✪ My Tutor ✪ ครูครับ ,, รับรักผมเถอะ!||P.22 ||14-4-60 พิเศษ-#เชนแบงค์||
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✪ My Tutor ✪ ครูครับ ,, รับรักผมเถอะ!||P.22 ||14-4-60 พิเศษ-#เชนแบงค์||  (อ่าน 192780 ครั้ง)

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
สยามรัก #2  Oon




เคยไหม? ที่มองหาใครคนหนึ่งเจอ แม้ผู้คนจะมากมายแค่ไหนก็ตาม
เคยยิ้มให้ ..   ทั้งๆที่ไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั้นเค้าจะมองเห็นหรือป่าวก็ไม่รู้
เคยทำตัวงอแง ... เวลาที่หันไปมองแล้วเค้าไม่ยอมสบตา
เราเคยทำสิ่งทั้งหมดนี้.. โดยที่เค้าไม่เคยรู้ตัวเลย.







“มึงนึกยังไงมาชวนกูเรียนพิเศษวะ” เสียงของแบงค์บ่นตอนที่ลงจาก BTS

“ม.4 แล้วตั้งใจเรียนกันหน่อยดิวะ” ผมหันไปตอบมัน ก่อนจะพาพวกมันเดินไปสมัครเรียน


จะเจอคนๆนั้นไหมน๊า?

จริงๆแล้วผมมีเรื่องจะสารภาพ ที่ชวนพวกมันมาเรียนพิเศษวันจันทร์-ศุกร์เนี้ย
เพียงเพราะผมอยากเจอคนๆหนึ่งเท่านั้นเอง



ทุกครั้งเวลาเดินจาก BTS จะมาเดินเล่นที่สยาม
ผมต้องเจอเค้ายืนกับเพื่อนตลอด ก่อนที่จะพากันเดินเข้ามาในตึกโรงเรียนสอนพิเศษแห่งนี้
มันเป็นเวลาหลายเดือนเหมือนกัน กว่าผมจะกล้าตัดสินใจ...
ว่ามึงไม่ควรได้แต่เฝ้ามองหาเค้าเวลามาเดินสยาม....
ผมควรจะได้รู้จักคนๆนี้ได้แล้ว.



พอเดินเข้าไปในโรงเรียนสอนพิเศษ ผมแทบจะอยากวิ่งหนีจริงๆ
ก็คนที่ผมแอบมองมันนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนแถวๆโต๊ะรับสมัครพอดี
แล้วดูตัวผมดิ.. เพิ่งเตะบอลมา เหงื่อนี้ออกมายังกับไปอาบน้ำมา
หน้าตากูมอมแมมป่าววะ? ผมรีบเอามือถือขึ้นมาส่องดูหน้าตัวเองทันที
ก่อนจะทำตัวให้เป็นปกติ เดินเข้าไปขอระเบียบการรับสมัคร
แล้วแฟรงค์แม่งงง.. ก็รู้ใจจริงๆ พาพวกผมไปนั่งที่โต๊ะข้างๆมัน
ผมเลยเลือกที่จะนั่งใกล้ๆมัน แต่มุมที่ผมนั่งสามารถมองเห็นหน้ามันได้ด้วย
“หล่อว่ะ” ผมบอกกับตัวเองเบาๆ
ปกติได้แค่เดินสวนกันบ้างละ .. เจอกันที่ BTS บ้าง
แต่นี้อยู่ใกล้กันมากขนาดนี้.. โอ้ยยยย ชอบวะ!!


คือจริงๆเรื่องที่ผมไม่กล้าบอกใคร.. ผมชอบผู้ชายครับ ชอบพี่เค้าคนนี้
ไม่เคยรู้สึกอยากชอบผู้ชายมาก่อนเลยนะ .. แต่พอเห็นพี่คนนี้เท่านั้นแหละ
ยอมอะ.. ยอมรับเลย
กูชอบมึงมากกครับไอ้พี่หน้าหล่อ!


แต่ถ้าผมไม่เข้าข้างตัวเองมากไป.. ผมว่าพี่เค้าก็แอบมองผมเหมือนกันนะ
เพราะหลายครั้งที่ผมแอบมองพี่เค้า.. ผมจะหันไปเจอกับสายตาที่พี่เค้ามองมาตลอด
พอสายตาเราสบตากันปุ๊บ.. พี่เค้าก็จะหันหน้าหนี แล้วชวนเพื่อนเดินหนีไปเลย
นี้กูไม่หล่อหรอวะ?
กูหน้าตาดีนะเว้ยไอ้พี่หน้าหล่อ.. สาวๆมาจีบเพียบเลยนะ!!!!!


ตอนแรกพวกเพื่อนๆ มันจะไม่ยอมเรียนกัน .. แต่พอผมบังคับพวกมันเลยยอมเรียนด้วยกันทั้งหมด
และโชคดีมาก.. ห้องเรียนของผมอยู่เยื้องๆกับห้องเรียนของไอ้พี่หน้าหล่อนั้น
ทำให้ผมแอบมองมันได้ทุกวันที่มาเรียน 



ตอนไปเรียนผมก็พยายามมองหามันตลอดนะ ..
เจอบน BTS ตอนที่มันยืนรอเวลาไปเรียน
ผมก็พยายามชวนเพื่อนให้หยุดยืนคุยแถวๆที่มันอยู่
หวังจะให้มันเดินมาทัก หรือได้ยินมันคุยกับเพื่อนบ้าง
อึดอัดครับ.. อยากรู้จักชื่อพี่เค้ามากๆ
แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกต่อหน้าเพื่อนมากนัก ..
ในกลุ่มผมก็มีแบงค์นี้แหละที่ชอบผู้ชาย แต่มันก็ได้ทั้งชายและหญิงนั้นแหละ
ส่วนคนอื่นๆผมไม่รู้ว่ามันจะรู้สึกยังไงถ้าผมบอกไปว่าผมชอบผู้ชาย
เลยเก็บเงียบไว้มาตลอด.



จนแบบ..ไม่ไหวแล้วอะ ผมไม่ชอบอะไรที่แม่งต้องทนอึดอัดไว้แบบนี้
ตอนเบรคคาบเรียน   พวกมันก็นั่งเล่นอยู่ในห้อง   ผมเลยทำทีขอเดินลงมากินน้ำ แต่จริงๆคือจะมาหารายชื่อพี่เค้า
เพราะมันมีบอร์ดแปะไว้บอกว่าในสัปดาห์นี้ใครได้คะแนนเทสเท่าไหร่ๆ
ซึ่งถ้าดูจากจำนวนจุดๆที่อยู่บนเสื้อนักเรียนพี่เค้าละก็... น่าจะเรียน ม.6 แล้วนะ
ผมเลยไปยืนที่บอร์ด ม.6 ก็เห็นว่ามีรูปพี่เค้าแปะอยู่
ชื่อพี่ยิม .... ชื่อน่ารักวะ!
(อะไรแม่งก็น่ารักหมดอะตอนนี้.. ถึงมันจะชื่อพี่สมชาย ผมก็มองว่ามันน่ารักอยู่ดี)



เอาเป็นว่าตอนนี้ผมรู้จักแล้วละว่าเค้าชื่อพี่ยิม เรียน ม.6 เรียนอยู่โรงเรียนใกล้ๆสยามนี้เอง
แล้วบ้านเค้าอยู่ไหนวะ? ทำยังไงจะให้ได้เบอร์พี่เค้าวะ?



นั่งเรียนไปก็คิดไปว่าตัวเองควรทำยังไง.. พี่เค้า ม.6 แล้ว อีกไม่นานพี่เค้าก็จะสอบและคงไม่มาเรียนพิเศษอีก
ผมจะหยุดตัวเองไว้แค่อยากรู้จักแบบนี้นะหรอ?
ถ้าทำแบบนั้นผมจะลงทุนมาเรียนพิเศษทุกๆวันทำไม
ที่หาเรื่องมาทุกวันนี้นอกจากเรื่องเรียนแล้วก็เพราะอยากเจอพี่ยิมด้วยนี้แหละ.




จนแบบวันหนึ่งผมตัดสินใจแล้วว่าจะต้องแนะนำตัวเองกับพี่เค้าให้ได้
ตอนเรียนก็คอยมองตลอดว่าพี่ยิมออกมาข้างนอกไหม
และก็ถึงเวลาเบรก พี่ยิมมองไปรอบๆเหมือนหาอะไรสักอย่าง
ก่อนจะเดินไปกินน้ำ ผมเลยบอกเพื่อนๆว่าจะไปกินน้ำแล้วรีบวิ่งออกจากห้องเรียนมา



พี่ยิมยืนกินน้ำอยู่คนเดียว ผมเลยไปยืนอยู่ข้างหลังพี่ยิม ก่อนจะทำทีเป็นขอทางไปหยิบแก้วน้ำ
ซึ่งพี่ยิมก็เบี่ยงตัวหลีกทางให้ผมเข้าไปกดน้ำดื่ม .. ผมก็พยายามดื่มน้ำช้าๆ
และก็เห็นว่าพี่ยิมก็มองผมอยู่เหมือนกัน ...
ผมเลยทำใจกล้าถามพี่ยิมกลับไป



“เอ่อออ .. พี่มีอะไรกับผมหรือป่าวครับ”
ทำไมเสียงกูหาเรื่องพี่เค้าแบบนั้นละ?
คือมันตื่นเต้นอะ .. ตอนแรกตั้งใจจะถามว่า พี่ชื่อพี่ยิมหรอครับ
แล้วจะแกล้งถามเรื่องเรียนจะได้มีเรื่องคุย แต่ปากแม่งถามไปแบบนี้มันจะต่อยกูกลับมาไหมละ?

“ห๊ะ อะไรนะ” พี่ยิมตอบกลับมาด้วยเสียงห้วนๆ

“ก็พี่มองหน้าผมทำไมละ จริงๆอยากถามนานแล้วละนะ แต่ไม่มีโอกาสสักที”
ผมก็เลยถามกลับไปอีก .. ในใจนี้ภาวนาให้พี่แกถามว่าผมชื่ออะไร
แต่แกก็ไม่ถาม ดันกวนตีนกลับมาอีก.


“ไม่มีอะไรอะ มองไม่ได้หรอ”
ท่าทางกูจะได้ต่อยพี่ที่กูชอบก็วันนี้ละมั้ง?
กูอ่อยมึงอยู่นะไอ้พี่คนหล่อ .. ถามชื่อกูหน่อยสิเว้ยย!!!!

“มองได้ไม่ว่าอะไร ก็นึกว่าพี่อยากมีเรื่องเห็นมองอยู่นั้นแหละพอผมมองกลับมาพี่ก็หลบสายตาผม
เห็นแล้วมันหงุดหงิด  มีอะไรก็ถามได้นะ”

ผมพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินกลับไปห้องเรียน ...
โคตรตื่นเต้นอะ .. สรุปที่ใจกล้าไปถามพี่เค้าแบบนั้นไม่ได้เรื่องอะไรกลับมาเลย
เห้อออ.. มันยากเหมือนกันนะกับการจีบผู้ชายเนี้ย TT




พอเลิกเรียนผมก็กลับบ้านพร้อมน้ำน่าน แต่มันจะลงรถไฟฟ้าที่สถานีพญาไท   ผมจะไปลงอารีย์
แต่รู้ไหม? เหมือนโลกมันกลมมากๆ พี่ยิมก็ลงสถานีเดียวกับผม
ออกประตูเดียวกัน และออกทางลงเดียวกันด้วย
งั้นก็แปลว่า... บ้านพี่ยิมอยู่แถวคอนโดผมงั้นสินะ?
หื้ออออ.. ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยเห็นเลยวะ?



ผมเห็นพี่ยิมเดินลงบันไดมาแล้วก็เดินอ้อมไปขึ้นบัดไดอีกด้าน
เอ๊ะ... แล้วลงมาทำไมวะ? หรือว่าลืมของ
ผมเลยรีบขึ้นบันไดตามพี่ยิมไป ก็เห็นว่าพี่ยิมแตะบัตรรถไฟฟ้าเข้าไปข้างในแล้ว



สงสัยลืมของที่โรงเรียนมั้ง?


ผมเลยคิดว่าจะกลับไปด้วย แล้วทำเป็นว่าบังเอิญเจอกัน
คิดได้แบบนั้นผมก็รีบแตะบัตรรถไฟฟ้าเข้าไป และยืนให้ห่างจากพี่ยิม
แต่เชื่อไหมครับ.. ไม่ว่าจะยืนห่างกันมากแค่ไหนก็ตาม
ผมยังมองเห็นพี่ยิมเสมอ....
. คนบ้าอะไรหล่อจริงๆ ^^


พอรถไฟฟ้ามาถึงสถานีสยาม ผมก็เตรียมจะออก แต่พี่ยิมยังยืนเฉยๆไม่เตรียมตัวลง
พี่ยิมจะไปไหนวะ?
หรือไปบ้านแฟน .....
ตอนนั้นอะ.. ใจผมบอกให้ตามไปถ้าไปบ้านแฟนจริงๆจะได้รู้กันไปเลยว่ามีแฟนแล้วจะได้ตัดใจ
ผมเลยตามพี่เค้าไปเรื่อยๆ จนเค้ามาเดินออกจากรถไฟฟ้าที่สถานีพร้องพงษ์
ซึ่งที่นี้คนมันเยอะมาก พี่ยิมเดินออกไปทางไหนแล้วไม่รู้
ผมเลยตัดสินใจกลับบ้าน...
และจากวันนั้นผมก็ตามพี่ยิมเหมือนเดิม
พี่ยิมจะไปลงที่สถานีอารีย์กับผม  ก่อนจะเดินอ้อมขึ้นบันไดอีกด้าน  และกลับไปลงที่สถานีพร้อมพงษ์ทุกครั้ง



ผมตามพี่ยิมแบบนี้จนเกือบๆ 1 เดือนได้ และดูจากท่าทางของพี่ยิมแล้ว
ทำให้ผมเข้าข้างตัวเองไปเรียบร้อยแล้วครับ.. ว่าพี่ยิมชอบผม.



ผมอยากเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อมาถามตรงๆว่า    “เห้ยย พี่ชอบผมหรอ?”
แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้.... จะรอให้ยิมเข้ามาคุยมันก็ไม่เข้ามาสักที.
ตอนนี้ในเครื่องผมมีเบอร์พี่ยิมแล้ว เพราะผมไปแอบขอมาจากพี่ๆฝ่ายรับสมัคร
อ้างไปว่าจะถามพี่เค้าเรื่องหนังสือเรียน เลยได้เบอร์โทรมา
แต่ผมไม่กล้าโทรไปหา จะโทรไปแล้วขอยืมหนังสือก็ไม่ได้เพราะพี่ยิมยังไม่รู้จักชื่อผมเลย



แล้ววันที่ผมจะได้รู้จักพี่ยิมก็มาถึงครับ....
วันนั้นแม่ผมโทรมาบอกว่าจะมารับกลับบ้าน ซึ่งบ้านผมอยู่จังหวัดใกล้ๆกับกรุงเทพนี้แหละ
ผมเลยยืนรอแม่ที่หน้าโรงเรียนกวดวิชา ผมเห็นว่าพี่ยิมก็ยืนอยู่แถวๆนั้นเหมือนกัน
ซึ่งปกติพี่ยิมจะเดินไปขึ้น BTS พร้อมๆกับผม แต่วันนี้พี่ยิมยืนรออยู่หน้าโรงเรียนไม่ยอมเดินไปซะที
ก็คิดเข้าข้างตัวเองไป.. ว่าพี่ยิมรอผมอยู่ 555555
(อะไรที่คิดแล้วสบายใจก็คิดไปเถอะค่ะน้องอุ่น ^^ )




ผมเลยรีบไล่เพื่อนๆให้กลับบ้านไปได้แล้ว จะดูสิว่าพี่ยิมจะเข้ามาทักผมไหม?
แต่พี่ยิมก็ยืนทำหน้ามึนอยู่นั้นแหละผมเลยตัดสินใจเดินเข้าไปหา
แล้วชวนให้พี่ยิมอยู่รอแม่กับผม.
พี่ยิมแม่งทำหน้าอึนจริงๆนะ ผมลากแขนพี่ยิมมานั่งเก้ากี้ว่างๆแถวนั้นรอ
พี่ยิมก็มองไปรอบๆ มองซ้ายมองขวา เหมือนจะพยายามไม่มองหน้าผม
ตอนนี้ผมเองก็เริ่มจะเขินๆแล้วเหมือนกัน เลยหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นแทน.





จนผมได้ยินพี่ยิมถอนหายใจ เลยหันไปถามพี่ยิม

“จะกลับละหรอ”
พี่ยิมส่ายหน้ากลับมาให้ผม  สงสัยพี่ยิมเบื่อแน่ๆนั่งรอมาเป็นชั่วโมงแล้วนี้หว่า
ผมเลยเปิดกระเป๋าค้นๆหาลูกอมที่ซื้อมากินตอนเรียนมาให้พี่ยิม

“อ่ะนี้.. อุ่นให้”  พยายามแทนตัวเองด้วยชื่อละนะ
อย่าซื่อบื้อมากเลยไอ้พี่ยิม... กูชื่อ อุ่น นะเว้ยยย!!
อยากจะตะโกนคำๆนี้ใส่หน้ามันจริงๆครับ

แต่มันก็ทำหน้าอึนๆใส่ผมอยู่นั้นแหละ - -‘
นั่งรอไปอีกสักพักแม่ผมก็มารับแล้ว ผมเลยบอกลาพี่ยิมแล้วไปหาแม่ที่รถ

“แม่มาแล้ว งั้นอุ่นกลับก่อนนะครับพี่ยิม”

แต่ผมไม่อยากกลับไปทั้งๆที่ไม่ได้คุยอะไรกันมากกว่านี้เลย
ผมเลยหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆที่ผมเขียนเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อทุกวัน
เพราะรอเวลา และจังหวะที่จะยื่นให้พี่ยิมมาตลอด...
วันนี้คงได้ใช้แล้วละ



ผมเดินกลับมาหาพี่ยิมอีกครั้ง ก่อนจะยัดกระดาษใส่มือพี่ยิม
และภาวนาในใจว่า...  พี่ยิมโทรมานะ   ทักไลน์มาก็ได้



วันหยุดสุดสัปดาห์นั้น ผมนั่งจ้องมือถือจนแทบจะสิงเข้าไปในมือถืออยู่แล้วครับ
พี่ยิมก็ยังไม่โทรมาหา แต่มันแอดไลน์มาแล้วละนะ
มันก็ไม่ทักผมมาอีกนั้นแหละ....
หรือว่าพี่เค้าไม่ได้ชอบผมวะ??
แล้วไอ้ที่นั่งรถไฟฟ้ามาที่อารีย์ทุกวันนี้มาทำไมอะ?



ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด.






เช้าวันจันทร์



ผมคิดว่าผมไม่ควรรอแล้วละ.. ไม่อยากให้ความหงุดหงิดมาทำลายสุขภาพจิตของตัวเอง
ผมเลยทักไลน์พี่ยิมไปก่อน......
ถ้ามึงไม่ตอบนะ.. วันนี้สยามแตกแน่ๆ!!!!
ฮึ่มมม!!!



อุ่น  ::   แอดแล้วไม่ทัก นิสัยเสีย
หลังจากนั่งคิดอยู่นานว่าควรทักไปว่ายังไง จะให้มาสุภาพใส่กันก็คงไม่ใช่แนว
เลยทักไปแบบนั้นๆแหละ แต่กว่าจะกล้ากดส่งก็ใช้เวลาตัดสินใจนานมาก

พี่ยิมแม่ง.. ตอบกลับมาอย่างไว



YimmiY  ::  ใครจะกล้าทัก

อุ่น  ::   ทีแอบมองหน้าอุ่นบ่อยๆยังกล้าเลย

ทีงี้ไม่กล้าทัก.. แล้วที่แอบมองตลอดคือไรครับไอ้พี่หล่อ!

YimmiY  ::  ก็แอบไงเลยกล้า แล้วไม่มีเรียนหรอ
ดูมันกวนตีนดิ.. ให้เบอร์ขนาดนั้นไม่กล้า แต่ไอ้เรื่องแอบนี้กล้าจริงๆเลยนะ

อุ่น :: ไม่มีอะ วันนี้กลับบ้านยังไง

YimmiY  ::   นั่ง BTS ดิ

อุ่น :: ใช่ๆ พี่อยู่แถวบ้านผมป่ะ ผมเห็นพี่ลงสถานีเดียวกับผมบ่อยมาก

ต้องแกล้งเนียนไป.. อยากรู้จะตอบว่าไง

YimmiY  ::   ก็ประมาณนั้นแหละ
ตอ........ ไม่อยากจะด่า 5555555 คนขี้โม้!!

อุ่น :: งั้นเลิกเรียนพิเศษกลับด้วยกันนะ
อ่อยขนาดนี้แล้ว.. จีบซะทีเถอะพี่ยิม
คือตอนนี้ผมนั่งเล่นไลน์แล้วยิ้มไปด้วย
จนเพื่อนๆมันเริ่มจะขอดูมือถือแล้วว่าผมคุยกับใคร
แต่น้ำน่านก็เข้ามาห้ามพวกมัน โดยให้เหตุผลว่า... เรื่องส่วนตัวอย่าเสือกครับ
ผมรู้สึกขอบใจเพื่อนรักก็วันนี้แหละ 5555+
จริงๆมันนะตัวดีเลยที่มาดึงมือถือผม แต่ผมใส่รหัสไว้มันเลยกดอ่านไม่ได้



นั่งรอคำตอบนานมาก.. นี้จะให้ผมรุกก่อนเลยใช่ไหมห๊ะไอ้พี่ยิม???
ผมเลยถ่ายรูปตัวเองทำหน้างอนๆส่งไปให้พี่ยิม พร้อมๆกับส่งข้อความไปหา


อุ่น :: พิ่ยิมจะทิ้งน้องอุ่นให้กลับคนเดียวจริงๆหรอครับ?
เจออ้อนขนาดนี้… จะไม่ไปด้วยกันจริงๆดิ?
รออีกไม่นานพี่ยิมก็ตอบกลับมา


YimmiY  ::    กลับกันแค่ 2 คนนะ เลิกเรียนแล้วจะยืนรอหน้าโรงเรียน
หึ.. ต้องแค่ 2 คนด้วยงั้นดิ แต่ผมก็ตั้งใจจะกลับกับพี่ยิมแค่ 2 คนอยู่แล้วละครับ
เลยกดส่งสติ๊กเกอร์ไปว่า OK
ก่อนจะรีบเก็บมือถือแล้วหันไปสนใจเรียนต่อ...




จริงๆวันนี้พวกผมไม่มีเรียนพิเศษ เพราะอาจารย์สั่งยกเลิกคลาส
เลยเล่นบอลกันอยู่ที่โรงเรียนก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
น้ำน่านไปบ้านแฟรงค์ เห็นบอกว่าจะไปเอาหนังสือเรียนที่ลืมไว้
ดูแล้วเหมือนแฟรงค์มันยัง งงๆ ว่าน้ำน่านเอาหนังสือไปลืมไว้ที่บ้านมันตอนไหน


ผมเลยนั่งรถไฟฟ้ามาที่สยาม ก่อนจะไปนั่งรอพี่ยิมที่หน้าโรงเรียนกวดวิชา
รอไม่นานพี่ยิมก็เดินลงมา หน้าตาที่หงุดหงิดแบบนั้นคืออะไร?????
พอพี่ยิมหันมาเห็นผม.. มันแอบยิ้มออกมาด้วย 55555
ทำไมน่ารักแบบนี้วะพี่ยิมมมมมมมม >////////<



ผมกับมันยืนเถียงกันนิดหน่อย ก่อนจะพากันเดินมาขึ้นรถไฟฟ้า
ตอนนี้พี่ยิมมันถือกระเป๋าหนังสือให้ผมด้วยครับ ...
เป็นครั้งแรกที่เราขึ้นรถไฟฟ้าด้วยกัน ยืนข้างๆกันแบบนี้
ไม่ต้องคอยหลบไม่ต้องแอบกันอีกแล้วนะ.....




พอมาถึงสถานีรถไฟฟ้าอารีย์ .. พี่ยิมก็ทำเหมือนเดิมครับ
จะเดินออกจากสถานีอีกละ ถ้ายังไม่กล้าพูดมันคงไม่มีวันได้คุยกันดีๆแน่
ผมเลยทำทีเป็นขอกระเป๋าคืน แล้วเดินออกไปก่อน
พอพี่ยิมมันยืน งงๆ ทำหน้าอึนตามนิสัยมัน ผมเลยกดโทรเข้าไปหามันแทน
คราวนี้หน้ามัน งง กว่าเดิมอีกครับ
สงสัยมันคงกำลังคิดแหละว่าผมไปเอาเบอร์มันมาจากไหน..
นี้กูต้องขอมันคบด้วยไหมวะ????
เห้ออออ.. มาหลงรักไอ้พี่หล่อซื่อบื้อได้ไงกันวะอุ่น


“บ้านพี่ยิมต้องลงสถานีพร้อมพงษ์นี้ จะแตะบัตรออกมาให้เสียเงินทำไม”
ทันทีที่พี่ยิมรับสาย ผมก็บอกกับพี่ยิมไปแบบนี้เลย
ไม่ต้องอ้อมค้อมละ.. วันนี้ต้องคุยกันให้เข้าใจซะที!

“รู้ได้ไง”  พี่ยิมตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตกใจ
ตอนนี้พี่ยิมยืนมองหน้าผมอยู่ มือก็ถือโทรศัพท์ไว้แบบนั้น

“รู้สิ.. รู้ด้วยว่าพี่มาส่งผมแบบนี้ทุกวัน กลับไปได้แล้วมันดึกละนะ”
อย่าปฏิเสธนะว่าไม่ได้ว่าส่งผม....
ผมภาวนาว่าคำตอบจากปากพี่ยิมต้องไม่ปฏิเสธ ....


“อืมม กลับแล้วก็ได้”
พอพี่ยิมตอบมาแบบนี้ผมก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้.. งั้นแสดงว่าพี่ยิมมาส่งผมจริงๆ
คนบ้าอะไรวะ.. มาส่งที่สถานีรถไฟฟ้าแบบนี้ทุกวัน แล้วตัวเองถึงจะกลับบ้าน
แน่จริงไปส่งที่ห้องดิ..... 55555 ไม่ใช่ละๆ ไม่ได้อ่อยขนาดนั้น


“ถีงบ้านละโทรมาหาด้วยนะ อย่ามาป๊อดดิว่ะ”
ผมพูดไปขนาดนี้แล้ว.. พี่อย่าป๊อดนะเว้ยย!!!






ตอนนี้ผมมาถึงห้องเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่กล้าจะขยับตัวไปไหนเลย
นั่งจับมือถือตัวเองไว้แน่น.... รอว่าอีกคนจะโทรมาหาไหม?
กดเข้าไปหน้าโปรแกรมไลน์... เพื่อจะดูว่าอีกคนจะทักมาบอกอะไรหรือป่าว?
แต่รอไปเกือบๆ 30 นาที... พี่ยิมมันก็ยังเงียบเหมือนเดิม TT


จนแบบตัดใจแล้วอะ.. ไปอาบน้ำดีกว่า
กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์ที่ผมรอก็ดังขึ้นมา




“ไอ้พี่หล่อ”
เป็นไงละ..ชื่อที่เมมไว้ 5555+
เดี๋ยวจะเปลี่ยนใหม่จะตั้งว่า “พี่ป๊อด” แทนละ


“ฮัลโหล”
มันทักผมมาก่อนด้วย เสียงจะเข้มไปไหนครับพี่


“ถึงละหรอ รอตั้งนานนึกว่าจะป๊อดไม่กล้าโทรมา”
ผมใส่กลับทันทีเลยครับ  อ่อยก่อนชนะก่อน 55555
(เดี๋ยวนะ.. ไปเอาจากไหนน้องอุ่น)

“ไม่ได้ป๊อดเว้ยย  แค่ไม่กล้า”   เสียงพี่ยิมตอบกลับมา
แต่นะ.. เอาจริงๆนะหล่อๆแบบพี่ยิมมันน่าจะเจ้าชู้หน่อยดิ
คุยต้องมีลูกเล่นหน่อย.. นี้แม่งมาแนวนิ่งๆ
หรือมันจะไม่ชอบผมวะ??

“อุ่นจะไปว่าอะไรพี่ยิมละ นี้ให้เบอร์ก่อนด้วยนะยังไม่โทรมาเลย”
เสียงคนปลายสายหัวเราะออกมานิดหน่อย
ก่อนจะปรับโทนเสียงนุ่มๆตอบกลับมา

“ก็โทรมาแล้วนี้ไง.. จะโทรทุกวันห้ามด่าละกัน”
เออ.. มันต้องมาแนวนี้ดิ
โอ้ยยยย.. หน้าแดงหมดแล้วแน่ๆ ทำไมทำตัวให้หลงรักได้ขนาดนี้วะ?

“แล้วมาทำไมอารีย์” ผมถามกลับไปบ้าง
คือนาทีนี้..เหมือนเล่นเกมส์ตอบคำถามครับ  ถามตรงตอบตรง ..

“ไปส่งอุ่น”
ตอนนี้เสียงหัวใจมันดังแข่งกับเสียงแอร์ในห้องแล้ว ...
มันมาส่งผมจริงๆ

“สะ ส่งส่งอะไรละ มาแล้วก็กลับเนี้ยนะ”
จะติดอ่างทำไมละมึงไอ้อุ่น ... อยู่ๆก็อายขึ้นมาซะอย่างนั้น

“ก็ไม่รู้จะทำไงนี้หว่า อยากเห็นอุ่นกลับบ้านปลอดภัยละมั้ง”
เอาใจกูไปแล้วละนะตอนนี้.. รู้ตัวบ้างไหม?

“แล้วรู้ไหม.. อุ่นก็กลับไปส่งพี่ทุกวันนะ”
อ่อยมาอ่อยกลับ..ไม่โกงนะครับ 555+
ทำใจกูเต้นแรงทำไม..มาหัวใจเต้นแรงแข่งกันเถอะ!

“เห้ยยจริงดิ  ตลกวะไปส่งกันไปกันมาอยู่นั้นแหละ” 

 “เออดิ.. พี่ยิมทำตัวแบบนี้ก่อนอะ”

ตอนนี้ไม่มีคำพูดไหนๆดังออกมา  มีแต่ความเงียบของเราทั้งสองคน
แต่ผมเชื่อนะ.. ว่าคนอีกปลายสายน่าจะยิ้มเหมือนที่ผมยิ้มอยู่ในตอนนี้

“พรุ่งนี้กลับบ้านด้วยกันนะ”  / “พรุ่งนี้พี่ไปส่งบ้านนะ”
อยู่ๆผมกับพี่ยิมก็พูดออกมาพร้อมกัน...
ผมชวนพี่ยิมกลับด้วยกัน แต่พี่ยิมมันขอมาส่งผมกลับบ้าน
เราต่างนิ่งเงียบกันไปอีกครั้ง   ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน

“อืมม .. จากนี้ไปกลับบ้านด้วยกันทุกวันเลยนะ”
เป็นพี่ยิมที่เป็นฝ่ายพูดมันออกมาก่อนด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

“ต้องมาส่งอุ่นทุกวันนะ”
ผมตอบกลับไปด้วยเสียงอ้อนๆเช่นเดียวกัน.


จากวันนี้ไป.. ไม่ต้องมีคนอึดอัดเพื่อรอให้อีกคนมองเห็น
และไม่ต้องมีอีกคนเป็นฝ่ายแอบมองอีกต่อไปแล้ว...


----------------------------------------------------------------------
เป็นไงบ้าง?? คู่นี้พอจะหวานถูกใจแม่ยก #ยิมอุ่น กันบ้างไหม?
เดี๋ยวยังมี #สยามรัก ตอนจบอีก 1 ตอนนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-09-2016 20:19:32 โดย moujay »

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
จดหมายรัก #เปอร์
 



“เลิกเรียนไปสยามกัน”
เสียงของอุ่น .. เพื่อนตัวเตี้ยของผมบอกขึ้นหลังจากที่เรียนวิชาสุดท้ายเสร็จ
มันชวนพวกผมไปสยามทุกวันเลยครับ ไปจนจะหลับตาเดินทั่วสยามได้แล้ว
แต่ถามว่าไปไหม?
ก็ตอบกันอย่างพร้อมเพียงว่า   “ไป”
แล้วจะบ่นทำไม? 55555+
 
 
 
ร้านเชตเตอร์กิลด์   สยาม
 


“อุ่น.. กูถามมึงจริงๆเถอะนะ  มึงชอบแดกไก่ร้านนี้มากเลยหรอวะ คือมาสยามทุกวันมึงก็แดกทุกวัน”
เสียงไอ้น้ำน่านถามขึ้นมา แต่พอถามเสร็จมันก็หันไปกินไก่ย่างของมันต่อ โดยไม่ได้สนใจฟังคำตอบของอุ่นแต่อย่างใด
 
“ก็ชอบอ่ะ แล้วตรงนี้ก็มองเห็นสาวๆด้วย หรือว่าพวกมึงไม่ชอบ”
อุ่นตอบกลับมาก่อนจะยกยิ้มให้พวกผม   และชี้ให้ดูสาวๆที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าร้าน
 
“หึ..  ก็ดี”  เสียงแบงค์ตอบกลับมา ก่อนที่มันจะโดนคนข้างๆหยิกแขน
วันนี้แบงค์มันควงเด็กมาด้วยครับ เป็นเด็กผู้ชายหน้าหวานคนหนึ่ง ซึ่งพวกผมก็ไม่ได้ถามอะไรมันมาก
ก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่าแบงค์มันเป็นพวกไหน
 
 
เรานั่งเล่นนั่งกินกันไปสักพัก  ก่อนที่แฟรงค์จะชวนพวกผมไปร้านน้ำชื่อดังที่อยู่เยื้องๆกับร้านเชตเตอร์กิลด์
ซึ่งมันนัดเด็กของมันไว้ที่นั้น   พวกผมก็เลยต้องกินไก่   กินชาไข่มุกกันแทบทุกวัน
ดีนะว่าชอบออกกำลังกายไม่งั้นพวกผมอ้วนกันแน่ๆครับ
 
 
พอเดินเล่นกันจนค่ำแล้วก็ได้เวลาแยกย้ายกันกลับบ้าน
ผมไม่ได้ไปขึ้นรถไฟฟ้ากับพวกมันครับ เลยแยกเดินมาขึ้นรถเมล์
ระหว่างที่ยืนรอรถเมล์อยู่ ก็มีสาวๆจากโรงเรียนหญิงล้วนเดินเข้ามาหาผม
 
“นายๆ เป็นเพื่อนแฟรงค์หรือเปล่า”
เด็กโรงเรียนนี้จะเปียผม 2 ข้างเหมือนกันแทบทุกคนเลย แต่ใครจะปล่อยผมหน้าจะติดกิ๊ฟก็อีกเรื่อง
ผมหันไปหยักหน้าแทนคำตอบให้กับสาวๆ ก่อนจะหันไปมองว่ารถเมล์ที่ผมรอมาถึงหรือยัง
 
“เราฝากให้แฟรงค์หน่อยสิ  พอดีเพื่อนเราชอบ”
หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มเอากระดาษมายัดใส่มือผม  ก่อนจะรีบเดินจากไป
เดี๋ยวนี้ผู้หญิงต้องตามจีบกันขนาดนี้เลยหรอวะ?
ผมได้แต่ก้มมองจดหมายน้อยๆในมือ ก่อนจะยัดใส่กระเป๋ากางเกงไว้
เอาจริงๆแฟรงค์มันก็ไม่ชอบหรอก มันชอบกับบัวอยู่ และมันก็เหมือนกับผม
ที่ไม่ชอบผู้หญิงที่เข้ามาหาก่อน
 


ผมชอบผู้หญิงสวยๆ  น่ารักๆ และชอบมองผู้หญิงแต่งตัวเก่งๆ
ให้มองก็มองได้ แต่ถามว่าให้จีบ.. ผมไม่เอาครับ ^^
เพราะจริงๆแล้วผมชอบคนเรียบร้อย ไม่ต้องแต่งหน้าไม่ต้องแต่งตัวอะไรมาก
 


 
เช้าวันต่อมา ผมก็ไปเรียนตามปกติ และพอเลิกเรียนก็ไปสยามเหมือนเคย
ไปมันทุกวันสินะ .. แต่วันนี้มันพิเศษหน่อยตรงที่อุ่นมันจะชวนพวกผมเรียนพิเศษ
เอาละเว้ยย .. ถ้าเรียนพิเศษก็ต้องมาสยามทุกวัน   กูย้ายบ้านมาอยู่ที่นี้เลยดีปะวะ?
ผมชอบเรียนนะ แต่แค่ไม่ชอบอะไรวุ่นวาย การมาเรียนพิเศษที่นี้ก็เหมือนการดูผ่านทีวีทั่วไป
อยู่บ้านติวเองอ่านเองดีกว่าปะวะ??
 



วันนั้นก็ยังไม่ได้ข้อสรุปกันว่าจะเรียนพิเศษกับอุ่นกันไหม?
อยู่กันจนค่ำเหมือนทุกวันและก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ระหว่างรอรถเมล์ ก็มีคนมาดึงที่แขนเสื้อผม
พอผมหันไปก็เจอเข้ากับเด็ก ม.ปลาย คนหนึ่งใส่ชุดและทำผมเหมือนกับกลุ่มเด็กผู้หญิงเมื่อวานเลยครับ
 



“ครับ?”  ผมถามกลับไป ก่อนจะขยับตัวออกจากเธอเล็กน้อย
 
“จดหมายเมื่อวาน ขอคืนได้ไหม?”    เอ๋.. จดหมายอะไรวะ?
 
“จดหมายอะไรหรอ?”
ผมก็ถามกลับไป แต่ก็พยายามนึกอยู่เหมือนกันว่าเมื่อวานผมไปไหนทำอะไรบ้าง
 
“ก็จดหมายที่มีคนมายัดใส่มือนายไง เมื่อวานนี้นะ”
คราวนี้เธอหันมามองผมด้วยสายตาไม่พอใจ  และทำเสียงดุๆใส่ผม
แล้วโกรธอะไรกูละครับ - -‘
 
“อ่อ.. จดหมายให้แฟรงค์นะหรอ เรายังไม่ได้เอาให้หรอก ตอนนี้เอาไว้ไหนไม่รู้แล้ววะ
มีอะไรสำคัญไหม?  ฝากใหม่ได้ไหม? จดหมายนั้นจากเธอหรอ?”

ผมถามเธอกลับไป และก็มองดูรถเมล์ไปด้วย
เธอเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมหันมาตอบผม  จนผมเห็นว่ารถเมล์สายที่ผมกำลังรอใกล้มาถึงแล้ว
 
“พรุ่งนี้เราเอาไปให้มันก็ได้ รถเรามาแล้ว ขอโทษทีที่ลืม”
ผมโบกมือลาให้เธอ และกำลังจะเดินไปขึ้นรถ
แต่เธอก็ยังดึงชายเสื้อผมไว้อีกครั้ง...
 
“ไม่ต้องให้ เราโดนเพื่อนแกล้ง”
พูดจบเธอก็ปล่อยแขนเสื้อผม และเดินจากไป
ทิ้งให้ผม..... ขึ้นรถเมล์ไม่ทัน!!!!
 


โธ่เว้ยยย... แล้วนี้ต้องรออีกนานปะวะเนี้ย
การบ้านก็เยอะ เหนื่อยก็เหนื่อย .. ผมเลยตัดสินใจนั่งแท็กซี่กลับบ้าน
 


 
พอกลับมาถึงบ้านก็รีบไปค้นหาไอ้จดหมายที่เธอคนนั้นพูดถึง
มาเจออีกทีคือ ... ในกระเป๋ากางเกงที่ตะกร้าผ้าจะส่งซัก
โชคดีที่แม่ยังไม่เอาไปซักให้ผม ไม่งั้นจดหมายนี้ยุ่ยแน่ๆ
 
 
“เราชอบเธอน่ะ
091-xxx-xxxx ปิ่น”

 
 
ผมเห็นข้อความในจดหมายแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ
ผู้หญิงไล่จับผู้ชายกันแบบนี้แล้วหรอวะ?
พรุ่งนี้ค่อยเอาไปให้แฟรงค์มันละกัน  มันจะเล่นด้วยหรือไม่เล่นก็แล้วแต่มัน
ผมเอาจดหมายไปวางไว้ที่โต๊ะหนังสือ ก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมมาทำการบ้าน
 



พอวันต่อมา.. ผมก็ลืมเอาจดหมายไปให้แฟรงค์อีกจนได้ - -‘
 




ตอนมายืนรอรถเมล์ ผมก็เห็นเธอยืนรอรถอยู่แล้ว พอผมจะเดินเข้าไปหา เธอกลับเรียกแท็กซี่แล้วก็จากไป
“ก็เรื่องของเธอดิ”
ผมคิดในใจ ก่อนจะยืนรอรถเมล์กลับบ้าน

กลับมาถึงบ้านก็อาบน้ำแต่งตัวและมาทำการบ้านต่อ
แต่มันเหมือนความรู้สึกผิด.. เธอฝากจดหมายให้แฟรงค์
เธอก็คงรอแฟรงค์ติดต่อกลับไปเหมือนกันนั้นแหละ
ผมวางปากกาที่กำลังทำการบ้านเคมีลง แล้วหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง
ถ้าเราชอบใครสักคน.. เราก็คงกล้าที่จะแจกเบอร์แบบเธอแหละมั้ง
 
อยู่ๆผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของปิ่น (เจ้าของจดหมาย)
ฟังเสียงรอสายไม่นาน  เธอก็รับสาย
 


“สวัสดีค่ะ”

เสียงน่ารักว่ะ แต่..ตอนคุยกันที่ป้ายรถเมล์ เสียงเธอก็น่ารักแบบนี้อยู่แล้วหรือป่าววะ?
 
“ปิ่นหรือป่าว?”
ผมถามกลับไป แต่คราวนี้เหมือนปลายสายทำของตก ดังโครมเลยครับ
เธอได้แต่ตอบกลับมาว่า “เห้ยย รอเดี๋ยวนะ”
แล้วกดตัดสายไป..
เออ... เธอครับ เธอบอกให้รอนะเว้ยย ไม่ได้บอกจะวางสาย - -‘
ปิ่น ทำให้ผมหงุดหงิดได้ทุกครั้งที่คุยกัน หรืออยู่ใกล้ๆ
 
 
ผมหันกลับไปสนใจทำการบ้านต่อ จนผ่านไปเกือบๆครึ่งชั่วโมงปิ่นก็โทรกลับมา
 
“เมื่อกี้เราขอโทษ พอดีเราทำกองหนังสือตกน่ะ”
รีบแก้ตัวเลยนะ.. แต่จริงๆไม่ต้องโทรกลับก็ได้มั้ง?
 
“ไม่เป็นไร แต่เธอชื่อปิ่นหรือป่าว” ผมถามกลับไป คราวนี้เธอไม่ได้ทำอะไรตกแล้วครับ
 
“ใช่ แล้วนายเป็นใครอ่ะ โทรมาได้ไง” เออ.. เธอนั้นแหละที่โทรกลับมา
ไม่รู้จักกันแล้วยังจะโทรมาหาอีกเนี้ยนะ .. เห้อออ ผู้หญิงสมัยนี้เป็นอะไรไปหมดวะ
 
“เราชื่อเปอร์ คนที่เธอเดินมาทักที่ป้ายรถเมล์ไง”
 
“เปอร์ไหนอะ เราเคยทักเธอด้วยหรอ?”

โอ๊ะ.. ลืมไวจริงๆเลยนะครับคุณปิ่น
 
“เราเพื่อนแฟรงค์ จำได้ยัง”
 
“เห้ยยย!!!!” 
พอบอกชื่อแฟรงค์ไปแค่นั้นแหละ  คนปลายสายถึงกับเสียงดังกลับมาทันที
ผมรอว่าเธอจะตอบกลับมาว่าไง...  รอเกือบๆ 5 นาทีได้ เธอก็ตอบกลับมา
 
“แล้วนายโทรมาทำไม”
 
“จะโทรมาบอกว่าไม่ได้เอาจดหมายให้ไอ้แฟรงค์เลย รอพรุ่งนี้ก่อนละกันนะ วันนี้เราลืม”
 
“นายจะโทรมาขอโทษนะหรอ?”

เออ.. กูจะโทรไปทำไมวะ?
ผมก็ลืมไปเลยว่าจริงๆแล้วปล่อยไปเลยก็ได้นี้หว่า จะมาโทรบอกอีกฝ่ายทำไม
 
“ก็คงงั้นละมั้ง กลัวเธอรอแฟรงค์มันโทรกลับ”
 
“ก็แสดงว่าเธอเปิดจดหมายอ่านก่อนที่จะให้แฟรงค์ละสิ”

คราวนี้ปลายสายตอบกลับมาแต่น้ำเสียงนั้นเหมือนจะยิ้มๆหัวเราะๆไปด้วย
 
“ก็เออนั้นแหละ พรุ่งนี้เอาไปให้ รอมันก่อนละกัน” ผมรีบตัดบทไป เพราะไม่รู้จะคุยว่าไงต่อแล้ว
 
“ไม่ต้องให้หรอก บอกแล้วไงเพื่อนเราแกล้ง ว่าแต่เธอชื่ออะไรอะ”
ยังจะมาถามกลับอีกนะ … อัธยาศัยดีจังเลยเนอะ ถามชื่อคนอื่นไปเรื่อยเลย
 
“เปอร์..เราชื่อเปอร์”
 
“งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักนะเปอร์ เราชื่อปิ่น”
 
“เรารู้แล้ว เธอเขียนไว้ในจดหมาย”
 
“นั้นเขียน แต่นี้เราบอกมันไม่เหมือนกัน”

เริ่มกวนตีนแล้วไง...
 
“อืมๆ สรุปจะให้มันอยู่ไหมจดหมายเนี้ย”
ผมถามกลับไปอีกครั้ง ก่อนจะมองจดหมายในมือไปด้วย
 
“ไม่ต้องหรอก ทิ้งไปได้เลย ขอบใจมากนะที่โทรมาหา”
ขอบใจบ้าบออะไรวะ? แล้วนี้กูจะยิ้มทำไมกันละ
 
“อืมม งั้นแค่นี้ละกัน เปลืองค่าโทร” ผมตอบกลับไป ก่อนจะกดวางสาย
ผมนั่งมองจดหมายในมืออีกครั้ง ลังเลว่าควรเอาทิ้งหรือเก็บไว้ดี?
ในเมื่อปิ่นบอกให้ทิ้ง ... อื้มมมม  แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะเก็บจดหมายฉบับนั้นไว้ในลิ้นชักข้างๆหัวเตียง
 
 
 
ผมกับเพื่อนๆก็ยังไปสยามกันเหมือนทุกครั้ง
ข้างๆตัวไอ้แบงค์ก็จะมีทั้งหญิงบ้างชายบ้างสลับมานั่งข้างๆในร้านเชตเตอร์กิลด์
จนตอนนี้จากที่ไปเพราะคำชวนของอุ่น กลายเป็นว่าพวกผมต้องไปเพราะเรียนพิเศษ
อุ่นมันพาพวกผมไปสมัครเรียนพิเศษ และลงครบทุกวิชาเลยครับ
ไม่รู้จะขยันอะไรของมัน .. แต่ก็ดีแล้วละดีกว่าไปเดินเล่นเฉยๆ
 


ระหว่างที่กำลังยืนกันอยู่ร้านชานมไข่มุก เพราะรอบัวเอาของมาให้แฟรงค์
โทรศัพท์ที่ผมกำลังยืนเล่นเกมส์อยู่ก็มีสายเรียกเข้ามา
 


“ปิ่น”
 
จะว่าไปหลังจากวันนั้นก็ไม่ได้คุยกันเลยนะ.. นึกไงโทรมาวะ?
ผมกำลังตัดสินใจว่าจะหลับหรือไม่รับสายดี
พลันสายตาก็หันไปเห็นว่าปิ่นยืนอยู่กับเพื่อนๆตรงร้านขายเสื้อผ้าใกล้ๆกันนี้เอง
ผมเลยตัดสินใจกดรับสาย ไม่รู้เพราะสายตาที่ปิ่นมองมาด้วยหรือป่าวนะ..
มันเหมือนมีแววตัดพ้อแปลกๆ
 
“ไม่อยากรับสายเราหรอ?” นั้นไงละ.. รับสายปุ๊บถามมาซะตรงเลย
 
“ก็ไม่หรอก ไม่รู้ว่าเธออยากจะคุยกับเราหรือเพื่อนเราแค่นั้นเอง” ผมตอบกลับไปแบบที่ใจคิด
แต่มันเหมือนผมกำลังประชดปิ่นอยู่หรือป่าว?
พอปิ่นได้ยินผมตอบแบบนั้น เธอก็ยิ้มขึ้นมา ก่อนจะเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนเล็กน้อย
 
“ไม่อยากคุยจะโทรหาหรอ?”
ปิ่นเป็นคนพูดตรงๆแบบนี้เสมอเลยหรอวะ??
 
“อืมม มีไรป่าวละ  ทนเห็นได้หรอ? แฟรงค์มันนัดแฟนมันไว้นะ”
ผมตอบกลับไป ก่อนจะหันไปมองแฟรงค์กับบัว ที่ตอนนี้บัวเอาตัวเข้าไปเบียดแฟรงค์จนแทบจะสิงร่างมันไปอยู่แล้ว
 
“น้องบัวนะหรอ รุ่นน้องที่โรงเรียน สนิทกันด้วย และทำไมคิดว่าทนเห็นไม่ได้ละ”
คราวนี้ปิ่นยกยิ้มขึ้นมา จนผมอยากจะเดินเข้าไปจับปากเรียวๆนั้นเพราะความหมั่นไส้จริงๆ
 
“ก็เห็นว่าชอบแฟรงค์” ผมตอบกลับไป ก่อนจะเดินแยกมาจากพวกเพื่อนๆออกมาคุยหน้าร้านแทน
 
“ในจดหมายเขียนแค่เราชอบเธอน่ะ ไม่ได้บอกว่าเราชอบแฟรงค์ซะหน่อย
ทำไมเปอร์ขี้มั่วแบบนี้ละ”
 
“ไม่ได้มั่ว ก็เพื่อนเธอบอกเองว่าให้แฟรงค์”
 
“บอกแล้วว่าเพื่อนแกล้ง อีกอย่างเรียกเราว่าปิ่นดิ ไม่ต้องเรียกเธอ”

สั่ง? นี้สนิทกันขนาดต้องเรียกชื่อสินะ..
 
“ปิ่นก็ได้วะเธอ”
 
“55555555 แล้วเธอมาจากไหนอีกละ เปอร์เป็นคนตลกนะเนี้ย”
  ในโทรศัพท์หัวเราะขนาดนี้
แต่ตัวปิ่นที่ยืนตรงข้ามผม หัวเราะจนเพื่อนหันกลับมามอง คิดดูดิว่าหัวเราะขนาดไหน
หึ.. ยายบ๊อง!
 
“จะไปเรียนพิเศษแล้ว จะไปไหนต่อ”
ผมถามกลับไป ก่อนจะหันไปดูพวกเพื่อนๆที่มันเริ่มโบกมือลาบัวกับเพื่อนๆแล้ว
 
“เรียนพิเศษเหมือนกัน งั้นตั้งใจเรียนนะ”
ปิ่นโบกมือให้ผม แต่ก็ยังไม่กดวางสาย
 
“อืม เหมือนกันละ”
พอปิ่นได้ยินผมตอบกลับไปแบบนั้น ก็ยิ้มให้ผมก่อนจะกดวางสายไป
 
หลังจากวันนั้น.. ปิ่นจะโทรมาหาผมบ่อยมาก ก็ไม่ถึงกับทุกวัน แต่ก็โทรมาตลอดไม่เคยหาย
และผมก็เพิ่งรู้ว่าจริงๆปิ่นเรียน ม.6 แล้ว เพราะวันนั้นปิ่นจะไปสอบตรง ปิ่นเลยโทรมาขอกำลังใจจากผม



“เปอร์”

เช้าวันเสาร์ที่ผมควรจะได้นอนตื่นสาย กลับต้องมาตื่นเพราะปิ่นที่โทรมาหาตั้งแต่ตี 5
 
“ว่าไงพี่ปิ่น”  เดี๋ยวนี้เรียกพี่ปิ่นละครับ ก็ป้าแกแก่กว่านิ 5555
 
“จะไปสอบ ขอกำลังใจ”
ผมเอาโทรศัพท์ออกมาดูเวลาอีกรอบ ก็เห็นว่ามันเพิ่งจะตี5 นี้จะรีบเอากำลังใจไปทำไมวะ
 
“ตี 5 เองทำไมไม่โทรมาก่อนเข้าสอบละ”
 
“ก็ตอนนั้นกลัวว่าจะอ่านหนังสือหน้าห้องสอบไง ขอตอนนี้แหละ .. นะนะๆ ให้กำลังใจหน่อยดิ”
 
 “พี่ปิ่นเก่งอยู่แล้ว สู้ๆ”
ผมก็ตอบกลับไป แต่ตัวเองเริ่มจะหลับคาโทรศัพท์ละครับ
 
“ขอบใจนะเปอร์ .. นี้หลับหรือไง?”
ไม่มีเสียงตอบกลับไปละครับ ผมหลับแล้วจริงๆ
 
 
มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็เก้าโมงเช้าแล้ว รีบควานหามือถือขึ้นมาดู
เห็นว่าพี่ปิ่นไลน์มาหาตอนหกโมงเช้า
 
Pin[nipa] :: สนามสอบโรงเรียน xxxxx
 
เอ๊ะ... โรงเรียนแถวบ้านผมนี้นา
ผมเลยรีบลุกไปอาบน้ำ ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซต์ไปโรงเรียนที่พี่ปิ่นไปสอบ จริงๆเดินไปก็ได้ครับ
เดินเข้าซอยลัดไปนิดหน่อยก็ถึงแล้ว
แต่พอมาถึงที่โรงเรียนก็เริ่มจะ  งง  กับตัวเองว่ามาทำไม?
คนเยอะขนาดนี้จะเจอกันได้หรอ??
ไหนๆก็มาแล้วผมเลยเดินไปดูพวกเด็กแถวบ้านผมที่มันมาเล่นบาสที่โรงยิม
จนเที่ยงพี่ปิ่นก็โทรมาหาผม
 


“สอบเสร็จแล้ว”
 
“ดีแล้ว สอบบ่ายอีกไหม?”

ผมโบกมือบอกเด็กๆว่าเลิกเล่นแล้ว และออกมามาคุยกับพี่ปิ่นที่หน้าโรงยิม
 
“สอบสิ นี้กำลังไปกินข้าว มาคนเดียวด้วยไม่รู้จะไปกินที่ไหน”
เออ.. ร้านข้าวแถวนี้มันก็ไม่ไกลหรอกนะแต่คนมาสอบเยอะขนาดนี้คงหาที่กินยาก
 
“ไปกินบ้านเปอร์ป่าวละ” อยู่ๆผมก็ชวนพี่ปิ่นไปบ้าน
ตอนพูดไปก็ตกใจตัวเองเหมือนกันว่า.. ทำไมถึงกล้าชวน
 
“มารับดิ” พี่ปิ่นก็ตอบทีเล่นที่จริงกลับมาเพราะคงคิดไม่ถึงว่าบ้านผมอยู่แถวๆนี้
 
“ก็เดินมาหาที่ป้อมยามดิ จอดรถรอนานแล้ว”
พูดจบผมก็วางสาย แล้วรีบวิ่งไปที่ป้อมยามหน้าโรงเรียน
นั่งรอสักพักพี่ปิ่นก็เดินมาหา.. ตอนพี่ปิ่นเห็นผมพี่ปิ่นยิ้มด้วยครับ
อยู่ๆก็เขินกับท่าทางของพี่ปิ่นซะอย่างนั้นแหละ ^^

“มาได้ไง”

พี่ปิ่นเดินเข้ามาหยุดข้างๆรถมอเตอร์ไซต์ของผม ก่อนจะมองหน้าผมเพื่อรอคำตอบ
 
“บ้านอยู่แถวนี้ .. ป่ะไปกินข้าวกันเมื่อกี้โทรไปบอกแม่ไว้แล้ว”

ผมโทรบอกแม่เรียบร้อยแล้วครับว่าจะพาเพื่อนไปกินข้าว โดนแม่แซวใหญ่เลย
 
“จะดีหรอ” พี่ปิ่นมีท่าทีลังเลเล็กน้อย แต่พอผมยื่นหมวกกันน๊อคให้ใส่ พี่ปิ่นก็รับไปใส่ทันที
สรุปพี่ลังเลทำไมครับ - -‘
 
ผมพาพี่ปิ่นมาถึงบ้าน ก็โดนแม่แซวไปตามระเบียบนั้นแหละครับ
แต่พี่ปิ่นเค้าดีนะ .. วางตัวดีมาก เข้ากับพ่อแม่ผมได้ดีมากๆเลยละ
จนอดคิดไม่ได้ว่า.. ถ้าพี่ปิ่นเป็นแฟนผม.. มันคงจะดีเหมือนกันนะ : )
 
 
 
“ว่างๆมาเที่ยวบ้านแม่อีกนะปิ่น”
พอทานข้าวเสร็จแล้วพี่ปิ่นต้องกลับไปสอบรอบบ่าย
แม่เดินมาส่งพี่ปิ่นที่หน้าบ้านก่อนจะชวนพี่ปิ่นมาที่บ้านอีก
 
“ค่ะแม่.. ขอบคุณมากนะคะกับข้าวอร่อยมากๆเลยค่ะ”
พี่ปิ่นยกมือไหว้แม่ผมอีกครั้ง ก่อนจะโดนแม่ผมดึงเข้าไปกอด
บ้านผมมีแต่ลูกผู้ชายครับ พอมีสาวๆมาหน่อยละก็... หลงกันเชียวนะ

“มาเถอะลูกอยากมาตอนไหนก็บอกเปอร์มันนะ..
เราอีกคนนะเปอร์มีแฟนน่ารักๆแบบนี้ไม่รีบพามาแนะนำกับแม่”
 
“พี่ปิ่นเค้าชอบแฟรงค์ ไม่ได้ชอบผม แม่ก็พูดอะไรไปเรื่อยนะ”

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงปฏิเสธไปแบบนั้น พูดไปก็รู้สึกเจ็บในใจแปลกๆ
พี่ปิ่นทำหน้าเศร้าลงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรแม่ผม
ไหนบอกไม่ได้ชอบแฟรงค์ไงวะ? ทำไม่ปฏิเสธละ
หึ... ก็ชอบมันจริงๆนั้นสินะ.


 
“แกก็พูดไปเรื่อย ไปส่งพี่ปิ่นสอบได้แล้ว” แม่ผมพูดตัดบท ก่อนจะกอดพี่ปิ่นอีกรอบ
ตอนนั่งรถไปโรงเรียนครั้งนี้พี่ปิ่นนั่งห่างผมมาก ไม่ได้ขยับมาใกล้และเอามือมาโอบเอวผมแบบทุกที
พอมาถึงที่โรงเรียนพี่ปิ่นก็ยื่นหมวกกันน๊อคคืนมาให้ผม
ก่อนจะกล่าวคำขอบใจสั้นๆแล้วเดินไปสอบ
 
“ขอบใจนะ”


นั่นเหมือนคำพูดสุดท้ายระหว่างเรา... เพราะหลังจากวันนั้นพี่ปิ่นก็ไม่โทรมาหาผมอีกเลย
ผมโทรไปหาพี่ปิ่นก็ไม่รับสาย ทักไลน์ไปก็ไม่ตอบ
เวลาไปเรียนพิเศษ ผมก็พยายามมองหาพี่ปิ่นกับเพื่อนๆ แต่ก็ไม่เจอ
 




“มึงมองหาใครวะ” เสียงน้ำน่านถามผมขึ้นมา
ตอนที่เรายืนอยู่ที่ร้านชานมไข่มุกร้านเดิม
 
“หาพี่ปิ่น” ผมตอบกลับไป
แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังนี้หว่า
พอหันกลับไปมองหน้าเพื่อนๆ ตอนนี้คือพวกมันมองหน้าผมกันทุกคนเลยครับ
 
“ปิ่นไหนวะเปอร์” แฟรงค์เดินเข้ามากอดคอผมไว้แน่นเลยครับ
มึงทำขนาดนี้กูคงหนียากแล้วสินะ...
ผมเลยตัดสินใจเล่าความจริงให้เพื่อนๆฟัง
แล้วก็ไม่ลืมที่จะขอโทษแฟรงค์
 
“กูขอโทษนะเว้ย ที่ไม่ได้เอาจดหมายไปให้มึงอะ กูลืมจริงๆ”
แต่แฟรงค์มันกลับนั่งหัวเราะผม
 
“มึงโง่วะเปอร์ กูว่านะพี่ปิ่นของมึงนะไม่ได้ชอบกูแต่แรกแล้วละ”
 
“ก็เพื่อนเค้าฝากมาให้มึง”
   ผมก็ยังตอบกลับไป แต่ในใจกลับรู้สึกดีใจแปลกๆ
 
“แต่พี่ปิ่นก็โทรหามึง และไม่เคยอยากคุยกับกูไม่ใช่หรอ”
ก็จริงอย่างที่แฟรงค์พูดนะ .. พี่ปิ่นไม่เคยพูดถึงแฟรงค์เลย
ผมกำลังนั่งคิดเรื่องพี่ปิ่น และมองเหม่อไปนอกร้านชานมไข่มุก
อยู่ๆก็มีคนมาดึงที่แขนเสื้อผม
ผมเลยหันกลับไปดู ก็เห็นว่าคนนั้นๆเป็น  พี่ปิ่น
 
“ฝากให้เปอร์หน่อยสิ”   พี่ปิ่นพูดจบก็ยัดจดหมายใส่มือผม ก่อนจะวิ่งออกไป
 
“เห้ยๆสาวไหนวะมึง”
แบงค์เดินเข้ามาใกล้ๆผม ก่อนจะหันไปมองพี่ปิ่นกับเพื่อนๆที่ยังยืนอยู่ไม่ไกล
 
“พี่ปิ่น”   ผมตอบกลับไปแล้วก็รีบเอาจดหมายที่พี่ปิ่นยัดใส่มือเมื่อกี้มาเปิดอ่าน
 
 
 
“ปิ่นชอบเปอร์
                    เป็นแฟนกันได้ยัง?”

 
 
 
รอบๆตัวผมตอนนี้ได้ยินแต่เสียงโห่ร้อง และเสียงแซวจากพวกเพื่อนๆผม
แต่ใจผมนี้สิ.. กลับไม่ได้สนใจที่พวกมันพูดเลย
ผมรีบวิ่งไปหาพี่ปิ่นที่ยืนอยู่กับเพื่อนๆ
พอเพื่อนพี่ปิ่นเห็นผมเดินเข้าไปหา ก็พากันโบกมือลาพี่ปิ่น
ตอนนี้เลยมีแค่ผมกับพี่ปิ่นที่ยืนอยู่ด้วยกัน
อยู่ๆเสียงเพลงของร้านค้าต่างๆ เสียงโห่แซวจากไอ้พวกเพื่อนๆของผมก็เงียบหายไป
ได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเอง... ที่มันเต้นแรงและดังมาก


 
“วิ่งมานี้คงมีคำตอบมาให้นะ” พี่ปิ่นยิ้มให้ผม
บทจะตรงก็ตรงตลอดจริงๆเลยนะพี่ปิ่น!
 
“ชอบเปอร์จริงๆใช่ไหม?”
แล้วกูถามอะไรกลับไปวะเนี้ย .. บ้าบอจริงๆเลย

“ในนั้นก็เขียนชัดเจนแล้วนะ ต้องให้ชัดขนาดไหนอีกละ”

พี่ปิ่นแกล้งทำหน้างอนๆ ก่อนจะทำท่าเดินหนีผม
ผมเลยดึงแขนพี่ปิ่นไว้
 
“ถ้าชอบจริงๆห้ามส่งจดหมายให้ใครอีกนะ”
 
“ส่งให้เปอร์ได้ไหมละ”
พี่ปิ่นหันกลับมามองหน้าผม ก่อนจะยกยิ้มน้อยๆ
 
“อืม ได้คนเดียว”
ตอนนี้ไม่รู้ทำไมมือผมมันดูเกะกะไปหมด ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนเลย
ข้างหนึ่งก็จับแขนพี่ปิ่นไว้ อีกข้างก็อยากจะตัดทิ้งซะเหลือเกิน
 
“แล้วเป็นแฟนกันได้ยังละ”
 
“เป็นสิ”

ผมตอบกลับพี่ปิ่นไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา
คือมันอายครับ   เพราะตอนนี้เหมือนจะเห็นว่าเพื่อนๆผมมายืนใกล้ๆแล้ว
แต่พี่ปิ่นดูเหมือนจะยังไม่พอใจกับคำตอบของผม
 
“เป็นอะไร” คราวนี้พี่ปิ่นถามกลับมาเสียงเข้มเลยครับ รอยยิ้มเริ่มหายไปจากหน้าแล้ว
 
“พี่ปิ่นเป็นแฟนเปอร์แล้วนะครับ” ผมเลยตอบกลับไปเสียงดัง
จนไอ้พวกเพื่อนข้างๆโห่ร้องแซวขึ้นมาอีกรอบ
ส่วนพี่ปิ่นก็ยื่นกระเป๋าถือให้ผมถือให้...
 

“อืมม แล้วบอกแม่ด้วยนะว่าพี่ไม่ได้ชอบแฟรงค์ คนที่พี่ชอบนะคือเปอร์
และก็เป็นเปอร์มาตั้งนานแล้ว”

หื้ออ... พูดเสร็จแล้วเดินหนีคืออะไรวะ??
ผมรีบโบกมือลาเพื่อนๆของผม แล้ววิ่งตามพี่ปิ่นมา
 

“ที่บอกว่าตั้งนานแล้วคืออะไร?”
 
 
“จดหมายอันนั้นพี่ตั้งใจให้เปอร์ แต่ตอนนั้นพี่ไม่รู้จักชื่อเปอร์
พวกพี่รู้จักแต่แฟรงค์เพราะเป็นแฟนกับบัว
ตอนที่เพื่อนเอาจดหมายไปให้เปอร์อะมันจะแกล้งพี่
มันกะว่าถ้าแฟรงค์โทรหาพี่มันจะให้แฟรงค์เป็นพ่อสื่อให้
ใครจะรู้ละว่าเปอร์ขี้ลืม ไม่เอาจดหมายไปให้แฟรงค์”

พี่ปิ่นพูดออกมา ก่อนจะทำปากงอนๆแบบที่ชอบทำ
ครั้งนี้ผมกล้าที่จะเอื้อมมือไปหยิกปากงอนๆนั้นด้วยความหมั่นเขี้ยว
จนพี่ปิ่นต้องยกมือมาปิดปากตัวเองหนีมือผม
 
“จดหมายฉบับนั้นมันคงรู้แหละมั้งว่าใครเป็นเจ้าของตัวจริง มันเลยอยู่กับเปอร์ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้”
พี่ปิ่นหันมาทำตาโตๆใส่ผม ก่อนจะถามหาจดหมายฉบับนั้น
 
“ยังเก็บไว้หรอ? ก็บอกให้ทิ้งไง”
 
“อยู่ลิ้นชักข้างที่นอนเลยละ จะทิ้งทำไมละ จดหมายบอกรักจากแฟนเปอร์นะ”

คราวนี้พี่ปิ่นหัวเราะออกมา ก่อนจะจับมือผมไว้
ฟังไม่ผิดครับ.. พี่ปิ่นจับมือผมก่อน
(เอาไปแซวได้นะครับ พี่ปิ่นรุกผมก่อน 555555)
 
“พี่ชอบเปอร์นะ”
พี่ปิ่นพูดเสร็จก็กระชับมือที่จับผมไว้ให้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อย
 
 
“เปอร์ก็ชอบพี่ปิ่นนะครับ”
 
ความอบอุ่นจากมือที่จับกันไว้ มันทำให้เราทั้งคู่ยิ้มออกมาท่ามกลางผู้คนมากมาย
ที่ยืนรอรถอยู่ตอนนี้...
 
 


 
จดหมายรัก.. ที่เคยคิดว่ามันอยู่ผิดตัวผิดคน
แท้ที่จริงแล้วมันก็อยู่กับเจ้าของมันตั้งแต่แรกแล้วละ....





-------------------------------------------------
ตอนพิเศษจาก #เปอร์ปิ่น จ๊า :)
แต่ละคู่จะมีตอนพิเศษประมาณ 3 ตอนนะ
จะบอกถึงจุดเริ่มต้นของแต่ละคู่ และบทสรุปของคู่นั้นๆด้วย
ยังไงจะพยายามอัพให้บ่อยๆนะ
อ่อ.. หนังสือยังจองได้ถึงวันที่ 24 กันยายนนะคะ

ปล. เค้ายังนอน รพ. คืนที่ 8 แล้ว อัพช้าหน่อยนะ

ออฟไลน์ meng

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
มาทีละนิดละหน่อยพอให้ขายคิดถึงกันบ้าง

ขอบคุณนะครับที่มาต่อให้ คราวหน้าของแฟรงค์-เจหน่อยน้า

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
มาทีละนิดละหน่อยพอให้ขายคิดถึงกันบ้าง

ขอบคุณนะครับที่มาต่อให้ คราวหน้าของแฟรงค์-เจหน่อยน้า

หลังจากคู่ของเปอร์ปิ่น จะมีคู่อื่นๆลงตามมาค่า
และคู่ของเจแฟรงค์ด้วย : )

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
เวลา #เปอร์



“เปอร์ วันนี้พี่เลิกงานเย็นนะ” เสียงพี่ปิ่นโทรมาบอกผมเมื่อเช้า
ซึ่งถ้าโทรมาแบบนี้คือรู้กันว่าอยากกลับบ้านด้วยกัน
จะเลิกกี่โมงผมก็ไปรอรับพี่ปิ่นไม่ได้ TT
เพราะนักเรียนแพทย์ปี 3  แบบผมเรียนหนักโคตรๆครับ

ผมได้แต่ส่งข้อความกลับไปบอกพี่ปิ่นสั้นๆ

“เปอร์มีติวต่อเลิกสองทุ่ม”

พี่ปิ่นไม่ได้ตอบข้อความกลับมาครับ เงียบไปเกือบทั้งวัน
ผมก็ไม่ได้หยิบมือถือมาเล่นอีกเลย ทั้งเรียนทั้งติวกับเพื่อน
จนเกือบๆ 1 ทุ่มเพื่อนผมก็เดินมาเรียกผมที่หน้าห้องติว
คณะผมมีห้องติวแยกไว้ให้นักเรียนจับกลุ่มกันมาติวและมาใช้ห้องได้

“เปอร์ .. แฟนมึงมารอตั้งแต่เย็นแล้วนะเว้ย กลับก่อนเถอะ”
อ้าวว.. แล้วไม่โทรมาวะ?
ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความเอาแต่ใจของพี่ปิ่น ที่นับวันเริ่มจะมีมากขึ้น
ก่อนจะเก็บหนังสือแล้วบอกลาเพื่อนๆ

ลงมาก็เจอกับพี่ปิ่น ที่ใส่ชุดสาวแบงค์ของธนาคารแห่งหนึ่งนั่งเล่นรออยู่ใต้ตึก

“มาทำไมไม่บอก” ผมลงไปนั่งตรงเก้าอี้ข้างๆพี่ปิ่น

“อยากเจอนะ เลยมารอ โกรธหรอ?”
พอเห็นพี่ปิ่นทำหน้าอ้อนๆแบบนี้โกรธไม่ลงทุกทีเลย

“มันดึกต่างหาก แล้วคนมันไม่ค่อยมีกลัวอันตรายต่างหากละ
งั้นไปทานข้าวกันก่อนแล้วเปอร์ไปส่งนะ”

พี่ปิ่นยิ้มกว้างขึ้น ก่อนจะพยักหน้า

ผมเลยพาพี่ปิ่นไปทานข้าวแถวๆบ้านพี่ปิ่น
ช่วงระหว่างนั่งรออาหาร พี่ปิ่นก็ถามผมขึ้นมา

“นี้.. ถ้าพี่ไปเรียนภาษาเปอร์จะว่าอะไรไหม?”

“เรียนเพิ่มก็ดีนะ จะได้มีภาษาติดตัวด้วย จะลงเรียนที่ไหนละ
ให้เปอร์หาให้ไหม?”

ผมพูดจบก็หยิบมือถือขึ้นมาค้นหาข้อมูลสถาบันสอนภาษา
แต่พี่ปิ่นกลับส่ายหน้า และจับมือผมไว้
ผมเลยเงยหน้าไปมองพี่ปิ่น
ซึ่งเอาจริงๆนะคบกันมาก็ 5 ปีแล้วทำไมจะดูไม่ออกว่าพี่ปิ่นมีเรื่องกังวลใจอยู่

“มีอะไรอยากบอกไหม?” ผมวางมือถือไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันไปสบตาพี่ปิ่น

“จะไปเรียนภาษาที่นิวซีแลนด์ ได้ไหมอะ”
นิวซีแลนด์ ไม่ใช่ปากเกร็ด มาขอไปกันง่ายๆแบบนี้อะนะ - -‘

“พี่ปิ่น มันไกลไปเรียนที่ไทยนี้แหละ แล้วไม่ทำงานหรือไง?”

“ก็มันได้ภาษามากกว่า ได้ประสบการณ์การใช้ชีวิตด้วย”

“แต่มันไกลเปอร์นะ”

ผมพูดสรุปไปให้พี่ปิ่น .. สุดท้ายคืนนั้นก็ไม่ได้ข้อสรุปกันว่าตกลงแล้วพี่ปิ่นจะไปเรียนภาษาไหม?

เพราะตั้งแต่คบกันมา พวกผมเจอกันแทบจะทุกวัน
ถ้าผมไม่ไปรับพี่ปิ่นมานั่งเล่นที่บ้าน ผมก็จะไปนั่งเล่นที่บ้านพี่ปิ่น
เราไม่เคยไปค้างด้วยกัน   ถ้าไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศด้วยกัน พี่ปิ่นจะนอนกับน้องเฟิรนส์
เพราะพวกผมไปด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่
และที่สำคัญ... ผมยังไม่ได้ล่วงเกินอะไรพี่ปิ่นครับ
อ่ะ.. อย่าด่าผมเลย   ผมชายไทยแท้ พอใจกับการไม่ชิงสุกก่อนหามครับ 555555+
เอาจริงๆนะหรอ.... คือ  ผมป๊อด   TT’

ผมกลัวการก้าวข้ามสถานะกัน เป็นแฟนกันก็แทบจะเป็นทุกอย่างของกันและกันไปแล้ว
ถ้าผมล่วงเกินอะไรพี่ปิ่นไป.. วันหนึ่งเกิดพลาดพี่ปิ่นท้อง
ผมว่าทั้งพ่อและแม่ของผมกับพี่ปิ่นก็คงไม่ว่าอะไร แต่เราจะเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เติบโตมาได้ยังไงกัน
ในเมื่อผมยังเรียนไม่จบ และพี่ปิ่นก็เพิ่งเริ่มงานได้ไม่นาน....
เห็นพี่เจกับแฟรงค์เลี้ยงทีชเชอร์แล้วผมต้องวางแผนชีวิตไว้โคตรเยอะเลยครับ




“เฮ้ยย.. เปอร์วันนี้กูเห็นพี่ปิ่นแฟนมึงด้วย นัดกันไว้หรอวะ”
เสียงของน๊อตเพื่อนนักศึกษาแพทย์ของผมพูดขึ้นมา ในช่วงพักเบรก 15นาทีของวิชาหนึ่ง

“ป่าวนะ .. วันนี้กูยังไม่ได้คุยกันเลยมั้ง เดี๋ยวโทรหาก่อน”
ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาพี่ปิ่น .. รอสายไม่นานพี่ปิ่นก็รับสาย

“พี่ปิ่นอยู่ไหนครับ”
ตอนนั้นอะ.. ผมคิดว่าพี่ปิ่นมาหาผมแน่ๆ เพราะช่วงปีก่อนพี่ปิ่นชอบซื้อขนมมาส่งให้ผมทาน
เพราะเวลาพักผมมีน้อย

“อยู่ที่ทำงานจ๊ะ เปอร์มีอะไรหรือป่าว”

ที่ทำงาน?
แล้วที่น๊อตบอกละคืออะไร??

“ป่าวนะพอดีพักเลยโทรหา ยังไงเย็นนี้เปอร์ไปรับนะ”

“จ๊า.. เย็นนี้พี่รอที่ทำงานนะ”

“ครับผม นึกร้านไว้เลยนะอยากกินอะไร เย็นนี้เจอกันครับ”

จริงๆเย็นนี้ผมไม่ว่าง แต่ตอนนี้คงต้องว่างแล้วละ....

ผมเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า ก่อนจะหันไปถามน๊อตที่ตอนนี้กำลังนั่งจดแล๊คเชอร์ที่จดไม่ทันอยู่

“มึงเจอแฟนกูที่ไหน”

“คณะเศรษฐศาสตร์”

กลับมาที่คณะทำไม??
ผมเชื่อว่าน๊อตไม่โกหก และคิดว่าพี่ปิ่นคงมีเหตุผลอะไรสักอย่างเลยไม่บอกผม

ผมเก็บความสงสัยไว้ในใจ ก่อนจะเตรียมตัวเรียนในคาบต่อไป
เย็นนั้นผมก็ไปรับพี่ปิ่นที่ทำงาน และพาไปทานข้าว
ซึ่งพี่ปิ่นก็มีท่าทีปกติ .. หรือว่าน๊อตตาฝาด??


“พี่ปิ่นเรื่องเรียนภาษาสรุปลงที่ไหนไป?”
ผมถามพี่ปิ่น ขณะที่ตอนนั้นเรากำลังรอเช็คบิลอยู่

“ยังหาไม่ได้เลย” พี่ปิ่นตอบกลับมา แต่ก็ไม่ได้สบตาผม เหมือนจะหลบตายังไงไม่รู้สิ..
ผมพยายามไม่คิดมาก เพราะตอนนี้ผมกำลังหาเหตุผลว่าทำไมพี่ปิ่นถึงโกหกเรื่องเมื่อตอนกลางวันอยู่

“เสาร์นี้เปอร์ไม่มีเรียน เดี๋ยวเปอร์พาไปเลือกดูเอาไหม?”

“ว่างหรอ?”

พี่ปิ่นหันมามองหน้าผม .. และยิ้มออกมาอย่างดีใจ

“ว่างครับ ไปดูที่เรียนกันนะ”
พี่ปิ่นพยักหน้า ก่อนจะหันไปจ่ายค่าอาหารและชวนผมกลับบ้าน
ผมมานั่งคุยกับพ่อแม่พี่ปิ่นสักพัก ก็ขอตัวกลับ
เพราะวันนี้ตั้งใจจะแวะไปนอนหอ ที่เช่าเอาไว้สำหรับเก็บหนังสือเรียน
และเอาไว้นอนเวลาที่กลับบ้านไม่ไหว




เช้าวันเสาร์
พี่ปิ่นพาผมมาที่ห้างสรรพสินค้าหนึ่งซึ่งจัดงานมหากรรมการศึกษาต่อต่างประเทศ


“มาทำไมที่นี้ละ?”

“ก็มาเดินดูไง มาเถอะ”

พี่ปิ่นไม่ได้มองหน้าผมเลยว่าตอนนี้ผมทำหน้ายังไง
ก็บอกแล้วว่าไม่ให้ไปเมืองนอก ทำไมไม่ฟังกันบ้างวะ?

เดินดูบูธต่างๆได้ไม่นาน พี่ปิ่นก็ลากแขนผมให้เข้าไปทักทายผู้ชายคนหนึ่ง

“พี่โจ้ .. สวัสดีค่า”
ผมเห็นพี่ปิ่นยกมือไหว้ ก็เลยยกมือไหว้ตาม ก่อนที่พี่โจ้คนนั้นจะยกมือมารับไหว้พวกผม

“เป็นไงบ้างปิ่น ได้ที่เรียนที่ไหนบ้างหรือยัง”
ทำไมพี่พูดเหมือนมาเลือกซื้อปลาย่าง? มันหาง่ายขนาดนั้นไหมละที่เรียน??


“ยังเลยค่ะพี่.. แต่ได้เอกสารมาแล้วละเดี๋ยวจะไปนั่งเลือกอีกที”
ผมเห็นพี่ปิ่นหันไปคุยกับพี่โจ้อย่างถูกคอ ก็อดที่จะพูดขัดขึ้นมาไม่ได้

“ไม่ไปเมืองนอก พี่ปิ่นคงยังจำได้น่ะ”
ตอนนี้พี่โจ้หันมาสบตาผม ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก ซึ่งมันโคตรน่าต่อยมากๆครับ

“เปอร์.. ค่อยคุยเรื่องนี้ได้ไหม พี่คุยกับพี่โจ้อยู่”
แล้วชวนผมมาทำไมละครับ?
เออ.. ลืมไปผมชวนพี่ปิ่นมานี้หว่า - -

“งั้นเปอร์ไปนั่งอ่านหนังสือรอข้างนอกละกันนะ เชิญพี่ปิ่นตามสบาย”
พูดจบผมก็เดินมาหาร้านกาแฟนั่ง ก่อนจะหยิบหนังสือมานั่งอ่าน
เห้ออ.. ว่าจะมาเอาใจ มาชวนคุยดีๆ
สุดท้ายก็ทะเลาะกันเหมือนเดิม .. ช่วงนี้ทำไมห่างๆกันไปแบบนี้วะ?
ถ้าไม่ทะเลาะกัน.. ก็มีเรื่องให้เงียบไม่โทรหากันเป็นวันๆได้


ผมนั่งรอพี่ปิ่นอยู่นานมากๆ มาตั้งแต่ 11 โมง จนตอนนี้บ่ายสามแล้วพี่ปิ่นก็ยังไม่โทรมา
ผมเลยกดโทรกลับไปหาพี่ปิ่น.. แต่พี่ปิ่นไม่รับสาย
เดินกลับไปหาพี่ปิ่นที่บูธของพี่โจ้ก็ไม่เจอ .. และไม่เจอไอ้พี่โจ้คนนั้นด้วยครับ
ผมพยายามกดโทรหาพี่ปิ่นต่อไปอีก จนตอนนี้หกโมงเย็นแล้วพี่ปิ่นยังไม่รับสายผม
ผมเลยตัดสินใจกลับหอก่อน.. เอาไว้ค่อยไปโทรหาตอนที่ถึงหอแล้ว
แต่พี่ปิ่นส่งข้อความกลับมาแค่ว่า

“เดี๋ยวโทรกลับเอง มาธุระเรื่องเรียนต่อ”

แล้ววันนี้มาด้วยกันทำไม?
ไปกับใคร?
ทำไมไม่รับสาย?


แล้วโทรกลับของพี่ปิ่น.. นั่นคืออีก 3 วันต่อมา
ซึ่งผมโทรหาทุกวันแต่พี่ปิ่นไม่รับสาย
ไลน์ไปก็ไม่ตอบ .. นี้แฟนผมต้องการอะไรจากผมกันแน่ครับ?

“เปอร์ .. กูว่ามึงต้องอ่านหนังสือแล้วนะ วิชาของอาจารย์แม่คะแนนมึงน้อยไป หลุดมีนแล้วนะมึง”
น๊อตบอกกับผมในวันหนึ่งหลังจากที่สอบเก็บคะแนนเสร็จ

“อืมม คืนนี้กูจะอ่าน เดี๋ยวจะเอาให้ถึงมีน ขอบใจมากมึง กูกลับหอก่อนนะ ปวดหัวว่ะ”
ผมบอกกับน๊อต ก่อนจะขับรถกลับมานอนที่หอ
แต่ก็ไม่ลืมที่จะไปเคาะประตู ปลุกเด็กข้างห้องที่มันชอบแปะโพสอิทไว้ว่าให้ปลุกเวลาไหนบ้างยังไงบ้าง
ซึ่งผมปลุกมันจนผมจำตารางเวลาเรียนมันได้หมดแล้ว

“เปอร์ .. วันนี้มารับไหม?”
นี้คือคำแรกที่ปิ่นทักผม.. และโทรกลับมาหลังจากส่งข้อความมาครั้งก่อน

“ไปครับ กำลังจะออกจากหอ”
วันนี้ไม่ได้ไปติวอีกแล้ว.. ค่อยมาอ่านย้อนหลังเอาก็ได้ว่ะ

“งั้นเจอกันนะ”
พี่ปิ่นวางสายไปแล้ว ผมเลยลุกขึ้นมาอาบน้ำก่อนจะแต่งตัว และเอาโพทอิทไปแปะหน้าห้องของเด็กข้างห้อง
วันนี้ตั้งใจจะกลับไปนอนบ้านครับ เลยขนหนังสือมาด้วยหลายเล่ม

พอมาถึงที่ทำงาน พี่ปิ่นยืนรออยู่แล้ว
“ไปกินข้าวร้านเดิมกัน”
ร้านเดิม คือร้านแถวๆบ้านพี่ปิ่น ผมก็ไม่ได้ท้วงอะไร ก็ตามใจขับรถไปร้านที่พี่ปิ่นบอก
แต่ตลอดทางที่ขับรถไป พี่ปิ่นไม่ได้ชวนคุยแบบทุกที พี่ปิ่นก้มลงไปเล่นมือถือ นานๆทีถึงจะหันมาสบตากับผม
ทำไมบรรยากาศมันดูแปลกๆไป???

“เอาแบบเดิมนะ” ผมถามพี่ปิ่นที่เล่นมือถืออยู่

“อืม” พี่ปิ่นตอบกลับมา ก่อนจะก้มไปสนใจมือถือต่อ
ตอนนี้ผมก็เริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้วเหมือนกัน เพราะพี่ปิ่นไม่สนใจอะไรเลย
จนผมสั่งอาหารเสร็จหมดแล้วนั้นแหละ เลยเอื้อมมือไปดึงมือถือจากมือพี่ปิ่นมาเก็บไว้ในกระเป๋าของผม

“คุยกันไหม?” ผมถามพี่ปิ่นออกไป
ตอนนี้พี่ปิ่นหันไปเล่นหลอดดูดน้ำในแก้วตรงหน้าตัวเองแทนแล้ว

“เรื่องไหนละ?”
ยังจะถามกลับมาอีก - -‘

“หายไปไหนมา 3 วัน แล้ววันนั้นทิ้งเปอร์ทำไม”
พี่ปิ่นกัดปากเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรออกมา จนกับข้าวที่สั่งไว้มาถึง
ผมเลยชวนพี่ปิ่นทานข้าว เพราะวันนี้ตั้งใจจะคุยกันให้รู้เรื่องอยู่แล้ว

จนทานข้าวเสร็จ  และมาส่งพี่ปิ่นที่บ้านแล้วนั้นแหละถึงได้คุยกัน

“พี่ปิ่น ตอบก่อน”
พี่ปิ่นทำท่าจะลงจากรถ แต่ผมกดล๊อครถไว้พี่ปิ่นเลยกลับมานั่งเหมือนเดิม

“ให้ตอบว่าอะไร” พี่ปิ่นทำเสียงดุๆใส่
ผมสิที่ควรอารมณ์เสียไม่ใช่พี่ปิ่น!

“วันนั้นทิ้งเปอร์ทำไม”

“ไม่ได้ทิ้ง พี่โจ้พาไปคุยเรื่องเรียนต่อกับเพื่อนพี่โจ้อีกที”

พี่โจ้อีกแล้วหรอ? สรุปไปกับมันจริงๆ

“แล้วทำไมไม่รับสายละ รู้ไหมว่ารอถึงหกโมงเย็นเลยนะ”

“ก็รู้ว่ารับสายแล้วก็ทะเลาะกันเลยไม่รับ แต่ก็โทรมาหาแล้วนี้ไง”

พี่ปิ่นหันมามองหน้าผม .. แปลกไหมที่ผมมองไม่เห็นถึงแววตาคู่เดิมของคนรักของผมเลย

“3 วันที่พี่ปิ่นไม่ติดต่อมา เปอร์แทบไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ วันนี้สอบได้ต่ำกว่ามีนด้วยนะ”
ผมตอบพี่ปิ่นไป ด้วยน้ำเสียงที่ติดจะอ้อนพี่ปิ่น..
ไม่อยากแข็งใส่กัน กลัวจะทะเลาะกันหนักกว่านี้
เพราะปกติผมกับพี่ปิ่นไม่ค่อยทะเลาะกัน....

“เปอร์.. พี่จะไปเรียนต่อนิวซีแลนด์นะ”
เดี๋ยวก่อนนะ.. เมื่อกี้กำลังง้อเรื่องหายไป นี้หาเรื่องทะเลาะใหม่อีกแล้ว??

“พี่ปิ่น.. เปอร์ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ”

“แต่พี่อยากเรียน .. มันอนาคตพี่นะเปอร์”

“งั้นแสดงว่าเปอร์กำลังถ่วงอนาคตพี่อยู่นะหรอ”

พี่ปิ่นเอื้อมมือมาหยิบมือถือจากกระเป๋าของผม ก่อนจะหันมามองหน้าผม
ตาพี่ปิ่นมีน้ำตาคลอ และตาเริ่มจะแดงๆเหมือนจะร้องไห้

“เปอร์เคยเข้าใจคนอื่นบ้างไหม? หรือเข้าใจแต่ตัวเอง เปิดประตูพี่จะลง”
ตอนนี้ผมพูดอะไรไม่ออกแล้วครับ ทำได้แค่กดปลดล๊อคให้พี่ปิ่นลงจากรถไป
ผมนั่งมองพี่ปิ่นที่เดินเข้าบ้านไปด้วยความสับสน..

ผมไม่เคยเข้าใจพี่ปิ่นหรอ?



ผมสอบเข้าเรียนแพทย์ที่เดียวกับที่พี่ปิ่นเรียน
ผมมานั่งรอพี่ปิ่นที่คณะทุกเช้า ถ้าวันไหนผมเรียนเช้าผมจะมาหาช่วงเบรก
ถึงคณะผมจะไกลจากพี่ปิ่นแต่ผมก็รีบขับรถมาหาตลอด
เวลาว่างผมก็จะมารอรับพี่ปิ่นกลับบ้าน พาไปทานข้าว และพาไปซื้อของช๊อปปิ้งตลอด
ผมไม่เข้าใจพี่ปิ่นตรงไหน?

ตอนแรกตั้งใจจะกลับบ้าน แต่สุดท้ายก็ขับรถกลับมานอนที่หอเหมือนเดิม
เจอโพทอิทแปะที่หน้าห้องเหมือนเช่นเคยทุกวัน แต่วันนี้ไม่ได้อ่านและไม่ได้ดึงออกมาเก็บแบบทุกที

และคืนนั้น.. ผมก็ไม่ได้อ่านหนังสือ
วันต่อมาผลสอบของผมก็ยังต่ำกว่ามีน และโดนอาจารย์ด่าเหมือนเดิม.

ผมกลายเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด และดูไม่ค่อยมีสติติดตัวไปเกือบๆ 1 อาทิตย์
และก็เป็น 1 อาทิตย์ที่ปิ่นหายไปจากชีวิตผม

“ว่าไงมึง.. นั่งเป็นหมอเปื่อยเลยนะ” เสียงของไอ้แบงค์กับแฟรงค์ทักผมขึ้นมา
ผมหันไปมองพวกมันอย่าง งงๆ
ก็นี้มันคณะแพทย์ พวกเด็กวิศวะอย่างพวกมันจะมากันทำไม?
คือ มาได้ครับ .. แต่ส่วนใหญ่พวกเด็กวิศวะจะไม่มาคณะแพทย์เลยมากกว่า

“มาได้ไงวะมึง” ผมหันไปถามแบงค์ ก่อนจะยื่นมือไปรับแก้วน้ำจากมันมากิน

“น๊อตโทรบอกกูว่ามึงจิตหลุด กูเลยมาดู เป็นไรวะมึง”
 ผมหันไปมองน๊อต มันก็ยกมือไหว้ขอโทษที่มันโทรไปหาเพื่อนๆผม
ซึ่งผมมักจะพาเพื่อนๆที่เรียนแพทย์ด้วยกันไป ไปเมากับพวกมันบ่อยๆครับ
กลายเป็นว่าตอนนี้ซี้กันหมดแล้ว จนแลกเบอร์กันไว้หมดแล้ว

“ไม่เป็นไร” ผมตอบกลับไปแบบนั้นแต่ในใจนี้โคตรจะแย่เลย

“กูเห็นพี่ปิ่นมาคณะเมื่อวันก่อน กูถามเค้าว่ามาหาเปอร์หรอ แต่เค้ายิ้มๆแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไรพวกกู
มึงไปทำไรให้พี่ปิ่นโกรธ”

เดี๋ยวนะแฟรงค์.. กูเนี้ยนะทำพี่ปิ่นโกรธ
กูควรโกรธมากกว่าปะวะ?

ผมได้แต่ส่ายหัวให้พวกมันแทนคำตอบ
มันก็คงรู้ได้เองจากอาการของผม เลยไม่ได้ทักท้วงอะไร
หันไปคุยกับพวกไอ้น๊อต และตอนเย็นมันถึงลากผมไปบ้านแฟรงค์
และก็อยู่กันครบหมดทุกคนเลย - -‘

“เอาละ.. มีอะไรพูดมา” อุ่นเป็นคนเปิดประเด็นเลยครับ
ตอนนี้พวกพี่เจ พี่เชน พี่มี่ พี่แชมป์ รวมไปถึงพี่ยิมแยกตัวไปนั่งคุยเรื่องงานกันข้างนอก

“พี่ปิ่นบอกจะไปเรียนเมือกนอก”
ผมบอกออกไป ก่อนจะซบหน้าลงกับหมอนของทีชเชอร์

“ไปเมืองนอกแล้วยังไงวะ” แบงค์ถามกลับมา

“ก็ไม่ทำไม.. แต่มันไกล กูกลัวอันตราย กูเป็นห่วงพี่ปิ่น” ผมตอบไปอย่างที่ใจคิดครับ
เมืองนอกมันอันตรายจริงๆนะ พี่ปิ่นยิ่งตัวเล็กๆแบบนั้นใครจะคอยดูแล

“มึงก็เลยทะเลาะกันใช่ไหม?”
อยากตบปากน้ำน่านวะ.. พูดตรงประเด็นทำไม

“ไม่รู้ว่าทะเลาะไหม แต่พี่ปิ่นหายไปไม่ติดต่อมาเลย”

“นานแค่ไหนแล้ว”
แฟรงค์ถามขึ้นมาเสียงนิ่งๆ

“1 อาทิตย์ได้แล้วมั้ง” ก็คงประมาณนี้แหละถ้าผมจำไม่ผิด

“มึงทิ้งระยะเวลานานไป ถ้าไม่เข้าใจทำไมไม่รีบคุยวะ กูกับพี่เจไม่เคยโกรธกันเกิน 1 วันเลยนะ
แค่คิดว่าพี่เจจะไม่คุยกับกู ใจกูก็จะแย่แล้ว แต่นี้มึงทิ้งไว้เป็นอาทิตย์ไม่แปลกหรอกทำไมมึงดูจิตหลุดๆ”

พูดมาเป็นชุดเลยนะไอ้แฟรงค์.. ไอ้คนรักลูกรักเมีย

“ก็กูโทรไปแต่พี่ปิ่นไม่รับสาย มึงจะให้กูทำไงละ” ตอนนี้ผมได้แต่ถอนหายใจ
พวกเพื่อนๆผมก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก แต่ก็นั่งเล่นคุยกันเรื่องอื่นไปเรื่อย
และวันนั้นแฟรงค์ก็ไม่ยอมให้ผมกลับไปนอนที่หอ มันให้ผมนอนที่บ้านมัน และตอนเช้าก็บังคับให้ผมไปรับพี่ปิ่นที่บ้าน
ผมก็เลยขับรถมาจอดนิ่งอยู่หน้าบ้านพี่ปิ่น
เพราะโทรไปแล้วพี่ปิ่นไม่รับสาย...

เอาจริงๆไหม?
ตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่าผมทำอะไรผิด..
ทำไมพี่ปิ่นไม่รับสายผม?
ผมนั่งรอสักพักก็เห็นพี่ปิ่นเดินออกจากบ้านมา แต่พี่ปิ่นไม่ได้ใส่ชุดทำงาน
พี่ปิ่นจะไปไหน?



“พี่ปิ่น”
ผมรีบลงจากรถและเรียกพี่ปิ่นไว้ พี่ปิ่นหันมามองผมก็ยิ้มให้ แต่ยิ้มนั้น..ผมว่ามันไม่ได้มีความหมายใดๆเลย

“มาได้ไง”

“มารอรับพี่ปิ่นไปทำงาน แต่ไม่ได้ใส่ชุดทำงานนิ จะไปไหน”

พี่ปิ่นก้มลงมองเสื้อผ้าตัวเอง ก่อนจะเงยหน้ามามองผม

“ว่างไหม? เราคุยกันหน่อยดีไหมเปอร์”
ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามพี่ปิ่นเข้าบ้านไป
พี่ปิ่นพาผมขึ้นมาคุยบนห้องนอน.. ห้องนอนที่มีรูปผมแปะอยู่เต็มไปหมด
จดหมายฉบับเล็กฉบับน้อยก็ยังแปะอยู่เหมือนเดิม
เข้ามากี่ครั้งก็อดจะอมยิ้มไม่ได้ : )

“พี่จะไปเรียนต่อเมืองนอกนะ”

“ทำไมละ?”
ผมถามได้แค่นั้นครับ มันเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ

“พี่อยากได้ประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ อยากไปเจอโลกกว้างๆ เปอร์เข้าใจพี่นะ”
เป็นคุณ..จะเข้าใจไหม?

“ไปเมื่อไหร่?” ผมเลือกที่จะไม่พูดอะไร เพราะรู้ดีว่าคำพูดของผมไม่มีความหมายอะไรแล้ว

“พุธหน้า”    อีก 5 วันสินะ.....

“ถ้าเปอร์ไม่มาวันนี้ พี่จะบอกเปอร์เมื่อไหร่?”

“ก็ตั้งใจจะไปหาวันนี้เหมือนกัน แต่นี้เปอร์เราก็คุยกันได้เหมือนเดิม
สไกป์หากันก็ได้ พี่สัญญาว่าพี่จะติดต่อมาบ่อยๆ”

พี่ปิ่นลงมานั่งข้างๆผมบนเตียง ก่อนจะเอนตัวมาซบที่ไหล่ผม

“แต่ที่นั้น..ไม่มีเปอร์ให้กอดนะ พี่ปิ่นทนได้หรอ?”
คราวนี้พี่ปิ่นกอดเอวผมไว้แน่น ก่อนจะร้องไห้ออกมา

“พี่รู้ว่าไม่มีเปอร์ให้กอด.. แต่พี่อยากไปเรียนจริงๆนะ เปอร์รอพี่ได้ไหม ไปแค่ 2 ปีเอง”
2 ปีเอง? ทำไมพี่ปิ่นถึงดูเหมือนมันแป๊บเดียวละ?
วันนั้นผมคงกำลังใกล้จะเรียนจบ คงจะต้องเข้าไปเรียนในโรงพยาบาล และยุ่งมากจริงๆ

“จะกลับมาจริงๆใช่ไหม?”

“อืมม กลับมาสิ”

“แล้วจะยังรักกันใช่ไหม?”

แต่ครั้งนี้พี่ปิ่นไม่ได้ตอบกลับมาว่าอะไร...
ซึ่งผมก็เข้าใจทุกๆอย่างแล้ว

ว่ากอดจากพี่ปิ่น.. มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว


เราต่างเงียบกันทั้ง 2 ฝ่าย ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลย
จนผมขอตัวกลับมาเรียนต่อในช่วงบ่าย พี่ปิ่นก็เดินมาส่ง
พี่ปิ่นยังคงไม่ตอบคำถามที่ผมถามไว้.....
แต่ผมคิดว่าผมได้คำตอบแล้วนะ


เราไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย จนกระทั่งวันที่พี่ปิ่นเดินทาง
ผมกับเพื่อนๆมาส่งพี่ปิ่น
คุณพ่อคุณแม่พี่ปิ่นไม่ได้มาส่ง เพราะพี่ปิ่นได้ไฟท์ดึก
พี่ปิ่นถ่ายรูปกับเพื่อนๆผมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพี่โจ้เดินมาหาพี่ปิ่น
พี่โจ้ส่งเอกสารให้พี่ปิ่นถือ.. มันคือพาสปอตของพี่โจ้

ตอนนี้พวกเพื่อนๆผมที่กำลังคุยกันเสียงดัง เริ่มเงียบเสียงลง
และเปลี่ยนเป็นกระซิบคุยกันแทน .. ซึ่งถ้าให้เดาก็คงไม่พ้นถามว่าคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่เป็นใคร

ผมดูเวลาในมือถืออีกครั้ง ก็เห็นว่ามันใกล้จะถึงเวลาที่พี่ปิ่นต้องเดินเข้าเกทแล้ว
เลยตัดสินใจเดินเข้าไปหาพี่ปิ่น ที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่กับพี่โจ้

“พี่ปิ่น” ผมเรียกให้พี่ปิ่นรู้ว่าผมมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว
พี่ปิ่นหันมามองหน้าผม.. และสักพักพี่โจ้ก็เดินออกมาปล่อยให้ผมกับพี่ปิ่นได้คุยกันตามลำพัง

“เปอร์มาขอคำตอบที่เคยถามไว้วันนั้น.. พี่ปิ่นตอบเปอร์ได้ไหม?”
คราวนี้พี่ปิ่นไม่ได้ตอบ แต่โผตัวเข้ามากอดผมไว้ และเริ่มร้องไห้
ทำไมผมจะไม่รู้.. ว่าพี่ปิ่นคิดอะไร
พี่ปิ่นที่เป็นคนซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเอง
พี่ปิ่นที่ช่างคุย ช่างยิ้ม และชอบอ้อนผมเสมอ...

“ปิ่นชอบเปอร์นะ
                    เป็นแฟนกันได้ยัง”


การขอเป็นแฟนที่โคตรตรงแบบนั้น.. มาจากพี่ปิ่น
แต่คำตอบว่า เราจะยังรักกันไหม?
พี่ปิ่นกลับตอบไม่ได้...
แต่ผมรู้ได้จากการกระทำของพี่ปิ่น

“อืมม ไปอยู่โน้นดูแลตัวเองดีๆ อย่ากินเผ็ดมากนักละ ถ้าปวดท้องแล้วจะลำบาก
ไปเรียนก็ปิดห้องให้ดีๆ กุญแจ กระเป๋าเงิน หรือพาสปอตเก็บไว้ให้เรียบร้อย
โทรหาพ่อกับแม่บ้างอย่าทำให้เค้าเป็นห่วง  เข้าใจไหมครับ”

พี่ปิ่นพยักหน้าเบาๆที่อกของผม

ผมกอดพี่ปิ่นไว้แน่น.. เหมือนกับกำลังจะซึบซับความรักของผมไว้
ซึ่งอ้อมกอดนี้มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้....


เสียงประกาศเรียนให้ผู้โดยสารเข้าไปในเกทแล้ว..
มันถึงเวลาที่พี่ปิ่นต้องไปแล้ว....
ผมจูบซับเบาๆที่หน้าผากพี่ปิ่น ก่อนจะบอกพี่ปิ่นอีกครั้ง..


“เปอร์รักพี่ปิ่นนะ.. จากกันครั้งนี้ขอให้เราจากกันด้วยดี
ถ้ากลับมาแล้วติดต่อน้องชายคนนี้ด้วยนะครับพี่ปิ่น”

ผมผละพี่ปิ่นออกจากอ้อมกอดของตัวเอง ก่อนที่พี่โจ้จะมาจับแขนพี่ปิ่นไว้


“เปอร์ฝากดวงใจของเปอร์ให้พี่ช่วยดูแลด้วยนะ”
พี่โจ้ไม่ได้ตอบว่าอะไร พี่โจ้แค่พยักหน้ากลับมาให้ผม
พี่ปิ่นร้องไห้จนหน้าแดงไปหมด และพยายามจะพูดกับผม
ผมเลยทำได้แต่ส่ายหน้าให้พี่ปิ่น.. ผมไม่อยากฟังคำขอโทษ ไม่อยากได้ยินคำว่าอะไรอีกแล้ว...



“โชคดีนะพี่ปิ่น”




คำบอกลาสุดท้ายจากผม...
และคำสุดท้ายของความรักของเรา.


เวลา.. ไม่ว่าจะคบกันมานานแค่ไหนก็ตาม
แต่ผมเชื่อนะว่าทุกๆคนมีเหตุผลในตัวเอง
พี่ปิ่น.. ก็คงมีเหตุผลของพี่ปิ่น
ความรักครั้งนี้.. มันอาจจะจบลงไปแล้ว หรืออาจจะยังไม่จบก็ตาม
แต่สิ่งที่ผมรู้.. ผมได้รักผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนที่ดี เป็นพี่ที่ดี และเป็นคนรักที่ดี
มันคุ้มค่าที่สุดแล้ว ....




--------------------------------------------------------------
เปอร์ปิ่น ยังเหลืออีก 1 พาทนะคะ แต่ขอยังไม่ลงน๊าา
ครั้งหน้าเจอกับคู่อื่นนะคะ จะเป็นคู่ไหนนั้นเดี๋ยวมาลุ้นกัน ^^

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
ล้างบาง #แบงค์
 





 
“แบงค์ .. นี้ใคร”
 
“คนไหนละ”

ผมหันไปมองมือถือที่พี่เชนถือไว้ ก่อนจะเห็นว่าเป็นไลน์มาจากน้องชมพู เด็ก  ม.4 ที่ผมเคยคุย
 
“ชมพู ม.4 หุ่นแจ๋วมาก”
พอผมพูดจบ ตีนก็ลอยมาเต็มๆกลางหลังผมเลยครับ
 
“กูถามว่าใครไม่ได้ถามว่ามันแจ๋วไหม มึงไปเอามันมาแล้วใช่ไหม ห๊ะ”
 
“เอาความจริงหรือให้โกหกละ”

ต้องถามก่อนสิ.. ตอบไปจริงๆแม่งมาโกรธอีก
 
“จะตอบไหม?”
 
“ก็ได้มาหมดแล้วนั้นแหละที่ท้ายชื่อมีดอกจันทร์ไว้นะ”

ยอมรับครับว่าเมื่อก่อนมั่วแค่ไหนแต่ก็เซฟตัวเองตลอดนะเว้ยครับพี่เชน
ผมเห็นพี่เชนมันเลื่อนๆมือถือดู ก่อนจะเขวี้ยงไอโฟนลูกรักของผมเข้าผนังห้อง
 
 
แตกไหม?
จะเหลือหรอครับ   - -
 
 
“ไอ้พี่เชน ทำอะไรวะเนี้ย เครื่องตั้งหลายหมื่นนะเว้ย”
เพิ่งขอพี่บีมซื้อมาใหม่ด้วย แม่งง....  ไอ้คนนิสัยเสีย!!!
 
“กูจะไปบล็อกเด็กมึงยังไงหมด เสือกดอกจันทร์ไว้เป็นร้อยคน   นี้มึงตรวจเลือดบ้างไหม”
คำถามที่ชวนทะเลาะมาอีกแล้ว....
 
“กูไม่ได้มั่ว ขนาดนั้น กูเซฟมาดีหรอกนะ”
แต่ไอ้พี่เชนไม่ฟังผมละครับ
มันกระชากผมเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะจัดการแสดงความเป็นเจ้าของผมชนิดที่ว่ากูไม่กล้าออกบ้านเลยละ
 
ตอนนี้ผมกับพี่เชนตกลงคบกันแล้วครับ พี่เชนก็มานอนห้องผมบ่อยมากขึ้นด้วย
เรียกว่าพี่เชนมันย้ายมาอยู่กับผมเลยก็ได้ครับ เสื้อผ้าของพี่เชนเต็มตู้ผมแล้วละ
ไหนจะโต๊ะทำงานกับกองหนังสือนั้นอีก... สรุปเลยคือ พวกผมอยู่กินด้วยกันแล้วครับ
 
 





 
“วันนี้เลิกกี่โมง”
พี่เชนถามผมในเช้าวันหนึ่ง.. ซึ่งไม่ควรถามนะเด็กมัธยมแบบผมจะเลิกบ่ายสองเหมือนพี่เชนหรือไงกันละครับ
 
“เย็นดิ ไม่ได้เรียนสองคาบแล้วว่างแบบพี่เชนนะ”
 
“ก็แค่ตอบว่าเลิกเย็นแค่นั้นทำไม่ได้หรือไง?”

นับวันพี่เชนก็เริ่มจะเอาแต่ใจขึ้นเรื่อยๆแล้วละครับ อาทิตย์ก่อนพังมือถือผม แล้วตอนเย็นก็พาไปซื้อใหม่
บ้านรวยมากสินะ?
 

“พี่เชนท้องผูกป่ะเนี้ย ทำไมดูหงุดหงิดจังช่วงนี้”
ผมตัดสินใจถามพี่เชนดู... เพราะถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้เห็นทีเราคงไปด้วยกันไม่ได้แน่ๆ
ผมไม่ชอบให้ใครมาหงุดหงิดหรือโมโหใส่ ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
 
“ก็มึงนั้นแหละทำให้กูเป็นแบบนี้”
แล้วดูพี่เชนมันตอบกลับมาสิครับ TT
ผมไปทำอะไรให้พี่เชนกันละ โอ้ยยยยย.. อยากจะบ้าตายย!!!
 
“เอางี้.. ต่างคนต่างอยู่ละกัน ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเป็นแบบนี้ก็แยกๆกันอยู่เถอะ”
พูดจบผมก็หยิบกระเป๋าแล้วเตรียมจะเดินออกจากห้อง
แต่เสียงปิดประตูห้องนอนดัง ปัง!!!  ก่อนที่ผมจะเดินออกจากประตูห้องซะอีก
ผมได้แต่ส่ายหัวให้กับความเอาแต่ใจของพี่เชน ก่อนจะตัดสินใจเดินลงมาเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปเรียน
พอมาถึงโรงเรียนผมก็เริ่มบ่นให้ไอ้แฟรงค์กับเพื่อนๆฟังทันที...
 
“กูเบื่อพี่เชนว่ะ”
 
“นึกไงเบื่อ.. กูก็เห็นพวกมึงทำการบ้านกันทุกวัน ดูสิรอยจ้ำมาเต็มตัวเลย”

ไอ้แฟรงค์ไม่พูดเฉยๆนะครับ  ดึงเสื้อผมขึ้นมาดูอีกต่างหาก
มึงจะเปิดให้อาจารย์ด่ากูหรือไงกันละ !!!!
 
“เรื่องนี้กูยอมรับว่าพี่เชนมันดี  คือมันกับกูเข้ากันได้ดีมากๆอ่ะมึง”
 
“พูดไม่อายปากเลยนะไอ้เหี้ยแบงค์”

พี่น้ำน่านเค้าด่าแล้วก็ตบหัวผมเบาๆ ซึ่งผมก็ได้แต่หยักคิ้วกวนตีนกลับไป
ก็คนมันพูดเรื่องจริงนิครับ ... ผมไปรุกคนอื่นมาซะเยอะ พอเจอพี่เชนรุกเข้าใส่...
ไม่รู้ดิ.. ผมว่ามันก็ดีนะ มีความสุขดี ^////^
 
“ในเมื่อมึงก็ดูมีความสุขดี ทำไมมึงมานั่งบ่นพี่เชนแบบนี้ว่ะ”
อุ่นที่ยังถือโทรศัพท์คุยกับพี่ยิมเป็นคนถามผมครับ
ไอ้นี้ก็อีกคน ตั้งแต่เปิดตัวว่ามีแฟน... ติดกันเหนียวหนึ๊บเชียว
 
“พี่เชนระแวงกูมากไป อาทิตย์ก่อนก็โกรธที่พวกเด็กๆกูทักไลน์มาหา แต่มึงเข้าใจไหมวะ
คือกูไม่ได้ทักไปไง พวกมันทักมาเองอ่ะ แล้วทำไมต้องโกรธกูด้วยว่ะ”
 
“เป็นกูนะ กูก็ระแวงว่ะ มึงเมื่อก่อนก็มั่วซะขนาดนั้น ใครจะคิดว่ามึงจะมาหยุดกับพี่เชนละ”

พี่เปอร์สุดหล่อ.. พูดขนาดนี้ด่ากูแรงๆเลยก็ได้นะ - -‘
 
“แต่กูไม่เคยเอาตัวเข้าแลกแบบที่ให้พี่เชนเลยนะ มันต้องภูมิใจสิที่มันเป็นคนแรกของกู”
ผมก็ยังเถียงต่อไปอีก.. ผมยอมให้พี่เชนรุกล้ำเอกราชของผมเลยนะ ทำไมพี่เชนไม่เข้าใจบ้างว่ะ!!!!!
 
“เอางี้ดีไหม? มึงก็พาพี่เชนไปหาเด็กๆของมึง แล้วก็บอกไปตรงๆเลยว่ามึงมีแฟนแล้ว เลิกยุ่งกับพี่ได้แล้ว
พี่เชนจะได้สบายใจด้วยว่ามึงเลือกพี่เชนจริง”

แฟรงค์เสนอขึ้นมา.. ซึ่งผมว่ามันก็ดีนะ ...
 
“แต่ต้องเอาพี่เชนไปด้วยนะ เจอแบบไอ้โชกุนทำกับมึงอีกรอบ กูว่าพี่เชนได้ฆ่าคนตายก่อนแน่ๆ”
หื้ออ.. ไม่ต้องย้ำได้ไหมไอ้แฟรงค์.. พูดเกือบดีแล้วเชียวไปพูดถึงโชกุนทำไมวะ คนแม่งยิ่งอยากจะลืมๆอยู่
 
“แฟรงค์..ถ้ามันต้องไปบอกเลิกทีละคนๆแบบนั้นนะ กูว่าปีนี้ทั้งปีก็บอกไม่หมดหรอก
ไอ้แบงค์วันๆหนึ่งมันไปกับเด็กกี่คนมึงลองนับดูดิ?”
 
“โห้ยยยน้ำน่าน... กูก็ไม่ได้มั่วขนาดนั้นมั้ง ก็มีแค่ 4 คนเท่านั้นแหละที่กูไม่ได้บอกเลิกจริงๆจังๆ
นอกนั้นก็รู้ๆกันว่า เออ.. สนุกๆกันแล้วจบ”

ผมรีบหันไปตอบน้ำน่านทันทีเลยครับ... ถึงผมจะไปกับใครเยอะๆ แต่ก็ไม่ได้จบลงที่เตียงทุกคนนะครับ
 
“มึงก็นัดเจอเด็กของมึง แล้วก็บอกว่ามึงมีแฟนแล้ว พาพี่เชนไปแนะนำแค่นั้น ... จบ!”
 
 
“ถ้ามันง่ายเหมือนที่มึงพูดก็คงดีอะน้ำน่าน.. มึงจะให้กูบอกพวกเด็กๆว่าไงวะ
เออคือ..เลิกติดต่อกันเถอะนะ พอดีพี่มีผัวแล้ว .. ยังงั้นหรอ?

ซึ่งพวกเพื่อนๆผมก็พยักหน้าพร้อมกันหมด....
เดี๋ยวก่อนนะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับที่จะไปบอกคนที่ผมเคยไปเป็นแฟนเพราะเหตุผลแค่ว่าผมมีแฟนแล้ว
และแฟนคนนี้เรียกง่ายๆเลยคือ สามีผม ก็ในเมื่อผมเป็นฝ่ายกระทำทั้งนั้น อยู่ๆมาถูกกระทำ... มันก็มีอายกันบ้างละน๊า!!!!



 
สรุปเรื่องของผมก็ยุติไม่ได้พูดกันต่อ.. เพราะแต่ละคนก็ต่างหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาแฟนของตัวเอง
เพื่อจะนัดเวลาไปรับกันตอนเย็น...   ส่วนผมนะหรอ? จะโทรไปให้พี่เชนบ่นใส่อีกทำไมละ
หยิบมือถือมาโทรหาพี่บีมดีกว่า .. ไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันนานละ
เย็นนี้หนีพี่เชนไปหาพี่บีมดีที่สุด เพราะกลับไปก็ทะเลาะกันอีกอยู่ดี
รอสายไม่นาน.. พี่บีมก็กดรับสาย
 
[ ว่าไงเจ้าตัวแสบ นึกยังไงโทรหาพี่ได้ ]
 
“คิดถึงไง เลยโทรหา.. วันนี้พี่บีมว่างไหม?”
 
[ ถามเหมือนเชนเลย เมื่อเช้าเชนก็โทรมาหาพี่ ]

พี่เชนโทรหาพี่บีมด้วยหรอวะ? หื้มมม คิดจะทำอะไรอีกเนี้ย?
 
“พี่เชนมันโทรไปทำไมครับ”
 
[ โทรมาชวนพี่ทานข้าวนะ งั้นก็มาพร้อมกันเลยดีไหม? พี่นัดเชนทานข้าวที่บ้านนะ ]
 
“เดี๋ยวแบงค์ไป แต่ไม่ต้องบอกพี่เชนนะว่าแบงค์จะไปอะ แบงค์จะไปเซอร์ไพร์พี่เชน”
 
[ ได้สิ .. เราสองคนนี้เล่นอะไรกันอยู่หรือเปล่า ยังไงก็อย่าให้มีเรื่องกันละ แล้วเจอกันที่บ้านนะแบงค์ ]
 
“ครับ.. เจอกันเย็นนี้นะ”

ไอ้พี่เชน.. กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ!!!???
เอาว่ะ.. ลองไปแอบดูท่าทีก่อนละกัน สงสัยไปฟ้องพี่บีมเรื่องเด็กๆไร้สาระนั้นแน่ๆ
 


พอเลิกเรียนผมก็ขอตัวกลับก่อน รีบเรียกแท็กซี่ไปบ้านพี่บีมทันที
ผมว่าผมไปถึงก่อนพี่เชนนะ เพราะผมให้แฟรงค์ถามพี่เจแล้วว่าพี่เชนออกจากมหาวิทยาลัยหรือยัง
ซึ่งพี่เจก็ตอบมาว่ายัง.. เหลือคุยเรื่องโปรเจคกับอาจารย์อยู่
 



 
“มาถึงก่อนเชนเลยนะ คิดจะเล่นอะไรอีกละเรา”
ทันทีที่พี่บีมเปิดประตูบ้านมารับผม ก็รีบถามทันทีเลยครับ
 
“ไม่ได้เล่นซะหน่อย แค่อยากรู้ว่าพี่เชนจะเอาอะไรมาฟ้องพี่บีมเท่านั้นเอง”
ผมก็รีบกอดเอวอ้อนพี่บีมทันทีเลยครับ ผมเหลือกันแค่ 2 คนพี่น้อง
ไม่ให้อ้อนพี่สาวตัวเองแล้วจะไปอ้อนใครที่ไหนละครับ : )
 
“แปลว่าเราดื้อสินะ พี่เชนเลยมีเรื่องมาฟ้องพี่ .. เรานี้จริงๆเลยนะ โตขนาดนี้แล้วแท้ๆทำไมยังดื้อเป็นเด็กไม่ยอมโตอยู่ได้”
พี่บีมบ่นออกมา แต่ไม่ได้บ่นจริงจังมากนัก เพราะผมยังเห็นรอยยิ้มอยู่บนหน้าพี่บีมในขณะที่มือก็ตีไหล่ผม
 
“ผมอ่ะเลิกดื้อแล้ว แต่พี่เชนนะสิไม่ไว้ใจผมซะที”
 
“ก็เรามันใช่ย่อยที่ไหนละ .. ใครจะไปไว้ใจได้ อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะ เด็กๆเรานะเยอะแยะไปหมด”

 
“อย่าบ่นผมเพิ่มอีกคนเลยนะ ช่วยพูดกับพี่เชนให้หน่อยเถอะ แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่”
 
“ดี.. สมน้ำหน้าให้ปวดหัวให้เข็ด”

พี่บีมพูดจบก็เดินเข้าไปทำกับข้าวในห้องครัว ผมเลยถือโอกาสหนีขึ้นมาบนห้องนอน
ซึ่งพี่บีมทำไว้ให้ผม เวลาที่ผมกลับมานอนบ้าน.. ซึ่งตัวผมเองไม่ค่อยกลับมาเท่าไหร่หรอกครับ
อยากให้พี่บีมได้อยู่กับสามีเค้ามากกว่า ผมเลยอาศัยอยู่ที่คอนโดเป็นส่วนใหญ่
 
นอนเล่นไปสักพักผมก็พล็อยหลับไป.. คงเพราะเมื่อคืนโดนไอ้พี่เชนแกล้งสะกิดทั้งคืนนั้นแหละผมเลยนอนไม่พอ
โทษพี่เชนไว้ก่อน 5555 ไม่โทษตัวเองที่เป็นฝ่ายกวนพี่เชนก่อนนะ
มาสะดุ้งตื่นอีกที ก็ตอนที่ได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดในบ้าน
 
“สงสัยพี่เชนมาแล้วแน่ๆ”
ผมรีบลุกไปชะโงกดูตรงหน้าต่างห้อง ก็เห็นพี่เชนกำลังเดินไปปิดรั้วบ้านพอดี
ผมเลยเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ .. เพื่อที่จะแอบลงไปดูพี่เชนข้างล่าง
 
“แล้วนี้แบงค์ไม่มาด้วยกันหรอ?”
ผมได้ยินเสียงพี่บีมถามกับพี่เชน.. พี่สาวผมก็เล่นละครเก่งเหมือนกันนะเนี้ย ฮ่าๆ
 
“ผมไม่ได้บอกนะครับว่าผมมาหาพี่บีม ตอนนี้คงไปเดินเล่นสยามกับพวกเพื่อนๆนั้นแหละ”
นี้พี่เชนเห็นผมเป็นคนยังไงเนี้ยยย.. เค้าเรียนพิเศษที่สยามแค่เสาร์อาทิตย์เว้ยย
จะไปทำบ้าไรทุกวัน .. ถึงเมื่อก่อนจะไปทุกวันก็เถอะนะ
 
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าถึงมาหาพี่ที่บ้าน”
ตอนนี้พี่บีมพาพี่เชนมานั่งคุยที่ห้องรับแขก .. ส่วนตัวผมนั่งอยู่ตรงโซฟาที่ชั้นลอยของบ้าน
ซึ่งจะได้ยินเสียงพี่บีมคุยกับพี่เชนชัดทุกคำเลยครับ
บ้านพี่บีมจะมี 2 ชั้นครึ่งครับ ชั้นล่างเป็นห้องรับแขก ห้องทานข้าว ห้องครัว
พอขึ้นบันได้มาหน่อยจะเป็นชั้นลอย.. ที่มีคอมพิเตอร์ มีโต๊ะโซฟาและมุมหนังสือเล็กๆของพี่บีม
ซึ่งพี่บีมบอกว่าเอาไว้อ่านหนังสือเล่นๆ ก่อนขึ้นห้องนอน
ส่วนชั้น 2 จะเป็นห้องนอนของพี่บีม กับห้องนอนของผม และห้องพระเล็กๆอีก 1 ห้อง
 
“จริงๆก็ไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โตหรอกพี่บีม เพียงแต่ว่าผมรู้สึกว่าช่วงนี้ทำตัวหงุดหงิดใส่แบงค์เยอะไปหน่อย
เลยรู้สึกแย่ๆอะครับ”

หึ.. รู้ตัวด้วยหรอว่าทำตัวไม่ดีอะ ทีอยู่ห้องละก็นะบ่นอยู่ได้
 
“ทุกเรื่องมันต้องมาสาเหตุทั้งนั้นแหละ บอกพี่ได้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร เราถึงหงุดหงิด”
 
“ผมรู้ว่าเมื่อก่อนแบงค์เจ้าชู้มาก มีคนนั้นคนนี้ไปหมด และตอนนี้เค้ามีผมแค่คนเดียว แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่าเค้าจะแอบมีใครอีกไหม เพราะผมไม่ได้ตามเฝ้าแบงค์ตลอด  เฟสบุ๊ค ไลน์ก็ยังมีคนทักมาเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไง  ถึงตอนนี้แบงค์จะอยู่กับผมและมีแค่ผม แต่คนอื่นที่ยังเข้าหาแบงค์ตลอดนี้สิ .. ผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ”

พี่เชนเล่าให้พี่บีมฟังถึงเหตุผลที่พี่เชนหงุดหงิดมาตลอด..
ผมอดที่จะเผลอยิ้มออกมาไม่ได้.. ตัวใหญ่ซะเปล่าคิดมากเป็นเด็กน้อยไปได้ไอ้พี่เชนบ้า!
 
“เป็นพี่เองพี่ก็ไม่วางใจหรอก เพราะฉะนั้นเชนไม่ต้องกังวลไปนะ คนเพิ่งคบกันมันก็ต้องค่อยๆเป็น ค่อยๆไป
จริงอยู่ที่น้องพี่มันเจ้าชู้มาก่อน  แต่มันก็ไม่เคยยอมใครเหมือนที่ยอมให้เชนจริงไหม? เรื่องใครจะรุกจะรับหรือจะเป็นสามีเป็นเมียนี้พี่ไม่ขอพูดละกัน แต่เชนก็รู้ว่าเชนเป็นคนแรกของแบงค์ใช่ไหมละ?”

โอ้ยยนี้พี่บีมพูดอะไรเนี้ย.. ผมแอบฟังตรงนี้ยังนึกอายอยู่เลย
 
“ใช่ครับ” พี่เชนตอบกลับไปพี่บีมไป มาถึงตรงนี้ผมละอยากเห็นหน้าพี่เชนจริงๆเลย
 
“ไว้ใจแบงค์มันได้ เพราะที่ผ่านมาที่มันมีใครต่อใครมากมายนั้นนะ เพราะมันอยากได้ความรัก อยากได้ความสนใจ  ตอนนี้เชนก็ให้มันได้แล้ว มันไม่ไปเรียกร้องหาจากใครหรอก หรือว่าเชนให้น้องชายพี่ไม่ได้?”
 
“ผมให้ได้สิครับพี่บีม .. ตอนนี้ผมทั้งรักทั้งหลงแบงค์ แม่ผมก็รักแบงค์เหมือนกัน นี้แม่ยังบอกให้ผมพามาเจอพี่บีมเลย  เค้าจะมาขอแบงค์ไปดูแลอย่างเป็นเรื่องเป็นราว โทรหาผมก็ถามหาแบงค์ตลอด ... ไม่รู้เหมือนกันนะพี่บีม..  มันเหมือนจะเพิ่งผ่านมาไม่นาน แต่ผมรักแบงค์ รักน้องชายพี่จริงๆนะ ไม่งั้นผมไม่มานั่งกลัวแบบนี้หรอก
เห้อออออ... ไม่รู้จะทำยังไงแล้วอะพี่บีม ไม่ชอบตัวเองเป็นแบบนี้เลย กลัวแบงค์มันรำคาญ และกลัวแบงค์จะเบื่อด้วย”

หื้อออ.. คิดเหมือนกันสินะว่าจะเบื่อนะ
แต่ทำไมผมถึงกลับมองว่าแฟนผมมันน่ารักแบบนี้ละครับ ทั้งๆที่เมื่อเช้าผมยังคิดเบื่อมันจริงๆนั้นแหละ
 
“อืมม  ก็คงต้องให้แบงค์มันทำอะไรๆให้ชัดเจนนั้นแหละเนอะ.. เอ้าๆชัดเจนซะที ระวังแฟนหนีไม่รู้นะ”
พี่บีมพูดเสียงดังกว่าเดิม.. ซึ่งผมคิดว่าพี่บีมคงบอกผมนั้นแหละครับ
ผมเลยชะโงกหน้าลงไปดูเห็นพี่บีมหันมาสบตาผมพอดี .. ผมส่งยิ้มหวานๆกลับไปให้พี่สาวของผม
ก่อนจะเดินขึ้นมาบนห้องนอนอีกครั้ง   ซึ่งตอนนี้พี่บีมคงพาไปพี่เชนไปนั่งทานข้าวในห้องอาหารแล้วนั้นแหละ
 
ทำให้ชัดเจนงั้นหรอ?
ทำยังไงละ?

จะให้ไปบอกทีละคนๆ ก็คงจะไม่ได้หรอก
เพราะถึงบอกน้องที่ผมคิดว่าคบกันจริงๆ 4 คนนั้นมันก็ไม่จบหรอก ต้องมีคนอื่นๆที่ผมเคยคุยแล้วทักมาในไลน์หรือเฟสตลอดแน่นอน   แต่จะให้ทำยังไงละ? ที่จะตัดปัญหาทั้งหมดได้

 
ผมเปิดเฟสบุ๊คขึ้นมา.. เลื่อนๆดูไปเรื่อยๆ จนมาเห็นของน้องเฟรินส์ที่ตอนนี้กำลัง Live สด
โชว์วิธีสอนการบ้านของน้ำน่านอยู่..
 

“วันนี้มาดูครูน้ำน่านสอนการบ้านกันนะคะ เมื่อวานเราสอนถึงการคิดสูตรเคมีไปแล้ว
วันนี้พี่น้ำน่านจะสอนอะไรค่ะ”

ใน Live สดนั้นน้องเฟรินส์หันกล้องไปหาน้ำน่าน ที่ตอนนี้ใส่แว่นและยิ้มอวดฟันสวยๆมาให้กล้อง
ก่อนที่มันจะพูดขึ้นมา .. ซึ่งผมว่าน่าจะเป็นตามที่น้องเฟรินส์สั่งให้พูดนั้นแหละครับ
เพราะเห็นน้องเฟรินส์บอกว่ามันพูดผิด 5555+
 
Live สดงั้นหรอ????
เอาวะ... ทำครั้งเดียวแต่รู้ทั่วกันทุกคน
นี้ถ้าไม่รักไม่จริงจังด้วยไม่ทำหรอกนะไอ้พี่เชน!!!
ชิ๊!!!
 
 


ผมลุกขึ้นไปจัดผมตัวเอง และเสื้อผ้าให้เรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะมานอนคว่ำบนเตียงแล้วหยิบหมอนมารองอกไว้
กดปุ่น Live  ซึ่งเป็นลูกเล่นใหม่ของโปรแกรมสีน้ำเงินสุดฮิต
 
“สวัสดีครับ .. มันเล่นไงอะ 5555+ อ่อนี้มีคนเข้ามาดูแล้วด้วย
เย่ๆ สวัสดีครับทุกคน”

ตอนนี้เริ่มมีคนกดเข้ามาดูแล้วครับ กดทักทายคอมเม้นต์กันมาเพียบเลย
แต่คนที่ผมรอนี้สิ.. ยังไม่เข้ามาซะที ผมรู้หรอกนะว่าพี่เชนกดติดดาวผมไว้
ถ้าผมอัพสถานะอะไรมันต้องแจ้งเตือนแน่นอน
 
“วันนี้เรามีอะไรจะมาสารภาพด้วยแหละ แต่รอก่อนนะ .. น้องชมพูสวัสดีครับ”
นั้นไง.. รายแรกมาแล้ว และผมก็เห็นเด็กๆที่ผมติดพันก่อนที่พี่เชนจะเข้ามาในชีวิตผมเข้ามากันครบเลยครับ
และ.. พี่เชนก็กดเข้ามาดูแล้ว พร้อมๆกับคอมเม้นต์ถามด้วยว่า

“เล่นที่ไหน? ไม่ใช่ห้องเรานิ”
 
“เล่นที่ไหนเดี๋ยวบอก พี่เชนก็ยังไม่กลับห้องไม่ใช่หรอ?”[/b]
ผมพูดออกไปหลังอ่านคอมเม้นต์พี่เชนจบ   ในเมื่อพี่เชนมาแล้ว และคนดูก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆแล้ว
ผมก็ควรพูดต่อซะที ก่อนที่ความอายจะครอบงำ   ผมยังอายเป็นอยู่ครับ  555555+
 
“ก็วันนี้ที่กด Live มาไม่ใช่อะไรหรอก คืออยากจะพูดอะไรหน่อย ช่วงที่ผ่านมาผมยอมรับนะว่าผมนิสัยแย่มาก
ผมคบคนหลายคนพร้อมๆกัน”

พอพูดถึงตรงนี้คอมเม้นต์จากเด็กๆผมเพียบเลยครับ

“คบกับชมพูแล้วใครอีก”

“ใครอีกว่ะ แย่งผัวกูหรอ”

บลาๆ คอมเม้นต์ผมกลายเป็นสงครามขนาดย่อม แต่พี่เชนยังไม่คอมเม้นต์ครับ
 


หลังจากผมนิ่งไปสักพัก .. ผมก็เริ่มพูดต่อ

 
“ซึ่งผมก็อยากจะขอโทษทุกๆคนที่ผมเคยเข้าไปคุยไปจีบและอาจจะล่วงเกินทุกคนไป
ผมไม่อยากขอให้ทุกคนยกโทษให้ผม.. เพราะผมก็รู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันผิดจริงๆ
ผมได้รับการลงโทษมาแล้วจากคนๆหนึ่ง ซึ่งถึงผมจะโกรธเค้า แต่สิ่งที่ผมทำกับเค้ามันก็มากเกินไปจริงๆ
(ตรงนี้ผมพูดถึงโชกุน) ซึ่งในขณะเวลาที่ผมกำลังมัวเมาไปกับเรื่องราวรักๆใคร่ๆนั้น
ผมได้เจอกับคนๆหนึ่ง.. เค้าเหมือนเป็นโอเอซิสท่ามกลางทะเลทราย เป็นเหมือนดวงจันทร์ในคืนที่ฟ้ามืดหม่น
เค้าทำให้ผม.. อยากหยุดอยู่กับที่ .. เค้าทำให้ผมรู้สึกว่า ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
.. ผมรู้ว่าวันนี้เค้าอาจจะยังไม่เชื่อใจผมเต็มร้อย และเค้าอาจจะยังกังวลใจในสิ่งที่ผมเคยทำมาตลอดหลายปี
ผมไม่รู้จะบอกยังไงให้เค้าเข้าใจ ไม่รู้จะพูดยังไงให้เค้าเชื่อใจในตัวผม
ผมเลยตัดสินใจที่จะกด Live สดในวันนี้เพื่อบอกเลิกกับทุกๆคนที่ผมเคยคุย ผมขอความกรุณาจากทุกๆคน
ไม่ต้องทักแชตมาหาผม ไม่ต้องโทรมาหาผม เพราะผมคงคุยกับทุกๆคนแบบเดิมไม่ได้
ผมมีคนที่ผมรักแล้ว.. และผมก็จะไม่นอกใจแฟนผมแน่นอน”

พอพูดมาถึงตรงนี้.. อยู่ๆน้ำตาของผมก็เอ่อล้นออกมา ไม่ใช่ว่าผมเสียใจที่ผมต้องบอกเลิกกับเด็กๆ
แต่ภาพในวันที่ผมโดนโชกุนทำร้าย.. แล้วพี่เชนเป็นคนยืนอยู่ข้างๆผม
พี่เชนไม่รังเกียจผม.. แต่พี่เชนโอบกอดผมไว้ด้วยสัมผัสที่ผมได้รับมันแตกต่างจากทุกๆคนที่ผ่านมา
 
“พี่เชน.. กำลังดูอยู่ใช่ไหม?  แบงค์รู้ว่าพี่เชนอาจจะยังไม่เชื่อใจแบงค์ .. แบงค์ไม่ขอสัญญาหรอกนะว่าจะไม่มีใคร  หรือจะไม่ทำให้พี่เสียใจ เพราะแบงค์ไม่รู้ว่าแบงค์จะทำมันได้ไหม? แต่แบงค์กล้าพูดได้เลยนะว่าวันนี้ ตอนนี้แบงค์รักพี่เชนและแบงค์มีพี่เชนคนเดียว..  ทุกวันนี้แบงค์กอดพี่เชนคนเดียว แบงค์นอนกับพี่เชนแค่คนเดียว.. และทุกๆคำว่ารักแบงค์ก็บอกแค่พี่เชนคนเดียวจริงๆ”
 

คนที่ดูผม Live อยู่ก็คอมเม้นต์กันมาเยอะมากครับ ทั้งเห็นใจผม ทั้งให้กำลังใจ
ส่วนที่ด่า และขอให้เวรกรรมลงโทษผมก็เยอะมากเช่นกัน TT’
ขณะที่ผมกำลังเช็ดน้ำตาตัวเอง และเลื่อนอ่านคอมเม้นต์ไปด้วยทั้งๆที่ยังไม่ได้กดปิด Live สดนั้น
พี่เชนก็เปิดประตูห้องนอนเข้ามา แล้วโถมตัวลงมากอดผมที่นอนคว่ำอยู่บนที่นอน

 
“พี่รักแบงค์นะ.. ขอโทษที่หงุดหงิดใส่ ก็พี่ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับคนของพี่
พี่หวงแบงค์ ไม่อยากให้ใครได้ยินเสียง ไม่อยากให้ใครมาเห็นรอยยิ้มของแบงค์.. ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้นะครับ”

พี่เชนพลิกตัวผมขึ้นมาให้ผมนอนอยู่บนตัวพี่เชน,, และพี่เชนก็โอบกอดผมไว้แน่นเลยครับ

“ขอโทษเหมือนกันที่ไม่ชัดเจนและปล่อยให้เรื่องราวเป็นแบบนี้.. ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าแบงค์รักพี่เชนคนเดียวอะ”

พี่เชนยกยิ้มแสนหล่อให้ผม ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาจูบผมเบาๆ
 
“รู้แล้วครับ”
 
และพี่เชน.. ก็เป็นเสือร้ายที่จ้องจะกินเหยื่อตัวน้อยๆแบบผม มันพลิกผมลงไปนอนกับที่นอนก่อนจะคร่อมตัวผมไว้
แล้วก้มหน้าลงมาซุกไซร้ที่ซอกคอขาวๆของผม.. ซึ่งผมเกือบจะเคลิ้มแล้วครับถ้าไม่ได้ยินเสียงพี่บีมดังขึ้นที่หน้าห้อง

 
“ไอ้แบงค์.. แกยัง Live สดอยู่เว้ยย อย่าเพิ่งปล้ำกัน.. ฉันไม่อยากดู”
พอพี่เชนมันได้ยิน ก็รีบหยิบมือถือของผมขึ้นมาดู ก่อนจะยกยิ้มกวนตีนใส่ให้กล้อง
 
 

“สวัสดีครับ.. ผมเชนนะครับ เอาเป็นว่าพวกริ้นไรที่มาตอดมาดอมมาไต่แฟนผมก็ไปกันให้พ้นๆได้แล้วเนอะ..
มีปัญหาอยากเคลียร์ก็ทักผมมาได้ เพราะคนๆนี้อะ.. ของผม”

พี่เชนเบนกล้องมาที่ผมที่นอนหน้าแดง และกระดุมเสื้อนักเรียนเริ่มจะหลุดหายไปจากแรงดึงของพี่เชน
 



 พี่เชนก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง ก่อนจะกดปิด Live และกดปิดเครื่องมือถือของผมทันที
 
“พี่เชนแม่งงง.. นิสัยเสียว่ะ”

ผมอดด่าพี่เชนมันไม่ได้ เพราะมันดันถ่ายทอดสดตอนจูบผมลงในเฟสบุ๊ค
ป่านนี้คอมเม้นต์แม่งงง.. คนถล่มเพียบแน่ๆ

 
“นิสัยเสียแล้วรักไหมละ”
ดูมันสิครับ.. ได้ยินชัดเต็มสองหูแล้วยังมาลอยหน้าลอยตาถาม
คิดว่าผมจะตอบหรอครับ? หึ.. คิดผิดซะแล้ว
ระดับแบงค์อะ.. ให้ร่างกายตอบดีที่สุด ^^
ผมโน้มคอพี่เชนลงมา ก่อนจะจูบพี่เชนกลับไป
ซึ่งผมเคยบอกแล้วไงครับ.. ว่าผมกับพี่เชนเป็นคนที่เข้ากันได้ดีที่สุด
ในเมื่อผมตอบพี่เชนด้วยภาษากาย.. พี่เชนก็ตอบกลับผมด้วยภาษากายเช่นกัน...
 
 



ล้างบางเด็กๆกิ๊กๆกันจนหมดซะที.. ขอบคุณลูกเล่นดีๆจากมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กด้วยนะครับ
 

-----------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่าาาา ^___^
เราหายไปนานเลยใช่ไหม? คือ ตอนนี้เรากำลังป่วยและเข้า รพ. บ่อยมากกกก
คือ เข้าทุกอาทิตย์เลยละ เลยจะยังไม่ได้อัพนิยายเรื่องอื่นๆที่ค้างไว้นะคะ
มีอะไรสอบถามเพิ่มเติมได้ในเพจ Mynameis น่ะ

รักมากนะคะ
มายเนมอีส ❤
 

 
 
 
 
 

ออฟไลน์ moujay

  • ◕‿◕mynameis
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 621
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Mynameis/1394215804239996
ดื้อไม่รัก

 

Part  Chain



เคยได้ยินคนอื่นๆพูดกันว่า.. ก่อนคบกันนะมักจะดีแสนดี

แต่หลังจากคบกันไปนานๆแล้วเริ่มจะออกลายตัวตนจริงๆ

เมื่อก่อนผมไม่เชื่อครับ เพราะไม่ได้คบใครจริงๆจังๆมานานมากแล้ว

แต่ตอนนี้.. ผมเชื่อครับ!


ตั้งแต่คบกับแบงค์มา.. นับวันที่ห่างกันได้เลย

เพราะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด

โชคดีที่ว่าเรามีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เพื่อนผมไอ้เจนะก็เป็นแฟนน้องแฟรงค์

ซึ่งไอ้แฟรงค์ก็เป็นเพื่อนสนิทของแบงค์อีกเช่นกัน

ไปเที่ยว ไปกินเหล้า ไปเมาที่ไหนพวกเราเลยไม่ได้ห่างกันเลย

แต่ช่วงนี้ผมต้องกลับบ้านบ่อยมากขึ้น เพราะแม่ผมทำบ้านใหม่

แล้วคือบ้านผมไม่มีผู้ชาย เพราะคุณพ่อเสียไปนานแล้ว ไม่ว่าจะกระเบื้องลายไหน ปูนยี่ห้อไหน

เลยกลายเป็นหน้าที่ของผม...



วันแรกๆที่บอกว่าผมต้องกลับบ้านนะ แบงค์ยังไม่งอแงเท่าไหร่

ถือว่ายังคุยกันรู้เรื่อง....



“แบงค์.. เดี๋ยวเสาร์นี้พี่ไปบ้านแม่นะ แม่จะกั้นทำห้องรับแขกเพิ่มนะ”

ผมบอกกับแบงค์ในเช้าวันพฤหัสบดี ที่ผมมีเรียนบ่าย แต่ต้องตื่นไปส่งแบงค์ที่โรงเรียน


“อยากไปด้วยอะ แต่มีเรียนพิเศษ”
แบงค์ทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะยกนมในมือขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วเอาไปล้าง


“เอาไว้ทำบ้านเสร็จค่อยไปละกัน ไปตอนนี้ก็ไม่รู้จะนั่งตรงไหน แม่ทุบผนังตรงโรงรถออกหมดเลย

ข้างล่างไม่มีที่นั่งเลยละมั้ง”


ผมพูดไปพรางก็คิดถึงภาพบ้านไปด้วย .. ไม่รู้แม่จะขยายบ้านทำไมเพราะก็เพิ่งต่อเติมโรงรถเมื่อไม่นานมานี้เอง


“ก็ได้ๆ ทำเสร็จแล้วพาไปด้วยนะอยากไปหาแม่ คิดถึงขนมหวานข้างๆบ้านพี่เชนด้วย อร่อยมาก”

“หื้ออสรุปคิดถึงแม่พี่ หรือคิดถึงของกินกันห๊ะ”


เจ้าตัวแสบแลบลิ้นออกมา ก่อนจะพากันเดินไปที่รถเพื่อที่จะไปส่งแบงค์ที่โรงเรียน


“พี่มารับเย็นๆนะ” แบงค์พยักหน้ารับ ก่อนจะรีบลงจากรถเพื่อข้ามถนนไปหาเพื่อนที่ยืนรออยู่หน้าประตู

ผมได้แต่มองตามแบงค์ที่วิ่งเข้าโรงเรียนไป มีรุ่นน้องทักทายไปตลอดทาง

เห้อออ.. มันหล่อครับ แล้วยังทะเล้นอีกเลยเป็นที่รักของใครๆซะเยอะแยะเลย

ตั้งแต่มัน Live สดวันนั้นนึกว่าเด็กมันจะหาย โหยยยให้ตายเถอะครับ

กลายเป็นว่ากระแสพี่แบงค์คนแมนมาเต็มเลย.. น้องๆต่างหลงรักที่พี่แบงค์กล้ายื่นอกแมนๆบอกรักแฟนหน้าเฟส

แต่เดี๋ยวนะ.. น้องๆลืมอะไรกันไปไหมมมมมมมม

ว่าแบงค์มีแฟนแล้ว


“ทำทุกทางเพื่อบอกเลิกเด็กๆแล้วนะ เค้าไม่เลิกเองอะ พี่ไว้ใจผมเถอะผมรักพี่คนเดียว”

คำพูดของแบงค์ พร้อมๆกับภาษาบอกรักทางกายที่คนรู้มากมอบมาให้ผม

ทำให้ผมลืมโกรธไปได้.. แต่ก็มีมาให้หงุดหงิดใจทุกวันนั้นแหละครับ

แต่สารภาพนิดหนึ่ง.. ผมชอบตอนที่แบงค์พยายามทำให้ไว้ใจ

ภาษาบอกรักของแบงค์.. คือดีอะ 5555+



พอมาเย็นวันศุกร์... วันที่ต้องกลับบ้าน


“กลับวันอาทิตย์ใช่ป่ะ” แบงค์ที่นอนมองผมเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเป้ถามขึ้นมา


“อืม จะเที่ยวไหนหรือไงถึงถามเนี้ย” ผมอดไม่ได้ที่จะโถมตัวเข้าไปกอดรัดคนตัวเล็กที่มันก็ช่างจะรู้ใจ

อ้าแขนรับตัวผมเข้าไปกอด ก่อนจะซุกหน้าลงที่ซอกคอของผม


“คิดว่ามีแรงเที่ยวไหม? ส่งท้ายมันซะขนาดนี้?”

คนตัวเล็กยังพูดจากวนตีน แต่การกระทำตอนนี่สวนทางสุดๆ เพราะปากซนๆที่พูดเสร็จแล้วก็ดูดดึงเนื้อขาวๆตรงซอกคอผม


“อืมม เดี๋ยวก็ไม่ได้กลับบ้านกันพอดีละ” ผมบ่นเบาๆแต่คนตัวเล็กกลับชอบใจ


“ดีสิ นอนกับแบงค์อีกคืนพรุ่งนี้เช้าค่อยไป”

 
“ไม่ได้หรอก แม่นัดช่างมากินข้าวคืนนี้ เดี๋ยวต้องรีบไปแล้วเนี้ย”

 
“ได้แล้วก็ทิ้งขว้าง จะไปไหนก็ไปเลย”
ดูสิครับ.. แบงค์ของเด็กๆทั้งหลาย

ตอนนี้กลายเป็นแบงค์ที่ขี้งอนซะเหลือเกิน


“แล้วพี่จะรีบกลับมาหานะ อย่าดื้อละรู้ไหม?”

ผมจำใจต้องผลักตัวเล็กที่กอดผมไว้แน่นออก เพราะไม่งั้นผมนี้แหละจะใจอ่อนไม่ยอมกลับบ้านแน่ๆ


“ไปไหนก็ไปเลย”

บ่นเสร็จแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้น เดินเปลือยร่างเปล่าแบบนั้นเข้าไปอาบน้ำ


“พี่ไปละนะ มีอะไรโทรหาพี่นะ.. รู้ไหมเนี้ย”

ผมยังเดินตามไปเคาะประตูห้องน้ำบอกกับแบงค์

เอาจริงๆก็ไม่อยากไปเลย.. ห่วงเจ้าตัวเล็กนี้ก็ห่วง แต่ก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ลูกชาย


“รู้แล้วนะ ถ้าออกไปยังเห็นนั่งอยู่ในห้องละก็.. ไม่ต้องได้ไปกันพอดี”

แบงค์ตะโกนออกมา ผมได้แต่ถอนหายใจเบาๆแล้วตัดสินใจเดินออกจากห้อง

แล้วรีบขับรถกลับบ้านที่อยุธยา .. ถึงบ้านไวก็ได้โทรคุยกับแบงค์ไวๆ



ทำไมถึงห่วงแบงค์นะหรอ?

ก็ที่ผ่านมาที่มันมีคนนั้น คนนี้ตลอดเวลาเพราะมันเหงา และมันคิดว่ามันอยู่ตัวคนเดียวไงละ

มันเลยต้องหาความรักจากคนโน้นคนนี้ตลอด

ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้ใจแบงค์นะ.. แต่เรื่องที่โชกุนทำกับแบงค์ด้วยแหละมันเลยยิ่งทำให้ผมยิ่งเป็นห่วง



สองทุ่ม.. ผมก็ขับรถเข้ามาในบ้าน

แม่กับช่างที่จะมาทำบ้านยังนั่งทานข้าวกันอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน


“สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับลุงใหญ่”

ผมเดินลงไปสวัสดีแม่ และลุงใหญ่ที่จะมาเป็นช่างทำบ้านให้ผม


“มาๆนั่งกินข้าวก่อน ลุงใหญ่มานั่งรอได้สักพักแล้วละ”

แม่ลุกขึ้นไปหยิบจานข้าวมาให้ผมเพิ่ม ซึ่งลุงใหญ่ก็เทเหล้าใส่แก้วให้ผมทันที


“โหวววลุงใหญ่..  ไม่ให้ผมได้รักษาหน้าตาเลยนะครับลุง.. แม่ก็รู้พอดีว่าผมชอบดื่มเหล้า”

 
“น้อยๆหน่อยเถอะเจ้าเชน .. แม่แกนะหรอไม่รู้ว่าแกดื่ม เหล้านี้แม่แกก็เตรียมไว้บอกว่าเอาไว้กินกับแก”


อ้าวว.. อดทำตัวเป็นลูกชายแสนดีเลย


“ดีแตกไปนานแล้ว ทำไมแม่จะไม่รู้ละ.. ทานข้าวก่อนแล้วค่อยดื่มนะเชน”

ผมหันไปยกมือขอบคุณแม่ ก่อนจะลงมือทานข้าวแล้วก็คุยเรื่องต่อเติมบ้านกับลุงใหญ่

กว่าลุงใหญ่จะยอมเลิกดื่มและกลับบ้านก็ปาเข้าไปเกือบ 5 ทุ่ม

ผมรีบหยิบมือถือขึ้นมาดูทันที.. เพราะสัญญากับคนตัวเล็กไว้ว่าถึงบ้านจะรีบโทรหา

ตายละ... 25 misscall

ผมรีบกดโทรกลับไปทันที.. รอสายไม่นานคนปลายสายก็กดรับสาย


[ว่า]

 
“มาถึงบ้านแล้วแม่ชวนทานข้าวนะเลยไม่ได้โทรบอก”

 
[ อือ แม่บอกแล้ว ]

 
“โทรหาแม่หรอ”

 
[ แล้วโทรไม่ได้หรือไง นึกว่ารถชนตายไปแล้วซะอีก จะได้หาแฟนใหม่ ]

 
“ปากนี้นะ.. น่าโดนจูบจริงๆ อาบน้ำยัง?”

 
[ นี้จะเที่ยงคืนละ ใครจะปล่อยให้ตัวเองนอนเน่าตายละ ]


งอนชัวร์!

เสียงงอแงแบบนี้ พูดจาชวนทะเลาะแบบนี้ .. ผมกลับนึกสนุก

เพราะรู้ว่าคนปลายสายตอนนี้ต้องนั่งทำหน้างอ ปากยื่นๆแน่นอน


“งั้นนอนเถอะ พี่จะไปอาบน้ำนอนแล้ว”

 
[ โทรมาแค่นี้อะนะ ]

 
“อืมดิ”

 
[ หึ ]

นั้นไง.. หึ! แล้วกดวางสายไปแล้ว

กดโทรกลับไปก็ปิดเครื่องเรียบร้อย....

เจ้าเด็กขี้งอนเอ้ยยย!!


ผมได้แต่นั่งยิ้มให้กับความขี้งอน และงอแงของแบงค์

ก่อนจะรีบพาตัวเองไปอาบน้ำและเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นไปซื้อของมาทำบ้านแต่เช้า

และมันก็เป็นไปอย่างที่คิด คือ วันเสาร์ผมยุ่งทั้งวัน ไหนจะต้องคุยเรื่องแบบที่จะทำ

ไหนจะต้องไปซื้อของในตัวเมือง กว่าจะได้ขึ้นโครงร่างกันจริงๆก็เกือบบ่าย

ซึ่งมันทำให้ผมลืมโทรไปหาเจ้าตัวเล็กที่แสนงอน...


“เชนโทรไปหาน้องบ้างยัง ป่านนี้รอสายแย่แล้วละมั้ง”

แม่บอกกับผมตอนที่ยื่นน้ำดื่มเย็นๆให้

ผมหันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังห้องก็เห็นว่ามันห้าโมงเย็นแล้ว

แบงค์น่าจะเลิกเรียนพิเศษแล้วละ ตอนนี้อาจจะไปซ้อมดนตรี หรืออาจจะไปเดินเล่นกับพวกเพื่อนๆต่อ


“เอาไว้หกโมงเย็นค่อยโทรไปดีกว่าครับ เผื่อน้องซ้อมดนตรีอยู่”

ผมตอบแม่เสร็จก็เดินไปดูช่างทำบ้านต่อ กลับเข้ามาหาแม่อีกทีก็เกือบๆ 1 ทุ่ม

หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาแบงค์ ก็เจอกับบริการรับฝากข้อความ

และวันนี้ยังไม่มีข้อความ หรือสายโทรเข้ามาจากแบงค์เลย

เอ๊ะ.. นี้งอนข้ามวันขนาดนี้เลยหรอ?

ผมกดโทรหาแฟรงค์ .. ซึ่งน่าจะอยู่กับแบงค์นั้นแหละวันนี้มันมีเรียนพิเศษด้วยกันนี้หว่า


[ ว่าไงพี่ ]

เสียงแฟรงค์รับสาย แต่ก็ยังพอให้ได้ยินเสียงพวกเพื่อนๆแฟรงค์ดังมาจากข้างๆ

แสดงว่าน่าจะอยู่ด้วยกันแน่นอน


“เมียกูอ่ะ”

 
[ โหววโทรหาเมียแล้วโทรมาหาผมทำไมละครับ ]

 
“ก็กูโทรหามันไม่ติดนี้หว่า เลิกเรียนพิเศษละทำไมไม่กลับบ้านกันว่ะ”

[ ไอ้แบงค์ไม่ได้มาเรียนพิเศษนะพี่ .. พวกผมมาบ้านพี่เจกัน มากันทั้งกลุ่มเลยขาดก็แต่แบงค์เนี้ยแหละ ]

 
“อ้าวว แล้วมันไปไหนวะ”

 
[ เมียพี่หายไปไหนพี่ยังไม่รู้ แล้วพวกผมจะรู้ไหมละเนี้ย สงสัยไปกับเด็กๆมันละมั้ง ]


ถ้าจะเตะปากแฟนเพื่อนนี้เพื่อนจะโกรธไหมครับ?


“เดี๋ยวกูก็ปล้ำเมียมึงซะนี้ไอ้แฟรงค์ ไปตามเพื่อนมึงให้เจอเลยนะ แล้วโทรบอกกูด้วย”

แฟรงค์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา.. ผมได้ยินแต่เสียงหัวเราะชอบใจของมัน

ก่อนที่เสียงคนปลายสายจะเปลี่ยนเป็นเสียงเพื่อนของผม


[ อะไรของมึง โทรมาโวยวายเครื่องน้องเนี้ย ห๊ะ? ]


หื้ออ แบบนี้ละหวงแฟน โทรหาไม่ได้เลย อยู่ๆก็เกิดหมั่นไส้เพื่อนตัวเอง


“หวงผัวจริงเลยนะคุณเจ .. เออ แล้วเห็นเมียกูบ้างไหมวะวันนี้”

 
[ ไม่เห็นนิ ก็ถามกับพวกมันอยู่มันบอกแบงค์ไลน์หาแค่ว่าปวดตัว จะนอนพัก ]

 
“อืม สงสัยอยู่ห้องมั้งเดี๋ยวกูโทรเข้าไปห้องก็ได้ แล้วนี้มึงมีงานไรกันถึงนัดรวมตัวเนี้ย”
 

[ แฟรงค์มันชวนเพื่อนมาติวฟิสิกห์ เห็นว่าวันจันทร์จะสอบนะ ]


อ้าววว.. แล้วแบงค์ไม่ยอมมา?


“โอเคๆ เดี๋ยวกูตามแบงค์ก่อน งอนไรอีกไม่รู้ว่ะ”

 
[ มึงมันพวกชอบแกล้ง กูละอยากให้น้องแบงค์งอนมึงนานๆ เออ.. เจอน้องแล้วก็อย่าไปกวนตีนน้องมันมากละ ]

 
“ครับผม ใครจะดีแสนดีแบบครูเจกับน้องแฟรงค์ละครับ เออ..แค่นี้นะแล้วเจอกันวันจันทร์”


ผมวางสายจากเพื่อนสนิท ที่เคยเป็นอดีตคนที่ผมแอบชอบ 5555 ผมชอบมันแบบไหนผมยังไม่รู้ตัวเลยครับ

แล้วคืนแรกที่มีอะไรกับแบงค์ ผมเผลอไปเรียกชื่อมันได้ไงไม่รู้

ดีนะ.. แบงค์มันไม่เก็บมาคิดมาใส่ใจมากเท่าไหร่ ไม่งั้นมีหวังผมได้ปวดหัวตายแน่ๆ


ผมกดโทรเข้าเบอร์ห้อง.. ก็ไม่มีคนรับสาย

นี้.. จะเล่นกันแบบนี้ใช่ไหม? เจ้าเด็กดื้อ!!!!!

งอนแล้วปิดหนีทุกช่องทางเลยหรือไงกัน?

เอาวะ.. พรุ่งนี้ค่อยกลับไปง้อก็ได้ละมั้ง?

วันนี้ผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เลยตัดสินใจกลับเข้าไปอาบน้ำและนอนพัก


ตื่นมาเช้าวันอาทิตย์ผมก็มัวแต่ยุ่งกับการพาแม่ไปเลือกลายกระเบื้อง ไม่ทันได้โทรหาแบงค์ก่อน

จนเกือบๆสี่โมงเย็น แม่ก็บอกให้ผมกลับกรุงเทพได้แล้ว และไม่ลืมย้ำว่าอาทิตย์หน้าให้พาแบงค์มาด้วย


“อาทิตย์หน้าพาน้องมาด้วยนะ แม่คิดถึง”

 
“ครับๆ อาทิตย์หน้าจะพามันมาด้วย ป่านนี้งอนผมแย่แล้วละไม่ได้โทรหาทั้งวันเลย”


ผมก้มลงไปหอมแก้มแม่ ก่อนจะยกมือไหว้แม่อีกครั้ง แล้วก็รีบขับรถกลับเข้ากรุงเทพ

ระหว่างทางก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อโรตีสายไหมของโปรดของเจ้าตัวเล็กกลับไปฝากด้วย


ผมขับรถมาถึงคอนโดแบงค์เกือบๆสามทุ่ม

พอเข้ามาในห้องก็ต้องแปลกใจ.. เพราะคนที่ผมคิดว่าจะนั่งหน้างออยู่ในห้องนั้นกลับไม่มี

ไฟในห้องปิดสนิททุกดวง .. ที่นอนที่จัดเป็นระเบียบเรียบร้อยเพราะแม่บ้านเข้ามาเก็บห้องให้

ก็ยังเป็นระเบียนเรียบร้อยเหมือนไม่มีคนมานอน


“หายไปไหนวะ”

 

ผมรีบกดโทรเข้ามือถือแบงค์ทันที ก็ยังเจอฝากข้อความเหมือนเดิม

นี้.. โกรธอะไรขนาดนั้นวะเนี้ย!!!

ถ้าหายไปแบบนี้.. คงไปบ้านพี่บีมแน่ๆแหละ เพราะเหลือที่เดียวแล้วด้วย

ผมรีบต่อสายไปหาบีมทันที.. แต่ก็ต้องผิดหวัง


“แบงค์ไม่ได้มาที่บ้านเลยเชน .. งอนกันอีกแล้วหรอ? เอานะ.. คงนอนบ้านเพื่อนคนไหนนั้นแหละ

เดี๋ยวหายงอนคงกลับมา ปล่อยๆมันไปเถอะ”


พี่บีมตอบกลับมาอย่างใจเย็น TT นี้..พี่ไม่ห่วงน้องเลยหรอครับ?

แต่ผมนี้สิ.. ใจเย็นไม่ไหวแล้ว.. มันหายไป 2 วันแล้วนะ!!!!

ผมพยายามนึกหาที่ๆแบงค์จะไป แต่ก็ไม่รู้ว่าแบงค์จะไปที่ไหน

โทรหาเพื่อนทุกๆคนก็ตอบมาเหมือนกัน คือ ไม่รู้ว่าแบงค์ไปไหน

แบงค์ไลน์บอกแค่.. ปวดตัวจะนอนพัก

แล้วนี้มึงไปพักที่ไหนละครับไอ้ตัวเล็ก!!!!



ผมนั่งรอแบงค์ไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปเกือบๆ ตี 2

แบงค์ก็ยังไม่กลับมา .. ผมเริ่มกระวนกระวายใจมากขึ้นเรื่อยๆ

มันจะหายไปไหน? มันจะไปนอนกับใครงั้นหรอ?

โกรธกันจนถึงขั้นหนีกันไปแบบนี้เลยหรือไงกัน?

โอ้ยย ไม่รอแล้วเว้ยย!!!

แล้วความอดทนที่ผมมีก็หมดลง.. ผมหยิบเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแล้วกลับไปนอนที่คอนโดตัวเอง

งอนอะไรไม่รู้แล้วหายไปแบบนี้.. มันทำได้ผมก็ทำได้เหมือนกัน

เพราะมัวแต่รีบออกจากห้อง.. จนลืมมองกุญแจและคีย์การ์ดสำรองที่เคยให้แบงค์ไว้

ว่าตอนนี้.. มันได้หายไปจากที่ๆมันเคยอยู่







ดื้อแค่ไหนต้องรัก ​

Part BANK






“ โทรมาแค่นี้อะนะ “

 
[ อืมดิ ]

 

“ หึ!!  “


พูดมาได้ไงว่าลืม.. ถ้าคิดถึงจริงๆก็ต้องโทรมาดิ

พี่เชนแม่งง.. ไม่รักษาสัญญา!

แล้วโทรมาหาก็ไม่ถามด้วยว่าเมื่อยตัวไหม เจ็บบ้างไหม กินข้าวหรือยัง

นิสัยไม่ดี !! ไอ้พี่เชน.. ไอ้บ้า!!!!

หลังจากวางสายจากพี่เชนแล้วผมก็กดปิดมือถือทันที

รู้แหละว่าพี่เชนยุ่ง.. และก็มัวแต่คุยงาน

แต่มันก็น้อยใจไง.. น่าจะโทรมาหากันก่อนที่จะกินเหล้าก็ได้นี้หว่า

เมื่อเย็นก็จัดเต็มใส่ซะขนาดนี้ คนเราก็ต้องเจ็บต้องอักเสบต้องมีไข้บ้าง

ทำไมไม่ห่วงกันบ้างละ.. ตัวเองใส่มาไม่ยั้งขนาดนั้น

ที่บ่นๆมาคือผมแค่เรียกร้องความสนใจครับ

ก็วันนี้พี่เชนไปรับผมตั้งแต่บ่าย 2

กลับมาถึงห้องก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรเลย ทั้งกอดทั้งฟัดผมซะเต็มที่


“พี่จะกลับบ้าน 2 วัน ขอกอดให้หายคิดถึงหน่อยนะ”

คนบ้าอะไร.. ขอกอดแต่ทำอย่างอื่นด้วยเนี้ย ผมก็ไม่ใช่เด็กใสซื่อฮ่ะ

ตำราแฟนรักแฟนหลงก็หาอ่านมาซะเยอะ.. เลยยอมและเอาใจเต็มที่

แต่ก็อยากให้พี่เชนกอด ให้พี่เชนเอาใจเยอะๆอยู่ดีอะ

เห้ออ.. แล้วเอาไงละ

ผมนั่งมองห้องที่ตัวเองเคยอยู่คนเดียวได้มาหลายปี.. แต่ทำไมในคืนนี้ห้องๆนี้มันดูกว้างเหลือเกิน

คิดถึงพี่เชน TT’

ล้มตัวลงนอนได้สักพักก็นึกขึ้นได้ว่าพี่เชนเคยให้กุญแจห้องและคีย์การ์ดคอนโดพี่เชนไว้นี้นา

ผมเลยรีบเปิดลิ้นชักและค้นหากุญแจทันที...

เย้!! ยังอยู่นี้หว่า .. ย้ายตัวเองไปนอนเล่นห้องพี่เชนดีกว่า

อยู่นี้ก็เหงา.. ไปนอนห้องพี่เชน ห้องๆที่มีกลิ่นพี่เชนดีกว่าเนอะ : )

พูดไปก็อายตัวเอง... นี้ผมกลายเป็นคนติดแฟนขนาดนี้เลยหรอเนี้ย?

ผมรีบเก็บเสื้อผ้าแล้วนั่งแท็กซี่ไปคอนโดพี่เชนทันที

พอไปถึงก็ต่อเกมส์ Play ของพี่เชนเล่น .. เคยอ้อนให้พี่เชนเอาไปไว้ที่คอนโดเหมือนกัน

แต่พี่เชนบอกว่าผมจะเอาแต่เล่นเกมส์แล้วไม่สนใจพี่เชน

ก็เลยต้องทิ้งไว้ที่ห้องพี่เชน .. ถ้ามาค้างที่นี้ถึงจะได้เล่น

ไหนๆก็นอนคนเดียวไม่ค่อยหลับ.. เล่นเกมส์โต้รุ่งกันดีกว่า

เพราะว่า..เอาแต่เล่นเกมส์จนเช้าก็เลยไปเรียนพิเศษไม่ไหว

บวกเข้าด้วยกับสภาพร่างกายที่โดนพี่เชนขอกอดมา.. ทำให้เป็นไข้และระบมสุดๆ

ผมเลยได้แต่ไลน์ไปบอกเพื่อนๆว่าไม่ได้ไปเรียนพิเศษ.. กะว่าจะโทรอ้อนพี่เชน

แต่มือถือดันแบตหมด T_____T

คิดถึงพี่เชนง๊า.. ทำไมต้องมาหมดตอนนี้ด้วยวะเนี้ย

จะกลับคอนโดตัวเองตอนนี้ก็แทบจะไม่มีแรง ทั้งง่วงทั้งป่วย

ผมเลยตัดสินใจนอนที่ห้องพี่เชนต่อ... ตื่นมาก็ต้มมาม่า กินยาแล้วก็นอน

พอเช้าวันอาทิตย์.. คิดว่าตัวเองน่าจะดีขึ้นแล้ว แต่ก็เปล่าเลย

ร่างกายมันประท้วงสุดๆ.. เพราะแทบจะเดินไม่ไหวกันเลยทีเดียวละ

แค่เดินออกมาต้มโจ้กกินขายังสั่นจนแทบจะเดินไม่ไหว


“แล้วพี่เชนมันจะรู้ไหม?? ว่าผมอยู่ที่นี้...

ฮึก.. ไม่น่าเลยไม่น่าดื้องอแงมานอนห้องพี่เชนแล้วไม่บอกก่อนเลย

คิดถึงพี่เชนจะบ้าตายแล้วนะ.. ไอ้ร่างกายบ้า บ้า บ้า!!

ทำไมมาอ่อนแอแบบนี้วะ... พี่เชนนนน... แบงค์ไม่ไหวแล้วนะ คิดถึง!!”


ผมทำได้แต่ร้องไห้โวยวายให้กับความงอแงบ้าบอของตัวเอง

ที่นึกอยากจะมาก็มา อยากจะไปไหนก็ไปโดยไม่ได้บอกพี่เชนก่อน

พอป่วยก็ติดต่อใครไม่ได้.. โทรศัพท์ห้องพี่เชนก็พังยังไม่ได้ซื้อมาติด

ที่มันพังก็เพราะผมนี้แหละ.. ทะเลาะกับพี่เชนครั้งก่อนเลยปาลงพื้น - -‘

ผมดื้อเอง.. ผมงอแงเองครับ



ผิดไปแล้วววววว TT

ผมทำได้แค่นอนร้องไห้ และพึมพำๆด่าตัวเองไป

เพราะฤทธิ์ไข้และเพราะยาที่ทานเข้าไปทำให้ผมผล็อยหลับไปในที่สุด

มารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะมีผ้าเย็นๆลูบไล้ตรงซอกคอ


“อืออ.. หนาว”

ผมพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากมือเย็นๆ และผ้าเย็นที่พยายามจะเช็ดตัวผม

แต่เดี๋ยวก่อน.. ผมนอนคนเดียวไม่ใช่หรอ?

พอคิดได้ก็รีบลืมตาขึ้นมา... เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย

ถึงจะทำหน้าดุๆ.. แต่สายตาที่ห่วงใยแบบนี้มีแค่คนเดียวครับ


“พี่เชน.. กลับมาแล้วหรอ”

 

“ไม่ต้องมาเรียกเลย หายไปไหนก็ไม่บอก แล้วหนีมานอนป่วยที่นี้ได้ไงกัน”

ทำไมเสียงดุๆจากพี่เชนมันกลายเป็นเสียงที่ไพเราะขนาดนี้นะ?


“แบงค์คิดถึงพี่เชนนะ” ผมขยับตัวเข้ามาหาพี่เชน ก่อนจะขยับตัวมากอดเอวพี่เชนไว้

พี่เชนถอนหายใจออกมา ก่อนจะวางผ้าเย็นไว้บนโต๊ะข้างที่นอน

แล้วจับตัวผมนอนบนที่นอนดีๆ


“คนดื้อ.. ไม่อยากกอดเลย”


พี่เชนดุออกมา แต่ก็ยังเอื้อมมือมาลูบไล้ที่แก้มผมอย่างแผ่วเบา


“คนดื้อคนนี้รักพี่เชนนะครับ ไม่กอดจริงๆหรอ”

ผมพูดกลับไปพร้อมๆกับส่งสายตาอ้อนๆไปให้

ส่วนพี่เชนนะหรอ?

เจอสายตาอ้อนๆของผม บวกกับตาปรือๆเพราะฤทธิ์ไข้เข้าไป

ก็หน้าขึ้นสีเป็นสีแดงเลยละครับ

ผมบอกแล้ว.. แฟนผมหล่อและก็น่ารักด้วย

อีกอย่าง.. ผมอ่านตำราแฟนรักแฟนหลงมา ถ้าแฟนจะดุด่าให้ส่งสายตาและพร้อมอ้อยเข้าไป

เชื่อแบงค์เถอะครับ.. จากมือที่จะต่อยหน้าต้องยอมมากอดผมแน่นอน : )


“เห้ออ.. จริงๆเลยเรา ดื้ออะไรแบบนี้น่ะ ทำให้พี่เป็นห่วงมากรู้ตัวไหม”

พี่เชนบ่นต่ออีกนิดหน่อย ก่อนจะขยับตัวลงมานอนข้างๆผม แล้วก็ดึงผมเข้าไปกอด


“ก็ห้องนั้นไม่มีพี่เชน .. แบงค์นอนไม่หลับ”


ผมรีบซุกเข้าไปหาอกอุ่นๆที่คุ้นเคย ก่อนจะพูดอ้อนพี่เชนต่อ


“ที่นี้ก็ไม่มีพี่นะ ทำไมถึงมาล่ะ”


 “ที่นี้มีกลิ่นพี่เชนนะ.. แบงค์ได้กลิ่นพี่เชนแล้วแบงค์อุ่นใจ”

 
“เห้อออ..พูดขนาดนี้พี่จะโกรธได้ไงละ?”


พี่เชนก้มลงมาหอมหน้าผากผมเบาๆ ก่อนจะกอดผมเข้าไปแนบอกกว่าเดิม


“คราวหน้าไม่เอาแบบนี้นะครับไปไหนต้องบอกกันก่อน... ย้ายออกจากห้องนี้ดีไหมนะ?

อยู่ด้วยกันห้องเดียวไปเลยจะได้ไม่ต้องหนีมาแบบนี้อีก?”

 

“จริงๆนะ จะอยู่กับแบงค์ตลอดไปใช่ไหม?”


นี้มันเหนือคาดหมายครับ พี่เชน..จะย้ายไปอยู่กับผมแบบถาวรแล้ว

เมื่อก่อนทะเลาะกันทีไรพี่เชนก็หนีกลับมาห้องนี้ตลอด

คราวนี้ละ..ถ้างอนกัน ทะเลาะกันก็จะได้ไม่หนีกันไปไหนอีก


“แบงค์ละอยากอยู่กับพี่ไหม? ถ้าพี่ย้ายไปอยู่กับแบงค์จริงๆ พี่จะขายห้องนี้ และไปต่อเติมห้องแบงค์

ถ้าแบงค์ไล่พี่ออกจากห้องพี่ก็ไม่มีที่ไปแล้วนะ”


ผมรีบลุกขึ้นมานั่งคร่อมตัวพี่เชนไว้ทันที.. คนดีใจขนาดนี้จะไล่ได้ไงกันละ

พูดไม่คิดเลยนะแฟนใครวะเนี้ยย!!


“รักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้ว.. ไม่ไล่หรอกนะ อยู่ด้วยกันนะ”

 
“ดื้อแบบนี้จะอยู่ด้วยดีไหมนะ?”
พี่เชนขยับตัวไปนั่งพิงหัวเตียงไว้ ก่อนจะดึงตัวผมให้ไปนั่งอยู่กลางลำตัวของพี่เชน


“ไม่ได้. ดื้อแค่ไหนพี่เชนก็ต้องรัก..ห้ามนอกใจ ห้ามพูดว่าจะไม่รักด้วย”
 

“อย่าขย่มแบบนั้นดิ.. รู้แล้วครับ ดื้อแค่ไหนก็จะรัก โอเคไหม?”


พี่เชนโน้มหน้าลงมาหอมแก้มผม ก่อนจะกระซิบเบาๆที่ผมได้ยินแล้วก็อดที่จะหน้าร้อนผ่าวไม่ได้


“แสดงความรักให้พี่ดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ถ้าแค่การกระซิบบอกธรรมดาผมคงไม่รู้สึกร้อนแบบนี้หรอกครับ.. แต่ไอ้ที่ดุนดันผมอยู่ตอนนี้เนี้ยสิ

ที่มันชวนให้ผมร้อนไปทั้งตัว...


“แบงค์ป่วยนะ”
ผมตอบกลับไปเสียงอ่อนๆ


“คนดื้อๆป่วยไม่ได้หรอก.. เดี๋ยวพี่ขอตรวจร่างกายหน่อยละกันนะ .. ทุกซอกทุกมุมเลย”

ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรพี่เชนกลับไป.. ร่างกายของผมมันก็โอนอ่อนไปกับสิ่งที่พี่เชนหยิบยื่นให้

ก็อย่างที่บอก.. ผมกับพี่เชนเข้ากันได้ดี : )



ตำราแฟนรักแฟนหลง ฉบับแบงค์ .. ใครสนใจสอบถามได้นะครับ’







----------------------------------

ไม่ได้อัพนิยายนานมาก  TT

ขอบคุณมากนะคะสำหรับการติดตามกันมาตลอด ตอนนี้เรามีปัญหาสุขภาพนิดหน่อย

อาจจะหายๆไปบ้าง แต่เราสัญญานะว่าเราจะรีบกลับมาอัพนิยายเหมือนเดิม



รักมากนะครับ / มายเนมอีส.

ออฟไลน์ NewBaBy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อ่านจบแล้วว คู่ยิม-อุ่น ถ้าเราเป็นอุ่นนี่อย่าหวังเลย
เป็นคนใจแคบมากกกก เรื่องอื่นยอมได้แต่นอกใจรับไม่
ได้จริงๆอ่ะ มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สองอ่ะ ถ้าเป็นเรา
อาจจะให้อภัยนะถ้าครั้งแรก แต่คือก็จะโกรธแบบสุดๆอ่ะ
ให้มันง้อให้เข็ด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด