----
----
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด! เสร็จแล้วววววววววววว!” น้องฟิงซ์ร้องกรี๊ดแล้วกระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ หน้าตามอมแมมเปื้อนฝุ่นแป้ง ผมส่ายหน้ายิ้ม ๆ ปาดซอสส้มในทั่วเค้กต่อ
“พักไว้ให้เย็นก่อนนะครับ ค่อยเอาออกจากพิมพ์”
“ค่ะ! เดี๋ยวฟิงซ์มานะคะ” ผมเองก็ใกล้เสร็จแล้วเหมือนกัน เหลือราดซอสด้านข้างนิดหน่อยกับแต่งหน้า
“เค้กส้มมมมมม” ผมยกไม้พายที่ใช้ปาดซอสส้มชี้หน้าฟาโรห์ อย่านะ อย่าเข้าใกล้กูนะ เรื่องเมื่อวานยังหลอนในหัวกูอยู่นะ
“อย่าเข้าใกล้เกินหนึ่งเมตร”
“อะไรอ่ะ!”
เพี้ยะ!
“เค้าให้มาดูบราวน์นี่ของเค้าหรอก!” น้องฟิงซ์ตีไหล่ฟาโรห์ดังเพี้ยะ ดันตัวพี่ชายคนรองไปดูบราวน์นี่ที่ทำไว้
“กินได้หรอวะ” เด็กแสบทำหน้าแหยง
“กลิ่นหอมจังค่ะ” คุณแม่ชม น้องฟิงซ์ยิ้มร่า บอกให้ทุกคนไปรอที่โต๊ะ ผมตัดบราวน์นี่ให้เป็นชิ้น ส่วนน้องฟิงซ์เป็นคนจัดใส่จาน
“พี่ควอทซ์ไม่ไปด้วยกันหรอคะ”
“ขอพี่จัดการตรงนี้ให้เสร็จก่อนนะครับ”
“โอเคค่ะ” น้องบอกแล้วเรียกมาบ้านมาช่วยยกบราวน์นี่ไปเสิร์ฟ เมื่อเค้กเซ็ตตัวดีแล้วผมก็จัดการเอาส้มในน้ำเชืื่อมมาแต่งหน้าเค้กให้เสร็จ เรียบร้อยแล้ว วู้วววว ยกถาดเค้กไปวางไว้ ก่อนจะผละไปล้างอุปกรณ์
---
---
“ทำอะไร ให้แม่บ้านทำดิ” ผมยู่หน้าใส่ไรเฟิล(ที่เข้ามาตอนไหนไม่รู้) แค่ล้างอุปกรณ์แค่นี้ทำเองก็ได้หรอก แม่บ้านคนอื่นก็มีงานของเขา จัดเตรียมของทำอาหารกันเยอะแยะเลย
“ล้างมือแล้วไปไกล ๆ เลย” แล้วมันก็เรียกแม่บ้านมาทำ พอล้างฟองออกแล้วถึงได้เห็นรอยแดงบนฝ่ามือ แพ้เหรอวะ เฮ้ยยยย คันยิบ ๆ ด้วย
“มึง..มือแดงอ่ะ”
“แพ้หรอวะ” ไรเฟิลคว้ามือไปดู
“ไม่รู้ เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นเลย เนี่ย คันด้วย” บอกไม่พอ เกาให้ดูด้วย คันจริง ๆ ครับ เหมือนมีอะไรมามุดอยู่ในมือเลย
ไรเฟิลดันตัวผมให้นั่งที่เก้าอี้ก่อนจะดูมือผมอย่างพิจารณา ... ปกติก็ล้างจานเองทำไมเพิ่งมาเป็นวันนี้ รอยแดงพวกนี้มัน.. เดี๋ยวนะ.. หรือแพ้มานานแล้ววะ ตอนนั้นมันมีแค่รอยแดงไม่คันแบบนี้ ผมเลยคิดว่ามันแดงเพราะใช้น้ำอุ่น ไม่จะน่ามีอะไรเลยไม่สนใจ เวรกรรมแท้ ๆ คุณหนูฉิบหาย ขอหมั่นไส้ตัวเองได้ไหม ฮึ -_- นอกจากจะดูมือผมแล้วยังเลื่อนไปดูแผลที่นิ้วก้อยเท้าอีก โอ้โห.. เลือดชุ่มเลย ยกมือปิดปากคนตัวสูงไว้ไม่ให้บ่น มันถอนหายใจแล้วเดินไปบอกแม่บ้านให้เอากล่องยามาให้
“ทำตัวให้เป็นห่วงนี่สนุกมากไหม?” เคาะปลายนิ้วกับปลายจมูกผม
“รู้สึกดีจัง ฮะฮ่าาา” ร่างสูงแสยะยิ้ม ก่อนจะได้พูดอะไรคุณแม่บ้านก็เอาของมาให้พอดี กล่องปฐมพยาบาลกับหลอดยาอะไรสักอย่าง
“ยานี่ใช้ได้หรอวะ”
“คงได้แหละ” ผมหยิบหลอดยาขึ้นมา ไรเฟิลแย่งไปดูก่อนจะพยักหน้า บีบยาใส่มือผมแล้วนวดให้ พอนวดก็ยกกล่องปฐมพยาบาลไป
“เฮ้ย!!! จะทำอะไร” ผมร้องตกใจ อยู่ ๆ ไรเฟิลก็รุดตัวนั่งขัดสมาธิบนพื้นหินอ่อนตรงหน้าผม คนตัวสูงไม่ตอบรื้อหาอุปกรณ์ทำแผลในกล่อง ผมขืนเท้าไว้เมื่อมือหนายื่นมาจับ
“อย่าขืนดิ จะทำแผลให้เนี่ย” กระพริบตาถี่ มองคนที่นั่งต่ำกว่าอย่างอึ้ง ๆ ไรเฟิลจับเท้าผมไปวางบนหน้าขาตัวเอง ค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลอันเก่าออกอย่างเบามือ
“ทำเป็นหรือไง”
“หึ ไม่”
“อ้าว”
“บอกดิ”
นั่นแหละฮะคุณผู้ชม ผมบอกไรเฟิลไปที่ละขั้นตอน มือหนักบ้างเบาบ้างสลับกัน เท้ากระตุกหวิดจะได้ถีบอกอีกคนหลายที แอลกอฮอลให้เช็ดรอบแผลไม่ใช่เช็ดโดยแผลโดยตรงโว้ยยยย T__T แต่ก็นะ... อดปลื้มไม่ได้ว่ะ ใจฟูจนเต็มอก ทำไมทำตัวน่ารักแบบนี้ห้ะ! ไรเฟิลทำแผลให้เลยนะครับ ไรเฟิลนะ ไรเฟิล รังสิมันต์ ศิริวัฒนามงคล เลยนะเว้ย! โคตรอเมซิ่งอ่ะ คนอย่างไรเฟิลจะไปทำอะไรแบบนี้ใครให้บ้างผมไม่รู้ แต่เขาทำให้ผม โคตรรักเลยไอ้เหี้ยเอ๊ย! -///-
“เฮ้!! แม่ให้มา..ตาม” ฟาโรห์เสียงแผ่วไปท้ายไปประโยค ตาสีฟ้าเบิกกว้างก่อนจะเปลี่ยนเป็นวาวระยับ มุมปากยกยิ้มล้อ
ฟาโรห์ไอ้เด็ก...!!!!
---------------------
กลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง
“พี่ควอทซ์ขาาาาาา”
“หือ ว่าไงครับ?”
“คุณพ่อกับคุณแม่บอกว่าอร่อยแหละ” น้องฟิงซ์ยิ้มกว้างโชว์ฟันขาว ดันผมให้นั่งข้างตัวเอง กำลังจะยื่นมือไปยีผมน้องก็ต้องชะงักก่อนละลดมือลง เพิ่งทายามา กลิ่นยังฉุนอยู่เลย
“ชมตามมารยาทหรือเปล่า” ผมแซว น้องฟิงซ์หน้างอขยับปากบ่นงุบงิบ
“มือเป็นอะไรคะน้องควอทซ์” คุณแม่ถามก่อนจะจับมือผมไปดู
“เอ่อ..”
“บอกไปดิ” ไรเฟิลที่นั่งอาร์มแชร์เดี่ยวยักคิ้วให้
“แพ้น้ำยาล้างจานครับ”
“โรคคุณหนูนี่เอง” พี่สาวไรเฟิลพยักหน้าช้า ๆ มุมปากสวยเหยียดยิ้ม
“ไปแย่งงานแม่บ้านทำทำไมล่ะคร้าบบบบ” ฟาโรห์พูดพลางยัดมันฝรั่งทอดเข้าปาก ไอ้เด็กตะกละ - -
“เสือกไง” ถ้าโดดถีบไรเฟิลนี่ผมจะมีชีวิตรอดกลับบ้านไหมครับ..
“ไรเฟิลนี่ก็ .. คราวหน้าระวังด้วยนะคะ” คุณแม่เอ็ดลูกชายแล้วบอกผม
“ครับคุณแม่”
“เรียกแม่คนอื่นว่าแม่ได้เต็มปากเต็มคำเลยนะ”
“เฟคะ”
“ก็แม่เฟ เฟหวง เฟไม่ชอบ ไม่มีแม่ให้เรียกหรือไง เหอะ” ผมยิ้มขื่น ความรู้สึกตีตื้นมาจุกอยู่ที่คอ
“ขอโทษครับ ถ้าทำให้คุณไม่ชอบใจ”
“เพิ่งรู้สึกตัวงั้นเหรอ” พูดอะไรไม่ออก ได้แค่ยิ้มโง่ ๆ เท่านั้น
“ผม..ขอโทษครับ”
--------------------
นั่งกอดขาวางคางบนเข่าตัวเอง สายตาเหม่อลอยไร้จุดโฟกัส ในหัวครุ่นคิดไปต่าง ๆ นาน คำพูดเสียดแทง สายตาเหยียดหยาม และท่าทางรังเกียจของพี่สาวไรเฟิลที่มีต่อผมนั้นไม่ได้ทำให้เจ็บเท่าประโยคเดียวที่หลุดออก.. ‘ไม่มีแม่ให้เรียกหรือไง’ ใช่.. ผมไม่เคยได้เรียกใครว่าแม่เลยตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งตอนนี้ เพราะไรเฟิล เพราะคนที่กำลังกอดผมอยู่ตอนนี้ คนคนนี้พาผมให้มาเจอคนใจดีอย่างคุณแม่ของเขา ท่านเอ็นดูผม ให้ผมเรียกท่านว่าแม่ ทั้งที่ผมเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจแม้จะรู้ว่าผมเป็นอะไรกับลูกชายตัวเอง คนที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน.. แถมยังมอบกอดอบอุ่นให้ผมอีกต่างหาก
ก็อย่างว่า..ไม่มีใครรักเราชอบเราทุกคนหรอก พี่สาวไรเฟิลแสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบผม บางที..เธออาจจะรู้ว่าผมกับน้องชายของเธอเป็นอะไรกัน ถึงได้มีท่าทีอย่างนั้น รับไม่ได้.. แน่สิ อยู่ ๆ น้องชายที่ควงผู้หญิงอยู่ตลอด ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าจะมาชอบผู้ชายด้วยกันแบบนี้
บ้านผมอาจจะไม่คิดอะไรมาก มีตรรกะประหลาด เป็นประเภทสุขนิยม ไม่ชอบอะไรที่มันวุ่นวายมากเรื่อง อยากทำอะไรก็ทำไป แต่คุณต้องรู้จักคิดเอง ... แต่ผมลืมคิดไปว่า ความคิดของเราคนเราไม่เหมือนกัน คนนี้ไม่คิดอะไรเลย อีกคนอาจจะคิดมาก ถ้าพี่สาวไรเฟิลไม่ชอบผมแบบนี้ ผมกับไรเฟิลต้องเลิกกันหรือเปล่า ให้ตายเถอะ แค่คิดก็เจ็บเป็นบ้าแล้ว ผมต้องสู้ดิวะ ไม่ใช่มานั่งจมกับความคิดตัวเองแบบนี้ อย่ามาขี้ขลาดสิควอทซ์
“ไรเฟิล...” เอ่ยเรียกชื่ออีกคนแผ่วเบา
“หืม?” แรงกระชับกอดเอวแน่นขึ้น แผ่นหลังบางชิดกับอกแกร่งมากกว่าเดิน คางคมขยับวางเกยไหล่
“พี่สาวมึง..รู้เรื่องของเรา..ไหม?”
“...อืม”
“แล้วเขา.. ไม่ชอบกูหรอ”
“ไม่หรอก ชิลดิ”
“ฮะฮะ แบบนี้จะชิลได้ยังไง..ในเมื่อเขาเป็นพี่มึงอ่ะ..แล้ว...แล้วครอบครัวของมึงไม่ชอบกู..”
“เดี๋ยวคุยเอง อย่าคิดมากดิว่ะ”
“.................”
“เฟเป็นคนมีเหตุผล ....แต่ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้”
“ขอโทษนะ..”
“เรื่อง?”
“ขอโทษ”
“อย่าพูด ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยบันนี่”
“ขอโทษที่ดีไม่พอ... ขอโทษ.. ...ขอโทษจริง ๆ”
“บอกว่าอย่าพูดไง! อย่าโทษตัวเองแบบนี้” ผมเม้มปากแน่น พยายามบังคับไม่ให้น้ำตาไหลออก เพราะรับปากอีกคนไว้ว่าจะไม่ร้องไห้ แต่มัน.. กลั้นน้ำตามันยากจริง ๆ . . .
“เรา.. ต้องเลิกกันหรือเปล่า..อึก”
“ไม่มีทาง!! ห้ามพูดว่าเราเลิกกัน ห้าม.. อย่าพูดคำนั้นออกมา..”
“ฮึก.. ขอโทษ ...ร้องไห้อีกแล้ว.. อึก”
“ไม่เป็นไร..” ร่างสูงพลิกตัวผมให้หันไปหาเขา นิ้วเรียวปาดน้ำตาออกให้แผ่วเบา กดหน้าผมให้ซุกกับบ่ากว้าง เขากอดผมไว้อย่างนั้น ไม่มีคำพูดปลอบโยน มีเพียงอ้อมกอดแข็งแรงนี้ นั่นทำให้ผมอุ่นใจจริง ๆ
....ขอบคุณนะ....
-----------------------
ภายในบ้านใหญ่ ครอบครัวศิริวัฒนามงคลกำลังตึงเครียด นายหญิงของบ้านเดินไปมาสีหน้าไม่สบายใจ เกินไป.. ลูกสาวของเธอทำเกินไป วินาทีที่เห็นใบหน้าคนรักของลูกชายเจื่อนลงเพราะคำพูดของเฟลิเซียมันทำให้เธอเจ็บปวดไม่น้อยเลย เธอเอ็นดูน้องควอทซ์เหมือนลูกชายของเธอจริง ๆ แต่ดูที่ลูกสาวเธอพูดสิ โตเสียเปล่า ทำไมพูดอะไรไม่คิดอย่างนี้
“เฟพูดเกินไป เฟเห็นหน้าน้องไหมคะ?” แม้จะโกรธก็ยังคงใช้น้ำเสียงอ่อนโยนเสมอ เฟลิเซียรองประธานผู้บริหารขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตก
“เฟขอโทษ”
“คนที่เฟต้องขอโทษคือน้องควอทซ์ ไม่ใช่แม่ค่ะ”
“ไรเฟิลต้องโกรธแน่ ๆ” ความรู้สึกของคนในครอบครัวคือสิ่งที่เฟลิเซียแคร์มากที่สุด จึงไม่แปลกที่เธอจะเครียดแบบนี้ ถ้าน้องชายโกรธเธอ เธอคงบ้าตายแน่ ๆ โอ๊ยยย ไม่น่าไปแกล้งกระตายของน้องแบบนี้เลย
อ่า...ใช่ เธอแค่แกล้งเท่านั้นแหละ
----
---
“เฟลิเซีย!!!!” เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก มองหน้าน้องชายคนโตอย่างหวั่น ๆ เจ้าเด็กนี่ยิ่งไม่เหมือนใครอยู่ด้วย
“ไรเฟิล มีอะไร”
“ยังจะถามอีก! ทำบ้าอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า!!”
“ก็..รู้มั้ง ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย”
“กล้าพูดนะ ...พี่ทำคนของผมร้องไห้!! รู้ไหมว่าเรื่องนี้มันอ่อนไหวกับเขามากแค่ไหน!”
“จะไปรู้ได้ยังไงเล่า! แค่นี้เองจะอะไรนักหนา”
“แค่นี้หรอ! สิ่่งที่พี่ทำกับเขามันไม่ได้ทำให้เขาเสียใจเท่ากับประโยคเดียวของพี่หรอก! พี่ถามเขาว่าไม่มีแม่ให้เรียกหรือไงใช่ไหม และคำตอบมันคือใช่! พี่เห็นหน้าเขาไหม ตอนที่พี่พูดคำนั้นเห็นหน้าเขาไหม!!
กับคนที่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยมีโอกาสเรียกแม่ แม้แต่ชื่อเขายังไม่เคยรู้ พี่ว่ามันแค่นี้่ไหม!!! ขอโทษผม ขอโทษที่ทำให้พี่ไม่ชอบเขา ขอโทษที่ตัวเขาไม่ดีพอให้พี่ยอมรับ ขอโทษที่ผิดคำพูดกับผม เขาเอาแต่โทษคัวเองแบบนั้น.. พี่คิดว่าผมรู้สึกยังไงวะ...ผมต้องมองคนที่ผมรักร้องไห้โดยทำอะไรไม่ได้เลย ผมต้องสึกยังไง..” ใบหน้าคมแหงนขึ้นสูงหลังจากพูดจบ มือหนายกปิดตาตัวเอง ตาคมกระพริบถี่ไหล่หยาดน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
ทุกคนได้แต่อึ้งกับคำพูดที่หลุดออกมา คำบอกเล่านั้นยิ่งทำให้เฟลิเซียรู้สึกผิด ยิ่งเห็นท่าทางของน้องชายก็ยิ่งตอกย้ำว่าเธอทำผิด น้องชายคนนี้ของเธอไม่เคยจะพูดยาว ๆ แบบนี้สักครั้ง ไรเฟิลไม่เคยแสดงออกว่าจะร้องไห้แบบนี้ ไม่เคยแคร์ใครมากขนาดนี้ เด็กคนนั้นมีอิทธิพลกับน้องชายเธอขนาดนี้เชียวหรือ เธอไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ ...ไม่ได้ตั้งใจเลย
“ขอไปหาได้ไหม”
“เพื่อ?”เฟลิเซียสะอึกกับสายตาเย็นชาของไรเฟิล ไม่ใช่แค่เธอ คุณพ่อ คุณแม่ และน้องของเธอทั้งสสองคนก็ไม่ต่างหัน ตาคมแม้จะเย็นชาแต่แดงก่ำเพราะกลั้นน้ำตา นัยน์ตาสีฟ้าสวยถูกเคลือบด้วยหยาดน้ำตาบาง ๆ
..ไรเฟิลไม่เคยเป็นแบบนี้
“เหอะน่า”
“หึ! ถ้าพูดอะไรไม่คิดอีกก็อย่ามาคุยกันอีกเลยเฟลิเซีย”
-------------------TBC-----------------