[เรื่องสั้น] ป ล า ย ฝ น . . . ต้ น รั ก (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ป ล า ย ฝ น . . . ต้ น รั ก (จบ)  (อ่าน 11329 ครั้ง)

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2014 08:41:48 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
 :katai5:ป ล า ย ฝ น  . . .  ต้ น รั ก

(1)

อาจารย์คเณศฟาดไม้เรียวลงบนโต๊ะอย่างแรง ทำให้ผมสะดุ้งกลับเข้ามาสู่โลกความเป็นจริง ผมมองไปรอบๆ แล้วก็เห็นว่าทุกคนในห้องเรียนกำลังจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียวกัน สายตาของคนที่กำลังรอคำตอบ ส่วนแจ็คที่นั่งเยื้องไปข้างหน้าผมสองแถว กำลังส่งยิ้มเยาะให้ผมอยู่

ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับอาจารย์คเณศ “ฮะ... อะไรนะครับ”

คิ้วที่ขมวดเข้าหากันของเขากระตุกเบาๆ ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด “ครูถามว่าสนธิสัญญาที่ทำให้เกิดฝ่ายอักษะขึ้นอย่างเป็นทางการนั้น ก่อให้เกิดผลลัพธ์อะไรตามมาบ้าง”

“อ๋ออ นั่นก็...” ผมก้มลงมองหนังสือบนโต๊ะ และเริ่มเปิดพลิกหน้ากระดาษหาคำตอบ ผมได้ยินเสียงหัวเราะของแจ็คและแก้มดังแว่วมา “ไม่รู้เหมือนกันครับ เกิดฝ่ายอักษะมั้งครับ”

สิ้นเสียงของผม แจ็คก็หลุดหัวเราะพรืดเสียงดัง ทำให้แก้มและคนอื่นๆ เริ่มหัวเราะตาม

“ขำเหี้ยอะไรของมึง!” ผมคำรามเบาๆ แต่ก็ทำให้อาจารย์คเณศผงะไปเล็กน้อย แม้ว่าผมจะไม่ได้พูดใส่เขาก็ตาม

“พอที! เวลาเรียน เธอก็เอาแต่นั่งเหม่อ! นี่คาบเรียนเริ่มไปครึ่งนึงแล้ว เธอยังไม่มีความคิดแม้แต่จะเปิดหนังสือ แถมยังกล้าใช้คำพูดแบบนั้นต่อหน้าผมอีก! ถ้าเธอไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนนักล่ะก็ โชติภณ เชิญเก็บกระเป๋ากลับบ้านไปเลย!” อาจารย์คเณชชี้ไม้เรียวที่ถืออยู่ในมือไปทางประตูห้อง ซึ่งผมก็ยืนขึ้นและเก็บหนังสือใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้ว
 
“หวัดดีครับ อาจารย์” ผมยกมือขึ้นไหว้เขาก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไปอย่างหัวเสีย

ตอนแรกผมก็ตั้งใจว่าจะตรงกลับบ้านเลย เพราะไหนๆ นี่ก็คาบเรียนสุดท้ายแล้ว แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไปนั่งรอเพื่อนๆ ตัวดีทั้งสองคนของผมเพื่อกลับพร้อมกันดีกว่า เผื่อพวกเขาจะมีไอเดียอยากไปเที่ยวฆ่าเวลาที่ไหนเล่นสักพัก เพราะต่อให้กลับบ้านไปตอนนี้ ผมก็กลับไปอยู่คนเดียวและไม่มีอะไรทำอยู่ดี

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั่งเล่นเกมฆ่าเวลา จนกระทั่งได้ยินเสียงออด นักเรียนจำนวนมากมายเริ่มเดินออกมาจากอาคารเรียนต่างๆ ผมนั่งก้มหน้าเล่นมือถือของตัวเองอยู่อีกครู่หนึ่ง ก็มีคนกระโจนมาทางด้านหลังแล้วตะปบมือลงบนบ่าทั้งสองข้างของผมอย่างแรง

“แฮ่!!!”

“เฮ้ย! ทำไรวะแก้ม! ตายเลยเนี่ย!” ผมหันไปโวยใส่แก้มและแจ็คที่ยืนหัวเราะเบาๆ อยู่ข้างหลัง

“เล่นเกมตายแค่นี้ทำบ่นเป็นเด็กไปได้ โถๆๆ” แก้มหยิกแก้มผมเบาๆ

ผมปัดมือทั้งสองข้างของเธอออก “พอเลย เล่นอะไรเนี่ย ไม่ตลกนะเว้ย”

แก้มอมยิ้มและกลอกตา จากนั้นก็หันไปกระซิบบางอย่างกับแจ็ค แจ็คพยักหน้าตามเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม

“อะไร อะไรของพวกมึงเนี่ย” ผมโวย

“เปล๊า ไม่มีอะไรสักหน่อย แหมๆ ทำเป็นอารมณ์ไม่ดีนะคะ คุณชาย” แก้มเหวี่ยงกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงข้างๆ ผม จากนั้นเธอก็หยิบสมุดโน้ตออกมา “เอ้า เอาไป ฉันจดที่เรียนในคาบเมื่อกี้มาให้แกแล้ว”

“ขอบใจ” ผมรับสมุดมาเก็บใส่กระเป๋า

“ยินดีค่าาา ไหนๆ ขอรางวัลหน่อย” แก้มหันแก้มให้ผม ทำเหมือนจะให้ผมหอมแก้ม

“แกจะบ้าเหรออออออ” ผมดันหัวแก้มออกไป พลางเขยิบหนีไปทางแจ็คที่เพิ่งจะนั่งลงบนม้านั่งตัวข้างๆ

แก้มเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ผมกับแจ็คสนิทด้วยมากที่สุด เพราะนิสัยเป็นกันเอง เข้าถึงง่าย กวนตีน ขี้เล่น ทะเล้น ออกจะห่ามๆ ไม่ถือตัว แล้วก็จริงใจโคตรๆ ของเธอนี่แหละ ที่ทำให้พวกเราเข้ากันได้ดีและก็รวดเร็ว แม้ว่าเราเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่ถึงปีก็ตาม  ที่จริงแล้วแก้มเป็นคนสวยคนหนึ่งนะ มีคนมาชอบเธอมากมาย แต่เธอไม่สนใจใครสักคน และแม้ว่าแก้มจะเข้ากับคนอื่นๆ ได้ดี ไม่ว่าจะกับเพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่เธอกลับชอบที่จะไปไหนมาไหนกับผมและแจ็คมากกว่า เหตุผลที่แก้มเคยบอกพวกเราก็คือ เราสองคนไม่วุ่นวายและเรื่องไม่เยอะดี

ส่วนแจ็คน่ะเหรอ ผมรู้จักกับเขามาตั้งแต่เด็กแล้ว เราสองคนโตมาด้วยกันจนแทบไม่ต่างอะไรกับพี่น้องแท้ๆ บ้านของเขาอยู่ห่างจากบ้านของผมไปแค่ป้ายรถเมล์เดียว ผมเจอเขาครั้งแรกสมัยตอนเรียนอยู่ ป.3 ได้มั้ง เราขึ้นรถโรงเรียนคันเดียวกัน และเมื่อรู้ว่าบ้านของพวกเราอยู่ใกล้กัน เราก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันอย่างรวดเร็ว

“เลิกเรียนแล้วจะไปไหนกันรึเปล่าเนี่ย ไปเดินเล่นไหนกันมั้ย” ผมถาม

“เดินเล่นห่าอะไร ไอ้ปอนด์ มึงเงยหน้ามองดูเมฆดิ๊ ฝนทำท่าจะตกแล้ว กูว่าเรากลับบ้านเหอะ อีกอย่าง วันนี้แก้มกลับบ้านดึกไม่ได้ด้วย” แจ็คพูด

“อ้าวเหรอ เออๆ ก็ได้วะ งั้นกลับกันเหอะ”

เราสามคนเดินออกไปยืนรอรถเมล์อยู่หน้าโรงเรียนพร้อมกับเด็กนักเรียนอีกจำนวนมหาศาล เมื่อรถเมล์สายที่พวกเรามาถึง เราสามคนก็ขึ้นและเดินตรงไปท้ายสุดของรถ ซึ่งมีที่ว่างเหลืออยู่สองที่ แจ็คจึงบอกให้ผมกับแก้มนั่ง

“กูเสียสละให้สตรีและคนชรา”

“ค...ย” ผมเงยหน้าขึ้นไปพูดกับมัน

“นี่ๆ แก วันนี้มีรุ่นพี่มาขอไลน์ฉันด้วยว่ะ แกว่าฉันทำไงดี” แก้มถามพลางกระแซะแขนผม

“เดี๋ยวนะ แกจะมาถามทำไมวะ คือแกให้ไลน์พี่เค้าไปรึยัง ถึงมาถามว่าจะทำยังไงดี แต่เราว่าอย่างแกเนี่ย คงต้องให้เค้าไปแล้วแน่ๆ”

“พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไงคะ คุณปอนด์” แก้มจิกตาใส่ผม

“ก็หมายความว่าแกน่ะมัน กะ...” ผมเว้นช่วง

“หรี่” แจ็คช่วยต่อประโยคให้ผมจนจบ

“ถูกเผงงง” ผมตีมือกับแจ็ค

“อีเลว!” แก้มตีแขนผม “ฉันแค่ให้ไปเพราะตอนนั้นฉันอยู่กับพวกเพื่อนผู้หญิงแล้วโดนพวกมันยุต่างหาก ฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอก แต่เห็นพวกมันเชียร์กันใหญ่อะ มารู้ทีหลังว่าพี่เค้าดัง เป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียนด้วย ชื่อพี่จ็อบอะ พวกแกรู้จักมั้ย”

“พี่จ็อบ ม. 6 ห้อง 3 นักกีฬาบาสโรงเรียน เรียนเก่ง หน้าตาดี แถมยังเป็นประธานสีเขียวอีกอะนะ ทำไมจะไม่รู้จักวะ ใครมันจะไม่รู้จักพี่เค้าบ้าง” แจ็คพูด

“ฉันนี่แหละ หนึ่งคน”

“หัดสนใจโลกบ้างอะไรบ้าง แก้มมม แกย้ายมาเรียนที่นี่ได้ปีกว่าแล้วนะ”

ใช่แล้ว แก้มเพิ่งย้ายมาเรียนที่เดียวและห้องเดียวกับพวกเราเมื่อปีที่แล้ว ส่วนตอนนี้พวกเราอยู่ ม. 5 ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยกันไปทุกทีๆ แต่จากที่เราเคยคุยกัน พวกเราได้ข้อสรุปกันว่า เราสามคนจะไปเรียนคณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกันนี่แหละ เพื่อจะได้ไม่ต้องแยกจากกัน และคงจะต้องอยู่ด้วยกันสามคนแบบนี้ไปอีกนาน

“แกจะมาบอกให้ฉันสนใจโลก สนใจคนอื่นแบบนั้นได้ไง ทีแกเองยังไม่สนใจฉันเลย” แก้มทำเสียงงอน

ผมไม่แน่ใจนักว่าที่แก้มพูดแบบนั้น เธอหมายความว่าเธออยากจะคบกับผม หรือเธอจริงจังกับผมหรือเปล่า ผมกับแจ็คเคยคุยเรื่องนี้กันอยู่เหมือนกัน ซึ่งแจ็คคิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น แต่ผมยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะแก้มเองก็พูดทีเล่นทีจริงแบบนี้อยู่เสมอ และไม่ใช่แค่กับผม แต่ยังกับแจ็ค และคนอื่นด้วย อาจจะต่างกันแค่แก้มสนิทกับผมมากกว่าผู้ชายคนอื่นๆ จึงชอบหยอกผมแบบนั้นบ่อยกว่าที่ทำกับคนอื่น แต่อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกรักแก้มแค่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น ผมไม่เคยคิดอยากจะทำให้เรื่องระหว่างเรามันซับซ้อนไปมากกว่านั้นเลย

“โอ๋ๆๆ มานี่มา น่าสงสารที่สุด” ผมยกแขนขึ้นลูบหัวแก้ม แล้วจากนั้นก็เอนหัวของเธอมาจุ๊บเบาๆ

“ไม่เอา ไม่จุ๊บหัวอย่างเดียวสิ หอมแก้มด้วย” แก้มยื่นหน้ามาให้ผม

“นี่ไง กะหรี่จริงๆ ด้วย” ผมหัวเราะ “ได้คืบจะเอาศอก เดี๋ยวปั๊ดกัดหูแหว่งเลย”

“อีชั่ว!” แก้มทุบลงบนหน้าขาของผมอย่างแรง “สรุปเรื่องพี่จ็อบอะไรนั่นน่ะ ฉันยังไงดีวะแก ซีเรียสนะเนี่ย”

“ก็ลองคุยๆ ไปสิ รู้จักกันไว้ไม่เห็นจะเสียหาย” ผมยักไหล่

“ถ้าเค้ารุกแกมากๆ แล้วแกอึดอัด แกก็ค่อยบอกเค้าไปตรงๆ ว่าแกไม่ได้คิดอะไรกับเค้า ก็แค่นั้นเอง” แจ็คพูดเสริม

“เอางั้นเหรอวะ เออๆ ก็ได้” แก้มเบ้ปากเล็กน้อย “ว่าแต่พวกหล่อนยุให้ฉันไปคุยกับเค้าทั้งคู่เลยนะค้า แต่ทีเมื่อกี้เสือกด่าฉันว่ากะหรี่ อีดอกไม้สด”

เสียงฟ้าร้องดังเปรี้ยง ขัดบทสนทนาของพวกเรา แม้แต่คนอื่นๆ ที่อยู่บนรถก็ยังต้องสะดุ้งเพราะเสียงนั้นด้วยเหมือนกัน

“สงสัยฝนตกหนักแน่เลยว่ะแก โชคดีนะ ใกล้ถึงบ้านฉันแล้ว” แก้มลุกขึ้นยืน “งั้นฉันไปแล้วนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”

“เออๆ เจอกันๆ” ผมกับแจ็คโบกมือลาแก้ม และเมื่อรถจอดสนิท เธอก็เดินลงจากรถเมล์ไป แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะหันไปโบกมือและยิ้มกว้างให้พวกเราอีกรอบ

“เฮ้ย” แจ็คกระทุ้งศอกใส่ผมเบาๆ “พรุ่งนี้วันเสาร์ไม่ใช่เหรอวะ มีเรียนด้วยเหรอ”

“ไม่มี ทำไมอะ”

“แล้วทำไมแก้มมันถึงบอกว่าเจอกันพรุ่งนี้วะ”

“อ้าว ก็พรุ่งนี้นัดกันว่าจะไปเป็นเพื่อนเลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้พ่อมันไง มึงลืมเรอะ”

“เออว่ะ จริงด้วย กูลืม”

“กากว่ะ มึงอะ ดีนะที่มึงถาม เพราะถ้าเกิดพรุ่งนี้มึงไม่ไปตามนัดล่ะก็ มึงโดนมันควักลูกตาออกมาแน่” ผมหัวเราะเบาๆ พลางหันไปมองนอกหน้าต่าง เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงหยดน้ำฝนที่ตกลงกระทบหน้าต่างรถ โชคดีที่เราขึ้นรถแอร์ เราจึงไม่โดนฝนสาด แต่โชคร้ายที่ผมดันไม่ได้พกร่มมาด้วยเนี่ยสิ “แม่งเอ๊ยยย ตกจนได้ นี่มันฤดูอะไรของแม่งกันแน่วะ สองสามวันนี่ก็อากาศเริ่มเย็นลง เมื่อเช้าก็เย็นดี กลางวันแดดออก พอตกเย็นหน่อย ฝนเสือกตกซะงั้น เซ็งว่ะ”

“กูนึกว่ามึงไม่ได้คิดกับแก้มแบบนั้นซะอีก” จู่ๆ แจ็คก็พูดขึ้น

“หือ อะไร ก็ไม่ได้คิดไง ทำไมจู่ๆ พูดแบบนั้นวะ”

“ก็มึงจุ๊บมันเมื่อกี้อะ”

“โอ๊ยยย ไอ้เหี้ย! กุแหย่มันเล่น ไม่มีอะไรหรอกน่า!” ผมหัวเราะ

“แล้วมึงทำแบบนั้นกับมันบ่อยปะวะ เคยทำอะไรอย่างอื่นมากกว่านั้นมั้ย”

“เฮ้ย! ไม่เคย! เมื่อกี้หนแรก แต่ก็จุ๊บแค่ผิวๆ เอง ทำไมวะ มีอะไรรึเปล่า”

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก แค่นึกว่ามึงเปลี่ยนใจไปชอบมัน เลยถามดูเฉยๆ ว่ะ” แจ็คตอบก่อนจะหันไปอีกทาง

“เฮ้ย เปลี่ยนใจเหี้ยไร เพื่อนกัน” ผมนึกสงสัยว่ามันเป็นอะไร แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ บางทีมันอาจจะกังวลว่าสิ่งที่ผมทำไปนั้น จะทำให้แก้มเข้าใจผิด คิดว่าผมมีเริ่มใจให้ หรืออะไรก็ได้ล่ะมั้ง “เฮ้ย จะถึงบ้านกูละ งั้นเดี๋ยวกูไปละนะ เจอกันพรุ่งนี้นะเว้ย สิบโมงครึ่งที่บ้านแก้มนะ”

“เออ โอเค” มันขยับให้ผมเดินออก

เมื่อประตูรถเมล์เปิดออก ผมก็รีบพุ่งตัววิ่งฝ่าสายฝนอันเย็นเฉียบเข้าซอยบ้านทันที โชคดีที่บ้านผมอยู่ไม่ลึก และไม่ไกลจากป้ายรถเมล์มากนัก แต่กว่าจะถึง และกว่าจะไขประตูเข้าบ้านได้ ผมก็เปียกโชกไปทั้งตัว

ผมถอดถุงเท้าและเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่กางเกงในตัวเดียว จากนั้นก็เดินขึ้นห้องไปเช็ดตัวและหยิบกางเกงขาสั้นมาใส่ ปกติเวลาที่ผมอยู่บ้านคนเดียว ผมก็มักจะเดินแก้ผ้าอยู่ในบ้านประจำอยู่แล้ว และวันนี้ก็เช่นกัน ผมใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว และเดินมานั่งลงบนโซฟา ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็เห็นข้อความในไลน์จากแม่บอกว่าจะกลับถึงบ้านดึกเพราะไปกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ ที่ทำงาน ผมจึงเดินไปต้มมาม่า แล้วจากนั้นก็ยกมานั่งกินที่หน้าทีวี

หลังจากกินเสร็จและเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ แต่ไม่เจอรายการอะไรน่าดู ผมก็โยนรีโมทลงบนเตียงและนอนกดมือถือเล่น สักพักก็เริ่มรู้สึกว่าหนังตามันหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเมื่อคืน ผมก็ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เนื่องจากมัวแต่เล่นเกมอยู่ที่บ้านของแจ็คยันเช้า

ผมบอกไปแล้วหรือยัง ว่าบ้านของเราอยู่ใกล้กัน และเราก็สนิทกันมาก ใช่ ผมบอกไปแล้วนี่นะ ผมเข้าออกบ้านของเขาบ่อยๆ จนแม่ของเราสองคนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปด้วย เราต่างก็เป็นลูกคนเดียว แล้วก็ถูกเลี้ยงมาด้วยแม่แค่ลำพังกันทั้งคู่ สำหรับผมนั้น ผมไม่เคยมีพ่อ และไม่เคยรู้ว่าพ่อเป็นใคร หน้าตาอย่างไร แม่เองก็ไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่นัก ตอนเด็กๆ แม่บอกผมว่า พ่อไปทำงานต่างประเทศ และสักวันก็จะมารับผมกับแม่ไปอยู่ด้วย ผมจำไม่ได้แล้วว่าแม่เคยบอกว่าประเทศอะไร น่าจะฝรั่งเศสหรือเยอรมันนี่แหละ แต่พอโตขึ้น ผมก็เริ่มจะรู้แล้วว่า ที่จริงผมน่าจะเป็นผลิตผลของความไม่ตั้งใจที่เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วข้ามคืนเสียมากกว่า

ส่วนพ่อของแจ็คนั้นเสียไปเมื่อเขาอายุ 10 ขวบ ผมยังจำตอนนั้นได้ดี ยังจำได้ว่าเขาและแม่เสียใจขนาดไหน ผมจำอะไรเกี่ยวกับพ่อของเขาไม่ได้มากนัก แต่ผมเคยเห็นรูปของเขาที่บ้าน แจ็คหน้าคล้ายพ่อนะ แต่เขามีดวงตาเหมือนแม่ และมันก็ไม่ใช่ดวงตาสีดำธรรมดาๆ ด้วยนะ แต่เป็นสีน้ำตาลเข้มที่สวยและเป็นประกายมากๆ

ผมนึกถึงแววตาและสิ่งที่เขาพูดบนรถเมล์ขึ้นมา และตอนนั้นเองที่ผมนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ บางทีเขาอาจจะไม่ได้ห่วงว่าแก้มจะเข้าใจผมผิด แต่บางที... เขาอาจจะหึงแก้มอย่างนั้นเหรอ ผมแน่ใจว่าผมเคยพูดกับเขาว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับแก้ม แต่เขาไม่เคยบอกผมสักครั้งว่าเขาไม่ได้ชอบแก้มนี่นะ

ไม่สิ ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ... เขาหึงผม

พอมานึกดูดีๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้ผมจะไม่เคยมีแฟน แต่ผมก็เคยมีคุยกับผู้หญิง มีจีบคนนั้นคนนี้บ้าง และดูเหมือนว่าแจ็คเองก็จะมีอาการคล้ายๆ กันอย่างนี้มาตลอด ในขณะเดียวกัน เขากลับไม่เคยสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ และจะว่าไปก็น่าแปลกที่ไม่ค่อยมีสาวๆ มาชอบเขามากเท่าที่มาชอบผมด้วย ทั้งที่จริงแล้ว เขาก็หน้าตาดีนะ ผมว่าเขาหน้าตาดีกว่าผมอีกด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะผิวพรรณ โครงหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต ริมฝีปากเรียวบาง จมูกโด่งเป็นสัน แถมยังมีลักยิ้มอีกต่างหาก ส่วนผมน่ะเหรอ ผมก็แค่เด็กอายุ 17 หน้าตาดีธรรมดาคนนึง คือผมยอมรับว่าผมหน้าตาค่อนข้างดี แต่มันก็ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร ผิวก็ออกดำแดง ไม่ได้ขาวแบบแจ็ค ไม่ได้สูงถึง 180 แบบเขา และก็ไม่ได้มีรอยยิ้มสดใสแบบเขาด้วย แต่ผมแค่เป็นคนคุยเก่งเท่านั้นเอง

ที่จริงเมื่อสมัยก่อน ผมจำได้ว่าแจ็คเคยเป็นคนร่าเริงนะ แต่พอพ่อของเขาเสียไป เขาก็กลายเป็นเด็กขี้อายไปโดยปริยาย เขาเงียบลง พูดน้อยลง มักจะมีอาการซึมเศร้าและร้องไห้ตอนนอนบ้างบางครั้ง เขาเป็นแบบนั้นอยู่จนกระทั่งถึงอายุ 13 ได้ ทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ ก็เพราะช่วงนั้นผมไปนอนบ้านเขาบ่อยๆ น่ะสิ เราสองคนนอนแยกเตียงกันก็จริง แต่เวลาที่ผมได้ยินเสียงเขาสะอื้นเบาๆ ในความมืด ผมจะเรียกให้เขามานอนกับผม แล้วผมก็จะกอดเขาไว้ เพื่อให้เขารู้ว่าผมไม่ทิ้งเขาไปไหน เขายังมีผมอยู่เป็นเพื่อน ผมมักจะกอดเขาไว้จนกระทั่งเขาหยุดร้องไห้และหลับลงไป

พอหลังจากขึ้น ม. 1 แจ็คก็กลับมาร่าเริงขึ้น และไม่ร้องไห้อีกต่อไป ถึงแม้เราจะยังคงนอนด้วยกันบ่อยๆ แต่เราก็ไม่ได้กอดกันแบบเมื่อตอนนั้นอีกแล้ว

ผมที่กำลังนอนคิดถึงอดีตอยู่บนโซฟาขยับตัว และตอนนั้นเองที่ผมถึงรู้สึกตัวว่าไอ้น้องชายของผมมันเริ่มแข็งตัวขึ้นเรื่อยๆ คงเพราะดันไปนึกถึงตอนที่เคยกอด เคยปลอบโยนแจ็คเมื่อตอนเด็กขึ้นมาแท้ๆ เชียว

ผมปิดทีวีและเดินขึ้นห้องนอน จากนั้นก็จัดการสำเร็จโทษตัวเองไปหนึ่งที แต่หลังจากที่สบายตัวแล้ว สมองมันก็วกกลับมาคิดถึงจินตนาการเมื่อครู่นี้อีกที ความสับสนเริ่มก่อตัวในใจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายผมก็ผลักมันออกไปจากหัวได้ แล้วผล็อยหลับลง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-07-2016 18:44:36 โดย ExecutioneR »

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
เกิดอารมณ์เพราะคิดถึงตอนที่เคยกอดแจ็คตอนเด็กๆ  :jul1:
แสดงว่าน้องปอนด์ชอบแจ็คชิมิ :m26:

พู่กันและหยดหมึก

  • บุคคลทั่วไป
ชอบการบรรยายแบบนี้ค่ะ อ่านลื่นดี
เราไม่เคยอ่านผลงานเขียนอื่นของนักเขียนเลยอ่ะ
เพิ่งมาสิงบอร์ดเมื่อไม่นาน แต่ชอบสไตล์การเขียนแบบนี้ ไว้จะไปตามอ่านเรื่องเก่าๆดู

รอติดตามจ้า ชอบแจ็ค รอดูต่อไปว่าจะเป็นยังไง
ขอบคุณคนเขียนด้วยจ้า  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2014 23:29:21 โดย Aokuro137 »

ออฟไลน์ WASAWATTE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
มาเป็นกำลังใจให้คุณต้น..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-10-2014 20:35:00 โดย HamcheezE »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เพื่อนรัก รักเพื่อนสินะ

ออฟไลน์ j_world

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-4
เย้ๆ หลังรอมายาวนานนนนน ดีใจได้อ่านเรื่องใหม่คุณต้นแย้วววว :mc4:

ออฟไลน์ netkung

  • เป็ดกูรู
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ดันๆๆๆๆ คิดถึงพี่ต้นเสมอ

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
รักสามเศร้า ชะนีแพ้คนเดียว ชัวร์

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ใครจะเป็นผู้ท้าชิงมั่งหว่า สงสัยจะหลายตลบแน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
(2)

ผมต้องสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงเคาะประตูห้องนอน ตอนแรกผมคิดว่าคงแค่ฝันไป จึงหลับตาลงอีกครั้ง แต่เมื่อมันดังขึ้นอีก ผมก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับคำรามลอดไรฟันเบาๆ

“ปอนด์ ตื่นได้แล้ว แจ็คมาหาน่ะ” แม่เคาะประตูเป็นครั้งที่สามพร้อมกับเรียกผม

“ตื่นแล้วๆ รู้แล้วน่า” ผมขยี้ตาและลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเสียงฝีเท้าของแม่ที่ค่อยๆ เดินจากไป ผมสะดุดและเกือบจะล้มหน้าคะมำในตอนที่กำลังพยายามใส่บ็อกเซอร์ที่เพิ่งหยิบขึ้นจากพื้น

“จะเปิดประตูได้ยัง รึจะให้กูรอจนถึงปีหน้าก่อนค่อยเปิด” คราวนี้เป็นเสียงของแจ็คที่ดังขึ้นจากหน้าห้อง

“ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ...” ผมบ่นพึมพำเบาๆ คนเดียว พลางเดินไปหมุนลูกบิดประตู จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไปที่เตียง

แจ็คผลักประตูออกและเดินเข้ามาในห้อง “เฮ้ยๆ ไม่ต้องเดินกลับไปนอนเลย ลุกได้แล้ว กี่โมงแล้วเนี่ย รู้รึเปล่า”

“กี่โมง”

“สิบโมง”

“ชิบ...!!” ผมที่กำลังจะล้มตัวลงนอน เด้งตัวขึ้นอีกครั้งทันที “กูนึกว่าอย่างมากก็แค่แปดโมงครึ่ง เออๆ ไม่นอนแล้วก็ได้วะ กูไปอาบน้ำแป๊บนึง”

“เออ รีบเลยมึง ถ้าไปสาย มึงโดนแก้มมันลากไส้ออกมาเคี้ยวเล่นแน่” แจ็คหัวเราะเบาๆ

ผมเดินเกาหัวแกรกๆ ผ่านแจ็คตรงไปยังห้องน้ำ ห้องน้ำบนชั้นสองสามารถเข้าออกได้สองทาง ทางหนึ่งคือจากห้องโถง และอีกทางคือจากในห้องของผม แต่เนื่องจากแม่มักใช้ห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนใหญ่ของตัวเอง และแขกที่มาบ้านก็ใช้แค่ห้องน้ำที่อยู่ชั้นล่าง ดังนั้นผมจึงใช้ห้องน้ำห้องนี้แค่คนเดียว

หลังจากแปรงฟันและอาบน้ำเสร็จ โดยใช้เวลาไม่ถึงห้านาที ผมก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันอยู่รอบเอว

“เฮ้ย ไวไปป่ววะ!” แจ็คเลิกคิ้วขึ้นพลางหัวเราะเบาๆ

ผมใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กอีกผืนเช็ดหน้าและหัว พลางมองไปยังแจ็คที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง เตียงตัวที่ผมคิดถึงเขาขณะกำลังช่วยตัวเองเมื่อคืน ผมอดจะคิดขึ้นมาอีกไม่ได้ว่าเขาเป็นคนที่ดูดีจริงๆ อย่างเช่นแม้ชุดที่เขาใส่วันนี้จะเรียบง่าย แต่มันก็ดูเหมาะกับเขามาก เขาใส่เสื้อยืดสีดำพอดีตัว คลุมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตแบบมีฮู้ดยี่ห้อ Superdry และกางเกงยีนส์ขากระบอกเล็กสีเทาแก่ที่ผมเคยไปซื้อกับเขา ซึ่งมันช่างพอดีตัวจนรัดให้เห็นเป้ากางเกงที่นูนออกมาเป็นทรงอย่างชัดเจน

“มองอะไรวะ มีไรป่าว” เขาถามขึ้น ทำให้ผมรู้สึกตัวว่าคงกำลังมองเขานานเกินไป

“มึงใส่เสื้อแจ็คเก็ตด้วยเรอะ”

“อ๋อ เออ ข้างนอกอากาศเย็นๆ นะ มึงเอาเสื้อคลุมไปตัวนึงด้วยก็ดี”

“เออๆ โอเค” ผมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วเลือกชุดที่จะใส่วันนี้ ใจก็อดคิดถึงความรู้สึกที่ผมมีต่อเขา และมีต่อผู้ชายคนอื่นๆ ไม่ได้

ยิ่งคิด ผมก็ยิ่งกลัวว่าตัวเองจะชอบผู้ชาย กลัวว่าตัวเองจะชอบเขา ผมยอมรับว่าผมก็เคยมองผู้ชายคนอื่นอยู่เหมือนกัน แต่ผมไม่เคยจินตนาการถึงใครในเชิงนั้น ผมก็แค่มองแล้วคิดว่าคนนั้นหน้าตาดีนะ เท่ดี ดูดีว่ะ อยากเป็นแบบเขาบ้าง ก็แค่นั้น ผมเลยไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะเป็นเกย์ ผมบอกตัวเองว่าความคิดเหล่านั้นคือเรื่องปกติ และผมก็ยังคุยกับผู้หญิง ยังจีบผู้หญิงได้ แม้ว่าจะไม่เคยรู้สึกชอบหรือสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษจนถึงขั้นที่เรียกว่าแฟนได้อย่างเต็มปากเลยสักคนก็ตาม

ในขณะเดียวกัน สำหรับแจ็คนั้น เราไม่ได้เป็นแฟนกัน ผมไม่เคยคิดถึงเขามากกว่าคำว่าเพื่อน แต่ผมก็ยอมรับว่าหากวันใดวันหนึ่ง ชีวิตของผมขาดเขาไป ผมก็คงจะแย่ ผมรักเขามากจริงๆ ผมไม่เคยนิยามคำว่ารักที่ผมมีให้แก่เขา แต่เข้าใจมาเองตลอดว่ามันคือความรักแบบเพื่อน จนกระทั่งจินตนาการของผมเมื่อคืนที่ผมได้กอดเขา ปลอบโยนเขา ลูบไล้ร่างกายของเขาอีกครั้ง ทำให้ผมเริ่มใจสั่นและกลัวใจตัวเองขึ้นมาจนได้

เมื่อพร้อมแล้ว เราสองคนก็นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปถึงที่ปากซอยบ้านของแก้ม ซึ่งใช้เวลาจากบ้านของผมเพียงห้านาทีเท่านั้น แต่สุดท้ายเราก็ยังไปสายกว่าเวลาที่นัดไว้อยู่ดี

“สายนะคะ” แก้มที่ยืนรอเราอยู่พูดขึ้นพร้อมกับเคาะนิ้วลงบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ “ยืนรอตั้งนานแล้วเนี่ย ลมก็เย็นอีกต่างหาก ดีนะที่หยิบเสื้อคลุมออกมาด้วย ความผิดใครเนี่ย สารภาพมาซะ”

“ความผิดแกนั่นแหละ ทำไมไม่ไปรอในบ้านเล่า” แจ็คเดินเข้าไปกอดคอแก้ม

“ก็ไม่มีกุญแจน่ะสิ เพราะวันนี้ทั้งพ่อทั้งแม่เอากุญแจไปคนละดอกหมดเลย ฉันก็นึกว่าพวกแกจะมาตรงเวลา ก็เลยติดรถพ่อออกมายืนรอตรงนี้ แล้วผลเป็นไง รอแหง็กอยู่ตั้ง 15 นาที”

“โอ๊ยยย สายแค่ 15 นาทีเอง อย่าขี้บ่นได้ปะว้าาา” ผมส่ายหน้า

“พูดแบบนี้แปลว่าคนที่ตื่นสายต้องเป็นแกแน่ๆ ใช่มั้ย ไอ้ปอนด์” แก้มหันมาถลึงตาใส่ผม

“เออๆ ขอโทษๆ จะไปได้ยังอะ” ผมพูด แต่น้ำเสียงคงดูหงุดหงิดกว่าที่ผมรู้สึกจริงไปเล็กน้อย

“มันอารมณ์เสียอะไรอยู่วะแก” แก้มหันไปถามแจ็ค

“มันแค่โดนปลุกแล้วก็เลยหงุดหงิดนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก เช้าๆ ไอ้ปอนด์ก็เป็นงี้ตลอดแหละ”

“เราแค่เหนื่อยๆ น่ะ ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ขอโทษที” ผมหันไปยิ้มแห้งๆ ให้แก้ม

“โอเคๆ ไม่โกรธก็ได้ แต่แกต้องเลี้ยงไอ้ติมเรานะ!” แก้มยิ้มกว้างพลางเดินเข้ามาควงแขนผมด้วยอีกคน

“โอเค ได้เลย”

พูดกันตามตรงนะ ผมไม่สามารถหยุดคิดเรื่องที่ผมเพิ่งรู้สึกตัวเมื่อคืนได้เลย ผมบอกตัวเองว่าบางทีมันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่วครู่ชั่วคราว เพราะผมยังไม่เคยคบกับผู้หญิงคนไหนที่ใช่สำหรับผมจริงๆ สักทีก็เป็นได้ล่ะมั้ง อีกสักพักผมก็คงจะหยุดคิดไปได้เองนั่นแหละ

พอไปถึงที่ห้าง อย่างแรกที่พวกเราทำคือหาข้าวกินกันก่อน แล้วจึงต่อด้วยไอศกรีมตามที่ผมรับปากไว้ จากนั้นจึงได้เริ่มเดินหาซื้อของขวัญวันเกิดให้พ่อของแก้มด้วยกัน หลังจากเดินวนไปวนมาในห้างอยู่ร่วมสามชั่วโมง เราก็ได้ของที่แก้มถูกใจมาชิ้นหนึ่ง แต่กว่าจะได้มันมานั้น แก้มก็หมดเงินไปสำหรับของตัวเองไม่น้อยเหมือนกัน แถมผมกับแจ็คยังเหนื่อยจนแทบหมดแรงแล้วอีกด้วย

“อะไรวะ แกสองคนนี่ไม่ได้เรื่องเลย เดินชอปปิ้งนิดเดียวก็ทำเป็นเหนื่อยแล้ว” แก้มลากแขนเราสองคนให้ออกเดินต่อ

“ไม่ใช่แค่เหนื่อย แต่หิวด้วย” ผมโอดครวญ

“เราหิวน้ำอ่าา” แจ็คก็ด้วยอีกคน

“โอเคๆๆ งั้นเดี๋ยวฉันเลี้ยงกาแฟพวกแกคนละแก้ว ไปหาที่นั่งกัน อยากนั่งไหนล่ะ”

“สตาร์บัคส์” ผมกับแจ็คตอบพร้อมกันทันที

หลังได้นั่งพักกันครู่หนึ่ง แก้มก็บอกกับพวกเราว่าอีกสักพักแม่ของเธอจะมารับไปธุระ และไปกินข้าวต่อกับพ่อในตอนเย็น แก้มถามว่าเราสองคนจะไปไหนและทำอะไรกันต่อ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แจ็คตอบไปว่าเราอาจจะไปดูหนังฆ่าเวลาแล้วค่อยกลับบ้านด้วยกัน ผมก็เลยโอเค ว่าไงก็ว่ากัน

พอแยกกับแก้มแล้ว ผมกับแจ็คก็ขึ้นไปดูรอบหนัง เราตกลงจะดูหนังโรแมนติกคอเมดี้เรื่องหนึ่ง เพราะมันใกล้จะถึงเวลาฉายพอดี และที่นั่งก็ยังไม่เต็มด้วย เวลากว่าสองชั่วโมงในโรงหนังนั้น ผมคอยลอบมองหน้าของแจ็คเป็นระยะๆ ผมไม่รู้เลยว่าที่ผ่านมาเขาจะเคยสับสน เคยคิดแบบที่ผมกำลังคิดอยู่ตอนนี้บ้างหรือเปล่า

เฮ้อออ... ผมนี่มันความรู้สึกช้าจริงๆ ว่ะ

“เป็นอะไรวะมึง หนังไม่สนุกเหรอ” แจ็คถามหลังจากที่เราเดินออกมาจากโรงหนังแล้ว

“ก็สนุกดี ฮาดี”

“แต่ทำไมมึงดู...”

“ดูอะไรวะ”

“เปล่า ไม่มีไร ว่าแต่จะไปไหนกันต่อ จะกลับกันเลยมั้ย”

ผมคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไปสวนสาธาณะข้างหลังนี่กันเหอะ ยังไม่อยากกลับบ้านว่ะ ไปปั่นจักรยานเล่นกัน”

ไม่ไกลจากห้ามสรรพสินค้าที่พวกเรามาวันนี้ คือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่ที่นักเรียนโรงเรียนเราไปกันประจำ เพราะมันอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน  ไม่ว่าจะเดินไปจากห้างฯ แห่งนี้ หรือจากโรงเรียน ก็ใช้เวลาประมาณ 15 นาที พอๆ กัน

อ้อ ผมได้บอกไปหรือยังว่านอกจากบ้านของพวกเราสามคนอยู่ใกล้กันแล้ว เรายังอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน และโรงเรียนของเราก็อยู่แทบจะติดกับห้างดังแห่งนี้อีกด้วย

“เฮ้ย ไอ้แจ็ค เมื่อกี้แก้มมันบอกว่าจะมาเรียนวันจันทร์รึเปล่าวะ” ผมถามในขณะที่เราสองคนกำลังเดินไปยังสวนสาธารณะด้วยกัน

“มันบอกว่ายังไม่แน่ไง เพราะพ่อมันจะไปบ้านย่าที่ต่างจังหวัดใช่ปะล่ะ ถ้าพ่อมันค้างคืนวันอาทิตย์ด้วย มันก็มาเรียนไม่ได้”

“อ๋อเหรอวะ กูจำไม่ได้ว่ะ”

“เป็นไรวะ ไอ้ปอนด์ วันนี้มึงดูเหม่อๆ ชอบกล”

“กู... ไม่รู้ว่ะ กูคงแค่เหนื่อยๆ อะ คิดไรเรื่อยเปื่อย ไม่มีไรหรอก”

“คิดอะไรวะมึง” แจ็คเดินเข้ามากอดคอผม จากนั้นก็ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมกับใช้นิ้วชี้จิ้มลงบนแก้มของผม “คิดเรื่องของกูอ๊ะป่าววว”

“ถุยเหอะ! ไปไกลๆ เลยไป กวนตีน!” ผมสะบัดเขาออก แต่เขากลับหัวเราะชอบใจ ก่อนจะจี้เอวผม ทำเอาผมสะดุ้ง “เฮ้ย!! ไอ้บักหมานี่!”

เมื่อเห็นผมทำท่าจะพุ่งเข้าไปหา เขาก็ใส่เกียร์หมาวิ่งหนีผมไปอย่างรวดเร็ว ผมจึงเริ่มออกวิ่งไล่เขาอย่างเต็มฝีเท้า อีกไม่กี่นาทีถัดมา เขาก็ชะลอความเร็วลง ผมจึงได้ทีรีบตะครุบตัวเขาจากทางด้านหลังอย่างแรง เขาเซไปหลายก้าว แต่ก็พยุงตัวไว้ไม่ให้ล้มลงจนได้

“พอแล้วๆ ไอ้เหี้ย กูเหนื่อย! แฮ่กก... แฮ่กก...” เขาหอบ

“อะไร แค่นี้หอบแล้วเหรอวะ” ผมยังคงขี่หลังเขาอยู่

“ไอ้เชี่ย! มึงดู! กูใส่รองเท้าแตะวิ่ง!! เหนื่อยด้วยเจ็บด้วย!”

ผมหัวเราะพลางกระโดดลงจากหลังของเขา เราเดินต่อกันอีกไม่กี่นาทีก็ไปถึงสวนสาธารณะที่ว่า ผมควักเงินเลี้ยงน้ำเขาขวดนึง แล้วจากนั้นเราก็เช่าเสื่อมาหนึ่งผืนกับจักรยานคนละคัน เราปั่นจักรยานวนรอบสวนเล่นกันสองรอบ ก่อนจะเจอจุดเหมาะๆ เพื่อปูเสื่อนั่งพักกัน

“เฮ้ออออ” ผมถอนหายใจในขณะที่เอนตัวนอนลงบนเสื่อ

“วันนี้ดีนะ แดดไม่แรงดี” แจ็คที่นอนอยู่ข้างๆ พูด

“ก็ใช่ แต่มันก็เริ่มครึ้มๆ แล้วนะ มึงว่าฝนจะตกรึเปล่าวะ รึมันแค่เริ่มใกล้มืดแล้วเฉยๆ”

“อืมมม... แต่นี่ก็จะหกโมงแล้วอะนะ”

“งั้นอีกสักพักเรากลับกันดีกว่าว่ะ” ผมเสนอ

“โอเค”

ผมหลบตาลงและนอนให้ลมเย็นๆ พัดพาความวุ่นวายใจลอยหายไป ที่จริงมันก็ไม่น่ามีอะไรยุ่งยากนะ ความสัมพันธ์ของผมกับแจ็คไม่เคยมีอะไรเกินคำว่าเพื่อนมาตั้งนาน และเราก็มีความสุขกันมาได้ตั้งหลายปี จู่ๆ ผมจะไปคิดมากและทำให้อะไรๆ มันวุ่นวายไปทำไมวะ

ในเมื่อเราสามารถมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ เช่นการเอกกายนอนรับลมเย็นๆ เคียงข้างกันแบบนี้ได้ แล้วเราจะต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีก

“ยิ้มอะไรของมึงวะ” เสียงของแจ็คปลุกผมจากภวังค์

“เหอ เฮ้ย อะไรวะ ยิ้มอะไร ป๊าวว ไม่ได้ยิ้มสักหน่อย” ผมรีบแก้ตัว ไม่คิดว่าจะตัวเองจะเผลอนอนยิ้มออกไปแบบนั้น

“มึงยิ้มเหอะ กูเห็นอยู่”

ผมชักเริ่มเขิน จึงเปลี่ยนเป้าไปที่เขาแทน “ไม่ได้ยิ้มเว้ย ว่าแต่มึงเหอะ แอบมองกูอยู่เหรอเนี่ย”

ได้ผลแฮะ เพราะแจ็คหน้าแดงและดูเขินอายขึ้นทันที “ก... กูหันมาเห็นพอดีต่างหาก ไปๆ กลับกันเหอะว่ะ กูว่าฝนทำท่าจะตกอีกแล้ว ลมเริ่มแรง เมฆเริ่มต่ำแล้วมึง”

“จริงอะ แม่งงง เสียอารมณ์ชิบหายเลย” ผมบ่น แต่ก็ยอมดันตัวขึ้นนั่งแต่โดยดี

“กลับแหละ ดีแล้ว เดี๋ยวจะโดนยุงหามซะก่อน” เขาหัวเราะเบาๆ

หลังจากเอาจักรยานและเสื่อไปคืน แจ็คก็เดินหายเข้าไปในร้านครู่หนึ่ง ผมชะโงกหน้าเข้าไปดู แต่ก็ไม่เห็นว่าเขากำลังคุยอะไรกับเจ้าของร้านอยู่

“มึงไปคุยไรกับเค้าวะ” ผมถามขึ้นทันทีหลังจากเขาเดินออกมา “กูเห็นมึงเอาอะไรมาจากเค้าด้วย เค้าให้อะไรมึงมา”

“ไม่มีอะไรหรอกน่า ไปๆ กลับกัน”

เราเดินออกจากสวนสาธารณะแห่งนั้นเพื่อออกไปยังถนนใหญ่ ซึ่งปกติจะใช้เวลาราว 15 นาที และในระหว่างทาง ลมก็เริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องดังครืน

“เอาแล้วไง” ผมส่ายหน้า

“เฮ้ย” แจ็คร้องขึ้น

“อะไรวะ”

“ไม่ใช่แค่เสียงว่ะมึง” เขาแบมือทั้งสองข้าง ทำท่าเทสว่าฝนกำลังตกมาอยู่หรือเปล่า “ตกแล้วววว ไอ้เหี้ยยย เม็ดใหญ่ด้วย!”

“วิ่งเลยมึง!!” ผมทำท่าจะออกวิ่ง แต่กลับถูกเขาดึงแขนเอาไว้เสียก่อน

“เอามือถือกับกระเป๋าเงินมึงมา”

“ฮะ” ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน ส่วนเม็ดฝนก็เริ่มตกมากระทบร่างกายของเราหนักขึ้นเรื่อยๆ

“เอามาเหอะน่า เร็วๆ เข้า!” เขาเร่งพลางหยิบถุงใส่แกงออกมาจากกระเป๋ากางเกงสองใบ เขารับมือถือและกระเป๋าเงินของผมไป จากนั้นก็ใส่มันลงไปในถุง แล้วจึงรีบใช้หนังยางมัดปากอย่างรวดเร็ว เขาทำแบบนั้นกับมือถือและกระเป๋าเงินของตัวเองด้วยเช่นกัน เมื่อเสร็จแล้วก็โยนมันลงไปในกระเป๋าเป้ที่สะพายออกจากบ้านมาด้วย “แค่นี้ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว”

“ฮ่าๆๆ ไอ้เหี้ย กูก็นึกว่าอะไร นี่มึงกำลังนึกว่าเล่นสงกรานต์อยู่รึไง” ผมหัวเราะ

“อ้าว ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถ้ามึงไม่ต้องกังวลเรื่องโทรศัพท์กับเงินในกระเป๋าจะเปียก มึงจะยังต้องห่วงเรื่องฝนอยู่อีกทำไมวะ ไหนเมื่อก่อนมึงเคยบอกว่ามึงอยากเล่นน้ำฝนอีกสักทีเหมือนเมื่อตอนเด็กๆ ไม่ใช่รึไง”

เมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้นแล้ว ผมจึงเดินเข้าไปกอดคอเขา แล้วค่อยๆ เดินออกจากซอยไปยังถนนใหญ่อย่างสบายอารมณ์โดยไม่แคร์สายฝนที่ตกกระหน่ำลงใส่พวกเราแม้แต่นิดเดียว เราต่างก็คุยและหัวเราะแข่งกับเสียงของสายลมและสายฝนไปจนถึงป้ายรถเมล์

แต่เมื่อได้ขึ้นรถ เรากลับต้องหนาวสั่นเพราะแอร์ที่เป่าใส่ จนตัวสั่นดิกๆ แจ็คขยับเข้ามาเบียดกับผมจนแขนของเราชนกัน ผมหันไปมองหน้าเขา และเขาก็หันมายิ้มให้ผม เมื่อเห็นว่าผมไม่หลบ เขาก็ยิ่งเบียดเข้ามาหาผมเข้าไปใหญ่

“น... หนาวชิบหายยย...” เขาพูดเสียงสั่น

“เออ กูก็เหมือนกัน.... ไงล่ะ เดินเล่นน้ำฝน เป็นไงล่ะมึงงง ความคิดใครวะ”

“โทษกูตลอดอะ มึงอะ” เขาทำปากยื่นแบบด็กๆ

ผมหัวเราะและเหยียดมือออกไปโอบหลังเขา ดึงตัวของเขาเข้ามากอด ซึ่งแจ็คก็ไม่ขัดขืน “เออนี่ ไงเดี๋ยวมึงเข้าบ้านกูก่อนแล้วกัน เปียกขนาดนี้ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและรอฝนหยุดก่อนก็ได้ ค่อยกลับ”

เขาพยักหน้าตอบกลับเบาๆ

เมื่อถึงบ้าน ผมก็เห็นว่าแม่คงออกไปซื้อกับข้าวข้างนอก เพราะรถไม่อยู่ ผมจัดการไขกุญแจ และเปิดประตูให้แจ็คเข้าไปในบ้านก่อน เขารีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องน้ำชั้นล่างทันที

“ระวังลื่นหัวแตกนะมึง!” ผมตะโกนเตือน แต่ก็วิ่งตามหลังเขาไปติดๆ

“เดี๋ยวกูออกไปถูพื้นให้”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกน่ะ” ผมเข้าไปยืนในห้องน้ำกับเขา

แจ็คที่ถอดเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองออกแล้ว กำลังดึงเสื้อยืดสีดำพอดีตัวของเขาขึ้น เผยให้ผมเห็นหน้าท้องขาวเนียนที่มีกล้ามท้องจางๆ และเมื่อเขาโยนเสื้อยืดลงไปบนพื้น ผมก็เห็นหน้าอกเป็นแผ่นของเขา เขามีกล้ามอกเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลพวงจากการเล่นกีฬาและการเข้าฟิตเนสที่เขาเพิ่งเริ่มไปเล่นมาได้ราวๆ ครึ่งปี

ผมคิดว่าจัดการลืมเรื่องที่ผมคิดตั้งแต่เมื่อคืนไปได้แล้วนะ แต่เมื่อเห็นเขาในสภาพเปลือยครึ่งบนอยู่แบบนี้ ในห้องน้ำแคบๆ อย่างนี้ มันก็ทำให้ผมกลับมาคิดอีกจนได้ และคราวนี้ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่กำลังมองเขาอยู่ แต่เขาเองก็กำลังยืนมองผมอยู่โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาด้วยเช่นกัน

แจ็คเขยิบเข้ามาหาผมก้าวหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือออกมาจับชายเสื้อยืดของผมและดึงมันขึ้น ผมจึงชูแขนขึ้นโดยอัตโนมัติทันที เขาจัดการถอดเสื้อของผมออก แล้วก็ยืนสำรวจร่างกายของผมอยู่แบบนั้นครู่หนึ่ง

“อ... อะไรวะ” ในที่สุดผมก็สามารถพูดออกไปจนได้

“มึงหุ่นดีนะ กูชอบ”

“มึง... ชอบเหรอ”

“อื้อ” เขาพยักหน้า ก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายของเราห่างกันเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตร

ผมมองดูเขาค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาหาผม เขาหลับตาลง และในที่สุดริมฝีปากของเราก็สัมผัสกัน พร้อมกับร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าที่กำลังเบียดเข้าหากัน ความอบอุ่นจากตัวของเขา ถ่ายทอดเข้าสู่ร่างกายของผม และวิ่งตรงขึ้นไปสู่หัวใจ ใบหน้า และยังแล่นลงมาสู่ที่ส่วนกลางร่างกายของผมอีกด้วย

ในตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงรถของแม่เลี้ยวเข้ามาในบ้าน เสียงนั้นปลุกให้ผมได้สติและรู้ตัวว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ ผมผลักหน้าอกของเขาออกอย่างแรง

“มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย! ไอ้แจ็ค! มึงไปไกลๆ กูเลยไป!!” ผมคำรามออกไปดวยความโกรธ แม้แต่ตัวเองก็ยังแปลกใจว่าทำไมถึงได้ใช้คำพูดเหล่านั้น




ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เห้ยยยยยยยยยยยยย
แบบนี้มีลุ้นนะเนี่ย ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
โดนขัด

ออฟไลน์ prin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ลุ้นๆๆๆๆ  :katai1:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
อย่าพูดแบบนั้นสิ เดี๋ยวเข้าใจผิดแล้วตลอดไปกันใหญ่  :z1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
กลบเกลื่อนได้แย่มากเลยนะปอนด์ ไม่เห็นต้องทำร้ายกันแบบนี้เลย

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
(3)

“มึงเป็นตุ๊ดรึไงไอ้เหี้ย! ทำKไรแบบนั้นอะ!” ปากของผมมันมักไปไวกว่าความคิดเสมอ และผมก็เกลียดตัวเองที่เป็นคนแบบนั้นเหลือเกิน

แจ็คมองหน้าผมด้วยความตกใจและ... เจ็บปวด จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นหวาดกลัว แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ประตูบ้านก็ถูกเปิดออก ตามมาด้วยเสียงของแม่

“ปอนด์ กลับมาแล้วเหรอ มากับแจ็ครึเปล่า”

“ครับ! อยู่ในห้องน้ำอะแม่ ตากฝนมา!” ผมหันหลังให้แจ็คแล้วตะโกนตอบกลับไปหาแม่ “แม่หยิบผ้าเช็ดตัวให้ปอนด์กับแจ็คหน่อยดิครับ!”

“ได้ๆ รอแม่แป๊บนึงนะลูก”

ผมปิดประตูห้องน้ำลง แต่ก็ยังคงยืนหันหลังให้เขาอยู่เหมือนเดิม

“ไอ้ปอนด์ กู...” เสียงของเขาดังขึ้น แต่ก็แผ่วเบาเหลือเกิน “กูขอโทษ”

ผมถอนหายใจ “ช่างมันเหอะ”

“มึง... จะบอกใครรึเปล่า”

ผมหันกลับไปหาเขา เขากำลังนั่งชันเข่าอยู่บนพื้นห้องน้ำ แววตาของเขาที่กำลังมองผมอยู่นั้นดูเจ็บปวดและเป็นกังวล เขาพูดเหมือนเขารู้ตัวและยอมรับแล้วว่าเขาเป็นเกย์... แล้วผมล่ะ

ผมคงต้องพยายามทำใจให้สงบกว่านี้หน่อยแล้ว

“ไอ้ปอนด์...” แจ็คเรียกผมอีกครั้ง

“ทำไมมึงถึงทำแบบนั้นวะ”

เป็นครั้งแรกที่เขาหลบตาผม เขาก้มหน้ามองมือของตัวเองที่ประสานกันอยู่ และมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกอึดอัด โชคดีที่แม่เคาะประตูห้องน้ำพอดี

“เปิดประตูซิ ปอนด์ แม่เอาผ้ามาให้”

ผมเปิดประตูออกและรับผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าชุดใหม่มาจากแม่

“อ้าว แจ็ค ทำไมนั่งบนพื้นแบบนั้นล่ะลูก”

แจ็คยกมือขึ้นไหว้แม่พลางยิ้มแห้งๆ “หนาวน่ะครับแม่”

“งั้นก็รีบอาบน้ำเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เดี๋ยวจะเป็นหวัด เสร็จแล้วอยู่กินข้าวเย็นกับแม่ก่อนนะ”

แจ็คเหลือบมามองหน้าผมแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปมองที่แม่เหมือนเดิม “ไม่เป็นไรดีกว่าครับแม่ แจ็คเกรงใจ”

“เกรงจงเกรงใจอะไรกัน! ไม่ต้องพูดแบบนั้นเลย กินข้าวที่นี่แหละ นี่ก็เย็นย่ำแล้ว เดี๋ยวแม่โทรบอกแม่เราให้ ผอมจะตายอยู่แล้วเราน่ะ ทั้งสองคนเลย ต้องกินให้มันเยอะๆ หน่อยนะ รู้รึเปล่า” แม่พูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะปิดประตูห้องน้ำลง

“มึงก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะเลยแล้วกัน เดี๋ยวกูขึ้นไปอาบข้างบน” ผมวางผ้าขนหนูกับชุดที่แม่หยิบมาให้เขาลงบนเคาน์เตอร์ จากนั้นก็เดินออกจากห้องน้ำไป โดยไม่แคร์เลยว่าจะโดนแม่ด่าที่ทำพื้นบ้านเปียกตามหลังแน่นอน

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็ได้ยินเสียงแม่โวยวายขึ้นจริงๆ แต่ผมไม่แคร์แล้วล่ะ ผมไม่อยากลงไปเจอหน้าเขาเท่าไหร่ และเขาเองก็คงจะคิดเหมือนผมล่ะมั้ง เพราะตอนที่กำลังแต่งตัว ผมก็ได้ยินเสียงทีวีดังมาจากชั้นล่าง เขาคงจะนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

ผมทิ้งตอนนอนลงบนเตียงแล้วก็คิด คิดๆๆๆ ว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น ไม่สิ ผมรู้อยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่มันเกิดขึ้นได้ยังไงมากกว่า แจ็คคงจะเป็นเกย์และรู้ตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งนั่นก็คงตอบคำถามที่ผมสงสัยเมื่อวานได้อย่างชัดเจนว่าสายตาและท่าที่ของเขาที่ดูแปลกไปหลังจากที่ผมจุ๊บหัวของแก้ม มันคืออะไร... ผมรู้แล้วว่านั่นไม่ใช่เพราะเขาหึงแก้ม แต่มันเป็นเพราะเขาหึงผม

เขา... ชอบผมงั้นเหรอ

เสียงเคาะประตูห้อง ปลุกให้ผมตื่นจากภวังค์

“ปอนด์ แม่ให้มาตามไปกินข้าว”

ผมดันตัวขึ้นนั่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่ประตู “ไอ้แจ็ค...”

“ปอนด์ กู...” เขาพูดกลับมาเบาๆ

ผมหันหลังพิงลงบนประตู “กูขอโทษที่พูดแบบนั้นออกไปว่ะ...”

เขาเงียบไปพักหนึ่ง “กูขอโทษ... มึง... มึงอย่าเกลียดกูนะ ไอ้ปอนด์ กูขอร้อง...” เสียงของเขาแผ่วเบาและสั่นเครือ

ผมตัดสินใจเปิดประตูออก เขามองหน้าผมด้วยแววตาหวั่นๆ พอเห็นแบบนั้นแล้ว ผมก็รู้สึกเจ็บในอกชอบกล เพราะผมเคยเห็นเขาเป็นแบบนี้แค่เพียงครั้งเดียว คือตอนที่พ่อของเขาเสียไปเมื่อหลายปีก่อน

“ไปกินข้าวกันเหอะ เดี๋ยวแม่จะสงสัยว่าทำไมหายไปนาน”

เขาพยักหน้า จากนั้นเราก็เดินลงไปชั้นล่างด้วยกัน ที่โต๊ะอาหาร เราสองคนต่างก็นั่งกินข้าวกันเงียบๆ มีแต่แม่ที่ดูจะพูดอยู่คนเดียว ผมนั่งมองหน้าของแจ็ค เพิ่งสังเกตว่าตาเขาดูแดงๆ เล็กน้อย เหมือนกับเพิ่งจะร้องไห้มา บางทีคงเป็นตอนที่นั่งดูทีวีเมื่อครู่ล่ะมั้ง ผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ที่จริงเราสองคนไม่ควรต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลย

“ปอนด์ เดี๋ยวคืนนี้แม่ไปนอนบ้านยายนะ เก็บล้างให้เรียบร้อยแล้ว แล้วก่อนนอนก็อย่าลืมล็อคบ้านล่ะ” แม่พูดขึ้นหลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จแล้ว

“อ้าว ทำไมอะครับ”

“ยายไม่ค่อยสบายน่ะ เหมือนจะเป็นหวัด แม่เลยจะไปดูแลสักหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรมากหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง พรุ่งนี้สายๆ ถ้ายังไม่ดีขึ้น แม่ก็จะพาแกไปหาหมอ”

“ครับ”

“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ทำไมคืนนี้ไม่ให้แจ็คมานอนเป็นเพื่อนไปซะเลยล่ะ” แม่เสนอ จากนั้นก็หันไปหาแจ็ค “ดีมั้ย แจ็ค มานอนเป็นเพื่อนปอนด์มันคืนนึง เดี๋ยวแม่ขออนุญาตแม่เราให้”

แจ็คหน้าเสียลงเล็กน้อย “ไม่เป็นไรครับ วันนี้แจ็คว่าแจ็คกลับบ้านดีกว่า”

“อ้าวเหรอ งั้นก็ตามใจนะ ว่าแต่พรุ่งนี้ไปไหนรึเปล่า ถ้าไม่ไปไหนก็มาอยู่เป็นเพื่อนปอนด์มันเฝ้าบ้านหน่อยสิ”

แจ็คยิ้มแห้งๆ แต่ก็ไม่ได้รับปากหรือปฏิเสธ ผมนึกสงสัยว่าเขาคิดจะมาอย่างที่แม่เชิญหรือเปล่า แต่... จากที่รู้จักเขามาหลายปี ผมว่าเขาไม่มาหรอก

คืนนั้นผมพยายามหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดมาก ไม่ว่าจะเล่นกีตาร์ ฟังเพลง ดูหนัง อ่านหนังสือ จนเวลาล่วงเลยไปถึงตีสอง ผมที่เริ่มง่วงแล้วจึงตัดสินใจปิดไฟเข้านอน แต่สุดท้ายผมก็ยังไม่ง่วงพอที่จะข่มตาให้หลับได้ พอทุกอย่างรอบตัวเงียบลง มีเพียงเสียงครางหึ่งๆ จากเครื่องปรับอากาศบนหัวเตียง ผมก็เริ่มได้ยินเสียงความคิดของตัวเองชัดขึ้นเรื่อยๆ ภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องน้ำ กลับมาฉายซ้ำอยู่ในหัวของผม แม้ผมจะกำลังหลับตา แต่ก็ไม่สามารถสะบัดมันออกไปจากหัวได้เลย

เมื่อนึกถึงแววตาของเขา ใบหน้าของเขาที่ค่อยๆ โน้มเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งริมฝีปากของเราสัมผัสกัน ผมก็ใจเต้นแรงและรู้สึกเขินจนร้อนไปหมด แถมที่สำคัญ ไอ้น้องชายของผมมันดันแข็งขึ้นมาอีกด้วย

“โถ่เว้ยยยยยยยย!! ไอ้เชี่ยแจ็คคคคคค! มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย!! มึงทำอะไรกับกูลงไปปปปปป!!” ผมร้องตะโกนออกมาสุดเสียงพร้อมกับโยนไปกระแทกกับประตู

วันถัดมา กว่าผมจะตื่นก็ปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าแล้ว พอกินข้าวเสร็จ ผมก็กลับขึ้นห้องมานั่งทำการบ้าน พอเสร็จก็กินข้าวเย็น แล้วจากนั้นก็นั่งเล่นเกมจนค่ำ จากนั้นก็เข้านอน ผมสามารถหยุดคิดเรื่องของแจ็คได้ทั้งวัน แม้จะรู้สึกใจหาย รู้สึกโหวงๆ ไปบ้าง แต่ผมก็ไม่สับสน จิตใจไม่วุ่นวายเมื่อก่อนหน้านี้อีกแล้ว

จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ปกติผมจะไปโรงเรียนพร้อมแจ็ค โดยที่เขาจะมาเจอผมที่หน้าบ้าน แล้วเราก็ขึ้นรถเมล์ไปด้วยกัน แต่วันนี้ ผมยืนรอเขาจนกระทั่งเลยเวลา เขาก็ไม่มาสักที ผมจึงคิดว่าเขาคงอยากไม่เจอหน้าผมก็เลยล่วงหน้าไปก่อนเองแล้วล่ะมั้ง ความคิดนั้นทำเอาผมรู้สึกเซ็งขึ้นมาทันที แบบนี้เวลาเจอหน้าเขาที่โรงเรียน เราจะเป็นยังไงวะ

แต่สุดท้ายกลายเป็นผมหงุดหงิดและกังวลเก้อไปเอง เพราะว่าเขานั้น... ไม่ได้มาเรียน

“เฮ้ย ไอ้ปอนด์ ทำไมวันนี้ไอ้แจ็คไม่มาเรียนวะ” กาย เพื่อนคนหนึ่งของเราเดินมาถามผม

“กูจะไปรู้มันเหรอวะ”

เขาเลิกคิ้วขึ้น “อ้าว มึงไม่รู้เหรอ กูเห็นปกติมึงตัวติดกันยังกะปาท่องโก๋ เป็นเหี้ยอะไรอีกล่ะมึง ทะเลาะอะไรกันวะ”

“ทะเลาะเหี้ยไรล่ะ เปล่าเว้ย แต่กูไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมมันไม่มาเรียน เมื่อเช้ากูก็รอมาโรงเรียนพร้อมกัน แต่มันก็ไม่โผล่มา”

“อ้าว แล้วมึงไม่ได้โทรรึไลน์ไปถามมันรึไงว่าทำไมมันไม่มา”

ผมส่ายหน้า “กูลืมคิดไป”

“ลืมคิดเนี่ยนะ ไอ้ลิงเอ๊ยยย เอาจริง พวกมึงทะเลาะกันใช่มะ นี่ไอ้แก้มก็ไม่มาเรียนอีกคน”

“ไอ้แก้มมันไปต่างจังหวัดกับพ่อมันเว้ย ไม่เกี่ยวกัน”

“แล้วววววว... ไม่เกี่ยวกับอะไรวะ หืออ หือออ” กายกอดคอผม

“ไอ้เชี่ยแจ็คตอบไลน์แล้ว มันบอกมันไม่สบายว่ะ” โหน่งที่นั่งอยู่ข้างหลังผมพูดขึ้น “มันบอกไข้ขึ้นตั้งแต่เมื่อวานละ แต่พอกูถามว่ามันเป็นไงบ้าง หาหมอ แดกยารึยัง ใกล้ตายรึยัง มันเสือกไม่ตอบอะ สงสัย... แม่งใกล้ตายจริงๆ แล้วมั้ง” โหน่งหัวเราะ

ผมเก็บหนังสือเรียนใส่กระเป๋าทันที

“อ้าว มึงจะไปไหนวะ” กายถาม

“กูขี้เกียจเรียนละ โดดละเว้ย เจอกันพรุ่งนี้”

“แต่นี่มันเพิ่งคาบสามเองนะเว้ย” โหน่งมองหน้าผมเหวอๆ “แล้วมึงจะออกจากโรงเรียนไปยังไง”

“กูสามารถก็แล้วกัน” ผมตอบก่อนจะเดินออกจากห้องเรียน ส่วนวิธีโดดเรียนกลับบ้านก่อนนั้นก็ไม่ได้มีอะไรยากเย็นเลย สิ่งที่ต้องทำก็มีแค่... การปีนรั้วโรงเรียนเท่านั้นเอง

หลังจากหลบพ้นสายตาอาจารย์และวิ่งหนีจากยามของโรงเรียนที่เห็นผมตอนกำลังปีนรั้วพอดีจนรอดแล้ว ผมก็ขึ้นรถเมล์ตรงกลับบ้าน แต่ไม่ได้เข้าบ้านตัวเองหรอกนะ ผมเดินเลยไปจนถึงบ้านของแจ็ค ทั้งที่ตอนแรกผมดูมีเป้าหมายและแน่วแน่มาก ถึงกับยอมโดดเรียนมายังบ้านของเขาแบบนี้ แต่พอมาถึงเข้าจริง ผมกลับไม่แน่ใจว่าผมมาทำไมกันแน่

“ไอ้ปอนด์ มึงมาทำอะไรวะ” เสียงของแจ็คดังขึ้นจากในบ้าน เขายืนอยู่ตรงประตูและกำลังมองมาที่ผมงงๆ

“กู... กูขี้เกียจเรียน ก็เลยโดด แต่ไม่อยากกลับบ้าน ก็เลยแวะมาดูอาการมึง เห็นไอ้โหน่งบอกมึงไม่สบายไม่ใช่รึไง แล้วทำไมไม่นอนพักวะ ลุกมาทำอะไรอยู่”

“กูเพิ่งลงมานอนดูทีวีอยู่ข้างล่าง ถึงได้เห็นมึงมายืนอยู่นี่ไง เข้ามาสิวะ”

ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ดีกว่าว่ะ มึงดูโอเคก็ดีแล้ว กูกลับบ้านดีกว่า”

“เดี๋ยว ไอ้ปอนด์” เขาร้องห้ามผม พร้อมกับเดินตรงเข้ามาที่ประตูรั้ว

ผมหันกลับไปหาเขา “กูว่ามึงเข้าบ้านไปนอนพักเหอะ”

เขาเปิดประตูรั้วออก จากนั้นก็คว้าข้อมือผมเอาไว้ “กูไม่อยากให้มึงไป...”

เราสองคนมองหน้ากันครู่หนึ่ง ต่างคนต่างไม่รู้จะพูดอะไร จนกระทั่งแจ็คเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน

“มึงยังโกรธกูอยู่อีกเหรอ”

“เปล่า กูไม่โกรธแล้ว”

เขามองหน้าผมอยู่อยู่อีกครู่หนึ่ง ราวกับกำลังจับผิดว่าผมพูดโกหกเขาหรือเปล่า แต่อีกไม่นานเขาก็ส่งยิ้มจางๆ ออกมา “เข้าบ้านก่อนสิ”

ผมตามเขาเข้าบ้าน และขณะที่เดินอยู่นั้นก็ลองยื่นมือไปจับแขนของเขาดู “ไอ้แจ็ค มึงตัวร้อนจริงๆ ด้วย”

“อือ ไข้ไม่ค่อยลงเท่าไหร่”

“แล้วทำไมไม่ไปนอนพัก”

“เอาจริงๆ ปะ... กูนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ ฝันไม่ค่อยดี”

“ฝันอะไรวะ” ผมถาม

“ฝันถึงมึง”

ออฟไลน์ WASAWATTE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
จับปอนด์ปล้ำเลยแจ็ค อิอิ
มาเป็นกำลังใจให้คุณต้น
 o13

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คนที่ชัดเจนกับคนที่ยังสับสน อารมณ์ก็ไม่ได้ต่างกันเลย

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ปอนด์ต้องยอมรับตัวเองให้ได้นะ ไม่งั้นแจ็คหนีหายไป แกได้เสียใจแน่ๆ  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






winnie_the_far

  • บุคคลทั่วไป
 :mew1:ปอนด์ เริ่มรู้สึก แต่ยังไม่รู้ตัวสินะว่ารู้สึกอะไร...

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
จะมาลงให้วันละปอนด์ เอ๊ยย วันละตอนนะจ๊ะ

ออฟไลน์ prin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
(4)

“ฝันถึงกูเนี่ยนะ” ผมเลิกคิ้วขึ้น “เรื่องอะไรวะ”

เขานั่งลงบนโซฟาแล้วพยักหน้าเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ “เรื่องเมื่อวันนั้นนั่นแหละ”

“ช่างมันเหอะมึง กูบอกแล้วไงว่ากูไม่คิดอะไร มึงเลิกคิดมากได้แล้ว”

“กู... มีเรื่องจะบอกมึงว่ะ ไอ้ปอนด์” เขาหลุบตาลงต่ำ

ผมใจเต้นแรงขึ้นทันที “อ...อะไรวะ”

เขาเงียบไป ท่าทางอึกอักและเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ผมที่เพิ่งบอกเขาไปหยกๆ ว่าไม่อยากให้เขาคิดมาก กลับต้องเป็นฝ่ายเริ่มคิดมากเสียเอง ถ้าหากเขาบอกว่าเขาชอบผม ผมจะทำยังไง ผมจะพร้อมรับความจริงนั้นแล้วเหรอ

ความเงียบอัดน่าอึดอัดปกคลุมรอบตัวเราทั้งสองจนผมทนไม่ไหว

“เฮ้ยยย เงียบเหี้ยไรของมึงงง” ผมพูดขึ้นเสียงดังด้วยน้ำเสียงร่าเริงเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียดนั้นลง “ถ้าจะบอกกูว่ามึงชอบผู้ชายอะ ไม่ต้องบอกแล้วนะเว้ย กูว่ากูรู้แล้วล่ะ ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะพลางตบบ่าเขา “รึมึงจะบอกว่ามึงชอบกูวะ แต่เฮ้ย อันนี้ไม่ขำนะเว้ย ไอ้เชี่ยแจ็คคคค ครวยยยย” ผมหลุดพูดแบบนั้นออกไปด้วยความปากไว

แจ็คเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยแววตาตระหนกทันที “เฮ้ย ไม่... ไม่ใช่เว้ย กูไม่ได้ชอบมึง”

คำพูดของเขาทำให้ผมทั้งโล่งอกและ... รู้สึกเจ็บในอกข้างซ้ายแปลบๆ ไปพร้อมกัน “ล... แล้ว... ถ้ามึงไม่ได้ชอบกู แล้วทำไมมึงถึงทำแบบนั้นวะ”

แจ็คก้มหน้าหลบสายตาผมไปอีกครั้ง “กู... ไม่รู้ว่ะ กู... คงหน้ามืดมั้ง กูคิดว่ามึงคง... คงจะอยากเหมือนกัน กูขอโทษว่ะ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ความโกรธก็พุ่งปรี๊ดขึ้นจนผมลืมตัวพุ่งเข้าใส่เขาทันที “ไอ้เหี้ย!!”  ผมต่อยหน้าเขาเต็มรัก “มึงคิดว่ากูเป็นตัวเหี้ยอะไร!! มึงเห็นกูเป็นคนยังไง! ไอ้เชี่ยแจ็ค!!” ผมกระชากคอเสื้อของเขาขึ้นจากโซฟา

แจ็คมองหน้าผมด้วยความตกใจ แววตาของเขาดูทั้งหวาดกลัวและเจ็บปวด

“ตอบกูสิวะ! มึงคิดว่ากูขี้เงี่ยนแล้วก็ดูเหมือนอยากมีอะไรกับมึง แค่นั้นเหรอวะ!! มึงเห็นกูเป็นแบบนั้นใช่มั้ย!!” ผมเขย่าตัวเขา ความโกรธทำให้ผมหน้ามืดและลืมไปเสียสนิทว่าเขากำลังไม่สบายอยู่

“กูขอโทษ... มึงจะต่อยกู จะโกรธกูก็เอาเลย มันคือสิทธิ์ของมึง” เขาพูดก่อนจะหลับตาลง และน้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง “กูมันเหี้ยเอง...”

ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกตัวว่าเพิ่งทำอะไรลงไป... ผมเพิ่งต่อยเพื่อนสนิทของตัวเอง... เพื่อนคนที่ผมรักที่สุด แต่ผมกลับทำร้ายเขา

ผมที่คร่อมอยู่บนตัวของเขาปล่อยคอเสื้อเขาออก ร่างของแจ็คที่เคยถูกยกเอาไว้ล้มลงไปบนโซฟา ส่วนผมก็ดันตัวเองออกและเขยิบถอยออกมา ทั้งรู้สึกโกรธ อึดอัด และเสียใจจนอยากจะร้องไห้เหมือนกัน แต่ผมจะให้เขาเห็นน้ำตาไม่ได้

“แม่ง... แม่งเอ๊ย! แม่งงง...!!” ผมคำราม กำหมัดแน่น รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ได้

“กูขอโทษ... กูขอโทษจริงๆ...” แจ็คนอนเอามือปิดหน้าแล้วพร่ำคำว่าขอโทษไม่หยุด

ผมลุกออกจากโซฟาแล้วจากนั้นก็เดินออกจากบ้านของเขาไปทันที เมื่อรู้สึกตัวอีกที ผมก็อยู่ในห้องนอนของตัวเองแล้ว ผมอาละวาดอยู่บนเตียงครู่หนึ่งก่อนจะสงบลง ผมกำหมัดแน่น และนึกถึงคำพูดทุกคำของแจ็คที่เพิ่งได้ยินมา แต่ยิ่งนึกก็ยิ่งเจ็บปวด และสิ่งที่ทำให้ผมเจ็บที่สุด คือการรู้สึกตัวว่าแท้จริงแล้วที่ผมโกรธ ที่ผมเจ็บจนแทบบ้านั้น ไม่ใช่เพราะคำพูดของเขาหรอก แต่เป็นเพราะความจริงที่เขาไม่ได้คิดอะไรกับผมเลยต่างหาก

ผมปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาจนกระทั่งหลับลงไป


ออฟไลน์ WASAWATTE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ค้างงงง!!
 :katai4:
มาแอบให้กำลังใจคุณต้นอีกครา..

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
ติดตามอยู่นะคับ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
หน้าชาเลยสิ แจ็คดันบอกว่าไม่ได้ชอบ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ผิดเองที่รู้ตัวช้า

ออฟไลน์ woodong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
อ่านไปแทบลืมหายใจ

ออฟไลน์ nbee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 849
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
ปากพาเจ็บจริงๆ เลย
เกิดแจ็คบอกว่าชอบคนอื่นอยู่นี่ จบเลยนะเนี่ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด