ll เล่นเพื่อน ll [จบ] 10/2/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ll เล่นเพื่อน ll [จบ] 10/2/59  (อ่าน 772054 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มันจะดีขึ้นช่ายมั้ย

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ปูเสื่อรอเลย ความจริงจากเบียร์ :katai2-1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อ้างถึง
“ กูบอกไว้เลยว่าถ้ามันทำให้มึงเสียน้ำตาอีกกูคงรอเสียบทันที”
ทีไม่เหลือใจให้เบียร์แล้วจริงด้วย มันเศร้า
แต่ก็อย่างว่า ถ้ายังเหลือใจให้เบียร์
แล้วถ้าเกิดเต้ยชอบทีขึ้นมาจริงๆ
เรื่องมันคงอิรุงตุงนังกว่านี้แน่นอน
เลิกรักไปแล้วจะรักใหม่ได้มั้ยน้อ

รอตอนหน้าอย่างใจจดจ่อ เบียร์จงมาๆๆๆๆ

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ความรักมันเป็นอะไรที่ยากจริงๆนะ
ไม่ใช่แต่ในเรื่องนี้ ชีวิตจริงแมร่งก็โครตยากกกกก T_T

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2

ออฟไลน์ nuttzier

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สู้ๆน๊า  จ๊อบบบบบบบบบบบบบบ

 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ panpraserd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รู้สึกว่ามันเป็นรสหวานปะแล่มๆนะคะ... เอาเถอะค่ะ ยังไงก็ยังได้รสหวาน ๕๕๕๕
ตอนแอบรักจ๊อบ เต้ยอดทนรอ เข้มแข็งมาได้ตั้งสี่ปี
แต่พอมันเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง ความหนักแน่นที่เคยมีมันหายไปไหนล่ะลูก
ดูจากการกระทำของจ๊อบ แล้วยังไม่รู้อีกหรอว่าฮีรักหนูแค่ไหน
มั่นใจในตัวเอง และในความรักของหนูสองคนได้แล้วนะ
ทำให้มันกลายเป็นความสุข เอามาชดเชยเวลาที่เสียไปได้แล้วเนาะ

ตอนหน้าความจริงจะเปิดเผยแล้วใช่มั้ย ฮรือออออออ ㅠㅠ
นี่เชื่อมาตลอดว่าคนที่เจ็บที่สุดไม่ใช่ทีหรอก แต่เป็นเบียร์ต่างหาก
ต้องหันหลังให้ทั้งๆที่ยังรักแบบนั้น คนปกติเค้าไม่ทำกันหรอก
เว้นแต่จะมีเหตุผลที่ต้องทำ แถมเหตุผลนั้นยังพูดออกไปไม่ได้
ได้เก็บไว้กับตัวคนเดียว ยอมกลายเป็นคนผิด
แบกรับความเจ็บปวดที่โดนคนรักตัดพ้อต่อว่า
โดนตราหน้าว่าใจร้ายใจดำ กับสิ่งที่ไม่ได้อยากทำ
ฮรืออออออ ทำไมเบียร์น่าสงสารอย่างนี้ ㅠㅠ
(เดี๋ยวๆ แกยังไม่รู้เหตุผลเลยนะ มโนเป็นตุเป็นตะมาก ถถถ)

เอนี่เวย์ นี่มีเซ้นส์(หรา)ว่าทีจะได้ไปง้อเบียร์แน่ๆเลยค่ะ
ขอให้เบียร์เล่นตัว ที่ทำกับนางไว้มันโหดร้ายมากเลยนะยะ ชิส์
เดามั่วว่าจะเกี่ยวกับย่าอ่อนมั้ยนะ ก็เห็นในละครกี่เรื่องก็ชอบกีดกันลูกหลานซะจริง ๕๕๕

พึ่งได้อ่านมาเรื่องค่ะ คืออินมากเลย
มาอัพตอนต่อไปเร็วๆนะคะ *กระซิก กระซิก*


ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
 :hao7:ตามอ่านจนถึงล่าสุดแล้ว เราอยู่ทีมจ๊อบกับทีมพี่เบียร์ค่ะ แต่อย่างว่าทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง ไม่มีใครเป็นสีขาวหรือสีดำหมดหรอก
ตอนนี้สงสารพี่เบียร์มาก เหตุผลที่เลิกคงไม่เบาเลย อยากให้คู่นี้รีเทิร์นค่ะ 

ออฟไลน์ konjingjai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +226/-4
หวานจังเลย  ขอแบบนี้อีกนะ :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ SOMCHAREE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
อยากให้ทีกับเบียร์เข้าใจกันค่ะ เราว่าต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ๆ รอตอนหน้านะค่ะ ขอบคุณคร้าาาา

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เอาอีก หวานอีกๆๆๆ 5555555

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อค่ะ

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :hao3: จ๊อบดูรุกอย่างจริงจัง เต้ยก็ควรตัดสินใจให้แน่นอนซักทีนะ

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
ปล่อยวางแล้วจะมีความสุข เราสร้างเองได้เต้ย ทรมานมานานมากแล้ว
จ๊อบขยันหยอดมาก เต้ยจะไปไหนเสีย

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

ออฟไลน์ manutty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 846
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
เอาน่า มันเพิ่งเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงสถานะ เป็นธรรมดาที่เต้ยจะไม่มั่นใจในตัวจ๊อบในหลายๆอย่าง อยู่ที่จ๊อบแล้วล่ะว่าจะเรียกมันกลับมาได้ไหม แต่ก็ขึ้นอยู่กับเต้ยด้วยเหมือนกันว่าจะปล่อยวางเริ่มใหม่หรือเปล่า เข้าใจนะว่าเต้ยไม่อยากเจ็บปวดอีก แต่ก็ไม่อยากให้เต้ยคิดมากเกินไปจนกลายเป็นความเกร็งความเยอะ ลองเปิดใจอีกสักครั้งและใช้หัวใจในการตัดสินเอานะเต้ย  :katai2-1: ตอนที่รอกำลังจะมาตอนหน้าแล้วววววว จะได้รู้สักทีว่าทำไมพี่เบียร์ถึงเลิกกับพี่ที บอกตรงเกร็งว่ะ กลัวจะดราม่าเพราะตัวเบียร์เองแบบทำตัวเองอะไรแบบนี้ มันค่อนข้างจะรับยาก แต่ถ้าเบียร์ทำด้วยความรักและหวังดีกับทีจริงๆก็พร้อมจะเห็นใจ แต่ก็ยังเกรง เอาเป็นว่าต้องติดตาม อยากให้คุ่นี้ได้มีโอกาสรีเทรินท์อีกสักครั้ง ไม่รู้จะได้ไหม ขึ้นอยู่กับคนเขียนใช่ป่ะ  :call:

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ให้มันได้แบบนี้บ้างรักกันจะทรมานไปทามไมคร้าบบบ

ออฟไลน์ away3g

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-1
 :o8 :o8: :o8: :o8: :o8: อ้าาาาาา  มาต่อไวๆนะครับ รอรอรอรอรอ

ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ไอ้เลววววว ควบคุมตัวเองไม่ได้? ข้ออ้างแต๊ะอั๋งเค้าก็บอกกกกก

ทีหลังถ้ามากกว่าจูบ ก็คงบอกแค่ว่า 'โทษทีนะ พอดี.....มันไปเองว่ะ' อืมมมมมม กูเชื่อมึงเลยยยย  :m20:

ออฟไลน์ BeeQ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เจ็บซ้ำ ช้ำไปหมด :mew4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tsubamae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ควบคุมไม่ได้ก็ไม่ต้องควบคุมจ้ะ จัดเลยยย อ้ายยยย กะลัง หื่นอ่ะ แฮ่กกกๆๆ
เข้าใจความกังวลของเต้ยนะ สมควรที่เต้ยมันจะกังวลไม่มั่นใจ ก็จ๊อบน่ะ
ธรรมดาที่ไหน ดีกรีเดือนคณะ สาวชอบตรึม นิสัยเจ้าชู้นั่นอีก เต้ยมันเห็นมันสัมผัส
มาตลอด ถึงตอนนี้จ๊อบมันจะพยายามเปลี่ยน พยายามพิสูจน์ตัวเอง แต่มันก็ต้องใช้
เวลาล่ะนะ กว่าเต้ยมันจะหลุดออกมาจากวงจรเจ็บซ้ำๆได้ กว่ามันจะทำใจได้ ใครมันจะ
อยากกลับไปเจ็บอีกล่ะ ต่อไปนี้ก็ขึ้นอยุ่ที่เวลากับความพยายามของจ๊อบแล้วล่ะ แต่ตอนนี้
ขอกระทืบไลค์ให้จ๊อบรัวๆ ก่อน คำพูดคุณมึงโดนใจมาก แบบอ่านแล้วตบเข่าฉาดเลย มันต้อง
อย่างเน้เซ่!!! รักษาความหนักแน่นแบบนี้เข้าไว้นะจ๊อบ กองทัพชะนีรอเสียบกะเสี้ยมอยุ่นะคุณมึง
กร้ากกกก ความทุกข์ของคนหล่อจริงๆๆ พี่ทีคะเป็นพี่เป็นน้องกันหน่ะดีแล้วค่ะ เป็นแฟนต้องมีเลิกกัน
แต่พี่น้องเพื่อนสนิทหน่ะ เป็นตลอดไปค่ะไม่มีวันเลิก ครึครึ //เป่าหูพี่ทีสุดริด 55 จ๊อบ ค่าจ้างโอนเข้าบัญชีในไลน์นะ งวด
หน้าขอสองเท่า กร้ากกกก

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
มุ้งมิ้งกันจัง  :-[
รอนะฮะ  :')

ออฟไลน์ homnoi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ความรักทำให้คนเปลี่ยนไป. เริ่มหวานขึ้นแล้ว

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
อ่านรวดเดียวเลย สนุกมาก ชอบความหน่วง รอตอนต่อไปนะคะ
ป.ล.ขอคู่พี่ทีด้วยนะคะ คู่นี้หน่วงกว่าอีก

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
รอฟังความจริงจากเบียร์อยู่นะ

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
       



          ยกที่ 19 :  เหตุผลที่คนจะเลิกกัน









          “ คืนทีให้แม่ได้มั้ย”




         ...คืนทีให้แม่...

         ...คืนทีให้แม่...

         ...คืนคนรักของผมให้มารดาของมัน...

         ...คืนงั้นเหรอ คืนให้ หมายความว่ายังไง...



        ผมไม่รู้ตัวหรอกว่าตอนนั้นผมทำสีหน้ายังไงหรือแสดงออกแบบไหน ผมรู้แค่ว่าหลังจากที่ทรุดตัวลงนั่งแล้วยกมือสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสองเบื้องหน้าแล้วมือผมสั่นไปหมด หัวใจของผมเต้นแผ่วเบาราวกับจะหยุดเต้น เนื้อตัวเย็นเฉียบราวกับไม่มีเลือดไหลเวียน ผมในตอนนั้นได้แต่กุมมือทั้งสองข้างของตัวเองไว้แน่น

        ภาพเบื้องหน้าของผมคือผู้หญิงที่มีใบหน้างดงามแม้จะล่วงเลยเข้าสู่วัยกลางคน เธออยู่ในชุดสูทเรียบหรูบ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิงเก่งที่ทำงานคร่ำหวอดในวงธุรกิจ  ใบหน้างดงามเหมือนสาวแรกรุ่นจะต่างก็แค่ริ้วรอยที่บ่งบอกกาลเวลาของอายุขัยที่แท้จริง แววตาคู่งามเต็มไปด้วยความเว้าวอน ดวงตาสั่นระริกอย่างรอความหวังพร้อมกับพยายามคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ท่าทางไม่ต่างจากหญิงสูงอายุอีกท่านที่นั่งหลังตรงสง่างามเหมือนเจ้าหญิงมีศักดิ์สูงทั้งยังเครื่องแต่งกายที่เป็นเครื่องนุ่งห่มเหมือนเจ้าทางเหนือถึงแม้ผ้านุ่งที่สวมใส่จะเป็นแค่ผ้าไหมธรรมดาไม่มีเครื่องประดับชิ้นใดที่มีมูลค่าสูง แต่กิริยาท่าทางนั้นก็พอจะบอกได้ราวๆว่าหญิงสูงอายุนี้มีความเป็นผู้ดีมีเชื้อสาย

        และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งคู่คือแม่และย่าของแฟนผม

        ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ

        บุคคลทั้งสองเบื้องหน้าแย้มยิ้มให้เหมือนผู้ใหญ่ใจดี แววตาท่าทางรวมถึงคำพูดคำจาที่รื่นหูไม่มีแม้แต่คำพูดหรือกิริยาให้ระคายหู มันทำให้ผมนึกอึดอัดใจ เพราะท่าทางแบบนี้มันทำให้เห็นได้ถึงความแตกต่างของผมกับมัน


       “ แม่รู้ว่ามันเป็นคำขอที่ฟังดูเห็นแก่ตัว..” มารดาของมันถอนหายใจอย่างหนักหน่วง แววตาคู่งามหม่นลงเป็นกิริยาที่ผมเห็นแล้วนึกละอายในใจ

       ผมควรจะทำยังไง

       “ ผม..”

       “ พวกเรารู้ว่าหนูเป็นคนดี...” คราวนี้อาวุโสมีเชื้อสายซึ่งผมมาทราบภายหลังว่าคือเจ้าส่องจันทร์ย่าแท้ๆของมันเป็นคนเอ่ยขึ้น “...ตั้งแต่ที่ทีคบกับหนู เขาเปลี่ยนไป...” รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยความอาทร “..เขากลายเป็นใหม่ เขายอมละทิ้งชีวิตด้านนั้นอย่างสิ้นเชิง ย่ารู้ว่าเพราะหนูเขาถึงยอมเปลี่ยนตัวเอง ย่าขอบใจและระลึกถึงเสมอว่าหนูทำให้เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดี..”


        “ ผม...”

       ผมกลืนน้ำลาย

       แต่กลืนเท่าไหร่ก็รู้สึกได้ถึงความแห้งผากในลำคอ

       ยิ่งแววตาคนทั้งคู่กำลังมีน้ำหล่อเลี้ยงราวกับมีหยาดน้ำตาบนใบหน้าของคนตรงหน้า แค่นี้ก็ทำให้ผมใจกระตุกมันร้อนรนเหมือนอยู่บนกองเพลิง มันทุรนทุรายดิ้นรนอยากออกจากวังวนแห่งความเจ็บปวดนี้


      “ แต่..” มารดาของมันหยุดชะงักคำพูดในลำคอ

       แต่

       คำว่าแต่

       เหมือนมีประทัดที่ใครสักคนจุดขึ้นแล้วโยนใส่กลางใจของผม เพราะผมรู้สึกว่าชั่วขณะที่รอฟังประโยคถัดมานั้นผมเหมือนรอคำตัดสินจากผู้พิพากษา มันเป็นช่วงเวลาที่ทรมาน เพราะเสี้ยวหนึ่งในส่วนลึกผมรู้ดีว่าประโยคที่จะได้ยินต่อไปนี้มันหมายถึงความสัมพันธ์ของผมกับมันเดินทางมาถึงบทสรุปแล้ว

       “ แม่ขอโทษที่ต้องพูดกับหนูตรงๆ...” ย่าเอื้อมมือไปกุมมือแม่ของมันราวกับปลอบประโลม “...แม่รู้ว่าหนูกับทีรักกัน” พูดจบมารดาของแฟนผมก็น้ำตาร่วงริน


      มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองเป็นฆาตกร มันเหมือนกับว่าผมช่างเลือดเย็นได้แค่นั่งมองน้ำตาของผู้หญิงคนหนึ่งที่ร่ำไห้เสียใจกับความรักของเรา

       “ รู้มานานแล้ว..”

       “....” ผมนิ่งอึ้งเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ในลำคอ

       “ แม่ไม่เคยนึกรังเกียจหนูเลย แม่รู้ว่าหนูเป็นคนดี...” แม่ค่อยๆเอื้อมมือมากุมมือผมไว้ “...แต่มันยากที่จะทำใจให้ยอมรับว่าลูกชายของแม่ชอบหนู ทีเขาชอบผู้ชาย...” แม่พูดไปสะอื้นไปไม่ต่างจากย่าที่นั่งเช็ดน้ำตาอยู่เงียบๆ

       “ ทีไม่ใช่แค่เด็กหนุ่มธรรมดา แต่เขาเป็นทายาทคนสำคัญของตระกูล...” ผมเนื้อตัวสั่นและรู้สึกได้ถึงขนตาที่มีน้ำมาเอ่อคลอ “..ถึงเขาจะมีพี่สาวกับน้องชาย แต่ทีถือเป็นลูกชายคนโตของตระกูล เขาควรมีชีวิตที่เป็นปกติ ควรจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงดีๆสักคนเพื่อสร้างครอบครัวด้วยกัน และมีลูกหลานไว้สืบทอดกิจการของบ้านต่อไป”


      ...เขาควรแต่งงาน...

       ...เขาควรมีลูกหลานสืบทอด...


       นั่นสินะ ผมลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน ขณะที่ผมมีความสุขยิ้มระรื่นอยู่กับมันตลอดสามปี แต่อีกด้านหนึ่งมีคนอยู่ไม่น้อยที่กำลังร่ำไห้กับความสุขของเรา


       นี่ผมกำลังสุขอยู่บนกองน้ำตาของผู้หญิงทั้งสองที่แฟนผมรักที่สุดงั้นเหรอ

       นี่ผมกำลังทำอะไร

       ผมควรจะทำเช่นไร

        “ แม่ขอ..”

        “....”

        “ แม่ขอหนูได้มั้ย”

        “......”


        “ คืนทีให้แม่ได้มั้ย”

        “ ผม..”

        “ ขอลูกชายของแม่คืนได้มั้ย”


        ไม่ใช่คำขู่ตะคอก ไม่มีน้ำเสียงห้วนห้าวโกรธา

        แต่เป็นน้ำเสียงสั่นเครือเจ็บร้าวราวกับผู้ได้รับบาดเจ็บ


        ผมน้ำตาร่วง

        เนื้อตัวผมสั่นระริกไม่ต่างผู้หญิงทั้งสองตรงหน้า ผมมองไม่เห็นภาพอะไรเบื้องหน้าที่มัวเบลอไปหมดเพราะมันมีม่านน้ำตามากมายกำลังไหลกลบตาอยู่ขณะนี้


       “ คืนเขาให้แม่เถอะ...”
 
        แววตาคู่นี้กำลังเว้าวอน

        ทั้งที่เธอคือผู้ยิ่งใหญ่ในวงการธุรกิจ แต่บัดนี้เธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังร่ำไห้อ้อนวอนเพื่อขอร้องให้คืนลูกชายที่เธอฟูมฟักมาตั้งแต่อยู่ในอุทร ผู้หญิงซึ่งมีความรักที่ยิ่งใหญ่ที่ยอมละทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดเพียงแค่ได้เอ่ยขอบุตรที่รักได้กลับคืนสู่เธอ

        แล้วผมเป็นใคร

        ผมเป็นใครถึงอาจหาญทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตาแทบเป็นสายเลือดเช่นนี้

        ผมเป็นใครที่ทำร้ายหัวใจของคนเป็นแม่ได้สาหัสแบบนี้

        ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูก


        และเพราะความรักที่พวกเขามีต่อลูก ไม่ว่าลูกจะเพียงแรกเกิดหรือเติบใหญ่มากแค่ไหน แต่ความรักนั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนไปแล้วมันจะผิดอะไร ถ้าหากพ่อแม่จะรักและปรารถนาดีต่อลูก

        เพราะอยากให้ลูกเดินในทางเส้นทางที่ถูกต้อง อยากให้เขามีชีวิตที่ดีงามและใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้โดยไม่อายใคร
เป็นความผิดของบุพการีรึเปล่าที่รักและปรารถนาดีต่อบุตรเช่นนี้

        “......”

        “ ผมขอโทษครับ”

        “ ผมขอโทษ”

        “ ขอโทษจริงๆ”


        “ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมขอโทษ...” ผมสะอื้นจนตัวโยน “...ขอโทษที่เห็นแก่ตัว แต่ผมรักเขา ผมรักที”


         ผมยกมือขึ้นประนมแล้วก้มกราบที่บ่าของมารดาของแฟนหนุ่ม


        เธอพยักหน้ารับทั้งน้ำตาก่อนจะสวมกอดผมเบาๆ “...แม่ต่างหากที่ต้องขอโทษหนู แต่แม่ยอมปล่อยให้ลูกชายแม่เดินในเส้นทางนี้ต่อไปไม่ได้ แม่และครอบครัวอาจเห็นแก่ตัว แต่แม่ยอมไม่ได้จริงๆ”


        “ ต่อให้ทีโกรธ เกลียดหรือไม่เข้าใจ แต่แม่ก็ไม่อาจปล่อยให้ทีเป็นแบบนี้ หนูเป็นคนดีแม่เชื่อและแม่ก็ปรารถนาอยากให้หนูเจอคนดี เพียงแต่ว่าคนดีคนนั้นต้องไม่ใช่ลูกของแม่”



        ...ต้องไม่ใช่ลูกของแม่...


         คำๆนั้นดังสนั่นในห้องของผม ผมรู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นกำลังฉุดรั้งให้ผมหล่นร่วงไปในหุบเหวลึก หุบเหวซึ่งเต็มไปด้วยความมืดมน และเหมือนหัวใจกำลังถูกบีบเค้นเพราะมันเจ็บแสบและทรมานจนยากที่จะหายใจ


        “ ปล่อยมือจากทีนะ ถือว่าแม่ขอร้อง”


        ...ผมพยักหน้าน้ำตาไหลอาบแก้ม...


        ผมเข้าใจงั้นเหรอ เปล่าเหรอ ผมไม่เข้าใจเหตุผลใดๆเลยด้วยซ้ำ ผมอยากจะลุกขึ้นแล้วเดินหนีและดันทุรังรั้งความสัมพันธ์นี้ต่อไป ใครจะเป็นยังไงก็ช่างในเมื่อนี่คือความสุขของผม แต่นั่นเป็นความคิดชั่ววูบเท่านั้นเพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม มนุษย์ต้องพึ่งพาอาศัยกัน และความสัมพันธ์ที่จะงอกงามได้ต้องอาศัยในสิ่งที่สัตว์ทั่วไปไม่มี

       นั่นคือจิตสำนึก

       มนุษย์ทุกคนมีจิตสำนึกดังนั้นมนุษย์จึงเรียนรู้ที่จะเอาใจใส่ผู้อื่น

       และการพยายามเข้าใจในเหตุผลของผู้อื่นก็ทำให้คนเราเจ็บปวดแบบที่ผมกำลังจะเป็น


        “ ทีกับพ่อเขาไม่ค่อยลงรอยกัน พอพ่อเขารู้ว่าทีชอบผู้ชายเรื่องก็บานปลาย พ่อซึ่งเป็นโรคหัวใจเลยไม่ยอมเข้ารับการผ่าตัด เขาจะไม่ยอมผ่าตัดจนกว่าว่าจะได้รับการยืนยันว่าหนูกับทีเลิกกันแล้ว...”

        “ ทีเขาไม่รู้หรอกว่าแม่กับย่ามาหาหนูเพื่อคุยเรื่องนี้  และเขาก็ไม่เคยรู้ว่าคุณพ่อรู้เรื่องของเขาแล้ว แม่ไม่อยากบอก แม่กลัวว่าพ่อกับลูกจะทะเลาะกัน กลัวว่ามันจะเหมือนหลายปีก่อนที่ทีทะเลาะกับพ่อใหญ่โตก่อนจะตัดสินใจไปเรียนแลกเปลี่ยนท่ามกลางเสียงคัดค้านของพ่อเขา”


       “.....”


       ผมพอจะรู้มาบ้างว่ามันไม่ค่อยลงรอยกับที่บ้าน มันไม่เคยพูดถึงพ่อ แต่มันเอ่ยถึงแต่แม่และย่าให้ฟังเป็นประจำ บอกตรงๆว่าผมยังงงๆกับเรื่องราวที่ได้รับรู้และดูจะรับเรื่องนี้ไม่ค่อยไหวเพราะทุกอย่างมันประดังประเดเข้ามาภายในวันเดียว

      ผมเหนื่อย

      อาจถึงขั้นช็อค


       ผมแอบคิดเหมือนกันว่าความรักของเรามันจะไปถึงไหน แต่ผมคาดไม่ถึงว่ามันจะดำเนินมาถึงบทสรุปเร็วขนาดนี้ เหมือนที่ใครเคยบอกว่าเวลามีความสุขวันเวลามักผ่านไปอย่างรวดเร็ว ต่างจากเวลาทุกข์ที่รอคอยให้ผ่านไปแต่ละวันก็ยากเหลือแสน

       “ หนู..”

       “ ครับ” มารดาของมันพูดเสียงสั่น

       “ ทีมีความสำคัญกับพ่อเขามาก ถึงจะไม่ค่อยลงรอยกัน แต่ทีก็คือความรักความภาคภูมิใจของพ่อเขา..” แม่ก้มนิ่ง “ อาการของพ่อไม่ค่อยดีนักตอนนี้ ถ้าหากว่าเขายังไม่ยอมผ่าตัด...” เสียงแม่หลุดสะอื้นเบาๆ  “...แม่ไม่อยากจะคิด ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ..”

        “แม่คงขาดใจตาย”

        “....”

        ผมปล่อยให้น้ำตาไหลเอื่อยๆอย่างไม่คิดจะเช็ด

        เพราะผมกับมันรักกันใช่มั้ย

        เพราะรักกัน...คนรอบข้างถึงเจ็บปวดขนาดนี้


       ผมต้องปล่อยมือจากมันใช่มั้ย ต้องจากลาใช่มั้ย แค่คิดว่าวันที่เราไม่มีกันหัวใจก็ส่งสัญญาณถึงความเจ็บปวดทรมานเหลือแสน


       “ ผม...” ผมสูดหายใจลึกๆ “...ผมขอเวลาเดือนนึงได้มั้ยครับ”

       “ หนูจะทำอะไร”

        ผมพนมมือขึ้นแต่มารดาและย่าของมันรีบรวบจับเอาไว้ “..ผมขอแค่เดือนเดียว เดือนเดียวจริงๆ แล้วผมจะหายไปจากชีวิตมัน ผมสัญญา”


       ผมยกมือไหว้ขอร้องจนทั้งคู่ตกใจรีบรวบมือผมเอาไว้ ผมกอดแม่และย่าของมันร้องไห้โฮ คุณว่ามันตลกมากรึเปล่าที่พวกเราสามคนกอดกันร้องไห้



        คนหนึ่งร้องไห้เพราะดวงใจกำลังจะดับสูญ
 
        อีกหนึ่งร้องไห้เพราะดวงใจกำลังจะกลับคืน

        พวกเราสามคนร้องไห้เสียน้ำตาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือพวกเราต่างก็รักดวงใจดวงนี้ไม่ต่างกันเลย




      ......



       ผมขอเวลาเดือนหนึ่งเพื่อรอเวลา

       หลายคนคงคิดว่าผมเป็นบ้าที่กำลังเสียสละอะไรด้วยเรื่องแค่นี้

       แต่นี่คือชีวิตจริง ชีวิตจริงที่ไม่ละครซึ่งไม่มีหนทางให้เลือกมากนัก เพราะความรักโดยแท้จริงก็ไม่ได้สมหวังเสมอไปหรอก ทุกๆเรื่องราวที่ผ่านมาก็เป็นบทเรียนและกำลังใจให้ก้าวเดินต่อไป  ผมไม่ได้ปริปากบอกมันเรื่องนี้เพราะช่วงนั้นมันกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมไม่บอกเพราะมันกำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต ชีวิตจากเด็กหนุ่มกลายเป็นคนหนุ่มที่กำลังจะก้าวสู่การเตรียมพร้อมในวิชาชีพที่แท้จริง


         ผมประวิงเวลาและสุดท้ายวันที่ขอไว้ก็มาถึงจุดสิ้นสุด



       “ กูสอบติดเภสัชฯแล้ว”


        ผมอมยิ้มเป็นรอยยิ้มที่โล่งใจ เพราะการรอคอยไม่สูญเปล่า ผมรอให้ผ่านช่วงเวลาสอบของมันไปก่อน ผมเฝ้ารอเพื่อให้ช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันมีเวลาดูหนังสือ และเราได้อยู่ด้วยกันให้นานที่สุด

        “ ของขวัญที่กูสอบติดหล่ะ”


        ผมคิดดีแล้ว

        ผมคิดไว้แล้วว่าสุดท้ายวันนี้ก็ต้องมาถึง

        ผมเต็มใจยอมเป็นของมัน เพราะผมรักมัน ดังนั้นในคืนนั้นที่บ้านเรือนไทยนั่นผมจึงยอมมันทุกอย่างจนมันเองยังประหลาดใจ ตลอดสามปีที่คบกันมา มากสุดก็แค่กอดจูบไม่มีครั้งไหนที่เหมือนครั้งนี้ แต่มันคงไม่เฉลียวใจจะด้วยความดีใจจากผลสอบหรืออะไรก็ตาม แต่สำหรับผมทุกอย่างเกิดจากความเต็มใจ

        ทุกการปลดปล่อยของมัน ผมเต็มใจรับรอง

        ทุกรอยจูบของมัน ผมเต็มใจรับไว้


         แต่ทุกหยาดหยดน้ำตาที่หลั่งรินของผมหลังจากสุขสมมันคงไม่รู้ มันหลับพริ้มด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข ผมลุกขึ้นแต่งตัวก่อนที่นั่งมองใบหน้ามันทั้งคืน มองเพื่อให้ตัวเองได้จดจำ มองเพื่อให้ระลึกได้ว่าใบหน้านี้แหละที่ผมยอมแลกทั้งหัวใจและร่างกายเพื่อมันคนเดียว

        คนเดียวที่เป็นดวงใจซึ่งกำลังจะดับลงของผม


         “ เลิกกันมั้ย”

         “....”

         “ มึงล้อกูเล่นใช่มั้ย”

         “ เลิกกันเถอะ..”


         เลิกกัน ผมเองที่พูดออกไป ผมรู้ว่าสิ่งที่พูดออกไปจะเป็นตัวฉุดรั้งให้มันทุกข์ทรมานราวกับตกสวรรค์ เมื่อคืนมันสุขสมเหมือนได้เดินทางสู่วิมานสวยงามและเช้ามาผมเองที่เป็นคนถีบมันจนหัวทิ่มด่ำดิ่งสู่ความมืดมน

        มันเป็นวิธีที่เลือดเย็น

        แต่เป็นวิธีที่ได้ผล

        เพราะหากยังมีเยื่อใย เรื่องตัดใจคงเป็นเรื่องลำบาก

        ผมใจร้ายรึเปล่า  ผมใจร้ายมากใช่มั้ย

        ผมยืนนิ่งมองมันที่คุกเข่าอ้อนวอนขอร้องทั้งน้ำตา ผมเพียงแค่ยืนมองก่อนจะปั้นหน้าเย็นชาเดินจากมาโดยไม่คิดที่จะเหลียวหลังกลับไปมอง ผมทำหน้ายิ้มแต่น้ำตาไหลอาบแก้มจนมองไม่เห็นทางและพอพ้นเขตบ้านมันไหล่ที่ตั้งตรงกลับงองุ้มลู่ลงราวกับผู้พ่ายแพ้


        แล้วใครกันที่ควรรับผิดชอบกับเรื่องนี้


       ...พ่อแม่ผู้มีพระคุณซึ่งเขาเหล่านั้นทำทุกอย่างด้วยรักลูกในอุทรแต่ความหวังดีทำให้ต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดลึกๆไปตลอด

       ...ผมซึ่งดันมีจิตสำนึกถอยห่างมันมาอย่างเลือดเย็นแต่ต้องทนทรมานกับความรักที่มีอยู่ตลอดเวลา

       ...กับมันที่ไม่รู้อะไรเลย อยู่กับความไม่รู้ไปตลอดเช่นกัน









         “ ขอบคุณครับ”

        ผมยื่นเช็คเงินสดมาที่เบื้องหน้าของบุคคลทั้งสองหลังจากที่ไม่ได้พบเจอกันตั้งแต่วันนั้น  จนถึงปัจจุบันขณะบุคคลเมื่อหลายปีก่อนยังคงมีใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเฉกเช่นเดิม

        “ ขอบคุณมากครับ” ผมประนมมืออีกฝ่ายด้วยความเต็มใจถึงแม้ฝ่ายนั้นจะดูลำบากใจกับของที่ผมกำลังคืนให้ มันเป็นเช็คเงินสดจำนวนหนึ่งที่แม่และย่าของมันเคยหยิบยื่นให้เมื่อสองปีก่อนตอนที่ครอบครัวของผมกำลังเผชิญกับวิกฤตทางการเงิน


       “ หนู”
 
       “....”

       “ แม่ไม่อยากให้หนูรู้สึกว่าพวกเราใช้เงินฟาดหัวหรือใช้เงินเป็นตัวกระตุ้นบีบบังคับให้หนูต้องเลิกกับที ที่แม่ให้เพราะแม่รู้ว่าตอนนั้นครอบครัวหนูกำลังลำบาก”


        ผมอดตื้นตันใจไม่ได้

        ในตอนนั้นธุรกิจร้านอาหารของครอบครัวกำลังถึงขั้นวิกฤต และบุคคลทั้งสองก็ยื่นมือเข้ามาช่วยทำให้ผมต้องตัดสินใจเริ่มรับงานถ่ายรูปเพื่อจะได้มีรายได้พิเศษมาใช้หนี้ก้อนหนี้ จนสุดท้ายเงินก้อนสุดท้ายกับภาระหนี้สินทั้งหมดลงจากความพยายามของทุกคนในครอบครัวผม

        ผมรู้ดีว่าบุคคลทั้งคู่ไม่ได้มีเจตนาดูถูกดูหมิ่นหรือจงใจบังคับผมในทางอ้อมหรอก แต่ผมก็ละอายใจเกินกว่าที่จะฝืนทนต่อไปได้

         “ ให้ผมคืนเถอะครับ นี่เป็นส่วนสุดท้ายแล้วที่ผมติดพวกคุณอยู่ ผมอยากคืนให้...” ผมยิ้มบางๆ “...พวกเราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ที่ผมพูดผมไม่ได้นึกเจ็บแค้นหรือรังเกียจความเมตตาของพวกคุณเลย ตรงกันข้ามผมซาบซึ้งและขอบคุณมากที่ความหวังดีของคุณๆทำให้ครอบครัวของผมไม่ล้มละลาย ผมขอบคุณจริงๆครับ”


       “ น่าเสียดาย..” ย่ารำพึงรำพัน “...ถ้าหนูเกิดมาเป็นผู้หญิงก็คงดี”

       “ ไม่หรอกครับ”

       “ แต่แม่คิดอย่างนั้นจริงๆ”

       รอยยิ้มของบุคคลเบื้องหน้าทำให้อดนึกเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ก่อนไม่ได้ เหตุการณ์ที่เหมือนเป็นตัวกระตุ้นให้เราตัดขาดจากกันอย่างแท้จริง  “...มันไม่มีวันนั้นหรอกครับ เพราะหัวใจของเราวางคืนให้กันแล้ว”


        ...ของที่ให้ไว้ ก็เหมือนกับหัวใจที่วางคืน...




       ..........

       ..........



          ผมแปลกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่อ่อนซึ่งโทรมาพูดจาอะไรแปลกๆ ก่อนจะขอร้องกึ่งบังคับให้ผมมาหยุดยืนอยู่ที่ร้านอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่ง ผมหันซ้ายแลขวามองไปรอบๆเพื่อหาบุคคลที่น่าจะรู้จักบ้าง แต่แล้วสายตาผมก็ไปหยุดชะงักอยู่ที่ภาพตรงหน้า


        ผมยืนอึ้ง

        ผมไม่เข้าใจ

        ภาพตรงหน้าหมายความว่ายังไงกันแน่

       มันที่หลบเลี่ยงผมมาเป็นอาทิตย์หลังจากที่ผมย่ำยีมันคืนนั้นและเหตุผลที่น้องรหัสมันบอกคือผมไปถ่ายรูปที่เชียงใหม่ กับมารดาและคุณย่าของผมที่บอกว่ามาทำธุระกันนอกบ้าน


       พวกเขารู้จักกัน

       พวกเขากำลังพูดคุยและยิ้มให้กัน ท่าทางแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง ในเมื่อสามปีที่คบกันผมไม่เคยพามันไปรู้จักครอบครัวเลย ด้วยหวังว่าพอผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกผมจะพามันไปรู้จักกับครอบครัวอย่างจริงจังแต่นั่นก็สายไปแล้วเพราะเมื่อสองปีก่อนหลังจากคืนนั้นผมตื่นขึ้นมารับรู้ว่ามันขอเลิกราโดยไม่มีเหตุผลใดๆให้


        มันหมายความว่ายังไง

        ข้อสงสัยที่ค้างคาใจผมมาตลอดสองปีกำลังจะถูกคลี่คลายใช่มั้ย

        เหตุผมที่ผมพยายามสอบถามและตามหาจากคนรอบข้างมันกำลังจะปรากฏขึ้นแล้วใช่มั้ย ผมกลืนน้ำลายก่อนจะค่อยๆสาวเท้าไปหยุดอยู่ระหว่างโต๊ะนั่น


        “ ที...”


        คุณแม่กับคุณย่าผมทำตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ท่าทางละล้ำละลักของคนทั้งคู่ทำเอาเหตุผลที่เคยสงสัยปรากฏชัดขึ้น ผมสบตากับมันที่นั่งนิ่งริมฝีปากบางกำลังเม้มแน่น ถึงอย่างนั้นแววตาที่ประสานกันก็ไม่ได้เอียงหลบไป

       แววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสั่นไหว

        “ หมายความว่ายังไง”

         “......”


         “ มีใครพอจะอธิบายเรื่องนี้กับผมได้บ้างครับ”


         ผมได้ยินแต่เสียงแห่งความเงียบก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลริน “ มีใครคิดจะพูดความจริงกับผมบ้างมั้ยครับ”





          (มีต่อค่ะ) อย่าเพิ่งปาดเค้านะ  :hao5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2015 10:05:50 โดย [Karnsaii] »

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
                   
       “...”

       “ จ๊อบ”

       “ หืม”

       “ พอเถอะจ๊อบ”

       “ ไม่เป็นไร”

       “ พอแล้ว”

       “....”

       “ หยุด”

       คราวนี้ผมใช้เสียงเรียบแต่ดูดุดันขึ้นพร้อมกับเท้าสะเอวมองมันอย่างเอาเรื่อง มันจึงยิ้มแหยก่อนจะรีบปล่อยมือจากชายผ้าปูเตียงอีกฝั่งหนึ่ง

       “ ก็อยากช่วยอ่ะ”

       มันพ่นลมหายใจก่อนจะเบ้หน้าเหมือนจะไม่ยอมรับกลายๆ ผมจึงวางผ้าปูลงก่อนจะคลึงขมับตัวเอง


       “ มานั่งนี่”

       “....” มันค่อยๆเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาใกล้ๆ เห็นท่าทางที่มันนอบน้อมให้แล้วผมก็อดขำไม่ได้ แต่เพราะอยากรักษาฟอร์มผมจึงทำหน้านิ่งก่อนจะหันไปสนใจกับการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้มัน คงจำกันได้ว่าก่อนหน้าที่ผมเคยรับจ้างมันทำความสะอาดห้องชุดคอนโดสุดหรูให้มันทุกเสาร์อาทิตย์ แต่เพราะเรื่องราวหลากหลายที่ประดังประเดเข้ามาช่วงนั้นทำให้ผมอยากจะหายไปจากมัน ดังนั้นช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาผมเลยไม่ได้มาเหยียบคอนโดมันเลยจนกระทั่งบัดนี้

        แต่เมื่อเช้ามันไปคะยั้นคะยอผมตั้งแต่เช้าที่หอในเพื่อให้มาช่วยมันหน่อย มันสารภาพเสียงอ่อยๆว่าที่นอนคันมากนอนแล้วผื่นขึ้น ก็จะไม่ให้ขึ้นยังไงไหวในเมื่อผ้าปูที่นอนไม่ได้เปลี่ยนเลยตั้งแต่ผมมาเปลี่ยนให้ก่อนเกิดเรื่อง บอกให้จ้างแม่บ้านมันก็บอกว่าไม่อยากให้ใครเข้าห้อง ไม่สะดวกต่างๆนานา แต่ผมอดคิดไม่ได้ว่ามันจงใจหาเรื่องให้ผมเหนื่อยแรงมากกว่า

        ผมส่ายหัวกับความพยายามของมันที่ช่วยรื้อและงัดที่นอนอีกด้าน แต่ดูยังไงๆก็เหมือนทำให้วุ่นวายมากกว่า


        “ เฮ้ย”

        “....”

        “ ฉิบหาย”

        ผมยืนอึ้งมองถุงอย่างว่ากว่าครึ่งโหลที่หล่นร่วงมาจากซอกหนึ่งในผ้าปูเตียง ไม่ต่างจากมันที่ตาเหลือกรีบทะยานมาคว้าของดังกล่าวไปซุกหลังไว้ทันที


        “ คือ..”

        “ เอ่อ”

        ผมยิ้มแหยๆก่อนจะกระแอมเบาๆ “...เก็บให้เป็นที่เป็นทางสิคราวหลัง”

         “ คือกู..” มันทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “...กู เอ่อ กูไม่เคยได้ใช้อีกเลยนะ”

         “.....”

         “ กูไม่มีใคร ไม่ได้พาใครมานอนที่นี่อีกแล้ว ตั้งแต่คราวนั้น”


        คราวนั้นที่ว่าคือตอนที่ผมเก็บห้องแล้วเห็นซากถุงยาง คิดมาถึงตรงนี้ก็อดโหวงๆในใจไม่ได้ซึ่งสีหน้าผมคงออกชัดมันถึงละล้ำละลักบอกเสียงแผ่ว “...เต้ย”


        “ ...”

        “ ขอโทษ กูขอโทษ...” มันทำหน้าร้อนรน “...จะไม่ทำอีกแล้ว”

        “ เชื่อกูรึเปล่า”

        ผมถอนหายใจพยายามปรับสีหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าปูผืนใหม่เตรียมใส่แทนอันเก่า

         “ มันเรื่องของมึงจ๊อบ...” เหมือนเสียงมันอยู่ในลำคอแปลกๆ “...มึงจะพาใครมานอนด้วยก็แล้วแต่มึง”

         “ ไม่ใช่..” มันถอนใจแรงๆ


         “ ไม่ใช่เรื่องของกูอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของมึงด้วย กูจะยอมให้มึงเข้าใจผิดๆแบบนี้ได้ยังไงในเมื่อตอนนี้คนที่กูแคร์ที่สุดก็คือมึง”



         “....”

        ชิบหายแล้ว

        ผมหลบสายตามัน และที่ทุเรศไปกว่านั้นผมว่าหน้าตัวเองคงแดงมากเพราะรู้สึกได้ถึงอาการร้อนๆบริเวณแก้มทั้งสองข้าง

        “ พูด พูด บ้าอะไรวะ”


        มันหัวเราะ “ ถ้ามึงยังไม่รู้ว่าตัวเองสำคัญยังไงก็ควรรู้ได้แล้วนะ...ว่าตอนนี้กูกำลังจีบมึงอยู่

       “ มึง”

       “....” ผมอ้าปากพะงาบๆนึกอยากจะเอาคืนมันแรงๆ

       “ หึ”

       “ อะไร”

       “ แก้มแม่งแดงจนน่า...”


       น่าอะไรหล่ะ

       น่าอะไรพูดดีๆนะ

       “ น่าฟัดชิบหาย”


       เหี้ย

       แล้วมึงจะมากระซิบข้างหูทำไมเล่า



      ……….

      ……….




       “ แดกๆไปเลย”

       ผมทำเสียงเข้มก่อนจะเสหน้าหลบมาสนใจอาหารตรงหน้า หลังจากจัดการห้องมันจนเสร็จเรียบร้อยโดยมีเจ้าของห้องทั้งช่วยและเพิ่มภาระไปในตัว  สุดท้ายผมก็หมดแรงข้าวต้มจนมันต้องอาสาพามันกินข้าวที่ห้างใกล้ๆคอนโดมันแบบนี้และมันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดูขัดเขินแปลกตาถ้าหากว่ามันจะไม่กินไปยิ้มไปท่าทางกวนอารมณ์ใช่ย่อย
 
         “ ยิ้มอะไรนักหนา”

        “ เอ้า” มันทำหน้าเหรอหรอ “...แค่ยิ้มก็ผิดเหรอวะ”

        “ เออ”

        “ โหดไปป่าวยิ้มแค่นี้ต้องดุด้วย”


        ผมหรี่ตามองมัน “...ถ้ายังไม่หุบยิ้ม กูกลับ”

        “ เฮ้ย”

        มันสะดุ้งรีบหุบปากฉับพร้อมกับทำหน้ามุ่ยทำเป็นสนใจอาหารตรงหน้า แต่ถึงยังไงผมก็แอบเห็นมุมปากมันกดรอยยิ้มนิดๆ
ชิ อารมณ์ดีอะไรนักหนาวะ


        ผมทำปากขมุบขมิบมันเบาๆ ยิ่งนึกถึงวันที่มันพาไปกินข้าวไกลถึงนอกเมืองแล้วพามาส่งที่หอและยังบังอาจขโมยจูบผมเต็มๆ บอกเลยว่าผมทั้งตกใจและคาดไม่ถึง ผมหรี่ตามองมันอย่างไม่ค่อยจะไว้ใจ คงยังไม่มีใครลืมไปใช่มั้ยว่านิสัยปกติมันเป็นคนชอบอำมากแค่ไหน ก่อนหน้านี้ที่เราสนิทกันมากมันก็ชอบแหย่ชอบแกล้ง หวังว่าคงไม่มีเรื่องอะไรที่จะเหนือความคาดหมายต่อจากนี้หรอกนะ

        “....”

        “ เป็นอะไร”

        “ เปล่า”

       มันอมยิ้มก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ๆ “...มึงนี่เป็นยังไงก็ไม่มีทางโกหกคนได้เลยเนอะ”

       “ อะไรหล่ะ”

       เรายืนจ้องตากันก่อนที่ผมจะยอมแพ้และหันหน้าหนี

       หลังจากกินข้าวเสร็จพวกเราก็มาเดินเตร็ดเตร่ดูรอบหนังซึ่งมันนั่นแหล่ะที่ขอร้องแกมบังคับให้มาจบรอบบ่ายด้วยหนังสักเรื่อง



       “ จ๊อบ”

       “....”

       “ ตาล”

       ผมยืนนิ่งก่อนจะยิ้มตอบผู้หญิงท่าทางน่ารักอดีตแฟนสาวของมันซึ่งโบกมือทักทายและยิ้มบางๆให้ ถึงแม้แวบแรกที่สบตากันเธอจะมีแววตาไหววูบสั่นระริกเจือไปด้วยความเจ็บปวด แต่เพียงแวบเดียวใบหน้างดงามนั่นก็กลับมายิ้มสดใส แววตาเต็มไปด้วยความจริงใจ

      “ สบายดีนะตาล”

      “ สบายดีจ๊ะ...” เธอยิ้มกว้าง “...แล้วจ๊อบหล่ะ”

       “ ครับ”

       “ แล้วหอบอะไรมาเยอะแยะเนี่ย” มันรีบเดินเข้าไปช่วยอดีตแฟนสาวถือของตามนิสัยสุภาพบุรุษเป็นปกติของมัน

       “ มาซื้อของกับแม่หน่ะ”

       “ เหรอของเยอะมาเลยนะ มาจ๊อบช่วย”

       “ งั้นขอบใจนะ”

       “ เต้ย..”

       มันหันมามองด้วยรอยยิ้มกว้าง “...เดี๋ยวกูช่วยตาลถือของไปส่งที่รถแป๊บนึงนะเดี๋ยวกลับมา มึงรออยู่นี่ก่อนนะ”

       ผมยิ้มรับตอนที่เธอหันมาโบกมือลา

       ผมอดคิดไม่ได้ว่าแผ่นหลังของคนทั้งคู่ช่างดูเหมาะสมเวลาเดินเคียงข้างกัน บางทีมันก็เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติที่ว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง

       ผมยิ้มแต่รู้สึกโหวงในใจเพราะมันปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาช่างเหมาะสมกันจริงๆ

       นี่ผมกลายเป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้แต่ว่าความคิดมากนี้กำลังทำให้หัวใจผมสั่นไหว





   .

   .

   .


      “ จ๊อบ”

      “ หืม”

       “ มึงไม่คิดเหรอว่าบางทีผู้หญิงกับผู้ชายมันควรคู่กัน” ผมลองถามมันตอนที่มันเดินกลับมาแล้ว มันทำหน้าสงสัยก่อนจะคลี่ยิ้มนิดๆ


       “ ไม่เสมอไปหรอก” มันพูดยิ้มๆ “ มึงไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนคนอื่นหรอกว่าใครสมควรหรือไม่สมควรคู่กับใคร เพราะสิทธิ์ในใจการตัดสินใจมันเป็นหัวใจของคนๆนั้น”


       ผมทำหน้าไม่เข้าใจ

       “ และถ้าหากว่าสิทธิ์ของหัวใจกูซึ่งมีกูเป็นเจ้าของ กูย่อมเข้าข้างตัวเองว่า ‘มึง’ เท่านั้นที่คู่ควร”

       “.....”


       ผมยืนอึ้งหัวใจเต้นระรัว ลืมทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งจะปัดป้องมือหนาที่กุมมือของผมไว้ มันชัดเจนจนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านทั่วฝ่ามือ


       “ กูไม่เคยคิดหวนหาอดีต เพราะกูรู้ว่าปัจจุบันมันสำคัญสำหรับกูมากแค่ไหน ฉะนั้นกูไม่อยากให้มึงจดจำอดีตของกูนักหรอก แต่อยากให้จดจำปัจจุบันตอนนี้ของกูไว้ให้ดีว่า ‘กูมีแค่มึง’”




**** มาแล้วๆ อิอิ ไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะ คิดถึงนักอ่านทุกท่านนะค่ะ
        เห้ยบ่องตงว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าจะสงสารใครดี หน่วงเนอะ 555  :hao5: :mew2:
        แอบมีมาให้หวานกันหน่อยจะได้มีแรง กลัวคนอ่านจะช้ำในตายซะก่อน อิอิ

       เค้ามีโครงการจะเปิดเรื่องใหม่เร็วๆนี้ยังไงฝากติดตามด้วยค่ะ ในรอยรัก :o8: และ พราน ‘ล่อ’ เนื้อ   :haun4: :z1:

         เจอกันตอนหน้าค่ะ  :bye2: :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2015 10:16:37 โดย [Karnsaii] »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อดีตเบียร์-ทีก็เปิดเผยแล้ว ไม่รู้ว่าทางพี่ทีจะเคลียร์กับแม่ได้หรือเปล่า เพราะยังไงแม่เค้าก็อยากได้หลานนะ

 :ling1:

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด