เดือนเกี้ยวเดือน #17
ผมชอบโยตอนไหนน่ะเหรอ...เอาเข้าจริงๆแล้วผมก็ไม่รู้วันเวลาเสียทีเดียวหรอก
รู้ตัวอีกที...ผมก็เอาแต่มองหาเด็กคนนี้ไปแล้ว
ตอนนั้นผมเป็นแค่เด็กมอสามที่ตัวสูงเก้งก้าง ชอบเล่นบาสชอบเล่นกีต้าร์ทำตัวโดดเด่นพูดจาโผงผาง มันเป็นช่วงแตกเนื้อหนุ่มที่ผมค่อนข้างสนุกกับมันมากเลยทีเดียว มีสาวๆเข้ามาหาผมไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งรุ่นเดียวกัน รุ่นน้อง รุ่นพี่ รุ่นพี่มหาลัยยังมีเลยครับ ผมก็คุยและก็ควงเล่นๆหลอกกินข้าว(และก็ไอ้นั่น)ฟรีไปวันๆจนกระทั่งผมได้มาเจอกับโยนี่แหละ
เจอโยครั้งแรกที่ไหน...ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมกำลังเดินกลับบ้าน เพิ่งชกต่อยกับไอ้พวกคู่อริเสร็จ แผลยังทั้งสดทั้งใหม่ ผมสะดุดตากับไอ้เด็กชุดเครื่องแบบเดียวกันเหมือนผมกำลังอุ้มลูกแมว มันเป็นเด็กที่ตัวเก้งก้างคนหนึ่งเลยครับ ผอมก็ผอม ใส่แว่นอีก ไม่มีอะไรน่าดึงดูดเลย
แต่ท่าทางของมันตอนที่มันอุ้มลูกแมวนั่นแหละ ทำให้คนที่ชอบทำตัวเด่น(ในตอนนั้น)อย่างผมกลายเป็นคนที่อยากทำตัวลึกลับไปซะฉิบ
แม่ง...น่ารักมาก
“หลงทางเหรอเรา...แม่อยู่ไหนน่ะ”
ให้ตายเหอะ มันคิดว่าแมวจะตอบมันได้เหรอ...
“เอาไงดีล่ะ พี่เลี้ยงเราไม่ได้ด้วยสิ เดี๋ยวไซบีเรียนที่บ้านพี่จะกัดเราเอานะ”
ท่าทางเป็นลูกผู้ดีตีนแดง...เลี้ยงไซบีเรียนด้วย... เด็กนั่นมองซ้ายมองขวา(ผมกระโดดหลบอีกรอบ) จนกระทั่งเขาตัดสินใจอุ้มแมวน้อยตัวนั้นกลับบ้านไป
มันก็เป็นพฤติกรรมของเด็กที่มีจิตใต้สำนึกดีทั่วไป ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่เชื่อมั้ยครับ นั่นเป็นสิ่งแรกที่ทำให้โยมาอยู่ในสายตาของผม และอีกหลายๆสิ่งในเวลาต่อมา
ผมเพิ่งรู้ว่าโยเป็นน้องของผมหนึ่งปี ท่าทางซุ่มซ่าม เงอะๆงะๆ ตอนที่อยู่โรงเรียนโยไม่ค่อยกล้าสบตากับผม แต่ว่าใครๆก็ไม่กล้าสบตาผมกันทั้งนั้นแหละ แม้ว่าผมจะเรียนดีแต่เรื่องตีผมก็ดีเหมือนกัน เป็นเสมือนเจ้าที่ให้คนทั้งโรงเรียนเคารพอะไรประมาณนั้น
พอเจอบ่อยเข้ากลับกลายเป็นผมที่หงุดหงิด...ทำไมไอ้เด็กคนนี้มันต้องทำหน้าตื่นเวลาที่เจอผมขนาดนั้น
ผมออกจะหล่อ...ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน
“สืบมาแล้ว” คิทเอ่ยในวันหนึ่ง “น้องคนที่มึงชอบ ชื่อว่า...”
“เหี้ย กูไม่ได้ชอบ” ตอนนั้นผมปฏิเสธหัวแข็ง “น้องแม่งไม่มีนม”
“แต่มึงก็มองแต่น้องคนนี้มานานสองอาทิตย์แล้วนะเว้ย” บีมเสริม
“ก็มันแปลกดี” ผมยักไหล่ “ตัวผอมๆ เดินทีไม่รู้ว่าลมพัดแล้วจะปลิวหรือเปล่า”
“มึงไม่ได้สนเรื่องแค่น้องมันแปลกหรอก” บีมพูด
“มึงชมน้องอย่างนั้นอย่างนี้...เจอน้องมันช่วยคุณยายข้ามถนนบ้าง เจอน้องมันให้ตังค์ขอทาน มึงเจอแล้วมึงก็เอามาเพ้อกับพวกกู...แม้กระทั่งมึงเจอน้องเข้าเซเว่นไม่ได้ทำดีอะไรให้มึงเห็น มึงก็ยังเอามาเพ้อ...”
“นี่ไม่เรียกว่าชอบอีกเหรอครับพี่ป่าครับ”
เวลาเพื่อนผมแท็คทีมกันทีไรผมไปไม่เป็นทุกที...
“ไม่รู้โว้ย แค่สนใจ”
“งั้นคงไม่อยากรู้ชื่อน้องแล้วใช่มั้ย บีม ไปหาไรแดกกันเถอะ”
ป๊าบ…ผมใช้เท้าขวางทางพวกมันเอาไว้
“อยากแดกอะไรค่อยว่ากันเดี๋ยวกูเลี้ยง” ผมกระแอม “น้องมันชื่ออะไร”
ไอ้บีมยิ้มมุมปาก เหี้ยมากครับ โคตรเจ้าเล่ห์ “วาโย”
วาโยที่แปลว่าลม...
สงสัยลมพัดมาคงจะปลิวไปกับลมสิท่า
“วาโย พาณิชยสวัสดิ์”
“เช้ด” เป็นไอ้บีมที่ร้อง “พาณิชยสวัสดิ์ ใช่นามสกุลของคนที่รวยติดอันดับหนึ่งในสิบของประเทศป่ะ”
“บริษัทนำเข้าชิ้นส่วนประกอบรถยนต์” คิทยักไหล่
ผมนี่เงิบ...
ไอ้เด็กนั่นอ่ะนะ ลูกคนรวยติดอันดับหนึ่งในสิบ
แม่ง...ต้องสอยดาวบนฟ้าหรือวะเรา
เดี๋ยว น้องแม่งเป็นผู้ชายต้องเรียกว่าเดือนมั้ง
ว่าแต่...ผมคิดจะจีบน้องจริงๆเหรอ..
บ้านผมก็มีฐานะครับ แต่มีฐานะยากจนกว่าน้องโยแน่นอน
หลังจากวันนั้นผมก็ได้แต่มองน้องเขาอยู่ห่างๆ โยมันก็เหมือนเดิมครับเจอหน้าผมก็เอาแต่หลบหน้า กลัวผมหัวหดหรือไงก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆผมมองไปทีไรน้องเขาก็เอาแต่หลบ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
จากมอต้นสู่มอปลายทั้งคู่ รู้ตัวอีกทีสายตาของผมก็มีแต่น้องไปแล้ว
ผมมีผู้หญิงเข้ามาหาตลอด ข่าวลือของผมเต็มไปหมด คบกับหญิงล้วนโรงเรียนนี้บ้าง เด็กโรงเรียนเตรียมมอนั่นมอนี่บ้าง แต่ไม่จริงสักข่าว ผมก็แค่เล่นๆไปวันๆไม่เอาจริงเอาจัง ใช้ชีวิตวัยรุ่นมัธยมให้คุ้มก็เท่านั้น
ส่วนโย...คนที่เข้ามาหามันและอยู่กับมันตลอดเห็นจะเป็นเพื่อนมันที่ตัวสูงๆโย่งๆ ผมจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร รู้แต่เพียงว่าหมอนั่นมันหน้าตาดีมากเลยทีเดียว
นั่นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ผมไม่กล้าเข้าไปหาน้อง น้องเป็นผู้ชายถ้าเข้าไปแล้วก็อาจจะแดกแห้ว กับอีกอย่างหนึ่งน้องแม่งเหมือนจะมีเจ้าของ ซึ่งก็คือไอ้สูงที่ตามตูดมันต้อยๆตลอดเวลานั่นแหละ(ไอ้มิ่งในตอนนั้นก็ติดไอ้โยมากเหลือเกิน ตอนนี้ก็เหมือนกันไม่เปลี่ยนแปลง)
นานวันเข้า...ผมก็ได้แค่ให้ความสนใจและแอบมอง จนไม่ทำอะไรลงไปแม้แต่อย่างเดียว
ตอนที่ผมเห็นการ์ดของโย ผมอยากใช้อะไรหลายๆอย่างมาตีหน้าผมให้แหกเสียเหลือเกิน ตอนนั้นผมอยู่มอหก วันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ผมอยู่ที่โรงเรียน ผมไม่สนคำล้อของไอ้บีม คำสงสัยของไอ้คิทแม้แต่น้อย ใช้เวลาทั้งวันในการวิ่งหาไอ้เตี้ยของผม(ผมตั้งฉายานี้เองในใจคนเดียว) ขู่เด็กมอห้าทุกคนเรื่องโย พวกมันกลัวหัวหดและก็เอาแต่บอกว่ารู้เรื่องโยไม่มาก โยเฟรนด์ลี่ก็จริงแต่วางตัวลึกลับสุดๆคนที่รู้เรื่องโยเยอะสุดเห็นจะเป็นมิ่งเพื่อนของมัน
จบเห่…ไอ้มิ่งมันก็หายไปเหมือนกับเพื่อนโยนั่นแหละ
เหตุการณ์วันนั้นแทนที่จะทำให้ผมลืมน้องกลับกลายเป็นว่าผมยิ่งจำน้องเขาฝังหัวและก็รู้ตัวเองว่าชอบน้องเขามากแค่ไหน ผมสอบติดแพทย์ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศโดยภาวนาในใจว่าอยากให้น้องเขาตามผมมาเรียนที่นี่ ผมคิดได้เท่านั้นจริงๆในตอนนั้น
และน้องเขาก็ตามผมมาจริงๆ
แว้บแรกที่ผมเข้าไปทักน้องโยด้วยการกวนตีนแบบนั้น อาจเป็นเพราะว่าเขาหน้าเหมือนโยมาก(ซึ่งก็คือโยตัวจริงนั่นแหละไอ้ง่าว) ยิ่งเป็นคุณหนูเหมือนกันผมยิ่งพูดกับน้องเขาด้วยการกวนตีนแบบสุดๆ มันเป็นวิธีการเข้าหาของผมน่ะครับ ผมสุภาพกับคนที่ผมไม่อยากจะสนิทด้วยน่ะ...ตอนนั้นผมเองก็รู้สึกผิดนะที่เข้าหาน้องคนแปลกหน้าที่หน้าเหมือนโยด้วยวิธีนั้น น้องมันไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่ทำไงได้ ผมรู้สึกเหมือนอยากจะชดเชยเวลาที่ผมเสียไป
ตอนที่ไอ้คิทบอกความจริงกับผม...ผมนี่เงิบของเงิบของเงิบ
จริงๆแล้วผมก็กลัวเรื่องที่ผมจะเสียโยไปอีกครั้ง แต่ผมไม่กล้าจริงๆครับ ผมกลัวใจน้องเปลี่ยนไป ไม่รู้ว่ามีแฟนหรือยัง คบกับคนไหนหรือเปล่า(ตัวติดกับไอ้มิ่งเหมือนเดิมก็ไม่รู้ว่าจะมีซัมติงอะไรกันมั้ย) ผมไม่กล้าที่จะทำห่าอะไรเลย ได้แต่ดูและก็มองน้องอยู่ห่างๆ โกรธและหงุดหงิดทุกครั้งที่มีคนเข้ามาหามัน(ไอ้โฟร์ทนี่ยิ่งตัวดี หน้าตามันโคตรดีเลย) การที่ผมไม่ทำอะไรเลย ไม่สิ ผมทำแล้วนะครับ แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าผมแสดงออกน้อยแต่ผมทำได้เท่านั้นจริงๆ ผมไม่มีความมั่นใจ และผมก็กลัวว่าผมจะอกหักจากน้องคนนี้ไป
…เพราะผมไม่อยากที่จะตัดใจจากวาโยเลย ไม่อยากเลยจริงๆ
“มึงลากกูออกมาทำไมวะ” ไอ้โฟร์ทพูดในวันนี้ที่ผมลากคอมันออกมา น้องโยแม่งก็เซ่อซ่านะรู้ว่าตัวเองตัวขาวแม่งก็เดินอล่างฉ่างออกมาให้ชาวโลกได้พบเห็น ผมใจเต้นตึกตักตอนที่เห็นเนื้อขาวๆใต้ร่มผ้าของไอ้น้องโย เพราะงั้นผมเลยรู้ว่าไอ้โฟร์ทจะมีอาการยังไง
ไม่อยากให้มันมองอีก...ผมมองได้แค่ไหนมันก็ควรมองได้แค่นั้น ก็เลยลากคอมันออกมานี่ไง
“กำลังฟินเลย...ขาวว่ะ”
มันพูดยิ้มๆด้วยท่าทางเพลย์บอย ผมเผลอกำหมัดนิดหน่อย
“ชอบน้องมันเหรอ”
“อืม” มันพยักหน้า “ทำไมวะ หรือมึงก็ชอบ”
ผมไม่ตอบ เพราะผมกำลังรู้สึกเหมือนโดนน้ำสาดใส่กับคำพูดที่มั่นใจโคตรๆของไอ้โฟร์ท
ทำไมผมไม่เป็นแบบมันบ้าง...
“ตอนแรกกูก็ไม่คิดจะชอบหรอก น้องดูเป็นคนแปลกๆดี อินดี้...” โฟร์ทพูดไปยิ้มไป “…แต่ไม่รู้สิ เห็นมันไม่สบายใจทีไรกูอยากทำให้มันสบายใจทุกที เผลออีกทีก็ชอบน้องมันไปละ”
ผมกำหมัดแน่นกว่าเดิมโดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัว
“กูจะสมหวังมั้ย มึงคิดว่าไง”
“กูไม่รู้” ผมตอบทันที “กูไปหาเพื่อนกูก่อนนะ”
“เออ โชคดีเว้ยเพื่อน”
เพราะงั้นผมเลยไปพูดเรื่องนี้กับไอ้น้องโยตอนที่น้องมันนั่งอินดี้อยู่หาดทรายริมทะเล(แม่งอินดี้ของจริงอย่างที่โฟร์ทมันว่า)ตอนผมพูดแต่ละประโยคใจผมสั่น ยิ่งตอนที่ผมขอโทษมันเรื่องที่ผมทำตัวไม่ดีใส่มันผมยิ่งสั่นใหญ่
และผมก็งงว่าทำไมโยต้องโกรธอะไรขนาดนั้นตอนที่ผมบอกเขาเรื่องโฟร์ทชอบเขา
เอาเข้าจริงๆเป็นผมผมก็คงโกรธ ใครจะไปอยากให้คนที่ตัวเองชอบมาพูดว่ามีคนอื่นมาชอบ จริงมั้ยล่ะครับ...
ต้องขอบคุณน้องที่เผลอระเบิดออกมา ไม่งั้นล่ะก็ ป่าคนป๊อด ก็เป็นป่าคนป๊อดต่อไปอยู่ดี
“ไอ้สัด...ยิ้มเลยสิ ยิ้มเลย” ไอ้บีมที่ขับรถอยู่ยังมองเห็นว่าผมยิ้ม
“โยตอบไลน์มาแล้ว...น่ารักชิบ”
“เป็นแฟนกันแล้วเหรอ บอกคบกันทางไลน์หรือไง” ไอ้คิทถาม
“บ้า…ยัง”
“แล้วมึงจะรออะไรอีกล่ะ”
“หึหึ มึงคอยดูละกัน”
“ไอ้เหี้ย...”
“กูยังไม่จีบน้องมันดีๆเลยนะเว้ย...ต้องเป็นไปตามขั้นตอนดิ”
แค่รู้ว่าน้องใจตรงกันกับผม ต่อไปก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรแล้ว...
ผมจะไม่ยอมให้เวลาแต่ละวินาทีที่มีค่าสูญหายไปอีกเหมือนสมัยมัธยมอีกแล้ว...
เชื่อเถอะครับ ผมไม่ยอมปล่อยให้โยโสดนานหรอก
รถบีมมาจอดเร็วกว่ารถทัวร์ของมหาลัยนิดหน่อย ดาวเดือนปีหนึ่งทะยอยลงมาจากรถ ผมไม่ต้องเสียเวลามองหาเพราะไม่มีโยหน่อมแน้มของผมอยู่แล้ว(ผมชอบตั้งฉายาให้โยในใจผมน่ะ) ไอ้เหี้ย ผมตื่นเต้นว่ะ ถ้าผมเจอหน้าน้องผมจะทำหน้าไงดีเนี่ย
“พี่ป่า ยังไม่กลับเหรอคะ” น้องกุ๊กไก่เจ้าเดิมเดินมาหาผมพร้อมรอยยิ้ม ไอ้บีมกับไอ้คิทพร้อมใจกันถอยหลังให้ผมคุยกับน้องเขาได้สะดวก เดี๋ยวกูถีบ... “ไปทานข้าวกันมั้ย”
“น้องไม่ไปทานกับน้องทรายหรือน้องคนอื่นๆเหรอครับ” ผมพูดเสียงแห้ง ยังคงมองหน้ารถของพวกไอ้โฟร์ทที่ยังไม่ยอมขับมาจอดสักที
“ก็…” น้องเขาไปไม่ถูกเลยทีเดียว “ไปกับพี่ป่าไม่ได้เหรอคะ”
ทำไมต้องมาทำเสียงออดอ้อนใส่ผมด้วยเนี่ย...ผมหันไปหาเพื่อนเพื่อขอความเห็น พวกมันรักผมมากครับ ทำเป็นหยิบชีทขึ้นมาเปิดแล้วก็เถียงกันเป็นวรรคเป็นเวร
เรื่องโยล่ะโคตรช่วย พอเรื่องนี้ทำไมไม่ช่วยเลยวะไอ้พวกนี้
ขอบคุณสวรรค์ที่รถไอ้โฟร์ทจอดพอดี “ขอโทษนะครับ” ลืมความเขินไปก่อนตอนนี้ ผมต้องได้เห็นหน้าโย ไอ้โฟร์ทที่เปิดประตูลงมาคนแรกมองผมอย่างงงๆ ไอ้มิ่งที่ลงมาฝั่งผมก็มองผมอย่างงงๆเช่นเดียวกัน
“โยล่ะ”
“ไอ้โย...มันก็...” มิ่งกำลังชี้ไปที่เบาะหลังที่มันเพิ่งลุกจากมา แต่ทว่า “อ้าวเชี่ยโย”
ตัวการวิ่งจู๊ดไปไหนแล้วก็ไม่รู้ครับ คิดว่าเล่นไล่จับกันอยู่หรือไง
“จะไปไหน” ผมรีบวิ่งตาม ใช้เวลาไม่นานก็ไล่ตามทัน...
เหี้ย…น้องเขาหน้าแดงหูแดงไปหมด...
อดขำไม่ได้จริงๆ... “ฮ่าๆๆ”
“ไม่ต้องมาพูดเลย” โยก้มหน้าก้มตางุด โคตรฮา ผมแย่งกระเป๋าน้องมาถือ
“ใจเย็น”
“บอกแล้วว่าไม่ต้องมาพูด”
“ยังโกรธอยู่เหรอ”
“โกรธดิ!” โยตะโกนใส่หน้าผม ดูจากสภาพการณ์แล้วไม่น่าจะจริงจังอะไรมากครับ ง้อไม่น่ายาก(ใช่มั้ย เริ่มไม่แน่ใจละ) “รู้แล้วทำไมไม่รีบบอกวะ รู้ตั้งหลายเรื่อง ไอ้พี่ป่าเหี้ยนี่”
“อ้าวทำไงได้ล่ะ จะรู้มั้ยว่าเรายังชอบพี่อยู่”
“แม่งเอ๊ย” ป๊าบ! ผมโดนเตะหน้าขาไปหนึ่งดอก
แม่งโคตรเจ็บ...ตัวก็บางแต่ทำไมแรงเสือกเยอะงี้วะ
“พี่เจ็บนะ” เจ็บจริงๆไม่ได้แกล้ง ผมเอามือคลำหน้าขาตัวเอง เขียวแน่ๆไม่มีข้อสงสัย
“สมน้ำหน้า”
“เออพี่ผิด พี่ขอโทษ” ผมยกสองมือยอมแพ้
“พี่แม่ง...ไม่เข้าใจว่ะ ทำให้โยต้องพูด...เสียเปรียบไปหมด” น้องเขาบ่นไม่เป็นภาษาแล้วครับ ผมยิ้มออกมาเบาๆ “ทีงี้ล่ะยิ้มโคตรง่าย!” ชี้หน้าผมเหมือนผมเป็นตัวประหลาด
“ไม่รู้สิ” ผมยักไหล่
“แม่ง!” โยทำหน้าเหมือนไม่รู้จะทำยังไง
“ใจเย็น”
“ไม่เย็นละ เอากระเป๋าโยมา”
“ไม่ให้” ผมยกกระเป๋าหนี “กินข้าวกัน” ถือวิสาสะแตะไหล่แม่งเลย...
โยสะบัดหนีครับ แต่ไม่หลุด “ไม่กิน”
“บางคนก็ยังเป็นเบ๊พี่อยู่นะ”
เด็กน้อยเถียงผมไม่ออก ได้แต่ฮึดฮัดอารมณ์เสียอยู่นั่น(แต่ทำไมแก้มแดง?) ดูๆไปก็น่ารักดี เหมือนโกรธมากแต่ก็ยังเขินอยู่เลยครับ
ผมทำอะไรน้องนี่...น่าสงสารมากอ่ะ
“เดี๋ยวพี่เลี้ยงนะ...” เผื่อจะทำให้โยรู้สึกดีขึ้น...
…รึเปล่าวะ ผมเริ่มไม่แน่ใจละ เห็นเขาหน้าหงิกแบบนี้ทั้งๆที่หน้ายังแดงผมก็เดาอารมณ์ไม่ถูกเหมือนกัน
“…เป็ดเอ็มเค”
อืม…ไม่น่าจะมีปัญหา...
สงสัยเด็กน้อยจะหิวครับ กินเก่งมาก เป็ดจานบิ๊กน้องฟาดไปสองแล้ว...สุดยอดจริงๆ...กินแล้วเอาไปซ่อนไว้ไหนวะนั่น...
“ไม่กินล่ะ?” โยเงยหน้ามาถามผม ตะเกียบยังคาปากอยู่เลย
“อิ่มแล้ว” อย่าหาว่าน้ำเน่าเลยครับ แค่เห็นน้องมันกินผมก็อิ่มแล้วจริงๆ...มีความสุขอ่ะ
“ต้องอ้วนแน่” โยทำหน้าเครียด “แต่ช่างมันก่อน”
“ดูดีขึ้นกว่ามัธยมเยอะนะ ดูแลตัวเองเหรอ”
“เพราะใครกันล่ะ!”
ไอ้เหี้ย...กูนี่สะดุ้งเลย
“เพราะพี่เหรอ”
“เออดิ” โยพูดไปเคี้ยวไป
ผมยิ้มอีกรอบ...
“ทีงี้ยิ้มบ่อยจัง”
“ปกติพี่ก็ไม่ค่อยยิ้มนะ”
“รู้…” โยพูด “…แต่ตอนนี้ยิ้มโคตรบ่อย”
“เพราะใครกันล่ะ”
ผมเอาคืนบ้าง นั่นทำให้โยหยุดกินแล้วก็มองหน้าผมที่ผมกำลังจ้องมองเขาอยู่...
“ฮึ่ย” ส่งเสียงออกมาเหมือนหงุดหงิดซะงั้น “…หว่านเสน่ห์ตลอด”
“ฮะ?”
“เปล่า…”
“ก็หว่านแค่กับเรา...”
“แน่ใจเหรอ” โยเอาตะเกียบชี้หน้าผม “อย่าให้พูดถึงการกระทำของคุณในตอนที่ผ่านๆมา”
“?”
“ดีกับคนอื่นไปทั่วแบบนั้นน่ะ”
“ไม่รู้ตัวเหรอว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่น”
โยชะงัก...สงสัยกำลังคิด และก็คงกำลังจะเห็นด้วย...
“เชื่อพี่เถอะ...”
ผมเอาแต่จ้องเขา ในขณะที่โยเอาแต่หลบตาผม...
“จีบโยป่ะเนี่ย” โยรำพึง คนหมี่หยกในชามด้วยท่าทางงกๆเงิ่นๆ
ผมยิ้ม... ก่อนที่จะพูดเสียงดังฟังชัด...
“ยังจะถามอีก...”
TBC*
Talk : เทหมดหน้าตัก เพราะรักหมดใจ...คนอ่านน่ารักมากกกกกกก