EPISODE 26 “กูป่วยอยู่นะ”
“ป่วยก็ไม่ยกเว้นโว้ย”
“พวกมึงมันใจร้าย!! แค่ก ๆ” เหี้ยแม่ง เมื่อไหร่จะหายป่วยวะ ไอค่อกแค่กน่ารำคาญชะมัด
“......”
“เอาสิ จะถามอะไรก็ถามมา” พวกมันบอกหน้ากัน ราวกับปรึกษากับผ่านสายตา
“เปลื่ยนใจล่ะ ให้มึงบอกเองดีกว่า” กายว่า
“อยากรู้อะไรก็ถาม..”
“หน้ามึงตอนนี้คิดว่าพวกกูจะพูดออกหรอวะ”
“ก็พูดอยู่นี่..” พวกมันถอนหายใจ “อยากรู้อะไรก็ถามมาเถอะ”
“ถือว่ามึงโอเคแล้วนะครับลูกสาว” กายมันพูด ผมบึนปากใส่ อะไรของพวกมึงเนี่ย ต้องการอะไรจากสังคม พูด!
“อื้ออออ พวกมึงห้ามโกรธด้วยฎ
“พวกกูสงสัยเกี่ยวกับมึงมานานแล้ว แต่ที่ไม่ถามแค่อยากให้มึงพูดเอง แต่คงยากว่ะ” เชี่ยฟอร์ส..
“พวกมึงไม่รู้จักพ่อกูเหรอ?”
“รู้ดิ แค่ไม่คิดว่าเขาเป็นพ่อมึง”
“คุณรัชพล อัครไพศาลกุล ผู้บริหารคนปัจจุบันของอัครกรุ๊ป กับธุรกิจเกี่ยวกับอัญมณีทุกประเภท..” กายพูดจบแล้วเลิกคิ้วเป็นชิงถามวาใช่อย่างที่มันพูดหรือเปล่า ผมพยักหน้ารับ “กูเคยออกงานกับแม่แล้วก็เคยเจอ หลายครั้งด้วย”
“หน้ากูไม่เหมือนพ่อเลยเหรอวะ? แล้วนามสกุลกู พวกมึงไม่สังเกตกันเลยเหรอ?”
“เอาตรง ๆ พวกกูจำนามสกุลมึงไม่ได้” ไอ้เชี่ยไนต์!! มึงสนิทกับกูที่สุดเลยนะ!
“ตรงกว่าคือ ไม่ใช่จำไม่ได้..แต่..ไม่ได้จำ” ไอ้เหี้ยฟอร์ส!!! ผมอ้าปากเหวอ พวกมึงแม่ง!!
“ห้ะ...”
“มึงไม่เหมือนพ่อมึงเลย จะเหมือนหรอ จมูกมั้ง” ไอ้ไนต์
“นั่นดิ มึงคงเหมือนแม่ เดี๋ยวนะ...” ไอ้ฟอร์สทำตาโตเหมือนตกใจนักหนาแล้วตีแขนไอ้กายรัว สัด..
“คุณรัชพลเขาไม่ได้แต่งงานนี่หว่า แล้วมีลูกได้ไง”
“เออว่ะ” พวกมันมองมาที่ผม แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกอยากหายตัวไปจากตรงนี้ชะมัด.. นั่นสิ ป๊าไม่ได้แต่งงาน รูปแต่งงานผมก็ไม่เคยเห็น รูปผู้หญิงที่น่าจะเป็นแฟนป๊าก็ไม่มี แล้วผมล่ะ? ลูกใครวะ แม่ผมเป็นใครกัน...
“หรือเขาเก็บมึงมาเลี้ยง!”
“ฮึก..”
“อ้าวสัด กูล้อเล่นนนนนนนน” ผมโบกมือเป็นเชิงไม่เป็นไร
“กูไม่เคยรู้ด้วยซ้ำ....ว่าแม่กูเป็นใคร แม้แต่รูปก็ไม่เคยเห็น..” “เฮ้ยยยยยยยย พวกกูขอโทษษษษครับบบบบบ เพราะมึงเลยไอ้สัดกายพูดไรของมึงเนี่ย”
“อ้าวไอ้ไนต์ มาว่ากูได้ไงวะ ไอ้ฟอร์สแม่งเริ่มอ่ะ”
“สัด! โทษกูคนเดียวได้ไง”
“!”##%%&¤”#”#%//%/()=&%”
“พอ! หยุด! เถียงกันทำเหี้ยไร เดี๋ยวแม่มึงก็มาด่าหรอก” ไรเฟิลเป็นคนห้ามทัพ ไอ้พวกลูกหมาสามตัวที่เถียงกันเสียงดังเงียบกริบ
“เปลี่ยนเรื่องดีกว่า.. ทำไมมึงต้องเข้ามาเรียนในฐานะเด็กทุนวะ?” หลังจากแยกเขี้ยวใส่กันฟอร์สก็กายก็เปิดประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง
“ก็สอบได้พอดี...”
“บ้านมึงรวยติดท็อปของประเทศเลยนะเว้ย! ทำไมต้องทำงานพิเศษด้วยวะ” พวกมันพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของฟอร์ส ผมเกาหัวแกรก ๆ มันค่อนข้างอธิบายยากนะ
“จะบอกไงดีวะ” ผมบีบจมูกเบา ๆ กระพริบตาถี่ ๆ “กูอยากพิสูจน์ตัวเองอ่ะ ว่ากูอยู่ได้โดยไม่ได้ขอเงินที่บ้านใช้ ก็เลย..หางานพิเศษทำ”
“ก็เลยไม่เคยบอกพวกกูเลย นี่ถ้าไม่ถามก็จะไม่บอกใช่ป่ะ” อ้าว.. ทำไมอยู่ ๆ ก็เปลี่ยนโหมดง่ะ กูตามอารมณ์พวกมึงไม่ทันนะ!
“ไม่ใช่แบบนั้น..”
“มีเรื่องอะไรที่มึงยังไม่บอกพวกกูบ้างเนี่ย ห้ะ!” ฟอร์สพูดแล้วลากกายไป พวกมันสองคนนั่งสุมหัวกันที่โซฟา ไนต์มองหน้าผมแล้วส่ายศีรษะไปมาก่อนจะเดินไปหากายกับฟอร์ส ผมเม้มปากแน่น ถึงแม้ไรเฟิลจะไม่ได้ลุกไปหาอีกสามคนแต่มันก็ไม่คุยกับผมอยู่ดี
ถึงแม้จะมีเสียงพูดคุยของสี่เพื่อนซี้แต่ผมกลับรู้สึกแย่ พวกมันไม่คุยกับผมเลย พอผมพูดด้วยก็กลายเป็นถูกเมิน แย่.. แย่มาก ๆ นอกตากพวกมันแล้วผมก็ไม่มีเพื่อนที่ไหนอีก ถ้าพวกมันโกรธ.. ก็คงไม่โอเค แต่ยังพอทำให้หายได้ แต่ถ้าเกลียดล่ะ? นั่นไม่โอเคแน่ ๆ ที่ผมไม่บอกใช่ว่าพวกมันไม่สำคัญ แต่เรื่องนี้มันไม่จำเป็นต้องประกาศนี่.. ผมไม่ได้มีเจตนาจะปิดบังว่าผมเป็นใคร แต่ก็ไม่ได้ป่าวประกาศไปทั่ว
‘เฮ้ย พวกมึง นามสกุลกู อัครไพศาลกุล นะเว้ย รู้จักเปล่า พ่อกูเป็นนักธุรกิจนะ’ งี้หรอ? มันไม่ใช่..
“อึก.. ขอโทษ.. ฮือ..” ไม่รู้ว่าพวกมันมีปฏิกิริยาแบบไหน ผมซุกหน้าและกอดพี่หมีแน่นขึ้น รู้สึกแสบตามาก ๆ และน้ำตาก็ไหลออกมาจะเลอะแก้ม ตอนนี้ผมกำลังร้องไห้ ไม่ใช่จากอาการป่วย แต่เพราะพวกมัน... ท่าทางเมินเฉยของพวกมันเมื่อสักครู่ทำให้ผมรู้สึกแน่นหน้าอกคล้ายจะหายใจไม่ออก..
...ผมผิดมากเลยเหรอ...
“ม ไม่ได้ตั้งใจนะ ฮึก.. ไม่ให้โกรธนะ ไม่ให้เกลียดด้วย..”
“ขี้แย” ผมเงยหน้ามองคนพูดทั้งน้ำตานองหน้าแล้วเบะปากเหมือนเด็ก ๆ ไรเฟิลดึงผมไปกอด ใบหน้าของผมจมลงกับหน้าท้องแกร่ง มือหนาลูบหัวลูบหลังปลอบ ผมยิ่งสะอื้นหนักขึ้น
“ขอโทษ อึก.. อย่าโกรธนะ อย่าโกรธเรา ไม่ได้ตั้งใจนะ ฮึก..”
“เวรแล้ว เชี่ยฟอร์ส กูบอกแล้วว่าอย่าเล่น โอ๋ ๆ น้องควอทซ์ไม่ร้องนะ” ผมนิ่ง เล่นเหรอ เล่นงั้นเหรอ! ผมดันตัวเองออกจากกอดของไรเฟิล ใช้หลังมือปาดน้ำตาบนแก้ม มองกายที่เพิ่งพูดประโยคเมื่อกี้
“หมายความว่าไง อึก..” น้ำตายังไม่หยุดไหล เสียงสะอื้นก็ยังไม่หาย ไหนจะน้ำมูกอีก... น่ารำคาญ
“พวกกูแค่แกล้งมึง ไม่ได้โกรธเลยครับผม”
“ไม่ได้เกลียดด้วยนะเว้ย!”
“ฮึก ฮืออออออ”
“เฮ้ย ๆๆๆ ทำไมร้องหนักกว่าเดิมอีก สาดดดด พวกกูขอโทษษษษษษ” ฟอร์สพูดแล้วดึงมือผมข้างที่ไม่ได้เจาะสายน้ำเกลือไปเขย่า
“แค่แกล้งเล่นอย่าซีเรียสดิน้องเห็ด”
“ไม่ซีเรียสได้ไงอ่ะ ฮึก.. พวกมึงเพื่อนกูอ่ะ นอกจากพวกมึงกูก็ไม่มีใคร แล้วมาแกล้งแบบนี้ได้ไง พวกมึงเห็นความรู้สึกกูเป็นเรื่องล้อเล่นเหรอ อึก..” ผมดึงมือออกจากการกอบกุมของฟอร์ส ผลักไรเฟิลออกด้วย มันเลิกคิ้ว แต่ผมไม่สนใจ ดึงห้าผ่มขึ้นมานอนคลุมโปง แต่ก็ถูกขัดขวางจากพวกมันอยู่ดี เลยต้องใช้พี่หมี่เป็นตัวช่วย
“น้องเห็ด~~”
“ควอทซ์~~”
“น้องควอทซ์~~”
“หึ..”
ต้องบอกไหมว่าใครบ้าง ไอ้หมาไนต์ ไอ้เหี้ยฟอร์ส ไอ้เชี่ยกาย แล้วก็ไอ้บ้าไรเฟิล ตามลำดับ (ถูกเติมยศไปโดยปริยาย..)
ผมลดพี่หมี่ลงเพราะเริ่มหายใจไม่ออก ยกมือกุมขมับ รู้สึกปวดหัวตุบ ๆ
“กูหายป่วยพวกมึงโดนแน่”
ก็อก ก็อก ก็อก
“ได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ” เสียงหวาน ๆ จากพยาบาลดังเข้ามา พร้อมร่างบาง ๆ ของเธอที่เข็นรถอาหารเย็นที่ว่านั้นมา ผมเบ้ปาก กับข้าวโรงพยาบาลแม่งไม่อร่อย จืดชืดทุกอย่าง(ไม่โทษตัวเองหรอกว่าป่วย - -) พวกสี่สหายหลีกทางให้พยาบาลสาวสวย เธอเรียงถาดอาหารลงบนโต๊ะคร่อมเตียงแล้วเลื่อนมาให้ ไรเฟิชช่วยพยุงผมนั่ง มีไนต์เป็นคนปรับเตียงให้อยู่ในองศาที่พอดี
“มีอะไรบ้างครับ” ผมถามเสียงเรียบ
“เอ่อ..” เธอตอบไม่ได้ แต่รีบเปิดฝาภาชนะออก สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาผมอยากจะกวาดมันทิ้งให้หมด ข้าวต้ม เมนูเบสิคสำหรับคนป่วย แกงจืดที่มีเห็ดหอมลอยเคว้งอยู่ ผัดผัก ซุปเห็ดหรืออะไรสักอย่างที่ผมไม่แน่ใจ และผลไม้สองสามอย่าง
“เอาออกไป”
“เอ่อ.. คนไข้ต้องทาน..”
“เอา-ออก-ไป” ผมเน้นย้ำทีละคำ คุณพยาบาลหน้าเสียก่อนจะปรับให้เป็นปกติและแย้มยิ้มให้ผม สี่สหายมองผมงง ๆ
“ทานสักนิดก็ยังดีนะคะ จะได้ทานยาด้วย จะได้หายป่วยไว ๆ ไงคะ”
“เอาออกไปครับ ผมไม่กิน”
“เฮ้ยมึง..”
“ญาติคนไข้ช่วยพูดหน่อยสิคะ” แค่พูดทำไมต้องทำเสียงอ่อนเสียงหวานขนาดนั้นเลยเหรอ ผมไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางดูหนาเตอะ เสื้อรัดจนเห็นรูปร่าง กระโปรงสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเป็นคืบ อืม...
“ไม่กินครับ เอาออกไป ทิ้งไว้แค่ยานั้นแหละ”
“ไม่กินข้าวจะกินยาได้วะน้องควอทซ์”
“นั่นสิคะ ทานสักนิดนะคะ จะได้หายเร็ว ๆ”
“คุณรู้ได้ยังไงว่ากินของพวกนั้นแล้วผมจะดีขึ้น หึ ผมคิดว่าจะแย่ลงนะ ดีไม่ดีผมอาจตายเพราะอาหารพวกนั้นก็ได้”
“เฮ้ย! / เอ๋?”
“อาหารพวกนี้แทบจะมีเห็ดเป็นส่วนประกอบทุกอย่าง นี่โรงพยาบาลหรือโรงเพาะเห็ดกันครับ”
“แต่เห็ดที่เรานำมาทำได้มาตรฐานนะคะ แล้วก็..”
“ผมแพ้เห็ด”
“ฉันไม่รู้จริง ๆ ขอโทษค่ะ”
“คุณคะยั้นคะยอให้ผมกินมัน แล้วถ้าผมตายล่ะ คุณจะทำยังไง รับผิดชอบไหวเหรอ? คุณไม่ได้ดูข้อมูลคนไข้เลยเหรอว่าเขาแพ้อะไร เขากินอะไรไม่ได้บ้าง ถ้าเกิดที่คนไข้คนอื่นที่แพ้อาหารแบบผมล่ะ คุณจะบังคับให้ผมกินในสิ่งที่จะทำให้เขาตายได้น่ะเหรอครับ แพ้อาหารคุณคิดว่ามันเล็กน้อยเหรอ?ชีวิตคนนะครับ ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ถ้าทำให้ไม่พอใจ ผมขอโทษด้วยครับ”
“ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษค่ะ เดี๋ยวเปลี่ยนให้ใหม่นะคะ คนไข้แพ้อะไรอีกไหมคะ?” ตาของเธอแดงช้ำ คงพยายามกลั้นน้ำตา รู้สึกตัวเองเลวเลย ทำผู้หญิงร้องไห้เนี่ยนะ
“เยอะแยะ แต่ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ชอบอาหารโรงพยาบาล ขอบคุณคุณมากครับ”
“แต่ว่า..”
“เอาไว้แค่ยาพอครับ เชิญ”
“ค่ะ” เธอรีบเก็บอาหารออกไป เหลือไว้แค่ยาตามที่ผมบอก ดู ๆ ไปแล้ว เธอก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร ยังดูอายุไม่เยอะเลย แต่ยังไงก็แก่กว่าผมอยู่ดี แล้วโดนเด็กแบบผมพูดอย่างนั้นเข้าคงเสียศูนย์ไม่น้อย
“หูยยยยยยยยยยยยยย น้องเห็ดเหวี่ยงเป็นด้วย”
“เดี๋ยวกูจะเหวี่ยงมึงตกขอบโลกเลยหมาไนต์”
“โทษทีวะ โลกเป็นวงกลม กร้ากกกกก” สัด!
“เพิ่งเคยเห็นไอ้น้องควอทซ์โหมดนี้ ลืมถ่ายคลิป เสียดายว่ะ” ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้ฟอร์ส มันทำท่ากลัวไอ้เสแสร้งสุด ๆ ไปเลย
“ลูกสาวก็มีโหมเดาร์คนี่หว่า ไอ้ปืนตายแน่” เกี่ยวอะไรกับไรเฟิลล่ะกายยยยยยยยยยยยยย
“หึ”
“กู... กูหิว พวกมึงลงไปซื้อกับข้าวให้กูเลย”
“เปลี่ยนเรื่อง ๆ จะเอาอะไรก็มาเลยครับคุณรักษ์ธิสุด”
“บอกด้วยนะครับว่าคุณแพ้อะไรบ้าง ผมไม่อย่างโดนเหวี่ยง” สัด.. เหวี่ยงหรอ นั่นเรียกเหวี่ยงหรอ ผมว่าไม่นะ ก็แค่ปกป้องตัวเอง ผมไม่ได้เหวี่บงนะครับ!
ผมลิสต์เมนูที่อยากกินใส่กระดาษให้พวกมันพร้อมทั้งระบุแบบระเอียดว่าแพ้อะไรว่า(โดนพวกมันสั่งอ่ะ!) ลูกหมาสามตัวอาสาลงไปซื้อให้ โดยให้ไรเฟิลเป็นคนเฝ้าผม พวกมันบอกว่า
‘มึงควรมีคนอยู่ด้วยเผื่ออยากได้อะไรให้คนรู้ใจช่วยจะได้สื่อสารกันได้ง่าย’ สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ไม่เห็นรู้ว่าแพ้อะไรพวกนี้”
“ก็ไม่เคยบอก”
“มึงควรบอกนะบันนี่”
“โอยยยยย เจ็บคอจังเบบ แค่ก ๆๆ”
“Fake!” แลบลิ้นใส่ไอ้คุณชาย กล้าว่ากูเสแสร้งหรอ! เดี๋ยวปั๊ด!
“หิวน้ำ” คุณชายวางโทรศัพท์ไว้บนเตียงแล้วเดินไปรินน้ำให้ ผมหยิบมือถือมันมาดูพอใส่รหัสเข้าไปก็เจอเกมที่เปิดค้างไว้ ผมเลยเล่นต่อซะเลย แต่ก็มีอุปสรรคเล่นไม่ถนัดเพราะสายน้ำเกลือนี่แหละ ขณะนั้นก็งับหลอดที่ไรเฟิลยื่นมาให้ด้วย เมื่อดื่มน้ำเสร็จก็คายหลอดให้พี่ท่านเอาแก้วไปเก็บ
กินน้ำไปเยอะก็รู้สึกปวดฉี่ อึ้ยยยย ผมหันซ้ายหันขวามองไรเฟิลที่เล่นเกมอยู่(มันแย่งคืนไปแล้ว)ก่อนจะขยับตัว หย่อนจาลงข้างเตียงแล้วกระดึบๆ
“จะไปไหน” ไรเฟิลถาม มันคงมองเห็นความอนาถของผม
“ห้องน้ำ” ไรเฟิลวางโทรศัพท์ลง สอดแขนเข้ามาใต้วงแขนผมก่อนจะอุ้มผมลง พลางคว้าเสาน้ำเกลือมาให้ ผมค่อย ๆ เดินแต่เกือบจะล้ม คุณชายท่านเลยต้องช่วยพยุง แค่เป็นไข้ ทำไมขาไม่มีแรงวะ - -
“เสร็จแล้วก็เรียก” ไรเฟิลเดินออกจากห้องน้ำ ผมจัดการธุระตัวเองจนเสร็จก็ลากตัวไปที่อ้างล้างมือ ขณะที่ล้างมืออยู่ยั้นประตูห้องน้ำก็เปิดพลั้วเข้ามา
“ทำไมไม่เรียกวะ เกิดลื่นล้มจะทำไง”
“ก็..กูช่วยเหลือตัวเองได้น่า”
“อวดเก่ง”
“ฮือ..” ผมเบี่ยงหน้าหนีมือหนาที่พรมด้วยน้ำเย็น
“หลับตา”
สัมผัสเปียกชื้นแตะลงที่ใบหน้าของผมพร้อมกับมือหนาที่ลูบเบา ๆ บริเวณรอบดวงตา ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปที่หน้าผาก ลงมาแก้ม ริมฝีปากและจมูก ผมลืมตาขึ้นมองคนที่กำลังล้างหน้าให้ผม ระยะห่างของเรามีไม่มากนัก ผมมองใบหน้าหล่อราวกับรูปปั้นจากฝีมือศิลปะชั้นเอกดั่งต้องมนต์สะกด ใบหน้าคมแลดูจริงจัง นัยต์สีน้ำทะเลที่เรียบนิ่งแต่ถ้ามองดี ๆ ก็จะเห็นบางอย่างที่แฝงอยู่ อ่า.. ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกิดไป ผมว่าผมเห็นความห่วงใยในแววตาคู่นั้นนะ ... การกระทำแสนอ่อนโยนทำให้ผมห้ามหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงไม่ได้...
“เสร็จแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ผมสะดุ้งเฮือก หลุดออกจากภวังค์ สะบัดหน้าเบา ๆ เรียกสติ พึมพำขอบคุณในลำคอ ก่อนจะหลบสายตาที่มองมาแล้วชิ่งหนี แต่ร่างกายดันไม่เห็นด้วย ผมสะดุดพรมหน้าหเองน้ำหัวเกือบทิ่ม ถ้าไม่ติดว่าไรเฟิลคว้าไว้ทันคงได้ลงไปจูบพื้นแล้วแหง
“หิว ๆๆ เมื่อไหร่พวกมันจะมาาาาา” ผมงอแง ไรเฟิลก็เล่นแต่โทรศัพท์ ส่วนผมนั่งห้อยขาบนเตียงแล้วเตะขาไปมา จนกระทั่งพลาดไปเตะเก้าอี้ไรเฟิลนั่นแหละถึงได้หยุด เจ็บอ่ะ เท้าแดงเลย TwT
“โทรตามดิ”
“มึงโทร” มันเปลี่ยนท่านั่ง กอดอกพิงพนักเก้าอี้หันหน้าเข้าหาผม ท่าทางที่แสดงออกว่าจะไม่ทำตามนั้นทำให้ผมเบะปาก ไรเฟิลไหวไหล่แล้วโยนสมาร์ทโฟนราคาแพงใส่ตักผม ถ้ารับไม่ทันมีร้าวอ่ะ
“พวกมึงจะมาพรุ่งนี้เลยมะ!”
“อย่าเพิ่งเหวี่ยง ๆ เหลืออีกนิดหน่อยเนี่ย ไม่นานหรอก”
“อื้อ เร็วด้วย” ผมกดวางสายแล้วโยนมือถือไปอีกฟากของเตียง ทำหน้าบึ้งมองไอ้คนที่นั่งอยู่ต่ำกว่าพลางเตะขาไปมาอีกรอบ
“เป็นอะไร”
“เปล่านี่...”
“คิดว่าเชื่อไหม พูดออกมา”
“เปล่าจริง ๆ ก็แค่...”
“หิว?” ผมพยักหน้า ไอ้คุณชายหัวเราะหึก่อนจะพูดบางคำออกมาเล่นเอาผมแทบจะยกเท้าถีบมันให้หงาย แต่ที่ทำได้คือสะบัดหน้าหนี สาวน้อยไปอี๊กกกกกก
“เด็กน้อย”
ผมเลื่อนเท้าทั้งสองข้างไปวางบนหน้าขาของอีกฝ่ายพลางมองมันอย่างลุ้น ๆ ว่ามันจะว่าอะไรหรือเปล่า แต่สิ่งที่ได้มาคือความเงียล ไม่มีสายตาคมกริบเชือดเฉือนแต่อย่างใดนั่นถือว่าโอเค
“ก้มหน้าลงมาหน่อย”
“หือ?” ผมทำหน้างง แต่ร่างกายกลับทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายไปแล้ว
“อีก”
“มีไรอ่ะ? อื้อออ”
คงไม่ต้องตอบแล้วว่ามีอะไร... ไรเฟิลรั้งคอผมลงไปจนใบหน้าของเราไม่มีช่องว่างก่อนที่ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายจะจู่โจมผม ปากอุ่นร้อนขบเม้มริมฝีปากผมเป็นระยะ กดย้ำจูบซ้ำ ๆ ในขณะที่ลิ้นชื้นไล้เลียไปตามกลีบปากก่อนจะสอดเข้ามาในโพรงปากของผม จูบที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้ผมตกใจแต่พอปรับตัวได้ทันก็เริ่มจูบตอบ ปลายเท้าผมกดแรงเหยียบลงบนหน้าขาของไรเฟิล แขนเรียวโอบรอบคอหนาพร้อมกับส่งมือบางไปขยุ้มกลุ้มผมสีบลอนด์ ผมส่งเสียงประท้วงในลำคอ เบี่ยงลิ้นหลบลิ้นร้อนของอีกฝ่ายที่ไล่ตามจนจนมุม เกี่ยวกระหวัดพัวพันจนแทบจะรวมกัน เสียงจ๊วบจ๊าบดังมาให้อายเป็นระยะ รู้สึกถึงหยาดน้ำที่ไหลเลอะมุมปาก แต่กลับไม่มีใครสนใจ ผมดันไหล่ไรเฟิลประท้วงเมื่อเริ่มขาดอากาศ ร่างสูงผละออกอย่างอ้อยอิ่ง ถอนลิ้นออกมาแต่ริมฝีปากยังคลอเคลียไม่ห่าง ไม่ถึงสองนาทีคนฉวยโอกาสก็ประทับกลีบปากลงมาอีกครั้ง มือหนาไล้ข้อเท้าผมขึ้นมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งหยุดที่เอวบางแล้วสอดมือเข้าไปภายในเสื้อคนป่วย ผมเกร็งหน้าท้องอัตโนมัติเมื่อมือหนาอุ่นร้อนลากผ่าน
ณ ตอนนั้นเองที่ประตูห้องพักคนป่วยถูกเปิดออก พร้อมกับเสียงโห่แซวของลูกหมาสามตัว...
“เย้ดดดดดดดดดดดดด โทษ ๆ พวกกูไม่รู้” กาย
“ต่อเลย ๆ เดี๋ยวพวกกูออกไปก็ได้” ฟอร์ส
“เสร็จแล้วเรียกพวกผมนะครับพี่” ไนต์
ผมซุกหน้ากับไหล่ไรเฟิลอย่างหมดสภาพ รู้สึกเห่อร้อนไปแทบทั้งตัว ส่วนคนต้นเหตุก็หัวเราะหึหึ ไม่ได้สนผมเลย
...อ ไอ้เหี้ยเอ๊ย น่าอายชะมัด...
----------------------โปรดติดตามตอนต่อไป-----------------------
น้องเห็ดมาแล้วววววววววววววว
มึน ๆ งง ๆ กันไหมคะ ;-;
สี่สหายก็ขยันแกล้งน้องจังเลยยยยย -/-
ไรเฟิลเป็นคนที่เย็นชากับคนทั้งโลกแต่อบอุ่นกับน้องเห็ดคนเดียวนะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ขอบคุณทุกคนนะคะ รักนะงับ -///-