เดือนเกี้ยวเดือน #36 พาร์ทของบีม
ผมคิดมาตลอดว่าผมชอบผู้หญิง
และผมก็เริ่มลังเลตอนที่ผมเริ่มรู้สึกดีที่มีเพื่อนอย่างไอ้คิท
และผมก็ยิ่งลังเลหนักเข้าไปใหญ่เมื่อผมยอมให้ไอ้โฟร์ทเอาได้ง่ายๆ!
จริงๆผมเริ่มลังเลหนักแบบสุดๆก็เพราะไอ้โฟร์ทนี่แหละครับ ตอนนั้นผมเมา แม่งโคตรเมาอ่ะ และไอ้โฟร์ทนี่มันก็หล่อระดับพระกาฬถ้าไม่มีไอ้ป่าประกวดด้วยผมว่ามันนี่แหละครับคือเดือนมหาลัย แต่ว่าที่ผมยอมมันเพราะมันหล่อแค่นั้นน่ะเหรอ
หรือว่าเพราะผมแอบมีใจให้มันอยู่ ?
บ้าน่า...ถ้าจะมีใจผมมีให้ไอ้คิทเพื่อนผมไม่ถูกกว่าเหรอ นี่มันอะไรกันครับ ผมเอามือทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ตั้งแต่ผ่านคืนประหลาดๆนั่นมา อารมณ์ผมแม่งก็มีแต่หงุดหงิด หงุดหงิด และก็หงุดหงิด
ผมสับสน เพราะผมกับไอ้โฟร์ทมี...กันแล้ว และที่แย่ไปกว่านั้น ผมแม่งเอามันออกไปจากหัวผมไม่ได้เลย
กลายเป็นว่าผมสนใจเรื่องของมันมากขึ้นซะอย่างนั้น ทั้งๆที่ผมพยายามจะไม่คิด ไม่แสดงออก ไม่สนใจ แต่ทุกครั้งที่ขับรถผ่านคณะวิศวะ ผมก็ต้องมองหาไอ้คนที่ใส่เสื้อช้อปสีน้ำเงิน หน้าตาดีที่สุดในปีสองอยู่ร่ำไป
กูเป็นบ้าเป็นห่าไรเนี่ย เพ้อเจ้อเป็นแต๋วไปได้
บางครั้งที่มันพยายามคุยกับผม แต่ผมก็ปฏิเสธมันอยู่เรื่อยจนบางทีมันอาจจะเหนื่อย ไอ้บ้านั่นพยายามอย่างมากที่จะเข้ามาคุยกับผมในเรื่องนี้ มันต้องการรับผิดชอบบ้าบอห่าเหว ปากผมก็บอกปาวๆว่าไม่เป็นไร กูไม่มีมดลูกท้องให้ใครไม่ได้ ผมบอกมันอย่างงั้นทุกครั้งจริงๆ จนบางทีมันอาจจะคิดได้แล้วว่าไม่ต้องสนใจคนอย่างผมก็ได้ คืนนั้นมันผ่านไปแล้วก็แค่ให้มันผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มันหายไปจากสารระบบชีวิตผม...ห้าวันแล้วมั้งครับ ตั้งแต่วันที่ผม ไอ้คิท และก็ไอ้หล่อป่าไปเรี่ยไรเงินอยู่ที่ตลาดนัดนั่น
แล้วกูจะรู้สึกใจหายทำไม
ลืมมันสิ ลืมมัน กลับไปใช้ชีวิตหมอเถื่อนชอบเหล้าเมายาเอาหญิงบ้าบอคอแตกอะไรของผมเหมือนเดิมดิ(ในหมอเถื่อนนี่ผมเพลย์บอยที่สุดแล้วครับ) แต่พอเอาเข้าจริงๆ แม้แต่ร้านเหล้านั่งชิว เปิดเพลงเสียงไม่ดัง ผมก็ยังไม่อยากที่จะย่างกรายเข้าไปเลย
มัวแต่ขับรถผ่านวิศวะอยู่นั่น
เออ กูมันบ้า บ้ามากที่มีแต่มันอยู่ในหัวตั้งแต่โดนมันเอา!
“เหี้ย” ทำไมเรื่องเรียนผมไม่จริงจังแบบนี้บ้าง(ขอโทษคนไข้ของหมอบีมในอนาคตด้วย) ผมอยู่บนรถตามเคยครับ ปกติจะมีไอ้คิทนั่งด้วย(คู่หูผมนี่) แต่วันนี้มันโดนไอ้ป่าลากไปครับ เพราะไอ้ป่าโดนพริ้งลากให้ไปติวให้อีกทีหนึ่ง ไอ้คิทมันก็เลยต้องไปด้วยเนื่องจากไอ้ป่าบอกว่าไปเป็นไม้กันหมาไอ้มัน แม่งหวงตัวเองเพื่อน้องโยชิบหาย พระเอกสุดๆ
เอี๊ยดดด! ผมเบรกรถอย่างกะทันหันเมื่อรถมอเตอร์ไซค์คันข้างหน้ามันขับปาดหน้า ไอ้ชิบหายเอ๊ย! คนยิ่งอารมณ์เสียอยู่ ผมนี่แทบจะเปิดกระจกรถแล้วร้องตะโกนด่าพ่อด่าแม่มันมาก แต่เมื่อเห็นช้อปวิศวะที่เป็นคนขับบวกกับผิวที่ขาวสะท้อนแสงแดดในยามเย็น แค่นั้นก็ทำผมชะงักได้
ไหนมึงบอกจะรับผิดชอบกูไง แล้วทำไมมึงมาแว้นอยู่แถวนี้ฟะ!
คิดอย่างเซ็งๆ(ตัวเองเป็นคนไล่เขาเองแท้ๆ)และก็ออกรถต่อ ไอ้โฟร์ทที่ขับมอเตอร์ไซค์อยู่ข้างหน้าเหมือนจะขับเร็วเอามากๆไม่รู้หมาที่บ้านมันจะออกลูกหรืออย่างไร ขับรถเหี้ยไรของมึงทำไมไม่ระมัดระวัง
อ้าวชิบ นี่ผมกำลังเร่งเครื่องรีบขับตามมันไปซะฉิบ เพื่ออะไรเนี่ยกู?!
ที่แท้มันก็มาที่คณะมันครับ พอมันจอดรถแม่งก็รีบวิ่งเข้าไปในตึก ท่าทางตื่นตกใจและก็รีบเอามากๆ เหมือนมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นยังไงยังงั้น
ยังไงดีล่ะทีนี้ เริ่มรู้สึกอยากจะเผือกขึ้นมาแล้ว เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าวะ ผมรู้สึกได้ว่าผมลังเล แต่รู้สึกอีกทีแม่งก้าวเท้าลงมาจากรถแล้วอ่ะ อะไรสั่งผมให้ผมทำแบบนั้น?
โชคดีที่มาตึกวิศวะบ่อย(วันนั้นก็มาส่งสาวแล้วก็เจอไอ้โฟร์ทและหลังจากนั้นก็ตึ้งโป๊ะกันนั่นแหละครับ)ทำให้ผมพอจะรู้ที่รู้ทางบ้าง เดินได้ไม่นานก็หาเจอว่าไอ้โฟร์ทมันรีบร้อนเพื่ออะไร
ไอ้เหี้ย...นี่มึงมาตีกันใต้ตึกเลยเหรอ!
ผมชะงักกึก แม้ว่าผมจะเพลย์บอยแค่ไหน แต่เรื่องตีกันนี่ขอบาย ผมไม่ให้คนอื่นมาทำร้ายผมและผมก็ไม่อยากทำร้ายคนอื่น ภาพข้างหน้านี่เหมือนผมช่างกลตีกันชะมัด ฝ่ายหนึ่งช้อปสีน้ำเงิน ส่วนอีกฝ่ายนี่เป็นสีอีกช้อปหนึ่งซึ่งผมก็จำไม่ได้ว่าของคณะอะไร
แล้วผมควรจะทำห่ายังไงดีเนี่ย แม่งโคตรวุ่นวายและก็อลหม่านกันแบบสุดๆแถมยังเรียกได้ว่าสุดที่จะวินาศสันตะโร
ในขณะที่ผมงงว่าผมควรจะวิ่งเข้าไปช่วยหรือวิ่งหนีจากเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่นั่นเอง...
ไอ้โฟร์ทก็มองเห็นผมพอดี...หน้ามันเลือดไหลซิบไม่รู้เลือดมันหรือเลือดคู่ต่อสู้
เท่ตรงไหนวะถามจริง? ตีกันเนี่ย...
“บีม” ไอ้โฟร์ทรำพึงชื่อผม
และนั่นก็ทำให้ศัตรูมันเห็นผมและเสือกจะคิดว่าผมเป็นพวกวิศวะอีกคนหนึ่ง(หน้ากูเหมือนวิศวะขนาดนั้นเลย?) พอมือกับเท้ามันว่างแม่งก็เลือกผมเป็นเป้าหมายซะงั้น
ซวยแล้วไง กูกะมาเป็นไทยมุงแท้ๆ
“ชิบหายแล้ว”
ผมร้องเมื่อศัตรู(มันถูกสถาปนาเรียบร้อยแล้ว)ก้าวเท้ามาหา และตอนที่มันเงื้อมหมัดมาที่ผมเท่านั้นแหละ
ผมก็ถีบมันสิ - -“
เมื่อมันล้มพับ คนที่อึ้งที่สุดเห็นจะเป็นไอ้โฟร์ท
“ดูแลตัวเองได้นี่” โฟร์ทมองอย่างทึ่งๆ
เชี่ยอะไรเล่า เรื่องของกูก็ไม่ใช่ ผมยังคงนิ่งอยู่จนกระทั่งศัตรูคนที่สองเข้ามา และก็สาม และก็สี่ เห้ย ผมกลายเป็นฝ่ายน้ำเงินของวิศวะไปแล้วงั้นเหรอ
ผมก็ไม่ใช่ว่าจะเก่งถึงขนาดหลบลูกเตะและก็หมัดได้ทุกครั้งหรอกนะ ผมก็ต้องโดนบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ถือว่าน้อยเพราะตอนที่ผมโดนอ่ะ ไอ้โฟร์ทมันต้องหันมาจัดการคนที่จะมาจัดการผมทุกที ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บอย่างที่ควรจะเป็น แต่ก็นึกสงสัยว่าเมื่อไหร่มันจะจบจะสิ้นสักที
จนกระทั่งเสียงนกหวีดดังเท่านั้นแหละ...สงครามอ่าว(?)แม่งก็สลายโต๋เร็วกว่าตอนตีกันซะอีก และตอนที่ผมไม่รู้จะไปไหนนั่นเอง ไอ้โฟร์ทมันก็วิ่งมาดึงแขนผมให้วิ่งหนี
โว้ย เกิดมาก็เพิ่งมีประสบการณ์แบบนี้ล่ะวะ พอดีไอ้หัวหน้าแก๊งผมซึ่งก็คือไอ้ป่าศัตรูมันน้อยครับตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม หรือถ้ามีมันก็จัดการให้ล้มโดยที่ผมไม่ต้องออกแรงสักแอะ ก็มันแม่งเล่นบาสไม่พอ ยังมีเทควันโดยูโด เล่นจนเป็นสายดำ เพราะงั้นมีไอ้ป่าคนเดียวผมกับไอ้คิทก็สบาย ไม่ต้องออกแรงห่าไรเลย
“มาได้ไง” โฟร์ทถามทั้งๆที่ยังวิ่งกันอยู่
“มานี่” ผมพูดพร้อมกับกดกุญแจเสียงดังเพื่อให้รถของผมเปิดประตูได้ ผมกับโฟร์ทเข้าไปหลบในนั้น ผมรีบสตาร์ทรถเพื่อที่จะหนีจากการจับของเจ้าหน้าที่มหาลัยทั้งหลายทั้งแหล่ทันที(ไม่ยอมให้โดนอะไรเด็ดขาด กว่าจะสอบติด กว่าจะเรียนผ่านปีหนึ่งมาได้เกือบร้องไห้ไปกี่รอบ ไม่ยอมหรอกนะเออ)
“คันนี้รถมึง เอ๊ย รถบีมเหรอ” ไอ้โฟร์ทมองอย่างทึ่งๆ
“เออ ทำไมวะ”
“จำรถบีมได้นะ แต่จำทะเบียนไม่ได้ นึกว่าไม่ใช่ เพราะขับโคตรเต่าก็เลยแซงแม่ง”
ไอ้ฟายเอ๊ย...ผมมองมันอย่่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
“น่าจะพ้นแล้วล่ะ” โฟร์ทมองไปรอบๆแล้วก็บอกผม “แล้วจะตอบได้ยังว่ามาได้ยังไง ขับตามมาเหรอ?” โฟร์ทมองดูผมด้วยสายตาล้อๆ แม้จะมีเลือดนิดๆบนหน้ามัน แต่มันก็ยังดูดีอยู่...
“กูเปล่า”
“อืม งั้นเหรอ” ใครจะไปเชื่อผมล่ะครับ
“หน้ามึงเลือดเต็มเลย” ผมพูด
“มีพวกมันบางตัวใช้สนับมืออ่ะ”
“เหี้ยยย” ผมร้องเสียงหลง “มีศัตรูด้วยเหรอไม่ยักรู้”
“เปล่าหรอก เขาเรียกเพื่อศักดิ์ศรีคณะ น้องโดน พี่โดน เพื่อนโดน เราก็ต้องโดน”
กูล่ะยอมตรรกะพวกวิศวะจริงๆ...ผมกลอกตาขึ้นด้านบนก่อนที่จะขับรถไปเรื่อยๆ ว่าแต่ผมจะขับไปไหนนี่?
“บีม...เจ็บตรงไหนมั้ย”
“ไม่” ผมตอบ แม้ว่าเสื้อนิสิตจะเขรอะไปสักนิดเพราะรอยเท้าบางคน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเป็นแผลเหวอะหวะอะไร แต่รอยช้ำเขียวอ่ะไม่แน่
“แน่ใจนะ”
“แน่” เมื่อบรรยากาศรถเริ่มเงียบ ผมก็เลยกระแอม ก่อนที่จะพูดขึ้นมา “ไม่ต้องพูดเพราะกับกูก็ได้ พูดเหมือนเดิมกับกูก็ได้ กูยังพูดเหมือนเดิมกับมึงเลย” แม้ว่าผมกับมันจะเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะเหล้าที่ไม่เหมือนเดิมกันแล้วก็ตาม
ผ่านคืนอะไรมาด้วยกันแบบนั้น ร้อยทั้งร้อยต้องไม่เหมือนเดิมสิ มีแต่แย่ลงและก็ดีขึ้นเท่านั้น...
“ได้ไง” โฟร์ทพูดเหมือนไม่ได้สนใจอะไร “ไม่เหมือนเดิมก็คือไม่เหมือนเดิมสิ บอกไปแล้วไง...”
“บอกอะไรวะ” ผมกำพวงมาลัยแน่นขึ้น
“บอกแล้วว่าจะจีบ”
เอี๊ยด
ผมเบรกไปนิดเดียวแต่หัวแทบทิ่ม...ไอ้โฟร์ทโดนเก๊ะโขกหัวไปทีหนึ่ง
“ตกใจรุนแรงขนาดนั้นเลย” มันคลำหัวป้อย เพราะผมมันก็เลยต้องเจ็บเพิ่มสินะ
“เปล่า...แค่ไม่เชื่อคำล้อเล่นของมึงเฉยๆ” ผมพยายามแก้สถานการณ์
“ล้อเล่นอะไรวะ นี่ไปตื๊อขนาดนั้นเรียกล้อเล่น? คิดได้ไงเนี่ย”
“อ้าวไอ้สัด” ผมโวยวาย “กูมีสิทธิ์คิดอะไรก็ได้ มึงอาจจะตื๊อเพราะแค่รู้สึกผิดเฉยๆก็ได้ ไม่ได้ตื๊อเพราะจีบกูหรอก”
…
ทำไมเสียงผมต้องแผ่วลงและก็รู้สึกแปลกๆในใจด้วย เหมือนหัวใจมันกระตุกวูบพิกล
ผมเสียใจเพราะคำพูดของตัวเองอย่างงั้นเหรอ
เหมือนตอกย้ำความจริงอะไรบางอย่าง ว่าที่มันรู้สึกกับผม เป็นเพียงแค่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีตามประสาคนดีอย่างไอ้โฟร์ทเท่านั้น
“ไม่”
ไอ้โฟร์ททำผมสะดุ้ง ลืมมองถนนแต่ก็หันมามองหน้ามัน
“ตอนแรกก็คิดว่าใช่ รู้สึกผิดเฉยๆ ทำผิดก็เลยอยากรับผิดชอบ แต่ว่า...” ไอ้โฟร์ทเสมองออกไปนอกหน้าต่าง
“บีมทำให้โฟร์ทหลงบีมว่ะ...”
ผมเปลี่ยนเป็นมองถนนบ้าง แต่ถนนในสายตาของผมตอนนี้รู้สึกเหมือนไม่เป็นถนนแล้วครับ มองอะไรไม่เห็นเลย เพราะคำพูดของไอ้โฟร์ทนี่แหละ
“บีมติดอยู่ในนี้ ไม่ไปไหนเลย...” มันชี้ไปที่หัวตัวเอง
ถ้าจะรู้สึกเหมือนกันกับผมขนาดนั้น...
“กูลีลาเด็ดว่างั้น” ผมพูดติดตลก จนมานึกได้ทีหลังว่าไม่น่าพูดเลย เสียเชิงชายหมด จากที่ได้คนอื่นมากลายเป็นคนอื่นมาได้เสียอย่างนั้น จะบ้าตาย
“หึ” โฟร์ทหลุดหัวเราะโดยไม่มองหน้าผม “งั้นมั้ง”
เกิดความเงียบขึ้นภายในรถ ผมถอนหายใจเบาๆพลางขับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเลยมหาวิทยาลัยออกมาไกลมากแล้ว ผมจึงจอดรถและก็บอกไอ้โฟร์ท
“เดี๋ยวมานะ” ผมบอกมัน
“ไปไหน” โฟร์ทถามทันที
“เดี๋ยวมา”
ผมเดินไปซื้ออุปกรณ์ทำแผลจากร้านขายยาแถวนั้นแล้วโยนทั้งหมดลงตักไอ้โฟร์ทตอนที่ผมถึงบนรถแล้ว
มันมองอย่างงงๆ “ซื้อมาให้เหรอ”
“ไม่ จะเก็บตังค์มึงทีหลัง” ผมล้อเล่นน่ะ
“เห้ย น่ารักว่ะ”
ขนลุก...ปกติมีแต่คนชมผมว่าหล่อว่าเท่...แต่ไอ้โฟร์ทกลับชมผมว่าน่ารัก
และกูก็เสือกจะรู้สึกภูมิใจซะงั้น
“เลือดมึงจะหยดลงรถกูอยู่แล้ว” ผมพูด หยิบผ้าสำหรับเช็ดแผลในถุงออกมาแล้วยื่นออกมาให้มัน “เช็ดซะ มองนานๆแล้วสยอง”
“โฟร์ทเจ็บแขนด้วยเนี่ย ยกไม่ค่อยขึ้น” ไอ้โฟร์ทยกแขนให้ผมดู เห้ย ทำไมมันดูอ่อนแรงแบบนั้นล่ะ
“หักเหรอ! หรือร้าว! ไอ้สัดทำไมไม่รีบบอก จะได้พาไปโรงพยาบาล!” ผมร้องลั่นก่อนที่จะเตรียมตัวออกรถไปโรงพยาบาลแถวนี้ทันที
“ไปทำไมวะ หมอก็อยู่นี่”
ผมชะงัก “กูจะทำห่าไรเป็นล่ะ อยู่ปีสองเอง”
“เช็ดให้หน่อย”
“ฮะ”
“เช็ดๆๆ”
พ่องตาย...ผมส่ายหัวอย่างรุนแรง ยังไงก็ไม่ทำให้แน่ๆ เอาจริงๆนะผมยังมองหน้ามันได้ไม่เกินห้าวิเลยครับ พอมองนานๆแล้วต้องมองไปทางอื่น นี่สินะที่เรียกว่ามองหน้าไม่ติด(หรือไม่ก็อายเรื่องคืนนั้นจนไม่กล้าจะมอง)
“เจ็บจริงๆนะ” มันพูดย้ำ จนผมต้องกลอกตาขึ้นไปด้านบนแล้วก็แย่งผ้าในมือมันออกมา
พอมองหน้าไอ้โฟร์ทผมก็ต้องพยายามอย่างหนักที่จะโฟกัสบริเวณที่เลือดไหล ไม่ใช่ดวงตาคมกริบของมันที่จ้องมาที่ผม ดวงตามันคมมากทั้งนัยน์ตาทั้งรูปตา อีกทั้งไรหนวดรำไรนั่นอีก...
มองทีไรก็รู้สึกไปถึงเรื่องคืนนั้นทุกที นี่ผมเป็นบ้าเป็นบออะไร
“อ๊ากกกก”
“เห้ย ขอโทษ” ผมร้องเสียงหลงทันที ไอ้โฟร์ทคลำแผลตัวเอง
“เจ็บ” มันร้อง
“มาไว้ใจให้กูทำทำไมล่ะ”
“เชื่อใจไง”
เชื่อใจ?
เชื่อใจ...ผมนึกไปถึงเรื่องคืนนั้นอีกแล้ว...
“แปลกๆนะ ต้องไปหาหมอให้หมอตรวจจิตให้ป่ะ” โฟร์ทพูด เมื่อผมทำหน้าประหลาดออกไป
“มึงจะบ้าเหรอ”
“บีมมากกว่ามั้งที่ใกล้บ้าแล้ว”
“เพราะใครกันล่ะวะ” ผมโวยวาย
“คืนนั้นบีมชวนก่อนนะ”
“…” ชะงักเลยกู
“เอ๊ย ขอโทษ ไม่พูดอีกแล้ว”
ผมถอนหายใจ รู้สึกเซ็งขึ้นมาอีกจนได้ ไม่ได้เซ็งเพราะไอ้โฟร์ทครับ แต่เซ็งเพราะผมเองนี่แหละที่แปลกไป ไม่เป็นตัวของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
“จริงๆก็ไม่อยากหายไปหรอกตั้งสี่ห้าวัน...ก็แค่กลัวบีมรำคาญ”
“…”
“เอางี้ดีมั้ย โฟร์ทก็จะจีบของโฟร์ทไปแบบนี้แหละ จะชอบไม่ชอบก็ตามใจ ไม่อยากให้ลำบากใจหรืออึดอัด”
“…”
“เป็นห่วง”
ผมเสมองไปทางอื่น แม้จะมีแสงไฟหลากสีสันอยู่ถนนข้างๆกระจกแต่ผมก็รู้สึกว่าผมมองอะไรไม่เห็น
“เห็นบีมทำหน้าไม่มีความสุขแล้วรู้สึกผิดชิบหาย” โฟร์ทพูดไปเรื่อยๆ “อันนี้อะไรวะ” มันหยิบขวดยาที่ผมซื้อมาแล้วก็ถาม
“ทิงเจอร์ไง” ผมต้องหันมาตอบมัน
“เชี่ยยย” มันโยนกลับเข้าในถุง
“ทำไมอ่ะ”
“มันแสบ” โฟร์ททำหน้าแหยง
“ต้องใช้ มันใส่แผลสด ฆ่าเชื้อโรค”
“ไม่เอาอ่ะ ไม่เอา” แล้วมันก็มัดปากถุงเสร็จสรรพ ราวกับว่าไม่ต้องการจัดการเรื่องนี้อีกแล้ว
“มึงต้องทำแผลนะ”
“ไว้ค่อยทำก็ได้”
“ไม่ได้ ต้องทำเดี๋ยวนี้”
“ไม่เอา แสบ”
“ไอ้โฟร์ท”
“…”
“ไอ้บ้าเอ๊ย”
ผมแย่งถุงจากตักของมันมาแล้วเปิดปากถุงออก พร้อมๆกับหยิบยาและอุปกรณ์อย่างไวเพื่อที่จะทำแผลให้มัน
“เอาจริงอ่ะ” โฟร์ทยังคงทำหน้าแหยงไม่หาย
“เอาจริงสิ ไม่งั้นไม่หายนะ”
“เชี่ยยยย มันจะแสบอ่ะดิ”
“แล้วตอนโดนชกไม่เจ็บไม่แสบ?”
“ตอนนั้นคิดแต่เรื่องศักดิ์ศรี...กับเมียที่มาจากไหนก็ไม่รู้”
“มึงว่าไงนะ”
“เปล่า” โฟร์ทพูด ก่อนที่จะร้องเสียงดังหลังจากที่ผมแตะโดนแผล “อ๊ากกกกกก!”
หน้ามันเถื่อนชิบหายแต่ตอนทำแผลร้องโหวกเหวกโวยวายอย่างกับเด็ก
ผมมองไปที่โฟร์ทแล้วส่ายหน้าเบาๆอย่างระอาๆ ไอ้เด็กคนนั้นกำลังกินข้าวด้วยท่าทางหิวโหย
จะว่าไปมันก็หล่อดีเหมือนกันนะครับแม้จะมีผ้าปิดแผลอยู่บนใบหน้า ออกแนวเถื่อนๆมีหนวดเจาะหูสักลาย(และผมก็รู้หมดว่าลายไหนอยู่ตรงไหน ให้ตายเถอะ) แต่ผิวกลับขาวจัดและมีฟันที่ขาวสะอาดปากเป็นกระจับอีกต่างหาก
สมกับตำแหน่งรองอันดับหนึ่งตอนประกวดดาวเดือนปีผมนั่นแหละ
“จ้องทำไมเนี่ย” มันเงยหน้าขึ้นมา เจอผมกำลังมองมันพอดี ผมรีบหันไปทางอื่น “แล้วนี่ไม่กินอะไรเหรอ สั่งมาสิ”
“ไม่ล่ะ มีนัดแล้ว” ผมโกหก
“กับใคร? คิทหรือว่าไอ้ป่า”
ผมกระพริบตาปริบๆมองหน้ามัน
“โอเค รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ถาม” มันทำหน้าเซ็งๆนิดหน่อยแต่ก็คงไม่ได้คิดอะไรมาก เหมือนจะปล่อยๆให้ผมเป็นอิสระ ราวกับว่าตอนที่มันพูดว่ามันจะจีบของมันไปเรื่อยๆโดยที่ผมเป็นตัวของตัวเองได้นั้นเป็นสิ่งที่มันพูดจริงๆ
เวร...ทำไมผมถึงต้องรู้สึกเจ็บแปล๊บๆตอนที่มันทำหน้าเซ็งด้วย
“แล้วดีขึ้นแล้วใช่มั้ย เดินแล้วไม่ปวดนะ?”
“ไอ้สาด ผ่านมาตั้งกี่วันแล้ว...”
“ก็ไม่รู้” มันก้มหน้างุด “ก็มันสด ไม่ใส่เจล ไม่ใส่ถุง...ก็คิดว่าคงเจ็บ เห็นว่ามีเลือดออกด้วย...”
มึงจะพูดทำไมวะเนี่ย...
“ไม่เป็นไรแล้ว” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง “กินเสร็จยัง เดี๋ยวไปส่ง”
“ถ้ารีบมากก็กลับก่อนก็ได้ เดี๋ยวโทรให้เพื่อนมารับ”
มันคิดว่าผมจะรีบไปตามนัด...ใบหน้าของมันไม่ซีเรียสเลยครับ แต่ผมเนี่ยสิซีเรียส ทั้งๆที่ผมเป็นคนโกหกออกไปแบบนั้นแท้ๆ
ฟอร์มผมเยอะมาก ในขณะที่มันไม่มีฟอร์มเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ เดี๋ยวไปส่ง”
“ต้องไปส่งที่คณะเลยนะ รถจอดอยู่นั่น”
“ได้ ไม่มีปัญหาหรอก”
“แล้วคนที่รออยู่จะไม่เป็นไรเหรอ เห็นบีมดูรีบๆ”
“ก็ได้ๆ งั้นกูไปละ” ผมลุกขึ้นยืน แล้วเดินหนีไปเลย ไอ้โฟร์ทดูตกใจมากอะไรมาก...จนกระทั่ง...ผมเดินกลับมาหามันอีกรอบ “ไงมึง รอนานป่ะวะ โทษทีกูรอไอ้เชี่ยคนหนึ่งมันกินข้าวอยู่”
โฟร์ททำหน้างงนิดหน่อย ก่อนที่จะหัวเราะแล้วทำหน้าเข้าใจ “อ้าวเหรอ ไอ้เชี่ยนั่นสงสัยจะหล่อมากเลยเนอะ”
“ก็น้อยกว่ากูอยู่...”
“โฟร์ทว่าไม่นะ”
“ว่าไงนะ...”
“เปล่าครับ” โฟร์ทรีบพูด “มาแล้วก็สั่งอะไรสิ ท่าทางหิวๆนะ”
“ขอเมนูให้หน่อยสิ”
โฟร์ทยิ้มโชว์ฟัน “ได้ๆ พี่ครับ ขอเมนูหน่อย”
ฟอร์มผมมันก็มีอยู่แค่นี้แหละ...
…ใช่ว่าจะมีแต่มันที่แคร์ผมคนเดียวตั้งแต่เมื่อไหร่
“อันนี้อร่อยนะ กินเยอะๆ”
“นึกว่าจะมีแต่กูที่สั่งซะอีก”
“ก็สั่งมาเผื่อ เห็นหิวๆจริงๆนะ กินนี่ด้วย นี่ด้วย นี่ด้วย”
“เชี่ยยยย เต็มจานแล้ว”
“บำรุงไง”
“บำรุงห่าไร”
“หึหึ”
“ทำไมต้องชอบทำเหมือนกูท้องอยู่เรื่อย” “เปล่าซะหน่อย...”
“…”
“...เหมือนเมียต่างหาก” “เมียพ่องมึงดิ!!!” “เสียงดัง”
“ต้องดังโว้ย กูไม่ยอม ครั้งต่อไปกูกดมึงแน่” “นี่เราสองคนจะมีครั้งต่อไปเหรอ”
“…”
“เอาดิ แต่ต้องเป็นตอนไม่มีเหล้าเข้าปากทางคู่นะ”
“…เชี่ย”
“บีมต้องฟินมากแน่ๆ ฟินกว่าคืนนั้นอีก”
“เลิกพูดไปเลย”
“บอกเองนี่ว่าครั้งต่อไปจะมากดอ่ะ”
“แล้วยอมป่ะ” “…เรื่องอะไรจะยอมล่ะครับ”
“เชี่ยยยยยย กูไม่ยอมอ่ะกูไม่ยอมมมมม!”
“ไม่ทันแล้วมั้ง...”
“กูไม่ยอมจริงๆนะเว้ย”
“บีมเสร็จโฟร์ทแล้ว”
“ไม่ต้องมาย้ำ!”
“หึหึหึ”
“สักวันหนึ่ง คอยดูเหอะ มึงเสร็จกูแน่”
“นี่แสดงว่าเราสองคนจะมีครั้งต่อไปจริงๆใช่มั้ย”
“ไม่ใช่อย่างนั้น!”
“ฮ่าๆๆๆ” TBC*
TALK : เหมือนจะค่อยๆเป็นค่อยๆไป...ทำไมโฟร์ทดูมุ้งมิ้ง 5555 สรุปงานนี้เมะคู่เหรอคะ หรือหมอบีมหมดสิทธิ์เมะแล้ว?
ลุ้นต่อค่ะลุ้นต่อ ปล.เม้นกันไวมากกกกกกกกกก แบบนี้คนเขียนสู้ขาดใจเลย