บทที่ 9
วันเกิดปีนี้ และปีถัดๆไป
2/2 ไฟกระพริบสีฟ้าอ่อนที่ประดับอยู่ตามพุ่มไม้ในสวนหน้าบ้านยิ่งทำให้ปาร์ตี้บาบีคิววันนี้ดูคล้ายงานวันเกิดมากยิ่งขึ้น หลายคนกำลังวุ่นอยู่กับการย่างบาบีคิว อีกหลายคนจับกลุ่มกันตรงโต๊ะหินอ่อนกลางสวนเพื่อดื่มแอลกอฮอล์และดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืน
“หมวย” เสียงเรียกของเปรมดังมาจากโต๊ะหินอ่อน ตามใจเงยหน้าเพราะเสียงเรียกของพี่ชาย “รีบๆย่างเข้าสิเฮียหิวแล้ว อ้อ ย่างหมึกมาให้ด้วยนะ”
“รีบนักก็มาย่างเอง” ตามใจตะโกนกลับไป ใบหน้าไม่สบอารมณ์ “วันเกิดตัวเองแท้ๆ ไหงต้องมาปรนนิบัติไอ้เฮียเปรมล่ะเนี่ย คอยดูจะฟ้องม๊าว่ามันไม่ดูแลน้อง” ตามใจบ่นพึมพำกับตัวเอง มือก็คีบนั่นย่างนี่อย่างพัลวัน
“ไปนั่งก่อนก็ได้ เดี๋ยวเอาไปให้” จอมทัพที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น ชายหนุ่มไม่ได้หันมองคนที่ตัวเองพูดด้วยเพราะมัวแต่สนใจอยู่กับของตรงหน้า
“ไม่เป็นไร เฮียของตาม ตามย่างให้มันกินเองได้” ตามใจหน้าหงิกขึ้นเป็นกองเมื่อรู้สึกคล้ายๆว่าทุกคนจะเมินเขากันหมด
จอมทัพหัวเราะในลำคอเบาๆให้กับเด็กเอาแต่ใจ เขากับตามใจเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยเลยที่จะถูกกัน เรื่องมันก็นานมาแล้วตั้งแต่สมัยเขาเรียนมัธยม ตอนนั้นจอมทัพและเพื่อนทุกคนในกลุ่มถือโอกาสปิดเทอมไปเที่ยวบ้านเปรมที่ภูเก็ต ตามใจเลยได้รู้จักกับเพื่อนของพี่ชายทุกคน และมีเรื่องให้ไม่ชอบหน้าจอมทัพอีกด้วย
“ย่างแค่นี้พอหรือยังคะพี่จอม” นิสาที่ยืนช่วยชายหนุ่มทำน้ำจิ้มซีฟู้ดถามขึ้น
“พอแล้วแหละ พี่ว่าใครอยากกินเพิ่มก็ให้มันมาจัดการเอาเอง” จอมทัพบอก
เวลาเลยล่วงไปประมาณสองทุ่มเศษ บางคนเริ่มมีอาการตึงๆเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครเมาแม้แต่คนเดียว อย่างที่เปรมผู้เป็นตัวตั้งตัวตีของงานนี้บอกไว้ว่าคืนนี้ยังอีกยาวไกล เพราะเขาสะสมเสบียงของมึนเมาเอาไว้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ของขวัญหลายกล่องถูกตามใจแกะออกเพราะคำเชื้อเชิญของผู้ให้ ของขวัญหลายชิ้นเรียกร้อยยิ้มให้เจ้าของวันเกิดได้อย่างดี โดยเฉพาะของขวัญจากเอ็มที่เป็นหมวกแบบที่ตามใจอยากได้
เสียงหัวเราะพูดคุยของรุ่นพี่รุ่นน้องไม่ทำให้ค่ำคืนของงานเลี้ยงเงียบเหงา ด้วยความสนิทชิดเชื้อของรุ่นพี่และรุ่นน้องสองกลุ่มทำให้บรรยากาศงานวันเกิดที่ตามใจรอคอยสนุกขึ้นเป็นเท่าตัว เปรม และ นาย มีเอ็มเป็นรุ่นน้องร่วมคณะ สามหนุ่มวิศวะจึงนั่งจับกลุ่มแอบนินทาอาจารย์ เพราะข้อสอบย่อยที่ผ่านมายากบรรลัย จอมทัพและแบงค์ซึ่งเรียนบริหารก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย เก้า นิสา และตามใจเรียนมนุษยศาสตร์เหมือนกัน ตามใจจึงได้โอกาสถามโน่นนี่เกี่ยวกับวิชาที่ลงเรียนในเทอมนี้ แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ใช่รุ่นน้องหรือเพื่อนร่วมคณะแพทย์ศาสตร์ของเต แต่ก็เป็นคนในชมรมเดียวกัน หลายคนจึงโดนว่าที่หมอหนุ่มเอ็ดเรื่องกินบาบีคิวที่เกรียมเพราะอาจก่อมะเร็งได้
เมื่อคนสนิทจำนวนมากมารวมตัวกัน รับรองได้ว่าเสียงพูดคุยก็ยิ่งอื้ออึงด้วยเช่นกัน เรื่องราวที่พูดคุยนั้นก็มีอยู่ไม่กี่เรื่องเพราะธรรมชาติของมนุษย์เรานั้นเห็นจะมีเรื่องให้พูดอยู่สองเรื่อง หนึ่งคือเรื่องตัวเอง สองคือเรื่องของคนอื่น ไอ้เรื่องของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนั่นถือเป็นประเด็นหลักๆที่คนเรามักจะหยิบยกขึ้นมาพูด จนบางครั้งเรารู้จักคนอื่นดีกว่ารู้จักตัวเองเสียด้วยซ้ำ
“มึงคิดว่าไอ้เพชรจะหมั้นกับใครวะ” นาย ผู้เป็นลูกชายของนายตำรวจใหญ่กำลังทำตัวเป็นนักสืบ จุ้นเรื่องของเพื่อนที่ยังเดินทางมาไม่ถึง เป็นเหตุให้ทั้งโต๊ะหันมาสนใจหัวข้อที่ชายหนุ่มเปิดประเด็น
และความซวยก็ตกอยู่ที่คนที่หายไปเมื่อกลุ่มคนสนิทรวมตัวกัน คนเรามักพูดถึงคนใกล้ตัวในตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยเสมอ
“นั่นสิ กูไม่เห็นมันจะควงใครนาน จู่ๆหมั้นซะงั้น” เปรมยกเบียร์เย็นๆขึ้นจิบ “ใครคือคนโชคร้ายคนนั้นวะ”
“โชคร้ายตรงไหนวะเฮีย เฮียเพชรออกจะดี หล่อ รวย เก่ง เพียบพร้อมขนาดนั้น” ตามใจมองตรีเพชรเป็นแบบอย่างเสมอ
“ก็ไม่โชคร้ายอะไรหรอก แค่เห็นใจที่ต้องมาปราบนิสัยเจ้าชู้ของไอ้เพชรเท่านั้นเอง ถ้าอยากจะหมั้นกันยืดอ่ะนะ” เปรมอธิบาย
“ได้ข่าวว่ามันโดนบังคับหมั้นนิ” เตพูดขึ้น “ไอ้คุณชายมันคงยอมหมั้นไปงั้นๆ จำตอนที่อาม่าอายัตบัตรมันได้ไหมล่ะ ไอ้เพชรมัน
คงเข็ดที่โดนยึดเงินยึดรถ”
“นั่นสิ คิดถึงตอนนั้นกูยังฮา” นายหัวเราะเบาๆ “มันคงเสียดายรถมาก”
“งั้นที่เฮียเพชรหมั้นเพราะเรื่องนี้เองเหรอ” ตามใจสงสัย “เฮียเพชรไม่น่าเลย”
“คงจะอย่างนั้นแหละ” หมอเตพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ทำไม เสียดายเหรอตาม ไม่เป็นไรพี่เตรียมไอ้จอมไว้ให้แล้วนะ”
“พี่เต/ ไอ้เต” เสียงของสองพี่น้องร้องขึ้นพร้อมกัน เรียกเสียงหัวเราะของคนทั้งกลุ่มได้เป็นอย่างดี
“แล้วมึงอ่ะจอม คิดยังไง” นายหันมาถามจอมทัพที่นั่งฟังเพื่อนๆนินทาเพื่อนสนิทอย่างเงียบๆ
“ก็ไม่คิดยังไง เรื่องของไอ้เพชรมัน” จอมทัพตอบไปตามที่ตัวเองคิด
“วะ มึงนี่ตอบโคตรพระเอก ทำตัวยุ่งเรื่องชาวบ้านหน่อยน่า” นายที่นั่งใกล้จอมทัพเหวี่ยงแขนกอดบ่า “ในฐานะที่มึงรู้จักไอ้
คุณชายมาตั้งแต่เด็กๆ สนิทกับมันกว่าใครๆ มึงว่ามันรับหมั้นเพราะอะไร”
สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่จอมทัพอย่างใคร่รู้ ชายหนุ่มถอนใจเบาๆก่อนจะพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา “ที่แน่ๆไม่ใช่เพราะเรื่องโดนอาม่ายึดบัตรหรอก อย่าลืมว่ามันมีฟิตเนสที่แอบเปิดตั้งกี่สาขา กำไรไม่น้อยเลยนะ ลำพังมันจะเลี้ยงตัวเองหรือเลี้ยงกิ๊กสักสี่ห้าคนก็ยังสบาย มันคงรับหมั้นเพราะมีเหตุผลอื่นแหละ”
“โห พี่เพชรมีธุรกิจของตัวเองด้วยเหรอพี่” แบงค์ถามเปรมที่นั่งใกล้ๆ
“เออนั่นสิ กูก็ลืมไป มันแอบอาม่าเปิด เพราะเขาไม่อยากให้มันสนใจกิจการอย่างอื่นมากนักนอกจากกิจการของครอบครัว แต่มัน
คงรักการออกกำลังกายมั้ง อีกอย่างไปฟิตเนสบางที่ก็ไม่ถูกใจมัน มันเลยเปิดเองซะเลย”
“เรื่องนี้ต้องมีเบื้อลึกเบื้องหลังแน่ๆ” นายเท้าคาง ใช้ความคิด
“เลือกยุ่งเรื่องเพื่อนเถอะน่า” จอมทัพบ่นให้ จนทุกคนเลิกสนใจเรื่องของตรีเพชรและหันไปถามหานาวาแทน
“แล้วพี่วาไม่มาด้วยเหรอครับพี่เก้า” ตามใจถามขึ้น
“โทรหาตั้งหายสายแล้ว โทรไปก็ไม่รับ” เก้าบ่น ใบหน้าเริ่มส่อเค้ากังวล “ไม่รู้เป็นอะไร ทำซะคนอื่นเป็นห่วง”
“โทรไม่ติดเหมือนกันเหรอเก้า” จอมทัพถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน วันนี้ชายหนุ่มเพียรโทรหาเด็กน้อยคนนั้น แต่ไม่มีทีท่าว่าอีก
ฝ่ายจะรับสาย
“ครับพี่ ผมกับพวกเพื่อนๆช่วยกันโทร ไอ้วามันก็ไม่ยอมรับ” เก้าว่า
“แล้วทำไมเอ็งไม่บอกพี่” จอมทัพเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ชายหนุ่มชักจะเป็นห่วงนาวาขึ้นมาครามครัน “เพื่อนหายไปทั้งคนนะ
เว่ย”
“แหม ไอ้จอม ไม่ได้เลยนะ” หมอเตผู้ช่างสังเกตทักขึ้น “พอเรื่องของน้องวาล่ะพูดใหญ่เชียวนะมึง”
“ไอ้เต มันใช่เวลาเล่นไหม” จอมทัพว่า
“เอาน่ามึง น้องมันไม่เป็นไรหรอก” เปรมปลอบเพื่อน “นาวาเป็นคนแบบไหนมึงก็รู้ มันคงไม่อยากรับสายละมั้ง อาจจะมีเรื่องกลุ้มใจก็ได้ ถ้ามันหายกลุ้มมันก็จะโทรกลับเหมือนเคยแหละน่า”
คำปลอบของเปรมไม่ได้ทำให้จอมทัพคลายกังวลได้เลย
“สาว่านาวาไม่เป็นไรหรอกค่ะ เมื่อวานตอนเลิกเรียนพี่เพชรยังมารับนาวาอยู่เลย” นิสาดื่มโค้ก พลางเขี่ยสับปะรดออกจากไม้บาบีคิว
“น้องสาว่าอะไรนะ เมื่อวานใครไปรับวา?” จอมทัพถามขึ้นเพื่ออยากได้ยินให้ชัดเจน
“พี่เพชรค่ะ พี่เพชรมารับนาวาตอนเย็น เก้าก็เจอ เนอะเก้า” นิสาพยักหน้าไปทางเก้าที่นั่งติดกัน เก้าได้แต่แสดงสีหน้าเห็นใจเพราะลึกๆแล้ว เขาดูรู้ว่าจอมทัพคิดอะไร
“ไหนมึงว่ามันมีธุระไงไอ้จอม ไอ้เพชรเบี้ยวนัดพวกกู จะไปฟิตเนสด้วยกันซะหน่อย” เปรมบ่นขึ้น
“กูก็รู้เหมือนมึงนั่นแหละ” จอมทัพพูด “มันบอกว่ามีธุระด่วน แล้วออกจากห้องเรียนไปเลย”
“เรื่องนี้แปลกๆว่ะ หลายครั้งแล้วนะไอ้เพชรกันน้องวา เมาจนจูบกัน กัดกันจนเกือบจะพลอดรักกันในห้องชมรม แถมไอ้คุณชายยัง
หน้าด้านหนีอาม่าไปกบดานที่ห้องนาวาอีก ไอ้เพชรมันรู้หรือเปล่าว่ามันกำลังแย่งว่าที่แฟนไอ้จอม” นายที่ดื่มเบียร์มากไปหน่อย
หลุดปากพูดไปตามความคิด
“ไอ้เชี่ยนาย พล่ามมากไปแล้วมึง” เปรมหันไปแยกเขี้ยวใส่นาย แล้วหันมาคุยกับจอมทัพ “อย่าคิดมากน่ามึง ไอ้นายแม่งเริ่มเมาละ”
จอมทัพไม่ได้ตอบรับคำปลอบของเพื่อน ชายหนุ่มได้แต่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง เช่นเดียวกับเก้าที่จมอยู่ในความคิดของตัว
เองภายใต้การทอดมองของนิสา หญิงสาวที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของผู้คน
เวลาล่วงเลยมาได้สักพัก พอให้หลายคนสัมผัสได้ถึงลมหนาวยามค่ำได้บ้าง ทันใดนั้นเสียงแตรรถดังขึ้นหน้ารั้วบ้าน ตามใจมองไปเห็นรถสีแดงคันหนึ่งหน้ารั้ว เด็กหนุ่มสะกิดถามพี่ชายของตัวเองทันที
“รถใครอ่ะเฮีย”
“ไอ้เพชรมั้ง กว่าจะมาล่อไปตั้งสามทุ่ม”
“งั้นเดี๋ยวตามไปเปิดประตูรั้วดีกว่า” ตามใจฉีกยิ้มหน้าบานเมื่อเห็นรถของตรีเพชรจอดอยู่หน้ารั้ว เขารีบกระวีกระวาดเปิดรั้วบ้าน ให้รถสีแดงคันงามเล่นมาจอดที่โรงรถ
ตรีเพชรก้างลงจากรถพร้อมรอยยิ้ม ตามใจตอบรับรอยยิ้มนั่นโดยการเดินเข้าไปหาชายหนุ่มให้เขาขยี้หัวเล่น
“โตขึ้นอีกปีแล้วนะไอ้เด็กดื้อ” ตรีเพชรพูดขึ้นหลังจากขยี้ผมน้องชายเพื่อนจนสาแก่ใจ
“สิบเก้าแล้ว ไม่เด็กแล้ว” ตามใจเถียงอย่างภาคภูมิ เขายืดอกทำหน้ายียวน
“หึหึ กวนจริง” ตรีเพชรหัวเราะ
ตามใจแบมือออกไป คุณเพชรจึงเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ของขวัญไง ไหนอ่ะ”ตามใจเฉลย แต่ก็ยังคงแบมืออยู่อย่างนั้น
“ไอ้ขี้งกเอ้ย มีอยู่แล้วน่า อยู่ในรถไง” ตรีเพชรหันกลับไปที่รถ ชายหนุ่มวาดรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนยังไม่ยอมลง
จากรถ “เราไปรอเฮียที่โต๊ะไป เดี๋ยวเฮียตามไป” ตรีเพชรบอกกับตามใจก่อนจะเดินกลับไปที่รถ
ชายหนุ่มเปิดประตูรถออก ดวงตาเรียวรีทอดมองตุ๊กตาหน้ารถของเขาด้วยความเอ็นดูปนขำ
“นั่งทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ยอมลงมา” ตรีเพชรถามคนที่นั่งส่องกระจกมองตัวเองอยู่ในรถ
“ใครมันจะกล้าลงไปทั้งสภาพแบบนี้กัน” นาวาเหวเข้าให้
“สภาพแบบนี้เป็นยังไง” ชายหนุ่มไม่เข้าใจสิ่งที่นาวาสื่อ
“ก็นายนั่นแหละโซ้ยตี๋ ไม่น่าแวะร้านทำผมเลย ใครมันจะไปรู้ว่าจะตัดสั้นขนาดนี้ แล้วทำสีบ้าอะไรให้ก็ไม่รู้ ไม่กล้าไปพบเจอผู้คนหรอก”
“หึหึ สั้นตรงไหน ผมเดิมของนายยาวไปต่างหาก แบบนี้แหละดีแล้ว” ชายหนุ่มแจกแจง
“ไม่ลงไปได้ไหม”นาวาอิดออด
“ไม่ต้องท่าเยอะเลย ลงมานะเตี้ย หรือจะให้อุ้ม?” ตรีเพชรทำท่าจะช้อนตัวนาวาขึ้น เด็กหนุ่มเลยผลักเข้าให้ นาวาจำใจออกจาก
รถพลางคว้ากล่องของขวัญติดมือมาด้วย
“มั่นใจหน่อยน่า” ตรีเพชรปิดระตูรถแล้วเดินตามมา เขาแย่งของขวัญสองกล่องไปถือไว้เอง “น่ารักออก” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูของนาวาก่อนจะเดินออกมาให้พ้นเงื้อมหมัดหนักๆของคนตัวเล็ก
ทั้งสองเดินไปยังกลุ่มเพื่อนที่นั่งจับกลุ่มกันตรงม้าหิน เห็นได้ชัดว่าเอาโต๊ะกินอ่อนสองตัวต่อกันเพื่อจะได้นั่งกันครบทุกคน เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังแว่วมาจากโต๊ะยาวนั่น นาวายิ้มดีใจที่เห็นเพื่อนๆของตัวเองอยู่ในงานวันเกิดนี้ด้วย ทำไมพวกนี้ไม่ยอมบอกเขาก่อนเลยนะ
“ไอ้เพชรกว่าจะมานะมึง” เปรมทักขึ้นพลางขยับที่นั่งให้ตรีเพชรนั่งลง
“ไหนเล่าเฮียเพชร ของขวัญ เอามาด่วนๆอยากแกะดูจะแย่” ตามใจพูดขึ้นทันทีโดยตรีเพชรยังไม่ทันนั่งด้วยซ้ำ
“เขี้ยวจริง นี่เอาไป ของขวัญไอ้ดื้อ” ตรีเพชรยื่นกล่องของขวัญสีฟ้าและสีชมพูอ่อนให้
“โหสองกล่องเลยเหรอ” ตามใจร้องด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ต้องเว่อร์หอรกไอ้ดื้อ สองกล่องนี้ของเฮียกับพี่วา”
แล้วความเงียบพลันโรยตัวลงมาราวไม่มีปี่มีขลุ่ย....
จะมาต่ออีกทีดึกๆนะครับ