At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ  (อ่าน 185163 ครั้ง)

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
«ตอบ #330 เมื่อ14-09-2015 23:33:21 »

Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 23


บอกให้นอนก็นอนดิวะ
ทำไมต้องทำให้วุ่นวายด้วยการมาสั่งกลับว่านอนก่อนไปเลยด้วย
ตามสภาพร่างกาย ผมคือคนที่ไม่นอนพักก็ยังไม่ตาย เขาคือคนที่ควรจะนอนพักถ้าไม่อยากตาย
“พี่โป๊ะก็นอนดิ ยากินรึยัง วินถามเป็นรอบที่ล้านแล้วเนี่ย”

“ก็ตอบเป็นรอบที่ล้านแล้วว่ากินแล้ว วินนอนไปก่อนเลย”

“เพื่อ? วินไม่ใช่คนที่จำเป็นต้องนอน”
“นี่ตี 2 แล้วพี่โป๊ะ นอนพักได้แล้ว พี่ไม่สบายอยู่นี่”

“พี่ไหว” แค่กๆๆๆ เสียงยุงตดหรอที่ผมได้ยินอยู่เนี่ย ผมกอดอกใส่ พ่นลมออกจมูกเสียงดังๆ ให้เขารู้ว่าผมเบื่อการเถียงกันแบบนี้มากแล้ว อย่าให้ถึงจุดพีคเลย ขอร้อง

“โอเค”
“คือพี่ยังต้องทำงาน”

“ตี 2”

“ก็มันไม่เสร็จแล้วแนนต้องส่งงานลูกค้าพรุ่งนี้แล้ว ดราฟท์แรก”
“ไม่อยากให้มันต้องแก้หน้า”

“ก็นี่มันตี 2”

“ก็ถ้าวินไม่จ้ำจี้จ้ำไชกับพี่ ก็ได้ทำงานตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว ป่านนี้ก็คงได้นอนแล้ว”

นี่ผมยื่นพาราให้หมีควายแดกสินะ นอกจากจะไม่รับความหวังดีแล้วยังจะมาฆ่าผมอีก
ผมพ่นลมออกจมูกอีกรอบแล้วก็หันหลังใส่ ใช้เท้าเตะประตูเพื่อเปิดห้องแล้วก็เดินฉับๆ เข้าห้อง ปิดประตูใส่หน้าเขาแล้วก็คว้าหมอนมาฟาดลงบนที่นอนตัวเอง

“เหี้ยเอ้ย!!!”

ก๊อก ก๊อก
“วิน”

“...........” ไม่ตอบแม่ง มาเสียเวลาเรียกกันทำไม เอาเวลาไปทำงานสิ จะได้รีบตายก่อนปีสองพันสิบหก

“วิน เปิดประตู”

“ไม่ได้ล็อค” มีปัญญา มีความกล้า ก็รุกล้ำมาเถียงผมในห้องของผมเลย เอาสิ!

ปั่ก!
แล้วเขาก็ก้าวเข้ามาครับ เฮ้อ ผมเริ่มไม่รู้แล้วใครบ้ากว่ากัน

“อะไรอีกล่ะ”

“นอนซะ เดี๋ยวพี่ก็นอนแล้ว ไม่ทำงานแล้ว” ผมเหล่มองนายมือโปรที่ยืนพิงขอบประตูห้องผม เขาพยักหน้าย้ำ แต่จ้างให้ผมก็ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไปนอนตามที่บอก

“จริงๆ มันก็เรื่องของพี่โป๊ะ”
“แต่พี่ยังเสือกเรื่องของวินกับพี่รุตต์เลย วินก็ขอเสือกเรือ่งที่พี่ป่วยและควรนอนบ้าง”
“ได้เสือกแล้วก็ถือว่าหายกัน”

“โอเค พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”
“คืนนี้ฝันดีก็แล้วกัน”
“หรือนี่ฝันค้างอยู่ นี่พี่ขัดจังหวะเดทของวินรึเปล่า”

“กวนตีน” ผมอวยพรเขาก่อนนอน นายมือโปรยกยิ้มมุมปากแล้วก็ถอยออกจากห้องไป ผมได้ยินเสียงประตูห้องเขาเปิดและปิดลง แม้ใจจะไม่เชื่อว่าเขาจะนอนตามที่โม้ไว้เมื่อกี้ แต่ผมก็เลือกจะหยุดสนใจเขาแค่เพียงเท่านี้ เพราะคืนนี้ผมง่วงมากแล้ว
ก่อนหลับตา แม้ว่าผมจะปิดไฟในห้องแล้ว แต่ก็ขอนิสัยเสียเช็คโทรศัพท์อีกนิดหน่อย พี่รุตต์ส่งข้อความมาอวยพรให้ฝันดี และนัดหมายว่าพรุ่งนี้จะมารับ เพื่อไปส่งที่ออฟฟิศ
นอกจากข้อความพี่รุตต์ ก็มีข้อความไอ้โอม เพื่อนชั่วที่ไปทำตัวเริงร่าท้ากรวดออสเตรเลีย ข้อความมันยาวมากครับ ดีว่าส่งมาทางแชทเฟสบุ้ค มาร์คซัคไม่จำกัดความยาวของตัวหนังสืออยู่แล้ว ผมยังไม่อ่านละเอียดเพราะไม่อยากสายตาเสีย
ข้ามผ่านตัวหนังสือมากมายของไอ้โอม ผมเห็นการแจ้งเตือนที่กล่องข้อความอีก 1 อัน ก็เลยกดไปอ่าน เผื่อจะเป็นพี่รุตต์บอกรายละเอียดเพิ่ม
ผมเดาผิด คนที่ส่งข้อความมาหาผมคือนายมือโปรที่นอนห่างออกไป 1 ห้องเท่านั้น
เขาส่งมาว่า “นอนจริงๆ” ื
อ่านแล้วผมก็ขำ เอาเป็นว่าคืนนี้ คนที่บ้ากว่าก็คือเขาละกันนะครับ


#### @ D A W N  #####


เช้านี้นาฬิกาปลุกของผมคือสิ่งมีชีวิตที่ผมเริ่มไม่เข้าใจการกระทำของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
นายมือโปรมาปลุกผมในห้อง และแม้ว่าผมจะลืมตาตื่นแล้ว มองเขาด้วยความคำถามว่า -เข้า มา ทำ อะ ไร แล้วทำ ไม ยัง นั่ง อยู่ อีก ทั้ง ที่ ผม ก็ ตื่น แล้ว- เขาก็ไม่ลุกไปไหน
นายมือโปรยังตะแคงตัวนั่งอยู่บนเตียงผม แต่หันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง ผมก็เลยเลิกมองเขางงๆ แล้วหันไปมองทางหน้าต่างบ้าง

พระอาทิตย์กำลังขึ้น
แสงส้มประกายทองบางๆ กำลังถักใยของตัวเอง ไต่ตามก้อนเมฆที่เรียงรายอย่างไร้ระเบียบ
ผมรู้สึกมีกำลังใจ รู้สึกว่าจะได้เริ่มใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าเมื่อวานจะจบลงแบบไหน ไม่ว่าจะหลับด้วยอารมณ์ใด ณ ตอนนี้ ผมได้เริ่มใหม่อีกครั้งแล้ว

“สวยเนอะ”

“พระอาทิตย์น่ะหรอครับ พี่โป๊ะเพิ่งรู้รึไง”

“อื้อ พี่ไม่ค่อยได้มองว่าอะไรมันเริ่มต้นตอนไหน รู้ตัวอีกที อะไรที่ว่าก็จากไปแล้ว ก็เหมือนรู้ตัวอีกทีก็หมดวัน”

“วินชอบรู้ตัวว่าอะไรกำลังเริ่มมากกว่า”

“................” นายมือโปรไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาละสายตาจากจุดเริ่มต้นวันใหม่มามองผมแทน มองเงียบๆ มองนิ่งๆ และไม่ทันได้คาดคิดอะไร นายมือโปรก็ยื่นมามือปิดตาผม ผมเลยไม่เห็นว่าเขาทำอะไร และยังไม่ทันได้ขืนขัด ผมก็รู้สึกได้ว่าเขาจูบหน้าผากผมเบาๆ ลุกขึ้นจากเตียง คืนอิสระให้ลูกกะตาผมอีกครั้ง แล้วก็เดินออกจากห้องผมไป

ผมได้แต่นอนตัวแข็ง อ้าปากค้างเพราะยังอึ้งๆ งงๆ อยู่

“เชี่ยเอ้ย” แม้จะสบถ แต่วันใหม่ของผมก็ยังไม่มีสีใดมาสร้างตำหนิแม้แต่นิดเดียว

ผมอาบน้ำ-แต่งตัวเรียบร้อย และลงมากินมื้อเช้าตามปกติ นายมือโปรนั่งจิบกาแฟรอแล้วครับ ดูจากชุดที่ใส่ก็เดาได้เลยว่าวันนี้เขาจะไม่นอนเพาะเชื้อโรคแล้ว

“กินข้าวเช้าสิวิน นั่งนิ่งทำไม” คือ.... ก็อยากถามไงว่าไอ้เมื่อเช้าคือไร? แต่เห็นเขาทำเหมือนมันไม่ได้มีอะไรพิเศษๆ เกิดขึ้นเลย ผมก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย ผมจับช้อนส้อม มองเบคอน ไข่ดาว มันบด ในจานแบนๆ ของตัวเองแล้วขมวดคิ้ว

“อยากกินอะไรน้ำๆ”

“คนทำคงรีบ”

“ปกติเขาจะมีครบนะ ป้าสุรู้ว่าวินชอบ ต้องมีทุกมื้ออยู่แล้ว”

“.............”

“แล้วพี่โป๊ะกินอะไรอ่ะ”

“ปังปิ้ง กาแฟ พอแล้วแค่นี้แหล่ะ”

“วินอยากกินซุป หรือแกงจืดอะไรก็ได้ คล่องคอ”

“ก็บอกแล้วไงว่าคนทำรีบ”

“ก็ปกติเขามีมาทุกเช้านี่นา”

“โอเค มื้อเช้านี้พี่ทำเอง โทรไปบอกลุงสมานมาว่าเราจะไปทำงานกันเช้ากว่าปกติ คงไม่ทันได้รอกิน”
“กินสิ เดี๋ยวสายๆ พาไปกินซุป เช้านี้ต้องรีบ”

“ก็...”
“ก็ได้” ทำไมผมต้องยอมด้วยวะ! แต่ช่างมันเถอะ กินก็กิน ผมจิ้มเบคอนทอดเข้าปาก ยัดด้วยไข่ดาวลูกเล็กๆ มันบดช่างมันครับ แล้วดื่มนำแทน ตามด้วยกล้วย แอปเปิ้ล ตบท้ายด้วยน้ำผลไม้อีกเกือบหมดกล่องใหญ่ๆ นายมือโปรมองผมตาปริบๆ คงงงว่าผมยัดบลงไปได้ยังไงล่ะมั้ง แต่มื้อเช้าสำคัญนี่หว่า

“อิ่มแล้ว”
“ไปสิ”
“เอ้า! พี่โป๊ะยังดื่มกาแฟไม่หมดอีกหรอ?”

“เอ้อ! อ่อ ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยต่อที่ออฟฟิศ”
“โอเคแล้วนะ”

“ครับ” ผมรับคำ รู้สึกพร้อมไปทำงานเต็มที่ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ พี่รุตต์บอกไว้ว่าเช้านี้จะมารับไปทำงาน เออ....เอาไงดีหว่า

“เอ่อ พี่โป๊ะ”
“เดี๋ยววินไปเอง  งานด่วนที่ต้องให้พี่แนนนี่ต้องเสนอลูกค้ากี่โมงครับ วินจะไปให้ทัน จริงๆ”

“แล้วทำไมไม่ไปพร้อมกันล่ะ”

“คือ...พี่รุตต์ ..จะมารับ”

“อ้อ! โอเค”
“เจอกันที่ออฟฟิศก่อน 8 โมงก็แล้วกัน”
“ต้องบรีฟงานกันภายใน 20 นาที”
“วินก็ควรจะมาให้ทันนะ”
“โชคดี”

ผมยังไม่ทันพูดอะไร เขาก็เดินฉับๆ ออกจากบ้านไปพร้อมกับโน้ตบุ้คคู่ขวัญคู่กำลังใจ เอกสารเยินๆ ปึกใหญ่ ส่วนผมก็ได้ยืนอึ้งๆ อยู่ว่า ทำไมผมได้ตามที่ต้องการเร็วจัง ตามปกติถ้าเป็นการงัดความใหญ่ของความต้องการ มันจะต้องต่อสู้เยอะกว่านี้เพื่อที่จะได้มา แต่ทำไมวันนี้เขาถึงเข้าใจอะไรง่ายจัง

แล้วทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าการที่เขาเข้าใจอะไรง่ายคือ การเข้าใจเขาได้ยาก

#### @ D A W N  #####

นั่งรอพี่รุตต์อยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าบ้านไม่นาน เขาก็มาถึงครับ พี่รุตต์ใส่ชุดลำลองดูสบายๆ เดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าสบายๆ แต่คือผมรีบไง ผมต้องไปถึงออฟฟิศที่อยู่ทาวน์อินทาวน์ก่อน 8 โมง ตอนนี้ร่างผมร้อนรนอยู่แถวพระราม3 เอาสิ จะไปทางไหนที่ทันเวลา

“ทานข้าเช้ารึยังวิน สำคัญนะ”

“พี่รุตต์ก็รู้ว่าที่บ้านเขาดูแลอยู่แล้ว”
“ไปกันเถอะครับ วันนี้วินเข้าออฟฟิศที่ทาวน์อินทาวน์”

“งานด่วนมั้ย”

“ด่วนมากครับ”

“อ่อ...โอเค”
“ไปครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” น้ำเสียงพี่รุตต์หงอยลงนิดหน่อยแต่ผมก็สังเกตได้ ต้องขอโทษด้วย ผมไม่มีเวลาปลอบอกปลอบใจเขาหรอกครับ ผมอยากไปให้ทันเวลามากกว่า เพราะผมอยากรับผิดชอบต่องาน และรับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง ผมพูดว่าจะไปถึงให้ทัน ก็ต้องไปให้ทัน

พี่รุตต์ขับรถเร็วกว่าปกติ เราโชคดีที่วันนี้รถไม่ติด พาตัวเองขึ้นทางด่วนได้ผมก็รอดแล้วครับ
รถพี่รุตต์จอดหน้าออฟฟิศตอน 7.55น. ผมรอดแล้ว ผมรอดแล้ว ใจผมกระเด้งดึ๋งๆ แบบบรรยายไม่ถูกเลยครับ คงเป็นเพราะผมสามารถทำตามหน้าที่ต้องรับผิดชอบได้นั่นแหล่ะ

ลงจากรถได้ผมก็วิ่งปรี่เข้าบริษัท ผ่านห้องยามเล็กๆ ที่เอาไว้ให้คนภายนอกแลกบัตร แต่ผมไม่ต้องแลก ผมกับพี่ทรงยศสนิทกันแล้ว อ้อ พี่ทรงยศคือยามครับ เป็นทั้งหัวหน้ายามและลูกน้องยาม คือทั้งบริษัทมีแกคนเดียว

ผมวิ่งรี่มาที่ชั้น 3 ทันที ผมคาดหวังจะเห็นพี่แนนหันหน้ารวยแก้มมามองผมแล้วส่งยิ้มให้ เห็นนายมือโปรหันมองตาม แล้วก็พยักหน้าเรียกผมเข้าทีมที่กำลังบรีฟงานกันอยู่  แต่พี่ผมเจอหลังจากผลักประตูเข้ามา คือความเงียบสงัด

“ชิบหาย! พรีเซนท์ที่ออฟฟิศไหนวะ!” ผมสบถด้วยหัวใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ยกมือถือโทรหานายมือโปร ฟังเสียงตู๊ดไม่กี่ครั้งเขาก็รับสาย

“ครับวิน”

“พี่โป๊ะอยู่ไหน”

“ออฟฟิศไง”

“ออฟฟิศไหน?”

“ดุสิต”

“เหี้ยยยยยยยยยย วินอยู่ทาวน์อินทาวน์”
“พี่โป๊ะ วินขอโทษ”
“ไปตอนนี้ก็คงไม่ทันใช่มั้ยครับ”
“วินขอโทษนะ วินขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ”
“เฮ้ย! รู้สึกผิดอ่ะ  ขอโทษนะพี่โป๊ะ”

“อื้อๆ ไม่เป็นไร เอาอยู่เถอะ สบายๆ”
“แล้ววินอยู่กับใคร ทีมเขาออกหาลูกค้ากันหมด เหลือแค่ยาม”

“ก็....คงต้องอยู่กับพี่ทรงยศเขาแหล่ะครับ”

“อื้อ นั่งทำงานไปเรื่อยๆ นะ เดี๋ยวพี่ก็กลับแล้ว แนนมันเอาอยู่ รายละเอียดก็ผ่านแล้ว ไม่ยาก”

“ครับ แต่ว่า ถ้าพี่ต้องการซัพพอร์ต บอกวินนะ”

“ครับ ขอบคุณนะ” เขาวางสายไปแล้ว แต่ความอุ่นใจยังอยู่กับผม ทั้งที่ไปร่วมพรีเซนท์งานลูกค้าไม่ทัน ไม่ได้ดูการทำงานของทีมเขา ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย แต่กลับรู้สึกว่าผมนั่งที่โต๊ะทำงานหน้าห้องเขาได้ไม่เป็นไร ผมนั่งทำงานส่วนของผมได้ไม่เป็นไร  มันน่าจะเป็นครั้งแรก หรือครั้งแรกๆ ที่ผมพลาดความรับผิดชอบส่วนของผม แต่ยังรู้สึกดีกับตัวเองได้อยู่ เพราะคำว่า –ไม่เป็นไร- ของนายมือโปร

ผ่านไป2ชั่วโมงกว่า พี่ทรงยศก็ขึ้นมาที่ส่วนออฟฟิศชั้น 3 เขาทำหน้าเหรอหราใส่ผม แต่พอผมพยักหน้าเชิญให้พูด พี่เขาก็พูดตรงประเด็นเผงเลย

“รถขายส้มตำไก่ย่างมาแล้วครับ วันนี้คุณแนนไม่อยู่หรอครับ แล้วจะให้ซื้ออะไรไว้มั้ยครับ”

“ผมก็ไม่รู้อ่ะครับพี่”
“เดี๋ยวผมถามให้”

“งั้นผมไม่เรียกไว้ก็แล้วกันนะครับ กลัวคุณแนนไม่เข้ามาแล้ว”

“อ่อ เรียกไว้เถอะครับ ผมซื้อเอง ถ้าไม่กลับมากันแล้วเราก็กินกันแม่งให้เปรมเลย”
“ไหนล่ะครับ” พี่ทรงยศยิ้มแป้น เดินนำผมลงจากออฟฟิศมายืนสู้แดดจัดๆ ที่หน้าออฟฟิศ รถส้มตำที่แกว่าก็คือรถเข็นเข็นควันโขมงนั่นแหล่ะครับ

“อ่า แม่ค้า ปูปลาร้า ลาบเนื้อ ซุปหน่อไม้แซ่บๆ เด้อ”
“ปลาดุกย่างด้วย ตัวนี้ตัวนี้ อ่อมด้วย คุณวินเอาอะไรครับ” พี่ทรงยศหันมาถามผม ผมก็เลยงงขึ้นมาทันที ไม่ได้งงว่าจะกินอะไรดีหรอกครับ งงว่าที่แกสั่งเมื่อกี้ไม่รวมส่วนของผมหรอ? แกกินคนเดียวหมดหรอวะ?

“เอ่อ..ตำปู แบบไม่ใส่ปูนะครับ” ปั่ก! เหมือนพูดอะไรแป่กๆ แล้วมีเสียงประกอบนั่นแหล่ะครับ สากหยุดทำหน้าที่ทุบตีก้นครกกะทันหัน ผมถูกแม่ค้าเหวี่ยงตามอง เธอไม่พูดอะไรกับผมแต่หันไปถามพี่ทรงยศว่า เด็กใหม่เรอะ?
“เอ่อ งั้นใส่ปูตามที่ป้าสบายใจเลยครับ” ปั้ก ปั้ก ปั้ก ผมตรัสรู้ได้ในบัดดลว่าห้ามเรียกแม้ค้าผู้ถือวัตถุที่แปรผันเป็นอาวุธได้ว่าป้า มันไม่ปลอดภัยกับกะบาลตัวเอง
“เอาตำปูครับ รสมือพี่เลยครับ อร่อยแน่เลย”
“กับ ไก่ย่าง เอาปีกๆ กับ...”
“เอ่ออออที่เป็นหมูสับๆๆ เรียกอะไรนะครับ”

“ลาบ! ไอ้หนุ่มนี้จะได้กินมั้ยมื้อนี้น่ะ!” ดุด้วย ก็ผมสับสนนี่หว่า จะกินหมูสับๆ แม่งก็เสือกสั่งได้แต่หมูหั่นๆ พอจำไว้ว่าสั่งแบบหมูหั่นๆเรียกอะไร มาสั่งครั้งต่อไปแม่งก็ยังได้กินหมู่สั่นๆอยู่ดี

“อื้อๆ เอาหมูสับๆ นะครับ ไม่เอาหั่นๆ”
“ผมจำไม่ได้หรอกว่าเรียกอะไร แต่จะกินหมูสับๆ”
“สั่งเท่านี้ได้มั้ยครับ”

“พ่อคู้นนนนน สั่งแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหล่ะครับคุณวิน”
“ฝากผมจ่ายเลยครับ เดี๋ยวหิ้วขึ้นไปให้”

“อ้อ ดีเลยครับ ผมร้อน” ผมควักแบงก์พันให้ พี่ทรงยศมองหน้าแบบไม่เข้าใจผมเท่าไหร่ ผมก็เลยเปลี่ยนไปแบงก์ห้าร้อยแทน
“ผมเลี้ยงพี่ทรงยศนะครับมื้อนี้”

“โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย” คือไม่เอา?
“ขอบคุณหลายครับ” ต้องแบบนี้สิ อย่าให้ผมต้องคะยั้นคะยอใครเลย ผมไม่ชอบง้อใครด้วย

ผมทิ้งยามบริษัทไว้กับแม่ค้าส้มตำ พวกเขาดูจะคุยกันถูกคอกว่าตอนที่มีผมยืนมารหัวร้อนมาก ขึ้นมาถึงโต๊ะทำงานก็คว้าโทรศัพท์เช็คดูว่ามีใครติดต่อมารึเปล่า
มีครับ
รายแรกพี่รุตต์ ก็คงโทรมาถามความเป็นไปขอผม
รายที่สองป้าสุ อื่มมม มีอะไรรึเปล่านะ?
รายที่สาม นายมือโปร น่าจะธุระด่วน ผมควรโทรกลับใช่มั้ย
ยังไม่ไตร่ตรองอะไร ผมเลือกโทรกลับไปหานายมือโปรทันที พอเขารับสายก็รายงานตัวรอเขาโยนความผิดชอบมาให้เพิ่ม

“กินมื้อกลางรึยัง”

“อ่ออ นึกว่าเรื่องด่วนอะไร”
“ยังไม่ได้กินครับ แต่ลงไปซื้อส้มตำกับพี่ทรงยศมา”

“อ่อ สั่งตับหวานให้ด้วยดิ นอกนั้นกินกับวิน”
“เดี๋ยวพี่ถึงแล้ว”

“พี่โป๊ะ แล้วพี่แนนล่ะครับ พี่ทรงยศแกเป็นห่วง”

“แนนไปโกดังกับลูกค้าต่อ”

“อ่ออ โอเค งั้นพี่รีบกลับมานะ ไม่อยากดมส้มตำ อยากกินเลย”

“โอเค แป๊บเดียว ตับหวานด้วย!” แล้วก็วางไป

นี่น่ะหรอสิ่งที่ผมห่วงว่าจะเป็นธุระด่วน
นายมือโปรชอบกินตับหวาน เกือบครึ่งวันผ่านไปผมเรียนรู้เท่านี้เองหรอเนี่ย?


เขาบอกแป๊บเดียวก็แป๊บเดียวจริงๆ ครับ นายมือโปรวิ่งหอบๆ เข้ามาในออฟฟิศ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะวิ่งทำไม เดินชิลๆ ก็ถึง สงสัยจะอยากกินตับจัดๆ

“มาเร็วจัง”

“ก็พี่บอกแป๊บเดียวก็ต้องแป๊บเดียวดิ”
“หิวมั้ย กินเลยสิ”
“จานชามก็มี”

“ได้ๆ เดี๋ยววินเทเลย”
“แล้วพวกพี่แนนเขาไปทำงานกันต่อที่โกดัง พี่โป๊ะไม่ต้องไปก็ได้หรอครับ”

“อื้อ ได้”
“บ่าย 2 พี่มีประชุมกับบอร์ดบริษัทแม่ เรื่องตั้งร่วมทุนนั่นแหล่ะ วินไปด้วยนะ”
“หรือติดนัด”

“ไม่ๆ อยากไปกับพี่โป๊ะ”
“มีข้อมูลอะไรให้วินเตรียมกึ๋นก่อนมั้ย”

“มี เดี๋ยวอ่านในรถได้ กินก่อนเถอะ” นายมือโปรบอกแล้วก็จัดแจงเปลี่ยนตัวเองเป็นพ่อครัว เขาไม่ได้ประกอบอาหารหรอกครับ เขาแค่บรรจงเทส้มตำ หมูสับๆ ไก่ย่าง ตับหวาน ข้าวเหนียวลงในจาน ประดับผักสดที่แม่ค้าแถมมาจนดูมีรสนิยมมาก

“กินเลยนะ”

“เชิญญญญญ” แม่งตอบประชดเถอะ

เรากินข้าวเช้าด้วยกัน กินมื้อกลางวันด้วยกัน เย็นนี้ก็อาจจะกินข้าวด้วยกันอีกรอบ เพราะผมต้องเข้าประชุมบอร์ดกับเขาด้วย
24 ชั่วโมงต่อวันของผม กำลังชินกับการอยู่กับนายมือโปรตลอดเวลา
ผมหวังว่าเขาจะไม่รำคาญผมจนต้องลำบากไปหาเวลาส่วนตัวที่อื่น ผมหวังว่าเขาจะบอกผมตรงๆ ว่าตอนไหนอยากอยู่คนเดียว ตอนไหนอยากอยู่กับวิน
แต่ที่หวังกว่านั้น ก็คือ หวังให้ 24 ชั่วโมงต่อวันของเขา ชินกับการอยู่กับผมตลอดเวลา

โทรศัพท์ผมดังขึ้นอีกครั้ง แต่ผมไม่ได้รับ ทำเพียงแค่ชะโงกมองดูชื่อคนที่โทรหา แล้วก็นั่งกินมื้อกลางวันกับนายมือโปรต่อ
เพราะมือผมเปรอะเปื้อนอยู่ ไม่สะดวกรับสาย พี่รุตต์คงไม่โกรธผม และไม่มองเหตุผลของผมเป็นเรื่องไร้สาระหรอกนะ

เพราะมือผมเปรอะอยู่ ไม่สะดวกรับสาย
เพราะผมกำลังกินส้มตำไก่ย่างอย่างมีความสุขอยู่ ไม่สะดวกรับสาย
ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลข้อแรกข้อเดียว หรือข้อสองข้อเดียว หรืออ้างทั้ง 2 ข้อ
สี่งที่ผมเลือกทำ ก็คือ ไม่รับรู้ความต้องการของพี่รุตต์ทั้งที่สัญญาไว้แล้วว่าใน 2 อาทิตย้นี้ จะมอบความทรงจำที่ดีให้เขา


-cut-


ครึ่งเดือนต่อที สปีดนี้กำลังโอเคใช่มั้ยคะ?
นี่มาต่อเพราะมีคนหมั่นถามเลย โฮ่ๆๆๆ
ฝากติดตามด้วยนะคะ จะปั้นให้ถึงไคลแม็กซ์เร็วๆ ไม่อยากให้คนอ่านเบื่อ แต่ไคลแม็กซ์เรื่องนี้อาจจะบางคนแทบไม่รู้สึก ฮ่าๆๆๆๆๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2015 08:23:35 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
«ตอบ #331 เมื่อ15-09-2015 06:46:10 »

สงสารพี่รุต แท้   

มือโปร จะทำอะไรก็รีบทำซะนะ

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 746
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
«ตอบ #332 เมื่อ15-09-2015 07:41:07 »

วินใจร้ายนะเนี่ย  สงสารคุณรุตเลย

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
«ตอบ #333 เมื่อ15-09-2015 07:58:30 »

พี่รุตคะ รีบนั่งเรือบินกลับญี่ปุ่นเถอะค่ะ
ปล่อยน้องวินให้พี่โป๊ะดูแลได้แล้ว  :katai2-1:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
«ตอบ #334 เมื่อ15-09-2015 11:43:00 »

สงสารพี่รุต  หมั่นไส้พี่โป๊ะ
แต่ไม่อยากสงสารพี่โป๊ะ
งั้นคงต้องให้เป็นแบบนี้แหลละเนาะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
«ตอบ #335 เมื่อ15-09-2015 16:18:00 »

สงสารพี่รุตเบาๆ

ออฟไลน์ sunakai

  • *~CrAzY_KiLL~*
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
«ตอบ #336 เมื่อ15-09-2015 20:23:41 »

ตอนนี้พี่โป๊ะก็น่าจะเริ่มมองจุดเริ่มต้นของอะไรบางอย่างออกแล้วมั้ย

จุ๊บเหม่งมัดจำเค้าไปแล้วก็ช่วยทำอะไรๆ ให้มันชัดเจนด้วยนะคะคุณ อย่าปล่อยให้สายไปเหมือนที่ผ่านมา

เห็นวินน้อยค่อยๆ ยอมรับว่ากำลังเสพติดสิ่งมีชีวิตที่ชื่อมือโปรแล้วมันชื่นนนนหัวใจ

แต่เหนืออื่นใด... ทำไมต้องอ่านตอนสองทุ่มที่ฝนกำลังกระหน่ำเม็ดอย่างเมามัน

แม่ค้าส้มตำจ๋าาาาาาาาาาาาา T^T


ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
«ตอบ #337 เมื่อ16-09-2015 04:35:48 »

พี่รุตน์นี่ถอดใจแล้วยังเนี่ย   รักแท้แพ้ส้มตำสินะงานนี้

ลาบไม่ใช่หรือคะ?  ลาภมันแบบโชคลาภใช่ไหมคะ?

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
«ตอบ #338 เมื่อ16-09-2015 15:01:08 »

ถึงจะมาช้าหน่อย แต่ก็อยากให้มาต่อนะ

ออฟไลน์ ArgèntaR๛

  • "ความสุข" แบ่งปันได้
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-0
    • turelight's Fanpage
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
«ตอบ #339 เมื่อ16-09-2015 15:09:00 »

เก็บเรื่องนี้ลงลิสต์มาไว้ตั้งนาน ได้ทีเลยมาอ่านรวดอยู่สองสามวัน
โดยส่วนตัวชอบความเรื่อยๆ แบบนี้นะ มัน Slice of Life ไม่ต้องเร่งเกินไป แต่ค่อยๆ ซึมซับกันดี
โปรคงเริ่มรู้สึกตัวมาได้สักพักแล้ว ก็ได้แต่เชียร์อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ค่อยๆ กระดึ้บๆ เดี๋ยวไก่จะตื่นเสียก่อน :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
« ตอบ #339 เมื่อ: 16-09-2015 15:09:00 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
«ตอบ #340 เมื่อ16-09-2015 20:50:10 »

รู้สึกว่ามันมีอะไรก้าวหน้าขึ้นเนอะ

ถึงจะนิดหน่อยก็เถอะพี่โป๊ะกับวินสู้ๆ

ออฟไลน์ milkteabeige

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
«ตอบ #341 เมื่อ16-09-2015 22:14:19 »

ชัดเจนแล้วมั้ยคะน้องวิน พี่โป๊ะ ที่กำลังรู้สึกกันอยู่น่ะ
แต่ดูเหมือนจะเป็นคนความรู้สึกช้ากันทั้งคู่นะ 5555

ไม่ได้เชียร์พี่รุตต์ค่ะ แต่ก็สงสารนางบ้างเล็กน้อยย

ออฟไลน์ beautifuldead

  • wandered lonely as a cloud..
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
«ตอบ #342 เมื่อ17-09-2015 16:14:51 »

พี่โป๊ะคนมึนนน ไม่รู้ว่าพี่โป๊ะอะไรยังไงนะ และจะทำการเหี้ยวิถีใส่น้องวินตอนไหนอีกก
แต่น้องวินนี่คือติดพี่โป๊ะแล้วแน่นอน ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ><~~~~ แอร้ยย

กอดพี่รุตต์เบาๆ ตลาดนั้นปล่อยเค้าสองคนไป แล้วมาอยู่กับเราดีกว่า 5555

ออฟไลน์ beautifuldead

  • wandered lonely as a cloud..
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน23(14-09-15)
«ตอบ #343 เมื่อ05-10-2015 18:14:46 »

ไปอ่านน้องธามมาแล้ว...ก็กลับมาคิดถึงน้องวินต่อออ
เค้ายังรออยู่น้า ..ไม่กล้าโพสบ่อยเดียวคนเขียนกดดัน 555

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(9-10-15)
«ตอบ #344 เมื่อ09-10-2015 00:17:39 »

Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 24


ผมควรจะเอะใจตั้งแต่ป้าสุโทรมาแต่ไม่ได้รับสายแล้ว
ผมได้เจอกับตัวเป็นๆ ของป้าตัวเองที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทแม่ ซึ่งครองชั้น 18 ของอาคารสำนักงานให้เช่าแห่งหนึ่ง บนถนนวิภาวดี
ป้าผมยืนสวยๆ อยู่กับเลขาส่วนตัวพี่ฟ้า และทันทีที่ผมเดินเข้าประตูบริษัทมา ทั้งคู่ก็พุ่งสายตามองผมอย่าง....ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือนายวิณณ์ หลานชายนายแบงก์

“เราอยู่ในช่วงพักร้อนหรอลูก ตาวิน”

“ยังไม่ผ่านโปร คุณวารินทร์เขาไม่อนุญาตให้พักร้อนหรอกครับป้าสุ”

“แล้วทำไมแต่งตัว....อื่มม ไม่ทางการเลยล่ะลูก”

“ก็...วินไม่รู้มาก่อนว่าวันนี้ต้องเจอเอ่อ....”
“....ผู้ใหญ่” ผมพูดระหว่างกวาดตามองเข้าไปในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ผมไม่เคยมาที่นี่ ก็คิดเดาเอาเองว่าที่มองอยู่นี่น่าจะเป็นห้องประชุมใหญ่ เพราะว่ามันขนาดใหญ่ แต่ก็อาจจะไม่ใช่ เพราะผมเพิ่งเคยมา และก็เห็นแค่ห้องประชุมนี้แค่ห้องเดียวเท่านั้น

“วินไม่รู้หรอลูก”
“แล้วตาโปรไม่บอกหรอว่าวันนี้ประชุมวิสามัญ เรื่องตั้งบริษัทใหม่กับแบงก์”

“เอ่ออออ” แค่เอ่อไม่ถึงวินาที ป้าสุก็วางสีหน้าเข้าใจโลกให้เห็นแล้วครับ ผมหันรีหันขวางเพื่อหาคนมาอธิบายสถานการณ์ที่ผมเพิ่งรู้ แต่ป้าสุกลับคิดว่าผมควรรู้ก่อนหน้านี้ และก็เห็นนายมือโปรเดินเข้าประตูกระจกที่เปิดออกอัตโนมัติ มันน่าเจ็บใจที่เขามีสูทใส่ แต่ผมไม่มี!

“แต่ก็ดูพี่เขาพร้อมนะตาวิน” ก็พี่เขาขี้โกงไงล่ะครับป้าสุ!

“คุณอาสุ มาแล้วหรอครับ”

“จ้ะ”
“ตาโปรไม่ได้บอกตาวินของอาหรอว่าวันนี้มีประชุมวิสามัญกัน”

“ครับ ผมผิดเอง ขอโทษด้วยนะครับ”
“พี่ขอโทษนะวิน” แหงล่ะ ก็อยู่ต่อหน้าป้าสุนี่นา ผมไม่ได้โยนโทษอะไรให้เขาเพิ่มอีก เพราะสีหน้าเขาสำนึกผิดจริงๆ แล้วป้าสุเองก็ไม่มีท่าทีไม่พอใจ

“ฟ้า จะหาเสื้อผ้าให้ตาวินทันมั้ย สูทสักตัวก็ยังดี”

“ใส่ของผมก็ได้ครับ ในรถมี”

“ไม่ดีกว่าจ้ะตาโปร น้องตัวเล็กกว่าเราตั้งเยอะ”
“ฟ้า จัดการตาวินด้วยนะ เรามีเวลาอีกสัก 1 ชั่วโมง”

“ได้ค่ะคุณสุ” รับคำเท่านี้แล้วพี่ฟ้าเลขาเกรดเอก็เดินฉับๆ ออกจากบริษัทนี้ไป

ผม...สงสัยอะไรตั้งเยอะเลย แต่ไม่รู้จะถามใครดี

“เอ่ออออ....”

“เดี๋ยวพี่บอกทุกอย่างเอง ไปห้องรับรองก่อนนะ”
“เชิญครับอาสุ”

“ขอบใจจ้ะ” ผมถูกพามาที่ห้องรับรอง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นห้องทำงานของใครบางคน เพราะมีโต๊ะทำงาน มีโซฟาสำหรับรับรองแขก มีตู้ประดับของตกแต่งซึ่งส่วนมาก ไม่สิ ทั้งหมดคือคริสตัล หรูหราประมาณหนึ่งเชียวแหล่ะ

“ห้องพ่อน่ะครับ”

“แล้วคุณตะวันล่ะจ๊ะ”

“เดี๋ยวผมไปบอกก่อนว่าอาสุมาถึงแล้ว พ่อคงคุยกับบอร์ดอยู่”

“จ้ะ” ป้าสุของผมรับคำอย่างว่าง่าย ส่วนนายมือโปรก็ยิ้มให้อย่างสุภาพแล้วก็จากไป พออยู่กัน 2 คนป้าหลานแล้ว ผมก็ถูกตีแขนตามระเบียบ

“แต่งตัวอะไรลูก”
“อายมั้ยเนี่ย นี่ประชุมใหญ่เลยนะ รู้รึเปล่าว่ามันดีลใหญ่”

“ไม่รู้ วินไม่รู้อะไรเลยครับ ป้าสุบอกหน่อยสิ”

“มันน่าหยิกจริงๆ!” ไม่ใช่แค่ “น่า” หรอกครับ ผมโดนหยิกแล้ว แขนต้องเขียวแน่ๆ เลย แต่ก็บิดเนื้อผมไม่ถึง 3 วินาทีหรอก ป้าสุคลายแรงแล้วเลิกเสื้อยืดผมดูว่าแขนเขียวรึเปล่า พอเห็นร่องรอยจ้ำแดงก็เป่าปู้ดๆ ลงคาถา

“เรานี่น้า!!” คำบ่นครับ ไม่เกี่ยวอะไรกับวงศาคณาญาติ ผมยิ้มเหี่ยวๆให้ป้าตัวเอง ครู่เดียวป้าสุก็หัวเราะใส่แล้วก็ดึงตัวผมนั่งลงบนโซฟา

จากนั้น การบรีฟธุรกิจที่สั้นที่สุดก็เกิดขึ้น

“วันนี้บอร์ดบริษัทนี้ประชุมด่วน เรื่องการตั้งบริษัทร่วมทุนกับแบงก์เราจ้ะ” แหม....เรื่องเล็กจนพูดไม่ออกเลย
ผมนิ่งเงียบ ผมรู้ว่านี่เป็นดีลธุรกิจใหญ่ และรู้ว่านายมือโปรก็ไม่ค่อยพร้อมนัก เขายังไม่หายป่วยดีเลย  2-3 คืนที่ผ่านมาก็โหมงานหนัก สงสัยว่าจะไม่ค่อยได้นอน หรือถ้านอนก็คงไม่เกินวันละ 2-3 ชั่วโมง
วันนี้เขาไม่มีเลขาคนเก่งอย่างพี่แนนคอยช่วยเหลืออยู่ใกล้มือใกล้ตัว แล้วจะรอดมั้ยวะ?
ผมล่ะเป็นห่วง....หรือจริงๆ ผมอาจจะแค่สงสัยในสิ่งที่จินตนาการผมไม่อาจสร้างภาพขึ้นมาเองก็ได้

“ตื่นเต้นมั้ยจ๊ะ”

“ไม่หรอกครับ ก็เป็นเรื่องของบริษัท กับแบงก์”

“เรื่องของวินด้วยสิ”
“ฝั่งแบงก์ วินเป็นตัวแทนขึ้นเป็นกรรมการร่วมวางนโยบายบริหารนะจ๊ะ”

“ห๊ะ!” ป้าสุเอาอะไรมาไว้ใจผม! ผมเนี่ยนะจะเป็นกรรมการบริษัทได้ ผมน่ะหรอจะเป็นคนกำหนดนโยบายบริหารได้ ผมยังไม่เรียนไม่จบปริญญาโทเลย และคณะที่ผมเรียนก็ไม่ได้ทำให้ความสามารถด้านการบริหาร หรือความเข้าใจเรื่องการทำธุรกิจดีขึ้นเลย ให้ตายเถอะ!

“จ้ะ” แล้วก็ยิ้มใส่สวยๆ ป้าสุไม่กลัวผมเผาเงินลงทุนเลยสินะ

ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น นายมือโปรเปิดประตูเข้ามา ในมือมีแฟ้มเอกสารสีดำ รูปทรงหนาเกินจะถือได้ด้วยมือเดียว และมีหลายแฟ้มด้วยครับ

“พ่อมาแล้วครับ”
“วิน มากับพี่”

“ไปสิจ๊ะ” ผมคงต้องตั้งคำถามใหม่ พวกเขาเอาอะไรมาไว้ใจคนอย่างผม!

นายมือโปรพาผมมาในห้องทำงานอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเล็กกว่าห้องเมื่อกี้นิดหน่อย เขาไม่ต้องบอกว่าห้องใครผมก็ฉลาดรู้ได้ วัดจากการนั่งบนโต๊ะทำงานและป้ายชื่อที่วางไว้บนโต๊ะทำงาน แบบเอียงๆ หน่อย

“ไปเร็วๆ เลยก็แล้วกัน” คงหมายถึงจะบรีฟเร็วๆ ล่ะมั้ง ผมเดาเอา และก็เดาถูกเสียด้วย เขากวักมือเรียกผมไปนั่งที่เก้าอี้ ส่วนเขาก็ยังเอาก้นพาดไว้บนโต๊ะเช่นเดิม ขาข้างหนึ่งงอเล็กน้อย ส่วนอีกข้างเหยียดตรง ทำให้ความยาวของขาดึงดูดสายตาผมเอาไว้ ใครจะนินทาว่าผมอิจฉารูปร่างเขาผมก็ไม่เถียงหรอกครับ

“อันนี้ บริษัทร่วมทุน”
“อ่านไว้นะ เรื่องตั้งกรรมการกับผู้บริหาร ต้องลงรายละเอียดกันอีกที”
“อันนี้ งานที่จะเข้าบิด เข้าพิช โอกาสชนะมากกว่า 80% อีก 20% เก็บไว้เผื่อเจอเกมการเมือง”
“อันนี้ภาพรวมตลาด”

“ครับ”

“สักชั่วโมงนึงคงพอไหว ต้องรอชุดเรียบร้อยด้วยนี่” จิกกันอยู่รึเปล่าวะ? ผมยักไหล่ไม่แยแส พลางยื่นหน้าไปมองกองเอกสารในแฟ้มหน้า

“ต้องรู้หมดนี่เลยหรอครับ”

“จริงๆ ต้องรู้มากกว่านี้ แต่วันนี้มันงานขายผ้าเอาหน้ารอด”
“ฝากหน่อยนะ”
“คิดเสียว่าช่วยกัน”
“ถ้าเราตั้งเจวีนี้ได้ มันก็ดีกับเราทั้ง...เอ่อ 2 ฝ่าย”

“พี่โป๊ะบอกวินช้าไปนะ ถ้าบอกตั้งแต่อยู่ที่บ้าน วินก็คงพร้อมกว่านี้”

“ก็เห็นว่ายุ่งเรื่องทำไอเอสอยู่ด้วย”
“อีกอย่าง ธุรกิจนี้วินเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะวินก็อยู่ในฟิลด์มาก่อน ถึงไม่เคยทำสื่อเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเอง แต่เพื่อนวินก็ทำงานด้านนี้กันทั้งนั้น ไหนจะมาคลุกอีกนิดหน่อยตอนเรียนป.โท มันดึงมาใช้กันได้ ความรู้น่ะ”
“ส่วนประสบการณ์ ก็อยู่ที่ใจวินนั่นแหล่ะ  จะเอากับพี่มั้ย?”

“ห๊ะ” ถ้าเป็นไปได้ช่วยเปลี่ยนคำพูดด้วยครับ สีหน้าผมบอกแบบนั้น นายมือโปรหลุดขำเพราะคำพูดตัวเอง เขาสูดลมหายใจเข้าพลางยืดตัวขึ้นอีก 2มือล้วงกระเป๋ากางเกง ซึ่งยิ่งทำให้เขาดูเท่ขึ้นไปใหญ่

“วินกล้าพอจะไปกับพี่มั้ย?”

ผมไม่ตอบอะไร จ้องหน้าเขาที่สู้สายตาผม ไม่ลี้หลบไปไหน และเป็นผมเองที่หลบสายตาก่อน ผมเปิดแฟ้มเพื่อดูเอกสาร แล้วก็บอกเขาสั้นๆ

“ของพวกนี้อ่านแค่ 30 นาทีก็พอครับ”

เขาปรบมือฉาดใหญ่ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก็คว้าตัวผมมาซุกเอวเขาไว้ แน่นอนว่าผมเย็นแก้มเพราะปะทะเข้ากับหัวเข็มขัด แต่แก้มผมกลับรับรู้ความเย็นของโลหะได้น้อยกว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มก้อนเนื้อแก้ม ที่ตอนนี้เบียดกันอยู่ใต้ลูกกะตา

#### @ D A W N  #####

1 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็วมากสำหรับผมที่นั่งอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ  โอบล้อมด้วยบรรยากาศเงียบระดับกลางที่ส่งเสริมให้สติมาปัญญาเกิด ข้อมูลทั้งเครือของบริษัทพ่อนายมือโปรเข้าหัวผมได้ไม่ยาก ภาพรวมธุรกิจภาพยนตร์ของไทยผมรู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ผมก็พร้อมลงเล่นเกมนี้ด้วยความพร้อมระดับที่หนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นระดับที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่สุดเท่าที่เคยประเมินความพร้อมของตัวเองมา
ผมไม่มีหน้าปล่อยให้ความเชื่อใจของใครสูญเปล่าหรอกครับ แม้แต่ความคาดหวังของพี่ฟ้าที่อุตส่าห์หาชุดสุภาพทางการมาให้ผมใส่ได้ทั้งตัว ผมก็ทรยศไม่ลง

“หล่อมากค่ะน้องวิน”

“ลูกใครล่ะจ๊ะ” ทำไมป้าสุถึงดูจะพออกพอใจในความหล่อของผม ป้ามีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับหน้าตาผมด้วยหรอเนี่ย? ผมยิ้มนิดๆ ให้พี่ฟ้า ที่ส่งยิ้มเข่งใหญ่กลับมาให้ผมจนรับเอาไว้ไม่หมด เราอยู่กันในห้องทำงานพ่อนายมือโปรหลังจากที่ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าและท่องตำราด่วนแล้วเสร็จ
มองหน้ากันอยู่ไม่นาน ก็มีคนมาเชิญพวกผมให้เข้าไปในห้องประชุมใหญ่....ซึ่งมันใหญ่กว่าห้องแรกที่ผมเห็นมากเลย ตอนนี้ผมอยากรู้ว่าใครกันที่ออกแบบออฟฟิศนี้ คือพื้นที่ก็เท่ากับชั้นอื่นๆ แต่คนออกแบบสามารถทำให้มันสลับซับซ้อนเหมือนเขาวงตกได้ เก่งกาจจริงๆ!

“ทางนี้ค่ะ” เธอคงเป็นพนักงานบริษัทนี้ แต่งตัวดีเชียวครับ พอจะสู้กับพี่ฟ้าสุดเนี้ยบของป้าสุได้เลย แต่ความสวย ฝั่งผมกินขาด

ประตูที่เปิดอ้าออกช้าๆ ตรงหน้าผมไม่มีเสียง แต่ความรู้สึกทีกำลังได้รับอยู่นี้ คล้ายกับว่าผมกำลังได้ยินเสียงซ่าๆ ของคลื่นสัญญาณที่ไม่ค่อยชัดเจน แสงจ้าในห้องทำให้ผมคิดว่าอีกทางของประตูคือเส้นขอบฟ้า ผมไม่กล้าขยับเท้าก้าวเข้าไปด้วยเกรงว่าจะตกเหว

“วิน มาสิลูก” ป้าผมเอ่ยเรียก ทำให้ผมจำต้องง้างขาเดินไปข้างหน้า ทั้งที่ไม่ได้มีความมั่นใจอะไรติดตัวไว้เลย
สายตาที่จับจ้องผมดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดคาดหรอกครับ ก็เพราะว่าในห้องนี้ไม่มีใครรู้จักผม จะให้เขามองผมอย่างเป็นมิตรได้อย่างไร
ผมก้าวเข้ามายืนเคียงกับป้าสุ ส่วนพี่ฟ้าหยุดตัวเองไว้ข้างหลังเยื้องไปข้างๆ ป้าสุแทน ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตัวโต๊ะประชุมลุกขึ้นเพื่อแสดงการต้อนรับการเปิดตัวอย่างแสนธรรมดาของป้าสุ...รวมถึงผมด้วยล่ะมั้ง จากนั้นคนอื่นๆ ก็ลุกขึ้นตาม แม้ว่าสีหน้าจะดูไม่ค่อยเต็มใจนัก

“สวัสดีครับคุณสุชาดา”

“ค่ะ คุณตะวัน” อ้อ คนที่หัวโต๊ะประชุมคือพ่อนายมือโปรนี่เอง ผมหันมองหน้าชายสูงวัยแต่ท่าทางยังสมาร์ทไม่สมวัยอย่างสังเกตุ รูปร่างเขากับนายมือโปรใกล้เคียงกันเลย แต่คนพ่อมีผมสีดอกเลา ขณะที่ลูกชายผมดำขลับ ดูเหมือนสีตาของคุณตะวันจะไม่ใช่สีดำเหมือนนายมือโปร แต่จะเป็นสีอะไรคงต้องขออนุญาตจ้องใกล้ๆ ในโอกาสอื่น
เครื่องหน้าเขาเหมือนมีเชื้อตะวันตกผสม ไม่เหมือนนายมือโปรที่หน้าตาไทยแท้ๆ แต่จมูกโด่งสวยของนายมือโปรก็ทำให้ผมไม่ทิ้งความคิดเรื่องเป็นลูกครึ่งไป
รวมๆ แล้วคนพ่อหล่อครับ สมาร์ท และที่สำคัญที่สุดคือ ดูใจดี ผิดกับลูกชายที่มององค์รวมแล้วสามารถจำกัดความด้วยคำว่ากวนตีนได้ภายใน 2 วินาที

ป้าสุพาผมไปนั่งที่เยื้องๆ หัวโต๊ะ การนั่งถัดจากป้าทำให้ผมถูกมองประเมินรอบใหม่ คนในห้องคงรู้กันแล้วว่าผมไม่ใช่คนติดตามหรือทีมเลขาเหมือนกับพี่ฟ้า ที่ไม่ได้ก้าวตามเข้ามาในห้องนี้

ไม่รู้เหมือนกันว่าพอรู้แล้วว่าผมเป็นใคร ท่าทีและสายตาที่มองมาจะเปลี่ยนเป็นแบบใด

“อย่างที่ผมเพิ่งสรุปให้ฟังนะครับ”
“เราได้พาร์ทเนอร์ที่จะมาจอยท์แล้ว ขออนุญาตเปิดตัวอย่างเป็นทางการตอนนี้เลยก็แล้วกัน”
“คุณสุชาดา จากแบงก์xxx จะมาเป็นพาร์ทเนอร์เรา”
“ถือหุ้นโดยบริษัทในเครือแบงก์นะครับ แบงก์ไม่ได้เข้าถือหุ้นโดยตรง”
“เชิญครับคุณสุชาดา”

ผมเพิ่งตระหนัก ว่าในโลกของธุรกิจ การคุยหลังบ้านนั้นสำคัญมาก ไม่อย่างนั้นป้าสุคงไม่คล่องแคล่วพูดเรื่องนโยบายการลงทุน ผลตอบแทนที่คาดหวัง และแผนธุรกิจเป็นต่อยหอยขนาดนี้

“แล้วทางแบงก์ ส่งตัวแทนนั่งบอร์ดกี่คนครับ” หนึ่งในผู้ใหญ่ถามเข้าประเด็นที่ไม่พ้นตัวผมจนได้ ป้าสุยิ้มอ่อนและหันหน้าทางผม

“คนเดียวค่ะ” อยากให้วอดวายสินะครับคุณป้า ผมได้แต่สกัดสีหน้าหัวใจแทบหยุดเต้นเอาไว้ระหว่างที่หันมองผู้ใหญ่ให้ถ้วนทั่วทุกตัวตน แล้วก็ยกยิ้มนิดหน่อยเท่าที่จะระลึกได้ว่าได้รับการสอนสั่งมาเหมือนกัน

“วิณณ์ วัฒนนุกูลค่ะ หลานชายดิฉันเอง” พฤติกรรมเลียนแบบเกิดขึ้นในระบบสายตาของทุกคนในห้องประชุมนี้ พวกเขามองผมอย่างพร้อมเพรียง มองด้วยสายตาเคลือบแคลง สงสัยในศักยภาพหัวสมอง
ผมได้แต่ลุกจากเก้าอี้ ยกมือสวัสดีทั่วห้องเหมือนไหว้ภูเขาลูกโตแล้วก็นั่งลงอย่างสงบ
“ตาวิณณ์เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมสื่อภาพยนตร์ค่ะ แกชอบแกรักทางนี้ ดิฉันเห็นว่าเป็นโอกาสลงทุนที่ดีของแบงก์ก็เลยติดต่อคุณวารินทร์และคุณตะวัน”
“เชื่อว่าเราจะไปกันได้ดี” ป้าพูดจาเหมือนคนกำลังจะแต่งงานงั้นแหล่ะ ผมล่ะแอบขำนิดๆ กับสำนวนเปรียบเปรยทางธุรกิจที่ป้าสุใช้ แต่ก็ไม่ได้ไรฟันเล็ดลอดออกมาจนดูเสียมารยาทหรอกนะครับ

“คุณวิณณ์ เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์หรอคะ ดิฉันไม่เคยได้เห็นโพรไฟล์เลย”

“ครับ วิณณ์ยังไม่มีผลงานด้านการผลิตหรอกครับ แต่คลุกคลีอยู่กับรายเล็กๆ มานาน เพื่อนเขาทั้งนั้น”
“อีกอย่าง การได้บอร์ดที่รักชอบทางด้านนี้...ด้วยใจ...น่าจะดีกับบริษัทร่วมทุนของเรา” นายมือโปรตอบแทบผมทันที ผมยังอ้าปากไม่ทันกว้างเลย แต่ก็รู้สึกชอบคุณเขาอยู่ลึกๆ เพราะถ้าให้ผมพูดเอง ผมอาจหลุดพูดเรื่องที่เคยไปช่วยไอ้โอมตัดต่อหนังเถื่อนของมันให้คนพวกนี้รู้ก็เป็นได้

“ก็ถ้าคุณโปรยืนยันแบบนั้น”
“งั้นเรามาดูกันเรื่องรูปแบบบริษัทดีกว่าค่ะ”
“อ้อ แล้วจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์เมื่อไหร่คะ”

“มติบอร์ดเย็นนี้ครับ ราวๆ เดือนหน้าเราจะแถลงข่าวเปิดตัวบริษัท ทางแบงก์จะมาร่วมด้วย”

“แล้วผู้ถือเดิมของเราล่ะค่ะ แบงก์เหมือนกัน จะไม่คอนฟลิค*หรอคะ” เธอคนเดิมถาม ผมจับน้ำเสียงได้ว่าเธอกังวลจริงๆ ไม่ได้แฝงอาการประชดประชันเอาไว้

“เรื่องคอนฟลิคไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”
“กับผู้ถือหุ้นเดิมที่เป็นแบงก์ ก็ชัดเจนมาตลอดว่าเป็นเพียงผู้ถือหุ้นและต้องการรับเงินปันผล และเหตุที่เข้ามาถือหุ้นแต่ต้นก็รู้กันอยู่แล้วว่าแปลงหนี้เป็นทุนเข้ามา ไม่มีแผนต่อยอดอะไร การที่ผมพาพาร์ทเนอร์ที่ช่วยต่อยอดการเติบโตมาได้ ผู้ถือหุ้นน่าจะพอใจครับ เพราะปันผลก็ได้เพิ่ม ไหนจะแคปปิตอลเกน**อีก เท่าที่ทราบ ตั้งแต่ประชุมรอบก่อนที่ผมบอกว่ามีแผนจะตั้งจอยท์ ทางนั้นก็ทยอยขายหุ้นรับแคปปิตอบเกนไปสัก 2 รอบได้”

“ก็ถ้าอธิบายได้ อาก็ไม่มีอะไรขัดคุณหรอกค่ะ” ครั้งนี้ประชดครับ ถ้าคำว่า ‘ค่ะ’ เป็นสากกะเบือล่ะก็...ครกแตกชัวร์ครับ
“แต่เอาแบงก์อื่นมาถือหุ้นในจอยท์เวนเจอร์แบบนี้ ถ้าต่อไปการกู้เงินมีปัญหา อาคงช่วยไม่ได้นะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ เราลิสต์ในตลาดหลักทรัพย์ เครื่องมือการเงินมีเป็นล้านอย่าง”
“ถ้าไง ฟังผมกับวิณณ์บอกแผนธุรกิจกันเลยนะครับ จะได้ไม่เสียเวลา”

“.................” ไม่มีใครคัดค้าน นายมือโปรหันมองพ่อตัวเองแล้วก็พยักหน้าเรียกผมไปยืนตรงโพเดียมด้วยกันเพื่อช่วยกันเล่าแผนธุรกิจของบริษัทใหม่ เป้าหมายการเติบโต และวิธีการเติบโต

ผมยอมรับว่าในหัวผมค่อนข้างขาวโพลน ว่างเปล่า ไม่รู้ตัวเหมือกันว่าพูดอะไรออกไปบ้าง แล้วคิดอะไรอยู่ถึงได้พูดออกไปมากมายขนาดนั้น แต่ทุกครั้งที่ผมหันมองนายมือโปรที่ช่วยเปลี่ยนประเด็นพูด ช่วยเสริมคำพูด สีขาวโพลนในหัวค่อยๆ จางออกไป กลายเป็นภาพนายมือโปรยืนหันหลังให้ผม สู้กับแสงแดดจ้าๆ แทนผม เป็นเกราะกำบังให้ผม
เขาเป็นเกราะกำบังที่แข็งแกร่ง และกำลังทำให้ผมรู้สึกแข็งแรงตามไปด้วย

5 โมงเย็นมาเคาะหัวเข่าระหว่างที่ผมแอบนวดมันด้วยมือผมเอง นั่งมานานแล้วก็ต้องเมื่อยเป็นธรรมดาครับ ตอนนี้ เลขาในที่ประชุมกำลังอ่านมติที่ประชุมทวนให้กรรมการทุกท่านฟังอีกครั้ง และเมื่อไม่มีใครคัดค้านอะไรอีก การประชุมบอร์ดวิสามัญครั้งนี้ก็จบลง....ด้วยดีล่ะมั้ง

ผู้ใหญ่ทยอยเดินออกจากห้องประชุมไป แต่มีหลายคนที่มาคุยกับป้าสุของผมด้วยท่าทางยิ้มแย้ม ซึ่งทำให้ผมที่ยืนอยู่ข้างๆ ป้าสุต้องยกมือไหว้อีกหน และยกยิ้มโชว์
คำชมมากมายปลิวเข้าหู แต่ผมไม่กล้าเชื่อหรอกครับ ผมเคยถูกทรยศด้วยคำพูดสวยหรูแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ผมจำได้ฝังใจ
แต่มีคำชมหนึ่งที่ทำให้ผมยอมเชื่อ

“วิณณ์ได้อาจารย์ดีนะครับ”

“ค่ะ คุณมือโปรเขาเก่ง” ป้าสุตอบรับคำชมนั้นทั้งที่คนที่ถูกยอไม่ใช่ผม แต่คือนายมือโปร มีการหันมองผมแล้วยักคิ้วใส่ด้วย นี่ป้าผมอายุเท่าไหร่!

ค่ำนี้ ผมได้รู้จักคุรตะวัน วาณิคพันธุ์อย่างเป็นทางการด้วยครับ เราทานมื้อค่ำร่วมกัน โดยที่ผมกับคุณตะวันไม่ได้พูดอะไรกัน คนที่พูดมีแต่ป้าสุกับคุณตะวัน นายมือโปรแจมบ้างนิดหน่อย แต่ผมเห็นเขาเน้นหนักเรื่องกินมากกว่า คงจะหิว เขาสั่งซุปเพิ่มแล้วถามผมว่าจะเอาด้วยมั้ย แต่ผมส่ายหน้า แล้วก็นั่งกินมื้อค่ำเงียบๆ ระหว่างฟังผู้ใหญ่คุยกัน และมองนายมือโปรซดซุปเห็ดที่เขาบิดโปรยพริกไทยใส่อย่างไม่ปราณีคนร่วมโต๊ะ
เนื้อหาที่ผู้ใหญ่คุยกันไม่ไกลตัวผมกับนายมือโปรนักหรอกครับ เพราะเขาคุยกันเรื่องธุรกิจล้วนๆ ส่วนมากก็แผนบริษัทร่วมทุน คู่แข่ง และทริกที่คนในอุตสาหกรรมเขาใช้กัน

“ไง เจ้าวิณณ์ คิดว่าไหวมั้ย” หือ? จู่ๆ คุณตะวันก็หันมาถามผม พอได้จ้องใกล้ๆ ถึงเห็นชัดว่าผู้ชายมากอายุคนนี้มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน

“ครับ น่าจะไหว”

“ไม่ไหวก็ต้องไหว มีโป๊ะอยู่ไม่ต้องกังวลนะ”
“ลุงยืนคำขาดกับมันไปแล้ว ถ้าบริหารบริษัทนี้ไม่รอดก็คืออดตาย ไม่มีมรดกอะไรจะให้ทั้งนั้น”

“งั้น...ถ้าเจ๊ง พี่โป๊ะรับความผิดคนเดียวใช่มั้ยครับ” คำถามวงแตกล่ะมั้ง ผู้ใหญ่ทั้ง 2 คนมองผมอย่างเอ็นดู ส่วนนายมือโปรแทบพ่นซุปเห็ดใส่หน้าผม

ตอนนี้ผมมีความสุขดี
ผมกินได้อิ่ม นอนได้หลับ ผมรู้สึกมีเพื่อน และรู้สึกว่าโลกนี้ยังมีมุมที่สวยงามในตัวมันเองโดยไม่ต้อใส่จริตในวิสัย

และแล้วก็ถึงเวลาแยกย้าย ป้าสุกลับกับรถส่วนตัวที่มีคนขับรถแสนภักดีรอทำหน้าที่อยู่ เช่นเดียวกับคุณตะวันที่มีคนขับรถส่วนตัวขับรถไปส่งที่บ้าน
ผมเองก็ไม่น้อยหน้าใครหรอกครับ และคนขับรถส่วนตัวของผม ชื่อว่านายวารินทร์ 

ถึงเสียทีบ้านที่ทำให้หัวใจสงบได้
ผมเปิดประตูไม้และก้าวขึ้นบันได 2 ขั้นหน้าบ้าน เปิดไฟ เปิดแอร์ เปิดมันทุกอย่างที่ทำให้ชีวิตชีวาของบ้านตื่นขึ้น เมื่อแว่วเสียงล็อครถก็หันมองประตูไม้อีกหน เพื่อรอใครอีกคนที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน

“เหนื่อยมั้ยครับพี่โป๊ะ?”

“หือ? พี่หรอ?”
“ไม่หรอก ชินแล้ว”
“เราล่ะไอ้ยุ่ง เหนื่อยมั้ย”
“แต่วันนี้วินทำได้ดีมากเลยนะ เรื่องแถลงข่าวเดือนหน้า ยังมีเวลา ไม่ต้องเครียดล่ะ”

“วินไม่เครียดหรอก”
“มีมือโปรอยู่ข้างๆ” ผมแกล้งล้อชื่อเขานิดหน่อย ซึ่งเขาก็ขำๆ  ครู่เดียวก็ดึงตัวผมไปนั่งแผล่หลาอยู่บนโซฟาคู่กัน

“คิดถึงร้านกาแฟเนอะ”

“คิดถึงเพราะเป็นร้านในฝันลูกแพร์หรอครับ”

“ก็ไม่เกี่ยวมั้ย”
“พี่แค่คิดถึงโลกที่มันสงบๆ ไม่ต้องเอียงไปตามการหมุนของสังคมแค่นั้นแหล่ะ”

“ก็นึกว่าคิดถึงรักแรก”

“บ้าน่า ก็นานแล้ว ไม่ได้อะไรแล้ว” เขาบอกแล้วหันมองหน้าผมทั้งที่ยังแผล่หลาอยู่บนโซฟา

ผมไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้หันไปสบตากับเขา เหตุผลก็เพราะนึกเอะใจตัวเองว่าจะขุดเรื่องในใจของเขาขึ้นมาพูดทำไม มันไม่เกี่ยวกับผมเสียหน่อย

“วินไปอาบน้ำก่อนนะ เหนียวตัว”

“ครับ”
“อ้อ เดี๋ยววิน”

“อะไร?”

“ขอบคุณนะ” เขาบอกแล้วยิ้มให้ ครั้งนี้ผมหันไปมองสบตา ยิ้มตอบ แล้วก็ลุกจากโซฟาไปอาบน้ำตามที่บอก

สดชื่นร่างกายอีกหน ก็ถึงเวลาเตรียมตัวนอนแล้วครับ กิจวัตรของผมก็คือการเช็คว่ามีใครติดต่อผมบ้าง ทั้งทางโทรศัพท์ ทางออนไลน์
คนที่ติดต่อมาก็คนเดิมๆ แหล่ะครับ มีป้าสุ ไอ้โอม แล้วก็พี่รุตต์
ป้าสุโทรหา แต่ผมไม่โทรกลับ ทำเพียงแค่ส่งข้อความไปบอกว่าถึงบ้านดีแล้ว กำลังจะนอนพักผ่อนเพราะเหนื่อยมากและราตรีสวัสดิ์
ส่วนไอ้โอม แน่นอนว่าทักเฟสมา บ่นยาวเหยียดจนผมไม่อ่านเพราะขี้เกียจควานหาประเด็น
และคนสุดท้าย พี่รุตต์ ทั้งโทรศัพท์หา ทั้งข้อความ ทั้งแชทไลน์ เรียกว่าติดต่อผมได้ทางไหนเขาก็ทำหมด อื้อออออออ ละลายก็คงไม่ดี
ผมโทรหาพี่รุตต์ รอสายไม่นานเขาก็รับสาย น้ำเสียงที่ไร้เงาความง่วงทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายดูเวลาเสียเอง เที่ยงคืนกว่าแล้ว

“พี่รุตต์ เห็นโทรหาวินหลายครั้งเลย มีอะไรด่วนรึเปล่าครับ”

“ไม่มีหรอก เป็นห่วง ไปส่งเมื่อเช้าแล้ววินก็ไม่ติดต่อกลับมาเลย วันนี้งานยุ่งหรอครับ” ผมควรบอกเขาดีมั้ยว่ายิ่งกว่าความยุ่งก็คือความใหญ่และความยาก

“ก็ยุ่งๆ นิดหน่อยครับ พอดีต้องพรีเซนท์งานคู่กับพี่โป๊ะ วินก็ต้องเตรียมตัวหน่อย วินไม่ใช่คนเก่งแต่เกิดนี่”

“แล้วนี่อยู่บ้านรึยังครับ จะนอนแล้วรึเปล่า พี่ไม่กวนนะ”

“ไม่กวนหรอก คุยอีกนิดก็ได้ ไม่อยากให้พี่รุตต์เหงา”

“อ่ออ ดีใจได้ใช่มั้ยเนี่ย”
“แล้ว พรุ่งนี้ยังไงดี ให้พี่ไปรับมั้ย”

“วินยังไม่รู้เลยว่าต้องเข้าออฟฟิศไหนกันแน่ พี่โป๊ะเขาไม่ได้บอกไว้”
“เอ่อออ คือ...จากนี้ไปวินคงต้องทำงานให้เขาแบบตามติดนิดนึงอ่ะครับ พี่รุตต์เข้าใจนะ”

“เอ้ย! พี่เข้าใจสิ”
“งั้นเย็นพรุ่งนี้ค่อยเจอกันก็ได้ อยากพาวินไปกินขนม จิบชาอรอ่ยๆ”

“เอาของโปรดมาล่อ วินก็ไม่ปฏิเสธสิ”
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้วินโทรบอกพี่รุตต์อีกทีนะว่าให้มารับที่ไหน ตอนเย็นนะ”

“โอเค ได้เลย”
“ขอบคุณนะที่ไม่ลืมสัญญาว่าจะให้เวลากับพี่สร้างความทรงจำ”

“วินไม่ลืมหรอกครับ”
“แต่อย่าดึกนะครับ วินต้องมาทำไอเอสต่ออีก”

“อ้อ งั้นถ้าเหนื่อยไป ตัดนัดพี่ออกก็ได้นะ”

“อย่าตัดพ้อวินนะครับ วินไม่ง้อนะ พี่ก็รู้”

“ไม่ได้พ้อ แต่เป็นห่วง เอาเรื่องเรียนก่อนเรื่องพี่นะครับ พูดจริงๆ”

“วินไหว” ไหวเสร็จก็หาวเลยครับ ผมเหล่มองนาฬิกาอีกที จะตี 1 แล้ว ทำไมพี่รุตต์ไม่รู้จักง่วงมั่งนะ ด้วยความง่วงจัดผมเลยตัดสินใจยุติการคุยแต่เพียงเท่านี้
“พี่รุตต์ คืนนี้วินง่วงแล้ว เท่านี้ก่อนนะครับ”

“ครับ ฝันดีนะ พรุ่งนี้เจอกัน” ผมอื้อรับคำแล้วก็วางเพื่อมานั่งหาวปากกว้าง และเพื่อเดินไปเปิดประตูห้องเพราะมีคนมเคาะเรียก

“ครับพี่โป๊ะ”

“นอนรึยัง?”

“ก็ง่วงๆ”

“พี่ต้องทำงานต่อ”
“ขอทำที่ห้องวินได้มั้ย ถ้าทำคนเดียวหลับคาโน้ตบุ้คแน่ๆ”

“แล้วทำห้องวิน จะไม่หลับหรอครับ ทำไมงั้นอ่ะ”

“เอาน่า แค่อยู่เป็นเพื่อนหน่อย หลับไปเลยก็ได้ แค่มีคนอยู่กับพี่ จะสภาพไหนพี่ก็อดนอนได้ โอเคนะ”

“ก็..ถ้าพี่โป๊ะว่างั้น ก็ตามสบายครับ” ผมเบี่ยงตัวให้เขาเข้าห้อง ในมือเขามีโน้ตบุ้คพร้อมเลยครับ เข้าห้องมาก็ยึดเก้าอี้นั่งที่ติดกับปลายเตียงเป็นที่ทำงานชั่วคราว ส่วนผมก็นอนตามปกติ

“พี่โป๊ะ” ระหว่างที่ผมกำลังจะหลับ ผมตัดสินใจคุยกับเขาคำสุดท้ายของวันนี้

“อื้อ อะไร”

“ขอบคุณนะครับ”
“วันนี้วินรู้สึกว่าตัวเองเก่งมากเลยอ่ะ”

“ก็วินเก่งจริงๆ นี่นา” เขาพูดปนเสียงหัวเราะแล้วก็เงียบไป เสียงในห้องนอนของผมมีเพียงเสียงแอร์ เสียงเขาจิ้มโน้ตบุ้คและเสียงลมหายใจเข้าออกของผมเอง


น่าจะใกล้เช้ามืดแล้วเพราะผมได้ยินเสียงไก่ขัน
ผมนอนซุกกอดผ้าห่มอุ่นๆ ที่มีกลิ่นเหมือนกับนายมือโปร เปี๊ยบ!


Cut

*คอนฟลิค : มาจาก Conflict of interest หมายถึง ผลประโยชน์ทับซ้อน
**แคปปิตอลเกน : มาจาก capital gain หมายถึง ส่วนต่างราคาหุ้น

โอ้ละหนอ ดวงเดือนเอย
ตอนนี้เนื้อเรื่องระหว่างพระนายไม่คืบเท่าไหร่ แต่ในเชิงโครงสร้างเรื่องคืบหน้ามากนะคะ (หรอ?)
เมื่อรวมร่าง (หมายถึงตั้งบ.ร่วมทุน) สำเร็จแล้ว พวกเขาทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์แบบไหนกันต่อ ติดตามค่ะ!

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
«ตอบ #345 เมื่อ09-10-2015 07:23:11 »

อบอุ่น ละมุนละไม พี่โป๊ะโหมดทำงานไม่ค่อยคุ้นเลย คุ้นแต่โหมดเกรียนๆ :laugh:
สู้ๆนะวิน มือใหม่หัดบริหาร อิอิ :impress2:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
«ตอบ #346 เมื่อ09-10-2015 08:26:26 »

น้องวินสู้ๆนะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
«ตอบ #347 เมื่อ09-10-2015 09:03:02 »

เหมือนวินแอบหึงเลย
ตอนพี่โปรพูดถึงร้านกาแฟ หุหุ

ออฟไลน์ beautifuldead

  • wandered lonely as a cloud..
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
«ตอบ #348 เมื่อ09-10-2015 10:12:00 »

ตอนนี้ศัพท์เทคนิคมาเต็มมากค่ะ
รู้สึกว่าพี่โป๊ะนี่ คือนาย 'มือโปร' จริงๆ นะคะ เวลาจริงจัง

แต่การที่พักนี้อาการแปลกๆ ..จะเรียกได้ว่า พี่โป๊ะอ้อนได้รึเปล่าหว่า ..น่ารัก ><
ชอบบรรยากาศละมุน ของทั้งสองคน

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
«ตอบ #349 เมื่อ09-10-2015 14:07:31 »

ถึงตอนนี้  สรุปสั้น ๆ พี่โป๊ะหล่อออออออ  อิ อิ อิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
« ตอบ #349 เมื่อ: 09-10-2015 14:07:31 »





ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
«ตอบ #350 เมื่อ09-10-2015 20:39:35 »

พี่โป๊ะอย่างเท่ อร้ายยยย

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
«ตอบ #351 เมื่อ09-10-2015 21:31:15 »

พี่โป๊ะะะะะะะะ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
«ตอบ #352 เมื่อ10-10-2015 01:52:31 »

ละมุนมากค่ะ ดูๆแล้วใจวนไปกับพี่โป๊ะกว่าครึ่งแล้วลูก

เพราะวินสบายใจที่ได้อยู่กับพี่เขา

ออฟไลน์ MENTA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
«ตอบ #353 เมื่อ10-10-2015 17:04:50 »

พี่โป๊ะ ของน้องวิน น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ sunakai

  • *~CrAzY_KiLL~*
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน24(09-10-15)
«ตอบ #354 เมื่อ11-10-2015 00:59:09 »

อ๊ายยยย อีนังพี่โป๊ะนี่มันร้ายจริงๆ

มันต้องแบบนี้สิ อย่าให้เสียทีที่มีโอกาสใกล้ชิดน้องมากกว่าใคร

ไอ้ยุ่งกำลังซึมซับตัวตนของนายมือโปรเข้าไปทีละน้อย...ละน้อย

อีกหน่อยก็กลายเป็นขาดไม่ได้ทั้งยามหลับแลยามตื่น (ก้ากก นี่ก็เว่อร์ไป)

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
«ตอบ #355 เมื่อ18-10-2015 23:05:45 »

Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 25


เช้านี้ ผมตื่นขึ้นมาอย่างห่อเหี่ยว เพราะได้ไม่เห็นพระอาทิตย์
แต่พอพลิกตัวอีกที ผมก็ได้เห็นพระอาทิตย์แล้วครับ
คนที่นอนบังสายตาผมกับหน้าต่างห้อง ก็คือนายวารินทร์ วาณิคพันธุ์ ผู้ชายที่เป็นทั้งเจ้านาย เป็นหุ้นส่วนบริษัท และเป็นคนเช่าบ้านผมอยู่ตามสนธิสัญญาป้าสุ
เขาหันหลังให้แสงแดดอ่อนสีสวยสะอาดตา และหันหน้าหาผมที่เพิ่งตื่นมาด้วยใบหน้าที่น่าจะมันนิดๆ
นายมือโปรยังหลับอยู่ และก็คงอีกนานกว่าเขาจะรู้ว่าผมตื่นแล้ว และนอนจ้องหน้าเขาอยู่ใกล้ชิดขนาดนี้
เช้านี้เป็นเช้าแรก ที่ผมเจอสิ่งที่น่ามองกว่าแสงอาทิตย์ยามเช้า
ก็หน้านายมือโปรนั่นแหละครับ
ผมยิ้ม ผมยิ้มจนซี่ฟันเผยตัวพ้นริมฝีปาก ผมยิ้มจนรู้สึกได้ว่าแก้มยก และผมก็หัวเราะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้

“ตื่นแล้วหรอ?”

“อ้าว พี่โป๊ะก็ตื่นแล้วหรอ?”

“อื้อ”
“ตื่นนานแล้ว มองวินเพลินจนหลับอีกรอบเนี่ย”
“กี่โมงแล้วครับ”

“ประมาณ 7 โมง”

“ไม่น่าจะ พี่ตื่นรอบแรก 7 โมง เพราะเสียงกุกกักข้างล่าง”

“ก็ปกติวินตื่น  7 โมง”

“แต่เมื่อคืนวินเหนื่อย วันนี้ก็เลยตื่นสาย ตรรกะง่ายมาก”
“แล้วนี่เราจะตื่นกันได้รึยัง นอนคุยกันแบบนี้เดี๋ยวก็ได้หลับอีกรอบ”

“พี่โป๊ะก็ลุกดิ”

“ลุกไม่ได้”

“ทำไม”

“น้องโปรตื่น”

“เชี่ย!”

“อ้าวเห้ย! มันเป็นเรื่องของกายภาพ พี่ไม่ได้สั่งให้มันตื่นสักหน่อย”
“แล้ววินดันน่ารักน่าแกล้ง มันจะตื่นมาแกล้งวินก็ไม่แปลก”

“ลามกชิบหาย”
“วินเป็นผู้ชายนะเว้ย!”

“พี่แกล้งได้ ไม่ใช่งานหินสักนิด”

“ทุเรศศศศศศศศศศศศศศ” ผมลากเสียงใส่ แลบลิ้นใส่แม่งไป 1 ที ซึ่งเป็นการกระทำที่พลาดมากครับ
เขาแกล้งผม แกล้งได้เหี้ยมากด้วย แม่งจูบ แม่งดูดปาก ไล่ลิ้น ไอ้เหี้ยยย กูก็ตื่นเป็นเหมือนกันนะเว้ย!

“พี่โป๊ะ ไอ้เหี้ย!”

“ฮึ”

“สันดานแม่ง”
“จูบทำเหี้ยไร”
“เงี่ยนก็ไปลงอารมณ์ที่อื่น ให้เกียรติกันมั่งเหอะ!”

“ไม่ได้เงี่ยน ไม่ได้กำลังลงอารมณ์มั่วๆ”
“รู้ตัวตลอดว่ากำลังทำไร รู้ด้วยว่าทำไปเพราะอะไร แต่ที่ยังไม่รู้คือทำได้แค่ไหน”

“...............”

“ไม่ด่าต่อล่ะ”

“ทำกับวินแบบเมื่อกี้อีกที เจอตีนแน่”

เขากระตุกยิ้ม จ้องผมไม่วางตา แล้วก็ยื่นมาครับ รอบนี้ไม่ใช่ปาก แต่เป็นมือ
เขาตะปบแก้มผมไว้เต็มอุ้งมือ ลูบจมูก ไล้ไต่ริมฝีปากที่เพิ่งอ้าด่าเขาหยกๆ

“พี่จะจริงจังล่ะนะ”
“เตรียมตัวไว้ให้ดีด้วย”
“พี่ขี้หึง ขี้โวยวาย รักอะไรมากๆ แล้วจะเหมือนหมาบ้า ไม่แยกอารมณ์กับเหตุผล”
“พูดง่ายๆ ก็คือเป็นแฟนที่เหี้ยนั่นแหละ”
“คบกันมั้ย?”

“เพื่ออะไร?”
“พี่คิดว่าทำไมวินควรเซย์เยสเพื่อมีแฟนเหี้ยๆ”
“อีกอย่าง วินไม่ใช่เกย์”

“ไม่เป็นไร วินไม่ต้องเป็นเกย์หรอก พี่เป็นเองก็ได้”
“แค่นี้เราก็คบกันได้แล้ว”

“วินไม่ได้รักพี่โป๊ะนี่”

“เดี๋ยวพี่ทำให้รักเอง วินแค่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้แหละ”

“ประสาท”

“โอเค งั้นเริ่มจากจีบก่อนก็ได้”
“โอเคนะ”
“เช้านี้อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่ทำให้เอง”
“พี่ตื่นมาบอกให้พนักงานโรงแรมอาสุกลับไปแล้ว ต่อจากนี้ไปเรื่องอาหารการกิน มือโปรบริการเองครับ”

“...................”

“ตื่นได้แล้วครับวิน วันนี้คงต้องทำงานกันหนักเลย”
“ร่างกายต้องพร้อมนะ สติไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวพี่ประคองเอง”

เขาเป็นบ้าอะไร? หรือเมื่อคืนตกเตียงเลยสมองกลับ แล้วนี่ละเมออะไร มาเออออห่อหมกว่าคบกัน เป็นแฟนกัน
ผมยังไม่ได้ตกลงอะไรด้วยเลย ไอสักแค่กยังไม่ได้ส่งเสียงเลยด้วยซ้ำ ไอ้บ้า!

“อ้าว จะไปไหน ไม่หลงคารมก็ควรหลงความเอาใจใส่กันหน่อยนะ”

“เฮ้ออออออออออออออออ” ผมลุกจากเตียงแล้วถอนหายใจให้เขาได้ยินเสียง จะได้รู้ว่าผมเอือมมากๆ แต่นายมือโปรกลับหัวเราะอารมณ์ดี แล้วก็ลุกจากเตียง ออกจากห้องผมไป แล้วก็แย่งผมใช้ห้องน้ำ

บอกแล้วว่าเขาบ้า จีบประสาอะไรล่ะเนี่ย? ถ้าจีบประสาเหี้ย ผมคงไม่จำเป็นต้องเข้าใจเขา เดี๋ยวเหี้ยตาม

#### @ D A W N  #####

เขาไม่ได้โกหกผมเรื่องที่บอกกับคนของป้าสุว่าไม่ต้องมาดูแลเรื่องอาหารการกินที่บ้านไม้แล้ว และเขาก็ไม่โกหกเรื่องที่ว่าจะดูแลผมเอง
กับข้าวฝีมือนายมือโปรดูน่าอร่อย และก็อร่อยสมกับหน้าตาแหละครับ ผมกินเกลี้ยงเลย

“ถูกปากมั้ยครับ”

“ไม่ถูกปากครับ ถูกลิ้น ถูกฟันเคี้ยว ถูกกลืน ถูกแดกนั่นแหละ” กวนตีนให้มันรู้แล้วรู้รอด จะได้เลิกทำหน้าหล่อเสียงหล่อใส่ผมเสียที เห็นแล้วอยากถีบ

“นี่ตั้งใจมากเลยนะ ชมกันหน่อยก็ไม่ได้” วางสีหน้า แววตา และท่าทาง น่าเตะมากเลยครับ

“พี่โป๊ะ ดัดจริตกว่านี้วินจะเกลียดแล้วนะ”

“โอเค โอเค ไม่ชอบแบบหน่อมแน้มเนอะ”
“ชอบเถื่อนๆ สินะ”
“จัดปายยยยยยยยยย” สิ้นเสียง จานที่เกลี้ยงมื้อเช้าก็ร่อนแทบเสยหน้าผม ฝีมือเขานั่นแหละครับ ให้มันได้แบบนี้สิ เขาคงไม่รู้จักความพอดีล่ะมั้ง

“พี่โป๊ะ” ผมเรียกเมื่อเสียงล้างชามสิ้นสุดลง

“อื้อ ว่าไงไอ้ยุ่ง” เลิกเมารักแล้วสินะ ดูเหมือนจะกลับเป็นคนปกติแล้ว

“วันนี้ไปทำงานที่ไหนครับ”

“วันนี้ต้องบรีฟงานให้แนนก่อน แล้วเดี๋ยวไปโรงถ่ายที่บางพลี”

“งั้นวินให้พี่รุตต์ไปรับที่บางพลีนะครับ พี่รุตต์จะพาปะ”

ปัง! เสียงปิดประตูห้องครัวครับ
บ้านนี้เป็นไม้ทั้งหลัง คิดดูละกันว่ามันจะดังกระแทกสติขนาดไหน

“พี่รุตต์จะพาไปกินเลี้ยงขนม”

“เห็นแก่กินรึไง เอาขนมมาล่อก็ตามเขาต้อยๆ พี่ซื้อให้กินก็ได้ ทำให้กินยังได้”
“ไม่ต้องไป”

“พี่โป๊ะไม่ใช่ผู้ปกครอง แล้ววินก็ไม่ได้ขออนุญาต ก็แค่บอกให้รับรู้ พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าวินหายไปไหน กับใคร”

“ใครบอกพี่ห่วง”

“งั้นพี่โป๊ะก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องมาโวยวายแล้วไม่ให้วินไปกับพี่รุตต์แล้วดิ”
“ก็พี่ไม่ได้เป็นห่วงวิน”

“เออ พี่ไม่ห่วง พี่รู้วินดูแลตัวเองได้ แล้วก็รู้ว่าคุณรุตต์เขาเป็นคนดี เท่าที่วินบอกไว้ล่ะนะ”
“แต่ก็ไม่ให้ไป บอกเขาไม่ต้องตามไปรับเย็นนี้ พี่หวงของพี่”

“สิทธิอะไรพี่มาหวง”

“ก็พี่จะจีบวินเป็นแฟนอยู่นี่ไง”

“นี่พี่จีบวินอยู่หรอ?”

“เออสิ ก็ทำอะไรให้ตั้งมาก”

ปวดกะบาลชิบหาย!

“มีใจแล้วบอกด้วย มันลุ้น”

เชี่ยเอ้ย! แล้วผมยิ้มทำไม!

องค์เทพเจ้าเมารักออกจากร่างเขาแล้ว นายมือโปรก็กลับมาพูดรู้เรื่องตามเดิมแหละครับ ไม่ค่อยตีรวนผมเท่าไหร่ ถามงานตอบงาน
เรามาที่ออฟฟิศทาวน์อินทาวน์ เพื่อบรีฟงานให้กับพี่แนนรับไปทำต่อ สายเข้าหน่อยก็ประชุมทีม
ในบริษัทนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยครับ เพราะนายมือโปรจะโยกคนไปอยู่ในบริษัทร่วมทุน เขาขอคนที่สมัครใจจะไปก่อน ซึ่งก็มีคนจากฝ่ายโปรดักส์ชั่นมาพอสมควร แต่เราก็ยังต้องการคนเพิ่มอยู่ดี นายมือโปรบอกให้พี่แนนเปิดรับสมัครหน้าเวบไซต์บริษัทแล้วก็ให้ทุกคนในทีม ใช้วิธีสโนว์บอลน่าจะรวดเร็วสุด
กว่าผมจะได้กินมื้อเที่ยงก็ล่วงมาบ่ายโมงครึ่งแล้วครับ สีหน้าเหนื่อยๆ ของผมคงสะท้อนในลูกกะตานายมือโปรเสียที เขาถึงได้เลิกประชุมงาน แล้วก็บึ่งรถจากบริษัทเพื่อไปยังโรงถ่ายที่บางพลี และแวะกินข้าวที่ปั๊มใหญ่ก่อนออกจากทางด่วนบางนา

“เอาอะไรอีกมั้ย”

“อิ่มแล้วครับ”

“ซื้อติดรถไปด้วยก็ดีนะ เผื่อเป็นมื้อเย็น ไม่รู้จะออกจากที่นั่นกี่โมง เดี๋ยววินหิว”

“พี่ทนได้ วินก็ต้องทนหิวได้สิ”

“นี่ทำงานนะวิน ไม่ได้เล่นวัดความอดทน”
“ไปเลือกขนมไป เลือกให้พี่ด้วย โกยๆ มาเถอะ”
“นะครับ”

“รู้แล้วน่า ไม่ต้องทำหน้าหล่อเสียงหล่อหรอก วินไม่ชอบ”

“เขินอ่ะดิ”

“เขินบ้าบออะไร พี่โป๊ะก็เลิกเล่นบ้าๆ ซักที”

“พี่ไม่ได้เล่น บอกแล้วว่าจริงจังแล้วเนี่ย”
“จีบอยู่ครับ ผมจีบคุณอยู่ครับ แต่เราก็ยังมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่ไง แล้วก็อยู่กัน 24 ชั่วโมงต่อวันแบบนี้ พี่คงเก็กหล่อหลอกตาวินไม่ได้หรอก”
“ไปเลือกขนมไป”

ก็จบลงที่ของกินอยู่ดีแหละวะ แล้วทำมาเป็นว่าผมว่าใครเอาของกินมาล่อก็ไปกับเขา ชิ!

ผมช้อปปิ้งเบาๆ ครับ ซื้อแม่งทุกอย่างมีในร้านนั่นแหละ อย่างละ 2
นายมือโปรมองของที่เขาต้องถือไปขึ้นรถแล้วก็ถอนหายใจพร้อมกับหัวเราะ คงสุนทรีย์อารมณ์มากแหละ ผมเดา

“คุณชาย ช่วยกันหน่อยดิ”

“พี่โป๊ะจีบวิน ก็ต้องเทคแคร์สิ พี่รุตต์ก็ทำงั้น” โหยยย รู้สึกมีอำนาจเว่อร์! แล้วเขาก็ดันทำตามซะด้วย แต่ก่อนจะลงมือหอบหิ้วทุกถุงออกจากร้าน มีแอบทำหน้ายู่นิดหน่อย แม้จะนิดหน่อยผมก็มองเห็นนะ อย่ามากเรื่อง ขอร้อง!

ขับรถต่ออีกไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็มาถึงโรงถ่ายเสียทีครับ
โรงถ่ายจำลองนี่เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นแล้ว จากการประเมินด้วยสายตา งานก่อสร้างสตูดิโอสำหรับถ่ายทำภาพยนตร์คืบหน้าไปมาก
นายมือโปรพาไปที่โกดังเดิมที่เขาเคยปล่อยความกวนส้นตีนใส่ผมเต็มเหนี่ยว แต่วันนี้เขาดูแลดีมากครับ แล้วสถานที่เอื้ออำนวยแล้วด้วย เพราะโกดังที่เคยกรังด้วยของเก่าๆ ถูกเนรมิตเป็นสำนักงานกะทัดรัด
มีห้องรับแขก ห้องประชุมที่แบ่งย่อยๆ เป็นกี่ห้องก็ไม่รู้ แต่อยู่โซนชั้น 2 ส่วนห้องเก็บอุปกรณ์ขนาดกลาง-เล็ก ที่เกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ อยู่ที่ฮอลใหญ่ชั้น 3 ทั้งหมดอัดกันอยู่ในพื้นที่ที่เคยเป็นโกดังนี่แหละครับ
“มียามกับแม่บ้านแค่นั้นแหละตอนนี้”
“วินหาที่นั่งดูแลตัวเองก่อน พี่เอาของแช่ในตู้เย็นให้”
“เดี๋ยวเข้าไปดูสตูดิโอข้างในกัน พี่โทรบอกช่างไว้แล้ว”

“ครับ” โทรตอนไหนวะ? เขาอยู่กับผมแทบตลอดเวลา แต่ยังสามารถจัดการงานไว้ล่วงหน้าได้ด้วย บางทีนายมือโปรอาจจะมี 10 มือก็ได้

แต่ผมก็เจ้าของบริษัทนี้เหมือนกัน ผมคงนั่งงอมืองอเท้าดูเขาทำงานงกๆ ไม่ได้หรอก

“วินช่วย”

“เอ่อ งั้น ขอบคุณนะ”
“แต่ช่วยมีใจให้พี่เร็วหน่อยก็ดี พอดีช่วงนี้กำลังโสดและเสน่ห์แรงมาก ช่วงฮอร์โมดปรู๊ดปร๊าด ฮ่าๆๆๆ”

ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะนี่มัน....เฮ้อออ เอาเถอะ ผมว่าเขาน่ารักดีเวลาพยายามทำอะไรที่ไม่เข้ากับนิสัยตัวเองแบบนี้

ผมนั่งตากแอร์หลังจากที่จัดของกินยัดใส่ตู้เย็นเสร็จแล้ว แม่บ้านชงกาแฟมาเสิร์ฟนายมือโปร แล้วก็มาชวนผมคุย หัวข้อก็ไม่พ้นความงามของคุณโปร เธออย่างนั้น เธออย่างนี้ เขาเอาเวลาที่ไหนไปสร้างภาพจำดีๆ ให้คนอื่นกันนะ กับผมนี่กวนตีนได้ก็จะกวนตีนทันที
ส่วนคนที่ควรมากินกาแฟของคุณแม่บ้าน กำลังเดินไปดูห้องเก็บของกับพี่ยาม ผมเดาว่ากาแฟแก้วนี้คงเป็นหมันแล้วแหละ

“ไป วิน”

“ไปไหนครับ”

“ไปดูสตูดิโอไง”
“สวยนะ”
“มีห้องตัดต่อพร้อมเลยด้วย”
“ส่วนโรงแรมคงเสร็จอย่างสุดท้าย”
“เดี๋ยวเสร็จแล้วเสี่ยพามาเปิดห้องนอนนะหนู”

“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย”

“ด่าแฟนจะไม่เจริญนะวิน”
“ระวังปากด้วย เดี๋ยวมันส่งผลถึงอนาคตแล้วจะโอดครวญว่าพี่ไม่บอกล่วงหน้า”

“วินไม่กลัว ยังไงๆ วินก็ไม่ตกเป็นเมียพี่โป๊ะหรอก”
“เป็นเมียพี่โป๊ะ ต้องกินแต่ไก่เปียก ตอนกินไก่ก็ต้องตัวเปียกเพราะลากไปกินในน้ำ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

ป๊อก!
โดนเขกหัวครับ ผมทำหน้างอแหงนหน้ามองเขา จะได้รู้ว่ามะเหงกนี้กูเจ็บครับ
“อุ่ย! ลืมออมแรงเลย”
“ขอโทษๆๆๆ ไม่เจ็บน้า โอ๋ๆๆ นิ่งเตะ นิ่งเตะ” กวน ส้น ตีน!

“เล่นกันพอแล้วเนอะ ไปสตูฯ กันเถอะ”

กูเจ็บจริงๆ! แล้วกูก็ไม่ได้เล่นกับคุณมึงด้วย!
จีบบ้าจีบบออะไร แม่งก็แกล้งผมแก้เครียดแก้เซ็งล่ะวะ!

แต่เขาอาจจะจีบผมอยู่จริงๆ ก็ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินจับมือผมไว้ แล้วก็คอยถามว่ากินน้ำมั้ย หิวรึเปล่า ร้อนมั้ย? ไปรอที่ออฟฟิศก่อนมั้ย และอีกมากมายที่ถามเพื่อความสะดวกสบายของผมทั้งนั้น

ผมเหยียบเข้ามาที่สำนักงานอีกครั้งตอน 5 โมงเย็น พาหนะที่พาผมกลับมาที่สำนักงานก็คือรถกอล์ฟที่นายมือโปรขับนั่นแหละครับ
แม่บ้านกลับไปแล้วเพราะถึงเวลาเลิกงานของแกแล้ว ส่วนยามก็เปลี่ยนหน้าไปแล้วเหมือนกัน
“กินข้าวเย็นที่นี่ หรือจะไปหาร้านอร่อยๆ กิน หืม?”

“แล้วแต่พี่โป๊ะเลย”

“งั้นกินที่นี่เนอะ เดี๋ยวพี่อุ่นให้ วินล้างหน้าล้างตาเถอะ เพลียใช่มั้ย”

“ไม่เป็นไร ช่วยกัน”

“เดี๋ยวพี่ดูแลเอง อาสุฝากไว้แล้ว พี่ก็ต้องดูแลให้ดีสิ เดี๋ยววินไปฟ้อง เดี๋ยวพาร์ทเนอร์ทิ้งพี่จะซวยเอา”

“อ้อ ที่ดีกับวินนี่เพราะว่าเป็นกระเป๋าตังค์ให้อยู่ใช่มั้ย โธ่เอ้ย! ทำเป็นบอกว่าจีบ ลูกไม้ว่ะพี่โป๊ะ”

“คิดบ้าๆ!” เขาด่าผมแล้วก็ขมวดคิ้วมอง มองแล้วก็ถอนหายใจแล้วก็เดินหายไปในครัว คงไปอุ่นข้าวให้ผมกินตามที่บอก

ถึงเขาจะห่างตาไปแล้ว ผมก็ยังติดใจเรื่องที่เขาเพิ่งพูดออกมาอยู่ดี
หรือว่าความสัมพันธ์ของผมกับเขา แท้จริงแล้วมันก็แค่เพื่อผลประโยชน์
เขาจะได้อะไรจากการตามดูแลผมล่ะ ถ้าไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีกับแบงก์ใหญ่ของประเทศ ได้พาร์ทเนอร์ที่พร้อมซัพพอร์ทด้านการเงิน

จริงสินะ โลกนี้มันก็มีแต่ผลประโยชน์กันทั้งนั้นแหละ
ทำไมผมไม่จำเลย ผมกับรินนาก็รู้จักกันเพราะผู้ใหญ่มีผลประโยชน์ร่วมกัน
ความรักกับผลประโยชน์ ไม่มีใครกำไว้ได้ทั้ง 2 อย่าง และมันไม่ใช่สิ่งที่ ได้อย่างเสียอย่างซะด้วยสิ
ความรัก ผลประโยชน์ เพียงแค่มีฝ่ายหนึ่งอยากได้แค่เพียงอย่างเดียว อาจต้องเสียไปทั้ง 2 อย่างก็ได้ เหมือนที่ผมเคยเสียมาแล้ว ทั้งที่ผมไม่ใช่คนที่อยากกำไว้ทั้ง 2 อย่าง

ผมเห็นประตูห้องครัวถูกเลื่อนเปิดอีกครั้ง เขาคงจะมาถามความเห็นผมเพิ่มว่าจะกินน้ำอะไร ขนมอะไร แต่ผมไม่สนใจเรื่องของกินแล้ว เขาสร้างเรื่องกวนใจให้ผมมากเกินไปแล้ว

"วิน"


ผมไม่สนเสียงเรียกแต่กลับเดินเฉไปอีกทางเพื่อโทรศัพท์


"วิน" ไม่เอา ผมไม่ต้องการความรักของเขา และไม่ต้องการผลประโยชน์จากเขา เพราะไม่อยากเสียอะไรซักอย่าง


"พี่รุตต์ครับ" เมื่อปลายสายรับสาย ผมก็กรอกเสียงพูดไป เขาคงได้ยิน ถึงได้หยุดเรียกผม กระจกใสของสำนักงานสะท้อนภาพนายท้าวเอวมองผมอยู่ที่โซฟา

"วินอยู่ที่บริษัทร่วมทุนใหม่น่ะครับ แถวบางพลี เดี๋ยววินแชร์โลเคชั่นไปให้ พี่รุตต์มารับได้มั้ยครับ" กระจกใสของสำนักงานสะท้อนภาพนายมือโปรยกมือนวดต้นคอตัวเอง เขาคงกำลังสะกดอารมณ์ไม่พอใจของตัวเองอยู่ล่ะมั้ง

แต่ผมไม่อยากสนเขาหรอก เพราะผมไม่อยากเสียอะไรซักอย่าง

ผมวางสายจากพี่รุตต์ สูดลมหายใจลึกหนึ่งครั้ง แล้วก็หันไปหานายมือโปร


"พี่โป๊ะ เดี๋ยวพี่รุตต์มารับ วินคงไม่กินมื้อเย็นที่นี่หรอกครับ"


"พี่ไม่ให้ไป...ได้มั้ย?"


ผมให้เขามีสิทธิ์ห้ามไม่ได้หรอก ผมไม่อยากเสียอะไรซักอย่าง


"วินจะไปกับพี่รุตต์"


"โอเค พี่ไม่มีสิทธิ์ห้าม"
"โอเค โอเค" เขาพึมพำ ลูบหน้าตัวเองจนทั่ว ผมเห็นหน้าเขาแดงไปหมด ลำคอก็ด้วย แต่ผมจะไม่ใส่ใจหรอก

ความสัมพันธ์ของผมกับเขาตอนนี้ ผมจำกัดความไม่ได้ อธิบายไม่ถูก แต่ผมชอบ ผมถึงไม่อยากเสียอะไรซักอย่าง ผมถึงให้เขาไม่ได้ซักอย่าง

ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะเข้าใจ
   

Cut


มาต่อแล้วค่าาาาาาาาาา
เร่งแล้ว พี่โป๊ะเร่งจังหวะแล้วค่าาาาาาา
ส่วนน้องวินจะถอยหนี หรือถอยไปตั้งหลัก ติดตามค่ะ!

พรุ่งนี้ค่อยเข็นพี่หมอนำนะคะ ^^

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
«ตอบ #356 เมื่อ18-10-2015 23:36:23 »

เดี๋ยวนะะะะ ขึ้นต้นมาฮามา แต่ไหงตอนจบหน่วงมากกกกกกกก
งื้ออออออ

ออฟไลน์ athena_tiew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
«ตอบ #357 เมื่อ19-10-2015 00:50:50 »

ที่หนึ่งคงถูกใจน่าดูที่นายโป๊ะเจองานยาก น้องวินไม่ใช่หมูๆที่พี่โป๊ะจะจับใส่กรงได้ง่ายๆ สู้ๆนะพี่โป๊ะหมอนำเค้ารอสมน้ำหน้าอยู่นะ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
«ตอบ #358 เมื่อ19-10-2015 06:42:51 »

พี่โป๊ะเริ่มเองนะงานนี้ แต่เวลาเทพความรักเข้าสิงพี่แล้วไม่ชินเลย :m20:
งานยากแล้วทีนี้พี่โป๊ะ คู่แข่งเขาก็เป็นคนดีนะ จะเอาชนะใจวินได้ยังไง :z3:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน25(18-10-15)
«ตอบ #359 เมื่อ19-10-2015 07:04:07 »

เอาใจช่วยพี่โปรนะ 55555
งานยากนะงานนี้
ขอบคุณนะคะที่มาต่อ :pig4:
มาต่อบ่อยๆนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด