ยกที่ 5 : เจ็บแต่จบ (จริงๆเหรอ) “ ไหวแน่นะมึง”
“ อืม”
“ จริงเหรอเต้ย ขามันดูบวมๆนะ”
ว่านทำหน้ากังวลซ้ำยังเม้มปากแน่นด้วยท่าทางที่เป็นห่วงผมสุดๆจนต้องฝืนยิ้มอ่อนๆให้ร่างบางตรงหน้าเพื่อสบายใจ ทำไมถึงฝืนยิ้มหน่ะเหรอ ไม่รู้สิ ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไงกันแน่ เพราะมันผสมปนเปไปหมดทั้งเสียใจ น้อยใจ และหน่วงๆในใจบอกไม่ถูก ผมเดินเขย่งย่องแย่งไปมาโดยมีว่านกับแท็คช่วยกันประคองคนละข้างหลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาล ซึ่งก่อนหน้านี้เพื่อนสาวอีกสองคนก็พร้อมใจกันพากันหามเขาไปหาหมอ
สุดท้ายผมขาแผลงและกล้ามเนื้ออักเสบ มือทั้งสองข้างบวมเป่งมีเลือดไหลซึมถูกทำแผลจนสะอาดเรียบร้อย และเห็นว่ามันค่อนข้างมืดแล้วผมจึงบังคับให้สองสาวที่เป็นห่วงผมไม่ต่างจากสองคนที่มาส่งที่หอนี่ให้กลับบ้านไป
“ เต้ย..” ไอ้แท็คบุ้ยปากไปที่ม้าหินอ่อนใต้หอชายซึ่งมีร่างสูงของใครบางคนที่ผมเคยเห็นมาก่อนนั่งเหยียดขาด้วยท่าทางสบายๆ
“ อืม”
“ มึงโอเคใช่มั้ย..”
ผมยิ้มให้ไอ้แท็คที่ทำหน้าไม่สบายใจ แปลกนะ คนที่อยากให้ห่วงใยกลับจากไป ส่วนคนที่เราไม่คาดหวังใดๆกลับห่วงใยจนผมนึกสะท้อนในใจ ใช่ครับ สุดท้ายไอ้จ๊อบก็เลือกที่จะดูแลแฟนมันถึงแม้ก่อนที่มันจะไปมันยังอุตส่าห์ฝากฝังผมไว้กับไอ้แท็คให้พาผมไปหาหมอ
‘มันมีน้ำใจเป็นห่วงผมนะ...แต่คนที่มันเลือกกลับไม่ใช่ผมเท่านั้นเอง’ “ อย่าลืมกินยานะ”
เสียงว่านเรียกสติผมกลับมาอีกครั้งพร้อมกับยื่นซองยาในมือให้ตอนที่พวกเราเดินมาถึงโต๊ะหินอ่อนในหอชาย
“ มีอะไรโทรหากู ”
ผมพยักหน้ารับคำไอ้แท็คที่ทำเนียนจูงมือว่านเดินออกไป ก่อนที่ผมจะเผชิญหน้ากับใครบางคนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทในคณะของไอ้จ๊อบที่ผมเคยเห็นหน้ามองสามครั้งตอนที่ไปเรียนแถวคณะมัน คนตรงหน้ายิ้มมุมปากให้นิดๆพร้อมกับโครงศีรษะเสมือนการทักทาย ร่างสูงซึ่งมีบุคลิกไม่ต่างจากไอ้จ๊อบมากนักเพราะเวลาทั้งคู่เดินไปไหนมาไหนด้วยกันดูโดดเด่นน่าจับตามองเสมอ
“ ไง”
ผมพยักหน้ารับก่อนจะค่อยทรุดตัวลงนั่งม้านั่งฝั่งตรงข้ามซึ่งคนตรงหน้าก็ช่วยพยุงให้ผม
“ อืม”
“ หึ” เพื่อนไอ้จ๊อบมองสำรวจสภาพขาข้างหนึ่งของผมซึ่งพันผ้ายืดอยู่ตรงข้อเท้า มันยิ้มเครียดๆก่อนจะพูดขึ้นมาลอยๆ “ หนักเลยสินะ”
“ ก็นิดหน่อยหว่ะ”
“ ไอ้จ๊อบรู้ยังว่ามึงเจ็บขนาดนี้” เพราะเคยคุยกันสองสามครั้งก่อนหน้านี้สรรพนามจึงเหมือนกับว่าเป็นเพื่อนกันมานาน อีกทั้งอีกฝ่ายยังดูเป็นกันเองจนผมสนิทใจราวกับเป็นเพื่อนสนิท
“ .....”
“ มันฝากมาให้มึง”
ผมกระพริบตาปริบๆมองของในมือ
“ ไอ้เต็ป” เพื่อนสนิทในคณะของไอ้คนที่ผมแอบรักมานาน ยิ่งเห็นของในมือมันผมยิ่งหายใจไม่ออก ทำไม ทำไม มันไม่เลือกที่จะปฎิเสธผมและเดินจากไปทั้งๆที่มันก็รู้ว่าผมรู้สึกยังไง ตรงกันข้ามมันเลือกที่จะไม่พูดถึงแต่กลับแสดงท่าทางห่วงใยผมแบบนี้ มันจะรู้มั้ยว่าการที่มันเดินจากไปยังเจ็บน้อยกว่าการมีมันอยู่ข้างๆแต่ไม่มีหัวใจให้ผมเลย
...ผมเจ็บ... ผมหลับตานิ่งไม่อยากมองของในมือไอ้เต็ป เพราะในถุงพลาสติกมียี่ห้อนั่นเต็มไปด้วยยานวด ยาแก้อักเสบอัดแน่นเต็มไปหมดและที่ทำให้ผมไม่อยากรับรู้คือในถุงนั่นยังมียาคูลย์วางเรียงกันตั้งหลายขวด
“ มึงชอบกินยาคูลย์เหรอ”
“ อืม”
“ ไอ้จ๊อบมันอยู่โรง’บาล” คำพูดลอยๆจากปากไอ้เต็ปทำเอาผมรู้สึกร้อนใจ รีบหันขวับจนคอแทบเคล็ดมองมันแล้วคาดคั้นทางสายตาว่าสิ่งที่ผมได้ยินไม่ได้ฟังผิดไป
“ มันแพ้อาหาร”
“ แพ้กุ้งสินะ” ผมพึมพำเบาๆ ไอ้เต็ปพยักหน้ายิ้มๆก่อนจะเล่าต่อ “ เมื่อกลางวันลูกตาลเอาสปาเก็ตตี้กุ้งที่ทำเองมาให้มันกิน ทั้งๆที่รู้ว่าแพ้กุ้งยังเสือกกิน หึ ตอนแรกกะพาแฟนไปดูอาการข้อเท้าเคล็ดแต่สุดท้ายกลายเป็นพาตัวเองไปหาหมอแทน”
“ อืม....ทั้งๆที่รู้ว่ากินไม่ได้ก็ยังทำ เพื่อให้คนที่มันรักสบายใจ” ผมแค่นยิ้มมุมปาก
“ ที่คณะไม่มีใครรู้ว่าไอ้จ๊อบแพ้กุ้ง”
“ แปลกนะ” ไอ้เต็ปเลิกคิ้วมองผม
“ .... ”
“ มีกี่คนที่รู้ว่ามึงชอบกินยาคูลย์”
“ ก็แม่กับไอ้จ๊อบ” ผมทำหน้าคิดๆก่อนจะตอบ
“ แล้วที่ไอ้จ๊อบแพ้กุ้งมีใครรู้บ้าง” ไอ้เต็ปถาม
“ ก็มีกูกับพ่อแม่มัน”
“ นี่ไงกูถึงว่าแปลก” ไอ้เต็ปพูดเรื่อยๆราวกับว่าพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่ถ้อยคำเหล่านั้นดันกระแทกใจผมเต็มๆ ผมนั่งอึ้งคล้ายกับคนหูอื้อตาลาย ไม่แปลกหรอกที่ผมจะสังเกตว่ามันชอบ ไม่ชอบ หรือแพ้กับสิ่งใดบ้างในเมื่อมันเป็นคนที่ผมรักผมจึงใส่ใจกับทุกสิ่งที่มันเป็น แต่กับมันผมไม่กล้าคิดไปเองหรอกว่ามันใส่ใจผม
“ มันคงเป็นความเคยชิน”
“ ความเคยชินหน่ะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวัน แต่ถ้าวันไหนมันไม่มีไม่เกิดขึ้น วันนั้นจะไม่เรียกว่าความเคยชินแล้วแต่จะเรียกว่าสิ่งที่หายไปต่างหาก” “ มึงจะพูดอะไรเต็ป” ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอพยายามไม่สบสายตากับเด็กวิศวะตรงหน้า
“ กูรู้ว่ามึงรู้สึกยังไงกับไอ้จ๊อบ” ถ้อยคำที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆนั่นกระแทกใจผมเต็มๆ
“ มึงเป็นคนดีนะเต้ย กูรู้สึกได้ว่ามึงรักและหวังดีกับเพื่อนกูมาก แต่เพื่อนกูมันโง่มันมองไม่เห็นอะไรดีๆแบบนี้”
“ กูไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอก”
“ มึงเหนื่อยที่จะรักไอ้จ๊อบได้นะ...” มันพูดยิ้มๆ
“...แต่มึงอย่าเหนื่อยที่จะให้กำลังใจตัวเอง” ....ใช่ ตอนนี้ผมกำลังเหนื่อย เหนื่อยมาก...
....ผมเพิ่งรู้ว่าการรักใครสักคนมัน ‘เหนื่อย’ ขนาดนี้...
...ทั้งรัก ทั้งเหนื่อย... ผมกำขวดยาคูลย์ที่เปิดฝากแล้วกระดกเข้าปากพร้อมกับปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอย่างเงียบๆหลังจากที่ไอ้เต็ปกลับไปแล้ว ยาคูลย์ที่ผมชอบนักหนาทำไมวันนี้มันถึงรสชาติแปลกๆ มันขมและแปร่งมากจนไม่อยากจะดื่มกินมันเข้าไปอีก หรือแท้จริงแล้วรสชาติมันเหมือนเดิมแต่หัวใจผมต่างหากที่กำหนดให้ความรู้สึกมันเปลี่ยนไป
สุดท้ายผมปล่อยให้ขวดยาคูลย์ที่กินไปแล้วครึ่งขวดให้ร่วงหล่นจากมือจนนมเปรี้ยวที่ผมชอบกินไหลนองเต็มพื้นไปหมดไม่แพ้น้ำจากนัยน์ตาผมเลย
........
........
*** มาแล้วๆอย่างด่วนจี๋ เช็คคำผิดให้ด้วยนะตัวเอง
แหะๆหายไปนานค่ะ งานเยอะและติดธุระตจว.ค่ะเลยหายไปนานอิอิ
วันนี้เอามาให้จิ๊ดเดียวก่อนนะ ถึงจะนิดแต่จี๊ดนะเออ ฮ่าๆๆๆ

สงสารเต้ยเนอะ เฮ้ย บอกเลยว่าครึ่งหลังคือพีค