ฉาวครั้งที่๒๗ผมมองกำหนดการที่ใกล้เข้าวันเปิดเทอมไปทุกขณะ ผมเองก็เริ่มเก็บกระเป๋าบ้างแล้ว ภาคินหมกหมุ่นอยู่กับการเขียนพ็อกเก็ต บุ๊ค มันนั่งอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ค ทั้งวันทั้งคืน ผมล่ะกลัวมันจะหน้ามืดเป็นลมเป็นแล้งเอา
“ขนม”ผมวางจานขนมตาลลงบนโต๊ะใต้ร่มไม้ ภาคินเหลือบมองเล็กน้อยก่อนจะหันไปนั่งพิมพ์ต่อ
“ป้อนหน่อย”มันยิ้มแต่ไม่ได้มองมาที่ผม
“เป็นง่อยเหรอ”
“เปล่า แค่ลองใจว่าจะทำให้ไหม”มันอ้าปากรอ ผมก็เลยยัดขนมตาลไปทั้งกระทงเลย มันไอค่อกแค่ก สายตาเหลือบมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา พี่เพชรที่อยู่ในขุดลำลองราคาแพงตามปกติเดินหน้าบูดบึ้งเข้ามาหา
“พี่ได้ข่าวว่าเมฆจะกลับแล้วเหรอ”พี่เขาทำหน้าเหมือนโลกดับ ไม่รอฟังคำตอบจากผมแต่หันไปหาเพื่อนแทน
“มึงอยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยดิ”คราวนี้ภาคินถอดแว่นก่อนจะปิดโน้ตบุ๊คสีหน้าระอา
“อะไรวะเพชร มึงเป็นเด็กติดเพื่อนเหรอไง แต่ก่อนก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ มึงมาทำงานนะเว้ย คิดไร้สาระอะไรอยู่”พี่เพชรถอนหายใจ ผมแอบสังเกตุว่าผิวที่เคยใสเริ่มจะหมองๆบ้างแล้ว
“งานที่กูไม่ได้อยากจะทำน่ะสิ มึงก็รู้ว่ากูโดนบังคับมา กูไม่มีเพื่อนคุยว่ะ ทีมงานก็...ไม่ค่อยจะเข้าใจกูสักเท่าไหร่ พวกช่างแต่งหน้า สไตลิส จับกลุ่มนินทากูกันทุกช่วงที่มีเวลาว่าง”พี่เพชรบ่น ก่อนจะหยิบขนมตาลในจานเข้าปาก
“แล้วไอ้ชลล่ะ”ภาคินถาม สีหน้าเมินเฉย ดูออกง่ายๆอยู่แล้วว่าพี่เพชรกับชบลไม่ค่อยจะลงรอยกัน ผมก็ออกจะแปลกใจนิดหน่อย ผมว่าคนอย่างชลก็ออกจะเป็นมิตรนะ หรือพี่เพชรไปพูดอะไรไม่เข้าหูอีก
“จะพูดถึงมันทำไมวะ กูไม่อยากนับมันเป็นคนรู้จักหรอก ไอ้ดำนั่นน่ะ”ภาคินถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เมื่อไอ้ดำที่พี่เพชรพูดถึงมาที่บ้านพอดี
“เดี๋ยวมานะ แม่แบ่งขนมตาลไว้ให้ชลน่ะ”ผมเดินเข้าไปหาชลที่นั่งรออยู่ที่แคร่ไม้ วันนี้ชลดูสกปรกมอมแมมมากกว่าทุกวันเพราะไปช่วยผู้ใหญ่บ้านขุดลอกเหมือง ชลกำลังถอดรองเท้าออกพอดีตอนที่ผมเดินเข้าไปถึงตัว
“เดี๋ยวไปเอาขนมมาให้ จะกินอะไรหน่อยไหม”ผมมองสภาพเปื้อนๆของชล ดูแล้วอาจจะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง
“ขอน้ำเย็นๆก็พอ ยังขุดเหมืองไม่เสร็จเลย นี่แวะมาดูยายก่อน กลัวแกจะไม่กินยา”ชลส่งยิ้มให้ผม
“รอก่อนนะ”ผมเข้าไปในบ้าน แม่แบ่งขนมตาลไว้ให้ชลเยอะเหมือนกัน ผมลงไปด้านล่างพร้อมกับขนมและน้ำเย็น
“ขอบใจมาก”ชลยกน้ำขึ้นดื่มก่อนจะเหลือบมองไปยังภาคินที่มองมาทางนี้อยู่
“ว่าแต่จะกลับแล้วเหรอ เห็นป้าๆยายๆที่ตลาดเขาคุยกัน”
“อือ ใกล้เปิดเทอมแล้วน่ะ อย่าคิดถึงกันล่ะ”ผมแซวขำๆ
“คนที่จะคิดถึงกลัวจะเป็นยายน่ะสิ แค่นายหายหน้าหายตาไปสองสามวันก็บ่นหาแล้ว”น้ำเสียงของชลดูเหนื่อยหน่าย
“ผมไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่ กลับไปแล้วก็อย่าลืมกันล่ะ ว่างๆก็แวะมาหากันบ้างนะ”ชลหยิบถุงขนมไปก่อนจะหันไปโบกมือทักภาคิน แต่เมินพี่เพชร
“คุยนานจัง”พี่เพชรบ่น ก่อนจะมองผมด้วยสีหน้าใคร่รู้
“มันชอบเมฆเหรอ”ผมเลิกคิ้วทันที เหลือบมองภาคินที่ทำหน้าไม่รู้เรื่องอะไร
“ไอ้คินมันไม่ได้บอกพี่หรอกแต่พี่สังเกตุอะไรได้นิดหน่อยน่ะ”พี่เพชรเงยหน้ามองท้องฟ้าที่อึมครึมเหมือนฝนจะตก
“เขาไม่ได้ชอบผมหรอกครับ”ก็ไม่เห็นทำท่าทางอะไร
“ก็อาจจะชอบก็ได้ ถ้าไม่รู้ว่านายมีเจ้าของแล้ว”ภาคินแทรกมา
“ฝนจะตกรึเปล่านะ ยังไม่ได้ถ่ายอีกตั้งหลายฉาก”พี่เพชรถอนหายใจก่อนจะเลื่อนกุญแจรถให้ภาคิน
“ขับดีๆนะเว้ย คันนี้ลูกรักกู”พี่เพชรให้ภาคินยืมรถ ส่วนตัวพี่เขาจะให้ผู้จัดการส่วนตัวเอารถอีกคันมาให้ ส่วนเรื่องการถ่ายละคร ทีมงานบางส่วนเดินทางมาถึงแล้ว เริ่มถ่ายทำไปได้หลายฉากแล้วเหมือนกัน
“เออน่า แล้วก็ทำตัวดีๆล่ะ กูรู้ว่ามึงไม่ค่อยชินกับที่นี่แต่อย่าไปดูถูก ดูแคลนว่าที่นี่บ้านนอกเลยว่ะ มึงไม่เห็นเหรอว่าคนที่นี่เขาชอบมึงมากแค่ไหน”ยกเว้นอยู่คนหนึ่งที่เหม็นหน้าพี่เพชร
“นี่มึงใช่ ไอ้คินเพื่อนกูหรือเปล่าวะเนี่ย เมฆเก่งนะ ที่ทำให้มันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”พี่เขาเอนตัวมากระซิบ
“ไม่เกี่ยวกับผมหรอกครับ”ผมยิ้มจาง
“ทำไมจะไม่เกี่ยว เดี๋ยวนี้มันอยู่ในโอวาทเมฆอย่างกับ...”ภาคินกระแอม
“อย่างกับอะไร พูดดีๆนะเว้ย”
“อย่างกับลูกแหง่ไง”พี่เพชรหัวเราะ
“ถ้ามึงรักใครสักคนแล้วมึงจะเข้าใจ ว่าการที่ปรับปรุงตัวเองเพื่อคนที่เรารักน่ะ เป็นยังไง”มันยักคิ้วให้เพื่อน พี่เพชรถึงกับเบ้หน้า
“ถ้ามันพูดจาแบบนี้บ่อยๆพี่คงเอียนแน่”อีกฝ่ายถอนหายใจเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นมา ก่อนจะรับสายด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“ครับ เดี๋ยวผมไปครับ เอารถมารับผมด้วยนะพี่ ไม่เอา แดดมันร้อน ...โอเคครับ”ดาราหนุ่มวางสายคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน
“กูไปล่ะ มีคิวถ่ายต่อ”พี่เพชรรอจนกระทั่งมีรถตู้ของทีมงานมาจอดรับที่หน้าบ้านก่อนจะออกไป
“ดังแล้วเป็นเอามากนะไอ้เพชรเนี่ย”น้ำเสียงของภาคินดูเป็นห่วงมากกว่าจะตำหนิ ผมก็เห็นบ่อยนะ ดาราที่มีความเยอะเพิ่มตามดีกรีชื่อเสียงของตัวเอง ถ้าพี่เพชรไม่เหลิงได้ใจไปก็ดีหรอก ผมเบื่อและไม่อยากเห็นคนใกล้ตัวต้องร่วงดิ่งสู่จุดตกต่ำบ่อยๆหรอก
**************************************
วันนี้เป็นวันที่ผมกับแม่มาขายกับข้าวเป็นวันสุดท้ายแล้วเพราะพรุ่งนี้ก็ได้เวลากลับแล้ว ป้าๆยายๆแถวนี้ก็บ่นกันยกใหญ่แถมยังเอาขนมมาให้ผมอีก
“จะได้ไม่ลืมยายไง”ยายของชลทำรากบัวเชื่อมมาให้ผมกระปุกใหญ่ วันนี้ยายมาขายผักคนเดียว ส่วนชลไปส่งผักในตลาดในเมืองนู่นเห็นว่ามีธุระอะไรสักอย่างต้องทำด้วย
“ผมไม่ลืมยายหรอกครับ กลัวแต่ยายจะลืมผมเนี่ยแหละ”ผมพอจะรู้มาบ้างว่ายายป่วยเป็นอะลไซเมอร์หลังจากที่ชลพาไปหาหมอในเมืองมา
“ยายจะไปลืมลูกเขยได้ยังไง ว่างๆก็มาหายายบ้างนะ ยายคิดถึง”ยายจับไม้จับมือผมไว้แน่น ก่อนจะหยิบจดหมายที่พับไว้จนเหลือแผ่นเล็กๆยัดใส่มือผม
“เดี๋ยวยายจะเขียนจดหมายไปหาบ่อยๆนะ”ผมยิ้มรับก่อนจะกอดยายแน่นๆ
“รักษาตัวเองด้วยนะยาย อย่าทำให้ชลต้องเป็นห่วง”แต่จู่ๆยายก็มีท่าทีโมโหขึ้นมา
“ไอ้ชลมันไม่รักยายหรอก”แล้วยายก็หันไปมัดผักบุ้งโดยใช้ตรอกไม้ไผ่เหมือนมองไม่เห็นผมไปซะเฉยๆ ผมกลับมาหาแม่ที่ล็อคงงๆ แม่หันไปมองยายก่อนจะยิ้มจางๆ
“เห็นคนแถวนี้บอกว่าเมื่อก่อนชลไปติดผู้หญิงที่หมู่บ้านอื่นจนทิ้งยายให้อยู่กับหลานสาวคนเดียว แม่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเปล่านะ”แม่พูดไปพลางนับเงินไปพลาง ผมนิ่วหน้าไม่ได้ออกความเห็นอะไร ผมเองก็ไม่ได้รู้จักชลถึงขนาดที่ไปตัดสินเขาได้
ระหว่างที่ใกล้จะเก็บของ จู่ๆฝนก็เทกระหน่ำลงมา ลมแรงๆหอบเอาเม็ดฝนสาดซัดเข้ามาด้วย ผมขนลุกเกรียวด้วยความหนาว ภาคินส่งข้อความมาว่าเดี๋ยวจะมารับ มันไปคุยกับพี่โหน่งเรื่องพ็อกเก็ตบุ๊คตอนนี้มันเขียนเสร็จแล้ว รอแค่ทำรูปเล่มเท่านั้น ผมกับแม่เอาผ้ายางมาคลุมโต๊ะ พวกเด็กๆออกไปวิ่งเล่นน้ำฝน แต่ก็โดนดุให้กลับเข้ามาเพราะฝนตกหนักมากกว่าทุกที หนักจนมองไม่เห็นทัศนียภาพด้านนอกเลยด้วยซ้ำ ผมชักจะห่วงๆภาคินขึ้นมาถนนแถวนี้เป็นแค่ลูกรังกลัวจะยุบเพราะน้ำฝนที่กัดเซาะจริงๆ ผมส่งข้อความกลับไป
'ฝนหยุด ค่อยมา'
รถกระบะของชลมาจอดที่หน้าตลาด ก่อนที่มันจะลงมาช่วยยายเก็บร้าน
“ไปด้วยกันไหม”ชลมาถามเนื้อตัวเปียกโชก
“เดี๋ยวภาคินมารับอ่ะ”ผมมองแม่ที่ดูหนาวๆ
“แม่กลับกับชลก่อนไหม เดี๋ยวผมจะรอกลับกับไอ้คิน”ผมกลัวมันจะน้อยใจ เดาๆอารมณ์มันไม่ค่อยจะถูกด้วย แม่จะกลับไปดูบ้านเพราะไม่ได้ปิดหน้าต่างกลัวฝนสาด ก็เลยกลับไปพร้อมชล
ผมนั่งรอภาคินพลางกอดอกมองสายฝนเม็ดใหญ่ที่เทกระหน่ำลงมา รออยู่สักพักก็เห็นรถออดี้คันสวยของพี่เพชรเทียบจอดใกล้ๆ ภาคินเปิดประตูรถลงมาพร้อมกับกางร่มมาหาผม
“จะลงมาให้เลอะทำไม”ผมกวาดตามองเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีอ่อนที่เปื้อนเป็นดวงๆ
“กลัวนายเปียกไง ฝนตกหนักจะตาย กลัวตายเป็นหวัด”
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะ”เส้นผมมันเปียกลู่ไปกับใบหน้า น้ำหยดติ๊งๆลงมาตามชายเสื้อ มันไปเล่นน้ำที่ไหนมาเนี่ย ภาคินดึงดันจะกางร่มให้ผมให้ได้ จนผมขี้เกียจจะเถียงแล้วก็เลยปล่อยเลยตามเลย แน่นอนว่ามันเปียกมากกว่าเดิมอีก เมื่อเข้ามานั่งในรถแล้วผมก็กวาดตาหาผ้าแห้งๆมาเช็ดตัว เจอแต่ผ้าผืนเล็กๆที่เบาะหลังผ้าเช็ดรองเท้าหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมหนาว ภาคินตัวสั่นอยู่ในรถ ผมยื่นผ้าให้มัน
“ผ้าอะไร”มันยังกล้าหยิบไปดมๆอีก แต่มันก็ยอมใช้มาเช็ดตัวที่เปียกแฉะ
“ดูเหมือนพายุจะเข้านะ”ผมพึมพำ ภาคินขับช้าๆเพราะไม่ค่อยชินทางแถมยังมองไม่ค่อยเห็นอีก และสุดท้ายรถก็ติดบ่อโคลนเข้า ภาคินกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย
“รอฝนหยุดค่อยไปต่อก็ได้ เวลาแบบนี้ไม่มีใครขี่รถออกมาหรอก”ผมถอดเสื้อคลุมที่เปียกเล็กน้อนออกเหลือแต่เสื้อยืด
“เปลี่ยนมาใส่เสื้อฉันก่อนไหม เดี๋ยวเป็นหวัด”ผมส่งเสื้อคลุมให้มัน สงสัยมันจะหนาวเพราะมันไม่ได้ทักท้วงอะไร ผมมองภาคินถอดเสื้อออก สีผิวในร่มผ้าแยกชั้นกันอย่างชัดเจน ถึงเสื้อคลุมจะคับไปหน่อยสำหรับภาคินแต่อย่างน้อยมันก็ไม่ต้องทนหนาวล่ะนะ
“สวัสดีครับ”ผมหันไปมองคนข้างๆที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ใครมันโทรมาตอนฟ้าฝนคะนองแบบนี้กันนะ
“เพชรน่ะเหรอครับ เปล่านี่...แถวๆนั้นไม่มีเหรอครับ ยังไงก็ลองหาดูนะครับ...ครับ”ภาคินวางสายก่อนจะตอบคำถามสายตาสอดรู้ของผม
“เพชรมันหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ หรือว่าหนีกลับไปแล้ว ได้ยินว่าแฟนเก่ามันมาตามถึงกอง”ผมก็ได้ยินมาเหมือนกัน พี่เพชรอุตส่าหนีความวุ่นวายมาอยู่ที่บ้านนอกแล้วแท้ๆ แต่ก็หนีไม่พ้นสักอย่างทั้งนักข่าว ทั้งนางแบบแฟนเก่า
“พี่เขาคงไม่ทำแบบนั้นหรอกมั้ง”
“มันเก่งเรื่องหนีปัญหาจะตาย สร้างปัญหาก็พอๆกัน”มันพูดอย่างรู้ดี
“เหมือนนายเลย”สำหรับเรื่องสร้างปัญหา ภาคินไหวไหล่ก่อนจะจับมือผมไปกุมแน่น ฝามือเย็นชื้นของมันทำขนลุกขึ้นมา
“มาคุยเรื่องของเรากันบ้างดีกว่า ถ้ากลับไปแล้วฉันจะพานายไปที่บ้าน นายเป็นคนแรกเลยนะที่ได้ไป”มันยิ้มกว้างมือเย็นๆคลึงกับนิ้วมือของผมก่อนจะเปลี่ยนมาสอดมือทาบทับแน่น
“รู้สึกเป็นเกียรติมาก”ผมลากเสียงล้อเลียน
“จริงๆนะ มีนายคนเดียวที่ได้สิทธิพิเศษขนาดนี้ ทั้งเจอพ่อกับแม ได้กินอาหารฝีมือของฉันแล้วยังทำให้ฉันหลงขนาดนี้”ผมรีบยกมืออีกข้างขึ้นมาเพื่อห้ามมันพูดต่อทันที
“พอเลย อย่ามาน้ำเน่าได้ไหม”
“ก็อยากพูดนี่ แปลกตรงไหนหรือนายเขิน ฉันไม่พูดก็ได้”รอยยิ้มบนหน้ามันกวนประสาทผมตงิดๆ
ผ่านไปเกือบๆครึ่งชั่วโมงกว่าฝนจะเบาลงเหลือเพียงละอองฝน ภาคินลองเร่งเครื่องอีกครั้ง ลองอยู่สองสามครั้งถึงจะหลุดออกจากบ่อโคลน
“ไม่อยากจะคิดสีหน้าไอ้เพชรตอนมันเห็นรถเลย”ภาคินพึมพำเมื่อจอดรถในบ้านแล้ว แม่กำลังกวาดเศษใบไม้ใบหญ้าออกจากแคร่ไม้
“กำลังห่วงอยู่พอดีเลย แม่ทำข้าวเย็นรอไว้แล้วนะ ทานเสร็จก็อย่าลืมเช็คข้าวเช็คของล่ะ เผื่อลืมอะไร”แม่หันมาพูดกับผม
“ครับ แต่ตอนนี้ผมหนาวขออาบน้ำก่อนนะ”ผมขึ้นไปบนห้องหยิบผ้าขนหนูมาคลุมตัว ภาคินตามเข้ามามันถอดเสื้อผ้าเปียกๆออกไม่อายสายตาของผมเลยแม้แต่น้อย
“รู้สึกตื้อๆเหมือนจะเป็นหวัด”มันสูดจมูกเอาผ้าขนหนูพันท่อนล่างก่อนจะหยิบอีกผืนมาคลุมท่อนบน ผมเข้าไปแตะหน้าผากมันที่อุ่นน้อยๆ
“รีบอาบน้ำแล้วกินข้าวกินยาเลยนะ”มันพยักหน้าฟังผมเหมือนเด็กน้อย ผมให้ภาคินอาบน้ำก่อน ดีที่แม่ผมอยู่ด้านล่างไม่อย่างนั้นคงตกใจแน่ๆ ที่ไอ้ภาคินทำตัวไม่เรียบร้อยแบบนี้ ภาคินอาบน้ำไวกว่าปกติ ผมไล่มันลงไปกินข้าว ก่อนจะรีบๆอาบน้ำเพราะเริ่มจะปวดหัวแล้วเหมือนกัน ลงมาอีกทีภาคินกำลังหน้าแดงปากแดงเพราะกินน้ำพริกหนุ่มกับผักต้ม แม่กำลังอุ่นน้ำซุปให้มัน ก็เลยไม่เห็นอาการตลกๆของภาคิน
“เผ็ดแล้วกินทำไม”ผมมองจานข้าวที่น้ำพริกกับกะหล่ำต้ม
“กินได้น่า”
“ไม่ต้องเอาใจแม่ฉันไปทุกเรื่องหรอก ขืนฝืนกินแบบนี้เดี๋ยวก็แสบกระเพราะพอดี”ผมเปลี่ยนจานให้มัน
“แม่คราวหลังก็ทำกับข้าวที่ไอ้คินมันกินได้หน่อยสิ เห็นไหมว่ามันหน้าแดงหูแดงหมดแล้ว”แม่หันมามองภาคินก่อนจะหัวเราะ
“แม่ก็ลืมถามเรา เผลอหนักมือไปหน่อย เดี๋ยวแม่ทำต้มจืดแก้เผ็ดให้ก็แล้วกันนะ”
“แม่ไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวจะยุ่งยากเอา”ภาคินดูเกรงใจขึ้นมา ผมตีแขนมันดังเพี๊ยะทันที
“ยุ่งยากอะไรล่ะลูก แค่นี้เอง”แม่หันกลับไปเอาผักกาดกับเต้าหู้ออกมา
“กินอันไหนไม่ได้ก็บอกดิ ให้นายปรับปรุงตัวแต่ไม่ใช่ว่านายจะต้องปรับอยู่ฝ่ายเดียวนี่”ผมมองต้มยำทะเลที่น้ำสีแดงน่ากินแต่สำหรับภาคินแล้วคงเหมือนน้ำในกระทะทองแดงแน่ๆ
“ก็ฉันกลัวว่ามันจะดูเรื่องมากนี่”มันเขี่ยข้าวเปล่าในจาน ผมตักผัดแตงใส่หมูให้มัน
“อร่อยนะ”แต่มันย่นหน้าเหมือนเด็กที่ไม่ชอบกินผัก
“ฉันไม่ชอบอ่ะ แปลกๆ”มันตักคืนมาให้ผม
“อยากกินไข่ดาว ฮอทดอกอะไรอย่างอื่นทอดไหมจะทำให้”มันย่นหน้าทันที
“นายอย่าทำเหมือนกำลังเอาใจเด็กได้ไหม”มันหัวเราะ
“ไม่ชอบเหรอ อุตส่าห์เอาใจ”
“เอาใจเรื่องอื่นสิ แบบนั้นชอบแน่ๆ”ผมถลึงตาใส่มันทันทีเมื่อเดาสายตาแพรวพราวของมันออก พอดีที่แม่ยกถ้วยต้มจืดมาให้พอดี มันก็เลยไม่ได้พูดอะไรให้แสลงหูต่อ
“ถ้าคินทานข้าวเสร็จแล้ว ขึ้นมาหาแม่บนห้องหน่อยนะลูก แม่เรื่องจะคุยด้วย”ผมกับภาคินหูผึ่งทันที แม่จะคุยอะไรกับมันกันนะ
ผมมาหลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็มานอนเล่นในห้อง ไม่รู้มันกับแม่คุยอะไรกันถึงได้นานนัก ผมเล่นเกมส์รอไปพลาง จนภาคินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าอารมณ์ดี ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งทันที
“ว่าไงบ้าง แม่คุยอะไร”มันไม่ตอบในทันทีแต่เดินเข้ามาจูบผมเบาๆ
“แม่นายให้นี่มา”มันยกมือขึ้น แหวนเงินเกลี้ยงเกลาที่ผมจำได้ว่าเคยเป็นของพ่ออยู่บนนิ้วมันแล้ว แม่เอาแหวนที่พ่อเคยใส่ให้มันแบบนี้หมายความว่าแม่ยอมรับมันแบบเป็นทางการแล้วสินะ
“แล้วก็ให้ฉันเข้าไปไหว้พ่อนาย”มันนั่งลงข้างๆผม ก่อนจะเอนตัวพิง หลับตาเหมือนผ่อนคลาย
“ฉันรู้สึกดีนะ เพราะมันสื่อถึงว่าแม่นายยอมรับฉันจริงๆไม่ใช่แค่คำพูดหรือว่าตามใจนาย”มันดึงมือผมไปจับ โดยที่ไม่ทันตั้งตัวจู่ๆมันก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบแหวนทองคำขาวที่ฝังเพชรเม็ดเล็กๆเรียบๆเลื่อนใส่นิ้วนางข้างขวาของผม ผมตกใจที่จู่ๆมันก็ทำแบบนี้ ได้แต่มองมันอึ้งๆ
“ไว้รอเราโตกว่านี้ค่อยเปลี่ยนข้างนะ นายเรียนจบเมื่อไหร่ฉันจะจัดการเรื่องของฉันกับนายอย่างจริงจัง”
“นี่...”ก้อนความดีใจจุกอยู่ในลำคอทำให้ผมเกิดอาการพูดไม่ออก
“ฉัน...ขอบใจนะที่ทุ่มเทขนาดนี้น่ะ ฉันไม่คิดว่านายจะจริงจังกับฉันมากขนาดนี้”ไม่รู้ด้วยว่ามันคิดเรื่องอนาคตของผมกับมันไปไกลแค่ไหน ผมไมคิดว่าผู้ชายแบบมันที่เคยคบกับผู้หญิงสวยๆมามากจะให้แหวนกับผม
“ที่นายทำมีความหมายมากเลยนะคิน”...มันมีความหมายต่อผมมากภาคินไม่ได้พูดอะไรออกมา มันแค่กุมมือผมบีบกระชับมากขึ้น
“เพราะฉะนั้น อย่าเลิกกับฉันนะรู้ไหม ฉันไม่อยากถอดแหวน”ภาคินหัวเราะก่อนจะเอาคางเกยไหล่ของผม ที่ผ่านมาผมเคยใส่แหวนเลยและปกติถ้ามีคนให้ผมจะไม่รับเพราะผมถือว่าแหวนเป็นของแทนใจที่สำคัญอย่างหนึ่ง
“ฉันไม่เลิกกับนายหรอก ฉันตัดสินใจดีแล้วด้วยที่ให้แหวนนาย ฉันรู้ว่าสำหรับนายมันสำคัญแค่ไหน”เสียงของมันดังอยู่ใกล้หู
“รู้ได้ไง”
“แม่นายบอก”
“อย่าเชื่อแม่ฉันมากล่ะ บางทีแม่อาจจะโกหกนายก็ได้ อีกอย่างแม่ไม่ได้รู้ทุกเรื่องหรอกนะ บอกแล้วไงว่าอย่าตัดสินคนที่ภายนอก”ผมเหลือบมองมัน ใบหน้ามันอยู่ใกล้มากจนผมเห็นเส้นขนตาเข้มๆของอีกฝ่าย
“ลืมไป นายเป็นเด็กดีของคุณแม่นี่นา”
“แขวะเหรอ”
“เปล่า ไหน นายลองเล่าเรื่องส่วนตัวของนายให้ฟังบ้างสิ ดูเหมือนที่ผ่านมาจะมีแต่นายที่รู้เรื่องของฉัน”
แล้วคืนนั้นผมก็สาธยายให้มันฟังตั้งแต่เรื่องในรั้วประถมยันปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่ามันฟังผมพล่ามจนหลับไปก่อนผมเสียอีก นี่ผมไม่ได้เล่านิทานกล่อมมันนอนนะเฮ้ย
ผมแอบถ่ายรูปมันก่อนจะชั่งใจอัพลงไอจีที่ร้างรามานาน เป็นครั้งแรกด้วยที่ผมโพสต์ถึงมันตรงๆ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรให้กลัวอีกแล้ว ผมกดโพสต์ก่อนจะจัดหมอนให้เข้าที่ รู้สึกปรอดโปร่งขึ้นมา เมื่อนึกได้ว่าพรุ่งนี้ผมจะไปจากที่นี่แล้ว และจะไม่มีเรื่องน่าปวดหัวมาให้ผมคิดมากอีกแล้ว
“พ่อ แฟนผมใช้ได้ไหม”ผมพึมพำเบาๆในความมืด จ้องมองดาวดวงเล็กๆที่อยู่นอกหน้าต่าง สายลมพัดเข้ามาอ่อนๆราวกับตอบรับคำพูดของผม
**************************************
'ภาคิน วรวงศ์กุล กับครอบครัวที่กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งหลังจากเจอมรสุมชีวิต'ผมอ่านพาดหัวข่าวในกรอบเล็กๆถัดจากข่าวลูกน้ำเปิดตัวแฟนหนุ่มนอกวงการ พักนี้มีข่าวนิดๆหน่อยๆเกี่ยวกับภาคิน ส่วนใหญ่จะสนใจเรื่องพ็อกเก็ต บุ๊คของมันมากกว่าว่าจะเขียนเรื่องอะไรบ้าง
ผมปิดนิตยสารที่ยืนอ่านอยู่ในเซเว่น เหลือบมองอีกฉบับที่มีข่าวของพี่เพชรที่โดนแฉว่าอู้การถ่ายทำ คะแนนนิยมเริ่มจะลดลงเมื่ออีโก้ของพี่เพชรพุ่งปรี๊ด หลายๆคนบอกว่าพี่เพชรไม่เหมือนเดิมแถมพาดพิงมาถึงภาคินด้วย
“ดูอะไร”ภาคินที่สวมแว่นตาเดินมาใกล้ๆ ในมือถือแก้วกาแฟ
“เปล่า”ผมส่งตะกร้าที่เต็มไปด้วยขนมไปให้ภาคินจ่ายเงิน พนักงานเซเว่นจ้องมองภาคินอยู่นานก่อนจะรีบคิดเงินด้วยใบหน้าขึ้นสี
“ได้คุยกับพี่เพชรบ้างไหม”ผมถามหลังจากที่ออกมาจากเซเว่นแล้ว วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่ายแต่ผมรีบไม่ได้กินข่าวเที่ยงมาไอ้ภาคินมันกลัวผมหิวเลยบังคับให้ผมแวะเซเว่น ผมก็เลยประชดซื้อมาซะเยอะ
“ก็คุยบ้างแต่ไม่บ่อย”มันหันมามองผมก่อนจะมองหน้าผมด้วยรอยยิ้มแปลกๆ
“มีอะไร”ผมแกะขนมปังเข้าปาก
“กับไอ้ชลฉันก็ได้คุยบ้างเหมือนกัน”ผมนิ่งคิดมันต้องมีอะไรแน่ๆถึงได้พูดขึ้นมา
“บางที...ฉันต้องตามติดชีวิตดาราบ้างแล้ว สนุกดีเหมือนกันนะสอดเรื่องชาวบ้านเนี่ย”มันพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ผมมองคนข้างๆด้วยสายตามึนงงว่ามันหมายถึงอะไร แต่มันก็ไม่ได้ขยายความอะไรเพิ่ม
ภาคินมาส่งผมที่คณะที่คึกคักไปด้วเสียงซ้อมกลองของหลีด ผมไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับงานพวกนี้เพราะไปอยู่บ้านนาซะนาน ผมโบกมือลาภาคินจากนอกรถ หอบหิ้วขนมที่ซื้อมาเข้าห้องเรียนด้วย เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กดังขึ้นเมื่อผมผลักประตูห้องเข้าไป ยังไม่เห็นเงาศีรษะของอาจารย์ที่เคารพเลย งานนี้คงมีหวังว่างทั้งคาบแน่ ผมกวาดตาหาไอ้บอร์ทและไอ้เชษเห็นมันนั่งอยู่หลังห้อง
“ไง หอบอะไรมาเยอะแยะวะ”ไอ้บอร์ทดึงถุงขนมไปคุ้นหาของชอบ
“ได้ข่าวว่าไปฮันนีมูนมาเหรอ”ไอ้เชษแซว ก่อนจะเหล่ตามองแหวนบนนิ้วผม
“ไอ้แมวขายออกแล้วเว้ย”ไอ้บอร์ทร่วมแซวบ้าง
“พูดอะไรเบาๆหน่อยได้ไหมวะ”ผมพึมพำเมื่อเห็นสาวๆด้านหน้าหันมามอง
“ทำมาอาย ทีจับปลาไหลไอ้คิน เอ้ย ไปจับปลาไหลกับมันไม่เห็นอายออกข่าวตั้งหลายช่อง”ไอ้เชษทำให้เพื่อนทั้งห้องฮาครืน ผมเหลือบมองมันอย่างหงุดหงิดเมื่อเพื่อนผู้หญิงหัวเราะกันเสียงดังมาให้ได้ยิน
“มีน้ำมีนวลขึ้นเยอะนะ เมฆของพี่คินเนี่ย”เพื่อนผู้หญิงด้านหน้าแซว ผมยิ้มแห้งก็ยอมรับนะว่าผมน้ำหนักขึ้นมาสองกิโลฯ
“สงสัย.....”ไอ้บอร์ทหลิ่วตาให้ผม โชคดีเหลือเกินที่อาจารย์เข้ามาช่วยชีวิตผมได้พอดี ไม่อย่างนั้นผมต้องโดนรุมด้วยคำพูดของพวกนี้แน่ๆ
TBC.
มาอัพแว้วว เรื่องเมฆกะคินจะจบในอีกหนึ่งตอน(หน้า)นะคะ
แก้ไขนิดนึงงงเรื่องชลเพชร จะแยกไปเป็นอีกเรื่องนึงเลยค่ะ
~ส่วนพ็อกเก็ต บุ๊คภาคินเนี่ยจะเป็นตอนพิเศษค่ะ
(อาจเก็บรายละเอียดเรื่องของสองคนนี้ช่วงก่อนที่ทั้งคู่จะรู้สึกดีๆต่อกัน)
เรื่องเจน-ปอย(ลืมกันหรือยังนะ55)จะเขียนเช่นกันไม่แน่ก็ทดเป็นตอนพิเศษเลย
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
