EPISODE 39 วันเวลาผ่านไป วันนี้ก็เป็นวันพุธแล้ว ผมกำลังเก็บของใส่กระเป๋าใบโปรด ไรเฟิลกำลังแต่งตัวอยู่ วันนี้ฝรั่งมีเรียนแค่ช่วงบ่าย ช่วงเช้าถูกแคนเซิลไป เขาเลยจะไปกับผมด้วย ก็ดีครับ ผมไม่อยากไปคนเดียวเหมือนกัน กลัวหลง แฮะ ๆ ไรเฟิลเองก็หายป่วยแล้วครับ สบายยยย เรื่องบทลงโทษน่ะหรอ อย่าไปพูดถึงมันเลย ผมไม่อยากนึกถึง ระแวงมากครับไม่รู้จะให้ผมทำอะไรแผลง ๆ หรือเปล่า สรุปว่าตอนนี้..ผมยังไม่ถูกลงโทษครับ ฮิ้ววววววว
“นัดกี่โมง”
“สิบโมงอ่ะ”
“อื้อฮึ” ตอนนี้แปดโมงนิด ๆ เราต้องเผื่อเวลาด้วย เพราะสตูดิโอดันอยู่ไกลจากย่านที่เราอยู่ อีกอย่างการจราจรมันค่อนข้าง... นะ
ผมจัดคอเสื้อคนตัวสูงให้เข้าที่ ไรเฟิลสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวซึ่งไม่ใช่เสื้อนักศึกษา พับแขนเสื้อขึ้นไปถึงข้อศอก(ผมพับให้อีกนั่นแหละ) ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์สีเข้มมีร้อยขาด ๆ น่าหมั่นไส้! ไอ้หล่อ ไอ้เท่ ไอ้ดูดี ไอ้ขายาว ไอ้ยักษ์!
ผมกับไรเฟิลแวะกินข้าวที่ร้านหน้าปากซอย ก่อนจะขับรถไปที่สตูดีโอ ใช้คนละคันครับ จริง ๆ จะให้ไรเฟิลไปส่งก็ได้ แต่ผมไม่รู้ว่าจะถ่ายเสร็จกี่โมงไง ขี้เกียจรอด้วย เผื่อเลิกไม่ตรงกัน ก็เลยให้ไรเฟิลขับนำหน้าแล้วผมขับตาม
----------------------
มาถึงสตูดีโอก่อนเวลาประมาณยี่สิบนาที ผมเกิดเกร็ง ๆ ขึ้นมา อ๋อยยยยย อยากกลับบ้านนนน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยทำไมถึงตื่นเต้นก็ไม่รู้ ผมกับไรเฟิลยืนอยู่หน้าสตูดิโอยังไม่เข้าไปข้างใน แล้วเหมือนคนข้าง ๆ จะจับอาการได้ถึงหัวเราะหึออกมา ผมชกไหล่ไรเฟิลไม่แรงนัก
“เข้าไปได้ยัง ร้อน”
“งื่อออ”
ภายในสตูดิโอค่อนข้างวุ่นวาย ทีมงานหลายคนวิ่งวุ่นจัดเตรียมสถานท่และอุปกรณ์ประกอบฉาก ผมเงียบ ไม่กล้าส่งเสียง กลัวจะไปรบกวนเขา ไรเฟิลกวาดตามองผ่านแว่นกันแดด ผมยกมือไหว้พี่คนนึงที่หันมาทางเราพอดี แล้วพี่เขาก็เดินเข้ามาหา
“สวัสดีครับ”
“น้องควอทซ์ใช่ไหมคะ ตามพี่มาค่ะ” พี่เข้าพาพวกผมไปที่ห้องห้องหนึ่ง คาดว่าน่าจะเป็นห้องแต่งตัว แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
ในห้องนั้นมีเสื้อผ้าแขวนอยู่มากมาย รวมทั้งพวกเครื่องสำอางด้วย มีพี่ ๆ หลายคนอยู่ในนี้ ผมยกมือสวัสดีทุกคนตั้งแต่ฝ่ายคอสตูม เมคอัพ สไตล์ลิสต์ บลา ๆ อ้อ มีอาณิชด้วย กำลังเม้าส์ได้ที่เลย
“มาไวจังลูก” อาณิชเข้ามาหา
“กะเวลาไม่ถูกฮะ”
“แล้วนั่น..ใครเหรอจ้ะ?” อาณิชส่งสายตาล้อ ๆ
“อ้อ ไรเฟิลครับ ไรฟ์ นี่อาณิช”
“สวัสดีครับ” ไรเฟิล
“สวัสดีครับ เป็นอะไรกับหลานอาเนี่ย หืม”
“อาณิชชชชชชช” รู้อยู่แล้วยังจะถามให้ผมอายอีก ฮือออ อาณิชยิ้มล้อก่อนจะแนะนำผมให้พี่ทีมงานรู้จัก
“ผิวดี๊ดีนะคะคุณน้อง ดูสิหน้าใสแก้มเด้งเชียว” พี่จุ๊บแจงพูดขณะใช้แปรงปัดแก้มผมไปด้วย ผมยิ้มขอบคุณก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแหย่เมื่อสายตาสบกับไรเฟิลผ่านกระจก คุณชายกอดอกหน้านิ่งแบบนั้นเล่นเอาผมหวั่นใจ
เมื่อก่อนหน้านั้นไม่กี่นาทีไรเฟิลเขาถูกรุมครับ จากพี่ ๆ ทีมงานทั้งสาวแท้สาวเทียม หน้าตาหงุดหงิดเข้าขั้น ใช้ความนิ่งเงียบสยบทุกความเคลื่อนไหว พวกพี่ ๆ เขาเลยมองแต่ตามือต้องไม่ได้ อ้อ! แต่ยังแทะโลมด้วยคำพูดเป็นระยะนะครับ หน้าไรเฟิลตลกมาก หึหึ
“หน้าหว้านหวาน ไม่น่าเชื่อว่าจะเรียนวิศวะนะหนู ดูสิสักลายด้วย อร้ายยยย โดนใจเจ้” พี่แฮร์สไตล์ลิสต์พูด ลูบ ๆ จิ้ม ๆ แทททูที่หลังหูกับต้นคอด้านหลังผม ขนลุกมากครับ อยากจะปัดออกแต่ทำไม่ได้ ผมยิ้ม ไม่รู้จะพูดอะไร รู้สึกหิว ๆ ขึ้นมาอีกแล้วสิ อ๊อยยยยย ผมกระดิกนิ้วเรียกไรเฟิล คนถูกเรียกเลิกคิ้วสูงแต่ก็ยอมเดินมาหา พี่จุ๊บแจงกับพี่แฮร์สไตล์ลิสต์(ขอโทษครับจำชื่อไม่ได้)ถึงกับทำหน้าเคลิ้ม เจ้อย่า...เขาเป็นของผม
“ว่า?”
“หิว”
“อื้อฮึ”
โอเค รู้เรื่อง พูดไม่กี่ประโยคแต่เข้าใจกันดี แฮ่ ก่อนไรเฟิลจะออกไปผมบอกให้มันเอากระเป๋าเงินผมไปด้วย ฝรั่งเปิดดูแล้วบอกว่ามีร้อยแปดสิบก่อนจะโยน LV ผมทิ้งอย่างไม่ใยดี โอยยยย ลืมไป อยู่กับคุณชายแทบไม่ได้ใช้เงินตัวเอง ช่วงนี้เลยไม่ได้กดเงินเลย แหะ ๆ มีแฟนรวยก็งี้ ชีวิตดี [ตบให้ดิ้น หมั่นหน้า]
ระหว่างนั้นก็มีทีมงานเข้ามาคุยเรื่องคอนเซปต์ครับ คอนเซปต์นี้คือ ‘ความเป็นธรรมชาติ’ ก็นะ ก็ไม่มีอะไรมาก แต่ทำออกมาให้มันเป็นธรรมชาติ แค่นั้น จบ! เหมือนจะง่ายนะ เหมือนจะ...
“มีผมคนเดียวหรอครับอา?”
“ใช่จ้ะ”
“คนอื่นจะไม่ว่าใช้เส้นเหรอฮะ”
“ช่างเขาสิ อาจะพรีเซนต์หลานอา”
“ผมกลัวเขาว่าอานี่” อาณิชยิ้มเอ็นดูแล้วหยิกแก้มผม
“ไม่มีใครว่าหรอก อย่าคิดมากเลยเด็กดี”
ผมอยู่กับอาณิชสองคนในห้องพักครับ แต่งหน้าเสร็จแล้ว แต่งตัวก็เสร็จแล้ว สบาย แค่รอเวลาออกไปถ่ายแบบก็แค่นั้น
------------------
ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามา ในมือหนามีถุงจากร้านสะดวกซื้อถุงใหญ่ ...ประชดกูหรือเปล่าครับ - -
“ซื้ออะไรมาบ้าง”
“ดูเองดิ”
“เป็นอะไร?” ตอนนี้ไรเฟิลหน้าหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมซะอีก
“เดี๋ยวอาออกไปข้างนอกดีกว่าเนอะ” อาณิชพูดจบก็เดินออกไปทันที ผมดึงแขนไรเฟิลให้นั่งลงข้างกัน ถึงได้เห็นว่าบนแขนแกร่งมีรอยแดงเป็นเส้นยาว รอยเล็บชัด ๆ โดนข่วนตอนโดนรุมแน่ ๆ
“เจ็บป่ะ”
“หึ เริ่มถ่ายเมื่อไหร่?”
“อีกประมาณสามสิบนาที แล้วนี่จะเข้าม.เมื่อไหร่?”
ไรเฟิลยกข้อมือดูนาฬิกาก่อนจะบอกว่าอีกนาน ตอนที่อาณิชเห็นคนตัวสูงนี่แทบจะเปลี่ยนตัวนายแบบจากผมเป็นไรเฟิลแทน แหม อาครับ.. ก็คุณชายมันทั้งสูง หล่อ หุ่นดี มีกล้าม เบ้าฝรั่ง ตาสีฟ้า ผมบลอดน์เงินสวยขนาดนี้ ถ้าได้ไปเป็นพรีเซนเตอร์จริง ๆ คงดีไม่น้อย แล้วบังเอิ๊ญบังเอิญวันนี้ไรเฟิลใส่นาฬิกาคอลเลคชั่นก่อนหน้านั้นของแบรนด์อาณิชมาด้วย อาผมยิ้มปลื้มฝรั่งตาฟ้านี่ใหญ่ ไรเฟิลอย่างนั้น ไรเฟิลอย่างนี้ ควอทซ์ไร้ตัวตนมาก กลายเป็นหมาหัวเน่าเลย พูดแล้วน้ำตาจะไหล..
“เลิกทำหน้าหงุดหงิดแล้วน่า”
“กินดี ๆ” เฉไฉเขี่ยเศษแยมโรลออกจากมุมปากผม พอผมกินอิ่มก็คว้าขวดน้ำยาป้วนปากเดินเข้าไปห้องน้ำไป ไอ้นี่ก็ฉลาดซื้อจริง ๆ
--------------------
ถึงเวลาต้องเริ่มถ่ายแบบแล้วครับ!! ผมเดินเข้าไปในฉากอย่างเก้ ๆ กัง ๆ อ๋อยยย ตื่นเต้นอ่ะ เหลือบตาไปทางไรเฟิล มันแต่ยกยิ้มมุมปากส่งมาให้ อาณิชที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไรเฟิลก็ยิ้มให้เช่นก่อน พี่ทีมงานเอานาฬิกาเรือนแรกที่ต้องถ่ายมาให้
“ตามสบายครับ ไม่ต้องเกร็ง” คุณตากล้องพูดแล้วยิ้มใจดี ยิ่งบอกแบบนี้ยิ่งเกร็งครับ T_T
“ฟู่..” ผมเป่าลมจากปาก ก่อนจะเริ่มโพสท่าเมื่อพี่ตากล้องสั่งเริ่ม
เซ็ทแรกผ่านไปแล้วเรียบร้อย โดนตินิดหน่อย ก็ไม่ใช่นายแบบมืออาชีพนี่ครับ ผมเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อถ่ายเซ็ทที่สอง พอเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาพี่ฝ่ายเมคอัพก็มาเติมหน้าให้ ในระหว่างที่พี่ ๆ กำลังดูแลความเรียบร้อยของผมอยู่นั้นไรเฟิลก็เข้ามา ผมเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม พูดไม่ได้ครับกำลังทาลิปให้ผมอยู่เดี๋ยวพี่จุ๊บแจงตบปาก (เพื่อ!!!) เป็นอันเข้าใจว่าคนตัวโตจะไปแล้ว พอขอนุญาตพี่ทีมงานได้ผมก็ออกมาหาไรเฟิล และเราก็มาที่ลานจอดรถของสตูดิโอ
“ขับรถดี ๆ ล่ะ อื้อ...”
มือหนาดึงเนคไทด์ทำให้ผมต้องโน้มตัวตามลงไป ก่อนที่จะเลื่อนมือมากดท้ายทอยผมเอาไว้ ริมฝีปากร้อนบดเบียนกับปากของผม มือเรียวยันไหล่กว้างเอาไว้เป็นตัวช่วยพยุง แทรกตัวเข้าไปกลางระหว่างขาของคนตัวสูงที่นั่งอยู่ในรถแต่เหยียดจาออกมาด้านนอก ไรเฟิลบดจูบรุนแรงในคราแรกก่อนจะเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและค่อย ๆ ร้อนแรงขึ้นจนผมแทบยืนไม่อยู่ ...ผมอ้าปากเพื่อจะหายใจแต่กลับเป็นการเปิดโอกาสให้คนตัวสูงสอดปลายลิ้นเข้ามาเสียอย่างนั้น ลิ้นร้อนไล้ตามแนวฟันก่อนจะวกกลับมาเกี่ยวพันกับเรียวลิ้นผมที่ตอบกลับไปอย่างดีเยี่ยม
เราผละจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง หยาดน้ำสีใสเชื่อมระหว่างริมฝีปากของผมกับอีกคนก่อนมันจะขาดไป ปลายนิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำที่เคลือบบนกลีบป่กผมออกอย่างเบามือ
...ชักไม่อยากให้คนตัวสูงไปเรียนแล้วสิ
“กลับเข้าไปได้แล้ว” กดจูดที่มุมปากผมแผ่วเบาก่อนจะผละออก ผมพยักหน้าหงึกหงักทั้งที่ใจยังไม่อยากเข้าไป ขยับตัวออกห่างจากตัวรถ ไรเฟิลบอกว่าถ่ายเสร็จแล้วให้โทรหรือส่งข้อความไปบอก ผมตอบรับอือ มองรถยนต์ที่เคลื่อนผ่านออกไปจนลับตาถึงได้กลับเข้าไปในสตูดิโอ
-----------------------------------
การถ่ายแบบผ่านไปจนกระทั่งถึงเซ็ทสุดท้าย ผมรับเสื้อเชิ้ตสีขาวกับสูทปกกว้างสีเข้มแบบกระดุมเม็ดเดียวมาเปลี่ยน แต่พอออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด พี่นัชชี่สาวสวยที่เคยเป็นชาย(แปลงเพศแล้ว)ฝ่ายคอสตูมกลับปลดกระดุมเสื้อผมออกทุกเม็ดทั้งสองตัวแล้วแหวกสาบเสื้อผมออกก่อนจะจัดให้เข้าที่อีกที ทำไมต้องปลดกระดุมด้วยวะ!!! โชคดีที่ผมพอมีกล้ามหน้าท้องอยู่บ้าง แม้จะไม่ค่อยมองเห็นก็เถอะ ถ้ามีแค่หน้าท้องนิ่ม ๆ คงน่าอายพิลึก ฮืออออ
“ขอเจ๊สัมผัสได้ไหมจ้ะ” เจ๊จะขอเพื่ออะไรถ้ามือเจ๊จะลูบหน้าท้องผมไปแล้วน่ะครับ!! เจ๊พี่นัชชี่ขยับมาใกล้จนหน้าอกหน้าใจตู้ม ๆ ของเจ๊แกจะแนบตัวผมอยู่แล้ว ผมเกร็งตัวหลับตาปี๋ปลายจมูกราคาแพงของพี่นัชชี่เฉียดซอกคอ โอ๊ยยยย หัวใจจะวาย ช่วยด้วยยยยยยย ผมกลัวแล้วววววว T___T
ผมยิ้มแห้ง ขยับตัวออกห่างอย่างสุภาพ พี่แฮร์สไตล์ลิสต์ดันผมให้นั่งเก้าอีกหน้ากระจก ก่อนจะจัดแต่งทรงผมอีกนิดหน่อย มีพร้อพเสริมคือมงกุฎดอกไม้เพิ่มเข้ามา มันก็ดูดีอยู่นะ แต่ก็อย่าว่า คนหล่อทำอะไรก็หล่ออยู่แล้วล่ะครับ เนอะ อ้าว! ใครบอกให้อ้วก!
“เอียงคอนิดนึงลูก” พี่อีกคอเข้ามา ก่อนจะแปะแทททูบนต้นคอผม ไม่ให้ผมตั้งตัวเล้ยยยยยยยยยย
-------------
“พร้อมนะ!” คุณตากล้องร้องถาม พอผมตอบรับก็เริ่มถ่ายกัน เซ็ทนี่พี่เขาบอกอยากได้เซ็กซี่นิด ๆ ถึงจะงง ๆ แต่ก็ตามน้ำไปครับ เป็นแค่เด็กจะไปขัดอะไรใครเขาได้ แล้วให้ผมทำท่าเซ็กซี่นี่แน่ใจแล้วเหรอ เกรงว่ามันจะออกมาเซ็กเสื่อมนี่สิ
“สุดท้ายแล้วนะครับ” ผมนั่งบนที่วางแขนของอาร์มแชร์ตัวใหญ่ กัดริมฝีปากเอียงใบหน้านิดหน่อย เท้าแขนกับพนักพิงพยุงตัวเองไว้ ส่วนอีกข้างยกปลายนิ้วแตะริมฝีปากเพื่อโชว์นาฬิกา ตามองจิกกล้องและหลับตาลงข้างหนึ่ง
“เรียบร้อยครับ!” สิ้นเสียงคุณตากล้องผมก็ลดมือลง รวบชายเสื้อให้ชิดกัน เอ่ยขอบคุณทีมงานทุกคนแล้วรีบเข้าไปเปลี่ยนชุด ไม่ทันได้ฟังเสียงพี่ ๆ บางคนที่เรียกผมไว้กะจะขอถ่ายรูป ผมเปลี่ยนมาใส่ชุดที่ใส่มาเมื่อเช้า ออกมาก็เจออาณิชรออยู่ก่อนแล้ว
“สุดยอดมากหลานอา ขอบคุณที่ช่วยอานะ”
“ไม่เป็นไรครับ หลานอาณิชซะอย่างนี่เนอะ” ผมยิ้ม
“รีบเปลี่ยนชุดทำไมล่ะ อากะจะขอถ่ายรูปด้วยสักหน่อย”
“เหอ ๆ ขนลุกแปลก ๆ อ่ะครับ ไม่เห็นรู้ว่ามีแบบนี้ด้วย”
“อื้ม.. อาก็เพิ่งรู้เหมือนกัน”
“อ่า... ผ่านไปแล้ว ช่างมันเถอะครับ”
“โอเคครับ มาถ่ายรูปกัน” ผมถ่ายรูปกับอาณิชสองสามรูปก่อนจะขอตัวไปล้างหน้า แต่ยังไม่ทันได้ไปไหนก็ถูกพี่ ๆ ทีมงานลากไปถ่ายรูปซะก่อน ทั้งถ่ายคู่ ถ่ายเดียว ถ่ายรวม เล่นเอาเหนื่อย อินสตาแกรมผมคงมีแจ้งเตือนเยอะแน่ ๆ
---------------
“ขอโทษนะครับ ช่วยส่งไฟล์รูปทั้งหมดให้ผมได้ไหมครับ?” ผมถามคุณตากล้อง ก่อนจะมาผมคุยกับอาณิชก่อนแล้ว แล้วเอาก็อนุญาตแล้วด้วย เพียงแค่บอกว่าอย่าเพิ่งปล่อยรูปต้องรอให้ทางแบรนด์ปล่อยออกมาก่อน เพราะไม่อย่างนั้นมันอาจมีผลกระทบกับตัวงานได้
“ได้ครับ จะให้พี่ส่งให้ทางไหนดี” แล้วจำเป็นต้องมองผมตาเยิ้มแบบนั้นหรอครับ - -
“อีเมล์เลยครับ เดี๋ยวผมเขียนให้” ผมว่าก่อนจะหากระดาษกับปากกามาจดอีเมล์ให้คุณตากล้อง
“ครับ ถ้าส่งไปแล้วเดี๋ยวพี่โทรบอก..” เดี๋ยวครับ.. คุณไม่มีเบอร์ผมสักหน่อย ตลกแล้ว - -
“ไม่จำเป็นครับ ผมเช็ดเมล์ประจำอยู่แล้ว ขอบคุณครับ ผมขอตัวก่อน” จากนั้นผมก็ไปบอกอาณิชว่าจะกลับแล้ว และปฏิเสธคำชวนที่อาณิชชวนไปกินข้าวด้วย(อาณิชเลี้ยงข้าวทีมงานฮะ)
---------------------------
วางกระเป๋าไว้ที่เบาะข้างคนขับ ก่อนจะออกรถแล้วตรงไปที่มหาวิทยาลัย(มีเนวิเกเตอร์เป็นตัวช่วย) หลังจากที่โทรหาไรเฟิล มันก็บอกให้ผมไปหาหรือเรียกให้ถูกคือไปรับนั่นแหละ รถไรเฟิลกายยืมไปครับ ไม่รู้กายมีเหตุผลอะไร คนขี้หวงอย่างไรเฟิลถึงยอมให้ยืมรถได้
มาถึงมหาวิทยาลัยก็บ่ายสามเกือบสี่โมงแล้ว
“ถึงแล้วนะ อยู่หน้าตึก”
(“ยังไม่เลิก ไปรอที่คาเฟ่ข้างคณะ เดี๋ยวไปหา”)
“อืม ได้ ตัวใจเรียนล่ะ” วางสายจากไรเฟิล ผมก็ขับรถไปจอดใกล้ ๆ คาเฟ่ที่ว่านั่น แล้วทำไมตอนผมลงจากรถต้องมีคนมองด้วยเนี่ย
กรุ้ง กริ้ง
เสียงโมบายกระดิ่งดังขึ้นเมื่อเปิดประตู พนักงานเอ่ยต้อนรับเสียงใส
“สวัสดีจ้า คาลี่คาเฟ่ยินดีตอนรับค่ะ” ผมยิ้มหน่อย ๆ
“ว้าย! น้องควอทซ์ใช่ไหมคะ?” พี่คนเดิมถามเสียงตื่นเต้น
“อ่า.. ครับ”
“อร้ายย ตัวจริงน่ารักจัง ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ?” ผมตอบครับ พี่คาลี่(เพิ่งรู้ชื่อและก็เป็นเจ้าของร้านด้วย)วิ่งออกมาจากเคานต์เตอร์แล้วมายืนข้างผม ให้พนักงานคนอื่นถ่ายให้ รวมทั้งพี่คาลี่ถ่ายเองด้วย
“ขอบคุณค่ะ ไม่เห็นหยิ่งเลย ฮิฮิ รับอะไรดีคะ?”
“อ่า.. ช็อกโกแลตครีมแฟรบฯ กับไวท์ช็อกโกแลตชีสเค้กแล้วกันครับ”
“สักครู่นะคะ เชิญนั่งรอก่อนเลยค่ะ”
ร้านนี้ตกแต่งด้วยโทนสีสดใส หลากหลายแต่เข้ากันอย่างลงตัว ตัวร้านไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ไม่เล็กเกินไป อีกอย่างเมนูก็มีให้เลือกเยอะด้วย ทั้งพวกเครื่องดื่ม เบเกอร์รี่ รวมทั้งอาหารอย่างอื่นก็มี หูยยยยย ทำไมผมเพิ่งมาเจอร้านนี้เนี่ย ผมเลือกนั่งด้านในติดกระจก คนในร้านตอนนี้ก็ถือว่าเยอะ ส่วนใหญ่น่าจะเป็นนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์กับคณะบริหาร (ร้านอยู่ระหว่างสองคณะ)
“ขอบคุณครับ” บอกพี่คาลี่ที่เอามาเสิร์ฟ ผมตักเค้กขึ้นชิม อร่อยมากกกกกกกกกกกกกก! ไม่หวานมากแล้วก็ไม่เลี่ยนด้วย ถูกใจควอทซ์ ผมว่าไรเฟิลแม่งต้องมาคลุกอยู่นี่บ่อยแน่เลย
--------------------
“เด็กทุนมากินอะไรแบบนี้ได้ด้วยเหรอ” เอาล่ะ เสียงดังเข้ามากระทบโสตประสาท ผมเลือกที่จะไม่สนใจ ไม่ได้มองด้วยว่าใครพูด จิ้มสมาร์ทโฟนเล่น คุยไลน์กับไอ้ไนต์ กินเค้กต่อ
...ก็ไม่เห็นหน้าร้านมีป้ายบอกว่าห้ามเด็กทุนเข้านี่หว่า...
“มีปัญญาจ่ายหรือเปล่าไม่รู้นะ” คนพูดคงจะมากับคนแรก เพราะเข้าขากันดีเหลือเกิน เสียงพูดคุยกันในร้านเงียบกริบจากจอแจตอนแรก หึ ผมแสยะยิ้มกับตัวเอง เอนตัวพิงพนักแล้วมองหน้าคนพูด พอเห็นผมมองพวกเธอก็เหยียดยิ้ม นึกว่าใคร ที่แท้ก็ดาวเศรษฐศาสตร์ที่คู่กับไรเฟิลนี่เอง
กรีน...
“หึ”
“ยี๋ ร้านเขาเสียคลาสหมด” กรีีนทำหน้ารังเกียจ เดินมาทางผมและแกล้งสะดุด ทำให้กาแฟที่เธอถือมาหกใส่ผมเต็ม ๆ อื้ม... กาแฟร้อนด้วยครับ แม่เง้ยยยยยย! แล้วเสื้อที่ผมใส่ดันเป็นสีขาวด้วยนี่สิ ดีจริง ๆ
“อุ้ย.. โทษที” บอกขอโทษแต่ปากเหยียดยิ้มเยาะ คนเรานี่นะ..
“ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้อง
สะเออะพูดมันออกมาก็ได้ครับ” ผมพูดยิ้ม ๆ พลางดึงกระดาษทิชชู่มาซับกาแฟที่เลอะ
“นี่แก!”
“ว้ายยย เกิดอะไรขึ้นคะ” พี่คาลี่ถามหน้าตื่น
“คุณผู้หญิงคนนี้เขาเกิดมือเปลี้ยไม่มีแรงขึ้นมากระทันหันแค่นั้นครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“เอ่อ.. เดี๋ยวพี่หาผ้ามาเช็ดให้นะคะ”
“ขอบคุณครับแต่ไม่เป็นไร”
“เป็นบ้าหรือไง ปรึกษาแพทย์ไหมเดี๋ยวนัดให้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแม้ในใจระคุกรุ่น ยืนขึ้นประจันหน้ากับกรีน
“ฉันไม่ได้บ้า!”
“ผมว่าบ้านะ บ้า...ผู้ชายไง :-)” “กรี๊ดดดดด!”
“ผมไม่รู้หรอกว่าคุณเกลียดผมเพราะอะไร มาทำผมแบบนี้คิดว่าผมจะยอมไหม”
“เหอะ! ไม่รู้ก็โง่เต็มทีแล้ว!”
“งั้นก็ช่วยสนองคนโง่อย่างผมหน่อยสิ”
“เหอะ! ไรเฟิลไง”
“อ่า.. ไรเฟิลเกี่ยวอะไรล่ะครับ”
“อย่ามาทำไขสื่อ! ฉันรู้ว่าแกกับไรเฟิลเป็นอะไรกัน และเพราะแกไรเฟิลถึงไม่เลือกฉัน!!”
“เพราะตัวคุณเองมากกว่ามั้ง”
“กรี๊ดดดดดดดดด แก!!”
“จะทำบ้าอะไร!!” เสียงทุ้มเข้มตวาดลั่น มือหนากำข้อมือของกรีนที่ง้างค้างไว้แล้วสะบัดออกก่อนจะเข้ามายืนบังผม
“ร ไรเฟิล.. กรีน ไม่..”
“หุบปาก! ผมถามว่าจะทำอะไร!” ผมดึงเสื้อไรเฟิลเบา ๆ คนในร้านหันมามองอย่างโจ้งแจ้ง แล้วการที่กรีนมาตะคอกใส่ผมแบบนี้ถือว่าเป็นการประจารตัวเองเลยนะ
“เหอะ! รู้อยู่แล้วจะถามทำไมล่ะ! กรีนก็จะตบมันน่ะสิ” เชิดหน้าใส่ราวกับไม่เกรงกลัว ทั้งที่นัยน์ตาวูบไหว
“อยากตายหรือไง!!”
“ห่วงมันมากหรือไง!”
“เออ!”
“ไรฟ์” เรียกให้อีกฝ่ายใจเย็น แต่เหมือนจะคิดผิด เมื่ออีกฝ่ายหันมาเจอสภาพผม ร่างสูงขบกรามแน่น
“ทำเป็นเสียงอ่อนเสียงหวาน น่ารำคาญ”
“ไม่เสือกดิครับ” ผมพูด เริ่มหงุดหงิดบ้างแล้วนะ
“แก!”
“ผมจะถือว่าเรื่องไม่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกัน”
“คนดีจัง เหอะ” ผมถอนหายใจแล้วกลอกตาเซ็ง
“บำบัดไหม?”
“แกน่ะสิ!”
“พอเหอะ อายคนเขาไหมนั่น ...กลับเหอะ” ในจังหวะที่ผมกำลังจะเดินผ่านเธอไป กรีนกระชากผมก่อนที่ฝ่ามือของเธอจะกระทบลงบนแก้มผม
เพี้ยะ! ผมหลับตาสะกดอารมณ์ มือกำแน่นบังคับไม่ให้เผลอทำร้ายคนตรงหน้าเข้า ได้ยินไรเฟิลสบถคำหยาบ ผมจับแขนอีกคนไว้แล้วดันออก ลืมตามองกรีนด้วยสายตาเรียบนิ่ง เกิดมายี่สิบปีไม่เคยโดนตบหน้า แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร กล้าดียังไงมาตบหน้าผม!
“คิดว่าตัวเองเป็นใคร.. คิดว่าจะไปตบหน้าใครก็ได้งั้นเหรอ..”
“อย่า อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ”
“หึ รู้ป่ะว่าคุณมันงี่เง่า ไม่แปลกใจเลยทำไมผู้ชายเขาถึงไม่เอา”
“กรี๊ดดดด”
“แล้วไอ้ร้องกรี๊ด ๆ เวลาไม่พอใจเนี่ยเลิกได้ป่ะ น่ารำคาญ”
กรีนมองผมอย่างโกรธแค้น เพื่อนของเธอที่มาด้วยกันไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ
“อ้อ อีกอย่างนะถึงไม่มีผมไรเฟิลก็ไม่เลือกคุณหรอกครับ”
ผมมองหน้ากรีนแล้วเหยียดยิ้มมุมปากเป็นเชิงเห็นใจเบา ๆ
-------------------
“เกิดอะไรขึ้นวะ” ผู้ชายหน้าตี๋เข้ามาหาไรเฟิล ผมไม่ได้สนใจเพราะกำลังหงุดหงิด เปิดท้ายรถหาเสื้อมาเปลื่ยน ถอดเปลี่ยนแม่งตรงนี้เนี่ยแหละ!! ดีนะมีเสื้อติดมาด้วย เทน้ำที่มีติดอยู่ในรถล้างคาบเหนียว ๆ
“ทำบ้าอะไรวะ!”
“แหกตาดูเองสิ! ฮึ่ยยย” สะบัดมือให้หยดน้ำกระเซ็นใส่ไรเฟิล
“ขาวมาก..”
ตุบ!
เพื่อนไรเฟิลถูกถีบด้วยฝีเท้าของไรเฟิลเอง เหอ ๆ ผมรีบสวมเสื้อยืดให้เรียบร้อยแล้วปาขวดน้ำลงถังขยะใกล้ ๆ เห็นกรีนกับเพื่อนออกมาพอดี
“เชิดขนาดนั้นไม่ปวดคอรึไง” ผมว่าเสียงหงุดหงิด เพื่อนตี๋ของไรเฟิลหัวเราะขำ
“ไปว่าเขา”
“ทำไม! แม่งเอ้ย ถ้าไม่เป็นผู้หญิงนะกูจะยันให้หงาย”
“ฮ่า ๆๆ เมียมึงแม่งห่ามฉิบหาย”
“หึ”
“ป่ะ ไปได้ยัง ป่านนี้ไอ้ปูนบ่นล่ะกูว่า”
คุยกันสักพักก็รู้ว่าเพื่อนมันชื่อโซ่ แล้วปูนที่ว่านี่ก็เพื่อนพวกมันอีกนั่นแหละ พวกมันตกลงกันจะไปหาอะไรกินก่อนแล้วให้ปูนไปรอที่ร้าน ไรเฟิลปฏิเสธไม่ได้เพราะโทรศัพท์มันถูกโซ่ยึดไป(ถึงว่าทำไมมันไม่โทรหาผม)แล้วส่งต่อให้ปูนอีกที ถ้าจะเอาก็ต้องตามไปเอาที่ร้านอาหารนั่น คุณชายมันจะทำอะไรได้ล่ะครับ ก็ดี ผมก็หิวแล้วเหมือนกัน เสียพลังงานมาเยอะ เซ็งโว้ยยยยยยย!
---------------------
“มึงไปทำเสน่ห์ใส่เขาหรอวะถึงได้หลงมึงขนาดนั้น” ผมพูด มองไรเฟิลที่เป็นคนขับ ตาคมเหลือบมองแล้วกลับไปมองถนน
“เจ็บหรือเปล่า?”
ผมดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มข้างที่โดนตบ “เจ็บดิ มือหนักฉิบ” พอได้ยินคำตอบของผมเหมือนหน้าคมจะขึงขังขึ้นยิ่งกว่าเดิม มือหนากกำพวงมาลัยแน่น
“อย่าคิดมาก แค่โดนตบ ชิลลลล”
“เหอะ ใครจะไปชิลได้วะ”
“น่าาา แล้วจะทำไง ไปตบเขาเหรอ”
“ทำได้ก็ดิสิ ถ้าแตะคนของกูอีกเมื่อไหร่ไม่ไว้หน้าแน่”
“หึหึ ขอบคุณนะ” ..ที่เป็นห่วง
เรื่องของกรีนผมไม่รู้ว่าที่เธอทำเพราะรู้สึกเสียหน้าหรือเปล่า อาจจะใช่ แต่ถ้ามีครั้งที่สองล่ะก็... หึ ผมก็ไม่ใช่คนดีอะไรมากมายหรอก ก็บอกแล้วว่าผมเป็นคนที่มีความอดทนสูง แต่อย่าให้หมดความอดทนแล้วกัน มันอาจจะดูไม่ดีเพราะตัวผมเองเป็นผู้ชาย แล้วใครเป็นคนบอกว่าผู้ชายตอบโต้ผู้หญิงไม่ใช่ลูกผู้ชายวะ ต้องยืนนิ่งให้ผู้หญิงทำฝ่ายเดียวหรือไง .... ไม่มีสิทธิจะป้องกันตัวเองเลยหรอ ลองถามใจดู..
----------------
ที่หมายของเราคือร้านสเต็กครับ ตอนเย็น ๆ แบบนี้คนค่อนข้างเยอะเลย ไรเฟิลพาผมเข้าไปข้างในและมองหาเพื่อนของมัน
“เฮ้ย! ทางนี้!” เสียงโซ่ร้องเรียก แม่งมาถึงไวฉิบ
“เอามือถือกูมา” ไรเฟิลพูด คนที่นั่งข้างโซ่ ไหวไหล่ เขาเป็นผู้ชายผิวแทนนิด ๆ หล่อเข้ม ตัดสกินเฮด เจาะหู สักลายด้วย เท่สัด! คนนี้คงจะชื่อปูน
“นั่งก่อนดิ รีบไปไหนวะ” โซ่
“หวัดดีครับ” ปูนหันมาทักผมแล้วโปรยยิ้มใส่ อื้อหือออ ยิ้มแล้วมีเสน่ห์เหี้ย ๆ
“หวะ หวัดดี”
“จ้องขนาดนั้นแดกมันเลยไหม”
“ห้ะ..” ผมกระพริบตาปริบ ไรเฟิลหน้าบึ้ง โซ่หัวเราะร่า ปูนยิ้มมุมปากเท่ ๆ ///////
“เอ้า สั่งได้ล่ะ กูหิว” ปูนพูดอีกครั้ง เสียงน่าฟังมาก ๆ แล้วทำไมผมถึงคันหัวใจยิบ ๆ แบบนี้เล่า!
“ควอทซ์ ๆ”
“หือ?” โซ่บุ้ยปากไปทางไรเฟิลแล้วยิ้มขำ ผมมองตาม คุณชายจ้องเขม็งเลยเว้ย!
“ไรหยอ?” ไรเฟิลผลักหัวผมอีก ไอ้บ้านี่!
“แรดนะ”
“หวงก็บอกว่าหวงไม่ใช่หวงแล้วบอกว่าแรดนะ” ผมพูดกลั้วหัวเราะจิ้มแก้มไรเฟิลจึก ๆ ลืมว่ามีอีกสองคนอยู่ด้วย เวรกรรม...
พออาหารมาเสิร์ฟก็ลงมือกััน สเต็กจานใหญ่มากกกกกกก!! ได้เนอะด้วย แถมยังอร่อยอีก
และหลังจากที่ได้รู้จักเพื่อนไรเฟิลสองคนนี้ ก็ดีครับ กวนตีนดีมาก ทั้งโซ่ทั้งปูนเลย แม่งงง โซ่มันพูดมากมากกกกก พูดจนเพื่อนเอือม ไม่มีคนฟังก็ยังพูดอยู่นั้นแหละ ส่วนปูนนิ่ง ๆ แนวหล่อร้าย แต่ไม่ร้าย เอ๊ะ ยังไง อย่าให้มันพูดนะครับ แม่เง้ยยยยย แซวแต่ละทีผมแทบจะมุดกำแพงอยู่แล้ว ฮือ T_T
“ซี้ด..”
“เป็นไร?”
“เจ็บอ่ะ” ผมเบะปาก แลบลิ้นแตะมุมปากที่เริ่มตึง ๆ มือหนาวางลงบนหัวแล้วยีเบา ๆ
“ทำไมซอสแม่งหวานงี้ว้าาาาาา” ไอ้โซ่!!!! ไอ้กวนตีนนนนนนน ผมแยกเขี้ยวใส่โซ่ มันลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ ยุปูนให้แซวผมอีก แล้วปูนก็ดั๊นนนนนนนน บ้าจี้ตามโซ่ ถ้าไม่หล่อนะจะถีบให้!
---------------TBC-------------
กราบสวัสดีค่ะ เอาน้องกระต่ายมาถวายทุกคนแล้ว~
เด็กเรามีเรื่องกับผู้หญิงอีกแล้ว T___T แมนมากลูก(55555555555555)
บทลงโทษนั้น... อย่าคาดหวังอะไรเลยค่ะ ไว้รวบยอดตอนวันเกิดพี่เฟิลเนอะ
-ถ้าผิดพลาดหรือควรปรับปรุงยังไงก็ช่วยแนะนำด้วยนะคะ
-พี่เจ้า.. พี่เจ้ามีเรื่องของพี่เจ้าเองค่ะ ตอนนี้มีแค่อินโทร(แต่งไว้นานแล้วแต่คิดบทยังไม่ออก)
ชื่อเรื่อง WAIT FOR LOVE รักแล้วรอหน่อย
คิดว่าเรื่องนี้จบค่อยจะแต่งต่อ แหะๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและทุกคอมเมนต์ค่ะ