อ่านถึงตอนที่มินออกฉากครั้งแรกค่ะ แล้วทนไม่ไหวจนต้องมาเม้นสักหน่อยจริงๆ
คือคิดมานานแล้วว่าทำไมต้องว่าพี่ทิว โกรธพี่ทิว และสงสารข้าวไปทุกอย่าง
ข้าวน่าสงสารจริง แต่การที่ "น่าสงสาร" ไม่ใช่ว่าจะ "รัก"
งั้นถ้ามีคนมารักเรามาก เขาน่าสงสาร เราต้องรักเขาด้วยเหรอ?
หัวใจบังคับกันไม่ได้นะ
อีกอย่าง พี่ทิวเองตอนที่ซื้อตัวข้าวมาเลี้ยงดูน่ะ ก็ซื้อมาเลี้ยงเป็นน้องชายอยู่แล้ว พี่ทิวไม่เคยเปิดประเด็นเรื่องนอนด้วยกันก่อน แต่เป็นข้าวเป็นคนขอร้อง อ้อน และพี่ทิวก็ผู้ชาย อีกอย่างข้าวเองก็เป็นเด็กของพี่ทิว เขาก็ไม่ปฏิเสธ มองตามเหตุตามผลทั้งหมด พี่ทิวไม่ผิดแม้แต่น้อย
ไม่อยากใช้คำนี้นะ แต่ถ้ามองจริงๆ ข้าวก็คือเด็กเสี่ย เด็กป๋า ป๋าก็คือพี่ทิว ที่พี่ทิวรับเลี้ยงข้าวก็เพราะสงสาร ยังบอกว่าเก็บลูกแมวมาเลี้ยงกับน้องสาวเลย เพราะว่าทำไม? เพราะพี่ทิวรู้ว่าข้าวเคยไปเป็นเด็กขาย ถ้ามองในกรณีว่าหยาบ ว่าต่ำหน่อย ก็เหมือนพี่ทิวซื้อข้าวมา เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี ให้เงินใช้เป็นแสน แต่นอนด้วยครั้งเดียวตามที่ข้าวขอ ถ้ามองให้หยาบอีก ข้าวก็เหมือนเด็กขายเด็กป๋า ที่พี่ทิวซื้อผูกขาดมาเลี้ยงดูให้ใช้ชีวิตเองได้หลังเรียนจบ พี่ทิวให้เงินไว้ตั้งตัวด้วยซ้ำ ถ้ามีป๋าคนหนึ่งนอนกับเด็กมัน หมายความว่าป๋าต้องรักเหรอ?
ผิดอ่ะ ไม่ถูกว่ะ
เราเห็นข้าวน่าสงสาร แต่ถ้าเอาความสงสารมาเรียกร้องให้คนอื่นรัก เราว่าไม่ถูกเลย ถ้าสมมติกลับเรื่องไปเป็นพี่ทิวเป็นพระเอก มีประวัติเคยเลี้ยงข้าว และเอ็นดูแบบน้อง แต่ในที่สุดก็ไปพบรักกับนายเอกอย่างมินที่เห็นแล้วได้พบกับคำว่าใจเต้น อารมณ์ของเรื่องจะเปลี่ยนไปเลย ข้าวจะน่าสงสาร แต่ข้าวใช้ความน่าสงสารมาทำให้ชีวิตตัวเองดิ่งลง มีเพื่อนดีๆ แบบมินแต่ก็ปิดกั้นเพราะมินทำให้รู้สึกด้อยกว่า ดูเศร้า ดูชีวิตแย่ ไม่มีเงินแต่อยากเรียน แต่เหมือนจะเคยพูดเหมือนชอบทำอาหารและอยากเรียนอยากทำงานด้านนี้ แต่ก็ต้องมาเรียนนิเทศน์ เฮ้ยย นิเทศน์ใช้เงินมากกว่าป้ะ? ชอบทำอาหาร ไปทำอาหาร เป็นลูกจ้างในครัวตอนนี้เลยยังได้ ได้เงินด้วย ได้ทำสิ่งที่ชอบด้วย แล้วเรียนมหาลัยเปิด แน่ใจหรือเปล่าข้าวว่าที่ทำให้ไม่มีเงินค่าเทอมจนต้องไปขายตัวแล้วเจอพี่ทิวน่ะ มันหมดทางเลือกจริงๆ? หรือแค่คิดไม่ออก?
เราเลยกล้าพูดเต็มปากว่าไม่สงสารข้าว ข้าวทำตัวเอง ทำตัวเองทั้งหมด คนที่น่าสงสาร ถ้ายิ่งทำตัวให้น่าสงสาร อ่อนแอ มันจะกลายเป็นน่าสมเพช แต่ถ้าน่าสงสาร แล้วกล้าที่จะสู้ ท้าทายชะตา สู้ชีวิต จะกลายเป็นคนที่น่าชื่นชม
ข้าวมีมันหรือเปล่า?
ในจุดจุดนี้เรายังไม่เห็นมันจากข้าว นอกจากความน่าสงสารและความเศร้าและมืดบอดมองไม่เห็นตัวเอง ไม่เห็นความจริง ข้าวได้ทุกอย่างจากพี่ทิว เงิน ที่อยู่ การดูแล เอาใจใส่ แต่ที่ยังไม่ได้ตอนนี้คือความรัก หัวใจของพี่ทิว ชีวิตแบบนี้ เรียกง่ายๆ คือเกาะพี่ทิวกิน ภาษาบ้านๆ น่ะนะ ข้าวได้เงินจากพี่ทิว มีที่อยู่ มีทุกอย่างแล้ว พี่ทิวพาเที่ยว พากิน ดูแลหมด ข้าวก็รับทุกอย่างอย่างเต็มใจ ไม่ตะขวิดตะแขวง แต่อยากได้ อยากครอบครอง ต้องการพี่ทิวไม่สิ้นสุด
มันเป็นคำถาม ถ้าข้าวอยากให้ชีวิตตัวเองดี อยู่สมศักดิ์ศรี ทำตัวเองให้ดีพอจะเทียบเคียงมิน หรือให้ดีขึ้น ไม่ใช่เอาแต่คิดว่ามินดีไปหมด พี่ทิวจะรักมิน แต่ไปทำตัวเองให้มีคุณค่า จะดีกว่าไหม? ไม่ใช่เอาแต่อยู่ให้พี่ทิวเลี้ยงไปวันๆ ไปเที่ยวกับพี่ทิว ไปเรียน กลับมาก็อยู่ห้องพี่ทิว เสียใจเมื่อพี่ทิวสนิทกับใครอื่น (หนาว) น้อยใจ ทั้งๆ ที่ตามจริงไม่มีสิทธิ์น้อยใจ ไม่มีสิทธิ์หึงหวง
ข้าวได้ที่อยู่มาจากพี่ทิวแล้ว ระหว่างข้าวที่ได้พี่ทิวมาช่วย แล้วลองพยายามจะยืนด้วยตนเอง กับข้าวที่ปล่อยชะตาตัวเองไปแบบนี้ ฉันคือคนน่าสงสาร ฉันรักพี่ทิว อยู่ให้พี่ทิวเลี้ยง และอยากให้พี่ทิวรักฉัน หรือไม่รักก็ได้ แต่ขอให้พี่ทิวอยู่ดูแลอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็พอ ถ้ามองว่านะ พี่ทิวคือคนที่คุณรัก และจะแต่งงานด้วย แต่เสือกมีคนแบบข้าวเกาะติดอยู่และไม่ยอมไป พี่ทิวก็บอกว่า "พี่มองเราเป็นแค่น้องชายเท่านั้น" แต่ข้าวก็บอกว่า "พี่นอนกับผมแล้ว" และไม่ยอมไปไหน บทบาทของข้าวจะเปลี่ยนไปทันที ถ้าพี่ทิวเหลืออดแล้วแรงๆ หน่อย อาจจะตอกกลับใส่เลยว่า "ก็ผมซื้อคุณมาเลี้ยง!" ยังได้ด้วยซ้ำ
ตาสว่างหน่อยดีมั้ย?
เรื่องงานก็ทำตัวเอง ในเมื่อคณะมันมีเรื่องแบบนี้เป็นปกติ ทำไมไม่ระวัง? ถ้าระวังมันก็ระวังได้ ไม่ใช่ประมาทเองแล้วเรื่องเกิด มันน่าสงสารก็จริง แต่ก็ประมาทเอง มองแบบไม่อคตินะ มันเป็นสิ่งที่ป้องกันได้ ไม่ใช่ว่างานโดนแฮคแล้วลอกไป อะไรแบบนั้น หรือโดนขู่ตบงานไป ยังค่อยว่ากัน ทำงานมันจะยิ่งกว่านี้นะ สายที่ขายไอเดียกันเป็นหลักน่ะ ลูกค้า/หัวหน้าคุณไม่มาสนใจหรอกว่าใครลอกใคร เขาไม่ได้มีหน้าที่มาพิสูจน์ความจริงให้คุณ แต่คุณต่างหากทำงานให้เขา และคุณต้องปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง ดังนั้นถ้าอาจารย์จะปล่อยๆ มันก็มองได้ทั้งแง่ดีและแง่ไม่ดี แง่ดีคือคุณได้ประสบการณ์ เวลาทำงานจะได้ไม่พลาดอีก ทำงานพลาดแล้วไม่ได้แค่เสียหายว่าทำงานใหม่ แต่คุณเสียงานเสียเครดิตเลยนะ แต่แง่ไม่ดีก็คือก็อย่างว่า จารย์ก็เหมือนสนับสนุนให้เกิดการขโมยงานทางอ้อมนั่นเอง เพราะโขมยไปแล้วจับไม่ได้ก็ไม่ผิด คนมันจะขโมยก็ขโมยต่อไป
เราเจอข้าว เรามองข้าว และเราไม่สงสารข้าว เพราะสำหรับเรา ในตอนนี้ ข้าวได้เพียงความน่าสมเพชจากเรา มันเกินกว่าความน่าสงสาร ถ้าเรารู้จักพี่ทิว เราจะเป็นคนหนึ่งที่เชียร์พี่ทิวกับคนอื่น คนอื่นที่ไม่ใช่ข้าว
พี่ทิวไม่ใช่ความเพอร์เฟ็กต์ แต่พี่ทิวก็ไม่ควรจะถูกทุกคนมองว่าไม่ดี และปิดกั้นชีวิตรักของเขา ไม่ให้ไปเจอใครแล้วนอกเหนือจากข้าว มันมีคำแรงๆ คำหนึ่ง "ถ้าง่ายเอง เสียเอง อย่าคิดว่าจะมีใครรับผิดชอบคุณ รักคุณ" เข้าใจตรงกันนะคะ
ณ จุดจุดนี้ดิฉันพร้อมรับคำตำหนิจากแม่ยกน้องข้าวทุกคน แต่คนแบบนี้ ถ้าคุณสงสารเขา เอาแต่สงสารเขา ชีวิตของเขา จะไม่มีทางได้ยืนขึ้นเลย อย่าเป็นพ่อแม่รังแกฉัน ควรรู้กันว่าเมื่อไรควรสงสาร เมื่อไรควรตำหนิ ให้เขารู้จักการก้าวเดินด้วยตนเอง
ยังไงก็ตาม เดี๊ยนคงฟินคู่นี้ไม่ลง แต่ชีวิตก็งี้แหล่ะค่ะ กับคนบางคู่ก็ส่ายหัว ไม่น่าคู่กันได้เล้ยย แต่มันจะคู่กันก็คู่กันน่ะนะ เดี๊ยนก็แค่คนนอก ไปเจือกมากเดี๋ยวเสียหมาค่ะ

ล่าสุดค่ะ อ่านจบแล้ว ปิ๊งงง
พี่ทิวเองก็มีความสุขกับข้าวเนอะ ก็คงจะฝ่าฟันก็ต่อไป ยอมรับว่าไม่ฟินเลยอ่านข้ามๆ ตอนพาร์ทที่ข้าวหนีไป แต่ตัวละครมีมิติดีค่ะ คนเขียนเก่งแล้วว แค่ไม่ถูกสเปคตัวละครเฉยๆ ฮ่าๆๆๆ แต่คู่หลักน่าร๊ากกก ส่วนพี่คิสคือเป็นคนที่... สุดขั้วดีจริงจัง คืออาจจะดูนุ่มๆ นิ่มๆ สุภาพ ยิ้มๆ เปย์ น่าร๊ากก ไปจนถึงแอบเพี้ยน แต่ก็อุทานใส่หน้าว่าเ-ี้ยได้บ่อยๆ ก้ากกกก