Title : At Dawn
วารินทร์ x วิณณ์
*********
ตอนที่ 38
พระอาทิตย์คงกำลังหลับลึกอยู่ใต้ผินน้ำที่ใดสักแห่ง ส่วนผมกำลังนั่งทำหน้านิ่ง สวนทางกับความรู้สึกภายในที่ระส่ำไปหมด ด้านขวาผมคือป้าสุที่นั่งจับมือผมไว้ไม่ปล่อย ส่วนด้านซ้ายผมคือนายมือโปรที่หันมาสบตาผมทุกครั้งที่ผมหันมองเขา ฝั่งตรงข้ามผมมีเพียงคุณสาวิตริที่นั่งไขว่ห้าง หลังตรง กระเป๋าราคาแพงวางอยู่ใกล้ตัว ส่วนตรงโซฟาประมุขถูกครอบครองโดยคุณตา
“มันใหญ่โตอะไรนักหนา ทำไมต้องคุยกันวันนี้ ไม่เหนื่อยกันรึไง” คุณตาเปิดฉาก ท่านดูเหนื่อยล้าแล้ว และพวกเราก็ควรให้คุณตาเข้านอนพักผ่อนได้แล้ว แต่คุณสาวิตรีกลับบอกว่ามันเป็นเรื่องด่วน และเรื่องใหญ่จนละเลยไม่ได้
“เรื่องใหญ่ค่ะคุณพ่อ”
“เรื่องเล็กนิดเดียวค่ะคุณพ่อ”
ฟังความจากลูกสาว 2 คนแล้ว ผมเดาว่าคุณตาของผมต้องข้องใจหนักกว่าเดิมแน่ๆ
“เพิ่งจะจบงานเลี้ยงไป แขกเหรื่อบางคนก็ยังคุยกันอยู่ที่สนาม เอาเวลาทะเลาะกันไปดูแลแขกเหรื่อ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่พวกเธอเชิญมาไม่ดีกว่าหรอ จะเอาอะไรนักหนากับคนแก่”
“เรื่องนี้เป็นเครื่องของครอบครัว สาละเลยไม่ได้หรอกค่ะ ทิ้งไว้นาน ปัญหาจะเรื้อรังเปล่าๆ”
“ตัดไฟก็ต้องตัดแต่ต้นลม” พูดจบก็หันมาจ้องหน้าผมกับนายมือโปรสลับกัน ผมไม่กลัวหรอก แต่ไม่รู้เขาจะกลัวรึเปล่า
“ผมเป็นตัวปัญหาหรอครับ ขอโทษที่สอดปากถาม แต่คุณสาวิตรีมองมาทางนี้ เดาว่าคงไม่ได้ต่อว่าวินหรอก”
“ใช่ คุณนั่นหละตัวปัญหา”
“คุณพ่อค่ะ พาร์ทเนอร์ใหม่ของพี่สุ คือ...ไม่ปกติน่ะค่ะ”
“ทำไม? เขาพิกลพิการตรงไหน?” คุณตาถามกลับแล้วมองสำรวจนายมือโปรบ้าง รายนี้หันไปยิ้มสุภาพให้ประมุขของบ้านดูเล่น
“พ่อก็คุยกับเขาอยู่นานสองนาน คล่องแคล่วดี กิริยาก็ดี คนไม่ดีจะอยู่ใกล้เจ้าวินของเราได้ยังไง พ่อสอนให้คบแต่มิตรที่ดีเท่านั้น ใครไม่ดีก็ไม่ต้องคบหา”
“แล้วมันไม่ปกติตรงไหน แม่สา”
“ฮื้มมมม” คุณสาวิตรีถอนหายใจยาว กรอกตามองทางพวกผม และมองคุณตา ราวกับว่าทุกคนในที่นี้เว้นเธอ กำลังทำตัวเหมือนคนตาบอดมองไม่เห็นสิ่งที่เธออยากให้เห็น
“เขาชอบตาวิน”
“เขาชอบผู้ชาย คุณพ่อรับได้หรอคะ ด่างพร้อยกันไปอีก เรื่องเดิมกว่าจะเคลียร์ได้ก็หลายปี”
“ขอโทษนะสาวิตรี เรื่องเดิมของเธอคืออะไร?” ป้าสุถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ป้าผมยืดตัวตรงกว่าเดิม หันมายิ้มให้ผม ลูบหลังเบาๆ แล้วก็ปกป้องผมต่อ
“ถ้าเธอหมายเรื่องรินนา มันก็ประเด็นเดิม อย่าหยิบยกเรื่องเดิมๆ มาปนสิ เธอดึงรั้งเวลาคนอื่นเพื่ออะไรกันแน่ สาวิตรี”
“ก็ได้ค่ะ ในเมื่อพี่สุไม่ปกป้องตาวิน ทั้งที่ขอลูกสาไปเลี้ยงเป็นลูกตัวเองตลอดชีวิต สาก็จะขอทำหน้าที่แม่ที่เคยถูกขวางทางมาตลอดก็แล้วกัน”
“สาไม่ยอมให้ลูกชายสาเป็นเกย์ หรือมีความรักผิดเพศเด็ดขาด!”
“เธอก็เพิ่งพูดเองว่าเจ้าวินเป็นลูกชายสุชาดาตลอดชีวิต เธอจะมาเต้นกับเรื่องของลูกพี่สาวเธอทำไมสาวิตรี”
“คุณพ่อ!” อย่าว่าแต่คุณสาวิตรีอึ้งเลยครับ ผมเองก็อึ้งเหมือนกัน ทำไมคุณตาไม่มีทีท่าว่าจะด่าทอผมที่ทำลายหน้าที่การเป็นหลานชายผู้สืบทอดวงศ์ตระกูลเลย
“แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ”
“เจ้าวิน ค้างที่บ้านนะ พรุ่งนี้ใส่บาตรกับตา พี่ๆ น้องๆ เขาก็จะมากันทั้งนั้น”
“เจ้าโปร”
“ครับ เจ้าสัว”
“มาแต่เช้าล่ะ พรุ่งนี้”
“ครับ”
“เอ่อ...ผม”
“ว่ายังไง”
“ขอโทษด้วยนะครับ ที่ไม่ได้บอกเรื่องผมกับวินให้เจ้าสัวทราบด้วยตัวผมเอง ผมตั้งใจจะบอกเอง แล้วก็จะพิสูจน์ความรู้สึกดีที่มีให้วินให้ครอบครัววินได้รู้ด้วยตัวผมเอง แต่...ต้องมารู้จาก...คนอื่นแบบนี้ ขอโทษครับ แต่ผมจริงจังนะครับ”
“ตาจะคอยดู”
“เจ้าวิน”
“ครับ”
“ส่งเขาแล้วก็พักผ่อนซะนะ”
“คุณพ่อ!”
“คุณพ่อจะยอมง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้นะคะ”
“ทีคราวของสุ คุณพ่อค้านหัวชนฝา แล้วจะมาเข้าใจความรักเพี้ยนๆ แบบนี้ง่ายๆ หรอคะ คุณพ่อ”
“คุณพ่อไม่ยุติธรรมเลย!”
“สาวิตรี!”
“ก็สาพูดความจริง”
ทั้งคู่กำลังจะขึ้นเสียงใส่กันต่อ ป้าสุก็สะกิดผมแล้วพยักเพยิดสั่งให้ผมทำตามที่คุณตาบอก ผมเลยจูงมือนายมือโปรออกมานอกบ้าน
สนามที่ใช้จัดงานแทบหมดแขกเหรื่อแล้ว แต่ไฟประดับประดาทั่วสนามหญ้าก็ยังทำหน้าที่ของมันต่อไป รถของนายมือโปรจอดอยู่บริเวณแนวรั้วด้านนอก ซึ่งผมก็ตั้งใจจะไปส่งเขาให้ถึงรถตามที่คุณตาบอก แต่เขากลับปักหลักยืนอยู่หน้าบ้าน พักขาอยู่ตรงหัวบันไดหน้าบ้าน
“ไม่กลับหรอครับ”
“ไม่อยากกลับนักหรอก” เขาบอกพลางขยับเนคไนท์และชายแขนเสื้อ
“วินจะโอเคมั้ย จะไม่ถูกต่อว่าอะไรอีกใช่รึเปล่า”
“โยนมาให้พี่นะ บอกไปว่าพี่เป็นคนเริ่ม เป็นคนตื้อ ขอร้องวิน พยายามผูกมัดวิน บอกไปว่าพี่ไม่ยอมจบเอง”
“ก็พี่โป๊ะทำแบบนั้นจริงๆ นี่ครับ ไม่เห็นต้องสั่งเสียหรือหาข้ออ้างให้วินใช้ตอบคนอื่นเลย”
“พี่โป๊ะเป็นยังไง ทำยังไง วินก็จะบอกไปตามนั้น เพราะวินก็เชื่อพี่โป๊ะจากการกระทำพวกนั้น”
“แล้วถ้าใครเขาไม่โอเคกับเรา ก็แค่ทิ้งเขาไว้ข้างหลัง”
“แต่เขาที่ว่า คือแม่วินนะ”
“แม่วินคือป้าสุ”
“เด็กโง่”
“อย่าดื้อดึงจนทำร้ายแม่เขาล่ะ”
“พี่จะหาวิธีให้เขายอมรับเราเอง นะ”
“วินไม่ได้แคร์ซักหน่อย”
“แต่พี่แคร์”
“พรุ่งนี้พี่จะมาตักบาตรด้วยนะ”
“ถึงแล้วจะโทรหา”
“คืนนี้พี่โป๊ะนอนที่ไหน”
“บ้านเราไง”
“บ้านไม้”
“อื้อ”
“ขับรถดีๆ นะครับ”
“ครับ” เขารับคำ ยิ้มให้บางๆ ลูบหัวอย่างเบามือ แล้วก็ลากมือจากหัวมายังแก้ม หัวไหล่ ไต่ลงตามแนวแขนและจับปลายนิ้วมือผมเอาไว้ ลูบเล็บอย่างอาลัยอาวรณ์ เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ผมกลับได้ยินคำว่าเป็นห่วงเต็ม 2 รูหู
#### @ D A W N #####
เช้าวันนี้ ผมไม่ได้เจอพระอาทิตย์ทางหน้าต่าง เราได้สบมองกันก็ตอนที่พระอาทิตย์ไต่ตัวขึ้นมาทำมุมแคบกับแนวขอบฟ้าแล้ว แสงทองโปร่งใสทอประกายไปทั่วปลายยอดหญ้าบริเวณสนาม น้ำพุที่มีพุ่มสารพัดดอกไม้โอบล้อมพุ่งขึ้นสู่ที่สูงก่อนจะฟุ้งกระจายตัวเป็นละอองน้ำ ชโลมยอดใบหน้าดอกไม้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
ดูสดชื่นดีเหมือนกัน
“ตื่นแล้วหรอลูก”
“ครับ...ป้าสุ”
“ล้างหน้าล้างตาคึยัง หือ?”
“ต้องใส่บาตรนะ”
“ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”
“แล้วพี่เขามารึยัง”
“คุยกันเมื่อคืนก็เห็นว่าจะมาแต่เช้า วินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขามารึยัง ยังไม่ได้โทรหา”
“จ้ะ งั้นเดี๋ยวแม่โทรตามเอง”
“เอ่อ ป้าสุครับ”
“หือ? ว่าไงจ๊ะ”
“ถ้าฝืน หรือรับไม่ได้ที่วินเป็นแบบนี้ วินไม่มีก็ได้นะครับ ความรักน่ะ”
“เด็กโง่” เฮ้อ ผมไม่ได้โง่เสียหน่อย ผมแค่เลือกจะทำให้ป้าสุสบายใจที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม จริงอยู่ที่ความรู้สึกที่มีให้นายมือโปรไม่ได้ไร้อิทธิพลใดๆ กับความรู้สึกผม ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ แต่ผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลกับผมที่สุด ผมรักผู้หญิงคนนี้ที่สุด
“แม่รักวินอย่างที่วินเป็น จะเป็นอะไร เป็นยังไง แม่ก็รัก ก็เลี้ยงมากับมือ”
“เรื่องรสนิยมทางเพศ มันไม่ได้ผิดอะไรนี่ลูก”
“คิดซะว่าลูกแม่เป็นแรร์ไอเทม”
“แล้วดูสิ ไปคว้าหนุ่มฮอทอย่างตาโปรมาครองได้ น่าอวดให้คนอิจฉาจะตาย”
“ป้าสุดคิดงั้นจริงหรอครับ”
“อื้อ ก็ใช่สิ”
“วินนี่รู้อะไรเกี่ยวกับตาโปรเขาบ้าง หือ?”
“ก็กวนตีน ปากหมา”
“แต่พี่โป๊ะเป็นคนอบอุ่นนะครับ ช่วยวินตลอด วินรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ๆ”
“งั้นก็รู้เพิ่มไว้ 80% ของผู้หญิงที่ได้รู้จักตาโปร ก็หลงทั้งนั้น”
“เขาติดอันดับหนุ่มฮอทของนิตยาสารดังๆ ตั้งหลายปี”
“ทำเนียบผู้บริหารไฟแรงก็เคยอยู่ในลิสต์ตั้งแต่เขามาช่วยพ่อเขาบริหาร”
“ถ้าจะมีสิ่งที่แม่ต้องสกรีนเป็นพิเศษ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ว่าเขาคิดอะไรกับลูกแม่เมื่อไหร่หรอก ต้องสกรีนเรื่องเขาจะรักจะชอบเรานานแค่ไหน”
“คำตอบที่แม่อยากหาเจอ ก็คือตลอดไป”
“ขนาดนั้นเลยหรอครับ”
“ใช่สิจ๊ะ เจอช้างเผือกไม่รีบคล้องได้ไง”
“นี่ก็ต่อยอดอะไรได้ตั้งเยอะ กำลังห่วงอยู่เชียวว่าบริษัทที่ร่วมทุนกันเขาจะลงแรงได้แค่ไหน ถ้าคบกันจริงจัง รับรองว่าตาโปรลงทั้งตัวทั้งหัวใจเลย วินก็ไม่ต้องเหนื่อยมาก”
“เอาเปรียบเขาน่า”
“ริจะรักลูกแม่ก็ต้องให้ทั้งหมดนั่นแหละ”
“นี่ตาวิน แม่ถามอีกอย่างสิ”
“ครับ”
“ได้กันรึยัง?”
“วินทำเป็นมั้ย? แม่หาคนมาสอนดีมั้ย เขาจะได้อยู่ในกำมือเราชัวร์ๆ”
นี่หละครับ คุณสุชาดา
ผมขมวดคิ้วใส่ ทำสีหน้าให้รู้ว่าถามอะไรเนี่ย? แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า แปรงฟัน ผมยังไม่อาบน้ำ เพราะคิดว่าเดี๋ยวใส่บาตรกับคุณตาเสร็จแล้วจะกินข้าวเช้า 2 คำแล้วนอนต่อ แม้วันนี้จะไม่ใช่วันหยุด แต่ผมจะขอใช้สิทธิ์ลางานเสียหน่อย เผื่อจะมีเวลาอยู่อ้อนป้าสุที่บ้าน หรือออกไปชอปปิงกับป้าสุที่ไหนสักที่
ขบวนใส่บาตรของตระกูลผมไม่ยาวเท่าขบวนรถไฟหรอกครับ แต่ก็ยาวกว่ารถกระบ 2 คนจอดต่อกัน
หัวขบวนคือคุณตา แม่บ้านใหญ่ที่ดูแลเรื่องในบ้านมาแต่เนิ่นนานยืนคล้อยหลังคุณตาเล็กน้อย เธอต้องคอยส่งของใส่บาตรให้น่ะครับ ถัดมาคือลุงสันต์ พี่ชายคนโตของตระกูล ภรรยาลุงสันต์ พี่ๆ ของผม อีก 3 คน ชาย 2 หญิง 1 คล้อยมาทางด้านหลังก็เด็กรับใช้ของบ้านพวกเขา ดูเหมือนจะของใส่บาตรที่เตรียมมาเองด้วย ได้ยินพี่ๆ เขาคุยให้ป้าสุฟังว่าคุณแม่ของพวกเขาตื่นมาทำอาหารเองแต่เช้า ซึ่งนานๆ ทีจะได้เห็น
ถัดมาก็คือป้าสุ และผม เรายืนขนาบข้างกัน คล้อยหลังผมไปก็เด็กรับใช้ของบ้านใหญ่คอยส่งของให้ผม เพื่อใส่บาตรประสานมือกับป้าสุอีกที ผมไม่ได้ขออะไรมากเลย ขอแค่ชาติหน้าได้มีโอกาสเกิดมาเป็นลูกป้าสุจริงๆ แล้วก็อธิษฐานให้ผู้หญิงที่ผมรักที่สุดคนนี้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาแผ้วพาน ขอให้ป้าสุมีแต่ความสุขความสมหวัง และก่อนจะหมดลมหายใจระหว่างที่กลั้นสมาธิอธิษฐาน ผมยกเฮือกสุดท้าย ขอให้คุณตามีสุขภาพที่แข็งแรง
ถัดจากผมก็คือคุณสาวิตรี วันนี้เธอเงียบเสียจนแม้แต่สายตาก็ไม่ทักทายใคร ข้างตัวไม่มีใคร คล้อยหลังไปมีเด็กรับใช้ในบ้านยืนรอคอยอำนวยความสะดวก
ส่วนอีกคนที่อยากจะมาเป็นสมาชิกในครอบครัวผม ยังไม่โผล่ครับ
เมื่อคืนนี้ นายมือโปรโทรหาผมหลังจากกลับถึงบ้านแล้ว เราคุยกันไม่นานเขาก็ไล่ให้ผมไปนอนครับ ซึ่งผมก็ไม่ยื้อเพราะรู้สึกเพลียเหมือนกัน ที่สำคัญ ผมลืมกำชับเขาด้วยว่าควรตรงเวลา
“เจ้าวิน”
“โปรยังไม่มารึ?”
“ครับ คุณตา”
“ถึงไหนแล้ว โทรถามให้ตาหน่อยสิ”
“ครับ” ผมรับคำ หยิบโทรศัพท์มาโทรจี้คนที่กำลังจะได้รับคุณสมบัติไม่ตรงต่อเวลาไว้บนหัว แต่ป้าสุกลับยั้งมือผมไว้แล้วพยักพเยิดให้ผมมองไปทางประตูรั้วบ้าน ตอนแรกผมคิดว่าไม่ทันแล้วเพราะพระมาแล้ว แต่ไม่ใช่ครับ นายมือโปรมาแล้วต่างหาก ไม่ได้มาคนเดียวด้วยครับ พ่อเขาก็มา ตามหลังพ่อเขาคือผู้ใหญ่อีกคน และแกงค์นายมือโปรครับ ทั้งพี่หนึ่ง พี่หมอนำ และพี่พีชกับผู้หญิงอีกคน
ทำไมมากันเยอะจังวะ?
“เอ้า ใครยกขบวนอะไรมากันน่ะ?”
“ตาโปรค่ะคุณพ่อ ข้างหลังก็คุณตะวัน พ่อเขา”
“และบริวารทั้งหลายเหล่านี้ล่ะมั้งครับ คุณตา”
ครอบครัวลุงสันต์หันมองและส่งสีหน้างุนงง แต่เมื่อคุณตาไม่ได้ละตะเพิดใคร ผู้มาเยือนก็เดินมาถึงขบวนใส่บาตรโดยปลอดภัยครบถ้วนทุกตัวตนครับ
“อะไรเนี่ย มาทำอะไรกันเยอะแยะครับ”
“พี่บอกพ่อคนเดียว ที่เหลือขอแจมน่ะ” เมื่อผมกระซิบถามตอนเดินออกไปต้อนรับเขาและพาเดินมาหาคุณตา เขาก็ก้มตัวมากระซิบตอบ ผมชะลอฝีเท้าเพื่อรอให้คุณตะวันเดินมาถึงตัวผม แล้วก็ยกมือไหว้ รายนี้ส่งยิ้มให้ รับไหว้ผมไว้และหันมองไปยังผู้ใหญ่อีกคน
“สวัสดีครับ” ผมไหว้ผู้ใหญ่ที่ผมไม่รู้จัก และผู้ใหญ่คนนี้ก็หัวเราะพออกพอใจ รับไหว้ผมและเดินเลยไป คุณตะวันเลยใจดีบอกให้ว่าเขาคือใคร
“คุณคณิน พ่อพี่หนึ่งน่ะ เราสนิทกัน”
“อ่อ” ผมก็ไม่กระจ่างอยู่ดีว่าพ่อของเพื่อนและเพื่อนของพ่อพี่โป๊ะ จะมาใส่บาตรที่บ้านผมเพื่ออะไร?
หมดขบวนผู้ใหญ่ ผมก็ต้อนรับพี่หนึ่ง พี่หมอนำ พี่พีช และ....
“พี่บัวค่ะ แฟนพีช อยากเจอแฟนโป๊ะจนต้องขอมาด้วยเลยค่ะ”
“อ่อ...ครับ”
“น้องวินยังมีเวลาคิดนะคะ”
“โป๊ะเป็นคนดี แต่คนดีในโลกนี้มีอีกเยอะค่ะ”
“บัว ไม่เอาน่า โป๊ะกำลังตื่นเต้นนะ”
“บัวล้อเล่น พีชอย่าซีเรียสสิ”
เอาเถอะ จะล้อเล่นก็ดูบรรยากาศด้วยครับ ผมไมได้ตอบอะไร ทำได้แค่เดินจ้ำไปยังหน้าบ้าน แทรกตัวยืนข้างป้าสุ ที่ตอนนี้จับกลุ่มทักทายคุณตะวันและเพื่อนคุณตะวัน ดูเหมือนลุงสันต์ก็เคลิ้มไหลไปกับบรรยากาศแห่งการทักทายและแนะนำตัวด้วย
“ไม่เจอกันนานเลยนะ คุณตะวัน คุณคณิน” ผมได้ยินแว่วๆ เท่านี้ ต่อจากนั้นคุยอะไรกันก็สุดจะแอบฟังได้ เพราะคุณสาวิตรีเล่นตวัดตามองผมอย่างไม่พอใจ พ่นลมหายใจแรงจนผมกลัวว่าเธอจะเป็นลมล้มพับไปตรงหน้า กำลังจะอ้าปากถามว่าจะเอายาดมมั้ย นายคนขับรถก็วิ่งมาเพื่อรายงานคุณพระคุณเจ้ามาแล้ว
กระบวนการใส่บาตรในวันเกิดคุณตาผ่านไปอย่างเรียบร้อยครับ ทางบ้านลุงสันต์พากันกลับไปยังบ้านตนซึ่งอยู่ในบริเวณที่ดินแปลงเดียวกัน แต่เดินกลับก็พอได้เหงื่ออยู่หรอกครับ ส่วนที่แห่แหนกันมายังห้องรับแขกบ้านใหญ่ซึ่งผมอาศัยอยู่มา 20 กว่าปี ก่อนจะแยกไปอยู่บ้านไม้ท้ายสลัม ก็คือกลุ่มคนที่เชิญคนเดียวมากันเป็นขโยงครับ
“วิน เดี๋ยวเข้าบริษัทพร้อมกันนะ” พอส่งผู้ใหญ่ไปคุยกันแล้ว นายมือโปรก็แยกตัวมาคุยกับผม ส่วนเพื่อนเขาถูกรับรองตรงศาลาข้างบ้าน ซึ่งอยู่ริมบึงที่ขุดขึ้นมาเอง
“วันนี้วินว่าจะขอลางานครับ จะอยู่กับป้าสุ”
“อาสุก็จะไปกับเรานี่ไง”
“ไปเร็วสิ แต่งตัวใหม่”
“ไปไหน?”
“ไปทำงานไง วันนี้พี่จะเข้าไปดูสตูฯ อาสุอยากตามไปดูด้วยว่าถึงไหนแล้ว คุณสาวิตรีก็ด้วย”
“คุณสาจะไปกับเรา? พี่โป๊ะละเมอรึเปล่า คุณสาเขาไม่ชอบพี่โป๊ะ ไม่ชอบที่เราคบกัน เขาจะไปกับเราทำไม แล้วเราจะพาเขาไปทำไม”
“เขาเป็นแม่วิน”
“สำหรับพี่ คุณสาวิตรีสำคัญก็เพราะเป็นแม่วิน”
“พี่ไม่อยากวินว่าแม่ตัวเองอีก มันไม่ดี”
“ไปได้แล้วไอ้ยุ่ง อย่าให้ผู้ใหญ่รอ”
“รู้แล้วรู้แล้ว”
“แต่พี่โป๊ะบอกวินมาก่อน ว่าพาคุณตะวันมาทำไม”
“พี่คบกับหลานเขาลูกเขา พี่ต้องให้เขารู้สึว่าผู้ใหญ่ของพี่คิดเห็นยังไง”
“อีกอย่าง ก็มาการันตียี่ห้อวณิคพันธุ์ไง ทำอะไรก็ต้องทำให้ดีที่สุด”
“เอาพ่อมาคุ้มกะลาหัวว่างั้น”
“ตรงเหลือเกิน แฟนใครเนี่ย?”
“ไม่รู้จริงหรือว่าพี่โป๊ะแกล้งโง่กันแน่ ไม่รู้หรอว่าวินแฟนใคร” ผมย้อนเข้าให้ สีหน้าผมคงน่าหมั่นไส้มาก ถึงได้ถูกนิ้วชี้นายมือโปรยีหน้าผาก
“เดี๋ยวก่อนเถอะ ผู้ใหญ่รับรู้แล้วก็เตรียมเป็นเมียได้เลย ไม่ฟงไม่แฟนแม่งแล้ว”
“เร็วดิ”
“แม่ง!” ผมแง่งใส่แล้วก็วิ่งขึ้นห้อง ดีที่เขาไม่ตามมาด้วยเพราะต้องเดินรี้ไปดูแลเพื่อนเขา เดี๋ยวนะ นี่บ้านผมไม่ใช่หรอ? ทำไมเขาดูเข้านอกออกในได้อย่างคุ้นเคยแบบนี้วะ?
ทุกอย่างในห้องส่วนตัวของผมยังอยู่เหมือนเดิม ความสะอาดก็ตามมาตรฐานที่ป้าสุกำหนดไว้ ราวกับว่าห้องนี้ไม่เคยร้างคนอยู่ร่วม 5 ปี ของใช้ส่วนตัวผมยังอยู่ที่เดิมของมัน ต่างออกไปก็จะแค่ของใช้เหล่านี้ไม่เคยเจอหน้าผมมาร่วม 5 ปี พวกมันเท่ดีเหมือนกันนะครับ ได้เป็นของใช้ที่ถูกหยุดอายุไว้ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องทำให้ผมสะดุดจังหวะที่กำลังดึงเสื้อออกจากหัวตัวเอง ผมจำต้องดึงเสื้อกลับมาประกบตัวอีกครั้งแล้วเดินไปเปิดประตู
“อะไร?” ผมถามเด็กรับใช้ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เดาว่าคงเพิ่งเข้ามาทำงานในช่วงที่ผมไม่ได้อยู่ที่บ้านนี้
“คุณสุชาดาบอกว่าอาบน้ำแล้วให้ไปที่ห้องรับแขกด้วยค่ะ”
“แต่คุณสุบอกว่าไม่ต้องรีบก็ได้นะคะ”
“อืม ขอบใจนะ” ผมบอกเธอแล้วปิดประตูตามเดิมและยืนครุ่นคิดอยู่ว่ามีเหตุผลอะไรที่ห้องรับแขกที่มีแต่ผู้ใหญ่นั้นจำเป็นต้องมีเป็นส่วนร่วม
เอาเถอะ จะเกิดอะไรก็ช่าง ผมแค่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง และต้องการอะไรก็คงพอแล้ว
เพราะนายมือโปรบอกว่าจะไปที่สตูดิโอชานเมืองโน่น ผมก็เลยเลือกเสื้อโปโลมาใส่ กางเกงก็ให้เกียรติสถานี่ด้วยความยาวปิดตาตุ่ม รองเท้าสวมสบายๆ กระเป๋าปาดข้างที่ชอบใช้ก็พาดมันติดตัวไปด้วย มือถือ นาฬิกาที่ใส่มาตั้งแต่เมื่อวาน กระเป๋าสตางค์แบนๆ ส่วนหมวกนี่เป็นของแถมที่บังเอิญตาดีเห็นมันอยู่ในตู้เสื้อผ้า จริงๆ ก็อยากได้แว่นกันแดดด้วย แต่ไม่มีอันที่ผมชอบอยู่ที่นี่ งั้นช่างมันก็แล้วกัน
“เอาล่ะ”
“กลับบ้านเถอะวิน” ผมบอกตัวเอง ยิ้มให้ตัวเองแล้วก็เดินออกจากห้องที่ไม่ได้ใช้งานมาร่วม 5 ปี
ผมไม่ใช่คนของที่นี่อีกต่อไปแล้ว
ผมมีชีวิตของผม มีทางเดินของผม
แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ว่า เพราะผมเป็นคนของที่นี่ ผมถึงมีหน้าเดินเชิดคอบอกใครต่อใครได้ว่าจะไม่สนใจทางที่ผู้ใหญ่ผลักให้เดิน