เดือนเกี้ยวเดือน #45
ถ้าคุณได้กินโยหนึ่งครั้ง ผมเชื่อว่ายังไงคุณก็ไม่มีวันพอ
ผู้ชายบ้าอะไรครับ นอกจากจะเป็นคนที่ผมแอบชอบ แอบมองมานานด้วยความเซ่อเด๋อด๋าของเขา บัดนี้เขาทำผมหลงเขาหัวปักหัวปำไปหมด ไม่ว่าจะเป็นนิสัย ความคิด หน้าตา และก็ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาในลิสต์หยกๆก็คือ...ความเซ็กซี่
ผมบอกคุณคุณคงไม่เอาไปบอกโยใช่มั้ย...ภายนอกโยอาจจะดูผอมสูงโย่งก็จริง แต่เนื้อใต้ร่มผ้า บอกเลยว่าเป็นอะไรที่ผมแอบเช็ดน้ำลายตัวเองเงียบๆ ก่อนที่ผมจะไม่ได้โย ผมก็แอบมองอยู่เหมือนกันแหละครับเวลาเขาเผยเนื้อใต้ร่มผ้าให้ผมดูแบบไม่ได้ตั้งใจ มันก็ขาวแหละ แต่ผมไม่คิดว่ามันจะมีความเซ็กซี่ซ่อนอยู่มากมายขนาดนั้น
โยไม่ได้แห้ง แต่โยไม่มีไขมันส่วนเกิน ลำตัวของเขาขาวเนียนเรียบไร้ที่ติไม่พอยังไม่ได้นุ่มนิ่มเหยาะแหยะ จากที่ผมได้ชิม จากที่ผมได้สัมผัส...ผมก็เพิ่งรู้นี่เองว่าแบบนี้แหละที่ผมหลงใหล...แต่ถ้าไม่ใช่โย...ผมไม่เอานะครับ
นี่ผมเป็นคนหื่นเหรอ...อืม...ก็อาจใช่...ผมคงเป็นคงหื่นจริงๆนั่นแหละ
“พอแล้ว” โยกระซิบ หลังจากที่ผมถอนกายของผมออกมาจากตัวเขาได้สักพัก ไอ้เสือพนาคนนี้มันไม่พอครับ แม่งอยากจะต่อรอบสาม(สามแล้วจริงๆ...)ตามใจเจ้าป่าน้อยหน่อย แต่ดูเหมือนโยจะไม่ค่อยไหวซะแล้ว
“ไม่ทำอะไร...จริงๆ” ผมกระซิบตอบ ฟังดูหื่นๆแต่ก็หื่นจริงๆนั่นแหละ ผมชอบหอม ชอบใช้จมูกและปากสัมผัสโยไปทั่วใบหน้า ซอกคอ ลำตัว อันที่จริงคือทั่วร่างของเขา
“เมื่อกี้ก็บอกไม่ทำอะไร แต่ก็เล่นซะ...” โยหน้าแดงก่ำ พยายามก้มหน้าหลบหน้าหลบตาผม “...เหนื่อย”
ทำไมผมไม่เหนื่อยเลยล่ะ... “พี่ทำเจ็บเหรอ”
“มันยังไม่ชิน”
ให้ตายเถอะ เพราะการที่ผมได้เป็นคนแรกของโยนั่นแหละทำให้ผมหลงใหลเขาจวนเจียนคลั่ง แต่สงสัยวันนี้คงต้องพอแค่นี้ กลัวโยช็อคไปซะก่อน ผมหอมแก้มเขาสองสามครั้ง ก่อนที่จะลุกขึ้นไปหยิบทิชชู่แล้วเช็ดตรงส่วนนั้นให้โยหลังจากที่พวกเราเสร็จกิจ
บอกตรงๆว่าผมต้องกลืนน้ำลายอีกรอบ...ตูดหรือว่าอะไรวะนั่น...เซ็กซี่เป็นบ้า...ผมส่ายหน้ากับตัวเองเบาๆลับหลังโย ยังไงผมก็ต้องหัดห้ามจิตห้ามใจตัวเองไว้บ้าง
ก็ตั้งแต่วันที่ผมสารภาพว่าทำไมผมหลบหน้าเขา นี่ก็เป็นวันที่สามแล้วที่พวกเรามีอะไรกันติดต่อกัน
โยยังไม่ชิน หรือไม่ก็เริ่มจะชิน...แต่ผมเนี่ยดิ มีแต่อยากได้ อยากได้ และก็อยากได้
ไอ้ป่า มึงมันตัวหื่น
ผมช่วยโยใส่บ็อกเซอร์กับเสื้อยืด และก็ใส่ให้ตัวเองบ้าง แต่มันร้อนผมเลยไม่ใส่เสื้อ เดินเหินไปทั่วราวกับห้องของโยเป็นห้องของผมเอง โยนอนนิ่งอยู่บนเตียงจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ ส่วนผมต้องทำหน้าที่ต่อแม้ว่าจะเพิ่งผ่านสวรรค์มา นั่นก็คือ...อ่านหนังสือ
ผมหยิบชีทมาแล้วก็นั่งลงข้างๆที่ๆโยนอนอยู่...ลมหายใจของเขาผ่อนเบาสม่ำเสมอเหมือนจะเหนื่อยเอามากๆ ผมถอนหายใจเบาๆ แม้ตัวเองจะเหนื่อย(เพิ่งรู้สึกเดี๋ยวนี้นี่เอง) แต่อีกไม่นานผมจะมีสอบ เบื่อจริงๆครับ อยากจะขายข้าวมันไก่
โทรศัพท์ของผมสั่นครืดคราดตอนที่ผมอ่านได้ไม่กี่สไลด์ ผมมองไปที่คนด้านข้าง เขาหลับลึกมาก ผมแอบนึกดีใจที่มันไม่กวนอะไรเขา
ชื่อหน้าจอทำเอาผมลังเลที่จะรับ หลังจากที่ผมรู้ความจริงอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ ผมก็มองเธอเปลี่ยนไป
“ฮัลโหล”
“ป่า ป่าอยู่หนายยย” น้ำเสียงพริ้งดูยานคาง ไร้ซึ่งความปกติ
“มีอะไรเหรอ”
“พริ้ง ฮึก... ป่าอยู่ไหนอ่ะ มารับพริ้งหน่อย”
“ไม่ล่ะ”
ผมกดวางสาย และความรู้สึกผิดก็ถ่าโถมเข้ามาแทนที่ ผมมันโคตรเสียมารยาทและก็ทำตัวไม่เป็นสุภาพบุรุษ แต่จะให้ผมทำยังไง เพราะปากคนกว้างขวางอย่างพริ้งที่ทำให้โยต้องเจอเรื่องบ้าๆอย่างไอ้พวกเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน
ใช่แล้วครับ ข่าวลือเรื่องโยขายตัวมันมาจากพริ้ง จริงๆแล้วคนมันจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่พริ้งดันเป็นดาวมหาลัย(คู่กับผม)คนรู้จักเยอะบวกกับพูดเรื่องนี้กับพวกผู้หญิงแป๊บเดียวข่าวลือมันก็ลือไปไกลอย่างกับไฟลามทุ่ง อีกทั้งยังมีคนเสริมเติมแต่งซะจนจริงเท็จเป็นยังไงก็ไม่รู้ ที่แน่ๆ แฟนผมแม่งโคตรเสียหาย ตอนแรกผมก็เดาสุ่มสี่สุ่มห้าไปแหละครับว่าใครมันเป็นตัวปล่อย พอไปพูดตรงๆเรื่องนี้กับพริ้ง ปฏิกิริยาการส่อแววมีพิรุจก็ปรากฏมาให้เห็น
และไอ้ตัวการที่โพสต์กระทู้บ้ากระทู้บอว่าโยขายโน่นนี่นั่น พริ้งเป็นคนจ้างให้ไปโพสต์เอง...
ผมคิดว่าจะมีแต่ในนิยายซะอีก แต่ผู้หญิงจอมวางแผนนี่ มันมีให้เห็นจริงๆนะครับในชีวิตจริงน่ะ...
ผมมองเสี้ยวใบหน้าของโยที่กำลังหลับอย่างครุ่นคิด ผมไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เสียงพริ้งเหมือนกำลังเมาและเหมือนกำลังอยู่ที่ไหนสักที่ ผมถอนหายใจ พยายามนึกในใจว่ายังไงเธอก็ดูแลตัวเองได้
ไม่นานนักพริ้งก็โทรมาอีกครั้ง คราวนี้โยขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ตื่นอะไร ผมกดรับสาย
“ฮัลโหล”
“พริ้งอยู่คนเดียวนะป่า ไม่มีใครมารับอ่ะ มารับหน่อยได้ป่าววว”
“ไม่ว่างอ่ะ โทรหาคนอื่นได้มั้ย คิทหรือบีมก็ได้” ขอโทษที่โยนงานให้นะเพื่อน แต่ถ้ากูไป งานกูจะใหญ่กว่าพวกมึงอีกถ้าโยรู้
“ไม่อ่ะ ต้องเป็นป่า ถ้าป่าไม่มา พริ้งจะไม่ไปไหนจริงๆด้วยยย”
“เอาแต่ใจกับเราคิดว่าจะได้ผลเหรอ อย่าลืมสิว่าพริ้งทำผิดกับแฟนป่านะ”
“แล้วไง แฟนป่า ไม่ใช่ป่าสักหน่อย!”
กูนี่อึ้งไปเลยครับ...ผมคิดมาตลอดว่าเธอเรียบร้อยใสๆ แต่เอาเข้าจริงธาตุแท้เริ่มโผล่มาให้เห็นทีละนิดๆ ความจริงอีกเรื่องที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับพริ้ง เธอเป็นคนเอาแต่ใจมาก และในคณะเดียวกัน...เธอเพื่อนน้อยสุดๆ ที่คบๆเธออยู่ก็มีแต่พวกผม และก็พวกผู้หญิงสองสามคนที่พวกนั้นดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่พวกออกไปเที่ยวข้างนอกแบบที่พริ้งทำในคืนนี้
“อืม...งั้นเดี๋ยวโทรบอกคิทกับบีมให้ อยู่ร้านไหนล่ะ”
“ป่า ก็บอกแล้วไงว่าต้องเป็นป่า ไม่เข้าใจเหรอ”
“เข้าใจ แต่ไม่ได้ไง บอกมาสิว่าอยู่ร้านไหน”
“โกรธพริ้งมากเลยเหรอ...”
ผมเกาหัว...ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไงดี คุยกับผู้หญิงเมานี่เหมือนคุยกันคนละภาษาครับ
ผมไม่อยากดูเป็นคนใจร้าย ไม่เป็นสุภาพบุรุษ แต่จะให้ผมไม่โกรธอะไรเลยก็ใช่เรื่อง
“ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้นหรอก”
“งั้นก็มารับพริ้งสิ นะๆๆ”
เว้ยยยยย หน้าตากูเหมือนแท็กซี่มากหรือไงวะ ผมมองหน้าโยสลับกับคิดว่าจะเอาไงดี เหมือนโยจะได้ยินเลยครับ เขาลืมตาขึ้นมาและก็บอกผมเบาๆว่าไปสิ ไปรับพี่พริ้ง
ผมกระพริบตามองเขาอย่างอึ้งๆ...เอาโทรศัพท์ออกห่างจากปากตัวเอง
“โยว่าไงนะ”
“ไปสิครับ...โยไม่ว่าหรอก”
“เอาจริงดิ พี่ไม่เห็นอยากไปเลย”
“เขาเป็นผู้หญิงนะพี่ป่า ไปเถอะ ไม่เป็นไร”
โยพูดเสียงเนือยๆแล้วก็มองหน้าผม ผมรู้สึกเหมือนโดยเมียสั่ง ตอนแรกก็ลังเลแต่พอได้ยินโยพูดแบบนั้นผมก็ต้องเออออห่อหมก
“เดี๋ยวพี่เรียกบีมกับคิทให้ไปเป็นเพื่อนละกัน” ผมลูบหัวแฟนผม ก่อนที่จะจับโทรศัพท์และบอกกับพริ้งว่าผมจะไปรับเธอ...
โยยิ้มเบาๆก่อนที่จะนอนคว่ำและก็หลับต่อ...
“กูเพิ่งเคยเห็นพริ้งเมาขนาดนั้น”
“จะนัวไอ้เชี่ยป่าอยู่ได้ กูนี่ไปช่วยแกะออกมายังรู้สึกเหนื่อยเลยว่ะ”
เพื่อนผมมันดีจริงๆครับ เรียกแป๊บเดียวก็ไปด้วยถึงแม้ว่าแต่ละคนนั้นจะอยู่กับแฟนก็ตาม ไอ้คิทหลบไอ้มิ่งที่แอบหลับออกมาไปรับพริ้งเป็นเพื่อนผม ส่วนไอ้บีมบอกสองสามคำไอ้โฟร์ทก็ปล่อยให้ออกมาแล้ว เชื่อเถอะว่าโฟร์ทมันสั่งบีมไม่ได้...
หลังจากที่ส่งพริ้งถึงห้อง ผมก็ลงมาส่งพวกมันที่ด้านล่าง พวกมันเอาแต่ส่ายหัวเบาๆเมื่อเห็นคนสวยเมาหมดสภาพ แต่ถึงกระนั้นภารกิจก็สำเร็จเสร็จลุล่วง หลังจากที่ส่งพวกเสร็จ ผมกะจะไปหาโยเพื่อบอกฝันดีและก็ไปอ่านหนังสือต่อ(ถุยชีวิตหมอ) ไอ้สองคนนี้ก็เหมือนกัน มันก็อ่านยังไม่จบเหมือนกันกับผม
ตอนอยู่หน้าหอผมเห็นใครบางคนที่ผมคุ้นตากำลังขึ้นรถยนต์ของมัน
ไอ้ปาร์ค...
ผมไม่ชอบขี้หน้ามันตั้งแต่ผมเห็น มันดูสนอกสนใจโยจนออกนอกหน้า การที่ผมเห็นมันยามวิกาลแถวนี้ทำเอาผมหงุดหงิดมากเกินกว่าที่จะเป็น มาทำเชี่ยไรแถวนี้วะ
“มึงมีธุระอะไรแถวนี้ไม่ทราบวะ” ผมเดินไปหาเรื่องแม่ง ไอ้บีมกับไอ้คิทดูตกใจนิดนึง ตามผมมาต้อยๆทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเด็กนี่มันทำอะไรผิด
“อ้าวพี่ป่า หวัดดีพี่” มันยกมือไหว้แบบกวนๆ
“ใครพี่มึง มึงมาทำเชี่ยอะไร”
“มาหาเพื่อนไง” มันพูดยิ้มๆ
“เพื่อนไหน” แม่ง เสียวแปลกๆว่าจะเป็นเพื่อนโยรึเปล่า
“เพื่อนผมไงพี่ พี่ไม่รู้จักหรอก” ไอ้ปาร์คแม่งหน้าตากวนตีนชิบหายเอาแต่ยิ้มอยู่นั่น
ผมจ้องมันเขม็งด้วยความสงสัย มันทำท่าเหมือนผมเป็นคนตลกและมันก็ขับรถออกไป
เพื่อนผมถามว่าไอ้นี่มันชั่วในสายตาผมยังไงผมเลยเล่าให้พวกมันโดยเป็นคำพูดที่ไม่เกินสองบรรทัด พวกมันก็พยักหน้าเข้าใจแทบจะในทันที และก็บอกไม่แปลกหรอกที่โยจะมีคนหล่ออย่างไอ้ปาร์คมาสน
ไม่แปลกแล้วไง แต่กูโกรธ!
ผมแยกย้ายจากเพื่อนแล้วก็ขึ้นไปหาโยที่ห้อง ห้องโยไม่ได้ล็อคเอาไว้เหรอ...ผมเห็นเขายังนอนอยู่ที่เดิม ผมก็รู้สึกโล่งใจ
“พี่กลับมาแล้ว...” ผมพูดกับเขา หัวปากไปจุ๊บที่เหม่งของโยเพื่อยืนยันว่าผมกลับมาแล้วจริงๆ “โทษทีนะ ช้าไปหรือเปล่า...”
โยไม่ตอบอะไรผม...หลับลึกชิบหาย...ผมยิ้มให้เขาก่อนที่ผมจะหยิบชีทและก็เดินออกไปจากห้อง
แต่แล้วผมก็หันกลับไปมองโยด้วยความสงสัย โยเป็นคนขาวทำให้ผมเห็นความผิดปกติได้โดยง่าย
ไอ้รอยสีแดงตรงคอนั้น...ผมเป็นคนทำจริงๆเหรอวะ...
ทำไมต้องมีสอบเยอะแยะ
ไอ้ที่เรียนวันนี้แม่งก็ต้องเอาไปสอบ ถุยชีวิตพนาเสียจริงๆ วันนี้สงสัยจะซวยทั้งวัน เรียนก็หนัก เมียก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ไม่ยอมตอบไลน์ นี่มันผิดปกติแล้วนะ
ผมจ้องมองนาฬิกามากกว่าจ้องหน้าอาจารย์ป้าอีก(บล็อคอาจารย์ป้าอีกแล้ว)สติสตังของผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อพยายามติดต่อโยไปเท่าไหร่โยก็ไม่ยอมติดต่อกลับมาหาผมสักที ความเครียดของผมแผ่ให้เพื่อนที่อยู่ข้างๆมันรู้ด้วย ไม่ต้องบอกถึงสาเหตุที่ผมหงุดหงิดให้พวกมันฟังหรอกครับ ดูจากท่าทีผมก็รู้ โยไม่ยอมรับสาย โยไม่ยอมตอบไลน์
เที่ยงนี้ผมจะบุกคณะวิทย์
พวกมันก็ใจดีจะไปบุกด้วย...เพราะฉะนั้นผมเลยนับเวลาให้ถึงเวลาพักที่มีอยู่เพียงน้อยนิด ไม่นานนัก...สวรรค์ก็เป็นใจให้ผมเมื่ออาจารย์ป้าปล่อยให้ไปกินข้าวเที่ยงได้สักที
บอกเลยว่าผมเดินไวเสียยิ่งกว่าเพื่อนสองคนของผม พวกมันต้องวิ่งตามมาถึงจะทัน ผมรู้สึกร้อนใจชนิดที่ว่าร้อนใจชิบหาย กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ทำไมผมรู้สึกแย่ขนาดนี้ นี่มันกำลังจะเกิดอะไรขึ้นวะ
“เชี่ยป่า มึงใจเย็น พวกกูตามไม่ทัน” ไอ้บีมบ่น หลังจากที่ขึ้นรถไอ้คิทเสร็จแต่ผมเป็นคนขับเอง
“ตั้งแต่ไม่ได้รุก มึงก็อ่อนแอขึ้นทันทีเลยนะ” ผมพูดเสียงธรรมดา แต่นั่นทำให้ไอ้บีมถึงขนาดทำหน้าบึ้งไปเลยทีเดียว คิทเลยส่งซิกให้บีมอย่าถือสาผม ซึ่งมันก็คงไม่ถือสาหรอก มันแค่ยอมรับความจริงยังไม่ได้มากกว่า
วันนี้คณะวิทย์แม่งเหมือนอยู่ห่างไกลคนละโลกกับคณะแพทย์ กว่าผมจะเอารถมาเทียบจอดได้ก็เล่นกินเวลาพักไปตั้งเยอะ
เวลานี้โยกับเพื่อนน่าจะอยู่โรงอาหาร แต่ก่อนที่ผมจะไปถึง กระดาษหลายแผ่นแม่งก็ปลิวว่อนไปทั่วราวกับภารโรงคณะวิทย์ไม่ได้ทำความสะอาด
“เหี้ย” ไอ้คิทหยิบมาดูแล้วก็มองหน้าผม
“เวร” เสียงไอ้บีม พวกมันสองคนหยิบขึ้นมาดูเสร็จและก็พร้อมใจกันมองหน้าผม
ทำไมวะ...ผมเอามาดูจากมือพวกมันบ้าง...เท่านั้นแหละ...สติผมก็หลุดจนผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมคิดอะไรอยู่
เป็นภาพของโยกำลังเปลือยท่อนบน หลับตาพริ้มเหมือนกำลังได้อารมณ์เต็มที่ เป็นภาพที่เหมือนจะตัดมาจากคลิปจนมันดูมัวๆไม่ชัดเจน แต่ทว่ารู้ได้เลยว่าคนในคลิปอยู่ในอารมณ์ไหน
ผมรู้สึกเหมือนมีดพันเล่มแทงเข้ากลางหัวใจ...เพื่อนสองคนหันมามองผมทำสีหน้าเป็นเชิงคำถามใส่...
กูมีอะไรกับโย...กูไม่เคยถ่ายคลิป
ไอ้กระดาษพวกนั้นก็คือภาพโยเปลือยท่อนบนนั่นเอง มันกระจายและก็ปลิวว่อนไปทั่วจนป่านนี้รู้กันไปทั่วคณะ ดีไม่ดี...อาจจะทั่วทั้งมหาวิทยาลัยในเวลาอันใกล้
ผมรู้สึกมือสั่น...ตัวสั่น...ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่...อารมณ์ไหนอยู่ในหัวของผมบ้างตอนนี้ผมยังไม่รู้เลย...ผมกำกระดาษนั่นเสียแน่นและก็ทิ้งมันลงกับพื้น
“เก็บ...และเอาไปเผาทิ้งให้หมดทุกใบ”
ผมบอกเพื่อน ซึ่งพวกมันก็รับคำ...และก็รีบทำตามทันที
“พี่คิท” ไอ้มิ่งรีบวิ่งกระหืดกระหอบมาหาเพื่อนผม และก็หันมามองหน้าผม มันกำลังเก็บกระดาษพวกนั้นอยู่เหมือนกันและมาอยู่ก่อนแล้ว มิ่งหันมามองหน้าผมแล้วทำหน้าเสียชนิดที่ว่ารู้สึกไม่ดีเอามากๆ “พี่ป่ารู้มั้ยว่าใครทำ”
ผมกำหมัดแน่น...
“ตอนนี้โยอยู่ไหน”
“ไม่รู้พี่ ไม่มีใครรู้”
“เขาจะไปไหน” ผมเริ่มร้อนใจ
“ถามเพื่อนโยแล้วครับ เพื่อนโยบอกว่ากระดาษพวกนี้ไม่รู้เอามาติดตั้งแต่เมื่อไหร่ โยมันมาเห็นตอนมันเรียนเช้าเสร็จ มนตรีบอกว่าพอมันเห็นมันก็วิ่งหนีไปไหนไม่รู้ พยายามทำลายก็เหมือนจะทำลายไม่หมด มีแต่ติดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...”
กูกำลังจะเป็นบ้า...
“ตามหาแฟนพี่ให้เจอ...” ผมบอกกับมิ่งน้ำเสียงเย็นชา
“แล้วพี่ป่าจะไปไหน...”
ผมมองตึกวิทย์ด้านบนด้วยสายตาแน่วแน่... “จะไปจัดการไอ้ตัวที่มันทำน่ะสิ”
ผมหาตัวมันได้ไม่ยาก
บังเอิญมันเป็นคนกว้างขวางที่นี่ ผมอาศัยหน้าตาของตัวเองหลอกถามสาวๆแถวนั้นก็รู้แล้วว่าฟิสิกส์อยู่ชั้นไหน โชคดีที่มันขึ้นมารอเรียนตอนบ่ายในห้องเลคเชอร์รวมขนาดใหญ่ ผมย่างสามขุมเข้าไปในห้อง พวกปีหนึ่งที่คุยกันเสียงดังเจื้อยแจ้วหันมามองผมอย่างตื่นตะลึงแต่ผมไม่สนใจ
ผมเห็นหัวไอ้ปาร์คอยู่ไหวๆ ผมจับหัวมันทุ่มให้ชนกับโต๊ะอย่างแรงและไร้ความปราณี
ทุกคนลุกฮือ พากันตกใจชิบหาย ส่วนผมนั้น...โกรธจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรอยู่รอบข้างบ้าง
ไอ้ปาร์คเลือดออกทันที เพื่อนมันทำท่าเหมือนจะกระโจนเข้ามาใส่ผม บางคนกระซิบให้ไปปิดประตูห้องเพื่อที่อาจารย์จะได้ไม่ต้องมาเห็นด้วย
“ไอ้ชั่ว” ผมชกไอ้ปาร์คไม่ยั้ง ไม่ให้มันตั้งตัว กระทืบซ้ำอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น “มึงชอบโยจริงรึเปล่า ควายเอ้ย!”
“เชี่ย มึงจับมันไว้ดิ๊ มันจะฆ่าเชี่ยปาร์คอยู่แล้วนะเว้ย”
เพื่อนมันจะเข้ามาจับตัวผม...แต่ไม่รู้ทำไมเข้ามาไม่ถึงสักที...
ผมหันไปดู...เห็นไอ้บีม...กับวิศวะผัวมัน...มากันเยอะชิบหาย
“มึงคิดว่ามึงคนเดียวจะเอาอยู่เหรอไอ้ป่า” โฟร์ทพูด จับไอ้เด็กที่มันคิดว่าจะมาเสือกให้ออกไปนอกทาง “โยมันก็น้องกู...”
ผมยิ้มมุมปาก...ในตอนนั้นเองที่ปาร์คแม่งเล่นผมทีเผลอบ้าง...มันชกมา แต่เหมือนผมไม่มีความเจ็บปวดอยู่ในตัวแล้ว
ผมทั้งโกรธ...ทั้งเป็นห่วงโย...
“มั่วรึเปล่าวะ...คิดว่ากูทำงั้นสิ”
นี่คือเสียงจากปากไอ้ปาร์ค...
“ไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นใคร” ผมร้องตะโกนใส่ ถีบ เตะ ต่อยไม่ยั้งจนโต๊ะ เก้าอี้พังระเนระนาด ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับผม ไม่มีใครกล้ามาห้ามผมไม่ให้จัดการกับไอ้ปาร์ค ตอนนี้ผมเริ่มมองไม่เห็นหน้ามันแล้ว เพราะหน้ามันมีแต่เลือด เลือด เลือด และก็เลือด
“คิดบ้างมั้ยว่าโยต้องอายขนาดไหน มึงประจานโยแบบนั้น แถมมึงยัง...” ผมไม่อยากจะพูดหรือคิดถึงคำพวกนี้เลยให้ได้ “...แอบทำอะไรโยด้วย ไอ้เลวเอ้ย พ่องไปตาย!”
“ใครใช้ให้มันเสือกทิ้งกูไว้ในโรงหนังแบบนั้น ทั้งๆที่บอกจะมากับกู!” ไอ้ปาร์คเริ่มอารมณ์ขึ้นบ้าง ผมชะงัก... “มันเหี้ย ให้ความหวังคนอื่นอยู่ได้!”
“ว่าไงนะ...”
“ไม่เอากู กูก็จะทำให้มันอาย จบป่ะ!”
“พ่องมึงสิจบ!”
ผมถีบหน้ามันลงไปกองกับพื้น ชั่วโมงนี้อย่าคิดว่าผมจะปราณีคนอย่างมันเลยครับ มันไม่ได้รู้สึกอะไรกับโยจริงๆ แค่อยากได้ และโยไม่ให้...
สิ่งที่มันแสดงกับโยคือการแสดงละครดีๆนี่เอง แท้จริงแล้ว...มันแม่งเหี้ยเกินกว่าที่โยจะรู้
และตอนนี้โยอาจจะรู้แล้ว...
“ป่า...อาจารย์จะมาแล้ว” บีมเข้ามาดึงตัวผม... “เดี๋ยวมึงจะซวย”
“ปล่อยกู!!!!” ผมยังอยากจะฆ่ามันอยู่เลย
“กูไม่ปล่อย ไอ้สัด! มีสติดิวะ อีกนิดมึงจะฆ่ามันแล้วนะเว้ย”
“ก็กูจะฆ่ามัน!”
“ไม่คุ้มตีนมึงหรอก คนเหี้ยๆอย่างมันอ่ะ”
ต้องใช้ไอ้โฟร์ทกับไอ้บีมลากแขนผมคนละข้าง ผมถึงจะยอมออกจากห้อง ผมดิ้นพล่านเหมือนคนกระหายเลือดไอ้ปาร์คเอามากๆ ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นนอกจากโกรธแค้นไอ้ปาร์คชนิดที่ว่าอยากให้หัวมันจมดิน...
…มันทำแฟนผมอับอาย...มันแต๊ะอั๋งแฟนผม
ที่ผ่านมาโยเจอเรื่องไม่พอหรือยังไงวะ
พวกนิสิตแถวนั้นมองผมกันเต็มไปหมด ตอนนี้ทุกคนไม่อยากรู้ว่าต้องรู้ว่าโยกับผมเป็นอะไรกัน(ควายก็ดูออกแล้วตอนนี้) ทุกคนซุบซิบนินทา คิดกันไปต่างๆนานา ผมไม่สนใจ ตอนนี้สิ่งที่ผมสนใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
โยอยู่ที่ไหน...
ไอ้มิ่งที่เพิ่งวางสายเสร็จเดินเข้ามาหาผม...ใบหน้าของมันดูโล่งใจจนผิดปกติ...
“พี่ป่าพอได้แล้ว ไม่ต้องจัดการแล้วครับ” ไอ้มิ่งบอก
“หมายความว่าไง...”
มันชี้มือไปที่รถยนต์หลายคันที่เพิ่งจอดเทียบ ทันใดนั้นชายในชุดสูทจากไหนไม่รู้ก็พากันกรูมายังตึกคณะวิทย์อย่างกับหนังแอ็คชั่น...
“…โยอยู่กับป๊าครับ เรื่องนี้ถึงหูป๊าของโยแล้ว...”TBC*
Talk : นังคนเขียนใจร้าย
ดราม่าครั้งนี้จะนำพาซึ่งความหวาน...วาโยจ๋า แม่ขอโทษ T_T