[เรื่องสั้น].........(ไม่)รักได้ไง ตอนพิเศษ เซอร์ไพรส์วันครบรอบ [จบ][18-08-2016]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น].........(ไม่)รักได้ไง ตอนพิเศษ เซอร์ไพรส์วันครบรอบ [จบ][18-08-2016]  (อ่าน 25793 ครั้ง)

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

...
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2016 06:31:02 โดย norita_boyV2 »

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง
«ตอบ #1 เมื่อ28-10-2014 15:26:47 »

เกริ่นก่อนนิดนึงนะครับว่าเรื่องนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอีกเรื่องที่แต่งไว้ คือเรื่องนี้

ระหว่างเราคือ...??? http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44196.0

คือเนื้อเรื่องอาจจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันมากนัก แต่ท้ายๆ จะมีตัวละครจากอีกเรื่องมาโผล่นิดหน่อย

ถึงไม่อ่านอีกเรื่อง ก็ไม่มีผลกับเนื้อเรื่อง แต่ถ้าจะอ่านทั้งสองเรื่องก็ควรอ่านไปพร้อมๆ กันเพราะถ้าอ่านเรื่องใดเรื่องหนึ่งก่อน

อาจมีสปอยล์อีกเรื่องนิดหน่อย

ส่วนเรื่องนี้เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของเพื่อนสองคน ที่เคยเรียนด้วยกันตอนเด็ก แล้วกลับมาเจอกันอีกทีตอนโต

ยังไงก็ลองติดตามติชมกันได้ครับ

พร้อมรับทั้งคำติและคำชมคร๊าบบบบ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2014 17:19:09 โดย norita_boyV2 »

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง
«ตอบ #2 เมื่อ28-10-2014 15:34:04 »

(ไม่)รักได้ไง
Cake

“ไม่เจอกันนานเลยนะ”เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นเบื้องหลังผม พร้อมกับรู้สึกว่ามีมือมาสะกิด เลยทำให้ต้องหันกลับไปมอง

“ครับ”ผมรับคำอย่างงงๆ เพราะรู้สึกไม่ค่อยคุ้นกับคนตรงหน้าที่กล่าวทักผมเลย ชายหนุ่มหน้าตาคมสัน น่าจะสูงสักประมาณ 180 ได้เพราะสูงกว่าผมเสียอีก ผมเองก็ไม่ได้เตี้ยอะไรเพราะสูงตั้ง 175 เหมือนกัน ถึงหน้าตาเค้าจะดูคุ้นๆ แต่ผมก็ไม่คิดว่าเคยรู้จักกันหรอกนะ แล้วในสถานที่แบบนี้อีก แต่พอมองดีๆ หน้าตาแบบนี้เหมือนผมจะเคยเจอหรือเปล่าน้า ชักเริ่มคุ้นๆ ขึ้นมาแล้วหน่อยๆ แต่ก็นึกไม่ออก

วันนี้ผมนัดกันกับเพื่อนมาเที่ยวผับกัน แต่ไอ้เพื่อนตัวดีดันพาผมมาบาร์เกย์เสียได้ บอกตรงๆ ว่าถึงผมจะยอมรับว่าตัวเองเป็นเพศที่สามแต่ผมก็ยังชอบเที่ยวแบบผับทั่วๆไปอยู่ดี เพราะมาที่แบบนี้ทำไมผมรู้สึกแปลกๆ ก็ไม่รู้ มองไปทางไหนก็เจอแต่สายตาหื่นกระหายทั้งนั้น คือเหมือนแต่ละคนต่างมีจุดมุ่งหมายในการมาว่าต้องได้ใครสักคนติดสอยห้อยตามกลับออกไปด้วย แต่ไอ้ผมไม่ได้ต้องการ ผมแค่ชอบสนุกสนาน ชอบเสียงเพลงเวลาเครียดๆ ได้มาปลดปล่อยตัวเต้นแร้งเต้นกาตามประสาแค่นั้นผมก็พอใจแล้ว เลยชอบไปผับธรรมดามากกว่า เพราะถึงแม้จะมีเหมือนกันที่คนจะไปหาคู่แบบที่นี่ แต่มันก็ยังรู้สึกว่าโอเคกว่านี้

“เรารู้จักกันเหรอครับ”ผมถามออกไปอย่างไม่รู้จริงๆ ว่าไอ้คนตรงหน้านี่คือใคร แต่เค้ายังคงจ้องผมนิ่งไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ผมพยายามจ้องใบหน้านั้น ถึงตรงนี้จะเป็นทางไปเข้าห้องน้ำ แต่ไฟมันก็ไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่นัก ทำให้มองไม่ชัดเท่าที่ควร ผมพยายามนึกใบหน้าที่คุ้นๆ นี่ให้ออก เพราะเหมือนเค้าจะมั่นใจว่าเรารู้จักกัน ใบหน้าของเค้าเริ่มชัดขึ้นๆ

“เกี๊ยง”ผมหลุดชื่อของเค้าออกไป คิดว่าถ้าไม่ใช่ก็ไม่รู้จะนึกถึงใครอีกแล้ว ผมเห็นเค้ายิ้มกว้างเลย แสดงว่าผมตอบถูก ผมเกือบจะลืมเพื่อนคนนี้ไปแล้ว เรารู้จักกันตั้งแต่ประมาณ ป.3 ได้มั้ง แต่มาสนิทกันตอนเรียน ม.ต้น เพราะเรียน เล่น อยู่กลุ่มเดียวกัน อีกอย่างบ้านเค้าก็ไม่ได้ห่างจากบ้านผมนัก แต่พอขึ้น ม.3 เค้าก็ต้องย้าย ตามพ่อไปเรียนที่อื่น ตอนนั้นเหมือนมันกะทันหันเลยไม่ได้ขอที่อยู่ติดต่อ หรือเบอร์โทรอะไรไว้เลย จากเพื่อนที่ตัวผอมแห้งเท่าๆกับผมในวันนั้น ทำไมวันนี้เค้าดูสมส่วน เหมือนจะมีกล้ามมากกว่าผมเหลือเกิน

กี่ปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน ตั้งแต่ ม.3 จนตอนนี้ผมเองก็จบมหาวิทยาลัย ทำงานมาหลายปีแล้ว เค้าเองก็คงเช่นกัน นี่เค้าจำผมได้ยังไง เพราะสำหรับผมถ้าเค้าไม่เข้ามาทัก ผมก็คงไม่สังเกตและนึกออกหรอกว่าเค้าคือ ด.ช.ตะเกียงที่ผมเคยรู้จัก

“นึกว่าจะจำกันไม่ได้แล้วซะอีก”ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้ผมอีกครั้ง

“ออกไปคุยข้างนอกได้ไหม พอดีกำลังจะกลับ”ผมรีบบอกเมื่อเห็นเกย์สาวนางหนึ่ง ที่เพื่อนผมแนะนำให้รู้จักกำลังเดินตรงมาที่เราสองคนคุยกันอยู่ ไอ้เพื่อนตัวดีก็ช่างเข้าใจแกล้งผม ก็ทั้งที่รู้ว่าผมไม่ชอบแบบนี้ก็ยังจะมายัดเยียดให้อีก ส่วนแม่นี่ก็ทั้งที่ผมบอกว่าผมไม่ใช่อย่างที่เธอชอบแน่ๆ เธอก็ไม่ยอมฟังผมเลย

“เค้กมาคนเดียวเหรอ”เพื่อนเก่าของผมเริ่มตั้งคำถามอีกครั้งเมื่อเราออกมานั่งที่โต๊ะด้านนอกของผับ ซึ่งไม่ค่อยมีคนเพราะตอนนี้คนส่วนใหญ่จะสนุกสนานกันอยู่ด้านใน เนื่องจากตอนนี้มีโชว์ที่ทางร้านจัดไว้กำลังเริ่ม

“มากับเพื่อนนะ แต่ไม่ค่อยชอบ เลยว่าจะแอบกลับก่อน”ผมตอบไปตามความเป็นจริง ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร เพื่อนเก่าคนนี้ ผมกำลังนึกว่าจะใช้สรรพนามใดกับเค้าดี เมื่อก่อนเราสนิทกันมาก เลยเรียกันมรึง กรู แต่อตอนนี้หลังจากไม่ได้เจอกันมานาน จะเรียกแบบนั้นมันก็ดูขัดๆ ยังไงบอกไม่ถูก

“หมายความว่าไงเหรอที่ว่าไม่ชอบ”เค้าคงจะรู้แหละว่าผมเป็นเกย์ ซึ่งแล้วมันจะมีเหตุผลอะไรเหรอที่จะไม่ชอบที่นี่

“พอดีเพื่อนมันหลอกพามา”ผมบอกออกไปตามความจริง เพราะถ้าเพื่อนผมบอกแต่แรกผมคงไม่มา  ผมยังไม่เคยมาผับนี้เลย เพราะเพิ่งเปิดใหม่ ไอ้เพื่อนผมก็ได้ทีบอกว่ามีผับเปิดใหม่ให้ลองมาดู แต่ตอนนี้เหมือนคนตรงหน้าผมจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด เพราะการบอกเล่าของผมเหมือนเป็นการปฏิเสธว่าผมไม่ใช่เกย์ เมื่อเห็นสายตาสงสัยใครรู้ของเค้าผมเลยบอกต่อ

“ก็ใช่ว่าเกย์ทุกคนจะชอบบาร์เกย์นี่นา”คำบอกเล่าของผมทำให้เค้าเลิกคิ้วมองผมซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าหมายความว่ายังไง ว่าแต่ที่เค้ามาที่นี่ก็แสดงว่าเค้าเป็นเหมือนผมงั้นเหรอ ทำไมเมื่อก่อนผมไม่เห็นรู้สึกว่าเค้าจะเป็นแบบนี้เลยนี่นา

“แล้วนี่นายมากับใครเหรอ”ผมเลือกสรรพนามที่ดูว่าน่าจะเหมาะที่สุดแล้ว ถามไถ่เค้าบ้าง

“จริงๆ เราบังเอิญเห็นใครคนนึงเหมือนจะรู้จักกัน ตอนรถติดไฟแดง ที่สี่แยกที่เลยไปหน่อยนะ เลยให้แทกซี่ที่เรานั่ง ขับตามมาที่นี่”อ้าวงั้นก็แสดงว่าเพื่อนเก่าผมไม่ได้มาเที่ยวที่นี่งั้นหรอกเหรอ

“แล้วนี่เจอเค้าหรือยังล่ะ”ถามออกไปเมื่อเห็นว่าเค้าไม่มีทีท่าว่าจะไปตามหาใครคนนั้นเลย

“สงสัยจะจำคนผิดมั้ง เพราะพอเข้าไปข้างในก็เห็นว่าไม่ใช่”เค้าบอกยิ้มๆ ให้กับผม

“แสดงว่านายไม่ได้เอารถมาเหรอ งั้นให้ไปส่งไหม จะไปไหนเหรอ”ผมแสดงมิตรภาพน้ำใจแก่เพื่อนเก่าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเค้าจะต้องออกไปเรียกแทกซี่อีกครั้งถ้าจะออกจากที่นี่

“จริงๆ ก็ว่าจะไปนั่งรถเล่นแค่นั้นแหละ พอดีเบื่อๆ ไม่รู้จะทำอะไร แล้วนี่เค้กจะกลับแล้วเหรอ”ชายหนุ่มเหมือนมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเค้าจะผิดหวังอะไร

“จริงๆก็ยังไม่อยากกลับหรอก เพราะพรุ่งนี้ก็วันหยุดอยากไปเมาซะหน่อย แต่ไม่มีเพื่อนไปก็คงต้องกลับบ้านแหละ”ผมบอกออกไปเพราะเพื่อนๆ ก็คงอยู่ในผับนั่นกันหมด ส่วนเพื่อนคนอื่นนอกจากพวกที่อยู่ในผับนั้นก็ไม่มีใครว่างกันเลย

“เค้กยังชอบดื่มเบียร์สดอยู่หรือเปล่า”เพื่อนเก่าถามถึงสิ่งที่เค้าเคยได้รับรู้สมัยเรายังเป็นแค่เด็กม.ต้นแต่ริอาจพากันอยากดื่มแอลกอออล์ ซึ่งตอนนั้นหลังจากลองมาหลายอย่าง ผมก็ได้รู้ว่าผมชอบเบียร์สดที่สุดเลย จนถึงตอนนี้ถึงผมจะดื่มได้หมดทุกอย่าง แต่ก็ยังชอบเบียร์สดมากที่สุดอยู่ดี ผมพยักหน้าตอบคนที่ตั้งคำถามเป็นการยืนยันให้เค้ารับรู้ว่าผมยังพิสมัยการดื่มเบียร์เหมือนเดิม

“งั้นเราไปนั่งลานเบียร์กันไหม ช่วงนี้เห็นมีเยอะแยะเลย อาทิตย์ที่แล้วพอดีเพิ่งไปกับพี่ที่ทำงานมา เค้ามีเล่นดนตรีสดด้วยนะ นายน่าจะชอบ”ข้อเสนอของเค้าน่าสนใจทีเดียว แต่ติดที่วันนี้ผมต้องขับรถเองนี่สิ เพราะถ้าไปดื่มยังไงก็ต้องเมาอยู่แล้ว ผมเองก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อนะ เลยยังถือคติ เมาไม่ขับอยู่

“กลัวขับรถกลับไม่ไหวอ่ะ ช่วงนี้ต้องท่องไว้ว่าเมาไม่ขับ”ผมบอกไปตามตรง

“งั้นเอารถนายไปจอดไว้คอนโดเราก่อนก็ได้ อยู่ไม่ไกลจากนี่เท่าไหร่ แล้วเราค่อยไปแทกซี่กัน”อ้าวนี่เค้าอยู่ใกล้ๆ แถวนี้หรอกหรือ

“เอางั้นก็ได้”ผมตัดสินใจเพราะอยากคุยกับเพื่อนเก่าคนนี้อีกเหมือนกัน ถึงเราจะไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว แต่มิตรภาพของเราก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม


“นายยังไม่มีแฟนเหรอ”ผมถามด้วยความสงสัย เพราะก่อนที่เราจะมาลานเบียร์ ตอนเอารถไปจอดที่คอนโดของเค้า ผมขอขึ้นไปเข้าห้องน้ำที่ห้องเค้า มองผ่านๆ เหมือนน่าจะอยู่คนเดียว ตอนแรกนึกว่าเค้าจะอยู่กับแฟนเสียอีก

“ยังไม่อยากผูกมัดตัวเองนะ แต่ตอนนี้ก็เริ่มๆ เล็งคนๆนึงไว้แล้วเหมือนกัน”เค้าบอกยิ้มๆ ก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่ม ผมก็พยักหน้าเข้าใจ ว่าเค้าคงยังหวงชีวิตโสดรักอิสระตามประสาผู้ชายทั่วๆ ไป ส่วนผมนะเหรอ เพิ่งถูกทิ้งมาเมื่อไม่นานนี่เอง ซึ่งมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ความรักของผมจะจบลงเช่นนั้น สาเหตุส่วนใหญ่มันก็เพราะผมเองนั่นแหละ คือทุกครั้งมันเกิดจากความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน มันไม่ได้เริ่มมาจากความรัก พอลองคบกันไป มันเลยเข้ากันไม่ได้ และผมเองเป็นคนไม่พยายามปรับตัวเข้าหาอีกฝ่าย สุดท้ายคนที่มาคบกับผมก็ทนไม่ได้ต้องขอเลิกกับผมไปเอง

“ถ้าแต่งเมื่อไหร่อย่าลืมส่งการ์ดเชิญด้วยนะ”เสียงหัวเราะของเราเกิดขึ้นพร้อมกัน หลังจากผมพูดจบ เราคุยกันหลายเรื่อง ว่าในช่วงที่เราสองคนไม่ได้เจอกันเลย แต่ละคนไปทำอะไรมาบ้าง เพื่อนเก่าของผมไปเรียนวิศวะ มา จนตอนนี้เป็นวิศวกรหนุ่มหล่อเสียแล้ว  เค้าเพิ่งกลับจากการไปประจำที่ญี่ปุ่นหนึ่งปี เพิ่งกลับมานี่ได้สักสามเดือนแล้ว

เรื่องของเค้าที่เล่าให้ผมฟังก็คงมีแค่นี้เพราะส่วนมากเค้าจะถามผมเสียมากกว่า ผมเริ่มรู้สึกถึงวันเก่าๆ สมัยเราเด็กๆ นี่ถ้าเค้าไม่ได้ย้ายโรงเรียนเมื่อตอนนั้น เราจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้นะเนี่ย แต่ยังไงวันนี้ก็ถือเป็นโชคดีของผมที่โดนเพื่อนลากมาเที่ยววันนี้ เพราะอย่างน้อยๆ ผมก็ได้เจอเพื่อนเก่าคนนี้ ที่ผมได้มาเจอเค้าอีกครั้งเช่นนี้ ทำให้ผมรู้สึกดีใจแถมเป็นสุขใจอย่างบอกไม่ถูก คงเพราะไม่ได้เจอกันนาน มันเลยรู้สึกดีใจมากที่ได้เจอกันอีกครั้ง  ตอนนี้ผมเริ่มมึนๆ หน่อยๆ แล้วเพราะดื่มเข้าไปค่อนข้างเยอะแล้วเหมือนกัน



 TBC

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (ไม่)รักได้ไง
«ตอบ #3 เมื่อ28-10-2014 21:40:00 »

สงสัยจะเมาแล้วมีอะไรกันแน่เลย

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง
«ตอบ #4 เมื่อ28-10-2014 22:20:12 »

Ta-kiang

ผมจ้องหน้าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่วางตา ใบหน้านี้สินะที่ผมฝันถึงบ่อยๆ วันนี้ตอนที่ผมนั่งแทกซี่จะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ แต่พอออกจากคอนโดมาได้เพียงเล็กน้อย ตอนที่ติดไฟแดง สายตาผมก็มองผ่านไปเจอใบหน้านึงที่ผมจำได้ไม่เคยลืม เค้าขับรถมาจอดข้างๆ แทกซี่คันที่ผมนั่ง

“พี่เดี๋ยวตามรถคนนี้ไปนะครับ”

ผมรีบบอกคนขับแทกซี่ให้ตามไป ทันที เปลี่ยนใจที่จะไปสังสรรค์กับเพื่อนแทบจะในทันที ผมตามเค้าไปจนรู้ว่าเค้าน่าจะไปเที่ยว แต่แปลกที่ทำไมถึงมาคนเดียว แต่คิดว่าเค้าคงจะนัดเพื่อนไว้ ตอนแรกอยากจะเข้าไปทักเค้าทันที แต่กว่าผมจะจ่ายค่าแทกซี่เสร็จผมก็มองหาเค้าไม่เจอเสียแล้ว ผมรีบตามเข้าไปด้านในของผับ แต่พอเข้าไปก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาหลายคู่ที่มองมาที่ผม ผมเริ่มแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมที่นี่มีแต่ผู้ชายกันนะ แต่เมื่อมองไปบนเวทีผมก็เข้าใจ เพราะโคโยตี้ที่นี่นั้นเป็นผู้ชายที่ใส่เพียงชั้นในตัวจิ๋ว กำลังโยกย้ายตามเสียงเพลงอย่างยั่วยวน ไม่ต่างจากผู้หญิงที่ทำงานด้านนี้เลย

ผมกลืนน้ำลายลงคงอย่างยากลำบากเมื่อรับรู้ได้ว่าสถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นบาร์เกย์ แต่ก็แปลกที่มองจากภายนอกมันก็เหมือนกับผับธรรมดาทั่วไป ถึงผมจะเคยนึกพิสวาสเพศเดียวกันอยู่บ้าง แต่ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ผมฝันถึงก็มีแค่เพียงนายเค้ก คนเดียวเท่านั้น ผมเฝ้าคิดถึงเค้ามานาน แต่ไม่รู้จะไปติดต่อกับเค้ายังไง ชีวิตผมที่ผ่านมาแม้จะผ่านการคบหากับผู้หญิงมามากหน้าหลายตา แต่ผมกลับไม่เคยรู้สึกว่าผู้หญิงเหล่านั้นจะใช่สำหรับผมเสียที ตอนแรกผมตกใจตัวเองที่ทำไมคิดมีใจให้เพศเดียวกัน แต่พอลองนึกว่าต้องมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน  ผมก็รู้สึกจะคลื่นไส้แล้ว ยกเว้นก็แต่คนที่ผมตามเค้ามาวันนี้

ผมมองหาอยู่นานแต่ก็หาเค้าไม่เจอ เพราะภายในผับค่อนข้างสลัวๆ แต่ผมก็ไม่ละความพยายามจนในที่สุดผมก็มองเห็นหลังเค้าไวๆ ตรงทางเดินที่ออกมาจากห้องน้ำ ผมจึงรีบเข้าไปทักทาย แต่เหมือนเค้าจะจำผมไม่ได้ รู้สึกผิดหวังนิดหน่อย ทั้งที่ผมจำเค้าได้ในทันที แต่ทำไมเค้าจำผมไม่ได้ แต่ผมจะคิดเสียว่าผมคงหล่อขึ้นกว่าเดิมมากมั้งเค้าเลยจำไม่ได้ในตอนแรก แต่ยังไงเสียท้ายที่สุดเค้าก็จำผมได้ ก่อนจะชวนผมออกไปคุยกันด้านนอก

ผมแปลกใจแกมผิดหวังเล็กน้อยที่เค้าบอกว่าไม่ชอบสถานที่ที่เราเจอกันในวันนี้ เพราะเค้าโดนเพื่อนหลอกมา ผมเลยไม่ค่อยจะแน่ใจในตัวเค้า จากตอนแรกที่คิดว่าถ้าเค้ามาบาร์เกย์แบบนี้ อะไรมันก็คงง่ายขึ้นถ้าผมจะจีบเค้า แต่พอเค้าเหมือนจะปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่อย่างที่ผมเข้าใจ มันเลยอดที่จะคิดไม่ได้ว่าอะไรมันอาจจะยากขึ้น แต่แล้วเค้าก็เฉลยให้ผมฟังอย่างไม่ปิดบัง ว่าตัวเค้าเองเป็นเกย์ แต่ไม่ชอบสถานที่แบบนี้ ก็แปลกดีเหมือนกัน ทว่าเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ เค้าจะได้ไม่ต้องมาที่แบบนี้บ่อยๆ เพราะดูท่าที่นี่จะมีคนหมายตาเค้าไว้เยอะเหมือนกันนะ ก็เค้กชิ้นนี้ออกจะน่ากินปานนั้น เค้าไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากนัก ริมฝีปากแดงๆนั้น ใบหน้าที่ออกจะหวานๆ ถึงแม้จะไม่เท่ากับผู้หญิง แต่มันก็ชวนหลงใหลไม่น้อย

ผมเริ่มคิดแผนการที่จะสานต่อความสัมพันธ์กับเค้าให้มากขึ้น เพราะเหมือนเค้าจะขอตัวกลับ ผมเลยต้องรีบชวนเค้าไปคุยกันที่อื่นน่าจะดีกว่า จากมันสมองอันชาญฉลาดของผม ได้ประมวลผลเป็นที่เรียบร้อยว่าเค้กของผมชิ้นนี้ เคยพิสมัยการดื่มเบียร์นี่นา แผนการของผมก็เริ่มต้นขึ้น หลังจากตอนแรกที่เค้าเหมือนจะปฏิเสธเพราะกลัวขับรถกลับไม่ไหวถ้าดื่มมาก ผมเลยได้ทีเสนอให้เค้าจอดรถไว้ที่คอนโดของผม เป็นอันว่าแผนการขั้นที่หนึ่งสำเร็จไปได้ด้วยดี แต่แผนขั้นที่สองนี่สิ ผมกำลังคิดจะมอมเค้าแต่ที่เคยรู้จักกันมาตอนนั้นผมดื่มสู้เค้าไม่ได้เลย ถึงตอนนี้ผมจะพัฒนาฝีมือไปมากแล้วก็ไม่รู้จะสู้เค้าได้หรือเปล่า

แต่เหมือนโชคจะเข้าข้างผมเพราะถึงเค้าจะคอแข็งมากแต่การที่ผมไม่ค่อยช่วยเค้าดื่มเลย นานๆ เข้าเค้าก็เริ่มที่เหมือนจะมึนๆแล้ว ผมยิ้มอย่างมีชัยเมื่อเหยื่อของผมเริ่มเดินตามเกม ดูเค้าจะไม่รู้สึกเลยว่าผมกำลังคิดไม่ซื่อกับเพื่อนเก่าอย่างเค้า แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเพราะยังไงผมจะไม่ยอมปล่อยให้เค้าเป็นของใครอีกแล้ว

“เพราะแบบนี้หรือเปล่าเค้กถึงทำเหมือนไม่เคยแคร์ผมเลย”อยู่ๆก็มีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาพูดขึ้น ผมจ้องหน้ามันเขม็ง ไอ้นี่มันเป็นใครกัน ไม่ชอบขี้หน้ามันเลยสิให้ตาย ผมลอบมองเค้กเล็กน้อย เหมือนเค้าเองก็ไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่ที่มีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาขัดจังหวะของเราสองคน

“หมายความว่ายังไง”เหมือนเค้กเองก็ไม่ค่อยอยากจะเสวนากับไอ้ผู้มาใหม่นี่เท่าไหร่เลย

“ก็เลิกกันไม่กี่วัน เค้กก็มีแฟนใหม่เร็วเหลือเกินนะ หรือว่าที่จริงแล้ว แอบคบกันมานานแล้ว”รอยยิ้มเหยียดๆ นั่นเหมือนจะส่งมาทางผม ผมได้แต่ข่มอารมณ์ไว้ทั้งที่ในใจอยากจะ ต่อยไอ้นี่สักหมัด ผมพอจะเข้าใจเรื่องราวบ้างแล้วจากคำพูดของไอ้นี่ แสดงว่ามันต้องเคยคบกับเค้กแต่เลิกกันไปแล้ว และดูเหมือนมันจะเข้าใจว่าผมกับเค้กเป็นแฟนกัน

“เราไม่ได้แอบคบกันหรอกครับ เราสองคนรักกันมานานแล้ว แต่พอดีที่ผ่านมาผมต้องไปทำงานที่ญี่ปุ่นเลยไม่ค่อยได้ใส่ใจดูแลเค้าเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมกลับมาแล้ว เพราะงั้นคนคั่นเวลาอย่างคุณ ก็คงไม่มีความจำเป็นอีก เพราะเค้กเค้าจะกลับมารักกับผมเหมือนเดิมแล้ว”ไม่รู้อะไรทำให้ผมพูดออกไปแบบนั้น หวังว่าเค้กคงจะไม่โกรธผม แต่ผมไม่ชอบไอ้นี่เพราะงั้นขอถากถางมันหน่อยแล้วกัน หวังว่าเค้กจะรับมุกของผมด้วยนะ

“แน่ใจเหรอว่าคุณยังต้องการคนแบบนี้อยู่อีก”รอยยิ้มน่ารังเกียจนั่นเหมือนจะเยาะเย้ยผมอยู่ในที

“แน่ใจสิครับ”ผมตอบอย่างแน่วแน่ ดูเค้กจะแปลกใจกับการกระทำของผมอยู่พอสมควร แต่ผมก็ส่งสายตาเป็นนัยๆ แล้วว่าปล่อยตามน้ำไปก่อนนะ

“แล้วถ้าคุณบอกว่าเพิ่งกลับจากญี่ปุ่น งั้นคุณคงไม่รู้สินะ ว่าระหว่างที่คุณไม่อยู่คนที่คุณเห็นอยู่นี่เค้าไปมั่วมาขนาดไหน”สิ้นคำพูดนั้นผมลุกพรวดทันที หมายจะประเคนหมันให้ไอ้นี่เสียหน่อย ทำไมคนที่เคยคบกันเค้าถึงพูดกันแบบนี้เล่า นี่เค้กเคยไปคบกับไอ้นี่ได้ยังไง

“เพี๊ยะ”ผมชะงักไปทันทีเพราะเหมือนผมจะลุกช้ากว่าอีกคน ฝ่ามือของเค้าฟาดลงบนใบหน้าของไอ้คนปากเสียนั่นอย่างแรง จนเห็นเป็นรอยชัดเจน คนรอบข้างเริ่มจะหันมามอง

“ผมจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของผม ผมว่าเราสองคนคงไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีกแล้วมั้ง จากนี้ไปถือว่าเราคงไม่ต้องรู้จักกันอีก”เค้กพูดเสียงเย็น ไอ้บ้านั่นยังยืนนิ่งสายตาอาฆาตแค้นถูกส่งผ่านออกมาอย่างชัดเจน ผมเดินมาขวางเค้กพร้อมกับเตรียมพร้อมเต็มที่ ถ้ามันคิดจะมีเรื่อง

“ฝากไว้ก่อนเถอะ”มันหันมาสบถก่อนจะเดินจากไปอย่างหัวเสีย สงสัยจะอายคนเพราะคนเริ่มมองเยอะพอสมควร

“กลับเถอะ”เค้าหันมาบอกผม ไอ้ผมถึงจะยังไม่ค่อยอยากกลับเพราะแผนปฏิบัติการมอมเค้กดูเหมือนจะยังไม่เป็นผล เพราะไอ้บ้านั่นคนเดียวเลย ผมเลยต้องตามใจเค้ากลับ ระหว่างทางเค้านิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลย ผมก็คิดว่าเค้าคงไม่อยากพูดเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าแทกซี่เลยคิดว่าถึงคอนโดผมแล้ว ค่อยคุยกันอีกทีน่าจะดีกว่า

“จอดตรงเซเว่นข้างหน้านี่เลยนะครับ”อยู่ๆ เค้าก็บอกคนขับให้จอดผมหันไปมองเค้าด้วยสายตางงๆ ถึงนี่มันจะใกล้คอนโดผมแล้วก็เหอะ แม้จะใกล้จนเดินไปได้ แต่เค้าจะจอดทำไมกัน เค้าจ่ายค่าแทกซี่ก่อนจะลากผมลงจากรถเดินเข้า เซเว่น ผมมองมือนิ่มของเค้าที่จับมือผมให้เดินตาม อดที่จะยิ้มไม่ได้ เค้าจะรู้ตัวไหมว่าเค้าน่ารักขนาดไหน

“ขอดื่มต่อที่ห้องเกี๊ยงได้ไหม”พอเข้ามาในเซเว่นเค้าก็เฉลยในสิ่งที่ผมข้องใจ ก่อนจะหยิบเบียร์ในตู้แช่ออกมาใส่ตะกร้า ทั้งที่ผมยังไม่ได้อนุญาตเค้าเลย แต่แบบนี้แหละที่ผมต้องการ

“ขอโทษนะ”เค้าหยุดการหยิบเบียร์ก่อนจะหันมามองผมด้วยแววตาเหมือนจะกำลังสับสนกังวลใจ

“ขอโทษอะไรกัน”

“เกี๊ยงรังเกียจเราไหม ที่เป็นเกย์ แถมมั่วไม่เลือกแบบนี้”เหมือนเค้าจะเป็นกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่ลานเบียร์ ผมรู้สึกเจ็บแปล็บที่ใจเล็กน้อยกับคำพูดที่เค้ายอมรับว่าตัวเองมั่วไม่เลือก แต่ฟังดูน้ำเสียงเหมือนปรดชดตัวเองอยู่ในที นี่ถ้าผมเจอเค้าเร็วกว่านี้ ผมอาจจะไม่ปล่อยให้ใครได้เค้าไปเชยชมหรอก ถึงตอนนี้เค้าจะผ่านอะไรมาแต่มันก็แค่อดีต จากนี้ไปสิถึงจะสำคัญกับผม ผมไม่มีทางรังเกียจเค้าอยู่แล้ว

“ทุกคนต้องมีเหตุผลของตัวเอง มีสิทธิ์คิดและทำอะไรตามที่ตัวเองต้องการ เราไม่เคยรังเกียจเค้กหรอก เคยรู้สึกยังไงจากเมื่อก่อน ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม แม้ว่าเราจะไม่ได้เจอกันมานาน แต่เราก็เชื่อว่าเค้กยังคงเป็นคนดีคนเดิมที่เราเคยรู้จัก”และยังเป็นคนที่เรารักเสมอมา อยากจะพูดออกไปด้วยแบบนี้ แต่ดูคงจะยังไม่เหมาะ แต่คำพูดผมก็น่าจะช่วยให้เค้ารู้สึกดีขึ้น

“ขอบใจนะ นี่เราเห็นว่าเกี๊ยงยังไม่ค่อยได้ดื่ม เลยกะว่าจะซื้อกลับไปดื่มเป็นเพื่อนอีกสักหน่อย นานๆ เราจะได้เจอกันที”เค้ายิ้มให้ผม จนใจผมแทบละลาย นี่เค้าสังเกตด้วยเหรอว่าผมยังไม่ค่อยได้ดื่ม แต่เอะถ้าซื้อกลับไปดื่มอีกแบบนี้ ผมก็สามารถเริ่มแผนการมอมเค้กได้อีกสิเนี่ย เหอๆ แผนการอันชั่วร้ายเริ่มขึ้นในหัวสมองของผมอีกครั้ง

“ขอโทษอีกทีนะ ที่ทำให้เกี๊ยงถูกคนอื่นมองว่าเป็นเกย์”เค้าขอโทษผมอีกครั้งเมื่อเรามาถึงคอนโดของผม และช่วยกันจัดแจงอุปกรณ์การดื่มเสร็จแล้ว

“ไม่หรอก เพราะเราเองเป็นคนเริ่มพูดขึ้นมาแบบนั้นเองนี่เนอะ แต่ไอ้บ้านั่นมันก็เหลือเกิน แล้วเค้กเคยไปคบกับมันได้ไง”ผมเหมือนอารมณ์จะขุ่นๆ ขึ้นมาอีกเมื่อนึกถึงไอ้บ้านั่น แต่พอนึกได้ว่าผมละลาบละล้วงเรื่องของเค้ามากไปหรือเปล่า เพราะเห็นเค้าซึมๆไป

“โทษทีเราคงละลาบละล้วงมากไป”ผมเอ่ยอย่างสำนึกผิด

“ไม่เป็นไรหรอก เราทำตัวเราเองทั้งนั้น เรามันคนขี้เหงาเกี๊ยงก็น่าจะรู้ พอมีใครมาดีด้วยเราก็ไม่ปฏิเสธ แต่พอได้คบกัน เรากลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ คนที่เคยคบกับเราเลยไม่ค่อยแฮปปี้ ทั้งเรื่องบนเตียงที่เราไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วม เรื่องความเอาใจใส่คนอื่นอีก เราก็ไม่รู้ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น มันเลยทำให้เราคบใครได้ไม่นาน ก็โดนบอกเลิกตลอด”เค้าบอกเสียงเศร้า เค้กที่ผมรู้จักไม่น่าจะเป็นคนที่ไม่ใส่ใจคนอื่นนี่นา นี่แสดงว่าเค้ายังไม่เจอคนที่ใช่สินะ งั้นผมจะทำให้เค้ารู้สึกกับผมเอง

----------------------------
TBC


ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (ไม่)รักได้ไง [28-10-2014]
«ตอบ #5 เมื่อ28-10-2014 23:02:24 »

กำลังมองหาจุดต่อกับเรื่องนู้นอยู่  :hao3:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: (ไม่)รักได้ไง [28-10-2014]
«ตอบ #6 เมื่อ28-10-2014 23:29:00 »

น่าอ่านทั้งสองเรื่องเลย

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [28-10-2014]
«ตอบ #7 เมื่อ29-10-2014 06:46:13 »

เรื่องนี้จะเป็นการเล่าเรื่องผ่าน 2 ตัวละครนะครับ อาจจะเล่าเหตุการณ์เดียวกันบ้าง แต่ต่างมุมมอง หรือบางเหตุการณ์ก็เล่าแค่ฝ่ายเดียว แต่เรื่องก็จะดำเนินแบบสลับกันเล่าคนละตอนจนจบ

ส่วนเรื่องจุดเชื่อมต่อกับอีกเรื่อง จะมีตัวละครจากอีกเรื่องโผล่มาตอนท้ายๆ ไม่เยอะมากครับ คล้ายๆ บทรับเชิญเล็กๆ มากกว่า แต่ที่บอกไว้ก่อนเพราะมันจะไปสปอยล์อีกเรื่องนิดๆ  :hao3:


Cake
ผมลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ รู้สึกปวดหัวอย่างหนัก นี่แสดงว่าเมื่อวานผมดื่มหนักอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย ถึงผมจะเป็นคนที่ดื่มได้เยอะ แต่พอตื่นตอนเช้าผมจะมีอาการเมาค้างเสมอ เพราะอีตอนดื่มไม่ค่อยจะรู้สึก แต่พอตอนตื่นนี่สิ สมองน้อยๆของผมเริ่มคิดว่านี่ผมอยู่ไหน เพราะมองจากสภาพเพดานห้องแล้ว มันไม่ใช่ห้องผมนี่นา ลมหายใจอุ่นๆ ที่รดต้นคอผมอยู่ทำให้ผมใจหายวาบเลยทีเดียว

ใช่แล้วเมื่อวานผมเจอเพื่อนเก่าคนนึงที่เคยสนิทกันมาก เราเจอกันที่ผับ ก่อนเค้าจะชวนผมไปดื่มเบียร์สด แต่แฟนเก่าผมดันมาเจอแถมเข้าใจผิดคิดว่าผมกับเกี๊ยงเป็นแฟนกัน แต่เพื่อนผมก็ทำให้ผมแปลกใจอย่างมากที่เค้าดันตามน้ำเล่นเป็นแฟนกับผม ผมรู้ว่าเค้าคงอยากช่วยผม แต่เมื่อไอ้แฟนเก่าผมพูดว่าผมเป็นคนมั่วไม่เลือก ทั้งที่ผมก็ไม่ได้เป็นขนาดนั้นเสียหน่อย ผมกลัว กลัวว่าเพื่อนเก่าคนนี้จะรู้สึกรังเกียจผมหรือเปล่า ผมจึงชวนเค้ากลับ ผมไม่กล้าที่จะพูดคุยกับเค้า แต่ก็คิดว่าน่าจะชวนเค้าดื่มต่ออีกหน่อย เผื่อผมจะกล้าขอโทษเค้า อีกอย่างผมเห็นเค้าเหมือนจะยังไม่ค่อยได้ดื่มเท่าไหร่เลย แต่หลังจากดื่มเข้าไปอีกครั้ง พอนึกถึงตรงนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเหมือนจะทำให้ผมรู้สึกหน้าชาขึ้นมาทันที ผมรีบยันตัวลุกขึ้น แต่เหมือนคนข้างหลังจะไม่ยอมปล่อยผมจากอ้อมกอด นี่ผมทำอะไรลงไปกันเนี่ย

“อย่าเพิ่งลุกสิ”น้ำเสียงของเจ้าของมือพูดขึ้นทั้งที่ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมาเลย

“ปล่อยเราก่อนเกี๊ยง”ผมพยายามแกะมือเค้าออก นี่เค้าจะคิดยังไงกับผมกัน ทำไมกันนะผมถึงได้ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล จนนี่ผมอาจจะเสียเพื่อนไปก็ได้ ผมไม่น่าปล่อยให้อะไรมันเลยเถิดเลย ถ้าย้อนเวลาได้ผมจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น เราสองคนไม่ได้รักกันอีกอย่างเค้าเองก็ไม่ใช่เกย์ คงแค่อยากจะลิ้มลองอะไรที่แปลกใหม่ และคงคิดไปแล้วด้วยว่าผมง่ายกับใครก็ได้ เพราะไอ้แฟนเก่าก็พูดปาวๆให้เค้าได้ยินแล้วนิว่าผมมันมั่วไม่เลือก

“ยังไม่อยากลุกเลย”เค้าพูดพร้อมกับดึงผมเข้าไปกอดกระชับอีก แล้วมือนั้นก็เริ่มอยู่ไม่สุข ลูบไล้ตั้งแต่แผงอกของผมและต่ำลงไปเรื่อยๆ จนผมต้องจับมือในให้อยู่นิ่งมื่อมันเคลื่อนที่จะลงไปหาส่วนที่อ่อนไหวของผม ที่เหมือนมันจะเริ่มตื่นตัวเพราะสัมผัสจากเค้า เหมือนเลือดในกายผมสูบฉีดแรงขึ้น นี่ทำไมผมมีอารมณ์ตอบสนองกับเพื่อนคนนี้กัน

“ขอโทษนะ เรื่องเมื่อคืนมันไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย”ผมเอ่ยอีกครั้งอย่างรู้สึกผิด ถึงแม้ผมจะไม่ได้เป็นฝ่ายล่วงเกินเค้า ถึงแม้เค้าจะเป็นฝ่ายกระทำ แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดที่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น ผมกลัว กลัวมันจะเป็นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา การเริ่มต้นที่ไม่ได้เกิดจากความรัก เค้าคลายอ้อมแขนออกหลังจากที่ได้ยินในสิ่งที่ผมพูด แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนจะเสียดายนะ แต่ก็ถูกแล้วที่เค้าจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ เค้าเองก็คงรู้สึกตัวแล้วว่าเราได้ทำผิดพลาดไป

“มันจะไม่เกิดขึ้นอีก”ผมหันไปบอกกับเค้าดูสีหน้าเค้ามีแววงุนงงไม่เข้าใจ และเหมือนจะไม่พอใจ เค้าจะเกลียดผมไหมนะ ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลย แม้เราจะไม่ได้เจอกันมานาน แต่ผมก็ยังรู้สึกผูกพันกับเค้าเหมือนเดิม ผมยังอยากเป็นเพื่อนกับเค้าเหมือนเดิม

“หมายความว่ายังไง พูดเหมือนเมื่อคืนมันเป็นเรื่องผิดพลาดอย่างนั้นแหละ ทั้งที่เค้กเองก็ดูมีความสุขดีนี่นา”คำพูดของเค้ายิ่งตอกย้ำให้ผมรู้สึกไม่ดี นี่ผมรู้สึกดีกับการมีเซกซ์กับเพื่อนที่เค้าไม่ได้มีใจฝักใฝ่เพศเดียวกันอย่างผม เหมือนผมได้ทำให้เค้าแปดเปื้อนเสียแล้ว

“เราเป็นเพื่อนกันนะเกี๊ยง และก็ยังอยากจะเป็นอย่างนั้นต่อไป ถ้าเกี๊ยงยังให้โอกาสเราได้เป็นเพื่อนกันอีก เราสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก เราไม่บอกเรื่องนี้กับใครหรอก สบายใจได้จะไม่มีใครรู้ว่าเกี๊ยงเคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน”ผมพยายามหาเหตุผลให้เค้ายังยอมเป็นเพื่อนกับผมอยู่ ผมไม่อยากเสียเพื่อนเพราะอารมณ์ชั่ววูบกับเรื่องแบบนี้

“ถ้าเราไม่อยากเป็นเพื่อนกับเค้กอีกต่อไปล่ะ”น้ำเสียงและแววตาที่ดูจริงจังทำเอาผมต้องสลด เมื่อรู้ว่าเค้าคงไม่อยากเป็นเพื่อนกับผมอีกต่อไปแล้ว

ออฟไลน์ zeroj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: (ไม่)รักได้ไง [29-10-2014]
«ตอบ #8 เมื่อ29-10-2014 13:55:44 »

ไม่อยากเป็นเพื่อน  แต่อยากเป็น  สามี  แทน  อ่ะ  เป็นได้มั้ยล่ะ   น้องเค้กกกกกกกกก

เกี๊ยงจะพูดแบบนี้ใช่ป่ะ  อิอิอิ    :fox2: :fox2: :fox2: :fox2: :fox2: :fox2: :fox2: :fox2:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [29-10-2014]
«ตอบ #9 เมื่อ29-10-2014 20:57:45 »

Ta-kiang

เช้านี้ผมตื่นมาด้วยความรู้สึกเป็นสุข ที่มีใครอีกคนอยู่ในอ้อมกอด ผมยังนอนต่อไปหลับตาลงเมื่อเห็นว่าเค้ายังไม่ตื่น หวนนึกถึงค่ำคืนที่เร่าร้อนของเราสองคนที่ผ่านมา

“อาบน้ำไหวไหม”ผมถามเค้าเมื่อเบียร์ที่เราสองคนซื้อมาได้หมดลงไปแล้ว ด้วยประสิทธิภาพการทำลายล้างของเค้าล้วนๆ เพราะผมกะจะมอมเค้าเลยไม่ค่อยช่วยดื่ม แต่เหมือนเค้าจะยังมีสติดีอยู่ เพียงแค่เริ่มอ่อนแรงเท่านั้น

“ถ้าไม่อาบจะยอมให้เรานอนด้วยไหมเนี่ย”เค้าถามอย่างยิ้มๆ แสดงว่าไม่ต้องการที่จะอาบน้ำ

“งั้นเดี๋ยวเราเอาบอกเซอร์ให้เปลี่ยน จะได้นอนสบายๆ ไม่อาบก็ได้ไว้เราเช็ดตัวให้ได้”ผมเริ่มคิดอีกแผนการและไม่ทันให้เค้าได้ปฏิเสธ ผมรีบไปรื้อห้าบอกเซอร์ กลับมาหาเค้าที่นอนแผ่อยู่บนเตียง พร้อมกับอุปกรณ์เตียมเช็ดตัวให้

“จะไปไหน”ผมถามเมื่อเห็นเค้าลุกหยิบกางเกงที่ผมหามาให้

“จะไปเปลี่ยนในห้องน้ำ”เค้าตอบเสียงงัวเงีย สงสัยคงจะเพลียมากแล้ว

“เปลี่ยนตรงนี้ก็ได้ เพื่อนกันไม่ต้องอายหรอก จะได้รีบเช็ดตัวรีบนอน”สมองผมเริ่มสั่งการให้คิดแผนการอันชั่วร้ายอีกครั้ง

“ไม่ต้องเช็ดก็ได้นะ”ดูเค้ายังอิดออด แต่ก็หันหลังไปเริ่มถอดเสื้อผ้าออก ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากที่ได้เห็นภาพตรงหน้า อยากจะวิ่งเข้าไปตะครุบเสียให้ได้ แต่ต้องอดทนไว้ เพราะผมมีแผนไว้แล้ว

“โทษทีนะที่ทำให้ลำบาก”ปากเค้ายังคงพูดเสียงงัวเงีย ตอนนี้เค้านอนลงให้ผมเช็ดตัวแล้ว ตอนแรกเค้าขอเสื้อด้วยแต่ผมบอกว่าเดี๋ยวเช็ดเสร็จจะเอามาให้ใส่ แต่ถ้าแผนการของผมสำเร็จเค้าคงไม่ได้ใส่เป็นแน่ ผมพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่น ผมเริ่มปฏิบัติโดยการเช็ดและเน้นบริเวณที่จะกระตุ้นความรู้สึกของเค้า ไม่ว่าจะเป็นยอดอกสีชมพูนั่น หรือท้องน้อยตำลงไปจนถึงส่วนที่มีไรขนอ่อนโผล่พ้นออกมานอกกางเกงนั้น รวมทั้งเช็ดไปบริเวณต้นขา แถมด้วยแกล้งเอามือไปโดนบางอย่างที่อยู่ในกางเกงบอกเซอร์นั่น และเหมือนมันจะได้ผล เมื่อผมสังเกตเห็นบอกเซอร์เริ่มมีการตุงขึ้นมา อยากบอกเหลือเกินว่าอารมณ์ผมก็ไม่ได้ต่างจากเค้าหรอก

“พอ...พอเถอะ”เสียงตะกุกตะกักบอกกับผม เมื่อผมกำลังจะเช็ดลึกเข้าไปด้านในกางเกง แต่ผมไม่ฟัง

“ถ้าไม่เช็ดตรงนี้ด้วยเดี๋ยวมันจะหมักหมมนะ”ผมบอกพร้อมกับสอดผ้าเค้าไปด้านใน เค้าสะดุ้งคงไม่คิดว่าผมจะทำอะไรแบบนี้ จนเค้าต้องพยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่ช้ากว่ามือผมเสียแล้ว ผมยิ้มอย่างมีชัยเมื่อสัมผัสได้ว่า ส่วนนั้นของเค้ามันได้ตื่นตัวแล้ว

“ให้ช่วยไหม”ผมเงยหน้าขึ้นไปถามเค้าแต่มือยังคงเกาะกุมส่วนนั้นไว้เหมือนเดิม เค้าส่ายหน้าอย่างอายๆ แต่แววตานั้นกลับเต็มไปด้วยแรงปรารถนา ผมแทบจะห้ามใจไม่ไหวอยู่แล้ว

“โทษทีนะ แต่ช่างมันเถอะ เดี๋ยวมันคงสงบเอง”เค้าบอกอย่างอายๆ พร้อมกับจะถอยหนี แต่ผมเริ่มขยับมือขึ้นลงพร้อมกับดึงบอกเซอร์ร่นลงไปให้ส่วนนั้นของเค้าออกมาได้อย่างสะดวก

“ยะ....อย่า”เสี่ยงสั่นๆ นั้นช่างเร้าอารมณ์ผมเหลือเกิน เค้าลุกขึ้นนั่ง มือก็พยายามผลักผมออกแต่เหมือนเรี่ยวแรงเค้าจะไม่มีเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์นั้นเอง แม้จะเห็นว่าเค้าพยายามขัดขืน แต่ผมก็คงหักห้ามใจตัวเองไม่ไหวแล้ว ผมประกบปากลงไปบนริมฝีปากบางนั้น ก่อนจะเลื่อนลงมาไซร้ซอกคอโดยที่มือก็ยังปฏิบัติภารกินเบื้องล่างต่อไป

“ทำแบบนี้จะดีเหรอ”เสียงหอบเล็กๆ ของเค้าประท้วงดังขึ้น แต่ผมไม่ได้ตอบยังคงดำเนินกิจกรรมต่อไป แล้วในที่สุดเค้าก็เกร็งตัว พร้อมกับขืนออกห่างจากผมแต่ผมไม่ปล่อยเค้า จนเค้าปล่อยของเหลวข้นขุ่นนั้นออกมา ก่อนจะนอนซบลงมาที่ผมอย่างเหนื่อยหอบ

“เราช่วยเค้กแล้วทีนี้ เค้กต้องช่วยเราบ้างนะ”ผมกระซิบที่ข้างหูเค้าพร้อมกับดึงมือเค้ามาจับสอดเข้าไปในกางเกงผมจนสัมผัสได้ถึงความร้อนรุ่มในตะเกียงน้อยของผม

“ไม่...ไม่ดีมั้ง”เค้าพยายามจะขืนตัวออกห่าง เหมือนจะไม่ยอมทำตามที่ผมร้องขอ แต่มีหรือผมจะยอม

“นี่เค้กจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวได้ไง เราอุตส่าห์ช่วย แล้วไม่คิดจะตอบแทนกันบ้างเหรอ”ผมแสร้งทำเป็นตัดพ้อ ผมรู้ว่าเพื่อนคนนี้มีนิสัยห่วงความรู้สึกคนอื่น และผมต้องใช้ตรงนี้ให้เกิดประโยชน์ เค้ายังมีสีหน้าลังเล ผมเลยประกบริมฝีปากเข้ากับปากของเค้าอีกครั้ง พร้อมกับผมเริ่มขยับมือเค้าที่ผมจับให้มันเกาะกุมตะเกียงน้อยของผมอยู่ โชคดีที่เค้กเป็นเกย์อยู่แล้วเรื่องทุกอย่างเลยค่อนข้างง่ายขึ้น นี่ถ้าเกิดเค้าเป็นผู้ชายปกติ ผมเองยังไม่รู้เลยว่าผมจะมาถึงขั้นนี้ได้เร็วขนาดนี้หรือเปล่า

ไม่นานผมก็ไม่ต้องบังคับมือนั้นอีก พอถอนปากออกจากริมฝีปากบางนั้น มันทำให้ผมอยากให้ตะเกียงน้อยได้สัมผัสกับริมฝีปากอันหอมหวานนี่เหลือเกิน ไวเท่าความคิด ผมใช้มือกดให้ศีรษะของเค้าต่ำลงไปด้านล่าง เค้าเหมือนจะอิดออดในตอนแรกเล็กน้อย แต่เมื่อเค้าเงยหน้าขึ้นมาผมก็พยักหน้าให้เค้าเหมือนว่าเค้าเข้าใจถูกแล้วว่าผมต้องการอะไร พร้อมกับส่งสายตาเว้าวอนให้เค้าเต็มที่

และแล้วริมฝีปากนั้นก็ครอบลงบนตะเกียงน้อย สร้างความเสียวซ่านให้ผมอย่างมาก เค้าสร้างความกระสันให้ผมอย่างมาก เหมือนความต้องการที่จะครอบครองตัวเค้าของผมจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก

“พอก่อน”ผมรีบห้ามเมื่อสำนึกได้ว่า ยังไม่อยากเสร็จด้วยริมฝีปากนี้ เค้าเงยหน้าขึ้นมาอย่างขัดใจ ที่ผมไปขัดขวางการกินไอติมอย่างเอร็ดอร่อยนั้น ผมดึงเค้าเข้ามาจูบอีกครั้ง ก่อนจะจับให้เค้านอนหงายลงไป และผมก็ขึ้นคร่อมที่ตัวเค้า

“เกี๊ยงอาจจะเสียใจนะที่คิดจะทำแบบนี้”คำพูดเหมือนจะไม่อยากให้ผมล่วงล้ำ แต่จากสีหน้าและแววตาแล้วผมว่าเค้าก็กำลังต้องการผมเหมือนกัน ผมไม่ได้ตอบเค้าแต่เริ่มแทรกสอดความแข็งแกร่งเข้าไปในตัวเค้าอย่างช้าๆ เค้าผวาขึ้นมากอดผม ผมค่อยๆดันเข้าไป จนสุดก่อนจะเริ่มขยับจากช้า และเร็ว แรงขึ้น

เหมือนเค้าจะช่ำชองในเรื่องนี้เหลือเกิน เพราะไม่ว่าผมจะรุกแบบไหนเค้าก็รับมือได้แทบจะทุกกระบวนท่า ช่างเป็นเซกซ์ที่ผมมีความสุขมากเหลือเกิน อย่างที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน ทั้งเร่าร้อนและเนิ่นนาน กว่าที่พายุรักของเราจะสงบลง

พอสงบลงผมเห็นว่าเค้าคงสร่างเมาแล้ว เลยชวนอาบน้ำด้วยกัน ดูเค้าเหมือนจะอายๆ และกังวลใจบางอย่าง แต่ทนลูกตื้อของผมไม่ไหว และในห้องน้ำเราก็ได้มอบความสุขให้แก่กันอีกหนึ่งยก ก่อนจะกลับมาต่อที่เตียงอีกหนึ่งยก ผมอดที่จะยิ้มกับตัวเองไม่ได้ที่ได้มีอะไรกับคนที่ผมฝันถึงมานาน แต่พอตื่นขึ้นมาปรากฏว่าเค้ากลับมองเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราเป็นความผิดพลาดที่ไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นอีก แต่ผมจะไม่ยอมเด็ดขาด

“ถ้าเราไม่อยากเป็นเพื่อนกับเค้กอีกต่อไปล่ะ”ผมสวนออกไปทันทีเมื่อเค้าคิดอยากจะคงความสัมพันธ์ของเราเป็นแค่เพื่อนเหมือนเดิมทั้งที่เรามีอะไรเกินเลยไปขนาดนั้นแล้ว ดูเค้าจะตกใจที่ผมบอกว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับเค้าอีกต่อไป ผมไม่รู้หรอกว่าเค้าคิดยังไง แต่ผมไม่ยอมให้เค้าไปเป็นของคนอื่นอีกต่อไป ตอนนี้ผมถือว่าเค้าเป็นของผมแล้ว แม้ตอนนี้จะเป็นเพียงร่างกาย แต่อีกไม่นานเถอะหัวใจของเค้าจะต้องเป็นของผม คนเดียวเท่านั้น

“ถ้าเกี๊ยงต้องการแบบนั้น เราก็ทำให้ได้”เค้ายังคงบอกเสียงเศร้า นี่เค้าคิดว่าผมจะเลิกคบกับเค้าหรือไงกัน แล้วถ้าผมบอกเจตนาที่ผมต้องการจริงๆ เค้าจะว่ายังไง

“ไม่ว่าเราจะต้องการแบบไหน เค้กก็ทำให้เราได้ใช่ไหม”แผนการพิชิตใจเค้าเริ่มขึ้นในหัวผมอีกครั้ง ผมมั่นใจว่าถ้าเป็นไปตามแผน ยังไงเค้าก็ต้องรักผมเข้าสักวันแน่ๆ จะว่าผมหลงตัวเองก็ยอม เพราะยังไงอย่างน้อย เมื่อคืนเค้าก็ยอมมีอะไรกับผมมาแล้ว แสดงว่าเค้าไม่ได้รังเกียจที่จะให้ผมเป็นมากกว่าเพื่อนหรอกน่า

“ได้สิ เราทำเพื่อเพื่อนได้เสมอ”ดวงตาคู่นั้นเหมือนจะแดงระเรื่อขึ้นมา

“งั้นเค้กมาเป็นแฟนกับเรานะ”ดวงตาของเค้าเบิกกว้างขึ้นทันทีที่ผมพูดจบ ความสงสัยปนกับความไม่แน่ใจฉายชัดขึ้นในแววตานั้น

“ตะ...แต่เรา...เราสองคนไม่ได้รักกันนี่นา”เสียงตะกุกตะกักเอ่ยขึ้น เค้าคงไม่คิดว่าอยู่ๆ เพื่อนเก่าอย่างผมที่เพิ่งจะได้กลับมาเจอกันจะพูดแบบนี้กับเค้า แค่เหตุการณ์เมื่อคืนเค้าก็คงแปลกใจมากแล้ว

“แล้วเค้กรังเกียจเรางั้นเหรอ”

“เราก็ไม่ได้เกลียดอะไรอะไรใน ตัวเกี๊ยงหรอก”เขาเอ่ยเสียงแผ่วซึ่งคำพูดของเค้าก็เข้าทางผมอีกจนได้ ผมชักเริ่มสนุกกับการได้ไล่ต้อนเค้าแบบนี้เสียแล้ว คอยดูเค้กเอ๋ย เดี๋ยวนายจะต้องไม่มีทางหลุดมือจากเราไปได้แน่นอน

“งั้นแปลว่าเค้กรักเรา”ผมทักท้วงเอาเอง

“มันก็ไม่ใช่แบบนั้น”ผมแกล้งชักสีหน้าเคืองๆ เหมือนจะน้อยใจที่เค้าปฏิเสธผม ผมรู้ว่าเค้าไม่ได้รังเกียจผมแต่เค้ายังแคร์ผมแค่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น

“คือเรา...ไม่รู้จะว่ายังไง”เค้ายังคงอ้ำอึ้งต่อไป

“สรุปว่าเค้กจะไม่รับผิดชอบเรื่องเมื่อคืนใช่ไหม”แหมผมก็พูดไปได้ ทำยังกะผมเป็นผู้ถูกกระทำงั้นแหละ ทั้งที่เป็นฝ่ายทำเค้า แต่คนอย่างเค้กมันต้องใช้ไม้นี้ เพราะเค้าจะรู้สึกผิดกับสิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่แน่ๆ

“แล้วทำไมต้องให้รับผิดชอบแบบนี้ด้วย”เค้ายังคงไม่ยอมรับข้อเสนอของผม

“ก็ไหนว่าจะทำตามที่เราต้องการไง”ผมแกล้งพูดเสียงเย็นเหมือนไม่พอใจเค้าอยู่ จนหน้าเค้าซีดหมดแล้ว

“ถ้า...ต้องการแบบนั้นจริงๆ ...เอาอย่างนั้นก็ได้”เสียงเค้าเบาจนผมเกือบจะไม่ได้ยิน แต่อย่างน้อยผมก็พอใจในคำตอบนั้น


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (ไม่)รักได้ไง [29-10-2014]
« ตอบ #9 เมื่อ: 29-10-2014 20:57:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (ไม่)รักได้ไง [29-10-2014]
«ตอบ #10 เมื่อ29-10-2014 22:37:23 »

เหมือนเกี๊ยงจะหื่นนะ  :z1:

ออฟไลน์ heroza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: (ไม่)รักได้ไง [29-10-2014]
«ตอบ #11 เมื่อ29-10-2014 22:46:53 »

น่ารัก~~~~ แล้วแบบนี้ก็เหลือเหลือแค่การศึกษาดูใจแบบแฟน คุๆ

รออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: (ไม่)รักได้ไง [29-10-2014]
«ตอบ #12 เมื่อ29-10-2014 23:35:10 »

เกี๊ยงเจ้าเล่ห์ที่สุด o13

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: (ไม่)รักได้ไง [29-10-2014]
«ตอบ #13 เมื่อ30-10-2014 01:03:08 »

แหมๆๆๆแอ๊บเป็นผู้เสียหายเลยนะย่ะ55555

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [29-10-2014]
«ตอบ #14 เมื่อ30-10-2014 13:13:47 »

Cake

“ถ้า...ต้องการแบบนั้นจริงๆ...เอาอย่างนั้นก็ได้”ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องตอบเค้าออกไปแบบนั้น ผมไม่เข้าใจเพื่อนเก่าของผมคนนี้เลย นี่เค้ากำลังจะเล่นตลกอะไรกับผมหรือเปล่า ผมไม่น่าปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับเราสองคนเลย ผมยอมรับว่าการมีอะไรกับเค้าเมื่อคืนมันเป็นครั้งที่ผมมีความสุขมาก มันช่างแตกต่างจากครั้งก่อนๆ ที่ผมเคยผ่านมา แต่ผมก็คิดว่าเพื่อนเก่าของผมทำไปเพราะสถานการณ์และอารมณ์ที่ควบคุมไม่อยู่ และตอนนี้เค้ากำลังจะทำอะไรกับผมกันแน่ เค้ากำลังโกรธผมอยู่หรือเปล่า ถึงได้ทำอะไรแบบนี้ ผมว่าตอนนี้เค้ากำลังนึกสนุกอยากมีประสบการณ์ที่แปลกใหม่ แต่ผมละ ตอนนี้ผมกลัว เพราะกำลังรู้สึกว่าในตัวเค้ามีความอบอุ่นอย่างที่ผมเคยตามหามานาน

ความจริงแต่ก่อนผมก็รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆ เค้า แต่มันก็เป็นเพียงความรู้สึกที่เพื่อนสนิทพึงจะมีให้เท่านั้น แต่ตอนนี้ผมกลัวว่าถ้าผมจะถลำตัวไปหาเค้ามากเกินไป วันนึงเกิดเค้าเบื่อประสบการณ์แบบนี้ขึ้นมา วันนั้นผมอาจจะเผลอใจให้เค้าไปแล้วก็ได้ และคนที่จะลำบากก็คือผมเอง

“งั้นเป็นอันว่าตอนนี้เราสองคนเป็นแฟนกันแล้วนะ”เสียงของเค้ากระซิบที่ข้างหูของผมก่อนจะดึงผมไปกอดแนบอกกว้างนั้นมากขึ้น นี่ผมตกลงเป็นแฟนกับเค้าไปแล้วเหรอนี่ นี่มันก็ไม่ได้ต่างจากทุกครั้งของผมสักเท่าไหร่หรอก เพราะทุกครั้งที่ผมจะได้คบกับใครมันก็เกิดจากการไปเที่ยวและดื่มจนเมาและจบลงที่เตียงนอนเช่นนี้ ก่อนจะตกลงเป็นแฟนกัน ผมเจอแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนและผมก็รู้จุดจบของเรื่องราวนั้นทุกตอน

แต่ทุกครั้งผมจะไม่ค่อยเสียใจกับการที่ต้องถูกบอกเลิก แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกไม่อยากจบแบบนั้นเลย เพราะตะเกียงเป็นเพื่อนผม ผมไม่อยากให้เค้าเกลียดผมเหมือนคนอื่นๆที่ผมเคยคบด้วย ผมยังอยากให้เราดีต่อกัน แม้ว่าวันนึงจะต้องจบไปก็ขอให้เค้าอย่ารังเกียจผมเลย

“งั้นเรามาทำข้อตกลงกันหน่อยนะ”เค้าจับให้ผมจ้องมองหน้าเค้า นี่ผมต้องมีข้อตกลงอะไรกับเค้าอีกงั้นเหรอ

“ข้อตกลงอะไรกันอีก”ผมถามด้วยความสงสัย

“ข้อตกลงการเป็นแฟนกันของเราสองคนไง”น้ำเสียงที่ตอบกลับมามันเหมือนกับคนที่กำลังสนุกกับการได้มีของเล่นใหม่ยังไงยังงั้น เค้ากำลังเห็นผมเป็นของเล่นของเค้าหรือเปล่านะ ถ้าผมไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยากมากไปกว่านี้ผมควรจะหยุดเรื่องนี้น่าจะดีกว่า

“เราว่าให้เราสองคนได้เรียนรู้กันมากกว่านี้ก่อนดีไหม แล้วค่อยมาพูดเรื่องเป็นแฟนกันอีกที ตอนนี้เราขอให้เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ไหม”ผมขอร้องออกไป ถึงแม้ตอนแรกจะบอกว่ายอมเป็นแฟนกับเค้า แต่พอมาคิดอีกทีผมว่าผมไม่ควรที่จะยอมเค้าน่าจะดีกว่า

“อ้าวก็ไหนบอกว่าจะยอมเป็นแฟนกันแล้วไม่ใช่เหรอ ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้นนะ”เค้าทำท่าไม่พอใจ

“เราคิดดูแล้ว ว่าไม่ควรเป็นแฟนกับเกี๊ยงหรอก เพราะถ้าเกิดวันนึงที่เราสองคนคิดได้ว่าไม่ควรให้เรื่องในวันนี้มันเกิดขึ้น เราทั้งสองอาจจะต้องมานั่งเสียใจกับสิ่งที่เราได้ทำลงไปก็ได้”ผมพยายามจะอธิบาย แต่ดูสีหน้าเค้าไม่ค่อยจะพอใจกับสิ่งที่ผมพูดสักเท่าไหร่

“ไม่รู้ละ ยังไงนายก็ตกลงไปแล้วนี่นาว่าจะยอมเป็นแฟนกับเรา ยังไงเมื่อคืนเราสองคนก็เป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อนไปแล้ว จะให้เป็นแค่เพื่อนเหมือนเมื่อก่อนมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”เหมือนเค้าจะยังดึงดัน ไม่ยอมรับฟังผม เค้ามีเหตุผลอะไรกันที่จะมาบีบบังคับให้ผมเป็นแฟนกับเค้าแบบนี้

“ถ้ากลับไปเป็นเพื่อนกันไม่ได้ เราสองคนก็กลับไปเป็นคนไม่รู้จักกันก็ได้นะ คิดซะว่าเราสองคนยังไม่ได้เจอกัน ยังไงเราก็ไม่ได้เจอกันมาตั้งนานแล้วนี่นา ก็คิดเสียว่ากลับไปดำเนินชีวิตในแบบของแต่ละคนเหมือนเดิม”ถึงผมจะยังอยากเป็นเพื่อนกับเค้า แต่ถ้าจะต้องคบเค้าเป็นแฟน แล้ววันนึงซึ่งผมรู้อยู่แล้วว่า การเป็นแฟนของเรามันต้องจบลงอย่างไม่สวยงามแน่ๆ ผมก็อยากเก็บแค่ความทรงจำเดิมที่เคยมีต่อเพื่อนคนนี้ไว้ก็พอ ผมจะคิดซะว่า เมื่อคืนผมไม่ได้เจอเค้า พรุ่งนี้ผมจะจำแค่ว่าเคยมีเพื่อนชื่อ เด็กชายตะเกียง เมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก ม.ต้น

ดวงตาเค้าเบิกกว้าง สีหน้าแววตา เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เหมือนเค้ากำลังโกรธอย่างมาก แต่ไม่เป็นไรผมจะยอมให้เค้าโกรธผม จะเกลียดก็ไม่เป็นไร การที่โดนคนอื่นเกลียดมันเหมือนจะเป็นเรื่องปกติของผมไปเสียแล้ว ก็ทุกคนที่เคยคบกับผมเค้าก็เกลียดผมกันทั้งนั้นนี่นา

“ทำไมนายถึงไม่ยอมเป็นแฟนกับเรา”เค้าตะคอกผมเสียงดัง

“เพราะเราเป็นเพื่อนกัน และอีกอย่างเราสองคนไม่ได้รักกัน”ผมตอบออกไปเสียงเรียบ ผมทบทวนดูแล้วว่านี่มันคือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ผมไม่ได้รักเค้าในแบบคนรัก ผมรักเค้าในแบบเพื่อน ส่วนเค้าเองก็คงไม่ได้รักผมเช่นกัน

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: (ไม่)รักได้ไง [30-10-2014]
«ตอบ #15 เมื่อ30-10-2014 21:01:36 »

นายเอกชอบคิดเองเออเอง

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [30-10-2014]
«ตอบ #16 เมื่อ30-10-2014 22:45:56 »

Ta-kiang

“เพราะเราเป็นเพื่อนกัน และอีกอย่างเราสองคนไม่ได้รักกัน”คำพูดของเค้าที่เปล่งออกมามันทำให้ผมเลือดขึ้นหน้าทันที ทำไมกันนะทั้งที่ตอนแรกเค้าก็จะยอมเป็นแฟนกับผมอยู่แล้วเชียว แล้วทำไมถึงได้ตัดสินใจใหม่ได้เร็วขนาดนี้ หรือผมจะเร่งรัดเค้าเกินไป แต่ผมไม่อยากรีรออะไรอีกแล้ว ผมเฝ้าฝันถึงเค้ามานาน แล้วเรื่องอะไรจะยอมปล่อยให้เค้าหลุดมือไป แถมดูคำพูดของเค้าสิ บอกว่าถ้าเป็นเพื่อนกันไม่ได้ก็ให้คิดว่าไม่เคยได้เจอกัน ทำไมกันนะเค้าถึงคิดจะตัดเยื่อใยกับผมแบบนี้ ทั้งที่ผมคิดว่าถ้าได้มีอะไรกับเค้าแล้ว เรื่องอะไรๆ มันจะง่ายขึ้น แต่นี่ทำไมดูมันจะยิ่งยุ่งยากกันนะ ผมพยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลงก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างออกไป

“งั้นเราคงสถานะเป็นเพื่อนกันไว้ก่อนก็ได้ แต่มีข้อแม้นะ”แววตาสงสัยฉายชัดขึ้นในดวงตาของเค้า คิดเหรอว่าผมจะยอมง่ายๆ

“ข้อแม้อะไร”ดูเค้ายังหวั่นๆในเรื่องข้อแม้ที่ผมจะขอ

“นายต้องยอมมีอะไรกับเราบ้างในระหว่างที่เราคบกันแบบเพื่อนนี้”ข้อแม้ปัญญาอ่อนของผมคงสร้างความประหลาดใจแก่เค้าไม่น้อย

“เพื่อนกันที่ไหน เค้าจะมีอะไรกันแบบนั้นล่ะ”คำพูดคัดค้านของเค้าดันเข้าทางผมพอดีเลย

“ก็นั่นนะสิ เพื่อนที่ไหนจะทำแบบเราสองคนเมื่อคืนกัน ถ้าไม่ใช่เพื่อนงั้นคนที่ทำแบบนั้นกันเค้าเรียกว่าอะไรกันน้า”ผมแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า จนเค้าหน้าแดงเป็นลูกตำลึง

“งั้นเราขอเป็นแค่คนที่ไม่เคยรู้จักนายแล้วกัน”เค้าปรับสีหน้าก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนผมอดที่จะรู้สึกน้อยใจไม่ได้ ทำไมเค้าเรื่องมากจังนะ ทำยังไงกันเค้าถึงจะยอมเป็นแฟนกับผม

“ตกลงๆ เป็นแค่เพื่อนกันธรรมดาก็ได้ แต่เราขอโทรหานายทุกวันเลยได้ไหม แล้วก็ออกไปทานข้าว ดูหนังกันบ้าง วันหยุดก็ออกไปเที่ยวด้วยกัน นายมาค้างที่คอนโดเราบ้าง หรือจะให้เราไปค้างที่บ้านนายบ้างก็น่าจะดีเหมือนกัน แล้วก็...”

“เดี๋ยวพอก่อน”เค้าพูดแทรกขึ้นขัดจังหว่ะในการพูดของผม

“นายจะทำแบบนี้ทำไมกัน”เหมือนเค้าจะรำคาญผมเสียแล้ว

“ไม่รู้สิเราแค่อยากอยู่ใกล้ๆ กับนาย รู้สึกอยากเจอ อยากพูดคุย อยากเห็นหน้า เราคิดถึงนายมาตลอดหลายปีที่เราไม่ได้เจอกัน พอได้เจอกันอีกแบบนี้มันเลยเหมือนอยากจะชดเชยช่วงเวลาที่ขาดหายไปมั้ง”ผมเห็นเค้าเหมือนกำลังสับสน คงเพราะกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเอายังไงกับผมดี

“เรากลับก่อนนะ”อยู่ๆ เค้าก็ลุกขึ้นบอก เล่นเอาผมมึนงงไปเลยทีเดียว อยู่ๆ นึกจะกลับก็กลับเลยนี่เหรอ เพราะเค้าไม่ได้ลุกไปอาบน้ำอาบท่าแต่อย่างใด แต่เค้ากลับลุกขึ้นหาเสื้อผ้าใส่

“จะรีบไปไหน วันนี้ไม่ได้ทำงานไม่ใช่เหรอ”ผมรีบห้ามก่อนเค้าจะหนีผมไป

“อยากกลับไปพักผ่อนที่บ้านนะ ไว้เจอกันใหม่นะ”เค้าแกะมือผมที่ยื้อเค้าไว้ แต่ไวเท่าความคิดผมลุกขึ้นกอดเค้าทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้ใส่อะไร ทำไมเค้าแต่งตัวเร็วจัง แต่คงเพราะแค่ใส่ลวกๆ ไม่ได้แต่งให้ดูดีอะไร เหมือนเค้าอยากจะรีบไปให้พ้นๆ ผมหรือเปล่า

“อาบน้ำก่อนก็ได้เดี๋ยวเราไปส่งนะ”ผมร้องขอ

“เกี๊ยงลืมไปแล้วเหรอว่ารถเราจอดอยู่ที่นี่ เรากลับเองได้”เค้าบอกเสียงราบเรียบ

“นั่นสินะ ว่าแต่เรายังไม่ได้เบอร์เค้กเลย ขอเบอร์หน่อยสิ”นี่ผมเกือบลืมเรื่องสำคัญไปแล้วนะเนี่ย ถ้าเกิดเค้ากลับไปโดยที่ผมไม่มีเบอร์ของเค้านี่ผมจะไปหาเค้าได้ที่ไหนกัน เพราะบ้านเค้าอยู่ไหนผมก็ยังไม่รู้ ถึงเค้าจะรู้จักคอนโดผม แต่เกิดเค้าไม่อยากเจอผมอีกละจะว่ายังไง  เค้าบอกเบอร์ให้ผม ผมรีบกดเมมไว้อย่างรวดเร็ว แล้วเค้าก็เดินจากไป

ผมได้แต่นั่งถอนหายใจ นี่ผมจะทำให้เค้ารักผมได้จริงๆ ไหมนา ทำไมเหมือนเค้าไม่ค่อยสนใจผมเลย คิดแล้วก็กลุ้ม แต่ไม่เป็นไรเพราะอย่างน้อยการเริ่มต้นอย่างเมื่อคืนก็น่าจะเป็นนิมิตรหมายอันดี แล้วนี่นา

หลังจากเค้ากลับไป ผมก็นอนต่ออีกหน่อยเพราะเมื่อคืนก็สูญเสียพลังงานไปเยอะพอควร เลยกะจะพักผ่อนให้เต็มที่ ผมตื่นมาอีกทีก็บ่ายแล้วเลยลองโทรหาเค้กดู แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมได้ยินมันช่าง

“เลขหมายนี้ยังไม่เปิดให้บริการในระบบ...”อะไรกันทำไมเบอร์ที่เค้าให้ผมไว้มันถึงเป็นแบบนี้ ผมกดโทรใหม่อีกหลายครั้ง แต่มันก็เหมือนเดิม ไม่จริง นี่เค้าไม่ยอมให้เบอร์ผมงั้นเหรอ

“บ้าชิบ”ผมสบถอย่างหัวเสีย แล้วผมจะไปหาเค้าได้ที่ไหนกันละทีนี้

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (ไม่)รักได้ไง [30-10-2014]
«ตอบ #17 เมื่อ30-10-2014 23:09:32 »

เหมือนเค้กจะผิดหวังมาเยอะ เลยไม่กล้าผูกติดกับอะไร

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [30-10-2014]
«ตอบ #18 เมื่อ31-10-2014 06:41:01 »

Cake

อาทิตย์นึงแล้วสินะ ที่ผมได้เจอกับเค้าครั้งก่อน ครั้งนั้นผมรีบกลับออกมา เพราะว่าไม่เข้าใจในตัวเค้าว่าเค้าจะอยากเป็นแฟนกับผมทำไม และก็กลัวด้วย กลัวว่าสักวันที่เค้าไม่ต้องการผมแล้ว ผมอาจจะกลายเป็นคนที่เจ็บเสียเอง ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องคิดแบบนั้นด้วย

แต่ผมก็ยังให้เบอร์โทรศัพท์ไปตามที่เค้าขอ แต่นี่ก็ครบอาทิตย์นึงแล้วก็ไม่เห็นว่าเค้าจะโทรมาหาผมเลย เบอร์เค้าผมก็ไม่ได้ขอไว้ ถึงผมจะรู้จักคอนโดเค้า แต่ผมก็คงไม่ไปหาเค้าหรอก เพราะการเป็นแค่เพื่อนเก่ามันคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปหาเค้า นอกจากจะมีธุระ ซึ่งผมก็ไม่มีธุระอะไรกับเค้าเสียด้วยสิ

วันนี้ผมไม่มีอะไรทำ เลยมาเดินเล่นที่ห้าง ไม่ได้ตั้งใจว่าจะซื้ออะไรเป็นพิเศษหรอก แต่พอดีเดินไปเดินมาเห็นเสื้อผ้าถูกใจ เลยเลือกมาซะเยอะเลย ผมเห็นเสื้อผ้าบางตัวที่ดูแล้วถ้านายตะเกียงได้ใส่นี่น่าจะดูดีไม่น้อย เอะ แล้วผมจะไปนึกถึงเค้าทำไมกันละเนี่ย ผมรีบสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไป หลังจากเห็นว่าข้าวของที่ผมถือมันเริ่มเยอะเกินไปแล้วเลยคิดว่ากลับก่อนดีกว่า

ผมขับรถจากห้างกลับบ้านด้วยเวลาไม่นานนัก เพราะช่วงนี้รถยังไม่ติดเท่าไหร่นัก พอผมกำลังจะขับรถเข้าบ้านหลังจากเจ้าน้องชายตัวดีมาเปิดประตูบ้านให้ ผมก็สังเกตเห็นว่ามีคนขับรถตามผมมาแถมบีบแตรให้ผมรีบเข้าบ้าน เพราะเหมือนเค้าจะเลี้ยวเข้าบ้านผมด้วย ใครกันนะ หรือว่าแขกของพ่อกับแม่ แต่พ่อแม่ผมไปพักร้อนที่ต่างจังหวัดนี่นา คู่นี้แก่แล้วแต่ก็ยังหวานนะครับ ปล่อยให้ลูกชายสองคนอยู่เฝ้าบ้านกันตามลำพัง

“มาหาใครครับ”ผมได้ยินเสียงน้องชายตัวดี เดินไปถามรถคันหลังท่าทางเอาเรื่อง แต่คนที่ก้าวออกมาจากรถทำให้ผมต้องชะงักไป

“ชีสจำพี่ไม่ได้เหรอ”ชายหนุ่มผู้ที่ตามผมมา ย้อนถามน้องผม นี่ไม่รู้เค้าตามผมมาจากไหน หรือว่าเค้ารู้ได้ยังไงว่าบ้านผมอยู่นี่

“กิ๊กคนไหนว่ะเนี่ย กรูจะไปจำมันได้ไหม กิ๊กมรึงมันเยอะเหลือเกิน”น้องชายผมไม่ได้ตอบคำถามของผู้ที่เหมือนจะเป็นแขกของบ้าน แต่เดินมากระซิบกระซาบกับผม ไอ้ชีสห่างจากผมสี่ปี ตอนนี้มันเรียนมหาวิทยาลัยปีสามแล้ว ไอ้นี่ไม่ค่อยเรียกผมว่าพี่หรอก เพราะมันบอกว่าเรียกมรึงกรูดูรักกันดี อีกอย่างผมก็ตัวเล็กกว่ามัน(ถึงจะไม่มากก็เถอะ)มันเลยไม่เห็นว่าผมเป็นพี่

“อ๋อนี่มรึงริพาผู้ชายเข้าบ้านตอนพ่อแม่ไม่อยู่เหรอ”ดูปากมันเอาเถอะครับ นี่มันน้องผมหรือเพื่อนเล่นกันแน่

“ไอ้บ้า แหกตาดูดีๆ ว่านั่นใคร”ผมตบกะโหลกมันพร้อมกับชี้ให้มันดูนายตะเกียงอีกครั้ง ไอ้ชีสจ้องพิจารณาอยู่นาน ก่อนจะดีดนิ้วพร้อมกับพูดชื่อคนที่เค้าเพิ่งจำได้

“พี่เกี๊ยง หวัดดีค้าบบบ”มันยกมือไหว้ในแบบที่กวนตรีนเหลือเกิน

“ไม่เจอกันนานโตเป็นหนุ่มแล้วนิไอ้น้อง แต่ดูยังกวนประสาทเหมือนเดิมนะเนี่ย”คำทักทายจากเพื่อนผม ถ้าเป็นคนอื่นเค้าคงเคืองไปแล้ว แต่น้องผมนะเหรอยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจเพราะว่ามันจะถือเป็นคำชม

“ขอบคุณที่ชมนะเพ่ ว่าแต่นี่จะมาจีบพี่ผมเปล่า”คำพูดของไอ้น้องชายตัวดีทำเอาผมสะดุ้ง จีบผมงั้นเหรอ

“นี่จะเข้าบ้านไหมหรือจะคุยกันตรงนี้”ผมหันไปตำหนิทั้งสองคน อยากคุยกับคุณเพื่อนของผมเหมือนกันว่าไปไงมาไงถึงมาถึงบ้านผมได้ แล้วก็ที่ว่าจะโทรหาผมทั้งที่เอาเบอร์ไปแล้วนั่นอีก ทำไมไม่เห็นโทรหากันเลย

“ไปหาน้ำหาท่ามารับแขกหน่อยสิไอ้ชีส”ผมหันไปบอกน้องชายให้รู้จักทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีหน่อย ไม่ใช่มานอนเอกขเนกดูทีวีอยู่แบบนี้

“แขกเขิกที่ไหนกัน เพื่อนมรึงไม่ใช่เหรอ พี่เกี๊ยงตามสบายเลย คิดซะว่าบ้านตัวเอง”ดูเอาเถอะครับ ดูมัน

“งั้นตามสบายนะ เดี๋ยวเอาของขึ้นไปเก็บก่อน”ว่าแต่น้องแต่ผมก็ไม่ไปหาน้ำให้เค้าเหมือนกันนั่นแหละ

ผมเอาของที่ซื้อมาไปเก็บแล้วก็เดินลงมาเห็นแต่ไอ้ชีสนั่งอยู่คนเดียว แล้วตะเกียงไปไหนเนี่ย

“นี่เกี๊ยงไปไหนแล้ว”ผมถามไอ้เจ้าน้องชายที่ดูจะสนใจรายการบนหน้าจอทีวีเหลือเกิน ผมเห็นมันดูอะไรไม่รู้อยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวัน อย่างตอนที่ผมชวนไปห้างด้วยมันก็ไม่ไปบอกจะดูทีวี มันจะอะไรขนาดนั้น

“ห่างกันไม่ได้เลยรึไง ตกลงนี่พี่เค้าเป็นแค่เพื่อนมรึงหรือว่าเค้าจะมาเป็นพี่เขยกรูกันแน่หะ”นี่กรูพี่มรึงนะไม่ใช่เพื่อนเล่น ไอ้คุณน้องบังเกิดเหล้า ผมด่ามันผ่านทางสายตา และก็เหมือนมันจะเข้าใจเสียด้วย เก่งเหลือเกินนะ

“นั่นไงมาแล้ว แค่ไปเข้าห้องน้ำเฉยๆ ไม่ต้องกลัวเค้าหายหรอกน่า”ผมหันไปตามทางที่ไอ้ชีสพูดก็เห็นเค้ากำลังเดินยิ้มมา

“มานี่มีอะไรหรือเปล่า”ผมเอ่ยถามออกไป แต่พอเค้าได้ยินใบหน้ายิ้มแย้มนั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งแทบจะในทันที

“ว่าแต่หาบ้านเราเจอได้ไง”

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: (ไม่)รักได้ไง [31-10-2014]
«ตอบ #19 เมื่อ31-10-2014 08:24:06 »

เอาก็เอาเค้าแล้ว

ก็บอกไปสิว่ารักเค้า

อมพะนำอยู่ได้ -3-


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: (ไม่)รักได้ไง [31-10-2014]
« ตอบ #19 เมื่อ: 31-10-2014 08:24:06 »





ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: (ไม่)รักได้ไง [31-10-2014]
«ตอบ #20 เมื่อ31-10-2014 10:06:05 »

ต่างคนต่างเข้าใจผิด หวังว่าคงเข้าใจกันในเร็วๆนี้นะ o13

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (ไม่)รักได้ไง [31-10-2014]
«ตอบ #21 เมื่อ31-10-2014 23:20:12 »

เค้กต้องเปืดใจรับให้มากกว่านี้
มัวแต่คิดว่าไม่ได้รักกัน ก็คงยากที่จะรักกัน

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [31-10-2014]
«ตอบ #22 เมื่อ01-11-2014 07:50:46 »

Ta-kiang
หลังจากที่ผมเพียรพยายามโทรหาเค้าอีกหลายรอบ ซึ่งมันก็ไม่เป็นผลเลย นี่แสดงว่าเค้าไม่ได้ให้เบอร์จริงๆ ของเค้ากับผม แล้วนี่มันก็ครบหนึ่งอาทิตย์แล้วที่ผมกระวนกระวาย เพราะไม่รู้จะไปหาเค้าที่ไหนดี  ขนาดบาร์เกย์ที่ผมเจอเค้าผมยังเคยขับรถไปซุ่มดูแต่ก็ไม่เจอ ทั้งที่เค้าเคยบอกว่าไม่ชอบที่นั่นแต่ผมก็ยังไปดู เพราะจนใจที่จะไปหาที่ไหนได้อีกแล้ว ผมชวนเพื่อนไปนั่งดื่มเบียร์สดที่เราไปด้วยกันวันนั้น ด้วยหวังว่าเค้าอาจจะแวะเวียนไปอีกก็เป็นได้ แต่ผมก็ไม่ได้เจอเค้าเลย วันนี้ผมเซ็งๆ เลยกะว่าจะมาเดินเล่นแก้เซ็งที่ห้างเสียหน่อย แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งเซ็งเพราะจิตใจผมเอาแต่คิดถึงเค้า นี่เค้าจะคิดถึงผมบ้างไหมน้า เดินได้ไม่นานผมก็คิดว่ากลับดีกว่าเพราะไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลย แต่พอหันหลังจะเดินออกผมก็ต้องตกใจ สายตาผมเหลือบมองเห็นใครบางคน ใครคนที่เฝ้ายึดครองความคิดในหัวผมไว้หมด ผมต้องขยี้ตาดูเพื่อให้แน่ใจว่าผมไม่ได้คิดถึงเค้าจนตาฝาดไป

“เค้ก”ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ อยากจะวิ่งเข้าไปหาเค้าในทันที ด้วยความดีใจที่ได้เจอกับเค้าอีก สงสัยนี่จะเป็นเพราะบุพเพหรือเปล่า ผมตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปทักเค้า เพราะว่าเดี๋ยวเค้าจะชิ่งหนีผมไปอีก ผมขอเฝ้ามองเค้าอยู่ห่างๆ ก่อนจะดีกว่า ผมเห็นเค้าเลือกเสื้อผ้าอย่างมีความสุข และก็เห็นเค้าไปยืนมองเสื้อผ้าอยู่ชุดนึง แล้วอยู่ๆเค้าก็สะบัดหัว เหมือนกำลังไล่ความคิดบางอย่าง ทำไมเค้าทำตัวได้น่ารักอะไรเช่นนี้ ผมอดที่จะขำกับท่าทีนั้นไม่ได้

ผมคิดว่ายังไงวันนี้มันก็วันหยุดเดี๋ยวยังไงเค้าก็ต้องกลับบ้าน ผมกะว่าจะตามเค้าให้ถึงบ้านเลยจะได้ไปไหว้พ่อ ไหว้แม่ ฝากตัวเป็นลูกเขยด้วย ฮ่าๆ ผมตามเค้าไปจนถึงบ้านได้เจอน้องชายจอมกวนของเค้าด้วยอีกคน ซึ่งผมคิดว่าไอ้นี่น่าจะช่วยอะไรอะไรผมได้บ้างในเรื่องนี้ เค้กดูจะแปลกใจอยู่เล็กน้อยที่ผมตามเค้ามาถึงบ้าน แต่ก็เหมือนไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรเท่าไหร่เลย

“พี่ๆถามจริงๆนะ ตกลงพี่มาในฐานะเพื่อนเก่าไอ้เค้กหรือมาในฐานะอะไรกันแน่”อยู่ๆ ชีสน้องชายของเค้กก็ถามผมขึ้น ในตอนที่เค้กเอาข้าวของที่ซื้อมาขึ้นไปเก็บ

“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ”ผมลองหยังเชิงดูก่อนว่าน้องมันจะเป็นมิตรหรือเป็นปฏิปักษ์กับผม

“ก็พี่กับไอ้เค้กน่าจะไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว แล้วอยู่ดีๆ พี่ก็โผล่มาแบบนี้ แถมดูสายตาที่พี่มองพี่ชายผม มันไม่เหมือนที่เพื่อนเค้ามองกันหรอกนะ อีกอย่างพี่ผมก็ออกจะน่ารักปานนั้น ฮ่าๆๆ”แหมดูท่าผมจะมีกองหนุนซะแล้วมั้งเนี่ยเพราะฟังจากที่ชีสพูดนี่เหมือนน้องมันก็ไม่ได้กีดกันที่จะรับผมเป็นพี่เขยเท่าไหร่เลย

“เอ้าว่าไงถามกันแบบลูกผู้ชายเลย พี่จะมาจีบไอ้เค้กมันใช่ไหม”เมื่อกล้าถามขนาดนี้ผมก็ต้องกล้ารับสิครับ

“แล้วชีสคิดว่าพี่พอจะเป็นพี่เขยเราได้หรือเปล่าล่ะ”ผมย้อนถามกลับไป

“อืม อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับพี่แล้วล่ะ เพราะดูทางด้านพี่ชายผมมันยังไม่น่าจะคิดอะไรกับพี่มากเท่าไหร่นะ”คำพูดเค้าทำเอาผมใจแป้วอีกแล้ว นึกว่าจะพูดให้กำลังใจกันหน่อย นี่ดันมาบอกอีกว่าเค้กยังไม่คิดอะไรกับผม แต่ไม่เป็นไรเพราะนี่ก็เพิ่งผ่านมาไม่นานเท่าไหร่

“แต่เชื่อสิว่าพี่ต้องทำให้เค้กรักพี่ให้ได้”ผมตอบออกไปอย่างมาดมั่น

“งั้นก็เต็มที่เลยเพ่ เดี๋ยวผมจะพยายามช่วยอีกแรง”พูดแค่นั้นแล้วชีสก็หันไปสนใจกับทีวีต่อ ผมเลยเดินเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาก็ได้ยินเสียงของเค้กแว่วๆมา เค้าถามถึงผมด้วยเหมือนกลัวผมจะหายไปงั้นแหละ ผมเลยเดินยิ้มแก้มแทบปริตรงเข้าไปหาเค้า แต่พอเค้าพูดกับผมคำพูดนั้นมันทำผมรู้สึกน้อยใจก็ผมอุตส่าห์คิดถึงเค้า แต่ดูเค้าสิ

“มานี่มีอะไรหรือเปล่า”ผมเริ่มทำหน้าเซ็งขึ้นทันทีที่เค้าถามแบบนั้น นี่ถ้าผมไม่มีธุระอะไรก็คงมาหาเค้าไม่ได้ใช่ไหมเนี่ย

“ว่าแต่หาบ้านเราเจอได้ไง”จะตอบว่าไงดี ถ้าจะบอกตรงๆว่าแอบตามเค้ามามันก็ไม่ควร

“เค้กยืมรถหน่อยเดะ จะออกไปข้างนอกหน่อย”ยังไม่ทันที่ผมได้ตอบอะไรชีสก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“จะไปไหน”เค้าหันไปถามน้องชาย

“เรื่องของกรูน่า”ดูพี่น้องคู่นี้สนิทกันดี เหมือนเค้กจะไม่ค่อยอยากต่อปากต่อคำกับน้อง เลยยื่นกุญแจรถให้ชีสไป ชีสหันมายักคิ้วให้ผม แสดงว่านี่เค้าจะเปิดโอกาสให้ผมได้อยู่กันสองคนกับเค้กสินะ

“ตกลงมานี่มีอะไรหรือเปล่า”เค้กถามผมอีกครั้งเมื่อชีสออกจากบ้านไป

“คิดถึง ก็เลยมาหา”ผมตอบออกไปพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าเค้าดูแดงระเรื่อ สงสัยจะเขิน ริมฝีปากบางนั้นของเค้ามันช่างยั่วยวนผมเหลือเกิน นี่ถ้าเป็นที่อื่นที่ลับตาคนกว่านี้ผมคงเข้าไปตะครุบเค้าปลุกปล้ำไปแล้ว แต่นี่มันห้องรับแขกบ้านเค้า เกิดมีใครโผล่มามันจะยุ่งเปล่าๆ

“พูดไรของนายเนี่ย”เค้าเหมือนทำเสียงพาลๆ กลบเกลื่อนอาการเขิน แสดงว่าเค้าต้องเริ่มคิดอะไรกับผมมากขึ้นบ้างละน่า ไม่งั้นไม่เขินแบบนี้หรอก

“ก็คิดถึงจริงๆ เพราะนายไม่ยอมให้เบอร์เรา นี่ถ้าไม่บังเอิญเจอนาย และตามมาถึงบ้านแบบนี้ นายคงคิดจะทำเหมือนเราไม่เคยเจอกันเลยใช่ไหม”ผมพยายามทำเสียงน้อยใจเต็มที่ ซึ่งจริงๆ ก็น้อยใจอยู่เหมือนกันที่เค้าไม่ยอมให้เบอร์กับผม

“อ้าวเราให้เบอร์กับนายไปแล้วนี่นา”เค้าดูมีสีหน้าแปลกใจอยู่เหมือนกันที่ผมพูดถึงเรื่องเบอร์โทรศัพท์ ผมเลยต้องอธิบายให้เค้าฟังว่าเบอร์ที่เค้าให้ผมมานะมันโทรติดซะที่ไหน แถมด้วยการต่อว่าต่อขานเค้าไปอีกเล็กน้อย เพราะเค้าบอกว่ามั่นใจว่าให้เบอร์กับผมถูกต้องแล้ว แต่พอเทียบดูใหม่ เบอร์ที่เค้าเคยให้กับผมไว้ กับเบอร์ของเค้าจริงๆที่เอาให้ผมดู ปรากฏว่ามันผิดอยู่หนึ่งตัวคือที่ผมมีเป็นเลขสอง แต่ที่เค้ามันคือเลขหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าเค้าจงใจแกล้งผมหรือผมเองที่กดผิดตั้งแต่แรกก็ไม่รู้

“สงสัยคราวนั้นเรารีบไปหน่อยเลยกดผิด แต่รอบนี้เพื่อความชัวร์ขอลองโทรเข้าหน่อยแล้วกันนะ”ผมยอมเป็นคนผิดพร้อมกับโทรเข้าเบอร์ที่เค้าให้มาใหม่ และคราวนี้ไม่น่าจะพลาดแล้ว แสดงว่าเค้าคงไม่ได้ตั้งใจจะไม่ให้เบอร์กับผมหรอกแต่ผมเองที่ ดันสะเพร่า ไม่ลองโทรตั้งแต่ตอนแรกที่เค้าให้เบอร์ไว้

“เดี๋ยวเราเม็มเบอร์เราให้”ผมถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์เค้ามากดบันทึกแทน เพราะผมคิดอะไรบางอย่างได้ พอเสร็จก็ส่งคืนให้เค้า

“ที่รักเหรอ อะไรกันทำไมต้องตั้งชื่อแบบนี้ด้วย”เค้าเงยหน้าขึ้นมาต่อว่าผม อย่างเคืองๆ แต่ดูไม่ได้จริงจังอะไรนักหรอก ผมทำเป็นไม่สนใจ ยิ้มยั่วอย่างอารมณ์ดี

“ทีเรายังเม็มเบอร์เค้กว่าที่รักเลย เค้กก็ต้องทำเหมือนกันสิ”ผมทึกทักเอาเอง โดยไม่ให้เค้าได้มีโอกาสโต้แย้งใดๆ

“แล้วนี่ตกลงว่ามาบ้านเราถูกได้ยังไง”เค้าเหมือนจะรีบเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วที่ถามนี่เหมือนจะไม่อยากให้ผมรู้จักบ้านเค้าหรือเปล่าน้า จริงๆ เมื่อก่อนผมก็รู้จักคุ้นเคยกับบ้านเค้า แต่หลังจากขาดการติดต่อไป จนตอนนี้บ้านหลังนี้ก็เป็นหลังใหม่ไม่ใช่หลังเดิมเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

“ไม่อยากให้เรามาบ้านเค้กเหรอ”ผมแสร้งตีหน้าเศร้า ต้องเล่นบทพระเอกน่าสงสารเสียหน่อยครับ เผื่อเค้าจะใจอ่อนกับผมเร็วขึ้น และก็เหมือนจะได้ผล เพราะเค้าคงคิดว่าผมกำลังเข้าใจเค้าผิด ผมก็พอรู้อยู่แล้วว่าเค้าไม่ได้เป็นคนใจดำอะไรถึงขนาดจะไม่ให้เพื่อนได้รู้จักบ้าน

“ไม่ใช่อย่างนั้น เราก็แค่สงสัยว่าเกี๊ยงมาที่นี่ถูกได้ยังไง ใครจะไม่อยากให้นายมากันละ เพื่อนกันจะมาเมื่อไหร่ก็ได้”แค่เพื่อนเองเหรอ เอาว่ะตอนนี้เพื่อนแต่อีกเดี๋ยวมันต้องได้มากกว่านี้แหละน่า

“งั้นเรามาทุกวันเลยได้ไหม”ไม่ว่าจะพอมีช่องทางไหนที่เค้าเปิดมาผมต้องรีบคว้าไว้ครับ จะปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปไม่ได้เด็ดขาด ต่อไปนี้คงต้องอาศัยลูกตื๊อให้มากๆ เสียแล้ว น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน แล้วเค้กอ่อนๆ ชิ้นนี้ก็คงเข้าปากผมสักวัน ฮ่าๆ รู้สึกมันจะเป็นคำพูดที่แปร่งๆ ไปนิดนนะเนี่ย

“ตกลงยังไม่ได้บอกเลยว่ามานี่ถูกได้ยังไง”เค้าไม่ยอมตอบรับในคำขอของผม แต่เปลี่ยนเรื่องหันมาตั้งคำถามกับผมแทน

“ก็พอดีตามนายมาจากที่ห้างนะ เห็นรถนายเลยจำได้ แต่จะเรียกนายก็ไม่ได้ยินเลยขับตามมานี่แหละ”ผมไม่ได้โกหกนะ แค่พูดความจริงไม่หมด จะให้บอกได้ไงว่าแอบตามมาเพราะกลัวเค้าไม่ให้มา ต้องเหมือนบังเอิญนิดๆ (แล้วไอ้ที่บอกไปนี่มันบังเอิญตรงไหนฟร่ะ)


ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: (ไม่)รักได้ไง [1-11-2014]
«ตอบ #23 เมื่อ01-11-2014 08:34:04 »

ได้พวกแล้ววว 555

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [1-11-2014]
«ตอบ #24 เมื่อ01-11-2014 20:07:40 »

Cake




“นายทำเป็นด้วยเหรอ”ผมเอ่ยถามแขกผู้มาเยี่ยมเยียนที่ไม่ยอมกลับเสียที จนนี่ก็เริ่มจะบ่ายคล้อย ส่วนไอ้น้องชายตัวดี ก็ยังไม่กลับมาเสียที ไอ้นายตะเกียงนี่ก็มานอนดูทีวีบ้านผมสบายใจเสียเหลือเกิน บอกให้กลับไปตั้งนานก็ไม่ยอมกลับ เค้าบอกไม่ได้เจอกันตั้งนาน ซึ่งไอ้นานของเค้ามันก็แค่อาทิตย์เดียวเอง แล้วมันเพราะใครกันละ ผมอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้ที่เค้าทำเป็นมาว่าผมไม่ยอมให้เบอร์โทรศัพท์กับเค้าทั้งๆ ที่ตัวเค้าเองนั่นแหละมั้งที่สะเพร่าบันทึกเบอร์ผมผิด ว่าแต่วันนี้เค้าบันทึกเบอร์เค้าในโทรศัพท์ผมว่าอะไรนะ ใช่แล้วเค้าแย่งเอามือถือผมไปบันทึกว่า ที่รัก ถึงผมจะต่อว่าเค้าไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้แก้ไขแต่อย่างใด
 
และตอนนี้เค้ายังจะมาอาสาทำมื้อเย็นให้ผมทานอีกต่างหาก แต่ผมต้องถามออกไปเพื่อความแน่ใจว่า คนอย่างเค้าทำอาหารเป็นด้วยหรือ เพราะไอ้คนอย่างผมนะทำไม่เป็น พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านแบบนี้ถ้าไม่ออกไปกินนอกบ้าน ก็ไปหาซื้อที่สำเร็จรูปแล้วมากินกับไอ้น้องชายตัวดีนั่นแหละ

“เอ้าตอนอยู่ญี่ปุ่นนะเรา ทำเองทุกอย่างแหละ พอดีไม่ค่อยชอบอาหารญี่ปุ่น เลยต้องหัดทำอะไรเอง พอกลับมาอยู่เมืองไทยก็ยังทำเองอยู่นะ แต่ก็ทำกินแค่คนเดียว เพราะยังไม่มีใครมาอยู่ด้วย”เค้าตอบผมกลับมาพร้อมด้วยสายตายิ้มยั่วอย่างเจ้าเล่ห์ จนผมต้องหลบสายตานั้น

“จะกินได้แน่เหรอ”ผมแกล้งพูดออกไป เพราะรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องอยู่กับเค้านานๆ แบบนี้

“แล้วเค้กจะติดใจในฝีมือเรา นายตะเกียงคนนี้ฝีมือเรื่องทำอาหารก็ไม่แพ้เรื่องบนเตียงหรอกนะ”คำพูดของเค้าทำเอาผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เพราะผมดันนึกถึงเรื่องคืนนั้นที่เราสองคนมีอะไรกัน อีกอย่างเค้าก็ขยับเข้ามานั่งชิดผมเหลือเกินพร้อมกับโน้มหน้าเข้ามาหา จนผมต้องรีบลุกขึ้น เพราะเกรงว่าเดี๋ยวจะอดใจไม่ไหว(ไม่ช่ายยยย)

“งั้นเดี๋ยวเราไปดูของสดในตู้เย็นก่อนนะว่า จะทำอะไรได้บ้าง”ผมรีบปลีกตัวจากเค้าเพราะกลัวว่าผมจะหวั่นไหวไปกับสิ่งที่เค้าทำ ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเค้าสักเท่าไหร่ เค้าดูเหมือนกำลังสนุกที่ได้มาวุ่นวายกับผมแบบนี้ แต่ผมละ ผมเองก็รู้สึกดีอยู่หรอกที่ได้มีเค้ามาเยี่ยมเยียนแบบนี้ และก็พอจะรู้เจตนาของเค้าว่าที่เค้าทำนี่หมายความว่ายังไง แต่ผมยังไม่กล้าที่จะเปิดรับเค้า เพราะว่าผมกลัว กลัวว่าเกิดวันนึงเค้าเบื่อขึ้นมา และไม่มีความรู้สึกอย่างตอนนี้กับผมอีกแล้ว เกิดผมเผลอไผลกับเค้าไปในตอนนี้ ถ้าวันที่เค้าเกิดเบื่อมาถึงตอนนั้นผมจะเป็นเช่นไร

“รอด้วยดิ”เค้าวิ่งตามหลังผมมาติดๆ

“โอ้โห นี่คุณแม่เค้กกักตุนเสบียงไว้ให้ลูกชายเยอะขนาดนี้ นี่กะจะทิ้งลูกชายไปเป็นปีเลยหรือเปล่าเนี่ย”เค้าแกล้งพูดล้อๆ เหมือนจะแอบประชดผมด้วยหรือเปล่า เพราะผมก็บอกไปแล้วว่าทำอาหารไม่เป็น แต่ของสดมันก็เยอะจริงๆแหละ ซึ่งคนที่ซื้อมามันก็ผมเอง

“เดี๋ยววันมะรืน พ่อกับแม่ก็กลับมาแล้ว อันนี้เราซื้อมาเองแหละ กะว่าแม่กลับมาจะให้แม่ทำให้ทาน ตอนไปซื้อไม่รู้จะซื้ออะไรบ้างไง เลยซื้อมันเสียทุกอย่าง ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ”ผมอธิบายเสียงอ่อยๆ เพราะจริงๆ ผมอยากกินต้มยำปลาช่อน แต่ไม่รู้ว่าเค้าใช้อะไรทำบ้าง เลยซื้อมาเท่าที่นึกออก ส่วนของอื่นๆ ก็กะว่าน่าจะพอดีกับที่แม่กลับมาแล้วก็ค่อยคิดอีกทีว่าจะทำอะไรดี แต่แม่ผมทำอะไรก็อร่อยไปหมดแหละ

“แล้วอยากกินอะไรละ”เค้าถามพร้อมกับหยิบดูข้าวของในตู้เย็น

“อยากกินต้มยำปลาช่อน ทำเป็นหรือเปล่า”ผมเอ่ยถามอย่างท้าทาย เหมือนจะสบประมาทเค้าว่าเค้าทำไม่เป็นหรอก

“ก็น่าจะพอทำได้นะ”เค้าทำท่าครุ่นคิดพร้อมกับตอบผม

“จะกินได้แน่เหรอ”ผมทำเสียงสูง บ่งบอกว่าไม่มั่นใจในฝีมือของเค้า แต่เค้ากลับหันหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกับกล่าวด้วยเสียงยั่วเย้า

“ถ้าต้มยำปลาช่อนที่เราทำมันกินไม่ได้ เค้กก็มากินปลาช่อนตัวโตของเราแทนแล้วกัน”ผมไม่เข้าใจในคำพูดของเค้าว่าหมายความว่ายังไง แต่พอเค้าชี้มือไปที่ซึ่งเป็นที่อาศัยปลาช่อนของเค้า ผมก็ถึงบางอ้อ

“ไอ้ทะลึ่ง”ผมต่อว่าเค้าอย่างฉุนๆ เพราะเหมือนเค้าจะพยายามวกวนมาหาเรื่องแบบนี้เสียจริง

“เค้กนี่เขินน่ารักดีนะ”เค้าละมือจากข้าวของก่อนจะปิดตู้เย็นและเดินเข้ามาหาผม

“จะทำอะไร”ผมถามทันทีที่เค้าเดินเข้ามาหาผม แต่คำตอบที่เค้าให้ผมคือ

“อื๊อ...”ผมไม่ทันได้ตั้งตัวเพราะเค้าประกบริมฝีปากเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน ผมพยายามขัดขืนแต่เหมือนจะสู้เรียวแรงเค้าไม่ได้เลย ในที่สุดผมก็เผลอไผลไปกับรสจูบอันหอมหวานนั้น เนิ่นนานเหลือเกินกว่าเค้าจะถอนริมฝีปากออก

“ไหนว่าจะทำกับข้าวไง”ผมรีบทักท้วงทันทีที่เค้าถอนริมฝีปากออก แต่สองมือยังคงกอดผมกระชับเข้าหา

“โทษที แต่เราห้ามใจไม่ไหวจริงๆ อยู่ใกล้ๆ เค้กทีไรอยากจะกลืนกินเค้กชิ้นนี้เหลือเกิน”เค้าพูดพร้อมจ้องหน้าผมอย่างแฝงความนัย ผมได้แต่หลบสายตา ผมกำลังสับสน ว่าผมจะต่อต้านเค้าได้อีกนานแค่ไหนกัน ก็อย่างที่บอกว่าผมมันคนอ่อนไหวง่าย แล้วเค้ามาทำกับผมแบบนี้

“เด๋วโทรหาไอ้ชีสก่อนนะ ว่ามันจะกลับมาทานด้วยไหม จะได้ทำเผื่อด้วย”ผมรีบขืนตัวออกจากเค้าทันที ที่เค้าคลายอ้อมกอดออกจากผม ผมรีบเดินออกจากห้องครัวเพื่อจะได้โทรตามไอ้น้องชายตัวดี ให้กลับมาเร็วๆ เพราะผมเริ่มรู้สึกว่าการอยู่กันลำพังกับเพื่อนเก่าคนนี้ เริ่มจะไม่ค่อยดีเสียแล้ว

แต่คำตอบของน้องชายตัวดีของผมทำเอาผมเซ็งขึ้นมาทันที เพราะตอนนี้มันไปเมาอยู่บ้านเพื่อนเสียแล้ว และอาจจะค้างที่บ้านเพื่อนเนื่องจากเมาและขับรถไม่ไหว เจริญจริงๆเลยไอ้น้องชายผม ผมก็ได้แต่บอกมันไปว่าอย่าดื่มมากนักละ แต่คงไม่ทันแล้วเพราะฟังจากน้ำเสียงแล้ว นี่ถ้าจะฉุดไม่อยู่เสียแล้ว

“ชีสจะกลับมาทานด้วยไหม”เค้าถามผมที่เดินหน้ามุ่ยเข้ามาถึงห้องครัว ผมหยุดเว้นระยะห่างจากเค้าไว้ประมาณห้าเมตร เพื่อป้องกันการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวเหมือนเมื่อสักครู่

“เมาไปเรียบร้อย สงสัยจะค้างที่บ้านเพื่อนแหละ”ผมตอบออกไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่ดูเค้าจะยิ้มหน้าระรื่นเหลือเกิน เมื่อรู้ว่าน้องชายผมจะไม่ได้กลับมา

“ยิ้มอะไร”ผมอดที่จะพาลเอากับเค้าไม่ได้ นี่ผมกำลังกลัวอะไรกันแน่ กลัวเค้า กลัวใจตัวเอง แต่ที่แน่ๆ มันทำให้ผมหงุดหงิดนี่สิ

“อย่าเพิ่งอารมณ์บูดสิ มาๆ มาช่วยเราทำกับข้าวกันดีกว่า”เค้าพูดพร้อมกับเดินมาฉุดมือผมตามเข้าไป

“ให้ช่วยอะไร”ผมยังคงอารมณ์ไม่สู้จะดีเท่าไหร่ นี่ผมทำไมต้องหงุดหงิดด้วยนะ จริงๆ น่าจะคิดเสียว่าได้มาทำกิจกรรมอะไรร่วมกับเพื่อนเก่าแค่นั้นก็พอแล้วมั้ง

ผมเป็นลูกมือที่ค่อนข้างจะใช้ได้พอสมควร เพราะอย่างน้อยๆ ผมก็ช่วยแม่ทำประจำ แต่ขนาดช่วยแม่เป็นประจำ ผมก็ยังทำเองไม่เป็นอยู่ดี  จริงๆเพราะการมีคนอื่นทำให้กินมันสบายกว่า ผมเลยไม่ค่อยจะสนใจในรายละเอียดที่เห็นเวลาคนอื่นทำอาหาร ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เค้าให้ผมล้างผักผมก็ล้าง ให้หั่นปลาก็หั่น แค่นั้นแหละครับ จนในที่สุดต้มยำปลาช่อน ก็สำเร็จ พร้อมด้วย ผัดผักและไข่เจียวหมูสับอีกอย่างละจาน ดูจากหน้าตาก็น่ากินอยู่หรอก แต่ไม่รู้รสชาดจะเป็นไง  เราสองคนช่วยกันยกกับข้าวออกไปวางที่โต๊ะทานข้าว จริงๆเกี๊ยงจะทำเยอะกว่านี้ แต่ผมห้ามไว้เพราะทานกันแค่สองคน แค่นี้ก็พอแล้ว เพราะแต่ละอย่างก็ทำมาเสียเยอะทั้งนั้น

“ไม่ทานละ”เค้าเอ่ยปากถามผม ที่ยังคงไม่ลงมือทาน เพราะรอให้เค้าทานก่อน

“ใส่ยาพิษไว้หรือเปล่า นายทานก่อนดิ”ผมแกล้งแซว

“ยาพิษนะไม่มีหรอก แต่ยาเสน่ห์นะไม่แน่”แหมได้ทีนี่เหมือนจะเก็บทุกเม็ดเลยนะคุณเพื่อน ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาใจกับเค้า แต่อย่างน้อยวันนี้เค้าก็ทำให้วันหยุดของผมไม่ใช่วันน่าเบื่อเท่าไหร่

“อี๊”ผมทำหน้าพะอืดพะอมให้เค้าดูทันทีที่ตักข้าวเข้าปาก เค้าที่กำลังลุ้นว่าอาหารจะถูกปากผมไหม ถึงกับหน้าถอดสี เมื่อเห็นผมมีอาการเช่นนั้น

“ไม่ถูกปากเหรอ”เค้าถามพร้อมกับมองผมที่กำลังกลืนสิ่งที่อยู่ในปากลงไปอย่างยากลำบาก ก่อนจะยกน้ำดื่มล้างคอ เมื่อเห็นดังนั้นเค้าก็รีบตักอาหารฝีมือเค้าชิมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเห็น รอยยิ้มอย่างขบขันของผม

“นี่แกล้งกันใช่ไหม”จริงๆอาหารฝีมือเค้าก็ใช้ได้ทีเดียว แต่ผมหมั่นไส้เลยแกล้งทำเหมือนมันไม่อร่อยแค่นั้นแหละ

“งั้นต้องทานให้หมดด้วยโทษฐานที่แกล้งอำเรา”หลังจากพูดจบเค้าก็ตักกับข้าวให้ผมเสียจนจะล้นจานเลยทีเดียว

“พอแล้ว”ผมรีบห้ามเค้าเพราะไม่งั้นผมคงได้ทานคนเดียวหมดนี่แน่ๆเลย  ผมตักข้าวเข้าปากโดยไม่พูดอะไรกับเค้าอีก เพราะจริงๆก็หิวมากแล้วละ พอกินไปได้สักพักรู้กลับรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจ้องผมอยู่จึงเงยหน้ามองอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม

“มองไร...ไม่กินหรือไง”ผมพูดทั้งๆที่ ข้าวยังอยู่ในปาก เค้ายิ้มพร้อมกับหัวเราะเบาๆ กับท่าทีของผม คือเค้าไม่กินเอาแต่จ้องผม มันเลยรู้สึกแปลกๆ

“ป้อนหน่อยสิ”คนพูดยิ้มจนปากจะฉีกถึงรูหู แต่คนฟังอย่างผม ถลึงตาจนจะหลุดออกจากเบ้า แต่เค้าเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจผม เหมือนจะมีความสุขกับสิ่งที่ได้พูดออกมาเหลือเกิน ผมละหมั่นไส้จริงๆเชียว

“เราเหมือนคู่รักกันเลยเนอะ”คำพูดเค้าทำเอาช้อนส้อมในมือของผมแทบร่วง ก็ฟังดูคำพูดเค้าเถิด นี่กะจะมารวบหัวรวบหางผมเลยหรือไงเนี่ย

“หมายความว่าไง”

“เอ้าก็ทำกับข้าว ด้วยกันแล้วก็มาทานกันสองคนแบบนี้ เหมือนแบบคู่รักข้าวใหม่ปลามันไง เดี๋ยวกินเสร็จก็อาบน้ำด้วยกัน แล้วค่อยไปกุ๊กกิ๊กกันต่อในห้องนอน เราว่าคงต้องรีบกินรีบเก็บถ้วยจากแล้วละ จะได้มีเวลากุ๊กกิ๊กกันนานๆ”เอากับเค้าสิครับ ว่าไปนั่น ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าเพราะรู้ว่าเค้าก็คงพูดเล่นไปอย่างนั้น ไม่ได้จริงจังอะไร จะว่าไปถ้าเรายังติดต่อกันมาตลอด เค้าจะมาคิดอะไรกับผมแบบนี้หรือเปล่าน้า

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: (ไม่)รักได้ไง [1-11-2014]
«ตอบ #25 เมื่อ01-11-2014 23:15:25 »

เค้กต้องรู้ความรู้สึกตัวเองเร็วๆนะ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [1-11-2014]
«ตอบ #26 เมื่อ02-11-2014 12:00:28 »

Ta-kiang
ผมคลุกอยู่บ้านเค้กทั้งวันเลยครับวันนี้ เค้าไล่ผมกลับอยู่หลายครั้ง แต่คนอย่างผมมีหรือจะยอมล่าถอยง่ายๆ ยิ่งได้อยู่กับเค้าสองต่อสองแบบนี้ ผมเริ่มคิดแผนการที่จะได้อยู่กับเค้านานๆ พอเริ่มบ่ายคล้อยผมเลย ชวนเค้าทำกับข้าวกินกันดีกว่า และการจะทำกับข้าวนี่เองทำให้ผมแอบอาศัยความหน้าด้าน ขโมยจูบเค้าเอาดื้อๆ ก็ใครใช้ให้เค้าน่ารักอย่างนี่กันละ ผมเลยอดใจไม่ไหว โชคดีอีกอย่างของผมก็คือ ชีสน้องชายของเค้าที่จะไม่กลับบ้านคืนนี้ ถ้าผมขอค้างนี่ผมจะหน้าด้านเกินไปไหมเนี่ย แล้วจะเอาเหตุผลอะไรมาอ้างกับเค้าดีหว่า

“เดี๋ยวเราล้างให้เอง เค้กไปอาบน้ำอาบท่าก่อนก็ได้”ผมขันอาสา เพื่อหวังผลตอบแทน แต่ดูเหมือนเค้าจะไม่ยอม

“ไม่เป็นไร ช่วยกันทำก็ได้ ปกติเราไม่อาบน้ำเร็วแบบนี้หรอก นี่ก็เพิ่งจะหัวค่ำเอง ปกติชอบอาบน้ำตอนดึกๆ ใกล้ๆเวลาจะนอน หรือวันไหนขี้เกียจก็ไม่อาบมันซะเลย ฮ่าๆๆ”เค้าพูดติดตลก ถ้าเป็นคนอื่นนี่ผมจะแซวซะหน่อยว่าสกปรกไม่ชอบอาบน้ำ แต่กับเค้ายังไงผมก็ร๊ากก หุหุ

“งั้นถ้าขี้เกียจนักให้เราเป็นคนช่วยอาบให้ไหม”ได้ทีของผมละครับ อย่าได้เปิดช่องมาเชียว มาอย่างไหนตอนนี้ไอ้เกี๊ยงขอหน้าด้านหน้าทน เป็นคนหื่นไว้ก่อนละครับ อย่าได้เผลอเชียว ไม่งั้นเค้กชิ้นนี้ได้โดนคนตะกละอย่างผม สวาปามเข้าไปอีกแน่ๆ เค้าได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาให้กับผม

“อยากรู้จังว่าถ้าเราสองคนได้เรียนด้วยกันจนจบ ม.ปลาย ได้ติดต่อกันในช่วงมหาวิทยาลัย ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราสองคนจะเป็นยังไง”เค้าละมือจากการแย่งผมเก็บถ้วยจานไปล้าง ก่อนจะเอ่ยออกมาลอยๆ เหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่ผมก็คิดตามคำถามนั้น เพราะผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าถ้าเรายังได้ติดต่อกันอยู่ ตอนนี้ผมกับเค้าจะเป็นยังไงบ้างน้า พอลองคิดๆ ดูผมก็ยิ้มออกไปแก้มแทบปริกับสิ่งที่ผมคิด

“ยิ้มอะไรของนาย”เค้าหันมามองผมอย่างหมั่นไส้

“ก็คิดว่าถ้าเราได้เจอกันตลอด ป่านนี้เราคงเป็นแฟนกันไปแล้ว และต้องเป็นคู่รักที่น่าอิจฉาที่สุดในโลกแน่ๆเลย”ผมพูดพร้อมกับทำท่าทางยียวนเค้า จะไม่หวั่นไหวบ้างก็ให้มันรู้ไปสิ

“นายนี่ช่างคิดช่างจินตนาการเหลือเกินนะ”เค้าตอบกลับมาอย่างอายๆ ก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้ผมเก็บถ้วยจานไปล้างเพียงลำพัง สมองผมเริ่มสั่งการให้ประมวลผลอีกครั้งว่าจะหาเหตุผลอะไรมาอ้างขออยู่กับเค้าต่อดี เห็นในตู้เย็นมีเบียร์อยู่หลายกระป๋องพอสมควร แต่เหมือนมันจะไม่มากพอที่จะทำให้เค้าเมาได้ ซึ่งจริงๆ ผมก็ไม่อยากใช้แอลกอฮอล์มาทำให้เค้าเผลอตัวไปกับผมอีกหรอก ผมอยากให้เค้าเต็มใจไปกับผมมากกว่า แต่ผมจะทำไงดีละเนี่ย คิดๆๆๆ สิวะไอ้ตะเกียง

“นี่เกี๊ยง จะล้างจานทั้งคืนไม่กลับบ้านกลับช่องเลยหรือไง”ในขณะที่ผมกำลังคิดไม่ตกนั้น เค้าก็ส่งเสียงตะโกนเรียกผมจากห้องรับแขก ถึงเค้าจะถามเหมือนจะบอกให้ผมกลับแต่ฟังจากน้ำเสียงผมว่าเค้ายังอยากให้ผมอยู่ต่อนะเนี่ย(เข้าข้างตัวเองเต็มที่)

“ถ้าเค้กอยากให้อยู่ล้างทั้งคืนเราก็ยินดี เดี๋ยวล้างจานเสร็จแล้วก็ล้างเนื้อล้างตัวให้เค้กต่อก็ได้”ผมตะโกนตอบออกไป พร้อมกับอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี

“นี่ไม่เข้าใจจริงๆ เหรอว่าที่ถามนะ มันเป็นการไล่ทางอ้อม”ผมหุบยิ้มแทบจะทันที นี่ตกลงเค้าอยากให้ผมกลับจริงๆ เหรอเนี่ย ผมเดินคอตกออกมาหาเค้าที่ห้องรับแขก ตีสีหน้าเศร้าเต็มที่ ก่อนจะนั่งลงเบียดเค้าตรงโซฟาหน้าทีวี

“เราอุตส่าห์อยากจะอยู่เป็นเพื่อน เห็นว่าต้องอยู่คนเดียว แต่เค้กกลับอยากจะรีบไล่เรากลับงั้นเหรอ”ผมแกล้วทำเสียงสลด ก้มหน้าหลบต่ำ แต่หางตาผมก็ยังแอบเหล่ดูปฏิกิริยาของเค้าอยู่ เหมือนเค้าจะหน้าเสียไปเล็กน้อยก่อนจะตบไหล่ผมเบา

“แหย่เล่นแค่นี้ทำเป็นน้อยใจไปได้ เดี๋ยวนี้เป็นคนขี้น้อยใจไปแล้วเหรอ หัวก็ไม่ล้านซะหน่อย”เค้าพูดด้วยน้ำเสียงที่อยากให้ผมดีขึ้น แสดงว่าเค้าอาจจะกำลังคิดว่าผมน้อยใจเค้าอยู่แน่ๆ ผมแอบยิ้มโดยไม่ให้เค้าเห็นก่อนจะนึกแผนการอะไรบางอย่างออก

“ถ้าเค้กอยากให้กลับจริงๆ เรากลับก่อนก็ได้”ผมลุกขึ้นยืนโดยไม่มองหน้าเค้า พร้อมกับก้าวขาออกเดิน วิธีนี้ของผมเสี่ยงมากทีเดียวเพราะถ้าเกิดเค้าไม่รั้งผมสักนิดผมก็คงต้องคอตกกลับบ้านไปจริงๆ แต่จากการวิเคราะห์แล้ว เค้กค่อนข้างจะแคร์ความรู้สึกเพื่อนมาก เค้าจะไม่ปล่อยให้เพื่อนที่ดีมากๆ(อย่างผม) กลับไปโดยคิดว่าเค้าไล่แน่นอน ผมค่อยๆ ก้าวเดินพร้อมกับลุ้นในใจ ว่าเค้าจะรั้งผมไหม ก้าวแรกสู่ก้าวสอง สาม เอ้าเฮ้ยเรียกสิ เรียกให้อยู่ต่อหน่อย ผมเริ่มร้อนรนที่เค้าไม่ส่งเสียงเรียกผมไว้หน่อย แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เค้ามีปฏิกิริยายังไง เพราะถ้าจะหันกลับไปมองก็จะเสียแผนหมด

“เกี๊ยง...จะกลับจริงๆเหรอ”น้ำเสียงที่เหมือนจะรู้สึกผิดหน่อยๆ ดังขึ้น ผมยิ้มแก้มแทบปริ แต่ยังหันหลังให้เค้าอยู่ แต่ในใจนี่ตะโกน เยสๆๆ นี่ขนาดเค้ายังไม่ได้ขอให้อยู่ต่อนะ แต่ผมว่านี่มันเป็นสัญญาณแล้วว่าเค้ากำลังกลัวผมเคืองเค้าอยู่แน่ๆ เมื่อก่อนเค้กเป็นแบบนี้บ่อยๆ เพราะเมื่อก่อนเคยมีเพื่อนที่เคืองๆเค้าบ่อยๆ ในเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วเค้กก็ไม่สนใจ เลยกลายเป็นว่ากลายเป็นเรื่องใหญ่โตเกือบเสียเพื่อน เค้กเลยหันมาใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อย กับความรู้สึกของคนอื่นๆ มากขึ้น ทั้งที่ครั้งที่มีปัญหาตอนนั้นผมก็ไม่เห็นว่าเค้กจะผิดหรอกนะ เพราะมันก็เป็นเรื่องเล็กน้อยจริงๆ แต่ไอ้เพื่อนตัวดีคนนั้น ดันเป็นบ้าเป็นบออะไรไม่รู้

“อือ”ผมหุบยิ้มก่อนจะพยายามปรับสีหน้า แล้วทำน้ำเสียงให้ดูน้อยใจสุดๆ

“ดื่มเบียร์สักสองสามกระป๋องเป็นเพื่อนกันก่อนได้ไหม”เค้าเอ่ยเสียงเบา นี่เหรอวิธีการง้อเพื่อนของเค้า มาชวนดื่มเบียร์นี่อะนะ เอาน่าอย่างน้อยผมก็จะถือว่าเค้าแคร์ผมละน่าถึงอยากจะรั้งผมไว้อย่างนี้ ผมตีหน้าเศร้าก่อนจะหันกลับไปหาเค้า เห็นเค้าเองก็ทำหน้าหงอๆ ไปเหมือนกัน แต่ผมว่าเค้าทำหน้าแบบนี้ก็น่ารักดี (จริงๆหน้าแบบไหนก็รักทั้งนั้นแหละ)

“อยากให้เราอยู่ต่อจริงๆเหรอ”ผมเดินเข้าไปพูดกับเค้าใกล้ๆ พร้อมกับจ้องมองใบหน้านั้น ใจจริงอยากจะดึงเค้าเข้ามากอด แต่กลัวเค้าจะเปลี่ยนใจจากที่จะให้ผมอยู่ดื่มเบียร์เป็นเพื่อน กลายเป็นไล่ผมกลับไปจริงๆ

“เราไม่ได้ตั้งใจจะไล่เกี๊ยงนะ”เค้ายังคงจะพยายามอธิบาย ไม่ให้ผมคิดมาก แต่ดูเหมือนคนที่คิดมากน่าจะเป็นค้ามากกว่า เพราะผมไม่ได้โกรธเคืองอะไรเค้าเลย นี่ผมกำลังทำให้เค้ารู้สึกไม่ดีหรือเปล่า แต่นี่มันก็เพื่อเราสองคนแหละน่า

“ไหนว่าจะดื่มเบียร์ไม่ใช่เหรอ”ผมแสร้งยิ้มนิดๆ ให้กับเค้าทำเหมือนพยายามฝืนยิ้ม ทั้งที่ความจริงคือพยายามไม่ยิ้มมากต่างหาก เดี๋ยวเค้าจะจับได้ว่าผมแกล้งเคืองเค้า

“งั้นเดี๋ยวเราไปเอาเบียร์ก่อนนะ”เค้กยิ้มออกมาก่อนจะหันหลังเดินไปเปิดตู้เย็น พอเค้าหันไป ผมได้แต่ยิ้มอย่างผู้มีชัย คืนนี้ผมต้องหาข้ออ้างค้างกับเค้าให้ได้ เอาไงดีหว่า ถึงจะยังคิดไม่ออกก็ไม่เป็นไร ต้องค่อยๆ คิด เดี๋ยวคงมีสักเหตุผล (ข้ออ้าง)แหละน่า


ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [2-11-2014]
«ตอบ #27 เมื่อ03-11-2014 17:22:45 »

Cake

“นี่เกี๊ยง จะล้างจานทั้งคืนไม่กลับบ้านกลับช่องเลยหรือไง”ผมตะโกนถามคุณเพื่อนหลังจากที่ผมออกมาอยู่บริเวณห้องรับแขกได้นานพอดู แต่คุณเพื่อนที่บอกจะล้างจานให้ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเลย ผมเลยส่งเสียงแอบแซวเค้าหน่อย แต่เสียงที่เค้าตะโกนตอบกลับมาทำเอาผมแทบไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะรู้สึกวันนี้ผมพูดอะไรออกไปนี่มันจะโดนเค้าวนเรื่องมาเข้าตัวผมเสียทุกที

“ถ้าเค้กอยากให้อยู่ล้างทั้งคืนเราก็ยินดี เดี๋ยวล้างจานเสร็จแล้วก็ล้างเนื้อล้างตัวให้เค้กต่อก็ได้”นั่นแหละครับเสียงที่เค้าตอบกลับมา เล่นเอาผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวกับไอ้คำว่าล้างเนื้อล้างตัวให้นี่แหละ ก็ไอ้ครั้งที่แล้วที่ผมเมาไปค้างที่คอนโดเค้าแล้วเรื่องราวมันเลยเถิดก็เพราะที่เค้ามาเช็ดตัวให้ผมนั่นแหละ

“นี่ไม่เข้าใจจริงๆ เหรอว่าที่ถามนะ มันเป็นการไล่ทางอ้อม”ด้วยความหมั่นไส้ผมจึงตอบกลับไปอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ดูเหมือนว่าเกี๊ยงจะคิดหรือเปล่า เพราะเค้าเดินคอตกมานั่งลงข้างๆผม โดยไม่ยอมมองหน้าผม เค้าก้มหน้าหลบต่ำเหมือนคนกำลังน้อยใจ นี่ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า

“เราอุตส่าห์อยากจะอยู่เป็นเพื่อน เห็นว่าต้องอยู่คนเดียว แต่เค้กกลับอยากจะรีบไล่เรากลับงั้นเหรอ”น้ำเสียงหม่นๆของเค้าทำเอาผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ผมก็ลืมนึกไปว่า ตามมารยาทเราก็ไม่ควรจะไล่แขกกลับ แต่จริงๆผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะไล่กลับนี่นา ก็เห็นเป็นเพื่อนกันแซวเล่นแค่นี้ไม่น่าจะมาน้อยใจนี่นา หรือว่าเพราะเค้าคิดกับผมมากกว่าเพื่อนเลยพาลให้คิดจริงจังแบบนี้ นี่มันจะอะไรกันนักหนา ผมไม่ชอบแบบนี้ ไม่อยากให้เค้ารู้สึกไม่ดี

“แหย่เล่นแค่นี้ทำเป็นน้อยใจไปได้ เดี๋ยวนี้เป็นคนขี้น้อยใจไปแล้วเหรอ หัวก็ไม่ล้านซะหน่อย”ผมพยายามอธิบายว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะไล่เค้าจริง โดยพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงหวังให้เค้าได้เข้าใจในเจตนาที่แท้จริงของผม แต่เหมือนเค้าจะน้อยใจจริงๆ เสียแล้วละมั้งเนี่ย

“ถ้าเค้กอยากให้กลับจริงๆ เรากลับก่อนก็ได้”พอพูดจบเค้าก็ลุกเดินออกไปโดยที่ไม่แม้แต่หันมามองหน้าผมสักนิด นี่เค้าโกรธผมจริงๆ เหรอ ผมมองตามแผ่นหลังของเค้าที่เดินห่างออกไป ทำไมนะทั้งที่จริงๆ ผมก็รู้สึกอยากให้เค้ากลับเหมือนกันเพราะมาคลุกอยู่บ้านผมแทบทั้งวันแล้ว แต่พอเค้าจะกลับออกไปแบบนี้โดยที่คิดว่าผมเป็นคนไล่เค้า ผมกลับรู้สึกว่ายังไม่ควรปล่อยเค้าไปตอนนี้

“เกี๊ยง...จะกลับจริงๆเหรอ”ด้วยความกังวลกลัวเค้าจะโกรธผม ถึงแม้ผมจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้สำหรับเค้ามันเป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่า มันเลยทำให้ผมต้องร้องขอให้เค้าอยู่ต่ออีกหน่อย อย่างน้อยๆ เพื่อที่เราอาจจะได้ปรับความเข้าใจ เฮ้ย??? ปรับความเข้าใจอะไรกัน ไม่ใช่แฟนกันนะเนี่ย ผมเริ่มคิด แต่ยังไงก็เถอะผมไม่อยากให้เค้าโกรธผม แต่ด้วยเพราะคิดอะไรไม่ทันหรือคนอย่างผมมันคิดได้แค่นี้ก็ไม่รู้ เหตุผลที่จะยื้อให้เค้าอยู่ต่อเพื่อขจัดความขุ่นข้องหมองใจ และความเข้าใจผิดของเค้าต่อเจตนาของผม เหตุผลที่ผมใช้ดันเป็นเรื่องแอลกอฮอล์อีกแล้ว

ผมเดินมาหยิบเบียร์ที่มีในตู้เย็นที่มีอยู่แค่ประมาณ 6-7 กระป๋อง แล้วมีแค่นี้ก็คงดื่มแป๊บเดียวเค้าก็คงกลับแล้ว แล้วจะได้ทันคุยอะไรกันเท่าไหร่เชียว ผมเดินหอบกระป๋องเบียร์พร้อมกับพวกขนมอีกเล็กน้อย ออกไปหาเค้าที่ยังดูซึมๆ อะไรกันทั้งๆ ที่วันนี้เค้าออกจะกวนประสาทผมทั้งวันแล้วแค่ผม แหย่แกล้งไล่กลับบ้านหน่อยเดียวเค้าเป็นได้ขนาดนี้เลยหรือไง

“เดี๋ยวมานะ”งานนี้ไม่รู้ผมผิดหรือเปล่า ถ้าตามความรู้สึกผมว่าผมไม่ผิดแต่ไม่เมื่อเหมือนเค้าจะทำงอนเป็นเด็กๆ แบบนี้ ผมคงต้องง้อหน่อยละมั้ง เลยกะว่าต้องหาอะไรเป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์หน่อยจะดีกว่า เพราะลำพังแค่เบียร์ไม่กี่กระป๋องนี่คงช่วยอะไรไม่ได้เท่าไหร่หรอกนะ




“อะไรเหรอ”เค้าเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ผมไปหยิบของบางอย่างออกมา พร้อมกับส่งแก้วเบียร์ให้ผม ผมแปลกใจเล็กน้อยเพราะปกติเบียร์กระป๋องแบบนี้ใครเค้าเอามาเทใส่แก้วกัน แถมมันก็แช่เย็นไว้แล้วไม่เห็นจำเป็นที่ต้องไปเอามาใส่น้ำแข็งอีก นี่เค้าคงไปเอาน้ำแข็งจากตู้เย็นมาเพิ่มเป็นแน่ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเค้าเท่าไหร่แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เพราะผมเป็นฝ่ายที่ต้องตอบเค้าก่อนว่าผมไปหยิบอะไรมา ผมยื่นสิ่งนั้นให้เค้าแทนคำตอบ

“อัลบั้มรูปเหรอ”เค้าพึมพำหลังจากหยิบไปเปิดดู มันเป็นพวกรูปเก่าๆ สมัยผมเรียนมัธยม ผมเป็นคนค่อนข้างจะบ้ากล้องอยู่ไม่น้อย เลยมีรูปเยอะไปหมด ทั้งตอน ม.ต้น และ ม.ปลาย รูปของเค้าเองก็มีเยอะเหมือนกัน เพราะเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกับผม แต่รูปช่วง ม.ปลาย มันก็ไม่มีเค้าหรอกเพราะเป็นช่วงที่เค้าย้ายไปเรียนที่อื่น ผมลอบมองเค้าอยูเป็นระยะ เห็นเค้าอมยิ้มหน่อยๆ พร้อมกับการเปิดดูรูป

“ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจจะไล่เกี๊ยงกลับจริงๆนะ”ถึงผมจะรู้สึกว่าผมไม่ผิดอะไรเพราะมันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ผมก็ไม่อยากให้เค้าเก็บเอาไปคิดติดค้างในใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้

“เราก็ยังไม่ได้ว่าอะไรนิ”เค้าตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผม แต่ยังคงเปิดดูรูปไปเรื่อย คิดว่าเค้าไม่น่าจะโกรธผมแล้วมั้งเพราะเห็นเค้าอมยิ้มซะขนาดนั้น ไม่รู้เพราะรูปที่กำลังดูหรือเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้เค้าอมยิ้มแบบนั้น

“งั้นก็ดีแล้ว ชนแก้วหน่อย”ผมทำเหมือนเรียกให้เค้าสนใจผมสักหน่อยเพราะ ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเค้าไม่ได้โกรธผมจริงๆ

“เค้กนี่ชอบดื่มจังเลยนะ”เค้าเงยหน้าขึ้นมายกแก้วชนกับผม พร้อมกับยกดื่มจนหมด ก่อนจะถอดรูปนึงออกมาจากอัลบั้มก่อนจะชูให้ผมดู

“ทำไมเหรอ”ผมมองดูรูปใบที่เอาหยิบออกมา มันเป็นรูปผมกับเค้าสองคน น่าเป็นตอนกีฬาสีเพราะชุดที่เค้าใส่เป็นชุดนักกีฬาบาสเกตบอล ส่วนผมก็เป็นชุดประจำสีที่ผมอยู่ ในคอของเค้าคล้องเหรียญรางวัลอยู่ เค้ากอดคอผมชิดอยู่กับเค้า ดูจากรูปแล้วดูเหมือนเค้ากำลังมีความสุขมากเพราะตอนนั้นเราเป็นนักกีฬาและสีเค้าก็ได้ที่หนึ่ง ส่วนสีผมแพ้สีของเค้าในรอบชิงนั่นแหละ

“จำวันนั้นได้ไหม”เค้าถามย้อนถึงเรื่องในอดีต ผมก็พยายามนึกตามว่าวันนั้นมันมีอะไร ปกติวันกีฬาสีมันเป็นวันว่างของผมเพราะไม่ค่อยจะไปเข้าร่วมอะไรกับเค้าเท่าไหร่ ไอ้ผมมันถือคติ “เรียนก็ไม่มา กีฬาก็ยังขาด” เลยไม่ค่อยได้สนใจงานแบบนี้เท่าไหร่ แต่เค้าและเพื่อนๆ คนอื่นๆ จะชอบเล่นบาสกัน ผมก็ไม่ค่อยไปดูเค้าแข่งหรอก เพราะมัวแต่หาเรื่องไปเที่ยวเล่นทำอย่างอื่น จนรอบชิงพอดีว่าเป็นสีของผมเองแล้วก็มีเพื่อนในกลุ่มลงเล่นด้วย ส่วนฝั่งเค้าเองก็มีเพื่อนเราเล่นด้วยเหมือนกันผมเลยโดนเพื่อนๆ บังคับให้ไปดูการแข่ง


“พนันกันไหมว่าสีมรึงหรือสีกรูจะชนะ”เกี๊ยงในวันนั้นพูดขึ้นกับผมตอนที่ใกล้จะถึงเวลาแข่ง ตอนนั้นก็แบบนึกสนุก ไม่คิดหรอกว่าใครจะชนะ เพราะยังไงก็มีเพื่อนเราอยู่ทั้งสองฝั่ง คือไม่ได้เชียร์ฝ่ายไหนเป็นพิเศษ แต่พอโดนท้าแบบนี้ใครมันจะไปยอมละครับ

“สีมรึงก็แค่ฟลุ๊คได้เข้ามาชิงละว้า ยังไงสีกรูก็ชนะอยู่แล้ว จะพนันอะไรว่ามาเลย”ผมเอ่ยอย่างท้าทายทั้งๆ ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าทีมไหนจะชนะ เพราะเพื่อนๆ ผมซึ่งอยู่ทั้งฝั่งเค้าและฝั่งผมก็ฝีมือพอๆกันนั่นแหละ แต่อย่างว่าถึงผมไม่ได้เลือดสีเข้มข้นแต่อย่างน้อยก็ต้องเชียร์สีตัวเองไว้ก่อน ใครจะไปยอมแพ้ไอ้เพื่อนตัวดีนี่กันละ

“พนันอะไรกันดีละ”เค้าทำเป็นครุ่นคิด ผมเองก็กำลังคิดเหมือนกันว่าจะพนันอะไรกันดี ถ้าให้ผมเลือก หลังจากการแข่งเสร็จมันก็ต้องมีฉลองงั้นก็ต้อง ให้คนที่แพ้พนันเลี้ยงน่าจะโอเค

“งั้นเอาเบียร์หนึ่งเมา ใครแพ้จ่ายโอเคไหม”ผมเสนอความคิดออกไปแต่เค้ากลับไม่เห็นด้วยกับผม

“ไม่เอาแบบนั้นมันธรรมดาไป เอางี้ดีกว่า ถ้าสีใครชนะคนนั้นมีสิทธิ์ขออะไรก็ได้จากคนที่แพ้ โอเคไหม”ข้อเสนอของเค้ามันก็ไม่เห็นจะแปลกไปจากที่ผมบอกเท่าไหร่เลยนิ เพราะถ้าผมชนะผมก็คงแค่ขออย่างที่ผมบอกไป ส่วนเค้าจะมีอะไรขอผมแปลกประหลาดกว่านี้อีกเหรอ ผมก็พยักหน้ารับข้อเสนอนั้น

แล้วการแข่งก็เริ่มขึ้น ทั้งสองฝ่ายผลัดกันนำอย่างดุเดือด แต่ท้ายที่สุดแล้วฝ่ายสีของผมก็เป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำ แพ้จนได้ หลังจากแข่งเสร็จ รับเหรียญเรียบร้อย ก็ถ่ายรูปกันสนุกสนาน เพราะถึงจะแพ้ ชนะยังไงก็เพื่อนกันทั้งนั้น

“มรึงแพ้งั้นกรูก็มีสิทธิ์ ขออะไรก็ได้ใช่ไหม”เค้ามาทวงในสิ่งที่เราสองคนตกลงกันแต่ยังไม่ทันที่ผมจะถาม ว่าเค้าจะขออะไรจากผมเพราะเพื่อนๆ คนอื่นๆ เป็นคนตอบแทน

“ไอ้เค้กกรูได้ยินนะว่ามรึงจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงเบียร์ ใช่ไหม”เพื่อนๆได้ยินตอนที่ผมคุยกับเกี๊ยงเลยกลายเป็นว่าวันนั้นผมต้องเลี้ยงเบียร์เพื่อนๆ แต่เหมือนเกี๊ยงจะอยากขออย่างอื่น จากข้อตกลงของเรา ซึ่งไม่น่าจะใช่เบียร์ แต่วันนั้นด้วยความสนุกสนานทำให้ผมเองก็ลืมเรื่องที่เคยตกลงไว้กับเค้าไปสนิทเลย

“วันนั้นที่เกี๊ยงชนะพนันเกี๊ยงจะขออะไรจากเราเหรอ”ผมเอ่ยถามเมื่อนึกทบทวนถึงเรื่องที่ล่วงเลยมานานมากแล้ว จริงๆผมก็แทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว นี่ถ้าเค้าไม่หยิบรูปนี้มาแล้วมาถามผมแบบนี้ผมก็คงจะจำไม่ได้แล้วละ

“วันนั้นเราว่าจะขอเค้กเป็นแฟน”คำตอบเค้าทำเอาผมแทบจะพูดไม่ออก



---------------------------
แวะมาต่อคร๊าบบบบ

ยังไงฝากติชมได้นะครับ

ชอบทั้งคำชมและคำติ จะได้นำไปปรับปรุง

 :katai2-1:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: (ไม่)รักได้ไง [3-11-2014]
«ตอบ #28 เมื่อ03-11-2014 18:45:20 »

ว้ายยยยยย

พูดออกไปแล้ววว


ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
Re: (ไม่)รักได้ไง [3-11-2014]
«ตอบ #29 เมื่อ04-11-2014 16:54:30 »

Ta-kiang

ผมแอบยิ้มอยู่ในใจที่เค้ารั้งให้ผมอยู่ต่อ แถมยังเอาอัลบั้มรูปเก่าๆ สมัยที่เราเคยเรียนด้วยกันมาให้ผมดูอีกด้วย ผมหยิบรูปใบหนึ่งที่ผมกับเค้าถ่ายด้วยกันในงานกีฬาสี เค้าเองน่าจะจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เหมือนผม เพราะเค้ายังไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่ผมจะขอในวันนั้น ผมแกล้งบอกเค้าไปว่า ผมจะขอเค้าเป็นแฟน แต่ในความจริงตอนนั้นผมไม่กล้าขอแบบนั้นหรอก เพราะตอนนั้นผมเองยังไม่มั่นใจ ยังกล้าๆ กลัวๆ อีกอย่างผมไม่รู้ว่าเค้กจะว่ายังไง ถ้าผมขอออกไปแบบนั้น วันนั้นพอเพื่อนๆ เข้าใจว่าเราพนันเบียร์กัน ผมก็เลยตามน้ำ เก็บความรู้สึกเอาไว้ กะว่าอีกไม่นาน ผมจะบอกกับเค้าว่าผมคิดยังไงกับเค้า แต่ใครจะไปคิดว่าครอบครัวผมดันย้ายบ้านกะทันหันขนาดนั้น ผมเลยขาดการติดต่อกับเค้า ตอนแรกผมคิดว่าไม่นานผมอาจจะลืมเค้าได้ ตอนที่จากกันผมเลยไม่ได้บอกเค้าออกไป

แต่พอจากกันไปผมกลับยังคงคิดถึงเค้าอยู่ตลอด จนเวลาล่วงเลยผ่านมา แต่ผมก็ไม่สามารถติดต่อกับเค้าได้อีก ทว่าการได้กลับมาเจอกันอีกครั้งแบบนี้คงต้องเป็นเพราะพรมลิขิตอย่างแน่นอน

“การพนันครั้งนั้นยังถือว่ามีผลอยู่ไหมน้า”ผมเอียงคอถามเค้าเสียงทะเล้น ถึงเวลาจะล่วงเลยมานานแต่ตอนนั้นก็ถือว่าเราสัญญา ตกลงกันไว้แล้ว และผมก็เป็นผู้ชนะ งั้นผมก็ขอทวงสิทธิ์หน่อยแล้วกัน

“ตอนนั้นเราก็เลี้ยงเบียร์ไปแล้วนี่นา อีกอย่างเรื่องมันก็ตั้งกี่ปีมาแล้ว”เค้าก้มสายตาหลบอย่างอายๆ โดยไม่กล้าสบตากับผม ช่างน่ากินเสียจริงๆ เค้กชิ้นนี้ของผม

“แต่ตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้ขอ ในสิ่งที่อยากจะขอเลยนี่นา”งานนี้ต้องรีบรุกต่อให้เร็วที่สุดครับ อยู่กันสองต่อสองแบบนี้ โอกาสยิ่งเป็นใจให้ผมเสียจริง เหอๆ

“เรื่องมันตั้งกี่ปีมาแล้ว ถือว่าไม่มีผลแล้วละ”แววตาของเค้าที่หันมาจ้องผมอย่างเอาเรื่อง ทั้งที่แววตานั้นยังมีอาการเคอะเขินอยู่ไม่น้อยทีเดียว ผมอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเปิดอัลบั้มรูปดูไปเรื่อยๆ อย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ เพราะสมองผมกำลังคิดวางแผนว่าวันนี้จะพิชิตเค้กได้ยังไงดี อีกอย่างรูปในอัลบั้มหลังๆ ก็เป็นรูปสมัย ม.ปลาย ที่ไม่มีผม มีหลายคนที่ผมไม่รู้จักอยู่ในรูป จนตอนแรกว่าจะวางแล้วถ้าไม่เห็นรูปหนึ่งมันช่างท้าทายสายตาผมเหลือเกิน

จริงๆ ผมก็เห็นรูปของคนๆ นี้มาหลายรูปแล้วเหมือนกัน ซึ่งผมไม่รู้จักเค้าเลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนจะมีรูปคู่กับเค้ก หลายรูปเหลือเกิน และรูปที่บาดตาบาดใจที่สุด คือรูปที่ผมเพิ่งเห็นเมื่อสักครู่ มันเป็นรูปของไอ้นี่ซึ่งชื่อเรียงเสียงใดผมก็ไม่รู้ แต่มันกำลังหอมแก้มเค้กอยู่ แถมเค้กดูยิ้มแย้มเหมือนเต็มใจใครมันหอมแก้มซะอย่างนั้น ตกลงไอ้นี่มันเป็นใครกัน ผมไม่ได้เก็บความสงสัยไว้นานเลย

“ใคร”ผมชี้มือลงที่รูปไอ้บุคคลปริศนาที่ผมข้องใจ พร้อมกับจ้องมองเค้าด้วยสายตาขวางๆ หน่อยๆ ก็ผมหึงนี่นา ถึงจะยังไม่รู้สถานะของไอ้นี่ แต่คนมันหวงนี่หว่าจะให้ทำไงได้ เค้กก้มมองดูรูปที่ผมกำลังชี้อยู่ก่อนจะตอบ

“อ๋อ...พี่ตี้ ทำไมเหรอ”เค้าหันมาตั้งคำถามเอากับผมบ้างประมาณว่าทำไมผมถึงอยากจะรู้จัก และเหมือนเค้าจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมอยากจะรู้

“เค้าเป็นใคร...แล้วทำไมต้องหอมแก้มกันด้วย”น้ำเสียงผมคงเริ่มขุ่นขึ้นแล้ว เพราะดูเค้กเองก็ชะงักไปเหมือนกัน ที่เห็นน้ำเสียงผมเริ่มเปลี่ยนไป แต่เค้กยังคงเงียบไม่ได้ตอบคำถามผม ยิ่งทำให้ผมอยากรู้ขึ้นไปอีกว่าไอ้พี่ตี้นี่คือใคร ผมลองเปิดอัลบั้มรูปไปเรื่อยๆ ปรากฏว่ารูปแนวๆ นี้ยังมีอีกเยอะเลย นี่มันชักจะยังไงแล้วนะ

“ตกลงว่าเค้าเป็นใครกัน”ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับตีสีหน้าเศร้านิดๆ

“พี่ตี้...กับเราเคยเป็นแฟนกัน”เค้าตอบน้ำเสียงตะกุกตะกักเหมือนไม่ค่อยอยากจะพูดถึง แต่ไอ้คำตอบเค้านี่แทบจะทำผมเลือดขึ้นหน้า ทำไมนะทั้งที่เค้กก็เพิ่งบอกว่าเคยเป็นแฟนกันก็ต้องแสดงว่าตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่ทำไมผมยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี อีกอย่างที่น่าเจ็บใจก็คือ การที่เค้กเคยมีแฟนเป็นผู้ชายตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม นั่นแสดงว่าเค้าคงมีใจให้เพศเดียวกันมาตั้งนานอยู่แล้ว นี่ผมไม่น่าปล่อยให้เค้าไปมีคนอื่นมาตั้งมากมายแบบนี้เลย ไม่รู้ว่าโมโหเค้าหรือโมโหตัวเองกันแน่นะผม

“แล้วตอนนี้ยังติดต่อกันอยู่ไหม”ผมสูดลมหายใจลึกๆ เหมือนเป็นการข่มอารมณ์หึงหวงบ้าๆ บอๆ ของผม สงสัยผมจะเป็นเอามากเสียแล้วนี่ขนาดเค้กยังไม่ได้ตกลงยอมเป็นแฟนกับผมเสียด้วยซ้ำ อีกอย่างนี่ผมหึงกระทั่งคนที่เป็นอดีตของเค้าเชียวหรือ

“ตั้งแต่เลิกรากันไปก็ไม่ได้คุยกันแล้วละ เรากับพี่เค้าจบไม่ค่อยสวยหรอกนะ อย่าให้พูดถึงเลย”เหมือนเค้กจะไม่ค่อยอยากพูดถึงเท่าไหร่ แถมยังเหมือนจะตัดบทเพื่อไม่ให้ผมซักไซ้ต่ออีกด้วย นั่นสินะคนเรามันก็ต้องมีอดีตด้วยกันทั้งนั้นแล้วอดีตที่มันไม่น่าจดจำเราก็ไม่ควรเก็บมาใส่ใจหรอก คิดได้ดังนั้นผมก็ยิ้มให้เค้าเหมือนปลอบใจ ก่อนยิ้มของผมจะแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ เหอๆ

“ถามอีกนิดได้ไหม”ผมเริ่มคิดอะไรบางอย่างออก ด้วยการใช้ไอ้พี่ตี้นี่เป็นเครื่องมือของผมเสียหน่อยแล้ว

“อะไรเหรอ ถ้าตอบได้ก็จะตอบ”เค้าพูดอย่างไม่ค่อยจะใส่ใจเท่าไหร่ แต่ผมนี่ยิ้มอย่างผู้มีชัยอีกแล้วเมื่อเหยื่อเริ่มจะกินเบ็ดอีกแล้ว เค้กหันมายักคิ้วรอคำตอบจากผมก่อนจะยกเบียร์ดื่ม

“เค้กกับไอ้พี่ตี้นี่เคยมีอะไรกันหรือเปล่า”คำถามผมเล่นเอาเค้าเกือบจะสำลักเบียร์ ถึงแม้ผมจะไม่อยากรับฟังหรอกว่าเค้าเคยมีอะไรกันถึงไหน แต่เมื่อมันเป็นส่วนหนึ่งของแผน ผมก็ต้องสานต่อ

“ถะ...ถามทำไมเหรอ”น้ำเสียงติดๆขัดๆ ค่อยๆเปล่งออกมา พร้อมกับใบหน้าของเค้าที่เริ่มมีสีแดงระเรื่อ เค้าไม่ต้องตอบก็รู้ว่าต้องเคยมีอะไรกันแล้วแน่ๆ เอาเถอะยังไงมันก็แค่อดีต ผมต้องท่องคำนี้เอาไว้ ผมถือโอกาสทึกทักเอาเองเสียเลยว่าเค้าคงมีอะไรกันแล้วแหละก่อนจะเริ่มคำถามเพื่อนำเข้าสู่แผนการขั้นต่อไป

“แล้วระหว่างไอ้พี่ตี้นั่นกับเรา ใครทำให้เค้กมีความสุขได้มากกว่ากัน”พอจบคำถามเค้กถึงกับอ้าปากค้างคงไม่คิดว่าผมจะถามอะไรแบบนี้ ตอนนี้ใบหน้าของเค้าที่แดงอยู่แล้วมันยิ่งแดงขึ้นไปอีก บ่งบอกว่าเค้ากำลังเขินอย่างมาก

“ว่าไงละ”ผมเร่งเค้าเมื่อเค้กยังคงไม่ยอมตอบคำถามผม เค้าส่งสายตาค้อนๆ ผมก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเคืองๆ สงสัยคงหมั่นไส้ผมด้วยแน่ๆ

“ใครมันจะไปรู้เล่า”ไอ้คำตอบเลี่ยงๆ แบบนี้แหละที่ผมต้องการ เค้กเอ๋ยคืนนี้นายได้เป็นของหวานก่อนนอนให้เราแน่ๆ

“ทำไมถึงไม่รู้ละ”ในเมื่อเค้าเดินมาตามเกมที่ผมวางแล้ว ผมก็ต้องรีบต้อนเค้าให้จนมุม นี่ผมเป็นจอมวางแผนอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย

“ก็...ก็...ก็นั่นแหละ”เค้ายังคงบ่ายเบี่ยง อย่างอายๆ

“อ้าว ตกลงจะรู้เรื่องไหมเนี่ย”ผมถามยิ้มๆ ย้ำเค้าอีกรอบ

“ก็วันที่คอนโดเกี๊ยงเราเมานี่นา ใครจะไปจำมาเปรียบเทียบกันได้เล่า”คำตอบพาซื่อของเค้าหลุดออกมาอย่างลืมตัว คงเพราะอยากตอบเลี่ยงๆให้จบๆ ตัดรำคาญคำถามของผม แต่มันไม่จบง่ายๆ หรอก นะนายเค้ก

“งั้นก็ลองอีกรอบก่อนก็ได้ แล้วนายค่อยตัดสินอีกทีว่าใครทำให้นายมีความสุขได้มากกว่ากัน”พอพูดจบโดยไม่ทันให้เค้าตั้งตัวผมก็โน้มตัวเข้าหา พร้อมกับประกบริมฝีปากเข้าหาริมฝีปากบางของเค้าทันที


-----------------------------------------

แวะมาต่อคร๊าบบบบบ

คู่นี้ก็ยังคงเรื่อยๆ ต่อไป  :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด