Title : At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 31
เช้านี้ไม่ปกติสำหรับผมอย่างมาก สิ่งที่ทำให้ความไม่ปกติอยู่ในระดับที่เรียกว่ามาก ก็คือไอ้โอมครับ
โอมเป็นมนุษย์ โอมไม่ใช่นาฬิกาปลุก ฉะนั้น โอมไม่ควรเข้าใจว่าสิ่งที่มันทำอยู่นี้ ก่อให้เกิดผลลัพท์ที่ดีกว่าที่นาฬิกาปลุกเคยทำไว้
“วิน ตื่นนนนนนนนนนนน” มันตะโกนใส่หูจนผมสะดุ้งผวา อาการปวดตุบข้างขมับมาเยือนทันที รู้สึกพะอืดพะอมเหมือนจะต้องอ้วกให้ได้ในวินาทีนี้
“มึง อะไรวะ?” ผมถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เพราะผมเพิ่งได้นอนไปเมื่อตอนตี 4 กว่าๆ เท่านั้น โอมก้มหน้าเอาหน้าผากสากเท่ากระดาษทรายเบอร์ 2 มาถูทั่วหน้าผม แล้วก็งึมงำว่า ตื่นนนนนนนน เสียงต่ำๆ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังฟังเครื่องตัดหญ้าวิ่งวนรอบตัวเองอย่างไร้จุดจบ เสียงมันอื้อในหูมากครับ น่ารำคาญไม่มีอะไรเกิน
“อย่าโอม” ผมห้ามปรามเสียงอ่อยเพราะเพิ่งได้นอน ผมไม่มีแก่ใจนั่งเทศนามันหรอกว่าเพราะอะไรมันถึงไม่ควรทำกิริยาแบบนี้กับผมในเวลาที่ผมง่วงมาก
“วินตื่นนนนนนนนนนนน พี่โป๊ะให้ปลุกมึงแล้วถ่ายรูปให้ดูก่อน 8 โมงเช้า” มันเองก็เสียงอ้อแอ้ไม่แพ้กันหรอกครับ ผมหาว ลุกขึ้นนั่งแล้วก็หันมองหน้ามันพลางออกคำสั่ง
“ถ่ายรูปดิ เร็ว จะได้นอนกันต่อ มึงก็ง่วงไม่ใช่หรอ?” ไอ้โอมพยักหน้าอย่างรู้ความ มันหาวระหว่างตั้งมือถือไว้ตรงหน้าผม ซึ่งผมเริ่มรู้สึกว่าตาตัวเองฉ่ำน้ำมากๆ ครับ มันนับ นึง ส่อง ซั่ม โดยที่ปากยังอ้าหาวไม่หุบดี ถ่ายรูปเสร็จมันก็คงส่งให้พี่สุดที่รักของมันดู เมื่อภารกิจเรียบร้อยแล้ว เราก็นอนกันต่อครับ
เกือบเที่ยงกว่าผมจะตื่นเพราะรู้สึกหิว ส่วนไอ้หมาโอมดำเนินการทำมื้อกลางวันจนกลิ่นหอมฉุยๆ มาอัญเชิญผมถึงปลายจมูกนี่แหละครับ
“โอมมมมม” ผมเรียกมันด้วยเสียงยานคาง ไอ้เพื่อนหมาขานรับแล้วก็รายงานว่ามันทำอะไรถึงได้หอมเพียงนี้ ผมจึงสั่งตัวเองให้ลุกขึ้นตื่นเสียที จัดการอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน แล้วก็ลิ่วไปหาพ่อครัวจำเป็นที่ก็มีฝีมือด้านการทำอาหารระดับต่ำตม
“กินไปก่อนเลย เดี๋ยวกูอาบน้ำแล้วมากินด้วย”
“เสร็จแล้วไปร้านกาแฟพี่โป๊ะกัน”
ผมค้างอาการเคี้ยวตุ้ยเอาไว้แล้วช้อนตามองมัน ฝืนกลืนหมูทอดที่เจ๊จงน่าจะระอาในรสชาตลงคอแล้วค่อยถาม
“ไปไม”
“เอ้าไอ้บ้า ก็ไปทำไอเอสกันต่อไง”
“ทำที่บ้านกูก็ได้ ขาดอะไร”
“เออน่า พี่โป๊ะบอกว่าให้ลองเปลี่ยนที่ ขลุกกันอยู่ที่เดิมๆ สมองไม่แล่น”
“ก็ไปที่อื่น หรือไม่ก็ท่ามหาราชก็ได้ มีตา’บัค”
“ทำไมไปร้านกาแฟพี่กูไม่ได้”
“ก็กูไม่ชอบ”
“ไม่ชอบอะไร? มึงก็เคยทำงานที่นั่น ทุกวันนี้ยังมีคนมาถามถึงมึงอยู่เลย”
“ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ กูไม่อยากไปเหยียบ” ผมตัดบท จำใจกินข้าวหมูทอดแห้งๆ จนข้าวหมดจานจึงได้ถือว่าหมดภาระด้านการกินแล้ว ไอ้โอมลงมาจากชั้น 2 หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ มันปรากฎกายในสภาพคุ้นตา แหงล่ะก็มันใส่เสื้อผ้าของผมทั้งชุด อาจจะใส่กางเกงในหรือบ๊อกเซอร์ของผมด้วย ขอให้มันใช้แล้วทิ้งไปเลยด้วยเถอะ ผมแบ่งเสื้อผ้ากับเพื่อนได้แต่ผมไม่ใส่เสื้อผ้าที่มีอณูของเพื่อนติดกลับมา พูดง่ายๆ ก็คือ มึงหยิบไปใส่แล้วก็เอาไปไกลๆ ร่างกายกูเลย
“ไม่มีคำอธิบายดีกว่านั้นหรอวะ?” จู่ๆ ไอ้โอมก็ถามขึ้น มันเดินตามผมเพื่อออกจากซอยสลัมข้างวัด วกไปยังโรงแรมหรูริมเจ้าพระยา เพื่อมารอเรือ
“หือ?”
“อะไร?” ผมก็ไม่ได้โง่นัก พอจะเดาได้ว่ามันทวงคำอธิบายเรื่องไหน แต่ผมเฉไฉไม่ตอบ และไอ้โอมก็น่าจะรู้ว่าเพื่อนของมันกำลังบ่ายเบี่ยง
“ก็ที่ไม่อยากไปร้านกาแฟพี่กูอ่ะ”
“ก็บอกไปแล้วว่าไม่ชอบ เลยไม่อยากไป”
“สรุปไปกันแค่ตา’บัค ท่ามหาราชพอนะ หรือจะเอาไง เลานจ์โรงแรมป้ากูก็ได้มั้ง เอามั้ย”
“ไม่ จะไปร้านพี่กู”
“งั้นก็แยกกัน”
“ทำไมวะ” มันมองผมอย่างเอิอมระอามากเสียจนผมสามารถเดาได้ว่ามันกำลังด่าผมในความคิด แต่ผมไม่อยากตอบ เพราะเหตุผลที่ผมยึดถืออยู่นี้มันไม่ได้เกี่ยวกับผมแค่คนเดียว มันเกี่ยวกับ เขา และ เธอ
คงไม่มีใครอยากไปเหยียบยืน หรืออยากไปสร้างการมึตัวตน อยู่ในพื้นที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเฉพาะให้กับคนที่อยู่ได้แค่ในความทรงจำหรอกครับ
ผมก็ไม่แน่ใจนักว่าพี่โป๊ะมีค่ามากมายสำหรับผมรึยัง ผมรักเขาอยู่รึเปล่า แต่ร้านกาแฟนั้น เธอคนที่ตายไปแล้วนั้น ทำให้ผมรู้สึกอิจฉา และรู้สึกโกรธนายมือโปรแบบไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้ ผมก็เลยไม่อยากเฉียดไปที่นั่น
“วิน อย่าดื้อดิ นี่เพื่อนนะ”
“โอม ไม่ดื้อดิ นี่เพื่อนไง”
“โอเค ไอ้คุณชาย กูยอมก็ได้”
“ไปแค่ท่ามหาราชก็ได้”
“เดี๋ยวกูหาเวลาแวะไปเยี่ยวร้านเฮียเองก็ได้วะ” ไอ้นี่ก็พิลึกคน ผมหัวเราะเบาๆ แต่ส่งยิ้มให้มันด้วยความรู้สึกขอบคุณมากที่มึงไม่เซ้าซี้กูอีก กูไม่อยากถีบใครตกน้ำ
แดดเปรี้ยงปร้าง ผู้คนหนาแน่นแม้ไม่ใช่วันหยุด เรายืนโคลงเคลงอยู่ท้ายเรือ ฟังเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเกินระดับที่หูรับได้ สูดละอองน้ำที่ถูกตีฟองขึ้นสู่อากาศ กลิ่นไม่น่าดม เสียงไม่น่าฟัง แต่มันกลับทำให้ผมเกิดความสงบ ผมยืนมองวิว 2 ข้างทางเจ้าพระยา แม้จะคุ้นตาไปทุกสิ่ง แต่การทอดสายตามองสิ่งเดิมๆ เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับผมเลย แต่กับไอ้โอมแล้ว คงตรงกันข้าม
ไอ้เพื่อนหมาวุ่นวายกับการจับผมเผ้าตัวเองทัดหู มันตัดผมสั้นแล้วก็จริง แต่สำหรับหัวกะบาลผู้ชาย ผมมันก็คือผมยาวอยู่ดีนั่นแหละครับ
“ไปมึง ถึงแล้ว” ผมบอกเมื่อเห็นปลายทาง เราไม่รอให้เด็ก สตรี และคนชรา ลงจากเรือไปก่อนหรอกครับ เพราะถ้าทำตัวเป็นเจนเทิลแมนขนาดนั้น เราจะโดนป้าข้างหลังด่าเอาว่ายืนเกะกะขวางทาง
ร้านกาแฟดังก็คือร้านกาแฟดังครับ ผมไม่รู้ว่าลูกค้าที่นี่เขาเสพติดรถชาต หรือบรรยากาศ หรืออะไรอย่างอื่น ผู้คนถึงได้ยั้วเยี้ยไปหมด เราโชคดีที่มีที่ให้นั่งพร้อมโต๊ะทำงานตรงกลาง ไอ้โอมไล่ผมไปซื้อกาแฟให้มัน ส่วนมันก็จัดการเปิดคอม จัดพื้นที่นั่ง วางหนังสือสำหรับการค้นอ้างอิง แน่นอนว่ามันไม่ลืมชาร์จแบตโทรศัพท์ตัวมันเอง นี่ถ้าร้านเขาไฟรั่ว ผมว่ามันนั่นแหละคือสาเหตุ แต่มองอีกที ผมว่าลูกค้าทุกคนก็เป็นต้นเหตุกันหมด ทุกคนทำเหมือนๆ กับที่ไอ้โอมทำเลยครับ
เครื่องดื่มติดมือที่ผมซื้อมาให้มันทำให้ผมโดนด่าด้วยเหี้ยตัวใหญ่มาก ก็ผมงงชื่อเมนูที่คนขายนำเสนอ ตอนแรกก็สั่งให้มันแค่ลาเต้ธรรมดา แต่นามสกุลที่เพิ่มเติมมา ล้วนมาจากการพยักหน้ารับข้อเสนอของบาริสต้าทั้งนั้นครับ ผมพลาดตรงขี้เกียจฟังรายละเอียด เลยพยักหน้ารัวๆ ไอ้โอมก็เลยได้กินเมนูที่ผสมถั่ว ซึ่งเป็นพืชตระกูลที่มันไม่ชอบ
“มึงแดกไปเลย เอาของมึงมา มึถั่วป่ะเนี่ย”
“โฮจิชะ ที ลาเต้ ไอซ์ วิท ซอยบีน” ผมบอกชื่อเมนูประจำ ไอ้โอมมองค้อนแต่มันก็ยืนยันที่จะแลกเครื่องดื่มกัน กลายเป็นผมต้องเป็นคนกินถั่ว อืม เยี่ยม!
“แม่งแกล้งกูอ่ะดิ กูก็ยอมมึงแล้วไง ไม่ไปร้านเฮียแล้วไง ไอ้หมาวินแม่ง”
ไอ้หมีโอมแม่ง บ่นอยู่ได้ น่ารำคาญ
ผมหน้านิ่งระหว่างนั่งลงตรงกันข้ามกับมัน เปิดคอมตัวเอง คุ้ยหนังสือที่ช่วยๆ กันแบกมา เริ่มอ่านทวนสิ่งที่เขียนไว้เมื่อคืนเพื่อสร้างความต่อเนื่องทางความคิด เมื่อเข้าฌานแล้วผมก็ไม่ได้สนใจอะไรไอ้เพื่อนเรื่องมากอีก จนมันส่งเสียงเรียกนั่นแหละครับ ผมถึงได้เงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์
“อืม อะไร”
“ไปเยี่ยวนะ”
“อืม นั่นไง ห้องน้ำ”
“ไม่ๆ กูจะไปเยี่ยวร้านเฮีย” ผมละสงสัยชิบหายว่าส้วมที่นั่นมีอะไรดี? ผมพยักหน้าส่งๆ โบกมือไล่ให้มันไปตาทางที่เลือก แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเขียนไอเอสของตัวเองด้วยระดับสมาธิที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ก็รู้สึกอยู่เหมือนกันแหละครับว่านาน แต่ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว ตอนนี้ที่นั่งตรงหน้าผมว่างเปล่า แต่สัมภาระไอ้เพื่อนหมายังกองอยู่ดูรกๆ ผมคิดจะโทรตามมันแต่ก็เปลี่ยนใจ โตๆ กันแล้ว และผมกับไอ้โอมก็ไม่ได้ใช้ปอดใช้หัวใจร่วมกันเสียหน่อย ห่างกันไปก็ไม่ตายหรอก ผมก็เลยไม่โทรหามัน แต่เลือกจะเปิดดูข้อความทางมือถือแทน เพราะผมไม่ออนไลน์ผ่านคอมครับ มันจะกวนสมาธิ
“เอ่า อะไรวะ” ผมบ่นกับตัวเองเพราะไลน์ของคนคนเดียวเด้งมาเกือบ 100 ข้อความ ท่าจะบ้า
ผมเลือกสื่อสารกับเขาโดยตรง ไม่ได้คิดถึงเขาหรอกนะครับ อย่าเข้าใจผิด ผมขี้เกียจพิมพ์ เท่านี้ก็เมื่อยนิ้วมากแล้ว
“ครับพี่โป๊ะ อะไรกับวินเยอะแยะอ่ะ” คำตอบที่ผมได้รับมีเครื่องหมายคำถามต่อท้ายครับ นายมือโปรถามผมว่า ทำไมไม่ไปร้านที่ร้านพี่ นี่เลี่ยงอธิบายให้ไอ้โอมเข้าใจ แต่กลับเลี่ยงนายมือโปรไม่รอดสินะ ผมถอยหายใจยาวๆ ส่งกลับความเงียบให้กับคำถามนั้น แล้วก็ตัดสาย
แต่นายมือโปรก็คือนายมือโปร เขาโทรกลับมาใหม่ และผมก็รีบรับทันที เพราะลืมปิดเสียงเอาไว้ เขาส่งเสียงถอนหายใจให้ฟัง แก้แค้นกันอยู่รึไงวะ? เอาไงดี ผมควรสู้ด้วยการถอนหายใจให้ยาวกว่าแล้ววางสาย เพื่อให้เขาโต้กลับมาด้วยเสียงถอนหายใจที่ยาวที่สุดในโลกรึเปล่า ไม่ล่ะ มันดูเสียเวลาไปอย่างไร้ค่า
“อะไรครับ” ผมถามกลับไปเมื่อเขายังเงียบอยู่
“เหตุผลอะไรครับ บอกพี่ไม่ได้หรอ”
“เหตุผลเรื่องอะไร วินงง”
“เรื่องที่ไม่ไปร้านพี่”
“ไม่มี”
“โอเค ทำเรื่องของวินไปนะ เดี๋ยวไปรับ อย่าให้ไปแล้วไม่เจอตัวล่ะ” ขู่ไว้เท่านี้ก็วาง แล้วผมต้องเชื่อเขาด้วยหรอวะ? ..... แม้จะยกคิ้วตัวเองสูงๆ ด้วยความสงสัย แต่ผมก็เลือกจะทำงานของผมต่อไปด้วยความตั้งใจสุดๆ เอฟวายไอนะครับ คืองานแม่งรนตูดมากแล้วไง ไม่มีเวลาสนใจห่าเหวอะไรทั้งนั้นแหละ!
ราวบ่าย 4 โมง ท้องผมก็ร้องโครกแล้วครับ รู้สึกหิวจนกร่นด่าไอ้โอมในใจว่าแม่งไปเสวยสุขในส้วมถึงสวรรค์ชั้นไหน ทำไมไม่กลับมาเสียที ผมเดินไปสั่งแซนวิชมากิน กำหนดเวลาให้ตัวเองพักตา พักสมอง 30 นาทีกับแซนวิชหนืดๆ คอ ชาร้อนถูกสั่งอีกรอบด้วยครับ พอมีเวลาว่างหน่อย ผมก็เลยเช็คดูว่าพี่โป๊ะไลน์อะไรมานักหนา สิ่งที่ได้พบทำให้อารมณ์ดีขึ้นผิดตาเลยครับ เขาส่งลิงค์เวบที่น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผม บ่นเรื่องการประชุม อาหารกลางวันน่ากินก็ส่งมาอวด ถามถึงความคืบหน้างาน ถามว่าเย็นนี้อยากกินอะไร บอกว่าคิดถึงผมด้วย เซลฟี่หน้าตัวเองมาให้ดูแล้วก็บอกว่าแลกกัน ฮ่าๆๆ แม่งมุ้งมื้งไปมั้ยวะ?
ผมรู้สึกผิดที่ดื้อใส่เขาด้วยการถอนหายใจแข่งกัน แต่ก็นั่นแหละครับ ผมไม่ง้อใคร ผมง้อไม่เป็น
จริงๆ แล้ว ผมไม่รู้ว่าประโยค มันต้องขึ้นต้นด้วยคำว่าอะไร
งั้นครั้งนี ผมจะทำตัวอยู่ในโอวาสโดยการนั่งทำไอเอสอยู่ที่เดิม รอเขามารับตัวไปก็แล้วกัน
หกโมงกว่า ไอ้โอมก็เดินดุ่ยๆ กลับมานั่งตรงหน้าผมเหมือนเดิม ผมไม่อ้าปากถามด้วยซ้ำว่าหายไปทำห่าเหวอะไรมา นานเป็นศักราชนาดนี้ แต่ไอ้โอมก็มีสัดส่วนความสาระแนมากพอจะเล่าออกมาเอง
มันกินข้าวร้านข้างๆ เดินไปดูห้องชั้น 2-4 ที่พี่โป๊ะแต่งใหม่เป็นห้องพักนักท่องเที่ยวพวกวันเดย์ทริปอะไรทำนองนั้น ห้องชีคดี แต่ผมไม่อยากเชื่อรสนิยมไอ้โอมหรอกครับ มีห้องชั้น 4 ที่เป็นห้องเดียว ไม่ได้แยกเป็นห้องซ้าย-ขวาของบันไดเหมือนชั้นอื่น มันบอกว่าห้องนั้นพี่โป๊ะทำไว้ให้เมียมองพระอาทิตย์ตกดิน
ผมยอมรับว่าสะดุ้งตรงเมีย ไม่รู้ว่าจะคิดเข้าข้างตัวเองไปมั้ยว่าเขาทำห้องนั้นให้ผม?
นี่ผมต้องเป็นเมียเขาหรอ? เอาจริงดิ!
“แล้วนี่มึงเป็นไรวะหมาวิน”
“เป็นไร? ใคร? กูไม่ได้เป็นไรนี่ มึงแหละเป็นไร”
“มึงนั่นแหละไอ้คุณชาย ทำหน้าเหวอๆ”
“เป็นไร นี่ได้แดกอะไรมั่งรึยังนอกจากชาเนี่ย”
“แล้ว”
“เออ เดี๋ยวแยกกันตรงนี้นะ กูกลับบ้านไปทำต่อเอง รับรองเสร็จทัน”
“อ้าว ไม่นอนค้างบ้านกูหรอ ทำด้วยกันก็ดีไม่ใช่หรอ มึงจะได้ไม่อู้”
“ไม่เอาอ่ะ กูพอได้แนวแล้ว”
“แล้วคืนนี้กูก็มีนัดแล้วด้วย กลับดึกก็กวนมึงรออีก ไปแระ”
“มีงรอพี่โป๊ะที่นี่นะ อย่าให้เขามาแล้วไม่เจอล่ะ”
“รู้แล้วน่า”
“เอ้อวิน”
“อะไร?”
“เขารักมึงมากเลยว่ะ กูว่า”
“ถ้าไม่ขอมากไป อย่าทิ้งเฮียกูนะ”
“อะไรของมึง” ผมทำเฉไฉใส่ แต่สายตาไอ้โอมตอบกลับมาว่าจริงจังผมก็เลยต้องจริงจังตามไปด้วย
“แล้ว...มึงรู้ได้ไง ฟังเขาโม้มากไปแล้ว”
“กูไม่ได้รู้เพราะฟังเขา กูรู้เพราะกูเปิดตามองสิ่งที่เขาทำต่างหาก”
“มีแต่มึงแหละที่ตาบอด”
“บอดพ่อมึงสิ!”
“ไปไหนก็ไปเถอะ แม่ง”
“เออเออ ไปก็ได้”
“ไอ้หมาวินได้แก้ว”
มันด่าผมแล้วก็ไป สารเลวโอม ไม่รู้มันจะพูดให้ผมเก็บมาคิดทำไม
อยากรู้เหมือนกันว่าห้องชั้น 4 นั้นมันวิเศษยังไง ไอ้โอมถึงได้ละเมอเพ้อคิดไปว่าพี่โป๊ะรักผม...มาก
ไอเอสผมเดินมาเกือบ 90% แล้วครับ
เรียกว่าอยู่ในระดับที่สบายใจได้ กูมีอะไรไปสอบปิดเล่มแล้วโว้ย!
เมื่อขาดไอ้ตัวชวนคุยอย่างไอ้โอมไป ผมก็นั่งเล่นนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยครับ จนรู้สึกได้ถึงการถูกจ้องจนคิ้วกระตุกนั่นแหละ ผมถึงได้เงยหน้ามองผู้คนในร้านอีกรอบ
คนรอบข้างผมเริ่มมีแต่นักศึกษาแล้ว จากทั้ง 2 มหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้ๆ นี่แหละ พอถูกมองมากเข้าก็เริ่มอึดอัด ผมก็เลยเก็บคอมพิวเตอร์บางเฉียบเข้ากระเป๋าสะพายข้างคู่ใจ บิดตัวไขว่ห้างหันหน้าเข้ากระจกแล้วก็เล่นมือถือแทน
เสียงกระแอมเกิดขึ้นใกล้ๆ หู แต่คนที่มาก่อเสียงข้างหูผมไม่ใช่คนคุ้นหน้าเลยครับ
หรือว่าจะเป็นพนักงานร้าน? ผมนั่งนานไปหรอ? แต่ผมก็ซื้ออะไรกินเรื่อยๆนะ ทำไมวะ? แค่นี้มันเป็นปัญหาหรือบั่นทอนสังคมมากรึไง?
“อะไรครับ?” ผมถามคนที่จ้องหน้าผมเสียนาน อีกฝ่ายยิ้มให้ ชี้ที่เบาะนั่งฝั่งตรงข้ามผม อ๋ออออ จะลากไปนั่งที่อื่นล่ะสิ ผมก็เลยตอบเอาบุญ
“ได้เลยครับ ไม่มีคน....”
หมอนี่นั่งลงทับรอยตูดไอ้โอม ซึ่งผมงงกว่าเดิมแล้วแหละว่า มึงมานั่งจ้องหน้าและส่งยิ้มให้กูทำไม
“คุณ จะนั่งตรงนี้หรอครับ?” ผมถามให้แน่ใจ ซึ่งเขาก็พยักหน้าและยังคงยิ้มให้อยู่ หรือว่าเขาเป็นโรคกล้ามเนื้อกระตุกและมันค้างในจังหวะกระตุกขึ้นวะ? ต้องช่วยดึงลงให้มั้ย? เอาไงดี ตอนนี้มีแต่มือกับตีนที่ว่าง
“โอเค” ผมยุติการพบเจอแต่เพียงเท่านี้ ผมลุกขึ้นและกดเบอร์พี่โป๊ะ พออีกฝ่ายรับสายผมก็บอกจุดประสงค์การโทรหาตรงๆ
“วินเปลี่ยนร้านไปนั่งกินข้าวนะ” แล้วคนตรงหน้าผมก็ลุกขึ้นตาม คืออะไร? มึงก็จะไม่นั่งแล้วเหมือนกัน? แล้วมาแย่งเก้าอี้กับกูทำไมวะ แต่ช่างแม่ง อย่าสนใจเลย อาจจะว่างจัดเลยอยากหาตีน ผมไม่ควรทำให้มันสมหวัง
“ก็ร้านใกล้ๆ” ผมพูดให้กว้างเข้าไว้ครับ ป้องกันไอ้คนนี้มันรู้ที่หมายของผมแล้วจะตามไปเล่นเก้าอี้ดนตรีกันอีก พอวางสายจากพี่โป๊ะผมก็จ้องหน้าเขากลับ และบอกไปว่า ตามสบาย แล้วก็เดินรวบสัมภาระออกจากร้าน รอบนี้หนักครับ เพราะห่าโอมเอาติดตัวไปแค่คอม หนังสือสำหรับอ้างอิงแม่งทิ้งไว้ให้ผมแบกคนเดียวเลย หนักชิบหาย
หืมมมม หนังสือเบาลง ผมหันขวับมองมือขโมยที่มาหยิบหนังสือไปจากมือผมจนเหลือติดมือแค่เล่มเดียว ไอ้คนนี้ต้องการอะไร?
“ของผม เอาคืนมา”
“ช่วยนะครับ”
“ไม่เป็นไร ถือได้”
“อยากช่วยไงครับ”
“บอกว่าไม่เป็นไร”
“นะครับ แค่อยากช่วย”
“จะไปร้านไหนครับ ทานข้าวหรอ? ร้านนั้นใช่มั้ย ไปสิครับ”
“....................”
“เฮ้ย ไม่ต้องซีเรียสขนาดนี้ก็ได้”
“ผมแค่อยากช่วยพี่”
พี่....โทษที ผมไม่ชอบมีน้อง
ผมเดินไปยังร้านเป้าหมาย วางของลงอย่างเรียบร้อย และหันมายึดหนังสือของผมคืนจากมือหมอนี่ เขายิ้มให้อย่างสดใสแล้วประกาศเจตนา
“พี่น่ารักดีครับ”
“ตัวบางแบบนี้ แบกของหนักขนาดนี้ได้ไง แฟนพี่ก็ใจร้ายเนอะ ปล่อยให้นั่งคนเดียวตั้งนานแล้วก็ชิ่งกลับไป”
ผมควรพูดอะไรดีล่ะ?
แฟนผม? ใครวะ? ทั้งวันนี้มีแต่ไอ้โอม หรือจะคิดว่าไอ้โอมเป็นแฟนผมวะ?
“เมื่อกลางวัน ผมมาซื้อกาแฟก็เจอพี่รอบนึง แม่งโคตรแสงสว่างเลย”
“แบบ นั่งเปล่งประกายอยู่อะไรแบบนี้อ่ะ”
“แต่ผมต้องรีบเข้าเรียนแล้ว มีสอบย่อยก็เลยไม่ได้ไปทัก แต่คิดไว้ว่าถ้ากลับมาอีกแล้วเจอพี่ ต้องทักให้ได้เลย ต้องได้เบอร์ด้วย”
“แล้วไงครับ”
“พี่หิข้าว ขอกินข้าวคนเดียวหน่อยนะ”
“อ่า ผมเลี้ยงได้มั้ย”
“ไม่”
“โหยย พี่คิดแป๊บนึงก็ได้ครับ”
“คือ จริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจมาหลอกลวงอะไรครับ”
“ผมเรียนศิล’กรรม”
“แล้ว”
“อยากได้พี่เป็นแบบวาดภาพ”
“ไม่”
“โหยพี่ คิดนึดนึงก็ยังดีนะครับ”
“ผมวางธีมไว้แล้วด้วย”
“ออร่าที่มากกว่าแสงอาทิตย์”
“โทษนะครับ ผมไม่ใช่หลอดไฟ ไปหาอะไรที่เปล่งประกายที่อื่นเถอะ”
“ช่วงหลีกไปด้วย ผมจะกินข้าว”
“พี่ครับ พี่ครับ”
“ชื่อก็ยังดี ให้ผมรู้หน่อยได้มั้ย”
“........”
“พี่ครับ พี่ พี่แสง” แสงพ่อมึงเซ่! ผมอยากหันไปด่า แต่ป้าสุสอนผมมาดีมากครับ ผมไม่ชอบโต้ตอบใครด้วยความหยาบคายโจ่งแจ้ง เว้นว่าสนิทกันแล้วค่อยเลิกเก็บปากเก็บคำ
“แสง?”
“ก็พี่ไม่บอกชื่อผม”
“ผมชื่อโยธา”
“เรียกโยก็ได้ครับ เรียนอยู่ม.นี้” มันชี้นิ้วบอกทิศทาง แต่ไม่ต้องระบุสถาบันศึกษา ผมก็พอจะเดาได้ตั้งแต่การแต่งตัวแล้วครับ
“พี่ล่ะ”
“ชื่ออะไรครับ”
“พี่....”
“ถ้าพี่บอก ผมจะให้พี่กินข้าวอย่างที่พี่ต้องการเลย จะไม่อยู่ในร้านนี้เลย”
“นะครับ”
“วิน”
“ชื่อยังน่ารักเลย พี่วินกินข้าวนะ เดี๋ยวผมรอข้างนอก” แล้วมันก็ไป คืออะไรวะ? ไม่เข้าใจเว้ย!
เวลานี้ ผมต้องการพี่โป๊ะมากครับ ช่วยมาเป็นไม้ตีหมาให้ผมหน่อยเถอะ
ผมสั่งอาหาร ลองมองออกไปนอกร้านก็เจอไอ้เด็กนั่นนั่งรออยู่หน้าร้านกาแฟ พอเห็นผมหันมองมันก็โบกมือยิกๆ ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าเขามาจีบ
แต่ผมไม่มีอะไรดึงดูดนะ เว้นแต่หน้าตาแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรดึงดูดคนเลย ก็แต่ดูดเหี้ยมาได้ตัวนึง
จนอาหารมาแล้วพี่โป๊ะก็ยังไม่มา เอาไงดีอ่ะ ก็หิวนะ แต่ถ้ากินหมดเร็วแล้วจ่ายเงินแล้วออกจากร้าน ก็ต้องเจอเด็กนั่นอยู่ดี ผมไม่อยากเจอ ไม่อยากพูดกวนตีนใส่หรือพูดแรงๆ ให้เขาเลิกมาวุ่นวายกับผม เฮ้อออออ
ผมกินข้าวเติมพลัง รอไลน์ รอโทรศัพท์จากพี่โป๊ะแต่ก็ไม่มีมาเสียที จะโทรหาเขาอีกรอบมันก็ดูร้อนรนเกินไป จริงๆ ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนักกับการที่มีคนมาตื้อให้ผมทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ
จนผมกินข้าวหมดก็แล้ว สั่งขนมที่ไม่ได้อยากกินนักมานั่งมองมันฆ่าเวลาก็แล้ว พี่โป๊ะก็ไม่โผล่มาสักที ไอ้คนนี้ก็ไม่ไปสักที เอาไงดีวะ ผมอยากกลับบ้านแล้วด้วย
เอาล่ะ ผมจะรอเขาอีก 15 นาที ถ้ายังไม่มา ผมจะกลับบ้านด้วยการนั่งแท็กซี่ และถ้าถูกตามผมจะให้แท็กซี่ไปส่งที่โรงแรมก็แล้วกัน
ผมรอ รอ และก็รอ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมตั้งใจรอพี่โป๊ะอย่างจริงจัง ที่ผ่านมาเขาอยู่ติดตัวผมเสมอ ความช่วยเหลือของเขาจึงเท่าทันเวลาที่ผมรู้สึกเดือดร้อนตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกไม่ดีที่ไม่มีเขาอยู่ข้างๆ ไม่มีนายมือโปรอยู่เป็นมือกวาดสิ่งแวดล้อมที่ผมไม่ต้องการออกไปให้พ้นตา