ความลับที่แปด
ผมเหม่อมองออกไปนอกระเบียงอย่างไร้จุดหมาย รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกครับ อยู่คนเดียวยิ่งฟุ้งซ่าน เหล้าก็ไม่กล้ากิน อ้อ จริงๆแล้วผมไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกครับ แต่อยู่กับไอ้พัดก็เหมือนอยู่กับอากาศ ตอนนี้แพรกับพี่เพลิงออกไปหาอะไรกินกันครับ แบบว่าไปกันสองต่อสองในคืนครบรอบ เฮ้อ ผมเปิดลิ้นชักจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นแก้เบื่อ
ผมชะงักไปเล็กน้อยเพราะใต้โทรศัพท์ผมมีบัตรทรูที่ผมยังไม่ได้ใช้วางอยู่ ผมหยิบออกมาพลิกซ้ายขวาเล่นแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมายาวๆ
ด้านหลังของใบมีลายมือที่ผมเคยเห็นมาแล้วครั้งนึงเขียนเอาไว้ว่า “อย่าไปบอกใครนะครับ” ผมหัวเราะออกมาอย่างประชดประชันก็แล้วเดินไปหยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิดเครื่อง
“เติมเกมหรอพี่ลม ไม่เคยซื้อแบ่งน้องอ่ะ”
“มีคนซื้อให้สักพักแล้ว กูลืมเอามาเติม” ผมพิมพ์เว็บไซด์เกมด้วยความเคยชิน กรอกรหัสตามขั้นตอนที่ขึ้นมาให้ใส่ เติมจนเรียบร้อยผมก็ขยำกระดาษโยนทิ้งถังขยะ
อย่างน้อยๆเกมก็ทำให้ผมหายคิดมากได้ชั่วคราวก็ยังดี
…………………………………………………………………
ผมเล่นเกมจนดึกยิ่งกว่าไอ้พัดที่นอนไปแล้ว ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหายคิดมาก แพรกลับบ้านได้สักพักแล้วครับ แต่ผมยังนั่งเล่นอยู่เหมือนเดิมจนกระทั่งโทรศัพท์ผมแผดเสียงออกมา ไอ้พัดขยับตัวเล็กน้อยเหมือนจะตื่น ด้วยความเกรงใจที่มีมากล้นผมเลยเดินออกมารับโทรศัพท์ที่ระเบียงห้อง
“ว่าไง” ผมกดรับสายและกรอกเสียงลงไปทันที
‘มึง… พี่เอิร์ธมันทำอะไรกับมึงวะ’ หัวใจผมกระตุกวูบทันทีที่ได้ยิน ไอ้เคนมันจะมาถามทำไม? มันไปรู้อะไรมา? ในหัวผมมันโล่งไปหมด ทั้งกลัวทั้งมึนงง
‘กูเห็นซองเล็กๆแปลกๆบนรถ พอกูถามมัน มันยังมีหน้าตอบว่ามันใช้กับมึง… วันนั้นที่กูไม่ได้ไปมันเกิดอะไรขึ้นวะ’
‘มึงอย่าเงียบสิวะ!!’ มันตะโกนผ่านสายเข้ามา ผมสะดุ้งหลุดจากภวังค์ทันที อยากจะร้องไห้ออกมาให้มันรู้แล้วรู้รอด ทำไมมันต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้กับชีวิตผมด้วยวะ
“กู…”
‘กูขอโทษที่ไม่ได้ไป แต่มึงบอกกูหน่อยเถอะมันเกิดอะไรขึ้นวะ’ มองเงียบอย่างชั่งใจ ไม่รู้จะทำยังไงดีครับ อึดอัดก็อึดอัด แต่ขนาดไอ้พีทผมยังไม่เล่าให้มันฟังเลยครับ
“มัน..วางยากู” ผมพูดเสียงเรียบออกไป ไอ้เคนร้องออกมาอย่างตกใจแล้วมันก็เงียบไป ผมก็เงียบตามไปด้วย
‘แล้ว…มึงทำไงวะ?’
ผมกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย พี่เพลิงบอกให้ผมทำตัวเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น งั้นผมก็สามารถเล่าให้คนอื่นฟังแบบเล่นๆได้ใช่หรือเปล่า? เหอะๆ
“ก็ให้คนมาช่วย” ไอ้เคนเงียบไปอีกพักนึง
‘กูไม่คิดว่ามันจะบ้าขนาดนั้นว่ะ’
‘มีอะไรที่กูพอจะช่วยได้มั้ย ให้กูได้รับฟังก็ยังดี’
“กูไม่มีอะไรจะเล่า”
‘มึง…รอดจากมันได้ไงวะ?’
“กูบอกว่ามีคนมาช่วย”
‘ใครวะ’ ผมเริ่มหงุดหงิดกับการโดนถามมากๆแบบนี้ เลยกรอกเสียงแสดงความไม่พอใจออกไป
“มึงจะรู้ไปทำไม” ไอเคนเงียบไปอีกครั้ง
‘จริงๆ กูว่ากูก็พอรู้ว่าใครว่ะ’ ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ มันจะไปรู้ได้ยังไงวะ วันนั้นมันก็ไม่ได้ไป ผมเงียบทิ้งช่วงยาวจนไอ้เคนเริ่มพูดต่อ
‘วันนั้นพี่แพรโวยวายหามึงใส่ไอ้พีท ไอ้พีทมันก็มาโวยวายใส่กู สักพักนึงพี่แพรก็เลยบอกว่ามึงอยู่กับ…พี่เพลิง แฟนพี่แพร’
‘กู ขอโทษว่ะ ขอโทษแทนมันด้วย’
‘กูว่าช่วงนี้มึงระวังพี่เอิร์ธไว้ดีๆแล้วกัน มันก็คงรู้ เหมือนที่กูรู้’
“มันผ่านไปแล้ว ช่างแม่งเถอะ”
ผมกดตัดสายทันทีที่พูดจบพร้อมขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ทำไมพลาดครั้งเดียวมันกลายมาเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้วะ ในหัวผมมีแต่คำว่าทำไมๆๆ ผมได้แต่โทษตัวเองซ้ำๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไรให้ดีขึ้นได้ เอาเป็นว่าวันนี้ผมนอน แล้วลืมๆมันไปก่อนแล้วกัน
…………………………………………………………..
ผมยังคงคุยกับไอ้เคนแบบปกติครับ ตอนนี้ผมกำลังนั่งฟังอาจารย์บ่นอยู่หลังห้อง มือผมจดเล็กเชอร์อย่างเร่งรีบเพราะกำลังจะหมดคาบแล้ว ผมเขย่าตัวไอ้เคนที่ฟุบหลับไปกับโต๊ะให้ลุกขึ้น
“เลิกแล้วหรอ” ผมพยักหน้างึกงักตอบมัน
“เดี๋ยวยืมลอกบ้างนะ” ผมพยักหน้าตอบมันอีกครั้ง
โทรศัพท์ที่ผมวางไว้บนโต๊ะสั่นครืด ผมตกใจเล็กน้อยแต่ก็รีบหยิบขึ้นมาจากโต๊ะเพราะกลัวจะเป็นจุดสนใจ พอเห็นชื่อคนที่โทรมาก็ต้องงุนงง พี่เพลิงโทรมาครับ โทรมาทำไมเวลานี้วะ ผมไม่ได้กดรับเพราะอีกสักพักก็จะเลิกเรียนแล้วกะว่าจะไปโทรกลับข้างนอกเอาครับ
“งั้นกูกลับบ้านก่อนนะ”
“เออ เจอกัน” ผมโบกมือให้ไอ้เคนที่จะเดินไปขึ้นรถ มันขับรถมาเองครับ
ผมรู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่โทรศัพท์ผมสั่นขึ้นมาอีกจากเบอร์เดิม นิ้วผมเลื่อนกดรับอย่างเคยชิน พร้อมกรอกเสียงลงไป
“ฮัลโหล”
‘น้องลมเลิกเรียนรึยังครับ’ เสียงที่ตอบกลับมาทำเอาผมงง ถามแบบนี้ยังกับจะมารับผมยังไงอย่างงั้น
“เลิกแล้ว ทำไมอ่ะ”
‘แพรไม่สบายเข้าโรงบาลครับ เลยให้พี่มารับน้องลมไปหาแพร’ แพรไม่สบาย? เข้าโรงบาล? แพรเป็นอะไรรึเปล่า เมื่อเช้าผมก็ออกมาเรียนทั้งๆที่แพรยังอยู่ในห้องอ่ะครับ เลยไม่รู้ว่าแพรเป็นอะไร
“แล้วแพรเป็นอะไรรึเปล่า”
‘ตอนแรกหมอให้ดูอาการก่อนครับว่าเป็นไข้เลือดออกรึเปล่า แต่ก็เป็นแค่ไข้ธรรมดาครับ ติดตรงแพรไข้ยังไม่ลดเลยครับ’ผมขมวดคิ้วแน่นอย่างใช้ความคิด
คุณเชื่อเรื่องแฝดที่จะเป็นอะไรๆเหมือนกันมั้ยครับ เมื่อวันนั้นผมไม่สบายแต่ไม่ได้หนักหนาอะไรมาก ตอนนี้แพรเป็นถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล มันอาจจะเป็นเพราะผมไม่ดูแลตัวเองให้ดี ทำให้แพรต้องลำบากไปด้วย ผมโทษตัวเองอีกแล้ว เหอะ
‘พี่ใกล้จะถึงแล้วนะครับ ให้พี่จอดรอตรงไหน’ พี่เพลิงที่เงียบไปนานพูดขึ้นอีกครั้ง
“หน้ามอก็ได้ เดี๋ยวลมเดินไป…เอง”
“ว่าไงครับ…น้องลม”
พี่เพลิงตัดสายไปแล้วแต่ผมยังกำโทรศัพท์แน่น ลมหายใจผมติดขัดทันทีเมื่อหันกลับไปแล้วเจอพี่เอิร์ธยืนอยู่ด้านหลังแทบจะชนกันอยู่แล้ว ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างยากลำบาก พี่เอิร์ธมายืนแบบนี้ทำไม? มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมผมไม่รู้สึกตัวสักนิดเดียว
“พี่สาวไม่สบายหรอครับ พี่ไปเยี่ยมบ้างได้มั้ย” ผมรวบรวมสติที่มีทั้งหมดขยับออกห่าง ผมเกลียดไอ้เหี้ยพี่เอิร์ธมากจนควบคุมตัวเองให้ยืนอยู่แทบไม่ไหว ตอนแรกมันก็แค่เกลียดหรอก ตอนนี้ผมทั้งกลัวทั้งขยะแขยง และผมรู้ว่าผมแสดงออกทางสีหน้าไปจนหมด พี่เอิร์ธถึงได้ยกยิ้มเหนือกว่าแบบนี้
“เอ่อ…” ผมพูดติดๆขัดๆแล้วเดินเลี่ยงพี่เอิร์ธออกมาจนได้ แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามีคนเดินตามอยู่ผมเลยรีบเดินก้มหน้าก้มตาจนถึงหน้ามอ
ผมกำสายกระเป๋าสะพายแน่นจนเล็บผมจิกลงไป ผมเห็นรถพี่เพลิงแล้วครับ ผมรีบเร่งฝีเท้าไปยังรถแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างงคนขับ
ผมมองซ้ายมองขวาหาพี่เอิร์ธแต่ก็ไม่เจอ ลอบถอนหายใจออกมาอย่างยากลำบาก อึดอัดครับ รู้สึกไม่ดีเลยสักนิด ทำไมผมยังไงเลิกกลัวพี่เอิร์ธสักทีวะ
"น้องลมหายไม่สบายรึยังครับเนี่ย หน้าซีดมากเลย" ผมเอามือปาดเหงื่อที่ไม่รู้ว่าออกมามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ออกอย่างลวกๆ แล้วก็ต้องตัวแข็งทื่อเพราะพี่เพลิงเอามือมาแตะหน้าผากผม
“ตัวก็ไม่ร้อนนะครับ”
“ห่วงแพรก่อนมั้ย รีบๆขับหน่อยสิ” ผมเบ้ปากอย่างหมั่นไส้
“ก็กลัวว่าจะต้องพาคู่แฝดเข้าโรงบาลพร้อมกันน่ะครับ” พี่เพลิงพูดติดตลกแล้วเอามือมาลูบหัวผม ไม่ค่อยมีใครมาลูบหัวผมแบบนี้หรอกครับ ส่วนมากมันลูบเพราะจะตบ หรือไม่ก็ลูบขอโทษที่ตบหัว ผมเลยรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ผมตกใจที่ตัวเองหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาจนลนลานเอื้อมมือไปกดปุ่มมั่วหวังจะเปิดเพลงขึ้นมา แต่มันก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม ก็ปุ่มมันเยอะอะครับ ผมไม่เคยนั่งรถแบบนี้ซะด้วย ไม่รู้ว่ากดโดนอะไรไปบ้าง รู้แค่พี่เพลิงเคาะหัวผมเบาๆแล้วกดปุ่มอะไรไม่รู้ให้เพลงดังขึ้นมา
“อย่ากดมั่วแบบนี้สิครับ” พี่เพลิงหันมามองหน้าผมแล้วก็หันกลับไปตามเดิม
ผมนั่งทำหน้ายู่ยี่ใส่อากาศอยู่บนรถจนถึงโรงพยาบาลแล้วก็ยังคงทำหน้าแบบเดิมเพราะผมกำลังเดินตามตูดพี่เพลิงต้อยๆครับ ทั้งคนไข้ทั้งพยาบาลก็มองแต่พี่เพลิง มองยังกับจะกลืนเข้าไป มองผมบ้างก็ได้ ผมก็หล่อนะ!! ผมเพิ่งสังเกตว่าพี่เพลิงอยู่ในชุดทำงานแต่ไม่ได้ใส่สูท เสื้อเชิ้ตพับแขนขึ้นอย่างเรียบร้อยกับกางเกงสแล็คดำเป็นหลักฐานอย่างดี คงวุ่นวายน่าดูเลยครับวันนี้ พอใกล้ถึงห้องก็นึกเป็นห่วงแพรขึ้นมา แต่แพรแข็งแรงจะตายคงไม่เป็นอะไรมากหรอก มั้ง?
“แพร!!” ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปได้ผมก็ตะโกนชื่อแพรลั่นอย่างลืมตัว ลืมไปเลยครับว่าที่นี่มันโรงพยาบาล แล้วก็ลืมว่าแพรอาจจะนอนพักอยู่
“ลม เสียงดังอีกแล้วนะ” แพรหน้าซีดจนผมตกใจ ผมควรปล่อยให้แพรพักให้เต็มที่ไม่ใช่มาเอะอะโวยวายแบบนี้ ผมนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง ถอดกระเป๋าสะพายวางไว้กับพื้น ยกมือแพรขึ้นมากุมไว้
“แพรเป็นไงบ้าง ปวดหัวมากรึเปล่า ไข้ลดบ้างรึยัง อยากกินอะไรมั้ย ลมต้องนอนเฝ้ารึเปล่า แล้วพัดอยู่ไหน” ผมพูดออกไปยืดยาว แพรยกยิ้มให้ผม
“ปวดหัวแหละ พัดมันบอกว่าเดี๋ยวมันมาที่นี่เอง เดี๋ยวมันจะเก็บเสื้อผ้ามานอนเฝ้า แพรคงต้องนอนค้าง” ผมเหนื่อยแทนแพรที่หอบหายใจตอบผมครับ ผมเลยนั่งนิ่งไม่ได้ถามอะไรอีก
“แพรไม่สบายเพราะลมแน่เลย ทีหลังลมต้องดูแลตัวเองดีๆด้วยนะ” ผมพยักหน้างึกงักพร้อมลูบหัวแพรช้าๆ
“ให้แพรนอนพักก่อนครับ” พี่เพลิงเดินมาหยุดอยู่ข้างๆผม พร้อมดึงตัวผมเบาๆให้ลุกขึ้น ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา
…………………………….
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผมเงยหน้าขึ้นมองเพราะเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์พี่เพลิงที่ดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงคนเคาะประตูห้อง พี่เพลิงยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูพร้อมเดินไปเปิดประตู พัดคงมาแล้วมั้งครับ พี่เพลิงชะงักไปพักนึงแล้วเดินออกไปพร้อมกับคนที่มาเยือนคนใหม่
“พ…พี่เอิร์ธ..?” ผมครางชื่อออกมาอย่างุนงง พี่เอิร์ธมาทำไม? มาเยี่ยมแพรจริงๆหรอ ทั้งทีไม่รู้จักกันเนี่ยนะ??
“พัดมาแล้วหรอ อ้าว…”
“สวัสดีครับ ผมเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยเห็นว่าพี่สาวน้องลมป่วยเลยมาเยี่ยม” แพรที่หน้าอ่อนโรยยิ้มให้พี่เอิร์ธอย่างเป็นมิตร แต่ผมนี่สิกำลังหน้าซีดเรื่องที่ไอ้เคนพูดว่าพี่เอิร์ธรู้ว่าผมกับพี่เพลิง…นั่นแหละ แต่ว่าพี่เอิร์ธคงไม่เอาเรื่องตัวเองมาแฉหรอก? แล้วถ้าอยู่ๆพี่เอิร์ธพูดเรื่องนั้นขึ้นมาผมจะทำยังไง?
ผมลนลานอย่างทำอะไรไม่ถูกตอนที่เห็นพี่เอิร์ธวางช่อดอกไม้ที่เอามาเยี่ยมวางไว้บนโต๊ะ
“ลมเป็นอะไรรึเปล่า?”
“คงกลัวความลับแตกมั้งครับ”
“คะ?” แพรมองหน้าพี่เอิร์ธอย่างไม่เข้าใจ
ผมขมวดคิ้วแน่นเพราะพี่เอิร์ธหันมาเลิกคิ้วใส่ผม กัดปากอย่างหงุดหงิดจนเจ็บไปหมด ทั้งห้องเงียบกริบมีแค่เสียงแอร์ที่ดังขึ้น ผมแทบจะกลั้นหายใจซะด้วยซ้ำ
“นี่พี่ไม่รู้หรอครับว่าน้องชายพี่กับ…”
ผมลุกพรวดจากโซฟาเข้าไปคว้าแขนพี่เอิร์ธไว้กับตัว พี่เอิร์ธหันกลับมามองผมแทบจะทันที ผมใช้สายตาเหมือนอ้อนวอน ขอเถอะ แพรไม่สบายอยู่ด้วย ให้ผมทำอะไรผมก็ยอม แต่ผมจะไม่ให้แพรรู้เรื่องนี้เด็ดขาด หรืออย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่ตอนที่แพรยังนอนอยู่บนเตียงแบบนี้ และผมต้องเป็นคนบอกด้วยตัวเองเท่านั้น
“พี่เอิร์ธ มากับลมนะครับ” ผมกอดแขนพี่เอิร์ธไว้แน่น ออกแรงดึงแขนให้เข้ามาชิดตัวยิ่งขึ้น
“แพร ลมไปคุยอะไรแป๊บนึงนะ” ผมดึงตัวพี่เอิร์ธที่ยอมให้ผมลากแต่โดยดี พี่เอิร์ธหัวเราะอย่างแผ่วเบาขึ้นมา ผมดึงตัวพี่เอิร์ธจนออกมาจากในห้องได้
“น้องลมจะพาพี่ไปไหนครับเนี่ย…” คำพูดกับสีหน้าระรื่นสวนทางกันอย่างเห็นได้ชัด ผมลากพี่เอิร์ธมาที่ลานจอดรถเล็กๆข้างตึกที่ไม่มีคน
“พี่จะพูดอะไรกันแน่ พี่ต้องการอะไร?” พี่เอิร์ธยืนเอามือล้วงกระเป๋าทำสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเรื่องที่ผมพูด มันน่าต่อยให้คว่ำ แต่ผมคงสู้แรงไม่ไหวแน่ๆ
“ก็แค่ไม่อยากให้พี่น้องมีความลับต่อกันแค่นั้นเองครับ” ทำไมคนตรงหน้าผมมันเลวขนาดนี้วะ ผมพูดอะไรไม่ออก มันอยากได้ผมขนาดทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นแล้วยอมเอามาแฉเลยหรอ? ผมมีอะไรทไมมันต้องมาวุ่นวายกับผมด้วย
“พี่ต้องการอะไร” ผมเม้มปากแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์หลายๆอย่างที่ตีรวนในหัว
“จูบพี่สิครับ” ผมเงยหน้ามองพี่เอิร์ธอย่างตกใจปนเปกับความรู้สึกรังเกียจที่แทรกเข้ามา ถ้าผมจูบพี่เอิร์ธแล้วเรื่องจบก็คงดี แต่มันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆหรอวะ ผมล่ะอยากรู้จริงๆว่าพี่เอิร์ธมันมองผมยังไง คิดยังไงถึงได้อยากให้ผู้ชายอย่างผมจูบ ผมสะกดกลั้นความกลัวลึกๆแล้วจ้องหน้าพี่เอิร์ธเหมือนท้าทาย พี่เอิร์ธหลุดยิ้มอย่างพึงพอใจออกมาทันที
“แค่จูบก็พอใช่มั้ย?” ผมมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นจะมีวี่แววคน อาจจะเป็นเพราะเป็นที่จอดรถเฉพาะของตึกนี้และตรงนี้เป็นมุมที่ไม่มีใครเห็น ผมยิ้มอย่างสมเพชตัวเองขึ้นมา
ผมเอาแขนทั้งสองข้างคล้องคอพี่เอิร์ธไว้ ค่อยๆเงยหน้าขึ้นหาองศาที่พอดี พี่เอิร์ธเอามือจับไว้ที่เอวผม ผมลอบถอนหายใจแผ่วเบาแล้วหลับตาแน่น
จู่ๆตัวผมก็ถูกกระชากออกจากพี่เอิร์ธ ผมเซไปด้านหลังอย่างช่วยไม่ได้ ภาพตรงหน้าที่ผมเห็นคือพี่เพลิง ใช่ครับ พี่เพลิง พี่เพลิงกระชากตัวผมออกมาแล้วพุ่งตัวปล่อยหมัดใส่พี่เอิร์ธอย่างแรงจนพี่เอิร์ธล้มลงไปนั่งกับพื้น ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ พี่เพลิงง้างหมัดขึ้นจะชกพี่เอิร์ธอีกรอบ ผมเพิ่งตั้งสติได้เลยคว้าแขนพี่เพลิงไว้ พี่เพลิงหันมามองผม นั่นทำให้ผมตกใจเพราะท่าทางของพี่เพลิงน่ากลัวมากเลยครับ ผมกลัวจนปล่อยแขนพี่เพลิงไป แต่พี่เพลิงก็เอาแขนวางไว้ข้างตัวอย่างหงุดหงิด
“มึงออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” พี่เพลิงพูดเสียงเย็นเฉียบใส่พี่เอิร์ธที่นั่งหมดสภาพอยู่กับพื้น
“เออ กูไปแน่” พี่เอิร์ธยันตัวลุกขึ้นแล้วเดินผ่านตัวผมออกไปจากลานจอดรถ
ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่ก็กลายเป็นว่าผมทำไม่ทำสำเร็จน่ะสิ ผมก้มหน้ามองพื้นอย่างสับสนไม่รู้จะทำยังไงดีเลยครับ แต่พี่เพลิงกลับหันมาจ้องหน้าผมแล้วคว้าข้อมือผมข้างนึงให้ยกขึ้น ผมขมวดคิ้วและต้องหน้าเหยเกเพราะความเจ็บจิ๊ดที่ข้อมือ
“ทำไมน้องลมต้องทำตัวง่ายแบบนี้ด้วยครับ!!” พี่เพลิงตวาดเสียงดังด้วยคำที่ผมไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไหร่ ทำไมต้องมาตวาดผมแบบนี้ด้วย ด้วยอารมณ์หลายๆอย่างที่ตีรวนในหัวของผมทำให้ผมไม่พอใจมากๆจนขึ้นเสียงกลับทันที
“แล้วพี่เพลิงมายุ่งอะไรด้วย ปากก็ปากลม ตัวก็ตัวลม ลมจะง่ายมันก็เรื่องของลม!!” ผมแสร้งทำหน้าท้าทายตอบทั้งๆความเจ็บที่ข้อมือยังไม่จางหายไป
“หรอครับ?”
“เออ…อื้อ!!” พี่เพลิงดึงตัวผมเข้าไปจูบ ผมตกใจรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวัน พี่เพลิงประกบปากผมไว้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ครั้งนี้ไม่มีฤทธิ์ยามาเกี่ยวแน่ๆ ผมไม่ยอมอยู่นิ่งดิ้นไปมาจนปากเรานัวเนียมั่วไปหมด มันเกือบจะกลายเป็นเหมือนเดิมได้แล้วถ้าไม่เกิดเรื่องในวันนี้ขึ้น
พี่เพลิงผละออกไป ผมยกมือข้างที่ยังว่างเช็ดปากแรงๆหลายที มองพี่เพลิงด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าพี่เพลิงจะเป็นแบบนี้ทำไม จะมาจูบผมเพื่ออะไร ไหนบอกจะทำให้เรื่องมันเหมือนเดิมไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำแบบนี้มันไม่แย่ไปกว่าเดิมหรอกหรอ แล้วแพรก็นอนป่วยอยู่บนห้องเนี่ยนะ ผมอยากรู้จริงๆว่าพี่เพลิงคิดบ้าอะไรอยู่
แต่ผมรู้แค่ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกแย่มากจริงๆ
------------------------------------------------------------
อดทนกันหน่อยนะคะ คนแต่งก็รู้สึกแปลกๆตอนแต่ง อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก
ถ้าคนเขียนเป็นน้องลมสภาพคงแย่น่าดูเลยค่ะ แต่น้องเข้มแข็งอยู่นะ555555555
ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ ขอบคุณทุกๆข้อความเลยนะคะ เป็นกำลังใจที่ดีเสมอเลยน้า