EGvsMTเฮดว้ากตัวร้ายปะทะวินัยเจ้าระเบียบ วันสุดท้ายP.27[วิศวะVsเทคนิคฯ]อัพ21/5จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: EGvsMTเฮดว้ากตัวร้ายปะทะวินัยเจ้าระเบียบ วันสุดท้ายP.27[วิศวะVsเทคนิคฯ]อัพ21/5จบ  (อ่าน 275311 ครั้ง)

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
สู้ๆค่ะ รอฉากหวานของลมหนาวกะพายุอยู่ อิอิ  :hao6:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2015 22:16:21 โดย OrangeCaramel »

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
รอทุกคู่ค่าาาาา :mc4:

โดยเฉพาะคู่สุดท้าย พี่วัฒน์ตังโอ คู่นี้เรายกให้เป็นคู่เอกเลย


ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ AutumnWind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
โถวว  พ่อพายุ พ่อคนเสียสละ อย่าเพิ่งตายนะเอ็ง
555 ล้อเล่น ตอนนี้เอ็งเท่มาก ^^

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
รอทุกคู่ค่าาาาา :mc4:

โดยเฉพาะคู่สุดท้าย พี่วัฒน์ตังโอ คู่นี้เรายกให้เป็นคู่เอกเลย



คู่นี้อาจจะไม่มีมาลงให้อ่านนะคะ 5555 ยังไม่มีพล็อตเลยค่ะ

ออฟไลน์ Beerr_jh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
รอฉากสวีทของคู่พายุกับลมหนาวอยู่นะ ><
ฉากสุดท้ายนี่มาวินมาก แย่งซีนสุดๆ 555 อยากรู้คู่นี้บ้าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
วันที่ยี่สิบหก

วันนี้ต้องพาน้องไปนอกมหาลัยตอนเย็น เหมืออาจารย์จะเห็นใจเลยยกคลาสช่วงบ่ายให้พวกผมได้ไปเตรียมตัวกันบ้าง อะไรบ้าง ก็ดีครับ จะได้ไปเช็คของรอบสุดท้ายดู

พวกเรานัดกันตอนห้าโมงเย็นที่ลานเกียร์ครับ รอบนี้คุยกันรู้เรื่องไวเพราะพายุมันไม่ได้มาคุยเอง แต่เป็นนิคกับพิชที่เป็นคนมาคุย
เอาจริง ๆ ผมไม่เห็นหน้าหมอนั่นมาสองสามวันแล้วล่ะครับ ตั้งแต่พวกน้องวิศวะได้ธงมาครอง ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเอามายังไง

จากคำบอก แล้วก็การส่งข่าว พวกรุ่นพี่ที่จบกันไปแล้วของพวกเราเมดเทค และพวกวิดวะจะมารวมตัวกันที่รีสอร์ท จะมาให้รุ่นพวกน้องกันเอง ผมตามใจพวกพี่เขาอยู่แล้ว ยังไงก็เหมือนทุกปีล่ะครับ พี่ปีสูงจะมาเป็นคนเปิดตู้กับข้าวปลดวินัย

ไปกันแค่สองวันสองคืน คงไม่ต้องอะไรกันมากหรอกมั้ง จะขนไปเยอะแยะก็เท่านั้น หนักกันเปล่า ๆ ล่ะนะครับ เอาเท่าที่จำเป็นก็พอ

ผมประชุมรวมวินัยทั้งหมดอีกครั้ง ก่อนจะแยกย้ายกันไปหอบกระเป๋าและโคตรอุปกรณ์ไปไว้บนรถบัสคันพี่ คันน้อง ๆ ก็จะมีพวกพี่สันไปนั่งอยู่ล่ะครับ ส่วนวินัยอย่างเรามากองรวมกันเอง ให้พวกเขาเฮฮาไป ดีกว่ามาคุตลอดทาง

นั่งรอน้องตั้งแต่สี่โมง ก็มีทยอยกันมาเรื่อย ๆ ประปราย ฝั่งวิศวะเห็นพิชกับนิคมารอน้องแล้วเหมือนกัน เปรี้ยวจี๊ดสมกับเป็นตัวแม่อย่างที่เขาลือกันจริง ๆ

นอกจากพวกเราแล้ว ก็มีแขกพิเศษที่ไม่ต้องเชิญอย่างพี่คิส พี่ทิว แล้วก็น้องฟางข้าวไปด้วยนะครับ พวกพี่เขาเอารถไปด้วยกัน แต่อยากจะบอกไฮโซทั้งสองว่าช่วยเอาแค่โตโยต้าวีออสธรรมดามาได้ไหม พี่แกล่อเอาพอร์เช่มานี่คืออะไรกันครับ... เวอร์ทุกที เห็นว่าเป็นรถของพี่คิสแกน่ะครับ

เอาเถอะ ปล่อยคนมีเงินปูแทนพรมบ้านไปเถอะครับ ของปันปันมัน ทุกคนอย่าไปยุ่ง เมื่อมะรืนแอบเห็นมันขึ้นรถพี่คิสแกไปข้างนอกด้วยกันสองต่อสอง ไม่บอกผมด้วย เอาสิ

ปากบอกหงุดหงิดที่พี่แกมายุ่มย่าม แต่ก็เห็นยอมไปด้วยกับพี่แกทุกที (ถึงส่วนใหญ่จะโดนลากไปก็เถอะ เห็นสูง ๆ เพรียว ๆ อย่างพี่คิส แต่แรงนี่ ช้างฉุดเลยนะครับ”

ยืนกอดอกรอพวกน้อง ๆ มากันโดยมีพลอยยืนเก๊กไม่ต่างกันอยู่ข้าง ๆ และมีน้องเทคนั่งเล่นเกมอยู่ปลายเท้า เกดมันมาไวตลอด พร้อมกับกล้องคู่ใจมัน แต่ไม่ยกขึ้นถ่าย ปล่อยมันติดเกมไปก่อนเถอะครับ เห็นว่าจะเคลียร์แล้ว

ไม่ไปเรียนนิเทศน์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเนี่ย น้องเทคผม

พอใกล้ ๆ ห้าโมง น้องมากันครบแล้ว ตรงเวลากันดีนะครับ หางตาผมเห็นไกล ๆ เห็นวิศวะกับปั้มพยุงคนที่หายหน้าหายตาไปพักนึงมา พอมาใกล้จุดรวมพล พายุมันถึงค่อย ๆ เดินมาเอง เป็นอะไรของเขากันล่ะนั่น

"มากันครบไหมครับ"พายุมันถามขึ้นเสียงเข้มตามฉบับ เมื่อมันเดินมาถึงหน้าแถวที่พวกน้องนั่งเรียงกันอยู่ "มีใครขาดหายไปหรือเปล่าครับ"

"ไม่มีครับ/ค่ะ"น้องตอบกลับพร้อมกันเป็นเสียงเดียว พายุมันพยักหน้ารับแล้วหันมามองหน้าผม ให้ผมพูดต่อจากมัน โอเค ได้

"ดีครับ รู้กันแล้วใช่ไหมว่าใครอยู่รถคันไหน"ผมถามขึ้นบ้าง หลังจากเสียงเงียบลงไปชั่วครู่ "ไปรายงานตัวกับพี่ประจำรถ ห้ามสลับคันกันเองโดยพลการรู้ไหมครับ"

"ครับ/ค่ะ"

"เชิญครับ"สิ้นเสียงผมพวกเฟรชชี่หน้าใสทั้งหลายก็พากันลุกขึ้นไปที่รถของตัวเอง ผมหันไปมองเฮดของวิศวะที่ดูนิ่งกว่าปกติอย่างสงสัย พอ ๆ กับที่สงสัยว่าทำไมพวกวินัยของวิศวะมันถึงคอยมองหัวหน้าของพวกเขากันตลอด

เมื่อน้องซาลง พายุที่ยืนนิ่งมันมุ่นหัวคิ้วแน่น ก่อนที่ตัวมันจะค่อย ๆ ทรุดลง ผมรีบพุ่งเข้าไปพยุงมันเอาไว้ก่อน ร่างกายมันไปไวกว่าความคิดตลอด ตัวก็ไม่ร้อนนี่หว่า เป็นอะไรไปล่ะเนี่ย

พิชกับนิครีบปราดเข้ามาดูเพื่อนของพวกเขาอย่างเป็นห่วง ปากถามย้ำ ๆ อยู่หลายรอบว่าไหวไหม ไหวแน่หรือเปล่า ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

"คุณเป็นอะไรไปเนี่ย คุณพายุ"ผมอดถามคนที่ผมพยุงน้ำหนักเอาไว้ข้างหนึ่งไม่ได้ อีกข้างปั้มมันเข้ามาพยุงเพื่อนตัวเองเอาไว้แล้วครับ "ทำไมคุณโทรมแบบนี้ล่ะ"

พวกวิศวะหันควับมามองผมเป็นตาเดียวด้วยสายตาที่ดูออกจะเคืองใจกันไม่น้อย แล้วไอ้สายตาค้อน ๆ นั่นคืออะไร ผมถามอะไรผิดเหรอครับ...

"หึหึ"พายุมันหัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วส่ายหน้าน้อย ๆ "ไม่มีอะไร ผมแค่เหนื่อย"

ผมมองคนข้าง ๆ อย่างไม่เชื่อถือนัก มันต้องมีอะไรแน่ครับ ถ้าเป็นปกติหมอนี่ไม่มีทางพูดกับผมดี ๆ แบบที่ไม่มีการกวนประสาทสักนิดแบบนี้แน่

แล้วอีกอย่าง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นพวกลุยแหลกอย่างวิศวะ แต่ก็มีดีกรีเป็นเดือนมหาลัย ถ้าไม่ใช่เหตุจำเป็นจริง ๆ มันไม่มีทางโทรมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แบบนี้แน่

แต่มันไม่พูด ผมก็ไม่มีสิทธิ์อะไรไปก้าวก่าย

เพื่อนวินัยวิศวะของมันพากันมาหอบหิ้วมันไปขึ้นรถ ส่วนผมก็ขึ้นไปพร้อมกับเพื่อนผมเหมือนกันครับ นั่งรถคันเดียวกัน แยกคนละฝั่ง ข้างหลังเป็นของพวกวิดวะไปโดยปริยาย ก็จำนวนคนมันมาแบบนี้ ทำใจครับ

"กูว่า รถคันนี้ควรติดป้ายว่ะหนาว"เสียงพลอยมันตะโกนมาจากแถวหลังสุดของเมดเทค เงียบรอฟังทั้งคันรถล่ะครับ งานนี้ "ระวัง รถคันนี้คนเฮี้ยน"

ครับ เสียงฮามาทั้งคันรถ ก็จริงของมัน วินัยเป็นสิ่งที่เฮี้ยนมากสำหรับเฟรชชี่ เรียกว่าเดินไปไหนก็มันจะเจอเหมือนเงาตามตัว

"อะไร หนูออกจะใส ๆ นะพี่พลอย"ป๊อปเถียงขึ้นมา ก่อนหน้าเพิ่งงอแงที่ลากไอ้เกดมานั่งด้วยไม่ได้ รายนั้นไปนั่งคันน้องเทคตัวเองครับ ผมว่าไปเป็นเจ้ามือชัวร์

สาวน้อยตัวกลมแมน ๆ เตะบอล หนึ่งในฉายาที่มีคนตั้งให้น้องเทคผม แล้วมันก็ดูจะเป็นจริงซะด้วย ฮะ ๆ

คงเป็นจิตวิญญาณของวิชาชีพล่ะมั้งครับ ที่คนดลใจให้ผมกันไปมองพายุมันบ่อย ๆ ระหว่างที่เพื่อน ๆ น้อง ๆ มันนั่งล้องวงป๊อก แน่นอนว่าเมดเทคเราก็ไปร่วมกับเขาด้วย หลังจากต้องร่วมมือทำงานกันมา หลายอย่างมันก็เปลี่ยนไปนะครับ เราพูดคุยกันได้ เล่นกันบ้าง ถึงจะยังมีเขม่นกันเหมือนเดิม แต่ก็ไม่จะกระโจมใส่กัดกันเหมือนก่อนแล้วครับ แต่พายุมันกลับนั่งนิ่งไม่ลงไปล้อมวงกับเขาด้วย คิ้วมันก็ขมวดเป็นปมตลอด... มันทำให้ผมอดที่จะลุกไปดูหมอนั่นไม่ได้

ผมนั่งลงข้าง ๆ พายุ พร้อม ๆ กับที่มันลืมตาขึ้นมาดูน้อย ๆ พอเห็นเป็นผมก็ปิดลงไปอีก ผมหลุบตาลงไปดูขามัน ดูเกร็ง ๆ ทั้งที่อ่อนแรงเนี่ยนะ

"ปวดขาเหรอ"ผมเดาสุ่มอาการมันไป ตัวไม่ได้ร้อน คงไม่ได้ไม่สบาย พายุมันพยักหน้าให้ผมอย่างไม่อิดออดหรือกวนตีนอะไร หมดฤทธิ์ของแท้เลยนะครับ สภาพแบบนี้ "ไปนั่งข้างหน้าไหม จะได้ยืดขาหน่อย"

รถคันนี้ข้างหน้าเรายืดขาผ่านรั้วไปตรงบันไดได้น่ะครับ ส่วนข้างหลังวงไพ่เขายึดกันไปเรียบร้อยแล้ว คงไปขอที่เพื่อกางแอเรียไม่ได้

"ไม่เป็นไร"พายุมันปฏิเสธเบา ๆ แต่คิดว่าผมจะฟังมันไหมล่ะครับ... รู้กันว่าไม่ ตอนนี้มันเป็นคนป่วย ผมไม่ฟังมันหรอก (ปกติก็ไม่ฟังนะครับ)

"มา เดี๋ยวผมพยุงไป"ผมลุกขึ้นแล้วดึงให้มันขยับตัวตามผมมา แค่นิดหน่อยก็เห็นเฮดว๊ากตรงหน้าเม้มปากแล้ว สงสัยคงปวดไม่น้อย... ไปทำอะไรของเขามากันนะ "ค่อย ๆ เดินนะ"

ผมพยุงเอาคู่อริมานั่งข้างหน้า ตัวพวกเราไม่ได้ต่างไซต์กัน เพราะงั้นสบาย ๆ ครับ พอมันนั่งลง ก็จับให้มันเหยียดขาออก ถึงกับร้องออกมาเบา ๆ ดีที่ไม่มีใครสนใจ

กล้ามเนื้อขาของมันสั่นน้อย ๆ แล้วมีการเกร็งอย่างเห็นได้ชัดเป็นระยะ เหมือนถูกใช้งานหนักเกินไป ถ้าเป็นปกติไปใช้กล้ามเนื้อส่วนไหนหนัก ๆ ในช่วงเวลาเฉียบพลันจะแค่ปวดจี๊ด ๆ นะครับ แต่ดูทรงแล้ว ก่อนหน้าคงมีอักเสบมาด้วยแน่

ผมดึงเอาแผ่นตราเสือที่ซื้อมาให้น้องเทคที่ชอบปวดหลังออกมาแกะและแปะลงบนขา อย่างน้อยก็น่าจะพอช่วยบรรเทาปวดไปได้บ้าง

"ขอบใจ"

"อืม"ผมก้มหน้าลงไปมองท่อนขาเรียวที่อุดมด้วยมัดกล้าม สมกับเป็นคนที่เล่นกีฬาสม่ำเสมอนั่นล่ะครับ ผมยิ่นมือไปนวดคลึงเบา ๆ ที่น่องปูดนั่น พายุมันกระตุกไปที สงสัยจะหนักมือไปหน่อย เลยเบาลงอีกนิด มันมองผมอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ตรงข้าม ปมินี่กลับหลับตาลงให้ผมนวดอยู่แบบนี้แทน

จากกรุงเทพไปถึงระยอง ระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่ นั่งรถก็ไม่นาน แต่สำหรับคนที่ปวดขา ถ้าต้องนั่งขางออยู่คงทรมานน่าดูเหมือนกันครับ

พวกวินัยวิศวะที่เลิกตั้งก๊กแล้วเดินวนเวียนมาดูเฮดของพวกเขากันอยู่ไม่ขาด ผมได้แต่ส่งสัญญาณให้เงียบเพราะมันหลับอยู่ หลับไปคงดีกว่าการที่นั่งปวดล่ะนะครับ แต่จะดีกว่านี้ถ้ามันไม่เอนมาพิงผม

"เอาไรไหมหนาว"ปันปันกระซิบถามเมื่อรถบัสจอดระหว่างทางให้ได้เข้าห้องน้ำ ซื้อของกินกัน ผมส่ายหน้าตอบมันเชิงว่าไม้เอาอะไร ปันมันด็พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป

นั่งเฉย ๆ นาน ๆ แบบนี้ ผมก็ชักง่วงแล้วสิ...

ผมเอียงหน้าไปซบกลุ่มผมนุ่มของคนที่หลับซบไหล่ผมอยู่แล้วปิดตาลง... ในเมื่อคุณยึดไหล่ผมเป็นที่นอน ผมก็ขอยึดหัวคุณพิงหน่อยละกัน คุณพายุ


"หนาว ๆ ตื่นได้แล้ว"อืม... เสียงใคร ไม่ใช่เสียงปันปันนี่น่า เสียงเหมือนพี่ทิวเลย แต่พี่ทิวมาเอง จะมาอยู่บนรถบัสได้ยังไงกัน "หนาว ตื่น น้องรอกันอยู่ข้างล่างนะ"

ผมลืมตาขึ้นมองไปรอบ ๆ ถึงรีสอร์ทที่เราจองกันเอาไว้แล้วล่ะครับ เสียงคลื่นซัดชายฝั่งดังเข้ามาในหู ก่อนที่จะมีผ้าเย็น ๆ โป๊ะมาเต็มหน้า พร้อมกับแรงซับเบา ๆ

"ลงไปคุยกับน้องก่อนเร็ว"ผมพยักหน้ารับ แล้วหันไปมองใครอีกคนที่นั่งข้าง ๆ ที่กำลังหดขาที่ยืดมาตลอดทาง เพื่อจะลุกขึ้นยืน "ส่วนคนเจ็บ ให้นั่งอยู่ก่อน ห้ามดื้อรู้ไหมครับ"

พายุมันหันมามองพี่ทิวหน้าเหวอ ส่วนผมก็อดขำออกมาเบา ๆ ไม่ได้ รู้ทุกเรื่องสมเป็นพี่ทิวจริง ๆ นายแพทย์มาสั่งการเอง ลองดื้อดูสิครับ พี่ชายผมคนนี้ไม่เบามือให้หรอกนะ

"เดี๋ยวผมบอกให้เพื่อนคุณมาหิ้วคุณลงไปที่หลังแล้วกันนะ คุณพายุ"ผมล้อมันไปดอกนึง ก่อนจะลงจากรถไป ความจริงไม่ต้องบอกอะไรหรอกครับ แค่ผมลงมา วิศกับปั๊มก็สวนขึ้นไปหาเพื่อนพวกเขาเองละ

น้องปีหนึ่งยืนเรียงแถวกันเรียบร้อย โดยมีพี่ปีอื่นกระจายตัวกันอยู่รอบ ๆ แฟรชที่วูบวาบนั่นคงไม่ต้องถามว่าจากใคร รู้กันครับ

"อยู่กันครบใช่ไหมครับ"ผมกอดอกยืนอยู่หน้าน้อง ๆ ทุกคนเพียงลำพัง คนอื่น ๆ เขากระจายไปรอบ ๆ บางคนก็ไปเช็คสถานที่ก่อนให้น้องเข้าพักเพื่อความสะดวกและปลอดภัยน่ะครับ

"ครบครับ/ค่ะ"น้องตอบกลับกันมาทั้งสองคณะวิชา

"คืนนี้พวกผมจะให้พวกคุณไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้เช้าแปดโมงรวมตัวกันที่ลาน ห้ามสายนะครับ"

"ครับ/ค่ะ"

"เขิญครับ"พูดจบผมก็แบกกระเป๋าตัวเองเดินไปที่บ้านพักหลังแรก หลังนึงนอนกันสิบคนครับ มีตึกที่เหมือนจะเป็นโรงแรมห้องละห้าคน กระจาย ๆ กันไปทั้งพี่ ทั้งน้องล่ะครับ

พี่ทิว น้องข้าว พี่คิส ก็ลากกระเป๋าตามหลังผมมา จริง ๆ ให้พี่เขาไปนอนที่ห้องพักอีกระดับของทางรีสอร์ทพี่แกก็ไม่ยอม จะมานอนด้วยกันแบบนี้ล่ะ

"ปันปันครับ มาเร็ว นอนกับพี่นะครับคนดี"พี่คิสเริ่มแล้วล่ะครับ ผมต้องบอกไหมว่าหน้าตาของเพื่อนผมตอนนี้เป็นยังไง อย่างที่คิดนั่นล่ะครับ ฮะ ๆ

"ไปไกล ๆ เลย พี่คิส"หลัง ๆ ก็พัฒนากันมาบ้างแล้วเหมือนกันนะครับ ปันปันมันยอมเรียกชื่อพี่แกแล้ว แต่ก็นั่นล่ะครับ ยังไม่ยอมให้แตะตัวอะไร ยังไงมันก็ผู้ชายแท้ ๆ นี่นะ ขนลุกเป็นธรรมดา

"พี่คิสนี่ อดทนขึ้นเยอะเลยนะ"เสียงนุ่ม ๆ เอ่ยเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เจือแววขบขันเอาไว้ พี่ทิวทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ ผมแล้วยกมือขึ้นมาลูบหัวผมน้อย ๆ "นอนมาบนรถแบบนี้ ปวดคอไหม"

"ไม่ฮะ"ผมตอบกลับไปตามจริง ไม่ได้รู้สึกปวดเมื่อยตรงไหน ออกจะปกติด้วยซ้ำไปล่ะครับ "แล้วใครเป็นคนขับรถมาล่ะครับ พี่ทิว"

"พี่คิสขับน่ะ เขาชอบอยู่แล้ว ซิ่งรถเนี่ย"พี่ทิวตอบกลับมา พร้อมกับยื่นมือมาบีบที่ไหล่ผมเบา ๆ รู้จนได้ว่าผมปวดไหล่อยู่... ไม่รู้ทันสักเรื่องจะเป็นอะไรไหมนะ

"ผมไปอาบน้ำก่อนนะฮะ"น้องข้าวที่กอดเสื้อผ้าเอาไว้แน่น เดินเข้ามาบอกกับพี่ทิว ดวงตาคู่โศกของน้องเขาดูสั่นระริก... เหมือนกำลังเสียใจ

"อืม ระวังอย่าลื่นล้มล่ะ"พี่หมอทิวหันไปรับคำด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล หังดูเป็นห่วงเป็นใยเหมือนปกติ งั้นก็ไม่น่ามีอะไรล่ะมั้ง "อย่าอาบนานนักล่ะ แถวนี้อากาศชื้น เดี๋ยวจะไม่สบายเอา"

"ฮะ"น้องข้าวพยักหน้ารับ แล้วเดินออกไปเงียบ ๆ เอ... ผมว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆ ทำไมน้องเขาดูห่อเหี่ยวขนาดนั้น ทั้งที่ปกติออกจากดู อืม... สดใสก็ไม่เชิง แต่ก็ยังดูร่าเริงกว่านี้

หลังจากที่ฟางข้าวอาบน้ำเสร็จ พี่ทิวก็ไล่ผมไปอาบต่อ และตามด้วยพี่เขา เหมือเป็นอัตโนมัติที่พอพี่ทิวทำอะไรเสร็จ คนอื่น ๆ ก็จะรีบจัดการตัวเองให้เสร็จ

ผมทิ้งตัวลงนอน ข้าวเย็นขอไม่กินแล้วกันครับ ง่วงเกินจะลุกขึ้นมากินแล้ว ก่อนจะหลับลงไป เหมือนพี่ทิวจะล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ความอบอุ่นที่ไม่ได้สัมผัสมาพักหนึ่งโอบรัดกายเอาไว้

"ฝันดีนะครับ"แล้วทุกอย่างก็เงียบหายไป


แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านหน้าต่างมาแยงตา ปลุกให้ผมตื่นขึ้น อืม... เอาจริง ๆ วันหยุดแบบนี้ ผมไม่อยากตื่นหรอกครับ อยากนอนสบาย ๆ มากกว่า

แต่ไม่ได้ ผมยังมีภารกิจต้องทำให้เสร็จ

"ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมาอาบน้ำ แต่งตัวนะ หนาว"เสียงที่เคยคุ้นกันดีพูดกระซิบขึ้น พี่ทิวตื่นเช้าตามเคย "อย่าขยับตัวเสียงดัง หรือกระชากล่ะ ดึงเขาออกเบา ๆ ให้ข้าวนอนไปก่อน"

ดึงออก... ตอนแรกผมก็งงครับว่าดึงอะไร แต่พอลืมตามเต็มตาแล้วหลุ่บมองในอ้อมแขน ก็เห็นลูกแมวตัวน้อยขี้อ้อนนอนหลับสบายซุกอกผมอยู่ นี่ผมนอนกอดกับน้องข้าวตอนไหนกันล่ะเนี่ย

ตัวนุ่ม ๆ หอม ๆ น่ารักชะมัดเลยครับ

ผมค่อย ๆ ขยับตัวออกมายืนข้างเตียง เอาผ้าห่มร่างเล็กที่ขดตัวเข้าหากัน แล้วจึงหันไปมองเตียงตรงข้ามที่ปันปันมันนอนอยู่

"ถ้าถ่ายรูปไว้แบล็คเมล์ จะโกรธไหมเนี่ย"ผมพึมพำออกมาเบา ๆ แล้วแอบหัวเราะอยู่คนเดียว กอดกันกลมเลยนะ พี่คิสกับปันปันน่ะ เพื่อนผมติดหมอนข้าง คงคิดว่าพี่คิสเป็นหมอนข้างอยู่แน่ กอดแน่นเลย

ผมหันมาหยิบเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋า กดมือถือดูความเคลื่อนไหวโลกโซเชียล เพิ่งหกโมงครึ่งเองแหะ ตื่นเช้าเหมือนกันนะ แดดดีจริง ๆ

"เฮ้ยยย อะไรวะเนี่ย"ระหว่างที่อาบน้ำอยู่ก็ได้ยินเสียงปันปันตะโกนแว่วเข้ามา ฮ่า ๆ ตื่นมาอยู่ในอ้อมแขนของคุณคิส ท่าจะตกใจน่าดูเลย

“อาละวาดอะไรแต่เช้าเลยวะ ปัน”ผมแกล้งถามมันเมื่อเดินเข้ามาในห้อง มันมองผมตาเขียวปั๊ดเลย ฮ่า ๆ ไม่ได้ทำอะไรให้สักหน่อย

“เงียบไปเลย มึง แม่ง”มันคว้าเอาเสื้อผ้าเดินลงส้นไปอาบน้ำ เหมือนสาวน้อยที่โมโหแก้เขินเลย ให้ตายเถอะ เพื่อนผม ถ้าอยู่ที่ห้องจะหัวเราะกลิ้งเลย

“พี่คิสก็ไปแกล้งมัน”หันมาหาคู่กรณีอีกคนที่นั่งยิ้มหวาน หน้าก็หวาน ยิ้มก็หวาน ถ้าเป็นผู้หญิงไอ้ปันคงยอมตกลงเป็นแฟนไปตั้งแต่วันแรก ๆ แล้วล่ะมัง

“อะไร พี่ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”พี่แกลอยหน้าลอยตา ปฏิเลธปัดข้อหาให้พ้นออกจากตัวไป “ปันปันน้อยมานอนกอดพี่เองนะ พี่ไม่ได้เริ่มก่อนนี่”

ก็จริงของพี่แก... เถียงอะไรไม่ได้

เช้านี้เลยเป็นเช้าที่โคตรวุ่นวายเลยครับ ปันปันตาขวางแต่เช้าไม่มีใครเข้าหน้าติด แต่ตัวต้นเหตุที่ทำให้หมอนั่นอารมณ์บ่จอยยังคงเสนอหน้าไม่หวั่นในแรงอารมณ์เลยครับ นะ เพื่อนกันเองยังเข้าหน้าไม่ติด ลาอะไรกับน้อง หัวหดกันไปเป็นแถบ ๆ

นัดแปดโมงนี้ แค่จะรวมตัวกัน พาไปกินข้าว คนจำนวนเยอะ ๆ ขนาดนี้ กว่าจะรวมตัวกันได้ก็กินเวลาไปถมที่เลยล่ะครับ แต่ยังดีที่เลยไม่มาก

พายุมันเดินลากขามายืนข้างผม ก็ดูดีกว่าเมื่อวานอยู่นะครับ ค่อยสมกับการเป็นคู่ปรับกับผมหน่อย

"เดี๋ยวพี่ของพวกคุณ จะพาพวกคุณไปทานข้าวนะครับ"พายุมันเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ดวงตาคู่คมกวาดมองน้องรอบ ๆ "อยากแตกออกนอกกลุ่ม ถ้าพวกคุณหายไป จะไม่มีใครตามหานะครับ"

"ครับ / ค่ะ"

"ถ้าเข้าใจแล้ว เชิญปีสองครับ"ผมปิดท้ายให้ แล้ววินัยทั้งหมดก็เดินล่วงหน้าไปที่ห้องอาหารก่อน อืม คุณเฮดวิศวะไม่ต้องให้ใครพยุงแล้ว ดีขึ้นแล้วจริง ๆ สินะ

ใช้เวลากินข้าวอะไรกันก็ชั่วโมงนึง ก่อนที่จะมานั่งเรียงรวมตัวกันอยู่ที่ลานใกล้ ๆ ห้องอาหารนี่ล่ะครับ ตอนนี้เหลือแต่ผม พายุกับวินัยไม่กี่คน ที่เหลือต้องไปเตรียมฐานกันแล้ว

“นับ 1 -15 เรียงกันไปครับ”ต้องแบ่ง 15 กลุ่มไปวนฐาน มันดูเยอะใช่ไหมครับ แต่มันมีแบ่งอีกทอด เป็นหลุ่มใหญ่อีก 3 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มจะมี 5 กลุ่มย่อย นับแล้วทุกกลุ่มจะได้วนฐานอยู่ 5 ฐานครับ

ต้อง 5 ฐานเท่านั้น ห้ามขาด ห้ามเกิน

เพราะตัวอักษรคำว่า Sotus มันมี 5 ตัวนี่ครับ

พอแบ่งกันจนครบ จะมีปีสองที่เป็นพี่กลุ่มมารับน้องไปเดินฐาน ส่วนพวกผมไม่ได้มีหลัก มีแหล่งที่ฐานใดฐานหนึ่ง ก็เดินไปทั่ว ๆ นั่นล่ะครับ แล้วก็เตรียมงานสำหรับตอนกลางคืนด้วย

พอผ่านคืนนี้ไป การรับน้องก็จะจบลงแล้ว ผมก็จะได้พักสมองสักที... แล้วค่อยลุกขึ้นมาลุยใหม่เรื่องแสตนด์

“ทำหน้าสบายใจเชียวนะ ลมหนาว”พออาการดีขึ้น ปากก็กลับมาใช้งานได้เลยนะ หมอนี่ “เตรียมใจไว้เถอะ หลังจบรับน้องเราต้องทำงานกีฬาต่อ ยังไงคราวนี้ผมก็จะชนะคุณให้ได้”

“ทำให้ได้ก่อนค่อยมาพูดเถอะ คุณน่ะ”ผมกระตุกยิ้มเย็นส่งให้มันไป

“แน่นอน อย่าลืมซะล่ะ เตรียมล้างท้องเป็นเมียผมได้เลย คุณลมหนาว”พายุมันกระซิบที่ข้างหูผมเบา ๆ ก่อจจะเดินไปหาเพื่อนของมัน

คิดว่าอะไร ๆ มันจะง่ายอย่างนั้นหรือไง

ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่หวังได้ตลอดหรอกนะ

คอยดู! แล้วเราจะเห็นดีกัน!

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

ตอนต่อไปจะจบรับน้องแล้วค่ะ ^^/ ดีใจเบา ๆ 5555 :-[

ยังคงหยอดโมเม้นเล็ก ๆ ไปเรื่อย ๆ... (ใครรอหวาน ตอนหน้าเกือบล่ะมั้ง...)

แล้วพบกันค้า

ออฟไลน์ ROCKLOBSTER

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-4

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
รอออออออออออตอนต่อไป อุอิ  :hao6:

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
พ่อพายุนี่ดูว่าฟื้นหรือยังให้ดูที่ปากสินะ? 5555

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
สมัยเรา ไม่มีรับน้องนอกสถานที่อ่ะ  T_T

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ nuttzier

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
นอนกอดกันกลมเลยนะพี่คิสน้องปันปัน

พายุได้ว่าที่คุณหมอลมหนาวนวดขาให้สบายเลยสิ

พี่ทิวของทุกนี่ใจดีไปทั่ว

รู้ใหมน้องฟางข้าวเขาน้อยใจ

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
รอทุกคู่ค่าาาาา :mc4:

โดยเฉพาะคู่สุดท้าย พี่วัฒน์ตังโอ คู่นี้เรายกให้เป็นคู่เอกเลย



คู่นี้อาจจะไม่มีมาลงให้อ่านนะคะ 5555 ยังไม่มีพล็อตเลยค่ะ
แอร๊ยยย เขียนเป็นอีกเรื่องเลยค่า
ชีวิตรักพี่ว้ากพี่วินัยรุ่นเดอะ กร้ากกกกก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2015 13:30:13 โดย วัวพันปี »

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
รอทุกคู่ค่าาาาา :mc4:

โดยเฉพาะคู่สุดท้าย พี่วัฒน์ตังโอ คู่นี้เรายกให้เป็นคู่เอกเลย



คู่นี้อาจจะไม่มีมาลงให้อ่านนะคะ 5555 ยังไม่มีพล็อตเลยค่ะ
แอร๊ยยย เขียนเป็นอีกเรื่องเลยค่า
ชีวิตรักพี่ว้ากพี่วินัยรุ่นเดอะ กร้ากกกกก
5555 เรื่องต่อไปมีแพลนแล้วค้า เขียนคู่กันมาอยู่ ^^' แฮร่

ออฟไลน์ poisongodx

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
วันที่ยี่สิบเจ็ด
(คีตา)

ไม่รู้ว่าพรมลิขิตหรือฟ้ากลั่นแกล้งผมเหมือนกันนะ กลุ่มตั้ง 15 กลุ่ม แต่ผมกลับได้มาอยู่กับพี่กิต... ที่มาเป็นพี่ประจำกลุ่มแบบนี้
ยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าเลย...

พี่กิตยังคงเหมือนเดิม ยังคงยิ้มอย่างอบอุ่น ยังคงพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลไม่มีเปลี่ยนแปลง แต่ทุกอย่างที่ผมเห็นอยู่นี้ มีเจ้าของแล้ว

"คี เป็นอะไรหรือเปล่า"พี่กิตหันมาถามผมด้วยท่าทางที่เป็นห่วงเป็นใย ผมยิ้มแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ "ถ้ารู้สึกไม่สบายให้บอกพี่นะครับ"

"ครับ"ผมไม่ตอบอะไรไปมากกว่านี้ พี่กิตเม้มปากเข้าหากันน้อย ๆ แล้วหันไปทางอื่นแทน

เดินกันมาพักนึงก็มาถึงฐานแรก เป็นฐานของพี่ปีสี่ที่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเห็นตากันมากนัก

"ไง ทุกคน สวัสดีจ้า"พี่สาวผมลอนเป็นคนแรกที่เอ่ยทักพวกผม "ยินดีต้องรับเข้าสู่ฐานปีสี่ของพวกพี่นะคะ มา ๆ มานั่งกันก่อนเร็ว"

ผมกับเพื่อน ๆ ไปนั่งเรียงแถวกันบนถนนปูน ดีที่อากาศไม่ร้อน ไม่อย่างนั้นคงได้ชาก้นกันไปข้างแน่ ๆ เลยล่ะฮะ

"ไม่ได้เจอหน้ากันเลยเนอะ น้อง ๆ คงไม่คุ้นกับพวกพี่เท่าไหร่สิ"พี่สาวคนเดิมหัวเราะเสียงใส แล้วยิ้มมาให้อย่างร่าเริง "ฐานของพวกพี่ ไม่ยากอะไร ให้น้องหาของในรูปนี้ให้เจอก็พอแล้วจ้า"

พี่ผู้ชายคนนึงยกรูปขึ้นมา เป็นรูปของไอโฟนเครื่องหนึ่ง ที่ใส่เคสรูปหอยทาก... ดูเข้ากันดีนะครับ มั้งนะ

"พี่มีเวลาให้ 10 นาทีหาของสิ่งนี้ให้เจอภายในเวลาที่กำหนดเอาไว้นะคะ"พี่เขาก้มลงมองนาฬิกาข้อมือที่สวมไว้ แล้วเงยขึ้นมาหาพวกผม "เริ่มได้แล้วค่ะ"

สิ้นเสียงของพี่เขา พวกเราก็เริ่มออกตามหาสิ่งของพูดให้ถูกคือไอโฟนเครื่องนั้นทันที เริ่มโดยการหาจากรอบ ๆ ทั้งในกล่องในตะกร้ารวมทั้งในถุงที่ใส่ของต่าง ๆ เอาไว้พี่ว่างอยู่รอบ ๆ นี้ทั้งหมด แต่ก็ยังไม่เจอ

มันดูเป็นเรื่องที่ง่ายนะครับแต่นะการหาของชิ้นหนึ่ง มันก็ใช่ว่าง่ายเสมอไปเพราะเราไม่รู้และไม่มีคำใบ้ว่ามันอยู่ที่ไหนมันต้องหาด้วยการสุ่มเท่านั้นมันเลยยาก

หาไปพักหนึ่งมันเริ่มทำให้ผมคิดได้ว่าของมีค่าเขาคงไม่วางทิ้งเอาไว้เพราะฉะนั้นมันคงอยู่กับพี่คนใดคนหนึ่งแน่ ๆ เลยใช่ไหมครับ

"พี่ครับ ผมขอดูมือถือของพี่หน่อยได้ไหมครับ"ผมเดินเข้าไปถามพี่ที่คุมฐานคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่ไม่ไกลเค้ายิ้มแล้วหยิบมือถือขึ้นมาให้ผมดูมันเป็นยี่ห้อซันซุม เพราะอย่างนั้นจึงไม่ใช่พี่คนนี้

พอเพื่อน ๆ ในทีมของผมเห็นผมทำแบบนี้พวกเขาก็เริ่มเข้าไปหาพี่ทีละคน ๆ ถามแบบเดียวกับผมพี่บางคนก็ไม่ยอมหยิบขึ้นมาให้ดูง่าย ๆ มีการแกล้งก่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วจึงหยิบให้ดู

"พี่ครับ ผมขอดูมือถือหน่อยได้ไหมครับ"ผมเดินเข้าไปถามพี่อีกคนที่ยืนทำหน้านิ่ง ตีหน้าเฉย ทำตัวจืดจางไม่ให้ใครไปสนใจพี่เขายิ้มแล้วหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาให้ผมดู

"ไม่คิดว่าจะมาหาพี่นะครับน้องคี"พี่เขาเอ่ยปากพูดกับผมด้วยท่าทีสบาย "ยินดีด้วยนะครับน้องหาเจอแล้ว ไปเรียกเพื่อน ๆ มารวมตัวเถอะใกล้จะถึงเวลาแล้วนะ"

ผมถือไอโฟนเคสหอยทากไปชูให้เพื่อน ๆ ดู หลายคนหัวเราะออกมาอย่างดีใจ ที่สนิทกน่อยก็วิ่งมากอดคอ ส่วนพี่กิต... พี่เขาปรบมือให้ผมเบา ๆ

ผมกับเพื่อนมานั่งรวมกันอีกครั้ง พี่สาวหัวหน้าฐาน ที่ผมเพิ่งมารู้ชื่อว่าชื่อพี่ยุ้ยเดินมาอยู่ด้านหน้า ปรบมือให้กับพวกผมด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

"ทำเวลาได้ดีเลยค่ะ ยังไม่หมดเวลาเลยเหลืออีกนิดนึง ดีแล้วที่ทำได้อย่างนี้นะคะ เอาล่ะพี่ขอดูของที่หามาได้หน่อยนะ"ผมส่งไอโฟนในมือให้พี่เขาและพี่เขาก็ส่งคืนให้กับพี่คนนั้นที่เป็นเจ้าของ "เก่งมากค่ะถูกต้องแล้วไอโฟนของพี่บุ๊ค"

"เคสพี่ดูติงต๊องไปหน่อย ขอโทษทีนะครับ"พี่บุ๊คแกพูดด้วยเสียงร่าเริงบนหัวเราะขบขัน ก็แน่สิ เคสพี่เขาดูเด็กมากเลยนี่ครับ "ไม่สมกับเป็นวิศวกรรมเลยเนอะ ฮ่า ๆ"

พี่เขาดูเป็นคนอารมณ์ดีแบบจืด ๆ ดีนะครับ

"เอาล่ะค่ะ พี่ของน้องน้องทุกคนได้บอกเอาไว้ไหมคะว่าต้องเอาอะไร ต้องหาอะไร"พี่ยุ้ยถามขึ้นเสียงใส

"หา RC ครับ/ค่ะ"ผมกับเพื่อนตอบไปพร้อมกัน พี่เขาพยักหน้ารับอย่างพอใจ

"ถ้าอย่างนั้น ก็หาสิ่งที่น้องต้องการเลยค่ะ"งานนี้ไม่มีใครขยับตัวไปไหนเลยครับ ทุกคนจ้องไปที่ข้อมือของพี่ยุ้ยที่มีผ้าผูกอยู่ ก่อนที่เพื่อนสาววิดวะจะลุกขึ้นเดินเข้าไปหาพี่เขา

"พี่คะ หนูขอผ้าที่ผูกข้อมือพี่อยู่ได้ไหมคะ"เธอถามออกไปอย่างสุภาพ พร้อมกับส่งรอยยิ้มอ้อน ๆ ให้

"เอ๋ อันนี้น่ะเหรอ"พี่แกโบกข้อมือไปมา ให้หน้ายังคงแต้มรอยยิ้ม "อยากได้ของ ๆ พี่ ก็คงต้องมีอะไรมาแลกกันหน่อยนะจ๊ะ สาวน้อย"

"พี่ต้องการอะไรเหรอคะ"เธอยังคงตอบด้วนเสียงที่มันคง ไม่สั่นไหว ไม่กลัว ใจกล้าดีเหมือนกันนะครับ

"น้องได้อะไรจากฐานของพี่คะ"พี่ยุ้ยยิงคำถามมาพร้อมรอยยิ้มตามฉบับ คำถามที่ฟังดูง่าย แต่คำตอบที่ฟังแล้วใช้ได้มันหายากนะครับเนี่ย

ทุกคนนิ่ง หาคำตอบในใจ คำตอบที่พี่เขาต้องการจะเป็นแบบไหนกันนะ มันตอบได้หลายด้านเกินไปซะด้วยสิ

"คำใบ้คือ S"พี่บุ๊คเปรยขึ้นมาเบา ๆ เอสงั้นเหรอ... มันคืออะไรกันนะ ตัวเอสเนี่ย

"อ๊ะ"ไอ้เล ทะเลจำกันได้ไหมครับ มันดีดนิ้วดังเป๊าะ แล้วลุกขึ้นยืน "ฐานนี้สอนให้พวกเรารู้จักนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ ผู้ที่สูงวัยกว่าเรา ให้ความเคารพทั้งกิริยา วาจา เพื่อให้เป็นที่รักต่อผู้พบเห็นครับ"

"เยี่ยม คำตอบเยี่ยมมาก เอาไปเลยจ้า"พี่ยุ้ยดึงผ้าที่ข้อมืออกส่งให้เลมัน เอ... ไอ้จัวเอสนี่มันมาจากอะไร คำตอบของเลมันไม่ได้มีตัวเอสสักหน่อย "แล้วเจอกันใหม่น้า ทุกคน"

พี่กิตพาพวกผมเดินออกจากฐานมา ผมหันไปมองหาเพื่อนซี้เพื่อถามข้อคาใจ แต่ยังไม่ทันจะหาเจอ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ ๆ ก่อน

"S มาจาก Seniority ที่แปลว่า อาวุโส พี่เขาต้องการสื่อให้รู้จักนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นน่ะ คี"พี่กิตเอ่ยขึ้นข้าง ๆ ผม เหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่

"อ่อ... ครับ"ได้แต่รับคำสั้น ๆ เหมือนเดิม ทำเอาพี่กิตหน้าเสียไปเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรที่ดีกว่านี้แล้วนี่ครับ ไม่รู้จะตอบอะไร...

ในช่วงเวลาที่กำลังห้ามใจไม่ให้ถลำลึกไปมากกว่านี้

ฐานต่อมาเป็นของพี่วินัยตัวแม่ครับ ตัวแม่จริง ๆ ก็เล่นมีทั้งพี่พลอยและพี่พิชอยู่ด้วยกัน ทำหน้าถมึงทึงเป็นยักษ์กันอยู่ในศาลา

"นั่งลงให้เรียบร้อยค่ะ"ดีกรีเสียงพี่พลอยไม่มีตกครับ ดังดีไม่มีสะดุด "ฐานของพี่เป็นฐานวินัย รู้กันแก่ใจใช่ไหมว่าเป็นฐานเกี่ยวกับอะไร"

"ทราบครับ / ค่ะ"แสดงว่าฐานนี้เป็น O Order การปฏิบัติตามระเบียบวินัย ไม่รู้พี่เขาจะให้พวกเราทำอะไรเหมือนกันนะครับเนี่ย

"ส่งตัวแทนออกมาค่ะ 4 คนเลือกคนที่แม่นกฎระเบียบของทั้งสองคณะมากที่สุดนะคะ"พี่พิชเป็นคนออกคำสั่ง โดยฝั่งเมดเทคส่งผมและเลออกมา ส่วนฝั่งวิศวะ ส่งโป้ยกับเล็กออกมา "เห็นลังตรงหน้าไหมคะในนั้นจะมีลูกบอลที่เขียนกฎต่าง ๆ เอาไว้ ให้คุณหยิบลูกบอลพวกนั้นออกมาโดยกฎจะต้องถูกต้องครบถ้วน หาออกมาให้ได้มากที่สุดภายในเวลา 10 นาทีเข้าใจไหมคะ"

"ครับ"ไอ้หาลูกบอลน่ะมันไม่เท่าไหร่หรอก  แต่กฎต้องถูกต้องทั้งหมดทุกตัวอักษรนี่ดิมันยากอยู่เหมือนกันนะไม่ใช่ว่าผมจะท่องได้หมดทุกตัวอักษรซะที่ไหนกันล่ะ เอาเถอะไม่ได้ผิดมากหรอกมั้ง พี่เค้าคงไม่ใจร้ายขนาดที่เขียนผิดแค่คำเดียวหรอกหรือเปล่านะก็ต้องลองดูนะครับงานนี้

พี่นนท์เป็นคนให้สัญญาณเวลา เมื่อถึงเวลาเริ่มพี่เขายกมือขึ้น พวกผมต้องรีบหาให้เร็วที่สุด อ่านให้เร็วที่สุด และเช็คความถูกต้องให้เร็วที่สุดเช่นกัน ความหวังของเพื่อนเพื่อนอยู่กับผมแล้วผมจะทำให้ทุกคนผิดหวังไม่ได้

น้ำในลังนั้นเย็นเฉียบ ก็นะทำไงได้ล่ะครับ ในละงมันมีน้ำแข็งอยู่นี่นา มือผมชาตั้งแต่ 5 นาทีแรกแล้ว แต่ผมก็ไม่หยุดคุ้ยลูกบอลขึ้นมาอ่านหลายลูกที่ขึ้นมามันก็ไม่ใช่ มีอยู่ไม่กี่ลูกนั่นแหละที่หยิบขึ้นมาแล้วใช่ เพื่อนร่วมทีมผมก็ไม่ต่างกัน

สัญญาณหมดเวลามาถึงอย่างรวดเร็วพรุ่งนี้ต้องรามือออกจากถังน้ำแข็งที่เย็นเฉียบนี้เกือบจะยินดีนะครับ ถ้าไม่ใช่ว่าลูกบอลที่หยิบออกมาได้นั้นมีไม่เยอะเท่าที่ควร ในเวลา 10 นาทีผมและเพื่อนร่วมทีม 4 คนหยิบลูกบอลออกมาได้แค่ 15 ลูกเท่านั้น จากกฎนับ 100 ข้อของมหาวิทยาลัย

"สิบห้าลูกงั้นเหรอ"พี่พลอยกับพี่พิชเดินเข้ามาเช็คลูกบอลในตระกร้า "ถือว่าเยอะอยู่เหมือนกันนะ 15 ลูกนี้ กฎที่เขียนเอาไว้ถูกต้องทั้งหมด นับว่าใช้ได้ ให้ผ่าน"

เพื่อน ๆ ที่นั่งลุ้นกันอยู่ปรบมือกันดังลั่นแสดงความยินดีที่พวกเราสามารถผ่านฐานนี้ไปได้แม้ว่าจะเย็นไปหน่อยก็เถอะแต่ผมก็ดีใจนะครับเหลือแต่...

"เอ่อ... พี่ครับ อาร์ซี..."ทะเลรวบรวมความกล้าถามขึ้นพี่พลอยหันมามองหน้าแล้วเลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม "คือ ผมจะขออาร์ซี..."

"คุณอยากได้อะไร จากใคร ก็ไปบอกคุณนั้นไม่ต้องบอกมาบอกฉันเข้าใจไหมคะ"พี่พลอยแกหันไปหน่อนลูกบอลใส่ลงไปในลัง ไม่สนใจไอ้เลอีก

ผมเดินเข้าไปหาพี่นิค จ้องตากับพี่เขา ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา

"พี่ครับ ผมขออาร์ซีที่พี่ผูกไว้ที่ต้นแขนได้ไหมครับ"ผมถามด้วยเสียงที่นอบน้อมพี่นิคมองผมด้วยสายตาที่เรียบเฉยไม่สื่อความใด ๆ

"อยากได้ก็มาแกะเอาไปเอง"เสียงทุ้มเอ่ยกับผมสั้น ๆ ก่อนจะกอดอกหลวม ๆ

"ขอโทษด้วยนะครับ"ผมยื่นมือไปแกะเอาอาร์ซีที่แขนพี่เขาออกมาอย่างเบามือที่สุด โดยมีสายตาของพี่แกจ้องอยู่ตลอดเวลา "ขอบคุณมากครับ"

"เชิญ"เสียงกริ่งหมดเวลาดังขึ้นพอดี โชคดีไปที่ขอทัน แล้วก็นับว่าพี่วินัยใจดีมากนะครับวันนี้ ถ้าเป็นปกติคงไม่ให้มาง่าย ๆ ขนาดนี้หรอก

ตอนนี้ได้มาสองอันละ เหลืออีกสามอัน สามฐาน สู้เขา คีตา สู้เขา

ไม่มีใครให้กำลังใจ ก็ต้องให้ตัวเองล่ะครับ จริงไหม ฮ่า ๆ ๆ ๆ

มาฐานที่สาม ฐานนี้อยู่หน้าบ้านพักริมทะเลครับ พี่ปีสามจำนวนหนึ่งยืนกองกันอยู่ พอพี่คนหนึ่งคงเหลือบมาเห็นพวกผม เสียงกลองจังหวะสามช่าก็ดังขึ้นทันที

"เป็นวงกลม เป็นวงกลม เป็นวงกลม"มาถึงก็เรียงกันเป็นวงกลมเลยครับ กลุ่มที่เดินฐานนี่ค่อนข้างใหญ่อยู่ ร้อยกว่าคนเลยต้องซ้อนหลายวงสักหน่อย

"เอาล่ะ สวัสดีครับ น้อง ๆ ทุกคน คงจำพี้กันได้บ้างล่ะเนอะ"พี่นพ โฆษกปีสามพูดขึ้นยิ้ม ๆ ดีกรีเสียงดังเท่า ๆ กับพี่พลอยครับ แต่เป็นมิตรกว่ากันเยอะ "ฐานนี้เราเล่นกันสบาย ๆ ชิว ๆ ขอตัวแทนยี่สิบคนนะครับ"

คำว่าขอตัวแทนเป็นอะไรที่ทำให้หลายคนตัวแข็งไปเลยครับ ผมก็เหมือนกัน ฮ่า ๆ จริง ๆ เพื่อนก็จะส่งผมออกไปนั่นแหละ แต่ผมอ้างได้ว่ารอบที่แล้วออกไปแล้ว เปลี่ยนกันบ้าง งานนี้ ผมกับเลเลยรอดมาแบบหวุดหวิด

สรุปแล้วกว่าจะถีบกันออกไปครบก็กินเวลาไปโขใหญ่ล่ะครับ แต่อย่างน้อยก็ครบกันล่ะนะ

"ได้ตัวแทนกันมาแล้วเนาะ พี่เชื่อว่าน้อง ๆ คงเดากันได้แล้วว่าคอนเซปของฐานพวกพี่คืออะไร แต่ก่อนอื่น แบ่งฝั่งโดยการนับ 1 และ 2 เลข 1 ให้อยู่ซ้ายมือพี่ ส่วนเลข 2 อยู่ขวามือนะครับ"

เมื่อแบ่งทีมกันได้แล้ว พี่เขาก็ให้ส่งตัวแทนมาจับไม้สั้นไม้ยาว

"ไหน ฝั่งไหนได้ไม้ยาวครับ"ฝั่งซ้ายมือพี่เขายกมือขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ กัน "ยินดีด้วยนะครับ น้องได้เป็นฝ่ายทำล่ะ"

สีหน้าของเพื่อนฝั่งนั้นดูดีขึ้นเป็นกอง ส่วนอีกฝั่งคงไม่ต้องบอกนะครับ ฮ่า ๆ ซีดเป็นไก่ต้มจะใกล้เปื่อยกันแล้ว ยิ่งเห็นรอยยิ้มของพี่ที่อยู่รอบ ๆ ยิ่งซีดกันเข้าไปใหญ่

มีพี่สองสามคนเดินเอาผ้ายาว ๆ มาส่งให้กับพวกฝั่งซ้าย ดูแล้วน่าจะเอามาปิดตานะครับ ก่อนที่จะพากันยกลังขนาดพอประมาณสองลังขึ้นมาวางบนโต๊ะ

"น้อง ๆ ฝั่งขวา นั่งลงบนเก้าอี้ตรงนั้นก่อนเลยนะครับ ส่วนน้อง เอาผ้าปิดตาเลยครับ พี่ ๆ ดูด้วย อย่าให้โกงกันได้นะ"ประโยคหลังพี่แกหันไปกำชับเพื่อนของแกเอง “ฐานของพวกพี่คือ ประเพณี พวกเราเป็นคนไทย แน่นอนพอพูดถึงประเพณีก็จะนึกถึงการแต่งกายกัน เพราะอย่างนั้นแล้ว ในฐานของพี่จะให้น้องที่ปิดตาแต่งกายให้เพื่อนนะครับ อ๊ะ  ๆ อย่าเพิ่งดีใจไป เพื่อความเสมอภาย น้องฝั่งที่ถูกแต่งกาย จะต้องปิดตาแต่งหน้าให้เพื่อนอีกฝั่งเหมือนกันครับ”

อันนี้เรียกซวยยิ่งกว่า ฮ่า ๆ ฝั่งที่โดนแต่งตัวยิ้มออกเลยล่ะครับ คือไม่อะไรนะ ที่ออกไปส่วนใหญ่มันเป็นผู้ชาย กับผู้หญิงทู่จะเนิร์ด ๆ หน่อย ให้มาแต่งหน้า... ฮ่า ๆ ผมว่าได้เห็นศิลปะชั้นสูงแล้วล่ะครับ

“เพื่อความปลอดภัยในการเดินเท้า พี่เข้าไปบอกทางน้องเดินด้วยครับ”พี่ที่มีหน้าที่ในส่วนนั้นเดินเข้าไปประกบคนที่ปิดตากันทันทีครับ “เอาล่ะครับ เริ่มได้”

พวกที่ปิดตาออกเดินไปแล้วครับ เดินชนกันไปชนกันมาอีกต่างหาก ขนาดมีพี่คอยดึง คอยบอกทางแล้วนะนั่น พอไปถึงลัง ก็ล้วง ๆ หยิบ ๆ กันออกมา เฮ้ย มีชุดชั้นในด้วยอ่ะ ฮ่า ๆ

แต่งองค์ทรงเครื่องกันงามงดเลยครับ เอาผ้าถุงมาพับทำเกาะอก เข็มขัดแบบนาฏศิลป์ไทยมาคล้องแทนสร้อย สไบก็เอาไปทำโจงกระเบน

งดงามที่สุดครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

พอครบ 10 นาทีก็ได้เวลาผลัดกัน ฝ่ายที่ถูกแต่งตัวมาแล้วโดนปิดตาไป ส่งคนแต่งตัวก็ไปนั่ง มองฝีมือตัวเอง ผมเห็นบางคนหัวเราะออกมา เดี๋ยวผมว่าได้หัวเราไม่ออกแน่

แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดนั่นแหละ แต่งหน้าก็ไม่เป็นกันอยู่แล้ว นี่โดนปิดตาอีก ได้เทรนด์ใหม่เลยกับลิปสติกเขียนคิ้ว และอายไลน์เนอร์เขียนปาก จัดเต็มกันสุดฝีมือเลยมั้งเนี่ย

“ดีนะที่คีไม่ได้ออกไป”

“นั่นสิ เละน่าดูเลย”

“หมดราศีเดือนแน่ ๆ ฮ่า ๆ”

“ไม่มั้ง คนมันหล่อ ทำยังไงก็หล่อ”

“คี... ทำไมวันนี้ไม่ค่อยพูดกับพี่เลยล่ะ”หะ... เมื่อกี้ผมคุยกับพี่กิตอยู่เหรอ มัวแต่หัวเราะเลยไม่ใส่ใจอะไร “คีโกรธ หรือไม่พอใจอะไรพี่เหรอครับ”

“เปล่าครับ”ผมตอบตามความจริง ผมไม่ได้โกรธอะไรพี่เขา ไม่ได้ไม่พอใจด้วย... ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากตัวผมเอง... เพราะตัวผมเอง “อย่าใส่ใจเลยครับ ผมมันงี่เง่าไปเอง”

พี่กิตทำหน้างออย่างไม่พอใจ ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วไม่พูดอะไรต่อมันยิ่งทำให้ผมคิดไปเองใหญ่ว่าพี่เขาน้อยใจผมอยู่...

หลังจากฐานกิจกรรมที่สามมา สมองผมก็แทบไม่รับอะไร สั่งอะไรก็ทำ อย่างฐานถัดมา ความสามัคคี พี่สั่งให้ล้อมเป็นวงกลม ยืนชิด ๆ นั่งลงบนตักของกันและกันรอบวงให้ได้ 2 นาทีก็ทำไป ยิ่งฐานสุดท้ายยิ่งแล้วใหญ่ จิตวิญญาณ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำอะไรไปบ้าง

มารู้ตัวอีกทีก็ถึวเงลาที่ต้องมาต่อRC ที่ไปล่ากันมาแล้ว พวกพี่ล่ามาไม่ได้ก็ต้องไปขอจากพี่วินัยกันมา ส่วนคนที่ต้องเย็บก็ทำหน้าที่เย็บไป

ให้ตาย ผมเป็นเอามาก มากเกินกว่าที่คิดเอาไว้... จนทำให้ผมคิดว่าความรู้สึกที่ผมมีให้พี่กิต มันไม่ใช่แค่ชื่นชมพี่เขาเหมือนไอดอล...

ผมชอบพี่เขาเช้าให้แล้ว... ใช่ไหม


(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
(ลมหนาว)

กิจกรรมช่วงเช้าจบไปแล้ว เหลือแค่ช่วงเย็นถึงมืดแล้วครับ ตอนนี้ให้น้องพักผ่อนตามอัธยาศัยกันไป ส่วนผมกับวินัยคนอื่น ๆ ก็หลบฉากกันไปหมดล่ะครับ จะโผล่กันอีกทีช่วงอาหารเย็น แล้วเราก็จะเริ่มกิจกรรมสุดท้ายของการรับน้องกัน

เป็นเวลาสั้น ๆ ที่พี่จะได้ลงมาคลุกคลีกับน้องจริง ๆ เป็นสีสันที่คงหาไม่ได้จากไหนอีกแล้ว ผมรู้นะครับว่าหลายคนไม่ชอบ และไม่สนับสนุนระบบนี้ อาจจะเจอเหตุการณ์ที่ไม่ดีกันมาและฝังใจ นั่นมันก็เป็นโชคชะตาอย่างหนึ่งล่ะครับ สำหรับผม ผมภูมิใจ และดีใจที่ได้ทำกิจกรรมนี้ ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ผมพูดได้เต็มปากว่าเพราะกิจกรรมนี้ทำให้ผมรู้จักกับเพื่อน ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองไปได้เยอะ และผมได้ทำให้น้องนั้นรักกันมากขึ้น

ผมนั่งอยู่ในบ้านพักของตัวเอง โดยมีวินัยคนอื่นมาสุมอยู่ด้วย ช่วยกันเอาเทียนใส่ในแก้วกันไป คุยกันไป ผมอดที่จะนึกถึงสมัยก่อนไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะกิจกรรมบ้า ๆ ของผู้อำนวยการมหาลัยพวกเราเมดเทคกับพวกวิดวะคงไม่ได้มานั่งล้อมวงคุยกันโดยที่ไม่ตีกันแบบนี้แน่ อาจจะนับว่าเป้นการเปลี่ยนแปลงที่ดีล่ะนะครับ

“ลมหนาว พี่คุณมากันเยอะไหม”เดือนปีสามของวิศวะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ส่งเสียงมาถามผม ระหว่างนั้นมือหมอนั่นก็เอาเกียร์ของคณะมันแยกใส่ถุงไปด้วย “ของผมมากันเยอะพอดูเลย”

“เท่าที่ผมเห็นตอนนี้ก็เยอะ แค่คงไม่เยอะเท่าคณะคุณ”ผมตอบกลับไปโดยไม่มองหน้า ทำงานอยู่จะให้หันไปมองอะไรล่ะจริงไหมครับ

“ถ้าคณะคุณเยอะเท่าผม บุคลากรคงล้น”มันพูดติดตลก แต่ก็คงจะจริงล่ะครับ ถ้าคนเราเยอะขนาดนั้นในทุกมหาลัย บุคลากรคงจะล้นจริง ๆ

“นี่... ลมหนาว”พายุมันเรียกชื่อผมอีกรอบ คราวนี้ผมหันไปหามันดู ไม่รู้จะเรียกทำไม “ขอบคุณ... นะ”

“เรื่องอะไร”ผมถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจนัก ไม่ได้กวนนะครับ แต่ไม่เข้าใจว่ามันจะขอบคุณอะไรผม ทั้งที่ผมยังไม่ทันที่จะทำอะไรเลย

“เรื่องบนรถน่ะ... ขอบคุณที่ให้ยืมไหล่นะ”พายุมันหลบตาผม เสียงที่ตอบกลับมาก็เบา แต่ผมก็ได้ยินอยู่ ทำเอาผมแอบยิ้มบาง ๆ ไม่ได้ “แล้วก็แผ่นตราเสือด้วย ขอบใจนะ”

“ไม่เป็นไร”ผมก็ไม่รู้จะตอบกลับยังไง ที่รู้ ๆ คือ ผมอยากยิ้ม... แต่จะให้นั่งยิ้มต่อหน้าเฮดของวิศวะมันก็ยังไง ๆ อยู่ เลยได้แต่ยิ้มในใจไปนั่นล่ะครับ

ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงเย็น ผมกับมันก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ถึงจะนั่งอยู่ใกล้ ๆ กันก็ตามที ส่วนพลอยก็นั่งเถียงกับโอมเหมือนเคย สองคนนี้ถึงจะไม่แยกเขี้ยวใส่กันแล้ว แต่ยังไงความเห็นก็ไม่เคยตรงกันสักที... มันก็ไม่แปลกหรอกครับ

ตอนเย็นหลังกินข้าวทุกคนก็ไปรวมตัวกันที่ห้องประชุมขนาดใหญ่ จริง ๆ เด็กมหาลัยธรรมดาคงไม่น่าจะเช่าที่แบบนี้ได้หรอกครับ แต่พอดีว่าใครคนนึงเขาจัดการให้อยู่... ใครคนนั้นที่ตามจีบเพื่อนผมนั่นล่ะครับ พอรู้ว่าอยากได้ที่ติดทะเลก็จัดการให้เลย ไม่ต้องขอ มันก็ดีสำหรับผมล่ะครับ เพราะอย่างนั้น ยอมพี่เขาไปซะดี ๆ เถอะ ปันปัน เพื่อนรัก

“นั่งลงครับ”พายุสั่งให้น้องทุกคนนั่งลง ไม่มีเก้าอี้ครับ นั่งพื้นกันไป พื้นห้องประชุมสะอาดอยู่ “มีเพื่อนพวกคุณคนไหนไม่มาไหมครับ”

“ไม่มีครับ / ค่ะ”

“ดี”มันเดินกอดอกไปอยู่ตรงหน้าน้อง ทั้งที่ยังเดินขาลากอยู่ แต่ปล่อยไปครับ มันโตจนต้องรู้ลิมิตของตัวเองอยู่แล้ว ยังไงก็คงไม่ล้มไปหรอกครับ “ผมต้องการดูRC ที่พวกคุณได้มาครับ”

น้องที่ถืออาร์ซีเอาไว้กับเพื่อนที่นั่งอยู่รอบ ๆ ลุกขึ้น เดินออกมากางอาร์ซีที่ต่อเรียบร้อยแล้วออกมาให้พายุดู อาร์ซีคราวนี้ก็รูปเกียร์และกล้องจุลทรรศ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสองคณะอยู่ในผืนเดียวกันครับ ฝ่ายศิลป์ปีสองยังคงทำได้สวยเหมือนเคย

“วินัย เรียงแถวครับ”เสียงที่ผมคุ้นเคยมาตลอดสองปีดังขึ้น ทำเอาพวกเราวินัยเมดเทคก้าวฉับมายืนต่อแถวเรียงกันทันที พวกวิศวะก็ไม่ต่าง ไม่รู้ว่ารู้มาก่อน หรือเห็นพวกผมทำเหมือนกัน “กอดคอกันครับ”

คำสั่งมาต้องรับทำตาม ข้างนึงผมเป็นพายุ อีกข้างผมเป็นปันปัน กอดคอกันไว้ตามคำของพี่ตังโอล่ะครับ พายุมันออกจะงง ๆ หน่อย ก็ก็ตามน้ำกันไปก่อน

“สวัสดีครับ ปีหนึ่ง”พี่ตังโอหันไปพูดกับน้อง ๆ ที่นั่งหน้าสลอนกัน พี่คนอื่น ๆ ของชั้นปีที่จบไปแล้วมายืนล้อมน้องเอาไว้ เท่าที่มองรู้สึกจะเป็นวินัยยกก๊วนล่ะครับ ส่วนพวกที่ไม่ใช่วินัยออกไปรอข้างนอกกันหมดแล้ว

“สวัสดีครับ / ค่ะ”น้องเองก็ดูตกใจกับการปรากฏตัวของพี่ที่พวกเขาไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้ามาก่อนเหมือนกันครับ บางคนทำตัวลีบไปเลยก็มี

“ผมได้ยินมาว่าวินัยปีนี้สั่งลงโทษพวกคุณกันหนักอย่างนั้นใช่ไหมครับ”เข้าประเด็นไวมาก... พี่ปีที่แล้วยังมีอารัมภบทบ้าง แสดงว่าพี่เขาจะเร่งจังหวะให้จบเร็ว ๆ ก็อาจจะดีนะครับ...

“เปล่าครับ / ค่ะ – ใช่ ค่ะ”เสียงที่ตอบกลับมามีสองกระแส ไม่รู้เหมือนกันครับว่าใครตอบว่าใช่ รู้แต่ว่าเป็นเสียงของน้องผู้หญิง แต่นั้นก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของน้องเขาที่จะพูด

“ตอบเป็นสองเสียง พวกคุณคิดจะโกหกผมเหรอครับ”พี่ตังโอตะโกนลั่นห้องประชุม สายตาพี่เขาคงกวาดมองน้อง ๆ โดยรอบ “วินัย ลุกนั่ง ปฏิบัติ”

“1… 2… 3… 4… 5… 6… … 10…”ระหว่างที่พวกเราลุกนั่ง น้องหลายคนก็เริ่มกระสับกระส่าย จนกระทั้งหลานเทคของผมลุกขึ้นยืนแล้วลุกนั่ง เพื่อนรอบข้างของมันก็ลุกขึ้นยืน น้องยืนขึ้นมาเรื่อย ๆ ลุกนั่งกันตามพวกผม

“ใครสั่งให้พวกคุณทำ หยุดและนั่งลงไปเดี๋ยวนี้”พี่ที่ผมไม่คุ้นหน้า คงเป็นฝั่งวิศวะตะโกนขึ้นบ้าง ซึ่งน้องก็ไม่คิดจะฟัง ลุกนั่งกันอยู่แบบนั้น

“พอ หยุด  ทั้งวินัย และพวกคุณด้วย ปี 1”พี่ตังโอสั่งเมื่อพวกผมลุกนั่งกันไปได้ยี่สิบกว่าครั้ง ทุกคนคลายมือออกไปยืนตรงยกเว้นผมกับพายุที่ยังกอดคอกันอยู่... หมอนั่นมันทิ้งน้ำหนักมาที่ผมเล็กน้อย เจ็บขาอยู่แล้วให้มาลุกนั่งแบบนี้ คืนนี้ผมว่ามีระบม “พวกคุณจะทำอะไรครับ พอตอนโดนลงโทษก็ไม่พอใจ พอผมลงโทษพี่พวกคุณ พวกคุณก็มาทำแบบนี้ พวกคุณต้องการอะไร”

“...”น้องไม่มีคำตอบให้ ทำให้พี่ตัวเล็กของผมถอนหายใจออกมา

“ก่อนหน้า ผมได้ยินมาว่าพวกคุณชิงธงไม่ได้ ต้องแก้ตัว พวกคุณรู้ไหมครับว่าหลายสิ่งหลายอย่าง มันสามารถทำได้แค่หนเดียว ไม่มีการแก้ตัว แต่พี่ของคุณยอมให้คุณแก้ตัวทั้งที่ไม่จำเป็นก็ได้”ร่างเล็กที่เคยเป็นเฮดวินัยที่หลายคนกลัวเกรงกอดอกหลวม ๆ แล้วก้าวเดิน “พวกคุณน่ะสบาย คุณเคยรู้ไหมว่าพี่คุณต้องลำบากแค่ไหน ต้องนอนดึกเท่าไหร่เพื่อที่จะจัดกิจกรรมให้พวกคุณ ต้องสละเวลาส่วนตัวมาเพื่อพวกคุณ สละแรงกายแรงใจเท่าไหร่เพื่อให้พวกคุณมีความรักใครกลมเกลียวกัน...

พวกคุณทุกคนเคยรู้ถึงความเหนื่อยกายเหนื่อยใจของพี่ลมหนาวของพวกคุณไหม เขาต้องแบกความรับผิดชอบแค่ไหนไว้บนบ่า ต้องแก้ปัญหาที่คุณก่อเอาไว้แค่ไหน เพื่อให้พวกคุณเดินต่อไปได้อย่างสะดวกสบายที่สุด เคยรู้สึกถึงแรงใจที่เขาลงไปมากมายแลกกับเสียงตัดพ้อของพวกคุณไหม แล้วก็พวกคุณ ชาววิศวะ คุณเคยรู้ถึงการเสียสละของพี่ที่พวกคุณเอามาพูดลับหลังกันสนุกปากอย่างพายุไหม เขายอมที่จะวิ่งตั้งแต่แดดยังไม่ร่ม ยันฝนพร่ำลงมาเพื่อให้พวกคุณได้ธงมา คุณเคยรู้ เคยเข้าไปขอบคุณเขาไหม”

ผมหันไปมองคนข้าง ๆ ด้วยความตกใจ อย่าว่าแต่น้องเลยครับ ผมเองก็ไม่รู้ แสดงว่าที่ปวดขาก็เพราะเหตุนี้สินะ... แล้วที่หายไปไม่ได้มาคุยงานสุดท้ายกับผมเองคือลุกขึ้นมาไม่ไหว...

ผมคงเข้าใจอะไรผิดไปเยอะเลยนะครับ

“วินัยไปรอข้างนอก ผมจะคุยกับน้องต่อ”

ผมเดินพยุงพายุออกมาด้านนอกอย่างเนียน ๆ ไม่ให้น้องรู้ว่ามันยังปวดขาอยู่อย่างที่มันตั้งใจเอาไว้ ด้านนอกเพื่อนและน้องตั้งแถวตอนลึกเรียงกันรอท่าเอาไว้แล้ว เพื่อรับกิจกรรมท้ายสุด...

สะพานดาว

ปลายสุดของสะพานนี้มีเทียนแก้วจำนวนเท่ากับน้องในที่นี้วางเรียงเป็นตราของทั้งสองคณะเอาไว้ และมีพี่ที่จบกันไปแล้วรอมอบเข็มกล้องกับเกียร์ให้กับน้องที่ก้าวไปถึง

ผมกับพายุนั่งอยู่ด้านหน้าสุดของแถว เป็นต้นสะพานที่ต้องรับน้ำหนักมากที่สุด ผมเองก็ไม่เคยทำกิจกรรมนี้มาก่อน ได้แต่ทำตามที่เขาบอกมานั่นล่ะครับ

ไม่นานพี่ตังโอก็เดินนำขบวนของน้องมา พวกเราที่นั่งกันอยู่เมื่อเห็นน้องก็พากันต่อแขนให้เป็นสะพานทอดยาวออกไปถึงชายทะเล

สะพาน... ที่จะส่งน้องไปถึงฝั่งฝัน

“ขอโทษนะคะพี่”น้องคนแรกที่เดินมายกมือไหว้ผมกับพายุ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวขึ้นไปเดิน และก็เป็นอย่างนั้นคนแล้วคนเล่า น้อยหลายคนทำท่าจะร้องไห้เสียด้วยซ้ำที่ต้องมาเดินบนแขนของพี่แบบนี้

ผมรู้ว่าน้องทุกคนนั้นพยายามจะลงน้ำหนักมาที่แขนพวกเราให้น้อยที่สุด และเดินให้ไวที่สุดเพื่อที่จะไม่ให้พี่ของพวกเขาต้องแบกรับเอาไว้นาน มันก็เหมือนกับการเดินไปสู่อนาคตนั่นล่ะครับเดินไปไวเท่าไหร่ เราก็จะทำฝันของเราได้เร็วขึ้นเท่านั้น

น้องคนที่ 1897เดินขึ้นมาแล้ว เป็นคนสุดท้ายที่สะพานนี้จะรองรับ ผมเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับคนตรงข้าม พายุมันก็ยิ้มกลับมาให้กับผม

 “ขอต้อนรับน้อง ๆ ทุกคนเข้าสู่คณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะเทคนิคการแพทย์ นะครับ หลังจากนี้ก็ขอให้พยายามกันต่อไป จับมือเพื่อนของพวกคุณเอาไว้ พากันจบออกไปอย่างภาคภูมินะครับ”อดีตประธานวินัยวิศวะ พี่วัฒน์พูดขึ้นด้วยเสียงที่อบอุ่น พี่ที่จบไปแล้วหลายคนหยิบเอาพลุกระดาษออกมาดึง แสดงความยินดี พวกเราปีสามและปีสองพากันปรบมือด้วยรับด้วยรอยยิ้มยินดี
พวกเราได้ทำหน้าที่ของการเป็นวินัยจบแล้ว ต่อจากวันนี้ไป จะมีแค่คำว่า พี่ และ น้อง เท่านั้น

ในเมื่อมาริมชายหาด สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คงจะเป็นปาร์ตี้ริมชายหาด เตาปิ้งนับสิบถูกยกออกมา พร้อมของทะเลสด ๆ จำนวนมาก ผมมองความรื่นเริงพวกนั้นด้วยรอยยิ้ม อ่อ ที่ขาดไม่ได้อีกอย่างเมื่อจบการรับน้องคือการผูกข้อมือ น้องหลายคนกรูเข้ามาให้ผมผูกให้ แน่นอนว่าผมไม่ปฏิเสธ ผูกให้ด้วยความเต็มใจ

กว่าจะหลุดจากดงน้องก็ได้ก็พักใหญ่ ระหว่างรอให้ของปิ้งสุกเยอะ ๆ จะได้กินทีเดียว ผมก็ขอไปเดินเล่นรับลมตอนกลางคืนหน่อยแล้วกันนะครับ... ไม่ได้มาทะเลก็นานแล้ว

“ไม่อยู่ในปาร์ตี้หรือไง คุณวินัย”พายุที่แขนพันผ้าเอาไว้เดินเข้ามาหาผม พอสะพานดาวจบ มันก็โดนพี่ทิวลากไปจัดการทันทีล่ะครับ ถึงจะมีผลัดกันรับน้ำหนักก้าวแรกของน้อง แต่ส่วนใหญ่มันก็เป็นคนรับเอาไว้ ผมมารับจริง ๆ แค่ช่วงหลัง ๆ ที่พายุมันเริ่มล้าแล้ว

“ผมออกมาเดินเล่นรับลมก่อนระหว่างรอให้พวกสวัสปิ้งของน่ะ”วันนี้พักยก ขอเว้นการเถียงกันไปยาว ๆ ล่ะครับ “แล้วอีกอย่าง ผมไม่ใช่วินัยแล้วด้วย”

“นั่นสินะ... นี่ก็ปีสุดท้ายแล้ว”พานุเดินมาอยู่ข้าง ๆ ผม เหม่อมองไปที่ทะเลกว้าง ทะเลยามค่ำคืนจะบอกว่าสวยก็สวย น่ากลัวก็น่ากลัวนะครับ มันดูมืดมิด แต่ก็ลึกลับน่าค้นหา “หลังจากนี้ก็ต้องไปตั้งใจเรียนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ลืมเรื่องที่เราพนันกันไว้หรอกนะ”

“คุณก็คงรู้ว่าผมไม่ยอมแพ้คุณง่าย ๆ หรอก”ผมหันไปมองซีกหน้าของเดือนมหาลัย มองกี่ครั้งก็รู้สึกว่าลงตัวนะครับ ใบหน้าของมัน ทุกอย่างส่งเสริมให้มันพูดได้คำเดียวว่าหล่อ... “ทำไม... คุณถึงยอมทำเพื่อน้องของคุณขนาดนั้นล่ะ ทั้งที่ก่อนหน้าคุณออกจะนิ่งเฉยด้วยซ้ำไป”

“ลมหนาว... ยังไงพวกเขาก็เป็นน้องในคณะของผม ใช่ว่าผมจะไม่ห่วงพวกเขาสักหน่อย”ผมมองคนข้างกายอย่างไม่เข้าใจ ห่วง... ทั้งที่ไม่เคยแสดงออกมาเลยจนผมอดสงสัยมาตลอดไม่ได้ว่าทำไมพายุถึงได้เป็นเฮดวินัยของวิศวะได้ “หึ คุณอย่าคิดว่าการที่ผมขึ้นเป็นเฮดว้ากนี่ เพื่อมาต่อกรกับคุณอย่างเดียวสิ ถ้าแบบนั้นผมเป็นแค่ว้ากธรรมดา ๆ  คนนึงก็ได้ ที่ผมได้เป็นเฮด เพราะผมได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าผมคู่ควรที่จะเป็นคนพาน้องก้าวเดินไป เป็นคนนำทางให้ทุกคน แม้หลายอย่างที่ผมแสดงออกมาจะดูดิบไปบ้าง แต่นั้นมันก็เป็นแค่การแสดงออก ไม่ได้บอกถึงความคิดในใจของผมสักหน่อย”

“คุณรู้ไหม คำพูดเมื่อตอนนั้นของคุณมันทำให้ผมคิด คิดมาตลอดว่าผมขังตัวเองไว้ในกรงจริงหรือเปล่า”ผมนึกถึงคำที่มันเคยบอกว่าผิดหวังในตัวผม ตอนนั้นมันชา ชามาก ทำเอาผมนอนไม่หลับไปหลายวันเลย “จนวันนี้ มันคงเป็นอย่างที่คุณพูด ผมไม่เคยมองอะไรเลยนอกจากรอบตัวผม ไม่เคยมองเลยจริง ๆ”

พายุหันมามองผมแล้วส่งยิ้มบางมาให้ มือของมันยื่นมาลูบหัวผมเบา ๆ ก่อนจะเอ่งปากพูดออกมา

“วันนั้นผมก็หงุดหงิดไป... ตั้งแต่วันแรก จนถึงตอนนี้ เรื่องจริงที่อยู่ในใจผม คือผมไม่เคยผิดในตัวคุณแม้สักครั้งเดียว”เสียงของมันฟังดูอบอุ่นไม่เหมือนที่เคย...

คำว่าไม่เคยผิดหวังในตัวผม มันดังก้องเข้ามาในหัวใจทำให้ผมยิ้มออกไปโดยไม่รู้ตัว

มืออุ่นเลื่อนลงมาที่ท้ายทอยของผม ตาของเราสบกันนิ่ง ใบหน้าของพายุมันเคลื่อนเข้ามาใกล้... ใกล้เสียจนริมฝีปากหยักแนบชิดเข้ากับริมฝีปากของผมเอง...

ผมเบิกตากว้างก่อนที่จะปิดตาลง... ยอมให้คนตรงหน้าฉกชิงจูบแรกไปอย่างยินยอมโดยไร้เหตุผล

อาจจะเพราะ... ดวงตาของมันที่จ้องมองผม สะท้อนแต่ผม... ล่ะมั้ง


๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

เป็นครั้งแรกที่เกินกว่าจะลงรวดเดียวได้ล่ะค่ะ (ตื่นเต้นๆ) แหะๆ

ใครรอเฮียกับพี่ตังโออยู่คะ... มีชื่อเรื่อง แต่ไม่มีเนื้อเรื่องนะคะตอนนี้ 5555 (ไม่มีลงแน่ ๆ... เอวัง ความขยันอันน้อยนิด)

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :dont2: ม่ายน๊าาาาาาาาาาาาา
อย่าตัดแบบนี้เซ่ :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ท่าจะลงตัวไปมั่งแล้วนะ  พายุ-ลมหนาว  กิต-คี นี่ยังง้องๆแง้งกันอยู่ 
คิท-ปันปัน 

รอมวยข้ามรุ่นทิว-ข้าว มีแฟนแบบทิวนี่โคตรไม่ได้เป็นสุขแน่ๆ เทพเกิน  ทิวนางห่วงทุกคน ดีกับทุกคน จนไม่ให้น้องคิดมากก็ไม่ได้หรอก  สงสัยต้องรอจนน้องหลีกลี้หลบหน้าละมั๊งเฮียทิวจึงจะเข้าใจน้อง

ตื่นเต้นมวยรุ่นใหญ่ เฮียวัฒน์กับเจ๊ตังโอนี่แหละ

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เขาจูบกันแล้วววว ขอไปกรี๊ดแปปนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด