EGvsMTเฮดว้ากตัวร้ายปะทะวินัยเจ้าระเบียบ วันสุดท้ายP.27[วิศวะVsเทคนิคฯ]อัพ21/5จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: EGvsMTเฮดว้ากตัวร้ายปะทะวินัยเจ้าระเบียบ วันสุดท้ายP.27[วิศวะVsเทคนิคฯ]อัพ21/5จบ  (อ่าน 275167 ครั้ง)

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
ไม่ต่างกับม.เราเลย เหมือนทุกอย่าง ทุกคำพูด ท่าทาง ความกดดัน อกอีแป้นจะแตก :katai1:

อุ๊... ม.อะไรคะ

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
สู้ๆ อย่าลืมหาน้ำมะนาวมาดื่มกันนะ พี่วินัย และ พี่ว๊าก ทั้งหลาย  :hao3:

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
วันที่เก้า

(ทิวไผ่)

สวัสดีครับ ทุกคน ทิวไผ่เองนะครับ ขอว่าที่แพทย์อย่างผมแทรกบทของว่าที่นักเทคนิคการแพทย์และว่าที่วิศวกรในอนาคตสักหน่อยคงไม่ว่ากันใช่ไหมครับ

ช่วงนี้ผมรู้สึกเย็น ๆ หลังยังไงพิกล ได้ยินแว่วเข้าหูมาว่าหลานเทคของหนาวพยายามตามหาลุงเทคของเขามาก มันก็ดีนะครับที่น้องจะตามหาสาย แต่ทำไมผมรู้สึกแปลก ๆ กับคำพูดน้องเขาก็ไม่รู้

'ผมต้องให้ลุงเทครับตัวผมให้ได้' ทำไมน้องไม่พูดว่า 'ผมจะต้องให้ลุงเทครับผมเข้าสายให้ได้'ล่ะ

ผมคงคิดมากไปเอง

ตอนที่ได้คุยโทรศัพท์กับคีตา เขาดูจะอ้อน ๆ จนทำให้ผมรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะได้ยินมาว่าเขาเป็นพวกเจ้าชู้ กวนตีน ก็เถอะ

ถ้าไม่ได้รู้จักกันจริง ๆ ผมไม่ด่วนตัดสินใครหรอกครับว่าเขาดีหรือไม่ดี รอเรารู้จักเขาแล้วค่อยตัดสินก็ยังไม่สาย จริงไหม?

"พี่ทิวคะ"เสียงใสดั่งระฆังแก้วเอ่ยเรียกชื่อผม เธอคือนิตยา หรือทรายแก้ว คนที่ผู้ใหญ่วางตัวให้เป็นภรรยาของผม... แต่ผมไม่ได้รักเธอในฐานะนั้น และผมคงไม่อาจรักเธอในฐานะนั้นได้ "คืนนี้ทรายจะไปงานเลี้ยงของท่านฑูต พี่ทิวจะไปกับทรายไหมคะ"

"ถึงพี่ปฏิเสธไม่ไป คุณแม่ท่านก็ให้พี่ไปกับทรายอยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ"ผมตอบกลับเธอยิ้ม ๆ เธอค้อนผมน้อย ๆ "เดี๋ยวพี่ไปรับตอนหกโมงนะครับ"

"ค่ะ ทรายจะรอนะคะ"ทรายแก้วยิ้มหวาน ก่อนจะเดินกลับไปรวมกับเพื่อน ๆ ของเธอที่ยืนรออยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่

ผมรู้ดีนะครับว่าทรายแก้วเองก็ไม่ได้คิดกับผมเกินไปกว่าพี่น้อง เห็นผมเป็นไม้กันหมาที่มาหยอดจีบเธอด้วยซ้ำไป เธอไม่ได้ปฏิเสธในการจับคู่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตอบรับเพียงเพราะเราเหมาะสมกัน

พวกเราจะดำเนินชีวิตกันไปแบบนี้ มีข่าวออกไปให้ซุบซิบในวงสังคมบ้าง จนกว่าจะเจอตัวจริงของพวกเราเอง ซึ่งผมคิดว่าคงอีกไม่นาน

"หวัดดีครับพี่"น้องปีหนึ่งที่เดินผ่านสวนกับผมกันมาไหว้ ผมยิ้มรับก่อนจะยกมือรับไหว้น้อง เด็กเฟรชชี่นี่น่ารักกันดีนะครับ

ถึงบางครั้งน้อง ๆ อาจจะดื้อ อาจจะลืมที่จะยกมือขึ้นไหว้รุ่นพี่ไปบ้าง กวนประสาทไปนิดทำให้หลายคนไม่พอใจ แต่สำหรับผม น้อง ๆ น่ารักเสมอล่ะครับ

เฟรชชี่หน้าใสที่พยายามเข้าหารุ่นพี่จอมโหดที่หมายมั่นจะกลั่นแกล้งน้อง ตอนปีสองผมก็แกล้งชาวบ้านเขาเหมือนกันล่ะครับ ฮ่า ๆ แต่ตอนนี้โตมากแล้ว ได้แต่แกล้งแบบแอบ ๆ ยิ่งเป็นประธานด้วย ยิ่งต้องระวังเรื่องภาพลักษณ์กันหน่อย

ผมเดินทอดน่องไปเรื่อยในบริเวณของคณะสายสุขภาพ แพทย์ พยาบาล เภสัช เทคนิคการแพทย์ กายภาพบำบัด รวมกันอยู่โซนนี้ เป็นโซนที่เข้ามาต้องได้กลิ่นยา กลิ่นสารเคมีล่ะครับ เลยโดดดีดมาห่างจากคณะอื่นเขา (แต่ก็มีพวกศิลป์ สถาปัตถ์ที่ใช้สีเยอะ ๆ โดนดีดไปไกลกว่าพวกเรา ฮ่าๆ)

เห็นที่หางตาไว ๆ นั่นคีตาหลานเทคของลมหนาวนี่น่า มากับสาวสวยซะด้วย ดูท่าแล้วข่าวลือจะเป็นจริงล่ะมั้ง... เนอะ
ปึก ตึง

"โอ๊ย"ใครวิ่งมาชนผมเนี่ย คีตามุ่นหัวคิ้วน้อย ๆ เมื่อได้ยินเสียงผม อย่าจำเสียงผมได้นะ มันยังไม่ถึงเวลา ผมเลยหลบโดยการหันไปหาคู่กรณีที่วิ่งมาจะทะลุแผ่นหลังผม ตอนแรกก็ว่าจะต่อว่าอยู่หรอกครับ... แต่เห็นสภาพเขาแล้วทำไม่ลง

เด็กหนุ่มตัวเล็ก ปากแดง แก้มอมชมพู ใบหน้าที่ก้มอยู่ทำให้ผมเห็นเขาไม่ชัดนัก ล้มกองอยู่กับพื้น พร้อมด้วยสีที่หกราดตัวเขาเปรอะเปื้อนไปหมด

"เป็นอะไรไหมครับ"ผมถามอย่างเป็นห่วง เมื่อคนตรงหน้าไม่ยอมลุกขึ้นมาสักที "ขาพลิกหรือเปล่า หรือบาดเจ็บตรงไหนไหม"

"เสื้อของผม..."เสียงที่เอ่ยออกมานั้นสั่นเครือ เสื้อที่เปื้อนสีขนาดนี้คงไม่มีทางซักออกแน่ ทิ้งสถานเดียว "แล้วผมจะใส่อะไร..."

เอ... ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ เสียไปก็ซื้อใหม่ได้นี่น่า... เอ่อ ผมว่าผมเข้าใจแล้วล่ะ... ดูจากเสื้อสีมอ ๆ ตรงที่ไม่เปื้อนสี กับรองเท้าผ้าใบสีตุ่นที่เริ่มมีรอยขาดแล้ว คงเป็นเด็กที่ไม่ค่อยมีฐานะแน่เลย

"ลุกขึ้นก่อนดีกว่านะครับ"ผมดึงร่างที่อ่อนปวกเปียกนั้นขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะเหลือไปเห็นภาพวาดสีน้ำที่ไม่ได้โดนสีหกใส่ไปด้วย "เดี๋ยวต้องเอางานไปส่งใช่ไหม"

"ครับ..."เสียงนั้นยังคงสั่นเครือ มือเล็กพยายามปาดสีออกจากเสื้อ ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไรสักนิด ยิ่งทำให้เลอะเทอะว่าเดิมด้วยซ้ำ "แต่ผม..."

"เดี๋ยวพี่เอาเสื้อมาให้ใหม่นะครับ"ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหามัลติ เพื่อนสนิทในคณะให้ซื้อเสื้อจากสหการมหาลัยมาให้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เต็มใจซื้อให้สักเท่าไหร่ก็เถอะ... แต่ไม่มีใครปฏิเสธทิวไผ่ได้หรอกครับ ฮ่า ๆ "เดี๋ยวพี่พาไปอาบน้ำในตึกแพทย์นะครับ"

"แต่... แต่ตอนนี้ผมไม่มีเงินจ่ายค่าเสื้อให้รุ่นพี่หรอกนะครับ"เสียงหวานแหบนั้นตอบกลับมาอ่อย ๆ สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีนัก

"ช่างมันเถอะครับ เสื้อตัวละไม่กี่บาทเอง ไม่ต้องเอาเงินมาคืนพี่หรอก"ใบหน้าเล็ก ๆ นั่นยิ่งก้มต่ำลงไปอีก เขาจะคิดว่าผมดูถูกเขาไหมเนี่ย "ถือว่าพี่คืนให้นะครับ ถ้าพี่ไม่มายืนขวางทาง น้องคงไม่หกล้มแบบนี้"

ดวงตาโต ๆ นั้นช้อนมองผมอย่างไม่เข้าใจ คงเข้าใจหรอกครับ เขามาชนผม แต่ผมบอกว่าตัวเองผิด ผมได้แต่ยิ้มให้แล้วก้มลงไปหยิบข้าวของที่ตกอยู่ จูงมือเขาเดินไปตึกแพทย์เงียบ ๆ ไปยังห้องของสภานักศึกษาคณะแพทย์ อืม... ตัวเล็กอย่างที่ผมคิดจริง ๆ

"ผ้าเช็คตัวนะครับ ใช้เสร็จพาดเอาไว้ตรงนี้ เดี๋ยวแม่บ้านจะมาเก็บไปเอง"ผมยื่นผ้าเช็คตัวให้น้องเขา เดี๋ยวจะลองไปค้นชิ้นส่วนอื่น ๆ ในตู้ดู น่าจะมีอะไรใช้ได้บ้างล่ะนะ

ผมเห็นน้องเขายืนนิ่งมองผมอยู่พักนึง ก่อนจะเดินเข้าห้องอาบน้ำไปเงียบ ๆ คงสงสัยในอะไรบางอย่างในตัวผม... ล่ะมั้ง

เอาละ เจอแล้ว ผมดึงเอากางเกงในตัวใหม่แกะกล่องและเสื้อกล้ามสีขาวออกมาจากส่วนลึกในตู้ ดีที่ไม่อับนะเนี่ย

"ไอ้ทิว"คนที่รอมาถึงแล้ว มัลติถือถุงพลาสติกที่สกรีนตรามหาวิทยาลัยเข้ามาในห้อง มาตรงหน้าผม "ของที่มึงต้องการ เอาไป"

"ขอบใจ"ผมรับเอาถุงมาเปิดดู โดนไม่ลืมยื่นแบงค์สีม่วงให้เพื่อน โอเค ครบถ้วน แต่เด็กน้อยที่อาบน้ำอยู่ยังไม่ออกมาเลย...

"มึงไม่ได้ใส่ไซต์นี้นี่หว่า ให้ซื้อไซต์เล็กขนาดนี้มาทำไม"มัลติทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้บุนวมโดยที่ตายังเหล่มองผมอยู่อย่างกดดันเอาคำตอบ

"มีเหตุนิดหน่อยน่ะ"ผมตอบยิ้ม ๆ แล้วเดินไปหน้าห้องอาบน้ำ เคาะประดูเรียกสักหน่อย "น้องครับ พี่เอาเสื้อผ้ามาให้แล้วนะครับ"
แกรก

ประตูห้องอาบน้ำเปิดออกเผยให้เห็นร่างขาว ๆ ที่มีผ้าเช็ดตัวพันเอวปิดช่วงล่างเอาไว้ หนาดน้ำใสยังเกาะพราวอยู่ทั่วร่างกายของเขา

"ขอบคุณครับ"น้องเขารับถุงเสื้อผ้าไปจากมือผม แล้วผลุบกลับเข้าไปในห้องอาบน้ำอย่างไว ผมเห็นหูเล็อก ๆ นั้นแดงเรื่ออย่างเขินอาย

น่ารักดี... แต่ผอมแห้งไปหน่อย ไม่สิ... มากเลยต่างหาก

ต้องขุนกันหน่อย...

"เด็กคนนี้..."มัลติมุ่นหัวคิ้วน้อย ๆ เหมือนกำลังนึกอะไรสักอย่างอยู่ ก่อนจะดีดนิ้วตัวเป๊าะ "กูเคยเห็นเขาขายอยู่ที่บาร์ooo"

"ขาย?"ผมทวนคำอย่างประหลาดใจ ผมว่าผมดูคนเก่งนะ... และจากที่มองเขาไม่น่าจะเคยผ่านเรื่องอย่างนั้นมา "ขายตัว?"

"อาฮะ แต่ไม่มีใครซื้อหรอก ไม่มีเสน่ห์อะไรมาล่อ"เพื่อนสนิทผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจอะไร "แล้วท่าทีแหยง ๆ หวาด ๆ อีก บาร์นั้นมีแต่พวกชอบความร้อนแรง ชาติหน้าก็ขายไม่ออก"

"อืม"ทำไมถึงต้องขาย... เขาก็ไม่ได้มีท่าทีอยากจะได้อะไรแพง ๆ นี่ หรือมีปัญหาอะไรหรือเปล่านะ

"กูไปก่อนนะ ว่าจะไปงีบหน่อย เย็นนี้ต้องลงวอร์ด"พูดจบไม่รอผมตอบรับมันก็ไป... ตามเคย

"เอ่อ..."เสียงที่แผ่วเบาดังเข้ามาในหู ผมหันไปทางด้านห้องอาบน้ำ เห็นร่างเล็กในชุดนักศุกษาเรียบร้อยยืนอยู่ "ขอบคุณมากนะครับ รุ่นพี่..."

"พี่ชื่อทิวไผ่ครับ เรียกพี่ทิวก็ได้"ลืมแนะนำตัวไปสนิทเลย... ว่าแต่ผมก็ยังไม่รู้ชื่อน้องเหมือนกัน "น้องล่ะ ชื่ออะไรครับ"

"ฟางข้าวครับ"น้องฟางข้าวตอบกลับมาอ้อมแอ้ม "เรียกผมว่าฟางก็ได้ครับ"

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ น้องข้าว"ผมชอบชื่อนี้มากกว่า ฟางฟังแล้วเหมือนเชือกเส้นเล็ก ๆ สี ๆ ที่โดนฉีกขาดได้ง่าย ๆ ผมไม่ชอบ

น้องมองผมด้วยสายตางุนงง แต่ผมไม่เปลี่ยนคำเรียกหรอกนะครับ เขาจะต้องเป็นข้าว ข้าวที่มีค่ากับทุกชีวิตบนโลก ไม่ใช่แค่ฟางที่ถูกทิ้งเกลื่อน

"เดี๋ยวต้องไปส่งงานใช่ไหมครับ น้องข้าว"ผมถามยิ้ม ๆ ไม่ปล่อยให้น้องได้ถามสิ่งที่สงสัยกลับมา

"ครับ..."เขาตอบรับโดยดี แล้วเดินไปหยิบข้าวของที่วางเอาไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปหน้าประตู "ขอบคุณนะครับ พี่ทิวไผ่ เดี๋ยวค่าเสื้อ ผมจะหามาคืน..."

น้องข้าวยังไม่ทันได้พูดจบ ผมก็เอามือปิดปากน้องไว้ก่อน แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ น้องเขา น่ะ เบิกตาโพลงอย่างตกใจ อย่างที่คิด น้องยังใสกับเรื่องพวกนี้มาก

"ไม่เอาครับ ไม่ต้องคืนพี่หรอก เก็บเงินไว้ทานข้าวนะครับ"ผมปล่อยมือออก เลื่อนไปลูบผมนุ่ม ๆ ของฟางข้าวแทน "มาครับ พี่จะพาน้องข้าวไปส่งงานเองนะครับ"

แน่นอนว่าผมไม่รอให้น้องได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร ก็จูงมือน้องเขาไปที่รถของผมทันที

"พะ. พี่ครับ ผมเดินไปเองก็ได้นะครับ"เสียงของข้าวสั่นมาก หน้าตาก็ออกแววกังวล อะไรกัน นั่งรถไปไม่เมื่อยแท้ ๆ ผมเอารถไปเจิมแล้วด้วย... ไม่เห็นต้องกลัวอะไร "ผม... ผม."

"ไม่ต้องกลัวรถพี่เลอะน่า พี่ไม่ได้ซีเรียส"ผมดันน้องขึ้นรถไป คาดเซฟตี้เบลท์ให้ แล้วพาตัวเองขึ้นฝั่งคนขับ สตาร์ทออกตัว

ฟางข้าวนั่งกอดงานตัวเองไปไม่พูดไม่จา ทั้งรถเลยมีแต่เสียงแอร์กระทบเบาะเพียงอย่างเดียว แต่ผมก็เห็นนะว่าเขาเหลือบมองผมหลายครั้ง

พอมาถึงตึกคณะนิเทศน์ น้องข้าวก็ลงตากรถวิ่งไปส่งงาน ส่วนผมนั่งอยู่บนรถ รอครับ แล้วก็ไม่ได้บอกน้องด้วยว่ารอ...

ระหว่างที่นั่งเล่นคุ้กกี้รันอยู่ในรถ เด็กคณะนิเทศน์ที่เดินผ่านไปมาเหลียมมามองรถผมกันหมด... ผมคงไม่ควรเอาจากัวร์มามหาลัยจริง ๆ ล่ะมั้งเนี่ย

ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรอทำไม... แต่ผมถูกชะตากับเขา อยากคุย (ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะครับ แบบนี้ เดี๋ยวจะโดนหาว่าโรคจิตได้ สำหรับผมกรณีพิเศษเสมอ)

ผ่านไปไม่นาน ฟางข้าวก็เดินออกมาจากตึก แล้วยืนค้างอยู่อย่างนั้น ผมเลยลดกระจกลงแล้วโบกมือให้น้องเขาขึ้นรถมา ซึ่งน้องมันก็ยอมขึ้นมาโดยดี

เด็กดีจริง ๆ

"เดี๋ยวไปทานข้าวกันนะครับ"ผมบอกข้าวเขาก่อนที่จะออกรถไปห้างใกล้ ๆ เหมือนน้องจะรู้ว่าปฏิเสธไปผมก็ไม่ยอม เลยนั่งเงียบ... "ข้าวครับ"

"ครับ..."เสียงข้าวเบามาก แต่ยังได้ยินอยู่ ผมเม้มปากน้อย ๆ อย่างชั่งใจเมื่อนึกถึงคำพูดของเพื่อน แต่ผมอยากรู้...

"เพื่อนพี่บอกว่าเคยเจอข้าวในบาร์"น้องข้าวทำหน้าตกใจ ก่อนจะก้มหน้าลงต่ำจนคางแทบจะชิดกับอก "ข้าวขาย... เหรอครับ"

"...ครับ"คู่สนทนาของผมไม่ปฏิเสธ แสดงว่าเป็นเรื่องจริง เฮ้อ แต่ดูจากสีหน้าแล้ว เขาก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรแบบนั้นนี่น่า

“ทำไมล่ะครับ”ผมถามเหตุผลนุ่ม ๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้กำลังใจ “พี่ไม่ได้เอาไปบอกใครหรอกนะครับ พี่แค่อยากรู้เหตุผลของข้าวน่ะครับ พี่เชื่อว่าข้าวไม่ได้อยากทำอาชีพนั้น”

“ผม... แค่อยากมีเงินมาเรียนน่ะครับ”เสียงที่ตอบผมมานั้นแม้จะแผ่วเบา แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความหวัง “ผมอยากเรียนให้จบ แต่ว่าผมเรียนไม่เก่ง จะขอทุนเรียนฟรีเลยก็ไม่ได้ จะกู้เรียนก็คงไม่ผ่าน...”

“แล้วผู้ปกครองล่ะครับ”พอถามคำถามนี้ออกไป ทำให้ผมรู้สึกว่าคิดผิดอย่างแรง เมื่อสีหน้าของน้องเขาเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวด “ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะครับ”

“พ่อกับแม่ของผมแยกทางกันไปตั้งแต่ผมเดินแล้วครับ... พ่อแต่งงานใหม่ ส่วนแม่... ไปเป็นคนขายบริการเพราะล้มเหลวในความรัก ผมโตมาในสถานรับเลี้ยงน่ะครับ”ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร เด็กที่เกิดจากความผิดพลาด ไม่ว่าจะที่ไหน... ก็ต้องเป็นทุกข์จริง ๆ สินะ เมื่อไหร่เรื่องแบบนี้จะหมดไปสักที “พอโตขึ้นมาหน่อย ผมก็ออกมาอยู่ที่บ้าน โดยมีเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ จากพ่อและย่าส่งมาให้เป็นค่าอยู่กิน ค่าเทอม แต่ตอนนี้คุณย่าท่านเสียไปแล้ว ผมเลย...”

“เท่าไหร่ครับ”ผมตัดสินใจถามออกไป ข้าวทำหน้าตกใจยิ่งกว่าเห็นผีซะอีก... หรือผมตัดสินใจอะไรพลาด... ไม่น่า “ข้าวขายเท่าไหร่ครับ”

“พี่ทิวไผ่... ผม...”ฟางข้าวอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ มองหน้าผมด้วยความละอายแก่ใจ ดีไม่ดี อาจจะมีความคิดในแง่ลบกับผมไปสักหน่อยแล้วก็ได้...

ก็ผมจะซื้อตัวเขานี่ครับ... แต่ไม่ได้ซื้อไปทำเรื่องอย่างว่าหรอกน่า ถ้าเขาไม่เต็มใจ

“พี่จะซื้อเอง อย่างน้อยก็ยังดีกว่าให้ไปหาใครต่อใคร...”ผมเว้นจังหวะการพูดแล้วเหล่มองเด็กหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ ก่อนระบายยิ้มบาง “พี่จะให้เราได้เรียนจนจบเอง ถ้าจบแล้วอยากจะไปเริ่มต้นชีวิตที่ไหน ก็ตามใจข้าว แต่ช่วงเวลาที่ใช่ชีวิตมหาลัย ข้าวจะต้องฟังพี่ ตกลงไหมครับ”

“...”น้องข้าวเงียบอยู่พักนึง ใช้เวลากับตัวเองตริตองในคำของผม ซึ่งตัวผมก็ไม่ได้จะเร่งรัดเอาคำตอบอะไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวน้องเขาเอง “ตกลงครับ”

“แน่ใจแล้วนะ”เขาพยักหน้าให้ผม แก้มขาว ๆ นั้นแดงเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย นั่น คิดอะไรลามกแน่ ๆ เด็กคนนี้ “โอเค พี่จะให้เงินข้าวสำหรับค่าอาหารทุกวัน วันละ 1000 บาท ถ้ามีอุปกรณ์การเรียน หรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับการเรียนให้มาเบิกกับพี่ได้เลย แล้วก็ 1 เดือน พี่จะให้เงินข้าวเอาไว้ซื้อของที่ตัวเองอยากได้อีก 100,000 บาท ถ้าไม่ใช้ก็เก็บเอาไว้ในบัญชีของข้าวเองนะ รู้ไหมครับ”
“พี่ทิวไผ่ครับ มันไม่เยอะเกินไปเหรอครับ”คราวนี้ไม่ใช่แค่สีหน้าแล้ว เสียงของน้องก็ดูตกใจกับจำนวนเงินที่ได้ยิน “ผมรับไว้ขนาดนั้นไม่ไหวหรอกครับ”

“ข้าวทำอาหารเป็นไหม”ผมไม่สนใจคำถามของน้อง แต่กลับยิงคำถามกลับไปแทน

“เป็นครับ...”เสียงอ่อยเลยทีนี้ เงินแค่นั้นไม่ได้กระเทือนอะไรผมสักหน่อย... น้องมันก็คงคิดมากไปแล้ว “ทำไมเหรอครับ”

“งั้นข้าวคอยทำอาหารให้พี่แล้วกัน”ผมยิ้มบางเบา อย่างน้อยถ้ามีอะไรให้เขาทำ เขาจะได้โอเคกับเงินที่ได้รับไป... ล่ะมั้ง “ยังไม่หมดแค่นั้นนะครับข้าว ถ้าข้าวได้เกรดA ในวิชาเรียนมา 1 ตัว พี่ให้พิเศษ 50,000 บาท ต่อ 1 วิชา แล้วถ้าติดท็อป 3 ของชั้น พี่ให้ 100,000 บาท นะครับ”

เงียบกริบ... เป็นอะไรไปล่ะนั่น ผมอาศัยตอนรถติดไฟแดงหันไปมองคนข้าง ๆ ฟางข้าวนั่งอ้าปากค้าง ตาค้าง ช็อคไปแล้ว...

พักใหญ่เลย กว่าที่น้องเขาจะเรียกสติกลับคืนมาได้ แล้วนั่งก้มหน้า ก้มตา ปากงี้ เม้มสนิท... เห็นแล้วนึกถึงใครอีกคนที่ชอบทำหน้าแบบนี้เวลาเครียด... แต่ไม่ได้ทำแล้วน่ารักหรอกนะครับ

“เงินที่พี่ให้ ข้าวต้องรู้จักใช้นะครับ เก็บเอาไว้ใช้ในอนาคตด้วย”ผมยื่นมือไปลูบศีรษะทุย ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว “แต่อย่าตระหนี่เสียจนทิ้งในสิ่งที่ตนเองอยากได้ไปเสียหมดนะ”

“ครับ พี่ทิวไผ่”เด็กดี ว่าง่าย น่าเลี้ยง ดีจริง ๆ เลยนะ...

ผมพาน้องไปกินข้าวในห้าง แน่นอนว่าต้องบาบีก้อนของชอบของผม ยัดเยียดให้น้องกินเยอะ ๆ เป็นผู้ชายซะเปล่า จะให้ผอมกระหร่องคงดูไม่ดีแน่

หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็ขับรถต่อไปบ้านของฟางข้าว (บอกเชิงบังคับให้น้องเขาบอกทาง) ไปเอาข้าวของจำเป็นบางส่วนมา... มันทำให้ผมรู้ว่าเสื้อผ้าของน้องเขามีน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ ชุดนักเรียนสองชุด ชุดไปรเวทสี่ชุด ชุดนอนสี่ชุด หมดแล้ว...
สงสัยต้องหาเวลาไปซื้อสักหน่อย

ผมเอาน้องไปอยู่ด้วยกันที่คอนโดน่ะครับ อ้างเหตุผลว่าจะได้ประหยัดค่าไฟและค่าเดินทาง... เด็กหัวอ่อนอย่างข้าวก็ไม่เถียงอะไรอยู่แล้ว... แต่เหตุผลจริง ๆ ของผมคือ ผมไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียว ถ้าเกิดมีใครคิดไม่ซื่อเข้าไปทำร้ายเขาในบ้าน จะทำยังไงล่ะครับ

จะให้ผมส่งคนไปเฝ้าบ้านของข้าวทุกวันก็คงใช่ที พามาอยู่ด้วยกันซะเลย ง่ายกว่าเยอะ

“เดี๋ยวข้าวอยู่ที่นี่ก่อนนะครับ พี่จะออกไปธุระก่อน ถ้าหิวก็ทำอะไรกินในครัวเอานะครับ”เกือบลืมนัดกับทรายแล้วไหมล่ะผม มั่วแต่เอ้อระเหยลอยชายอยู่นี่ “เดี๋ยวดึก ๆ พี่กลับมา ถ้าง่วงนอนไปก่อนเลยนะครับ”

“ครับ”ฟางข้าวยังตอบกลับไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ ให้เวลาน้องเขาปรับตัวบ้างแล้วกัน อะไร ๆ คงเปลี่ยนไปไวเกินกว่าที่น้องเขารับได้

ผมขับรถไปรับทรายแก้วที่บ้านทันเฉียดฉิว อีก 1 นาทีหกโมงเย็น ตามนัด ตอนแรกว่าจะโทรมายกเลิกนัด ไม่อยากให้เด็กน้อยที่มาร่วมชายคาต้องอยู่คนเดียวน่ะครับ... แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ ละเลยไปก็เรียกไม่รับผิดชอบ

แน่นอน ผมเป็นประธานนักศึกษา ความรับผิดชอบเต็มเปี่ยมไม่ว่าจะในหรือนอกมหาวิทยาลัย... เพราะงั้นผมจะต้องทำ

“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะคะพี่ทิว”เสียงใส ๆ เอ่ยขึ้นหลังจากที่เราเดินทางมาได้ครึ่งทาง “ทรายดูตั้งแต่หน้าบ้านแล้ว พี่ทิวมีอะไรในใจเหรอคะ”

“พี่ห่วงลูกหมาที่เก็บมาน่ะ”ลูกหมาจริง ๆ ครับ ยิ่งเวลาทำหน้าซึม ๆ หางลู่ หูตก ยิ่งลูกหมา... น่ารักน่าเอ็นดู ควรค่าแก่การเก็บไว้ข้างกาย

“ทำอะไรก็ระวังคุณป้าท่านโวยวายแล้วกันนะคะ พี่ทิว”เธอยังคงฉลาดเหมือนเดิม รู้ด้วยว่าผมหมายถึงคน ไม่ใช่สัตว์อย่างชื่อเรียก

“พี่จัดการได้น่า”

เมื่อมาถึงงาน ทรายแก้วก็เข้าไปทักทายเพื่อนฝูง และเจ้าของงาน ส่วนผม พอทักทายท่านทูตเสร็จ ก็ไปยืนจิบไวน์อยู่ข้างระเบียงแล้ว

ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กที่คอนโดจะเป็นไงบ้าง กินข้าวหรือยังก็ไม่รู้ ว่าจะกดโทรศัพท์ไปถาม.. ก็นะ ผมลืมขอเบอร์น้องเอาไว้
เซ็งเลย

“พี่ทิวจะกลับไปก่อนก็ได้นะคะ”ทรายแก้วเดินเข้ามาหาผมตอนสองทุ่มครึ่ง ปกติถึงผมจะเบื่อแค่ไหนเธอก็ไม่เคยเอ่ยปากให้ผมไปก่อนนี่น่า... “ถ้าพี่ห่วงเจ้าหนูที่เก็บมาก็รีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวทรายกลับกับฟานี่ได้”

“งั้น... พี่ไปก่อนนะ”ไม่ปฏิเสธครับ ขอเผ่นก่อนแล้วกัน “กลับถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกพี่นะครับ”

ผมใช้เวลาครึ่งชั่วโมงฝ่าดงรถติดมาถึงคอนโด ไม่รู้ว่าทำไปได้ยังไงเหมือนกัน บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถราแบบนี้ ปาดได้ปาดเอา ไม่รู้จะโดนด่าไปถึงโคตรไหนแล้ว

พอมาถึงคอนโด แทนที่ผมจะรีบเข้าไปในห้อง แต่เปล่า... ผมยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู ทั้งที่สมองสั่งให้บิดลูกบิดเข้าไป แต่งร่างกายกลับไม่คิดจะขยับ ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

ผมกลัวที่จะเปิดไปเจออะไรเหรอ? ไม่มีทางที่ใครจะขึ้นมาชั้นนี้ได้ถ้าไม่ผ่านระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด หรือผมกลัวว่าจะไม่เจอในสิ่งที่หวัง?

ให้ตายเถอะ ถ้าจะรับเลี้ยงใครสักคนแล้วคาดหวังว่าเขาจะรอเรากลับ ฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะอาหาร พร้อมกับข้าวที่เต็มโต๊ะ โดยที่เขายังไม่ได้ทานอะไรแบบนี้

มันบ้าสิ้นดี ทิวไผ่ นายมันเริ่มจะโรคจิตแล้ว... แค่รู้จักกันยังไม่ถึงวันก็ทำเป็นพ่อบุญทุ่ม ให้เงินเขาเรียน ให้เงินเขากิน ก็ว่าบ้าแล้ว
ท่าทางจะต้องไปพบจิตแพทย์หน่อยแล้วมั้งเรา

ผมถอนหายใจน้อย ๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป ห้องยังคงเรียบร้อย ทุกอย่างวางอยู่ที่เดิมก่อนที่ผมจะไป บนโต๊ะอาหารไม่ได้มีอะไรวางไว้ เช่นเดียวกับที่อ่างล้างจานนั้นว่างเปล่า

ผมเดินไปหน้าทีวี กะว่าจะเปิดทีวีดูแก้เบื่อสักหน่อย แต่สายตาก็เหลือไปเห็นก้อนกลม ๆ ที่ขดอยู่บนโซฟาเสียก่อน

“ข้าว ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะหืม”ผมปลุกให้ร่างที่นอนขดตัวอยู่ตรงหน้าให้ตื่นขึ้นมา “ลุกขึ้นไปนอนในห้องเร็ว เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก”

“อื้อ...”แพขนตาหนาขยับน้อย ๆ ก่อนที่จะลือขึ้นมา ฟางข้างลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย แล้วหันมามองหน้าผมงง ๆ “พี่ทิว... กลับมาแล้วเหรอฮะ”

“พี่กลับมาแล้ว เราเถอะ มานอนอะไรตรงนี้”ผมยิ้มบาง ๆ ให้เขาแล้วขยี้ผมนุ่ม ๆ นั้นอย่างหมั่นเขี้ยว “ไปนอนในห้องดี ๆ ไป”

“งื้อออ ผมหิว...”เสียงงึมงำในลำคอดังลอดออกมา หิว... แสดงว่าข้าวยังไม่ได้ทานข้าว แล้วทำไมถึงยังไม่ได้ทานกันล่ะ “ผมไม่รู้ว่าจะไรที่พี่ทิวให้ใช้ได้ อะไรให้ใช้ไม่ได้”

“ของทุกอย่างในห้องนี้พี่ให้ใช้ได้หมดนั่นและ”ผมอดที่จะขำไม่ได้ ไม่รู้ว่าบอกว่าซื้อ หรือจะบอกว่าบื้อดีเหมือนกัน แต่มันก็ทำให้ผมได้รู้ว่า ยังไงของในห้องไม่มีทางหายไปเพราะฟางข้าวแน่ “ไปทำกับข้าวกินกันเถอะ เดี๋ยวโรคกระเพาะถามหาพี่ไม่รักษาให้นะเออ”

เด็กน้อย (ในสายตาผม) ผุดลุกขึ้นจาโซฟา วิ่งปรู๊ดเข้าครัวไปเลย

ให้ตายเถอะ ทำไมน่ารักงี้ว้า

ระหว่างที่ฟางข้าวทำอาหารอยู่ในครัว ผมก็สั่งคน (ของพ่อ) ให้ไปสืบประวัติเต็ม ๆ ของน้องมา ก็นะครับ ถึงแม้ว่าจะให้มาอยู่ด้วยแล้ว แต่ก็ต้องรู้ให้จริงด้วยว่าเขาลำบากจริง ไม่ใช่แต่งเรื่องขึ้นมา... ไม่อย่างนั้นคงโดนแม่ด่าหูชาไปสามบ้าน หนาวบ่นไปสิบปี

“พี่ทิวฮะ พี่กินเผ็ดได้ไหมฮะ”เด็กนิเทศคนนี้ไม่รู้ไปขุดผ้ากันเปื้อนจากส่วนไหนของห้องมาใส่ จำได้นะครับว่าเคยซื้อไว้ แต่จำไม่ได้ว่ามันยังอยู่

“กินได้ครับ พี่ไม่เลือกกินเท่าไหร่”แมงดา ปลาร้า ทุกเรียน สามอย่างที่ไม่กิน อย่างอื่นผมกินได้หมดแหละ ถ้าเป็นของกินนะ (ไม่ต้องเลย ผมไม่กินอึหมา มุกนี้ไม่ผ่าน ห้ามเล่น)

ครืด ครืด

ว่าจะเดินเข้าไปในครัว แต่เสียงโทรศัพท์ที่สั่นเป็นดิสโก้เรียกให้ผมไปรับก่อน เซ็งเลย ใครโทรมาตอนนี้กันนะ จะเป็นทรายก็คงไม่ใช่ กว่าจะกลับก็น่าจะสี่ห้าทุ่มโน่น

ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ดูเบอร์ที่โทรแล้วมาแล้วอดที่จะมุ่นหัวคิ้วไม่ได้... ‘คีตา’ ตั้งแต่วันที่เขาโทรมาหาผมครั้งแรก (ห้าวันที่แล้ว) เขาก็โทรมาทุกคืน ๆ ตอนแรกก็ว่าคงอยากหาลุงเทคเจอไว ๆ แต่มันชักจะยังไง ๆ แล้วมั้ง...

ผมคงคิดมากไปเอง

“ครับ”กดรับโทรศัพท์ก่อนที่สายจะหลุด ไม่งั้นเจอโทรรัว ๆ ผมลองไม่รับสายตอนวันที่สาม โน้น โทรรัวตั้งแต่สี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน... ถ้าเป็นหนาวรับเอง มีหวังน้องได้หนาวแน่

“พี่ครับ วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ”เสียงอ้อน ๆ ดังลอดออกมาจากสายโทรศัพท์ (เดี๋ยวนะมือถือมีสายโทรศัพท์ด้วย?) เอ่อ... ลำโพงก็ได้

“ก็เหมือนเดิมล่ะครับ แล้วน้องคีเป็นยังไงบ้างครับ จะต้องประกวดดาวเดือนรอบชิงแล้ว”ผมตอบกลับไป แต่สายตายังคงมองเข้าไปในครัว ไม่รู้ว่าผู้ร่วมห้องของผมจะเป็นยังไงบ้าง

“ก็ดีครับ สนุกดี พี่ต้องมาดูการแสดงของผมนะครับ”เสียงอ้อนหนักกว่าเดิมอีก... ให้ตาย แน่ใจนะว่าเป็นผู้ชาย อีกทั้งตัวยังสูงไล่ ๆ กับผมอีก “นะครับ นะ”

“พี่ต้องไปอยู่แล้วล่ะครับ”ประธานทุกคณะต้องไปนั่งเท้งเต้งดูการประกวดทุกปีล่ะครับ มีส่วนให้คะแนนนิดหน่อย (แต่ถ้าเข้าข้างคณะตัวเอง จะถูกตัด 0 ทันที)

“หวังว่าจะได้เจอกันนะครับ”ผมอมยิ้มนิด ๆ ตัวจริงกับในโทรศัพท์ไม่เหมือนกันเลยนะ เด็กคนนี้ “อยากเจอพี่ไว ๆ จัง”

“หาให้เจอสิครับ เราจะได้เจอกัน”อยากหัวเราะยังไงก็ไม่รู้สิ ถ้าคีตารู้ว่าลุงเทคเขาเป็นลมหนาวจะทำหน้ายังไงกันนะ “น้องอาจจะไม่ดีใจก็ได้นา..”

“ไม่หรอกครับ ผมอยากเจอจริง ๆ นะเนี่ย”

เพล้ง!

เฮ้ย เกินอะไรขึ้น ผมรีบวิ่งเข้าไปในครัว เห็นจานแก้วแตกกระจายอยู่บนพื้น โดยมีข้าวที่ปีนเก้าอี้หยิบของในตู้ติดผนังทำหน้าจะร้องไห้อยู่

“ข้าว เจ็บตรงไหนไหม”ถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้ว่าเศษแก้วบาดไหม “คีครับ เดี๋ยวพี่ทำธุระก่อนนะครับ ไว้ค่อยคุยกันนะ”

ผมกดตัดสายน้องมันไปทนที แล้วหันมาจัดการเศษแก้วตรงหน้า

“ผมขอโทษฮะ ผม ผม”ฟางข้าวเสียงสั่น ทำตัวไม่ถูก น้ำตายังไม่ไหล แต่ถ้าผมดุเขา มีหวังเขื่อนแตก... ผู้ชายแน่ไหมไม่รู้...

“ช่างเถอะ จานแตกไปหาใหม่ก็ได้ ข้าวล่ะ โดนบาดตรงไหนหรือเปล่า”ผมพูดพลางกวาดเอาเศษแก้วไปทิ้ง สงสัยต้องไปซื้อจานเมลามีนมาใช้แทน... แต่น้องจะคิดมากไหมถ้าผมไปซื้อมา

“ไม่ฮะ อ๊ะ กระทะ”ข้าวกระโดดลงจากเก้าอี้วิ่งไปปิดกระทะไฟฟ้าอย่างเร็ว ทั้งที่ผมยังเก็บเศษแก้วไม่หมด!!

“ข้าว!!!”น้องสะดุ้งกับเสียงตะโกนของผม บ้าชิบ วิ่งลงมาทั้งที่รองเท้าก็ไม่ใส่ เหยียบเศษแก้วไปอีกต่างหาก “วิ่งเหยียบเศษแก้วแบบนี้ บาดเท้าหมดแล้ว”

“อ๊ะ”ข้าวก้มลงไปมองพื้นแล้วหน้าซีด ไม่ซีดให้รู้ไป ก็เลือดซึมออกมาแล้วนี่

ครืด ครืด

มือถือผมสั่นอีกแล้ว พอหยิบมาดูก็ยังเป็นน้องคีตาที่โทรมา เอาไว้ก่อนแล้วกัน ยังไงวันนี้ก็คุยแล้วนี่ เดี๋ยวก็คงวางไปเอง

“ไปนั่งครับ เดี๋ยวพี่ทำแผลให้”สั่งฟางข้าวก่อน แล้วหันไปจัดการเศษแก้วต่อ ก่อนที่จะมีใครทำตัวซื่อวิ่งมาเหยียบอีก

ครืด ครืด

นี่ก็ยังไม่วางไปสักที นั่นก็รอทำแผล นี่ก็ตื้อจะคุย

มันอะไรกันเนี่ย!!

ทิว ปวด หัว!!!!!!


*******************************

ตอนของพี่ทิว แบบ พี่ทิวจริง ๆ ค้า 555 ไม่รู้จะชอบกันไหม สามารถติชมกันได้เต็มที่เลยนะคะ ^^

// ส่วนตัวชอบพี่ทิว เลยมาซะยาวเลย... (เอ๊ะ ใครตะโกนมาว่าลำเอียงน่ะ)

 :mew1:

ช่วงธันวาอาจจะไม่ค่อยมาอัพนะคะ มิดไนท์สอบค้า TT
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2014 00:15:03 โดย midnight »

ออฟไลน์ dekzappp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เดี๋ยวนะๆๆ ตอนต้นๆเหมือนทิวจะเสร็จคีตาไงไม่รู้ แต่พอน้องข้าวมา เอ๊ะ เอาไงหว่า

ออฟไลน์ miho

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อุ๊... ม.อะไรคะ

ม.ติดทะเลบางแสนค่ะ

บอกเลยเฮียทิวแอบเผด็จการน่ะเนี่ย น้องข้าวก็น่าสงสารอ่ะ เฮียรีบๆขุนน้องเร็ว ผอมแห้งไม่น่าอร่อยน้า

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เอ๊ะ เอ๊ะ เอ๊ะ สามคนนี้นี่ยังไงกันคะ!?

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
ม.ติดทะเลบางแสนค่ะ

บอกเลยเฮียทิวแอบเผด็จการน่ะเนี่ย น้องข้าวก็น่าสงสารอ่ะ เฮียรีบๆขุนน้องเร็ว ผอมแห้งไม่น่าอร่อยน้า

ยัง ๆ ไม่ใช่ม.เดียวกัน 555 เกือบละค่ะ จังหวัดไม่ไกลกันเท่าไหร่ ทางพิเศษไปถึง // อุ๊บส์

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
คีตาไม่โอเคเะราะควงหญิงเยอะเกิน พี่ทิวกะน้องข้าวนี่แหละ น้องน่าสงสารนะดีที่มาเจอพี่ทิว

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
พี่ทิวป๋ามากค่าาา

ได้ช่าวช่วงนี้ฮ็อตหรอ 55

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เดาผิดแฮะ แล้วคีตาจะคู่ใครล่ะ ตอนอ้อนในโทรศัพท์ดูน่ารักดี
ข้าวน่าสงสารมาก พี่ทิวดูแลดีๆ นะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :m20: :m20: :m20: :m20:   พี่ทิวไผ่เนี่ย ป๋าทุ่มตัวจริงเสียงจริง ของแท้เลยนะเนี่ย ทุ่มทุกอย่าง น้องนุ่งได้หมด

ไอ้เร๊าาก็นึกว่าทุ่มกับหนาวแค่คนเดียว  :เฮ้อ:   แต่เอาเถอะ ข้าวฟ่างก็ไม่เลว แต่ตอนแรกแอบเชียร์ คีตากับพี่ไผ่ แล้วงี๊

คีตาคู่กับใครล่ะทีเน๊ย  อ้อนๆน่ารักๆ ดีด้วยยยย  :hao7:

ออฟไลน์ boyslover

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
อ้าว คุณชายไปเก็บเด็กมาเลี้ยง :m16: :m31: :m31:

ว่าจะเชียร์ให้คู่กับคีตาอยู่ แล้วทีนี้ยังไงละเนี้ยะ โอ้ย ไม่เอาสามพีนะไม่เวิคจริงๆ ถ้าพี่ทิวไผ่คู่กับคีตาจริง แล้วเด็กฟางข้าวนี้ ยังไง จะให้เป็นน้องหรอ คงไม่ใช่มั้ง เพราะดูจากบทที่ส่งมาแล้ว มันมาทางแอบชอบแอบปรื้มหลงรักเลยแหละ ตามพร๊อทแล้ว นายเอกผู้น่าสงสารอยู่ตัวคนเดียว แล้วตะนี้มีพระเอกขับจาร์กัวมาโฉบไปเลี้ยง เกิดปิํงตกหลุมรัก  :mew5: หึ ไม่เอาน่าาาา เค้าชอบแมนๆเตะบอลคุยกัน ถึงไอ้คีตามันจะเจ้าชู้แต่ บทมันยังไม่ออกมาให้ยลโฉมเลยง่ะ แต่ถ้ามันเป็นตัวประกอบจริงก็อย่าเอาออกมาเลยนะ เกิดติดใจขึ้นมาจะลำบาก :katai1:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
สามคนนี้มันแปลกๆกันอยู่นา
หรือจริงๆคือคีมันรู้ว่าเป็นลมหนาว
แล้วอยากจีบมากกว่า
แต่ที่โทรมานี่ไม่รู้ว่าเป็นพี่ทิว

เดาไม่ถูก 55555

ออฟไลน์ minnin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ว้ายยยย ชอบคร้า โดยเฉพาะคู่พี่ทิวกะน้องฟางข้าว เเต่เเลดูดราม่าจะเยอะนะค่ะเนีย เเต่ยังไงก็ขอให้สมหังทั้งสองคู่โน๊ะ ส่วนหนูคืตาให้นางมาเป็นอุปสรรคของคู่พี่หนาวกะพี่พายุดีกว่าค้าาาา

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
หลงพี่ทิวกันแล้ว..

ตอนต่อไป... ของคีตาค่ะ 5555

ตารุ่นน้องแย่งซีนบ้าง ^w^

ออฟไลน์ morningflower

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
หลงพี่ทิว  :-[ :-[
เชียร์น้องคีกับพี่ทิว

ออฟไลน์ tay028643904

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
นี้ยังไม่ธันวานะตัวเอง
รีบๆอัปนะครับ รอฟินอยุ่ กิกิ
สุ้ๆน้า เป้นกำลังใจให้คนเขียนนะครับ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
คีตาเปิดตัวมาเป็นนางร้ายเรื่องนี้หรือเปล่า (ว่าไปโน่น)

ไบรับหริอเปล่า ขี้อ้อนจัง

พี่ทิวขา  ป๋าได้ถูกใจแม่ยกมากค่ะ  ส่งเสริมอนาคตคนนี่เป็นกุศลที่สุดค่ะ

ชอบมากประโยคนี้ 
อ้างถึง
เขาจะต้องเป็นข้าว ข้าวที่มีค่ากับทุกชีวิตบนโลก ไม่ใช่แค่ฟางที่ถูกทิ้งเกลื่อน

จุ๊บๆ คนเขียน  :กอด1:


ออฟไลน์ monalism

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พี่ทิวอย่างป๋าอะ เอาเขามาเลี้ยงก็ดูแลให้ดี เลี้ยงให้ดีตลอดรอดฝั่งนะพี่  :katai2-1:

ออฟไลน์ poohanddew

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tong_pub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-5
ปักธงรอพายุกับลมหนาว แอร๊...

ออฟไลน์ เกลียวคลื่น

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ทิวไผ่นี่ เหมือนมีแนวๆ ว่าจะ 3p 5555

ออฟไลน์ Ysolip

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
 :hao5: :hao5: :hao5: ได้อ่านแล้ว ดองไว้หลายตอนเลย หายหน้าหายตาไปสอบมาค่ะ
ลมหนาวกับพายุนี่กุ๊กกิ๊กกันมากค่ะแบบน่ารักอ่ะแอบใส่ใจกันสุดๆ อีกคนแปลกไปอีกคนรู้สึกได้คือดีงาม
สองคนนี้เกิดมาเพื่อคู่กันแน่เลย 55 พอได้อ่านตอนของพี่ทิวรู้สึกดีขึ้นมาจึ๋งนึงเหมือนพี่แกเป็นคนขี้ใส่ใจเฉยๆ
แต่แบบไม่ได้ชอบลมหนาวอะไร นั่งทำใจอยู่ตั้งนานกว่ามาม่าไปอีก พอพูดถึงคีตาแล้วแบบเฮ้ยจะให้คู่พี่ทิวหรอ
แต่พอฟางข้าวปรากฏตัวทุกอย่างก็คือจบ 55 นี่ก็กลัวดราม่าไปอีกกับเรื่องคุณแม่พี่ทิวแต่ดูคู่หมั้นพี่ทิวเข้าใจอะไรดี
อ่านพฤติกรรมคีตาแล้วแบบ คิดว่าคีตาอาจรู้ว่าลุงเทคเป็นใครแล้วตั้งใจจะจีบ เอ๊ะ หรือรู้ตัวว่าได้คุยกับพี่ทิว? งง
รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ning-ning.ja

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :mew3: :mew3:หนับหนุนพี่ทิวกะน้องข้าวจ้า :katai2-1: :katai2-1:ฟิน

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
วันที่สิบ
(คีตา)

โช๊ะ ๆ อ๊ะ เห สวัสดีครับ ได้คิวผมแย่งซีนคนอื่นบ้างสินะครับเนี่ย คีตาเองนะครับทุกคนน เดือนคณะเทคนิคการแพทย์ปีหนึ่ง

วันนี้จะมีงานเฟรชชี่ไนท์ แล้วก็ประกวดดาวเดือนรอบสุดท้ายด้วย ตื่นเต้นชะมัด ผมต้องทำการแสดงบนเวทีด้วย ธีมเป็นนานาชาติ คอนเซปชุดประจำชาติ คณะเทคนิคการแพทย์ได้ประเทศจีนฮะ

แต่จะแสดงอะไรรอดูกันเองนะ ผมไม่บอกหรอก เดี๋ยวไม่เซอร์ไพรท์ อุบเอาไว้ รอลุ้นกันเองนะครับ อีกไม่กี่ชั่วโมงเอง

แต่... เมื่อสองวันก่อนลุงเทคผมเป็นอะไรไปนะ เหมือนได้ยินเสียงเรียกข้าว หรือเขาอยู่กับแฟนเลยรีบตัดสายผม โทรไปก็ไม่รับอีกต่างหาก

เซ็งเลย

"อ๊ะ คี"เสียงแหลมสูงของผู้หญิงคนหนึ่งร้องเรียกชื่อผม... ใครกันวะ เหมือนจะคุ้น เอ... คุ้นไหม? "จำเราได้ไหม แกรนด์ไง แกรนด์ ชยาณิน"

"แกรนด์... ห้องสี่ศิลป์ภาษา?"คุ้น ๆ ว่ามีคนชื่อนี้อยู่ร่วมโรงเรียน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจนักหรอก ผมสนเฉพาะคนที่วิ่งเข้าหาผมบางคน กับเพื่อนห้องวิทย์เท่านั้นแหละ

"อื้อ จำเราได้ใช่ม้า"แกรนด์ยิ้มร่าอย่างร่าเริง ท่าทางดูดีใจที่ผมจำเธอได้ (ใครบอกว่าผมจำได้วะครับ) "ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าคีก็เรียนที่มหาลัยนี้เหมือนกัน"

"คะแนนผมถึงที่นี่น่ะ"ตอบตามมารยาท ไม่ค่อยอยากจะคุยเท่าไหร่ ไม่ใช่เขาไม่สวยนะครับ แต่ไร้เสน่ห์ดึงดูดสิ้นดี โดยเฉพาะไอ้ปากเจ่อ ๆ เหมือนโดนผึ้งต่อยนั่น

"เหรอ แล้วคีได้ลงประกวดเดือนคณะเปล่า"แม่นางแกรนด์ชวนผมคุยต่อ ป้า ๆ ไม่ได้มองหน้ากูเลยใช้ไหมว่าอยากเสวนากับเอ็งต่อไหม

"อืม เราเป็นตัวแทนของคณะน่ะ"

ครืด ครืด

มือถือผมสั่นบนโต๊ะอย่างแรงก่อนที่คุณผู้หญิงจะได้พูดอะไรต่อ โอ๊ะ พี่เทคโทรมา น่ารักที่สุด ได้จังหวะอย่างแรง พี่ใครวะ โคตรน่ารักเลย

"ฮัลโหลครับ"กรอกเสียงใส่โทรศัพท์อย่างเริงร่า ว่าไปแล้วก็ไม่ได้โทรหาพี่เทคเลยแหะ เอาแต่โทรหาลุงเทค...
แย่จริง พี่จะน้อยใจไหมวะเนี่ย

"ฮัลโหลคี"เสียงใส ๆ ของพี่เกดดังลอดมาในสาย "เป็นไงบ้างคี ใกล้ประกวดดาวเดือนแล้ว ไหมเปล่า เหนื่อยไหม เอาขนมไหม"
รัวมาเป็นชุด... เล่นซะผมรู้สึกผิดมากกว่าเดิมอีก

"ผมโอเคทุกอย่างพี่ พี่เก็บเงินไว้ซื้อเมมมาถ่ายผมแทนเถอะ ขนมไม่ต่องหรอก"ผมตอบกลับไปยิ้ม ๆ ถึงพี่เกดจะไม่เห็นก็เหอะ "พี่ล่ะ เป็นไงบ้าง สบายดีไหม"

"สบายย รู้สึกเบาพอ ๆ กับคะแนนควิช"หืม เบาพอ ๆ กับคะแนนควิช เล่นมุกอะไรของเขากันล่ะนั่น เหมือนพี่เกดจะรู้ว่าผมงงเลยพูดต่อมา "คะแนนน้อย พอ ๆ กับความรู้ในสมอง หัวเบาหวิว~"

ให้ตาย ตามมุกพี่เทคไม่ทันเลย พูดว่ารู้สึกโง่มาเลยมันไม่ง่ายกว่าเหรอนั่น เชื่อเลย น้องเทคใครเนี่ย (ต้องหาลุงเทคให้เจอให้ด้ายย)

"อยู่กับใครอ่ะ"ผมว่าผมโชคดีมากที่ได้พี่คนนี้นะครับ ไม่ถือตัว ไม่เอาแต่ใจ ไม่มานั่งตัดพ้อเรื่องงี่เง่า เล่นกีฬาอีกต่างหาก (ผมเลยสงสัย ตกลงได้พี่ผู้หญิงหรือผู้ชาย?) "พี่โทรมากวนเปล่า"

"ไม่เลยพี่ ผมนั่งว่างอย่างแรงอยู่คนเดียวเลย"ส่วนแม่นางวอกที่ยืนสลอนอยู่ข้าง ๆ นี่ไม่นับ ไม่ได้เชิญ "พี่มานั่งกับผมไหม"

"พี่นั่งกินข้าวอยู่โรงอาหาร ยังไม่ไปหรอก"แน่ะ พูดเหมือนจะเดินมาถ้าไม่ติดว่ากินข้าวอย่างนั้นล่ะพี่ผม "จะมาหาพี่ไหมล่ะ"

"เลี้ยงข้าวเปล่า"แซวพี่สักหน่อย เล่น ๆ ฮะ ผมไม่ให้พี่มาเลี้ยงหรอก กลับกัน ผมจะเลี้ยงพี่ผมเอง แอบได้ยินแว่ว ๆ มา บ้านพี่เขาเริ่มมีปัญหาเรื่องเงินเพราะพิษเศรษฐกิจ ให้พี่เขาเก็บเงินไว้ทานข้าวเองดีกว่า

"มาดิ เดี๋ยวพี่เลี้ยง"พี่เกดยังตอบกลับมาเสียงใส โดยที่ไม่เปิดเผยถึงความกังวลที่มี พี่ผมแม่ง ไม่กลัวอดบ้างหรือยังไง

"ผมซื้อเองด้ายยย"แล้วซื้อให้พี่ได้ด้วย ถ้าพูดไปโดนโกรธแน่... แถเนียน ๆ ไปแล้วกัน พี่เขาไม่รู้หรอก "พี่ซื้อของกินยัง"

"ยังเลย โทรมาเมาส์ก่อน 555"โอเค เวิร์ค งั้นผมไปเลี้ยงข้าวพี่แบบเนียน ๆ ดีกว่า (ป๋าป่ะล่ะ โด่ว) "มาป่ะล่ะ เดี๋ยวรอ"

"แปปนะพี่ ไปเดี๋ยวนี้แหละ"พี่เขาตอบรับกลับมาแล้วกดวางไป ส่วนผมก็เก็บของที่วางไว้บนโต๊ะเข้ากระเป๋า (เก็บเกมส์เข้ากระเป๋า ฮ่า ๆ) เตรียมไปหาพี่เทคคนเดียว

"จะไปหาคนที่โทรมาเหรอ"เสียงอ่อย ๆ ของคนที่ถูกผมลืมไปพักใหญ่ดังขึ้น นี่ยังไม่ไปอีกเหรอ? "งั้นเราไปตึกเรียนก่อนนะ"

"ตามสบาย โชคดีนะ"ผมโบกมือให้แล้วหันหลังเดินไปทางโรงอาหารของคณะ แต่ก็ถูกมือเรียวเล็กรั้งเอาไว้ก่อน "มีอะไรเหรอ"

"ประกวดเดือนสู้ ๆ นะ เราจะไปเชียร์"แกรนด์ยิ้มหวานให้ผมแล้วเดินไปทางฝั่งของพวกนิเทศน์ ศิลปะศาสตร์ คงเรียนคณะพวกนั้นอยู่มั้ง

แล้วเขาไม่ไปเชียร์คณะตัวเองหรือไง

ผมเดินเกาหัวไปหาพี่ในโรงอาหารอย่างงง ๆ แต่ไม่ลืมที่จะซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านป้าจุกจิกไปด้วยสองชาม เส้มหมี่ต้มยำของพี่ มาม่าต้มยำของผม

"น้องแกมาแล้วแน่ะ"พี่บิวตี้เรียกพี่เกดที่นั่งอ่านนิยายอยู่ตรงข้ามให้เงยหน้าขึ้นมา เห... วันนี้กลุ่มพี่ผมกินข้าวกันแค่สองคนเองแหะ

"อ่าว มาแล้วเหรอคี อยากกินระ... เหะ อ่าว"ถึงกับชะงักเมื่อหันมามองผม โอเค ผมหล่อ "ซื้อมาแล้วอ่อ กินเยอะนิ สองชามเลย"

"ป้าเขาทำให้ผิด ผมอยากกินมาม่า เลยเอามาทั้งสองชามต่างหากพี่"โกหกเล็กน้อย แล้วนั่งลงข้างพี่เทคตัวกลม "พี่กิดเส้นหมี่นะ ผมกินมาม่า"

"เฮ้ย บ้า พี่ไปซื้อเองก็ได้ ไม่เป็นไป คีกินเถอะ"ทำหน้าซะเหมือนโลกจะแตก แค่ผมเอาก๋วยเตี๋ยวให้เนี่ยนะ... เรื่องขี้ปะติ๋ว

"ผมไม่ชอบเส้นหมี่เท่าไหร่ ถ้าพี่ไม่กินคงได้เอาไปเท..."เท่านั้นแหละ พี่เกดดึงชามไปเลย จริง ๆ แล้วผมชอบเส้นหมี่นะ แต่ถ้าไม่พูดแบบนั้นไปพี่แกคงไม่ยอมกิน

"พี่กินเอง เดี๋ยวจ่ายคืนให้นะ"

"ไม่ต้องพี่ ชามนั้นของฟรี"เรื่องอะไรจะรับเงิน ผมปิดกระเป๋า รูดซิป ปิดนม หนีบเป้า (น่ะ คิดอะไร แค่ดึง ๆ ชิด ๆ ไม่ให้พี่แกเอาเงินมายัดคืนได้แค่นั้น "กิน ๆ ไปเถอะ เป็นเด็กดีหน่อยน่า"

"แกเด็กกว่าฉันอีก"ฮ่า ๆ มองตาเขียวเลยให้ตาย น่ะ แยกเขี้ยว (ที่ไหม่ค่อยจะมี)อีก พี่ใครวะ แหย่ง่ายดีจริง "โน้ตบัญชีไว้ เดี๋ยวจัดคืนให้ ชิ"

"หึหึ"งานนี้คีตาชนะขาดครับผม หล่อแล้วยังฉลาดอีก ใครเนี่ย (ผมเอง)

ผมนั่งคีบมาม่าต้มยำเข้าปากไป แกล้งพี่ไป สั่งพิเศษเครื่องเยอะมาน่ะฮะ (ป้าแกจัดเต็ม) เขี่ยเครื่องในใส่ชามพี่ (ไม่ชอบกินเว้ย)

"แล้วสั่งใส่เครื่องในมาทำไมวะ"พี่เกดบ่นงึมงำแต่ก็กินไป ตานี่เหล่จนจะเหล่จริงแล้วมั้งนั่น ส่วนผมน่ะนะ? แน่นอน ไม่แคร์

"อ่าว พี่ทิว หวัดดีค่ะ"พี่เกดเอ่ยทักพี่คนนึงที่ใส่เสื้อกาวน์ยาว ข้าง ๆ พี่เขามีร่างเล็ก ขาว ๆ อยู่ ใครกันน่ะ "แล้วนั่น... ใครกันอ่ะพี่"

"ฟางข้าว ของพี่เอง"พี่ทิวตอบกลับมา คนนี้เองนะเหรอ พี่ทิว ประธานคณะแพทย์ หน้าตาดีสมคำร่ำลือ ไม่แปลกใจเลยที่พี่เขาได้รับการโหวตให้ติดหนึ่งในสิบของหนุ่มในฝันของมหาลัยทุกเดือน ว่าแต่... เสียงฟังดูคุ้น ๆ ยังไงไม่รู้แหะ “เราเถอะ ไม่รีบกินข้าวเดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก”

“อาจารย์ยกคลาสส แฮ่”พี่เกดชูกำปั้นอย่างผู้มีชัย ทำเอาพี่บิวตี้หลุดขำ ไม่ค่อยเลยพี่ “นานปีมีหน เรียนจนหัวหงอกแล้ววว”

“ได้ข่าวว่าอาจารย์ยกเพราะให้ไปคุมงานเฟรชชี่ไนท์ไม่ใช่เหรอ ยัยตัวแสบ”ประธานคณะแพทย์ยื่นมือมาผลักหัวพี่เกดไม่เบา ดีหน้าไม่ทิ่มชามก๋วยเตี๋ยว “โอ๊ะ ผมหงอก”

“พี่ทิว!!”พี่ตัวกลมของผมหันไปแยกเขี้ยวใส่พี่ชายที่ยืนหัวเราะร่ากับคนตัวเล็กอย่างไม่แคร์สายตาใคร “ไปเลย มาทางไหน ไปทางนั้น ไม่ต้องมาแกล้งเลยย”

“โอ๋เอ๋ ไว้เสร็จงานเดี๋ยวพี่ไปเลี้ยงข้าวนะ”ยังไม่วายแหย่พี่ผมอีกรอบ ก่อนจะหันไปหาคนที่มากับเขา “ไปกันเถอะข้าว”

ข้าว?

เอ... เมื่อวานลุงเทคของเขาก็พูดชื่อนี้... หรือชื่อข้าวมันโหลกันนะ


หลังจากกินข้าวเสร็จ พี่เกดกับพี่บิวตี้ก็พาผมมาส่งที่ห้องแต่งตัวดาวเดือน ก่อนจะโบกมือลาไปหาที่นอน ไม่คิดจะอยู่เป็นเพื่อนกันเลย

ช่างเถอะ ดาวเดือนคณะอื่น ๆ ก็เริ่มมากันแล้ว (ไม่ขอพูดถึงดาวเทียมที่ชอบกระโจนใส่ผมนะฮะ หนาว) ทยอยแต่งตัวกันแล้วด้วย

“อ่าว คีตา มาไวจังเลยนะ”พี่กิต เดือนเทคนิคการแพทย์ปีสองเดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนประจำตัวพี่เขา เป็นผู้ชายที่ดูกี่ที ๆ ไม่ว่าจะอยู่ในท่วงท่าไหนก็ดูอบอุ่น และอ่อนโยน “ชุดของคีอยู่นี่แล้ว จะเปลี่ยนเลยไหม หรือรอพี่มิวมาก่อนดี”

“รอก่อนก็ได้ครับ พี่”ผมนั่งลงตรงที่พักที่ทางสตาฟจัดเอาไว้ให้แต่ละคณะได้นั่งเป็นส่วน ๆ “พี่กิตก็มาไวเหมือนกันนะครับ”

“เกดโทรไปบอกพี่ว่าคีมาแล้ว พี่เลยรีบมาน่ะ”พี่กิตนั่งลงตรงข้ามกับผม เอามือเท้าคางยิ้ม ๆ “เดี๋ยวอีกสักพักคนอื่น ๆ ก็ตามมาแล้วล่ะ”

“ฮะ”ผมนั่งทวนบทที่ต้องขึ้นแสดงในหัว การแสดงกลุ่ม ทั้งดาว เดือน ดาวเทียมต้องรวมกันแสดงครับ แล้วต้องสอบคล้องกับชุดด้วย

มองซ้าย ชุดกิโมโนประยุกต์ มองทางขวา ชุดไทยจ๋า โอ้โห มีชุดม็องดูอาของอังกฤษด้วย ให้ตาย อลังการขั้นรุนแรง

จีน ๆ อย่างพวกผมจะสู้ไหวไหมนะ

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ คี”พี่กิตคงเห็นผมนั่งหน้าเครียด เลยพูดให้กำลังใจขึ้นมา “เชื่อพี่ ทำในสิ่งที่เราฝึกซ้อมมาให้ดีที่สุดก็พอ”

“ขอบคุณฮะ พี่กิต”กำลังใจกลับมานิดหน่อยแล้ว เอาล่ะ เพื่อพี่ ๆ ที่คอยให้กำลังใจ คอยช่วยซ้อมจนดึกดื่น เพื่อพี่เทคที่อุตส่าห์จะอยู่ดูทั้งที่ปกติกลับบ้านไปนอนแล้ว เพื่อลุงเทคที่ผมจะมาดูผม

สู้เขา คีตา

พอพี่มิวกับโดนัท และเบนจี้ (ดาวเทียมคณะผม) มาถึงก็ได้ฤกษ์เปลี่ยนชุดเปลี่ยนเสื้อผม แต่งหน้าทำผม สารพัดสารเพ

ผมเข้าไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัว ฝั่งผู้ชายค่อนข้างโล่งครับ ไม่ค่อยได้ใช้กันมากเท่าไหร่ บางคนก็ใส่มาเลย ไม่ก็ใส่ทับชุดที่ใส่มา

ก็ดี... ชุดแบบนี้ไม่ค่อยอยากใส่ให้ใครดูหรอก

ผมใส่ชุดเสร็จก็ออกมาข้างนอก ยังดีว่าส่วนใหญ่มักจะสนใจแต่ตัวเองกัน

“ไง”เอ่อ... มาได้ไงกันล่ะนั่น “พี่มาแต่งหน้าให้คีเองเลยน้า นั่งลง ๆ”

“พี่เกด...”แอบถอนหายใจแล้วนั่งลงตรงหน้าพี่เกดโดยดี เครื่องสำอางพี่แกมาเต็มมาก แต่ละอย่าง... มียี่ห้อซะด้วย

เอาเถอะ ยังไงพี่เขาเป็นผู้หญิง จะมีเครื่องสำอางไว้ใช้บ้างก็คงไม่แปลกอะไร (ถึงจะห้าวเป้ง เตะผู้ชายก็ตามที...)

นั่งจนตูดชากว่าพี่แกจะจัดการหน้าผมเสร็จ... ศิลปะบนหนังหน้าชัด ๆ พอกเป็นชั่วโมง ๆ ไม่รู้ว่าพวกผู้หญิงทนนั่งไปได้ยังไง

“เสร็จแล้วววว”มืออวบ ๆ นั่นปิดตลับกลม ๆ ลง ไม่รู้หรอกฮะว่ามันคืออะไร แต่รู้ว่ามันใช้ทาแก้ม “ดูดีสุด ๆ โครงหน้าผู้ชายนี่มันดีจังเลยน้า”

พี่เทคของผมลุกขึ้นไปเอากระจกบานใหญ่มาให้ดู... ไม่อยากดูเลยให้ตายสิ แต่เอาเถอะ พี่เขาอุตส่าห์นั่งหลังแข็งแต่งให้ ดูสักหน่อยก็ได้

แพขนตาหน้า ใบหน้าเรียว ผมสีน้ำตามเปลือกไม้ยาวสลวยลงมาเลยกลางหลัง อายไลน์เนอร์ที่กรีดรอบดวงตาจนคมกริบ ริมฝีปากสีกุหลาบฉ่ำหวาน

พระเจ้า! แม่ง ใครกันวะเนี่ย

“มา ๆ ทำผมอีกหน่อยก็ใช้ได้แล้วล่ะ พี่ไปยืมผมต่อเพื่อนมาให้เลยนะเนี่ย”พี่เกดแม่งยิ้มแป้นเลย... คือผมขึ้นประกวดเดือนนะ ได้ข่าว

ทำผมอีกชั่วโมง เมื่อยก้นกบจนอยากออกไปวิ่งรอบสนามฟุตบอล แต่ก็จะถึงเวลาขึ้นบนเวทีแล้ว เฮ้อ ชักตื่นเต้นแล้วสิ

“สู้ ๆ นะคี พี่ไปรอดูอยู่ข้างหน้านะ”พี่สาวทุบไหล่ผมเบา ๆ แล้วเดินตัวปลิวพร้อมกับเครื่องสำอางที่ไม่น้อยเลยในมือไปอย่างเริงร่า

มีความสุขซะจริง...

โดนัทและเบนจี้ที่แปลงโฉมจะจนพริ้งพรายเดินมารวมกลุ่มกับผม สวย ๆ กันจริง ๆ เลยนะ พวกนางเนี่ย

“สู้เขานะครับ คีตา”พี่กิตกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู แล้วเดินยิ้มออกไปข้างนอก เป็นเสียงที่ฟังแล้วอบอุ่นหัวใจดีจริง ๆ เลย ให้ตายเถอะ


“สวัสดีครับ/ค่ะ”พิธีกรจากบริหารธุรกิจและครุศาสตร์ขึ้นไปบนเวทีแล้ว โอย ตื่นเต้นชะมัดเลย ผมหันไปหาเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกสองคน พวกนั้นก็ดูท่าจะตื่นเต้นไม่น้อยเหมือนกัน

“สู้นะ”โดนัทและเบนจี้พยักหน้ารับ พวกเราต้องสู้ไปด้วยกันสามคนแล้วล่ะนะ ตอนนี้

“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พบกับการแสดงของดาว เดือน และดาวเทียมจากคณะแรก คณะสถาปัตย์กันเลยค้า”

เอาแล้ว เริ่มขึ้นแล้ว คี ทำใจสงบไว้ นายต้องทำให้ได้ นายต้องทำให้ได้

การแสดงของแต่ละคณะดำเนินกันไป เสียงกรี๊ดกร๊าดดังลอดเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นการรำประจำชาติ ไม่ก็เต้น หรือเล่นดนตรีกันครับ แน่นอนว่ามันอยู่ในการคาดเดาของพี่ที่เป็นคนคิดการแสดงอยู่แล้ว (ซึ่งผมไม่รู้ว่าใคร) การแสดงของพวกเราเลยไม่ใช่การเต้น หรือการร้องอย่างคณะอื่น ๆ เขา

ไม่ต้องถามเลยนะครับ ว่าเป็นอะไร รอดูต่อไป คณะผมเป็นคณะที่สิบ

“ต่อไปถึงคิวของคณะที่ผู้ชายเยอะที่สุดในมหาวิทยาลัยของพวกเราแล้วนะคะ”พี่พิธีกรฝ่ายหญิงพูดไปยิ้มไป “รู้กันแล้วใช่ไหมคะว่าคณะอะไร”

“เอาละ ไม่ต้องมานั่งเดาอะไรกันแล้ว ขอเชิญตัวแทนจากคณะ วิศวกรรมศาสตร์เลยครับ”พี่ผู้ชายตัดบทอย่างไวเลยเว้ย ฮ่า ๆ

พวกวิศวะได้ฝรั่งเศสกันไป ชุดมาอย่างอลังการ เหมือนว่าจะถึงคอนเซปจากโรมิโอ แอนด์ จูเลียตล่ะมั้ง ส่วนการแสดง พวกเขาแสดงโอเปร่ากัน

เสียงสูงกันสุด ๆ เรื่องนี้ไม่สู้ฮะ เสียงผมสูงไม่เท่าพวกเขาหรอก เชื่อเถอะ

ต่อจากวิศวะก็เป็นนิติศาสตร์ ซึ่งผมหันกลับมาทำสมาธิกับตัวเอง ไม่สนใจแล้ว ทวนความจำครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องทำอย่างที่ฝึกซ้อมมาตลอดให้ได้

“เอาล่ะค่ะ ต่อไปก็เป็นคิวของคณะที่ผู้หญิงน่ารัก ๆ เยอะติดอันดับอีกคณะหนึ่งแล้วนะคะ”พวกผมลุกขึ้น ไปยืนรอกันข้างเวที
ใช่แล้วครับ ถึงคิวของพวกเราแล้ว

“ขอเชิญตัวแทนคณะเทคนิคการแพทย์ ขึ้นมาทำการแสดงได้เลยครับบ”

สิ้นเสียงของพิธีกร โดนัทแล้วเบนจี้ก็ขึ้นไปก่อน ส่วนผมยังยืนรออยู่ข้างล่าง รอเวลาที่จะขึ้น

“พี่เอี้ยง้วย ข้าไม่อยากที่จะสังหารใครอีกแล้ว”เสียงของโดนัทดังก้องมาจากลำโพง ร่างบอบบางค่อย ๆ ทรุดกายลง มือเรียวเล็กนั้นปิดหน้าปิดตา ทำท่าสะอื้น “การฆ่าคนมันช่างทรมานเหลือเกิน”

“เลี้ยงแช เจ้ารู้ดี พวกเรามีชีวิตอยู่เพื่อสังหารชายทรยศในใต้หล้า คนอย่างพวกมัน สมควรตายนัก”เบนจี้นี่ยิ่งเข้าอารมณ์ มันสะบัดชุดพลิ้ว ๆ ที่ชายยาวลากพื้นให้โบกสะบัดกลางเวที

“แต่ข้า...”

“พอได้แล้ว ไปสงบสติอารมณ์ซะ เลี้ยงแช”เอี้ยง้วยไม่คิดที่จะฟังเสียงของผู้ที่เป็นน้องสาว นางเดินกลับเข้าไปในวัง สถานที่ซึ่งมีแต่สตรีเท่านั้นที่จะเข้าไปได้

“พี่ข้า... ถ้าท่านไม่หยุดที่จะทำความชั่ว... ข้าคงต้องทำให้ท่านหยุดเอง”ร่างที่ทรุดอยู่กับพื้นนั้นลุกขึ้นมา ดวงตาหวานฉ่ำที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตานั้นประกายแววมุ่งมั่น

ถึงคิวผมแล้ว

ผมก้าวขึ้นไปบนเวที เสียงฮือฮาดังขึ้น ส่วนใหญ่คงสงสัยว่าเดือนคณะไปไหน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมจะสนใจในตอนนี้

“ท่านพี่บุญธรรม เอาจริงหรือครับ”ในบทที่ผมได้รับคือ เป็นปิงฟา น้องบุญธรรมลับ ๆ ของรองประมุขวังบุปผา ซึ่งต้องปลอมตัวเป็นผู้หญิงไปสังหารเอี้ยง้วย

“ใช่... ข้าไม่อาจที่จะทนเห็นท่านพี่ทำความผิดไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว... และตัวข้าเองก็ไม่อาจที่จะฆ่าใครได้อีก”น้ำตา(ปลอม) ไหลรินลงมาอย่างน่าสงสาร เล่นได้เนียนขั้นเทพเลย “ข้าสัญญากับเขาไว้แล้ว ข้าจะไม่ฆ่าใครอีก... และข้าไม่อยากผิดต่อเขาอีกแล้ว”

เขาที่ว่าคือคนรักที่เลี้ยงแชนั้นฆ่าเองกับมือ ด้วยคำสั่งของผู้เป็นพี่สา และนั่นสร้างบาดแผลในใจของเธอเป็นอย่างมาก (ทำไมผมต้องมากำกับเนื้อเรื่องด้วยเนี่ย)

“ครับ ท่านพี่บุญธรรม ข้าจะทำตามที่ท่านต้องการ”โดนัทลงจากเวทีไป ส่วนผมทำเป็นเดินวนเวียน แล้วก้าวเข้าไปในวังบุปผา

“เจ้าเป็นใคร”เสียงอันทรงอำนาจดังขึ้นจากบนบัลลังก์ เอี้ยง้วยมองผู้มาใหม่ด้วยสายตาที่นิ่งเฉย “มีธุระอะไรกับวังบุปผา”

“ข้าอยากให้ท่านไปจัดหารเจ้าคนทรยศให้กับข้า”ผมบีบเสียงให้เล็ก แล้วพูดหลอกล่อให้เอี้ยง้วยตายใจ (ตามบท) “มันทำร้ายข้า หลอกให้ข้ารัก และจากข้าไป”

“ชายทรยศต้องถูกกำจัด”เบนจี้ลุกขึ้นแล้วเดินไปหน้าเวที ชุดนี่แม่งยาวลากตังแต่บนบัลลังก์ (ปลอมๆ) นั่น จนถึงหน้าเวทีเลยวุ้ย
แล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ผมจะชักดาบออกมา พุ่งเข้าไปแทงอก (รักแร้หนีบ) ของเอี้ยง้วยให้สิ้นใจลงไป

“พอกันทีกับความโหดร้ายของท่าน เอี้ยง้าย”ผมดึงเครื่องประดับผม และผมต่อออก พร้อมกับเช็ดหน้าเช็ดตา (คร่าว ๆ ด้วยทิชชู่เปียกที่พกมา) หน้าหล่อ ๆ ได้เผยออกมาแล้ว

เสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือชอบใจดังกระหึ่ม

“ท่านพี่”เลี้ยงแชร์วิ่งชุดโบกสะบัดขึ้นมา กอดร่างของพี่สาวตนเองไว้แนบแน่น “ข้าขอโทษ ท่านพี่ ข้าไม่อาจที่จะให้ท่านฆ่าใครได้อีกแล้วจริง ๆ”

“เลี้ยง... แช”

แสงไฟสว่างวาบขึ้น จบการแสดงแล้วล่ะครับ เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พิธีกรทั้งสองขึ้นมาบนเวทีด้วยรอยยิ้ม

“จบไปแล้วนะคะ กับการแสดงของเทคนิคการแพทย์ มาเป็นละครเวทีกันเลยทีเดียว”

“ใช่แล้วครับ แหม่ ผมนี้ตกใจแทบแย่ตอนที่น้องคีดึงผมต่อออก แต่หน้าได้สวยจริง ๆ คงเป็นที่ลำบากใจของคณะกรรมการแล้วล่ะครับ”

“นั่นสิคะ ขอเสียงปรบมืออีกครั้ง ให้กับตัวแทนจากคณะเทคนิคการแพทย์ด้วยค่ะ”

พวกเราเดินลงจากเวทีกันมาอย่างแข็ง ๆ อ่อนแรงกันเลยทีเดียว มันจบแล้ว.. ในที่สุดก็จบแล้ว เหลือแค่ประกาศผลอย่างเดียว
โล่งชะมัดยาก

“เก่งมาเลยครับ น้อง ๆ”พี่กิตยังคงไวกว่าคนอื่นเขาเสมอ เดินปรบมือเข้ามา พร้อมด้วยรอยยิ้มและตาสระอิของเขา “มา ๆ ไปเปลี่ยนเป็นชุดราตรีกันเถอะครับ”

คลานไปเปลี่ยนชุดอย่างอ่อนใจ โอย ผมเห็นแวบ ๆ ว่าประธานคณะแพทย์ยกนิ้วโป้งให้พวกผมด้วย แอบดีใจลึก ๆ เหมือนกันนะเนี่ย

หลังจากที่เปลี่ยนชุดเสร็จ ทำอะไรเสร็จ การประกวดบนเวทีก็จบลงแล้ว เป็นการแสดงคั่นเวลา ก่อนจะประกาศผลว่าใครจะได้ตำแหน่งอะไรไป

X-band เปิดฉากด้วยเพลงร็อกสุดมันส์ กระโดดโลดเต้นกันไปหลายเพลง จนหอบแดง ก่อนที่พวกเขาจะลงกันไป ถ้าไม่ลงคงได้มีคนเป็นลมกันบ้างล่ะครับ

ต่อมาเป็นการแสดงของพี่ ๆ แต่ละคณะ เริ่มมาด้วยสาวงาม(ประเภทสอง) ซึ่งมาพร้อมเพลง I will survive เพลงประจำชาติของพวกเขา ในชุดคาบาเล่...

เป็นการแสดงที่เรียกทั้งเสียงฮา และเสียงกรีดร้องได้ดีมาก ๆ เลยฮะ แต่ความสุดยอดคือ พี่ผู้ชายต้องเป็นคนร้องเพลงแน่ ๆ

แต่ละเพลงที่พี่ ๆ เขาเลือกกันมานี่ ยกนิ้วให้เละ มี Bad Romance ของ Lady gaga ด้วย พี่ที่แสดงก็เต้นกันสุดเหวี่ยงไปเลย

อยู่ ๆ ก็มีพี่สองคนเดินขึ้นมา พร้อมกับไมค์และขาตั้งไมค์สองตัว

เสียงทำนองเพลงประกอบละครขื่อดังที่เมื่อตอนจบถนนโล่งขึ้นรุนแรงดังขึ้น ทุกคนจดจ้องบนเวลากันอย่างตื่นเต้น

“เสียใจคนๆ นี้ไม่ใช่ของเธอ
ได้โปรดอย่ามาข้องแวะกันอีก ฉันหวังว่าคงเข้าใจ
เพราะมันคือสิทธิ์ของฉัน ที่จะเรียกร้อง
ขอให้เธอจงไปไกลๆ ไม่ต้องมาเจอ
อย่ามาใกล้เขา..ได้ไหม”เห... เสียงทุ้มหวานของผู้ชาย พี่ที่ขึ้นมาแสดงเป็นผู้หญิง อย่างสวยสองคน (คนนึงเคยเป็นคู่นอนผมด้วย ลีลาพอได้)

เสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม ผมว่ากรี๊ดเสียงคนร้องมากกว่าคนเต้นบนเวทีนะ

“เสียใจคนอย่างฉันก็มีหัวใจ
ก็เจ็บก็ทนได้เหมือนกับเธอ
ฉันหวังว่าคงเข้าใจ
ถ้าเธอจะมาเรียกร้อง ให้เข้าใจเธอ
แล้วฉันล่ะจะเป็นยังไง
เมื่อไม่มีใคร เธอจะเจ็บแทนฉันไหม”เสียงคุ้น ๆ ผมว่าคุ้นมาก.. แต่นึกไม่ออกว่าใคร เหมือนเป็นเสียงที่ได้ยินอยู่บ่อย ๆ ด้วยซ้ำ

การแสดงยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะมาจบลงที่เพลง balloon ของ ดงบังชินกิ พี่ ๆ ที่ขึ้นมาเต้น เต้นกันน่ารักเลย ฮ่า ๆ เป๊ะ ๆ

“เอาล่ะครับ ถึงเวลาสำคัญของค่ำคืนนี้กันแล้ว”พี่พิธีกรขึ้นไปบนเวทีแล้ว “ขอเชิญดาว เดือน และดาวเทียมของแต่ละคณะขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ”

ผมเดินขึ้นไปบนเวที โดยทีเบนจี้ควงทางซ้าย และโดนัทควงทางขวา ไปยืนอยู่เกือบกลางเวที

“ต่อไปนี้ เราจะประกาศผมรางวัลต่าง ๆ กัน โดยเริ่มจาก ขวัญใจช่างภาพฝ่ายชายก่อนนะคะ”พี่ผู้หญิงพูดขึ้นบ้าง แล้วเปิดซองออกมา “ขวัญใจช่างภาพฝ่ายชาย... นายธนชัย จากคณะเภสัชศาสตร์ค่ะ”

เสียงปรบมือดังลั่นห้องประชุมใหญ่ คนที่ได้รางวัลจะได้โล่ และสายสะพายน่ะครับ

ชุดแต่งกาย วิศวะได้ไปด้วยความอลังการงานสร้างของพวกเขา

การประกาศรางวัลดำเนินไปอย่างเข้มข้น ตอนนี้ประกาศถึงดาวเทียมแล้ว เบนจี้กำแขนผมแน่น โอเค รู้แล้วว่าตื่นเต้น แต่ผมเจ็บ

และแล้ว เบนจี้ก็ได้รางวัลที่สามมาครอง ไม่อาจสู้กับแพทย์และบริหารได้จริง ๆด้วย แต่ถึงอย่างนั้นแม่คุณก็หน้าบานเป็นกระด้งแล้วล่ะ

มาถึงดาว ที่สาม คณะนิตาศาสตร์ได้ไปครอง มือของโดนัทเย็นเชียบเลยนะเนี่ย

“เราจะมาประกาศรองดาวมหาวิทยาลัยของเรากันเลยนะคะ รองดาวของเราได้แก่... นางสาว ศิริรัตนา จากคณะเทคนิคการแพทย์ค่ะ”โดนัทเดินออกไปรับรางวัลดวงใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วกลับมายืนกลับผมเหมือนเดิมพร้อมกับรางวัลในมือ

ส่วนตำแหน่งดาว วิศวกรรมศาสตร์ได้ไปฮะ สุดเซ็งเลย

ถึงคิวผมตื่นเต้นบ้างแล้ว ก็นะครับ เดือนมหาลัยแล้ว ตามประวัติคณะเทคนิคการแพทย์ของพวกเรา ไม่เคยได้ตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยสักครั้ง

แล้วผมจะได้ไหมเนี่ย... รองเดือนมหาวิทยาลัย วิศวะได้ไปครองแล้วฮะ จะได้ตำแหน่งอะไรเยอะแยะขนาดนั้นกันวะ แม่ง

“ต่อมาก็ถึงการประกาศเดือนมหาวิทยาลัยกันแล้วนะคะ... เดือนมหาวิทยาลัยของเราในปีการศึกษานี้ก็คือ... นายคีตา จากคณะเทคนิคการแพทย์ค่ะ”

เฮ้ย!!! ผมได้เดือน จริงอ่ะ ไม่ได้หูฝาดใช่ไหม? โดนัยและเบนจี้ผลักผมให้เดินออกมารับรางวัล ซึ่งผมก็รับไปอย่างงงๆ ท่ามกลางเสียงกรี๊ด

ผมเป็นเดือน... จริงอ่ะ?!

คนแรกของคณะเทคนิคการแพทย์... ผมทำได้แล้ว!!

****************************************

คลานมาต่อค่ะ 555 จริง ๆ กะจะเก็บไว้ต่อวันเสาร์ พอดีวันนี้วันเกิดพี่ชายเลยมาลงฉลองหน่อย แอบห้วน ๆ ไปเยอะกับตอนนี้ (แต่ก็เล่นไป 7 หน้าA4) ขอโทษทีนะคะ เอาไว้มีโอกาสจะมาแก้น้า

 :mew1:

ออฟไลน์ Ysolip

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
จิ้มมมมมมม 555 ไปอ่านก่อนนะคะ
.
.
โอ้ยยยย คีตาดูน่ารักขึ้นมาทันที นี่จะเป็นแม่ยกเรื่องนี้ทั้งเรื่องแล้วนะคะเนี่ย  :กอด1:
ผู้ชายเทคนิคการแพทย์นี่น่ารักจังเลยน้า ทั้งลมหนาวทั้งคีตา   :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2014 19:27:48 โดย y_xD »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คีตามุ้งมิ้งไปเลย แล้วจะให้คู่ใครล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
คีตามุ้งมิ้งไปเลย แล้วจะให้คู่ใครล่ะเนี่ย

คู่ของคีตาออกมาแล้วนะคะ 555 เดาไม่ยากก

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เปิดตัวมาแบบมาดแมน
แต่ไหงมาทำตัวมุ้งมิ้งได้ล่ะเนี่ย 555
ออร่านายเอกแผ่กระจายมากอะ

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อนะคะ

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
คีตาได้เป็นเดือนมหา'ลัยด้วย
พี่กิตต้องชอบคีตาแน่ๆเลย :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด