EGvsMTเฮดว้ากตัวร้ายปะทะวินัยเจ้าระเบียบ วันสุดท้ายP.27[วิศวะVsเทคนิคฯ]อัพ21/5จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: EGvsMTเฮดว้ากตัวร้ายปะทะวินัยเจ้าระเบียบ วันสุดท้ายP.27[วิศวะVsเทคนิคฯ]อัพ21/5จบ  (อ่าน 275326 ครั้ง)

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
 :impress2: โอ้ยยย มดขึ้นหน้าจอแล้วววว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2016 23:46:39 โดย OrangeCaramel »

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
คู่มหันตภัย บทจะหวานก้อ มดขึ้นจอเลยคร่าาาา ฟรินน

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
จะแสนดีไปไหนคะคุณพายุ ฟินมากค่ะ
 :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2

ออฟไลน์ เซยูเนียส

  • เป็ดขึ้นคาน
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-2
ต้องเอา DDT มาฉีดรอคอมกันเลยทีเดียว มดขึ้น!!!

ออฟไลน์ Wtftt

  • โอกาสก็เหมือนไอติมถ้าไม่กินมันก็ละลาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบเรื่องนี้สุดๆ อ่านซ้ำไปมาในนี้เเต่ไม่ได้เม้นสะที และอ่านในอีกเว็บด้วย 555555 สนุกๆๆ

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
วันที่สี่สิบห้า

ชีวิตมหาลัยต้องมีออกค่ายกันจริงไหมครับ ออกค่าย ออกหน่วยบริการชุมชน ใกล้ไกลก็สนุกสนานเฮฮากันได้ตลอดทาง และปีนี้ พวกผมได้ออกค่ายไกลยันถิ่นธุรกันดารเลยล่ะครับ

สำหรับแพทย์ เภสัช และเทคนิคการแพทย์ที่รับสมัครอาสาออกหน่วยบริการชุมชนแล้ว (แบบบังคับต้องมีคนไป) ก็มีคณะอื่น ๆ ที่ร่วมกันไปให้ความรู้ และซ่อมแซมห้องน้ำ ห้องสมุดกันด้วยครับ ไม่ต้องบอกก็รู้กันนะครับว่าพายุก็ลงชื่อไปกับผมด้วย

เหตุผลที่หมอนั่นไปน่ะเหรอครับ...

"ก็อยากไปเฝ้า กลัวเหนื่อย เดี๋ยวไม่มีคนทำอาหารให้กิน"

เหตุผลที่น่ารักดีว่าไหมครับ ตั้งแต่ผมตกลงคบกับมันกลางสนามบอลท่ามกลางสายตาคนนับพัน หลังจากนั้นมันก็ไม่กวนเบื้องล่างผมอีกเลย... พูดให้ถูกคือหวานมดจะขึ้นล่ะมั้งครับ ก็เล่นมารับไปกินข้าวกลางวัน ปั่นจักรยานไปรับไปส่งที่หอ

หรือว่ามันเป็นเรื่องปกติของคนที่เป็นแฟนกันนะครับ?

พูดก็พูดเถอะ จะให้ผมกลัวคนอื่นรู้ว่าเราเป็นอะไรกันเหมือนคู่อื่น ๆ ก็คงใช่ที่ ผมสองคนคบกันนี่รู้กันทั้งบาง รูปมาเต็มเฟสบุ๊ค ไม่เท่ากับคลิปแสตนด์บอกรักนั่นหรอกครับ

ใครจะไปเชื่อกันล่ะว่าพายุจะทำขนาดนั้นได้

นึก ๆ แล้วก็เขินเหมือนกันนะครับเนี่ย ผ่านมาก็พักนึงแล้ว ยังเขินไม่เลิกเลยนะผมเนี่ย

"แก้มแดง ๆ คิดอะไรอยู่น่ะ หนาว"คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หันมาถามผม "คุณรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า จะเอาพาราหน่อยไหม ลมหนาว"

"เปล่า ไม่เป็นอะไร ผมสบายดีอยู่น่า พายุ"ผมตอบปัดไป จะให้บอกว่ายังเขินกับเรื่องเมื่อสองเดือนก่อนมันก็ใช่ที่จริงไหมล่ะครับ

"แน่ใจนะ"มันถามย้ำอย่างเป็นห่วง

"อืม ไม่เป็นไรจริง ๆ"ผมยิ้มให้คนข้าง ๆ "คุณเถอะ ไม่นอนพักก่อนล่ะ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนไม่ใช่เหรอ"

เมื่อวานพายุมาค้างหอผมครับ มาจัดกระเป๋าให้ผม ทั้ง ๆ ที่ผมบอกแล้วว่าผมทำเองได้ เรื่องแค่นี้ แต่มันก็ไม่ยอม ผมเลยปล่อยเลยตามเลย นั่งทำงานไป ก่อนจะมารู้ที่หลังว่าพายุก็มีงานเหมือนกัน

ใกล้จะไฟนอลแล้วด้วย ไม่รีบทำให้เสร็จเดี๋ยวก็ได้ตาเหลือกันพอดีนะครับ... สุดท้ายพายุเลยโต้รุ่งทำงาน โดยมีผมนอนเป็นกำลังใจอยู่ที่พื้นข้าง ๆ

"ผมยังไม่ง่วงเท่าไหร่หรอก"ปากพูดอย่าง แต่ตาที่ตกลงไม่ได้สอดคล้องกับคำพูดเอาซะเลยนะครับ "คุณต่างหากที่ควรจะพัก ไปถึงงานคงยุ่งน่าดู"

ผมส่ายหน้าแล้วดึงคนปากแข็งให้นอนซบลงบ่าของผม และเจ้าตัวก็ดูไม่ขัดขืนอะไรให้ต้องมานั่งเถียงกัน... พวกเราสองคนเถียงกันมามากเกินกว่าคำว่าพอแล้วล่ะครับ

ตัวพิงลงมาไม่นาน เฮดของวิศวะก็หลับไป ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะทำให้ผมยิ้มบาง ๆ

หลายคนชอบมาบอกผมว่าผมชอบฝืนตัวเองทำงานให้เสร็จ แต่ถ้าได้มารู้จักพายุ ทุกคนต้องถอนคำพูดที่ว่าผมแน่... หมอนี่ยิ่งกว่าผมอีก ผมง่วงมาก ๆ ก็นอนนะครับ ไม่ฝืน แต่พายุไม่ใช่ ต้องทำเสร็จจริง ๆ หรือใกล้จะเสร็จ ถึงจะนอน

เป็นผมที่ฟุบหลับก่อนตลอดเลย

หยุดครับ ช็อปวิศวะไม่อุ่นเท่าผ้าห่มบนเตียงหรอกครับ อุ่นไม่เท่ากาวน์หมอด้วยครับ แต่... ก็ทำให้อุ่นใจนะครับ เวลาอยู่ด้วยกัน
ฟังแล้วเหมือนมียันต์กันผีเลยนะครับ ฮ่า ๆ

เราใช้เวลาเดินทางอยู่หลายชั่วโมงกว่าที่จะถึงจุดหมายปลายทาง นั่งซะจนก้นกบแทบฝังลงไปในเบาะเลยล่ะครับ ถึงแม้ว่าเราจะแวะปั๊มกันเป็นช่วง ๆ ก็เถอะ

แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายเมื่อยสักนิด

"ปวดหลังเหรอ"คนที่คุณก็รู้ว่าใครเอ่ยถามผมขึ้น หลังจากที่เราลากกระเป๋าลงมายืนรอคนอื่น ๆ อยู่บนพื้นดินกันแล้ว "มา ผมนวดให้"

ผมยังไม่ทันที่จะตอบรับหรือปฏิเสธ มือร้อนก็เลื่อนมาจับที่ช่วงเอวผม ก่อนที่จะลงน้ำหนักที่ปลายนิ้ว นวดวนช่วงบั้นเอวลงไปถึงสะโพก

สบายจัง...

"โหยยย พี่หนาว พี่พายุ ให้มันน้อย ๆ หน่อยเหอะ"จะใครล่ะครับ ห้าวมาแบบนี้ น้องเทคผมเองนั่นแหละ "ใครเห็นจะเข้าใจผิดว่าเพิ่งกินตับกันมาแล้วพี่หนาวใะโพกเคล็ดเอานะเออ"

"ใครจะคิดอกุศลได้เหมือนเธอ หืม เกด"ผมส่านหน้าให้น้องจอมแซวอย่างหน่าย ๆ "แล้วนี่เป็นไร หน้ายุ่ง ๆ ไม่เหมือนคนที่เพิ่งสำเร็จจากการกวนคนอื่นเขาเลย"

"พี่เห็นข่าวยัง"

"ข่าวอะไร"ผมเดินเข้าไปหาน้องที่เปิดกระเป๋าล้วงเอาไอโฟนของตัวเองออกมา พร้อมกดยิก ๆ เปิดอะไรสักอย่างก่อนจะยิ่นมาให้ผม

ฉาว! ไฮโซตระกูลใหญ่ ชื่อย่อ ค. คั่วหนุ่มมหาลัย

หัวข้อที่มาพร้อมรูปประกอบ ทำเอาผมหน้าเปลี่ยนสี ถึงรูปจะไม่ได้ชัดอะไรมากแต่ก็มองออกว่านี่เป็นรูปเพื่อนผมเดินเข้าคอนโดหรูกับพี่คิส

“นี่...”ผมพูดอะไรแทบไม่ออก เงยหน้าขึ้นหาพายุที เกดที พายุมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น ส่วนเกดที่เป็นคนบอกข่าวก็ดูน้ำท่วมปากตาม ๆ กันไป

ผมเลื่อนอ่านข่าวอย่างรวดเร็ว เนื้อหาข่าวโจมตีปันปันค่อนข้างหนักว่าไปเรียกร้อง แบล็คเมล์พี่คิส ใส่สีซะจนผมหมดปัญญาจะพูดอะไร

“ปันปันรู้หรือยัง...”ผมเปรยถามอย่างไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่คนสองคนที่ยืนอยู่ใกล้กับผมรวมทั้งตัวผมเองหันควับไปมองคนที่เป็นข่าวซึ่งเดินสะพายกระเป๋าเล่นหัวกับเพื่อนมา...

คงจะยังไม่รู้นั่นล่ะครับ

ก็ดี... หวังว่าพี่คิสเขาจะเคลียร์ทุกอย่างจบก่อนที่พวกเราจะกลับกันไปแล้วกันครับ

ขึ้นชื่อว่าค่ายอาสา จะมีที่นอนเป็นโรงแรมหรู ห้องพักสวยคงไม่ใช่ มีแต่ห้องเรียนที่ไม่มีพัดลมที่เคลียร์โต๊ะเอาไว้ห้าห้อง หรือใครใคร่จะกางเต้นท์นอนก็เอาเท่านั้นเองล่ะครับ

งานนี้คุณชายโซนร้อนเลยถือโอกาสกางเต้นท์ซะเลย แน่นอนล่ะว่าผมก็ต้องมานอนกับเขาอย่างไม่ต้องมีตัวเลือกอะไร ชักจะเหมือนมาแคมป์ยังไงไม่รู้สิ

งานของเราจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ครับ วันนี้มาถึงก็เย็นมากแล้ว เลยได้แต่รับประทานอาหารที่ชาวบ้านแถบนี้ทำเอาเลี้ยงกันไป ใครเลือกกินก็ลำบากหน่อยนะครับ แต่ยังดีที่มีเมนูพื้นฐานอย่างไข่เจียวให้ได้กิน

การเดินทางทำให้เหนื่อยล้า อาบน้ำ กินข้าว เดินย่อยสักพัก แล้วสวดมนต์เข้านอน นั่นคือสิ่งที่ผมทำ พอหัวถึงหมอนไม่นานก็หลับไป...

แต่ก็สัมผัสได้ถึงความโอบรัดที่ช่วงเอว และไออุ่นที่แผ่มาทั่วแผ่นหลัง

เสียงการเต้นของหัวใจเป็นเหมือนบทเพลงขับกล่อมให้ผมได้นอนฝันดี...


พวกเราทุกคนตื่นกันตั้งแต่เช้ามืด อาบน้ำกินข้าว พอแสงสว่างสาดส่องไปทั่วท้องฟ้าให้มองเห็นทาง ก็ได้เริ่มงานกันอย่างจริงจัง

เราตั้งซุ้มรับตรวจสุขภาพ ทั้งวัดความดัน เจาะตรวจเบาหวาน ตรวจโรค จ่ายยา เท่าที่พวกเราจะได้รับอนุญาตให้กระทำได้ตามหลักเกณฑ์ของทางมหาวิทยาลัย

ในส่วนของเทคนิคการแพทย์เรานะครับ ครั้งเรามาตรวจแค่เบาหวาน เพราะเป็นโรคที่เราสามารถใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กตรวจได้ ซึ่งผลค่อนข้างแม่นยำ จริง ๆ การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เราก็สามารถตรวจได้ แต่เป็นโดนคร่าว ๆ เท่านั้น ทุกโรคเราจะต้องมีการตรวจย้ำด้วยเทคนิคอื่น ๆ ย้ำอีกครั้งเพื่อการออกผลที่ถูกต้องและแม่นยำ

เรามีข้อกำหนดไว้ว่าการออกผล จะไม่ออกผลที่ไม่ถูกต้องไปเด็ดขาดครับ เพราะอย่างนั้น โรคที่ควรจะต้องได้รับการตรวจเช็คอย่างถี่ถ้วน เราขึ้นไม่เอาออกมาตรวจนอกสถานที่กัน ยิ่งกับนักศึกษาที่ยังไม่มีใบประกอบวิชาชีพอย่างเราแล้วต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้นไปอีก

และแน่นอนครับว่าการตรวจเบาหวานเราทำได้แต่ช่วงเช้า เพราะการอดอาหารของคนทุกคน คงไม่มีใครอดไปถึงเที่ยง ถึงบ่าย ถึงเย็น จริงไหมครับ หลังจากที่เราตรวจวัดเสร็จ เราก็ไปเปลี่ยนเครื่องแบบ แล้วออกมาช่วยคนอื่น ๆ ที่กำลังช่วยกันฟื้นฟูโรงเรียนแห่งเดียวนี้อยู่

เผลอไปครู่เดียว ตัวกลม ๆ ของน้องเทคผมก็ปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคากับเพื่อนซี้ของเจ้าตัว ถือค้อน แบกไม้ไปตอกโป๊ก ๆ กันแล้ว
ผมเป็นพี่ ทั้งยังเป็นผู้ชาย จะน้อยหน้าได้ยังไงจริงไหมล่ะครับ

ผมจะเดินเข้าไปฝั่งที่เพื่อน ๆ และน้อง ๆ กำลังช่วยกันเลื่อยไม้อยู่ แต่หางตาเห็นใครอีกคนที่กำลังปีนลงมาจากหลังคา เลยเปลี่ยนเป้าหมายเดินไปหาหมอนั่นแทน

ผ้าเช็ดหน้าที่พกติดกระเป๋ามา กับน้ำดื่มที่หยิบจากระหว่างทาง ของทั้งสองอย่างถูกยื่นให้กับพายุ หมอนั่นเงยขึ้นมามองหน้าผม แล้วส่งยิ้มให้ ก่อนจะรับน้ำไปดื่มแล้วเทราดหัวตัวเอง

“เอาน้ำราดไปแบบนั้น เดี๋ยวก็เข้าตาหมดหรอก”ผมส่ายหน้าให้กับคนที่ทำเท่ห์เสยผม ไม่รู้จะโชว์ให้ใครดู ก่อนจะเอาผ้าซับหน้าที่เปียกน้ำเบา ๆ “ไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวผมขึ้นไปทำต่อเอง”

“ไม่ต้องเลย ลมหนาว”พายุจับข้อมือผมลากไปที่ร่มโดยไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ค้านอะไร “คุณจะขึ้นไปตอกตะปูน่ะนะ หยุดเลย ถ้าโดนมือขึ้นมาจะทำยังไง”

“คุณพายุ ผมผ่านการฝึกลูกเสือ ฝึกรด. มานะครับ เรื่องแค่นี้ผมก็ทำมาหมดแล้ว”ผมเถียงคนที่เหมือนอยู่ ๆ จะมาเป็นห่วงไม่เข้าเรื่องกลับไป

“ตอนนั้นส่วนตอนนั้น แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกันนิ”คนหัวดื้อยังไงก็หาข้อโต้เถียงกลับมาได้ ผมจ้องตากับพายุเขม็งด้วยความไม่พอใจ

“คุณอย่ามาทำเหมือนผมเป็นผู้หญิงนะ!”ผมขึ้นเสียงกลับไป แต่ไม่ดังนัก มือร้อนที่กำข้อมือผมอยู่ กำแน่นขึ้นไปอีก “คุณก็รู้ ผมเป็นผู้ชาย เรื่องพวกนี้ผมทำได้อยู่แล้ว”

“แต่ผมเป็นห่วงนี่”คราวนี้เป็นพายุที่ขึ้นเสียงดังใส่ผม แต่คำของหมอนั่นทำเอาผมชะงัก “ผมไม่อยากเห็นคุณเจ็บตัว ไม่โอเคเข้าไปใหญ่ถ้าคุณต้องตากแดดจนหน้าแดง ตัวแดง คุณเข้าใจผมไหม ลมหนาว”

พายุไม่ได้ออมเสียงเหมือนผม คำพูดทั้งหมดเลยกระจายไปทั่ว ทำเอาทุกคนหยุดมือทำงานหันมามองพวกเราสองคนเป็นตาเดียว แต่เหมือนคนที่กำลังเลือดขึ้นหน้าจะไม่รู้สึกตัว

“ผมไม่ได้มองคุณเป็นผู้หญิง ไม่ได้มองว่าคุณอ่อนแอ แต่คุณเข้าใจผมไหม ว่าผมไม่อยากเห็นคนรักของผมต้องลำบากมาตากแดด โต้ลม ผมรู้ว่าคุณทำได้ แต่ผมไม่อยากให้คุณทำ มือคู่นี้ของคุณเอาไว้รักษาคนน่ะ ดีแล้ว เรื่องบำรุงสถานที่ ผมเป็นวิศวะ ผมจะทำเอง”คนหนึ่งร้อน อีกคนต้องเย็น ผมปรับอารมณ์ให้กลับมาคงที่ ครับ ผมเข้าใจที่พายุต้องการจะสื่อ แต่เรามาออกค่ายอาสา จะให้ผมทำเป็นนั่งเฉยได้ยังไง

ขนาดผู้หญิงยังออกลุยเลย

“พายุ ผมรู้ว่าคุณห่วงผม แต่เรามาค่ายอาสานะ คุณจะให้ผมนั่งงอมืองอเท้าหลังจากทำหน้าที่ตัวเองเสร็จ ทั้ง ๆ ที่คนอื่น ๆ ยังไม่ได้พักด้วยซ้ำ ผมทำไม่ได้หรอก”ผมใช้ความเป็นเหตุเป็นผลตอบกลับไป มือข้างที่ไม่ได้ถูกจับเอาไว้เลื่อนมากุมมือที่หมอนี่กำข้อมือผม “งานแค่นี้มันไม่ได้ทำให้ผมเหนื่อยจริง ๆ นะ”

“แต่ผมไม่อยากให้คุณทำ”คุณชายโซนร้อนยังคงยืนยันเหตุผลเดิม ถึงเสียงจะอ่อนลง แต่มองก็รู้ว่ามันไม่ยอมอ่อนข้อให้ผมแน่ ๆ

“ลมหนาว นายไปทาสีไป”สรุปแล้วเป็นพี่ทิวที่เดินเข้ามาห้ามทัพ ว่าที่คุณหมอในเสื้อกาวน์ยาวเดินมาหยุดตรงหน้าพวกเราสองคน “พายุก็อีกคน พี่เข้าใจที่นายเป็นห่วงลมหนาว แต่น้องชายของพี่ไม่ใช่เด็กอมมือที่ทำอะไรไม่ได้ อย่าทำอะไรที่มันเกินไปนัก”

“ครับ”ผมกับพายุรับคำพร้อมกัน พายุปล่อยข้อมือผมออก รอยแดงรูปห้านิ้วฉาบทับบนข้อมือของผม ทำสีหน้าของใครอีกคนไม่สู้ดีเข้าไปใหญ่

“เจ็บไหม”นิ้วหยาบไล้เบา ๆ ที่รอยตรงข้อมือผม “ขอโทษนะ”

“ไม่เป็นไร ผมไม่เจ็บ”ผมดึงมือออกจากการจับกุมของคนตรงหน้า แล้วหมุนตัวหันไปทางฝั่งที่มีคนทาสีอยู่ “รีบไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวใครจะหาว่ากินแรงเอา”

“หนาว...”ผมหยุดนิ่งตามคำเรียก แต่ไม่หันกลับไป ปล่อยให้เวลาผ่านไปพักหนึ่ง คนที่เรียกชื่อของผมก็ไม่พูดอะไรออกมา ผมเลยเดินเข้าไปทำงานโดยไม่พูดอะไรเช่นกัน

ไม่ได้โกรธอะไรหรอกครับ แต่ผมต้องทำให้เขารู้ ย้ำเตือนว่าผมเป็นผู้ชาย มีอวัยวะครบ 32 เหมือนกับทุกคน

ครับ ความเป็นห่วงมันเรื่องนึง แต่ความเป็นจริงมันก็เป็นอีกเรื่อง

ผมต้องย้ำให้มันจำเอาไว้

พวกเราต่างคนต่างทำงานไป ผมเหลือบไปมองพายุที่ทำหน้าบูดบ้าง ดูพี่ทิวที่มีน้องข้าวคอยเสิรืฟน้ำให้ และยัยเกดที่ลงมาจากหลังคาแล้ว

แต่แทนที่จะไปพัก ดันวิ่งไปช่วยงานที่กองลูกเสือ เป็นแค่กองเล็ก ๆ ครับ เด็ก ๆ เขามีเข้าค่ายกันพอดี ชุดลูกเสื้อที่มีรอยปะชุนมันสะท้อนใจไม่น้อย

ในขณะที่มีคนจำนวนหนึ่งเสวยสุขในห้องแอร์ กินข้าวครึ่งจานทิ้งอีกครึ่ง แต่ก็มีคนอีกกลุ่มที่ต้องสวมใส่รองเท้าขาด ๆ เสื้อผ้าที่ส่งทอดต่อกันมา

ชีวิตที่ต้องดิ้นรน ตะเกียดตะกายต่อสู้กับมัน

พวกเราทำงานกันจะเย็นครับ แสงอาทิตย์เริ่มลาลับ งานคืบหน้าไปได้ด้วยดี เหลือแค่เก็บรายละเอียดปลีกย่อยกันไป งานทำได้ไวกว่าที่คิดกันเอาไว้เยอะเลยครับ

ก็ไม่มีใครอู้งานนี่เนอะ

ถึงจะเหนื่อยล้ากันมา แต่เรื่องกองไฟเราไม่พลาดกันแน่นอน ระหว่างที่นั่งพัก ทำธุระส่วนตัวกัน พวกเด็ก ๆ ที่เข้าค่ายก็มีการเล่นรอบกองไฟ

นั่นล่ะครับ พวกเราก็รอต่อคิวกัน

“พอฤกษ์งามยามได้เวลา เชิญเทพบนฟ้าทุกทิศลอยมาร่วมเป็นพยาน ในคืนกองไฟนี้เชิดชูไว้ในองค์ประธาน สถิตสถาน พระวิญญาณร.6 ของไทย”เสียงเพลงที่เคยคุ้นหู เนื้อร้องที่ยังคงจำได้ลอยเข้าหูมา ผมนั่งมองการละเล่นรอบกองไฟของเหล่านักเรียนตัวน้อยยิ้ม ๆ

ตอนเด็ก ๆ ผมก็ชอบนะครับ เล่นกองไฟ แต่ในกรุงเทพฯ ไฟที่ใช้ไม่ค่อยจะใช้ของจริง ได้อารมณ์ไม่เท่ากับที่เห็นอยู่ตอนนี้หรอกครับ

สองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว... จริง ๆ คงจะเชื่องช้านั่นแหละครับ แต่ผมดูเด็ก ๆ ไปเพลิน ๆ เผลอแป๊ปเดียวเวลาก็ล่วงเลยไปแล้ว

ตาพวกเราแล้วล่ะครับ

หลังจากที่เด็กๆ กลับกันไปนอนแล้ว พวกเราเด็กมหาลัยก็เข้ามาล้อมวงกันแทนครับ

ผมยกเอาผัก เนื้อหมู เครื่องปรุงออกมา ตั้งหม้อ ถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นเขาคงทำสตูวกินกันเวลาตั้งแคมป์แต่นี่เมืองไทย ผมขอทำต้มแซ่บละกันครับ

เคล็ดลับของผมคือการใส่พริกไทยเม็ดที่ตำหยาบ ๆ ลงไป มันจะได้ทั้งรส ทั้งกลิ่น แซ่บครับ ผักต้องต้มไม่ระยะนึงให้เปื่อยเข้าเนื้อ จะหวานอร่อย

ปกติผมจะไม่ค่อยทำอะไรกินหรอกครับ ฝีมือมัน... เกินแกงไปหน่อย แต่มีแค่เมนูนี้แหละที่ทำแล้วรอด ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องให้น้องมาช่วยหั่นของให้อยู่ดี

ผมเหลือไปเห็นปันปันเดินเกาหัวออกมาจากห้องด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดี ดูหงุดหงิดไม่น้อย ในมือถือโทรศัพท์เอาไว้
จริงสิ... มัวแต่ทำงาน ผมลืมเรื่องข่าวเมื่อเช้าไปเลย

ถึงปันปันจะไม่บอกอะไรผม แต่ผมก็รู้นะครับว่าระหว่างพวกเขาสองคน จะต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาต่อกัน แต่นั่นแหละ ถ้าเมื่อไหร่ที่เพื่อนต้องการ ผมค่อยรับฟัง

ไม่ถามหรอกครับ ผมไม่อยากละลาบละล้วง

หมอนั่นนั่งลงข้าง ๆ ผม อีกฝั่งเป็นพี่ทิวที่มานั่งด้วย ผมตักเอาต้มแซ่บที่พอจะได้ที่แล้วส่งให้คนทั้งสอง

“รสมือยังดีเหมือนเดิมนะ หนาว”พี่ทิวหันมาพูดกันผม แล้วตักกะหล่ำต้มเปื่อยยื่นมาป้อนผม “กว่าจะยอมลงครัวทำ ต้องเป็นวันพิเศษเท่านั้นสิ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ พี่ทิว ผมแค่ขี้เกียจ”ผมหัวเราะเบา ๆ เมื่อพี่ทิวแกส่ายหน้าหน่าย ๆ แล้วตักหมูมาป้อนผมอีก “พี่ทิวก็ โน้น น้องข้าวนั่งมองตากลมป๊อกแล้วครับ”

ผมส่งถ้วยอีกใบให้พี่ทิวส่งให้ฟางข้าว ให้น้องเขากินอุ่นท้องล่ะครับ

ไม่ใช่มีแค่ต้มแซ่บนะครับ ยังมีพวกอาหารปิ้งย่าง เท่าที่เราจะพอทำกันได้นั่นล่ะครับ

พายุเดินออกมาหยุดอยู่ตรงด้านหลังของผม ผมรู้แล้วล่ะครับว่าหมอนั่นมา แต่ไม่ได้หันกลับไปมอง ใจผมยังไม่หายเคืองสักเท่าไหร่ กับการที่มันห้ามผมไม่ให้ผมทำงาน

ผมรู้ว่ามันไร้สาระ แต่ผมหงุดหงิดนี่ครับ

“ลมหนาว...”พายุเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ซึ่งความลังเลใจ ผมไม่เหลือบมอง และไม่ขานรับ เอาไว้หายหงุดหงิดก่อนนะ... ผมไม่อยากทะเลาะกับเขา “นี่... ลมหนาว หันมาคุยกันก่อนสิ”

นิ่งครับ... ไม่หัน แต่ก็ถูกพี่ทิวสะกิด พร้อมกับปันปันที่ผลักผมให้ลุกขึ้นไป

ผมถอนหายใจแล้วลุกขึ้นหันมาสบตากับพายุ มือร้อนยื่นมากอบกุมข้อมือของผม แรงลากจูงที่ทำให้ผมต้องเดินตามไปอย่างช่วยไม่ได้

หรือ... ผมไม่ขัดขืนเอง

“หนาว...”โซนร้อนเรียกชื่อผมเสียงอ่อน มันหันมาสอบตากับผมนิ่ง “ผมขอโทษ... ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น ผมเป็นห่วง...”

ผมจ้องหน้าคนตรงหน้านิ่ง รอให้หมอนี่พูดต่อไป

“ที่ผ่านมา... ผมคบอยู่แต่กับผู้หญิง พวกเธอชอบให้ผมห่วง ให้ผมเทคแคร์ ผมคงติดนิสัยพวกนั้นมามาก... ผมขอโทษที่ทำให้หนาวรู้สึกไม่ดี... ผมจะปรับตัวผมเองให้ได้ ยกโทษให้ผมนะ. นะครับ”

“... เฮ้อ”ผมถอนหายใจอีกครั้ง แล้วยิ้มออกมาบาง ๆ “ผมรู้ว่าผมไม่ควรจะโกรธคุณ... ผมเป็นผู้ชาย คุณเองก็เป็นผู้ชาย ผมรู้ว่าคุณรู้สึก... คุณคิดอะไร ยังไง ไม่ใช่แค่คุณที่ต้องปรับตัว... ตัวผมเองก็เหมือนกัน”

หงุดหงิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง... ผมรู้ตัวดี

“หนาวจะโกรธ จะไม่พอใจอะไร ผมไม่ว่า คุณบอกผมได้ทุกอย่าง ผมขอแค่คุณอย่าเมิน อย่าเฉยชา หรือทำเหมือนผมไม่มีตัวตน... ได้ไหมครับ”น้อยครั้งนะครับ ที่พายุจะลงหางเสียงว่าครับ เสียงที่ฟังดูอ้อนวอน เจ็บปวด ทำเอาผมใจสั่นไม่น้อย

“คุณก็เหมือนกัน... ถ้าไม่พอใจอะไรผม ก็ขอให้คุณบอกผมมาเหมือนกัน...”พายุดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้ ยังดีนะครับที่แถวนี้ไม่มีคน... ผู้ชายตัวสูง ๆ ไซต์พอ ๆ กันสองคนยืนกอดกันมันคงไม่ได้น่าดูนักหรอก

“ผมทุ่มเททุกอย่างให้ได้หัวใจของคุณมา... ผมไม่อยากเสียคุณไปเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆพวกนั้น...”

ผมกอดตอบคนตรงหน้าไปหลวม ๆ โดยไม่พูดโต้ตอบอะไร

ลิ้นกับฟัน ระวังแค่ไหนก็ยังมีกระทบกัน คนรักก็เหมือนกันล่ะครับ แต่ถ้าเราทำความเข้าใจกัน พูดคุยกัน เรื่องมันก็จะผ่านไปได้ด้วยดี

จริงไหมล่ะครับ

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

มาต่อแล้วค้าา เย้ ^o^ จริงๆ ตอนหน้าควรจะเป็นบทส่งท้ายเนอะ ฮ่าๆ แต่เอาพี่คิสกับปันปันยัดลงในตอนนี้ไม่ได้... เลยได้โควต้าบทแยกไปเลย

เอาไว้พอกันบทหน้าค้าา <3  :o8:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
 :m1: อยากอ่านตอนพายุหึงลมหนาวบ้างงง

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
คิดถึงงงงคู่มหันตภัยสุด ๆ

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
น่ารักกันจิงงง
แต่เรื่องของพี่คิส ปันๆ จะทำยังไงน่าาาาา

ออฟไลน์ fahsida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
โอ๊ยยยยย โซนร้อนพัดความเขินมาหาเราอีกแล้วง่ะ  :-[ :-[

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เขินอ่ะ เค้าหวานกันจัง  :-[
ค่อยๆปรับตัวกันไปนะ สู้ๆ
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ nsai.ss

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2

ออฟไลน์ alt1991

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ชีวิตคู่ก็งี้แหละ ขอเพียงหันหน้าคุยกัน เราก็จะเข้าใจกันได้ไม่ยาก ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ TeuyHom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
โอ้ย น่ารักที่สุดเลย โซนร้อน เป็นห่วงลมหนาวขนาดนั้นเลยน๊าาาา
อ่านไปเข้นไปอ่ะ  :-[ :-[

ออฟไลน์ BeautifulGirl

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ ยอดมนุษย์ขนมปัง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
บทที่สี่สิบหก

(ปันปัน)

ผมกลับจากค่ายมาด้วยอารมณ์ที่โคตรของโคตรขุ่นมัว ไม่รู้จะหงุดหงิดไปทำไม ทั้งที่ผมกับไอ้เหี้ยนั่นไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
ก็แค่ลูกหนี้ที่ใช้หนี้บนเตียงนอน

แต่แม่งเอ๊ย ไอ้ข่าวนั่นมันลอยอยู่ในหัวผมตลอดเลย ให้ตายเหอะ! ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ผมต้องบ้าแน่ ๆ

พอผมลงจากรถบัสมาก็เจอกับรถหรูที่คุ้นตา เออ รถที่ผมแม่งนั่งอยู่เกือบทุกวันจอดเทียบท่ารออยู่ในที่วีไอพี ทำเอาผมอดที่จะหันไปเบ้หน้าไม่ได้

"ไปเคลียร์กันดี ๆ นะ"สัมผัสหนัก ๆ ที่ไหล่มาพร้อมกับเสียงนุ่ม ๆ ของเพื่อนสนิทคนเดิมของผม "แล้วเจอกันวันอังคารนะ ปันปัน”

ลมหนาวเดินหิ้วกระเป๋าไปพร้อมกับพายุที่ลากกระเป๋าใหญ่ตามมา ผมหันมองเพื่อนจนลับตาถึงจะกลับมาเผชิญหน้ากับความจริงที่รอผมอยู่

“ขึ้นรถสิ”เหมือนว่าจะยืนนิ่งเป็นหินนานไปหน่อย เจ้าหนี้ของผมเลยลงมาตามด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย... แข่งกับตัวผมเองเลยมั้ง

“ครับ...”ผมตอบรับไป... แรก ๆ ผมก็ไม่รู้สึกอะไรแบบนี้หรอก มาตอนหลัง ๆ เหมือนมีอะไรหลายอย่างที่ทำให้ผมต้องบอกตัวเองว่าคนตรงหน้าของผมคือเจ้าหนี้ ไม่ได้อยู่ในฐานะอื่น หรือผมต้องเพียรถามตัวเองว่า ผมอยู่ในฐานะอะไรกันแน่

เหอะ! คำถามนี้ คำตอบแม่งโตรง่าย ถ้ามึงไม่อยากหลอกตัวเองไง ปันปัน มึงก็เป็นได้แค่คู่นอนเท่านั้นแหละ เสือกจะไปหลงคารมคำหวานของคนอย่างมันได้ยังไง

บ้าฉิบ

“ปันปัน มาคุยกันบนรถ”พี่คิสคงจับสัมผัสอะไรบางอย่างได้ เลยเรียกผมเสียงแข็ง ก่อนที่จะแทรกตัวเข้าไปในรถ คงจะไปสั่งอะไรคุณอินอีกนั่นแหละ

ผมเดินไปขึ้นรถที่จอดเทียบท่าอยู่ ไม่มีทางเลือกอะไรนี่ ยังไงชีวิตผมต้องอยู่ในกำมือของคน ๆ นี้ไปอีกนาน ตราบเท่าที่อายุคดีความยังไม่สิ้นสุด ได้เขาช่วยไม่ใช่หรือไง ครอบครัวถึงกลัวมาสงบสุขได้

พอผมหย่อนตัวลงบนเบาะ ปิดประตูรถ คันเร่งก็ถูกเหยียบให้รถขยับออกไป พร้อม ๆ กับที่พี่คิสดึงตัวผมเข้าไปชิดกับตัวเขาเอง

เห็นดูผอมเพรียว หน้าสวยอย่างนี้... แรงยิ่งกว่าช้างสาร อึดยิ่งกว่าหมีควายอีก... ไม่ต้องถาม ผมถูกบังคับให้พิสูจน์มาหลายรอบแล้ว

ยั้งแรงก็ไม่เป็น!

“ไม่พอใจอะไร... ปันปัน”เสียงเย็น ๆ แข็ง ๆ ของพี่นั่นแหละ แม่ง ยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ผมเหล่มองตาขวางโดยไม่พูดอะไรตอบกลับ สงครามเย็นเว้ย ลอกลมหนาวมา “พูด!”

“เปล่าครับ”แรก ๆ พี่คิสแกก็พูดดี อ้อร้ออยู่หรอก... หลัง ๆ มาเผยธาตุแท้ไง กูนี่โดนตลอด ไม่รู้จะกดเสียงเย็นทำไมนักหนา เผด็จการ บ้าsex พอ ๆ กับบ้าอำนาจ

คนเหี้ย ๆ แบบนี้ ทำกูหวั่นไหวได้ยังไงวะ?

หรือกูเป็นสาย M...

“ตอบอย่างนี้คิดว่าพี่จะเชื่อหรือไง”ใบหน้าสวย ๆ นั่นบูดบึ้ง ดวงตาเรียวถลึงมองมาที่ผม “มีอะไรก็ถามมา ไม่ต้องคิดเองเออเอง เข้าใจไหม ปันปัน”

“แล้วพี่จะมาสนใจอะไรผมเนี่ย”ผมเริ่มหงุดหงิดบ้างแล้ว เลยมีความกล้าพอที่จะโต้ตอบไป... อยู่บนรถโต้ได้อยู่ แต่ถึงห้องแล้ว... อีกเรื่อง

“แล้วพี่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่สนใจปันปันล่ะ ห๊ะ”พี่คิสเริ่มขึ้นเสียง บอกถึงอารมณ์ที่เริ่มรุนแรงขึ้น “ปันปันเป็นเมียพี่ จะไม่ให้พี่สนได้ยังไง”

“เมียหรือคู่นอน เอาดี ๆ”หลุดปากโต้กลับไปอีกรอบ... ทำเอาพี่แกชะงักกึก เอาวะ หลุดไปแล้วนี่ ต่อแม่งเลย “ผมมันก็แค่ลูกหนี้ ขายตัวเข้าแลก พี่ไม่ต้องมาสนใจหรอก ไปสนใจโน้น ลูกนักการเมืองใหญ่คนนั้น โน้น”

“หืม...”คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูง พร้อมกับรอยยิ้มพึงพอใจที่แย้มออกมา... พอใจห่าไรของแม่งวะ “ปันปันของพี่... หึงพี่เหรอครับ หืม...”

“ขอเหอะ เลิกมโน”ผมเบ้หน้าหนี หึงคือไร? หึงทำไม เป็นไรกันงั้นดิ? “พี่เป็นผู้ชาย ผมก็เป็นผู้ชาย เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมจะไปหึงพี่ทำไม?”

“แน่ใจ?”รอยยิ้มนั้นยังคงพร่างพรายอยู่บนใบหน้าได้รูปนั้น พี่คิสกระชากตัวผมเข้าไปบดจูบอย่างรุนแรงอยู่พักนึง ก่อนจะปล่อยให้ผมกลับมานั่งที่ปกติ “ไว้ถึงห้องของเรา พี่จะย้ำให้หนัก ๆ เลย ว่า ‘เราสองคน’ เป็นอะไรกัน”

“ก็บอกแล้วไง ว่ามืต้องมาสนใจผม ไปคนใจเธอคนนั้นโน้น ไป”ทำไมคำพูดผมมันดูพาลจังวะ... แล้วไอ้ความรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่หายไปสักทีนี่คืออะไร

“พอเลย พี่ว่าปันปันเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว... กับไอ้ข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์นั่น”พี่คิสส่ายหน้าหน่าย ๆ แล้วกอดอกพิงเบาด้วยท่าทีสบาย ๆ “พี่ไม่อยากให้ปันปันน้อยของพี่เสียหายหรอก ถึงยอมไปตามคำชวนของเจ้าหล่อนน่ะ”

ผมตวัดตาไปมองพี่แกอย่างไม่เข้าใจ เออ ไม่เข้าใจอย่างแรงด้วย ไม่อยากให้ผมเสียหายอะไร? แล้วเมื่อไหร่จะเลิกเรียกผมว่าปันปันน้อย...

อยากบอกว่ากูตัวใหญ่กว่ามึงอีก

“แสดงว่าเห็นข่าวตอนเย็น ๆ อย่างเดียว ไม่ได้ดูตอนเช้าเลยงั้นสิ”เรื่องอะไรจะยอมรับล่ะ พอผมเห็นข่าวนั้น ความรู้สึกขัดใจแม่งก็พุ่งพอแล้ว เลยไม่เปิดดูข่าวไหน ๆ อีกเลย “มีคนถ่ายรูปเราสองคนตอนเดินเข้าโรงแรมด้วยกันไปทำข่าว... พอจะเข้าใจอะไรบ้างหรือยังล่ะครับ คนเก่งของพี่”

สมองเม็ดถั่ว แรมเสือชีต้าร์ของผมรันระบบทันที ซีพียูประมวลผลออกมาได้ว่า พี่คิสทำเพื่อผมจริงๆ... แต่ผมขออย่างงั้นดิ?
เป็นข่าวก็ฟ้องร้องได้เหมือนกัน รุกล้ำเรื่องส่วนตัวแบบนี้

“เลิกมองพี่ตาขวางสักทีเหอะ”เสียงนั้นเริ่มกลับมาหงุดหงิดอีกครั้ง “เออ ช่วยให้นักข่าวไม่ตามแล้วยังจะมาหงุดหงิด พาลใส่พี่อีก หึ”

ผมนิ่ง ไม่โต้ตอบ งานนี้จะเลียนแบบลมหนาวให้เหมือนเลย

“แล้วไอ้คำพูดว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันนั่นล่ะ เลิกพูดไปซะ พี่จะทำให้รู้เองว่า เราเป็นอะไรกัน!”ย้ำอีกแล้วแม่ง คำซ้ำ ๆ เดิม ๆ เพิ่มเติมคือแรงอารมณ์

ผมนั่งนิ่งเงียบกลับมาจนถึงเพนเฮ้าท์ของพี่คิส แน่ล่ะว่าผมโดนพี่เขาไล่ไปอาบน้ำ โดยไม่ลืมที่จะส่งแม่บ้านมายืนคุมเชิงหน้าห้อง กันผมแกล้งหลบอยู่ในห้องน้ำนานเกินกว่าเหตุ

เหนื่อยแค่ไหน คิดเหรอว่าจะรอด... ไม่ล่ะ ผมเริ่มชินกับกิจวัตรของพี่แกแล้ว

หน้าที่ของผมคือทำความสะอาดให้ดีที่สุด... ถ้าไม่อยากให้เหล่าสาวใช้มาจัดการให้ เหมือนตอนครั้งแรก แบบที่ผมได้สติของเขากับผม

“นอนลง”มันก็คงเหมือนกับทุกครั้งที่เขาโกรธ หรือหงุดหงิดมา ผ่านมาเดี๋ยวก็ผ่านไปเหมือนกับทุกครั้ง ประสบการณ์มาสอนให้ผมได้รู้

พี่คิสบดจูบเข้ามา ผมมีหน้าที่แค่เผยอปากรับ ครั้งนี้ไม่โต้ตอบเหมือนทุกที ทำให้พี่แกถอนใบหน้าออกไป แล้วถอนหายใจรดหน้าของผม

“พี่ไม่อยากให้ปันปันของพี่หงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็น แต่ถ้าปันปันไม่อยากให้เป็นอย่างที่เป็นอย่างนี้ พี่ก็จะไม่ฝืนทำอย่างที่พี่ไม่ชอบอีก”พี่คิสแกยันตัวลุกขึ้นแล้วก้าวฉับ ๆ ออกนอกห้องไปเลย โดยไม่ลืมที่จะปิดประตูแรง ๆ ใส่ผมอีกสักที

อะไรของเขา

ทั้งสมองและร่างกายของผมคงจะล้าเกินกว่าจะคิดอะไรแล้ว ผมหลับตาลงและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคตไป ตอนนี้ผมคงต้องขอพักก่อน


ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นใครอีกคนที่ปกติจะนอนส่งยิ้มมาให้ทุกครั้งที่นอนด้วยกัน... เมื่อคืนพี่คิสไม่ได้กลับเข้ามานอนสินะ

“ฉิบหาย สิบเอ็ดโมง!”ผมถลึงตามองนาฬิกาปลุกรูปคิตตี้ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง นี่กูนอนนานขนาดนี้เลยเหรอวะ ปกติถ้ามีแดดส่งมาสักหน่อยผมก็ตื่นแล้วนะ...

ตื่น... พ่อง ใครปิดม่านสนิทขนาดนี้วะเนี่ย

“ตื่นแล้วเหรอคะ คุณปันปัน”เสียงหวานของป้านิ่ม แม่บ้านของเพนเฮ้าท์นี้ที่พี่คิสพามาจากบ้านเอ่ยทักผม “คุณชายคิสเขาอยากให้คุณนอนสบาย ๆ เลยปิดม่านเอาไว้ให้น่ะค่ะ”

“ครับ...”ผมขานรับ แล้วลุกขึ้นมา เดินไปแปรงฟัน ป้านิ่มหันมามองผมยิ้ม ๆ ก่อนจะก้าวไปกดเปิดทีวีให้ฉายขึ้นมา ทำให้ผมหันไปดูอย่างอัตโนมัติ

รายการข่าวบันเทิงช่องหลายสีฉายขึ้นมาบนจอสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ติดฝาผนัง นักข่าวสาวฝีปากจัดคนนึงพูดอะไรไม่รู้ ผมไม่ได้ฟัง มันแว่ว ๆ เข้ามาในห้องน้ำน่ะ

ผมเดินออกมาดูทีวีตาค้าง

นั่น...

“คุณคิสคะ รูปที่ออกมานี่ มีความหมายอะไรไหมคะ”เสียงนักข่าวคนนึงเอ่ยถามขึ้น ก่อนที่ไมค์ตัวเล็กยื่นไปข้างหน้าของพี่คิสหลายตัว มีรูปเล็ก ๆ ขึ้นที่ข้างล่างจอ เป็นรูปที่พี่คิสลากผมเข้ามาในเพนเฮ้าท์เมื่อคืน

นี่มีสโตรกเกอร์ตามขนาดนี้เลยเหรอ

“ก็ตามที่เห็นนั่นล่ะครับ ผมกับน้องเขาอยู่ด้วยกัน”พี่คิสตอบเสียงนุ่มพร้อมรอยยิ้มบางตรึงตา “เราอยู่ด้วยกันมาสักพักแล้วล่ะครับ”

“อ้าว แล้วกับคุณแฟรี่ที่มีรุปออกมาว่าไปดินเนอร์ด้วยกันล่ะค่ะ ยังไง”นักข่าวอีกคนส่งเสียงถามขึ้นหลังจากที่สิ้นเสียงของพี่คิสไป

“กับแฟรี่ เราเป็นเพื่อนที่รู้จักกันในการทำธุรกิจครับ”เจ้าหนี้ของผมตอบกลับไปอย่างฉะฉาน ทาทีที่ดูมั่นใจจนน่าหมั่นไส้นั่นทำให้ผมอยากเบ้ปาก

แต่ทำไมผมถึงยิ้มล่ะ...

“แล้วกับคนในรูปล่ะค่ะ ยังไง”แม่เหยี่ยวข่าวคนแรกยิงคำถามเข้าอีกรอบ เรียกเสียงฮือฮาจากสื่อคนอื่นไป “ช่วยตอบด้วยนะคะ”

“สำหรับผม เขาเป็นคนสำคัญ แต่สำหรับเขา ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าผมเป็นอะไรสำหรับเขา”เสียงฮือฮาดังขึ้นมากกว่าเก่าเมื่อได้รับคำตอบนี้

ป้านิ่มส่งยิ้มมาให้ผมที่ยืนนิ่งค้าง สมองอื้ออึงไปหมด คนสำคัญ หมายความว่ายังไง ผมเป็นลูกหนี้คนสำคัญของเขาอย่างนั้นสิ?

“อย่าคิดว่าคุณไม่สำคัญต่อคุณชายคิสสิคะ คุณปันปัน”แม่บ้านวัยกลางคนเดินเข้ามาหาผม “คุณสำคัญกับคุณชายมากกว่าที่คุณคิดเยอะนะคะ คุณชายไม่เคยที่จะเพ้อมองหาใครเหมือนคุณ ตอนคุณไม่อยู่ ก็เอาแต่เปิดหน้าจอมือถือมองรูปคุณไม่เลิกเลยค่ะ”

“แต่...”

“คุณชายน่ะ ป้าเห็นมาแต่เล็ก เขาเป็นคนยึดติดมากนะคะ เห็นอย่างนี้ก็เถอะ สิ่งใดที่เขารัก เขาหวง เขาจะดูแลอย่างดี ไม่ให้ใครมายุ่มย่าม แต่คุณชายแกแสดงออกไม่เก่งนัก อาจจะดูเล่น ๆ ไปเสียหน่อย แต่เขาจริงใจกับคุณปันปันบ้างนะคะ”ผมอ้าปากจะโต้แย้งป้านิ่มแก แต่ก็ไม่ทันที่ป้าเขาจะพูดกลับมาต่อ “เรื่องของคุณปันปันในตอนนั้น ทำให้คุณชายทะเลาะกับคุณท่านใหญ่โต เพื่อจะใช้เส้นสายของคุณท่านจบเรื่องของพี่ชายคุณให้เรียบร้อยและสงบที่สุด เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่คุณชายมีปากเสียงกับคุณท่านน่ะค่ะ”

คราวนี้เป็นผมที่นิ่งไป...

“ลองเก็บไปคิดดูนะคะ ว่าตัวคุณปันปัน คิดยังไงกับคุณชายกันแน่น่ะค่ะ”ป้านิ่มพูดทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อจะเดินออกไปจากสายตาของผม

ถ้าไม่นับเรื่องที่พี่คิสเข้ามาในชีวิตผมด้วยวิธีประหลาดจนไม่น่าวางใจ รุกเข้ามาอย่างด้าน ๆ และเป็นผู้ชายที่สอยตูดผมไปตอนเมา พี่เขาก็เป็นคนดี...

อาจจะเพราะอคติแรกพบ... ทำให้ผมมองเขาไม่เคยดี และไม่เชื่อใจ

ช่างเหอะ ออกไปหาอะไรกินดีกว่า ไปมุดหัวอยู่ในดงมาหลายวัน ขอเอาอาหารในเมืองลงท้องบ้าง กินแกงป่า ปลาแห้ง ผัดผักมาจนพืชจะขึ้นบนหัวพอละ

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวออกจากประตูหน้าของคอนโด แฟรชจากกล้องสาดเข้ามาใส่ตาของผมจนพร่ามัว ห่าอะไรกันวะ มีซุปเปอร์สตาร์อยู่ในคอนโดนี้ด้วยหรือไง

“นั่นไง ออกมาแล้ว เร็วเข้า”เสียงที่แว่วเข้าหูผมมา ก่อนที่กองทัพสื่อมวลชนอีกโขยงหนึ่งวิ่งกรูกันเข้ามาอยู่ข้างหน้าผม “ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะ”

อย่าถามผม ผมยืนค้างดิ ตัวอะไรมันมาว่ายวนล้อมรอบผมเนี่ย มาทั้งแฟรช ทั้งกล้องตัวเท่ากระเป๋าเดินทาง แล้วสัมภาษณ์อะไร ทำไม เพื่อ!

นี่มันอะไรกันวะ!!!

“ขอถามหน่อยนะคะ คุณเป็นอะไรกับคุณชายคิสเหรอคะ”คำถามที่จู่ ๆ ก็ยิงถามมาทำเอาผมผงะ เออ นั่นดิ เป็นอะไรกัน ผมไม่เคยตกลงกับแม่งสักหน่อย

“เอ่อ... ผมก็เป็นแค่คนที่มาพักอาศัยอยู่เฉย ๆ น่ะครับ”ไม่มีสคริปจากน้องเทคลมหนาว ที่เขียคำตอบสวยหรูไว้ให้ตลอดครั้งแรก สั่นดิ สั่น แม่ง

“แล้วที่คุณชายคิสประกาศเมื่อเช้าว่าคุณเป็นคนสำคัญของเขานี่ ยังไงเหรอคะ”จบคำถามแรก คำถามที่สองก็มา เฮ้ย ๆ กูไม่ใช่นางงามนะ “ตอบด้วยนะคะ”

“ผมก็ไม่รู้หมือนกันครับว่าพี่เขายังไง รบกวนไปถามพี่เขากันเอาเองนะครับ”โยนขี้ให้ไกลตัวออกไปก่อนล่ะงานนี้ กูก็ได้ฟังมาเมื่อเช้านี้เหมือนกันล่ะวะ จะไปรู้ไหม

“แล้วความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณชายคิสนี่ เป็นยังไงเหรอคะ เป็นแค่เพื่อนร่วมห้อง หรือมากกว่านั้น”แม่เจ้าโว้ย คำถามนี้ไม่ถามมาตรง ๆ เลยล่ะวะว่าผมเป็นเพื่อนนอนเหี้ยนั่นไหม จะได้ตอบง่าย ๆ หน่อย

“เอ่อ... ถ้าพี่คิสเขาวางผมให้เป็นอะไรในชีวิตของพี่เขา ก็ตามนั้นล่ะครับ”เออ ตามนั้นจริง ๆ ถ้าเขาวางผมเป็นคู่นอน ก็คู่นอน เป็นเพื่อนเล่น ก็เพื่อนเล่น

ไอ้หมาตัวดำ จน ๆ อย่างผมจะไปหวังอะไรได้ล่ะวะ ผมไม่อยากเจ็บเหมือนเพื่อนไอ้หนาวนี่

มีคนเคยแชร์ว่าบางเรื่อง คนเราก็ต้องเจียมตัว มันก็จริงนั้นแหละ ดอกฟ้าที่จะโค้งลงมาหาหมาวัดมันไม่มีในชีวิตจริงหรอก มีแต่ในนิยายรักน้ำเน่าเท่านั้นแหละ

เหอะ

“พูดจริงเหรอครับ ปันปัน”เสียงที่คุ้นยิ่งกว่าคุ้น คุ้นในทุกรูปแบบเท่าที่นึกได้ดังลอดเข้ามาในดงคำถามที่ยิงมาจนฟังไม่รู้เรื่อง “ที่บอกว่าถ้าพี่วางปันปันไว้ตรงไหนในชีวิตของพี่ ปันปันจะเป็นตามนั้นน่ะ จริงเหรอครับ”

หน้าสื่อกับตัวจริงโคตรแตกต่างเลยนะเอ็ง เสียงที่พี่คิสแกพูดมาหน้าสื่อที่โคตรหวาน แต่ตอนอยู่สองคนนี่... หาประโยคที่ไม่มีการหยอดหรือคำสองแง่สามง่ามนี่ ยากยิ่งกว่ายาก

ผมมองไปรอบ ๆ ไม่ใช่แค่พี่คิสที่รอฟังคำตอบจากผม... พวกสื่อที่กระหายข่าวพวกนี้ก็รออยู่เหมือนกัน

“ก็ตามที่บอกนั่นล่ะครับ”ผมยืนยันคำพูดตัวเองไป พี่คิสยิ้มกว้างแล้วก้าวเข้ามาดึงตัวผมไปโอบไหล่เอาไว้... จริง ๆ แล้วผมควรจะโอบไหล่พี่มากกว่าอีก

แต่การที่ผมต้องมารู้จักคน ๆ นี้ ทำให้ผมได้เรียกรู้ทฤษฎีนึงกับตัวเองโดยตรงเลยล่ะ

ส่วนสูงและความกว้าง ไม่มีผลต่อแนวราบและการตั้งฉาก

“ทุกคนครับ ไหน ๆ ก็มารวมกันตรงนี้แล้ว ผมก็ขอแนะนำให้รู้จักเลยแล้วกันนะครับ”รอยยิ้มของพี่คิสดูสว่างไสวขึ้นทุกที ในขณะที่ใจของผมมันก็เสือกรับรู้ถึงลางสังหรณ์ที่... จะว่าดีก็ไม่ ไม่ดีก็ไม่เชิง... “นี่คนรักของผมครับ ปันปัน”

ผมหันควับไปมองคนพูดอย่างตกใจ พร้อม ๆ กับที่แฟรชสว่างวูบวาบเป็นแสงกระพริบของกระสือ เข้าใจความรู้สึกของลมหนาวตอนที่พายุมันสารภาพรักต่อหน้าคนกว่าครึ่งมอ.เลย

พี่คิสไม่ได้แนะนำผมว่าเป็นคู่นอนหรือแฟน... แต่แนะนำว่าเป็นคนรัก... เป็นไปได้ไงวะ

“คบกันมานานเท่าไหร่แล้วเหรอคะ”นักข่าวที่ตั้งสติได้คนแรกยิ่งคำถามมาก่อนใคร

“ผมรู้จักกับปันปันมาเกือบปีแล้วครับ เราอยู่ด้วยกันมาก็หลายเดือนแล้วเหมือนกัน”พีคิสตอบเลี่ยงไปด้วยเสียงหวาน เช่นเดียวกับรอยยิ้ม

“แล้ว...”

“ผมยังมีธุระต่อ เอาไว้คุยกับใหม่นะครับ”พี่คิดตัดบทก่อนที่จะมีใครถามอะไรขึ้นมาอีก แล้วลากพาผมเดินกลับเข้าคอนโดไป “ต่อไปนี้ปันปันเป็นของพี่แล้วนะครับ รู้ไหม”

“อย่ามโน ขอร้องเถอะ”ผมแยกเขี้ยวส่งกลับไป “แล้วที่บอกว่าผมเป็นคนรักนี่หมายความว่าไง”

“ก็ความหมายตรงตัว พี่ให้ปันปันเป็นคนรักของพี่”ใบหน้าหวานพร้อมดวงตาพราวระยับยิ่งว่าเด็กได้ของเล่นถูกใจ “ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธนะ ปันปันให้พี่เลือกเอง พี่ไม่ยกผมประโยชน์คืนให้แน่”

“ครับ ๆ”หลวมตัวไปแล้ว เป็นไปตามนั้นแหละ

ผมไม่ใช่หมาวัดที่โดดมาคาบดอกฟ้านะเว้ย ผมน่ะ หมาดำ!


ไม่ต้องบอกก็รู้กันใช่ไหมล่ะ ว่าพอข่าวที่ว่า เอ่อ กระดากปากพิลึก เอาเถอะ ผมกับพี่คิสเป็นคนรักกันกระจายออกไปแล้วจะเป็นยังไง

สายโทรศัพท์ของทั้งผมและใครบางคนนี่แทบจะไหม้ คนโทรกระหน่ำเข้ามาไม่หยุด อันนั้นมันก็ไม่เท่าไหร่ ถ้าไอ้คุณพี่คิสมันไม่ตอบเพื่อนมันไปอย่างนั้น

“ตูดเมียกูเด้งสู้มือเหอะ มึงอย่ามาพูดดี”

ไอ้เหี้ยคิสสสสสสสสสสสสสส


๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

บทจบของคิสกับปันปันมาแล้ววว เย้ ^o^// หายไปนานตามเคย 555

เหลือบทส่งท้าย อาทิตย์หน้าเจอกันนะคะ จุ๊บๆ  :mew1:

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :z1:  อิพี่คิสเว่อร์วังบัคกิ้งแฮมมากมาย  นุ้งปันๆไปต่อไม่ถูกเลย

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
กริ๊ดดดดด
มาต่อแล้วมาต่อแล้ววว
เย้ๆๆๆๆๆ

ลุงคิสนี่ทำดีจิงๆปันปันว่าไงงงง

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ไรท์หายไปนานมากเลย คิดถึง  :hao5:
จะรออ่านนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด