ll เล่นเพื่อน ll [จบ] 10/2/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ll เล่นเพื่อน ll [จบ] 10/2/59  (อ่าน 770518 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ดูดีนะจ้อบเนี่ย

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
 ถ้าเป็นแฟนกันแล้วก็เลิกกันอยู่ดี เพราะเกิดเหตุอะไรขึ้นก็จะไม่ฟังอย่างเดียว

เข้าใจนะว่าเจ็บเพราะภาพที่เห็น แล้วอดีตที่ผ่านมาของจ๊อบก็ทำเต้ยกังวล
แต่อย่าลืมว่าย้อนอดีตไม่ได้ และตอนนั้นยังเป็นแค่คนแอบรัก

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
เต้ยฟังจ๊อบก่อนนะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ไม่รำเต้ยหรอกค่ะ เข้าใจความรู้สึกอยู่
อยากจะใจอ่อนเร็วๆ ก็กลัวจะเสียใจอีก
อยากจะเล่นตัวนานๆ ก็กลัวเขาจะเบื่อจีบ

แต่สาววายคนนั้น ไม่ทำให้ฟิน แต่เบื่อมากกว่า

ออฟไลน์ manutty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 846
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
คิดซะว่าเริ่มกันใหม่ มันก็ต้องมีเข้าใจผิดกันบ้างเป็นธรรมดา เต้ยเคยเห็นจ๊อบเป็นแบบนี้มาก่อนก็เลยอดคิดไม่ได้ ระแวง ถึงชะนีนั่นจะเป็นเพื่อนแต่นางก็ไม่ควรจะทำแบบนั้นมันเกินไปต้องมีขอบเขตกันบ้าง จ๊อบก็เตือนแล้วนะ คราวหน้าคงไม่มีแล้วล่ะ จ๊อบรู้แล้วว่าเติ้ลคิดอะไร จ๊อบใจเย็นขึ้นเยอะนะไม่ท้อ ไม่รำคาญเต้ยที่พาล งี่เง่า เราว่าน่ารักดีนะเหมือนงอนแฟน ไอ้ที่ไม่ฟังก็เพราะแอบหึงแอบหวงนั่นแหละ จ๊อบถึงได้ไม่รำคาญไง มีง้อ มีโอ๋  :-[ แต่หนูเต้ยก็ควรจะรับฟังไว้ก็ดีนะ เป็นแฟนกันมีอะไรก็ต้องหันหน้าคุยกัน จะได้คบกันยืดยาว ในเมื่อตอนนี้จ๊อบมันกลับตัวแล้ว แคร์เติ้ลมากกว่าใคร เต้ยก็ต้องเริ่มเชื่อใจบ้าง เป็นกำลังใจให้  :katai2-1: ส่วนพี่เบียร์ กับ พี่ที เป็นเรื่องของอนาคตแล้วนะ จะยังไง เต้ยพูดดีมากเลยหวังว่าทีจะคิดและทำได้นะ อย่าปล่อยให้อะไรมาขวางความรักของตัวเองอีกเลย เรียนให้จบและสร้างความมั่นคงให้ครอบครัวเห็น เบียร์ก็เหมือนกันในเมื่อยังห่วงทีอยู่ ก็อย่าปล่อยให้อะไรมาขวางได้ อย่าหนีหัวใจอีก เจ็บกันมาเยอะแล้ว สู้เพื่อความรักต่อไป :กอด1:

ออฟไลน์ patchamai28

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ฉันพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงงงงงง   :ling2:
 ตามอ่านรวดเดียวเลย ชอบมากก อ่านไปหน่วงไป :mew5:
รีบมาต่อน้า

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ฟังหน่อยก็ดีนะเต้ย
ทำตัวอย่างนี้ไม่น่ารักเลย

ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ kutelittlepoly

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ถ้ามัวแต่คิดไปเอง แล้วไม่ยอมรับฟังอะไรเลย ผลสุดท้ายก็คงจบด้วยการเลิกรา อยู่ดี

ขอบคุณ คนเขียนค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
พอคู่นี้เค้ากะลังหวานพี่ทีกะพี่เบียร์ก็มาหน่วง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
นั่งตักเนี่ยนะ...ไม่ใช่ละ คนไทยนะลูก ผู้หญิงด้วย หวงตัวหน่อยยย

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
มัวแต่ไม่ฟังอะไรแบบนี้ก็ไม่เข้าใจกันสะทีสิเต้ยยย  หนีอยู่ได้

ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
เห้ออออออออออออ
สงสารพี่ทีกับพี่เบียร์

ส่วนจ๊อบทีหลังก็อย่าทำอีกนะ ถึงเพื่อนก็เหอะ
เอาแค่พอดีๆ เพื่อนก็ไม่ต้องช่วยกันหญิงขนาดนั้น
 :katai3:

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17



        ยกที่ 22 : ฝากเกียร์ ฝากใจ






        ...ออด ออด...

        เสียงออดดังขึ้นถี่ๆที่หน้าประตูคอนโด ทำให้ผมต้องขยับตัวแล้วเปิดเปลือกตามองภาพเบื้องหน้าที่มีซองยาวางอยู่อย่างเรียบร้อย ทั้งยังมีโน้ตแผ่นเล็กๆลายมือคุ้นตาของน้องรหัสซึ่งเขียนกำกับเวลาทานยาในแต่ละมื้อพร้อมกับคำอวยพรให้หายไวๆ ผมอดยิ้มน้อยๆกับความหวังดีของไอ้ตัวจุ้นก่อนจะนั่งนิ่งมองซองยาและไพล่ไปนึกถึงเจ้าของที่ซื้อฝากน้องผมมาให้

       ...คงได้แต่คิดถึง...

       ...แค่นี้ก็ดีแล้ว...


      ออดๆๆๆ



        เสียงกดกริ่งดังขึ้นอีกครั้งทำให้ผมต้องลุกขยับตัวแล้วสาวเท้าไปยังประตูทันที นึกแล้วก็แปลกใจตอนที่แหงนหน้ามองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่ตรงผนังบอกเวลาเกือบดึกแล้วจะมีใครมาหากันตอนนี้ได้

       “ ที”

       หืม


       จังหวะที่เปิดประตูออกกว้างนั่นผมก็รับรู้ได้ถึงแรงโถมกายของใครบางคนที่พุ่งเข้าใส่ ร่างนุ่มนิ่มของผู้หญิงตรงหน้าตรงเข้าสวมกอดผมไว้เต็มอ้อมแขน ไม่ต่างจากชายหนุ่มอีกคนที่อยู่เบื้องหลังซึ่งกอดผมกับผู้หญิงคนตรงหน้าไว้อีกรอบหนึ่ง
ผมงุนงง

       “ ที ฮึก ไม่เป็นไรนะที”

       “ ครับ”


        พอตั้งสติได้ผมจึงค่อยๆดันบุคคลทั้งสองออกเพื่อสำรวจเครื่องหน้า แล้วภาพที่เห็นก็ทำให้ผมยิ้มกว้างราวกับว่าได้พบเจอกับเรื่องที่น่ายินดีเมื่อเห็น “พี่ทิพย์” พี่สาวคนโตและ “ เจ้าทรอย” น้องชายของผมปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆกัน จะว่าน่าแปลกใจก็คงใช่เพราะพี่ทิพย์ซึ่งใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ต่างประเทศตั้งแต่ม.ปลายเนื่องจากบิดาส่งไปเรียนเมืองนอกจนกระทั่งแต่งงานกับนักธุรกิจชาวอังกฤษเลยปักหลักใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น แต่ก็จะกลับมาเยี่ยมบ้านทีปีละสองสามครั้ง จริงๆที่ในอดีตเราสามพี่น้องค่อนข้างจะสนิทกันพอสมควรแต่เพราะวิถีชีวิตของแต่ละคนที่เปลี่ยนไปทำให้พวกเราดูห่างกันไปโดยปริยาย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังโทรศัพท์พูดคุยกันสม่ำเสมอทั้งๆที่ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ 

        โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเจ้าทรอยน้องชายที่สนิทกันมากเพราะด้วยความที่เป็นผู้ชายเหมือนกันและมันห่างจากเขาแค่สองปีเท่านั้น แต่เพราะช่วงนี้มันอยู่ชั้นม.หก ทั้งเรียนและอ่านหนังสือหนักเพื่อเตรียมตัวสอบ ระยะหลังมันกับผมเลยดูห่างกันไปจะเจอกันบ้างก็แค่ช่วงที่เขากลับไปนอนที่บ้านใหญ่


        “ ที”

       พี่สาวผมเช็ดน้ำตาตัวเองป้อยๆก่อนจะสวมกอดผมอีกครั้ง แต่เพราะความที่พี่ตัวเล็กกว่ามากเลยกลายเป็นว่าผมต้องย่อตัวให้พี่สาวโอบกอดจนเจ้าทรอยหัวเราะขำ

        “ ขำอะไรยะ” พี่ทิพย์หันไปแว๊ดใส่น้องชายคนเล็ก

        “ ขำพี่ทิพย์แหละ...” ทรอยยักไหล่ก่อนจะตรงมาเบียดๆพี่สาวแล้วตรงเข้าสวมกอดผมแทนเหมือนแกล้งพี่สาวตัวเองจนผมอดขำไม่ได้ ทั้งๆที่พวกเราโตๆกันแล้วแต่ยังทำท่าทำทางราวกับเด็กน้อยยิ่งพี่สาวผมนี่แต่งงานมีสามีแล้วด้วยสิ

        “ อะไรกันครับเนี่ย”

        “ คิดถึง”

        ผมยืนนิ่งมองสบตากับพี่สาวที่พูดเสียงแผ่วแต่ถ้อยคำกลับเต็มไปด้วยความชัดเจนในความหมาย

        “ ที..” พี่ทิพย์กุมมือผมแล้วเขย่า “...เวลาแค่ไม่กี่ปีนี่มันเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้เลยเหรอ”

        “ พี่เหมือนไม่ใช่พี่สาวที่ดีเลยใช่มั้ย ถึงปล่อยให้ทีต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวแย่ๆอยู่เพียงลำพัง” พี่ทิพย์พูดไปน้ำตาไหลไปจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าสิ่งที่พี่สาวกำลังพูดมันคือเรื่องอะไรกัน ผมเลยหันไปใช้สายตาถามน้องชายซึ่งมันก็แค่ยิ้มแล้วพูดขึ้น

        “ แม่อ่อนเล่าเรื่องของพี่กับพี่เบียร์ให้พวกผมฟังหมดแล้ว”

        “ ก่อนหน้านี้คุณแม่ท่านโทรไปหาพี่ทิพย์ที่อังกฤษ...” ทรอยยิ้มมุมปาก “...ก็ช่วงหลังพี่เล่นไม่กลับบ้านใหญ่เลย คุณแม่กับคุณย่าท่านห่วง คุณพ่อด้วยถึงจะไม่พูดผมก็รู้ว่าเขาห่วง สุดท้ายพี่ทิพย์เลยตะล่อมคุณแม่จนเปิดปากเล่าเรื่องพี่”

        “ ยิ่งรู้จากปากแม่อ่อนว่าพี่ทีกำลังแย่ คราวนี้ผมกับพี่ทิพย์ใครจะทนอยู่เฉยได้”

        “ อืม”

        ผมถอนหายใจก่อนจะพยักหน้ารับรู้


        มันก็จริงว่าช่วงหลังผมไม่กลับบ้านใหญ่เลย จะว่าเป็นการประชดมันก็คงไม่ถึงขึ้นนั้นเพียงแต่ผมแค่รู้สึกว่าอยากอยู่คนเดียว อยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองเพราะความเงียบทำให้ผมมีสติกับเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นเบื้องหน้าและเงื่อนไขอะไรบางอย่างระหว่างหัวใจของผมกับภาระของครอบครัว

        “ ผมโกรธพี่จริงๆนะเนี่ย มีเรื่องขนาดนี้พี่ไม่ยอมปริปากเล่าให้พวกเราฟังเลย พี่ทีพี่ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะครับ”

        “ ใช่..” พี่ทิพย์พยักหน้าหงึกๆ “...ทียังมีพี่ มีเจ้าทรอยนะ พวกเราคือครอบครัวเดียวกันนะ” ผมยิ้มทั้งน้ำตาตอนที่เช็ดน้ำตาที่เอ่อคลอหน่วยตาของพี่สาว

        “ ครับพวกเราคือครอบครัวเดียวกัน”

        “ ไม่ว่าจะเป็นยังไงผมก็อยู่ข้างพี่นะ” เจ้าทรอยตบบ่าผม “...ผมเทหมดหน้าตักเลยงานนี้”

        “ หึ หาเวลาสลับรางรถไฟให้ได้ก่อนเถอะเรา” พี่ทิพย์แซวขำๆในความเจ้าชู้กระล่อนของน้องชายคนเล็ก

        “ โหพี่ทิพย์ ผมออกจะเป็นคนดีเรื่องแบบนั้นมีที่ไหนกัน”

        “ ย่ะ..” พี่สาวค้อนประหลับประเหลือก “...อย่าไปทำผู้หญิงที่ไหนท้องก่อนเรียนจบก็แล้วกัน”


        คราวนี้ผมหัวเราะร่วนเพราะรู้ดีถึงกิตติศักดิ์ความเจ้าชู้อันลือเลื่องของน้องชายตัวเอง ผมกำลังยิ้มซึ่งเป็นรอยยิ้มกว้าง มันเป็นความรู้สึกเหมือนได้รับการปลดปล่อย ผมไม่รู้สึกแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว

        กำลังใจจากคนรอบข้างมีความสำคัญกับผมมากจริงๆ

        แม้จะทำอะไรไม่ได้มากแต่มันเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นคอยโอบประคองเราในวันที่กำลังจะหมดแรง

        กำลังใจที่แท้จริง




     ........

     ........



       “ ยายๆๆ”

       ตอนที่เปิดประตูเข้าไปเห็นผู้อาวุโสซึ่งเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของบ้านนั่งพิงหัวเตียงสีหน้าดูสดชื่นแจ่มใส แต่ดวงตาจะดูอิดโรยอยู่บ้างแต่ลักษณะภายนอกที่ปรากฏให้เห็นก็เบาใจได้ว่าอาการเจ็บป่วยครั้งนี้คงดีขึ้นมากแล้ว

       “ เบาๆลูก”


        คุณนายสารภีเอ็ดให้ตอนที่ผมทำเหมือนว่าจะโถมตัวใส่ผู้สูงอายุที่หัวเราะชอบใจอ้าแขนทั้งสองข้างรอท่าผมอยู่ ผมยิ้มกว้างซุกใบหน้าลงที่บ่าเล็กบางเนื้อหนังเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลา มือสากมีริ้วรอยของชราลูบไปตามศีรษะและเนื้อตัวผมอย่างแผ่วเบาทำเอาอดน้ำตาซึมไม่ได้

        “ คิดถึงจังเลยครับ”

        ผมยิ้มกว้างนึกอยากจะรัดร่างของยายให้หายคิดถึงแต่เนื้อตัวและเรี่ยวแรงของผู้อาวุโสดูไม่เป็นใจ กลัวว่าเผลอทำอะไรรุนแรงไปจนเกรงว่าหายจากแผลเก่าจะได้แผลใหม่เพราะฝีมือผม ผมคว้าแขนเหี่ยวๆที่เนื้อหนังหย่อนยานขึ้นมาลูบอย่างแผ่วเบา ตรงข้อมือมีรอยเขียวช้ำและยังบวมอยู่นิดหน่อย เห็นแบบนี้แล้วอดใจหายไม่ได้ถ้าหากว่าอุบัติเหตุครั้งนี้สร้างความเจ็บปวดให้ยายหนักกว่านี้ ผมคงเสียใจที่สุด


        “ ยายไม่เป็นอะไรแล้วลูก”

        “ ยายครับ ยายอย่าเป็นแบบนี้อีกนะ เต้ยใจหายหมดเลย” ผมคว้ามือยายมาแนบแก้มเอาไว้ “...น้าพรเล่าให้ฟังว่ายายดื้อที่จะลุกขึ้นมาหุงหาอาหารตอนเช้า ทั้งๆที่มันเช้ามืดขนาดนั้น ดีนะครับที่ห้องน้ำไม่ลื่นมากไม่งั้นยายคงเจ็บหนักยิ่งกว่านี้อีก”

        “ ยายครับ ตอนนี้ยายอายุมากแล้วนะ จะเดินจะเหินอะไรต้องระมัดระวังมากๆรู้มั้ยครับ แล้วไอ้ที่ชอบลุกขึ้นมาทำอะไรๆโดยใช้แรงจนเป็นลมเป็นแล้งแบบนี้ไม่ดีเลย เต้ยห่วงยายนะ ยายครับยายต้องดูแลสุขภาพตัวเองดีๆนะ”

         ผมทำเสียงออดอ้อนผู้อาวุโสก่อนจะวางใบหน้าซุกซบลงที่ตักของยาย โดยมีมือเหี่ยวย่นลูบไล้ศีรษะและแผ่นหลังเขาอย่างที่ยายชอบทำประจำเวลาที่หลานรักมาออดอ้อนคลอเคลียแบบนี้

        “ นะครับยาย ยายอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ เชื่อเต้ยนะ”

        “ จ๊ะลูก”

        “ ยายคงทำให้เต้ยห่วงมากสินะลูก...” มือเหี่ยวเวียนลูบศีรษะหลานอย่างแผ่วเบา “ เห็นแม่เราบอกว่าเรามาถึงเมื่อคืน เพราะยายแท้ๆเลยที่ทำให้ต้องมาค่ำๆมืดๆ”

        “ เต้ยอยากมา เต้ยห่วงยาย”

        “ ขอบใจลูก ตอนนี้ยายไม่เป็นไรแล้ว เต้ยไม่ต้องห่วงนี่หมอวัชเขาเข้ามาดูอาการตอนเช้า เห็นว่าพรุ่งนี้ยายก็กลับบ้านได้แล้ว”

        “ ครับ กลับไปนี่เต้ยจะบำรุงยายเยอะๆเลย ยายจะได้แข็งแรงไวๆ แต่ยายห้ามทำงานหนักอีกนะ”

        “ จ๊ะลูก”

        “ หึ..” น้าพรที่นั่งปลอกผลไม้อยู่ถึงกับหัวเราะร่วน “...ยายเราหน่ะดื้อมากนะเต้ย ที่น้าพูดหรือแม่เราพูดก็ไม่ค่อยฟังหรอก...” น้าพรฟ้องไม่จริงจังนักดูไปทางแซวซะมากกว่า “...แต่พอหลานรักพูดนี่รับปากเสียดิบดีเชียว”


       “ นังพร”
       ยายค้อนให้อย่างประหลับประเหลือกเรียกรอยยิ้มจากทั้งมารดาและน้าสาวของผม

        “ มัวแต่หัวเราะกัน แล้วนี่เมื่อเช้ามากันยังไงเห็นว่าจ๊อบไปค้างที่บ้านเมื่อคืนเหรอลูก แล้วนี่ไปไหนเสียหล่ะ ยายยังไม่เห็นหน้าพ่อคนนั้นเลยว่าจะขอบใจเสียหน่อย อุตส่าห์ขับรถมาส่งเต้ยให้ถึงที่ ไม่รู้มาคราวนี้จะมาอ้อนให้ทำขนมใส่ไส้ให้กินอีกหรือเปล่า”

        น้ำเสียงของยายตอนที่พูดถึงมันเต็มไปด้วยความเอ็นดู ถ้าว่าเปรียบกันว่าผมเป็นหลานรักของยาย มันคงเป็นหลานที่ยายรักที่สุดเช่นกัน ในเมื่อมันทำตัวให้เป็นที่เอ็นดูของยายชนิดที่ว่ามันเหมือนกับเป็นหลานแท้ เข้านอกออกในบ้านและสนิทสนมกับทุกๆคน และทุกๆครั้งมันจะมักมาอ้อนยายให้ทำขนมใส่ไส้ขนมไทยโบราณของโปรดที่ยายมักจะทำตามคำขอของมันโดยไม่อิดออด



        ผมถอนหายใจเมื่อนึกถึงมันและเหตุการณ์เมื่อคืน และกิริยาอาการของผมก็ไม่พ้นความช่างสังเกตของมารดา คุณนายสารภีหรี่ตามองแล้วนึกสงสัยก่อนจะหันไปเลิกคิ้วถามน้องสาวที่วางมือจากการปอกผลไม้แล้วยิ้มแหยๆ พร้อมกับชี้ไม้ชี้มือไปที่หลานชายเหมือนต้องการส่งซิกอะไรบางอย่าง มารดาวัยกลางคนจึงรวบบ่าของลูกชายแล้วเขย่าเบาๆก่อนจะพาออกไปคุยกันข้างนอก

        “ แม่”

        “ โกรธอะไรจ๊อบรึเปล่า” ผมนิ่งเงียบจากที่เตรียมคำถามว่ามารดาพาออกมาภายนอกทำไม แต่เมื่อเจอคำถามตรงๆจากคุณนายสารภีผมถึงกับยืนอึ้งคิดหาคำตอบอะไรไม่ถูก

        “ คือ..”


       “ เจ้าหนูเต้ย..” คำเรียกที่มารดามักใช้เรียกเวลาเอ็นดูลูกชายตัวเองที่ทำหน้าแดงสลับซีดไปมา ท่าทางดูสับสนวุ่นวายราวกับคนคิดไม่ตก

       “ แม่ครับ คือ เต้ยอธิบายไม่ถูก”

       “ งั้นแม่ขอถามอะไรอย่างได้มั้ย”

       “ ครับ”

        คุณนายสารภีกอดอกยืนนิ่ง “ ผู้ชายที่ทำให้เต้ยร้องไห้แล้วสารภาพกับแม่ว่าชอบเค้าในวันจบการศึกษาคือจ๊อบใช่มั้ย”

         “ แม่”

        ผมร้องเสียงหลงแต่มารดาแค่ยิ้มน้อยๆ ผมเบือนหน้าหนีแววตาที่แสดงออกว่ารู้ทันนั่นแล้วนึกกระดากอาย “ มะ แม่รู้ได้ไง ก็เต้ย เต้ยยังไม่ได้แม่สักหน่อยว่าเป็นใคร”

         “ ไม่บอกแม่ก็รู้ เรื่องของลูกแม่ทั้งคน” ผมถอนหายใจก่อนจะจับบ่าทั้งสองข้างของผมให้มาเผชิญหน้ากัน “...มีอะไรอยากจะเล่าให้แม่ฟังมั้ย”

         ผมถอนหายใจแรงๆก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้มารดาฟังโดยไม่คิดจะปิดบัง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่มันกำลังจีบผมอยู่และรวมถึงเรื่องที่ทำให้ผมอึดอัดและแสดงอาการปั้นปึ่งใส่มันตั้งแต่เมื่อคืนมาจนถึงเช้านี้


         “ แล้วทำไมเต้ยถึงไม่คิดจะฟังที่จ๊อบอธิบายหล่ะ”

         “ ก็..” ข้ออ้างผมติดอยู่ในลำคอ ผมก้มหน้านิ่งจนรับรู้ได้ถึงแรงโอบรัดของมารดา “...ในเมื่อเต้ยไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทำไมถึงไม่ฟังที่จ๊อบจะอธิบาย ต่อให้เป็นคำแก้ตัวเต้ยก็ควรต้องฟัง ถ้าเรายังอยากที่จะคบกัน เราควรหัดฟังเหตุผลของคนอื่น”


          “ แม่ไม่ได้เข้าข้างจ๊อบนะ...” มารดาผมพูดยิ้มๆ “...แต่ถ้าจะถามหาคนผิดในเรื่องนี้ ก็คงไม่มีใครถูกหรือผิดแบบเต็มๆหรอก อีกอย่างเต้ยรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่จ๊อบทำทั้งหมดไม่ได้คิดจริงจังอะไร  เต้ยเป็นเพื่อนกับจ๊อบมานาน เต้ยจะไม่รู้เชียวเหรอว่าแท้จริงแล้วจ๊อบคิดหรือรู้สึกยังไงกับตัวเอง”


          “ สำหรับแม่นะ แม่มองในฐานะคนนอก แม่คิดว่าคนเราถ้าเขาไม่มีใจให้เขาคงไม่ทนขับรถตั้งสี่ห้าชั่วโมงมาให้ ทั้งยังทนให้เราปั้นปึ่งใส่ ไล่เขาอย่างไม่แยแสแบบเมื่อเช้าหรอก”



         ผมสะดุ้งเมื่อนึกถึงเมื่อเช้า

         ผมยิ้มแหยให้มารดาที่ดูรู้ทันอีกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเช้า ผมถอนหายใจความรู้สึกผิดท่วมท้นในจิตใจ หลังจากที่นอนร้องไห้หลับคาอกมันไปทั้งคืนเมื่อเช้าดูเหมือนอะไรๆมันจะดีขึ้นถ้าหากว่าเมื่อเช้าจะไม่มีสายโทรศัพท์จากผู้หญิงของมัน ผมยอมรับว่าผมโกรธ ผมน้อยใจและสุดท้ายก็ระเบิดอารมณ์ใส่มัน


         ผมเสียใจ

         เสียใจที่ผมไม่ฟังมันเลย

         ผมก้มมองโทรศัพท์มือถือที่นอนนิ่งอยู่ในมือถือได้แต่ถอนหายใจ






     ........

     ........




       “ เฮ้ย”

       “....”

       “ ไงเรา จะถอนหายใจอีกนะมั้ย”


        ผมไม่ตอบแต่ทิ้งตัวลงนอนนิ่งที่ตักมารดา แพทย์หญิงนลินีรีบยกไม้นิตติ้งและไหมทักลายสวยที่กำลังถักอยู่ออกแทบไม่ทัน ทั้งยังนึกประหลาดใจกับอาการของลูกชายเพราะตั้งแต่ออกเวรมาพร้อมกับสามีก็มาเจอลูกชายนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่กลางบ้าน เห็นว่าอาการคงหนักหนาสาหัสจึงไม่อยากรบกวนเผื่อเจ้าตัวดีจะได้มีเวลาคิด จนบ่ายคล้อยจึงมานั่งถึงนิตติ้งซึ่งเป็นงานอดิเรกยามว่าง ส่วนสามีก็ไปปลูกต้นไม้ที่สวนข้างบ้านตามความชอบส่วนตัวเช่นกัน

       “ แม่”

       “ หืม”

       “ จ๊อบจะทำยังไงดี” เจ้าลูกชายถามเสียงแผ่วแววตาดูเศร้าสร้อยเหม่อมองไปเบื้องหน้า “ จ๊อ ทำให้คนๆหนึ่งเสียใจ จ๊อบไม่ได้ตั้งใจ”


       “ ยังไงกัน”

       “ จ๊อบรู้ตัวว่าผิดนะแม่ จ๊อบอยากอธิบาย แต่เขาไม่ฟังเลย”

       “ แคร์เขามากเหรอ” มารดาถาม

       “ ที่สุด..” ผมตอบก่อนจะถามมารดา “...แม่ จ๊อบจะทำยังไงดีให้เขายกโทษให้”

       “ แม่ยังไม่รู้เลยว่าเรื่องอะไร แล้วแม่จะช่วยเรายังไงเนี่ย”


       ผมถอนหายใจก่อนจะลุกนั่งแล้วกุมมือทั้งสองของมารดาเอาไว้ “...แม่ครับ เต้ยโกรธจ๊อบ โกรธมากเพราะมันมีเรื่องที่ทำให้เขาเข้าใจผิด”


       “ เต้ยไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล ยิ่งกับคนที่เขารัก แม่เชื่อว่าเราต้องไปทำอะไรไม่ดีให้เขาโกรธมาแน่” มารดาผมตวัดตามองอย่างจับผิด

       “ เมื่อก่อนจ๊อบทำให้เต้ยเสียใจ เต้ยร้องไห้เพราะจ๊อบตลอดเลย ทั้งที่รู้ก็ยังทำให้เขาเสียใจและผิดหวังอยู่บ่อยๆ มันคงเป็นความรู้สึกของคนที่ถูกทำร้ายบ่อยๆ เลยกลายเป็นว่าเขาไม่เชื่อใจและไม่ยอมรับเรา”

      “ มันเป็นเรื่องปกติของคนรักกัน”

        ผมพยักหน้าหงึกๆรับฟังไปเรื่อยก่อนจะเอะใจ “ คนรักกัน” งั้นเหรอ ผมเงยหน้าขึ้นมองมารดาที่ยิ้มรอท่าอยู่


       “ นี่แม่รู้”

       “ อื้อฮึ”

       “ แม่...” ผมครางออกมาก่อนจะกอดแม่เต็มอ้อมแขน “ แม่โกรธรึเปล่าที่จ๊อบเป็บแบบนี้ แม่อายมั้ย”

       “ ทำไมต้องโกรธ”


        นั่นไม่ใช่เสียงของแม่ แม่ผมค่อยๆดันตัวผมออกจึงเห็นว่าบิดายืนกอดอกพิงประตูบ้านท่าทางสบายๆราวกับยืนฟังอยู่นานแล้ว

       “ นี่พ่อ”

       “ จ๊อบไม่ได้ฆ่าคนตายหรือทำตัวไม่ดีซะหน่อย ทำไมพ่อกับแม่ต้องโกรธหรืออายด้วย”


       “ แม่ยอมรับว่าตอนแรกก็ทำใจลำบาก” แม่ผมลูบบ่าผมเบาๆ รอยยิ้มของแม่อ่อนโยนเหลือเกิน “...แม่กับพ่อรู้ตั้งนานแล้ว แค่เห็นแววตาของเต้ยก็รู้แล้ว จะมีก็แต่เราเท่านั้นแหละที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว”

       “ แรกๆก็เข้าใจว่าเพราะพวกเราสนิทกัน เลยผูกพันเป็นพิเศษและท่าทางของเต้ยที่มีต่อจ๊อบก็เหมือนเพื่อนทั่วไปไม่มีอะไรพิเศษ จนบางครั้งแม่แอบเห็นใจเต้ยจริงๆที่มารักคนอย่างเรา คนอะไรมีของดีอยู่ใกล้ตัวก็ไม่รู้จักคุณค่า เที่ยวไปทำเรื่องให้เขาช้ำใจอยู่ได้”


       “โธ่แม่ ตอนนี้จ๊อบรู้ใจตัวเองแล้วนะ”

       “ กว่าจะรู้ใจตัวเอง...” แม่ยิ้มหน่ายๆ “ ถ้าแม่เป็นเต้ยแม่ตัดใจแล้วไปหาคนใหม่นานแล้ว”

       “ อ้าวแม่ ไหงงั้นหล่ะครับ”

        “ เมื่อก่อนแม่คิดนะว่าเต้ยติดจ๊อบ แต่พอมาคิดๆดูแล้วเราหน่ะทำตัวติดกับเขามากกว่า แล้วเป็นไงสุดท้ายเราก็เลิกกับแฟนทุกคนเพราะมัวแต่ตามเฝ้าเต้ย ยิ่งเมื่อก่อนนะช่วงเสาร์อาทิตย์นี่ไม่ต้องถามหาโน่นไปคลุกอยู่บ้านสวนเต้ยโน่น” ผมอมยิ้มนึกถึงเหตุการณ์เรื่องราวในอดีต

       ผมยอมรับว่ามันติดมันจริงๆ


        “ ขอบคุณครับพ่อ แม่ที่เข้าใจจ๊อบ” ผมสวมกอดมารดาเอาไว้โดยที่บิดาตบบ่าให้กำลังใจ

        “ ไม่เป็นไร...จ๊อบจะเป็นอะไรก็แล้วแต่” มารดาลูบบ่าผมเบาๆ “จำไว้ว่าจ๊อบเป็นลูกของพ่อกับแม่”

        “ พ่อกับแม่อยู่กับจ๊อบไม่ได้ตลอดไปหรอกนะ ฉะนั้นจ๊อบต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง ต้องเลือกทางเดินและเลือกคนที่จะมาดูแลกันด้วยตัวเองเช่นกัน”


        “ จ๊อบเลือกเต้ย”

        “ งั้นก็ควรไปบอกเจ้าตัวเขา ไม่ใช่บอกพ่อกับแม่”

        “ แต่เขากำลังโกรธ...”

        “ จ๊อบ” บิดาที่ยืนนิ่งอยู่นานเรียกผม

        “ ครับ”

        “ พ่อมีกฎสามข้อของคนรักกันจะบอก”

        “ ยังไงครับ”


         พ่อเดินมาทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆและโอบบ่าของแม่เอาไว้ “...ข้อแรกโกรธให้เคลียร์”

         ผมปล่อยลมหายใจอย่างหนักหน่วง

        “ ข้อสองถ้ารู้สึกอ่อนเพลียให้กอดกันไว้” พ่อผมกระชับอ้อมแขนที่กอดแม่อย่างนุ่มนวล พร้อมแสดงความรักต่อแม่ด้วยการกระซิบคำว่ารักเบาๆจนคนมองอย่างผมอดยิ้มตามไม่ได้


        “ และข้อสุดท้าย ทุกๆวันต้องหมั่นบอกรัก”



       (มีต่อค่ะ)






ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
 
       (ต่อ)


       วันนี้วันเกิดผม

       เป็นวันที่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารช่วยแม่และน้าอรแล้วไปทำบุญที่วัดด้วยกัน นอกจากนั้นยังถือโอกาสทำบุญหาบิดาผู้ล่วงลับไปแล้วด้วย ถึงแม้ว่ายายซึ่งเพิ่งได้รับอนุญาตออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อวานจะไม่สามารถมาร่วมทำบุญด้วยกันได้แต่ท่านก็ยังอุตส่าห์ตื่นมาให้ศีลให้พรผมตั้งแต่เช้าตรู่

       ผมนั่งมองภาพอ่างเก็บน้ำเบื้องหน้าในยามสายหลังจากทำบุญที่วัดเสร็จผมก็ปั่นจักรยานจากบ้านมาเตร็ดเตร่แถวอ่างเก็บน้ำซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดผม อากาศยามสายไม่ร้อนมากนักเพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้ใหญ่ ทั้งยังมีลมเย็นที่หอบความชุ่มชื้นจากอ่างเก็บน้ำลอยมาชวนให้จิตใจผ่อนคลายลงได้บ้าง


        ผมก้มมองโทรศัพท์ในมือที่มีเสียงเรียกเข้าตั้งแต่เช้า เพราะเพื่อนๆทั้งว่านและแท็คต่างก็โทรศัพท์มาอวยพรวันเกิดกันแต่เช้า ไม่ต่างจากแฮม เต็ปที่ส่งข้อความมาอวยพร รวมถึงเพื่อนสาวพิมพ์กับดาวที่ใช้สื่อโซเชียลรวมอวยพรวันเกิดเช่นกัน ผมกดเข้าไปในสื่อโซเชียลอย่างเฟสบุ๊คที่มีคนแวะเวียนมาอวยพรวันเกิดกันจนเต็มไปหมด ทั้งคนที่สนิทชิดเชื้อและไม่สนิทต่างก็มาแสดงคำอวยพร

        ส่วนพี่รหัสผมอย่างพี่ทีแกโทรมาตั้งแต่เที่ยงคืนเมื่อคืนพร้อมกับเล่นกีต้าร์เพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้ฟังจนจบ และพอวางสายได้ไม่นานพี่เบียร์ก็โทรมาหลังจากนั้นติดๆ หึ คิดมาถึงตรงนี้ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าคนคู่นี้ทำไมถึงใจตรงกันขนาดนี้  แต่ผมก็ไม่ได้พูดออกไปหรอกเพราะรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ที่มันคลุมเครือซะเหลือเกิน

        ทุกคนจำวันเกิดผมได้

        ผมดีใจ

        แต่


        กับมัน มันซึ่งตั้งแต่เช้าวันนั้นที่ผมเหวี่ยงใส่มัน มันก็หายเงียบไปเลยถึงมันจะใช้สื่อโซเชียลรายงานว่าช่วงวันสองวันนี้มันไปทำธุระให้มารดาที่จังหวัดใกล้เคียง แต่ก็แค่นั้นในเมื่อไม่ได้ยินเสียงไม่ได้เห็นหน้าแล้วมันจะได้อะไร

        ผมอยากโทรหามัน แต่โทรไปเมื่อวานก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยุ่งๆ ผมเลยไม่อยากกวน ไม่อยากทำให้มันรำคาญ ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แค่ว่าคำขอโทษที่อยากจะพูดออกไปมันยังคั่งค้างอยู่ภายในใจ

        มันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด เหนื่อย และรู้สึกน้อยใจ

        รู้สึกแบบนี้อีกแล้ว เป็นแบบนี้อีกแล้ว

        ผมยิ้มเหนื่อยก่อนจะนั่งพิงต้นไม้ใหญ่แล้วหลับตาลงจะเพราะอากาศที่เย็นสบายหรือเพราะเมื่อเช้าตื่นตั้งแต่มืดเลยทำให้ผมรู้สึกเพลียๆอยากจะพักสายตา





      .......

     .......



        คิดถึงแทบบ้า

        คิดถึงที่สุด


        ผมพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกหลังจากเดินตามหามันแถวอ่างเก็บน้ำอยู่ตั้งนานสองนาน ผมทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าแล้วพิจารณาใบหน้าของมันตอนหลับ


       น่ารัก...จนอยากจะจรดริมฝีปากแนบแก้มที่นุ่มนิ่มนั่น

       น่ามอง...จนไม่อยากจะละสายตาจากมันแม้แต่วินาทีเดียว

       อย่างที่บอกว่าในอดีตผมไม่คิดที่มองมันด้วยความรู้สึกพิเศษแบบนี้ แต่วันนี้ความรู้สึกผมกำลังเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปตลอดกาล และไม่มีทางหวนคืนเพราะหัวใจผมมีมันเป็นเจ้าของแล้ว


       ใบหน้าที่หลับสนิทดวงตาคู่สวยหลับพริ้ม ริมฝีปากบางเม้มน้อยๆ ลมแรงๆพัดปอยผมให้ตกอยู่ตรงหน้าผากจนปิดบังความงดงามตรงหน้า ผมใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไปตามแก้มแล้วเหน็บปอยผมมันทัดหูอย่างแผ่วเบา มันขยับตัวเล็กน้อยท่าทางนิ่วหน้านิดตอนที่ขยับคอไปมาเพราะความเมื่อย

        ผมเลยถือวิสาสะสอดมือไปรองคอมันแล้วขยับให้ศีรษะมันซุกซบอยู่ที่อกผมแล้วขยับตัวโน้มร่างเราทั้งคู่นอนราบไปกับพื้นหญ้า มันขยับตัวอีกครั้งซุกใบหน้าที่ซอกคอผมดังนั้นแขนข้างหนึ่งเลยกลายเป็นหมอนให้หนุนนอน มืออีกข้างโอบเอวมันไว้อย่างแนบสนิท

       สงสัยจะหลับลึกจริงๆ

      มันนอนอมยิ้มลมหายใจยังสม่ำเสมอเป็นปกติ ผมจึงแอบฉวยโอกาสสูดดมแก้มนุ่มนิ่มของมัน

      คิดถึงจัง


      มันจะรู้มั้ยว่าตั้งแต่วันที่เราทะเลาะกัน แล้วผมต้องหักห้ามใจมากแค่ไหนที่จะไม่มากวนใจ ผมอยากทิ้งระยะเวลาเพื่อให้เราใจเย็นและมีเวลาได้คิด  ประจวบเหมาะกับต้องไปทำธุระที่ต่างจังหวัดให้มารดามันเลยติดพันหลายวันดีว่าช่วงนี้เป็นวันหยุดยาวเราเลยไม่ต้องขาดเรียน

       แต่ผมคงคิดผิดที่ปล่อยระยะเวลานานจนทำให้มันน้อยใจ

       พอไปหาที่บ้านเมื่อเช้าแล้วได้คำตอบจากแม่สาว่ามันคงมาปั่นจักรยานเล่นแถวนี้ ผมนี่แทบจะเหาะตามมาทันที ตอนนี้ผมบอกเลยว่าผมอยากคุยและอยากอธิบายกับมันมากแค่ไหน

       อยากให้มันฟัง

       อยากให้มันเข้าใจว่าคงไม่มีใครที่ทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้เท่ามัน



      ......




     หืม

     ผมพยายามขยับเปลือกตาเห็นภาพเบื้องหน้าคือแผ่นอกของมัน

     ...มาได้ไง...



       ผมทำหน้างงๆ แล้วกรอกสายตามองไปโดยรอบ มันหลับสนิทแต่มือยังโอบเอวผมแน่นเห็นแบบนี้ผมรีบขยับตัวออกจากอ้อมแขนมัน จริงๆแล้วมันไม่ใช่อ้อมกอดที่อึดอัดตรงกันข้ามมันชวนอบอุ่นและปลอดภัย

       คงเพราะผมขยับตัวไปมาเปลือกตามันเลยขยับและเปิดขึ้นทันที มันยิ้มกว้างตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นผมมองจ้องอยู่และเป็นผมเองที่รู้สึกประหม่าต้องพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าหนีมัน  ผมได้ยินมันหัวเราะในลำคอแล้วขยับมานอนตะแคงซ้อนหลังผมอยู่ แขนข้างหนึ่งของมันขยับท้าวศีรษะตัวเองพร้อมกับที่มันชะโงกตัวมาใกล้ๆใบหูของผม

       “ อะไรเล่า” ผมขยับหนีพร้อมกับแกล้งศอกใส่มันไม่แรงนัก

       “ ทำไมถึงหนีมาอยู่นี่ได้ ฮึ”

       “ ใครหนี เปล่าหนีซะหน่อย”

       “ ใครก็ไม่รู้” มันแกล้งกระแซะเข้ามาใกล้ๆชนิดที่ว่าเนื้อแนบเนื้อ “...โกรธกูมากเหรอ” มันถามน้ำเสียงนุ่มนวล

       “.......”

       “ รู้มั้ย วันนี้กูมีนิทานจะเล่าให้มึงฟังด้วย”

       “ นิทานอะไร” ผมทำหน้าไม่เข้าใจเพราะโตจนป่านนี้ใครเขาอยากจะฟังนิทานกัน

       “ อยากฟังมั้ยหล่ะ”

       “.....” มันคงถืออาการเงียบของผมเป็นคำตอบแล้วจึงขยับรอยยิ้มพร้อมกับเริ่มต้นเล่านิทานที่มันเอ่ยถึง

        “ มีผู้ชายคนหนึ่งเป็นผู้ชายธรรมดานี่แหละ มันโครตงี่เง่าชอบทำอะไรหลายๆอย่างให้คนที่รักมันเสียใจ...” ผมขมวดคิ้วนึกสนใจเรื่องที่มันเล่า “...ทั้งๆที่รู้ว่าถ้ายังทำแบบนั้นคนที่มันรักต้องเสียใจไม่จบไม่สิ้นแต่ก็ยังทำ เพราะอะไรรู้มั้ย...”

       ผมเผลอตัวส่ายหน้าตอบมันจนอีกฝ่ายอมยิ้มอย่างเอ็นดู


        “...เพราะมันอยากให้คนที่มันรักอยู่เคียงข้างมันแบบนั้นตลอดไป ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม”


       เราสบตา


        “...จนวันที่มันรู้ใจตัวเองว่ารักคนที่อยู่ข้างๆคนนั้นมาตลอด แต่ทำยังไงเขาก็ไม่เคยเชื่อใจมันสักครั้ง มันไม่โทษใครหรอกเพราะก่อนหน้านี้มันทำลายความรักความเชื่อใจของอีกฝ่ายจนไม่เหลือ”

        ผมหันหน้าหนีเพราะเริ่มเข้าใจแล้วว่ามันพูดถึงเรื่องอะไร

         “ แต่มันก็อยากให้คนๆนั้นเชื่อใจมันนะ ว่ามันไม่มีใคร หัวใจของมันมีแค่คนๆนั้นคนเดียว”

         “ คนเดียวจริงๆ”

        มันจรดริมฝีปากที่ขมับผมอย่างแผ่วเบา

         “ เต้ย”

         “.....”


         “ วันนั้นเพื่อนกูมันเล่นเลยเถิดไปหน่อย ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนกูเองเราไม่มีอะไรกัน มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆกูไม่มีเจตนาจะถ่ายรูปกับเขา และไม่อยากให้มึงเสียใจแบบนี้”


        “.....”

        “ พอตอนกลางคืนผู้หญิงที่โทรหากูคือแฟนของพี่ต๋องพี่รหัสกูเอง เค้าโทรถามเรื่องพี่กูไม่มีเรื่องอื่นที่เกินเลย”

        “ ส่วนตอนเช้าวันนั้นเพื่อนกูคนที่ถ่ายรูปด้วยโทรมาถามว่าเคลียร์กับมึงรึยัง มันเป็นห่วงกลัวมึงจะเสียใจและเข้าใจผิด มันรู้สึกผิดจริงๆ”

        “ เต้ย”

        “ ขอโทษนะ ขอโทษที่ทำให้มึงเสียใจ ขอโทษจริงๆ”

        “ อื้ม”


        ทุกถ้อยคำที่ผ่านเข้ามาในหูชวนให้หัวใจที่แห้งแล้งกลับชุ่มฉ่ำ

        ผมยอมรับว่าผมเชื่อมันสนิทใจ

        ผมเชื่อใจมันแล้ว


       “ ขอโทษเหมือนกัน” มันเป็นเสียงแผ่วเบาในลำคอผมแต่เชื่อว่ามันได้ยินเพราะมันยิ้มกว้างและลูบหัวผมเบาๆ

       “ หลับตาสิ”

       “ ทำไม”

       “ หลับตาสิเต้ย”

       “ อื้ม”


       ผมปิดเปลือกตาแต่รู้สึกได้ว่ามันกำลังสวมอะไรบางอย่างใส่คอผมอยู่ พร้อมกับเสียงกระซิบอย่างแผ่วเบาที่ข้างหู “ แฮปปี้เบิร์ดเดย์”


       “ ลืมตาสิ”

       ผมก้มมองสร้อยคอที่เป็นเชือกป่านธรรมดาแต่ที่น่าแปลกใจคือรูปทรงของเกียร์อันเล็กที่ห้อยแทนจี้ มันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของคณะวิศวะฯเท่าที่ผมรู้มา

      “ มันคือเกียร์ เป็นของสำคัญของเด็กวิศวะทุกคน”

        สำคัญเหรอ ถ้างั้น ผมทำหน้าตื่นกะจะถอดคืนเพราะมันบอกว่าสำคัญคงเป็นของที่มีค่ามากแน่


       “ ทำอะไร”

       “ ก็มันสำคัญกับ...”

      “ เพราะสำคัญ กูถึงอยากให้คนสำคัญ”



       มันน่าแปลกมั้ยถ้าใจมันจะสั่นขนาดนี้

       มันน่าอายรึเปล่าถ้าผมจะยอมให้มันล่วงเกินริมฝีปากอย่างแนบแน่นแบบนี้ “ เพราะมันสำคัญ กูถึงอยากฝากไว้ ฝากไว้ที่มึงตลอดไป”


        ผมเงยหน้ารับริมฝีปากหนาที่บดคลึงทั่วขอบปากก่อนจะไล่เลาะสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากผม มันหยอกล้อปลายลิ้นพร้อมกับบดจูบไปทั่วอย่างเอาแต่ใจ

        แต่เป็นความเอาแต่ใจที่ผมเต็มใจจะรับ






     ........

     ........




       ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าของโปรแกรมโทรแบบเห็นหน้าอย่างการโทรวีดีโอแบบนี้ ผมสะดุ้งรีบกดรับแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าใครโทรมา


       “ Happy Birthday to you”


        หน้าจอมือถือปรากฏภาพบรรดาเพื่อนๆทั้งเต็ป แฮม ว่าน แท็คที่พากันทักทายโบกมือหยอยๆ โดยที่ในมือว่านมีเค้กอันเล็กๆจุดเทียนหนึ่งดอกเรียบร้อยรอการเป่า


        “ สุขสันต์วันเกิดนะเต้ย”

        ว่านทำเสียงน่ารักพร้อมกับยื่นเค้กมาตรงหน้าจอ


        ผมอมยิ้มรับด้วยความเปรมปรีดิ์


        หลังจากที่มือเย็นวันนี้มีการเลี้ยงฉลองกันนิดหน่อยจริงๆก็แค่ทานข้าวด้วยกันแล้วมันก็เพิ่งลากลับไปพร้อมครอบครัว และทั้งบ้านก็เพิ่งแยกย้ายกันไปพักผ่อนก็พอดีกับที่เพื่อนๆโทรมา


        “ เฮ้ย”

       ผมตกใจมองหน้าแฮมที่ร้องเสียงดังและชี้นิ่วใส่ผมพร้อมกับร้องอย่างยินดี

        “ อะไรกัน”

        ผมมองภาพความวุ่นวายตรงหน้าก่อนที่แฮมจะคว้ามือถือไปครองแล้วเปลี่ยนจากโทรแบบเห็นหน้าเป็นการโทรปกติ


       “ เต้ย”

       “ หืม มีอะไรรึเปล่า ร้องซะดังเราตกใจหมด” ปลายสายหัวเราะใส่ผมเสียงดังจะแทบจะยกหูออกจากโทรศัพท์

       “ ก็คอเต้ย”

       “ คอ...ทำไมเหรอ” ผมลองคลำที่คอจนสัมผัสกับสร้อยที่มันสวมให้

       “ สร้อยนั่น จ๊อบมันให้มาเหรอ”

       “ อื้อ” แค่พูดถึงมันผมก็ยิ้มกว้างหัวใจเต้นสั่นระรัวเหมือนมีใครมาตีกลองอยู่ข้างใน

       “ งั้นเหรอ...” ผมไม่รู้ว่าปลายสายแอบยิ้มเหมือนกัน “...เต้ยรู้มั้ยว่าเกียร์มีความสำคัญกับเด็กวิศวะยังไง”


       “.....”



       “ เกียร์หลายๆอันหน่ะเป็นส่วนประกอบของเครื่องยนต์ที่ทำให้มีการขับเคลื่อนไป เปรียบได้กับความสามัคคีของคนในรุ่นที่จะพาพวกเราก้าวผ่านความยากลำบากของการรับน้องไปได้  เพราะมันสำคัญมันเลยถูกเปรียบให้เหมือนกับหัวใจ กว่าที่เด็กวิศวะจะได้เกียร์มา  พวกเราต้องอดทน ต้องพิสูจน์ตัวเองให้รุ่นพี่ยอมรับพวกเราให้ได้ เกียร์หนึ่งอันมาแลกมากับความยากลำบาก พวกเราถึงรักษามันอย่างดีเหมือนกับการรักษาหัวใจของตัวเอง”


        “ และการที่จะให้เกียร์กับใครไป คนๆนั้นก็ย่อมต้องเป็นคนสำคัญมาก”


        “ เกียร์ก็เหมือนหัวใจของเด็กวิศวะ การที่ฝากเกียร์ไว้ที่ใครก็เหมือนการฝากหัวใจไว้ที่คนๆนั้น”



        ผมยืนอึ้ง

        เนื้อตัวชาวาบไปหมดทุกสัดส่วน ต่างกับหัวใจที่เต้นเหมือนจะทะลุออกมา แต่ก็รู้สึกอบอุ่นในขณะเดียวกัน


        ผมกำสร้อยคอรูปเกียร์เอาไว้เสียแน่นแล้วแนบมันให้ตรงกับหน้าอกที่ด้านซ้ายของตัวเองด้วยความรู้สึกตื้นตัน น้ำตาผมไหลเอ่อล้นขอบตาเต็มไปหมด และเหมือนกับว่าได้ยินเสียงกระซิบตามสายลมมาใกล้ๆใบหู มันเป็นถ้อยคำที่ติดตรึงอยู่ในใจและรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่โอบล้อมรอบๆปาก


        “ เพราะมันสำคัญ กูถึงอยากฝากไว้ ฝากไว้ที่มึงตลอดไป”


       ผมสัญญา

       จะเก็บรักษาหัวใจของมันให้ดีที่สุด






***** มาแล้วจ้ามาแล้ว  :impress2: :katai4:

         อิอิ ถามหน่อยว่าจิกหมอนป่ะ ตาร้อนผ่าวม่ะ บอกตรงๆว่าจังหวะนี้อยากได้เกียร์ ฮ่าๆๆๆ  :o8: :-[

         แก้ข่าวนิดนึงที่ว่า มันใกล้จบแล้ว แต่พอไปนั่งนับๆดูอีกตั้งเกือบสิบตอนแหนะ แหะๆ ยังไงติดตามเป็นกำลังใจ
         ให้กันไปเรื่อยๆเนอะ  :m23:

         ถามอีกนิดว่ายังมีคนติดตามอยู่มั้ยอ่ะ เห็นเม้นท์ดูเงียบๆไป ถ้าไม่สนุกหรือให้ปรับตรงไหนบอกได้นะจ๊ะ ยินดีรับฟัง
         ทุกความคิดเห็นจ้า  :mew1:

         สุดท้ายเจอกันตอนหน้าเนอะ บะบาย ฝันดีฝันหวาน ฝันถึงกันด้วยนะ จุ๊บๆๆๆ :bye2:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :katai4:

คู่เต้ยจ๊อบไปรอดแน่นอน พ่อแม่ไฟเขียวแล้ว (ชื่นชมพ่อจ๊อบ ให้ข้อคิดและวิธีการที่ดีมากค่ะ :))

แต่ทีเบียร์...........

 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
จิกหมอน ตาร้อนผ่าว อิจฉาเต้ยเว้ย  o9 อยากได้เกียร์มั่งจัง

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
 :-[ อ๊ายยย.............อิจ๊อบรู้ใจตัวเองแล้วหวานบาดคอเชียวนะแก
ไม่เราไม่จิกหมอน ฟินขนาดนี้ ระดับฉีกหมอนคร๊าบบบบ............. :hao7:

เกจคะแนนอิจ๊อบตีกลับพรวดๆ เลย จากที่เคยให้ติดลบไว้ และ +เป็ดให้คนเขียนจ้า  :กอด1:

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
อยากได้เกียร์บ้างอ่ะ เกียมัวแล้วแกจ็อบเอ้ย

ออฟไลน์ kinny

  • คินนี่มาแย้ววว ครับ กวนวันละนิด ถีบใสๆๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
 :pig4: :pig4: :pig4:  ดีใจจัง มาอัพให้อ่านอีกล่ะ  ให้กำลังใจสุดๆๆๆๆๆๆ   :L2: :L2: :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-05-2015 22:32:50 โดย kinny »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
แอบลืม เบา ๆ 5555

รออ่านต่อน้ะ

ออฟไลน์ kutelittlepoly

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ชอบพ่อแม่จ๊อบจัง คนอื่นเค้ารู้กันหมดล่ะ มีแต่แกที่รู้ตัวช้า กว่าจะรู้ตัวก็เสียน้ำตาไปหลายถังเลย555555555
ชอบคำสอนของพ่อจ๊อบมากๆ ขอจำไปใช้บ้าง :katai4:

ปล.อยากได้เกียร์บ้าง อิจฉาเต้ย (เกียร์อยู่กับใคร ใจก็อยู่กับคนนั้น)

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
โฮๆๆๆๆๆ ดีใจที่เข้าใจกันเสียที ขออย่าให้มีอุปสรรคใดอีกเลยนะ พลีสสสสสสสสสสสส

ส่วนทีเบียร์ เราทำใจแล้วล่ะ เฮ้ออออออ...

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โล่งอกพ่อแม่จ็อบเต้ยไฟเขียวไม่มีปัญหา ทีนี้ก็เหลือแต่คู่พี่ทีกับพี่เบียร์ว่าจะผ่านอุปสรรคได้มั้ย

แต่ยังดีที่มีพี่สาวกับน้องชายที่เป็นคนในครอบครัวส่วนนึงให้กำลังใจพี่ที

พี่ทีจะได้มีกำลังใจไม่รู้สึกโดดเดียวอยู่คนเดียว

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
อยากได้เกียร์บ้างจัง

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
รอๆดูพี่สาวกะน้องชายพี่ที
ทั้งสองจะช่วยความรักของ
พี่ทีให้สมหวังได้หรือป่าว

ออฟไลน์ wann

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ง้อววววว


ชอบข้อคิดของคุณพ่อจ้อบจังเลยย เอามาจากคุณพ่อของคนแต่งป่าวจ้าา

ห้าๆๆๆ สวดยอดดดดด :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ May@love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
ยังติดตามอยู่นะ อยากให้เต้ยโตมากขึ้นในด้านตวามคิด มีสติและ
มีเหตุผลมากขึ้นกับความรัก ไม่ใช่วิ่งหนีปัญหาเหมือนที่ผ่านมา


ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
อ่านแล้วเขินแทน  :o8:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ว้าวๆๆๆ มีให้เกียร์ด้วย. ผมเป็นคนนึงที่มีเกียร์ จะบอกว่า กว่าจะได้มายากมากนะครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด