(มีต่อ)
ทางด้านปฐพีที่มีพีรพัฒน์เล่าเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับผู้หญิงสองคนนั้นอย่างละเอียด จนปฐพีเข้าใจชัดเจนถึงเหตุผลเหล่านั้นแล้วว่า
ไม่ได้ต้องการให้ลูกสาวเข้ามาฝึกงาน และให้หว่านเสน่ห์ใส่พวกเขา เพื่อที่สองครอบครัวจะได้รวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างเดียวเท่านั้น เพราะตอนนี้เขารู้แล้ว เพราะวกนั้นคิดจะฮุบสมบัติทั้งหมดและจะให้ช่วยเหลือบริษัทที่จะล่มจมของมันให้คืนกลับมาได้ด้วยอีก
มันผิดที่เขาเองที่ไม่คิดอะไรมาก เพราะความเชื่อใจที่ให้มาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทของปกรณ์ก็ทำธุรกิจร่วมกับเขาแบบไม่มีติดขัดมาตลอด
“ว่าไงนะไอ้พัฒน์!!” ถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เมื่อลูกน้องบอกข่าวที่น่าตกใจ
“มีประวัติการว่าจ้างมือปืนโดยมัณฑิตาและมาธวีเป็นผู้วาจ้างครับ”
“นี่ถ้าเกิดว่าไม่มีเรื่องนี้ออกมา แกคงไม่บอกฉันใช่ไหมว่าดรีมให้ธีร์มันสืบประวัติของผู้หญิงพวกนั้นน่ะ” ถามขึ้นมาเสียงเครียด นึกโกรธร่างบางที่ทำอะไรโดยไม่บอกพวกเขาเลยสักนิด แล้วนี่เป็นไง
ก็กังวลใจอยู่นั่นไงล่ะ
“ขอโทษครับ” ขอโทษแทนธีรไนยไป เพราะเขาก็เพิ่งจะรู้เมื่อคืนเช่นกัน
“ช่างเถอะ ว่าแต่ว่าพวกนั้นกู้เงินนอกระบบใช่หรือเปล่า”
“ทั้งนอกระบบ และจากธนาคารเลยครับ”
“พวกเธอสองคนอาจจะจ้างมือปืนเพื่อเก็บเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบก็ได้ แต่ป้องกันฝั่งเราไว้ให้ดีๆ เหมือนกัน เพราะเราไม่รู้ว่าผู้หญิงสองคนนั้นจะเล่นงานฝั่งไหน”
“ครับคุณดิน”
“แล้วจับตาดูผู้หญิงคนนั้นให้ดีๆ เดี๋ยวฉันจะบอกคุณผกาให้ช่วยอีกแรง ส่วนแกจัดการตามที่ฉันบอก” ปฐพีพูด
“อะไรครับ”
“ส่งคนให้คุ้มกันดรีมอยู่ห่างๆ เห็นใครที่ไม่น่าไว้ใจจัดการได้เลย” สั่งการออกไป เพราะเป็นห่วงร่างบาง
“ครับคุณดิน”
ปฐพีคิดว่าเป้าหมายของหญิงสาวไม่ใช่ใครอื่นหรอก จะฆ่าพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่อง ฉะนั้นแล้ว คงจะต้องตัดปลายฝันออกไปให้พ้น
ทางแน่ๆ
คอยดูนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับดรีมแม้แต่นิดเดียว ฉันจะฆ่าพวกเธอทิ้งซะ!!
“ถ้าเกิดว่าแตะคนสำคัญของฉันแม้แต่นิดเดียว ฉันจะลางบางมันทั้งตระกูล!” ปฐพีพึมพำเสียงเข้ม ก่อนจะต่อสายไปหาเลขาเพื่อ
ให้ผกาจับตามองดูๆ มีพิรุธอะไรก็ให้แจ้งทันที
แต่คนที่เขาเป็นห่วงที่สุดคือปลายฝัน...
…
…
…
วันทั้งวันปฐพีกับอัคนีคอยโทรเช็คปลายฝันอยู่ตลอดเวลาจนร่างบางสงสัย พอถามออกไปก็ไม่บอก บอกแค่ว่าคิดถึง ซึ่งร่างบาง
คิดว่ามันผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนถึงเวลาเลิกเรียนตอน 5 โมงกว่า เพราะวันนี้อาจารย์ปล่อยคลาสช้า ธีรไนยที่มารอรับ
พอเห็นว่าปลายฝันออกจากตึกมาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะอย่างน้อยร่างบางก็ยังปลอดภัย
“เราไปก่อนนะ พี่ธีร์มารับแล้ว” ปลายฝันหันไปลาเพื่อนยิ้มๆ
“โอเค แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ” ญาณินพูด
“พรุ่งนี้เจอกันนะดรีม” ก้องภพบอก
ปลายฝันยิ้มให้ทั้งคู่กว้างๆ ก่อนจะวิ่งไปหาธีรไนยที่นั่งรออยู่ในรถ เพื่อที่จะได้ไปที่บริษัทของอัคนีให้เร็วที่สุด อยากจะถามเต็มที่
แล้วว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงได้โทรมาทั้งวัน ทั้งโทร ทั้งข้อความ จนร่างบางวิ่งออกไปรับข้างนอกแทบจะไม่ทัน เนื่องจาก
อาจารย์สอนอยู่
“สวัสดีฮะพี่ธีร์”
“ครับ เป็นไงบ้าง” ถามยิ้มๆ แม้ว่าธีรไนยจะเครียดแค่ไหน แต่ต่อหน้าปลายฝันต้องปั้นหน้าร่าเริง เพราะไม่อยากให้คนตัวเล็กไม่สบายใจ
ที่สำคัญเขาไม่รู้ว่ามือปืนที่สองคนนั้นจ้าง จ้างไปทำอะไร หรือจ้างไปฆ่าใคร...
บางทีอาจจะไม่ได้จ้องจะทำร้ายฝั่งทางเราก็ได้ คิดได้สองทางคือฝั่งเจ้าหนี้ที่ครอบครัวพวกเธอเป็นหนี้อยู่ เลยจ้างฆ่าให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไป ส่วนอย่างที่สอง...ระแวงไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย
เพราะ ปฐพี กับอัคนีไม่ถูกเป็นเป้าแน่ๆ
“ก็เรียนปกตินี่ฮะ แต่แปลกอยู่อย่างหนึ่ง” ปลายฝันบอกออกมา
“อะไรแปลก” ปลายฝันถึงกับขมวดคิ้วอย่างสงสัยทันทีว่าทำไมธีรไนยถึงได้ถามแปลกๆ เช่นนี้
“ก็พี่ดิน พี่เพลิงสิฮะ โทรมาเช็คทั้งวันเลย เป็นอะไรหรือเปล่าฮะ หน้าเครียดจัง” ถามกลับไป
“ป่ะ... เปล่าคร้าบ พี่แค่ตกใจ คิดว่ามีอะไรแปลกๆ กับดรีมน่ะ” แสร้งทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนทันที จนปลายฝันหรี่ตามองอย่าง
จับผิด แต่ร่างโปร่งก็หันกลับไปมองถนนต่อทันที
“แน่นะฮะ”
“จริงสิคร้าบ”
ปลายฝันไม่เซ้าซี้อะไรร่างโปร่งอีก ก็ได้แต่นั่งเงียบๆ ขณะที่รถก็แล่นไปอย่างรวดเร็ว บ้างก็หันมาคุยกับธีรไนยเกี่ยวกับเพื่อนๆ
บ้าง ซึ่งธีรไนยก็กลบเกลื่อนมันได้อย่างดี สามารถร่าเริงกับร่างเล็กได้ แม้จะมีความกังวลใจอยู่เต็มอก
เมื่อธีรไนยขับรถพาปลายฝันมาถึงบริษัทแล้ว และระหว่างที่ทั้งคู่ขึ้นไปถึงชั้นที่ 31 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของลิฟต์ตัวนี้ทั้งคู่ก็เปลี่ยน
ลิฟต์เพื่อไปยังชั้นสูงสุดทันที และเมื่อมาถึง
“เดี๋ยวดรีมไปหาเจ้านายเลยก็ได้ พี่จะไปหาไอ้พัฒน์ข้างล่าง”
“ได้ฮะ”
ธีรไนยลงไปยังด้านล่างทันที ส่วนปลายฝันเดินไปที่โต๊ะเลขาของอัคนีด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พอหันไปเห็นผู้หญิงที่เขาไม่อยากเจอ
นั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กๆ ข้างกับเลขาของอัคนีก็เบือนหนีผู้หญิงคนนั้นทันที
“สวัสดีฮะพี่ฉัตร” ร่างบางยกมือไหว้อย่างเคยชิน ฉัตรระวีรับไหว้ด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“ไม่เจอกันนานนะคะคุณดรีม”
“คิดถึงพี่ฉัตรจังเลย เอาไว้ว่าๆ ถ้าดรีมมาอีก พี่ฉัตรพาดรีมทัวร์บริษัทอีกนะฮะ” อ้อนฉัตรระวีจนคนอายุมากกว่าส่ายหน้าอย่างเอ็นดู ส่วนมาธวีก็เบ้ปากอย่างหมั่นไส้
“ได้สิคะคุณดรีม พี่เต็มใจค่ะ”
“ถ้างั้นดรีมไปหาพี่เพลิงก่อนนะฮะ”
“เชิญเลยจ้า”
“แล้วเจอกันฮะ”
ร่างบางเดินเปิดประตูแล้วเข้าไปในห้องทำงานของอัคนีทันที เมื่อเดินเข้าไปข้างในเรื่อยๆ จนเห็นโต๊ะทำงานของร่างสูงก็พบว่าปฐพีมาถึงก่อนหน้านั้นแล้ว
จริงสิ พี่ดินบอกว่าเลิก 4 โมงนี่นา มิน่าล่ะ พี่ธีร์ถึงลงไปหาพี่พัฒน์
“คุยอะไรกันอยู่หรือฮะ เครียดเชียว” ร่างบางถามขึ้นมานิดๆ ทำให้ผู้ชายทั้งสองคนที่ยืนคุยเกี่ยวกับเรื่องสองหญิงสาวถึงกับสะดุ้ง
แล้วหันมามองร่างบางทันที
“มาแล้วหรือ” ปฐพีถาม
“ยังมั้ง...ว่าแต่ดรีมมาขัดจังหวะเรื่องงานหรือเปล่าฮะ” ถามอย่างเกรงใจ
“เปล่านี่” อัคนีปฏิเสธ
“แต่เมื่อกี้คุยกันหน้าเครียดเลยนะฮะ แล้วอะไรมือๆ หรือ” เดินเข้ามาถามใกล้ๆ
“ไม่มีอะไรหรอก แค่เถียงกันว่าใครจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าววันนี้ไง” อัคนีเอาอีกเรื่องขึ้นมาโกหก แต่เพื่อไม่ให้ปลายฝันไม่สบายใจ
เขายอมโกหกออกไป
“เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องเถียงกันด้วยสีหน้าเครียดๆ ด้วยหรือฮะ” ถามออกไปยิ้มๆ
“ก็ดรีมกินเยอะ ก็ต้องถียงกันไงว่าใครจะออก” ปฐพีบอกออกมา ปลายฝันที่ได้ยินแบบนั้นก็มองค้อนคนพูดทันที ร่างสูงเห็นแบบ
นั้นก็หัวเราะออกมาอย่างสบายใจยิ่งขึ้น
แค่เห็นปลายฝันยังอยู่ตรงนี้ ก็ไม่กลัวอะไรแล้วล่ะ...
“เชอะ! ว่าแต่พี่เพลิงจะทำเสร็จหนึ่งทุ่มใช่หรือเปล่า” หันไปถามอีกคนที่มองตนยิ้มๆ
“ใช่แล้ว ทำไมหรือ?”
“ก็กว่าจะได้กินข้าวก็อีกนานเลยสิ” บ่นอุบอิบ
“หิวหรือ” ปฐพีถาม ปลายฝันพยักหน้าแรงๆ
“อีก 2 ชั่วโมงเอง ทนหน่อยนะ”
“พี่ดินอ้า”
“ไม่ต้องมาหาเรื่องไปกันสองคนเลยนะ ฉันไม่ยอม” อัคนีพูดขัด เพราะรู้ว่าปลายฝันจะอ้อนให้ปฐพีพาไปทานข้าวก่อน แล้วทิ้งให้
เข้าเคลียร์งานคนเดียว
“ก็ได้! งั้นขอลงไปซื้อขนมรองท้องนะ” ขอด้วยดวงตาพราวระยับอย่างมีความหวัง
“ไม่ได้!!” ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน จนปลายฝันยู่ปากอย่างงอนๆ
“นิดเดียวเองนะ”
“งั้นเดี๋ยวพี่พาไป” ปฐพีเสนอ
“ไม่เอาอ่า ถ้าพี่ไปซื้อขนมในชุดนี้อ่ะ คนเขาก้มองตายเลย” ส่ายหน้าประกอบไปด้วย
“อ้าว? ก็พาเมียเด็กไปซื้อขนม ทำไมต้องอาย” ปฐพีถามนิ่งๆ
“ไม่เอาๆ นะๆ ให้ไปนะ แป๊บเดียว เดี๋ยวมา จะซื้อของกินมาเผื่อด้วยเอ้า!” เอาของมาล่อแบบนี้คิดว่าร่างสูงจะให้ไปหรือไง
ปฐพีกับอัคนีมองหน้ากันราวกับปรึกษาว่าจะเอายังไงดี ทางนี้ก็ไม่อยากให้ไป เพราะมันอันตรายอยู่ในช่วงนี้ อีกทางหนึ่งก็ดึงดันจะ
ไปให้ได้
“โอเคๆ แต่ให้เวลา 10 นาทีนะ”
“โหพี่เพลิง แค่ลงลิฟต์ก็หมดแล้ว” บ่นน้อยๆ
“ถ้างั้น 20 นาที”
“พี่ดินฮะ น้อยไป ยังไม่ทันได้เลือกของเลย”
“จะเอาเท่าไหร่ว่ามา” ปฐพีถามนิ่งๆ
“ครึ่งชั่วโมงนะ” ขอยิ้มๆ
“นานไป”
“นะฮะป๋า ให้หนูน้า” เกาะแขนอ้อนอย่างเอาใจ ก่อนจะเปลี่ยนมาเกาะแขนอัคนีอย่างเอาใจเช่นกัน
“นะฮะป๋าเพลิง หนูจะไม่ดื้อไม่ซน สัญญา”
“เฮ้อ” ทั้งคู่ถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ
“โอเค”
“เย้!! จะรีบไปรีบกลับนะฮะ” ร่างเล็กวิ่งไปหยิบกระเป๋าเขินของตัวเองใส่กระเป๋ากางเกงแล้ววิ่งออกไปจากห้องทันทีด้วยดวงตาที่
แสนจะเป็นห่วงของปฐพีกับอัคนีที่มองตาม
ที่ร่างบางอยากจะออกไปข้างนอกเสียเหลือเกิน ไม่เหมือนกับตอนไปที่บริษัทของปฐพีนั่นเป็นเพราะว่า ที่บริษัทของอัคนีนั้น มี
ร้านขายของมากมายในย่านนี้ ปลายฝันเห็นร้านหนึ่งมันดึงดูดสายตามาก จนอยากจะเข้าไปให้ได้
“อ้าว? คุณดรีมจะไปไหนคะ” ฉัตรระวีถามเมื่อเห็นคู่หมั้นของเจ้านายเธอเดินออกมาจากห้องทำงาน
“ไปซื้ออะไรขึ้นมากินน่ะฮะ พี่ฉัตรเอาอะไรไหม” ถามยิ้มๆ
“โอ้ย! พี่ทานของบริษัทจนอิ่มแล้วจ้า เชิญคุณดรีมเลย” ปฏิเสธแบบเกรงใจออกมา จะให้คู่หมั้นของเจ้านายไปซื้อของมาให้กิน
ได้ยังไง
“โอเคฮะ คุณไหมครับ” หันไปเรียกมาธวีเบาๆ หญิงสาวเงยหน้าจากเอกสารขึ้นมามอง
“ผมจะไปซื้ออะไรมาทาน คุณจะเอาอะไรไหมครับ” ถามอย่างเป็นมารยาท
“ตามสบาย ฉันไม่ค่อยอยากจะกินของที่นายซื้อเท่าไหร่” ปฏิเสธด้วยใบหน้าเหยียดๆ ส่วนฉัตรระวีที่ฟังอยู่ก็นึกสงสัยว่าทั้งคู่รู้จัก
กันได้อย่างไร แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่าที่มาพูดจาไม่เหมาะสมกับปลายฝัน
“นี่เธอ พูดให้มันดีๆ หน่อย คุณดรีมเขาเป็นถึงคู่หมั้นของบอส ก็เท่ากับว่าเป็นเจ้านายเธอด้วยนะ” ฉัตรระวีตำหนิ
“ไม่เป็นไรฮะพี่ฉัตร ปล่อยเธอเถอะ” ปลายฝันห้าม
“ทำไมฉันต้องสนใจยะ”
“ยัยเด็กนี่” ฉัตรระวีทำท่าจะเข้าไปจัดการ แต่ปลายฝันก็จับมือเล็กของเลขาสาวเอาไว้ได้ก่อนที่เธอจะไปทำอะไร
“อย่าไปโทษเธอเลยครับ เธอก็เป็นของเธอแบบนี้แหละ เอาแต่อารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้ง ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่ในที่ของตัวเองแท้ๆ”
ปลายฝันจิกออกมาเล็กน้อยเพราะทนไม่ได้ที่ผู้หญิงคนนี้ยังหน้าด้านหน้าทนคิดว่าตัวเองใหญ่อยู่อีก
ปลายฝันไม่ชอบกดใครให้ต่ำว่า เพราะตัวเองก็เป็นแค่ธรรมดา แต่ก็แค่พูดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเอาแต่ว่าตัวเองก็เท่านั้น
“แก”
“ทำไมครับ จะทำอะไร มาสิครับ ถึงคุณตบตีผม ผมก็ไม่กล้าทำอะไรคุณคือหรอก เพราะคุณเป็นผู้หญิง แต่ถ้าด่าและแจ้งตำรวจนี่ คงจะทำได้ ข้อหาทำร้ายร่างกาย”
“แกขู่ฉันหรือยะ”
“เปล่านี่ครับ ก็แล้วแต่คุณจะทำเลย ผมไม่กลัว”
“ฉันเกลียดแก ถ้าไม่มีแกนะ”
“ทำไมครับ ถ้าไม่มีผมมันทำไม คุณอย่าพูดจาหลงตัวเองทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ามาทีหลังผมดีกว่าครับ มันน่าสมเพช หน้าตาก็สวย
ฐานะก็...อาจจะดี แต่ไม่น่ามีนิสัยแบบนี้เลลนะครับ”
“แก จะมากไปแล้วนะ หมายความว่ายังไงยะ ที่ว่าฐานนะอาจจะดี ฉันน่ะดีอยู่แล้วล่ะย่ะ ร่ำรวยมหาศาล มีเงินใช้จนไม่หมดหรอก
ชาตินี้” พูดโวหลอกตัวเองออกมา
“เอาที่คุณสบายใจ ถ้าหลอกตัวเองแล้วมีความสุขก็เชิญครับ”
“ฉันพูดคงวามจริง” มาธวีตะคอกใส่
“แล้วมาทำอะไรที่นี่ครับ อยากได้ของของผมไปทำไม ถ้าไม่ได้หวังเงินทอง ทรัพย์สมบัติของพวกพี่เขา” ปลายฝันพูดจี้ใจดำออก
มาจนหญิงสาวเถียงกลับไม่ถูก
เธอกำมือแน่นอย่างระงับอารมณ์ เธอรู้ตัวว่าเธอเข้ามาแบบผิดทาง ถ้าวางแผนให้ดีกว่านี้ ใช้การแสดงเข้าช่วย มาแบบดีๆ ไม่ร้าย
ตั้งแต่แรกมันคงไม่เป็นแบบนี้
เธอผิดเองที่ใจร้อนมากเกินไป เพราะฉะนั้นแล้ว มีอยู่ทางเดียวในตอนนี้ ก็คือการกำจัดปลายฝัน ออกไปจากชีวิตของปฐพีและ
อัคนีซะ!!
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดอีก เพราะสิ่งที่นายพูดมันก็ถูกทุกอย่างล่ะนะ แต่เสียดายที่แกจะมีโอกาสพูดได้แค่นี้” เธอบอกออกมาอย่าง
หยันๆ โดยที่ลืมไปว่าฉัตรระวียังนั่งอยู่ตรงนี้
เวลาทำศัลยกรรมก็ทำแต่หน้า แต่สมองของเรา อย่างไรก็เป็นอย่างนั้นอยู่เหมือนเดิม...
“หมายความว่ายังไงครับ” ถามออกไปเสียงเครียด
“หึ! ฉลาดนัก ก็คิดเอาเองสิยะ” เธอก้มหน้าลงไม่มองหน้าปลายฝันอีก แต่ยกมือถือขึ้นมาดูแทน
“ถ้างั้นดรีมไปก่อนนะฮะ” ปลายฝันที่เอาคำตอบจากมาธวีไม่ได้ ก็หันไปบอกฉัตรระวีแล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์เพื่อไปหาซื้ออะไรทาน
ตามความตั้งใจ พยายามสลัดความความคิดที่ยุ่งเหยิงออกไป
เธอคงจะพูดเพื่อให้เราเครียดไปแบบนั้นแหละ
…
…
หึ! อย่าคิดมาอวดเก่งกับฉันนะไอ้เด็กเมื่อวานซืน มาก่อนแล้วยังไง ถูกเลือกมาแล้วยังไง ในเมื่อฉันจะเอาใครมันจะห้ามได้...
มาธวีมองหน้าจอมือถือของตนด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ จนฉัตรระวีเห็นก็ยังรู้สึกกลัวไปด้วย เพราะเธออาจจะมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับ
ทางประสาทก็เป็นไปได้
“ฮ่าๆ เสร็จฉันล่ะ” หัวเราะออกมาเสียงดัง เลขาสาวเห็นก็ถึงกับกลัว แอบส่งข้อความบอกธีรไนยว่ามาธวีมีพิรุธ เนื่องจากมอง
โทรศัพท์แล้วหัวเราะออกมาอย่างคนบ้า ไหนจะรอยยิ้มร้ายนั่นอีก เธอไม่รู้ว่าในโทรศัพท์นั่นมีอะไร แต่คิดว่ามันต้องไม่ดีแน่ๆ
มันลงไปข้างล่างแล้ว จัดการได้เลย...
…
…
…
ธีรไนยกับพีรพัฒน์ที่อยู่ด้านล่างเห็นปลายฝันเดินออกไปด้านหน้าตึกก็รีบเดินเข้าไปหาทันที แต่เหมือนจะช้าไปเพราะร่างบางเดิน
ลงไปที่ฟุตบาตแล้ว กำลังเตรียมตัวจะเดินข้ามถนน แต่ในจังหวะที่ปลายฝันยืนรอสัญญาณไฟ ธีรไนยเห็นรถจักรยานยนต์คันหนึ่งมีชายชุดดำอยู่สองกำลังขับผ่านตัวร่างเล็กไป แต่ชั่วขณะหนึ่งเขาเห็นว่าหมอนั่นมือปืน เลยตะโกนอย่างไม่คิดชีวิตออกไป
“ดรีมระวัง!!!”
แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาไม่เข้าข้าง จังหวะที่ร่างบางหันมามองคนที่ตะโกนเรียนตน มือปืนคนที่ซ้อนท้ายก็ลั่นไกเสียงดังใส่ร่างบาง
ทันที
ปัง!!!
“กรี๊ดดดด” ผู้คนแถวนนั้นวิ่งหนีกันอลหม่านเพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลง แต่คนที่โดนลูกซองเข้าเต็มๆ ก็ทรุดตัวล้มลง ธีรไนยวิ่งเข้า
มาหาปลายฝันด้วยความกลัวอย่างยิ่ง น้ำตาไหลพรากอย่างรู้สึกผิด
“ดรีม ฮึก ย่ะ อย่าเป็นอะไรนะ” ร่างโปร่งเรียกเสียงสั่นเครือ มองที่บริเวณเอวข้างซ้ายที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุดอย่างใจหาย
“ไปลากคอมันมาให้ได้” พีรพัฒน์หันไปสั่งลูกน้องตนที่ปฐพีให้คอยคุ้มกันร่างบางด้วยความโมโห อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ครับ”
พีรพัฒน์หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาโทรเรียกรถพยาบาล และสั่งกำชับว่าให้มาเร็วที่สุด ถ้าไม่อยากโดนออกจากงาน ก่อนจะทำใจ
โทรบอกปฐพีผู้เป็นเจ้านาย
ที่ไม่รู้ว่า...ถ้าเกิดรู้ว่าปลายฝันโดนยิง
จะน่ากลัวแค่ไหน...
ภาพตรงหน้าของปลายฝันพร่ามัว น้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บแผลที่โดนยิง จนขยับไม่ได้ รู้แค่ว่าอยากนอน อยากจะหลับให้
ลืมความเจ็บปวดไป
แต่ก่อนที่สติของร่างบางจะดับปลาย สิ่งที่สุดท้ายที่ตัวเองคิดถึงก็เปล่งมันออกมาอย่างยากลำบาก
“พ่ะ พี่ดิน อึก พ่ะ เพลิง…”
“ดรีม ไม่นะ!”
“รัก” แล้วทุกอย่างก็ดับไป ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของธีรไนยที่ดังไปทั่วทั้งบริเวณนั้น
“ม่ายยย...”

สวัสดีค่ะ วันนี้เอานิยายมาลงตามที่สัญญาไว้ในเพจให้แล้วนะคะ งื้อ....น้องดรีมโดนยิง พี่ดิน พี่เพลิงรู้จะเป็นยังไงเนี่ย แต่ยูกิไม่เขียนนิยายเรื่องนี้ให้รุนแรงนะคะ ต้องขอโทษด้วย
เม้นท์กันเยอะๆ หน่อยนะคะ ส่วนใครที่สั่งจองหนังสือ รอหน่อยนะคะ ติดตามสอบถามที่แฟนเพจได้เลยนะคะ
เจอกันตอนต่อไปนะคะ ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่ที่กำลังใจ อิอิ
https://www.facebook.com/sawachiyuki