ความลับที่สิบห้า
ช่วงนี้พี่เพลิงไปรับไปส่งผมแทบทุกวันเลยครับ ผมล่ะเกรงใจทำงานก็เหนื่อยมากพอแล้วยังจะมาเหนื่อยเพราะผมอีก ผมเดินเข้าบ้านอย่างเหนื่อยอ่อนแต่เสียงแตรรถดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งตกใจแล้ววิ่งไปหน้าบ้านทันที เสียงรถแพรครับผมจำได้ ผมดันรั้วเพื่อให้รถแพรเข้ามาด้วยใจที่เต้นรัว มันกลัวไปหมดจริงๆครับ
“ลม” ผมเอียงคออย่างสงสัยที่แพรเรียกชื่อผมหลังจากลงมาจากรถแทบจะทันที
“แพรฝากบอกพี่เพลิงด้วย ว่าให้ไปเคลียกับผู้หญิงคนนั้น แพรไม่ชอบ ไม่มีใครอยากโดนซ้ำเดิม” ผมรู้สึกชาไปทั้งหน้าเลยครับ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรแพรหรือเปล่า ผมคิดว่าเธอคงรู้ว่าแพรเลิกกับพี่เพลิงแล้วเพราะขนาดแม่พี่เพลิงยังรู้เลยครับ แต่จะให้ผมทำยังไงได้ล่ะ ผมคิดว่าผมไม่มีสิทธิ์มากพอที่จะเรียกร้องอะไรได้
“เขาทำอะไรแพรหรือเปล่า” ผมถามไปอย่างกล้าๆกลัวๆ แพรยกมือขึ้นปัดผมแล้วระบายลมหายใจออกมาเบาๆ
“เปล่า เขาพูดอะไรแพรก็ไม่โกรธหรอก สงสารเขามากกว่าที่ไม่เคยรู้อะไรเลย เหมือนแพรไง” ผมกลัวแพรที่เป็นแบบนี้ครับ คำพูดแต่ละคำมันเหมือนมีดที่กรีดแทงลงมาในหัวใจของผม มันทั้งเจ็บและจุก แต่ที่ผมกำลังโดนตอนนี้มันเทียบไม่ได้กับที่แพรเจ็บเลยครับ
“ลม…” ผมจะพูดขอโทษแต่มันกลับพูดไม่ออก
“แพรขอโทษ แพรไม่พูดแล้ว” เป็นแพรที่ขอโทษผมก่อนแล้วก็เข้ามาหยิกแก้มผมจนเจ็บ ผมเลยดึงมือแพรออกทันที
“ไม่ แพรขอโทษทำไม ลมสิต้องขอโทษแพร” แพรดันตัวผมให้เข้าไปในบ้านแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง
“พรุ่งนี้ไปซื้อกระเป๋ากับแพรด้วย อยากได้มานานแล้วเจอรีนนี่แพรเลือกต่อไม่ไหวจริงๆ”
“แพรซื้อกระเป๋าหรอ?” ผมถามขึ้นอย่างสงสัย ปกติแพรจะไม่ค่อยซื้อไงครับนานๆทีมากๆที่แพรจะเสียตังให้กับของส่วนตัว
“โหยลม แพรก็เป็นผู้หญิงนะ”
“ลมพูดเล่น” ผมยิ้มแหยะออกมาอย่างไม่รู้จะทำอะไรที่ดีกว่าได้แล้ว
“พรุ่งนี้ไปกับแพรหน่อยแล้วกัน” ผมลังเลไปนิดหน่อยเพราะพรุ่งนี้ผมก็มีเรียนตามปกตินี่นา แต่ถ้าเป็นภาคบ่ายน่าจะฝากไอ้เคนเช็คชื่อได้
“ตอนบ่ายได้ไหม ร้านอะไร อยู่ไหนอะเดี๋ยวลมไปรอที่นั่นเลย” ผมไม่บอกแพรดีกว่าครับว่าผมโดดคลาสแพรจะได้สบายใจกว่า
“อื้ม ได้สิ แพรไม่บอกร้านหรอก ลมไปรออยู่สยามนะเดี๋ยวค่อยคุยกัน” ผมพยักหน้างึกงักตอบรับไป
“แม่หวัดดีค่ะ” แพรยกมือขึ้นไหว้แม่ที่เดินลงมาจากชั้นบน แม่ยกมือรับไหว้แล้วเดินมาหาแพร
“เป็นไงลูก สบายใจหรือยัง”
แล้วสองคนแม่ลูกก็พากันไปนั่งคุยกัน ผมรู้สึกเป็นส่วนเกินนิดๆเลยคิดว่าเดินขึ้นห้องไปหาไอ้พัดดีกว่า ผมยุ่งๆจนลืมถามมันว่าตัวหอมเป็นอะไรครับทำไมคนบ้าๆแบบมันถึงได้มาร้องไห้ ผมพาร่างมึนๆของตัวเองขึ้นบันไดจนถึงห้องเปิดประตูไปก็เห็นมันนั่งเล่นเกมอยู่ท่าเดิมๆ ผมถอดเนคไทและปลดกระดุมก่อนหย่อนตูดนั่งลงที่เตียง รอจังหวะสักพักก็เอ่ยถามมัน
“พัด”
“ว่าไง” มันขานรับทั้งที่ตากับมือของมันยังคงเล็งยิงเป้าหมายอยู่ ผมส่ายหน้าอย่างระอา
“ตัวหอมมันร้องไห้ทำไมวะ” มันนิ่งไปพักนึง หันหลังมามองผมแล้วก็กลับไปจ้องเกม ไอ้น้องเหี้ยนี่มันกวนตีนจริงๆครับ แต่สักพักมันก็พูดขึ้น
“มันเลิกกับแฟน” ผมพยักหน้างึกงัก สงสัยจะรักมากครับ
“ที่เหี้ยกว่านั่นคือแฟนมันชอบผม” โอ้ววววว ดราม่ามหากาพย์จริงๆครับ ผมไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงสมัยนี้ชอบผู้ชายแบบไหนแต่ตัวหอมมันน่ารักครับ มันน่ารักแบบผู้ชายน่ารักคงจะเข้ากับผู้หญิงตัวเล็กๆได้ แต่ถ้าผมเป็นผู้หญิงจริงๆผมว่าผมชอบพัดมากกว่าครับ นี่ไม่ได้เข้าข้างน้องชายตัวเองนะ แต่มันหล่อนะครับ แฮ่
“เดี๋ยวๆ แฟนมันผู้หญิงใช่ไหม” ผมลืมเช็คความมั่นใจครับ
“เออดิ” โอเคครับ น้องผมคงเดินเส้นทางปกติได้ แต่ที่สงสัยอีกอย่างก็คือความสัมพันธ์ของมันกับตัวหอม ซึ่งผมคิดว่ามันก็แค่เพื่อนสนิทกันเฉยๆ
“แล้วมึงทำไงต่อวะ?” มันเงียบไปอีกครั้งพร้อมกับถอนหายใจออกมา คือน้องชายครับถ้ามึงลำบากใจขนาดนั้นไม่ต้องบอกพี่ชายคนนี้ก็ได้ครับ พี่ผิดไปแล้วจริงๆ
“มันมาด่าผมสักพักแล้วก็ร้องไห้ จะให้ทำไงวะผมโอ๋มันก็เหนื่อยแล้ว” เป็นผมก็ด่าครับ ด่าเฉยๆแต่ทำอะไรไม่ได้ จะว่าไปมันก็เคยครับ ผมเคยแอบชอบผู้หญิงคนนึงแต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ถูกกับแพร ไอ้ผมที่หน้าเหมือนแพรเหมือนถอดหัวใส่ก็โดนเกลียดไปด้วย สุดท้ายเป็นไง ชอบไอ้พีทครับ ตอนนั้นผมทั้งอึนทั้งงงแต่ไอ้พีทมันก็ไม่ได้คบกับเธอนะครับ ก็ดีไป
“แล้วน้องคนนั้นมึงเอาไหม” ผมถามขึ้นอีกครั้ง
“จริงๆเขาก็น่ารักมากเลยว่ะ แต่ผมเลือกเพื่อนไว้ก่อนดีกว่า”
“ไว้กอดหรือไว้ก่อน” มันหยุดคลิ้กเมาส์สักพักแล้วหันมามองผมพร้อมโยนลูกบอลเล็กๆที่วางอยู่ได้โต๊ะคอมอัดหัวผมเต็มๆครับ มันยังมีหน้ามาเล็งอีกนะ ผมเล็งปากลับแต่มันเสือกปัดออกมาโดนผมเต็มๆครับ เกลียดน้องชายตัวเองจริงๆครับ ใครก็ได้เอามันไปฆ่าที
“ตัวหอมมันน่ารักนะเว้ย ไม่มีอารมณ์แบบ… มึงแม่งน่ารักว่ะแบบนี้เลยหรอวะ ตัวมันก็หอมจะตาย” ผมพูดแหย่มันแต่มันก็ทำเมินผม ผมได้แต่เบ้ปากใส่มันด้วยความหมั่นไส้ในความหยิ่งของน้องตัวเอง
……………………………………………………….
แปลกที่ไอ้เคนมันให้ผมมาโรงอาหารรวมตั้งแต่เช้าเลยครับ ปกติมันมายังแทบไม่ทันเลยวันนี้เสือกมาก่อนแล้วนัดผมที่โรงอาหารไม่ใช่หน้าคลาส แต่แล้วผมก็ต้องชักงักเมื่อเห็นไอ้เคนมันไม่ได้นั่งคนเดียว เห็นหลังผมก็จำได้แล้วครับว่าเป็นไอ้พีท มันสองคนคุยอะไรกันผมไม่รู้เพราะจากมุมผมเห็นไอ้เคนนั่งหน้าระรื่นพูดไม่หยุดแถมยังหน้ากวนตีนอีกด้วย
ผมเดินเข้าไปหาพวกมันอย่างเก้ๆกังๆเพราะผมกับพีทยังไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่วันนั้นที่ผมวิ่งออกมาจากบ้านมัน ผมไม่ได้โกรธอะไรมันแล้วแหละครับเพราะไม่มีเหตุผลจะต้องโกรธมัน ผมทำผิดเองแท้ๆ แต่ผมหลบหน้ามันตลอดเลยนะครับผมไม่กล้าคุยกับมันเลยแหละ
“กว่าจะมานะมึง!” ไอ้เคนพูดแล้วยิ้มตาหยีใส่ผมก่อนจะเอามือตบๆบนเก้าอี้ตรงข้ามพีท ผมลังเลนิดหน่อยแล้วนั่งผมตามมันบอก สายตาของผมสบเข้ากับมันพอดีแต่มันก็ไม่ได้พูดอะไร
“กูไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ พวกมึงรอกูอยู่นี่แล้วกัน” อยู่ดีๆมันก็ลุกพรวดไปเลยทิ้งให้ผมอ้ำอึ้งอยู่ตรงหน้าพีท ผมมองมันอย่างหลุกหลิก ใจก็อยากจะขอโทษครับแต่มันติดอยู่ที่ปากเนี่ย ปกติมันต้องขอโทษผมก่อนตลอดไม่ว่าใครจะผิดนะครับ
“ขอโทษที่กูพูดให้มึงเสียใจ แต่มึงก็รู้ในสิ่งที่มึงทำใช่ไหม” มันเลิกคิ้วถามผมแล้วยังทำหน้าดุใส่ แต่ผมรู้ว่าผมผิดครับเลยก้มหน้าก้มตา ผมเม้มปากแน่นแล้วก็ค่อยๆคลายออกพูดกับมัน
“มึงชอบกูใช่ไหมอ่ะ…” มันเบิกตากว้างแล้วชะงักไปเลยครับ อยู่ดีๆผมก็นึกขึ้นมาได้แล้วก็ยั้งตัวเองไม่อยู่ถามออกไป ผมอยากจะตบปากตัวเองซ้ำๆ อยู่ดีๆผมก็มาถามมันแบบนี้แล้วผมจะมองหน้ามันติดไหม แต่ผมอยากจะรู้ให้ชัดเจนจริงๆนะครับและผมก็ต้องการจะเป็นเพื่อนมันต่อไปนะครับ คบกันมาตั้งนานผมไม่มีทางยอมเสียมันไปแน่ๆ
“มึงถามอะไรของมึงวะ” มันพูดขึ้นด้วยท่าทางเลิ่กลั่กมันทำให้ผมแน่ใจว่ามันต้องคิดเกินเลยกับผมจริงๆแน่ครับ ผมหายใจเข้าจนลึกแล้วพูดออกมาช้าๆ
“กูยังอยากเป็นเพื่อนมึงต่อไปนะ” ผมพูดขึ้นอย่างไม่รู้จะพูดอะไร มันเป็นคำปฏิเสธครับและมันก็รับรู้ มันยิ้มแต่สายตามันดูเหมือนกำลังเศร้าอยู่ ผมเริ่มกลัวครับ กลัวมันจะเกลียดผม กลัวทุกอย่างจะพังเพราะมันเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดเท่าที่ผมเคยมีมา มันจ้องผมเงียบๆและไม่ได้พูดอะไร
“กูไม่ได้ชอบมึง กูไม่ใช่เกย์นะเว้ย”
“อะไรนะ?” ผมถามมันซ้ำอีกครั้งแต่มันก็ยังย้ำคำเดิม หรือว่าจริงๆแล้วผมคิดไปเองวะ มันอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับผมก็ได้ แบบนี้เรียกหน้าแตกหรือเปล่าวะ ผมยกมือขึ้นเกาหัวแรงๆหน้าผมเห่อร้อนด้วยความอายเพราะมันยิ้มล้อผม ผมอยากจะมุดตัวลงไปสิงโต๊ะครับ ผมเดาผิดมาตลอดเลยหรอวะ ทำไม ผมไม่เข้าจริงๆนะแต่ก็แอบโล่งใจไปไม่น้อยเลยครับ
“หลงตัวเองว่ะ” มันพูดขึ้นแล้วผลักหัวผมทันที ผมยิ้มเผล้ออกมาอยากช่วยไม่ได้
“ขอโทษๆๆ กูอายนะเนี่ย งืออออออ” มันหยิกแก้มผมแบบไม่อายสิ่งแวดล้อมเลยครับ ตอนแรกก็พูดกันอยู่เงียบๆพอมันเล่นหัวผมก็เริ่มเป็นจุดสนใจทันทีครับ ผมเบ้ปากใส่มันทันทีด้วยความหมั่นไส้
“อย่าคิดไปเองอีกนะกูเสียหาย” ผมเงียบทำหน้ายุ่งใส่มันทันที ไอ้เคนก็เดินมาเลยครับ
“อะไรวะ ดีกันแล้วหรอ?” มันยิ้มกว้างแล้วนั่งลงข้างผมพร้อมทำหน้าอยากรู้แบบสุดๆครับ ผมไม่รู้ว่าพวกมันถ้าไม่มีผมไปคุยกันได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะปกติผมจะเป็นตัวเชื่อมพวกมัน แปลกมากที่วันนี้มันมานั่งคุยกันโดยที่ไม่มีผม
“ดีอะไร เหมือนเด็กปัญญาอ่อนนะมึงเนี่ย” ผมพูดขึ้นแต่ผมลืมนึกอะไรไปอย่างนึงครับ ไอ้พีทมันจะเล่าให้เคนฟังหรือเปล่า แต่ถ้ามันรู้ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้งครับผมไม่ได้จะปิดอะไรอยู่แล้ว
“ไปเรียนได้แล้ว” ผมลุกพรวดขึ้นจูงมือไอ้เคนออกมาทันทีครับ แต่ผมโบกมือให้ไอ้พีทด้วยนะถึงจะหน้าแตกก็เถอะครับแต่มันก็สบายใจดี
และผมก็ไม่ได้หันกลับไปมองมันที่นั่งอยู่เลย
“ฮัลโหล” อยู่ดีๆไอ้เคนมันก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมารับครับ ผมยืนมองมันงงๆถามมันว่าใครโทรมามันก็พูดใส่ผมแบบไม่มมีเสียงว่า ‘พี่เอิร์ธ’ ตกลงมันกับพี่เอิร์ธเป็นอะไรกันวะ เป็นคนรู้จักจริงๆหรอ
“วันนี้ไม่ได้เอารถมาพอดีเลย อือ ครับ” ผมยังขมวดคิ้วมองมันด้วยความสงสัย มันผลักหัวผมเบาๆแล้วหนไปคุยไม่ให้ผมได้ยิน พอมันกดวางสายไปมันก็หันมาพูดกับผมทันที
“ขี้ยุ่งนะมึงเนี่ย ไปเรียนเหอะ”
…………………………………………………………….
“แพรอยู่ไหน” ผมกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์แต่แพรกลับตัดสายไปนั่นทำให้ผมยกมือขึ้นเกาหัวอย่างช่วยไม่ได้
ผมมาเดินอยู่คนเดียวอย่างเปลี่ยวๆครับแต่ผมฝากไอ้เคนมันเช็คชื่อเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกมันก็จะมาด้วยแต่ผมบอกว่ามาซื้อของเป็นเพื่อนแพรเฉยๆมันก็ไม่มา ก็ดีครับผมจะได้กลับบ้านพร้อมแพรเลย ผมยังข้องใจเรื่องพีทอยู่นิดหน่อยครับช่วงนี้ผมคิดว่ามันชอบผมจริงๆ เพลงที่มันร้องวันนั้น สายตามันที่มองผม มันก็คงมองแบบนี้ปกติกับทุกคนมั้งครับ ผมคงอยู่กับมันมากไป และผมไม่ทำให้มันเสียใจก็ดีแล้วครับ แหม ผมนี่หลงตัวเองจริงๆ
“ป่ะ ลม” แพรสะกิดผมแล้วยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง ผมยิ้มให้แล้วจึงหลีกทางให้แพรเดินนำหน้าไปเพราะผมไม่รู้ว่าแพรจะซื้อกระเป๋าร้านไหนด้วยครับ
ผมยืนมองหน้าร้านแบบงงๆปนอึ้งไปเล็กน้อย ร้านนี้เป็นร้านแบรนด์ดังน่าดูเลยครับเพราะคนอย่างผมยังรู้จัก บางวันผมเห็นคนต่อแถวยาวมากเพราะเขาให้เข้าทีละกี่คนก็ไม่รู้ครับ แต่วันนี้โชคดีหน่อยที่ไม่มีคนแพรเดินเข้าไปด้านในผมก็เดินตามไปอย่างเก้ๆกังๆไม่เคยเข้าช็อปแพงๆแบบนี้ครับ อย่างมากก็เข้าช็อปรองเท้าตอนมันลดราคา พี่พนักงานเข้ามาคุยกับผมสักพักก็หายตัวไปยืนที่มุมเดิม
กระเป๋าทุกใบใส่ไว้ในตู้อย่างดีร้านเหมือนจะเล็กครับแต่มันก็จัดไว้สวยหรูมากๆเท่าที่รู้มากระเป๋าถูกๆก็น่าจะล่อไปหลายหมื่นครับ แต่ผมเข้าไม่ถึงอะไรพวกนี้หรอกครับ คงเป็นความสุขของผู้หญิงครับผมคงห้ามแพรไม่ได้ ตังแพรที่เก็บไว้เองนี่ครับ
“ขอโทษครับ” ผมเอ่ยขึ้นทันทีที่หลังของผมชนกับอะไรสักอย่างที่เดาแล้วว่าน่าจะเป็นคน ผมเดินถอยหลังครับเลยมองไม่เห็นอะไรเลยอยู่ดีๆวิญญาณอาร์ตเข้าสิงครับ เงยหน้ามองไฟแล้วสนุกดี
“อะไรเนี่ย!!” เสียงแหลมเล็กของผู้หญิงดังขึ้น แต่ผมก็ต้องเบิกตากว้างเพราะคนตรงหน้าผมคือรีน ใช่ครับ เธอมองผมด้วยสีหน้าหงุดหงิดสุดๆ ถ้าแพรไม่ได้กำลังคิดเงินอยู่ผมจะเอ่ยขอโทษอีกครั้งและเดินหนีไป
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” พี่พนักงานเดินมาแทรกกลางผมกับรีนทันทีครับ ผมส่ายหน้าปฏิเสธแล้วส่งยิ้มแหยะไปครับ
“ลมไปกันเถอะ เสร็จแล้ว” ผมหันไปก็เจอแพรยืนอยู่ข้างหลังแล้วสองสาวก็สบตากันทันทีครับ ฝั่งรีนแสดงหน้าไม่พอใจสุดๆครับ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ ทำไมจะต้องมาเจอร้านเดียวกันและอาจจะเป็นร้านเดิมของเมื่อวาน ผมยกมือขึ้นเกาหัวทันที แต่แพรเดินออกไปผมเลยเดินตาม
“ไม่คิดว่าจะมีปัญญาซื้อด้วย อัพราคาหาผู้ชายใหม่หรือไง” ผมหันไปมองเธออย่างเอาเรื่องทันทีแต่แพรดึงมือผมไว้แล้วส่ายหน้าเบาๆ ผมกัดปากอย่างขัดใจทำไมแพรต้องทำเป็นไม่สนใจเธอด้วยก็ไม่รู้ทั้งที่เธอพูดดูถูกแพรขนาดนั้น แต่แพรคงไม่อยากมีเรื่องครับ
“ทำไมต้องทำเหมือนชนะฉันด้วย!! นี่!!”
ไม่อยากจะเชื่อครับว่าเธอจะตามมายันลานจอดรถ แพรยังจูงมือผมให้เดินไปเรื่อยโดยที่ไม่สนใจเสียงแหลมๆที่น่ารำคาญของเธอที่พูดคำแย่ๆออกมาตลอดทาง เธอสวยครับ แต่คำพูดกำลังทำให้ผมมองเธอแย่มาก และผมกำลังหมดความอดทน ใครจะไปยอมให้มาด่าพี่สาวตัวเองต่อหน้ากันแบบนี้ครับ
“พี่เพลิงเขาเลิกกับเธอเพราะเธอทำตัวแบบนี้ล่ะสิ ก็ดีแล้วเหมือนกันในที่สุดก็คิดได้ แล้วฉันก็ชนะ” ผมกลอกตาไปมาทันที แพรสะบัดมือผมออกเบาๆ แล้วหันไปประจันหน้ากับรีน ผมเม้มปากอย่างตื่นเต้น
“ขอโทษนะคะ ถ้าฉันจะบอกว่าพี่เพลิงไม่ได้เลิกกับฉันเพราะไปหาคุณ” แพรพูดออกมาเสียงเรียบแล้วหันหลังจะเอาถุงกระดาษใส่ไว้ในรถ
ผมยืนมองอยู่สักพักก็รู้สึกแปลกๆ พอหันไปก็เจอรีนกำลังง้างมือขึ้นเหมือนจะจิกผมแพร ผมโกรธมากเลยเผลอปัดมือออกอย่างแรงจนเสียงดัง พอเห็นหน้าเธอดูเจ็บผมก็รู้สึกผิดครับ ผมไม่น่าทำเธอเลยจริงๆแต่ผมก็แค่ปกป้องพี่สาวผมเฉยๆนะครับ เพราะสิ่งที่เธอทำมันมากเกินไปจริงๆใครจะไปยอมให้พี่ตัวเองโดนทำร้าย
“นี่แกทำอะไรฉัน อ๋อ… เป็นแฝดกันหรอ ชอบผู้ชายด้วยใช่ไหม อย่ามายุ่งกับฉันนะ!!” ผมถอนหายใจออกมาทันทีครับ ผมชอบผู้ชายจริงๆนี่นา แล้วก็ชอบคนเดียวกับเธออีกต่างหาก
“อย่ามายุ่งกับพี่สาวผม พี่ผมก็เลิกกับพี่เพลิงแล้วไงคุณยังจะเอาอะไรอีก” ผมพูดอย่างหงุดหงิด
“ก็เกลียด.. ทำไมหรอ? แล้วก็อยากจะบอกว่าพี่เพลิงเลิกกับแกเพราะฉันเอง จริงๆดอกไม้จันทน์วันนั้นเนี่ยต้องขอบคุณฉันด้วยนะ เลือกเป็นอย่างดีเลยล่ะ” ผมหันไปมองแพรทันที แพรยืนนิ่งไม่ได้พูดอะไรแต่มือแพรกำแน่นจนดูเกร็งไปหมด
“เงียบเลยหรอ ขอโทษด้วยคงพูดแทงใจไปหน่อย” เธอพูดเสร็จแล้วก็ยิ้มออกมา ผมไม่ค่อยชอบรอยยิ้มแบบนี้เลยครับมันดูน่าหมั่นไส้ ความอดทนผมมีน้อยกว่าแพรมากและนิสัยเหี้ยๆของผมมันเริ่มจะอยากเผยออกมาซะแล้วสิ
ครืดดดดดดดดดด
พอดีเลย… ผมยิ้มออกมาทันทีที่หยิบโทรศัพท์ออกมาดู
“นี่ คุณรู้ไหมว่าแฟนใหม่พี่เพลิงน่ะใคร” ผมพูดพร้อมทำหน้ากวนประสาทเต็มที่เผื่อว่าเธอจะหันมาสนใจแทนที่จะเป็นแพร
“หมายความว่าอะไร” งงสิครับ งงไปเถอะ เดี๋ยวก็ได้เข้าใจเอง
“ฮัลโหลครับพี่เพลิง” ผมพูดเสียงหวานจนผมกลัวตัวเอง พี่เพลิงเงียบไปเลยครับเพราะปกติผมไม่พูดครับกับพี่เพลิงหรอก คงตกใจช็อคตายไปแล้วมั้งครับ
‘น้องลมอยู่ไหนครับ’ ผมยิ้มออกมาทันทีที่พี่เพลิงพูด ผมเปิดสปิกเกอร์โฟนไว้ให้เธอได้ยินด้วยครับสีหน้าเธองุนงงและสับสนและยังมองหน้าผมด้วยความไม่เข้าใจ
“อยู่สยามครับ ถามทำไมจะมารับลมหรอ” รีนเข้ามาจะแย่งโทรศัพท์ผมแล้วเริ่มโวยวายครับ ผมยกโทรศัพท์ขึ้นจนสุดแขนผมสูงกว่ารีนครับผมมั่นใจแต่ส้นสูงของเธอทำเอาโทรศัพท์เกือบจะหลุดไปอยู่ในมือรีนเหมือนกันครับ
‘ครับ คิดถึง’ ปกติผมจะเขินครับ แต่ครั้งนี้มันสะใจพิลึก ผมลืมไปว่าแพรก็ยืนอยู่ด้วยเลยหันไปมองแพร แพรทำหน้าดุผมพร้อมส่ายหน้าแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แพรไม่เคยห้ามอะไรผมได้ และแน่นอนตอนนี้ก็ด้วย
“รีบๆมานะพี่เพลิง ลมอยากเจอจะแย่แล้วครับ”
ผมกดตัดสายไปพอดีกับที่รีนแย่งโทรศัพท์ของผมไปได้ เธอกดดูประวัติการโทรทันทีแล้วก็นิ่งไปพักนึง
“มันหมายความว่ายังไง!!” ปาเข้ามาเต็มๆอกผมเลยครับดีนะที่ผมจับไว้ทันก่อนที่จะร่วงลงไปตามแรงโน้มถ่วงโลก เจ็บก็เจ็บครับปามาได้ยังไง
“ก็ไม่น่าโง่นะครับผมว่ามันก็ชัดพอแล้ว คุณไม่เคยชนะพี่ผมเลยเลิกยุ่งกับพี่ผมสักที” เธอยังไม่หยุดครับ ทำท่าว่าจะไปทำร้ายแพรอีกครั้งผมเลยกระชากข้อมือเธอไว้
“เป็นบ้าหรือเปล่าครับ” รีนสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของผมทันที แล้วผมก็ปล่อยครับเพราะผมกลัวว่าเธอจะเจ็บ เวลาพี่เพลิงจับผม ผมเจ็บมาหลายครั้งแล้วครับ
“พวกแกต้องการอะไรกันแน่ พี่เพลิงชอบผู้ชายหรอไม่มีทาง” ผมเลิกคิ้วแล้วยักไหล่อย่างไม่แคร์เธออ้าปากจะด่าผมอีกครั้งแต่เสียงโทรศัพท์เธอดันดังแทรกขึ้นมาซะก่อน
“โหย ป๊า เออไปก็ได้” เธอเหวี่ยงใส่คนในสายที่ผมคิดว่าคงเป็นพ่อแท้ๆของเธอ แล้วเดินหนีไปอย่างหงุดหงิด
“ยังไม่จบหรอกนะ อย่ามาทำหน้าน่ารำคาญใส่ฉัน!!” เธอพูดอย่างเกรี้ยวกราดแล้วเดินกลับเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“ลมทำอะไรหัดคิดบ้างสิ รู้ตัวบ้างหรือเปล่า” ผมก้มหน้ารับผิดแต่โดยดีครับ แพรกอดอกมองผมแบบโกรธๆ ผมผิดจริงครับครั้งนี้ที่ทำไปเพราะความหมั่นไส้และไม่ชอบที่เขามาทำแพรล้วนๆเลยครับ
“ก็เขาจะทำแพร ลมไม่ชอบ ทำไมแพรต้องพูดแบบนี้ด้วยวะ” ยังไม่วายเถียงแพรครับ ผมนิสัยเสียแบบนี้แหละครับมันแก้ไม่หายเสียด้วย
"อย่ามาพูดวะใส่แพรนะ" แพรพูดด้วยเสียงหงุดหงิด ผมกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย ไม่อยากจะทะเลาะครับ
"เออ ขอโทษ แต่ลมห่วงแพรนะ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้ปกติที่สุด
“แต่มันก็ไม่จบสักทีสิ ไม่รู้แหละ ลมทำอะไรลมต้องรับผิดชอบเองด้วยนะ” แพรพูดอย่างอ่อนใจพร้อมส่ายหน้าเบาๆ ผมหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“แพรกลับไปก่อนนะ เดี๋ยวลมกลับกับพี่เพลิง” ผมดันหลังแพรให้เข้าไปในรถ แพรดิ้นนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ยอมครับ
…………………………………………………………….
“น้องลมอยู่กับใครครับ” พี่เพลิงถามขึ้นทันทีที่ผมขึ้นรถ ผมยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดตอบ
“อยู่กับแพร” ผมไม่ได้โกหกนะครับผมอยู่กับแพรจริงๆแค่มีตัวแถมมาอีกหนึ่งแค่นั้นเอง
“หรอ...” พี่เพลิงพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบไป ผมนึกเรื่องนึงขึ้นได้ครับ เรื่องที่พี่เพลิงถามชื่อแม่ผม ไม่รู้ว่าพี่เพลิงรู้จักแม่ผมได้ยังไงและแม่ผมไปทำอะไรไว้ก่อนที่จะกลับมาหรือเปล่า สงสัยก็สงสัยนะครับแต่ไม่ค่อยกล้าถาม
“นึกยังไงไม่นอนบ้าน” ผมถามไปอีกเรื่องเลยครับ เพราะกลัวมันจะเงียบเกินไป พี่เพลิงเงียบแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ
“พ่อกับแม่พี่ทะเลาะกัน พี่ขี้เกียจฟังครับ” ผมพยักหน้างึกงัก นั่งหายใจโง่ๆอยู่สักพักก็ตัดสินใจถามพี่เพลิง
“พี่เพลิง... ทำไมพี่ต้องถามชื่อแม่ลม” ผมมองพี่เพลิงตาปริบๆ พี่เพลิงทำหน้าเหมือนลังเลผมเลยขมวดคิ้วจนยุ่ง ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ครับทำไมต้องลำบากใจที่จะบอกผมด้วย
“น้องลมอยากรู้จริงๆหรอ” ผมพยักหน้าอยู่ก็จริงครับ แต่ใจมันชักจะหวั่นๆแล้วสิ
“แม่น้องลมเป็นเลขาให้พ่อพี่” ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ สังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเลยครับ เพราะแพรเคยเล่าว่าประธานบริษัทที่แม่ทำงานอยู่ชอบแม่ผม ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นคนใกล้ตัวขนาดนี้ตั้งแต่ผมจำความได้แม่ไม่เคยพูดเรื่องที่ทำงานให้ผมฟังเลยสักครั้ง จะมีก็แต่ตอนกรอกประวัติส่วนตัวที่โรงเรียนว่าแม่ทำงานอะไร แม่ถึงได้ยอมบอกว่าเป็นเลขาให้กับคนๆนึง
“แล้ว?” มันไม่ได้มีแค่นี้แน่ๆครับ พี่เพลิงทำตัวเหมือนปิดอะไรไว้อยู่
“หลายปีก่อนตอนที่พ่อกับแม่พี่แต่งงานกันแรกๆ พ่อพี่ไปติดพันกับเลขาตัวเองทั้งๆที่เธอมีลูกแล้ว ผู้หญิงคนนั้นคือคุณสาวิตรี แม่พี่โกรธมากไล่คุณสาวิตรีออก เธอก็ยอมแต่โดยดี” ผมนั่งเงียบ… รับฟังสิ่งที่พี่เพลิงบอกผมอย่างรู้สึกบอกไม่ถูก มันเป็นเรื่องในอดีต มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่แม้แต่พี่เพลิงยังไม่สมควรเข้าไปยุ่ง แต่ทำไมต้องเป็นแม่ของผมด้วย ทำไมกลับมาแล้วต้องไปยุ่งกับเขาด้วย ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมคิดมันผิดบาปแต่มันอดคิดไม่ได้จริงๆนี่ครับ
“ตอนนั้นพี่โตแล้วก็จริงแต่ไม่ได้โตพอจะไปยุ่งกับงานที่บริษัท เลยไม่รู้หน้าตาของเลขาพ่อ”
“จนมาตอนนี้คุณสาวิตรีเข้าทำงานอีกครั้ง พ่อพี่บอกปฏิเสธตลอดว่าไม่มีอะไรแล้วแต่แม่พี่ก็ไม่ยอมเชื่อเลย” ผมเม้มปากแน่นอย่างครุ่นคิด อย่าให้มีอะไรเลยครับ ผมรู้ว่าแม่ผมเป็นคนทะเยอทะยานแต่แบบนี้มันรู้สึกแย่ชะมัด
“พ่อกับแม่พี่เพลิงทะเลาะกันเพราะแม่ลมหรอ” ผมถามไปลอยๆไม่ได้กะให้พี่เพลิงสนใจครับแต่พี่เพลิงยกมือขึ้นขยี้หัวผมเล่นพร้อมยิ้มมุมปากออกมาเบาๆ
“อย่าคิดมากสิครับ มันเรื่องของผู้ใหญ่ แต่พี่เชื่อพ่อพี่นะครับ” ผมก้มหน้าลงมองมือตัวเองพี่เพลิงตีมือผมเบาๆแล้วสอดเข้ามาจับมือผมไว้จนแน่น ผมมองหน้าพี่เพลิงอย่างลำบากใจ
นี่มันเรื่องอะไรกันครับ? ทำไมต้องเป็นแม่ผมด้วย ทำไมมันต้องวุ่นวายไปเสียทุกอย่าง ผมได้แต่ตั้งคำถามเพราะมันคงแก้ไขเรื่องในอดีตไม่ได้อยู่ดี
_____________________________________________
น้องนิสัยไม่ดีเลย จับตี
ขอบคุณที่ติดตามกันมานะคะ