At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: At Dawn : แล้วพบกันใหม่....ตอน43 (12-07-17) ​p.23 ตอนจบ  (อ่าน 185165 ครั้ง)

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #450 เมื่อ22-02-2016 21:50:12 »

Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 31


เช้านี้ไม่ปกติสำหรับผมอย่างมาก สิ่งที่ทำให้ความไม่ปกติอยู่ในระดับที่เรียกว่ามาก ก็คือไอ้โอมครับ
โอมเป็นมนุษย์ โอมไม่ใช่นาฬิกาปลุก ฉะนั้น โอมไม่ควรเข้าใจว่าสิ่งที่มันทำอยู่นี้ ก่อให้เกิดผลลัพท์ที่ดีกว่าที่นาฬิกาปลุกเคยทำไว้

“วิน ตื่นนนนนนนนนนนน” มันตะโกนใส่หูจนผมสะดุ้งผวา อาการปวดตุบข้างขมับมาเยือนทันที รู้สึกพะอืดพะอมเหมือนจะต้องอ้วกให้ได้ในวินาทีนี้

“มึง อะไรวะ?” ผมถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เพราะผมเพิ่งได้นอนไปเมื่อตอนตี 4 กว่าๆ เท่านั้น โอมก้มหน้าเอาหน้าผากสากเท่ากระดาษทรายเบอร์ 2 มาถูทั่วหน้าผม แล้วก็งึมงำว่า ตื่นนนนนนนน เสียงต่ำๆ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังฟังเครื่องตัดหญ้าวิ่งวนรอบตัวเองอย่างไร้จุดจบ เสียงมันอื้อในหูมากครับ น่ารำคาญไม่มีอะไรเกิน

“อย่าโอม” ผมห้ามปรามเสียงอ่อยเพราะเพิ่งได้นอน ผมไม่มีแก่ใจนั่งเทศนามันหรอกว่าเพราะอะไรมันถึงไม่ควรทำกิริยาแบบนี้กับผมในเวลาที่ผมง่วงมาก

“วินตื่นนนนนนนนนนนน พี่โป๊ะให้ปลุกมึงแล้วถ่ายรูปให้ดูก่อน 8 โมงเช้า” มันเองก็เสียงอ้อแอ้ไม่แพ้กันหรอกครับ ผมหาว ลุกขึ้นนั่งแล้วก็หันมองหน้ามันพลางออกคำสั่ง

“ถ่ายรูปดิ เร็ว จะได้นอนกันต่อ มึงก็ง่วงไม่ใช่หรอ?” ไอ้โอมพยักหน้าอย่างรู้ความ มันหาวระหว่างตั้งมือถือไว้ตรงหน้าผม ซึ่งผมเริ่มรู้สึกว่าตาตัวเองฉ่ำน้ำมากๆ ครับ มันนับ นึง ส่อง ซั่ม โดยที่ปากยังอ้าหาวไม่หุบดี ถ่ายรูปเสร็จมันก็คงส่งให้พี่สุดที่รักของมันดู เมื่อภารกิจเรียบร้อยแล้ว เราก็นอนกันต่อครับ

เกือบเที่ยงกว่าผมจะตื่นเพราะรู้สึกหิว ส่วนไอ้หมาโอมดำเนินการทำมื้อกลางวันจนกลิ่นหอมฉุยๆ มาอัญเชิญผมถึงปลายจมูกนี่แหละครับ

“โอมมมมม” ผมเรียกมันด้วยเสียงยานคาง ไอ้เพื่อนหมาขานรับแล้วก็รายงานว่ามันทำอะไรถึงได้หอมเพียงนี้ ผมจึงสั่งตัวเองให้ลุกขึ้นตื่นเสียที จัดการอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน แล้วก็ลิ่วไปหาพ่อครัวจำเป็นที่ก็มีฝีมือด้านการทำอาหารระดับต่ำตม

“กินไปก่อนเลย เดี๋ยวกูอาบน้ำแล้วมากินด้วย”
“เสร็จแล้วไปร้านกาแฟพี่โป๊ะกัน”

ผมค้างอาการเคี้ยวตุ้ยเอาไว้แล้วช้อนตามองมัน ฝืนกลืนหมูทอดที่เจ๊จงน่าจะระอาในรสชาตลงคอแล้วค่อยถาม

“ไปไม”

“เอ้าไอ้บ้า ก็ไปทำไอเอสกันต่อไง”

“ทำที่บ้านกูก็ได้ ขาดอะไร”

“เออน่า พี่โป๊ะบอกว่าให้ลองเปลี่ยนที่ ขลุกกันอยู่ที่เดิมๆ สมองไม่แล่น”

“ก็ไปที่อื่น หรือไม่ก็ท่ามหาราชก็ได้ มีตา’บัค”

“ทำไมไปร้านกาแฟพี่กูไม่ได้”

“ก็กูไม่ชอบ”

“ไม่ชอบอะไร? มึงก็เคยทำงานที่นั่น ทุกวันนี้ยังมีคนมาถามถึงมึงอยู่เลย”

“ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ กูไม่อยากไปเหยียบ” ผมตัดบท จำใจกินข้าวหมูทอดแห้งๆ จนข้าวหมดจานจึงได้ถือว่าหมดภาระด้านการกินแล้ว ไอ้โอมลงมาจากชั้น 2 หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ มันปรากฎกายในสภาพคุ้นตา แหงล่ะก็มันใส่เสื้อผ้าของผมทั้งชุด อาจจะใส่กางเกงในหรือบ๊อกเซอร์ของผมด้วย ขอให้มันใช้แล้วทิ้งไปเลยด้วยเถอะ ผมแบ่งเสื้อผ้ากับเพื่อนได้แต่ผมไม่ใส่เสื้อผ้าที่มีอณูของเพื่อนติดกลับมา พูดง่ายๆ ก็คือ มึงหยิบไปใส่แล้วก็เอาไปไกลๆ ร่างกายกูเลย

“ไม่มีคำอธิบายดีกว่านั้นหรอวะ?” จู่ๆ ไอ้โอมก็ถามขึ้น มันเดินตามผมเพื่อออกจากซอยสลัมข้างวัด วกไปยังโรงแรมหรูริมเจ้าพระยา เพื่อมารอเรือ
“หือ?”

“อะไร?” ผมก็ไม่ได้โง่นัก พอจะเดาได้ว่ามันทวงคำอธิบายเรื่องไหน แต่ผมเฉไฉไม่ตอบ และไอ้โอมก็น่าจะรู้ว่าเพื่อนของมันกำลังบ่ายเบี่ยง

“ก็ที่ไม่อยากไปร้านกาแฟพี่กูอ่ะ”

“ก็บอกไปแล้วว่าไม่ชอบ เลยไม่อยากไป”
“สรุปไปกันแค่ตา’บัค ท่ามหาราชพอนะ หรือจะเอาไง เลานจ์โรงแรมป้ากูก็ได้มั้ง เอามั้ย”

“ไม่ จะไปร้านพี่กู”

“งั้นก็แยกกัน”

“ทำไมวะ” มันมองผมอย่างเอิอมระอามากเสียจนผมสามารถเดาได้ว่ามันกำลังด่าผมในความคิด แต่ผมไม่อยากตอบ เพราะเหตุผลที่ผมยึดถืออยู่นี้มันไม่ได้เกี่ยวกับผมแค่คนเดียว มันเกี่ยวกับ เขา และ เธอ

คงไม่มีใครอยากไปเหยียบยืน หรืออยากไปสร้างการมึตัวตน อยู่ในพื้นที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเฉพาะให้กับคนที่อยู่ได้แค่ในความทรงจำหรอกครับ
ผมก็ไม่แน่ใจนักว่าพี่โป๊ะมีค่ามากมายสำหรับผมรึยัง ผมรักเขาอยู่รึเปล่า แต่ร้านกาแฟนั้น เธอคนที่ตายไปแล้วนั้น ทำให้ผมรู้สึกอิจฉา และรู้สึกโกรธนายมือโปรแบบไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้ ผมก็เลยไม่อยากเฉียดไปที่นั่น

“วิน อย่าดื้อดิ นี่เพื่อนนะ”

“โอม ไม่ดื้อดิ นี่เพื่อนไง”

“โอเค ไอ้คุณชาย กูยอมก็ได้”
“ไปแค่ท่ามหาราชก็ได้”
“เดี๋ยวกูหาเวลาแวะไปเยี่ยวร้านเฮียเองก็ได้วะ” ไอ้นี่ก็พิลึกคน ผมหัวเราะเบาๆ แต่ส่งยิ้มให้มันด้วยความรู้สึกขอบคุณมากที่มึงไม่เซ้าซี้กูอีก กูไม่อยากถีบใครตกน้ำ

แดดเปรี้ยงปร้าง ผู้คนหนาแน่นแม้ไม่ใช่วันหยุด เรายืนโคลงเคลงอยู่ท้ายเรือ ฟังเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเกินระดับที่หูรับได้ สูดละอองน้ำที่ถูกตีฟองขึ้นสู่อากาศ กลิ่นไม่น่าดม เสียงไม่น่าฟัง แต่มันกลับทำให้ผมเกิดความสงบ ผมยืนมองวิว 2 ข้างทางเจ้าพระยา แม้จะคุ้นตาไปทุกสิ่ง แต่การทอดสายตามองสิ่งเดิมๆ เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับผมเลย แต่กับไอ้โอมแล้ว คงตรงกันข้าม
ไอ้เพื่อนหมาวุ่นวายกับการจับผมเผ้าตัวเองทัดหู มันตัดผมสั้นแล้วก็จริง แต่สำหรับหัวกะบาลผู้ชาย ผมมันก็คือผมยาวอยู่ดีนั่นแหละครับ

“ไปมึง ถึงแล้ว” ผมบอกเมื่อเห็นปลายทาง เราไม่รอให้เด็ก สตรี และคนชรา ลงจากเรือไปก่อนหรอกครับ เพราะถ้าทำตัวเป็นเจนเทิลแมนขนาดนั้น เราจะโดนป้าข้างหลังด่าเอาว่ายืนเกะกะขวางทาง

ร้านกาแฟดังก็คือร้านกาแฟดังครับ ผมไม่รู้ว่าลูกค้าที่นี่เขาเสพติดรถชาต หรือบรรยากาศ หรืออะไรอย่างอื่น ผู้คนถึงได้ยั้วเยี้ยไปหมด เราโชคดีที่มีที่ให้นั่งพร้อมโต๊ะทำงานตรงกลาง ไอ้โอมไล่ผมไปซื้อกาแฟให้มัน ส่วนมันก็จัดการเปิดคอม จัดพื้นที่นั่ง วางหนังสือสำหรับการค้นอ้างอิง แน่นอนว่ามันไม่ลืมชาร์จแบตโทรศัพท์ตัวมันเอง นี่ถ้าร้านเขาไฟรั่ว ผมว่ามันนั่นแหละคือสาเหตุ แต่มองอีกที ผมว่าลูกค้าทุกคนก็เป็นต้นเหตุกันหมด ทุกคนทำเหมือนๆ กับที่ไอ้โอมทำเลยครับ

เครื่องดื่มติดมือที่ผมซื้อมาให้มันทำให้ผมโดนด่าด้วยเหี้ยตัวใหญ่มาก ก็ผมงงชื่อเมนูที่คนขายนำเสนอ ตอนแรกก็สั่งให้มันแค่ลาเต้ธรรมดา แต่นามสกุลที่เพิ่มเติมมา ล้วนมาจากการพยักหน้ารับข้อเสนอของบาริสต้าทั้งนั้นครับ ผมพลาดตรงขี้เกียจฟังรายละเอียด เลยพยักหน้ารัวๆ ไอ้โอมก็เลยได้กินเมนูที่ผสมถั่ว ซึ่งเป็นพืชตระกูลที่มันไม่ชอบ

“มึงแดกไปเลย เอาของมึงมา มึถั่วป่ะเนี่ย”

“โฮจิชะ ที ลาเต้ ไอซ์ วิท ซอยบีน” ผมบอกชื่อเมนูประจำ ไอ้โอมมองค้อนแต่มันก็ยืนยันที่จะแลกเครื่องดื่มกัน กลายเป็นผมต้องเป็นคนกินถั่ว อืม เยี่ยม!

“แม่งแกล้งกูอ่ะดิ กูก็ยอมมึงแล้วไง ไม่ไปร้านเฮียแล้วไง ไอ้หมาวินแม่ง”
ไอ้หมีโอมแม่ง บ่นอยู่ได้ น่ารำคาญ
ผมหน้านิ่งระหว่างนั่งลงตรงกันข้ามกับมัน เปิดคอมตัวเอง คุ้ยหนังสือที่ช่วยๆ กันแบกมา เริ่มอ่านทวนสิ่งที่เขียนไว้เมื่อคืนเพื่อสร้างความต่อเนื่องทางความคิด เมื่อเข้าฌานแล้วผมก็ไม่ได้สนใจอะไรไอ้เพื่อนเรื่องมากอีก จนมันส่งเสียงเรียกนั่นแหละครับ ผมถึงได้เงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์

“อืม อะไร”

“ไปเยี่ยวนะ”

“อืม นั่นไง ห้องน้ำ”

“ไม่ๆ กูจะไปเยี่ยวร้านเฮีย” ผมละสงสัยชิบหายว่าส้วมที่นั่นมีอะไรดี? ผมพยักหน้าส่งๆ โบกมือไล่ให้มันไปตาทางที่เลือก แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเขียนไอเอสของตัวเองด้วยระดับสมาธิที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

ก็รู้สึกอยู่เหมือนกันแหละครับว่านาน แต่ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว ตอนนี้ที่นั่งตรงหน้าผมว่างเปล่า แต่สัมภาระไอ้เพื่อนหมายังกองอยู่ดูรกๆ ผมคิดจะโทรตามมันแต่ก็เปลี่ยนใจ โตๆ กันแล้ว และผมกับไอ้โอมก็ไม่ได้ใช้ปอดใช้หัวใจร่วมกันเสียหน่อย ห่างกันไปก็ไม่ตายหรอก ผมก็เลยไม่โทรหามัน แต่เลือกจะเปิดดูข้อความทางมือถือแทน เพราะผมไม่ออนไลน์ผ่านคอมครับ มันจะกวนสมาธิ 

“เอ่า อะไรวะ” ผมบ่นกับตัวเองเพราะไลน์ของคนคนเดียวเด้งมาเกือบ 100 ข้อความ ท่าจะบ้า

ผมเลือกสื่อสารกับเขาโดยตรง ไม่ได้คิดถึงเขาหรอกนะครับ อย่าเข้าใจผิด ผมขี้เกียจพิมพ์ เท่านี้ก็เมื่อยนิ้วมากแล้ว

“ครับพี่โป๊ะ อะไรกับวินเยอะแยะอ่ะ” คำตอบที่ผมได้รับมีเครื่องหมายคำถามต่อท้ายครับ นายมือโปรถามผมว่า ทำไมไม่ไปร้านที่ร้านพี่ นี่เลี่ยงอธิบายให้ไอ้โอมเข้าใจ แต่กลับเลี่ยงนายมือโปรไม่รอดสินะ ผมถอยหายใจยาวๆ ส่งกลับความเงียบให้กับคำถามนั้น แล้วก็ตัดสาย

แต่นายมือโปรก็คือนายมือโปร เขาโทรกลับมาใหม่ และผมก็รีบรับทันที เพราะลืมปิดเสียงเอาไว้ เขาส่งเสียงถอนหายใจให้ฟัง แก้แค้นกันอยู่รึไงวะ? เอาไงดี ผมควรสู้ด้วยการถอนหายใจให้ยาวกว่าแล้ววางสาย เพื่อให้เขาโต้กลับมาด้วยเสียงถอนหายใจที่ยาวที่สุดในโลกรึเปล่า  ไม่ล่ะ มันดูเสียเวลาไปอย่างไร้ค่า

“อะไรครับ” ผมถามกลับไปเมื่อเขายังเงียบอยู่

“เหตุผลอะไรครับ บอกพี่ไม่ได้หรอ”

“เหตุผลเรื่องอะไร วินงง”

“เรื่องที่ไม่ไปร้านพี่”

“ไม่มี”

“โอเค ทำเรื่องของวินไปนะ เดี๋ยวไปรับ อย่าให้ไปแล้วไม่เจอตัวล่ะ” ขู่ไว้เท่านี้ก็วาง แล้วผมต้องเชื่อเขาด้วยหรอวะ? ..... แม้จะยกคิ้วตัวเองสูงๆ ด้วยความสงสัย แต่ผมก็เลือกจะทำงานของผมต่อไปด้วยความตั้งใจสุดๆ เอฟวายไอนะครับ คืองานแม่งรนตูดมากแล้วไง ไม่มีเวลาสนใจห่าเหวอะไรทั้งนั้นแหละ!

ราวบ่าย 4 โมง ท้องผมก็ร้องโครกแล้วครับ รู้สึกหิวจนกร่นด่าไอ้โอมในใจว่าแม่งไปเสวยสุขในส้วมถึงสวรรค์ชั้นไหน ทำไมไม่กลับมาเสียที ผมเดินไปสั่งแซนวิชมากิน กำหนดเวลาให้ตัวเองพักตา พักสมอง 30 นาทีกับแซนวิชหนืดๆ คอ ชาร้อนถูกสั่งอีกรอบด้วยครับ  พอมีเวลาว่างหน่อย ผมก็เลยเช็คดูว่าพี่โป๊ะไลน์อะไรมานักหนา สิ่งที่ได้พบทำให้อารมณ์ดีขึ้นผิดตาเลยครับ เขาส่งลิงค์เวบที่น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผม บ่นเรื่องการประชุม  อาหารกลางวันน่ากินก็ส่งมาอวด ถามถึงความคืบหน้างาน ถามว่าเย็นนี้อยากกินอะไร บอกว่าคิดถึงผมด้วย เซลฟี่หน้าตัวเองมาให้ดูแล้วก็บอกว่าแลกกัน ฮ่าๆๆ แม่งมุ้งมื้งไปมั้ยวะ?
ผมรู้สึกผิดที่ดื้อใส่เขาด้วยการถอนหายใจแข่งกัน แต่ก็นั่นแหละครับ ผมไม่ง้อใคร ผมง้อไม่เป็น
จริงๆ แล้ว ผมไม่รู้ว่าประโยค มันต้องขึ้นต้นด้วยคำว่าอะไร

งั้นครั้งนี ผมจะทำตัวอยู่ในโอวาสโดยการนั่งทำไอเอสอยู่ที่เดิม รอเขามารับตัวไปก็แล้วกัน

หกโมงกว่า ไอ้โอมก็เดินดุ่ยๆ กลับมานั่งตรงหน้าผมเหมือนเดิม ผมไม่อ้าปากถามด้วยซ้ำว่าหายไปทำห่าเหวอะไรมา นานเป็นศักราชนาดนี้ แต่ไอ้โอมก็มีสัดส่วนความสาระแนมากพอจะเล่าออกมาเอง
มันกินข้าวร้านข้างๆ เดินไปดูห้องชั้น 2-4 ที่พี่โป๊ะแต่งใหม่เป็นห้องพักนักท่องเที่ยวพวกวันเดย์ทริปอะไรทำนองนั้น ห้องชีคดี แต่ผมไม่อยากเชื่อรสนิยมไอ้โอมหรอกครับ มีห้องชั้น 4 ที่เป็นห้องเดียว ไม่ได้แยกเป็นห้องซ้าย-ขวาของบันไดเหมือนชั้นอื่น มันบอกว่าห้องนั้นพี่โป๊ะทำไว้ให้เมียมองพระอาทิตย์ตกดิน
ผมยอมรับว่าสะดุ้งตรงเมีย ไม่รู้ว่าจะคิดเข้าข้างตัวเองไปมั้ยว่าเขาทำห้องนั้นให้ผม?
นี่ผมต้องเป็นเมียเขาหรอ? เอาจริงดิ!

“แล้วนี่มึงเป็นไรวะหมาวิน”

“เป็นไร? ใคร? กูไม่ได้เป็นไรนี่ มึงแหละเป็นไร”

“มึงนั่นแหละไอ้คุณชาย ทำหน้าเหวอๆ”
“เป็นไร นี่ได้แดกอะไรมั่งรึยังนอกจากชาเนี่ย”

“แล้ว”

“เออ เดี๋ยวแยกกันตรงนี้นะ กูกลับบ้านไปทำต่อเอง รับรองเสร็จทัน”

“อ้าว ไม่นอนค้างบ้านกูหรอ ทำด้วยกันก็ดีไม่ใช่หรอ มึงจะได้ไม่อู้”

“ไม่เอาอ่ะ กูพอได้แนวแล้ว”
“แล้วคืนนี้กูก็มีนัดแล้วด้วย กลับดึกก็กวนมึงรออีก ไปแระ”
“มีงรอพี่โป๊ะที่นี่นะ อย่าให้เขามาแล้วไม่เจอล่ะ”

“รู้แล้วน่า”

“เอ้อวิน”

“อะไร?”

“เขารักมึงมากเลยว่ะ กูว่า”
“ถ้าไม่ขอมากไป อย่าทิ้งเฮียกูนะ”

“อะไรของมึง” ผมทำเฉไฉใส่ แต่สายตาไอ้โอมตอบกลับมาว่าจริงจังผมก็เลยต้องจริงจังตามไปด้วย
“แล้ว...มึงรู้ได้ไง ฟังเขาโม้มากไปแล้ว”

“กูไม่ได้รู้เพราะฟังเขา กูรู้เพราะกูเปิดตามองสิ่งที่เขาทำต่างหาก”
“มีแต่มึงแหละที่ตาบอด”


“บอดพ่อมึงสิ!”
“ไปไหนก็ไปเถอะ แม่ง”

“เออเออ ไปก็ได้”
“ไอ้หมาวินได้แก้ว”

มันด่าผมแล้วก็ไป สารเลวโอม ไม่รู้มันจะพูดให้ผมเก็บมาคิดทำไม
อยากรู้เหมือนกันว่าห้องชั้น 4 นั้นมันวิเศษยังไง ไอ้โอมถึงได้ละเมอเพ้อคิดไปว่าพี่โป๊ะรักผม...มาก

ไอเอสผมเดินมาเกือบ 90% แล้วครับ
เรียกว่าอยู่ในระดับที่สบายใจได้ กูมีอะไรไปสอบปิดเล่มแล้วโว้ย!
เมื่อขาดไอ้ตัวชวนคุยอย่างไอ้โอมไป ผมก็นั่งเล่นนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยครับ จนรู้สึกได้ถึงการถูกจ้องจนคิ้วกระตุกนั่นแหละ ผมถึงได้เงยหน้ามองผู้คนในร้านอีกรอบ
คนรอบข้างผมเริ่มมีแต่นักศึกษาแล้ว จากทั้ง 2 มหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้ๆ นี่แหละ พอถูกมองมากเข้าก็เริ่มอึดอัด ผมก็เลยเก็บคอมพิวเตอร์บางเฉียบเข้ากระเป๋าสะพายข้างคู่ใจ บิดตัวไขว่ห้างหันหน้าเข้ากระจกแล้วก็เล่นมือถือแทน
เสียงกระแอมเกิดขึ้นใกล้ๆ หู แต่คนที่มาก่อเสียงข้างหูผมไม่ใช่คนคุ้นหน้าเลยครับ
หรือว่าจะเป็นพนักงานร้าน? ผมนั่งนานไปหรอ? แต่ผมก็ซื้ออะไรกินเรื่อยๆนะ ทำไมวะ? แค่นี้มันเป็นปัญหาหรือบั่นทอนสังคมมากรึไง?

“อะไรครับ?” ผมถามคนที่จ้องหน้าผมเสียนาน อีกฝ่ายยิ้มให้ ชี้ที่เบาะนั่งฝั่งตรงข้ามผม อ๋ออออ จะลากไปนั่งที่อื่นล่ะสิ ผมก็เลยตอบเอาบุญ
“ได้เลยครับ ไม่มีคน....”

หมอนี่นั่งลงทับรอยตูดไอ้โอม ซึ่งผมงงกว่าเดิมแล้วแหละว่า มึงมานั่งจ้องหน้าและส่งยิ้มให้กูทำไม

“คุณ จะนั่งตรงนี้หรอครับ?” ผมถามให้แน่ใจ ซึ่งเขาก็พยักหน้าและยังคงยิ้มให้อยู่ หรือว่าเขาเป็นโรคกล้ามเนื้อกระตุกและมันค้างในจังหวะกระตุกขึ้นวะ? ต้องช่วยดึงลงให้มั้ย? เอาไงดี ตอนนี้มีแต่มือกับตีนที่ว่าง

“โอเค” ผมยุติการพบเจอแต่เพียงเท่านี้ ผมลุกขึ้นและกดเบอร์พี่โป๊ะ พออีกฝ่ายรับสายผมก็บอกจุดประสงค์การโทรหาตรงๆ
“วินเปลี่ยนร้านไปนั่งกินข้าวนะ” แล้วคนตรงหน้าผมก็ลุกขึ้นตาม คืออะไร? มึงก็จะไม่นั่งแล้วเหมือนกัน? แล้วมาแย่งเก้าอี้กับกูทำไมวะ แต่ช่างแม่ง อย่าสนใจเลย อาจจะว่างจัดเลยอยากหาตีน ผมไม่ควรทำให้มันสมหวัง
“ก็ร้านใกล้ๆ” ผมพูดให้กว้างเข้าไว้ครับ ป้องกันไอ้คนนี้มันรู้ที่หมายของผมแล้วจะตามไปเล่นเก้าอี้ดนตรีกันอีก พอวางสายจากพี่โป๊ะผมก็จ้องหน้าเขากลับ และบอกไปว่า ตามสบาย แล้วก็เดินรวบสัมภาระออกจากร้าน รอบนี้หนักครับ เพราะห่าโอมเอาติดตัวไปแค่คอม หนังสือสำหรับอ้างอิงแม่งทิ้งไว้ให้ผมแบกคนเดียวเลย หนักชิบหาย

หืมมมม หนังสือเบาลง ผมหันขวับมองมือขโมยที่มาหยิบหนังสือไปจากมือผมจนเหลือติดมือแค่เล่มเดียว ไอ้คนนี้ต้องการอะไร?
“ของผม เอาคืนมา”

“ช่วยนะครับ”

“ไม่เป็นไร ถือได้”

“อยากช่วยไงครับ”

“บอกว่าไม่เป็นไร”

“นะครับ แค่อยากช่วย”
“จะไปร้านไหนครับ ทานข้าวหรอ? ร้านนั้นใช่มั้ย ไปสิครับ”

“....................”

“เฮ้ย ไม่ต้องซีเรียสขนาดนี้ก็ได้”
“ผมแค่อยากช่วยพี่”

พี่....โทษที ผมไม่ชอบมีน้อง

ผมเดินไปยังร้านเป้าหมาย วางของลงอย่างเรียบร้อย และหันมายึดหนังสือของผมคืนจากมือหมอนี่ เขายิ้มให้อย่างสดใสแล้วประกาศเจตนา

“พี่น่ารักดีครับ”
“ตัวบางแบบนี้ แบกของหนักขนาดนี้ได้ไง แฟนพี่ก็ใจร้ายเนอะ ปล่อยให้นั่งคนเดียวตั้งนานแล้วก็ชิ่งกลับไป”

ผมควรพูดอะไรดีล่ะ?
แฟนผม? ใครวะ? ทั้งวันนี้มีแต่ไอ้โอม หรือจะคิดว่าไอ้โอมเป็นแฟนผมวะ?

“เมื่อกลางวัน ผมมาซื้อกาแฟก็เจอพี่รอบนึง แม่งโคตรแสงสว่างเลย”
“แบบ นั่งเปล่งประกายอยู่อะไรแบบนี้อ่ะ”
“แต่ผมต้องรีบเข้าเรียนแล้ว มีสอบย่อยก็เลยไม่ได้ไปทัก แต่คิดไว้ว่าถ้ากลับมาอีกแล้วเจอพี่ ต้องทักให้ได้เลย ต้องได้เบอร์ด้วย”

“แล้วไงครับ”
“พี่หิข้าว ขอกินข้าวคนเดียวหน่อยนะ”

“อ่า ผมเลี้ยงได้มั้ย”

“ไม่”

“โหยย พี่คิดแป๊บนึงก็ได้ครับ”
“คือ จริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจมาหลอกลวงอะไรครับ”
“ผมเรียนศิล’กรรม”

“แล้ว”

“อยากได้พี่เป็นแบบวาดภาพ”

“ไม่”

“โหยพี่ คิดนึดนึงก็ยังดีนะครับ”

“ผมวางธีมไว้แล้วด้วย”
“ออร่าที่มากกว่าแสงอาทิตย์”

“โทษนะครับ ผมไม่ใช่หลอดไฟ ไปหาอะไรที่เปล่งประกายที่อื่นเถอะ”
“ช่วงหลีกไปด้วย ผมจะกินข้าว”

“พี่ครับ พี่ครับ”
“ชื่อก็ยังดี ให้ผมรู้หน่อยได้มั้ย”

“........”

“พี่ครับ พี่ พี่แสง” แสงพ่อมึงเซ่! ผมอยากหันไปด่า แต่ป้าสุสอนผมมาดีมากครับ ผมไม่ชอบโต้ตอบใครด้วยความหยาบคายโจ่งแจ้ง เว้นว่าสนิทกันแล้วค่อยเลิกเก็บปากเก็บคำ

“แสง?”

“ก็พี่ไม่บอกชื่อผม”
“ผมชื่อโยธา”
“เรียกโยก็ได้ครับ เรียนอยู่ม.นี้” มันชี้นิ้วบอกทิศทาง แต่ไม่ต้องระบุสถาบันศึกษา ผมก็พอจะเดาได้ตั้งแต่การแต่งตัวแล้วครับ

“พี่ล่ะ”
“ชื่ออะไรครับ”
“พี่....”
“ถ้าพี่บอก ผมจะให้พี่กินข้าวอย่างที่พี่ต้องการเลย จะไม่อยู่ในร้านนี้เลย”
“นะครับ”

“วิน”

“ชื่อยังน่ารักเลย พี่วินกินข้าวนะ เดี๋ยวผมรอข้างนอก” แล้วมันก็ไป คืออะไรวะ? ไม่เข้าใจเว้ย!

เวลานี้ ผมต้องการพี่โป๊ะมากครับ ช่วยมาเป็นไม้ตีหมาให้ผมหน่อยเถอะ
ผมสั่งอาหาร ลองมองออกไปนอกร้านก็เจอไอ้เด็กนั่นนั่งรออยู่หน้าร้านกาแฟ พอเห็นผมหันมองมันก็โบกมือยิกๆ ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าเขามาจีบ
แต่ผมไม่มีอะไรดึงดูดนะ เว้นแต่หน้าตาแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรดึงดูดคนเลย ก็แต่ดูดเหี้ยมาได้ตัวนึง
จนอาหารมาแล้วพี่โป๊ะก็ยังไม่มา เอาไงดีอ่ะ ก็หิวนะ แต่ถ้ากินหมดเร็วแล้วจ่ายเงินแล้วออกจากร้าน ก็ต้องเจอเด็กนั่นอยู่ดี ผมไม่อยากเจอ ไม่อยากพูดกวนตีนใส่หรือพูดแรงๆ ให้เขาเลิกมาวุ่นวายกับผม เฮ้อออออ
ผมกินข้าวเติมพลัง รอไลน์ รอโทรศัพท์จากพี่โป๊ะแต่ก็ไม่มีมาเสียที จะโทรหาเขาอีกรอบมันก็ดูร้อนรนเกินไป จริงๆ ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนักกับการที่มีคนมาตื้อให้ผมทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ
จนผมกินข้าวหมดก็แล้ว สั่งขนมที่ไม่ได้อยากกินนักมานั่งมองมันฆ่าเวลาก็แล้ว พี่โป๊ะก็ไม่โผล่มาสักที ไอ้คนนี้ก็ไม่ไปสักที เอาไงดีวะ ผมอยากกลับบ้านแล้วด้วย
เอาล่ะ ผมจะรอเขาอีก 15 นาที ถ้ายังไม่มา ผมจะกลับบ้านด้วยการนั่งแท็กซี่ และถ้าถูกตามผมจะให้แท็กซี่ไปส่งที่โรงแรมก็แล้วกัน
ผมรอ รอ และก็รอ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมตั้งใจรอพี่โป๊ะอย่างจริงจัง ที่ผ่านมาเขาอยู่ติดตัวผมเสมอ ความช่วยเหลือของเขาจึงเท่าทันเวลาที่ผมรู้สึกเดือดร้อนตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกไม่ดีที่ไม่มีเขาอยู่ข้างๆ ไม่มีนายมือโปรอยู่เป็นมือกวาดสิ่งแวดล้อมที่ผมไม่ต้องการออกไปให้พ้นตา


ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #451 เมื่อ22-02-2016 21:50:52 »

“พูดตรงๆ ก็คงไปล่ะมั้ง” ผมตั้งข้อสันนิษฐาน เรียกเก็บเงินแล้วก็เตรียมเก็บข้าวของ และทันทีที่ผมเริ่มหยิบกระเป๋า โกยกองหนังสือ มนุษย์ที่นั่งเตร่รอหน้าร้านกาแฟก็ลุกแล้ววิ่งพรวดเข้าร้านมาทันที

“พี่วิน ผมช่วยนะ”
“มามา ตัวพี่บางแบบนี้ ไม่มีแรงถือไปหมดหรอก”
“แฟนพี่ก็ใจร้าย”

“โทษ ไม่ใช่แฟน”

“อ่า ดีจัง งั้นพี่วินก็โสด”

“อืม” โสดล่ะมั้ง อย่างน้อยผมก็อยู่คนเดียวในตอนนี้ เวลานี้ ถ้าผมไม่โสด คนที่รักผมก็น่าจะมาดูแลผมหรือใช้เวลาร่วมกับผมได้แล้ว นี่มันมืดมากแล้วด้วย

“งั้น ผมจีบนะ”

“ใครน่ะวิน” เสียงคุ้นๆ ดังขึ้นตอนที่ผมก้าวออกจากร้านแล้วกำลังยื้อยุดหนังสือที่ถูกหยิบไปจากมือ ผมหันมองเจ้าของเสียงนั้น ใบหน้าเขาบึ้งตึง มองผมไม่นานเท่าที่แช่สายตามองไอ้โยธาคนนี้ตั้งแต่เท้าจรดหัว

“ไม่รู้จักครับ”

“ใครหรอครับพี่วิน” ไอ้เด็กนี่ถามบ้าง ขอบใจนะที่เปิดช่องให้ผมได้แสดงอาการไม่พอใจบ้าง

“ไม่รู้จัก”

“วิน” นายมือโปรเรียกผมเสียงเย็นๆ เขาคว้าตัวผมไว้ กระชากหนังสือที่เด็กโยธานี่ยึดไปถือไว้กลับคืนมา ดึงกระเป๋าผมไปสะพายบ่าไว้แทน แล้วก็จัดการจับกุมข้อมือผมไว้
“รอนานมั้ย พี่ขอโทษนะ รถติด แล้วทานข้าวแล้วใช่มั้ย หือ”

“.........................” โกรธดีมั้ยวะ? จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้รอนานขนาดรอไม่ได้ แค่มาเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ชอบใจก็เลยพาลใส่เขาที่เขามาช้าไม่กี่ชั่วโมง

“กลับบ้านกันนะ”

“ครับ” ผมรับคำ เดินตามแรงจูงของเขาไปอย่างว่าง่าย แต่เด็กโยธานี่ดูเหมือนจะไม่ยอมจบ อยากเตือนเด็กนี่เหมือนกันว่าให้รักษาชีวิตไว้จะดีกว่า

“พี่วิน พี่ไม่รู้จักเขาไม่ใช่หรอ?”
“มากับโยเถอะ”
“พี่ครับ พี่วินเขาไม่รู้จักพี่ มาลากตัวไปแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ทำไมจะไม่ได้” นายมือโปรหยุดแล้วตวัดหางเสียงถามเด็กคนนี้ ผมรู้สึกได้ว่านายมือโปรไม่อยากมีเรื่อง เพราะมันมวยคนละรุ่น กระดูกคนละเบอร์ แล้วก็รับรู้ได้ว่าเขาสะกดอารมณ์ของเขาเต็มที่แล้วเหมือนกัน

“ก็พี่วินเขาไม่ได้”

“นี่แฟนผม”
“ผมจองแล้ว จูบไว้หลายที จะทำให้เป็นเมียเร็วๆ นี้ รอเขาอนุญาตก่อน”
“ชัดมั้ย หรืออยากแย่งไป ทำไม บ้านขาดความรักหรอ”
“อย่าขวางทาง วินจะกลับบ้าน”

“ก็.....”

“หลีกเถอะครับ จะกลับบ้าน....แฟนมารับแล้ว” ผมช่วยบอกเพื่อให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี แม้ว่าตอนพูดคำว่าแฟน ต่อหน้าคนอื่น ต่อหน้าเขา มันจะทำให้หน้าผมร้อนแทบระเบิดก็ตาม

เด็กโยธาทำหน้าเอ๋อๆ ใส่ผม แล้วก็มองนายมือโปรอย่างไม่พอใจนัก แต่ก็ยอมหลีกทางให้ อาจจะเป็นเพราะลักษณะทางกายภาพที่เด็กนี่น่าจะรู้ตัวว่าสู้พี่โป๊ะไม่ได้สักอย่าง

“อ่ะ อ้าวพี่โป๊ะ”
“ท่าเรืออ่ะ เลยแล้ว”

“ไปร้านก่อน”

“ไปทำไมครับ” ผมขืนตัวเองไว้สุดแรง ทำให้นายมือโปรต้องหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ก็แค่ไปดูร้านพี่ ร้านที่พี่ตั้งใจทำ” เพื่อลูกแพร์อะไรนั่นน่ะหรอ ผมไม่อยากดู ผมหน้าคว่ำลงกว่าเดิม ก้มหน้า ไม่พูดด้วย และพยายามแย่งทุกอย่างที่เป็นของผมกลับคืนมา แต่ก็เปล่าประโยชน์ แค่เขาซ่อนทุกอย่างไว้ด้านหลังและผายอกส่งเนคไทมาทำหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับ ผมก็แพ้แล้ว
“เหตุผล”

ผมไม่อยากบอกนี่ ใครจะทำไม

“พี่ถามจากโอ้โอมแล้ว มันบอกว่าวินก็ไม่บอกมันเหมือนกันว่าเพราอะไรถึงได้รังเกียจร้านกาแฟนัก”
“ทำไมหรอ? มันเล็กไปหรอ? วินต้องคู่ควรกับร้านหรูงั้นสิ”
“พี่ไม่เชื่อว่าวินจะวัตถุนิยม หริอทุนนิยม แต่พี่ก็คิดหาเหตุผลอื่นไม่ได้ ว่าเพราอะไรวินถึงเกลียดร้านนี้นัก แค่ไปเหยียบหน้าร้านยังไม่ทำ”

“..............”

“ถ้าอยากให้พี่เลิกเซ้าซี้ถาม อยากให้เลิกเซ้าซี้ให้มา วินก็ตอบให้พี่หายโง่สักที”

“ก็นั่นมันที่ของเขา”

“ใคร”

“ลูกแพร์” ผมไม่อยากพูดชื่อนี้เต็มปากเต็มเสียง เอาจริงๆ ผมไม่เคยอยากพูดถึงด้วยซ้ำ เพราะผมรู้สึกว่าผมจะเป็นคนไม่ดี ดื้อด้าน ใจดำอำมหิตที่หยิบเอาเธอมาเป็นประเด็นโกรธเคือง
เขานิ่งไป ถอนหายใจจนไหล่ห่อลู่ ฮึ...นี่สินะ เจ้าของหัวใจที่แท้จริงของนายมือโปร ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน และคงต่อไปในอนาคต เพรเซนท์ เพอร์เฟค คอนทินิวอัส คือเหตุการณ์นี้นี่เอง

“วินเข้าใจไม่ผิดใช่มั้ยครับ พี่โป๊ะทำร้านกาแฟก็เพื่อลูกแพร์ พี่เคยบอกวินเอง”
“แล้วจะให้วินมาเหยียบที่นี่ทำไม”
“พี่โป๊ะต้องการอะไร? ความสุขจากการสมหวังทุกอย่างที่ต้องการหรอ?”
“กับวินเนี่ยนะ พี่คิดว่าพี่จะมีความสุขได้กับคนอย่างวินหรอ?”
“อย่างน้อย วินก็มีข้อเรียกร้องต่อพี่โป๊ะ 1 ข้อ”
“คือห้ามมีอะไรให้หวนไปคิดถึงรักแรกรักแท้ของพี่อีก จะร้านกาแฟ ผ้าแพร ลูกแพร์ พี่พีช อะไรก็ตามที่ทำให้พึ่หวนคิดถึงผู้หญิงคนนั้น ก็คือสิ่งที่ทำให้วินไม่พอใจ ไม่ชอบ ไม่อยากให้ยุ่ง ไม่อยากให้รักเขามากกว่าวิน ห้ามคิดถึงเขามากกว่าวิน อย่าทำอะไรเพื่อเขามากกว่าวิน”
“แล้ววินจะมีพี่โป๊ะเพียงคนเดียวในชีวิต วินจะไม่ต้องการใครอื่นอีกเลยในชีวิต”
“ถ้าพี่โป๊ะให้ได้....วินคงเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก”
“แต่วินรู้ ... วินมันคนอับโชค”
“ขอของวินคืน วินจะกลับบ้าน” ผมยื่นมือไปตรงหน้า และเขาก็คืนทุกอย่างที่เป็นของผมให้กับผม เราจ้องหน้ากัน สื่อสารกันด้วยภาษาตา ภาษากาย และผมก็สรุปความได้ว่า เขาลืมลูกแพร์ไม่ได้จริงๆ

ความรักมันเจ็บปวด นายมือโปรเคยบอกผมแบบนั้น
ความรักมันเจ็บปวด นายมือโปรเป็นคนสอนให้ผมรู้จักความรู้สึกนั้น


ผมเดินย้อนกลับมาคนเดียว มารอเรือที่ท่าเรือ ซึ่งก็เสี่ยงมากกว่าเรือจะหมดแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ ผมอยากยืนอยู่เงียบๆ สักพัก อยากมองดูสรรพสิ่งเคลื่อนไหวโดยไม่รู้สึกว่าต้องเต้นตาม การยืนอยู่คนเดียวเงียบๆ ตรงนี้ รู้สึกอยู่คนเดียวว่าถูกโลกทิ้งให้หลุดจากวงจรแบบนี้ ช่างเหมาะสมกับผมที่สุดแล้ว

“พี่วิน ให้ผมพากลับบ้านนะครับ” ใครอีกคนสื่อสารกับผม เสียงเขาแทรกผ่านความเงียบเข้ามาแผ่วๆ ผมหันไปมองหน้าเขา ใบหน้าบูดเบี้ยวของผมทำให้เขาต้องทำหน้าสลดตามขนาดนั้นเลยหรอ?
สีหน้าเขาถูกเคลือบด้วยม่านน้ำตาของผม และทันทีที่มันหล่นจากขอบตาของผม สีหน้าเศร้าของเขาก็ชัดเจนขึ้นมาทันที

“พี่วิน”

“ฮึก....” แทนที่จะเป็นคำพูด สิ่งที่ผมสื่อสารกับโลกนี้คำแรก กลับเป็นเสียงสะอื้นร้องไห้ไปเสียได้ น่าอายชะมัดเลย!

เด็กที่เพิ่งเจอกัน สาวเท้ามาใกล้ผม ถือวิสาสะมาเช็ดน้ำตาให้ผมทำได้แค่บังคับหัวคิ้วให้วิ่งเข้าหากันเท่านั้น

“พี่วินอย่าร้องไห้เลย”
“พี่วินไม่ต้องเสียใจกับคนแบบนั้นหรอกครับ”

“......................”

“พี่วิน”

“ผมไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” ผมบอกแล้วเดินสวนขึ้นจากท่าเรือ เพื่อจะกลับบ้านตามที่ตั้งใจไว้ แต่ตัวผมกลับถูกรั้งไว้ด้วยมืออีกคน เขาขยับมาขวางหน้าผมไว้ โอบผมไว้ กอดผมไว้ ลูบหลังอย่างแผ่วเบา แล้วเอ่ยอนุญาตให้ผมร้องไห้ออกมาโดยไม่ต้องอาย

“ร้องออกมาให้หมด แล้วยิ้มให้ผมใหม่นะครับ”

เด็กคนนี้ชื่อโยธา เขาบอกว่าเรียนอยู่คณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยใกล้ๆ นี่เอง
เขาต้องการให้ผมเป็นแบบวาดภาพให้ แต่ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาต้องการแค่นั้น

“โยจะปกป้องพี่วินเอง”
“ไอ้สูงนั่น เจอดีแน่”

เด็กคนนี้จะไปสู้อะไรกับพี่โป๊ะได้
แต่ก็คงเหมือนกันนั่นแหล่ะ
ผมคนนี้ จะไปต่อรองอะไรกับพี่โป๊ะได้

บางที...ก็ช่างหัวพี่โป๊ะมันเถอะ!
ไม่รักผม เขาก็ไม่ได้สะเทือนอะไร
เพราะฉะนั้น ผมก็ไม่ควรทำตัวใกล้ตาย เพียงเพราะอาจจะไม่ได้เป็นที่รักของเขา

“โย” ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายระหว่างปาดน้ำตาลวกๆ  เด็กนี่สีหน้ากระตือรือร้นขึ้นมาก มองๆ แล้วเหมือนลูกหมาไม่มีผิด

“ครับ”

“ไปเที่ยวกัน”

“ไป!” นี่คนแน่หรอ? ทำไมผมรู้สึกว่าเด็กนี่หางกระดิก

Cut


มาแล้ว ไปแล้วค่า
ปรู๊ดดดดดดด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2016 00:37:44 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #452 เมื่อ22-02-2016 22:18:13 »

เย้ยยยยยยยย จะดีหรอวิน

ออฟไลน์ kung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #453 เมื่อ22-02-2016 23:26:23 »

ไรวะๆ ไม่ชอบวินเลยอะ เอาแต่ใจ ง่ายเกินไปมั้ยสำหรับคนเพิ่งคุยกัน ทีกับพี่โป๊ะนี่ท่ามากเรื่องเยอะใส่พี่โป๊ะตลอด เกลียดอะไม่ชอบนายเอกงี่เง่าดูน้ำเน่าประชดแบบนี้ ขอโทษคนเขียนนะคะ พอดีอินมาก เราชอบคนแบบพี่โป๊ะ จริงๆอยากด่าวินมากกว่านี้นะ555 แต่ไม่ไหวละ โมโหนางวินเกิน ต้องหยุดตัวเองก่อน  :ling1: :ling3: :z3:

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #454 เมื่อ22-02-2016 23:49:26 »

เข้าใจวินน่ะ แต่ก็เข้าใจพี่โป๊ะด้วยอ่ะ
เรื่องแบบนี้มันยากทั้งคู่แหละ
ถ้าผ่านมันไปไม่ได้ ก็แสดงว่ายังรักกันไม่มากพอ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #455 เมื่อ22-02-2016 23:54:28 »

โอ้โห แล้วมันจะหวานกันตอนไหนบอกที
ก็วินมืดมนขนาดนี้ หรือพี่โปรทำไม่ดีพอ
โอ๊ยเครียดดดด  :katai1:

ออฟไลน์ sunakai

  • *~CrAzY_KiLL~*
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #456 เมื่อ23-02-2016 00:00:36 »

ระหว่างวินกับนายโยไม่รู้จะรำคาญใครมากกว่ากัน
อ่านละหงุดหงิด ก็เข้าใจแหละว่าวินมีใจ วินแคร์พี่โป๊ะมากขึ้น
แต่ทุกคนเกิดมาก็ย่อมมีอดีตป่ะวะ ถ้าจะต้องลบอดีต
ลบความทรงจำ ลบตัวตนที่ผ่านมาเพื่อจะต้องมาอยู่ข้างกัน
มันไม่โหดร้ายกับพี่โป๊ะไปหน่อยเหรอ พี่โป๊ะพยายามฟังวิน
แต่ไม่เห็นวินเคยฟังพี่โป๊ะบ้างเลย วินกินข้าวอิ่มแต่พี่โป๊ะรีบฝ่ารถติดมาหา
ไม่ถามสักคำว่าหิวหรือเปล่า แถมยังพูดเองเออเอง คิดไปเอง
แล้วก็วิ่งหนีไปแบบนี้ มันดีแล้วเหรอวิน?

ปูลู : ถ้ามหาลัยนายโยหมายถึงมหาลัยที่อยู่ตรงข้ามวัดพระแก้วล่ะก็
ไม่มีคณะศิลปกรรมจ้า มีแต่คณะจิตรกรรมเน้อ~

ออฟไลน์ MENTA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #457 เมื่อ23-02-2016 00:38:17 »

เฮ้ออออออ สู้ๆนะ พี่โป๊ะ น้องวิน  :mew2:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #458 เมื่อ23-02-2016 08:14:22 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #459 เมื่อ23-02-2016 08:42:29 »

ใจเย็นๆนะวิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
« ตอบ #459 เมื่อ: 23-02-2016 08:42:29 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #460 เมื่อ23-02-2016 09:05:55 »

อึนๆ หน่วงๆ  :ruready

ออฟไลน์ beautifuldead

  • wandered lonely as a cloud..
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #461 เมื่อ23-02-2016 14:54:08 »

เข้าใจวินนะ เหอๆ นั่นสิ ..การสู้กับคนที่อยู่ในความทรงจำนี่ยากที่สุดเลย
แล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หรือรู้สึกดีอะไร
ที่จะพูดความรู้สึกไม่ชอบใจกับสิ่งที่เป็น ..
ที่อิจฉาคนในความทรงจำออกมาได้หน้าตาเฉย T_T

โมเม้นงี่เง่านี้เราเข้าใจ...แต่อย่าพึ่งเลยย
ถ้าเป็นเรื่องของสองคน อย่าพึ่งหาคนมาเพิ่มให้ยุ่งกันเข้าไปอีกกก

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #462 เมื่อ23-02-2016 16:36:34 »

ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #463 เมื่อ23-02-2016 16:52:44 »

โปร ไหงปล่อยมือจากวินง่ายนักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #464 เมื่อ23-02-2016 17:35:51 »

เฮ้ออออ. ทะเลาะกันอีกแระ. มีมือที่สามเข้ามาอีก. พร่โป๊ะทำไมปล่อยวินไปง่ายๆแบบนี้อะ
ร้องไห้หนักมาก บอกเลย  :o12:  :o12: :o12: :o12:
ค้างมาก มาต่อไวๆนะ

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #465 เมื่อ23-02-2016 18:12:57 »

รู้สึกเหนื่อยแท้ความรักของสองคนนี้

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #466 เมื่อ23-02-2016 22:11:07 »

วินคิดเยอะไปเปล่า  :confuse: :confuse:

ออฟไลน์ iimayuworld

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 31(22-02-16)
«ตอบ #467 เมื่อ28-02-2016 00:02:42 »

เฮ้ออออออออออ ถอนหายใจสิบตลบ นอนไม่หลับด้วยดิ
หน่วงอ่าาาาาาา ต้องติดอยู่ในหัวไปอีกนานเท่าไหร่ล่ะเนี่ย ฮือออออออออ

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
«ตอบ #468 เมื่อ02-03-2016 00:28:31 »

Title :  At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 32


นายโยธาคนนี้ เป็นเด็กซิ่ว
ใช่ครับ ตอนแรกผมก็คิดว่าผมได้ยินผิดไป และคิดว่าเขาเป็นเด็กซิ่ง ซึ่งอาจจะเป็นคำสุภาพของเด็กแว้น แต่เขาก็ยืนยันกับผมอีกหลายๆ รอบว่าเขาเป็นเด็กซิ่ว
ตอนแรกเอนท์ม.เชียงใหม่ แล้วก็ไม่ไป ไม่ถูกใจหรือยังไงก็ไม่รู้ ก็เอนท์ใหม่ มาคิดที่ม.ในเมือง ย่านอโศก แต่ก็ไม่ถูกใจอีก จนมาเอนท์รอบสุดท้าย ก็ติดที่แถวนี้
ชีวิตเขาดูน่าสนุกดี แต่นายโยธาคนนี้กลับบอกว่าน่าเบื่อ ไร้สีสันอย่างสิ้นเชิง
งานอดิเรกของเขาก็คือวาดภาพ แต่ผมไม่ได้ขอดูฝีมือเขาหรอกนะครับ และก็ไม่คิดจะรับรู้ด้วย
เขายังคงตื๊อให้ผมเป็นแบบวาดรูปให้ วาดจากรูปถ่ายก็ได้ แต่ผมปฏิเสธทุกอย่าง และเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาขัดใจผมด้วย
เรานั่งกันอยู่ในผับกึ่งร้านอาหาร ร้านนี้มีเบียร์เยอรมันและเบียร์เบลเยียมป็นจุดขาย และอาหารเลิศรสเป็นเครื่องเคียง ผมก็เลยค่อนข้างขรึมลงเพราะผมไม่ใช่สายเบียร์ ดื่มไป 10 กว่าเหยือกก็แทบไม่อยากขยับปากพูดแล้ว จริงๆ แล้วสมองไม่สั่งการแล้วต่างหาก
การเที่ยวเพื่อผ่อนคลายของผมวันนี้ จึงเป็นการดื่มเบียร์พลางนั่งฟังหนังชีวิตของนายโยธา
แต่พวกเราไม่ได้ดื่มกันแค่ 2 คนหรอกครับ นายโยเรียกเพื่อนมาแจมด้วย เขาถามผมก่อนซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ก็แค่บอกว่า แล้วแต่เท่านั้น
“พี่วิน ตอบผมได้รึยัง เลิกกับแฟนแล้วใช่มั้ยครับ”

“.................” ปากเสียชิบหาย จะเลิกได้ไง ไม่เลิกเว้ย! นี่เรียกแฟนกันได้แล้วรึเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ

“เลิกๆ ไปเถอะ ยักษ์นั่น ดูดิ ทำพี่เสียน้ำตาแท้ๆ ไม่เห็นมาง้อเลย”

“..................” ก็ใช่ ตัวไม่มา แต่ข้อความเด้งหาจนคล้ายๆ ว่าโทรศัพท์จะรับไม่ไหวแล้ว ผมหันมองหน้าเขาด้วยตาปรือๆ นายโยยื่นยิ้มให้ใกล้ตามาก ซึ่งระยะใกล้ขนาดนี้ผมมองไม่เห็นอะไรหรอกครับเพราะหลับตาหนีแล้ว

“เฮ้ยโย คุยกับพวกกูมั่งก็ได้”
“แล้วเพื่อนมึงเอาไรอีกมั้ย” คนที่ถามเป็นเพื่อนของโยครับ ถึงจะบอกสถานะว่าเป็นเพื่อน แต่ก็ต้องเป็นรุ่นน้องโยอยู่แล้วเพราะโยซิ่วมา 2 รอบ ผมไม่รู้ว่าเขาหันไปตอบอะไรเพื่อน เพราะแค่เขาหันหน้าไปทางอื่นผมก็แทบไม่ได้ยินเสียงเขาแล้ว เพราะว่าเสียงดนตรีดังกลบทั้งร้านเลยครับ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ผมกอดไว้กับตัวเอง จะเอาไว้ตอบพี่โป๊ะ ถ้าถูกจี้ถามหนักๆ ว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์
ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง แต่เพราะเป็นเขาที่โทรมา ผมก็เลยไม่อยากรับสาย
ไม่ใช่ว่าโกรธเกลียดเขานักหนา แต่ผมไม่รู้ว่าควรพูดกับเขาว่าอะไรดี ไม่รู้ว่าจะชวนคุยเรื่องไหนดี เพื่อให้เกิดความไหลรื่นระหว่างบทสนทนา และเอื้อให้ผมพูดคำว่า ‘ขอโทษ’ ออกมาได้อย่างไม่เคอะเขินเกินไป
ผมผิดเองแท้ๆ ที่ไปลงอารมณ์โครมครามใส่เขาแบบนั้น
นายมือโปรไม่ได้ผิดอะไร เขาก็คือเขา คือผู้ชายคนเดิมของผม คนที่พึ่งพาได้ทุกเรื่อง ดีกับผมทุกอย่าง ตามใจผมตลอด ไม่เบื่อผม และไม่น่าจะหลอกลวงอะไรผม ข้อเสียของเขามีแค่อย่างเดียว คือเขาอาจจะไม่ได้รักผม

ทุกวันนี้ที่ดีต่อกัน หากว่ามันเป็นเพียงความชอบ ความอาทร ความสงสาร
ผมไม่คิดว่าผมจะอยู่ได้เพียงเพราะความรู้สึกเหล่านี้
ผมต้องการมากกว่านี้มาก มาก มาก....มาก
ผมต้องการให้เขารักผม.....คนเดียว

โลกนี้ กฎที่ใช้ได้เสมอก็คือ ถ้าอยากได้ ก็ต้องให้ก่อน
แต่ผมไม่ค่อยมั่นใจนักว่า สิ่งที่ผมพอจะให้เขาได้ มีมันค่าเทียบเคียงกับความรักที่อยากได้จากเขารึเปล่า

นายมือโปรตัวใหญ่มาก มือใหญ่มาก หัวใจก็คงใหญ่มาก
แม้เขาให้ผมใจแค่เสี้ยวเดียว ความรักมันก็คงล้นเอ่อเจ่อนองเหมือนน้ำในคืนวันเพ็ญแล้ว แต่ผมก็ใจแคบมากเสียจนไม่ยอมให้เขาเก็บใครอีกคนไว้ในอีกเสี้ยวใจไม่ได้
ถ้าจะให้ผม ก็ต้องให้ทั้งหมด
ถ้าให้ได้ไม่หมด ผมก็ไม่รับอะไรทั้งนั้น


“พี่วิน กินอะไรอีกมั้ย”

“เบียร์อีกเหยือก”

“เฮ้ยพี่! ดูแล้วพี่ไม่น่าจะไหวนะ”
“บอกที่อยู่กับผมไว้ก่อนเลยนะ เมามากจะได้ไปส่งถูก”

“....................” ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็มีคนแจ้นมารับเอง ถึงนายมือโปรจะไม่ตามมาง้อคนงี่เง่าอย่างผม คนที่อิจฉาได้กระทั่งผี ผมก็ยังมีลุงสมาน ระหว่างที่นายโยธาหันไปพูดคุยสนุกสนานกับเพื่อนของเขา ผมก็ส่งข้อความหาคนขับรถ บอกว่าอยู่ไหนและให้มารับกี่ทุ่มกี่ยาม ลุงสมานไม่เคยเอาเรื่องที่ผมดื่มจนเมามายไปฟ้องป้าสุอยู่แล้ว แต่รายนั้นก็จับโกหกของผมกับลุงสมานที่ช่วยกันปั้นน้ำเป็นน้ำเหลวได้ทุกครั้งไป

“พี่วิน”
“ทำไมดื่มเบียร์เป็นน้ำเปล่าแบบนี้อ่ะเฮ้ย พี่เฮิร์ตมากหรอ รักเขามากหรอครับ”
“พี่วิน”

“อือ...คงงั้น”
“ไม่งั้นคงไม่เป็นงี้”
ผมตอบเท่าที่สมองจะเชื่อมโยงเหตุผลได้ นายโยยื่นหน้ามาใกล้อีกหน เขาจ้องตาผมอยู่นาน จากนั้นก็ยกนิ้วขึ้นมาเกลี่ยที่ขอบตา

“น้ำตาพี่เยอะจัง”

ผมไม่ได้ร้องไห้เสียหน่อย ก็แค่ตาฉ่ำเกินไปเท่านั้นเอง
ผมหันหน้าหนี ถอนหายใจเป่าลมร้อนๆ ออกจากปากพลางดึงโทรศัพท์ขึ้นมาจ้องมอง
ไลน์ 200 ข้อความ
มิสคอล 50 สาย
นายมือโปรทั้งนั้น

อืดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
โทรศัพท์ที่กำลังจ้องอยู่ขยับตัวราวกับเต้นระบำ ผมมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ
ProP
ผมเมมชื่อเขาไว้แบบนี้ ใครไม่รู้ก็คงคิดว่าเพื่อนที่ชื่ออสังหาริมทรัพย์โทรมา
และครั้งนี้ ผมตัดสินใจรับสาย
ทันทีที่ผมรับ เสียงเขาก็ตะโกนแทรกเสียงดนตรีสดออกมาเขย่ารูหูผม คำที่จับใจความได้ก็คือ ‘อยู่ไหน!’
เสียงเขาดูอารมณ์เสีย อารมณ์เสียมาก แต่ช่างเถอะ ผมก็อารมณ์เสียเหมือนกัน

“ผับ”

“กับใคร”

“โย”

“ใคร”

“โย”

“ครับ” เจ้าของชื่อหันมาหาผมและรับคำเรียกชื่อ เขาเห็นผมกำลังโทรศัพท์จึงมาแย่งไปพูดเสียเอง

“ลุง! เลิกกวนใจพี่วินได้แล้วเว้ย!” แล้วเขาก็วางสาย ผมล่ะสงสัยว่าหมอนี่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้กี่วัน

เด็กนี่ยิ้มอวดความใจใหญ่ของตัวเอง  เขาคืนโทรศัพท์ให้ผม แล้วก็โน้มตัวมากระซิบข้างหู
“ไม่เป็นไรนะพิ่วิน เดี๋ยวผมไปส่งถึงบ้าน ยักษ์ที่ไหนก็ไม่ต้องกลัว” พูดจบก็หันตัวไปหาทางเพื่อนเขาต่อ

โต๊ะที่ร้านนี้เป็นโซฟาที่โอ่ล้อมให้ทุกคนหันหน้าเขาหากัน แต่ผมเลือกนั่งตรงมุมหัก นั่งลึกลงจนหลังพิงโซฟา ขณะที่คืนอื่นนั่งกันเพียงแค่ครึ่งก้นเพื่อโน้มหาฝั่งตรงกันข้ามได้สะดวกขึ้น

อืดดดดดดดดดดดดดดดดดด
โทรศัพท์ผมเต้นระบำอีกครั้ง ProP โทรมาหาอีกเหมือนเดิม และผมก็เลือกจะรับสายเหมือนเดิม แต่ก่อนรับสาย ผมกระดกเบียร์เข้าไปจนหมดแก้วและรินรอตัวเองไว้จนเต็มแก้ว

“ครับ”

“ใครคือโย”

“ไม่รู้เหมือนกัน ก็เพิ่งเจอ”

“เพิ่งเจอแล้วไปกับมันได้ยังไง”
“อยู่ไหน”

“.................”

“วิน อยู่ไหน บอกพี่มาตอนนี้เลย เร็ว”
“วิน วิน”
“ได้ยินรึเปล่าวิน วิน”

“ได้ยิน” ผมตอบกลับไปเบาๆ ไม่รู้เขาได้ยินรึเปล่า
“แล้วพี่โป๊ะล่ะ อยู่ไหน”

คำตอบของเขาทำให้ผมน้ำตาร่วงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ทั้งที่เกือบเมาแล้ว เกือบไม่ได้สติแล้ว
แต่ผมเขาส่งความจริงที่ผมไม่ได้ต้องการรับรู้มาขยี้สมอง สติผมก็ดีขึ้นมาทันที

“อยู่ร้านกาแฟ ท่าพรอาทิตย์นี่เอง”
“วินอยู่ไหน เดี๋ยวไปรับ”
“เลิกดิ่มได้แล้ว”

“พี่โป๊ะ ทำไมถึงรักขนาดนี้”
“ลืมเขาบ้างไม่ได้หรอ”

“วิน พูดอะไร”

“ทำไมเป็นของวินคนเดียวไม่ได้ ทำไมรักวินคนเดียวไม่ได้”
“ทำไมต้องมีอีกคนที่คอยคิดถึงตลอด”

“วิน ให้พี่ไปรับ แล้วค่อยพูดกันให้รู้เรื่อง”

“ไม่”
“วินไม่เมา วินรับรู้ทุกอย่าง”
“ถ้าเมา วินจะรู้ตัวได้ยังไงว่ากำลังร้องไห้”
“น้ำตาไหลอยู่วินยังรู้ตัว เค็มด้วย” น้ำตาผมเค็มจริงๆ นะครับ ผมไม่ได้โกหก

“โอเค น้ำตาเค็ม เยี่ยวก็เค็ม ไม่ต้องไปริชิมมันหรอกนะ ทั้งเยี่ยวตัวเองเยี่ยวคนอื่น เข้าใจมั้ยคนไม่เมา”

“อือ”

“อยู่ไหน บอกมา”

“ผับ”

“ก็ที่ไหน”

“แถวนี้”

“งั้นรอ” ผมตัดสาย ผมไม่อยากคุยแล้ว ขนาดบอกว่าร้องไห้เขาก็ยังไม่สนใจ เออสิ ผมมันยังไม่ตายนี่! ผมต้องตายก่อนใช่มั้ยเขาถึงจะระลึกถึงอย่างโหยหาถึงขั้นสร้างอนุสรณ์รักระหว่างเราให้ด้วย
ไอ้เหี้ย ไอ้เลว ทำกูร้องไห้ได้ยังไง ไอ้ชั่ว
ฮือออออออออออออออออออออออ
สุดท้ายผมก็ปล่อยโฮอย่างไม่อายใคร ใครถามอะไรผมก็ไม่พูด พอนึกได้ว่าคนมองเยอะ แล้วผมก็ไม่ชอบให้ใครมามองหน้าผม ผมก็ก้มหน้าทำน้ำตาหยดอยู่คนเดียวเงียบๆ ยกเหยือกเบียร์ดื่มคนเดียว
นายโยพยายามถามอะไรตั้งมาก แต่ผมไม่ตอบอะไร เอาแต่ดื่มเบียร์ ดื่มเบียร์ แล้วก็ดื่มเบียร์ ดื่มจนรู้สึกแน่นไปทั้งอก ร้อนไปทั้งตัวผมก็ยังดื่ม

“พี่โป๊ะ” จนเมื่อผมยกหัวตัวเองไม่ไหว ขยับตัวไม่ได้เพราะอยากอ้วกเต็มที ผมก็เรียกหาคนที่ผมเรียกจนชินปาก อยู่ใกล้จนชินกลิ่น ฟังเขาพูดจนชินเสียง ชอบเขาจนชินใจ แต่ผมคงไม่มีเขาแล้ว ผมทำตัวงี่เง่าใส่เขา ผมอิจฉาคนที่เขาทั้งรักทั้งหวงทั้งห่วง เขาอาจซื้อเรือนหอกงเต็กเตรียมไว้เผาไปพร้อมกับร่างของเขาก็ได้ ผมสู้ไม่ได้กระทั่งคนที่ตายไปแล้ว ทำไมผมถึงได้ไร้ค่าขนาดนี้
“พี่โป๊ะ”

“พี่วิน พี่ไหวมั้ย”

“พี่โป๊ะ ฮึก วินขอโทษ”
“วินขอโทษ วินจะไม่ว่าผีของพี่อีกแล้ว วินขอโทษ”
“อย่าเบื่อวินนะ อย่าเกลียดวินเลย วินขอโทษ”
“โอม พี่มึงเกลียดกู พี่มึงเกลียดกูแล้ว”
“ไม่มีใครรักกูแล้ว”

“กูรักไง บอกไปตั้งกี่รอบแล้วไอ้ยุ่ง!”

“อื๋อ!”  ผมสำลักอาการครวญคราง ตัวผมถูกดึงให้ยืนขึ้นทั้งที่ยืนได้ตรงสุดก็ประมาณ 45 องศา

“จำได้มั้ยนี่ใคร” คนที่หิ้วปีกผมไว้ถาม มือใหญ่บีบแก้มผมจนขยับพูดไม่สะดวก

“พี่โป๊ะ”

“อืม พี่โป๊ะของวินไง”
“มารับแล้ว กลับบ้านได้รึยัง”

“ไม่ พี่โป๊ะเกลียดวิน พี่เกลียดวินแล้ว พี่จะตายไปกับกงเต็กเรือนหอ กงเต็กร้านกาแฟ กงเต็กเหี้ยๆ”
“ม่ายยยยยยยยยย วินเสียใจ”

“..............” คนตรงหน้าผมขมวดคิ้วใส่ เหมือนเขาจะยิ้มขำแต่ก็ได้หัวเราะออกมา

“พี่โป๊ะเกลียดวิน เกลียดวิน”

“พอแล้วไอ้ยุ่ง”
“น้อง ค่าเบียร์”
“ขอบใจที่ไม่พาไปไกล”

“เฮ้ยพี่! พี่วินเขาเลิกกับพี่แล้วนี่”
“เฮ้ยพี่ เอาพี่วินมา”

“ไปไกลๆ เลยไอ้เด็กนี่”
“ให้รู้ที่ต่ำที่สูงมั่ง นี่แฟนกู”
“วันนี้ไม่อยากมีเรื่องนะ อย่าเยอะ ให้นั่งมองหน้าตั้งหลายชั่วโมงนี่ก็สึกพอแล้ว หลบดิ!”

พี่โป๊ะแน่ๆ ปากเหี้ยแบบนี้คือพี่โป๊ะแน่ๆ
แต่ใช่แน่หรอ ก็เขาเกลียดผมนี่ ผมโมโหใส่เขา ผมนิสัยไม่ดีเรียกร้องให้เขาลืมคนที่เขารักเพื่อมารักผมคนเดียว
ผมทำตัวแย่ ไม่มีใครรักผมหรอก
ผมไม่ค่ากับใครเลย....สักคน
น้ำตาผมไหลอีกแล้ว เช็ดเองก็ยังไหล เขาเช็ดให้ก็ยังไหล
เดินเองแทบจะไม่ไหว แต่ทำไมน้ำตามีแรงไหล อะไร งงไปหมดแล้ว
นี่ผมจะไปไหน ผมเดินไปกับเขาทำไม นี่ใคร?

“พี่โป๊ะ”

“อือๆๆๆ พี่เอง พี่โป๊ะของวิน”
“อีกนิดก็ถึงรถแล้ว เดี๋ยวจะได้นอนนะ อย่าเพิ่งดื้อนะ”

“ไม่ไม่ วินไม่ดื้อ”
“ไม่ วินดื้อไปแล้ว วินขอโทษ”

“ครับครับ วินขอโทษแล้ว หยุดร้องไห้ได้แล้ว ไม่อายพี่หรอ”

“ไม่ อายทำไม ไม่ได้แก้ผ้า”
“วินแก้ผ้ามั้ย ไม่”
“พี่โป๊ะแก้ผ้า”

“ไม่มีใครแก้ผ้าทั้งนั้นแหละ ไอ้ยุ่งเอ้ย อย่ายั่ว”

“ไม่ยั่ว”
“อืมจะอ้วก”

“จะอ้วกหรอ แป๊บนะ ในรถมีถุง”

“ไม่ แหวะ”

“เฮ้ย!!!!!!!!!!!!”
“วิน วิน มานี่”
“อย่าดื้นดิวะ”
“วิน รถ! ไอ้เหี้ยมอเตอร์ไซค์ ไม่เห็นแฟนกูรึไง ไอ้ควาย!”
“วินวิน ใจเย็น”
“รถแล้ว รถ”
“ก้มหัว ก้ม โก้มมมมมมมมมมมมม”
“โอเค นอนนะ”
“โอเค นิ่งรึยัง”
“อ้วกมั้ย ไหนบอกจะอ้วกไม่เห็นอ้วก”
“วิน”
“วิน”
“วินครับ.....”
“....วิน”

ผมได้ยินทุกอย่าง แต่ผมแปลความหมายอะไรไม่ได้เลย
คนนี้ดูแลผมดีจัง ไม่ดุผมเลย ไม่ว่าผมด้วย ลูบหน้าผมด้วย เช็ดน้ำตาผมด้วย
แสงไฟในรถเป็นสีเหลืองๆ แต่หน้าเขาดูสว่างอยู่ตรงหน้าผม
เขาเป็นเทวดารึเปล่า ผมขอพรได้มั้ย
ผมจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่ขัดใจใครเลย
ใครให้ทำอะไรผมก็จะทำ ให้ไปไหนผมก็จะไป
พรที่ผมขอ มีแค่ข้อเดียว ผมพูดได้มั้ย
พูดได้เลยรึเปล่า ต้องรอเทวดาบอกให้พูดมั้ย
แล้วถ้าเทวดาหายไปล่ะ ผม...เทวดาก็เกลียดผมเหมือนกันสินะ

“วิน ร้องไห้ทำไม”

“ขอ..อย่างเดียว”

“อะไร”

“ให้เขารักวิน”
“คนเดียว”



#### @ D A W N  #####


เช้านี้เหมือนโดนกระทืบรัวๆ เลยครับ
ผมปวดไปทั้งตัว โดยเฉพาะแขน รู้สึกเหมือนผ่านการโบกแขนไปมาอย่างบ้าระห่ำสักล้านรอบได้
ที่รู้สึกทรมานถัดมาก็คือคอ ลำดับที่ 3 คือหนังตาครับ
เมื่อคืนนี้ผมไปแกงค์ช่างกลตีกันมารึไงวะ ทำไมดูโทรมไปทั้งร่างแบบนี้

“ตื่นแล้วหรอไอ้ยุ่ง”

ผมค่อยๆ หันหน้าไปหาคนทีก
ผู้ชายตัวสูง ลุคเลวๆ เหี้ยๆ ในสภาพเสื้อยืดกางเกงนอน ยืนถือถ้วยกาแฟพิงประตูห้องนอนผม
ผมหันกลับมานอนท่าเดิม จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างที่แสงอาทิตย์แยงตาเต็มผืนฟ้า
ชิบหาย นี่ไม่เช้าแล้วนี่หว่า
ผมค่อยๆ ขยับตัวลุก ผ้าห่มหลุดออกจากหัวในจังหวะช้าๆ ผมเลยได้เห็นผิวพุงตัวเองทีละนิดทีละนิด
แล้วทำไมผมไม่ใส่เสื้อนอน?
เดี๋ยวๆ เมื่อคืนนี้ผมนอนยังไง?
ผมไปดื่มมา อืม ใช่ แล้วไงต่อ
น่าจะเมา...อืม...เมาแหละ มากด้วยล่ะมั้ง อืมมมมมม แล้วผมนอนยังไงวะ?

“วิน” เขาเรียกอีกครั้ง ผมก็เลยหันหน้าไปมองอีกหน รอบนี้คนจิบกาแฟไม่ได้ยืน แต่ขยับมานั่งอยู่บนเตียง เขาวางมือบนหน้าผากผมทันทีที่ผมเงยหน้ามอง
“เป็นไข้มั้ย?”

“ไม่....ไม่รู้เหมือนกันครับ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะเป็น”
“เออพี่โป๊ะ”

“หือ?” เขาขานรับเหมือนเดิม ท่าทางสบายๆ ดูแล้วไม่เหมือนคนมีเรื่องตะขิดตะขวงใจกันเมื่อวาน
เออ ใช่
เมื่อวานผมกับเขาแง่งๆ กันอยู่ แล้วผมก็เลือกจะทำตัวกวนส้นตีนใส่เขาด้วยการไปดื่มกับผู้ชายอื่น.....ทำไมผมดูแรดจัง
แล้วจากนั้นผมก็เมา อืม เมามากด้วย แต่ก็เหมือนจะเห็นเขา
หรือว่าเมื่อคืนพี่โป๊ะไปดื่มด้วยวะ? ไม่น่าจะเป็นไปได้ แล้วผมเห็นอะไร? สงสัยจะเมามากจนเห็นภาพหลอน
“อะไรวิน” เขาเร่งเร้า ผมก็เลยถามสิ่งที่ค้างใจขึ้นมาตรงๆ

“เมื่อคืนวินกลับบ้านยังไงหรอครับ เอ่อ.....”
“ลุงสมานมาส่งหรอ?”

“วินบอกให้ลุงเขารับกลับบ้านหรอ?”

“ก็...ตอนยังมีสมองคิดอะไรได้ วินส่งข้อความไปบอกว่าดื่มอยู่ร้านไหน”
“เออพี่โป๊ะ”

“หืม” ถามดีมั้ย? หรือวควรปล่อยผ่านไปเลย ทำเป็นไม่สนใจ ไม่พูดถึงอีกอาจจะดีกว่า ผมไม่อยากถูกเมินเพราะเรื่องของผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว
“อะไรวิน”

“คือ....” แต่มันอยากถามอ่ะ!
“เรื่องเมื่อวาน วิน”

“ไปล้างหน้าเถอะ เกือบเที่ยงแล้ว ท้องมันคงร้องจนปากฉีกแล้วว่าหิวข้าว”
“พี่ทำข้าวต้มขิงเอาไว้ ช่วยได้”
“จะได้ทำไอเอสต่อ”

“อ่อ....ครับ” คงไม่อยากให้จาบจ้วงถึงนางในใจล่ะมั้ง ผมเม้มปากเก็บความรู้สึกสลดเศร้าเอาไว้ แต่ทำไมถึงได้รู้ว่าผมเศร้ามาเกินพอแล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน
“เอ่อพี่โป๊ะ”

“หือ?”

“แล้วนี่จะเที่ยงแล้ว พี่โป๊ะไม่ไปทำงานหรอครับ หรือวันนี้วันหยุด นี่วินแฮงค์แล้วหลับยาวขนาดนี้เลยหรอ? เฮ้ย!”

“เพ้อแล้ว วันนี้พี่หยุด จริงๆ ก็ไม่ได้หยุดหรอก แค่ไม่ได้เข้าออฟฟิศไหนทั้งนั้น”
“อยากอยู่กับวิน”

“อ่อออ ... ครับ” เขินๆ แฮะ ผมไม่รู้ว่าเขาแค่หยอกเล่น แหย่เล่น หรือหมายความตามที่พูดจริงๆ แต่ผมอยากจะเชื่อว่าเขาอยากอยู่กับผม เพราะผมก็อยากอยู่กับเขาเหมือนกัน
“อื้อพี่โป๊ะ”

“อะไรอีกไอ้ยุ่ง”

กูรักไง บอกไปตั้งกี่รอบแล้วไอ้ยุ่ง!

ทำไมถึงรู้สึกเดจาวูแบบนี้
หรือว่าชาติที่แล้ว ผมกับนายมือโปรจะทำกรรมร่วมกันไว้ เลยต้องมาเดินตามรอยเท้าตัวเองในอดีตอย่างซ้ำซาก และถ้ามันจริงอย่างที่ผมคิดเพ้ออยู่นี่ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ากรรมในอดีตของผมและเขา จบลงที่ตรงไหน

“วิน....ไม่หายมึนหัวหรอ?”

“พี่โป๊ะ”

“อื้อ”

“เมื่อคืน....วินจะถามใครได้บ้างว่าวินทำตัวเละเทะอะไรไว้บ้าง”
“คือ....วินไม่ถูกกับเบียร์เท่าไหร่ เมาง่ายมาก แต่ก็ดื่มไปเยอะ”

“แล้วดืมเยอะทำไม กลุ้มอะไร”

“......................” กลุ้มเรื่องคุณมึงไม่รักกูนี่แหละ ผมแค่คิดนะครับ ไม่กล้าพูด ไม่กล้าฟังเหตุผลที่เขาอาจหยิบยกมาเบี่ยงความจริง

“ว่าไงหือ?”
“วินกลุ้มอะไรถึงต้องดื่มหนัก”

“พี่โป๊ะเถอะ แยกจากวินตอนหัวค่ำก็กลับบ้านเลยหรอ”

“เปล่า พี่อยู่ที่ร้านกาแฟ” อ่อ รำลึกความหลัง ใช้เวลาอยู่กับความทรงจำสีหม่นๆ สินะ รักคนบ้ารักคนอื่นมันแย่แบบนี้นี่เอง ผมพยักหน้ารับรู้

“วันนี้วินจะไปท่ามหาราชอีกนะครับ เผื่อเจอโย อยากรู้ว่าเมื่อคืนทำแย่อะไรไว้บ้าง วินปวดไปทั้งตัว เจ็บคอ เจ็บตาด้วย ไม่รู้ไปรุมกระทืบใครหรือโดนใครกระทืบมาบ้าง จะได้เอาคืนถูก”

“อือ โอเค พี่ก็จะไปร้านกาแฟเหมือนกัน”

ผมเกลียดร้านนั้นแล้วจริงๆ นะครับ
เกลียดอดีตเขา เกลียดลูกแพร์ของเขา เกลียดความทรงจำทรงคุณค่าของเขา เกลียด!

“เป็นอะไร” เขาถามขึ้นเมื่อเห็นผมยืนมองหน้าเขานิ่ง ผมไม่ตอบอะไร แต่ก้มหน้าก้มตาเดินไปเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน ดูแลตัวเองตามระบบระเบียบที่ทางบ้านวางรากฐานนิสัยรักสะอาดไว้ให้ เสร็จแล้วก็ลงมาข้างล่าง เจอนายมือโปรตักข้าวต้มใส่ขิงใส่ชาม

“มาสิ”

“เดี๋ยววินไปกินข้างนอก”

“ทานที่บ้านนี่แหละ เร็วเข้าวิน”

“พี่โป๊ะ ไม่ต้องทำดีกับวินนักหรอก”
“คือ...พี่อาจจะยังหลอกตัวเองได้ แต่พี่หลอกวินไม่ได้หรอก”
“พี่โป๊ะไม่ได้รักวิน หยุดทำดีกับวินจนวินรักพี่แล้วพาลคิดอะไรแบบคนไม่ดีเถอะครับ” ในที่สุดผมก็บอกออกไปตรงๆ ผมไม่รู้ว่าน้ำเสียงที่ใช้ดูอ้อนวอนมั้ย แล้วเขาจะใจอ่อนยอมปราณีผม เลิกเล่นตลกร้ายกับผมรึเปล่า

“มาสิ ข้าวต้มกำลังอุ่น”

“พี่โป๊ะ พอเถอะ”
“พี่อาจจะไม่เหนื่อย แต่วินเหนื่อย”

“วินครับ ทานข้าว”
“แล้วฟังพี่”

“ฟัง? วินจะได้ฟังอะไรหรอครับ”

“ความรักของพี่ กับแพร์”

หึ! ผมขมคอขึ้นมาดื้อ รู้สึกขอบตาร้อนผ่าวๆ หนังที่ว่าหนักๆ กระพริบทีก็เจ็บที่ร้อนวูบขึ้นมาดื้อ
หรือว่าผมกำลังจะร้องไห้ ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าผมร้องไห้มามากแล้ว ผมไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว

“ถ้าวินไม่ฟังล่ะครับ”

“เราก็คงรักกันไม่ได้สักที”
ผู้ชายคนนี้ตอบ

โอเค....ผมคงเลี่ยงไม่ได้ หลีกไม่พ้น ซื้อเวลาไม่ได้ ยื้อเวลาคงยิ่งลำบากใหญ่
สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้ เพื่อความรักของที่ยังเป็นลุ้นเละๆ ไร้รูปร่าง ก็คือการนั่งฟังบันทึกรักที่แสนจะหวานชื่นของนายวารินทร์และผู้หญิงที่เขารักหมดหัวใจ
เมื่อฟังบันทึกรักที่กรีดใจผมจนเจ็บจนต้องร้องไห้ทั้งที่ไม่ชอบร้องไห้เลย จบแล้ว ผมคงได้เช็ดน้ำตาหยดสุดท้ายที่จะเสียให้กับความรักที่พังไม่เป็นท่า และจากนั้นเราก็คงจากกัน
เขาคงอยากให้จากกันด้วยดี ไม่อยากให้ผมมีความรู้สึกไม่ดีต่อผู้หญิงของเขาติดอยู่ในใจ
ผมรักเขานะ ถ้าการนั่งฟังเขาพล่ามถึงผู้หญิงคนอื่นคือสิ่งที่เขาปรารถนาให้ผมทำ ผมก็จะทำ

“ครับ วินจะฟัง เราจะได้จบกันสักที”





Cut



รวดเร็วอะไรเช่นนี้
อย่าโกรธวินนะพี่โป๊ะ อย่านอยด์พี่โป๊ะนะวิน
ไว้เจอกันใหม่เร็วๆ นี้ค่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
«ตอบ #469 เมื่อ02-03-2016 01:01:25 »

 :katai1: :katai1: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
« ตอบ #469 เมื่อ: 02-03-2016 01:01:25 »





ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
«ตอบ #470 เมื่อ02-03-2016 09:25:27 »

ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
«ตอบ #471 เมื่อ02-03-2016 09:56:14 »

ค่อยๆคุยกันนะ :hao5:

ออฟไลน์ kung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
«ตอบ #472 เมื่อ02-03-2016 10:13:30 »

เอาจริง วินแม่งน่าตรบให้สมองไหล จะพูดจะถามอะไรก็ไม่ทำ เอาแต่คิดเองเป็นนางเอกละครน้ำเน่า :z6: พี่โป๊ะของเราก็ลีลาเหลือเกินกว่าจะอธิบาย นี่ถ้าไม่รักพี้โป๊ะนะเราด่าไปแล้ว555 พอดีอยู่ #ทีมพี่โป๊ะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
«ตอบ #473 เมื่อ02-03-2016 10:40:13 »

วินเด็กคิดมาก
ร้านกาแฟพี่โป๊ะน่าจะตั้งใจทำเพื่อวินเลยอยากให้วินเห็น

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
«ตอบ #474 เมื่อ02-03-2016 10:55:03 »

คิดเองเออเองเสร็จสรรพ ให้มันได้งี้สิ โป๊ะน่าจะจับตีตูดให้เข็ด

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
«ตอบ #475 เมื่อ02-03-2016 12:01:56 »

วินฟังพี่โป๊ะก่อนเถอะน๊าาาา
แกจะได้ไม่ไปไล่กัดคนอื่น 555555

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
«ตอบ #476 เมื่อ02-03-2016 12:59:47 »

 :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
«ตอบ #477 เมื่อ02-03-2016 15:25:39 »

 :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: At Dawn : แล้วพบกันใหม่.... ตอน 32(2-03-16)
«ตอบ #478 เมื่อ02-03-2016 15:45:24 »

 :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
วินนนนน!!! ทำไมหนูชอบคิดไปเองล่ะลูก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด