ll เล่นเพื่อน ll [จบ] 10/2/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ll เล่นเพื่อน ll [จบ] 10/2/59  (อ่าน 770442 ครั้ง)

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
หวานกันเบาๆนะตอนนี้
แต่หวานกันกว่านี้อีกก็ได้ ยังชอบอยู่ 555

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อค่ะ

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9

ออฟไลน์ killerofcao

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
รออ่านพี่เบี่ยร์ คาใจยิ่งนัก

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อ้อยยยย!! รวบหัวรวบหางเบยย อิอิ

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ konjingjai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +226/-4
ต่อไปคงไม่มีมาม่าแล้วนะมันหน่วง

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เนื้อเรื่องสนุก และน่าติดตามเหมือนเดิมจ้าาา

ผ่านจุดพีค มาหนึ่งจุด ละ กำลังรอจุดต่อ ๆ ไปอยู่

เป็นกำลังใจให้ พูดเลยว่า สมน้ำหน้าและสงสารจ๊อบไปพร้อมๆ กัน

ส่วนพี่ที เรียกน้ำตามากกก เป็นผู้ชายที่น่าสงสารที่สุดล่ะอ่ะ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
เอาวะ แค่นี้ก็ยังดี "หวานแบบพอเพียง" อิอิ ^^

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อืมมม ไม่รู้จัก comment อะไรดี แต่รู้สึกดีที่จ็อบมันได้รู้สึก ได้เข้าใจความรู้สึกของเต้ยตลอด 4 ปีที่แอบรักจ็อบ เห็นจ็อบมีคนอื่น จูบหรือกอดกับคนอื่น แล้วตัวเองทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากมอง มันรู้สึกยังไง ทรมานแค่ไหน

ออฟไลน์ manutty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 846
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
หวานไหม ก็หวานแต่ยังไม่สุด เพราะมันเพิ่งเริ่มต้นปรับความเข้าใจกันว่าจะทำยังไงกับใจตัวเองที่รู้แล้วว่า มีเยื่อใยรักต่อกัน จ๊อบในตอนนี้ดีขึ้นมานิดที่ไม่ใช้อารมณ์ รู้จักยอมรับผิด สำนึกว่าที่ผ่านทำให้เต้ยเจ็บปวดถึงจะไม่ได้ตั้งใจในตอนที่ยังไม่รู้ใจตัวเอง แต่พอรู้ก็เริ่มที่จะลดลง เริ่มเข้าหาเต้ย พยายามยื้อเต้ยให้กลับมา แม้ว่าโอกาสจะน้อยนิดแต่ยังดีที่มันก็คิดจะทำดีกว่าฟูมฟายเรียกร้องความสนใจ หรือ ใช้วิธีข่มเหงให้มาเป็นของตัว คะแนนเพิ่มมานิดนุง (เดี๋ยวจะหาว่าตรูเข้าข้างเมิงอีจ๊อบ)  :laugh:  หลังจากนี้ก็ขอให้มันประคับประคองตัวเองและเต้ยไปให้ดี ซึ่งจ๊อบมันก็พูดแล้วว่าจะทำให้ดีที่สุด ถ้าเต้ยให้โอกาสมัน แต่เต้ยไม่ต้องให้ในตอนนี้ก็ได้ อย่างที่เราเม้นท์ไปแล้วว่า ดูๆกันไปก่อน ค่อยพัฒนาความสัมพันธ์กันใหม่ แต่ขอแค่อย่าประชดประชันหรือเยอะใส่กันให้มากนักก็พอ มีเหตุมีผลในการกระทำของแต่ละคน เชื่อว่าเต้ยให้โอกาสแล้วในตอนนี้ เพราะยังรักจ๊อบเสมอ ขอแค่จ๊อบทำให้เต้ยมั่นใจให้ได้ เพราะถ้าทำให้เต้ยเจ็บอีก ทีนี้โอกาสไม่เหลือแล้ว แม้แต่คำว่า เพื่อน ก็ไม่มีให้เช่นกัน ฉะนั้น อีจ๊อบเมิงปั๊ดตะนาตัวเองและหัวใจให้ดีๆเด้อ สู้ๆ  :katai2-1:  ส่วนพี่เบียร์ พี่หนีหน้าพี่ทีใช่ไหม พี่นี่ก็หนีตลอดเลย แต่อย่างว่าอ่ะนะ โดนทำแบบนั้นจากคนที่ตัวเองรักมาตลอด เจ็บช้ำเป็นธรรมดา เจ็บกายก็หายแต่เจ็บที่ใจมันคงเยียวยายาก เบียร์ไม่ได้โกรธที แต่เบียร์เสียใจที่ทีทำเหมือนไม่เหลือใจให้แล้ว ก็เลยไม่อยากเจ็บช้ำอีก ไอ้ครั้นจะพูดสาเหตุที่ทิ้งไปก็ไม่ได้ เพราะจะจบไวเกินไป  :jul3: แซวขำๆคนเขียน อิอิ อยากให้คู่นี้ปรับความเข้าใจกัน อยากให้พีทีเป็นแบดบอยลากพี่เบียร์มาเคลียร์สักที ผมนี่อึดอัดอยากเผือกมากว่า เพระาเหตุใดทิ้งพี่ทีไป อยากให้กลับมาคู่กัน ถึงจะจำเลยรักจมกองเลือดแบบ  :haun4:  เขาก็เอา พี่เบียร์ก็เอา ยิ่งพี่ทียิ่งน่าจะเอาแน่ๆ ขอเถอะ รีเทรินท์ ๆๆๆๆๆๆๆ :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
น้องเต้ยเขาเขินบ้างอะไรบ้างสิแกก็   :m20:
รอนะฮะ  :')

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
เมื่อไหร่จะเครียร์กับบรรยากาฟสหน่วงๆอึดอัดแบบนี้เนี่ย
อยากอ่านแบบหวานๆบ้างงงงงงง

ออฟไลน์ duckool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 :-[ :-[
อยากอ่านตอนหวานๆ

ออฟไลน์ p.spring

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2971
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
ฮึบๆ หมดดราม่ารึยังหนอ? จะเข้าสู่โหมดหวานแล้ว *0*

ออฟไลน์ Tsubamae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
สะดุด จุก น้ำตาคลอ ตรงประโยคที่จ๊อบพูดกับเต้ย
มึงจะเจ็บมากแค่ไหน ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา มึงเจ็บมากใช่มั้ย
ครือประมาณนี้ จำไม่หมด แต่มันพีคจริงๆ เหมือนอารมณ์
ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง ฮืออออ จ๊อบเข้าใจใช่มั้ยว่าเต้ยรุ้สึกยังไง
ที่จ๊อบขอโอกาส จ๊อบจะทำได้จริงๆใช่มั้ย จะไม่ทำให้เต้ยเจ็บ
อีกใช่มั้ย คือจ๊อบเข้าใจใช่มั้ยว่าถ้าได้โอกาส คบกันแต่จะให้ทำ
เหมือนตอนคบกับแฟนคนก่อนๆที่ยังนอนกับคนอื่นได้น่ะ คงไม่มีอีก
แล้วใช่มั้ย คือประเด็นนี้จ๊อบเข้าใจจริงๆใช่มั้ยยยย ไม่อยากให้เต้ย
ให้โอกาสแล้วเจอโจทย์แบบแฟนคือที่หนึ่ง ส่วนคนอื่นคือเล่นๆไม่จริงจัง
ไรงี้ แอบบกลัวนิดนึง แต่ก็เชื่อในความรักที่จ๊อบมีให้เต้ยซึ่งต่างจากแฟน
คนก่อนๆ จ๊อบคงไม่ทำให้เต้ยเสียใจอีกใช่ม้ายยย
ลูแปง..คนเขียนขาาา ขอหวานเพิ่มอีกค่ะ พลีสๆๆๆขาดแคลนขนมหวานอย่างแรงง

ออฟไลน์ McKnight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ครับ ตามจนทัน...และ และ....
และ พบว่า....หืมม.....หน่วงงงงงจริงอะไรจริง หน่วงมาก...........หน่วงจัดหนักจัดเต็มมาก

จริง ๆที่เข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่องเลย ทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า เรื่องราวรักเพื่อนนี่ยังไงก็ต้องหน่วง แน่ๆ
แต่ไม่คิดว่ามันจะหน่วง.....แบบอีรุงตุงหนังหลายเส้าเคล้าน้ำตาแบบนี้

สงสารจ๊อบ แต่ก็สงสารเต้ยด้วย เข้าใจทั้งคู่เลย
เห็นใจพี่รหัสอย่างทีที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยกับความผิดหวังครั้งก่อนจากเบียร์ แล้วยังมาผิดหวังซ้ำจากเต้ยอีก

และตอนนี้ สงสารเบียร์ที่สุด เห้อ......................
เบียร์คงมีเหตุผลที่บอกเลิกแน่ๆ มันคืออะไร?????  จะรอคนแต่งมาเฉลยนะครับ มันค้างตรงจุดนี้มาก

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะครับ
กำลังลุ้นให้จ๊อบทำมากหว่าหอมแก้มเต้ยอยู่นะ หุหุ

กลัวจริงๆ ว่าว่านแท็คจะกลับมาซะก่อน และทำลายฝันของผมด้วยเสียง กริ่งประตูดัง!!!!!  :katai1:

สนุกมากครับ แต่งเก่งซะจนอินจัด บางทีอ่านจบตอนไปแล้วแต่อารมณ์หน่วงยังค้างอยู่เลย
สู้ๆ นะครับ  :กอด1: :กอด1: :กอด1: (บอกจ๊อบ เต้ย เบียร์ ที และคนแต่งครับ ฮิฮิ)

ออฟไลน์ away3g

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-1

ออฟไลน์ nekodollzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอยยย ใกล้จะหมดช่วงมาม่าแล้วใช่มั้ยคะ ตอบบบบ!!  :z3: :z3: :z3:

แล้วที่ข้องใจที่สุดก็พี่เบียร์เนี่ยแหละ อยากรู้ว่าทำไมถึงขอเลิกอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ben

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-3
คู่นี้คงไม่มีปัญหาแล้ว เหลือแต่คู่พี่เบียร์นี่แหละ กลับไปรีเทินกันเถอะ

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17




          ยกที่ 18 :  ความสัมพันธ์





 

         วันนี้เป็นวันจันทร์

         เป็นวันเริ่มต้นของสัปดาห์ดังนั้นบรรยากาศยามเช้าจึงดูเงียบเหงาเพราะยังไม่มีใครมามหาลัยเช้าขนาดนี้

         ต่างจากผมที่เดินลัดเลาะจากหอในในบรรยากาศยามเช้าแบบนี้และพุ่งตรงมายังคณะเลย ผมเดินมองบรรยากาศโดยรอบไปเรื่อยถ้าหากว่าสายตาจะไม่ไปปะทะเข้ากับร่างสูงคุ้นตาของพี่รหัสที่นั่งหลับตานิ่งอยู่บนเก้าอี้ม้าหินอ่อนใต้ต้นจามจุรี เห็นแบบนั้นผมจึงค่อยๆสืบเท้าก้าวเข้าไปหาเรื่อยๆ ภาพตรงหน้าคือรุ่นพี่หน้าหล่อกำลังหลับตากอดอกนิ่ง สายลมแผ่วเบาพัดผ่านโดยรอบของสองคนและสงสัยว่าเสียงฝีเท้าคงจะดังรบกวนทำให้เปลือกตาคู่คมค่อยๆลืมขึ้น


        “ อ้าว..” พี่ทีขยับตัวไปมาบิดขี้เกียจ “...มาตั้งแต่เมื่อไหร่เต้ย”

        “ พี่ที”

        “.....” รอยยิ้มเหนื่อยๆของพี่รหัสผมที่ส่งมาทำให้ผมอดประหลาดใจไม่ได้

        “ ขอผมนั่งด้วยคนได้มั้ยพี่”

        “ เอาสิ” พี่ทีขยับตัวเยื้องๆไปหน่อยพอมีพื้นที่ให้ผมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ


       “ เป็นยังไงบ้างหล่ะเรา”


       “ ผมเหรอ...” ผมถามตัวเองอีกคราแล้วภาพเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก็สว่างวาบขึ้นในหัวทันที วันนั้นผมตื่นขึ้นมาโดยมีมันคอยดูแลตลอดทั้งวัน จนกระทั่งมันพูดบางอย่างกับผมไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนั้นผมควบคุมสติได้อย่างไร แต่ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าทุกคำพูดของมันทำเอาผมใจสั่น


       มันเหมือนกับวันแรกที่ผมรู้ตัวว่าชอบมันจริงๆ เราดูหนังด้วยกันไม่รู้ว่าบรรยากาศพาไปหรืออะไรก็ตาม รู้ตัวอีกทีแก้มผมก็ถูกมันขโมยหอมแล้วดีว่ามีระฆังช่วยชีวิตคือแท็คกับว่านกลับมาพอดี หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลย และมันก็ถูกไอ้แท็คเอ่ยปากไล่ให้กลับอยู่หลายครั้งนั่นแหละมันถึงกลับไป ถึงแม้ก่อนกลับมันจะหันมามองและยิ้มให้แปลกๆ


       “ มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นสินะ” พี่ทีถามยิ้มๆ ถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มที่สว่างไสวแต่มันกลับแฝงไปด้วยความเศร้าใจ

       “ พี่ที”

       “.....” ผมลูบบ่าพี่รหัสตัวเองเบาๆ พี่ผมหันมามองแล้วยิ้มให้มือหนานั่นจึงขยี้ศีรษะผมเบาๆ “...มันไม่เกี่ยวกับมึงหรอก”
พี่ทีพูดเสียงเบาสายตาเหม่อมองไปไกล


       “ แต่ผม”

       “ กูยอมรับ...” พี่ทีถอนหายใจแรงๆ “...มึงเองก็มีส่วนทำให้กูเป็นแบบนี้ แต่มันก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น”

       “ อย่าคิดมาก” พี่ทีใช้ปลายนิ้วคลี่หัวคิ้วทั้งสองข้างของผมให้คลายออก


       “ พี่”

      “..หืม”

      “ มีอะไรบอกผมได้นะ” ผมคว้ามือที่คลี่หางคิ้วตัวเองมากุมไว้

      “ เต้ย”

      “ ครับ”

      “ ทำอย่างนี้กูตัดใจลำบากนะเนี่ย..” ผมทำหน้าเหวอจนพี่รหัสโยกศีรษะผมแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว


       “ ขอโทษครับ..” ผมก้มหน้ามองพื้น “..ขอโทษที่ความโลเลของผมทำให้พี่ต้องเสียใจ”

       พี่ทีถอนหายใจอีกครั้ง “..เต้ย จริงๆแล้วกูก็ไม่ใช่คนดีอะไรนักหรอก”


        “ พี่เป็นคนดีผมรู้ ถึงจะรู้จักกันไม่นาน แต่ผมก็เชื่อว่าพี่ทีเป็นคนดีจริงๆ ไม่งั้นพี่คงไม่ดูแลผมดีขนาดนี้”

         “ ไม่หรอก...” พี่ทีแค่นยิ้ม “..กูไม่ได้ดีอย่างที่มึงคิดหรอก มันมีอีกหลายมุมของกูที่มึงยังไม่เคยเห็น มันเป็นธรรมดาของมุษย์” พี่ผมหันมายิ้มให้ “...ที่มีทั้งด้านดีและด้านเลว เพียงแต่มึงเห็นกูในด้านเดียวเท่านั้นเพราะด้านที่ไม่ดีไม่มีใครอยากจะเผยออกมาให้คนอื่นได้รับรู้หรอก หึ อย่างว่าหล่ะมนุษย์ทุกคนมีความเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น”


         “ พี่ทีครับไม่ว่าพี่จะเป็นยังไง ไม่ว่าพี่จะเลวร้ายในสายตาใครก็ตาม แต่สำหรับผมพี่เป็นพี่ชายที่ดีที่สุดของผม ในวันที่ผมไม่มีใครก็มีแค่พี่ที่ยื่นมือเข้ามาช่วย น้ำใจของพี่มีค่าสำหรับผมมากนะ”


        “ พูดซะกูซึ้งเลย”

        “ ผมพูดจริงนะพี่”

        “ ขอบคุณนะ”

       “ ขอบคุณพี่เหมือนกัน...” ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ “..ผมรู้ว่าพี่มีเรื่องไม่สบายใจ ถ้าพี่มีอะไรอยากปรึกษาพี่บอกกับผมได้นะ”

       “ กูก็อยากบอกนะ...แต่เรื่องบางเรื่องมันยากที่บอกออกไปจริงๆ”

       “ ผมเอาใจช่วยนะพี่”

       “ อืม...” พี่ทียิ้มมุมปาก “...แล้วมึงหล่ะ มันกำลังจะดีขึ้นใช่มั้ย”

        ผมนิ่งคิดก่อนจะยิ้มน้อยๆ “ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความหมายของคำว่าดีมันเป็นยังไง ผมรู้แค่ว่าผมไม่เจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อน”


       “ มึงคงไม่รู้ตัว..” พี่ลูบหัวผมเบาๆ “ มึงยิ้มมากขึ้น ยิ้มที่แสดงออกว่าเรื่องบางเรื่องมันได้ปลดปล่อยแล้ว”

       “ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในภายภาคหน้า ขอให้มึงรักตัวเองให้มากๆ”

       “ พี่ก็เหมือนกัน”

       “ อืม” รอยยิ้มของพี่สว่างไสวเปรียบได้กับแสงสว่างที่ส่องนำทางผมเช่นเดิม “ กูบอกไว้เลยว่าถ้ามันทำให้มึงเสียน้ำตาอีกกูคงรอเสียบทันที”


       “....” ผมทำหน้าเหวอก่อนที่เราสองคนจะประสานเสียงหัวเราะพร้อมๆกัน


      ...แกร็บ...


        เสียงเหมือนใครสักคนเหยียบใบไม้แห้งดังขึ้นจากเบื้องหลังทั้งคู่ ผมจึงเอี้ยวหน้าหันกลับไปมองและภาพที่เห็นคือมันยืนนิ่งใบหน้าคมคายเรียบเฉยแต่แววตาคล้ายกับกำลังตัดพ้อ มือข้างหนึ่งถือปิ่นโตอาหารเช้า ส่วนอีกข้างถือถุงยาคูลย์ที่มีอยู่สามขวด

       “ จ๊อบ”

       “ กูเอาข้าวเช้ามาให้...” ผมไม่รู้ตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหน ผมรู้แค่ว่าเสียงผมกำลังสั่นก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปคว้าของที่มันยืนให้


      “ จ๊อบ คือ..”

      มันไม่พูดอะไรแต่มองข้ามหัวไหล่ผมไปยังร่างสูงของพี่ที่ที่ยืนซ้อนหลังผมอยู่


       “ กูไปนะ..”

       ไม่รู้ทำไมแค่ได้ยินเสียงที่สั่นไหวของมันใจผมถึงร้อนรนแบบนี้แล้วมันก็หันหลังเดินกลับไป

       “ เดี๋ยว” ผมกำปิ่นโตและถุงขวดยาคูลย์แน่นก่อนจะเปล่งเสียงราวกับตะโกนออกมา ทั้งๆที่ในความเป็นจริงมันเป็นแค่เสียงแผ่วเบาที่ดังอยู่ในลำคอ


       แน่นอนว่ามันไม่ได้ยิน

       เพราะผมกำลังยืนนิ่งมองแผ่นหลังมันที่ค่อยๆเลือนหายไป


        “ มึงยังไม่ได้บอกมันอีกเหรอ”

        “.....” พี่ทีเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบหลังจากมันเดินลับไป

        “ อะไรเหรอพี่”

        พี่รหัสผมถอนใจเบาๆ มือทั้งสองข้างจับบ่าผมเอาไว้แล้วดันให้หันมาเผชิญหน้ากัน “...มันยังไม่รู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้มันไม่ได้มีคู่แข่งแล้ว”


       “ผม..”

       ผมไม่กล้า

       ผมยังไม่ได้บอกมันจริงๆ

       ผมกลัว ผมไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น ว่าถ้ามันรู้ว่าสิ่งที่มันทำอยู่ตอนนี้เกินครึ่งแล้วที่มีอิทธิพลต่อจิตใจผม ผมไม่รู้ว่าที่มันทำไปเพราะแค่อยากเอาชนะหรืออยากแข่งขันรึเปล่า ถ้ามันรู้ว่ามันสู้อยู่คนเดียวไม่มีคู่แข่งเหมือนเมื่อก่อน มันยังคิดจะเดินไปต่อไปรึเปล่า


       แล้วโอกาสครั้งนี้ที่เดิมพันด้วยหัวใจจะต้องจบลงมั้ย

       ผมก็ไม่อาจรู้

       ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ ก่อนจะกระพริบตาไปมาเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้ตัวเอง ไม่ต่างจากมือทั้งสองข้างที่กำของที่มันให้มาอย่างหวงแหน


        “ เต้ย..” เสียงพี่ทีดังขึ้นใกล้ๆ “...ถ้ามึงมีความสุขอยู่ตอนนี้ จงไขว่คว้ามันเอาไว้ให้เต็มอ้อมแขน เพราะเรื่องไม่คาดฝันมักล้อเล่นกับชีวิตมนุษย์เสมอ”

          ผมไม่รู้หรอกว่าคนพูดประโยคนั้นก็กำลังเตือนตัวเองด้วยเช่นกัน



     ........

     ........



         ผมเป็นอะไร มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของผม

         ผมเรียนไม่รู้เรื่องตลอดคาบเช้า พอพักกินข้าวเที่ยงวันนี้ มันก็ไม่โผล่มา มันผิดปกติ มันเกิดอะไรขึ้น ปกติไม่ว่าผมจะอยู่ที่ใดหรือเรียนที่ไหนพักเที่ยงมันต้องตามหาผมเจอเพื่อมาเอาปิ่นโตคืน แต่วันนี้มันไม่มา

         ผมรอมันเหรอ

         ผมรอมันจริงๆใช่มั้ย


         ผมถอนใจอีกครั้งเหม่อมองไปยังปิ่นโตเบื้องหน้าที่วางนิ่งอยู่ใกล้ๆ มือข้างหนึ่งกำลังไฮไลท์ขีดตามเนื้อความสำคัญที่อาจารย์กำลังบรรยายอยู่หน้าชั้น คาบบ่ายที่เริ่มต้นขึ้นมาจนใกล้จะถึงเวลาเลิกเรียนก็ไม่ได้ดึงสมาธิผมกลับมาได้เลย วันนี้ทั้งวันเนื้อหาที่เรียนไม่เข้าหัวสักอย่าง คิดแล้วก็นึกไม่พอใจตัวเองนิดๆทั้งที่อาจารย์อุตส่าห์ตั้งใจถ่ายทอดความรู้แต่ผมกลับผ่านเลยไม่หยิบจับเนื้อหาอะไรสักอย่าง


        แย่จริงๆ

        ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติให้กลับมาจดจ่อกับสไลค์บนหน้าจอที่ฉายสไลค์  ท่าทางแบบนั้นของผมคงก่อกวนสายตาของเพื่อนๆทั้งสี่ลอบสบตากันแล้วพยักเพยิบสุมหัวซุบซิบโดยไม่ไร้เสียงใดๆ

        สุดท้ายก็เลิกคาบ

        อาจารย์บอกเลิกคลาสก่อนสั่งงานยาวเป็นหางว่าว เพื่อนๆร่วมคลาสต่างเก็บอุปกรณ์การเรียนเตรียมออกจากห้อง ต่างจากผมที่ฟุบไปหน้าลงกับโต๊ะเรียนด้วยความเหนื่อยอ่อน


       “ เต้ย”

       “ หืม”

       “ เป็นอะไรรึเปล่า”

       “ เปล่า” หางตาผมเหลือบมองไปยังปิ่นโตที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่เบื้องหน้า ว่านเดินมาตบบ่าผมเบาๆก่อนจะกระซิบข้างหูเสียงแผ่ว “ ในเมื่อเขาไม่มาเอาปิ่นโต ทำไมเต้ยไม่เอาไปคืนเองหล่ะ”

       สองสาวพิมพ์กับดาวพยักหน้าเห็นด้วย ส่วนไอ้แท็คนิ่วหน้าไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก


       “ เปล่านะ เรา..”

       “ ไปเถอะ..” ว่านฉุดมือผมเขาก่อนจะออกแรงดันให้เดินออกไป “..รอรถป๊อปหน้าโอสถศาลาไม่นานหรอกเดี๋ยวก็มา”

       “ แต่..”

        ผมหันรีหันขวาง รับปิ่นโตที่พิมพ์กับดาวจงใจยัดเยียดใส่มือ


       “ เดี๋ยวว่านกับเพื่อนๆไปส่ง”

        แล้วทั้งหมดยกเว้นไปแท็คก็รุนหลังผมให้ออกเดิน ไอ้แท็คบ่นงึมงำในลำคอแต่พอว่านหันไปมองมันก็ปิดปากเงียบกริบโดยที่ยังมีสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่เช่นเดิม ไม่นานพวกเราก็ยกโขยงกันมายืนรอที่ป้ายรถเมล์ตรงข้ามกับห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง และเป็นป้ายรถป็อปในการจอดรับส่งนิสิตภายในมหาวิทยาลัย


       “ มาแล้วๆ”

        และไม่ต้องรอนานรถโดยสารสีชมพูสายหนึ่งก็มาจอดเบื้องหน้า เพื่อนๆทุกคนต่างรีบรุนหลังเขาให้ขึ้นไม่เว้นแม้แต่ไอ้แท็คที่ถึงจะไม่เห็นด้วยแต่มันก็ยังอุตส่าห์พูดบางอย่างที่ทำให้อดยิ้มไม่ได้ “ โชคดีนะมึง”

       นี่ผมกำลังทำอะไร คล้ายๆกับว่าผมง้อมันงั้นเหรอ

        รถป็อปมาหยุดจอดหมดระยะตรงป้ายใกล้ๆกับคณะวิศวะฯ ผมเดินลงจากรถมายืนนิ่งอยู่ตรงฟุตบาทข้างถนนอย่างงงๆ ผมไม่เคยเหยียบไปคณะมันเลยตั้งแต่ไปติดป้ายประชาสัมพันธ์ครั้งนั้น ผมไม่เคยมาหามันที่คณะเลยด้วยซ้ำ ว่าแต่ภาควิชามันอยู่ตรงไหนกัน ผมเดินเรื่อยๆไปตามทางจนมาถึงลานขนาดกว้างซึ่งนิสิตคณะนี้เรียกว่า ‘ลานเกียร์’ ผมยืนงงไม่รู้จะไปทิศทางไหน มีนิสิตคณะนี้บางส่วนจับกลุ่มกันนั่งโต๊ะไม้ตามมุมต่างๆของลานเกียร์ ราวกับว่าผมหลงมาในดินแดนที่ไม่รู้จัก


        “....”

        ผมยืนเกาหัวมองซ้ายขวาและนึกอะไรขึ้นได้ก่อนจะล้วงมือถือออกมา


      ...จึ๊ก จึ๊ก...

       “เฮ้ย”

        ผมแอบสะดุ้งเมื่อหันไปมองคนสะกิดที่ยิ้มเผล่อยู่เบื้องหลัง รูมเมทผมทำหน้ายิ้มๆสีหน้าประหลาดใจไม่น้อยที่เราเจอกันที่นี่


       “ ตกใจหมดแฮม”

       “ โอ๋ๆ ขวัญเอ้ย ขวัญมา..” แฮมลูบบ่าผมขำๆ “..ว่าแต่มาทำอะไรที่นี่อ่ะ”

       “ ก็..”

       รูมเมทผมหรี่ตามองยิ้มๆ “ อ๋อ ถ้าจะไปหาไอ้จ๊อบ ต้องเดินไปอีกหน่อยนะ”


       “ เอ่อ” แฮมพูดแซวก่อนจะยักคิ้วหลิ่วตาให้

       “ เดี๋ยวเราไปส่ง”


       “ คือ..”

        “ อ้ำอึ้งอะไรเล่าเต้ย เดินตามมาเร็ว” ผมเลยเดินตามไปเงียบๆ แต่อยู่แฮมๆก็หยุดเดินกะทันหัน “...แล้วก็เดินดีๆหล่ะ ระวังสะดุดลานเกียร์นะ”


       ห่ะ

       ผมอ้าปากค้าง


        “ ล้อเล่น” แฮมพูดไปขำไป “..ตอนนี้ไม่ค่อยมีใครสะดุดแล้ว เพราะอะไรรู้ป่ะ..” กระซิบกระซาบข้างหูผมเบาๆ “...เค้าปูพื้นใหม่ ฮ่าๆๆ งานนี้สาวๆเลยอดมาสะดุดรักฝากใจแถวนี้เลย”

       ผมหัวเราะตาม

      แล้วผมลืมอะไรไปรึเปล่าว่าครั้งหนึ่งก็เคยมาสะดุดลานเกียร์ที่นี่


       (มีต่อค่ะ)



ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17

       “เอ่อ”

       แล้วผมก็มายืนอ้ำอึ้งอยู่หน้ามัน พอดีว่าเดินตามรูมเมทมาจนมาเจอมันกับพวกรุ่นพี่มันระหว่างทาง สุดท้ายแฮมก็หลบฉากไปทิ้งผมไว้กับมันในสถานการณ์ชวนอึดอัดแบบนี้

       “ คือ..”

      มันไม่พูดอะไรแต่คว้าเอาปิ่นโตไปถือเอง มือข้างที่ว่างก็กุมมือผมเบาๆ “..รอแป็บนึงได้มั้ย”


       “ รอ เอ่อ รออะไร”

       “ กูไปประชุมแป็บเดียว รอก่อนเดี๋ยวไปส่ง”

       “ แต่..”

        ผมทำหน้าเลิ่กลั่กทั้งเขินทั้งอายกับสายตาของรุ่นพี่ทั้งหญิงและชายจำนวนหนึ่งที่เดินมากับมัน จะไม่ให้อายยังไงไหวในมือมันกุมข้อมือผมเอาไว้แล้วจับจูงให้ออกเดินเคียงข้างกันไป


      “ จ๊อบ”

      “ หืม”

      “ ปล่อย..” มันไม่ใช่เสียงดังอะไรหรอก เป็นแค่เสียงแผ่วเบาจากลำคอเท่านั้นเอง “...ปล่อยเถอะ แค่ เอ่อ แค่เอาปิ่นโตมาคืนให้ เดี๋ยวจะ”


      “ ไม่นานหรอก เดี๋ยวจะไปส่ง..” มันตัดบทด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ท้ายประโยคนั่นอ่อนลง “..รอหน่อยนะ”


        แล้วผมก็ต้องรอ

        แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ฝืนใจที่จะรอเลย

        ผมนั่งรอมันอยู่แถวนั้นสักพักจนรู้สึกเมื่อยขาเลยตัดสินใจเดินเล่นแถวนั้นเพื่อเหยียดแข้งเหยียดขา ผมเดินมาเรื่อยๆเพื่อสังเกตบรรยากาศคณะของมันซึ่งส่วนใหญ่เต็มไปด้วยนิสิตชาย ส่วนนิสิตหญิงพบได้น้อยมากเรียกได้ว่าเป็นคณะผู้ชายอย่างแท้จริงเลยก็ว่าได้ เอ่อ ผมหมายถึงผู้ชายตามเพศสภาพไม่รวมถึงรสนิยมส่วนตัวนะ


       “ เสียดายเนอะ”

        หืม

        ผมไม่ได้ตั้งใจแอบฟังบทสนทนาของใครนะ แต่บังเอิญว่าเสียงนั้นมาลอยเข้าโสตประสามผมโดยบังเอิญจริงๆ

       “ ใช่น่าเสียดายมาก”

       “ ไม่น่าเชื่อว่าน้องจ๊อบจะกล้าพาแฟนผู้ชายมาเปิดตัวแบบนี้”


       จ๊อบเหรอ จ๊อบไหนกัน

       ผมค่อยๆสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆทันได้เห็นนิสิตหญิงสองคนที่คุ้นหน้าเพราะเป็นสองคนเดียวกับที่เดินอยู่ในกลุ่มใหญ่ของรุ่นพี่มันก่อนหน้านี้ ท่าทางทั้งคู่บอกถึงเสียดายจริงๆ

       “ นี่เดือนภาควิชาปีนี้เป็นเกย์เหรอเนี่ย”

       “ เสียดายความหล่ออ่ะ”

       “ ไม่น่าชอบผู้ชายเลย..” คนสองนั้นทำหน้ามุ่ยนิดๆ “...พวกชะนีถึงกับสวรรค์ล่มเลย”


       “ เฮ้ย ฉันไม่อยากให้น้องเขาเป็นเกย์เลยจริงๆ”


      ...ไม่อยากให้เป็นเกย์...

      ...ไม่อยากให้เป็น...




       นั่นสินะ

       สิ่งที่ผมกับมันกำลังรู้สึกต่อกันมันใช่คำนี้จริงๆ

        ผมถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจเดินผละออกจากบริเวณนั้น นั่นสินะ ผมลืมคิดไปว่าสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่มันเป็นเช่นนี้จริงๆ ผมกำลังทำให้ชีวิตลูกผู้ชายของมันเดินผิดทางอยู่ใช่มั้ย

        ผมสะบัดหน้าแรงๆ มันเป็นชายแท้ๆ มันไม่เคยมีความรู้สึกแปลกๆกับเพศเดียวกัน มันมีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอด ก่อนหน้านี้มันไม่เคยมีท่าทางแปลกๆกับผม หรือว่าตอนนี้มันแค่กำลังสับสนตัวเอง

       แล้วมันเคยเสียใจมั้ยที่เลือกเส้นทางแบบนี้


        “ เป็นอะไร”


        ผมส่ายหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถด้านข้าง หลังจากที่ผมแอบฟังบทสนทนาของผู้อื่นอยู่นานสองนานและเดินผละออกมาก็เจอมันพอดี เราไม่คุยกันหลังจากที่ขึ้นมาบนรถ มันทำหน้าที่ขับส่วนผมแค่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเฉยๆ บรรยากาศระหว่างเรามีแต่ความเงียบงัน

       จนผมหลุดเสียงถอนหายใจออกมา

       มันเลยเอ่ยทำลายความเงียบในที่สุด


       “ เปล่า”

       “ เป็นอะไรรึเปล่าเต้ย” มันละสายตาจากถนนมามองผมแวบนึง สีหน้ามันดูเคร่งขรึมขึ้น “..มีอะไรรึเปล่าเต้ย กูทำอะไรให้มึงไม่พอรึเปล่า”

      “ ไม่มีหรอก...” ผมพูดเสียงเบา “  ไม่เคยมี”


      “ มึงโกหกไม่เนียนเลยเต้ย”

      ผมถอนหายใจเรียกมันเสียงแผ่ว “..จ๊อบ”


      “ ว่าไง”

      “ กูขอถามอะไรมึงสักอย่างได้มั้ย” มันพยักหน้ารับ

       “ มึงรู้ตัวรึเปล่าว่าสิ่งที่มึงทำกับกูตอนนี้เรียกว่าอะไร”


       “....” มันพ่นลมหายใจแรงๆ มือข้างหนึ่งเอื้อมมากุมมือผมไว้เลยกลายเป็นว่าตอนนี้มันกำลังกำพวงมาลัยมือเดียว


       “ มีเรื่องอะไรรึเปล่าเต้ย” มันไม่ตอบแต่ถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วอดหวั่นไหวไม่ได้

       “......”
 
       “ มึงเป็นเกย์เหรอจ๊อบ”

       แล้วคำๆนั้นก็หลุดจากปากผมเพราะรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นแบบนี้หรอก ต่างจากผมที่ค้นพบตัวเองเมื่อสี่ปีก่อน

      “ เต้ย..” มันตบไฟเลี้ยวก่อนจะจอดรถชิดขอบถนนด้ายซ้ายทันที เมื่อรถจอดสนิทมันก็หันหน้ามามองผมตรงๆ

       “ ก็ไม่รู้ว่ามึงไปรู้ไปเห็นเรื่องอะไรมา..” มันพูดเสียงนุ่ม  “ แต่สิ่งที่มึงจะได้ยินจากปากกูต่อนี้เป็นเรื่องสัตย์จริง มึงไม่ต้องเชื่อกูก็ได้ แต่ขอโอกาสให้กูได้อธิบายบ้าง”


      “...กูไม่รู้หรอกว่าการที่กูชอบมึงมันเรียกว่าอะไร จะเป็นเกย์ ชายรักชาย รักร่วมเพศหรือคำไหนก็ตามที่เค้าจะบัญญัติกัน  กูไม่รู้เหมือนกันว่ากูเป็นอะไรกันแน่”


        “.....”


        “ กูรู้แค่ว่ากูชอบมึง กูอยากอยู่ใกล้ๆกับมึง กูอยากดูแลมึง ถ้าความรู้สึกพิเศษที่ผู้ชายมีให้กันมันเรียกรวมว่า ‘เกย์’ กูยอมเป็นเหมือนคำนิยามที่สังคมเค้าเอ่ยจริงๆ ถ้านั่นมันหมายถึงการที่กูได้ชอบมึง”


         “.....”

        ผมเหมือนเป็นใบ้

        ทุกคำพูดที่ถ่ายทอดออกมาพร้อมแววตานิ่งสงบแต่เด็ดเดี่ยวของมันทำให้คนมองอย่างผมใจสั่นไปหมด ผมเหมือนคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวอื้อ ตาลาย มีอาการคล้ายๆกับจะเป็นลม ผมไม่รู้ตัวว่าตอนนี้สีหน้าผมแสดงออกแบบไหน ผมคงจะตลกมากใช่มั้ย มันถึงเอาแต่ยิ้มอยู่แบบนั้น


       “..ปล่อยเถอะ”

       ทุเรศ

       ทุเรศที่สุด ทำไมเสียงที่เปล่งออกมาถึงอ่อนระทวยขนาดนั้น มันเกิดอะไรขึ้นแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะขยับข้อมืออกจากการเกาะกุมของมันยังทำไม่ได้

       “ ปล่อย”

        มันยิ้มเรื่อยๆไม่สนใจว่าจะขับรถแค่มือเดียว โดยที่มืออีกข้างยังกุมข้อมือผมอยู่

        “ ปล่อยเถอะ...” คราวนี้น้ำเสียงผมหนักแน่นขึ้นมาหน่อย “...มึงขับรถมือเดียวอยู่นะ มันอันตราย” ท้ายประโยคแผ่วเบาเหมือนคนไม่มีแรงและยังรู้สึกได้ว่าหน้าผมร้อนแปลกๆ


       “ อืม”

       มันยอมปล่อยมือและหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้า ส่วนผมก็เสมองหน้าต่างข้างตัวไปเรื่อยโดยไม่มีบทสนทนาระหว่างกันเลย แต่แปลก...ผมกำลังแปลกใจที่ครั้งนี้ทำไมผมถึงไม่รู้สึกอึดอัดเลย


     ........

     ........


        “ จะไปไหน” ผมถามเมื่อรถมันเริ่มออกนอกเส้นทางไปเรื่อยๆ

        “ กินข้าว”

        “ กินที่ไหน..” ผมขมวดคิ้วหน่อยๆ “...กินที่หอในก็ได้นี่”

        “ ไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”



         มันยิ้มมุมปากก่อนจะขับรถไปเรื่อย สุดท้ายแคมรี่สีดำก็มาจอดสนิทอยู่ใต้สะพานขนาดใหญ่ที่มีแม่น้ำสายใหญ่อย่างแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน ผมเดินตามมันอย่างงงๆจนมาถึงร้านอาหารริมน้ำขนาดเล็กๆแต่บรรยากาศดีเหลือเกินเพราะมีแพเล็กๆยื่นออกไปในแม่น้ำ ยิ่งตอนนี้บรรยากาศยามเย็นเริ่มมีแสงไฟสวยงามเปิดสว่างไสวไปทั่วสาดส่องลงผืนน้ำ ผู้คนเริ่มเยอะขึ้นและทยอยกันเข้ามาจับจองพื้นที่เต็มไปหมด ร้านเล็กๆแห่งนี้จึงดูครึกครื้นอย่างรวดเร็ว แต่ที่นั่งริมน้ำกลับดูเงียบสงบเป็นส่วนตัว


         ผมเผลอยิ้มมองไปในสายน้ำที่มีปลาตัวใหญ่ดำผุดดำว่ายราวกับมันสนุกสนานร่าเริง


       “ ชอบมั้ย”

       “....”


       เสียงกระซิบในระยะประชิดทำเอาสะดุ้งสุดตัว ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมมีอาการประหลาดเวลาที่มันเข้าใกล้ทุกครั้ง ผมรู้ดีว่าอาการเช่นนี้หมายถึงอะไร แต่ผมไม่อยากมีอาการเช่นนี้บ่อยๆให้คนแถวนี้นึกดีใจหรอก


       “ อืม”

       “ ถ้ากูพามาอีกจะมารึเปล่า”

       “ ห่ะ” ผมทำหน้าเหวอก่อนจะแอบเกาหัวและเบือนหน้าหลบสายตาของมัน “...พูด พูดอะไรวะ”

       “ แค่ชวนมาเที่ยวกับกูเท่านั้นเอง”

       “ ก็เอ่อ”


       “ พักนี้ติดอ่างบ่อยเนอะ” มันแซวมันหน้าตาย แต่แววตาวิบวับราวกับขบขันอะไรบ้างอย่าง “ อย่ามองก็แบบนั้น กูล้อเล่น”
มันยกมือขึ้นเหมือนจะยอมแพ้ ผมเลยแกล้งทำหน้ายู่ใส่มัน



      ผมไม่รู้หรอกว่าระหว่างเราเป็นอะไรกัน

       ผมไม่รู้หรอกว่าบรรยากาศชวนอึดอัดของเราสองคนมันค่อยๆห่างหายลงเรื่อยๆ

       ผมเพิ่งรู้ว่ามันคุยสนุกขนาดนี้

       ผมเพิ่งรู้ว่านอกจากยิ้มแล้วมันยังชอบสรรหาเรื่องต่างๆมาเล่าให้ผมฟังอีก จากที่ผมเป็นคนที่ชอบคุยในอดีตบัดนี้กลับกลายเป็นผู้ฟังไปเสียแล้ว



       แค่มันนั่งเฉยๆและยิ้มๆนิดๆผู้หญิงโต๊ะข้างๆก็เมียงมองอย่างสนใจแล้ว นี่มันกลับขยับริมฝีปากเปิดรอยยิ้มกว้างพร้อมกับหัวเราะแผ่วๆสาวๆพวกนั้นยิ่งจ้องตาเป็นมัน ซึ่งมันคงจะรู้ตัวเหมือนกันแต่กลับทำเฉยไม่สนใจ ส่วนผมแค่ยิ้มขำๆกับอาการของมัน
เรากินข้าวก่อนจะเดินเล่นกันสักพัก บรรยากาศยามค่ำคืนคล้ายกับตลาดขยาดย่อมที่มีผู้คนหลากหลายเดินดูของสวนกันไปมา พวกเราเดินซื้อของกินเล่นกันสักพักจนค่อนข้างดึกเลยตัดสินใจขับรถกลับมาส่งผมที่หอภายในมหาวิทยาลัย



        “ ขอบคุณที่มาส่ง” ผมเอ่ยขอบคุณมันตอนที่รถจอดสนิทอยู่ป้ายรถป๊อปหน้าหอใน

        “ เดี๋ยว”

        มันคว้าแขนผมไว้ตอนที่ผมกำลังเอี้ยวตัวไปหยิบของกินเล่นที่ซื้อมาวางไว้ที่เบาะหลัง


       “ เต้ย”

       “ เฮ้ย”

       จะไม่ให้ตกใจยังไงไหวเมื่อเบาะที่ผมนั่งอยู่ถูกปรับจากแนวตั้งให้นอนในแนวราบ โดยมีมันโน้มตัวอยู่ด้านบน


       “ ทะ ทำไมอะไร”

       “ กูอยากอธิบายเรื่องพวกหญิงที่ร้านอาหารนั่น”

       ก็แล้วทำไมต้องปรับเบาะนั่งผมจนอยู่ในท่านอนหงายขนาดนี้ นั่งคุยกันดีๆก็ได้ สงสัยว่าข้อสงสัยผมคงแสดงออกทางแววตามันเลยกระตุกยิ้มน้อยๆ


        “ ก็พูดมาสิ”

        “ ก็ไม่มีใคร กูมีแค่มึง แค่มึงคนเดียว”

        “ อืม”

        มันถอนหายใจก่อนจะมองไปที่ข้อมือผมซึ่งมีเชือกป่านซึ่งเป็นสร้อยข้อมือที่พี่รหัสเคยให้ไว้


       “ กูกับพี่ทีก็ไม่มีอะไรกันเหมือนกัน”

        ผมหลุดประโยคนั้นออกมาทำเอาคนที่ยันตัวอยู่ข้างบนค่อยๆโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ใกล้ชนิดที่แทบจะลืมหายใจ


       “ อย่า”

       มือที่ดันแผ่นอกมันกลับไร้เรี่ยวแรงยิ่งเมื่อริมฝีปากมันกำลังบดคลึงกลีบปากผมอย่างแนบแน่น


       “ ขอโทษที่ฉวยโอกาส” มันกระซิบชิดกับริมฝีปาก

      “ กูไม่สัญญาหรอกนะว่าจะไม่ทำอีก ตั้งแต่กูรู้ใจตัวเอง...มึงคงไม่รู้ใช่มั้ยว่าอยู่ใกล้มึงทีไรกูควบคุมตัวเองไม่ได้เลย”





**** มาอย่างด่วนเพิ่งดูคลับฟรายเดย์จบ ฮือออ นอยด์มากมาย :hao5:
        ไม่รู้ว่าตอนนี้หวานรึเปล่า หวานน้อยๆค่อยๆจิบนะ หึ เหมือนว่า
        เรื่องมันจะดีขึ้นรึเปล่านะ โฮ๊ะๆๆๆ   :laugh: :laugh:

        ตอนหน้าไปฟังความจริงจากปากพี่เบียร์กัน  :sad11:
        ปล. เค้าไม่สนับสนุนให้ขับรถมือเดียวนะเออ มันอันตราย โอเค้

        เจอกันตอนหน้าจ๊ะ :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ ppoi

  • When nothing goes right... GO LEFT.
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 720
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-12
 :z13: :z13: :z13:

จิ้มปายยยยยยยย + ปายยยย + ปายยยยอีกกกก

เต้ยคงเหนื่อยนะ นางดูเกร็งตลอดตอนเลยตอนนี้ สบตาก็เกร็ง มองหน้าก็เกร็ง ได้ยินจ๊อบพูดไรก็เกร็งอี๊กกกกก เขินตัวบิดจิกเบาะรถทะลุแล้วมั้งน่ะ 555 

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
กำลังจะว่าเต้ยอยู่พอดีเลยเรื่องพี่ทีดีที่พี่ทีว่าไว้ก่อน
ตอนนี้เต้ยคิดมากๆๆๆๆเหลือเกิน
รักจ๊อบมันมาตั้งหลายปีแล้วเพิ่งมานึกเรื่องจ๊อบเป็นเกย์ตอนนี้?
หวานให้ออกสื่อไปเลยแล้วกันนะกว่าจะสมหวัง
กลัวแต่ว่าบรรดาชะนีจะพยายามสร้างกองทัพครูเสดเพื่อมาช่วยเหลือจ็อบจากเต้ยเท่านั้นเอง
จะรอพี่เบียร์บอกเล่าเรื่องที่บอกเลิกพี่ทีไป

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
แล้วมันจะดีขึ้น

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
ความหวานเริ่มมา เป็นแค่วงน้ำเล็กๆ เอง เมื่อไรจะมาเต็มๆ
สาดมาแรงๆ เลยครับ พี่ขอแบบ Tsunami of Love
 :laugh: :laugh: :laugh:  :hao7: :hao7: :hao7:

เอาเป็ดไปเลยจ้า และ รอฟังเหตุผล พี่เบียร์ นะจ๊ะ

ออฟไลน์ McKnight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
จ๊อบ... ต่อจากนี้เวลาอยู่ใกล้เต้ยควบคุมตัวเองไม่ได้บ่อย ๆ ก็ดีนะ อะคึ อะคึ ชอบ............
หน่วง...มากมาหลายตอน ตอนนี้อ่านแล้วรู้สึก.... ละมุนปนหวานนิดๆ
อะไร ๆ เริ่มจะดีขึ้นแล้ว เปิดใจว่าแต่ละคนไม่มีใครซักที เหมือนยกภูเขาออกจากอก

เอาใจช่วยคู่ทีกับเบียร์ด้วย ไม่รู้ป่านนี้เบียร์เป็นไงมั่งนะครับ
ส่วนทีนี่เครียดเห็น ๆ


ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
บร๊ะ เจองี้ให้จ๊อบผ่านค่ะ

มาฟังพี่เบียร์ดีกว่าว่าเป็นไง สาเหตุจะโดนบังคับให้เลิกหรือเปล่าหนอ?

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3

ตอนนี้ถือว่ามันกำลังดีขึ้นเรื่อยๆใช่มั้ย
ดีใจกับจ๊อบด้วย ที่อะไรๆจะดีขึ้น
เต้ยก็ไม่ต้องกลัวไปหรอก เชื่อว่าจ๊อบคงไม่กล้าทำเต้ยเสียใจอีกแล้ว

ลุ้นความจริงจากปากพี่เบียร์มาก มันจะมีค่าพอที่จะให้พี่ทีอภัย
แล้วกลับมาเริ่มใหม่มั้ยนะ
หรือต่างคนต่างไปแบบนี้ จะดีแล้วกันนะ  :sad4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด