ll เล่นเพื่อน ll [จบ] 10/2/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ll เล่นเพื่อน ll [จบ] 10/2/59  (อ่าน 770624 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tsubamae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ไม่ใช่ไม่รัก แต่อยากบอกว่าเธอ-ช้า-ไป
ก็ในวันนี้ฉันเองฝากวางหัวใจ ให้ใคร
คนหนึ่งที่เขามองเห็นว่าใจฉันมีความหมาย
ในวันที่เธอทิ้งขว้างฉันไป ทำไมไม่คิดดีดี

เง้อออ จะสงสารใครที่สุดดี น่าสงสารทั้งสามคนเลย
 เต้ย เจ็บปวดกับการรักเพื่อนสนิท
จ๊อบ เจ็บปวดกับรักที่รู้ตัวช้า พี่ที ความหวังจากรักครั้งใหม่
 จะซับน้ำตาให้ใครดี ว้ากก เลือกไม่ได้
งั้นเม้นท์ถึงสองคู่ชูชื่นดีฝ่า แฮมเต็ป แฮมจ๋าหนูซึอ้ะป่าว
เต็ปก็มีหวงน้าา แท็คว่าน แท็คจอมฉวยโอกาส เนียนตลอด
รีบง้อว่านเร็วๆเลย
แต่ แต่...เฮ้ยยย ไหนว่าจะอ่านข้ามๆรอให้เรื่องจบก่อนวะ ตรู
ในที่สุดก็อ่านมันทุกบร.ร.ทัด ฮืออๆๆๆ แล้วก็มาค้างหง่ะ งึมๆๆ
คนเขียนแต่งเก่งมากๆๆ แนวโปรดเลย ขอบคุณนะคะ
ลูแปง เกาะขาอ้อนวอน คนเขียนขาาา เค้ารอตอนต่อไปอยุ่น้าาา

ออฟไลน์ away3g

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-1
 :o12:สงสารจ๊อบอ่ะ :hao5:

ออฟไลน์ Theodore

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ culom

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-1
ตอนแรกที่เห็นชื่อเรื่อง เราไม่คิดเปิดอ่านเพราะคิดว่าต้องหื่นฉากอย่างว่าเยอะแน่ๆ
แต่พอดีมีคนไปแนะนำในห้องแนะนำ เขาบอกชื่อหื่นแต่เนื้อเรื่องไม่หื่นนะ
ว่าแล้วก็เลยลองมาแง้มๆ  ดู  ปรากฏ ว่า สนุกเว่ออออออออออ

ติดเรื่องนี้แจเลยค่ะ
มาต่อไวๆ นะคะ

ออฟไลน์ Platinumz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ p.spring

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
โอ้ยยย ชอบพี่ทีนะ แต่รู้จักว่ายังไงๆมันก็ควรเป็นจ๊อบ นี่ยอมลงทุนเข้าข้างแกเลยนะเนี้ย
พี่ทีขามาหาหนูมา

ออฟไลน์ giften

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ยังไงก็ทีมจ็อบบบบบบ

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
เห้อ พี่ทีคนดีมากอ่ะ ไม่ฉวยโอกาสเลย
จ๊อบก็รู้ตัวช้าไป
อยู่ที่เต้ยแล้วแหละ ว่าตอนนี้จะเลือกใคร

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
เราไม่สงสารจ๊อบเท่าไหร่ค่ะ เรามองว่าเต้ยก็เคยเจอแบบที่จ๊อบกำลังเจออยู่ แล้วต้องฝืนทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีด้วยซ้ำ เต้ยคะ เดินไปซื้อยาทัมใจมาปาอัดหน้ามันเลยค่ะ ฮึ่ย

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2971
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fullfeel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
จ๊อบร้องไห้หมดถังยังน้า มารอนะคะ :katai2-1:

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
รู้ใจตัวเองในวันที่สายไปเนี่ยนะ มันจะช่วยอะไรได้
ตอนอยู่ใกล้ก็ไม่คิด แต่พอหายไปดันรู้ใจตัวเองซะนี่ ไม่แฟร์เลยยยย  :katai4: :katai4: 

ออฟไลน์ fullfeel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
วันนี้มาไหมน้อ :katai5:

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
วันนี้มาไหมน้อ :katai5:


          :impress: ... มาค่ะ ...  :laugh3:

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17







        ยกที่ 13 : คนที่รอคอย








        ผมนึกว่ามันจะถอดใจ


        ...แปลก...


        ที่ไหนได้วันถัดมามันกลับมายืนรออยู่หน้าหอผมตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเอาปิ่นโตขนาดกะทัดรัดใส่อาหารเช้ามาให้ผม  มันออกจะแปลกๆหน่อยเพราะวันนั้นมันมาถึงก็ยื่นปิ่นโตให้พร้อมดวงตาที่แดงก่ำราวกับคนอดหลับอดนอนทั้งคืน ผมรู้ตัวดีว่ามีนิสัยเสียที่ไม่ชอบทานอาหารเช้าทั้งๆที่มันเป็นมื้ออาหารที่จำเป็นที่สุดและมันก็รู้เรื่อถึงนิสัยเสียข้อนี้ของผมเป็นอย่างดี ดังนั้นปิ่นโตที่บรรจุอาหารหลากหลายในทุกวันจึงมีโอกาสให้ผมได้ลิ้มลองในตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา


        และที่แปลกอีกอย่างคือทุกๆมื้อกลางวันไม่ว่ามันผมจะเรียนอยู่ที่ไหน อย่างที่บอกว่าปีหนึ่งส่วนใหญ่ผมไม่ได้เรียนคณะตัวเองเท่าไหร่ถ้าไม่อยู่คณะวิทยาศาสตร์ก็จะหมกตัวอยู่หอกลาง แต่มันก็ดันรู้ว่าผมอยู่ที่ไหนราวกับมีตารางเรียนในแต่วันดังนั้นทุกเที่ยงผมจึงเห็นมันโผล่มารับเอาปิ่นโตที่ผมกินจนหมดแล้วเอากลับไปอย่างเช่นวันนี้




       “ มาแล้ว”

       “.....” เสียงสองสาวพิมพ์กับดาวกระซิบกระซาบกันพร้อมกับรอยยิ้มกว้างนั่นทำให้ผมต้องมองตามสายตาทั้งคู่ไปเห็นมันยืนพิงเสาต้นกลางใต้อาคารเรียนคณะวิทยาศาสตร์ แค่มองไปเบื้องหน้าก็เห็นภาพมันชัดเจนแล้วในเมื่อมันเป็นคนเดียวที่ใส่เสื้อช็อปคลุมทับ ต่างจากนิสิตคนอื่นๆที่ใส่เสื้อนิสิตธรรมดาเดินกันขวักไขว่


       “ จ๊อบ”

       “......”


       ว่านเป็นคนโบกมือทักทายมันคนแรกจากนั้นก็ตามด้วยพิมพ์และดาวที่ยิ้มกว้างมองใบหน้ามันสลับกับใบหน้าของผมแล้วยิ้มๆ จะต่างก็แค่ไอ้แท็คที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ใกล้ๆผม


        นี่ก็แปลกๆอีกเหมือนกันผมว่าต้องมีเรื่องบาดหมางใจอะไรบางอย่างระหว่างว่านกับแท็คแน่นอน เพราะท่าทางของคนทั้งคู่ดูมึนตึงกันตั้งแต่ผมกลับมาจากบ้านที่ต่างจังหวัด ไอ้แท็คมันชอบทำหน้าบึ้งตึงและชักสีหน้าทุกครั้งที่จ๊อบมาหาผมพร้อมกันนั้นมันยังทำเหมือนจะหึงว่านทุกครั้งที่ว่านพูดคุยกับไอ้จ๊อบ สถานการณ์มันยิ่งแย่ลงเพราะปกติแท็คมันชอบนั่งตัวติดกับว่านเป็นประจำ

       แต่นี่ว่านขอแยกไปนั่งใกล้ๆกับพิมพ์และดาวโดยมีผมนั่งคั่นว่านกับแท็ค นี่ยิ่งทำให้ไอ้แท็คหัวเสียมันเลยทำหน้ายักษ์ราวกับจะกินหัวคนได้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา  ส่วนว่านนี่ก็อีกคนชอบทำหน้าเศร้าและถ้าไอ้แท็คเผลอทีไรก็ชอบแอบมองฝ่ายนั้นด้วยสีหน้าที่ผมคาดเดาได้ว่ากำลังเจ็บปวดไม่แพ้กัน



      เฮ้ย คิดแล้วปวดหัว


      “ เพิ่งเลิกเหรอ”

      มันถามผมก่อนจะยื่นมือมาขอปิ่นโตในมือไปถือเอง


      “ อืม”


       เอ่อ บอกตรงๆว่าทำตัวไม่ถูกตั้งแต่มัน เอ่อ มันเหมือนทำท่าจะจีบหรืออะไรเทือกนั้น เพราะตั้งแต่มันบอกจะสู้ไม่ถอยตามที่ลั่นวาจาไว้มันก็ทำจริงๆ เพราะตั้งแต่นั้นมามันก็เริ่มแทรกซึมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมเรื่อยๆแบบนี้


      “ อ่ะ”

      “..เอ่อ...ขอบใจ”

      ผมยื่นมือไปรับขวดยาคูลย์ที่เจาะหลอดดูดให้เรียบร้อยแล้ว


      “ จ๊อบ” ว่านสะกิดเรียกมันเบาๆ

      “ ครับ”

      “ ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันมั้ย”

       จบคำเชิญชวนผมแอบเห็นพิมพ์กับดาวแอบแท็คมือกันก่อนจะขยิบตาให้ว่านทีนึง หึ ...นี่ทำงานกันเป็นทีมเลยนะ...



       “ นะไปด้วยกัน” พิมพ์พยักหน้าเชิญชวน

       “ ครับว่าแต่ จะไปกินไหนกันเหรอ”

       “ ดาวอยากไปกินไก่ทอดที่อักษรฯเค้าบอกอร่อยดี”

       “ ไหนบอกว่าอยากกินสเต็กสามย่านไง” คราวนี้พิมพ์เอ่ยท้วงเบาๆ

       “ ตกลงยังไงสองสาว”

       ผมถามยิ้มๆ “...ว่าไง หึ”


       “ กินไก่ทอดเนอะๆ..” ดาวหันไปขอความคิดเห็นจากไอ้แท็คซึ่งยืนนิ่งอยู่นาน ผมทันเห็นมันพยักหน้าแบบขอไปที

       “งั้นไป”

       “ เอ่อ” มันหยุดนิ่งไม่ยอมเดินแต่หันมามองหน้าผม ผมจึงเลิกคิ้วมองมันเป็นเชิงถาม “ มีอะไร”

       “ ให้กูไปด้วยจริงๆเหรอ”


        มันสบตากับผมตรงๆแววตาตรงหน้ามีประกายบางอย่าง ไม่รู้เป็นยังไงทำไมผมถึงไม่กล้าสบตากับมันตรงๆเลย หึ ตั้งแต่มันเริ่มทำตัวแปลกๆโดยการทำตัวเป็นเด็กส่งปิ่นโตมาหลาย  วันนี้เป็นวันแรกที่เพื่อนในกลุ่มผมชวนมันกินข้าวด้วย เพราะปกติมาแค่มาเอาปิ่นโตตอนเที่ยงและส่งยาคูลย์ต่อแค่นั้น หลังจากนั้นมันก็กลับ



        “ ใครห้ามมึงหล่ะ” นั่นเป็นคำตอบของผม

        “ กูห้าม”

       ทั้งผมและมันชะงักไปกับเสียงห้วนที่เอ่ยแทรกขึ้น ไอ้แท็คเดินมาหยุดอยู่ระหว่างผมกับมันพร้อมกับพาดแขนไปกับไหล่ผมหน้ามันนิ่งๆ แววตาก็เครียดขมึง


       “ มึงมาส่งข้าวส่งน้ำเพื่อนกูทุกวันไม่เบื่อบ้างรึไง”

       “ ไม่”

       “กูว่ามึงทำอย่างนี้แปลกๆนะ” ไอ้แท็คมองสำรวจหน้าผมกับมันสลับกันไปมา มันทำท่าราวกับพ่อหวงลูกสาว เอ้ย ไม่ใช่ ทำท่าราวกับผมเป็นลูกของมัน


      “ มึงกำลังจีบไอ้เต้ยรึไง”


       ผมชะงัก

       ไม่ใช่แค่ผมชะงัก

       ว่าน ดาว พิมพ์ ที่เดินคุยกันอยู่ข้างหน้ายังหยุดเดิน



       “ อืม”

      ...อืม...

      อืมอะไร อืมหมายความว่ายังไง



       ผมรู้สึกวิ้งๆในหัว ทุกอย่างดูมึนงงสับสนไปหมด ผมไม่รู้ตัวเองมีสีหน้ายังไง เหมือนภาพเบื้องหน้ามันเบลอๆจับต้นชนปลายไม่ถูก รู้สึกหายใจติดขัด  หัวใจแม่งก็เต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากอก ยิ่งตอนที่มันพูดคำว่า “ อืม” แล้วมองหน้าผม ผมนี่ถึงกับไปไม่เป็น บอกตรงๆว่าผมไม่เคยมีอาการประหลาดแบบนี้เพราะตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกันมา มันไม่เคยทำแบบนี้เลย ไม่เคยเลย ตลอดมามันปฏิบัติกับผมแบบเพื่อนกัน แต่วันนี้ วันนี้มันอะไรกัน


       “ ก็แค่เนี้ย”

       ไอ้แท็คละแขนที่พาดบ่าผมออกตอนที่ว่านหันมามอง ไม่รู้ว่าตาฝาดรึเปล่าที่เห็นว่านหลุบตาลงด้วยใบหน้าเศร้าหมอง ไอ้แท็คถอนหายใจก่อนจะไปเดินในระดับเดียวกับว่านซึ่งมีสองสาวประกบคนละข้าง ส่วนสองสาวก็ป้องปากกลบเกลื่อนเสียงหัวเราะโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลยว่าว่านกำลังยึดสองสาวเป็นเกราะตอนที่แท็คพยายามเดินเข้าไปใกล้ๆ
ผมคลึงขมับ


       ปวดหัวทั้งเรื่องของเพื่อนและเรื่องของตัวเอง ผมถอนใจแรงๆซึ่งมันคงทำให้ไอ้จ๊อบสงสัยเพราะมันหันมามองผมด้วยสายตาเป็นเชิงถาม ผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินตามกลุ่มเพื่อนไปติดๆ เดินไปทั้งที่สติสะตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมยอมรับว่ายังตั้งตัวไม่ทันกับการกระทำของมัน  พอๆกับที่ยังรู้สึกแปลกๆที่ได้เห็นน้ำตาของมันในวันนั้น วันที่ผมไปเที่ยวกับพี่รหัสใครจะไปคิดว่ากลับมาแล้วจะเจอมันรออยู่


       มันกำลังแสดงให้ผมเห็นว่ามันกำลังพยายามทำในสิ่งที่มันพูดไว้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นปิ่นโตอาหารเช้า ยาคูลย์ตอนเที่ยงและข้อความฝันดีทุกคืน เฮ้ย สิ่งที่มันกำลังทำให้ผมอดอึ้งๆไม่ได้  มันยอมรับยากสักนิดนึงว่าสิ่งที่มันทำ มันเต็มใจทำจริงๆรึเปล่าหรือแค่นึกสนุกอะไรขึ้นมา

      หรือมันจะเป็นโอกาสของผม โอกาสที่ผมจะลองใช้หัวใจศึกษาเรื่องรักให้ถี่ถ้วนขึ้น



       “ ระวัง”


        “ เฮ้ย”


       ผมตบอกอย่างตกใจและลูบหน้าตัวเองที่เหงื่อซึมตามไรผม พร้อมกับหอบหายใจถี่ๆรู้ตัวเลยว่าตัวเองสั่นแค่ไหน นี่ดีว่าไอ้   จ๊อบคว้าตัวผมไว้ทันไม่งั้นคงเดินตัดหน้ารถที่กำลังขับผ่านถนนเส้นเล็กๆหน้าคณะ


       “ เป็นอะไรรึเปล่า”

       “.....” ผมส่ายหัวไปมามองไปอีกฝั่งของถนนที่กลุ่มเพื่อนข้ามไปแล้วหันมามองผมอย่างตกใจเช่นกัน


       “ ข้ามถนนดูทางบ้างสิ” ไอ้จ๊อบบ่นผมเบาๆ

       “....”


       “ เต้ย”


        “ เต้ย ฟังที่กูพูดรึเปล่า” มันกระตุกมือผมแรงๆนั่นจึงทำให้ผมรู้ว่ามันกำลังกุมมือผมอยู่ ถึงว่าความรู้สึกอบอุ่นจึงแผ่ซ่านไปทั่วฝ่ามือ “ มีสติหน่อยเต้ย เวลาเดินข้ามถนนมันอันตราย”


        ผมพยักหน้ารัวๆราวกับเด็กน้อยที่รับคำสั่งจากผู้ใหญ่ก่อนจะก้มมองข้อมือตัวเองที่มันกำลังกุมอยู่จึงเห็นอะไรบางอย่างแปลกไป


       “ เดี๋ยว”

       “ อะไร”

       “ สร้อย..” ตอนที่ข้ามมาอีกฝั่งมันจึงเพิ่งรู้ตัวว่าจังหวะที่มันกระตุกแขนผมให้ขึ้นฟุตบาทเพื่อไม่ให้ผมตัดหน้ารถคันนั้น แรงที่มากเลยทำให้สร้อยข้อมือที่ได้จากพี่รหัสหล่นลงพื้นและตอนนี้มันนอนสงบนิ่งอยู่บนพื้นฝั่งโน้น


       “ กูจะกลับไปเอา..”

       “ เดี๋ยวกูไปเอามาให้ มึงรออยู่นี่แหละ”

      มันดันผมให้ไปยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนและวิ่งข้ามถนนไปเอาสร้อยเชือกป่านนั้นให้


       “ ขอบใจ”

       “ อืม”

       “ มันมีค่าสำหรับมึงขนาดนั้นเลยเหรอ”



       มันถามผมเสียงเรียบตอนที่รับสร้อยข้อมือนั้นมาแล้วผมรีบใส่กลับข้อมือข้างนั้นทันที แต่ใส่ยังไงก็ใส่ไม่ถนัดๆเพราะมันต้องติดล็อกด้วย


        “ อืม สำคัญมาก”


        หน้ามันหมองลงก่อนจะเอื้อมมือที่สั่นเทามาช่วยผมใส่สร้อยข้อมือ “ งั้นมึงก็ควรจะเก็บรักษามันไว้ให้ดี” มันพูดขึ้นหลังจากใส่สร้อยให้ผมเรียบร้อยแล้ว  ผมทันเห็นแววตามันกำลังไหวระริก มันถอนหายใจแรงๆริมฝีปากเม้มแน่นราวกับอัดอั้นกับอะไรบางอย่าง บางอย่างซึ่งทำให้ผมยกยิ้มตรงมุมปาก






      ........

      ........





       “ เหี้ยไปไหนมาวะ กูโทรหาตั้งนานไม่รับสายเลย”

       “ กูลืมโทรศัพท์ไว้ที่คอนโด”


       “ เอ้าเหรอ”


       นั่นเป็นบนสนทนาระหว่างไอ้จ๊อบกับไอ้เต็ปเพื่อนมัน คือหลังจากที่ทนเสียงเรียกร้องของดาวไม่ไหวพวกเราคือกลุ่มผมรวมถึงไอ้จ๊อบเลยตกลงไปลิ้มลองรสชาติไก่ทอดตามคำล่ำลือมาปากต่อปากว่าอร่อยนักหนาที่คณะอักษรฯ  ถ้าใครอยากจะพิสูจน์ว่าอร่อยจริงมั้ยคงต้องมาลองเอง สำหรับผมแล้วถือว่าใช้ได้ทีเดียว หลังจากอิ่มหนำสำราญกันเสร็จแล้วจึงพากันยกโขยงมารอรถป๊อปสายหนึ่งเพื่อกลับคณะไปเรียนต่อตอนบ่าย


      ป้ายรถป๊อปตรงหน้าคูลี่หรือสถาบันภาษาตอนเกือบบ่ายเต็มไปด้วยนิสิตมากมายที่ต่างมารอรถป๊อปสายต่างๆซึ่งเป็นบริการของทางมหาวิทยาลัยในการเป็นบริการรถโดยสารไปตามสถานที่ต่างๆภายในมหาวิทยาลัย และก็บังเอิญที่เพื่อนไอ้จ๊อบกลุ่มเด็กวิศวะทั้งโขยงโดยมีเต็ปกับแฮมร่วมอยู่ด้วยโบกมือหยอยๆทักทาย



       “ ถึงว่าตอนเที่ยงๆจ๊อบมันหายไปไหน”

       แฮมพูดยิ้มๆตอนที่ผมไอ้จ๊อบแยกไปคุยกับเต็ปและกลุ่มเพื่อนมัน

       “ อ๋อ อืม” ผมจะพูดอะไรได้นอกจากเกาหัวพร้อมกับยิ้มแหย “ แล้วนี่ไปไหนกันมาอ่ะ”

       “ อ๋อไปกินข้าวที่จามสแควร์” ‘จามสแควร์’ เป็นชื่อเรียกติดปากของห้างใกล้มหาวิทยาลัยซึ่งมีชื่อเต็มๆว่า “จามจุรีสแควร์” เป็นศูนย์การค้าซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านอาหารมีชื่อและเป็นพื้นที่ในการพักผ่อนหย่อนใจของนิสิตคณะที่อยู่ใกล้ๆเพราะอยู่ใกล้ชนิดที่ว่าเดินไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว


       “ ชวนไอ้จ๊อบมันแล้ว...” รูมเมทผมพูดยิ้มๆ “...แต่มันบอกว่าจะมาเอาปิ่นโต ที่ไหนเลยไปกินข้าวกับคนที่มันส่งปิ่นโตให้ทุกวันซะงั้น”

       “ ก็เอ่อ..” ผมหัวเราะ “...พอดีเพื่อนในกลุ่มชวนมันเลยไปด้วย”

       “ หึ”

       “ ว่าแต่เรา...” คราวนี้เป็นผมที่กอดอกมองรูมเมทแล้วถามยิ้มๆ “...ได้ข่าวแฮมเรียนคนละภาควิชากับไอ้เต็ป ไอ้จ๊อบไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมากินข้าวกับกลุ่มเพื่อนมันได้อ่ะ”


      “ ก็..”

      แฮมทำท่าอ้ำอึ้งๆ จนผมต้องตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ “ ตอบยากก็ไม่ต้องตอบหรอก”

       “ เต้ยแม่ง”

       แฮมทำหน้ายู่ใส่ผมพอดีกับไอ้จ๊อบและกลุ่มเพื่อนมันเดินมาทางผมพอดี



       “ วันนี้แล็ปฟิสิกส์เช็คชื่อบ่ายโมงตรงนะโว้ย อ.แกบอกว่ารีบเรียนรีบเลิก ตอนเย็นมีประชุมอาจารย์ที่คณะ...” เสียงไอ้เต็ปบอกไอ้จ๊อบที่พยักหน้ารับเบาๆ  “...ไปก่อนนะเต้ย” ประโยคต่อมามันและกลุ่มเพื่อนไอ้จ๊อบบอกกับผมก่อนจะโบกมือลาเดินเคลื่อนหายไปทั้งกลุ่ม


       บอกตรงๆว่าเด็กวิศวะที่ใส่เสื้อช็อปเดินกันเป็นกลุ่มใหญ่มันเป็นภาพที่น่าดูไม่น้อยเพราะตลอดทาง มีบรรดานิสิตสาวชี้ชวนกันมองพร้อมกับยิ้มอายๆ  ยิ่งเพื่อนในกลุ่มมันหน้าตาใช่ว่าจะดูไม่ได้ตรงกันข้ามมันดูดีชนิดต้องเหลียวหลัง หึ แปลกเนอะ ทำไมคนหน้าตามักจะมีแต่ผู้คนรายล้อมและกลุ่มเพื่อนที่มีหนังหน้าระดับเดียวกัน โครตไม่ยุติธรรมเลย ผมคิดอย่างขำๆ


       “ มึงไม่รีบไปเรียนเหรอจะบ่ายโมงแล้วนะ” ผมยกนาฬิกาขึ้นมองแล้วเอ่ยเตือนมัน ตอนนี้มีแค่ผมกับมันยืนรอรถป๊อปส่วนเพื่อนสนิททั้งสี่ของผม แยกเป็นสองคู่คือพิมพ์กับดาวที่แวะไปหาเพื่อนที่คณะเศรษฐศาสตร์ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่ยืนรอรถป๊อปมากนัก ส่วนว่านพอกินข้าวเสร็จก็รีบไปส่งไปรษณีย์ที่ศูนย์หนังสือฯแถวคณะผมโดยมีไอ้แท็คตามไปติดๆ


      “ กูรอส่งมึงขึ้นรถป็อปก่อน”

      “ แต่มันจะบ่ายโมงแล้ว”

      “ อืม” มันไม่อนาทรร้อนใจว่าจะเข้าเรียนช้าก่อนจะตอบรับผมแล้วมองไปเบื้องหน้าซึ่งรถโดยสารคันสีชมพูสายหนึ่งกำลังจะเทียบจอดตรงฟุตบาททางเดิน


      “ รถป็อปมาแล้วกูไปก่อนนะ”

      “ ไปดูหนังกันมั้ย”

      “ ห่ะ”

      มือมันจับคว้าข้อมือผมไว้แล้วเอ่ยถามเสียงแผ่ว “ กูหมายถึงเลิกเรียนแล้วไปดูหนังกันมั้ย”


      “ คือ” ผมยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก

      “ ไม่เป็นไรถ้ามึงไม่อยากไป” มันถอนหายใจก่อนจะรุนหลังผมให้เข้ารถป๊อป “ ตั้งใจเรียนนะ”

      มันแตะศอกผมให้เดินไปเบื้องหน้า แต่ขาผมนี่สิที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ราวกับมีโซ่ล่ามหมุดตึงอยู่กับพื้น ผมใจหวิวๆตอนที่เห็นหน้ามันหมองลง ผมใจสั่นตอนที่มันชวนไปดูหนัง



      ...แค่มันชวนไปดูหนัง แค่นี้ทำเอาผมไปไม่เป็นเลยเหรอ...



        “ กูเลิกเรียนตอนบ่ายสาม”  ผมพูดอะไรออกไป แม้แต่ตัวเองยังงงกับอาการตัวเอง


       “ อืม”

       “......”

       “ ห่ะ” มันทำตาปริบๆ และทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะเปิดรอยกว้างเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่มันโบกมือลากับลูกตาล

       “ กูจะรอนะ”


     รอเหรอ

     เอ่อ รอ



       ผมพยักหน้ารับแบบงงๆ พอดีกับที่สองสาวพิมพ์และดาวรีบวิ่งอย่างกระหืดกระหอบจากหน้าคณะเศรษฐศาสตร์ตรงมายังรถป๊อปสายหนึ่งที่กำลังจะออกตัวและพอสองคนนั้นขึ้นมารถป็อปก็เคลื่อนตัวเลี้ยวซ้ายไปทางคณะรัฐศาสตร์ก่อนที่จะออกจากประตูหลัง ผมคิดไปเองรึเปล่าที่รู้สึกได้ถึงสายตาของใครคนหนึ่งซึ่งไม่ได้ขึ้นมาด้วยมองผมจนลับตา








                                   *********************************************





        “ รีบไปไหนวะจ๊อบ”

       ผมหยุดชะงักปลายเท้าตรงโต๊ะนั่งแถวลานเกียร์ตอนที่ได้ยินเสียงเรียกจากสายรหัสซึ่งนานพอสมควรที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันเลย

       “ พี่เบียร์ หวัดดีพี่” ผมยกมือไหว้ลุงรหัสปีสามซึ่งนานๆครั้งจะได้พบกัน ไม่ใช่ว่าคณะเราคนเยอะคนหากันไม่พบแต่เพราะพี่แกอินดี้มาเรียนบ้างไม่มาบ้างแต่เกรดก็สวยหรูดูดีตีคู่ไปกับหนังหน้า  ล่าสุดได้ข่าวว่าไม่มาเรียนเกือบสองอาทิตย์เพราะความติสส์คือลาไปถ่ายรูปแถวภาคเหนือ แน่จริงๆสำหรับผู้ชายหน้าสวยแต่ฝีปากกล้าทั้งยังนิสัยโคตรตรงข้ามกับใบหน้าที่ใสกิ๊กราวเด็กสาว แต่กลับอยู่ในร่างของชายหนุ่มซึ่งเป็นรุ่นพี่ตัวละครลับของคณะ


      “ เออดี”


      นั่นไง พี่เบียร์รับไหว้พร้อมกับยิ้มกวนๆ เอาขาข้างหนึ่งมาวางบนเข่าอีกฝ่ายพร้อมกระดิกปลายเท้าไปมา คือนอกจากใบหน้าหวานที่ล่อลวงให้เข้าใจว่าพี่แกจะโอโม่เข้ากับใบหน้า แต่นิสัยนี่โคตรเถื่อนสมชายชาตรียิ่งกว่าผมหลายขุม

       “ กลับมาจากเหนือตั้งแต่เมื่อไหร่พี่”

       “ เมื่อวานหว่ะ..” พี่แกตอบพร้อมกับตบที่นั่งข้างๆเป็นเชิงให้ผมทรุดตัวนั่งคุยกันสักหน่อย “..แล้วนี่มึงจะไปไหนเนี่ย”


       “ ก็..”

       “.....”

       “ หึ” พี่เบียร์ทำเสียงขึ้นจมูก เรียกให้ใบหน้าหวานมีสีสันชวนมอง แต่ได้แค่มองนะขืนไปแซวละเป็นเรื่อง เพราะฟังจากพี่รหัสผมซึ่งเป็นน้องรหัสพี่เบียร์เล่าให้ฟังว่าเคยมีผู้ชายไปแซวพี่แกเชิงจีบ  เท่านั้นแหละไอ้พวกนั้นเกือบแอดมิดเข้าโรงพยาบาล หึ เห็นหน้าอย่างงี้ก็แมนพอตัวอยู่



       “ ได้ข่าวว่าช่วงนี้ไม่ค่อยไปสังสรรค์ที่ไหน...” พี่แกคว้ากล้องถ่ายรูปตัวละเกือบแสนขึ้นมาแล้วเปิดดูภาพในกล้องไปเรื่อย จริงๆแล้วลุงรหัสผมคนนี้มีพรสวรรค์เรื่องการถ่ายภาพที่ดีเยี่ยมมาก ไม่น่าเชื่อว่าพี่แกจะเลือกเรียนวิศวะฯซึ่งเป็นวิชาเรียนที่ต่างจากทักษะพรสวรรค์ส่วนตัวนี่เลย


        “ แถวเภสัชฯกับหอในมีอะไรดีวะ” คำถามที่ตรงประเด็นนั่นทำเอาผมอดหัวเราะไม่ได้ จริงๆตั้งแต่เปิดสายรหัสผมก็มีโอกาสได้พูดคุยกับแกไม่กี่ครั้งเพราะความห่างของชั้นปีและยิ่งพี่เบียร์ยังเป็นตัวละครลับไม่ค่อยมีใครรู้จัก จะโผล่มาคณะแต่ละครั้งก็แค่มาสอบกับส่งงาน แต่ด้วยความที่พอพูดคุยทำความรู้จักกันแล้วดันถูกคอเลยดูสนิมสนมกันในเวลาที่รวดเร็ว


        “ ว่าไง”

        “ ว่าไงอะไรพี่”

        “ หึ เรื่องที่มึงกำลังเร่งเดินเครื่องจีบเพื่อนตัวเองอยู่ไง” พี่แกพูดยิ้มๆสงสัยรู้เรื่องนี่จากไอ้เต็ปเพราะมันก็สนิทกับลุงรหัสผมไม่ต่างกัน


       “ คงงั้นมั้งพี่”


       “ เห็นไอ้เต็ปบอกมึงเอาจริง” นั่นไงชื่อไอ้เต็ปหลุดออกจากปากจนได้ ผมยิ้มนิดๆ “...นี่ขนาดเลิกกับลูกตาลเลยเหรอ”

       พูดถึงลูกตาล ผู้หญิงที่มาเปิดตาให้ผมเห็นอะไรมากขึ้น แค่พูดถึงผมก็อดสะเทือนใจไม่ได้ที่เธอยังคงความสัมพันธ์เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ทั้งๆที่ผมทำร้ายหัวใจเธอถึงขนาดนั้น


       ผมเป็นหนี้บุญคุณเธอจริงๆ



       “ ขอโทษหว่ะที่สะกิดแผลมึง กูไม่ได้ตั้งใจ”

       “ ไม่เป็นไรพี่...” ผมถอนหายใจ “ เรื่องนี้ผมผิดจริงๆ ผมทำร้ายหัวใจผู้หญิงคนหนึ่งและผมก็ทำร้ายคนที่รักผมมาตลอดสี่ปีได้อย่างเลือดเย็น  พี่รู้มั้ยว่าทั้งๆที่ผมรู้ว่ามันรักผม แต่ผมยังทำเหมือนไม่รู้ ปฏิบัติกับมันเหมือนเดิม ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย”

       “ แล้วทำไม..”

       “ ผมแม่งโคตรไม่ชอบใจเลยที่มันสนิทกับพี่รหัส..” ผมพรั่งพรูถึงสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกไป “...ยิ่งรู้ว่าพี่ทีอะไรนั่นชอบมันเข้าแล้วจริงๆ”


      “ ทีเหรอ..” พี่เบียร์พึมพำเสียงแผ่วก่อนจะแค่นยิ้ม “..มึงก็เลยเกิดหวงก้างขึ้นมางั้นสิ”



       “ ผมมันก็ไม่ใช่คนดีอะไร”

       “ แต่มึงยังมีโอกาสนะ”

       “ โอกาสอะไรพี่”

       “ มึงยังมีโอกาสได้แก้ไขและทำในสิ่งที่ใจมึงอยากทำ...” พี่เบียร์พูดยิ้มๆ “ มึงยังโชคดีกว่าใครหลายๆคนที่เค้าไม่มีแม้แต่โอกาสหรือความกล้าที่จะกลับไปแก้ไข”


      “ ถ้ามึงคิดจะสู้ มึงต้องสู้ให้ถึงที่สุดเพราะถ้ามึงแพ้เมื่อไหร่ มึงจะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่คนที่มึงบอกกูว่าเค้ารักมึงมาสี่ปีแล้ว”

       “......”


        “ สิบปียังเปลี่ยนใจได้นับประสาอะไรกับแค่สี่ปี ยิ่งถ้าคนใหม่นั่นคือเป็นคนที่ทุ่มเทให้คนอื่นอย่างพี่รหัสมัน”
          ผมถอนหายใจและเหม่อมองไปเบื้องหน้าไม่ต่างจากลุงรหัสตัวเอง


       (มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
   

       “ ชิบหายแล้ว”

       “ แม่งเลือดสาดเลย โคตรน่ากลัว”

       “ สงสารพี่ทีชะมัด”

        พี่ที พี่ทีงั้นเหรอ


       ชื่อที่คุ้นเคยซึ่งหลุดจากปากของนิสิตสองสามคนซึ่งวิ่งตึงตังตัดหน้าผมไปนั่นทำให้ผมต้องหยุดปลายเท้าที่กำลังก้าวลงจากตึกคณะเพื่อมุ่งหน้าไปห้างมาบุญครองสถานที่นัดหมายกับไอ้จ๊อบซึ่งอยู่ตรงข้ามกับคณะไม่ไกลนัก


       “ พี่ทีเป็นอะไรเหรอครับ”

       “ มันหัวแตกหน่ะ”



      ห่ะ


     ไม่ต้องรอฟังคำอธิบายเมื่อเห็นร่างสูงของพี่รหัสเดินเดินกุมศีรษะซึ่งมีผ้าเช็ดหน้าซับรอยเลือดที่ไหลซึมออกมาเป็นวงกว้างสีแดงฉาน  ผมมองภาพตรงหน้าอย่างตกใจก่อนจะถลาไปหาคนเจ็บที่ดูยิ้มรับด้วยท่าทางชิวๆ

      “ พี่ที เป็นอะไรมากรึเปล่าเนี่ย”


      “ หัวแดกนี่มึงคิดว่าเจ็บมั้ยหล่ะ” ยังมีหน้ามากวนอีก ผมถอนหายใจผมภาพคนตรงหน้าที่ดูชิวเหรอเกินกับสภาพตัวเองทั้งที่เลือดอาบหัวยังจะยิ้มกริ่มผิดกับใบหน้าที่เริ่มขาวซีด

      “ รถมาแล้วไอ้ทีไปโรงบาลกัน”

      เสียงเพื่อนที่แกเรียกพอดีกับที่ซีวิคคันขาวจอดสนิทอยู่ตรงหน้า จะด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ที่ผมผมแทรกขึ้นรถตัวตามไปพี่ทีไปติดๆ เพื่อนสนิทพี่แกที่ผมพอรู้จักสองสามคนมองยิ้มๆก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป


       “ ไปทำยังไงถึงหัวแตกอย่างนี้หล่ะครับ”

       “อุบัติเหตุนิดหน่อย” พี่ทีตอบก่อนจะพิงศีรษะไปเบาะรถแต่มือยังกุมผ้าเช็ดหน้ากดรอยเลือดที่ปากแผล ดวงตาที่เคยส่องสว่างหรี่ลงราวกับเหนื่อยล้าเห็นแบบนี้แล้วผมอดจะตกใจไม่ได้


       “ พี่ครับ”

       “......”

      ผมค่อยๆประคองศีรษะพี่ทีที่ส่ายไปมาให้แนบลงกับตักตัวเองแล้วจัดการกดแผลให้แทน ดังนั้นมือที่เปื้อนเลือดของพี่ทีทั้งสองข้างจึงว่างอยู่ ว่างชนิดที่ว่าจับยัดมือผมข้างว่างไปกุมเบาๆ


      “ เวียนหัวหว่ะ”

      “ เจ็บมากเหรอครับ...” พี่ทีไม่ตอบแต่ยิ้มน้อยจนผมแปลกใจ คนอะไรเจ็บจะตายยิ้มอยู่ได้ “...เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้วพี่ อดทนหน่อยนะ”

      “ ไม่อยากให้ถึง”

      “ พี่ว่าอะไรนะ”

      “ ไม่อยากให้ถึง...” พี่ทีพูดยิ้มๆ ก่อนจะบีบฝ่ามือผมเป็นคำตอบ “...อยากให้มึงกุมมือนานๆ”


      “.....”

      ผมไม่ได้ตอบอะไรหรอก แต่เพื่อนพี่แกที่นั่งอยู่ในรถร่วมเหตุการณ์นี่สิดันหัวเราะร่วน


       หลังจากส่งพี่ทีถึงมือหมอแล้วผมและบรรดาเพื่อนพี่เค้าก็ทรุดตัวนั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ในช่วงเวลาที่รอคอยให้หมอเย็บและทำความสะอาดแผลให้ผมจึงได้รู้จากปากเพื่อนๆพี่ทีว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากบอร์ดที่ตั้งอยู่ตรงทางเดินดันล้มลงมาเพราะแรงลมแล้วบังเอิญว่าความซวยดันมาตกที่พี่รหัสผมที่เดินไปแถวนั้นพอดี ฟังจากที่เล่านี่พี่เค้าไปช่วยบังบอร์ดที่จะล้มใส่รุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งตัวเองเลยเจ็บแทน

       ผมฟังๆแล้วอดเสียวแทนไม่ได้นี่ถ้าบอร์ดมันล้มใส่เต็มๆพี่ทีคงไม่มีโอกาสได้เดินเหินแบบนี้หรอก ผมมองเรื่อยเข้าไปในห้องฉุกเฉินก็พอดีกับที่สายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่แขวนอยู่


       “ ไปดูหนังกันมั้ย”

       “ กูเลิกเรียนบ่ายสามโมง”



        ...ชิบหาย...




        ผมรีบควักมือถือออกมาก่อนจะร้อนรนกดโทรออกไปยังหมายเลขที่คุ้นเคยรอโทรอยู่หลายนาทีก็ไม่มีคนรับ ผมถอนหายใจก่อนจะกดโทรออกเบอร์เดิมที่มีสัญญาณแต่กลับไม่มีคนรับสายเช่นเดิม ผมกดโทรออกอยู่อย่างนั้นหลายรอบก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบหน้าโมงเย็นแล้ว  สุดท้ายเมื่อไม่มีคนรับโทรศัพท์ผมจึงตัดสินใจส่งข้อความไปบอกมัน


        ...กูมีธุระด่วน ขอโทษหว่ะ วันนี้คงไปช้าหน่อย ถ้ามึงมีธุระกลับก่อนก็ได้นะ...

       หลังจากส่งข้อความเสร็จแล้วผมก็นึดตะหงิดๆในใจ ว่าแต่วันนี้ผมลืมอะไรไปรึเปล่า

       ผมพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกพอดีกับที่พี่ทีซึ่งมีผ้าก็อชพันรอบหัวเดินยิ้มเผล่มาแต่ไกล ผมจึงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก่อนจะสาวเท้าเข้าไปไถ่ถามอาการคนตรงหน้า


       “ ไปรับยาแล้วกลับบ้านพักผ่อนได้แล้วพี่”

       “ อืม”

       พี่ทีหันไปพูดอะไรไม่รู้กับเพื่อนแก ผมจึงเดินไปรับยาตรงช่องจ่ายยาพร้อมกับฟังเภสัชกรอธิบายวิธีการใช้งานอย่างตั้งใจ ผมมองป้ายชื่อซึ่งมีคำนำหน้าว่า ภก. แล้วอดยิ้มไม่ได้ สักวันหนึ่งผมก็ต้องมาทำหน้าที่แบบนี้เช่นกันและผมก็หวังว่าจะได้ใช้วิชาความรู้ในการดูแลคนไข้

      “ เหม่ออะไรวะ”

      “ เปล่าพี่”

      “ งั้นกลับ”

      “ ครับ งั้นกลับไปกินข้าวกินยาแล้วพักผ่อนเอยะๆนะพี่ ผม เอ่อ ขอตัว...” ผมยื่นถุงให้ให้อีกฝ่าย แต่ติดที่พี่ทียึดต้นแขนผมไว้เบาๆ

      “ กูอยากกินข้าวต้ม”


      “ ห่ะ”

      “ ไปกินเป็นเพื่อนหน่อย”


       “ ....” ใบหน้าคนเจ็บมีแววออดอ้อนจนผมต้องเผลอพยักหน้ารับอย่างเห็นใจไม่ได้ “ ครับ”


       ตอนที่พี่ทีเดินไปสั่งข้ามต้นเจ้าอร่อยในซอยเล็กๆตรงหน้าคอนโดแถวพญาไทนั่น จึงทำให้ผมได้มีโอกาสควักมือถือขึ้นมาดูอีกครั้ง หน้าจอที่มืดสนิทบอกให้รู้ว่าไม่มีการติดต่อกลับจากคนที่ผมส่งข้อความไปหา


      ...ไม่ต้องรอแล้วนะ กูไปไม่ได้แล้วจริงๆ...



        ผมส่งข้อความไปอีกครั้งพร้อมเหลือมองนาฬิกาข้อมือตัวเองที่บอกเวลาทุ่มกว่าแล้ว ป่านนี้มันคงไม่รอผมแล้วมั้ง ผมถอนใจปลงๆรู้สึกผิดที่เป็นคนผิดนัดเอง...ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน...


      “ ข้าวต้มข้อไก่”


       พี่ทีตึงสติกลับมาด้วยวางชามข้ามต้มน่าทานที่อุดมไปด้วยเครื่องครบครันชวนน้ำลายสอ ก่อนจะทำหน้าเชิญชวนจนผมอดหัวเราะตามไม่ได้ นั่นจึงทำให้พี่ทีผสมโรงหัวเราะไปกับผมด้วยจนแกต้องกุมศีรษะที่พันผ้าไว้เพราะดันขำจนสะเทือนถึงแผล


       “ เชี่ยเจ็บ” พี่ทีบ่นหน้ายู่กุมหัวทำหน้าเบ้

       “ อยากเป็นพระเอกนักนี่” ผมแซวกลับเพราะรู้มาว่าสาเหตุที่เจ็บตัวเป็นเพราะทำตัวเป็นฮีโร่ไปช่วยคนอื่น “...คราวนี้สาวรุมกรี๊ดยิ่งกว่าเดิมแน่”

       “ ธรรมดาของคนหน้าตาดี”

       “ พี่นี่หลงตัวเองเนอะ”

       “ แล้วมึงคิดจะหลงบ้างป่ะ” รุ่นพี่ตรงหน้าถามผมยิ้มๆเหมือนถามดินฟ้าอากาศเพราะดูท่าทางแล้วพี่แกไม่ได้จะเอาคำตอบอะไร  ผมจึงเสตักน้ำซุปเข้าปากไม่ตอบอะไร

        “ กูรู้...” พี่รหัสผมพูดขึ้น “...สถานะกูตอนนี้แม่งไม่ต่างจากพระรองเกาหลีเลยหว่ะ” พูดเองขำเองจนผมพ่นลมหายใจแล้วยิ้มตาม


        “ พี่หล่อขนาดนั้นเลย”

        “ ก็พอตัว”

        พูดแล้วยักคิ้วอีกแหนะ “ ถ้าพี่อยากเป็นแค่พระรองก็เอาเถอะ ผมไม่ว่าอะไร”


       “ อ้าว แม่งตัดโอกาสกูซะงั้น” พี่ทีค้อนประหลับประเหลือกผิดกับบุคลิกจนผมขำน้ำตาเล็ด

       “ หึ”


       เราต่างคนต่างหัวเราะก่อนจะหันไปใส่ใจกับชามข้าวต้มตรงหน้า ดูท่าพี่ทีแกจะเจริญอาหารเพราะตักซดไปตั้งสองชามก่อนจะทำหน้าฟินลืมเจ็บแผลไปเลย ตอนที่กำลังจะเก็บตังค์นี่แหละที่พี่รหัสผมควักๆล้วงๆแถวกระเป๋ากางเกงอยู่นานสองนาน

       “ ชิบหายลืมโทรศัพท์ไว้บนรถไอ้พวกนั้น”

      พี่ทีบ่นตอนที่ควักแบงค์มาจ่ายค่าอาหาร แต่ปฎิกิริยาที่เกิดขึ้นกับผมราวกับมีอะไรพุ่งเข้ามากระแทกใจเต็มๆ


      ...ลืมโทรศัพท์...


      “ กูลืมโทรศัพท์ไว้ที่คอนโด”

       บทสนทนาระหว่างมันกับไอ้เต็ปสว่างวาบขึ้นมาในหัวผมทันที

       มันลืมมือถือ งั้นก็แสดงว่า ทั้งข้อความและสายเรียกข้าวของผม มันคงไม่มีทางรู้


      ไม่รู้

      และหวังว่ามันจะไม่รอผมอยู่หรอกนะ

      ผมยืนอึ้ง


      “ คือพี่ ผม..”

      “ ว่าไง”

      “ ผมกลับก่อนนะพี่”

      พี่ทีขมวดคิ้วนิดๆก่อนจะยิ้มเรื่อยๆ “ ถ้ามึงรีบมากควรไปบีทีเอสนะ ไปรถเมล์ช่วงนี้รถมันติด”

      พูดจบพี่แกก่อนบุ้ยปากไปในเส้นทางลัดที่เชื่อมไปถึงทางขึ้นบีทีเอส



   .........

   .........




       มันรอผมจริงๆ

       มันยืนรอผมอยู่หน้าโรงหนังจริงๆ
 

       บรรยากาศหน้าโรงหนังตอนเกือบสี่ทุ่มแทบจะไม่มีคนแล้ว ร้านอาหารที่เปิดบนชั้นนี้ก็ปิดหมดแล้ว จะเหลือก็แค่พนักงานขายตั๋ว กับวัยรุ่นผู้หญิงอีกสองคนยืนคุยโทรศัพท์กันอยู่และมันที่กำลังยืนมองตารางหนังเขาใหม่ มันยืนมองอยู่อย่างนั้นแล้วถอนหายใจเบาๆ

       แต่ท่าทางแบบนี้ทำให้ผมถึงกับพูดไม่ออก


       “ นี่แฟนเค้ายังไม่มาอีกเหรอ เห็นนั่งรอตั้งแต่บ่ายสาม”


       เสียงบทสนทนาของวัยรุ่นสาวสองคนที่กำลังเดินผ่านผมไปพร้อมกับพยักเพยิดไปยังทิศทางที่มันยืนอยู่นั่นทำเอาผมยืนอึ้งใจสั่นระรัวไปหมด แขนขาชาหัวสมองก็มึนเบลอได้แต่เดินอย่างเชื่องช้าลากขาเข้าไปหยุดอยู่เบื้องหลังมัน และเหมือนมันจะรู้ตัวว่าผมมายืนอยู่ข้างหลัง มันผงะนิดๆตอนที่เห็นผมก่อนจะยิ้มเจื่อนๆให้



      “ มึงมาช้า”

     น้ำเสียงมันไม่มีแววตัดพ้อหรือโกรธเคืองใดๆ ตรงกันข้ามมันพยายามทำเสียงให้ร่าเริงก่อนจะยิ้มกว้างทั้งที่แววตาสะท้อนแต่ความเจ็บปวด


      “ กู”

     “ รอบสุดท้ายฉายไปแล้วคงไม่ทัน กลับเถอะ” มันแตะศอกผมให้ออกเดิน มือมันสั่นเทาและเย็บเฉียบ ใบหน้าด้านข้างมันขาวซีด

      “ แต่มึง”

      “ ไม่เป็นไร กูไม่เป็นไร”

      ไม่เป็นไรงั้นเหรอ

      ไม่เป็นไร ทำไม

      หางตาผมเห็นตั๋วสองใบในมือมันที่ยับยู่ยี่จนมองแทบไม่ออกว่ามันเคยเป็นอะไรมาก่อน

       มันทำเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ทำไมแผ่นหลังมันงองุ้มราวกับผู้พ่ายแพ้จนผมเจ็บชาไปหมดไม่ต่างกันเลย






****มาแล้วๆ เพิ่งหายหวัดจ๊ะ แต่เป็นโรคใหม่คือปวดหลังแทน  :sad11:
       วันนี้มาเอาใจแม่ยกอิจ๊อบซะหน่อย ทีมจ๊อบว่าไงจ้า
       ช่วงนี้ต้องเร่งทำคะแนนซะหน่อย เพราะดูเหมือนพี่ทีแสนดีจะนำไปหลายขุมแล้ว หุหุ

       เพิ่งเห็นว่ามีคนเอาเรื่องนี้ไปแนะนำในบอร์ดนิยายที่แนะนำด้วย อิอิ ขอบคุณมากจ้า  :pig2: :pig2:
       ไว้มาหน่วงด้วยกันตอนหน้าเนอะ   :bye2:

       

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
สงสารจ็อบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ fullfeel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
สงสารจ๊อบนะ แต่ก็ชอบพี่ทีอ่ะ :hao5:

ออฟไลน์ kautumn

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
จ๊อบจะกลับมาเป็นพระเอกแล้วใช่มิ พาร์ทนี้อ้านแล้วหน่วงแทนจ๊อบก็น่ะทำเต้ยไว้เนอะ แต่ว่าไงเต้ยก็ยังรักจ๊อบนะกะพี่ทีแค่รู้สึกดีๆเราว่า
เอาใจช่วยจ๊อบต่อไปอย่าเพิ่งท้อนะเต้ยเจ็บช้ำๆเพราะจ๊อบมาตั้งสี่ปีเชียวนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ngohingmint

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ตอนแรกเชียร์พี่ทีนะ ตอนนี้เปลี่ยนมายกป้ายไฟอิจ๊อบละ

เหมือนพี่ทีจะมีอะไรไม่เคลียร์อยู่ เรื่องแฟนเก่าก็เรื่องนึงละ(เดาว่าแฟนเก่าเฮียแกคือพี่รหัสของจ๊อบ) เหมือนมันไม่เคลยร์ มันไม่สุด มันยังมีอะไรบางอย่างอยู่ เลยทำใจเชียร์แบบเต็มที่ไม่ได้ ความลับเยอะจริง แล้วอยู่ๆมาบอกว่าชอบเต้ย งงค่ะ

ส่วนอิจ๊อบ ถึงตอนแรกจะเกลียดมากกกกกกก ดูปากนะคะ เกลียดมากกกกกก แต่พอเห็นท่าทางหงอยๆแล้วสะใจพิลึก คืออยากให้ฮีเป็นพระเอกนะ แต่ก่อนจะเป็นพระเอก แฮปปี้ตอนจบเนี่ย(คงจบแฮปปี้นะ 5555) ฮีต้องทรมานให้มากกว่านี้ อย่างน้อยก็มากกว่าที่เต้ยต้องทนมาหลายปี ห้าห้าห้า เอาให้หนักๆค่ะ คนอ่านรอสะใจอยู่

แต่สรุปแล้วก็เชียร์ให้จ๊อบเป็นพระเอกนะ แต่ต้องเป็นพระเอกที่ทนมือทนเท้าให้คนอ่านด่าเล่นเหยียบเล่น(ว้ายยย)ก่อน แล้วถึงจะมอบตำแหน่งพระเอกให้นะ 5555 อยากให้ทนได้จนกว่าเต้ยจะยอมกลับมาเปิดใจให้อีกครั้ง อย่าเพิ่งท้อ และที่สำคัญ อย่าทำให้นุ้งเต้ยเสียใจอีก ไม่งั้นโดนเด้งจากตำแหน่งว่าที่พระเอกไปดาวอังคารแน่ หึหึ มีแต่เต้ยที่จะทำให้อิจ๊อบเจ็บได้นะ (ไม่ได้เข้าข้างใครจริงจริ๊งงงงง) :katai4:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
โอ้ยยย สงสารอิจ๊อบ T T

หลังจากตอนนี้ไปขอกลับไปเชียร์เป็นแม่ยกฝั่งจ๊อบละกันค่ะ จ๋งจ๋าน  :mew6:

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
อ่านตอนนี้แล้วสงสารจ๊อบเลยอ่ะเต้ยลืมซะสนิท

ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
โอยยยย ชีวิตอิจ็อบเริ่มรันทดขึ้นทุกที พอรู้ใจตัวเอง ดั๊นนนน ไปบอกเค้าผิดเวลาซะงั้น

น่าเศร้าใจจริงๆลูกเอ้ย  :hao5:

ออฟไลน์ veeveevivien

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0

 :ling3: :ling3: :ling3:สงสาร สงสาร จ๊อบ อ่ะ อย่าเพิ่งถอดใจนะ

ปล.บทพี่ทีนี่คือพระรองในซีรีส์เกาหลีชัด ๆ เลยนะ

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
ทั้งสงสาร ทั้งสมน้ำหน้า อิจ๊อบ ทีตอนแรกละไม่เห็นค่า      พอจากมาแล้วทุรนทุราย วู้ว เชียร์ใครดี  :hao7: :katai4:       
มารอตั้งแต่บ่ายสาม อดทนเก่งจริงๆ
 o18 แต่เต้ยเค้าไม่ได้ตัดโอกาสแกหรอก สู้ต่อไป

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โอ้ยยย ตาต้องบวมแน่ๆ ร้องไห้ก่อนนอน
เพราะความสงสารจ๊อบมันล้นเอ่อ  :m15:

ออฟไลน์ snoopy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 726
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
สงสารจ๊อบแล้วทำไงดี
จะเลือกใครดี จ๊อบ พี่ที จ๊อบ พี่ที จ๊อบ พี่ที  :ling3:

อ่าววว ชั้นไม่ใช่เต้ยหรอกหรอ  :katai2-1:

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
สงสารจ๊อบจับใจ  :hao5: อย่าใจร้ายกับจ๊อบนัดเลย
คนผิดเค้ากำลังแกไขตัวเองแล้ว

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
โอ้ยยย ตอนแรกก็เหมือนจะดีนะ แต่ทำไมสุดท้ายมันดันมาหน่วงขนาดนี้ล้าา  :z3:
รอนะฮะ  :')

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด