EPISODE 49 ผมกับไนต์เตรียมของกันอยู่ที่หน้าบ้าน มีน้องตัวเล็กคอยช่วย....ให้วุ่นวายกว่าเดิม ฟอร์สกับไรเฟิลจัดการสถานที่และเครื่องดื่ม ส่วนกายนอนหลับอยู่ในบ้าน ให้มันพักไปดีแล้วครับ เหนื่อย(ทรมาน)มาทั้งวันแล้ว
“อย่ามาเกะกะได้ปะ!” ไนต์โยนมืดลงจนเกิดเสียงดัง น้องตัวเล็กสะดุ้งโหยง ผมเองยังสะดุ้งเลย
“ลุงรำคาญเหรอ?”
“เออ”
“รำคาญมากเลยเหรอ?”
“จะรำคาญมากถ้ามึงยังถามไม่หยุดแบบนี้”
“โอเค. .” น้องตัวเล็กถอดถุงมือพลาสติกออกแล้วเดินเข้าบ้านไป หน้าโคตรหงอย ไนต์มองตามแล้วส่ายหน้า
“ไม่ตามไปหน่อยเหรอ”
“ฮึ” สั่นหัวแต่ตายังจ้องประตู
“หน้าน้องเจื่อนมากเลยนะมึง”
“แล้ว?”
“น้องน้อยใจมึงแน่อ่ะ แอบไปร้องไห้แล้วมั้ง...”
“โว้ยยย! นี่ก็เสี้ยมจังเลยไอ้เหี้ย!” ไนต์โยนมีดทิ้งอีกรอบ เดินหัวเสียเข้าไปในบ้าน ผมหัวเราะลั่นกับท่าทางของมัน ไอ้ขี้เก๊กเอ๊ย! ฟอร์มเยอะฉิบหาย มันไล่น้องไปคงเพราะไม่อยากให้เหนื่อยต่างหาก ไม่ใช่เพราะรำคาญหรอก ผมรู้ ผมเรียนมา
-----
---
ตกตอนเย็นก็ได้เวลาเริ่มปาร์ตี้กันแล้ว วู้ววว สายลมเย็น ๆ นี่มันดีจริง ๆ นะครับ น้องตัวเล็กกับไอ้ไนต์ไม่รู้ไม่ง้อกันยังไง พอออกมาน้องตัวเล็กของผมถึงได้ปากบวมเจ่อ ส่วนไนต์ก็ยิ้มหน้าระรื่น
“ทำไมของเค้าได้โคล่าล่ะ!” ตีกันอีกแล้วครับคู่นี้ คนอื่นดื่มเหล้าส่วนเด็กน้อยหนึ่งเดียวต้องดืื่มน้ำอัดลม
“เพิ่ง 18 กระแดะจะดื่มเหล้า”
“แล้วลุงดืมตอน 20 เลยเหรอออออ”
“ลามปามแล้วมึง จะแดกโคล่หรือแดกนม น้ำผลไม้ไหม หืม?” กวนตีนได้อีก
“เชอะ!” น้องจำใจรับแก้วโคล่าจากกายมา แต่ผมเห็นนะครับว่ากายแอบเทเหล้าผสมให้ด้วย สารเลวจริง ๆ
“ควอทซ์ ๆ แกะปูให้หน่อยดิ” ฟอร์สร้องสั่ง
“มึงควรหาเมียนะฟอร์ส” ไอ้นี่หนิ เมียก็ไม่ใช่ ใช้กูจัง! ผมตัดปัญหาด้วยการสอนให้มันแกะเอง ไม่ไหวครับ เจ็บมืออ่ะ
“มาเป็นเมียกูสิ”
โครม!
รวดเร็วทันใจ ฟอร์สยังพูดไม่จบประโยคดีก็ถูกไรเฟิลยันโครมจนลงไปนอนกับพื้น
“ไอ้เหี้ย!”
“พี่ฟอร์สหิวหญ้าเหรอครับ ฮ่า ๆๆ”
“ปากดีนะไอ้เตี้ย ไอ้ไนต์จัดการเมียมึงดิ๊!”
“ถึงผมจะเตี้ยแต่ผมก็ฮอตนะครับ” น้องยักคิ้วจึก ๆ กวนตีนฉิบหาย ถึงว่าอยู่กับไอ้ไนต์ได้
----
--
“เอาอะไรอ่ะ?” ผมถามไรเฟิลที่เพิ่งเดินเข้ามา กำลังดูกุ้งบนเตา
“เปล่า”
“เอ้า!” ไรเฟิลกดยิ้มแล้วยื่นมือมายีผมผมก่อนจะเดินจากไป เพื่อ...?
พวกเรานั่งคุยกันไป แหย่น้องตังเล็กให้หน้างอบ้าง กวนตีนกันบ้าง สนุกดีครับ ถ้าผมไม่มีพวกนี้เป็นเพื่อน ชีวิตผมจะเป็นยังไงนะ.. นอกจากฝาแฝดวิคตี้ก็มีแค่สี่สหายที่เป็นเพื่อนของผม อ้อ! บะหมี่ด้วย . . . ความสุขของผมส่วนใหญ่ก็มาจากเพื่อนเลยนะ . . โคตรรักพวกมันอ่ะ
----
---
“ไอ้ห่า! มึงผสมเหล้าให้มันเหรอ ไอ้พวกเหี้ย!” ไนต์โวยวายเมื่อน้องตัวเล็กเริ่มมีอาการคอพับคออ่อน กายยิ้มตาใสหัวเราะหึหึ
“เด็กมันโตแล้ว ปล่อย ๆ ไป”
“ปล่อยเชี่ยไร”
“ทำไมลุงต้องบ่นด้วยง่าาา”
“นั่งดี ๆ เมาแล้วมึงเนี่ย” รวบตัวน้องให้ไปนั่งอยู่กลางระหว่างขา ออกัสเอียงศีรษะซบไหล่เพื่อนผม เทียบอย่างนี้แล้วน้องยิ่งตัวเล็กไปใหญ่ ออกัสเป็นคนตัวเล็ก ๆ (ตัวเล็กเป็นประโยคสุภาพของคำเตี้ย..) ตัวบางด้วย สูงประมาณ 167 เซนติเมตร ส่วนไนต์เหรอ ตัวหนา หุ่นนักกีฬา(แล้วมันก็เป็นนักกีฬาด้วย) สูง 188 เซนติเมตร นี่มันคู่รักเสาไฟฟ้ากับหลักกิโลเมตร. . .
“พอได้แล้ว”
“อะไรล่ะ” ผมดึงแก้วคืนจากไรเฟิล คุณชายตีหน้านิ่ง แต่ผมสนไหม ต้องทำตามหรือเปล่า จำเป็นด้วยเหรอ มันเป็นใครอ่ะ มีสิทธิอะไรมาสั่งโผมมมมม
แกรก.. (เสียงแก้วกระทบโต๊ะ)
แป่ว....
ก็แหม ถ้าไม่วางผมคงศพไม่สวยอ่ะ ทำหน้าเหมือนจะจกตับผมขนาดนั้น ผมยังไม่เมาเลยนะ ห้ามผมทำไมไม่รู้ ห้ามเขาแล้วกินเองเนี่ยนะ ยุติธรรมจังเลยยยยย ฮ ฮ้าวววว อ้าว อ้าปากหาวซะงั้น หยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลา อื้อหือออออออ ตีหนึ่งแล้ว!!! ทำไมมันเร็วจังวะ!!
“ง่วงเหรอ?”
“ไม่ง่วงอะ ฮ ฮ้าวว”
“อืม ไม่ง่วงเลยยยย” ไรเฟิลลากเสียงล้อเลียน มือหน้าเสยผมด้านหน้าผมขึ้นก่อนที่ใบหน้าหล่อจะเคลื่อนเข้ามาใกล้และแตะริมฝีปากกับหน้าผากผมดัง
จุ๊บ! “ฮิ้วววว”
“ไปหวานกันไกล ๆ ไอ้เชี่ยยยยย” ผมมุดหน้ากับหลังไรเฟิล รู้สึกหน้าร้อน ๆ อ้ากกกก หน้าผมต้องแดงมากแน่ ๆ เลย ฮือออ ผมไม่ได้หน้าด้านเหมือนไรเฟิลนะ เขินเป็นนะเว้ย!
“ไปนอนไหม?”
“ไม่เอา”
“เดินเล่นไหม?”
ผมนิ่งคิดสักพักก่อนจะพยักหน้า “ไป”
คนตัวสูงลุกขึ้น และผมก็ลุกตาม บอกพวกมันว่าจะไปเดินเล่นแล้วก็เดินออกมา ผมกับไรเฟิลถอดรองเท้าไว้ที่ชานบันได เหยียบย่ำผืนทรายด้วยเท่าเปล่าเปลือย . . . เวลาตีหนึ่งแบบนี้มันค่อนข้างหนาวเลยนะ.. ยิ่งบวกกับสายลมที่พัดมาเป็นระยะกับอากาศตอนกลางดึกของเดือนธันวาคมแล้วนี่มัน. . . ยึ้ยยยยยย
---------------------
“บันนี่”
“หือ ว่า?” หยุดเท้าแล้วหันไปมองหน้าคนเรียก ไรเฟิลมองหน้าผมแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ..อะไรของเขา
“มีอะไรอะ?” ผมถามซ้ำ ไรเฟิลส่ายหน้า คนตัวสูงยื่นมือมาตรงหน้าผม ผมเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มแล้วส่งมือไปประสานกับมือใหญ่ และเราก็เดินไปเรื่อย ๆ ตามแนวชายหาด. . .
“ถ้าเรียนจบ.. จะทำงานเลยหรือเปล่า?” ผมถามทำลายความเงียบ ผมกับไรเฟิลเรานั่งลงกันบนพื้นทราย ทะเลตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบนะครับ.. สวยแต่ซ่อนความอันตรายเอาไว้
“ไม่รู้สิ ..แล้ว?”
“ว่าจะเรียนต่อ”
“หึหึ เรียนอะไร?”
“บริหาร..มั้ง” อืม.. ไม่มั้งหรอก ผมจะเรียนต่อจริง ๆ ถึงยังไงผมก็ต้องรับช่วงต่อจากป๊าอยู่ดี เลยมีแพลนว่าจะเรียนต่อป.โทบริหารที่ไหนสักที่ อาจจะหลังเรียนจบป.ตรีสักปีหรือไม่ก็เรียนจบก็ไปเรียนต่อเลย แต่ผมยังไม่คิดหรอกว่าจะไปเรียนที่ไหน
“อื้อฮึ”
“ไปด้วยกันไหม?” ผมถาม ไม่ได้มองหน้าคนข้าง ๆ สายตาทอดมองผืนทะเลข้างหน้า ฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่ง
“คิดดูก่อน..”
“โธ่.. แล้วถ้าเรียนจบแล้วจะทำอะไรอะ?”
“อืม. . .
แต่งงานกับมึง” ผมนิ่งค้าง กลืนน้ำลายลงคอเอือก มองคนพูดอย่างไม่อยากเชื่อ ม เมื่อกี้.. ผมหูฟาดไปหรือเปล่า หรือเมาจนเพี้ย แต่.. ผมไม่ได้เมานี่หว่า..
“ว ว่าไงนะ..” คนตัวสูงหันมองนิดหน่อย ยกยิ้มมุกบาง ๆ มือหนารั้งเอวผมเข้าไปจนชิด ก้มหน้าลงมาให้ริมฝีปากชิดกับใบหูของผม
“ลืมแล้ว” ผมเบ้ปาก โอเค.. ลืมแล้วก็ลืมไป ถ้าพูดอีกผมขอหูหนวกกระทันหันก็อย่ามาแล้วกัน หึ! แต่ก็นะ.. อาจจะไม่มีวันนั้นก็ บางทีเรา .. อาจจะ .. เลิก .. กัน .. ก็ได้ ทำไมผมต้องคิดอะไรแบบนี้ด้วยวะ! แค่คิดน้ำตาก็ไหลออกมาแล้ว ผมโอบแขนกอดรอบลำคอของไรเฟิลแล้วเกยคางบนบ่ากว้าง
“เป็นอะไร?” ไรเฟิลถามพลางลูบผมผมไปด้วย
“เรา..จะ..ละ...”
“อย่าพูด!” พูดแทรกขึ้นมาเหมือนรู้ทัน ผมกระชับแรงกอดอีกฝ่ายแน่นขึ้น รู้สึกวูบในอกแปลก ๆ
“ไรเฟิล..”
“อย่าแม้แต่จะคิด”
“อื้อ..” ยกหลังมือปาดน้ำตาออกลวก ๆ ก่อนจะคลายกอดแล้วถดตัวนั่งปกติ แขนไรเฟิลยังโอบเอวผมไว้อยู่
“ขี้แงนะเดี๋ยวนี้”
“ฮื่อ!” ส่งเสียงฮือในคอ สะบัดหน้าหนีมือที่บีบจมูกผมอยู่ จะฆ่ากูหรือไง! หายใจไม่ออกโว้ย!
“กลับเถอะ หนาว”
“อืม”
กลับถึงบ้านพักก็เจอลูกหมาสามตัวนั่งดื่มกันอยู่ในบ้านคงเพราะข้างนอกมันหนาว น้องตัวเล็กไนต์คงให้ไปนอนแล้ว เราดื่มกันต่อจนเกือบตีสามก่อนจะแยกย้ายกันไปพัก พรุ่งนี้คงได้ตื่นกันสาย ๆ ไม่ก็คงบ่าย . . . ฮ้าววววว ขี้เกียจอาบน้ำอ่ะ ไม่อาบได้ไหม ผมไม่ได้ซกมกนะ ผมแค่ง่วงอ่ะ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้วด้วย อาบให้เปลืองน้ำทำไมล่ะครับ ฮือ แต่ไรเฟิลแม่งไม่เข้าใจผมมมมมม! มันบังคับให้ผมอาบน้ำอ่ะ พอผมขัดขืนไม่ยอมก็แบกผมเข้าออกห้องน้ำ แถมยังโยนผมลงพื้นอีก ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยย ไอ้ยักษ์บ้าอำนาจ!!!!!!
------------------------
หลังจากที่ไปผักผ่อนจิตใจบวกกับถือโอกาสเที่ยวกับเพื่อนที่ภูเก็ตแล้วก็ต้องกลับเข้าสู่กรุงเทพมหานครอันแสนวุ่นวาย... เฮ้ออออ ขอวาร์ปกลับไปอีกได้ไหมครับ จริง ๆ ตอนนี้ก็ยังไม่เปิดเทอมนะ ผมอยากไปเที่ยวที่อื่นนอกจากทะเลบ้าง แต่น้องตัวเล็กต้องไปโรงเรียน ขาดเรียนมาหลายวันจะเป็นปัญหาเอา ไว้คราวหน้าค่อยไปใหม่ก็ได้~
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ” ผมตอบรับคำทักของพนักงานก่อนจะเดินไปกดลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้นผู้บริหาร พนักงานบางคนก็รู้จักผมครับ อย่างเช่นคนที่ทักผมเมื่อกี้ แต่คนส่วนมากก็ไม่รู้หรอกว่าผมเป็นใคร . . . หลังจากเครื่องแลนดดิ้งผมก็ให้ไรเฟิลมาส่งที่บริษัทป๊า กะจะว่ามาสักหน่อย ส่วนไรเฟิลก็กลับคอนโดไปแล้วครับ ผมไล่มันกลับเองแหละ
เสียงสัญญาณดังขึ้นพร้อมกับประตูลิฟต์ที่เปิดออก บรรยากาศเงียบ ๆ แบบนี้มันชวนกดดันพิลึก ผมก้าวเท้าไปตามทางเดินที่ทอดยาวก่อนจะหยุดที่หน้าห้องทำงานของป๊า คุณเลขาไม่อยู่แฮะ . . ผมพรูลมหายใจ ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ ก็ตื่นเต้นขึ้นมา เอ่อ.. ผมมาแบบไม่ได้บอกป๊าก่อนน่ะครับ มาเซอร์ไพรส์ทำนองนั้น แต่ถ้าป๊าติดประชุมหรือออกไปเจอลูกค้าผมก็แห้ว แค่นั้นแหละ. . . ผมเปิดประตูเข้าไปเบา ๆ โดยไม่เคาะอย่างไร้มารยาท แล้วค่อย ๆ ย่องเข้าไป
“Oh shit...” ผมสบถเบา ๆ ตากลมเบิกกว้าง ปากอิ่มอ้าค้าง แก้วกาแฟในมือหล่นตุบ! ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อราวกับโดนสาป ภาพตรงหน้าทำให้ผมโคตรช็อค!!! . . . ป๊าของผมนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ บนตักมีผู้ชายร่างเล็กกว่าที่ผมรู้จักดีนั่งอยู่ แขนเล็กโอบกอดลำคอของป๊าเอาไว้และป๊าเองก็วาดแขนข้างหนึ่งโอบเอวของคนบนตัก ส่วนอีกข้างกำลังลูบไล้หน้าอกของอีกคน ริมฝีปากของทั้งคู่แนบชิดจนแทบแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร . . . และผู้ชายร่างเล็กคนนั้นก็คือ . .
อาณิช. . .
ผมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ขยับตัวกำลังจะหันหลังกลับ แต่คงไม่ทันแล้ว เมื่อทั้งสองหันมาเจอผมเข้า ใบหน้าตื่นตะหนกตกใจกันทั้งคู่ อาณิชลุกขึ้นจากตักป๊าแล้วขยับไปยืนห่าง ๆ โดยหันหลังให้ผม ป๊าเองก็ลุกขึ้นพร้อมกับจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ . . . ผมกำมือไปมาอย่างไม่รู้จะทำอะไร มันเก้อ ๆ ทำตัวไม่ถูก และตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหนออกมา. . .
เซอร์ไพรส์มากไหมล่ะไอ้ควอทซ์!!
“อ เอ่อ. . ผม ผมไปก่อนนะ สวัสดีครับ” ผมพูดเร็ว ๆ แล้วหันหลังเดินออกจากห้องทำงานป๊าไปโดนไม่รอฟังเสียงเรียกอะไรทั้งสิน โอ๊ยยย อยากจะกรีดร้อง ออกมาก็เจอกับคุณเลขาของป๊าพอดี เธอดูตกใจที่เห็นผมก่อนจะยิ้มให้ ผมยิ้มตอบแล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์ และทันทีที่ลิฟต์เปิดออกก็ต้องผงะถอดหลังกลับเข้าไปใหม่ มีตัวยักษ์ยืนอยู่หน้าลิฟต์ คุณเกรย์นั่นเองครับ โอ๊ยยย ตกใจหมด!
“ข ขอทางหน่อยครับ” คุณคุณเกรย์ไม่หลบ เดินเข้ามาในลิฟต์และบังทางออกไว้ ในขณะที่มือก็กดตัวเลขชั้นที่ผมเพิ่งลงมา กวนตีนอะไรเนี่ยคุณเกรย์
“คุณเกรย์น่าจะให้ผมออกไปก่อน”
“นายท่ายสั่งให้พาคุณหนูขึ้นไปครับ”
“หะ?” กระพริบตาปริบ ๆ เอนตัวพิงผนังลิฟต์ ให้ขึ้นไปทำไมคร้าบบบบบบ จะจูบกันโชว์ผมอีกเหรอ เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ ป๊าบอกว่าเคยมีเมียเป็นผู้ชายนี่หว่า แล้วเมียคนนั้นใช่อาณิชหรือเปล่า แล้วสองคนนั้นไปมีซัมธิงอะไรกันตอนไหน โวยยยย งงเว้ย! งั้นถือโอกาสนี้ถามเลยแล้วกัน ผมยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ และลิฟต์ก็เปิดออกพอดี ผมค้อมศีรษะให้คุณเกรย์เล็กน้อยแล้วเดินออกจากลิฟต์(คุณเกรย์ไม่ได้ออกมาด้วยครับ)ไปที่ห้องทำงานของป๊า
“เชิญค่ะ”
“ขอบคุณครับ” บอกคุณเลขาของป๊าที่ผมเพิ่งขอร้องให้ต่อสายหาป๊าให้ กลัวจะเปิดเข้าไปขัดจังหวะเขาอีกง่ะ
---
--
“สวัสดีฮะ” ผมยกมือไหว้ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาข้าง ๆ กัน ป๊าผมพยักหน้าหน้านิ่ง ๆ อาณิชรับไหว้ผมด้วยท่าทีค่อนข้างกังวล ดูจากสีหน้าอะนะ
“มีอะไรจะบอกผมเหรอครับ?” ผมถามเสียงเรียนและทำหน้านิ่ง เก๊กสุด ๆ ป๊าเอนตัวพิงพนักด้วยท่าทางสบาย ๆ ยกแขนวางพาดบนพนักโซฟา ดูจากมุมนี้แล้วเหมือนกับโอบอาณิชไว้กลาย ๆ
“มึงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อกี้”
“แลนด์ดิ้งแล้วก็มาหากู?”
“Yes!” ป๊ากลอกตา คงจะนึกด่าผมในใจที่มาขัดจังหวะ เหอ ๆ
“ป๊าอย่ามาเฉไฉ มีอะไรจะบอกก็บอกมา” ผมกอดอกจ้องป๊าเขม็ง คนเป็นพ่อเดาะลิ้น เหลือบมองอาณิชแล้วถอนหายใจ อาณิชเอาแต่ก้มหน้ามองมือตัวเอง พอป๊าพาดแขนโอบไหล่ก็สะดุ้งเฮือกแล้วขยับตัวออกห่างจากป๊า แต่ป๊าไม่ยอมครับ รั้งเอวอาณิชมาจนชิดกันจนได้ โธ่! ให้เด็กอนุบาลดูยังดูออกเลยว่าเขาเป็นอะไรกัน. . . แม้จะพอเดาออกแต่ผมอยากให้ป๊าบอกผมด้วยตัวเองมากกว่า. . .
“อย่างที่เห็น อยู่นิ่ง ๆ สิ” ป๊าไหวไหล่ตามสไตล์ ก่อนจะหันไปบอกอาณิชที่พยายามขยับตัวออกห่างจากป๊าและแกะมือตุ๊กแกออกจากเอว
“ปล่อยณิชเถอะครับ..”
“บอกมันไปเถอะ” ป๊าพูดสบาย ๆ แต่อาณิชลำบากใจชัดเจนมาก ตาหวานเหลือบมองผม พอเห็นผมมองอยู่ก่อนแล้วก็หลบตาวูบ
“บอกอะไรอะ? ผมยังไม่รู้อะไรอีกงั้นเหรอ”
“กูกับณิช..”
“อย่าเลยครับ” อาณิชร้องขัดเสียงอ่อน ทำไมต้องไม่อยากให้ผมรู้ด้วยวะ...
“คุณย่าก็รู้ใช่ไหมครับ?” ผมถาม ป๊าตอบอืมในคอ มีแค่ผมที่ไม่รู้สินะ . . แค่ผม. . อีกแล้ว. .
“โอค.. ผมเข้าใจ ถ้าลำบากใจที่จะบอกผม ไม่ต้องบอกก็ได้ครับ”
“น้องควอทซ์.. อา..”
“ผมเดาเองก็ได้ ไม่ต้องบอกผมแล้วครับ”
“กูกับณิชเรารักกัน”
“หึ” ก็แค่นั้น. . .
“พี่เพชรครับ..” อาณิชเรียกป๊าเสียงเบา ผมแค่นยิ้มพยักหน้ารับช้า ๆ เอนศีรษะพิงกับพนักอาร์มแชร์ยกมือข้างหนึ่งปิดตาในแนวขวาง
“ป๊ากับอาณิชรักกันแล้วทำไมไม่เคยบอกผมเลย. . ผมรู้สึกแย่นะที่ตอนนี้คิดว่าตัวเองเป็นคนนอกที่ไม่สมควรที่จะรู้อะไร.. ทำไมต้องทำเหมือนกีดกันผมด้วยอะ . . ทุกคนรู้ทุกอย่างแต่มีแค่ผม แค่ผมคนเดียวที่ไม่เคยรับรู้อะไรเลย.. ในขณะที่ผมบอกพวกคุณทุกอย่าง แต่..แต่พวกคุณกลับไม่เคยบอกอะไรผมเลย ฮะ..ฮึก”
ร้องไห้อีกแล้ว เหี้ยเอ๊ย! ทำไมผมถึงอ่อนแอขนาดนี้วะ! ผมใช้มืออีกข้างปาดน้ำตาออกจากแก้ม ไม่ได้มองว่าป๊ากับอาณิชมองผมยังไง ตอนนี้ผมรู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ ไม่ได้แอคติ้งอะไรทั้งนั้นอ่ะ ผมเหมือนถูกผลักให้ออกห่าง ไม่เคยมีใครบอกอะไร มีแต่รู้เอาเอง ทั้งเรื่องแม่ ทั้งเรื่องป๊ากับอาณิช ถ้าผมไม่บังเอิญไปได้ยินหรือเจอเข้าพอดีผมจะรู้ไหม ป๊าจะบอกผมหรือเปล่า..
“กูแค่กลัวมึงรับไม่ได้”
“ป๊าพูดเหมือนไม่รู้จักผมเลย กลัวผมรับไม่ได้หรือไม่อยากบอกกันแน่ ผมเป็นคนงี่เง่าหรอ เป็นคนไม่มีเหตุผลเหรอครับ”
“น้องควอทซ์ อาขอโทษ.. อา..”
“ผมไม่โกรธนะ แต่ผมน้อยใจ เหมือนผมไม่มีความสำคัญเลย”
“กูขอโทษ”
“ช่างเถอะครับ .. นี่ของฝากป๊า ผมไม่รู้ว่าอาณิชอยู่ด้วยเลยไม่ได้หยิบมา” ผมวางถุงของฝากลงบนโต๊ะ ค้ำศอกกับที่วางแขนแล้วเอียงหน้าวางแก้มบนฝ่ามือมองป๊ากับอาณิชที่นั่งอยู่ข้างกัน . . ดูเหมาะสมกันดีนะ แต่นิสัยทั้งสองต่างกันสุดขั้วเลย ว่าแต่แอบไปมีซัมธิงอะไรกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ. .
“ไม่เป็นไรครับ” อาณิชบอกยิ้มบาง ๆ
------
---
“เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ”
“เรื่องอะไร?” อยากจะเบะปากใส่ป๊าจริง ๆ รู้อยู่แล้วยังจะถามอีก
“Your love..” ป๊ากลอกตา อาณิชเบิกตามองผมก่อนที่แก้มจะขึ้นสี บางทีผมก็คิดว่า. . . ป๊าหลอกมอมเหล้าอาณิชหรือเปล่า - -
สุดท้ายป๊าก็เล่าให้ฟัง . . ป๊ากับอาณิชเจอกันที่อเมริกาครับ ป๊าย้ายอพาร์ทเมนท์ใหม่ไปที่ที่ใหญ่กว่าที่เดิมเพราะมีผมมาเป็นภาระ(ป๊าบอกอย่างนี้จริง ๆ ครับ มันน่าน้อยใจนัก!) และที่นั่นก็เป็นอพาร์ทเมนท์เดียวกันกับอาณิชด้วยแถมยังอยู่ห้องข้างกันอีก ตอนนั้นอาณิชยังเรียนไฮท์สคูลอยู่เลย จากนั้นทั้งคู่ก็ทำความรู้จักกันตามประสาเพื่อนบ้าน และก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะอยู่ใกล้กันและยังเป็นคนไทยเหมือนกันอีก
เวลาที่ป๊าต้องไปมหาวิทยาลัยก็จะฝากผมผมไว้ที่บ้านอาณิช(ตอนนั้นอาณิิชอยู่กับคุณป้า) และอาณิชก็ยังเป็นคนคอยดูแลผมตั้งแต่ยังนั่งไม่ได้เลยด้วยซ้ำ... (ผมโคตรช็อค เพราะไม่รู้ว่าอาณิชรู้จักผมตั้งแต่ยังแบเบาะ) พอเวลาผ่านไปเมื่อป๊าเรียบจบก็ต้องกลับประเทศไทยทำให้ต้องแยกกับอาณิช โดยที่ทั้งสองคนยังไม่รู้ตัวว่าตกหลุมรักกันแล้ว. . แล้วทั้งคู่ก็มาเจอกันตอนที่อาณิชย้ายกลับมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ประเทศไทย. . เหตุผลหลักคือมาตามหาป๊า. . โอ้มายก็อด โคตรนิยายเลย. . ก็นั่นแหละครับตำนานรักระหว่างพ่อของผมกับอาณิช
รักแท้..ต่อให้ห่างกันไกลแค่ไหนก็ยังเป็นรักแท้. .
คู่กันแล้ว..ต่อให้มีอะไรมาพรากให้จากกันไกลก็ยังกลับมาคู่กันอยู่ดี. .
อ้อ! ผมลืมบอกไป อาณิชกับป๊าอายุห่างกัน 5 ปีเชียวนะ ตอนนี้ป๊าก็จะ 41 แล้ว เฮ้อออออ ควรมีคนดูแลสักทีสิน่า.. เอ๊ะ! หรือว่ามีมาตลอดอยู่แล้วแต่ผมไม่รู้แค่นั้นเอง อืม.. คงใช่
แล้วก็อีกเรื่อง.. จำที่ป๊าเคยบอกว่าเคยมีเมียเป็นผู้ชายได้ไหมครับ? นั่นแหละ ก็อาณิชนั่นแหละ ที่บอกว่า ‘เคย’ คงเพราะไม่อยากให้ผมรู้ล่ะมั้ง เคยมันเป็นรูปอดีตนี่น่าผมเลยไม่ใส่ใจถามว่าคนคนนั้นเป็นใคร.. น้อยใจเลเวลสิบสอง
--------
----
“อาณิชโดนป๊าหลอกใช่ไหมครับ?”
“เอ๋..?”
“หลอกเชี่ยไรล่ะ!” ผมเบะปากใส่ทั้งคู่ก่อนจะยิ้มออกมา ความรู้สึกน้อยใจอะไรในใจผมออกไปหมดแล้ว ตอนนี้ผมรู้สึกดีนะ ก็บอกแล้ว ผมดราม่าได้ไม่นานก็คืนสภาพมาบ้าบอคอแตกอยู่ดี
“หึหึ”
“น้องควอทซ์ไม่รังเกียจอาใช่ไหมครับ?”
“ไม่มีเหตุผลที่จะรังเกียจสักนิด” ผมตอบพลางยิ้มกว้างจนตาปิด ไม่ได้แสร้งพูดเพื่อให้สบายใจ แต่ผมพูดจริง ๆ อาณิชเป็นคนดีจะตาย ใจดีีกับผมมาก ๆ ด้วย แถมยังรักผมมากอีก . . . ถึงผมจะรู้จักอาณิชไม่นานเท่าที่อาณิชรู้จักผม แต่ผมก็รักและเคารพอาณิชนะครับ (ผมรู้จักอาณิชตอนอายุ 17)
“มึงโอเคใช่ไหม?”
“โอเคสิครับ อาณิชน่ารักจะตายยยยย โอ๊ย!” ผมร้องเพราะป๊าปาหมอนอิงใส่ดังปึก! หวงชะมัด- -
“เมียกู”
“พี่เพชร!!!” อาณิชแหวใส่ หน้าเน่อแดงไปหมด น่ารักโคตร ๆ นึกอิจฉาป๊าตะหงิด ๆ ถึงแม้อายุจะขึ้นเลขสามแล้วแต่อาณิชยังหน้าเด็กอยู่เลย.. แต่ผมยังมีความคิดว่าป๊าหลอกอาณิชอยู่นะ ดูสิครับ นิสัยต่างกันมากเลยนะ ป๊าผมค่อนข้างใจร้อนแล้วก็เจ้าเล่ห์ด้วย ส่วนอาณิชนะใจเย็นสุด ๆ ไปเลย อาณิชไม่น่าจะมาตกหลุมป๊าได้เลย
“อะไรล่ะ”
“พูดแบบนั้นได้ยังไงครับ หน้าไม่อาย”
“แล้วจะทำไมวะ”
“วะเหรอครับ?” ป๊ากลอกตารอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ โคตรตลก กลัวเมียแน่ ๆ โธ่เอ๊ยยย
“อย่าตีกันสิครับ ถ้าอณิชบ่นป๊าก็จูบเลยสิ”
“น้องควอทซ์!” ผมยิ้มโชว์ฟันกระต่าย อาณิชหน้าแดงกว่าเดินเสียอีก
----------
-----
“เรื่องนั้นมึงโอเคหรือยัง?”
“เรื่องอะไรงะ”
“ศนิตา” ผมยิ้มค้างก่อนรอยยิ้มจะค่อย ๆ หายไป
“ผมโอเค”
“แน่ใจ?”
“แน่สิ มีคนรักผมตั้งเยอะไม่เห็นต้องไปสนใจคนที่เขาไม่รักผมเลยนี่นา.. ชิล”
“น้องควอทซ์คิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ”
“ครับ ไม่มีแม่ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรสักหน่อย ตอนนี้ผมมีพ่อตั้งสองคนแหน่ะ!” ผมยิ้งแฉ่ง ชูสองนิ้วประกอบ แหย่อาณิชให้เขินเล่นอีก ป๊ายกนิ้วโป้งให้เลยถูกอาณิชฟาดเพี้ยะเข้าที่ต้นแขน เราอยู่คุยกันไม่นานป๊าก็ไล่ผมกลับ ย้ำอีกครั้งครับ ป๊าไล่ผมกลับ ขีดเส้นใต้ด้วยปากกาสีแดงตรงคำว่า ไล่ อยากอยู่กับอาณิชสองคนก็ไม่เห็นต้องอ้างว่าอยากให้ผมได้พักผ่อนเลย ชิ!
--------------------------
อาณิชกับป๊าคืออะไร ฮ่าๆๆๆๆ(ฮือออ)
ดูงง ๆ เนอะ ตัดบทได้น่าตบมากจริง ๆ T_____T
ใกล้จบแล้วค่ะ อีกไม่กี่ตอน หลังจากที่ยืดมานาน 55555555
ไว้เจอกันตอนหน้าน้าาา
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ เลย รักนะ