เปลี่ยนไป (หรือเปล่า)
เช้าแล้ว...ผมลืมตาตื่นขึ้นเหมือนทุกวัน มองไปที่นอนตรงข้างๆผม ผู้ชายอีกหนึ่งคนยังคงหลับอยู่ ผมแปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้ผมไม่ได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเค้าเหมือนทุกๆ วัน เค้านอนห่างผมออกไปไม่ถึงหนึ่งฟุตด้วยซ้ำ แต่ทำไมวันนี้ผมรู้สึกว่าเค้าอยู่ห่างไกลเหลือเกิน ทำไมกันวันนี้ผมถึงรู้สึกว่ามันกำลังจะไม่เหมือนเดิมกันนะ
ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ ก่อนจะยิ้มนึกขำกับตัวเอง นี่ผมคิดอะไร ผมกับเค้าคบกันมานานแล้วและก็ยังรักกันดีอยู่แล้วทำไมวันนี้ผมถึงรู้สึกแปลกๆ กันนะ อารมณ์ในส่วนลึกของผมกำลังบอกว่าวันนี้มันมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป ผมพยายามไม่คิดมาก มันก็แค่วันนี้เค้าไม่ได้กอดผมไว้แค่นั้นเอง แค่นั้นเองเหรอ ผมหุบยิ้มลงทันที
ตลอดเวลาที่เราคบกันมาผมยังนึกไม่ออกว่ามีวันไหนไหมที่ผมไม่ได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดนั้น นอกเสียจากว่าวันไหนที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไม่อยู่ แต่วันนี้ ทำไมเค้าไม่กอดผมเหมือนเดิม อยู่ๆน้ำตาผมก็ไหลออกมา นี่ผมคิดมากไปหรือเปล่า สมองผมยังคงวนเวียนเรื่องเดิมๆ ความรู้สึกโหวงเหวงหวั่นใจเริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ผมรีบลุกเข้าห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่า ทำธุระส่วนตัว ด้วยหวังว่าการให้น้ำชำระร่างกายจะช่วยให้อารมณ์หงอยๆ ของผมดีขึ้น แต่เปล่าเลย
พอผมออกมาจากห้องน้ำ เค้าตื่นแล้วและก็ออกไปยืนสูบบุหรี่ที่ตรงระเบียง เหมือนทุกวันที่เคยทำ ไม่นานเค้าก็เดินกลับเข้ามา และอีกหนึ่งสิ่งที่เช้านี้ต่างออกไปจากทุกเช้าก็มีเพิ่มมาอีก ปกติหลังจากเค้าสูบบุหรี่เสร็จก็จะเป็นเวลาที่ผมอาบน้ำเสร็จเค้าก็จะเดินมา มอร์นิ่งคิสผม ผมก็จะชอบตอบออกไปเสมอว่า การจูบกับคนสูบบุหรี่นี่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นที่เขี่ยบุหรี่ชะมัด แล้วเค้าจะยิ้มให้คำพูดนั้นของผมเสมอ ก่อนจะตอบว่า งั้นเค้าจะขอใช้ที่เขี่ยบุหรี่นี้ไปตลอดชีวิต แต่เช้าวันนี้มันต่างออกไป เค้าไม่ได้เข้ามาหาผม ไม่แม้แต่จะทักทายใดๆ เค้าเดินผ่านผมไปยังห้องน้ำ ผมได้แต่พยายามสกัดกั้นอารมณ์น้อยใจที่เกิดขึ้น
“วันนี้กลับค่ำนะ ไม่ต้องรอทานข้าว”เค้าบอกเสียงเย็นชา ตอนที่เราสองคนเดินมาถึงลานจอดรถด้านล่างของคอนโด ที่ทำงานของเราสองคนอยู่คนละทางเราจึงต้องขับรถคนละคันในการเดินทางไปทำงาน แต่ปกติทุกเช้าเค้าจะอ้อยอิ่งร่ำลาอยู่เป็นนานสองนานกว่าจะยอมไปทำงาน
แต่วันนี้นอกจากจะไม่มีการร่ำลา แถมยังมีน้ำเสียงเย็นชานั่นอีก มันยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้สึกเงียบเหงาเหลือเกิน ผมขับรถด้วยใจเลื่อนลอย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปถึงที่ทำงานได้อย่างไร และไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายที่วันนี้งานผมแทบจะไม่มีอะไรเลย ถ้าเป็นปกติผมคงจะดีใจที่ได้อยู่สบายๆ โดยไม่ต้องเคร่งเครียดกับการทำงาน แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกอยากมีงานทำ จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดฟุ้งซ่านคนเดียวอยู่อย่างตอนนี้ อย่างที่ใครเค้าบอกว่าเวลาที่เรามีความสุขมันจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแน่นอนวันนี้ผมรู้สึกว่ากว่าแต่ละนาทีจะผ่านไปได้มันช่างยาวนานเหลือเกิน ผมอยากเลิกงานเร็วๆ อยากกลับไปหาคนที่ผมรัก อยากไปคุยกับเค้าให้รู้เรื่องว่าเค้าไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่า ทำไมถึงได้ทำเย็นชากับผมแบบนั้น
เย็นแล้วผมรีบกลับอย่างรวดเร็วหลังจากได้เวลาเลิกงาน แต่ผมก็ต้องมานั่งหงุดหงิดติดอยู่บนท้องถนน ขนาดว่าผมอยู่บนทางด่วน แต่ในเวลาเร่งรีบแบบนี้ผมกลับรู้สึกหงุดหงิดกับถนนหนทางว่ามันไม่เห็นจะด่วนเหมือนชื่อของมันเลย ใช้เวลานานพอสมควรกว่าผมจะกลับมาถึงคอนโด ผมจอดรถพร้อมกับกวาดสายตาไปให้ทั่วลานจอดรถ แต่รถคันที่ผมมองหากลับไม่ได้อยู่ที่ลาดจอด พลันผมก็นึกขึ้นได้ ว่าวันนี้เค้าจะกลับค่ำ
“เฮ้อ”ผมถอนหายใจให้กับตัวเอง แล้วนี่ผมจะรีบกลับมาทำไม ท้องผมเริ่มประท้วงว่าหิวแล้ว เพราะตอนเที่ยงวันนี้ผมก็ไม่ได้ทานอะไรเท่าไหร่ มัวแต่คิดเรื่องของเค้าเลยพลอยให้ไม่นึกอยากจะกิน แล้วถ้าจะกลับออกไปกินข้างนอกตอนนี้ก็คงไม่ไหวแน่ๆ ถ้าต้องกลับไปฝ่าการจราจรอีกครั้ง ผมได้แต่เซ็งกับชีวิต ค่อยๆ พาร่างที่เหมือนจะไร้วิญญาณให้เข้าไปในห้องได้
ผมมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้งเริ่มรู้สึกเงียบเหงาอีกครั้ง เพราะปกติเค้าจะเลิกงานก่อนผมเสมอ และทุกครั้งที่ผมเปิดประตูเข้ามาก็จะพบกับพ่อครัวประจำตัวของผม ที่กำลังจัดแจงทำกับข้าวอย่างอารมณ์ดี ผมพยายามมองหาภาพเหล่านั้น แต่เหมือนมันจะค่อยๆ จางหายไป ก็วันนี้เค้าไม่อยู่นี่นา
ด้วยความหิวผมจึงต้องรีบรื้อดูตู้เย็นว่ามีอะไรให้ผมพอจะกินได้บ้าง แต่ทว่าในตู้เย็นกลับเต็มไปด้วยของสด ที่ปกติเค้าจะเป็นคนจัดการกับของพวกนี้ให้มันแปรสภาพเป็นเมนูแสนอร่อยสำหรับเราสองคน ผมได้แต่มองอย่างเหงาๆ เพราะผมทำกับข้าวไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ขนาดว่าผมยอมอดดีกว่าที่จะต้องทนกินฝีมือตัวเอง ปกติผมก็จะช่วยเค้าได้แค่การหุงข้าวแค่นั้น ด้วยความเคยชินผมเดินไปจัดการหุงข้าวอย่างที่เคยทำ พอเสร็จเรียบร้อยผมก็กลับไปมองดูที่ตู้เย็นอีกครั้ง ว่าผมพอจะทำอะไรประทังชีวิตตัวเองได้บ้าง
ผมพยายามมองหาไอ้พวกอาหารกึ่งสำเร็จรูปอย่างเช่นมาม่าหรือปลากระป๋อง ซึ่งอาจจะช่วยชีวิตผมได้ดีกว่าการทำกับข้าวกินเอง แต่ไม่มีแม้แต่เงาของอาหารกึ่งสำเร็จรูปเหล่านั้นเลย
“เอๆ เดี๋ยวซื๊อนี่ติดไว้ที่ห้องบ้างดีไหม”ผมเอ่ยถามพร้อมกับชี้ไปที่ชั้นวางบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตอนไปซื้อข้าวของกับเค้าเมื่อไม่นานมานี้
“เอาไปทำไม ของแบบนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์ไม่ต้องกินหรอก”เค้าห้ามปรามพร้อมกับบอกเหตุผล แต่ผมกลับคิดว่าน่าจะมีติดไว้เผื่อบางวันที่เค้าไม่อยู่ผมจะได้ไม่อดตาย อีกอย่างบางครั้งมันก็รู้สึกอยากทานไอ้ของไม่มีประโยชน์นี่บ้างเหมือนกัน
“งั้นเอาปลากระป๋องแทนก็ได้”ผมต่อรองต่อเผื่อมีวันนี้ที่ผมอาจอดตายจริงๆ และก็เห็นว่าปลากระป๋องน่าจะมีประโยชน์มากกว่ามาม่า เค้าอาจจะยอมให้ผมซื้อไปด้วยก็ได้
“หนึ่งจะเอาไปทำไมกัน ไอ้ของพวกนี้หือ”เขาหันกลับมาส่งสายตาตำหนิ ผมที่ยังดึงดันอยากได้ไอ้ของไม่มีคุณค่าทางอาหารในสายตาเค้า
“ก็เราทำกับข้าวไม่เป็นนี่นา มีของพวกนี้ไว้จะได้ไม่อดตายไง”ผมบอกเหตุผลอย่างอายๆ
“เราไม่ปล่อยให้แฟนตัวเองอดตายหรอกน่า เดี๋ยวเอจะทำกับข้าวให้หนึ่งกินทุกวันเลย แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ”เค้าพูดพร้อมกับส่งสายตาหื่นๆ มาให้ผม
ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มอีกครั้ง เพราะภาพในห้างสรรพสินค้าเมื่อครู่มันกลายเป็นตู้เย็นตรงหน้าผมแล้ว ในที่สุดผมก็เลือกของออกมาหนึ่งอย่างที่พอคิดว่าผมจะทำได้
“ให้มันรู้ไปสิ ว่าไอ้หนึ่ง สอง สาม อย่างเราจะทำไข่เจียวไม่เป็น”ผมปลอบใจตัวเอง ก่อนจะหาอุปกรณ์ทำครัวอย่างทุลักทุเล นานพอสมควรกว่าผมจะหากระทะเจอ กว่าจะได้ถ้วยมาตีไข่ แต่ในที่สุดผมก็ได้มาครบ สมองน้อยๆของผมพยายามทบทวนความจำที่เคยมีใครบางคนสอนทำไข่เจียว
“เอ สอนเราทำกับข้าวบ้างสิ”ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่เราย้ายมาอยู่ด้วยกันแรกๆ มีแต่เอที่ทำกับข้าวให้ผมกิน ผมเลยนึกอยากลองทำดูบ้าง
“ไม่เอาอ่ะขี้เกียจสอน ไม่ต้องหัดทำหรอก ไว้เราทำให้หนึ่งกินเอง”เค้าบ่ายเบี่ยงไม่ยอมสอนผมง่ายๆ โดยยังคงสนใจกับรายการทีวีที่อยู่ตรงหน้า
“ถ้าสอนเดี๋ยวเรามีรางวัลให้นะ”ผมเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าเค้า ยืนบังทีวีก่อนจะนั่งลงบนตักเค้าพร้อมกับส่งสายตายั่วยวนเต็มที่ และไม่ต้องรอช้า เอรั้งศีรษะผมลงไปจูบอย่างดูดดื่ม มือซุกซนนั้นสอดเข้ามาภายใต้เสื้อบางๆ ของผมเพื่อยอกเย้ากับเม็ดสีชมพูบริเวณหน้าอก
“หือ หยุดทำไม”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจเมี่อผมถอนริมฝีปากออก พร้อมกับทำท่าจะลุกขึ้น แต่มือของเค้าเร็วกว่าทำให้ผมยังลุกขึ้นไม่ได้
“สอนก่อนสิ ถึงจะมีรางวัลให้”ผมต่อรองทั้งที่อารมณ์ผมเองก็เตลิดไปไกลแล้ว
“ขอรางวัลก่อนแล้วค่อยสอนไม่ได้เหรอ”ดูท่าเค้าเองก็คงยากจะหักห้ามใจเสียแล้ว แต่ผมต้องหยุดให้ได้ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้รำเรียนการทำอาหาร
“ไม่เอาน่า สอนก่อนสิ รับรองว่าถ้าสอนแล้วเรามีของขวัญสุดพิเศษให้เลยแหละ”ผมกล่าวอย่างอายๆ เมื่อนึกถึงรางวัลที่ผมคิดจะมอบให้เค้า
“งั้นก็ได้ แต่ขอมัดจำไว้ก่อนนะ”ชายหนุ่มตอบรับอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะประกบริมฝีปากร้อนนั้นมาที่ผมอีกครั้ง
“พอได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ได้เรียน ได้สอนกันพอดี”ผมรีบบอกทันทีที่เค้าถอนปากออก
“เอ้า ก็ได้ แต่สอนเสร็จแล้วอย่าลืมสัญญานะ”ชายหนุ่มบอกอย่างยิ้มๆ พร้อมกับสายตาหื่นๆ รู้สึกยิ่งนานวันไอ้คนตรงหน้าผมยิ่งจะทวีความหื่นขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วอยากทำอะไรล่ะ”เค้าเอ่ยปากถามเมื่อจับมือพาผมเดินมาถึงตู้เย็น นั่นสินะคิดแต่ว่าอยากทำเป็น แล้วจะลองทำอะไรดี
“เอาต้มยำกุ้งแล้วกัน เราชอบกินต้มยำ”ผมตอบออกไปโดยไม่ได้นึกเลยว่ามันไม่ใช่ของที่ทำกันง่ายๆ เท่าไหร่นะ
“แน่ใจเหรอ”เค้าบอกแบบเหมือนจะขอคำยืนยัน พร้อมกับน้ำเสียงเตือนๆ อยู่ในทีว่า มันจะเสียของเปล่าๆ ทั้งกุ้ง และส่วนประกอบอื่นๆ ผมเลยคิดได้ว่ามันคงจะยากเกินไป น่าจะเริ่มจากอะไรง่ายๆก่อนดีกว่า
“งั้นเอาอะไรง่ายๆ ก่อนก็ได้ คุณครูอยากสอนผมทำอะไรก็สอนมาเถอะครับ”ผมบอกเสียงอ้อนๆ ให้เค้าเป็นคนเลือกเมนูที่จะสอนผม
“เราอยากสอนเรื่องบนเตียงมากกว่า”ชายหนุ่มหันกลับมาตอบพร้อมด้วยสายตาหื่นๆ อีกแล้ว
“อันนั้นเราทำเป็นอยู่แล้วไม่ต้องมาสอน”ผมบอกอย่างฉุนๆ พร้อมกับส่งสายตาค้อนๆ ไป ให้เค้ารู้ตัวว่าควรจะเริ่มสอนเสียที
“ทำไข่เจียวแล้วกัน ง่ายดี”ไข่เจียวนี่นะ
“โห อะไรอ่ะ ไข่เจียว ใครๆ ก็ทำเป็น เอาอย่างอื่นดิ”ผมเริ่มโวยวาย ก็การฝึกทำกับข้าวทั้งทีให้ผมฝึกทำไข่เจียวนี่อ่ะนะ ผมอยากทำอะไรที่แปลกใหม่กว่านี้หน่อย
“หนึ่งทำเป็นเหรอ ไข่เจียวนะ”เค้าดักคอจนผมไม่รู้จะค้านยังไง เพราะแม้แต่ไข่เจียว ที่ใครๆ ต่างก็ทำเป็น แต่ผมก็ทำไม่เป็น แหะๆ
“ตกลงจะสอนทำไข่เจียวจริงๆ เหรอ”ผมยังหวังว่าอาจจะได้หัดทำอย่างอื่นเลยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ
“มันต้องค่อยเป็นค่อยไป อีกอย่างไข่เจียวนี่แหละเร็วดี เราจะได้รับรางวัลจากหนึ่งเร็วๆด้วยไง”ตกลงนี่เค้าอยากสอนผมจริงๆ หรือแค่หวังอยากได้รางวัลกันแน่
“ไอ้หื่น”ผมแกล้งทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตา ว่าเค้าอย่างล้อเลียน แต่เค้าไม่ได้สนใจ รีบจัดแจงเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างจนพร้อม ผมจับจ้องทุกรายละเอียด ไปๆมาเลยเหมือนผมมานั่งดูเค้าทำเสียมากกว่า เพราะเอทำทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่ว พอผมจะทำมันเลยเป็นการเกะกะเค้าเปล่าๆ อีกอย่างเค้าก็เหมือนจะไม่ค่อยอยากให้ผมทำเท่าไหร่
“ตกลงนี่เอจะสอนหรือจะมาทำให้ดูเฉยๆ”ผมพูดขึ้นอย่างงอนๆ
“ก็เราไม่อยากให้หนึ่งเหนื่อยนี่นา”เค้าวางของทุกอย่างแล้วเดินเข้ามากอดผมที่ยืนหันหลังให้ ก่อนจะกระซิบเบาๆ ที่หูผม
“เอรักหนึ่งนะ เลยไม่อยากให้หนึ่งต้องลำบากทำอะไรแบบนี้ เรื่องทำอาหารเดี๋ยวเอทำเองคนเดียวก็ดีอยู่แล้ว”ผมรู้สึกดีอยู่หรอกที่เค้าพูดแบบนี้ แต่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเอาเปรียบเค้าอยู่ เพราะผมไม่ค่อยได้ทำอะไรให้เค้าเท่าไหร่เลย
“ก็หนึ่งอยากลองทำดูบ้าง เดี๋ยวให้หนึ่งทำต่อนะ”ผมยังคงไม่ละความตั้งใจในการอยากที่จะเรียนรู้การทำอาหาร
“เอาอย่างนั้นก็ได้”เค้าปล่อยผมจากวงแขนก่อนจะมาคอยกำกับการถือถ้วยที่มีใข่สีเหลืองนวล ลอยอยู่พร้อมกับอะไรอีกหลายอย่างที่เค้าใส่ลงไป ตีจนทั้งหมดรวมเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่เทลงกระทะเท่านั้น เค้าคอยบอกผมอธิบายทุกขั้นตอน ทั้งจังหวะการเท ว่าควรทำยังไง ดูยังไงว่าน้ำมันในกระทะมันร้อนพอหรือยัง และจนแล้วจนรอดเค้าก็ต้องเป็นคนเทไข่ลงกระทะอยู่ดี
แต่ผมไม่ยอมแพ้ ขันอาสาขอเป็นคนพลิกไข่ก็ยังดี และเหมือนโชคจะเข้าข้างผมเพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นโทรศัพท์ที่ห้อง ผมเลยไล่เค้าไปรับส่วนผมก็อยู่เฝ้าไข่เจียวฝีมือตัวเองต่อไป ผ่านไปได้สักพัก เอก็เดินกลับมา
ตอนนี้ไข่เจียวอยู่บนจานเรียบร้อยแล้ว เค้ายิ้มฟันขาวเดินเข้ามาหาผม พร้อมกับมองหาไข่เจียวพอเห็นก็ต้องทำหน้าตกใจเพราะว่า
“นี่ทำไข่เจียว หรือว่าเผาไข่เล่นกันหือ”เค้าว่าผมล้อๆ ผมได้แต่นั่งหน้าบึ้ง ก็ใครมันจะไปรู้ว่ามันจะไหม้ง่ายขนาดนี้แถมพอจะพลิกมันก็ขาดซะงั้น ตอนนี้มันเลยไม่ได้เป็นแผ่นเหมือนไข่เจียวทั่วไป แต่มันเละไปหมดแถมไหม้เกรียมอีกต่างหาก
“ปะไปมอบรางวัลไว้เราดีกว่า”ผมทำหน้างงๆ นี่ไม่เห็นได้สอนอะไรกันเลย แถมปฏิบัติการก็ไม่สำเร็จยังมีหน้ามาทวงรางวัลอีก
“อะไรกันนี่มันยังไม่ค่ำเลย”ผมรีบทักท้วง
“ไม่เอาก็หนึ่งสัญญาแล้วว่าถ้าเราสอนทำกับข้าว จะมอบรางวัลให้หลังจากสอนเสร็จไม่ใช่เหรอ”ผมจำไม่เห็นได้หว่าว่าบอกว่าจะให้รางวัลทันทีที่สอนเสร็จ อีกอย่างการสอนก็ไม่ประสบความสำเร็จด้วย
“สอนก็ไม่เห็นได้เรื่องเลย”ผมว่าอย่างงอนๆ ยังไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ตรงโต๊ะทานข้าวของเรา
“อยากทำตรงนี้เหรอ”ไอ้คนจอมหื่นยังคงไม่ละความพยายามพร้อมกับช้อนร่างผมขึ้น ขัดขืนไปก็ไร้ประโยชน์ ผมเลยปล่อยให้เค้าอุ้มไปที่เตียงอย่างว่าง่าย เพราะจริงๆ ผมก็อารมณ์ค้างอยู่เหมือนกันตอนที่ยั่วให้เค้าสอนทำกับข้าว
“เดี๋ยวก่อนสิ”ผมทักท้วงคนที่คร่อมอยู่บนตัวผม ตอนนี้เราสองคนไม่มีเสื้อผ้าพันกายอีกแล้ว และเค้าก็กำลังเริ่มไซร้ซอกคอผม
“อะไรอีกหือ”เค้าเอ่ยอย่างขัดใจด้วยเสียงหื่นๆ
“ก็บอกแล้วไงว่าจะให้รางวัล ครั้งนี้เอนอนเฉยๆ เดี๋ยวเราทำเอง”ผมพลิกตัวขึ้นผลักให้เค้านอนหงายลงไป เค้าทำหน้างงๆ เล็กน้อยแต่ทำตามอย่างว่าง่าย ผมเป็นฝ่ายจูบเค้าตั้งแต่ซอกคอไล่ลงมาจนถึงแกนกลางลำตัว ผมไม่ยอมสัมผัสมันเสียที จนเจ้าของมันต้องดันศีรษะผมต่ำลงไปอีก ผมค่อยๆ เล็มเลียส่วนปลาย ก่อนจะค่อยๆกลืนเข้าไปจนหมด ผมกลืนกินอยู่สักพักก็ถอนปากออก
“หยุดทำไมละที่รัก”เค้าถามเสียงกระเซ่าอย่างขัดใจ แต่ผมไม่ได้ตอบ ผมขยับขึ้นไปจัดไอ้เจ้าแกนกลางลำตัวของเค้านั้นให้ตั้งตรงก่อนจะค่อยๆ นั่งทับลงไปเพื่อต้อนรับมันเข้ามาในตัวผม ผมค่อยๆ รับมันเข้าไปทีละนิด จนในที่สุดมันก็เข้าไปจนหมด
“อย่าเพิ่งขยับนะที่รัก อ๊า...แน่นดีเหลือเกิน”คนที่อยู่ด้านล่างของผมบอกด้วยเสียงแห่งความต้องการ ผมแช่ไว้สักครู่ก่อนจะเริ่มขยับ แล้วไม่นานเตียงนอนของเราสองคนก็แปรเปลี่ยนไปเป็นสมรภูมิรักชั่วคราว
ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น แต่ก็ต้องสลดลงอีกเมื่อคิดว่า ตอนนี้เค้าอาจจะเบื่อผมแล้วก็ได้ ก็ผมมันแทบจะไม่มีอะไรดีเลย ทำอะไรเพื่อเค้าก็แทบจะไม่มีเลย คิดได้ดังนั้นก็ต้องลงมือทำไข่เจียวต่อไปอย่างเหงาๆ ผมพยายามนึกถึงเมื่อครั้งที่เค้าเคยสอนผม วันนี้ผมจะไม่ทำให้ไข่ไหม้เด็ดขาด และแล้วผมก็ทำสำเร็จ เมื่อไข่เจียวสีเหลืองสวยงาม วางอยู่บนจานข้าวที่ผมหุงเอง ตอนนี้มันวางบนโต๊ะอาหาร ผมอดที่จะชื่นชมตัวเองไม่ได้ที่ผมทำไข่เจียวสำเร็จเป็นครั้งแรก ผมมองดูเก้าอี้อีกตัวที่ตอนนี้เจ้าของยังไม่กลับมาเลย แต่ไม่เป็นไรไว้รอเค้ากลับมาผมค่อยคุยกับเค้าก็ได้ว่าเค้าไม่พอใจอะไรผม หวังว่าเค้าคงยังไม่ได้เบื่อผมหรอกนะ คิดได้ดังนั้นผมก็ตักข้าวไข่เจียวใส่ปาก ตอนแรกผมกะว่าจะละเลียดมันในปากชื่นชมกับผลงานตัวเอง แต่ด้วยความหิว มันก็เลยอยู่ในปากผมได้ไม่นาน
“แหวะ”ผมรีบคายออกทันที ที่ไข่เจียวฝีมือตัวเองสัมผัสลิ้น ก็มันเค็มปี๋เลย เค็มชนิดที่ผมคิดว่าต่อให้ล้างน้ำก่อนกิน ความเค็มก็คงยังไม่จางหาย ผมได้แต่ส่ายหน้าให้ตัวเอง เลยเริ่มคิดว่านี่ถ้าผมไม่มีเค้า ผมยังจะมีชีวิตรอดต่อไปไหม คิดแล้วก็ใจหวิวๆ ถ้าเกิดวันนึงเค้าเกิดเบื่อผมขึ้นมาจริงๆ ผมจะอยู่ยังไง คิดๆแล้วก็พาลน้ำตาจะไหลเสียให้ได้ ทำไมวันนี้ผมถึงได้รู้สึกแบบนี้ ทำไมผมต้องรู้สึกว่าวันนี้เค้าไม่ห่วงผมแล้ว ไม่สนใจผมอีกแล้ว เหมือนเค้าจะอยู่ไกลแสนไกลเหลือเกินสำหรับผม เมื่อไหร่เค้าจะกลับมาเสียที ผมอยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง อยากให้เค้ามากระซิบเบาๆ ที่ข้างหู ช่วยยืนยันว่าเค้ายังรักผมอยู่เหมือนเดิม
TBC
สวัสดีคร๊าบบบบ
จะบอกว่าสิงอยู่ในเล้ามานาน แต่เพิ่งได้ Login
เลยเอาเรื่องเก่าๆ ที่เคยแต่งไว้มาลง
เคยลงในบ้านพี่ katesnk มานานแล้ว
ก็กะว่าจะมาทยอยลงที่เล้าประมาณ 3-4 เรื่องที่แต่งไว้จบแล้ว
ชอบไม่ชอบยังไงกะติชมด้วยนะครับ
หรือผิดพลาดตรงไหนก็แนะนำด้วย