At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ  (อ่าน 185154 ครั้ง)

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
«ตอบ #390 เมื่อ12-11-2015 21:39:48 »

อร๊ายยยยยยย น่ารักเวอร์เลย

เค้าจีบกันน่ารักสุดๆเขินๆๆๆ

ออฟไลน์ beautifuldead

  • wandered lonely as a cloud..
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
«ตอบ #391 เมื่อ17-11-2015 15:36:32 »

โอ้ยยย ให้มันได้อย่างงี้เถอะคุณมือโปร
บทจะตัดสินใจได้ก็ฟึ่บฟั่บ รวดเร็วได้อีกกกก
น้องวินใจอ่อนในเร็ววันมั้ยยยยยย

ออฟไลน์ MUSIX

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
«ตอบ #392 เมื่อ18-11-2015 14:35:30 »

“มันเป็นโมเม้นท์ของพี่!”
555555555555555555...
ไม่เคยขำพระเอกนิยายเรื่องไหนเท่าอีพี่โป๊ะเลยค่ะ!!!!
โอยยยยยยย ปรอทความหึงหวงแทบแตก
พอบทจะน่ารักใส่กันก็น่ารักจนขนลุก!!!!

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
«ตอบ #393 เมื่อ23-11-2015 10:53:22 »

:hao5:  :hao5: อ่านทันแล้ว (พึ่งมาอ่านอยากกระทืบตัวเอง :beat: )
อ่านมาถึงตอนนี้อารมณ์เม้นไม่ถูกกันเลยทีเดียว
พี่โป๊ะกับน้องวินก็กำลังอยู่ในโลกสีชมพู ส่วนพี่รุตต์ปวดใจไปด้วย
#หัวเราะพร้อมน้ำตา ซินะ  ขอเข้ามาจองที่รออีกคนค่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ milkteabeige

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
«ตอบ #394 เมื่อ28-11-2015 09:38:35 »

โง้ยยยย สงสารน้องวิน ปรับอารมณ์ตามไอ้เหี้ยพี่โป๊ะทันมั้ยลูก

นี่เรากำลังคิดว่า พี่โป๊ะเป็นไบโพลาร์มั้ย 5555555

เป็นการจีบกันที่ฮาร์ดคอร์กอไก่มากๆ ค่ะ

ปล.พี่รุตต์นี่เป็นมือวางอันดับ 1 เรื่องพระรองขิงๆๆ ไอ้หนูแอมควรดูพี่รุตต์เป็นเยี่ยงอย่างนะยะ!! (เคืองข้ามเรื่อง 5555)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 26(11-11-15)
«ตอบ #395 เมื่อ01-12-2015 23:04:10 »

คิดถึงวินแล้วววว :mew1: :katai1:

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
«ตอบ #396 เมื่อ10-12-2015 23:06:46 »

Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********

ตอนที่ 27

เช้านี้ ผมถูกทับ....

ครับ ผมถูกทับ.....
แน่นอนว่าผมไม่ได้ละเมอเพ้อพกไปเองใดๆ ทั้งสิ้น ผมจะย้ำให้โลกเชื่อผมอีกทีก็แล้วกันครับ
ผม ถูก นอน ทับ!
“พี่โป๊ะ ลุกเลย วินหนัก” ผมบอกมนุษย์ลูกครึ่งสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่เกยทับตัวผมไว้ตามแนวขวาง ลำตัวเขาและลำตัวผมพาดกันเป็นรูปเครื่องหมายบวก

“อื้อ”
“อีกนิดดิ”

“ลุกเลย เร็วๆ”
“เจ็บท้อง”

“อ่ะ ขอโทษๆ” เขาร่นตัวออกจากตัวผมแล้วก็แถมานอนข้างๆ ในแนวเดียวกันแทน ผู้ชายคนนี้นอนหงายแต่เสร่อหันหน้ามองผม แล้วก็ส่งยิ้ม

“อะไร?”

“ต้องจูบอรุณสวัสดิ์กันสิ”

“ตำราไหน มั่ว”

“ตำราพี่ เขียนเองเมื่อกี้” หน้าด้านสุดๆ เลยนายมือโปร ผมเบ้ปากใส่ เช้านี้ไม่แลบลิ้นแล้วครับ ได้บทเรียนมาแล้ว อันตรายชิบหาย ไม่ใช่การจูบของเขาหรอก ที่ว่าอันตรายน่ะหมายถึงอารมณ์ไหลง่ายของผมต่างหาก
“ทำหน้างอไปได้ นี่เกลียดพี่มากเลยล่ะสิ”

“ก็พี่โป๊ะทำอะไรให้วินเกลียดรึเปล่าล่ะ”

“ไม่นะ พี่ทำแต่เรื่องน่ารักๆ” เหรอะ? ผมแค่นหัวเราะนิดนึงแล้วก็ตะแคงตัวออกไปทางหน้าต่าง เพื่อมองแสงอาทิตย์ให้เต็มตา

“อือ วินชอบพระอาทิตย์หรอ”

“ครับ วินชอบตอนพระอาทิตย์ขึ้น”

“เพราะ” ถามเฉยๆ ก็ได้ เกี่ยวเอวทำไมล่ะนั่น ผมปัดมือเขาออก ขยับตัวออกห่าง แต่ก็ยังอยู่บนเตียงเดียวกัน ผมไม่ได้อ่อยไมได้ให้ท่าเขาสักนิด ก็นี่มันเตียงผม คนที่ต้องละอายใจที่เบียดเบียนคนอื่นก็คือนายมือโปร

“ชอบเพราะมันทำให้วินรู้ว่ายังมีโอกาสเริ่มต้นได้เสมอ”
“คืนก่อน ต่อให้จบลงด้วยสิ่งเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม พอพระอาทิตย์ขึ้นอีกครั้ง เราก็มีแรงใหม่ ได้สู้ใหม่ ได้ยืนหยัดใหม่ ได้ตามหาเสียงหัวเราะ ตามหาความสุข เพื่อให้คืนที่กำลังจะมาถึง ไม่จบลงอย่างเลวร้ายเหมือนที่ผ่านมา”

“ถ้าพี่เข้าใจความคิดวินทันที พี่ต้องตายแน่ๆ”

“อ่าว ทำไมล่ะ” ผมลงทุนหันหน้าไปถาม เพราะไอ้สิ่งที่ผมเพิ่งพูดไป ผมแน่ใจมากว่าหลายๆ คนก็คิด

“ก็มันลึก” อ่ออออออ ผมกรอกตาไปมาอยู่หลายรอบกว่าเก็ตสิ่งที่เข้าพูด เขาหมายถึงจมน้ำตายน่ะครับ เพราะความคิดผมลึกมากนั่นเอง พอเข้าใจแล้วก็อดขำในความแป๊กสิ้นดีไม่ได้

“แต่พี่ชอบเวลาพระอาทิตย์ตกนะ” เพราะ? ผมไม่ได้ถามออกไป แค่มองหน้าเขา รอให้เขาคายความคิดออกมา แต่คนกวนส้นตีนก็คือคนกวนส้นตีนแหล่ะครับ เขาอมยิ้มเหมือนรู้ทันว่าผมอยากรู้สุดๆ แต่ฟอร์มจัดเลยไม่ถาม นายมือโปรส่งสายตาพร้อมขยับคิ้วบอกใบ้กับผมว่า ถ้าไม่ง้อถามก็ไม่มีวันได้รู้

เออ ไม่รู้ก็ได้เว้ย!

“พี่โป๊ะคิดว่าตัวเองเป็นแกนโลกรึไง”
“วินไม่สนความคิดพี่สักหน่อย”
“รีบลุกไปทำข้าวเช้าได้แล้วครับ วันนี้ต้องทำงานกันต่อนี่ ชักช้า!”

“ช่ายยย พี่ชักช้า วินชักให้หน่อยสิ” เฮ้ออออ อ่อนใจจะด่าแล้วนะไอ้เหี้ยยยย!

กับข้าวเช้านี้
ข้าวอุ่นในไมโครเวฟ ซื้อจากร้านสะดวกซื้อที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย ถ้าใครยังนึกไม่ออก ผมคงต้องใบ้เป็นตัวเลข แต่ผมไม่อยากใบ้แล้วเพราะหมดอารมณ์ตั้งแต่เห็นกับข้าวสิ่งเดียวที่จะได้กินเช้านี้
หมูหยองกองกอดฝอยซึ่งกันและกันอยู่ในบรรจุภัณฑ์ชั้นเยี่ยม ยี่ห้อขึ้นต้นตัวอักษรตามชื่อด้วยตัวจังหวัด ใบ้ให้เท่านี้แหละครับ ใครตอบถูกก็ดีใจด้วย

“อะไรอ่ะพี่โป๊ะ” ผมถามด้วยใบหน้าเฉยชา นี่ผมกลั้นอารมณ์ไม่ชอบใจสุดๆ แล้วนะครับ นายคนนี้บังอาจยกเลิกสิ่งอำนวยความสะดวกของชีวิตผม เพื่อเสร่อแทรกบริการระดับหมาหาข้าวกินเองง่ายกว่าแบบนี้ คุณคิดว่าผมควรยิ้มให้เชฟเช้านี้งั้นหรอครับ

“เฮ้ย ไม่เคยเห็นหมูหยองหรอครับคุณหนูวิน”

“เคยเห็น เคยกิน แต่ไม่เคยกินแค่ข้าวกับหมูหยองอย่างเดียว”

“งั้นหัด”

“ไม่ ทำไมวินต้องหัด”

“ก็เงินเดือนวิน กินได้เท่านี้แหล่ะ”

“แต่วินเป็นระดับแมเนจเม้นท์ไม่ใช่หรอ?” ผมเห็นนามบัตรตัวเองแล้ว อย่าคิดแกล้งกันดีกว่า

“ก็ใช่ แต่ก็ยังไม่ผ่านโปร”

“................” กวนส้นตีน แม่งแกล้ง!

“และพี่คือคนอนุมัติว่าจะให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่าน”

“................” เกลียดแม่ง!

“วินหิวข้าว แล้ววินก็ควรได้กินมากกว่าข้าวหมูหยอง”

“มีไข่ตุ๋น”
“ซื้อมาเมื่อคืนเหมือนกัน”
“กล้วยหอมก็มี แล้วก็สารพัดนม แต่กล่องเล็กนะ”

“วินบอกว่าวินหิวข้าว”
“มื้อเช้าสำคัญนะพี่โป๊ะ วินไม่อยากมีขี้เลี้ยงสมองตลอดทั้งวัน เอาข้าวมา!”

“ก็นี่ไง กินดิ”

“ไม่เอาแบบนี้ มันแห้งๆ ติดคอ”

“ก็กินน้ำตาม”

“กินน้ำ มันก็ละลายน้ำย่อยไง! ไม่เคยเรียนหรอ!”

“เรื่องมากจริงเว้ย!”

“แล้วใครมันเสือกมายุ่งกับคนเรื่องมาก่อนล่ะวะ! วินก็อยู่ของวินแบบนี้ พี่นั่นแหล่ะมาเสือกเปลี่ยนนั่นนี่วุ่นวายไปหมด!”

“เออ พี่ยุ่งกับวินก่อนเอง” อะไร? ทำไมยอมง่ายจัง ผมไม่วางใจง่ายๆ หรอก คิดว่ายังไงยังไงเขาก็ต้องมีเรื่องมาตุกติก
“ก็อยากดูแลดีกว่านี้หรอก แต่มันไม่มีของสดอะไรให้ทำกับข้าวเลย แล้วเมื่อคืนก็รีบ เพราะจะมาดักวินที่บ้าน”
“แวะร้านอาหารจะสั่งกลับบ้านมาอุ่นกินตอนเช้า ก็เสือกเจอภาพบาดตา เด็กใจแตกกับอาจารย์เมืองนอกฉวยโอกาส แม่งจูบกันในรถ ใครจะมีอารมณ์ไปสั่งปูผัดผงกระหรี่ล่ะ!” นี่เขาบ่น เขาเล่าให้ฟัง เขาสารภาพ หรือเขาหลอกด่าผม? นายมือโปรหันไปถอนหายใจและกอดอก เขาหลุบตามองอาหารเช้าที่ผมยืนยันปฏิเสธ มองๆ อยู่ก็ยกชามข้าวมาตักข้าวเข้าปาก
“ยี่ห้อนี้อร่อยนะ” ไอ้เหี้ยนี่! แม่งเอ้ย
ผมเกือบหลุดหัวเราะ แต่ยังเก็บอาการไว้ได้ นายมือโปรกินให้ดูอีกคำแล้วก็ยืนยันคำเดิม
“จริงๆ อร่อย ไม่หืน ไม่เหนียว กินเถอะ”
“เดี๋ยวพาไปกินก่อนถึงออฟฟิศอีกที อันนี้รองท้อง”
“ถ้าวินดื้อไม่กิน ได้มีขี้เลี้ยงสมองแน่ๆ”

“รู้แล้ว รู้แล้ว”
“กินก็ได้”
“วินเอาหมูหยองเยอะๆ ด้วย พี่โป๊ะเทอีก” ผมตัดบทแล้วนั่งเก้าอี้ เชฟที่คิดเมนูได้เห่ยที่สุดจัดแจงเทหมูหยองใส่จานข้าวผม ยอมรับเลยครับว่ามันส่งกลิ่นหอมๆ และรสชาติก็อร่อยจริงๆ แม้ว่าจะฝืดคอไปหน่อยก็ตาม

เราอิ่มกันแล้ว เอาจริงๆ ผมอาจจะเป็นคนเดียวที่อิ่มก็ได้ เพราะพี่โป๊ะเขาก็กินแค่กาแฟที่ชงกินเอง 1 แก้วเท่านั้น
วันนี้เราต้องไปทำงานที่ออฟฟิศทาวน์ อิน ทาวน์ ซึ่งมันเป็นลาภปากผมมาก เพราะมีร้านอาหารหร่อยหลายที่ ความต้องการก้นบึ้งในใจเรื่องอยากกินอาหารที่จัดเต็มโต๊ะ มีให้เลือกเป็นร้อยๆ อย่าง ยังครบอครองจิตใจผมอยู่ นั่นทำให้ประโยคแรกที่ผมพูดกับพี่แนนก็คือ “จองร้านอาหารให้วินหน่อยนะครับ”
นายมือโปรหัวเราะพรืด เขาลูบต้นคอผมเบาๆ แล้วก็เดินนำเข้าห้องทำงาน
ที่ออฟฟิศนี้ ที่ทำงานของผมก็คือหน้าห้องเขานั่นแหล่ะครับ เขายังคงชอบทำงานในห้องคนเดียวเหมือนเดิม

“วิน เข้ามาหน่อยสิ” หืออออออ ผมตาตื่น สบตากับพี่แนนที่ก็มองผมมางงๆ เหมือนกัน พี่แนนได้สติก่อนจึงทำมือไล่ผมให้เข้าไปหานายมือโปรในห้อง
ผมเลือกจะโผล่หัวเข้าไปก่อน เมื่อเห็นหน้ากันแล้วผมก็ถาม

“อะไรครับ”

“มานั่งทำงานในนี้สิ”

“ก็พี่ชอบทำงานในห้องคนเดียว”

“แต่วินพิเศษ พี่อยากมอง มองแล้วมีสมาธิ ชอบ เพลินดี”

“วินจะคิดซะว่าพี่เปรียบวินเป็นแสงเทียนแห่งปัญญาก็แล้วกันนะครับ” นายมือโปรหัวเราะร่วน ผมเดาว่าพี่แนนต้องงงหนักๆ แน่ๆ ที่ได้ยินเสียงหัวเราะ และได้เห็นว่าผมย้ายตัวเองมานั่งอ่านเอกสารงานอยู่ในห้องพี่โป๊ะ

นั่งฟังเสียงเขาทำงานก่อกแก่กอยู่ไม่นานก็ได้รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงที่เรียกผมเข้าห้องครับ ..... ใช้งาน
หานี่ให้หน่อย หาเรื่องนั้นให้พี่หน่อย เข้าเวบนี้นะ นี่ยูสเซอร์กับพาสเวิร์ดนะครับ
ถ้าเจอเรื่องนี้ปรินท์มาให้พี่ด้วยนะ จัดไว้ในโฟลเดอร์เดียวกันนะ
โยนเข้าเมลล์พี่ด้วยวิน ด่วนดิวิน อันนี้ด้วย อันนั้นด้วย
เอาเป็นว่า ผมได้แค่ไหนก็แค่นั้นแหละครับ แม่งใช้ยังกะผมมี 10 มือ

กว่าจะได้กินข้าวเที่ยงก็ปาเข้าไปบ่ายโมงแล้วครับ นี่ถ้าไม่ได้ดูเวลาผมคงไม่รู้สาเหตุที่ศักยภาพการทำงานช่วยนายมือโปรต่ำลงเรื่อยๆ สาเหตุเป็นเพราะหิวจัดๆ นี่เอง

“ป่ะ ไปกัน”

“กินข้าวหรอครับ”

“ไปหาพ่อพี่ก่อน ที่ออฟฟิศดุสิต นิดเดียวเอง”

“แต่วิน”

“หิว”
“พี่รู้ พี่ก็หิว แต่งานเราเร่งไง”
“ทนเหนื่อยกันอีกนิดนะ เดี๋ยวก็ลงตัว”

“ก็ได้”

“ขอบคุณครับ” ยิ้มหล่อ สุภาพ เข้าใจโลกมากๆ แล้วก็เดินตัวตรงนำหน้าผมไป แม่งเอ้ย ช่วยลดระดับหูมาฟังเสียงท้องผมร้องหน่อยเถอะ!


การมาพบคุณตะวัน ทำให้สภาวะทำงานจนไม่มีเวลากินข้าวตกอยู่กับนายมือโปรคนเดียวครับ ส่วนผมน่ะหรอ? ได้กินแล้วครับ ได้กินตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่ออฟฟิศคุณตะวันนั่นแหล่ะ ที่ที่ผมเคยมาปรากฏโฉมในฐานะหุ้นส่วนบริษัทร่วมทุนต่อหน้าผู้ถือหุ้นบริษัทคุณตะวันที่หัวหงอกกันอย่างพร้อมเพรียง
“วิน อยากได้อะไรบอกป้าไพรนะลูก”
“ครับคุณตะวัน”
“อ่อ! ครับลุงตะวัน”

“เยี่ยม บอกครั้งเดียวให้รู้เรื่องแบบนี้ถึงดี”
“ไอ้ตัวดีอยู่ไหนลูก”

“อยู่ในห้องคุณลุงมั้งครับ”

“โอเค”
“โปร” ผมได้ยินเสียงคุณตะวันเรียกลูกชายแว่วๆ จากนั้นก็ได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศเหมือนเดิม
ที่ออฟฟิศใหญ่นี้ พนักงานไม่ค่อยอยู่กันหรอกครับ แต่เขาก็มีพื้นที่รองรับสำหรับการประชุมที่ค่อนข้างใหญ่พอประมาณ แล้วก็มี่ชั้นสำหรับแบ็คออฟฟิศแยกสัดส่วนออกไปอีกชั้นหนึ่งด้วย
ที่ออฟฟิศนี้คุณตะวันแกใช้เป็นที่ทำงานส่วนตัว และแกก็นั่งบริหารอยู่หลายบริษัทด้วย ที่นี่ก็เลยค่อนข้างสะดวกสำหรับผู้บริหารระดับสูง(อายุนะครับ) แบบคุณตะวัน ส่วนที่เขตดุสิตนั้นเป็นที่รวมพลของสมองบริษัทก็ว่าได้ และผมก็ว่าเหมาะดี เพราะสถานที่สวยครับ มีพื้นที่ให้ยืนสูบบุหรี่พลางใช้ความคิด ออฟฟิศที่ดุสิตนี่เป็นพื้นที่เช่าระยะยาวมาก เช่าจากเจ้าของวังเก่าที่ตอนนี้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศแล้ว เห็นว่าเป็นเพื่อนเก่าแก่กับคุณตะวัน ก็เลยได้เช่าในราคาที่ถูกมาก แต่ที่แพงกว่านั้นน่าจะเป็นค่าบำรุงรักษาวังแหล่ะครับ
ส่วนออฟฟิศที่ทาวน์ อิน ทาวน์ เป็นออฟฟิศสำหรับจัดเก็บอุปกรณ์เกี่ยวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ แล้วก็อุปกรณ์ผลิตสื่ออื่นๆ ด้วย และที่บางบ่อที่กำลังจะผุดขึ้นมาเป็นอีกบริษัทนั้น ใช้สำหรับโอเปอร์เรทธุรกิจผู้จัดหาอุปกรณ์ถ่ายภาพยนต์และสื่ออื่นๆ อย่างเดียวเลย เพราะจะมีโกดังเก็บอุปกรณ์ขนาดใหญ่ แล้วก็สตูดิโอถ่ายหนังระดับฮอลลีวู้ด
สำหรับออฟฟิศใต้ผับที่สุขุมวิทนั้น ฐานทัพส่วนตัวของนายมือโปรครับ
ผมนั่งใช้เวลาว่างนั่งวาดแผนผังสินทรัพย์ของคุณตะวันและนายมือโปรแล้วค่อนข้างรู้สึกยุ่งยากตามไปด้วย ที่ทำงานมีหลายที่แบบนี้ คนเป็นเลขาน่าจะเกิดมาพร้อมกับดวงชิบหายวายวอดมากครับ ไม่อย่างนั้นคงบริหารจัดการเวลาเจ้านายไม่ได้เลย พี่แนนนี่คงเทพสุดๆ
ส่วนเรื่องที่อยู่อาศัย ผมรู้แค่ว่า 2 พ่อลูกเขาอยู่บ้านเดียวกันครับ แต่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่ เพราะก็แยกกันฝังตัวอยู่ที่ออฟฟิศแต่ละแห่ง กลับบ้านไม่ค่อยตรงกัน หนำซ้ำนายมือโปรยังมีคอนโดตัวเองอีก 2 ห้อง และฐานทัพชั้นใต้ดินของผับก็ถือเป็นห้องนอนอีกห้องหนึ่งของเขาเหมือนกัน แล้วยังเสร่อมาเช่าบ้านผมอยู่อีก แม้จะไม่ได้จ่ายค่าเช่าเลยก็ตามเถอะ
คิดแล้วก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวผมโชคดีมากที่ใช้เวลาร่วมกับนายมือโปรเกือบ 24 ชั่วโมงต่อวัน

“วิน”

“อ่ะ ครับ” ผมสะดุ้งเพราะจู่ๆ คนที่กำลังเดินลอยชายในความคิดผมก็เปิดประตูผลัวะ! เข้ามา เขายื่นแต่หน้ามาชวนคุยครับ

“อิ่มแล้ว?”

“อื้อ ครับ”

“พี่โคตรหิวเลย แต่ไม่เป็นไร”
“วินมาคุยงานห้องพ่อพี่หน่อยนะ ตอนนี้ได้ใช่มั้ย”

“ได้สิ  วินไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ”

“งั้นเชิญ” ทำไมสุภาพจังวะ อย่าบอกนะว่าสร้างภาพไว้กับพ่อด้วย เหอะ!

ผมเดินตามนายมือโปรมายังห้องทำงานคุณตะวันครับ ห้องนี้ผมเคยเข้ามาครั้งนึงแล้ว ครั้งนี้เลยไม่ตื่นตาเท่าไหร่
“อ่า น้องอิ่มแล้วหรอโปร”

“ครับพ่อ โปรสิหิวตาลาย”

“บ่นเยอะ”
“วิน ดูผังองค์กร ผังบอร์ดแล้วโอเคมั้ย ปรับแก้ยังไงบอกพี่เขาไว้นะ”
“เดี๋ยวลุงต้องออกไปประชุมอีกที่ ไหวนะ”

“อ๋อ ครับ”

“ไม่ต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้น เราทำธุรกิจกัน ว่ากันตามสิทธิ์”
“วินดูรายชื่อคณะกรรมการอิสระกับคณะกรรมการตรวจสอบด้วยนะ ถ้าไม่มั่นใจโปรไฟล์ก็ถามคุณสุชาดาก็ได้ แต่ลุงกรองดูแล้ว เกียรติเยอะทุกคนแหล่ะ”

“ครับ”

“แล้วเรื่องตำแหน่งวิน ถ้าไม่พอใจก็บอกนะ”

“อ่อ ครับ” รอบนี้ผมค่อนข้างกระดากอายนิดหน่อย เพราอะไรน่ะหรอครับ ก็เพราะผมแค่เดินตามที่โปะไป ทำตามที่เขาบอกอยู่ทุกวันเท่านั้น แบบนี้ไม่เรียกว่าทำงานแล้วก็ไม่ควรได้ตำแหน่งด้วย แต่จะทำยังไงได้ล่ะครับ ช้อนทองมันติดปาก

คุณตะวันออกจากห้องทำงานไปแล้ว แต่ผมและนายมือโปรยังนั่งกันอยู่ในห้องนี้ เขาให้เวลาผมอ่านเอกสารต่างๆ ของบริษัทร่วมทุนใหม่ของเรา ทุกอย่างโอเค ลงตัว ดูท่าทางจะไปได้สวย ยกเว้นตัวผม
ชื่อผม หน้าผม อยู่บนระดับบนสุดของผังองค์กร คู่กับนายมือโปร
แม้ว่าชื่อเขา รูปเขาจะมีแปะไว้อีก 2 ตำแหน่ง แต่เท่านี้ก็เป็นอันรู้กันแล้วว่าคนที่ทัดทานอำนาจนายมือโปรได้ ก็คือผม
เท่ากับว่า ไม่ว่าเขาจะคิดอะไร ทำอะไร ที่เกี่ยวกับบริษัทร่วมทุนนี้ จะต้องขออนุญาตจากผม
และหลังจากที่บริษัทร่วมทุนจัดตั้ง ก็จะมีการเพิ่มทุนบริษัทแม่ เพื่อนำเงินเพิ่มทุนมาใส่ในบริษัทร่วมทุนนี้ นั่นก็จะหมายความว่า ป้าสุจะเข้ามาแทรกแซงการทำงานของบริษัทร่วมทุนนี้ได้ ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัทแม่
ผมแทบไม่เจ็บตัวอะไรเลย
เปลือกโลกของคนอื่น อาจจะเป็นแก้ว เป็นเหล็ก เป็นหิน เป็นอะไรก็ตามมที่แข็งแรงเพื่อทำหน้าที่ปกป้องตัวตนมนุษย์คนนั้น
แต่สำหรับผม เปลือกโลกของผมคือเปลือกไข่ มันแตกง่าย แต่แม้จะแตกก็ไม่เป็นไร เพราะป้าสุทากาวอย่างดีเอาไว้แล้วเอาหินมาประกบอย่างดี
คนอื่นอาจอิจฉา อยากอยู่อย่างปลอดภัยในโลกของตัวเองโดยไม่ต้องระวังว่าจะมีอะไรมากระทบคอมฟอร์ทโซนเลย แต่เชื่อผมเถอะ เป็นไปได้ก็อยู่แบบชีวิตมีสิ่งคุกคามกันนิดหน่อย ดีกว่าอยู่อย่างปลอดภัยมาก แต่เงียบมาก และเหงามาก แบบผม...

“ไม่เคลียร์ตรงไหนมั้ยวิน”

“ตำแหน่งวิน”

“อ่อ ก็รองซีอีโอ รองพี่นี่แหล่ะ”
“หรือว่าเราต้องมี 2 ซีอีโอ เอางั้นหรอ”

“ไม่ครับ”
“วินเป็นแค่เด็กฝึกงานเอง”

“เมื่อมีคนปูทาง วินก็ต้องเดิน”
“ต่อให้อยากนั่งนิ่ง หยุดพัก หรือต่อให้เท้ายังไม่ใหญ่พอจะใส่รองเท้าที่คนเตรียมไว้ให้ ไม่ว่าจะมีข้ออ้างอะไร วินก็ต้องเดิน”
“คนอื่นเขาพร้อมเดิน แต่ทางแคบ ขรุขระ ไม่มีรองเท้าบ้างล่ะ พิการบ้างล่ะ ทางขาดบ้างล่ะ พวกเขาก็ต้องเดิน”
“วินไม่ได้เกิดมาให้อาสุเลี้ยงจนอาสุตายแล้ววินก็ตายตามซะหน่อย”
“เดินให้ทันพี่นะ”
“เดินข้างๆ กันไปนี่แหล่ะ พี่จูงไปเอง”
“แต่ต้องเดิน”

“................”

“วินบอกพี่เมื่อเช้าว่าชอบพระอาทิตย์ขึ้นใช่มั้ย”

“อื้อ”

“พระอาทิตย์ยังเดินเลย จะเอาเปรียบโดยการนั่งมองอย่างเดียวได้ไง”

“รู้แล้วน่า”
“แค่หวั่นๆ ไม่รู้จะทำได้ตามที่ป้าสุหวังไว้รึเปล่าเท่านั้นแหล่ะครับ”

“พี่ว่า แค่วินลองทำ พยายาม ทุ่มเท มีความสุขกับสิ่งที่ทำ อาสุก็ปลื้มมากแล้วครับ”

“ป้าวิน วินรู้หรอกน่า” ผมหันหน้าหนีไปขมวดคิ้วใส่กระจกใสบ้านใหญ่ แสงแดดส่องสะท้อนเสียจนผมแสบม่านตา จนต้องหลับตาแล้วหันหน้าหลบแสงกลับมา

“ลูกหมาพี่ พี่ก็รู้จักดีเหมือนกัน” บอกไว้เท่านี้แล้วก็ยิ้มให้ ย่ามใจถึงขั้นโน้มตัวมาเอียงหน้าจูบผมอีกต่างหาก คุณครับ กระจกใสไง ม่านก็ไม่ได้ปิด และจะมีใครโผล่เข้าห้องมารึเปล่าก็ไม่รู้!

“อื้อ!” ผมหันหน้าหนี ส่งเสียงขัดใจแล้วเดินไปรอเขาที่หน้าประตูห้องทำงานแทน
“กลับรึยังครับ พี่โป๊ะยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่ ไม่หิวแล้วหรอ”

“หิวสิ ไป กลับ”
“เอาเอกสารไปด้วยนะ ตัวก๊อปปี้พี่ส่งไฟล์ให้อาสุแล้ว ไม่ต้องห่วง เย็นนี้คงโทรหาวินแหล่ะ”

“รู้แล้ว รู้แล้ว ไปหาอะไรกินได้แล้ว”

“ครับ ครับ” รับคำอย่างเดียวก็ได้ เดินปกติก็ได้ ทำไมต้องมาโอบเอว เอียงหน้ามาซุกหัวผมแล้วก็พาผมเดินออกจากออฟฟิศ นายมือโปรเคยอายอะไรบ้างมั้ยวะครับ!



#### @ D A W N  #####

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-12-2015 23:28:23 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
«ตอบ #397 เมื่อ10-12-2015 23:07:27 »

มื้อบ่ายแก่ๆ ของนายมือโปร เกิดขึ้นที่ชั้นใต้ดินของผับครับ เขาบอกที่ดุสิตไม่มีอะไรต้องเคลียร์วันนี้  ทาวน์ อิน ทาวน์ พี่แนนก็จัดการให้เซ็นงานตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว เขาเลยมีเวลามาทำงานในฐานทัพของเขาเอง ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาเอาอะไรอุ่นใจเวลาซุกชีวิตไว้ที่นี่ แต่ถ้าถามผม ผมว่าโซฟานุ่มดีครับ ใหญ่ด้วย
“มาแล้ว มาแล้ว” ของกินของเขาแหล่ะครับ นายมือโปรทำเอง กินเอง อ่อ เขาทำเผื่อผมด้วย เป็นต้มยำทะเลรวมตระกูล ใส่วุ้นใส่หยิบมือทารกครับ
“หอมมั้ย กินสิ อร่อยนะ”

“ก็วินอิ่มแล้ว”

“อา น่าเสียดายนะ อร่อยมาก พี่กล้าบอกเลย ไอ้หนึ่งไอ้นำติดใจเป็นแถว”
“ปกติไม่ทำให้ใครกินหรอกนะ”

“แล้วตอนไม่ปกติ ทำให้ใครกินบ้างครับ”

“ก็ไอ้หนึ่งไอ้นำไอ้พีช” อ่อ แกงค์เขานี่เอง แหย่เพิ่มได้มั้ยวะ

“แค่นี้หรอครับ พี่ดร.โจ้ล่ะ”

“รายนั้นเขาไม่กินเผ็ด ไม่ทำให้กินหรอก กินอะไรก็บ่นกลัวอ้วน กลัวคอลเรสตอรอลพุ่ง”

“แล้วลูกแพร์”

“.................” หรือว่าผมจะเหยียบเล็บขบจระเข้เข้าแล้ววะ?
นายมือโปรหันหน้ามองผม ขมวดคิ้วใส่ แล้วก็ปลิ้นรอยยิ้มให้ดู พร้อมกับบอกว่า “รายนั้นไม่ใช่สายแดกครับ”
เฮอะ! ปกป้อง
สุดท้าย ผมก็ต้องกินต้มยำรวมโคตรทะเลอยู่ดีแหล่ะครับ เพราะนายมือโปรบอกว่า ของดีให้รีบกิน เย็นนี้ไม่ทำกับข้าว ดีไม่ดีอาจจะค้างที่ชั้นใต้ดินนี้ก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเขานอนที่ไหน ผมก็ต้องนอนที่นั่น เว้นเสียแต่ว่าผมจะดื้อด้านโบกแท็กซี่กลับบ้านเอง ส่วนรถเหลือแป๋นของผม ผมขอจอดยาวๆ ไว้ที่โรงแรมป้าสุนานแล้ว ซึ่งคำตอบของผมก็คือ ไม่ครับ ผมจะเป็นนกเอี้ยงเกาะเขาอยู่แบบนี้แหล่ะ
ตกค่ำเข้าหน่อยก็งานเข้าครับ เมื่อเพื่อนป.โท ที่มีอาจารย์ที่ปรึกษาไอเอสคนเดียวกันโทรบอกผมว่า อาจารย์แกตารางสำหรับการสอบปิดเล่มมาแล้ว ผมเช็คอีเมลล์แล้วก็เจอตารางที่ว่านั่น การสอบปิดเล่มของผมกระชั้นมากครับ นับวินาทีนี้ด้วยก็คือ 1 เดือน ชิบหาย! ทำไม่ทันดิวะแบบนี้
ผมเครียดหนักและส่งข้อความหาไอ้โอมทางเฟสบุ้ค ห่านี่เหมอืนสิงอยู่ในอินเตอร์เน็ต ตอบข้อความปุ๊บปั๊บมาก และมันก็คงร้อนใจ ถึงขั้นโทรกลับมาหาผม
“เอ้ย! มึง ยังไงแล้วของมึงเนี่ย” ผมถามด้วยความห่วงเพื่อน แต่มันกลับทำเสียงเนือยๆ ตอบกลับมาว่า ‘ไม่เอาแล้ว จบเทอมหน้าก็แล้วกัน’ เอ้ย! ทำไมมันตัดใจง่ายจังวะ หลักสูตรเขา 2 ปีมึงสละเวลาเรียนกันได้ พอให้ค้นคว้าอิสระด้วยตัวเอง 4 เดือน มึงจัดการกันไม่ได้แล้วก็ถอดใจแม่งเลย ผมไม่เห็นด้วยที่สุด พยายามตะล่อมให้มันกัดฟันลำบากวันนี้ ดีกว่าลากยาวต่อไปอีก เรื่องเงินไม่ใช่ประเด็นที่ผมหวั่นใจ แต่นิสัยไอ้โอม ผมเกรงว่ามันจะไม่จบในทายที่สุดอยู่ดี
“ของกูเริ่มเก็บข้อมูลไปแล้ว ทำอินเดปท์อินเทอร์วิว มีงล่ะ ให้กูช่วยอะไรมั้ย”
“เออน่า กูจ้างเขาถอดสัมภาษณ์ 8 คน แล้วกูซัมข้อมูล แกะออกมาเป็นตารางคำตอบตามคำถามที่กูถามไป แล้วกูก็ดึงโค้ดมาประกอบ กูมีแนวของกูแล้วน่า มึงล่ะ มึงอ่ะยังไง”
“ให้ไวไอ้โอม” ผมดุเมื่อมันยังยืดยาด ไอ้ห่านี่ต้องเจอของแข็งสินะ เออดี! กูจะฟ้องพ่อ(สมมติ) มึง!
“ก็ฟ้องเฮียมึงจริงๆนะ ถ้ามึงไม่ยอมทำให้จบปีนี้”
“เร็วโอม”
“กลับมาก็กลับมา มึงเอาตัวเองกลับมาสอบปิดเล่มให้ทันได้มั้ยเอางี้ แล้วกูหาคนช่วย”
“กูรู้ว่มันผิด ของมึงมึงก็ต้องทำเอง แต่มึงก็ทำโครงแล้วอะไรแล้ว สอบเปิดเล่มก็ผ่านฉลุย”
“งั้นทำแบบกู มึงจัดกรุ๊ปอินเทอร์วิวที่นู่น ส่งเทปมา เดี๋ยวกูจ้างคนถอดคำให้ แล้วมึงสร้างตารางข้อมูลมึงไว้ จะได้จัดคำตอบเข้าชุดคำถาม แค่นี้ก็ได้ข้อค้นพบ”
“เอามั้ยมึง กูช่วยมึงได้เท่านี้นะ”
“เร็วโอม”
“โอมมมม ขอร้องล่ะ”
“มึงเอาให้จบปีนี้แหล่ะ จบด้วยกัน”
“โอม มึงเสียเวลาเรียนมาเกือบ 2 ปี มึงแค่ติดตีนหมาเอง เอากะกูสิ ไม่ใช่ เอาตามที่กูทำนี่แหล่ะ”
“โอม โอม โอม!” ตัดสายไปแล้วครับ ผมถอยหายใจ ปาโทรศัพท์ทิ้ง นึกถึงความล้มเหลวของต่อมพยายามของเพื่อนอย่างฮึดฮัดขัดใจ

“อะไรหรอวิน เสียงดัง” นายมือโปรครับ เขากลับมาจากผับด้านบนแล้ว คงได้ยินเสียงผมช่วงหัวเสีย มาก็ดีเลย พ่อ(ปลอม)ไอ้ห่าโอม! ผมขมวดคิ้วใส่เขาราวกับเขากับไอ้โอมมีจิตวิญญาณเดียวกัน
“ไอ้โอมของพี่โป๊ะนั่นแหล่ะ กวนส้นตีน แม่งไม่ยอมทำไอเอสแล้ว บอกจบปีหน้าก็ได้ เหี้ยเหมือนใครวะ!”

“เอ้า เอ้า พาลนะ แล้วไอ้คำว่าเหี้ยเนี่ย ถ้าไม่เกี่ยวกับพี่ก็ไม่ต้องโยนมาบ่อย มีหลายฟาร์มแล้ว”
“เล่าดีๆ”

ก็ได้! ผมไม่ได้กลัวอะไรเขาเลยนะ
“ก็ไอ้โอมอ่ะ มันบอกว่ามันไม่เร่งทำไอเอสแล้ว เร่งยังไงก็ไม่ทัน ก็เลยจะไปจบปีหน้า”
“พี่โป๊ะดูมันดิ ทำงี้ได้ไง”

“ก็ตัวมัน”

“ตัวมันก็ใช่ แต่แบบ...พี่โป๊ะดูดิ ดูดิ”
“ไรวะ แม่งก็เรียนมาด้วยกัน ทำงี้แม่งเหี้ย แย่ หนักชาติหนักแผ่นดิน ตระกูลแม่งต้อง”

“วิน วิน”
“ใจเย็นนะ ที่ได้ยินมีแต่พี่ ไอ้โอมไม่ได้ยินหรอก แล้วนี่ก็เรื่องของโอมคนเดียว ไม่เกี่ยวกับน้ำหนักรวมของชาติของแผ่นดิน แล้วตระกูลมันก็คงไม่รู้เรื่องอะไรด้วย”
“โอเคนะ พี่รู้เรื่องแล้วว่าโอมมันคงทำไอเอสไม่ทันจบปีนี้ วินก็เลยอารมณ์เสีย”

“วินไม่ได้อารมณ์เสียเพราะมันไม่จบพร้อมกัน วินอารมณ์เสียเพราะมันยังไม่ได้พยายามเลย”
“มันแค่รู้ตารางสอบปิดเล่มวิน แล้วก็ประมวลแผนตัวเองแล้วก็คิดว่าคงไม่ทัน มันบอกจะให้กลับไทยเพื่อให้ทันทำไอเอส มันเหตุผลประหลาด ไร้ตรรกะ”
“พี่โป๊ะดูมันดิ!”

“ก็มันทำไม่ทัน วินจะให้มันทำยังไง หรือวินจะช่วยมันทำ มีเวลาพอหรอ?”

“ไม่พอหรอก วินก็ต้องติดตีนหมาเหมือนกัน”

“โอมมันก็คงคิดเหมือนกัน มันถึงได้วางแผนของมันเองว่ามันทำตามจังหวะของมัน และน่าจะจบปีหน้า”

“..................”

“ใจเย็นลงรึยัง? หือ? โกรธแล้วแผ่รังสีมากเลย"
"พี่เข้าใกล้ได้รึยังครับเนี่ย” ผมถอนใจเพื่อบรรเทาความเกรี้ยวกราด จากนั้นก็พยักหน้ารับให้กับคำถามสุดท้ายของนายมือโปร
ก็เพิ่งรู้ครับว่ามันแปลว่า เขาขอกอด แล้วผมก็อนุญาต
นี่ผมกับเขาสื่อสารกันด้วยภาษาอะไรกันอยู่?

“อึดอัด” ผมบ่น พยายามแงะวงแขนที่โอบต้นไม้ใหญ่มิดของเขาออกไป อยากถามเหลือเกินว่าไม่รู้สึกว่ากอดมันล้นเกินวัตถุในอ้อมกอดรึเปล่า

“อบอุ่นต่างหาก” นายมือโปรเถียง เขาเกยคางไว้บนหัวผม พาผมโยกตามจังหวะเนิบนาบครู่หนึ่งก็ดันตัวออกห่าง
“ไปดื่มอะไรมั้ย? หรือจะนอนก่อนก็ได้ หรืออยากกลับบ้านไปทำไอเอส เดี๋ยวพี่ไปส่งแล้วค่อยมานี่อีกที”

“ทำไมพี่โป๊ะต้องกลับมาที่นี่อีกล่ะครับ มีธุระหรอ? หรือว่ามีใครเหมาร้านอีก”

“ไม่ใช่ธุระหรอก” นายมือโปรบอกแล้วเดินหยิบโทรศัพท์มือถือ หยิบกุญแจรถ กระเป๋าสตางค์ที่เขาวางไว้คนละจุดในห้องนี้ พอได้ทุกสิ่งที่ต้องการแล้วก็มาหยุดยืนตรงหน้าผมอีกครั้ง
“ไอ้พวกนั้นมันนัดกันพอดี”
“ขาดพีชคนเดียว พี่เลยว่าจะดื่มกับพวกมัน นานๆ ไอ้หมอมันจะขอปรับทุกข์” ไอ้หมอ...คงเป็นพี่นำ ขาดพีชคนเดียว งั้นคืนนี้ก็คงมีพี่ผู้นำกับพี่ที่หนึ่งมาดื่มกับนายมือโปรสินะ ผมไปนอนบ้านดีกว่า แกร่วอยู่ที่นี่ก็เสียเวลาเปล่า
“งั้นวินกลับบ้านดีกว่าครับ”

“โอเค เดี่ยวพี่ไปส่งวินก่อน”
“รอที่รถนะ ไปบอกพวกมันก่อน เดี๋ยวโดนงอนอีก”

“ครับ” ผมรับคำแล้วก็เดินขึ้นบันไดของชั้นใต้ดินเพื่อไปโผล่ที่หน้าห้องครัวของผับ เพื่อจะแซะตัวเองออกประตูข้างๆ ร้าน แต่พรหมลิขิตของผมทำงานหนักมากครับ

“วิน”

“พี่รุตต์”
“เฮ้ย! มายังไงครับเนี่ย หรือว่าเลี้ยงส่ง”

“อื้อ เพื่อนเลี้ยงส่งน่ะ นัดกันไม่กี่คน”
“วินล่ะ”

“อ่อ ที่นี่ผับพี่โป๊ะเขาน่ะครับ เรามาทำงานกันที่นี่ แต่วินจะกลับบ้านแล้ว พี่โป๊ะเขานัดเพื่อนไว้”

“แล้วกลับยังไง”
“เอางี้ พี่ไปส่ง”

เอ้อ...ผมดูไร้ศักยภาพในการเดินทางด้วยตัวเองหรอเนี่ย? มีแต่คนอยากไปส่ง

“วิน วินใช่ป่าวเนี่ย” ผมหันมองอีกเสียงที่ทักถาม ใบหน้าเรียวเล็กขาวจัดโผล่มองผม ส่วนตัวซ่อนอยู่กับผนัง

“คุณเจม”

“เอ้ย! ดีเลย เบื่อฟังพวกพี่หนึ่งคุยกันแล้ว มานั่งคุยกับวินดีกว่า”
“เอ่อ หรือว่ามีธุระ”

“อ๋อ....ไม่มี เดี่ยวผมตามไป คุณเจมนั่งโต๊ะไหนหรอครับ”

“ด้านในเลย โซนกลางหนวกหู ตามมานะ”

“โอเค” ผมตอบรับแล้วส่งยิ้มให้ จากนั้นก็หันมองหน้าพี่รุตต์อีกรอบ อาจารย์ตัวเทนประเทศส่งยิ้มให้อย่างเข้าอกเข้าใจ ทำมือไม้ให้รู้ว่าค่อยโทรคุยกันก็ได้ แล้วก็เดินหายไปท่ามกลางฝูงชนอันหนาแน่น
ผมวิ่งกลับไปห้องใต้ดินอีกครั้ง เจอนายมือโปรกำลังสาละวนอยู่ที่ซิงค์ล้างจาน ผมก็เลยบอกธุระตัวเองทันที ก็เขาไม่ได้ใช้หูล้างแก้วนี่นา
“พี่โป๊ะ”

“อืม ว่า”

“วินนั่งอยู่กับคุณเจมนะ”

“อ้อ ตายห่า จิ้งจก 2 ตัวคุยกันคงงุ้งงิ้งน่าดู”

“จิ้งจกก็ดีกว่าตัวเหี้ยล้อมวงแหล่ะน่า”

“ปากกกกก!!!” เขาไม่โกรธหรอกครับ เท่าที่รู้จักกันมา ถ้านายมือโปรโกรธ สัญญาณแรกที่ส่งมาเตือนคือความเงียบ

การคุยกับคุณเจมสนุกมากครับ ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ปากคมกว่าปากกาหัวตัดเบอร์เล็กมากๆ
แต่ละคำที่สรรหามาเล่าเรื่องพี่โป๊ะก็สุดจะฮา แต่ผมก็เห็นด้วยทุกอย่างเลยนะ นี่ก็หัวเราะจนท้องแข็งแล้วด้วย
“แต่ว่า พี่โป๊ะดีกว่าพี่หนึ่งกว่าพี่นำอยู่เรื่องนึงนะ” เรากำลังคุยกันเรื่องในแกงค์ลุงๆ นี้ ใครดีใครเด่นเรื่องอะไรบ้าง คนให้คะแนนและตัดสินแบบชี้ชัดก็คือคุณเจมที่แสนยุติธรรมครับ

“มีด้วยหรอครับ วินว่าพี่โป๊ะต้องห่วยกว่าพี่หนึ่งพี่นำทุกด้านแหล่ะ”

“ไม่ๆๆๆ เรื่องนี้อันดับ1”

“เรื่องอะไรหรอ?” ผมทำหน้าอยากรู้สุดชีวิต คุณเจมก็หัวเราะคิกคักเหมือนรอไม่ไหวที่จะตอบข้อสงสัย เราเข้ากันได้ดีจริงๆ ครับ ผมรู้สึกเหมือนคุยกับเพื่อนที่สนิทกันมานาน

“จมปลัก”
“เจมไม่ได้ด่าว่าพี่โป๊ะเป็นควายนะ”
“แต่พี่โป๊ะจมปลักมากเรื่องความรัก”
“จนป่านนี้ พี่หนึ่งยังไม่กล้าฟันธงเลยว่าพี่โป๊ะลืมความรักกับคุณลูกแพร์รึยัง”

“อ่อ”

“แล้ววินทำงานกับพี่โป๊ะ เป็นไงมั่ง”
“มีทีท่ากับสาวไหนมั่งมั้ย”

“อ่อ.... ก็ไม่มีนะ”
“ที่ติดต่อกันประจำก็คือพี่โจ้ที่วินเคยบอกนั่นแหล่ะ”
“แต่เขาก็ยืนยันว่าเพื่อนกัน”
“มีอะไรรึเปล่า”

“อ่อ อยากเอาคืนนิดหน่อยน่ะ”
“รู้มั้ย ตอนที่พี่หนึ่งบอกพี่โป๊ะว่าคบกับเจมนะ โวยวายอย่างกับเมียมีชู้ ก็แค่เพื่อนสนิทกัน มาทำหวงใส่ คิดแล้วแค้นไม่หาย ทำเจมเครียดหลายเดือนเลย”
“มีการลากพี่หนึ่งไปดื่มกับสาวๆ แล้วก็ถ่ายรูปส่งมาให้ดู”
“ดีนะที่เจมเป็นคนมีสติ”
ผมอยากอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยจริงๆ เลย อยากรู้ว่าคนมีสติตอบโต้แบบไหน อยากเห็นตอนพี่โป๊ะหวงเพื่อนด้วย คงตลกจนน่าเตะ

“แล้วเจมทำไงหรอ” ผมถาม และเรียกคู่สนทนาตามที่ถูกบังคับแกมขอร้องให้เรียก เราอายุห่างกัน 1 ปีกว่า แต่คุณเจมบอกว่าไม่ชินกับการเป็นพี่ใคร แต่มีธามเรียกพี่เจม พี่เจม ก็มากพอแล้ว

“จะทำไง ก็ถ่อไปดูให้เห็นกับตา แล้วก็ลากพี่หนึ่งกลับ แต่สุดท้ายก็ได้เคลียร์กันตรงๆ แหล่ะ”
“ถ้าไม่นับเรื่องความประสาททางอารมณ์กับเรื่องที่อ่อนไหวแล้ว พี่โป๊ะก็เป็นพี่ที่ดีมากคนนึงเลยนะ ยิ่งกับธาม ยิ่งโคตรตามใจ”
“แล้วพี่โป๊ะตามใจวินมั้ย”

“อื่มมมมม”
“ก็ขัดใจบ้าง แต่ก็มีเหตุผลนะ”

“แล้ววินตามใจพี่โป๊ะมั้ย”

“เฮ้ย! วินไม่มีอะไรที่ต้องตามใจพี่โป๊ะนี่”
“แบบว่า ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะตามใจหรือไม่ตามใจกันแล้วเป็นเรื่องสำคัญอะไร เอ่อ งงมั้ย เข้าใจวินใช่มั้ย”

“เข้าใจ จะบอกว่าไม่ได้สนิทกันถึงขั้นที่การตามใจหรือไม่ตามใจมีผลอะไร ใช่มั้ยล่ะ”

“อื้ออื้อ”

“แต่เท่าที่มอง แล้วก็ฟังจากพี่หนึ่งนิดหน่อย”
“เจมว่าพี่โป๊ะชอบวินนะ”

เหี้ย! ทำไมมีคนมองเรื่องนี้ทะลุด้วย
ใช่ เขาชอบผม แม้ผมจะไม่อยากยอมรับง่ายๆ ก็เถอะ
เรื่องนี้ผิดที่พี่โป๊ะที่แสดงออกอะไรโฉ่งฉ่าง นี่พวกเพื่อนเขาเข้าใจไปไหนต่อไหนแล้วรึเปล่า เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับนายมือโปร ผมกับเพื่อนพี่หนึ่งพี่นำไม่ได้เป็นอะไรกันนะ แค่ทำงานด้วยกัน เป็นหุ้นส่วนธุรกิจเฉยๆ

“ชะ...ชอบ”
“มองว่าพี่โป๊ะชอบวินกันหรอ”
“ไม่หรอก ก็..ก็ทำงานด้วยกัน”
“อีกอย่าง วินเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจด้วย แบบว่าวินถือหุ้นไง เขาก็ไม่อยากขัดใจ อาจจะไม่อยากมีเรื่องกับ...กับบ้านวิน”

“คิดซับซ้อนจัง”
“พี่โป๊ะไม่ซับซ้อนขนาดนั้นหรอก รอยหยักไม้ได้ดูเยอะเลยนะ”

ฮ่าๆๆๆ เจมตลกอีกแล้ว
“เอาเป็นว่า พี่โป๊ะไม่ได้ชอบวิน แบบไม่ได้ชอบเชิงแบบ..แบบ”

“คู่รัก”

“อื้อๆๆ ไม่ได้ชอบแบบว่าจะรักกันหรอกครับ คงเป็นมิตรด้วยเฉยๆ”
“อีกอย่าง วินก็ไม่ได้เป็น”

“ไม่ได้เป็นเกย์”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่เป็นไร เจมก็ไม่ได้เป็น พี่หนึ่งเป็น”
“วินก็ไม่ต้องเป็นหรอก ให้พี่โป๊ะเป็น” แล้วก็หัวเราะร่วนเลยครับ ผมทั้งงงทั้งขำ ก็เลยหัวเราะไปกับเจมด้วย คนอะไรก็ไม่รู้ สว่างชะมัดเลย
เราดื่มกันต่อแล้วก็คุยเรื่องอื่นกันจนเพลิน ส่วนใหญ่เจมจะเป็นคนเล่าเรื่องนั้นนี้ให้ฟัง ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้ชายที่ทำตัวธรรมดาที่สุดคนนี้ ถึงได้เป็นที่รักของคนที่ดูไม่ธรรมดาที่สุดอย่างพี่ที่หนึ่งได้
เป็นผม ผมก็รัก
บางที การรัก อาจไม่ได้ต้องการความเหมาะสมหรือการเติมเต็มให้กันในทุกๆด้าน
การรัก การมีความรัก อาจต้องการแค่ความเหมาะกันในส่วนใดส่วนหนึ่ง เติมเต็มให้กันในรูโหว่ใดรูโหว่หนึ่ง ก็เท่านั้น

“ไง เที่ยงคืนกว่าแล้วเจม กลับรึยัง” พี่ที่หนึ่งเดินมาตามแฟนแล้วครับ เขาส่งยิ้มให้ผมแล้วเดินมากอดอกกดหน้ามองแฟนตัวเอง
“ว่าไง”

“พี่หนึ่งเสร็จแล้วหรอ”

“พี่จะเสร็จกับคนอื่นได้ไง”

“ลามกทำไมเนี่ย อายวินมั่งเหอะ!”

“ฮ่าๆๆๆ วินไม่ถือเนอะ คิดซะว่าพี่กรึ่มๆ ปกติพี่เป็นคนดีนะ ดีกว่าที่เห็นตอนนี้”
“หมาเจม กลับกันได้แล้ว ลาวินให้เรียบร้อยนะ พี่รอที่รถ”

“อยากมาก็ลากมา คุยกันเสร็จก็กลับ”
“แล้วพี่นำล่ะครับ หรือพี่นำค้างที่นี่”

“ไอ้โป๊ะมันไม่ให้ค้างหรอก มันหวงรังมันจะตาย ไม่รู้ซ่อนลูกหมาที่ไหนไว้” แล้วเหล่ผมทำไมล่ะครับ?
“กลับไปนอนห้องเราเถอะ” คนหล่อพูดแล้วก็หาว คนห่าอะไรวะ หาวยังดูดี ปากได้รูปวงรีแบบตั้งตรงเชียว

“โอเค กลับ เจมก็ง่วง” นี่ก็หาวตามแฟน ผมหัวเราะขณะมองพวกเขาแสดงความเป็นตัวของตัวเองที่น่ารักระหว่างกัน เจมลุกตามแรงดึงของพี่ที่หนึ่ง เขาโบกมือลาผมแล้วก็ทำท่าโทรศัพท์แนบหู คงอยากบอกว่าไว้ค่อยคุยกันใหม่ล่ะมั้ง ไม่ต้องห่วงครับ เราแลกเบอร์กันแล้ว แอดไลน์ แอดเฟสด้วย เรียกว่าคุณเจมมีคอนแทคผมทุกช่องทาง ตอนให้ไปก็ประหลาดใจเหมือนกันว่าเขาแงะรูจากประตูบานไหนเข้ามาในโลกของผม แต่ผลสรุปก็คือ ผมคิดว่าผมมีเพื่อนเพิ่มอีก 1 คนแล้วครับ

“วิน”
“ง่วงล่ะสิ ตาเยิ้มเลย หรือว่าเมา”

“ไม่เมาครับ” ผมตอบแล้วยิ้มให้ นายมือโปรลูบหัวแล้วโน้มตัวมองใกล้ๆ

“ตาฉ่ำขนาดนี้ยังจะเถียง”
“ค้างนี่ก็แล้วกันเนอะ” ผมนึกถึงคำพูดพี่ที่หนึ่งที่บอกว่าเขาหวงรังเขาจะตายขึ้นมาทันที เหี้ยหวงรังตัวนี้อยากกกผมหรอ?

“พี่โป๊ะ หวงห้องที่นี่ไม่ใช่หรอครับ พี่หนึ่งพูด”

“อื้อ ก็หวงดิ กลิ่นใครก็กลิ่นมัน”

“แล้วชวนวินนอน”

“ก็วินพิเศษ”
“พี่ชอบวินไง”
“กับวิน ได้หมดเลย”

“พิเศษกว่าลูกแพร์มั้ยครับ”

“...............”

“ไม่ตอบ แปลว่า...”

“ไม่ตอบไม่ได้แปลว่าอะไร ไม่ตอบเพราะกำลังแปลกใจว่าทำไมวินพูดถึงเขาบ่อย”
“หึงคนตายไปแล้วหรอ”

“บ้า ไม่หึง หึงทำไม วินไม่ได้เป็นอะไรกับพี่โป๊ะ”

“หึงก็ได้ แต่อย่าคิดร้ายกับคนที่ตายไปแล้วเลยนะ”
“ไม่ดีกับใจวินด้วย”
“ปล่อยเขา แล้วเราก็เดินข้างกันไปดีกว่า”

“ปล่อยเขาไว้ข้างพี่โป๊ะ แล้วก็เดินเคียงกับพี่โป๊ะไปอีกข้าง พูดแบบนี้น่าจะถูกกว่านะครับ”

“วิน”
“ทำไมต้องทำเรื่องลูกแพร์เป็นเรื่องใหญ่ด้วย”
“ถ้าจำไม่ผิด วันที่วินเจอพี่ครั้งแรก แพร์ก็ไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วด้วยซ้ำ”

“โอเคครับ ไม่พูดก็ไม่พูด จริงๆ แล้วความรู้สึกของพี่โป๊ะที่มีให้เขา ก็ไม่เกี่ยวกับวินเลย”

“คิดแบบนี้ได้ก็ดี วินก็ส่วนวิน แพร์ก็ส่วนแพร์”

แต่มนุษย์คนนึง มีความรัก 2 ส่วนได้หรอ?
นายมือโปรเป็นคนจมปลัก
แล้วผม ควรจมไปกับคนที่ยืนจมปลักหรอ?

“วินไม่นอนที่นี่นะครับ วินจะกลับบ้าน”

“โอเค”

“วินกลับเองได้”

“แต่”

“เราต่างคนต่างอยู่บ้างก็ดีนะครับ” ผมดันแก้วเหล้าที่ถือคามือให้ห่างออกไป ขยี้ตาตัวเองที่รู้สึกเคืองๆ ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้แล้วก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ซึ่งก็สูงน้อยกว่าเขาอยู่ดีแหล่ะครับ

“เราต้องอยู่ใกล้ๆ กัน”
“พี่ห่วง พี่หวง พี่ชอบ พี่รัก พี่ก็บอกก็แสดงออกทุกทาง”
“โอเค วินไม่ตอบรับอะไรพี่ แต่ตราบใดที่วินไม่ไล่พี่ไปไหน ไม่ปฏิเสธพี่เด็ดขาด พี่ก็คิดว่าพี่มีสิทธิ์จะอยู่ใกล้วินไปเรื่อยๆ”
“มันอาจเห็นแก่ตัว ในกรณีที่วินไม่ได้ชอบพี่เลย”
“แต่พี่ไม่รู้สึกว่าวินไม่ชอบพี่”
“ที่พี่รู้สึก คือวินก็ชอบพี่เหมือนกัน หรือว่าไม่ชอบ พูดตรงนี้เลยครับ”

“วิน......” ไม่ชอบ ผมควรพูดแบบนี้ จะได้ปิดรูโหว่ที่เปิดทางให้แสงสว่างเล็ดรอดมาสู้กับความมืดไปเสีย
“วินไม่....” ไม่ชอบ ผมควรพูดแบบนี้ เขาจะได้ถอยหลังห่างออกไป
“วินก็ชอบพี่โป๊ะ”

“แล้วเรื่องของเรา ยากตรงไหนครับ”

“ก็คงยากตรง วินไม่เชื่อในความรัก”

“พี่จะเชื่อให้เอง วินไม่ต้องเชื่อความรัก เชื่อพี่ก็พอ”

ผม....เชื่อเขาได้ ใช่มั้ยครับ?

Tbc


กลับมาแล้วค่ะ >,<
จำเราได้มั้ย? นี่เราเอง เราไง แฮ่ๆๆ
หวังว่าจะจำพี่โป๊ะกันได้ และยังไม่ทิ้งนางไปนะคะ อย่าใจร้ายกับพี่โป๊ะเหมือนน้องวินเลย (เอ๊ะ?)
ใกล้จะปีใหม่แล้ว งานเข้ามากมาย สปีดการเขียนเลยต่ำลงอย่างมากมาย หวังว่าผู้อ่านจะเข้าใจนะคะ
สวัสดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-12-2015 23:20:36 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
«ตอบ #398 เมื่อ11-12-2015 01:47:02 »

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
«ตอบ #399 เมื่อ11-12-2015 06:46:51 »

คนเขียนมาแล้ววววว คือคู่นี้เค้าหน่วงมากอ่ะ  T_T  แต่เจมน่ารัก ถึงขั้นตีสนิทวืนได้นี่ อัธยาศัยดีน่าดู พี่รุตต์ก็น่าสงสาร อยากให้นางได้มีคู่ของนาง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
« ตอบ #399 เมื่อ: 11-12-2015 06:46:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
«ตอบ #400 เมื่อ11-12-2015 08:02:00 »

พี่โปรมาแล้ววววววว เฮียแกมาแล้ว
เฮียแกหายไปนานมว๊ากจริงๆ
ปรบมือต้อนรับหน่อยซิ :katai2-1:
พี่โป๊ะจะชนะใจน้องวินยังไงอยากรู้มาก
เจองานหินอ่ะ สมหน้า  :m20:
มาต่อบ่อยๆนะคะคนเขียน
รออ่านตอนต่อไปค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
«ตอบ #401 เมื่อ11-12-2015 08:45:22 »

“เมื่อมีคนปูทาง วินก็ต้องเดิน”
“ต่อให้อยากนั่งนิ่ง หยุดพัก หรือต่อให้เท้ายังไม่ใหญ่พอจะใส่รองเท้าที่คนเตรียมไว้ให้ ไม่ว่าจะมีข้ออ้างอะไร วินก็ต้องเดิน”
“คนอื่นเขาพร้อมเดิน แต่ทางแคบ ขรุขระ ไม่มีรองเท้าบ้างล่ะ พิการบ้างล่ะ ทางขาดบ้างล่ะ พวกเขาก็ต้องเดิน”
“วินไม่ได้เกิดมาให้อาสุเลี้ยงจนอาสุตายแล้ววินก็ตายตามซะหน่อย”
“เดินให้ทันพี่นะ”
“เดินข้างๆ กันไปนี่แหล่ะ พี่จูงไปเอง”
“แต่ต้องเดิน”

ชอบตรงนี้มากกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
«ตอบ #402 เมื่อ11-12-2015 09:42:49 »

เปิดใจให้กันแล้วก้าวไปด้วยกัน มันอึมครึมมานานตอนนี้คล้ายๆต่างคนก็ต่างก็เริ่มจะทำตามที่ใจปราถนาบ้างแล้ว ถึงแม้จะสงสารพี่รุตต์แต่เรื่องของหัวใจเข้าใจนะว่ามันสั่งกันได้ยาก  :L2:

ออฟไลน์ sunakai

  • *~CrAzY_KiLL~*
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
«ตอบ #403 เมื่อ11-12-2015 16:08:50 »

อย่าให้เจอนะวินจะจับตีก้นซักที...สะกิดจังเลยแผลเก่าเค้าน่ะ เดี๋ยวเหอะ เปิดแล้วปิดให้สวยๆ นะ  :z13:

ตอนนี้สงสารเหี้ยหนักมากกกก โดนเปิดแผลตลอด เคลียร์เลยค่ะพี่โป๊ะ ชัดเจนไปเลย เคลียร์แล้วตีก้นเด็กดื้อแทนสักสองสามเผียะ จักเป็นพระคุณ !!   :oo1:

ปูลู : หมาเจมมาด้วยล่ะหมาเจ๊มมมมม มีซีนเยอะด้วย น่าร๊ากกกก คิดถึงงงง เชื่อเจมเหอะนะวินน่ะคิดซับซ้อนไป พี่โป๊ะไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้นหรอก ...ว่าแล้วก็ไปเปิดเล่มหมาเจมอ่่นแก้คิดถึงดดีกว่า แล้วมาอีกน๊าาา เอาน้องธามมาด้วย ^^

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
«ตอบ #404 เมื่อ11-12-2015 18:20:52 »

 :pig4: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ MENTA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
«ตอบ #405 เมื่อ13-12-2015 17:35:52 »

เปิดใจให้กันซะทีนะ พี่โป๊ะก็ทำให้น้องวินเชื่อใจเร็วๆนะ

ออฟไลน์ iimayuworld

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
«ตอบ #406 เมื่อ18-12-2015 02:31:11 »

คู่นี้หน่วงอ่ะ แต่ในความหน่วงก็แฝงไว้ด้วยความหวานนะ   :o8: :-[

คิดถึงหมาเจมมั่กๆ ออกมาเยอะเลยดีใจจัง แล้วเจมเก่งอ่ะเป็นเพื่อนกับวินได้ด้วย ชนะเลิศคร้า

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ มาส่องบ่อยๆเลย ชอบเรื่องนี้มากค่า  :L1: :L1:


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
«ตอบ #407 เมื่อ18-12-2015 03:18:34 »

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ milkteabeige

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
«ตอบ #408 เมื่อ22-12-2015 16:39:37 »

โอ๋ยยยยย ขยี้ตา 2 ที!

คุณขาาา เขาบอกชอบกันโต้งๆ แล้วววว
ข้อดีของวินหนึ่งข้อคือเป็นคนตรง รู้สึกยังไงก็พูดแบบนั้น

ข้อดีของพี่โป๊ะหนึ่งข้อนอกจากที่น้องเจมบอกคือเป็นคนตรง คิดยังไงก็พูดแบบนั้น
มันเลยโป๊ะเช๊ะแบบนี้ไง โหยยย นี่ลุ้นอยู่นานมากกก >_<

อย่างที่น้องเจมบอก เหมือนพี่โป๊ะเป็นมนุษย์ที่ไม่คิดซับซ้อน
ต่างจากวินที่โคตรซับซ้อนเลย พี่โป๊ะต้องพยายามมากกว่านี้อีกน้าาาา

ปล. พี่รุตต์ยังคงเป็นพระรองนัมเบอร์วันที่ดีมากๆ อยู่เช่นเดิม และน้องเจมยังเป็นคนธรรมดาที่สว่างไสวเช่นเดิม
#ทีมน้องเจม #รักน้องเจม กิกิ

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
«ตอบ #409 เมื่อ01-01-2016 17:44:06 »

Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 28


เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์
แน่นอนว่าเสียงโทรศัพท์ที่ควรจะดังตามปกติ กลายเป็นเสียงไม่ปกติสำหรับบ้านไม้ริมแม่น้ำของผมแล้วครับ เพราะใครก็น่าจะรู้ ผมงัดตัวเองขึ้นจากหมอนด้วยความไม่เต็มใจ พลิกตัวได้ก็เตะซากร่างคนคนหนึ่งที่นอนเกยทับผมอยู่เหมือนเมื่อเช้าวันก่อน

“พี่โป๊ะ ลุก หนัก”

“อื้อ ขออีกนิด” นิดห่าเหวอะไรอีก ลุกเว้ย! ผมถีบๆ ดันๆ ร่างเขาออกจากตัวผม อยากรู้เหมือนกันว่าเขากอดกกผมสภาพไหน ทำไมมันถึงได้หลุดยากเย็นขนาดนี้ พอหล่นตุบลงข้างเตียงได้ก็ต้องวิ่งลงไปชั้นล่าง เพื่อรับโทรศัพท์ที่ยังคงเรียกหาผมไม่หยุดครับ และเมื่ออีก 2 ก้าวกระโดดก็จะถึงที่หมาย เสียงโทรศัพท์ก็หยุดลง
ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย
แบบนี้มันโคตรยิ่งกว่าโคตรหงุดหงิด!
ผมเงี่ยหูฟังเสียงโทรศัพท์มือถือ แต่ก็ไม่ได้ยินอะไร แต่ผมเชื่อว่ามันต้องส่งเสียงร้องแน่ๆ ผมอาจจะปิดเสียงไว้ก็ได้ คิดได้แล้วก็ห่วงธุระที่พยายามติดต่อผมทันที แล้วก็โกยตัวขึ้นบันไดไม้ชันๆ ไปยังชั้น 2 อีกรอบ
นี่มีใครเข้าใจว่าผมมีร่างกายที่แข็งแรงและยืดหยุ่นอยู่รึเปล่า ขอปฏิเสธเสียงแข็งไว้ตรงนี้เลยนะครับว่าไม่ใช่งานถนัดเลย

“ครับ ครับอาสุ”
“เดี๋ยวโปรบอกน้องให้ ครับ ได้ครับ”
“วินเขาเข้าห้องน้ำนานนะครับเช้านี้ เมื่อคืนกินเยอะ”
“วินก็สบายดีนะครับ มื้อเช้าก็กินง่ายๆ โปรกำลังฝึกให้ไม่โอ้เอ้ออยู่ แต่กินครบทุกมื้อนะครับ”
“เรื่องประชุมบอร์ดไม่น่าเป็นห่วงหรอกครับ เขาคล่อง”
“ครับ ครับ จะบอกให้นะครับ หรือให้วินโทรกลับดีกว่า อาสุจะได้กำชับน้องอีกรอบ”
“ครับ สวัสดีครับ”
“อ่าว ไอ้ยุ่ง อาสุโทรหาน่ะ จะให้กลับบ้านหน่อย บอกแค่ว่าคุณตาไม่สบาย”
อ่อ หน้าผมคงไร้อารมณ์มาก นายมือโปรถึงได้เดินมายืดแก้มผมเล่นแล้วก็โค้งตัวลงมาสบตากันปิ๊งๆ นี่คนหรือเหี้ยแดกคอลลาเจนที่ไหน ทำไมหน้าใสจัง แต่ไรหนวดชัดเต็มตาเหมือนเดิม
“ไม่ตกใจหรอ” นายมือโปรถามอย่างสงสัยในท่าทางนิ่งๆ ของผม

“ไม่ครับ คุณตาก็ป่วยอยู่บ่อยๆ แก่แล้ว สุขภาพรวน”

“แต่อาจไม่สบายมาก ไม่อย่างนั้นอาสุจะโทรมาบอกให้วินกลับบ้านทำไม”

“ก็.....” ผมลากเสียงๆ แล้วเดินไปคว้าโทรศัพท์ที่นายมือโปรเพิ่งส่งคืนเตียงนอนมากดๆ ดูปฏิทิน แล้วผมก็ได้คำตอบ
“ใกล้วันเกิดคุณตาแล้ว ปกติที่บ้านจะจัดงานเลี้ยงกัน เพื่อรวมญาติน่ะครับ หลายปีแล้วที่วินไม่ได้ไปเลย ไปหาตอนก่อนวันเกิดเอา ไม่อยากเจอใครเยอะ ลำบากตอบคำถามที้ขาไม่ได้อยากได้คำตอบ”

“แล้ว จะไปมั้ย ปีนี้”
“ไม่ลองโทรหาอาสุก่อนล่ะ อาจจะป่วยจริงๆ ไม่ใช่กุศโลบายเรียกวินกลับบ้าน”

“ก็ได้” ผมเชื่อเขาแล้วโทรหาป้าสุ คุยกันเงียบๆ ง่ายๆ แล้วก็วาง หันมาเจอนายมือโปรยังยืนกอดอกอยู่ที่เดิม เพิ่มมาแค่แนวคิ้วที่ยกตัวขึ้นสู่ที่สูง ฮ่าๆๆ ดูตลกแต่ก็หล่ออยู่ดี

“อ้าว ยังไงล่ะ ไปหรือไม่ไป บ้านน่ะ”

“ต้องไปครับ อาการไม่ค่อยดี”
“แต่คงไม่ไปที่บ้านหรอก ไปหาที่โรงพยาบาลดีกว่า”
“วันนี้ช่วงบ่าย วินลางานนะครับ ต้องแจ้งใครอีกมั้ย”

“แจ้งพี่เนี่ยแหละ”
“ไงก็...ไม่ต้องคิดอะไรมากนะ ตามสบายเลย สิทธิ์วินอยู่แล้ว”

“ขอบคุณครับ” พอผมพูดจบเขาก็ยิ้มให้ เดินมาใกล้แล้ววูบหัว ก่อนจะฉกตัวไปกอดไว้เหมือนอยากปลอบประโลมหมาหลงทาง...ถ้าผมเดาสายตาเขาไม่ผิด น่าจะมองผมประมาณนั้นแหละครับ
แต่ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ถึงคุณตาผมจะแก่ แต่ก็แข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกัน หนึ่งเพราะท่านดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดีมาตลอดชีวิต และสองคือยังหวงสมบัติอยู่ ฮ่าๆๆ ข้อสองนี่พูดเล่นครับ อย่าซีเรียส

“กอดทำไม”

“ก็เสียใจอยู่ หน้าหมาๆ มันฟ้อง”

“เหี้ยตาบอดชัวร์”
“แล้วคุณตาวินก็ไม่ได้ใกล้ตายด้วยครับ หยุดมโนแล้วลงไปทำมื้อเช้าเลย พี่โป๊ะต้องรับผิดชอบ”

“ครับ ครับ คุณหนูวิน” เขาประชดน่าเตะมาก แต่เตะไม่ถึงหรอกครับ ไม่ใช่ขาสั้น แต่ตัวขายาวมันชิงเดินหนีก่อนเท่านั้นแหละ

เช้านี้คือยุคฟูเฟื่องของนายวิณณ์จริงๆ ครับ
รสมือนายมือโปรสมชื่อมาก ติดนิดเดียวคือเขาทำให้ผมกินแต่เขาไม่กินด้วย เขากินแค่กาแฟดำแก้วเดียวระหว่างอ่านหนังสือพิมพ์จากไอแพด หมอนี่เรียนรู้เร็ว รู้ว่าไม่ควรเสร่อสั่งร้านหนังสือพิมพ์ให้มาสั่งประจำที่บ้านผม

พอห่างจากกันบ้าง (เนื่องจากนายมือโปรต้องเป็นคนเก็บล้างจานชามและแก้วที่เราเพิ่งใช้งานสำหรับมื้อเช้า) ผมก็ดูข้อความในโทรศัพท์ตัวเอง และโทรหาพี่รุตต์ ไม่ได้อยากรื้อหรือรั้งความรู้สึกเขาหรอกครับ แต่พี่รุตต์กับคุณตาผมก็สนิทกันดี รักและเคารพกันเหมือนญาติแท้ๆ อีกอย่าง พี่รุตต์ก็จะกลับญี่ปุ่นแล้วด้วย ผมคิดว่าผมบอกเขาตามสมควรนั่นแหละ
“อ่ะ พี่รุตต์ วินเอง”
“อ่อ ครับ” เขาบอกว่ารู้ตั้งแต่เห็นเบอร์แล้ว อย่ามาอวดว่าความจำดีเลย เมมไว้ตลอดก็บอกมาเถอะ โธ่ ผมไม่ได้แหย่เขาหรอกครับ รู้สึกว่าไม่ใช่โอกาส จะกลายเป็นเล่นไม่รู้เวลาซะมากกว่า
“พี่รุตต์ เดินทางวันไหนครับ”
“อ๋อ คือ คุณตาวินอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คงเพราะอากาศเปลี่ยน เดี๋ยวบ่ายนี้วินจะไปหาที่โรงพยาบาลนะครับ พี่รุตต์จะ” ยังพูดไม่จบเขาก็รับปากแล้วว่าจะไปเยี่ยมคุณตาผมที่โรงพยาบาลครับ ส่วนเรื่องกลับญี่ปุ่นก็ประมาณอาทิตย์หน้า ผมรู้สึกโล่งใจที่เขาไมได้ปุบปับกลับไปเพราะผมยืนยันสถานะระหว่างกันว่าไม่มีวันเป็นมากกว่าพี่น้องได้ ถ้าต้องห่างกันไปด้วยเหตุผลนั้น ผมว่ามันไม่โต
“งั้นเจอกันที่โรงพยาบาลประมาณบ่ายโมงนะครับ วินทำงานก่อน”
“หวัดดีครับ” วางหูกันอย่างง่ายดาย ผมรู้สึกขึ้นมาดื้อๆ ว่าพี่รุตต์กำลังพยายามทำสิ่งระหว่างเราให้ต่างไปจากเดิม เขาเองก็คงเบื่อจะเดินตามรอยเท้าตัวเองทุกวี่วัน หากไม่เริ่มเปลี่ยนสิ่งเล็กๆ ก่อน คนเราจะเปลี่ยนแปลงความรู้สึกรักที่เกิดจากความเคยชินได้ยังไง
ดีแล้วสำหรับเขา และก็คงดีแล้วสำหรับผม ที่เป็นคนไม่ยอมเปลี่ยนแปลงจึงต้องพบกับคนที่เปลี่ยนไป

นายมือโปรเดินหิ้วเสื้อสูทมาสมทบผมเมื่อเขาทำตัวเป็นพ่อบ้านเสร็จเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าผมรออยู่ เราก็ไปทำงานตามเวลากัน นายมือโปรคงเคยชินแล้วกับการยื่นนิ้วมาเกลี่ยแก้มผม และผมก็เคยชินจนเลิกปัดป้อง

#### @ D A W N  #####

กว่าจะแงะตัวเองออกจากกาวตราเหี้ยได้ก็เหนื่อยแหละครับ ทั้งที่ผมก็ไม่เข้าใจบทบาทตัวเองนักว่า ทำไมต้องรายงานเขาทุกเรื่อง ทุกการเคลื่อนไหว แต่ผมก็หาเหตุผลมาประกอบทุกการกระทำที่เขาจี้ถาม แม้กระทั่งเรื่องการบอกกับพี่รุตต์ว่าคุณตาป่วย และการนัดหมายกันไปเยี่ยมคุณตาในบ่ายวันนี้
นายมือโปรดูเข้าใจโลกดี แต่ก่อนผมออกจากออฟฟิศที่ทาวน์ อืน ทาวน์มา เขาก็หน้าหงิกใส่ ซ้ำยังไม่ยอมให้ผมกินข้าวก่อนออกมาด้วย ไม่มาส่งด้วย แม้แต่เรียกแท็กซี่ให้ก็ยังไม่ทำ ผมก็เลยใช้วิธีที่ง่ายสุดสำหรับผม คือการขับรถเขามาเลย ปล่อยคลานกลับแม่น้ำเจ้าพระยาเองก็แล้วกัน แม่ง!
ให้รู้ไว้ตรงนี้เลยนะครับว่าผมจะไม่อุตริขับรถคนอื่นที่โคตรไม่ถนัดมือไปไหนต่อไหนแล้ว โคตรจะระทึก!
มาถึงโรงพยาบาลก็เจอพี่รุตต์ที่นั่งรออยู่ที่ร้านกาแฟชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว รายนี้ใจเย็น ไม่ตื่นข่าวเหมือนนายมือโปร นั่นก็เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าคุณตาผมแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกันแค่ไหน
“มาแล้วหรอ มายังไงครับเนี่ย”

“ขับรถมาเองครับ”
“พี่รุตต์ถึงนานแล้วหรอครับ”

“ก่อนหน้าวินไม่นานหรอก ทานข้าวรึยัง?”

“ยังเลย ร้านนี้มีมั้ย”

“มี มี”
“ทานข้าวด้วยกันก่อนนะ” ชวนแล้วก็ยิ้ม พอเห็นผมไม่ตอบ พี่รุตต์ก็ชะงักอาการยิ้ม โธ่เอ้ย! คิดมากทำไมเนี่ย ผมแค่กำลังคิดว่าร้านกาแฟนี้จะมีอาหารอะไรที่อิ่มท้องผมบ้างเท่านั้นแหละ

“ทานสิครับ เมนูอยู่ไหนละเนี่ย”
“อ้อ! นี่นี่” พอหาเมนูอาหารเจอผมก็เปิดกางดู แต่ละเมนูดูเบาท้องมาก แต่ก็ต้องกินล่ะนะ

“หิวมากหรอวิน”

“มากกกกกกกกกกกกก” ผมลากเสียงบอกพลางลูบห้องโชว์ พี่รุตต์ขำอย่างเอ็นดูแล้วก็ยื่นหน้ามามองดูเมนูแบบกลับหัว อ่านออกหรอวะนั่น? ถึงจะสงสัยแต่ผมก็ไม่ถามและปล่อยให้มันเป็นเรื่องของความสามารถแฝงของพี่รุตต์แต่เพียงผู้เดียว

“ได้แล้วครับ ข้าวผัดอเมริกัน”

“โธ่ เลือกซะตั้งนาน” เขาล้อผมเล่นแล้วก็ยกมือเรียกพนักงาน

“ข้าวผัดอเมริกัน 2 ที่ เพิ่มไข่ดาวด้วยนะครับ”
“ขอสุกๆ”
“น้ำเปล่า....เนอะ” คงไม่มั่นใจเลยหันมาถามผมด้วยหางเสียง ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเมนูที่พี่รุตต์รังสรรค์ อดนึกถึงนายมือโปรไม่ได้ ไม่รู้ว่าข้าวเที่ยงเขาจะได้กินเมื่อไหร่และกินอะไร พี่แนนบอกว่าบอสของเธอกินข้าวไม่เป็นแวลา กินแบบนึกได้ว่ายังไม่ได้กินก็จะกิน หรือกินก็ต่อเมื่อรู้สึกหิวจนไส้บิดแล้วบิดอีกถึงกิน เพราะว่าบ้างานจัด ชอบความท้าทายมาก อยากเอาชนะทุกกำแพงบนโลกขนาดอดตายก็ได้โว้ย! อะไรทำนองนี้
ระหว่างรอ ผมส่งข้อความไปหานายมือโปร รายงานว่าผมถึงโรงพยาบาลแล้ว กำลังจะกินข้าว และถามว่าเขากินอะไร คำตอบที่ได้คือรูปสปาเก็ตตี้น่าอร่อยชิบหาย! แม่งเอ้ย รู้งี้ไม่ห่วงหรอก!

“มีเรื่องอะไรดีๆ หรอครับ ยิ้มใหญ่เลย” หืม? ผมยิ้มหรอ? ผมเปล่านะ

“หือ? ไม่มีอะไรนี่ครับ”

“ก็วินจ้องโทรศัพท์แล้วก็ยิ้ม”
“แฟนหรอ?”
“คุณมือโปรล่ะสิ”

“ไม่ใช่ครับ” ผมปดแล้วก็พยายามทำสีหน้าปกติ ทั้งที่ก็รู้สึกว่าสีหน้าก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ผิดปกติตรงไหน พี่รุตต์หัวเราะพลางส่ายหน้า เขาพูดทิ้งท้ายไว้เพียงว่า “หักอกพี่ ก็ไม่ได้หมายความว่าบอกเรื่องคนรักให้พี่รู้ไม่ได้หรอกนะครับ มันคนละเรื่องกัน” แล้วเขาก็หุบปากได้เสียที ไม่ใช่เพราะหมดเรื่องจะงัดปากเปิดใจผมหรอก แต่เพราะข้าวมาแล้วต่างหาก

อาการคุณตาไม่ได้แย่ และเรื่องราวก็เป็นเหมือนที่ผมเดาไว้นั่นแหละ เข้าโรงพยาบาลรอบนี้ก็เพื่อตรวจสุขภาพกายตามปกติแหละครับ คุณตาร้องวัดระดับน้ำตาล ความดัน แล้วก็เช็คคลื่นหัวใจ มันเป็นอาการที่ต้องเช็คทุกๆ ไตรมาสของคนวัยนี้อยู่แล้ว  และท่านก็เริ่มตรวจตั้งแต่เช้า ผมกับพี่รุตต์มาเจอก็ตอนที่นอนทิ้งเวลาอยู่ในห้องพักโอ่อ่านั่นแหละ

“เด็กๆ มาหาค่ะคุณพ่อ” ป้าสุเป็นคนปูกระเบื้องให้ผมเดิมอีกตามเคย ผมเดินนำพี่รุตต์เข้ามาในห้องพักคุณตา ผมสบตากัน ฝ่ายนั้นก็ยิ้มให้แล้วอ้าแขนรอ

“หลานตา มาหาเสียที ลืมตากันหมดแล้ว นี่ถ้าไม่มีงานที่บ้านก็คงไม่โผล่ใช่มั้ยเจ้าวิน”
“เจ้ารุตต์ ว่ายังไง เห็นสุเขาบอกว่าไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นไม่ใช่หรอ? นี่เจ้าวินชวนให้ทิ้งการเรียนมารึไง”

“โธ่! วินไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเสียหน่อย แล้ววินก็รักเรียนมาก คุณตาก็รู้นี่ครับ”
“ไหนดูดิ ทำไมผอมลงล่ะครับ กล้ามเหี่ยวแล้วด้วย ดูสิ” ผมบีบแขนคุณตาเล่น ท่านก็ยิ้มเรื่อยไป ไม่ได้มาดุว่าอะไรผม ก็ผมเล่นของผมแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก

“กินขนมสิลูก เจ้าวิน”
“เจ้ารุตต์ ยังไงบ้างล่ะที่บ้าน” แน่นอนว่าเรื่องที่บ้านของพี่รุตต์ ก็คือเรื่องที่เกี่ยวกับผมนั่นแหละ ผมทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่พี่รุตต์จะบอกคุณตา และคุณตาเองก็ทำเป็นไม่สนใจผม
พี่รุตต์เลือกตอบแบบกว้างๆ ไม่จี้ใจให้ใครเป็นจุดด่างของโลก ผมเดินเลี่ยงไปเปิดตู้เย็น หาขนมกินแก้เก้อที่ต้องอยู่ในห้องนี้ ฟังคน 3 คนคุยกันเรื่องผมแบบเลี่ยงไปเบี่ยงมา ตลกดีเหมือนกันครับ

“อื้อตาวิน เดี๋ยวแม่เราเขาจะมานะ”

“อ่อ ครับ”

“ทำหน้าให้ดีๆ หน่อย”

“คุณสาเขาไม่ได้อะไรกับวินอยู่แล้ว ป้าสุนั่นแหละที่คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่”
“วินโอเคนานแล้ว เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนี่ครับ เขาเป็นน้องสาวของป้าวินที่รักวินยิ่งกว่าลูกในใส้”

“จ้า จ้า แต่ก็ยิ้มแย้มกับเขาบ้างก็ได้ ยังไงก็”

“แม่ลูกกัน”
“ครับ ครับ”
“นี่ไม่คิดว่าจะต้องเจอคุณสาเขาด้วย ไม่งั้นวินก็ไม่มาหรอก”
“แบบนี้ก็เหมือนไปงานเลี้ยงวันเกิดคุณตาที่บ้านนั่นแหละ เจอครบเลย”

“งั้นวินก็ควรกลับบ้านบ้าง ใครๆ ก็คิดถึงวินกันทั้งนั้น”

“หรอครับ”

“อย่าเย็นชานักสิ วินไม่ใช่เด็กไม่รู้จักรักนะลูก”
“วินของแม่อ่อนโยนจะตาย ไม่ใช่หรอครับ หือ?

“ก็...อ่อนโยนมั้งครับ”
ผมไม่ได้ตีรวนป้าสุเพราะโกรธป้าที่ลากผมมาเจอทั้งคุณตา เจอทั้งแม่หรอกครับ ผมกำลังตีรวนให้ประวัติตัวเองที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ กำลังเล่นแง่ใส่กำพืดตัวเองที่สลัดทิ้งไม่เคยหลุด

ป้าสุเลี้ยงผมให้เป็นที่รักของใครต่อไป ตาวินเด็กดี เจ้าวินเด็กดี เด็กดี เด็กดี คำนี้มันเอาตีนยันหน้าผมไว้ไม่ให้ก้มหนี้ความคาดหวังใครๆ และเมื่อผมทำให้พวกเขาผิดหวังแค่ครั้งเดียว ตาวินเด็กดี เจ้าวินเด็กดีก็ตกนรกไปอย่างไม่มีใครคิดแม้แต่จะเอื้อมมือมาเหนี่ยวคอ

“รอเจอเขาที่นี่ก่อนนะ”
“แล้วเราอยากหลบไปนั่งในห้องมืดที่บ้านไม้นั่น แม่ก็จะไม่ว่า”
“ดีมั้ย”

“ครับ” เบื่อชะมัด

ผมอยากเจอนายมือโปรจัง อยากรู้ว่าเขาจะปลุกชีวิตชีวาของผมขึ้นมายังไง

แกร่ก กำลังฮึดฮัดอย่างเซ็งอารมณ์อยู่คนเดียว เสียงก่อกแก่กก็เกิดขึ้น ผมหันไปมองในจังหวะที่ประตูแย้มเปิดอ้าออก และใบหน้าใครคนหนึ่งโผล่เข้ามา

“ตาวิน”

“คุณสา สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ เธอรับไหว้แล้วก็ยิ้มให้ มองผมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แช่สายตาที่ใบหน้าผมจนผมจำต้องละสายไปตามองทางอื่น เราไม่เจอกันเกือบปีแล้วครับ ครั้งสุดท้ายก็เจอกันก็ตอนที่ผมไปกินข้าวกับป้าสุที่ห้องอาหารในโรงแรมแล้วคุณสามาหาป้าสุพอดี

“ดูผอมลงนะครับ”
“แม่สุดูแลบกพร่องนะเนี่ย ชั้นทวงลูกคืนนะคะถ้าพี่เลี้ยงให้อ้วนกว่านี้ไม่ได้” เธอเดินเลี่ยงไปหาป้าสุแทน แล้วก็พูดคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมแอบมองเธอบ้าง แต่ไม่บ่อยหรอกครับ พี่รุตต์กลับได้รับความสนใจจากคุณสามากกว่าผมเสียอีก  พวกเขาคุยเรื่องสถาบันการศึกษาและระบบการศึกษาที่ญี่ปุ่น
แม่ผมไม่ได้มีครอบครัวใหม่ พ่อผมก็เหมือนกัน
แต่พวกเขาไม่สามารถอยู่ร่วมกันฉันครอบครัวได้ เพราะว่าการแต่งงานของพวกเขาไม่ได้เกิดจากความรัก มันเกิดขึ้นเพื่อธุรกิจ และผมก็กำไรที่เกิดขึ้น....ล่ะมั้ง
กับแม่ว่าห่างแล้ว กับพ่อยิ่งห่างมากกว่า
นามสกุลที่ใช้ก็นามสกุลคุณตา เท่ากับว่าฝ่ายแม่เป็นคนอุปการะผม แต่ทั้งที่โชคดีที่พ่อกับแม่ไม่ได้ตายจาก หรือหายสาบสูญไปไหน ผมก็ดันมีแม่ที่ไม่ได้ให้กำเนิดมาดูแลแทนแม่ตัวจริง และเธอก็รักผมมากกว่าที่แม่จริงๆ รักผมเสียอีก

“แล้ววินเรียนจบโทเมื่อไหร่นะครับ” คุณสาหันมาให้ความสนใจผมเมื่อคุยกับพี่รุตต์มากจนพอใจ ผมตอบคำถามด้วยเดือนคร่าวๆ ที่คาดว่าจะขึ้นรับพระราชทานปริญญาบัตร และดูเธอก็พออกพอใจ
“จะเรียนต่อเลยมั้ยครับ”

“ยังครับ วินจะทำงานก่อน”

“ทำงานอะไรล่ะ? จะมาช่วย...ช่วยกันบริหารแบงก์หรอ? หรือว่าจะไปทางโรงแรมกับแม่สุเขา”

“ทำด้านภาพยนตร์ครับ”

“อ่อ อ๋อออออออออ ที่พี่สุเคยบอกใช่มั้ยคะ? แล้ววินทำได้หรอคะ”

“เธอ สาวิตรี ลูกชั้นชอบด้านนี้ จบตรีก็ด้านนี้ โทก็ด้านนี้ จะทำไม่ได้ได้ยังไง นี่ก็ถามประหลาด”
“วิน ต้องกลับบริษัทอีกรึเปล่า บอกคุณมือโปรเขาไว้ว่ายังไงจ๊ะ”

“วินลาช่วงบ่ายครับ ก็...จากนี้ก็กลับบ้านเลย”

“ดีเลย เดี๋ยวตาไปส่ง อยากเห็นบ้านวินด้วย นี่จะไม่กลับมาอยู่กับตาหรืออยู่กับแม่เขาจริงๆ หรอ หือ? เหงานา”

“วินอยู่ได้ครับ”

“ปล่อยตาวินเถอะค่ะ ก็อยู่มาได้สักพัก สาไม่เห็นว่าวินจะลำบากเลย”

“ไม่เห็นกับไม่ได้มอง มันไม่ใช่เรื่องเดียวกันสักหน่อย” พ่อกับลูกเขาค่อนขอดกันเองครับ คุณสากับคุณตาจะเป็นแบบนี้ประจำถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับผม คงเป็นเรื่องของปมในใจพวกเขา ที่พวกเขาคิดว่าต้องรับผิดชอบต่อตัวผม ผมเดินเลี่ยงออกมานอกห้อง นั่งพักตรงโซฟารับรองที่ห่างจากลิฟท์ไม่มากนัก เพื่อรำลึกถึงอดีตที่ไม่ได้จำ แต่ลืมไม่เคยได้
ผมก็ไม่รู้เรื่องการแต่งงานของพ่อและแม่มากนัก เพราะตอนนั้นยังไม่เกิด ตั้งแต่รู้เรื่องก็มองป้าสุเป็นแม่ เรียกว่าแม่ ไม่เคยถามถึงพ่อ และก็เรียกคุณสาว่าคุณสามาตลอด ตอนที่รู้ความจริงก็ไม่ได้สะเทือนใจอะไร เพราะผมไม่เคยรู้สึกว่าผมขาด ผู้หญิงที่ชื่อว่าสุชาดาให้ผมได้ทุกอย่าง

จนมาเกิดเรื่องของรินนาขึ้น ผมผิดหวังในตัวเอง และผิดหวังในตัวผู้ใหญ่ที่ผิดหวังในตัวผม คิดอย่างก้าวร้าวว่าพวกเขากล้าดียังไงมาสาดสายตาดูแคลนใส่ผม พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมขมขื่นแค่ไหน
และที่เรื่องมันมีจุดจบแบบนี้ ก็เพราะผู้ใหญ่ทั้งหลายนั่นแหละ ที่ทำให้ผมต้องเป็นเด็กดี ทำให้รินนาต้องเป็นเด็กน่ารัก
ไม่ใช่ความคาดหวังบ้าๆ บอๆ ของพวกเขาหรอ ที่ทำให้ผมต้องคบกับรินนาเพราะเหมาะสม และทำให้รินนาต้องจุดความรู้สึกรักของผมขึ้นมาให้ได้เพื่อเรื่องจบอย่างสุขสันต์กันทุกฝ่าย
จนผมเบื่อจะเดินตามทางที่หลอกตาว่าโรยด้วยกลีบกุหลาบไว้ จนผมเดินมาอีกทางที่มองเห็นตะปูเรือใบแต่ก็จะเดินทางนั้น
เด็กดีแหกคอกก็ไร้ค่า ซ้ำยังทำให้เรื่องไปกันใหญ่ จนถึงขั้นลูกสาวบ้านนั้นฆ่าตัวตาย
ไอ้วิณณ์มันร้ายกาจสิ้นดี!
แล้วแบบนี้ ผมควรจะยกมือไหว้ใครอยู่บ้าง?
จนทุกวันนี้ ผมก็ไม่รู้สึกว่าผมคือคนที่ร้ายกาจ


“เจอคุณสาแล้วอดคิดถึงรินนาไม่ได้ใช่มั้ยครับ”

“พี่รุตต์” ผมสะดุ้งเสียงพี่รุตต์ และใจปวดปร่าเพราะคำคาดเดาของเขา ซึ่งมันถูกเผง นั่นสินะ กับคุณสา ไม่เจอกันคงจะดีกว่า ผู้ใหญ่คนอื่นๆ ด้วย ที่ไม่เจอกันคงจะดีกว่า
ผมคิดว่าผมไหว้พวกเขาไม่ลง และพวกเขาก็คงไม่อยากรับไหว้ผมนักก

“วินอย่าคิดมาก เรื่องมันผ่านไปแล้วก็ผ่านไป”
“ยิ่งผูกความคิด ผูกใจไว้ วินก็ยิ่งเจ็บ”
“เราเคยคุยกันแล้วนี่ครับ ที่วินลงโทษพวกเขาที่ไม่เคยเข้าใจวินน่ะ เขาเจ็บแป๊บเดียวแหละ คนที่ทรมานกว่า เศร้าซึมนานกว่าก็คือวิน”

“วินรู้”

“ก็ทำให้ได้สักทีสิคัรบ”

“วินก็อยากทำให้ได้นะครับ”
“แต่มัน...มันเป็นรากของตัววิน เรื่องมันเป็นแบบนั้นเพราะทุกอย่างที่หล่อหลอมมาเป็นตัววิน”
“ถ้าคนคนนั้นไม่ใช่วิน ก็คงไม่มีใครต้องตายหรอก”
“คนอื่นๆ น่าจะหาทางออกได้เร็วกว่าวิน กล้าบอกสิ่งที่อยากทำและไม่อยากทำเร็วกว่าวิน และไม่ปล่อยให้เรื่องมันเกินเยียวยาแบบวิน”
“คนที่ผิดที่สุดก็คือวิน”

“เด็กบ้า อย่าคิดแบบนี้สิ”
“วินไม่ได้เกิดมาเพื่อรับผิดชอบชีวิตใคร ยิ่งกับคนที่วินไม่ได้เลือกเองแต่แรกด้วยแล้ว..เอาเป็นว่า ผิดกันทุกคนนั่นแหละ”
“คนตาย...แม้แต่หนูรินก็ผิดด้วยเหมือนกัน”
“ปล่อยไปเถอะนะ”
“ไม่อย่างนั้นวินคงรักใครไม่ได้สักที พี่เป็นห่วง”

“รักใครไม่ได้ก็ไม่ตายนี่ครับ บางที การรู้สึกรักใครเป็น อาจจะทำให้วินเป็นฝ่ายตายซะเองก็ได้ กรรมไง”

“พูดบ้าๆ”
“ต้องรักนะครับ วินจะได้ให้อภัยคนอื่นได้ ให้อภัยตัวเองได้”
“วินอยู่เป็นผู้ลงโทษคนอื่นไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก แบบนั้นไม่เรียกใช้ชีวิต”

ผมฟังเขาเงียบๆ นั่งมองมือตัวเองที่ประสานกันไว้ระหว่างหัวเข่า และมีมือพี่รุตต์เกาะกุมไว้อีกชั้น มือเขาใหญ่กว่าผม หัวใจก็คงใหญ่กว่าผมเหมือนกัน

กำลังจะชวนพี่รุตต์ไปทานหาที่เดินเล่นหย่อนอารมณ์แล้วทานมื้อเย็นกัน คนที่ไม่คิดว่าจะเจอที่นี่ ก็เดินหอบมายืนจังก้าตรงหน้าครับ

“พี่โป๊ะ”

“ไม่ได้อยากมาขัดจังหวะใครนะครับ อ้อ คุณรุตต์ สวัสดีครับ โทษที ไม่ได้มอง”
“พี่มา....รับ”
“หมายถึง...รถ”

อ่อ โอเค ถ้ามาด้วยเรื่องเท่านี้ก็โอเค
ผมลุกขึ้นยืน ล้วงกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงยื่นให้เขา แต่เขากลับคว้าทั้งกุญแจ ทั้งตัวผมแล้วก็ลากไปลงบันไดหนีไฟ
เฮ้ย! ฟังกันมั่งสิว่าลงลิฟท์ก็ได้ ไม่หนี และนี่มันก็ชั้น 11 นะเว้ย! 

“พี่โป๊ะ! วินเหนื่อยแล้วนะ” ผมบอกอาการตัวเอง มีเสียงหอบเป็นพยานสำคัญเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย นายมือโปรเองก็หอบแล้วเหมือนกัน นี่ผมอดคิดไม่ได้ว่าขาขึ้นขาก็ขึ้นทางบันไดหนีไฟนี่แหละ ไม่อย่างนั้นจะเหงื่อท่วมหลังทะลุเสื้อแบบนี้ได้ยังไง

“ก็.... ก็วินไปนังประจ๋อประแจ๋กับคุณรุตต์นั่นได้ยังไง”
“บอกแล้วไงว่ามันเป็นโมเม้นท์ของพี่ ถ้าเสียจูบให้เขาอีก พี่จะทำยังไง เท่านี้ก็ไม่อยากอยู่เฉยเป็นคนมีสติแล้วนะ”
“พี่ขี้หึงนะเว้ย!”

“ก็นั่งเฉยๆ ไม่มีอะไร”
“แล้ววินจะนั่งกับใครมันก็เรื่องของวิน”
“หึงวินก็เรื่องของพี่ ไม่ใช่เรื่องที่วินต้องรับผิดชอบ!”
“ปล่อยเลย แม่งกำซะแน่น มือชาไปหมดแล้ว!” ผมต่อว่าแล้วก็สะบัดมือให้เขาเห็นว่ามือผมเกิดอาการชาจริงๆ นายมือโปรดูใจเย็นและมองโลกเป็นโลกมากขึ้น เขาฉวยมือไปช่วยนวดให้ ปาดเหงื่อตรงหน้าผากให้ แล้วก็เอามือพัดๆ ให้เกิดลมตรงหน้าผม

“อีก 4 ชั้นเอง”

“ลิฟท์!” ผมยื่นคำขาด นายมือโปรถึงได้ยอมผลักประตูหนีไฟออกมาและยืนรอลิฟท์ตามที่ผมบอก ระหว่างยืนรอ ผมโทรหาพี่รุตต์เพื่อบอกเขาว่าโดนฉุดตามที่เห็นนั่นแหละ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้คนบ้าฟื้นสติแล้ว จากนั้นก็โทรหาป้าสุ เพื่อบอกลา
ส่วนคุณตากับคุณสา น่าจะชินกับการหายไปเฉยๆ ของผมแล้ว

“ขอโทษ”

“เรื่อง?” ผมถามระหว่างรอเขาจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มและของกินเล่น ก็ร้านเดิมที่นั่งกินข้าวกลางวันกับพี่รุตต์นั่นแหละครับ นายมือโปรตรวจดูใบเสร็จหลักร้อยที่เขาจ่ายด้วยบัตรเครดิต เมื่อเห็นข้อมูลถูกต้องแล้วก็เดินพาผมไปที่รถ ซึ่งขอโทษนะ...เดินผิดทางอ่ะ อย่าเสร่อสิลุง!

“ขอโทษ” เขาบอกอีกรอบเมื่อเดินตามผมมาที่รถแล้ว ผมรอสัญญาณรีโมทเปิดรถ จากนั้นก็ก้าวไปนั่งฝั่งข้างพวงมาลัย ดูดน้ำจนหมดแก้ว รอให้เขาเข้ามา ปิดประตู สตาร์ทรถ เปิดแอร์ที่แสนเย็นฉ่ำ ผมถึงต่อบทสนทนาที่เขาเริ่มต้นเอาไว้

“ขอโทษวินเรื่องอะไร”

“หุนหัน หึงไม่เข้าท่า”

“พี่โป๊ะก็รู้นี่ว่าหึงไม่เข้าท่า จะหึงทำไม”
“วินกับพี่รุตต์ ไม่มีอะไรมากกว่าพี่น้องกัน จูบนั่นที่พี่โป๊ะเห็น เขาก็แค่จูบลา และมันก็เกิดขึ้นเร็วจนวินไม่ทันได้มีโอกาสปฏิเสธ”

เขาดูใจเย็นลง แต่ก็หล่อเหมือนเดิม แม้ว่าความโฉดแสนเร้าใจจะลดลงบ้างเล็กน้อย

“ถ้างั้น.....” เขาพูดแล้วก็ฉวยโอกาสยกตัวมาจูบผม บี้บดริมฝีปากจนมันแทบลืมสัมผัสจากน้ำที่เพิ่งดูดดื่มไป
“จูบนี่มีความหมายรึเปล่า พี่ไม่ได้จูบลาแต่มันก็เกิดขึ้นรวดเร็วจนวินไม่ทันได้ปฏิเสธเหมือนกัน”
“มีมั้ย”

“มีครับ” ผมตอบอย่างยอมรับความจริง จูบของเขามีความหมายกับผม มันไม่ได้ทิ้งไว้แค่ความงุนงง แต่มันเพิ่มความอบอุ่นขึ้นทุกครั้งที่เราจูบกัน ผมคิดว่าถ้ามันอุ่นเต็มพิกัดถึงขั้นร้อนฉ่าเมื่อไหร่ ผมคงเสียตัวโดยไม่ทันได้คิดปฏิเสธ นี่ผมลามกเกินไปรึเปล่า? แต่ไม่มาเป็นผมคงไม่เข้าใจ นายมือโปรหล่อ เท่ หุ่นดี เลือดร้อน หุนหัน ชอบทำหน้าโฉดใส่ จ้องตาเวลาเขาอารมณ์ร้อนแรงแล้วแทบจะละลาย ถ้าเขาจะรังแกผมเหมือนเมื่อหลายคืนก่อนที่เขาหึงหน้ามืด ผมคงไม่รอด ทั้งต้านแรงเขาไม่ไหว และก็ต้านใจตัวเองไม่อยู่ อืมม...ผมแร่ดไปมั้ยวะ?
“แล้ว....” ผมเริ่มหาบทสนทนาแก้เก้อ ก็ตอนนี้นายมือโปรมองผมไม่วางตาเลย สายตาแม่งก็ป้วนเปี้ยนตรงปากผมนี่แหละ นี่ผมเม้มปากหลบไม่ให้เขามองแล้วนะ

“แล้วอะไร?” ใช้เสียงต่ำเพื่อ ไม่ต้องกระเส่าตอนนี้ นี่ในรถ คือแม่งแคบไง ที่สำคัญคือไม่ผมพร้อม

“แล้วพี่โป๊ะมาที่นี่ได้ยังไง” ผมเปิดปากถามรวดเดียวแล้วเม้มปากเก็บจากสายตาเขาไว้เหมือนเดิม  นายมือโปรอมยิ้ม แต่ยังเอี้ยวตัวขวางหน้าผมไว้เหมือนเดิม ร่างกายคุณมึงยืดหยุ่นเกินไปนะครับ

“ก็หวง”
“รู้ว่ามาเจอกับใคร ใจมันก็อยู่ไม่เป็นสุขแล้ว”
“ข้าวก็ไม่ได้กิน รีบเคลียร์งานแล้วก็จี้คอแท็กซี่มาส่ง”

“ไม่ได้กินข้าวอะไร ก็สปาเก็ตตี้”

“ไม่เห็นเครดิตร้านใต้รูปหรอ ออกจากหรา พี่ก็เซฟมาส่งให้ หลอกไปงั้นแหละ”

“อ่าว”
“งั้น อยากกินอะไร ไปกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวพี่โป๊ะเป็นลม ใครจะขับรถ วินไม่อยากขับคันนี้ แม่งเตี้ย”

“ไม่เป็นไร พี่ไม่เป็นลมหรอก เมื่อกี้ได้ของรองท้องแล้ว”
“เรากลับบ้านเรากันนะ ไปทำมื้อเย็นกินกันเองดีกว่า”

“เอาไงก็เอา วินไม่ใช่คนที่หิวแล้วหึงจนหน้ามืด”

“ไม่หิวก็หึงหน้ามืดได้ครับ ถ้าแฟนชอบอ่อย ยังไงก็ต้องหึง”

“ดีนะ...”

“ดีอะไร?” หึหึ เปิดช่องเองนะลุง

“ดีนะพี่วินไม่ใช่แฟนพี่โป๊ะ วินโสดจะอ่อยใครยังไงก็ได้”

“นิ่งๆ เลยไอ้ยุ่!ง” ได้มาอีกจูบครับ ถ้ามีแข่งขันจูบเก็บแต้ม ผมว่าผมชนะแล้วล่ะ โอ้ย! พอได้แล้ว ปากแห้งหมดแล้วเนี่ย!

#### @ D A W N  #####


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
« ตอบ #409 เมื่อ: 01-01-2016 17:44:06 »





ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 27(10-12-15)
«ตอบ #410 เมื่อ01-01-2016 17:44:34 »


ผมเพิ่งรู้ว่าคนที่มาเช่าบ้นผมอยู่เป็นพ่อบ้านฟูลออปชั่น เขาทำได้สารพัดอาหาร คาวหวาน พื้นเมือง นอกเมือง นอกประเทศ นี่คงเหลือแค่เอาขขยะอวกาศมาปรุงอาหารเท่านั้นแหละครับที่เขายังไม่ได้ทำ
เมนูมื้อเย็นวันนี้ ผักนึ่ง จิ้มน้ำพริก ปลาอะไรก็ไม่รู้ทอดกรอบ ไข่ชะอม แล้วก็ต้มยำกระดูกหมูอ่อน
ลาภปากมากๆ อิ่มท้องแบบดีดแป๊ะคงแตกโป๊ะล่ะครับ สภาพผมคืออิ่มหมีมาก ส่วนนายมือโปรก็ดูเหมือนคนอื่มธรรมดา
“อร่อยมั้ย พรุ่งนี้อยากกินอะไร”
“นี่พี่ซื้อหนังสือทำอาหารมาด้วยนะ เอามาลอกเมนู แล้วก็ปรับเปลี่ยนนิดหน่อย ให้เข้าปากวิน”
“รักได้รึยัง ดีขนาดนี้”

“ก็ชอบแล้วไง พี่โป๊ะจะเอาอะไรอีก”

“รักได้แล้ว พี่ดีกับวินจนโลกสาปแช่งแล้วเนี่ย ลองถามเพื่อนพี่ดูก็ได้ มันต้องเหวอกันแน่ๆ ถ้ารู้ว่าพี่ทำอะไรให้วินบ้าง”
“อย่าให้มันเอ๋อแดกกว่านี้เลย”

“เพื่อนพี่โป๊ะจะเอ่อแดกอีกเรื่องอะไรครับ”

“ก็ถ้ามันรู้ว่าพี่ดีขนาดนี้โดยที่ได้แค่จูบไม่กี่ครั้งน่ะสิ”

“หวังผลหรอ?”

“หวังวินต่างหาก”

“แต่พี่รอได้ วินนั่นแหละ จะอดใจไม่ไหวก่อน”

เขาพูดถูกครับ ผมนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายอดใจไม่ไหวเสียก่อน
เท่าที่ผมสังเกตตัวเองมา ผมรู้ว่าพูดยั่วเขาแล้วจะเจออะไร อ้อนเขาแล้วจะได้อะไร ทำให้เขาหึงแล้วก็จะเป็นยังไง ผลลัพท์ที่เคยเรียนรู้มาก่อนแล้วก็คือ เราต้องได้เสียกันไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่ผมก็ยังยั่วเขาเรื่อย
ผมนี่แหละที่เป็นตัวปัญหา เป็นคนกำหนดว่าเราจะช่วยกันสร้างความสุข หรือจะอึมครึมอยู่กับแบบสุกๆ ดิบๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ
บางที มันคงถึงเวลาแล้วที่ผมต้องตัดสินใจเริ่มรัก เพื่อเรียนรู้การให้อภัย ทั้งตัวเองและคนอื่น
ผมควรยอมรับกับตัวเองได้แล้วว่าผมชอบนายมือโปร
ปัญหาตอนนี้ก็คือ ผมไม่รู้จะเริ่มยังไง
มันไม่มีคำแนะนำนี่ครับว่าขั้นตอนการเริ่มต้นรักใครสักคน ขั้นแรกต้องทำยังไง ก้าวเท้าข้างไหนเข้าไปหา มองตากี่นาที เริ่มพูดคำว่าอะไร
ผมคิดว่าผมต้องการผู้ช่วย และก็นึกถึงใครไม่ได้เลย นอกจาก....ไอ้โอม

ผมไม่โต้ตอบอะไร ไม่อยากให้เขารู้ว่ากำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรอยู่น่ะครับ
เราดูทีวีกันพักใหญ่ มือนายมือโปรไม่ได้ว่างเว้นจากร่างกายผมเลย เดี๋ยวโอบตัว จับมือ เล่นหน้า ซุกคอ หอมแก้ม จูบขมับ หนักสุดคือยกขาผมไปทับขาเขาเอาไว้ และมือเขาก็วางตรงกลางตัว อย่าให้ผมต้องบอกส่วนไหนที่โดนจาบจ้วงความลับของจักรวาล หัวใจนี่แทบหยุดเหมือนโดนลูกดอกยาสลบเฉียบพลัน
พอเจอท่านี้เข้า ผมก็ต้องปัดป้องบ้างเพื่อความสวยงาม(?) ผมนั่งไขว้ห้างเพื่อจบปัญหาเรื่องการตอบสนองทางร่างกายที่ว่องไวกว่าปากมากนัก แต่ผมคิดว่าเขารู้ ว่าเขาจุดไฟติดแล้ว นายมือโปรหัวเราะหึในลำคอ มันทำให้ผมเสียววาบไปทั้งหลัง หวังว่าผมจะติดต่อตัวช่วยได้ทันก่อนร่างกายที่แสนอ่อนไหวของผมจะตกเป็นทาสความร้อนฉ่าของเขา

ขอพลังของพระอาทิตย์จงอวยพรให้ผมได้ลืมตาขึ้นสบมองแสงแดดยามเช้าอีกครั้ง ด้วยสภาพกายและใจที่ยังเป็นของผมเองด้วยนะครับ




Cut


ชาละวันมั้ยล่ะท่านมือโปร หุหุ
พบกันใหม่เร็วๆ นี้ค่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
«ตอบ #411 เมื่อ01-01-2016 18:31:06 »

 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
«ตอบ #412 เมื่อ01-01-2016 18:32:51 »

อีพี่โป๊ะนี่ชอบแอบเนียนแอบนัวๆๆ น้องวินเรื่อย  :katai3:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
«ตอบ #413 เมื่อ01-01-2016 19:11:04 »

หื้อออ เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนแรกวินดูไม่น่ารัก
เจอคุณสาออกมาฉากเดียวเท่านั้นแหละ

แฮปปี้นิวเยียร์นะค๊าา

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
«ตอบ #414 เมื่อ01-01-2016 20:04:52 »

พี่โปรขี้หึงมาก 5555555
หึงหน่ามืดตามัวเลยอ่ะ 5555555
น้องวินสู้ๆนะ โทรหาผู้ช่วยไวๆนะ
เดี๋ยวได้เสียกันก่อน  :katai3:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
«ตอบ #415 เมื่อ01-01-2016 20:23:06 »

 :o8: หุหุหุ

ออฟไลน์ beautifuldead

  • wandered lonely as a cloud..
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
«ตอบ #416 เมื่อ01-01-2016 21:24:14 »

งื้อออ พี่โปรแอบคืบคลานเข้ามาหาวินเงียบๆ แต่ได้ผลมาก ><
ไวกว่าพี่โป๊ะ ก็4gแล้ววว

ออฟไลน์ Raccoooon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-2
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
«ตอบ #417 เมื่อ04-01-2016 22:15:26 »

ตามทันแล้วฮืออออ
ตามมาจากหมอนำค่ะ555
แงงเรื่องนี้ก็น่ารักมากกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
บรรยายสวยขึ้นเรื่อยๆ
ชอบคำด่าน้องวิน55555 ช่างสรรหาจัง555555

ชอบโปร เป็นคนที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจนดีค่ะ ;///;
วินก็เหมือนกันนน
ดูเป็นคู่ที่ยังไงก็ต้องได้คู่กันอ่ะ55555 ต่างฝ่ายต่างรับมือกันได้

ชอบเนื้อเรื่องที่ตอนแรกดูหม่นๆ แต่มันสดใสขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับที่วินได้รู้จักกับโป๊ะมากขึ้นเรื่อยๆ
คือมันสดใสขึ้นเพราะวินกับโป๊ะสนิทกันมากขึ้น เข้าถึงกันมากขึ้น รู้จักกันมากขึ้นอ่ะ
แบบตอนวินอยู่กับรุตต์เหมือนวินจะหม่นๆ จมอยู่กับอดีต
แต่พออยู่กับโป๊ะ วินจะสดใส วินเดินไปข้างหน้าไรงี้งืออ555
แบบมันค่อยๆไปดี ชอบบบ ฮืออ ชอบมากกก

ตอนหลังๆนี้น่ารักมากกกก กรุบกริบกำลังดีฮืออ T///T
ตลกพี่โป๊ะพยายามปล้ำน้องง55555 :hao7:
อ่านแล้วจั๊กจี้หัวใจจังค่ะ55555

ขออย่าดราม่าไปมากกว่านี้ หน่วงใจเหลือเกิน
ยิ่งเวลาวินพูดถึงลูกแพร์ยิ่งหน่วง ขอให้เคลียร์กันไวๆเนอะ :hao5:

ติดตามนะคะะะะ เป็นกำลังใจให้
นิยายสนุกทุกเรื่องเลย ขอเป็นเอฟซียย555
สู้ๆนะคะะะ จะรอทุกวันเลยยย

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
«ตอบ #418 เมื่อ06-01-2016 02:07:34 »

ตามอ่านทันแล้วนะ

มีพิมพ์ตกๆ หล่นๆ บ้าง แต่ก็อ่านได้ใจความอยู่

ชอบคำบรรยายแปลกๆ ที่แทรกอยู่เนือง

แต่อาจจะบื้อไปเองก็ได้ที่ไม่เห็นบรรยากาศสีชมพูรอบๆ ตัวละครเอกทั้งคู่

เหมือนอ่านนิยายที่คนแต่งเป็นผู้ชาย

อ่านจนจบ  ยังไม่รู้ว่าพระนางเขาไปรักกันตอนไหน 5555

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 28(1-01-16)
«ตอบ #419 เมื่อ06-01-2016 10:31:00 »

น่ารักมากขึ้น สดใสมากขึ้น

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด