เดือนเกี้ยวเดือน #10
วันนี้ซ้อมเลิกเย็นกว่าที่คิด
อย่าเรียกว่าเย็นเลยดีกว่า เรียกว่าดึกมากน่าจะถูก ผมเหนื่อยครับไม่ใช่ว่าไม่เหนื่อย แต่มันมีบางคนเนี่ยสิรอผมกลับด้วยกันแถมผมยังต้องพามันไปทานข้าว นี่ก็ปาเข้าไปสองทุ่มแล้ว กองยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกง่ายๆ
“คอเคล็ดละๆ” ไอ้มิ่งที่เหนื่อยไม่ต่างจากผมยังมีแรงเอ่ยปากแซวผมอยู่ “หันไปอยู่นั่นแหละ พี่เขาไม่หายไปไหนหรอกน่ะ”
“แม่ง...มันยังไม่ได้กินข้าวเลยนะเว้ย” ผมเอ่ยเสียงอ่อย
“มึงก็แปลก ห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง ส่วนไอ้พี่ป่าก็แปลก หิวข้าวก็ไม่ไปแดกเพราะต้องมารอมึง...ตลกดีนะ”
“เออว่ะ ทำไมมันไม่ไปกินก่อนกูล่ะวะ”
“ไปมึง ไปบอกพี่เขา...กูว่าไม่น่าจะเสร็จง่าย สี่ทุ่มห้าทุ่มยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
“กูต้องไปบอกเหรอวะ” ผมชี้มือไปที่ตัวเอง
“อ้าว กูมั้งต้องไปบอก เรื่องของมึงชัดๆ”
ผมกลืนน้ำลาย จริงๆแล้วผมเป็นคนใจกล้าหน้าด้านมากคนหนึ่งเลยครับ แต่พอมองไปที่โต๊ะที่ไอ้พี่ป่ามันนั่งอยู่ ผมรู้สึกใจปลาซิวขึ้นมากะทันหัน แม่งเป็นศูนย์รวมความหล่อของมหาลัยไม่พอ ยังจะโดนมองโดนจ้องอีกถ้าเดินเข้าไปคุยกับไอ้พี่ป่าซึ่งๆหน้า
ไอ้พี่ป่านี่ยากสุดเลย...แต่ยังไงผมก็ต้องไปบอกมัน
เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน
ระหว่างช่วงพักเล็กๆน้อย ผมเดินไปตรงที่พวกแก๊งหมอเถื่อนกับพวกเดือนทั้งหลายนั่งสุมหัวกันอยู่ ตอนนั้นพวกเขายังคุยกันดีอยู่เลย แต่พอผมเดินเข้าไปเท่านั้นแหละ เงียบทั้งโต๊ะ
แม่ง เกลียดบรรยากาศแบบนี้
“มาหาใครน้อง” ไอ้พี่คิทเปิดประเด็น...ทำไมต้องเปิดด้วยวะพี่ พี่ต้องเป็นคนช่วยผมดิ TT
“เลือกเอาเลย...สักคน” เดือนปีสองคณะไหนไม่รู้มองผมแล้วยักคิ้วให้ นั่นไง ผมบอกแล้วว่าผมต้องโดน ไอ้เหี้ย จ้องมาทั้งโต๊ะเลยโว้ย เชื่อเถอะครับว่าไม่ว่าคุณจะเป็นชายหล่อลากไส้ขนาดไหนมายืนอยู่ตรงจุดที่ผมยืนอยู่เป็นอันต้องทำอะไรไม่ถูกทุกคนไป เพราะแต่ละสายตาที่มองมานั้นมีแต่คนหล่อๆทั้งนั้น
กูไม่น่ามาเลย...
“ตกลงจะเลือกใครล่ะครับน้อง นี่พี่ก็รออยู่นะ”
“สาด แซวผู้ชายก็เป็นเหรอมึง”
“ก็น้องมันน่ารักดี”
“กูจะฟ้องแฟนมึง”
ตัวของผมหดลงเหลือสองนิ้ว...ในขณะที่พวกมันสนุกสนานมากเป็นพิเศษเรื่องการแซวผม
“พี่ป่า...”
ผมพูดเบาๆแต่เสือกได้ยินทั้งโต๊ะ และพอได้ยินเท่านั้นแหละ เสียงแซวหนักขึ้นกว่าเดิมอีก
“โห้ย เชี่ยป่าแม่ง...”
“เออดิ เดือนเกษตรอย่างกูจะสู้เดือนมหาลัยได้ไง...”
“น้องโยหักอกพี่ดังเป๊าะ...”
“พวกมึง...เงียบ”
สิ้นเสียงไอ้พี่ป่า ทุกคนเงียบลงทันที...แต่มิวายทำหน้ายิ้มๆใส่กันอยู่
จะบ้าตาย นี่แค่เดินมาคุยด้วยแค่แป๊บเดียวเองยังรู้สึกโดนยิงจนพรุน ไม่ใช่อะไรออก บางครั้งผมก็เขินอายได้ง่าย ยิ่งพากันมองมาแบบนั้นเหมือนผมกับไอ้พี่ป่าใกล้จะได้ลูกกันแล้ว(ประมาณว่ากิ๊กกันเข้าขั้นสุด)ทั้งๆที่ยังไม่ใช่ ผมยิ่งเขินเข้าไปใหญ่...
สาเหตุที่ทำให้ผมออกอาการแปลกๆเดินเข้ามาหาผม พร้อมๆกับยืนนิ่งๆฟัง
“ว่าไง”
เสียงเบาลง...ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันอ่อนโยน เห้ย…เมิงจะคิดไปเองไม่ได้เด็ดขาดวาโย ไอ้พี่ป่าแค่กวนตีนน้อยลงเท่านั้นแหละ
“เอ่อ…”
“หืม…”
“หิวข้าวหรือเปล่า” ผมทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นมองไอ้พี่ป่า พอเห็นตามันเท่านั้นแหละผมนี่หลุบตาลงมองพื้นทันที...ไม่ใช่อะไรครับ ไอ้บ้านี่ยืนใกล้ผมเกินไป
“กูเหรอ”
“อืม”
“หิว”
หิวก็ยังง่าวมานั่งรออยู่ได้เนอะคนเรา... “ไปกินก่อนดิ กลับไปก่อนเลยก็ได้ น่าจะเสร็จเย็นมาก...”
พี่ป่าเงียบไปผมก็เลยต้องเงยหน้ามองพี่เขาอีกครั้ง... “อืม…เอาไงดี” ทำท่านึกได้ตอแหลมากว่ะ มันไม่ได้คิดด้วยซ้ำมั้ง “เอางี้...”
แม่งดันหลังผมให้เดินไปข้างหน้าเฉย...
“กูไปกินข้าวนะ”
มันประกาศบอกเพื่อนๆของมัน
“เห้ย อะไรวะ ลักพาตัวเดือนปีหนึ่งเหรอ”
เสียงโวยวายดังขึ้นทันที
“เด็กมันหิวข้าว...”
เดี๋ยวนะ...มึงไม่ใช่เหรอที่หิว...ไอ้เชี่ยพี่ป่า...ไอ้...
“ป่าจะไปซื้อข้าวพอดีเหรองั้น...” สวัสดิการกองประกวดวิ่งมาหาพี่ป่า จากนั้นก็...ทิ้งเงินไว้ให้หลายพันเพื่อที่จะฝากซื้อข้าวกล่องมาเลี้ยงดาวเดือนและก็คนอื่นๆ “เราโทรสั่งไปแล้วล่ะ แต่ยังไม่ได้ไปเอา ฝากป่าไปเอาด้วยนะ และก็น้องโยก็ไปช่วยพี่เขานะ”
จู่ๆก็ได้งานมาเฉย...ไอ้พี่ป่าส่งเงินให้ผมถือแล้วก็เดินนำหน้าไป ลำบากผมที่ต้องวิ่งตาม
ไอ้พี่ป่ากินเก่งมาก
จานแรกผมยังไม่หมด มันสั่งจานที่สองแล้ว ท่าทางหิวมากแบบกินควายได้ทั้งตัว
อย่าให้มันรู้เลยว่าผมยิ้มตอนที่ผมมองมัน...
“กินข้าวดิ...มีคนรออยู่หลายคนนะ”
ที่ช้าก็เพราะคงมัวแต่มองไอ้ที่นั่งฝั่งตรงข้ามนี่แหละ...
“พรุ่งนี้ไปด้วยเหรอ”
ผมชวนคุย...ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ามันจะไป แต่ขอทีเหอะ เพื่อเป็นการยืนยัน
“อืม…” พี่ป่าตอบ มันกินเสร็จแล้ว วางช้อนส้อมและก็มองดูข้าวกล่องที่เรียงรายอยู่ข้างๆมัน “…ไม่อยากให้ไปเหรอ”
ยังไม่ได้พูดสักคำ “ก็…นะ ไปก็ดีไปช่วยงานคนอื่นบ้าง ยิ่งมึงเป็นเดือนมหาลัย มึงยิ่งต้องไป...” สกิลการแถของผมมีมากขึ้นตั้งแต่คุยกับไอ้พี่ป่าได้
“ปกติกูไม่ค่อยช่วยงั้นเหรอ”
“กูเห็นมึงนั่งหล่ออยู่เฉยๆ”
“กูหล่อ?”
“ผิดประเด็นแล้ว...นั่งหล่อเฉยๆหมายถึงมึงไม่ได้ทำอะไรเลย มีแต่นั่งเฉยๆ ไม่ได้ชมสักหน่อย”
“แล้วกูหล่อมั้ย”
อะไรของมัน ตกลงมันไม่ฟังที่ผมพูดประโยคหลังเลยใช่มั้ยนี่...ผมมองหน้าไอ้คนฝั่งตรงข้ามที่ท่าทางมันจะว่างจัดเกินทนและหาอะไรทำด้วยการถามคำถามที่ไม่สมควรถามเล่นๆ
แต่สายตามันนี่...เจ้าชู้ชิบหาย...คือแบบเป็นประกายอ่ะครับ และก็มองผมแบบยิ้มมุมปากสุดที่จะหว่านเสน่ห์
ดีนะ ที่กูไม่ได้หลงมึง!
เหรอ...
“ป้าครับ เก็บตังค์...”
ผมยกมือขึ้นเรียกคุณป้า
“ยังไม่ตอบคำถามกูเลยนะ”
“คำถามอะไรวะ”
“กูหล่อมั้ย”
จะตอบว่าหล่อก็เดี๋ยวจะโดนมันหาว่าผมมองมันหล่อ จะบอกว่าไม่หล่อผมก็โกหกเพราะฉะนั้นขอที่ยืนให้ผมด้วยครับ T_T
“มึงส่องกระจกทุกวันมึงไม่รู้ตัวเหรอ”
“รู้…แต่อยากฟังจากปากมึง”
เชี่ย หน้าม่อเรี่ยราด...
“หล่อ…”
ผมตอบมันในที่สุด ผมเห็นปากมันกระตุกนิดนึง ท่าทางจะเป็นคำตอบที่มันพอใจ
“…แต่หล่อน้อยกว่ากูนะ”
“เหอะ” มันส่งเสียงดูถูกแบบเล่นๆ “ก็ว่ากันไป”
ผมส่งตังค์ให้ป้าพร้อมๆกับตังค์ค่าข้าวกล่องทั้งหมดด้วย ถอนหายใจโล่งอกที่ตัวเองเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้มาได้ ไอ้พี่ป่าลุกขึ้นยืน(เห็นนะว่าคนมองกันทั้งร้าน) ผมกำลังจะถือถุงข้าวกล่องขึ้นมา...แต่โดนแย่ง
“กูถือเอง” มันบอก ถุงข้าวกล่องอยู่ในมือมันสี่ห้าถุงใหญ่ แบกได้ไงวะนั่น และตอนที่มันแบกมันคาบกุญแจรถของเพื่อนมันสักคนเอาไว้(ไม่ได้เอาออดี้มาเพราะไม่มีที่จะใส่ข้าว กูล่ะอยากจะร้องไห้ รถแพงเสียเปล่า...) “ไปเปิดรถ...”
ไอ้พี่ป่ายื่นหน้ามาให้ผมเอากุญแจรถออกมาจากปากมัน...
นี่ก็เรียกว่าม่อเรี่ยราด!
ท่านเจ้าที่ร้านป้าอาหารตามสั่ง...ช่วยผมด้วย คนมองกันทั้งร้านเลย...ให้ตาย
เอาไงดีฟะตู...
“เร็วๆดิ” พี่ป่าที่ก้มตัวนานเริ่มบ่น...เห็นใจกูด้วย กูนี่จะตาย
เอาก็เอาวะ แป๊บเดียวเอง...
พอผมจะไปหยิบแม่งเสือกขยับหน้าหนีผม
“ไอ้…” ผมเริ่มด่า
“หึหึหึ” มันทำหน้ายิ้มนิดๆผ่านการคาบกุญแจรถนั่น...พระเจ้า...โคตรหล่อเลย ผมนี่ชะงักค้าง “เอาดิ ไม่แกล้งละ”
“ให้มันจริงนะเว้ย”
แกล้งอีกกูตีปากมึงนะเอาสิ...มันยื่นหน้าลงมาอีกครั้ง(นี่สำหรับมันผมเป็นคนเตี้ยจริงๆใช่มั้ยครับ TT)และก็จ้องมองผมเขม็งด้วยแววตาประกายวิบวับของมันนั่นแหละ
ตีตามันแทนดีมั้ย...มองแบบนี้กูทำอะไรไม่ถูกนะ
กว่าจะได้กุญแจมา...ผมเกือบตาย...
และเพิ่งรู้ความจริงอะไรบางอย่างที่ว่านอกจากไอ้พี่ป่าจะกวนตีน ปากเสียแล้ว มันยังขี้แกล้งอีกด้วย...
ซ้อมเสร็จห้าทุ่มกว่า...
หมอเถื่อนยังอยู่กันครบเลยครับ นี่ไม่ไปอ่านหนังสือหนังหากันเรอะ!!!
“ตกลงไอ้พี่ป่าจะกลับพร้อมมึงจริงๆใช่ป่ะ” ไอ้มิ่งมองแล้วก็พูดด้วยความสงสัย “ตกลงพี่มันจีบเพื่อนกูใช่มั้ย หรือยังไง”
“จีบห่าไร หอเดียวกันทางเดียวกัน” อย่ามาให้ความหวังกูเลยไอ้มิ่ง...สต๊อปอิท
“ถ้าไม่จีบแล้วจะอยู่รอมึงทำไมตั้งนาน”
“ไม่ได้รอกูมั้ง เขาเป็นเดือนเขาก็ต้องอยู่ดูน้องป่ะ”
“บางครั้งมึงก็คิดไปเองในแง่ลบเกินไปเนอะ”
“บางครั้งกูไม่อยากคิดไปเองแล้วกูเจ็บเอง”
ไอ้มิ่งส่ายหน้าใส่ผม...ก่อนที่จะเดินเคียงข้างผมไปหากลุ่มเดือนปีสองที่เริ่มบางตา(ไม่มีใครคอยอยู่แซวแล้ว โคตรโชคดี) ไอ้มิ่งใจกล้าหน้าด้านมาจากไหนไม่รู้ จู่ๆก็เดินไปหาไอ้พี่ป่าเฉย
มึงไม่กลัวมันต่อยมึงเหรอ! ท่าทางมึงหาเรื่องโคตรๆอ่ะ..
แต่พอมองสลับไปมาระหว่างไอ้มิ่งกับพี่ป่า ตัวใหญ่พอกัน รูปร่างก็พอสูสี(ร้อยเจ็ดสิบแปดเซ็นต์ของกูกลายเป็นหลักกิโลไปซะฉิบ ในขณะที่พวกมันคือเสาไฟฟ้า) แต่ไอ้พี่ป่าดูเหมือนจะล่ำกว่านิดหน่อยเพราะชอบเล่นบาส
นี่ผมก็ว่างดูรูปร่างของมันสองคนเนอะ อะไรเนี่ย...
“พี่จะพาเพื่อนผมกลับเหรอ”
ไอ้มิ่งเปิดประเด็น ท่าทางจะไม่กลัวหัวหน้าหมอเถื่อน(ไอ้พี่ป่า)เลยแม้แต่น้อย
“อืม…มีปัญหาไร”
นี่ก็ตอบเพื่อนผมได้อย่างเรียกส้นตีนเหลือเกิน...
“ตอนนี้ไม่มีครับ หลังๆน่ะไม่แน่” เช้ดดดดดด อะไรของเมิงเพื่อนมิ่ง...ถ้าจับกูใส่พานถวายให้พี่ป่าได้เมิงทำไปแล้วไม่ใช่เรอะ “ฝากมันด้วยนะครับ”
มันไหว้พี่ป่าและก็ไหว้คนทั้งโต๊ะ ตบไหล่ผมปุๆสองครั้งแล้วเดินจากไป...
มันชอบผมป่ะเนี่ย ?
จะบ้าเหรอ...แค่คิดก็น่าหัวเราะแล้ว
ผมว่าในหัวมันต้องมีแผนการอะไรบางอย่างแน่ๆ ตั้งแต่ตอนที่ผมมากินน้ำแล้วมันเจือกเดินตามมาเรียกผมไปอ่ะ
แบบนี้ต้องถามมันให้รู้เรื่อง...
“เพื่อนหรือแฟน หวงกันชิบหาย” พี่คิทเอ่ยขึ้นมา
“เพื่อนครับเพื่อน”
“แน่นะ มึงคิดฝ่ายเดียวหรือเปล่าว่ามันเป็นเพื่อน”
“มันก็คิดเหมือนกันครับว่าผมเป็นเพื่อน”
วันหลังไอ้มิ่งต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวแล้ว แม่งชอบทำให้คนอื่นเข้าใจผิด...
“กลับกันได้หรือยัง...”
หัวหน้าหมอเถื่อนเอ่ยแล้ว...มีหรือใครจะกล้าขัด...
ในรถ...มีแต่ความเงียบ...และก็ความหนาว ยิ่งเปิดแอร์ใส่ร่างที่ชุ่มเหงื่อของผม ผมนี่ยิ่งสั่นอย่างกับเจ้าที่ออดี้เข้าสิงผม...
ไฟ LED โทรศัพท์ของผมเตือนว่ามีคนแชทเข้ามา...
ไอ้เชี่ยมิ่งนั่นเอง...
MOONG MING : เป็นไง...พี่ป่ามีทีท่าอะไรกับมึงป่ะตอนนี้
MOONG MING : กูอุตส่าห์ทำทีว่าหวงมึงมากนะ...
นั่นไง...มันเป็นแผนการของมันชัดๆ
ผมเบะปากใส่ไอ้ ‘มุ้งมิ้ง’ แผนมันเชี่ยมาก ไม่ใช่แค่ไอ้พี่ป่าที่เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดกันหมดแล้วเฟ้ย...
WAYO : ไม่…
WAYO : แผนมึงเชี่ยมาก บอกตรงๆ...
ผมส่ายหัวยิ้มๆกับความคิดของไอ้มิ่ง...จนลืมไปว่าตอนนี้ผมอยู่บนรถใคร แสงไฟสว่างวาบจากจอมือถือทำให้ภายในรถที่มืดกลับสว่างขึ้นมาในทันใด หมายความว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมรู้หมดว่าผมตอบแชทอยู่
“สับรางอยู่หรือไง”
ผมกดล็อคโทรศัพท์ทันที
“รางไรวะ”
“หน้าอย่างงี้ก็ฮอตได้ด้วย”
“ฮอตบ้าฮอตบออะไรล่ะ”
“ทั้งไอ้โฟร์ท ทั้งไอ้มิ่ง...เดือนวิศวะทั้งนั้น”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” ไม่อยากให้มันเข้าใจผิดเลยครับ...
รถกลับมาเงียบอีกครั้ง...
“พรุ่งนี้ต้องตื่นกี่โมง” พี่ป่าถาม
“แปดโมงเช้า นัดเก้าโมงอ่ะ” ผมตอบ “มีอะไรจะใช้กูอีกเหรอ” ผมเป็นเบ๊มันอยู่นะครับ...
พี่ป่าเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะตอบตอนที่รถเลี้ยวเข้าจอดที่หน้าหอเป็นที่เรียบร้อย
“มาปลุกกู...”
“หือ” ผมทำตาโต มองดูหน้าไอ้พี่ป่าที่จอดรถเสร็จแล้ว
“วันที่ไม่มีเรียนกูจะตื่นยาก...มาปลุกกู”
“เอ่อ ยังไง”
“เคาะประตู...”
“แค่นั้นอ่ะนะ”
“อืม…”
“เอ่อ ได้มั้ง...” นี่ผมต้องตื่นตีห้ามาอาบน้ำแต่งตัวอีกแล้วสิเนี่ยใช่มั้ย...
“ขอบใจ”
พี่ป่าเอ่ยสั้นๆ แต่มีพลังทำลายล้างมหาศาล มันพูดจากับผมดีขึ้นมาก มากจนผมอดตกใจไม่ได้...
“กู..ไปนะ” ผมเอ่ย กำลังจะเปิดประตูรถ...
“เดี๋ยว…”
“หือ”
“…มึงเรียกกูว่าพี่ป่าก็โอเคดีนะ”
มันหมายถึงตอนที่ผมโดนสมาคมเดือนปีสองแซวยกโต๊ะใช่หรือไม่ จะเรียกไอ้เหี้ยป่าก็กะไรเดี๋ยวเขาหาว่าไม่เคารพรุ่นพี่
“ทำไมไม่เรียกต่อไปล่ะ”
โอ้โห...อยากได้เยอะเกินไปหรือเปล่าครับบบบบบบ!
“มึงยังไม่เคยเรียกชื่อกูเลย เรียกแต่เตี้ยๆๆอยู่นั่น”
“ไม่น่ารักเหรอ”
ผมว่ามันม่อใส่ผมอีกแล้ว...แต่ผมจะไม่ตามเกมมันเด็ดขาด “ไม่ โยน่ารักกว่าเตี้ยนี่หว่า” ผมเชื่อมั่นในชื่อผม วาโย แปลว่าลม นั่นไง เท่ป่ะละ... “เตี้ยห่าไรน่ารัก มึงบ้าป่ะ”
“เอางี้...”
“เอาอะไร”
“…ถ้ามึงเรียกกูพี่ป่า กูก็จะเรียกมึงว่า...”
“…”
“…น้องโย”
“…”
“ตกลงป่ะ”
ผมนิ่งค้างรู้สึกร่างกายตายด้านไปแล้ว
คำว่าน้องโยจากปากของมันทำเอาผมทำอะไรไม่ถูก ใจเต้นไม่เป็นส่ำ และก็ตัวแข็งทื่อเหมือนมีคนเอากระแสไฟฟ้าแรงสูงมาช็อต
ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเขาจะเรียกผมด้วยวิธีการเรียกที่ไพเราะแบบนั้น
ยิ่งเสียงมันอีก...แววกวนตีนกวนประสาทเหมือนวันแรกๆหายไปไหนหมดวะ...
“กูไม่ตกลง!”
ผมเปิดประตูลงจากรถไปด้วยความไวแสง
ถ้าจะโดนมันเรียกแบบนั้นแล้วผมแสดงอาการแปลกๆทุกครั้ง มันไม่เป็นผลดีเลยใช่ป่ะครับ...
เอาไว้ก่อนแล้วกันนะพี่ป่า...
แม่ง เขินชิบ
TBC*
chiffon_cake talk : สอบเสร็จแล้วววววววว อีกสองอาทิตย์มีสอบอีกที ปีสี่หนักหนาจุงเบยยยยยย
จำนวนตอนเยอะแปลว่าจำนวนโมเม้นท์เยอะนะคะ นี่ก็ไม่ยอมพาไปทะเลสักที ฮ่าๆๆ
คนเขียนกำลังรู้สึกว่าต่างฝ่ายต่างจีบอีกฝ่ายแบบอ้อมๆแบบตรงๆแบบผ่านสายตาแบบผ่านกระทำ(หลายแบบเนอะ)
มาลุ้นช่วยกันค่ะว่าจะลงเอยยังไง ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยนะคะ : )