
ต้องขอโทษด้วยถ้ามันไม่สนุกนะคะ
ตอนที่ 16
ผิดที่เราเอง (ครึ่งหลัง)
ร่างสูงทั้งคู่ไม่ปล่อยให้ร่างบางรอนาน ปฐพีและอัคนีใช้เวลาในการขับรถเพียงไม่กี่นาที ก็มาถึงแต่ปฐพีมาถึงก่อน ตามมาติดๆ ก็คืออัคนีที่บริษัทอยู่ใกล้กว่า และเมื่อคนตัวเล็กกว่าเมื่อเห็นคนตัวสูงที่ไม่ได้เจอหน้ามา 1 อาทิตย์เต็ม ก็ทำให้ปลายฝันพูดอะไรไม่ออกมาเมื่อเจอหน้ากันจริงๆ
ทั้งสามคนได้แต่ยืนมองหน้ากันเงียบๆ แต่เหมือนว่าฝ่ายปฐพีกับอัคนีจะมองหน้าปลายฝันอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า เพราะคนตัวเล็กเอาแต่มองพื้น ไม่มองหน้าใครเลย
แต่แค่นี้ก็ดีใจแล้วล่ะ
แค่ยอมกลับมาตามคำพูดของตนก็ดีใจมากพอแล้ว
“เอ้อ!! ไอ้ดิน กูไม่รู้ว่าเด็กที่ไหนโทรตามให้กูกลับบ้านว่ะ บอกว่าไม่อยากอยู่คนเดียว” อัคนีเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบลง ซึ่งคนตัวเล็กก็เงยหน้ามองคนพูดทันที ก่อนจะยิ้มออกเมื่ออัคนียิ้มให้ตนอย่างจริงใจ
คราวนี้ฉันก็ขอที่จะลดทิฐิลงบ้างก็แล้วกัน ไหนๆ เธอก็ยอมลงทุนโทรง้อ
“เออ กูเองก็เหมือนกัน เด็กแม่งโทรมาร้องไห้ งอแงบอกว่าให้กูรีบกลับบ้าน” ปฐพีสมทบเสียงติดตลก จนปลายฝันเริ่มชื้นใจ
“พวกคนบ้า” ด่ากลบเกลื่อนความเขินไป
“ยังจะมาปากดีอีกนะ” อัคนีพูดพลางเดินมานั่งลงข้างๆ บนโซฟาตัวใหญ่
ปฐพีมานั่งลงอีกฝั่งอย่างเงียบๆ มองหน้าปลายฝันอย่างสังเกต ก่อนจะเอื้อมมือใหญ่ไปสัมผัสกับใบหน้าเล็กเบาๆ เป็นเชิงบังคับให้หันมามองหน้าตน ซึ่งใบหน้าหวานก็หันมาตามแรงบังคับ สบตาเข้ากับดวงตาคมดุของปฐพี
“ตาบวมมาก ร้องไห้หนักไปแล้วนะ” ติอย่างไม่จริงจังนัก
“เออ ที่สำคัญดูเหมือนจะผอมลงด้วย ปกติก็ตัวเล็กๆ แห้งๆ อยู่แล้ว ได้กินอะไรบ้างวันๆ” อัคนีถามจริงจัง เพราะปลายฝันดูซูบมากกว่าที่เคย
“ก็ถ้าหญิงไม่บังคับ ก็ไม่กิน กินอะไรไม่ลง” ตอบไปตามความจริง
“คิดถึงพวกฉันล่ะสิ ถึงได้กินอะไรไม่ลง” ถามแทงใจดำคนตัวเล็กไป
“ไม่รู้ มันไม่หิว น่าจะเพราะว่ารู้สึกผิดล่ะมั้งครับ พวกคุณเองก็ไม่ต่างกันเถอะ สภาพดูไม่ได้เลย ได้ทานอะไรบ้างหรือเปล่าครับ”
“ไม่ค่อยหรอก” ปฐพีตอบ
“ทำไมไม่หาอะไรทาน”
“เธอทานไม่ลงเพราะอะไร ฉันเองก็เหตุผลเดียวกัน”
เป็นคำตอบที่ทำให้ปลายฝันเงียบและหันหน้าหนีทันที
“ผมต้องขอโทษพวกคุณอีกครั้งนะครับ โดยเฉพาะคุณเพลิง ที่ผมตบหน้าวันนั้น ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ ผมผิดเอง ไม่ยอมฟังคุณเลย เอาแต่ใช้อารมณ์ และเอาความคิดตัวเองตัดสินปัญหา ขอโทษนะครับ” คนตัวเล็กกล่าวขอโทษทั้งคู่อีกครั้ง พร้อมกับยกมือไหว้ทั้งคู่ที่นั่งขนาบอยู่ข้างตัวเอง ซึ่งร่างสูงก็พยักหน้ารับ
“ฉันเองก็ขอโทษด้วยที่หาเรื่องเธอ ตอนนั้นฉันหงุดหงิดจริงๆ” ปฐพีพูดซึ่งปลายฝันก็ส่ายหน้าเชิงว่าไม่เป็นไร
“ฉันเองก็อารมณ์ร้อน ไม่น่าไปพูดแบบนั้นกับเธอเหมือนกัน ไม่น่าหนีออกไปด้วย ทิ้งให้อยู่คนเดียวตั้ง 1 อาทิตย์ คงเหงาล่ะสิ ไม่มีใครทะเลาะ ใครเถียงด้วย” อัคนีเอ่ยออกมา
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เหงาเลยสักนิด” แต่ก็ยังปากแข็งอยู่
“งั้นหรือ แล้วใครกันล่ะที่โทรมา ร้องห่มร้องไห้ ให้พวกฉันกลับบ้านน่ะ” ปฐพีแซว จนคนตัวเล็กหันมายู่หน้าใส่อย่างหมั่นไส้
“เปล่าซะหน่อย” พูดอุบอิบแบบไม่อยากยอมรับเท่าไหร่
แต่มันก็เรื่องจริงล่ะนะ
เมื่อทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกัน ไม่ควรใช้อารมณ์ตัดสิน ควรที่จะตั้งสติ ตั้งหลักก่อน ค่อยมาพูดคุยกันแบบเปิดอก ดีกว่าปล่อยให้ทุกอย่างมันเลวร้ายลง
แล้วทิฐิทุกอย่างน่ะ ลดได้ก็ควรลดลง
ทุกคนพลาดกันได้ มีส่วนดีชั่วในตัวกันหมด
“เพื่อเป็นการไถ่โทษ ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม” อัคนีพูดขึ้น เรียกความสงสัยขึ้นบนใบหน้าหวาน
“อะไรหรือครับ”
“เรียกพวกเราว่า ‘พี่’ ได้หรือเปล่าล่ะ”
“เอ่อ...” ปลายฝันเริ่มแสดงทีท่าไม่แน่ใจ
ไม่ได้ลำบากใจ แต่ขัดเขินที่จะเรียกมากกว่า
ใจจริงของร่างบางก็อยากจะเรียกทั้งสองคนว่าพี่อยู่แล้ว แต่การพบเจอของทั้งคู่เป็นไปไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เปิดศึกตั้งแต่เจอหน้า คำว่าพี่ที่จะเรียกในตอนแรกก็ต้องถูกกลืนไป...
และแทนตัว และเรียกสองร่างสูงอย่างห่างเหินที่สุด จนถึงปัจจุบัน
“ถ้าลำบากใจ ไม่ต้องก็ได้นะ” ปฐพีบอก
“เอ่อ...ผมจะพยายามนะครับ” คำตอบที่ได้กลับเรียกรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าหล่อทั้งคู่อย่างดีใจ
มันคงจะน่ารัก น่าเอ็นดูมากเลยนะ ถ้าปลายฝันเรียกพวกเขาว่าพี่
“ถ้าจะให้ดี แทนตัวเองว่า ‘ดรีม’ ด้วยเหมือนที่แทนตัวกับพ่อแม่ แล้วก็ไอ้พัฒน์ ไอ้ธีร์ด้วย” ปฐพีขอเพิ่มเติม
คนตัวเล็กหายใจติดขัดด้วยความขัดเขิน
“เอ่อ...จะพยายามนะฮะ...พ่ะ พี่ดิน พ่ะ พี่เพลิง” คนตัวเล็กก้มหน้างุดทันทีที่พูดจบ ใบหน้าแดงก่ำอย่างเขินอาย ส่วนสองร่างสูงก็ยกยิ้มอย่างพอใจ
“น่ารัก” ชมออกมาพร้อมกัน ทำให้ปลายฝันไม่กล้าเงยหน้าที่เขินเต็มขั้นขึ้นมามอง
“นับจากนี้ไป เราจะเริ่มต้นกันใหม่นะ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน อนาคตมันยังมาไม่ถึง ไม่ต้องไปคิดมัน ใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีก็พอ”
“ฮะ...พี่เพลิง” ตอบรับเสียงเบา
“มีอะไรก็คุย อย่าคิดเองเออเอง”
“ฮะ...พี่ดิน”
“แล้วสรุปเรื่องเด็กก้องล่ะ” อัคนีถาม
“ดรีมยืนยันคำเดิม ว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน ส่วนก้องคิดยังไง ผมก็ไม่สนหรอกฮะ” คนตัวเล็กเงยหน้าตอบจริงจัง แต่ก็ยังมีร่องรอยแห่งการเขินอายหลงเหลือไว้อยู่
“อืม...พี่จะเชื่อใจดรีมนะ”
ฉ่า!!
สิ้นประโยคนี้ของปฐพีก็เรียกเลือกมารวมที่ใบหน้าหวานอีกครั้ง แทบจะลงไปแดดิ้นกลับประโยคน่ารักที่คนเย็นชาพูดออกมาเลย
ทั้งที่เป็นผู้ชายอันตรายทั้งคู่
แต่ปลายฝันกลับปลอดภัยเมื่อได้อยู่ข้างกายปฐพีกับอัคนี
“ฉันไม่รู้หรอกว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง ความรู้สึกตอนนี้คืออะไร แต่ฉันเชื่อว่าเราสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ ถ้าดรีมพยายามเปิดใจ เหมือนที่พวกฉันกำลังเปิดใจ” อัคนีพูดจริงจัง
“พ่ะ...เอ่อ ดรีมจะเปิดใจครับ แต่พวกพี่ต้องสัญญาว่าจะไม่แกล้งผมแล้ว” ปลายฝันยื่นข้อเสนอ
“หึหึ!” ปฐพีหัวเราะในลำคอแบบไม่รับปาก
“ไม่รับปาก” อัคนีตอบ
“อ้าว? ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ”
“ก็ดรีมน่าแกล้ง พี่ไม่รับปากหรอก” อัคนีว่า
“ถ้างั้นผมก็คงไม่รับปากนะ แต่จะเรียกพี่ ส่วนเรื่องแทนชื่อตัวเอง ก็ขอใช้เป็นครั้งๆ ก็แล้วกันนะครับ”
“ตามใจเลย พี่ก็คงห้ามดรีมไม่ได้ เข้าใจอยู่ว่าคงไม่สะดวกในหลายๆ เรื่อง”
“ขอบคุณที่เข้าใจนะครับพี่ดิน”
“อืม...”
“แล้วนี่หิวอะไรหรือเปล่าครับ” ปลายฝันถาม
“หิว!!”
ร่างบางส่ายศีรษะยิ้มๆ อย่างนึกขำเมื่อคนตัวใหญ่ตอบพร้อมๆ กัน
“ครับๆ งั้นรอสักครู่นะครับ ผมจะไปทำอะไรให้กินกัน” ปลายฝันบอกพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ฉันช่วยไหม” ปฐพีถาม
“แน่ใจหรือครับ”
“แน่สิ ฉันด้วย ฉันเคยช่วยนะ” อัคนีบอก
“ถ้ามั่นใจว่าทำได้ ก็ตามมาครับ”
ปลายฝันเดินเข้าครัวไปโดยที่ไม่รอร่างสูงทั้งสองเลยสักนิด ซึ่งปฐพีกับอัคนีก็มองหนกันยิ้มๆ ด้วยความเอ็นดูก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเร็วๆ ตามร่างบางไป
“ถามจริงว่ะไอ้ดิน ตอนนี้มึงรู้สึกยังไง” ถามขึ้นเมื่อหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องครัว
“หึ! มีความสุขสิวะ!!” ตอบไปตรงๆ แล้วก็เดินเข้าห้องครัวไป
“ก็ดีแล้วที่มึงยอมรับความจริงนะ ไอ้พี่ชาย เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา กูไม่เคยเห็นมึงมีความสุขเท่านี้มาก่อน หึ!! แน่นอนว่ารวมถึงกูด้วย” พูดกับตัวเอง พลางมองพี่ชายที่เดินเข้าไปในครัวก่อนก็ส่วยศีรษะช้าๆ แล้วก็เดินตามเข้าไป
“ฉันอยากกินต้มยำกุ้ง” อัคนีบอก
“ฉันอยากกินยำด้วย” ปฐพีบอก
“โอเคครับ เดี๋ยวทำให้ทานทั้งสองอย่างเลย” ปลายฝันบอก
จากนั้นปลายฝันก็เริ่มหยิบจับสิ่งของในครัวอย่างชำนาญ เดินไปมาผ่านหน้าร่างสูงทั้งสองที่มองตามแบบไม่รู้จะทำอะไร
“แล้วจะให้ทำอะไร” ปฐพีถามเสียงเรียบ จนปลายฝันสะดุ้งหันมายิ้มเจื่อนให้เมื่อตนลืมจริงๆ
“แหะๆ ผมลืม”
“นี่ขนาดเราอยู่ตรงนี้ยังกล้าลืมเลย ทำโทษดีไหมเนี่ย” อัคนีถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจังมากนัก
“อย่านะฮะ”
“งั้นก็ว่ามา จะให้ทำอะไร เพราะถ้าไม่บอก จะไม่ได้ทำ!”
ไอ้ไม่ได้ทำนี่มันหมายความว่ายังไงเนี่ย อย่ามาขู่กันได้ไหมล่ะ
“ถ้างั้น เดี๋ยวพี่ดินช่วยล้างผักได้หรือเปล่าครับ ส่วนพี่เพลิงก็หุงข้าวให้หน่อย ผมเคยสอนไปแล้วนะ คงทำได้”
“ได้!!”
ปฐพีกับอัคนีแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ที่ตัวเองได้รับด้วยความเต็มใจและสุขใจที่ได้ทำ
ขอให้ได้ทำด้วยกัน 3 คน ไม่ว่าอะไรเขาก็ทำได้ทั้งนั้น
นึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ยอมทำตามคำพูดของคนอื่นก็เป็น แต่ก็ไม่ใช่กับทั้งหมด ปฐพีและอัคนียอมฟังคำพูดของปลายฝันคนเดียวเท่านั้น
ถ้าเป็นคนอื่นคงไปเที่ยวยมบาลแล้ว
ไม่ได้พูดให้ตัวเองดูน่ากลัวแต่อย่างใด แต่มันคือความจริง ที่ผ่านมาปฐพีกับอัคนีอยู่ด้วยความคิดของตัวเอง ใครผิดก็ลงโทษ ไม่มีการให้อภัยและปราณีทั้งนั้น
ฉันคือดินที่แห้งกร้าน ขาดการดูแล แต่พอได้น้ำอย่างเธอรดลงทุกวัน มันก็ชุ่มชื้น มีชีวิตชีวา แต่ถ้าขาดหายไปหนึ่งวัน ดินก็จะแห้งเหมือนเดิม
ฉันคือไฟที่แผดเผาทุกอย่างให้เป็นจุล ไม่รู้หรอกว่าควรหรือไม่ควร ก็แค่เผามันให้หมดเท่านั้น แต่เธอก็เป็นน้ำที่คอยดับความร้อนของฉันลง
ถ้าหากว่าขาดน้ำอย่างเธอไป พวกเราจะเป็นยังไง
ถ้าหากคนเราคิดเป็น จะรู้ว่าทุกเหตุการณ์ในชีวิตมันสอนเราทั้งนั้น
สอนให้เรารู้ว่าถ้าทำอะไรออกไป แล้วผลมันจะออกมาเป็นแบบไหน จะดีหรือไม่ดี มันจะช่วยให้การตัดสินใจครั้งต่อไปดีขึ้น
และมันทำให้ปลายฝัน ปฐพีและอัคนีรู้ว่า จะไม่มีทางไปเดินทางเดิมซ้ำสองแน่
100%

สวัสดีวันอาทิตย์จ้า เอาครึ่งหลังมาฝากฮ่าๆ ต้องขอโทษด้วยถ้ามันน่าเบื่อ ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ ยังไงครั้งนี้ก็เป็นการทะเลาะกันครั้งแรกที่รุนแรงขนาดนี้ ที่ผ่านมาก็แค่ทะเลาะกันแบบไม่จริงจังอย่างมาก เมื่อยอมรับผิดก็ต้องให้อภัย ยูกิจะไม่แต่งให้มันยืดเยื้อนะคะ ^^ เพราะเรื่องยังไม่ดำเนินถึงครึ่งเรื่องเลย ไม่ต้องรีบร้อนกัน 55+
ส่วนใครที่รอบทลงโทษ ต้องขอโทษด้วยที่ไม่มี แต่เปลี่ยนการเรียกแทน เพื่อขับให้เรื่องนี้ละมุนขึ้น
พูดคุย ติดตามข่าวสารของยูกิได้ที่แฟนเพจเลยนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki