ตอนที่ 8
เมื่อผมกลับเข้าห้องมาอีกครั้งก็ปรากฏว่าน้องจีหลับไปแล้ว โดยมีคุณพ่อของเขากำลังห่มผ้าและตบหลังเบาๆให้เป็นการกล่อม
ผมยอมรับเลยว่าเขาดูเอาใจน้องจีมากกว่าที่ผมคิด เขาดูรักและหวงน้องจีมากถ้าเทียบกับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง ทั้งๆที่แม้จะดูเป็นผู้ชายที่เฉยชาและไม่สนใจโลก แต่เวลาที่เขาอยู่กับน้องจีก็ดูเหมือนคุณพ่อดีๆคนหนึ่งเลย
“ซี๊ดดด” ผมไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือสงสารดีเมื่อจู่ๆน้องจีที่สุดแสนจะนอนดิ้นนั้นก็ขยับตัวพร้อมแขนเหวี่ยงไปที่หน้าคุณพ่อของตัวเองเข้าอย่างจังและคงไปโดนแผลที่ถูกพ่อของผมชกเมื่อเย็นเจ้าตัวเลยร้องซี๊ดอย่างที่เห็น มันคงจะเริ่มระบม
“มานี่ซิ ผมจะทายาให้”ผมว่าบอกพร้อมเดินไปหยิบลอดยาฟกช้ำในกระเป๋าเป้ตัวเองออกมา น้องจีมักจะแผลอยู่เสมอตามภาษาเด็กดื้อทั่วไปเพราะแบบนั้นผมจึงต้องพกยาไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลา เขาลุกขึ้นอย่างระวังก่อนจะเดินมานั่งตรงข้ามกับผมที่เก้าอี้เล็กๆที่ผมซื้อมาเพื่อให้น้องจีกับผมนั่งคุยกัน ถึงแม้มันจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ดูจะไม่ได้ใช้งานเลยก็เถอะ
ผมเริ่มบีบยาลงมาที่ปลายนิ้วก่อนที่จะทาเบาที่มุมปากของเขาเขาเองก็เงียบและเอาแต่มองการกระทำของผมจนผมเริ่มทำตัวไม่ถูก
“นี่คุณน่ะ สามารถเป็นพ่อของน้องจี และเป็นแฟนที่ดีของคุณแนนได้นะ”ผมเอ่ยออกไปพร้อมกับวนๆนิ้วลงที่เดิมเพื่อให้ยามันซึมเข้าไป
“ผมมาลองคิดๆดูแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งชีวิตของคุณมาดูแลผมหรอก ส่วนน้องจีคุณจะมาหาและพาแกไปเที่ยวตอนไหนก็ได้”
“ทำไม”เขาถามขึ้นผมหมุนปิดฝาลอดยาและนำมันวางไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง
“การที่คุณเป็นพ่อน้องจีมันก็อีกเรื่อง มันคนละเรื่องกับการที่คุณต้องมาเป็นสามีผม คุณลองคิดดูว่าเราเริ่มต้นกันเพราะความเมาทั้งคู่และนั้นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องมาดูแลผมอีกคน คุณสามารถมีคนที่คุณรักได้เท่าที่คุณต้องการ มีอิสระในการใช้ชีวิตเท่าที่คุณควรมี ผมจะไม่พูดหรอกว่าการที่เรามีน้องจีเป็นเรื่องผิดพลาด เพราะสำหรับผม น้องจีคือสิ่งที่วิเศษที่สุดในชีวิตและ”ผมว่ายืดยาวและเขาเองก็ตั้งใจฟังผมเป็นอย่างดี มันดีแล้วที่ผมพูดออกไปแบบนี้ ผมไม่ควรพรากคนที่เขารักกันให้แยกจากกันเพียงเพราะคำว่ารับผิดชอบเพียงคำเดียว
“กูไม่ได้ต้องการแค่น้องจี ไม่ได้ต้องการมาแสดงตัวเพื่อให้คนอื่นรับรู้ว่ากูคือพ่อ สิ่งที่กูต้องการคือการชดเชยช่วงเวลา4ปีที่มันคงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตกู แต่มันกลับหายไป เพราะแบบนั้นวันนี้กูถึงอยู่ที่นี่ อยู่เพื่อขอโอกาสไม่ใช่แค่การดูแลน้องจี แต่การดูแลมึงก็คือสิ่งที่กูต้องการ กูรู้ว่าการเริ่มต้นระหว่างกูกับมึงมันผิดลำดับขั้นตอน แต่มึงจะไม่ลองให้โอกาสกูเลยหรอ “น้ำเสียงออดอ้อนมาพร้อมกับใบหน้าที่ขอความเห็นใจสุดๆ ทำเอาผมรู้สึกผิดกับเรื่องพูดไปก่อนหน้านี้ เขาหล่อ หล่อมาก ยอมรับเลยว่าตั้งแต่เกิดมาผมเคยเจอคนหล่อระดับนี่ไม่ถึง3คนด้วยซ้ำ สายตาเว้าวอนของความเห็นใจ ที่ยิ่งส่งให้ใบหน้าหล่อนั้นดูมีเสน่ห์ และมันกำลังสะกดผมให้นิ่งและขยับตัวไปไหนไม่ได้ ก่อนที่ใบหน้านั้นจะค่อยๆโน้มเข้ามาใกล้ผมขึ้นเรื่อยๆ
“หยุดเลย”ผมใช้สองมือดันหน้าเขาออก
“การที่ผมยอมไม่ได้หมายความว่าผมง่ายนะ ในเมื่อลำดับขั้นตอนมันผิดไปตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นคุณควรเรียงมันใหม่ ไม่ใช่มาตีเนียนผิดแล้วก็ผิดเลย”ผมว่าพร้อมกับจ้องเขาแบบเคืองๆ แต่เจ้าตัวดูมีความสุขกับอารมณ์เคืองๆของผมไม่น้อย
กว่าจะนอนได้ก็เล่นเกือบเที่ยงคืน มิหนำซ้ำผมยังต้องตื่นแต่ตี5เพื่อมาเตรียมอาหารและเตรียมตัวไปทำงานพร้อมกับส่งน้องจีไปเรียนอีก กว่าผมจะเตรียมทุกอย่างเสร็จก็ปาเข้าไป6ครึ่งแล้วเลยต้องเดินขึ้นมาปลุกน้อยจีที่ตอนนี้มีคุณพ่อกอดแน่นอยู่กับอกอีก
“จีครับ น้องจีครับตื่นได้แล้วลูกอาบน้ำไปโรงเรียน”ผมก้มลงช้อนตัวน้องจีขึ้น อย่างระวังเพราะไม่อยากให้ผู้ชายคนนั้นตื่น แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จ
“แม่ฮะ จุฟ”น้องจีว่าตายังลืมได้แค่ครึ่งเดียว ผมก้มลงไปจุฟที่ปากเล็กๆบางๆนั้นตามคำขอก่อนที่จะพาเจ้าตัวน้อยไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็พาน้องจีมาใส่ชุดนักเรียนกับถุงเท้า และฝากให้คุณพ่อของเขาพาลูกลงไปกินข้าวและผมก็หันมาจัดการตัวเองบ้าง แต่พออาบน้ำเสร็จกับเห็นสองพ่อลูกนอนหยอกกันอยู่บนเตียงชุดนักเรียนที่ผมตั้งใจรีดมาอย่างดีเริ่มยับ
“นี่ มันจะ7โมงครึ่งแล้ว มั่วเล่นอะไรกัน คุณไปอาบน้ำเลยน้องจีมากับแม่ครับ เดี๋ยวหนูจะไม่มีเวลากินข้าว ส่วนคุณรีบๆเลยเดี๋ยวไปส่งน้องจีไม่ทัน”ผมว่าอย่างโมโหก่อนจะอุ้มน้องจีลงไปกินข้าว กินเสร็จก็ปาไป7:50แล้วทั้งๆที่ผมเป็นครูที่ต้องมารอรับเด็กๆแต่เข้าแต่วันนี้ผมกลับมาสาย น่าอายจริงๆ
“เพราะคุณเลยทำให้ผมมาสาย กลับไปเลยกับข้าวอยู่บนโต๊ะ”ผมว่าก่อนจะอุ้มน้องจีเข้าไปส่ง
“ตอนเย็นจะมารับนะ”เขาว่าก่อนจะเดินกับไปที่รถ ตอนเย็นก็มารับตามที่บอกพวกอาจารย์คนอื่นๆก็เอาแต่ถามว่าสุดหล่อที่น้องจีเรียกว่าพ่อคือใคร ผมก็ได้แต่ตอบแบบยิ้มไปแค่นั้น
เราสามคนกลับมาถึงบ้าน ผมก็ปล่อยให้น้องจี ไปอาบน้ำกับคุณพ่อของเขาตามคำที่เจ้าตัวร้องขอ ผมเองก็มานั่ง ตรวจงานและการบ้านของเด็กๆ พอเสร็จก็เริ่มลงมือทำอาหารเย็นโดยมีน้องจี ที่กำลังนั่งฉีกผักบางอย่างในถ้วยข้าวรูปกบของตัวเอง มือเล็กเริ่มเปลื้อนน้ำสีเขียวที่ออกมาจากผัก ส่วนคุณพ่อของเขาก็ไปนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะหินอ่อน หน้าบ้าน
ไม่นานหลังจากนั้นคุณพ่อและคุณแม่ของผมก็กลับมา วันนี้พ่อไปตกปลาและได้ปาช่อนมา จึงลงมือทำปลาด้วยตัวเอง ส่วนน้องจีก็ถูกแม่ของผมอุ้มไปบ้านข้างๆเพื่อไปร่วมสนทนาตามภาษาแม่บ้านด้วยกัน
“พ่อครับ ทำไมถึงยอมให้ผู้ชายคนนั้น..”ผมเริ่มเปิดประเด็นคุย เรื่องที่ค้างคาใจ
“พ่อไม่ได้ยอม และไม่ได้เป็นคนเลือก แกไม่ใช่หรอที่เลือก”พ่อพูดทั้งๆที่มือก็ยังหันปลา
“...”
“ความโกรธแค้นตลอด4ปีที่ผ่านมา มันไม่เคยหายไป ทุกครั้งที่พ่อมองหน้าหลาน ทั้งๆที่ก็รักหลานขนาดนี้แต่ใจก็ยังนึกเกลียดพ่อของเขา แต่เราน่ะ ไม่สามารถเลือกพ่อแม่ตัวเองได้หรอก จริงไหม และเรา ก็ไม่มีสิทธิไปบอกให้ใครห้ามมีพ่อแม่ด้วย ปู่ของแกทิ้งย่าไปตั้งแต่เขารู้ว่าท้อง แต่ถึงอย่างนั้น ย่าก็ไม่เคยบ่นหรือด่าว่าปู่ให้พ่อฟังเลยสักครั้ง พ่อรู้ว่าการที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์เหมือนคนอื่นๆเขารู้สึกยังไง ต่อให้พ่อของพ่อเป็นคนไม่ดีพ่อก็ยังอยากให้เขาอยู่กับพ่ออยู่ดี”พ่อพูดบอก ผมจบบทสนาด้วยความหน่วงในใจ เรื่องครั้งนี้ดีกับน้องจีจริงๆแล้วซินะ
นี่ก็ล่วงเลยมาเกือบ3อาทิตย์แล้วที่บ้านผมเริ่มคุ้นเคยกับเขาบางแล้ว เจ้าตัวก็ไม่มีรู้ทำงานอะไรเห็นแต่ให้คนส่งเอกสารมาถึงต่างจังหวัดแล้วก็นั่งอ่านๆเซ็นอยู่ทุกวี่ทุกวัน
“นี่คุณไม่เข้าทำงานเลย เขาจะไม่ไล่คุณออกหรอ”ผมถามเมื่อช่วยเก็บเอกสารเรียงให้เป็นระเบียบ
“รอคำนั้นเลยแหละ”เขาว่าอย่างจริงจัง คนบ้าอะไรรอโดนไล่ออก
“ประสาท”ผมว่าเหน็บแล้วเดินไปดูน้องจีที่นอนกลางวันอยู่ที่แปลใต้ต้นไม้
“เอฟ เขียนใบลาออกไปแล้วใช่ไหม”เขาถามแต่ตายังคงจ้องมองเอกสาร
“เขียนแล้ว”เราตกลงกันว่าจะย้ายไปยู่ที่กรุงเทพเพื่อให้น้องจีได้เรียนที่ดีๆและเขาเองทำงานอยู่ที่นั้น ผมเองก็มีอาการป่วยออดๆแอดๆประจำก็ควรจะอยู่ใกล้มือหมอเข้าไว้ ผมก็เขียนใบลาออกแล้วก็รอสิ้นนี้ก็ออกได้เลย
“งั้นมานี่”เขาเรียกพร้อมขยับให้ผมได้นั่งข้างๆ
“อะไร”ผมเดินมานั่งตามที่บอกก่อนที่เขาจะเลื่อนโน๊ตบุ๊คมาตรงหน้าผม
“บ้านไง อยากได้แบบไหน เรียนสถาปัตมาไม่ใช่หรอ”เขาว่าพร้อมกับกดเลื่อนๆให้ดูแบบบ้านต่างๆ
“ดูทำไม”ผมถามแต่ก็กดเลื่อนๆดู
“เรือนหอ” เขาว่าแค่นั้นก่อนจะลุกเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ผมนั่งใจเต้นรอยู่คนเดียวกับแบบแปลนบ้านที่เขาเรียกมันว่าเรือนหอ ตลอด3อาทิตย์ที่ผ่านมาเริ่มเรียนรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้น พูดคุยและสอบถามกันมากขึ้น แต่ก็คงยังไม่มีอะไรเกินเลย ที่เขาทำมากที่สุดตอนนี้คือการจับมือและแอบตีเนียนกอดผมพร้อมน้องจีบ้างในบ้างครั้ง พอได้มาสัมผัสกับเขาโดยตรงแบบนี้ก็ทำให้ผมรู้ว่าผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
“แม่ฮะ “เสียงน้องจีร้องเรียกปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ เด็กน้อยของผมได้นอนเต็มที่จึงไม่โยเยอะไร ผมเดินไปอุ้มน้องจีขึ้นจากแปลแล้วมานั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนที่มีเอกสารของพ่อเขาเต็มไปหมด
“พ่อล่ะฮะ”ลืมตาเต็มที่ได้ก็ถามหาพ่อตัวเองก่อนเลย มันน่านัก ผมหมั้นเขี้ยวเลยก้มลงไปฟัดแก้มน้องจีแรงซ้ายทีขวาทีจนเจ้าตัวหัวเราะคิกคักชอบใจยกใหญ่
“ตื่นแล้วหรอตัวยุ่ง”ทอสว่าก่อนที่จะใช้ฝ่ามือใหญ่ขยี้หัวลูกชายไปมา
“พ่อฮะจีกินด้วย”เด็กน้อยรีบกระโดดไปทางพ่อทันทีที่เห็นจากคุกกี้กับน้ำหวาน ผมนี้คว้าแทบไม่ทันเกือบจะล่วงโต๊ะเลยทีเดียว
“นี่ ที่บ้านของคุณน่ะรู้เรื่องน้องจีไหม”ผมเริ่มถามพร้อมกับช่วยยกน้ำหวานป้องลูกชายไปด้วย
“ไม่รู้ ชั่งเถอะ ถึงรู้ก็ไม่เกี่ยวอะไร นี่มันครอบครัวของเราไม่เห็นจะต้องไปสนใจคนอื่น”เขาว่าแบบไม่สนใจก่อนจะนั่งทำงานของตัวเองต่อ บ้างทีที่เขาไม่อยากจะให้ที่บ้านรู้ก็คงจะเป็นเพราะผม ผมที่เป็นผู้ชายแถมยังมีลูกทั้งๆที่ยังไม่ได้แต่งงานอีก ใครจะอยากได้ล่ะครับ บ้างครั้งเองผมก็แอบคิด การที่น้องจีเรียกผมว่าตลอดนั้น เพื่อนๆและคนรอบข้างของเขาคิดยังไง
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น”แต่จู่ๆคนที่ผมคิดว่ากำลังสนใจทำงานก็ถามขึ้น ปลุกผมให้ตื่นจากความคิดตัวเอง ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนเขาถึงได้ถามแบบนี้
“ไม่ต้องไปคิดอะไรมากหรอก ครอบครัวพี่กับครอบครัวของเอฟมันต่างกัน เราไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้ พี่โตแล้วแล้วพี่ก็มีงานมีเงินเอง เราไม่จำเป็นต้องไปกังวลอะไรหรอก” ภายใต้คำพูดปลอบโยนนั้นมือใหญ่แสนอุ่นใต้โต๊ะก็เลื่อนมากุมและบีบเบาๆเป็นเชิงให้เชื่อใจ เวลาอยู่ต่อหน้าน้องจีเราจะพูดกันดีๆแบบนี้แหละครับ เพราะไอ้คำว่ากูมึงเนี่ยน้องจีเคยเรียนแบบแล้วไปพูดกับคุณตาเขา เล่นเอาหน้าซีดไปตามๆกัน
ผมไม่รู้ว่าทางบ้านเขาเป็นแบบไหน ผมไม่รู้ว่าเขาลูกเลี้ยงและโตมายังไง แต่ผมกลับรู้สึกว่าบุคลิกเย็นชาที่เขามีนั้นคงจะได้มาจากที่บ้านไม่มากก็คงน้อย แต่ตอนนี้ผมเชื่อว่าความเย็นชาเหล่านั้นค่อยๆถูกละลายไปที่ละน้อยจากเจ้าตัวน้อยบนตัก เขาคือสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ
“ปล่อยเลย เนียนตลอด”ผมว่าเสียงหมั้นไส้เมื่อมือที่กุมมือผมเมื่อกี้กำลังเลิกกางเกงขาสั้นของผมขึ้นแล้วลูบไล้ไปมา
“หึหึ”ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีก น้องจีก็เอาแต่ยิ้มแก้มบานเป็นลูกฝักทองเลย น่ารักจริงๆลูกผม
“น้องจีทานยาหวานๆกันครับ เร็วๆ”น้องจีไม่สบายประจำ ถึงแม้ว่าโดยรวมแล้วแกจะแข็งแรง แต่ภูมิต้านทานของแกกลับต่ำกว่าเด็กปกติวัยเดียวอยู่พอสมควร ทำให้เป็นหวัดและไม่สบายง่าย แทบจะเรียกได้ว่า สามวันดี สี่วันไข้เลยล่ะครับ คุณหมอนนต์เคยบอกว่าฮอร์โมนของผู้หญิงกับผู้ชายต่างกับเพราะฉะนั้นเวลาที่ผมท้องแก แกก็อาจจะไม่ได้สารบ้างตัวที่คนเป็นแม่ควรมีให้กับลูก และน้องจีเองก็ไม่ได้กินนมแม่ด้วยเพราะผมไม่มีต่อมน้ำนม ก็เลยทำให้แกไม่สบายบ่อยๆอย่างที่เห็น
“ลูกไม่สบายแบบนี้ประจำเลยหรอ”เขาถามก่อนที่จะช่วยจับเจ้าตัวยุ่งให้นอนกินยาดีๆ ผมเองก็รีบป้อนด้วยความรวดเร็ว เพราะน้องจีไม่ชอบกินยาเป็นเด็กที่กินยายากมาก
“น้องจีอย่าคายซิครับ”ผมว่าก่อนจะป้อนยาอีกช้อนใหม่เมื่อเจ้าตัวไม่ยอมกลืนและคายออกมา
“เอาน้ำๆๆ”ก่อนจะรีบป้อนน้ำตามเด็กน้อยจะได้กลืนยา
“ฮือๆๆ ฮือๆๆ”แล้วก็ร้องจนได้ ผมได้แต่อุ้มน้องจีแล้วลุกเดินไปมาเพื่อปลอบ
“ลูกไม่สบายแบบนี้บ่อยไหม”เขาถามอีกครั้ง
“อือ ก็ประจำถึงจะไม่เป็นหนักแต่ก็เป็นแบบนี้ตลอด คุณหมอนนต์ก็บอกว่าเป็นเพราะไม่ได้กินนมแม่เลยไม่มีสารอาหาร ภูมิต้านทานเลยต่ำ”ผมก็อธิบายไป ผมคิดว่าที่มีหน้าที่เป็นพ่อแบบเขาคงจำเป็นต้องรู้เอาไว้
“งั้นก็คงต้องรีบไปกรุงเทพ เพราะที่นั้นมีหมอเก่งๆเยอะ”เขาว่าของเขาเองเสร็จก่อนเริ่มทำงานต่อ ผมก็เดินวนไปมาพร้อมอุ้มน้องจีไปด้วย มันดูเป็นชีวิตที่สงบดี แต่ไม่รู้เพราะอะไรผมถึงรู้สึกกังวลใจอยู่ตลอดเวลา
TBC.
สอบเสร็จก็มีเรียนต่อเลยจะพยายามเอาลงเรื่อยๆแล้วกันนะ