จนปฐพีต้องดึงแขนบางให้เดินตามตนมาที่รถ จับคนตัวเล็กนั่งเบาะหลังเหมือนเดิม แล้วเอาของไปเก็บที่กระโปรงรถ ก่อนที่อัคนีจะตรงไปนั่งด้านหน้า โดยปฐพีเป็นคนขับ
ในรถหรูที่ปฐพีขับจากตลาดออกมาเรื่อยๆ มีเสียงสะอื้นของปลายฝันดังขึ้นเป็นพักๆ
“ไหนพูดมาซิ ว่าเอาอะไรคิดถึงคิดว่าพวกเราทิ้งเธอ” ปฐพีถามอย่างใจเย็น ทั้งๆ ที่กำลังปั่นป่วนกับน้ำตาของปลายฝัน
แกล้งรุนแรงแค่ไหน...ก็ไม่เคยเห็นเสียที
“ก็พวกคุณแกล้งผมจริงๆ นี่” เถียงไปอย่างรั้นๆ
“แล้วฉันไปแกล้งตอนไหน มีแต่เธอนั่นแหละที่เดินเอาเดินเอา รับโทรศัพท์ไม่กี่นาทีก็หายไปแล้ว รู้ไหมว่าฉันกับไอ้ดินเดินหาเธอทั่วตลาด” อัคนีอธิบาย
“ผมก็ตามพวกคุณเหมือนกันนั่นแหละ อย่ามาโกหกให้ตัวเองดูดีเลย”
ให้ตายก็ไม่เชื่อเด็ดขาด
“ฉันไม่ได้โกหก เธอเดินหนีพวกฉันแบบไม่รอเองนะ” เถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
“สรุปคือผมผิดใช่ไหม”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“คอยดูนะผมจะฟ้องคุณแม่ว่าคุณสองคนแกล้งผม ให้ผมเดินกลับบ้านเอง ที่จริงแล้วผมไม่ใช่คนขี้ฟ้องอะไรหรอก แต่พวกคุณอยากแกล้งผมก่อนเอง เชิญโดนคุณแม่บ่นให้หูชาไปเลย ชิ!” สะบัดหน้าหนีอย่างโมโห
“ก็บอกว่าไม่ได้แกล้ง พูดยากพูดเย็นอะไรแบบนี้วะ!” บ่นแบบหงุดหงิด
“ไม่รู้ไม่ชี้” กอดอกส่ายหัวแบบไม่สน
“เธอนี่มัน ‘เด็ก’ ชะมัด” ปฐพีที่เงียบอยู่นานพูดขึ้น ซึ่งร่างบางก็จ้องขวับอย่างหาเรื่อง
“ก็ใช่ไง ผมแค่ 20 เอง แก่ๆ อย่างพวกคุณไม่เข้าใจหรอก”
ปากแบบนี้ มันน่าจับมาขยี้ให้เข็ด คอยดูเถอะ...จะสั่งสอนให้ไม่กล้าหือเลย
เป็นครั้งแรกที่ปฐพีกับอัคนีเห็นมุมเถียงแบบเด็กๆ แบบนี้จากปลายฝัน ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาได้ ว่ายังไงแล้ว ปลายฝันก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง
ที่โตมาด้วยกำลังของตนเอง ผ่านความยากลำบากมานักต่อนัก
ขาดความอบอุ่นจากครอบครัว
“คุณสองคนยิ้มอะไร” ถามระแวงๆ
“เปล่า!”
พวกเขาก็แค่ดีใจ ที่ปลายฝันเผยมุมแบบเด็กๆ กับตนก็เท่านั้น
ทั้งสามคนเงียบไปสักพัก คนตัวเล็กที่นั่งเงียบอยู่ด้านหลังก็ใช้ความคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ว่าใครกันแน่ที่ผิดจริงๆ
ถ้าเรารอพวกเขา...มันก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นใช่ไหม
“แล้ว...” จู่ๆ ร่างบางก็เหมือนจะถามอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูด จนปฐพีกับอัคนีขมวดคิ้วสงสัย
“อะไร” ปฐพีถามสบตาคนตัวเล็กผ่านกระจก
“เมื่อกี้นี้ เอ่อ...พวกคุณตามหาผมจริงๆ หรือครับ” ถามเสียงอ่อนกว่าเดิม
อารมณ์เย็นลงแล้วสินะ...
“ใช่!”
ปลายฝันเม้มริมฝีปากแน่น ไม่มั่นใจและไม่เข้าใจในความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ มันทั้งดีใจ อุ่นใจ สบายใจอย่างบอกไม่ถูก รู้แค่ว่าสับสนไปหมดแล้ว
ทั้งๆ ที่เขาสองคนก็ไม่ได้ทำดีอะไรกับเรามากมาย
แต่ทำไมมันอบอุ่น...
“ผมขอโทษก็แล้วกันนะครับ ที่ผมเดินเร็วไปจนคุณสองคนตามไม่ทัน” ปลายฝันก็คือปลายฝัน เมื่อรู้ว่าตัวเองผิดก็จะขอโทษทันที
“ไม่เป็นไร” ปฐพีตอบ
“ทีหน้าทีหลังก็หัดรอๆ กันเสียบ้าง ไม่ใช่เดินเอาเดินเอา กลัวตลาดหนีหรือไง”
“คุณเพลิง ผมก็ขอโทษไปแล้วไง จะเอาอะไรอีก หยุดด่าผมได้แล้ว”
“เออ! หยุดก็ได้วะ”
“แล้วทีนี้เป็นไง ยังจะฟ้องแม่อยู่อีกไหม” คนที่ขับรถอยู่ถามเสียงเรียบๆ
“ฟ้อง”
“อะไรของเธอฮะ!!” คนอารมณ์ร้อนโวยวายอีกครั้ง
“ก็ที่พวกคุณแกล้งผมวันนี้ ผมยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนะ มันคนละเรื่องกัน แยกกันให้ออกด้วยนะครับ” ตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ แข่งกับปฐพี
“ตามสบายเลย อยากทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าพวกฉันทำอะไรเธอกลับไปก็อย่าโวยวายล่ะ” ยักไหล่สบายๆ
“อะไรของคุณฮะคุณดิน” ถามด้วยสีหน้าที่เริ่มระแวง
“ใช่! เพราะการที่พวกฉันจะเอาคืนมันก็ไม่ผิดใช่ไหมล่ะ เธอยังจะเอาคืนเลยนี่ เอาแบบวันนั้นเป็นไง” อัคนีว่าด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
ปลายฝันก็หน้าขึ้นสีเมื่อนึกถึงเกตุการณ์วันนั้น ที่เสียจูบให้กับแฝดปีศาจวันเดียวถึงสองครั้ง
“ผมห้ามพวกคุณพูดถึงเรื่องนั้นเลยนะ”
“แล้วทำไมฉันต้องหยุด”
นั่นน่ะสิปลายฝัน ทำไมพวกเขาถึงต้องหยุดด้วย เขาจะพูดมันก็เรื่องของพวกเขาสิ เรามีสิทธิ์อะไรไปห้ามเขากัน
“เงียบทำไมล่ะ ไม่ปากเก่งต่อหรือ” ปฐพีเยาะเย้ย
ให้มันรู้เสียบ้าง ว่าตัวเองกับพวกเขาน่ะมันคงละระดับกัน
“คุณสองคนมัน...”
“ทำไม” ยักคิ้วกวนๆ
หงุดหงิดชะมัด ทำไมเราถึงเอาคืนสองคนนี้ไม่ได้เสียทีกันนะ พอคิดจะทำอะไร ก็ถูกตัดหน้าทุกที
ปั่ก ปั่ก
เมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็เลือกที่จะใช้กำลังแทน ทุบเข้าที่ไหล่กว้างนั่นแรงๆ คนละทีไปด้วยความหมั่นไส้
“หึ! ทำอะไรไม่ได้ก็ทำร้ายเลยนะ”
มีแรงแค่นี้หรือไง...ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด
“ผมจะทำอะไรก็เรื่องผม เมื่อกี้คุณก็พูดเองคุณดิน ว่าผมอยากทำอะไรก็ทำ ผมอยากตีพวกคุณผมก็ทำ” ลอยหน้าลอยตาตอบ
มันน่ารักเสียจนโมโหไม่ลง
“เอาเถอะๆ ทำเลย ฉันอยากทำบ้างก็ว่ากันนะ”
“เออๆ ถ้าฉันกับไอ้ดินรุมทำร้าย ‘ร่างกาย’ เธอขึ้นมา ลุกไม่ขึ้นก็ไม่รู้ด้วยนะ” ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของอัคนีทำให้ร่างเล็กขนลุก
มันเป็นสายตาที่ร้อนแรงแปลกๆ พอหันไปสบกับดวงตาคมของปฐพีก็เป็นดวงตาที่สะท้อนแบบเดียวกัน จนร่างกายเล็กวูบวาบไปทั้งร่าง
“พ่ะ พวกคุณจะทำร้ายร่างกายผมเหรอ คอยดูนะผมจะ...” ยังไม่ทันพูดจบปฐพีก็สวนกลับก่อน
“รับรองเลยว่าเธอไม่กล้าฟ้องแม่กับพ่อแน่”
“มันก็ต้องมีรอยอะไรที่ท่านสามารถเห็นได้นั่นแหละ”
“ฉันจะทำ ‘รอย’ ในที่ที่มองไม่เห็นไง รับรองว่าเธอไม่เจ็บหรอก ไม่แน่นะ อาจจะมีความสุขกับมันก็ได้” ร่างบางครุ่นคิดคำพูดกำกวมนี้สักพักก็ต้องหน้าแดงซ่าน หันมาทุบไหล่ของทั้งสองแรงๆ อีกคนละที
ทะลึ่ง!!
“อย่าคิดว่าผมจะยอมเถอะ สู้ตายเหมือนกันน่า”
“ฉันก็อยากให้สู้เหมือนกัน”
“เห็นด้วยว่ะดิน คงร้อนแรงน่าดู ฮะๆ” หันไปคุยอย่างเข้ากัน แล้วจึงโดนทุบอีกคนละที
“มันเจ็บนะ!” อัคนีหันมาโวยวาย
สองทีแรกมันก็ไม่เจ็บหรอก แต่ทุบซ้ำๆ กันมันก็เจ็บเหมือนกัน ผิวคนนะ ไม่ใช่เหล็ก จะได้ทนทายาท
“ก็ทุบให้เจ็บ จะได้หยุดพูดเรื่องบ้าๆ แบบนี้สักที”
“ไม่หยุด ฮ่าๆ” หันกลับไปหัวเราะเสียงดัง
“หึ!!” ส่วนปฐพีก็ยิ้มออกมา
ปลายฝันไม่รู้ว่าควรทำหน้าแบบไหนที่เห็นทั้งสองยิ้ม หัวเราะ เพราะภาพที่เห็นตรงหน้าปลายฝัน มันเป็นภาพของเทพบุตร ไม่ใช่ปีศาจอย่างที่เคยเห็นทุกๆ วัน
ก็เลยเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว...
100%

สวัสดีชาวโลก (ไม่ใช่ละ) วันนี้เอาครึ่งหลังมาลงแล้วนะคะ มันค่อนข้างจะแปลกๆ ไปหน่อย เพราะอารมณ์มันพาไปแบบนี้อ่ะค่ะ ยูกิแต่งตามสภาพอารมณ์ตัวเองเป็นส่วนใหญ่นะคะ แต่ก็ยังคอนเสปตัวละครไว้อยู่
อาจจะแปลกๆ ไปบ้าง ไม่สนุกยังไง ก็ติได้เลยนะคะ จะเอามาแก้ไขปรับปรุงค่ะ ขอบคุณนักอ่านที่เข้าไปพูดคุยกับยูกิมากๆ เลยนะคะ ยูกิได้กำลังใจจากตรงนี้เยอะมาก ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
มีอะไร ติดต่อ สอบถาม ทวงนิยาย สารภาพ? บ่น ต่อว่า บลาๆ ก็เข้าไปที่แฟนเพจยูกิได้เลยนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki 
คลิกด้านล่างเพื่ออ่านตอนต่อไป
ตอนที่ 9.1