ll เล่นเพื่อน ll [จบ] 10/2/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ll เล่นเพื่อน ll [จบ] 10/2/59  (อ่าน 771587 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
หวานทุกคู่เลย ชอบบรรยากาศแบบหวานๆแบบนี้

ออฟไลน์ miya_pp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Aumy8059yaoi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เรื่องนี้เป็นอะไรที่ทำให้ร้องไห้ตามได้ทั้งเรื่อง :hao5:
แต่ก้ตบหัวแล้วลูบหลังเราด้วยตอนพิเศษที่ทำให้ยิ้มจนแก้มแตก o22
แล้วก้จะกลับไปกินมาม่าเหมือนเดิม!!!!  :sad4:

 :pig4:

ออฟไลน์ Tsubamae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ลูกพี่ที? หรือเปล่า แต่จ๊อบหื่นนะแกรรร บรรดาเมียๆต้องจับ
มือกันกำหราบสามีเจ้าชู้ขี้แกล้งค่ะ ชอบแกล้งให้หึงดีนัก อิอิ
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ หายใจโล่งขึ้นเยอะเลยค่ะ
เตรียมพร้อมรับมือมาม่าชามต่อไปแล้ววววว

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 827
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
สงกรานต์หวานฉ่ำ :-[

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
น่ารักกันจิงๆ   :-[
รอตอนต่อไปนะฮะ   :')

ออฟไลน์ pedgampong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอ้ย มาฟินเอาตอนสงกรานนี่ล่ะ มาม่ามาตลอดท้องอืดละนะ 555555

ออฟไลน์ away3g

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-1

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อย่างน้อยก็รู้ว่าอนาคตจะแฮปปี้กันทุกคู่ อา...ชื่นใจ   :mc4:

ค่อยมีกำลังใจจะต่อสู้กับมาม่าต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7

ออฟไลน์ Doranaii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รอการกลับมาของ คนเขียน นะครับ
รอความฟิน  :hao6: :hao6:   อยู่นะครับ อิอิ

ออฟไลน์ kutelittlepoly

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
โอ้ยยยยยย น่ารัก ทุกคู่ เลย :o8: :-[ :impress2:

เข้ามารอตอนต่อไปค่า :pig4:

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17



            ยกที่ 21 : ความเข้าใจ







        “ ยิ้มอะไรนักหนาวะ”

        ผมไม่ได้ตอบหรอกเพียงแค่ยิ้มมุมปากและยักคิ้วแทนคำตอบกลับไปจนไอ้เต็ปส่ายหน้าแล้วชะโงกเข้ามาดูโปรแกรมแชทไลน์ซึ่งมีบทสนทนาระหว่างผมกับมัน

       “ โอ้โหมีส่งสติกเกอร์ไฟท์ติ้งให้กันด้วยเหรอวะ”

       “ อืม”


        ผมยิ้มกริ่มไม่คิดจะปิดบังเพราะตั้งแต่ผมแสดงออกชัดว่ามีความรู้สึกพิเศษต่อมันและเดินหน้าจีบมันแบบจริงจังถึงขนาดที่เพื่อนๆในกลุ่มวิศวะรู้กันทั่ว ผมจึงไม่คิดจะปกปิดว่าผมกำลังเร่งทำคะแนนทั้งเรื่องที่พยายามตามรับตามส่งเช้าเย็น ทั้งยังมีตัวช่วยเป็นสื่อทันสมัยที่พิมพ์ปุ๊บตอบปั๊บแบบนี้

        “ เล่นดักเขาไว้ทุกทางแบบนี้ กูว่าไม่นานเต้ยมีหวังอ่อนยวบแน่” ไอ้เต็ปมันแซวขำๆ

        “ หึ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”

        “ กูดีใจนะที่มึงเข้าใจซะที...” ไอ้เต็ปพูดน้ำเสียงจริงจัง “...ถึงมันช้าไปบ้าง แต่มันก็ยังไม่สายจนเกินไป”


         ใช่...ผมรู้ดีว่าว่าผมมาช้า

         ผมมารั้งท้าย แต่มันจะไม่สายเกินไป

         ถึงจะช้าแต่ผมจะทำทุกอย่างให้ชัดเจน

         และจะทำให้มันเชื่อมั่น





        “ ไหนๆดูดิ”

        คนพูดมันคือเพื่อนสาวคนสนิทในกลุ่ม จริงๆมันก็ไม่มีอะไรน่าห่วงถ้าหากว่าเจ้าหล่อนจะไม่ใช่สาววายตัวยง เอ่อ ผมหมายถึงผู้หญิงที่ชอบให้ผู้ชายรักกัน แล้วเพื่อนสาวของผมคนนี้ก็ทั้งอินและฟินกับเรื่องระหว่างผมกับมันถึงขนาดตามติดทุกความเคลื่อนไหว


        “ เฮ้ย”

       ผมส่ายหน้าไปมาตอนที่เจ้าหล่อนทรุดตัวลงนั่งที่ตักผม แรกๆผมก็ไม่ยอมให้มันทำแบบนี้หรอกว่ามันเป็นผู้หญิงทำท่าทำทางแบบนี้คนที่เสียหายคงไม่พ้นฝ่ายหญิงหรอก แต่เจ้าหล่อนดันทำตัวไม่ค่อยแคร์สักเท่าไหร่ และผมมารู้ทีหลังว่าที่เจ้าหล่อนทำแบบนี้เพราะต้องการให้บรรดาสาวๆที่คอยเมียงมองอยู่ให้เลิกทำตาเล็กตาน้อยใส่ผมสักที เพราะคนที่มีสิทธิ์ทำแบบนี้มีคนเดียวคือเต้ยเท่านั้นมันบอก ฉะนั้นมันจึงทำเหมือนเป็นองครักษ์พิทักษ์ผมจากบรรดาสาวๆ

       ผมถอนหายใจ

       ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจแทนเต้ยมันดีที่รู้ว่ามีตัวช่วยแบบนี้

        เพื่อนสาวของผมยิ้มจนปวดแก้มหลังจากถือวิสาสะอ่านข้อความสนทนาระหว่างผมกับมัน ทั้งๆที่มันเป็นแค่ถ้อยคำไถ่ถามทั่วไปไม่ได้ออกไปเชิงจีบกันหวานแหววด้วยซ้ำ แต่เจ้าหล่อนก็ทำหน้าเคลิบเคลิ้มยิ้มกับโทรศัพท์ราวกับคนเสียสติ

       “ น่ารักหว่ะ”

       สาวเจ้าพึมพำ


        “.....”

       ผมส่ายหน้าไปมาก่อนจะดันแผ่นหลังมันให้ถอยออก เจ้าหล่อนหันมาค้อนขวับก่อนจะหรี่ตามองยิ้มๆและฉวยโอกาสที่ผมไม่ทันตั้งตัวแชะภาพคู่กับผม เห็นแล้วผมได้แต่สายหน้าปลงๆเพราะรู้ดีว่าภาพคู่ผมกับเจ้าหล่อนคงถูกตัดต่อเป็นภาพของเต้ยกับผมแทน

        เอากะผู้หญิงพวกนี้สิ

        มันนึกหวั่นใจกับผู้หญิงพวกนี้จริงๆ บางทีก็คิดว่าสาววายน่ากลัวเกินไป


        “ เฮ้ย”

        “ ไม่นะ”

        ผมสะดุ้งสุดตัวกับเสียงโวยวายของเจ้าหล่อนตอนที่ไอ้เต็ปแกล้งกระแทกไหล่หญิงสาว เจ้าหล่อนหน้าซีดเผือดทำหน้าเหมือนจะร้องไห้มือสั่นเทา  สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกทั้งยังค่อยๆยื่นมือถือส่งให้ผมพร้อมกับก้มศีรษะลง ไม่ต่างจากไอ้เต็ปที่ถึงตบหน้าผากตัวเองแรงๆ

        ผมทำหน้าไม่เข้าใจก่อนจะมองที่หน้าจอสนทนาไลน์ มันเป็นภาพคู่ของผมกับเจ้าหล่อนที่ลักษณะคล้ายๆกำลังซุกซบกันเมื่อกี้ถูกส่งเข้าไปในข้อความสนทนาของมัน และเหนือสิ่งอื่นใดฝั่งนั้น “อ่านแล้ว” และไม่ตอบอะไรกลับมาเลย

       “ ฉิบหาย”

       ผมสถบสีหน้าตกใจ ท่าทางไม่ต่างจากเพื่อนสาวและไอ้เต็ปที่ทำหน้าลุแก่โทษ


       “ จ๊อบ ฮือ ขอโทษ”

       เจ้าหล่อนยกมือไหว้ปรกๆ

       ผมได้แต่แค่นยิ้มแล้วชี้หน้าพวกมันสองคนก่อนจะเดินหนีออกมาโทรศัพท์ไปยังหมายเลขของมัน แต่โทรไปตั้งหลายรอบฝั่งนั้นก็ไม่คิดจะรับจนสุดท้ายสายโทรศัพท์ถูกตัดไป

       “ งานเข้ากูแล้ว”

        ผมคลึงขมับปลงๆ





    .........

    .........
 



         ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนี้รู้สึกยังไงหลังจากเปิดเข้าข้อความไลน์ที่ส่งมาแล้วเห็นภาพเพื่อนสาวคนหนึ่งกำลังโอบคอนั่งตักมันอยู่ ผมยอมรับว่าอึ้งไม่น้อยเพราะเคยหน้าเจ้าหล่อนมาหลายครั้งแล้วด้วยเพราะเป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกับมัน แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าจะได้เห็นภาพในลักษณะแบบนี้

        ผมไม่ได้โกรธหรอก

        มันแค่โหวงในท้องเท่านั้น

        ผมถอนหายใจและเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าทันที



       “ พี่ที”

       “ อ้าว”

       จังหวะที่ผมเดินใจลอยไปเรื่อยจนถึงหัวมุมตึกเรียนที่คณะก็พอดีกับที่พี่รหัสผมเดินลากเท้ามาจากอีกฝั่ง พี่ผมทำหน้าเบลอๆใบหน้าซีดเซียวตาแดงก่ำเหมือนคนอดหลับอดนอน ท่าทางดูไม่จืดเท่าไหร่แต่เพราะมีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะขนาดว่าอยู่ในสภาพโทรมสุดๆยังไม่อาจกลบความหล่อเหลาไปได้


       “ ทำไมสภาพเป็นงี้อ่ะพี่”

       “ อืม” พี่ทีคลึงขมับไปมา “..กูแพ้อากาศหว่ะ”

       “ ไหวมั้ยพี่”

       “ พอไหว”

       “ ไป..” ผมเดินไปคล้องแขนพี่รหัสตัวเองและรุนหลังให้พี่แกออกเดิน

       “ ไปไหนวะ”

       “ กลับห้องไง” ผมยิ้มอ่อนๆให้ไม่สนใจท่าทางมึนงงของพี่รหัสตัวเอง ร่างสูงอดีตเดือนคณะเกาหัวงงๆตอนที่เดินเคียงข้างไปกับผม

       “ อะไรของมึงเนี่ยเต้ย”

        ผมอมยิ้ม “...ก็พี่ไม่สบาย...ไม่สบายก็ต้องพักผ่อนสิพี่ นี่ก็บ่ายแล้ววันนี้ไม่มีเรียนแล้วนี่ พี่เคยบอกผมไว้ ฉะนั้นพี่ควรรีบกลับไปพักผ่อน” พูดจบผมก็ลากร่างสูงใหญ่ให้ออกเดินไปจนถึงรถไฟฟ้าบีทีเอส

        “ เดี๋ยวๆ กูแวะซื้อยาแก้แพ้ก่อน”

        “ ไม่ต้องๆ...” ผมรีบโบกมือปฏิเสธก่อนจะคว้าถุงยาแก้แพ้ซองใหญ่ขึ้นมาให้อีกฝ่ายดูเพื่อเป็นการยืนยันคำพูด พี่ทีชะงักไปแวบนึงก่อนจะมองหน้าผมตรงๆ


        “ มึงรู้ได้ไงว่ากูกินยาแบบนี้ นี่มันยาแก้แพ้อากาศโดยเฉพาะเลยนะ” พี่แกหรี่ตามองผมอย่างจับผิด แต่ผมเพียงแค่ยักไหล่ทำเป็นไม่สนใจ พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นอีกครั้งผมทำเป็นไม่สนใจ  แต่เพราะพี่ทีเหล่ตามองผมเลยหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาแล้วกดปิดเครื่อง แทบไม่อยากจะมองด้วยซ้ำว่าใครโทรมาเพราะรู้ดีว่าคงไม่พ้นเบอร์เดิมที่กระหน่ำโทรมาอย่างไม่หยุดหย่อน

        “ ไปกันเถอะพี่”

        สุดท้ายผมก็ลากพี่รหัสกลับมาที่คอนโดพี่แกได้ในที่สุด  พอถึงห้องพักพี่ทีก็โถมตัวล้มใส่โซฟาอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วทำท่าจะหลับอยู่มะรอมมะร่อ แต่ท่าทางแบบนี้ทำให้อดเป็นกังวลแทนเจ้าของซองยาที่ฝากมาให้ไม่ได้ ผมเลยรีบสะกิดเรียกพี่ทีก่อนที่จะหลับเพื่อให้กินยาจะได้พักผ่อน


       “ กินยาก่อนพี่”

       “ อืม”

       “ ลุกมากินยาก่อนพี่” พี่ทีทำหน้างัวเงียปนหงุดหงิดหน่อยๆพร้อมกับชี้นิ้วใส่ผมแบบไม่จริงจังนัก จนผมหลุดขำทันที พี่ผมกอดอกนั่งนิ่งยังไม่ยอมรับเม็ดยาและแก้วน้ำจากมือผม

       “ เต้ย”

       “ ครับ”

       “ มึงยังไม่ตอบคำถามกู” ผมทำหน้างงๆนึกไม่ออกว่าพี่ทีหมายถึงอะไรจนอีกฝ่ายถอนหายใจแล้วชี้นิ้วใส่เม็ดยาในมือผม

        “ ยานี่..” พี่ทีพูดเสียงแผ่ว “...มาได้ยังไง”


        “ผมไม่ใช่คนที่ซื้อยาพวกนี้มาหรอกครับ...” ผมยิ้มสบสายตากับพี่ทีตรงๆ “...แต่มันจะมายังไงไม่สำคัญหรอกครับ”

        “ กูว่าแล้ว” พี่ทีพ่นลมหายใจแรงๆ

        “ ผมอยากให้พี่รู้แค่ว่าคนที่ให้ยานี้มามีแต่ความปรารถนาดีต่อพี่”


         “......”

        “ ผมเชื่อว่าเค้ารักและหวังดีกับพี่มาก”

         “.......”

          “ ผมไม่รู้หรอกว่าระหว่างพี่กับเค้าตอนนี้เป็นยังไง หรืออยู่ในสถานะไหน แต่ความรู้สึกผม ผมว่าเขาเหมาะกับพี่จริงๆ”

          “ ไม่หรอก” พี่ทีเบือนหน้าหนีไปทางอื่น


          “ พี่เคยได้ยินมั้ยว่าเวลาคนเราไม่เท่ากัน เหมือนกับจังหวะชีวิตของคนเราที่มันไม่ตรงกันเสมอไป”

          “ แล้วไงวะ”

          ผมยิ้มใจเย็น “...ในเมื่อวันนี้มันไม่ตรงกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตมันจะไม่มีวันมาบรรจบกัน”


          “....”

          “ จะสิบปี่ ยี่สิบปีถ้าคนเราในตรงกัน  สักวันโชคชะตามันต้องหมุนพามาเจอกันจนได้แหละ”

          “ เจ้าทฤษฏีเหลือเกินนะมึงหน่ะ” พี่ทีโยกศีรษะผมขำๆ

         ผมคว้ามือพี่ทีมากุมไว้ อุ้งมือที่กำลังร้อนรุ่มเพราะพิษไข้ดูอุ่นจนร้อนแต่อุ้งมือนี้แหละที่นำพาผมให้ก้าวผ่านช่วงเวลาที่แย่ที่สุดมาได้ และผมก็ปรารถนาให้มือคู่นี้ของพี่ผมกุมมือใครสักคนที่เหมาะสมแล้วพากันก้าวผ่านอุปสรรคไปได้


         “ ผมเชื่ออย่างนั้นจริงๆนะพี่”

         พี่ทีถอนหายใจใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเจื่อนลงแล้วเหม่อมองไปเบื้องหน้า

        “ นั่นเป็นอุดมการณ์ความรักของมึง แต่สำหรับกู...” พี่ทีนิ่งไปพักหนึ่งราวกับครุ่นคิด “...ความรักของกูประกอบไปด้วยหลายอย่างที่ไม่ใช่มีแต่ความรักเพียงอย่างเดียว”

        “ อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่เป็นบททดสอบความแข็งแกร่งของคนเราเสมอ”

        พี่ทีลูบหัวผมเบาๆ แววตาที่ทอดมองมาเต็มไปด้วยความจริงใจ “...มึงเป็นน้องที่กูรักมากนะ กูขอบใจที่มึงอยากช่วยกู ขอบใจหว่ะที่อยู่ข้างๆกู  ขอบใจที่เข้ามาแบ่งเบาความทุกข์ของกู”

        “ มันเล็กน้อยมากพี่ เมื่อเทียบกับสิ่งที่พี่ทำให้ผม” ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ถึงจะไม่ได้รักอย่างคนรักแต่ผมก็มีความหวังดีและปรารถนาจะให้คนที่ผมรักเหมือนพี่ชายคนนี้


        “ พี่”

        “ หืม”

        “ ผมอยากให้พี่มีความสุขจริงๆนะ”

        “......”

        “ พี่เจ็บปวดกับความรักมาตั้งนานแล้ว ผมอยากให้พี่ลอง...” ผมหยุดพูดไปเมื่อมือหนาเลื่อนมาปิดปากผม พี่ทียิ้มให้อย่างอ่อนโยนแต่บ่งบอกถึงความเด็ดขาด

        น้ำตาผมค่อยๆเอ่อคลอ


        ผมรู้ดีว่าสิ่งที่พูดไปไม่ทีทางทำให้พี่ทีเปลี่ยนใจ พี่ทีเป็นคนอ่อนโยนก็จริงแต่ในทางกลับกันพี่ผมก็แข็งกร้าวผิดกับบุคลิก แต่ทำไมหล่ะ ในเมื่อคนสองคนรักกัน ทำไมพวกเขาถึงไม่สานต่อความสัมพันธ์ ทำไมต้องทำเหมือนอยากปล่อยวางแล้วละทิ้งหัวใจอีกฝ่ายอย่างไม่ใยดี

        ผมอยากให้พวกพี่มีความสุข

        ทำไมกัน

        ผมเริ่มสะอื้น


        ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่ความรักของคนทั้งคู่ที่ผมเพิ่งมีโอกาสได้รับรู้มาก็ทำเอาผมอยากยื่นมือเข้ามาช่วย ผมอยากทำทุกอย่างเพื่อให้พวกพี่ได้รักกัน

       ผมแค่อยากช่วย

        “ ผมอยากพวกพี่เลิกกันเพราะหมดรักกันแล้ว  ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น”


         พี่ทีไม่พูดอะไรแต่ผมรับรู้ได้ถึงอาการสั่นของอีกฝ่ายตอนที่พี่ผมโอบบ่าผมแล้วลูบอย่างแผ่วเบาเป็นการปลอบประโลม
ผมร้องไห้หนักมาก

         ผมรู้ดีว่าความรู้สึกที่อัดอั้นมาตลอดกำลังได้รับการระบาย มันไม่ใช่แค่เรื่องของพี่ทีเท่านั้น ผมร้องไห้เพราะผมกำลังน้อยใจมันอยู่ด้วย แค่นึกถึงภาพที่มันยอมให้ผู้หญิงนั่งตักและโอบกอดกันแบบสนิทชิดเชื้อขนาดนั้น มันเป็นความรู้สึกที่ตกตะกอนอยู่ในใจผมมาตลอด ผมยอมรับว่าผมกำลังระแวง ผมรู้สึกว่าผมมีข้อเปรียบเทียบระหว่างตัวเองกับผู้หญิงเหล่านั้น

         มันชอบผู้หญิงมาตลอด

         มันมีแฟนเป็นผู้หญิงมาตลอด

         มันเคยประกาศว่าไม่ชอบผู้ชาย


         ทั้งๆที่มันบอกเสมอว่ามันกำลังรู้สึกพิเศษกับผม ทั้งๆที่มันทำเหมือนพยายามจีบผมอยู่ ทั้งๆที่มันพูดเสมอว่าผมคือคนสำคัญ แต่ทุกครั้งที่มีเรื่องราวมากระทบทำไมผมถึงได้หวั่นไหวแบบนี้

        มันเคยเจ้าชู้

        มันเคยทำให้ผมเสียใจ

        บางครั้งผมอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องราวของเราสองคนจะดำเนินไปถึงเมื่อไหร่ มันจะเบื่อผมสักวันมั้ย ในเมื่อสถานะเราตอนนี้เป็นแค่เพื่อนกันโดยไม่มีหลักประกันใดๆว่าเรื่องของเราจะดำเนินไปจนสุดปลายทาง

        และตัวผมเองก็กำลังกลัวอนาคต

        ผมถอนหายใจรับทิชชู่จากพี่ทีที่ยิ้มขำผม “..ไง” ผมเบ้หน้าน้อยๆ


        “ คุยไปคุยมาไหงมาร้องไห้ใส่กูเนี่ย”

        “ พี่อ่ะ”

        ผมสูดน้ำมูกจนจมูกแดงไปหมด

         “ ไปๆ ไปล้างหน้าล้างตาไป ตาบวมหมดแล้ว เห็นแล้วทุเรศหว่ะ” พี่ทีแซวๆก่อนจะโบกมือไล่แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากเดินไปล้างหน้า จังหวะที่ผุดลุกขึ้นผมไม่ทันสังเกตหรอกว่ามือถือร่วงจากกระเป๋าตกลงบนโซฟาโดยมีสายตาของพี่ทีที่มองอย่างครุ่นคิด




       ........

       ........


       “ กลับไปได้แล้ว”

       พี่ทีที่นอนเอนหลังสบายใจเฉิบบนโซฟาโบกมือไล่ผมครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ท่าทางพี่แกดูดีขึ้นมากตั้งแต่ทานยาแก้แพ้และหลับไปได้ตื่นนึงทำให้หมดห่วงไปได้เปราะหนึ่ง พี่ทีเลยได้ทีไล่ผมให้กลับเพราะเห็นว่าเป็นเวลาบ่ายแก่ๆ

       “ แหมๆ ดีขึ้นแล้วไล่ผมเลยนะ”

       “ เออ”

       พี่ทียักไหล่กวนๆจนผมแอบเบ้หน้าใส่


       “ โธ่ ไปก็ได้” ผมแกล้งทำเสียงน้อยใจจนพี่ทีกวักมือเรียกให้เข้าไปใกล้ๆ

       ..โป๊ก..

       ผมลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆหลังจากถูกมะเหงกของพี่ทีไปทีนึง

       “ ซาดิสม์หว่ะพี่”

       “ หึ”

       “ ผมกลับก่อนนะพี่”

       “ อืม”

       “ เต้ย..”

       “ ครับพี่”

       น้ำเสียงพี่ทีดูจริงจังขึ้นไม่ทีเล่นทีจริงเหมือนเมื่อกี้เลยจนผมต้องหยุดชะงัก

        “ จำคำพูดของตัวเองไว้นะ..”

        “....”


        “ การเลิกกันขอให้เลิกเพราะหมดรักกันแล้ว  ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น”


        พี่ทีทวนคำพูดที่ผมเพิ่งพูดไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาแล้วยื่นโทรศัพท์มือถือของผมยัดใส่มือให้ คำพูดประโยคนี้กระแทกกลางใจผมเต็มๆ ผมถอนหายใจมองมือถือตัวเองที่ถูกเปิดเครื่องเรียบร้อยแล้ว ผมเลยหน้าของพี่รหัสตัวเองสลับกับผมมือถือ  พี่ทียิ้มบางๆก่อนจะปิดเปลือกตาคล้ายต้องการการพักผ่อนและยุติการสนทนา


        “ ออกไปแล้วล็อคประตูให้กูด้วยนะ”






        ..Rrrrrrrrrr..

        พอเปิดเครื่องได้ไม่นานก็มีสายเรียกเข้าทันทีมันกลับไม่ใช่สายที่กระหน่ำโทรมาก่อนหน้านี้ แต่เป็นสายจากมารดา ผมมองอย่างแปลกใจก่อนจะตัดสินใจกดรับทันที

        “ เต้ย”

       “ ครับแม่” ปลายสายน้ำเสียงดูร้อนรนจนผมขมวดคิ้วนึกสงสัย

       “ เต้ยลูก”

       “ แม่...มีอะไรรึเปล่าครับ”

       “ ยายล้มในห้องน้ำ...”

       ล้มเหรอ

       แล้ว แล้ว

       หัวสมองผมอื้ออึ้งมึนเบลอไม่หมด มือไม้สั่นเทานึกถึงผู้สูงอายุที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิด มือคู่บางเหี่ยวย่นที่ลูบศีรษะอย่างปลอบประโลมเวลาผมร้องไห้กลับมาบ้านเมื่อถูกเพื่อนแกล้ง ตักเล็กๆที่ให้ผมได้หนุนนอนเวลางอแงไม่ยอมไปเรียนตอนเช้า น้ำตาผมค่อยไหลพรากอีกครั้ง และราวกับสมองไม่สั่นงานใดๆจึงไม่ทันได้พิจารณาคำพูดของมารดาที่ว่าตอนนี้ยายของผมปลอดภัยแล้ว เพราะบ้านผมประกอบไปด้วยผู้หญิงสามคนสามวัยซึ่งฟูมฟักมาตั้งแต่เล็กผมจึงค่อนข้างผูกพันธุ์และห่วงใยบุคคลเหล่านั้นเป็นที่สุด พอได้ยินว่าคนที่รักเจ็บป่วยหรือไม่สบายผมถึงร้อนรนจนแทบจะหาทางไปไม่เป็น

       ผมรู้แค่ว่าผมตกใจ

       ผมอยากกลับไปหายายในตอนนี้

       ขณะที่ผมยืนเซ่อหันรีหันขวางไปมาเนื้อตัวสั่นเทาแคมรี่สีดำคันคุ้นตาก็มาจอดหยุดอยู่เบื้องหน้าผม ก่อนที่มันจะเปิดประตูออกมา ตอนที่เห็นมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าหัวใจที่สั่นระรัวด้วยความหวาดกลัวกลับสงบลงอย่างประหลาด มันเองคงตกใจเช่นกันที่เห็นผมยืนร้องไห้อยู่

       มันพุ่งตัวเข้ามาโอบกอดผมแล้วโยกตัวไปมาเบาๆ มือหนาลูบไล้แผ่นหลังผมอย่างแผ่วเบา ผมซึ่งกำลังตกใจกลัวจึงซุกใบหน้าลงที่ซอกคอทันที ปฏิกิริยาร่างกายของเราเป็นไปโดยอัตโนมัติทุกอย่างดูไม่ขัดเขินแต่เป็นไปตามธรรมชาติ

       “ ฮึก จ๊อบ”

       ผมกำชายเสื้อมันจนแน่น

       “ ชู่ว ไม่เป็นไร”

       “ ยาย ฮึก แม่กูโทรมาบอกว่า ยาย ฮึก หกล้ม”

       “ รู้แล้ว..” มันกระซิบเสียงแผ่วลูบหลังผมไปมา “...พ่อกูโทรมาบอกแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ ยายมึงปลอดภัยแล้ว ตอนนี้พ่อกูเป็นเจ้าของไข้”

        ผมพยักหน้ารัวๆ รู้ดีว่าพ่อมันเป็นหมอ หมอศัลยแพทย์มือดีด้วย แต่ถึงจะยินคำยืนยันว่าปลอดภัยแต่ความกังวลกลับไม่ลดน้อยลงไปได้

        “ กูอยากไปหายาย”

        มันพยักหน้ารับรู้ก่อนจะประคองผมเข้าไปนั่งในรถคันหรูของมัน

        “ จ็อบ”

        ตอนที่มันจะปิดประตูรถให้แต่ผมยึดข้อมือมันเอาไว้ มันยิ้มบางๆให้ก่อนจะเกลี่ยน้ำตาที่เอ่อรอบขอบตาผมอย่างแผ่วเบา “ ไม่ต้องกลัว  กูจะพามึงไปหายายเอง”

       แล้วมันก็พาผมไปจริงๆ

       ทันทีที่รถเริ่มออกตัวสู่ถนนใหญ่ เส้นทางเบื้องหน้าคือถนนสายที่มุ่งสู่ต่างจังหวัด ผมกุมมือตัวเองแน่นขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่าง ความรู้สึกตึงเครียดอัดแน่นเต็มสมองไปหมดเพราะมันผสมปนเปทั้งความห่วง ความกังวล มันเห็นแบบนั้นจึงเลื่อนมือมากุมมือผมไว้

       เราสบตากัน

       แววตาที่ทอดมองมาเต็มไปด้วยความห่วงใยและเจือไปด้วยกระแสหวามไหว ทุกความรู้สึกของมันถูกถ่ายทอดออกมาทางสายตาจนคนรับอย่างผมต้องเบือนหน้าหนี

        มันชัดเจนจนหัวใจผมสั่นรัว

        แต่ภาพมันกับผู้หญิงคนนั้นสว่างวาบขึ้นมาในหัวทันที ผมหลับตานิ่งพยายามบิดข้อมือตัวเองจากการเกาะกุมของมัน มันขมวดคิ้วไม่เข้าใจก่อนจะตบไปเลี้ยวจอดชิดซ้ายแล้วรถก็จอดสนิท

        เราประสานตากันอีกครั้ง

        แต่ครั้งนี้ผมไม่มีโอกาสได้เบือนหนีเพราะมันดันจับใบหน้าผมล็อคเอาไว้ ผมส่งเสียงไม่พอใจพยายามยื้ดยุดกับมัน สุดท้ายมันโน้มใบหน้าใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วกดจูบตรงขมับอย่างนุ่มนวล ผมชะงักค้างลืมแม้กระทั่งจะปัดป้องยิ่งเห็นสายตามันในระยะประชิดขนาดนี้หัวใจผมยิ่งเต้นระรัวจนกลัวว่ามันจนกระดอนออกมาจากอก


       “ หิวมั้ย” มันถามเสียงนุ่ม แต่ผมไม่อยากฟังเลยหันหน้าหนีซึ่งมันคงรู้ว่าผมคงมีเรื่องไม่พอใจอะไรมาบางอย่าง มันจึงถอนหายใจแรงๆ

       “ เรื่องผู้หญิง..”

       “ หิวแล้ว” ผมขัดขึ้นเพราะยังไม่อยากฟังอะไรจากปากของมันทั้งนั้น ผมไม่พร้อมจริงๆ ไม่อยากรับรู้จริงๆ อาการดื้อแพ่งของผมคงแสดงออกอย่างชัดเจนมันจึงได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะเอี้ยวตัวไปเบาะหลังหยิบถุงที่บรรจุยาคูลย์ครึ่งโหลมายื่นให้แต่ผมก็รับมากอดไว้เฉย

       “ กินสิ”

       “.....”

       “ ไหนบอกหิว”

       ผมเม้มปากแน่นคว้ายาคลูย์มาขวดนึงแล้วเจาะหลอดดูดด้วยกิริยากระแทกกระทั้น มันโน้มตัวมาใกล้ๆโอบบ่าผมแล้วลูบเบาๆ แต่ผมรีบสะบัดออก “ กินรองท้องไปก่อนนะ เดี๋ยวแวะปั้มค่อยไปกินข้าว”

       “ ไม่ต้องแวะก็ได้ กินแค่นี้ก็อิ่มแล้ว”

       “ ได้ยังไง ไม่กินข้าวเดี๋ยวก็ปวดท้องยิ่งเป็นโรคกะเพาะอยู่” มันท้วงหน้าตาไม่เห็นด้วย “...เดี๋ยวแวะปั้มเติมน้ำมัน เข้าห้องน้ำ แล้วกินข้าวด้วย”

       ผมทำปากยื่นสะบัดหน้าไปทางอื่น

       “ อยากทำอะไรก็ทำสิ มึงเป็นเจ้าของรถนี่” ผมรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองกำลังพาลหาเรื่อง แต่มันก็ใจเย็นพอที่จะเพียงแค่ยิ้มมุมปากแล้วปลดเกียร์เปิดไฟเลี้ยวขวาเตรียมออกรถ

       “ ใช่เป็นเจ้ารถ แต่เป็นเจ้าของรถที่ห่วงมึงมากนะ”



        ผมเกลียดสายตาแบบนี้ของมัน

        ผมเกลียดคำพูดแบบนี้ของมัน

        ผมเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ของมัน

        เพราะแบบนี้นี่แหละที่ทำให้กำแพงที่พยายามทำให้แข็งแกร่งทลายลงทุกวัน




       ( มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2015 20:52:40 โดย [Karnsaii] »

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17


       เกือบห้าชั่วโมงที่ขับรถโดยไม่ได้แวะที่ไหนนอกจากแวะปั้มแค่ครั้งเดียวกลางทาง สุดท้ายพวกเรามาถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดบ้านผมในเวลาเกือบสามทุ่ม แค่เห็นหลังคาโรงพยาบาลผมก็ดีใจจนลิงโลดแทบอยากจะกระโจนไปหาบุคคลที่รักในทันที ผมแอบเห็นมันอมยิ้มแล้วได้แต่นึกเข่นเคี้ยว

       ผมโกรธมัน

       โกรธมาก

        ตอนที่แวะปั้มมันบังคับผมให้กินข้าวให้หมดจาน มันไม่ใช่แค่จานข้างปกติแต่เป็นจานใหญ่มาก มันจงใจสั่งกับข้าวมาเยอะๆแล้วบังคับให้ผมทานจนหมด ถ้าไม่หมดไม่มีทางที่ล้อมันจะหมุนมาถึงจุดหมาย ผมกินจนแทบอ้วกน้ำตาปริ่มจะขาดใจพอเห็นไม่ไหวนั่นแหละมันถึงยอมให้หยุดได้

        ไอ้จอมบงการ


        พอรถจอดสนิทผมจึงรีบปลดเบล์ทก่อนจะเดินลงทันทีโดยที่ไม่คิดจะรอมันด้วยซ้ำ ผมเดินดุ่มๆไปขณะที่สายตาก็สอดส่ายมองชื่ออาคารที่พักผู้ป่วยตึกพิเศษ เพราะก่อนหน้านี้ผมโทรศัพท์คุยกับมารดาและบอกกล่าวกับท่านแล้วว่าจะเดินทางมาคืนนี้ ซึ่งตอนแรกมารดาไม่ค่อยเห็นด้วยแต่เพราะค้านผมไม่ไหวและรู้ดีว่าถ้ายิ่งห้ามยิ่งทำให้ผมห่วงยายมากยิ่งขึ้น และทั้งนี้มีมันขับรถมาให้ด้วยมารดาเลยวางใจ

        ผมเดินไปตามพื้นสีขาวของหินอ่อนจนถึงหมายเลขห้องที่มารดาบอกไว้ ยังไม่ทันที่จะเคาะประตูห้องพักบานประตูก็เปิดออกมาโดยมีมารดา  น้าสาว และบิดามารดาของไอ้จ๊อบ ผมรีบยกมือไหว้บุคคลเหล่านั้นทันทีก่อนจะตรงเข้าสวมกอดมารดาน้ำตาปริ่ม


       “ มาถึงกันนานรึไงเนี่ย” คุณนายสารภีแม่ผมถามน้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใยเผื่อแผ่ไปถึงมันซึ่งเพิ่งเดินมาสมทบ แล้วตรงเข้าไปสวมดกอดบิดามารดาตัวเอง

       “ เพิ่งมาถึงครับ”

       “ แล้วยาย..” ผมชะโงกตัวเข้าไปในห้องพัก มารดาจึงค่อยดันไหล่ผมออกแล้วโอบบ่าไว้ น้าสาวของผมก็ทำเช่นเดียวกัน

       “ ไม่เป็นไรแล้ว ดีว่าวัชกับนีผ่านไปที่บ้านพอดีเลยรีบพาส่งโรงพยาบาลทัน”

        คุณนายสารภีพยักเพยิบไปทางบิดามารดาของมันซึ่งคือนายแพทย์ธวัชและแพทย์หญิงนลินี ทั้งคู่ยังอยู่ในชุดกาวน์สีขาวสงสัยคงจะเข้าเวรทั้งคู่ ผมมองบุคคลทั้งสองด้วยความรู้สึกตื้นตันก่อนจะสาวเท้าเข้าไปใกล้แล้วประนมมือไหว้ทั้งสองคนอีกครั้ง

        “ ขอบคุณมากครับ”

        “ ไม่เป็นไรจ๊ะ” แพทย์หญิงนลินีหรือ “แม่นี” ที่ผมเรียกติดปากมาตั้งแต่เด็กอ้าแขนโอบกอดผมเอาไว้ ส่วนนายแพทย์ธวัชก็ลูบศีรษะผมเบาๆ

        “ ไม่ต้องห่วงนะ...” พ่อมันยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “...ตอนนี้ยายเราปลอดภัยแล้ว กระดูกไม่ร้าวไม่มีแตกหัก จะมีก็แค่รอยฟกช้ำกับความรู้สึกขัดๆที่สะโพกสักหน่อย พักสักวันก็กลับบ้านได้แล้ว นี่พ่อให้ยานอนหลับไปยายจะได้พักผ่อน”

        “ ครับ”

        พอได้ยินจากปากแพทย์เจ้าของไข้เองแท้ๆ ทำให้ความรู้สึกอึดอัดมาตลอดหลายชั่วโมงเริ่มเบาบางลงไป

        “ เพิ่งมาถึงคงจะเหนื่อยกันมากสินะ”

        “ ก็นิดหน่อยครับ”

        ผมลอบสบตากับมัน จริงๆคนที่เหนื่อยคงมีแต่มันเพราะมันขับรถคนเดียวมาตลอดหลายชั่วโมงโดยที่ผมเพียงแค่นั่งเฉยๆและมีบางครั้งหลับด้วย

        “ จริงๆไม่น่ารีบมาคืนนี้เลยเพิ่งเลิกเรียนกันใช่มั้ยคงเหนื่อยกันแย่เลยนะ” น้าสาวลูบเนื้อลูบตัวผมด้วยความเป็นห่วง

        “ ไม่เป็นไรหรอกครับ เต้ยอยากรีบมาหายาย”

        “ กลับบ้านครั้งนี้ก็ดีเหมือนกัน เต้ยจะได้มาทำบุญวันเกิดที่บ้าน” มารดาผมยิ้มเชิงหยอกล้อเพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดผมแล้ว บรรยากาศดูเบาสบายขึ้นสีหน้าทุกคนดูโล่งอกกับอาการของยาย


        “ ใช่สา เพราะนีก็ได้อานิสงค์ด้วย...” แพทย์หญิงนลินีตวัดสายตามองลูกชายตัวเอง “...ลูกชายโผล่มาให้เห็นหน้าสักที”

        “ โธ่แม่”

       มันครวญครางก่อนจะทำเนียนไปโอบมารดาอย่างอ้อนๆ

       “ ไม่ต้องมาอ้อนเลยพ่อลูกชาย นานๆถึงจะกลับบ้านที ดีนะที่ยังโทรหาแม่บ้าง ไม่งั้นแม่คงลืมไปแล้วว่ามีลูกกับเขาเหมือนกัน”

       “ คุณก็พูดเกินไปนี...” พ่อมันพูดยิ้มๆ ไอ้จ๊อบเลยยิ้มกว้างเหมือนได้พวก “...เรามีลูกชายกับเขาด้วยรึไงกัน”


       “ อ้าวพ่อ”

       ไอ้จ๊อบหน้ามุ่ย แต่ท่าทางมันเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนไม่เว้นแม้แต่แม่ผมกับน้าสาวซึ่งเอ็นดูมันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

       “ พอๆ มากันเหนื่อยๆกลับบ้านไปอาบน้ำพักผ่อนให้สบายตัวดีกว่า”

       “ แต่...” ผมกำลังจะค้านแต่มารดาทำหน้าดุใส่

       “ เราหน่ะกลับบ้านไปพักเถอะ เดี๋ยวแม่จะเฝ้ายายเอง”

       “ แต่ว่า..”

       “ ฝากน้าพรกลับไปด้วย พรุ่งนี้ให้น้าพรกับเรามาเปลี่ยนแม่”

       “ นั่นสิ” แม่นีพยักหน้าเห็นด้วย “...เต้ยมาเหนื่อยๆ กลับไปพักก่อนเถอะลูก พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมยาย เข้าไปตอนนี้ท่านก็หลับอยู่ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก”

       “ ครับ” สุดท้ายผมต้องยอมจำนนกับเหตุผลของพวกผู้ใหญ่

       “ เดี๋ยวนะ..” แม่นีทำหน้าตื่นเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ก่อนจะหันไปทางลูกชายตัวเอง “...จ๊อบไม่ได้บอกแม่ล่วงหน้าว่าจะมา แม่เลยไม่ได้ทำความสะอาดห้องลูกให้หน่ะสิ เอาไงดีทีนี้”

       “ ไม่เป็นไรแม่ จ็อบนอนห้องรับแขกข้างล่างก็ได้” มันตอบท่าทางสบายๆ

       “ ไปนอนห้องพ่อกับแม่ก็ได้ วันนี้พ่อกับแม่แกเข้าเวรทั้งคู่” พ่อมันบอก แต่สีหน้าแม่นียังคงแสดงว่าเป็นห่วงลูกชายตัวเองอย่างชัดเจน กลับมาเหนื่อยๆพอกลับบ้านไปดันไม่มีใครดูแล คุณนายสารภีมองท่าทางแบบนั้นออกก่อนจะเอ่ยขึ้น

       “ ไม่เป็นไรหรอกนี ให้จ๊อบไปนอนที่บ้านกับเต้ยแล้วกัน”

        แม่ผมกับแม่มันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ทั้งคู่สนิทสนมกันพอสมควรจึงเอ่ยเรียกชื่อเล่นกันเป็นประจำจนถึงรุ่นลูกที่เรียกอีกฝ่ายเป็นพ่อเป็นแม่ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

        “ เกรงใจหน่ะสิ”

        “ เกรงใจอะไรกันนี ทีจ็อบยังขับรถพาเต้ยมาถึงนี่เลย”

        “ เอางั้นเหรอ”

        “ อืม”


        สุดท้ายมันก็ขับรถมาส่งที่บ้านโดยมีน้าพรกลับมาด้วย และคืนนี้มันก็มานอนค้างที่บ้านผมเป็นครั้งแรกในรอบสี่เดือน ผมถอนหายใจนึกเกร็งแปลกๆ จะว่าเราไม่เคยนอนด้วยกันก็ไม่ใช่ เพราะเราสนิทกันมาก พ่อแม่ก็สนิทชิดเชื้อกัน ดังนั้นเรื่องค้างคืนบ้านแต่ละฝ่ายจึงเป็นเรื่องปกติมาก

       แต่


       ตั้งแต่ผมสารภาพรักกับมันตั้งแต่ครั้งโน้นระยะห่างระหว่างเราก็เริ่มขยายขึ้น ดังนั้นไอ้จะค้างอ้างแรมด้วยกันจึงดูเป็นเรื่องที่ขัดเขินอยู่ไม่น้อย คิดไปก็เท่านั้นผมนึกปลง หลังจากมาถึงบ้านเรือนไทยของผม น้าสาวก็ใจดีลงมือทำกับข้าวให้ทานสองสามอย่างแต่รสชาติบอกเลยว่าอร่อยจนแม้แต่มันก็เติมข้าวตั้งสองรอบ พอกินข้าวเสร็จน้าสาวก็ขอตัวไปพักผ่อนเพื่อจะได้เตรียมตัวตื่นเช้ามาทำอาหารไปฝากคนที่โรงพยาบาล เวลานี้จึงเหลือแค่พวกเราซึ่งช่วยกันล้างจานเสร็จแล้วก็เดินตามกันขึ้นไปยังห้องผม บรรยากาศระหว่างเรายังเงียบเช่นเดิมไม่มีแม้แต่บทสนทนา


       “ อาบก่อนเลย”

       ผมยื่นผ้าเช็ดตัวและชุดนอนให้มันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องไซส์เพราะสัดส่วนผมกับมันไม่ต่างกันมากนัก มันรับของในมือไปก่อนจะเบี่ยงหน้าไปยังห้องน้ำ

       ผมรู้ว่ามันอยากจะคุยกับผม

       แต่ผมยังไม่พร้อม

       มันหลับแล้วตอนที่ผมออกมาจากห้องน้ำ มันซึ่งอาบน้ำเสร็จก่อนนานแล้วก็นอนแผ่หลาเต็มที่นอน ท่าทางมันคงเหนื่อยล้าน่าดูเพราะขับรถคนเดียวมาตลอดเกือบห้าชั่วโมง ผมกะว่าจะปลุกมันนอนดีๆแต่เห็นท่าทางมันแล้วจึงเลิกความคิดนั้น สุดท้ายผมทรุดตัวลงนั่งพิจารณาใบหน้าคมคาย ดวงตาปิดสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ

        ผมมองใบหน้าของมัน

       ใบหน้านี้ไงที่ผู้หญิงต่างหลงใหลได้ปลื้มกันนัก

       ใบหน้านี้ไงที่ล่อลวงหัวใจผู้หญิงมานักต่อนักแล้ว

       ใบหน้านี้ไงที่ผมหลงละเมอมาจนถึงบัดนี้

       ผมไม่รู้ว่าตัวเองมีสีหน้ายังไงตอนที่พิจารณาใบหน้ามันอยู่แบบนี้ ผมสะดุ้งเมื่อดวงตาที่คิดว่าปิดสนิทขยับยุกยิกก่อนจะค่อยๆขยับเปิดเปลือกตาขึ้นมา มันรวดเร็วมากจนผมเบือนหน้าหลบไม่ทัน ดังนั้นดวงตาเราจึงประสานกันนิ่ง

        ผมเตรียมผละลุกหนีแต่ติดว่ามันคว้าข้อมือผมเอาไว้ มันออกแรงนิดเดียวผมก็หลุดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนมันแล้ว

       “ ปล่อย”

      มันไม่ตอบและไม่ปล่อยด้วย

      ผมขยับตัวยุกยิกแต่มันกลับรัดแน่นขึ้น ริมฝีปากมันวนเวียนจูบที่หัวไหล่และซอกคอผมเบาๆ

      “ เต้ย”

      “ ปล่อย”



       Rrrrrrrr



       มันหัวเสียไม่น้อยตอนที่กำลังจะคุยกับผมแล้วมีเสียงรบกวนจากโทรศัพท์ของมัน ผมรีบสะบัดตัวหนีตอนที่ได้ยินเสียงผู้หญิงจากปลายสายของมัน มันผละออกไปรับโทรศัพท์ที่ริมหน้าต่าง ผมจึงม้วนตัวเองเข้าไปในผ้าห่มเพื่อเป็นการตัดโอกาสไม่ให้มันเข้ามาใกล้ได้

       มันส่งเสียงอือออกับปลายสายขณะที่เหลือบตามองผม แววตาคู่นั้นกำลังเว้าวอนผมอยู่แต่ผมทำได้แค่หลับตานิ่ง


       ผ่านไปสักพักนึงผมนอนนิ่งอยู่บนเตียง ผมไม่รู้หรอกว่ามันวางสายแล้วมองผมนิ่งๆ มันถอนหายใจก่อนจะหยิบหมอนใบหนึ่งบนเตียงติดมือมาแล้วทรุดตัวลงนอนที่พื้นข้างๆเตียง ผมรับรู้ว่ามันขยับตัวสักพักก่อนจะได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอแสดงว่าอีกฝ่ายหลับแล้ว ผมผละออกจากก้อนผ้าห่มเอี้ยวมองมันจากบนเตียง

        น้อยใจ

        เป็นความรู้สึกผมตอนนี้

        ผมทรุดตัวลงนอนตะแคงข้างกอดหมอนข้างแน่นแล้วพยายามกลั้นเสียงสะอื้น แต่ยิ่งกลั้นเอาไว้น้ำตายิ่งไหลพราก ช่างมันถ้าจะไหลก็ปล่อยให้มันไหลไป แต่อย่าให้มีเสียงออกมาเถอะเพราะผมไม่อยากให้มันได้ยิน ไม่อยากให้มันรับรู้ว่ามันมีอิทธิพลมากแค่ไหนกับหัวใจของผม


       “...ชูว์...”

       ผมสะดุ้ง

       ไม่รู้ว่ามันเคลื่อนกายเข้ามาใกล้เมื่อไหร่ มันสอดตัวเข้าในผ้าห่มผืนเดียวกับผมแล้วลูบหลังให้อย่างแผ่วเบา ผมยิ่งสะอื้นหนัก มันจึงตวัดตัวผมพลิกกลับไปหามันพร้อมกับสอดมือเข้ามารั้งเอวผมไว้ ใบหน้าผมเลยซุกอยู่กับซอกคอของมัน

       “ ปะ ปล่อย ฮึก”

       ผมขยับตัวหนีน้ำเสียงในลำคอแหบห้าวเพราะเสียงสะอื้น


       “ ชูว์ ฟังก่อนนะ..” น้ำเสียงมันนุ่มนวลเหมือนน้ำเย็นที่ชโลม “...ฟังกูก่อนได้มั้ย”

       “......”

       “ เรื่องผู้หญิงนั่น”

       “ ฮึก ไม่อยากฟัง..” ผมส่ายหน้ารัวๆอยู่กับอกมัน มันถอนหายใจแต่เพิ่มแรงรัดผมเสียแน่นคล้ายกับจะปลอบประโลม

       “ ไม่ฟัง”


       “ ครับ ไม่ฟังก็ไม่ฟัง” น้ำเสียงมันยังนุ่มนวลเช่นเดิม มือหนายังลูบไล้แผ่นหลังผมไม่หยุด “ ในเมื่อไม่ฟัง ก็อย่าคิดไปเองได้มั้ย”

       ผมนิ่งเงียบ

       “ กูไม่อยากเห็นมึงร้องไห้..” มันเกลี่ยรอบดวงตาผมเบาๆ “...รู้มั้ยว่าน้ำตาของมึงทำเอากูแทบบ้า”

       “ อย่าร้องไห้ได้มั้ย”

       “....” เราประสานตากันในความมืดก่อนที่มันจะโน้มใบหน้ามาจรดริมฝีปากที่หน้าผาก

      “ ขอโทษครับ กูขอโทษที่ทำให้มึงร้องไห้”

      “ กูไม่อยากเห็นน้ำตามึงเลย โดยเฉพาะน้ำตาที่หลั่งโดยมีสาเหตุมาจากกู กูคงแย่มากใช่มั้ยที่ทำมึงร้องไห้บ่อยๆแบบนี้  อย่าร้องไห้เลยนะเต้ย อย่าร้องเลยนะคนดีของจ๊อบ”












*** มาแล้วๆๆๆ แหะๆรู้สึกว่านิยายตัวเองกลายเป็นนิยายรายสัปดาห์(หลายๆสัปดาห์ถึงอัพ  :laugh: :m23:)

      กร้ากๆๆๆๆ หัวเราะไปก็หลบตรีนไปด้วย คริคริ ยังไงก็ขออภัยที่หายหัวไปนานนะครัช :mew3:
      กลับไปครั้งนี้มาไม่รู้หวานขึ้นรึเปล่า แต่ยังไงเรายังไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์รักแบบหน่วงๆ
     
     มีใครรู้สึกรำน้องเต้ยมั้ยตอนนี้ 5555 จริงๆมันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์นะ ความรักที่มีอดีตมันย่อมมีความระแวง
     และหวาดกลัวกันบ้าง แต่เชื่อเถอะว่า "ความรักที่แท้จริง" จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง อ้วกกกกกกกก  :laugh3:

     เจอกันตอนหน้านะจ๊ะ คาดว่าอีกไม่นานหรอก หึหึ เพราะใกล้จบแล้วววววว
     สุดท้ายขอหยอดนิสนึงว่า " คิดถึงนักอ่านทุกท่านจ้า" เลียเบาๆ  :interest:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
เข้าใจกันสักทีเถอะลุ้นตัวโก่งแล้ว

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ตะลึงตึงๆ!!!!


รอมานานมาก เรื่องนี้

ตอนนี้เราไม่รำคาญน้องเลยนะ พอเข้าใจอยู่

(ฮืออออ ร้องไห้ให้ทีเบียร์)

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารพี่ทีกับเบียร์จัง ตอนนี้ลุ้นอย่างเดียวให้ทั้ง 2 คู่เข้าใจกันไวๆ

ออฟไลน์ however_pat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-3
จ๊อบทำอย่างนี้ไม่ถูก จะสาวY สาวZ ยังไงก็เป็นผู้หญิง มันน่าเกลียดมาก
ขนาดกะเทยกับผู้หญิงเป็นเพื่อนกันนอนด้วยกัน ยังท้องเลย มีข่าวออกเยอะ
แล้วนี่นับประสาอะไรกับผู้ชายผู้หญิง

เห็นเพื่อนๆกันนี่ละ ได้กันมาหลายรายแล้ว
อกหัก ปรับทุกข์ ปลอบใจกันไปมา เพื่อนกัน ได้กันซะงั้น เหอๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ benze13

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ให้รักกันหวานๆ บ้างก็ได้นะ

ถ้าใกล้จะจบแล้วเอารักหน่วงๆ ทิ้งทะเลไปเลย

แล้วมาหวานแบบน้ำตาลขึ้นกันเถอะ  :mew1:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เหตุผลสาววายที่ว่าวิบัติมาก
ถึงจะชอบให้ผู้ชายเอากันเองก็น่าจะเข้าใจนะว่าให้เขานั่งตักกันเอง
ไม่ใช่ไปนั่งจองที่ให้เขา
เราว่าเจตนานางท่าจะไม่ดีมากกว่า
อ่านจากมุมมองของจ็อบฉะนั้นเป็นไปได้ว่าอ่านเดมส์ตามนางไม่ทัน
สาววายจริงตบเพื่อคู่จิ้นได้แต่ไม่ใช่ว่าไปสร้างเหตุให้คู่จิ้นทะเลาะกันเอง
ยิ่งหาคู่จิ้นจริงๆยากๆอยู่

อมพะนำอยู่นั่นแหละ
กว่าจะได้มาเป็นแฟนกัน
ทำไมไม่กระตือรือล้นเอาสักหน่อย
สงสารคู่ที-เบียร์

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ wann

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ก็ฟังหน่อยเซ่...


โว๊ะะ :katai1: :katai1:



//หลบตีนแปบบ  :z6: :z6:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อยากให้เข้าใจกันเสียที ^^

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เศร้า แม้จะรู้สาเหตุทร่แท้จริงแต่ก็ยังคงร้องไห้ไปพร้อมกับเต้ย

ออฟไลน์ Tsubamae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
กรี้ดดด ดีใจที่มาอัพแล้วววว
กรี้ดดอีกครั้ง กับนางจ๊อบบหล่อนทำเต้ยของฉั้นร้องไห้อีกแล้วนะยะ
และกรี้ดดดอีก ตรงที่ นิยายใกล้จบแล้ววว อ้ากก ทำมายยยยมันจบเร็วงี้ล่ะ
ขออีกสักสี่สิบห้าสิบตอนไม่ได้เรอะ!? เคลียร์คู่พี่ทีพี่เบียร์ให้เค้าด้วยยยยน้าาาา
คนแต่งงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
 :o8: โอ้ย....ตอนนี้หวานๆ ปนรสขมนิด ขอตั้ง Theme ตอนนี้ว่า Bitter Sweet เลยละกัน  :-[

ส่วนตอนก่อนๆ นี้ Theme สหพัฒ...ตรู้ดดดดดดดดดดดดดดดดด  :try2: เซนเซอร์ดีกว่าเนอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2015 02:43:50 โดย VentoSTAG »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด