Special::1 หลังจากช่วงเวลาเก้อเขินผ่านไป ผมแทบไม่อยากจะมองหน้าภาคินมันเลยเพราะมันจะทำให้ผมหลุดยิ้มตลอด จนทีเคมันแอบแซวผมไปเสียหลายรอบ
“เมฆ”ภาคินส่งเสียงเรียกมาจากข้างตัว
“ว่า”สายตามองท้องฟ้าสีหมึก แสงไฟสีส้มตลอดทางให้ความรู้สึกนุ่มนวล คนข้างๆเงียบไป
“เมฆ”มันเรียกอีกรอบคราวนี้ผมหันไปมองหน้ามันแทน
“มีอะไร”
“เปล่า”รอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่าย
“แล้วเรียกทำไม”ผมเลิกคิ้วมอง
“แค่อยากเรียกเฉยๆ”
“ทำตัวแปลกนะนายเนี่ย”ผมเบนสายตากลับไปมองท้องฟ้าอีกครั้ง
“ก็เรียกเพื่อให้รู้ว่าอยู่ข้างๆกันไง”ผมหลุดยิ้มพร้อมกับเท้าเอวมองภาคิน ช่วงสองสามวันมานี้มันช่างเอาอกเอาใจแถมยังปากหวานจนมดตอม แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขินได้ไง
“มุกนี้ผ่านไหม”มันยื่นหน้ามาถาม
“ไม่เบื่อเหรอ หรือยังไม่หมดโปร”ภาคินเลิกคิ้ว
“แล้วนายเบื่อไหมล่ะ”มันย้อนถาม
“ถ้าไม่ฉันก็คิดมุกมาโยนใส่นายได้ทุกเมื่อนั่นแหละ กับนายไม่มีหมดโปรหรอก มีแต่จะเพิ่มขึ้นๆ”มันโน้มตัวมากระซิบ อือหื้อ เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลย
“จะคอยดูก็แล้วกัน”
“ไม่เชื่อเหรอ”มันทำหน้าระรื่น ผมเบ้หน้า
“เมฆ...”ภาคินกลับมาใช้โทนเสียงจริงจังอีกครั้ง
“ทำไม”ถ้าไม่พูดอีกนะ ...
“นายคิดเรื่องเราจริงจังถึงขั้นไหน”ผมแปลกใจไม่น้อยที่อยู่ๆมันก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา ผมเตะทรายเล่นก่อนจะตอบ
“ก็...ถึงขั้นไหนไม่รู้แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากอยู่ด้วยกันไปนานๆ”ผมเคยอ่านนิตยสารอยู่ฉบับหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว เป็นเรื่องของคู่รักคู่หนึ่งที่อยู่ด้วยกันมานานจนแก่จนเฒ่า ผมยอมรับว่าก็นึกถึงเรื่องของผมกับภาคินเหมือนกันว่าเราจะไปได้ไกลขนาดนั้นไหม
“ฉันกลัวนายจะเบื่อฉัน”ภาคินเหลือบมองผมก่อนจะทรุดนั่งลงบนโขดหินใกล้ๆ
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”ควรจะเป็นผมไม่ใช่เหรอที่ต้องกลัว คนอย่างภาคินถึงแม้ตอนนี้จะเป็นดาวไร้แสงแต่ได้ชื่อว่าภาคินย่อมต้องมีคนสนใจอยู่แล้ว
“เพราะนายเป็นคนมีเหตุผลไงล่ะ จนบางครั้งฉันก็แอบคิดว่ามันก็มีส่วนแย่เหมือนกัน”ผมพยักหน้าช้าๆ ผมก็คิดเหมือนกัน เชือกที่ตึงเกินไปมักจะขาดได้ง่าย
“แต่ฉันไม่เบื่อนายหรอก อย่างน้อยก็วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้และวันต่อๆไป”ผมนั่งลงข้างๆมัน ก่อนจะถามคำถามที่เคยอยู่ในใจ
“นายคิดยังไงกับคู่นอนคืนเดียว”ภาคินหันมามองหน้าผมทันที
“ตอบทั่วๆไปก็เฉยๆ มันเป็นเรื่องของการตกลงยินยอมของคนสองคน”จู่ๆมันก็ทำหน้าบูดขึ้นมา
“ถามทำไม รู้ไหมนายทำให้ฉันนึกถึงไอ้สองคนนั้นเลย คิดแล้วอารมณ์เสีย”ไม่ต้องถามว่าสองคนไหนผมก็รู้
“แค่ถามเฉยๆน่า”
“แสดงว่าตอนมีเรื่องนายคาใจเรื่องนี้เหรอ”
“ก็มีบ้างนิดหน่อย”
“งั้นฉันขอถามบ้าง ถ้าหาก ฉันใช้คำว่าถ้านะ ถ้าหากว่าฉันเกิดเผลอไผลจนเกิดเรื่องแบบนี้เข้า นายจะทำไง รับได้ไหม”ผมนิ่งคิดตามในสิ่งที่ได้ยิน
“สำหรับฉัน การเชื่อใจ ไว้ใจกันคือสิ่งสำคัญ ถ้านายทำแบบนั้นจริงฉันคงให้อภัยนายไม่ไหวแน่ๆ เพราะกว่าที่ฉันจะยอมรับตัวเอง ก็ผ่านความสับสนมาเยอะ เพราะฉะนั้นสำหรับนายคือฉันทุ่มไปหมดตัว นายนึกไม่ออกหรอกว่าฉันจะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหน”ผมลองจำลองสถานการณ์ตาม มันก็ไม่โอเคเอาซะเลย
“แต่ถ้ามันเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจล่ะ”ผมหรี่ตามองคนถามทันที
“ถามแบบนี้ ...แสดงว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆล่ะสิ เมื่อไหร่ กับใคร”ผมยืนขึ้นกอดอกมองภาคิน น่าแปลกที่ในอกเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะแบบนี้ ภาคินรีบยกมือขึ้นเหมือนจะห้ามไม่ให้ผมคิดไกล
“เฮ้ย เปล่า ที่ถามก็แค่อยากรู้เฉยๆ คิดว่าฉันจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเพราะความไม่ระวังเหรอ ฉันภาคินเชียวนะ ”มันยิ้มก่อนจะรั้งเอวผมไปใกล้ ดึงให้ผมนั่งลงบนตักของมัน ผมเหลือบมองไปรอบๆเผื่อมีคนอยู่แถวนี้
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ก็ต้องคุยกันอีกที แต่ก็อีกนานเลยล่ะกว่าจะยกโทษให้ เพราะถึงแม้มันจะเป็นแค่เซ็กซ์ แค่คืนเดียวแล้วแยกย้ายก็เถอะ แต่นายเป็นแฟนของฉัน คบกับฉันอยู่...”ผมยกมือตีแก้มมันเบาๆสองสามแปะก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง
“แค่คืนเดียวก็ไม่ได้ ฉันหวง เพราะนายเป็นของฉันคนเดียว ”ผมตั้งใจกระซิบหยอกเย้าอีกคน
“พูดอีกทีสิ”
“นายเป็นของฉันคนเดียว”ย้ำอีกครั้งพร้อมกับจูบที่สันกรามของอีกคนเบาๆ ภาคินยกยิ้มพอใจ ผมลุกขึ้นจากตักอีกฝ่ายเพราะกลัวมีคนมาเห็นเข้าแต่ภาคินกลับไม่ยอมปล่อย มือหนาจับเอวผมไว้ไม่ห่าง
“เฮ้ย ปล่อย”ภาคินเหลียงมองรอบตัว
“อายรึไง”
“ไม่ได้อาย แต่ถ้าคนมาเห็นมันจะดูไม่ดี เป็นคนเปิดเผยมันก็ดีแต่บางทีเราต้องให้เกียรติสถานที่บ้าง”ภาคินเลิกคิ้วทันที
“นายด่าฉันเหรอ”มันดูขบขันมากกว่าจะจริงจัง
“แค่พูดเฉยๆ”ผมดีดหน้าผากมัน
“ก็ได้ๆ”ภาคินยอมปล่อยให้ผมลุกจากตัก แต่มันยังจับมือของผมไว้อยู่ มือมันลูบแหวนบนนิ้วผมเบาๆ
“ฉันดีใจนะ”ภาคินกำลังดึงผมเข้าสู่โหมดหวานซึ้งอีกแล้ว
“รู้แล้วน่า นายพูดออกบ่อย”ผมมองเสี้ยวหน้าที่ต้องแสงไฟ
“พูดให้นายจำไง จะได้ไม่ลืมง่ายๆ”มันบีบฝามือผมเล่น ผมเงยมองผืนฟ้าสีหมึกที่มีแสงดาวพราวตา ลมเย็นๆพัดต้องหน้า
“ฉันไม่ใช่คนขี้ลืม แต่พูดอะไรไว้แล้วไม่เป็นแบบนั้น...ก็ระวังไว้ล่ะ”ผมหรี่ตามองอีกก่อนจะกระตุกมือให้มันลุกขึ้น
“กลับเถอะ มืดแล้ว อากาศเย็นแล้วด้วย”ภาคินพยักหน้าก่อนจะลุกมากอดคอผม
“ทีเคจะเอารูปทั้งหมดมาให้พรุ่งนี้ ฉันอยากเห็นจะแย่แล้ว ต้องออกมาดีแน่ๆ มีคนหน้าตาดีอยู่ในเฟรมตั้งสองคน”ผมแอบเบ้หน้าเล็กน้อย ทำมาพูดเอาใจผม มันก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าผมกับมันห่างชั้นกันไกล
“เออ เห็นมันพูดๆด้วยนะว่ามันอยากขายรูปให้กับนิตยสาร”ผมหันไปมองภาคินทันที มันมีสีหน้าเคร่งเครียดแต่ไม่มากนัก
“แล้วนายว่าไง”
“ฉันอยากถามนายมากกว่าเพราะฉันยังไงก็ได้อยู่แล้ว”ร่างสูงไหวไหล่
“แล้วเอารูปเซ็ตไหนไปล่ะ เอามาให้เลือกก่อนได้ไหม บางรูปฉันก็อยากให้มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่เห็น”อีกคนยกยิ้มกว้าง
“ไว้พรุ่งนี้ฉันจะเรียกมันมาก็แล้วกัน ไม่นึกว่านายจะยอม”มันโน้มมากระซิบใกล้ๆ ผมเข้าใจว่าภาคินเป็นคนเปิดเผยแถมยังเป็นคนมีชื่อเสียงอีก ผมคิดว่ามันคงอยากทำแบบนี้ เท่าที่ผ่านมาก็ใช่ว่ามีแต่คนที่สนับสนุนเรื่องของผมกับมันเท่านั้น คนที่ไม่ชอบก็มีอีกมาก บางคนก็ถึงกับคอยแช่งคอยดูว่าผมกับมันจะเลิกกันตอนไหน ภาคินเองก็คงอยากแสดงให้รู้ว่ามันจริงจังกับผมและเรื่องของเราสองคนไม่ได้เกิดจากความใคร่เพียงอย่างเดียว
“เเค่นีเ้้อง ”ผมดีใจนะที่มันมาถามผมก่อนเพราะรู้ว่าผมไม่ค่อยอยากเป็นข่าวเท่าไหร่ ไม่ใช่แค่ผมที่เข้าใจมัน แต่มันก็เข้าใจผม คบกันแบบไม่มีเรื่องให้ต้องทะเลาะเนี่ย มันสบายใจจริงๆ
*****************************************
ผมพลิกตัวไปมาบนเตียงเพราะได้ยินเสียงพูดคุยมาจากด้านนอก ผมลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย เสียงแบบนี้ทีเคแน่ๆ
“ฉันมีธุระ ต้องกลับก่อน ยังไงก็บอกฉันทางไลน์ก็แล้วกันว่ารูปไหนลงนิตยสารได้”ผมกระพริบตาสองสามครั้งก่อนจะขยับตัวลุกนั่ง บานประตูที่กั้นระหว่างพื้นที่หน้าห้องปิดสนิท ม่านมู่ลี่ถูกดึงลงมา ทำให้ผมเห็นเงาร่างจางๆของคนสองคน ทำไมภาคินตื่นเช้าแบบนี้ มันตื่นก่อนผมทุกครั้งเลย ผมบิดขี้เกียจ มองนาฬิกาบอกเวลาแปดโมงเช้า
“โอเค เดินทางปลอดภัยล่ะ เก็บเป็นความลับด้วยนะว่าฉันกับแฟนมาที่นี่ ฉันอยากพักผ่อนเงียบๆ”
“ได้ แต่ฉันค่อนข้างแปลกใจจริงๆ ที่รู้ว่าคบกันได้นานขนาดนี้ ตอนที่มีข่าวแรกๆฉันยังคิดว่านายแค่อยากลองหรือไม่ก็สร้างกระแสเฉยๆ”ได้ยินเสียงภาคินหัวเราะ
“เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงอยากลบความคิดพวกนั้นออกไปให้หมด คนอย่างฉันถ้าพูดว่าตลอดไป มันก็เป็นไปตามนั้น”ผมเงียหูฟังมากกว่าเดิม แต่ก็ได้ยินแค่เสียงเอี๊ยดอ๊าดของพื้นไม้ เห็นเงาร่างของทีเคเดินออกไปแล้ว
ผมกลิ้งตัวลงจากเตียงก่อนจะแปรงฟันล้างหน้า อาบน้ำให้ปรอดโปร่ง ผมเอาเสื้อมาน้อยเพราะไม่คิดว่าภาคินมันจะอยู่นานก็เลยต้องมานั่งค้นเสื้อของมัน ผมเจอแต่เสื้อกล้ามไม่ก็เสื้อแขนกุด ผมเลยเลือกเสื้อแขนกุดลายพร้อยสีแสบสัน พอมาอยู่บนตัวผมทำไมไม่เหมือนเวลาที่ภาคินมันใส่เลยวะ ช่างเถอะ
“เมฆ”เสียงภาคินดังเข้ามาระหว่างที่ผมค้นหากางเกงขาสั้น ผมขานรับพลางค้นหากางเกงเหมาะๆต่อไป
“ออกมาดูนี่หน่อย”มันตอบกลับมา ผมเลยเดินออกไปพร้อมกระชับผ้าเช็ดตัวที่พันส่วนล่างให้เข้าที่
“ดูไร”ผมเดินไปยืนข้างๆมัน ภาคินเหลือบมองผมก่อนจะถอนหายใจ
“ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยไป”มันกวาดสายตามองไปรอบๆเหมือนกลัวมีคนจะเห็น
“แค่แป๊ปเดียวเอง จะให้ดูอะไร”ผมยื่นหน้าไปดูจอโน้ตบุ๊คบ้าง มีรูปของผมกับมัน ข้างๆมีอัลบั้มรูปเปิดกางไว้
“ที่ให้ไปนี่เพื่อความปลอดภัยของตัวนายเองนะ”ผมเงยหน้ามองภาคินที่จ้องมองผมพอดี
“ไม่มีคนผ่านมาหรอก”
“ไม่ได้หมายถึงคนอื่น หมายถึงฉันเนี่ยล่ะ”มันทำสายตาแพรวพราวก่อนจะแตะจมูกลงที่ซอกคอของผม
“ตอนนายอาบน้ำใหม่ๆ นี่ห๊อมหอม”ผมยืดตัวขึ้นก่อนจะคว้าอัลบั้มรูปฟาดมันไปสองสามที แปลกที่ผมไม่ได้เก้อเขินอะไรอีกแล้ว
“ไปแต่งตัวเลย เร็วๆ”มันโบกมือไล่ ผมทำเสียงฮึดฮัดก่อนจะเข้าไปใส่กางเกงขาสั้นในห้องแล้วออกมานั่งเบียดมันที่เก้าอี้ตัวยาว มันหันโน้ตบุ๊คมาทางผม
“ให้นายเลือกว่ารูปไหนผ่าน”ภาคินกวาดตามองผมก่อนจะหัวเราะ
“เพิ่งเคยเห็นนายใส่สีแจ่มๆ”
“ดูดีใช่ไหมล่ะ”
“ดูดีก็ได้ ถ้านายว่างั้น”ผมเหลือกตามองมัน
“แล้วนายเลือกหรือยัง”
“เลือกแล้ว”ส่วนใหญ่เป็นรูปที่ถ่ายโดยไม่รู้ตัวมากกว่า ซึ่งผมเห็นด้วยว่า รูปพรี เวดดิ้งที่ถ่ายตรงสะพานเป็นความทรงจำระหว่างของผมกับภาคิน
“หวังว่าคงไม่เอารูปนี้หรอกนะ”ภาคินพูดขึ้นเมื่อผมเลื่อนดูถึงภาพที่ผมจูบหน้าผากมัน ผมยิ้มทันที
“ทำไมล่ะ ดูดีออกนะ”ผมหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆของมัน ส่วนใหญ่ผมเลือกแต่รูปที่ถ่ายที่อ่าวคลองเจ้า
“นิตยสารอะไรเหรอที่เอาไปลง”ผมนึกไม่ออกเลยว่านิตยสารไหนอยากได้รูปชวนมดขึ้นแบบนี้
“ในเครือของพี่แต้วน่ะ พี่เขามีเพื่อนเป็นบรรณาธิการ”ภาคินยิ้ม ช่วงนี้มันยิ้มบ่อยจริงๆ ภาคินดึงมือผมวางที่อัลบั้มภาพถ่ายที่เปิดกางอยู่บนโต๊ะเป็นรูปผมกับภาคินนอนตักกัน มันถ่ายรูปพร้อมกับโพสต์ในไอจี ทวิตเตอร์พร้อมแคปชั่น Phakin&Mek
“อยากอวด”มันหันมามองผม ทำอย่างกับเด็กแหน่ะ ผมดึงมือข้างที่มันสวมแหวนมาถ่ายบ้าง
“อยากอวดเหมือนกัน”ผมก้มมองแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมารัวๆหลังจากลงรูปนั้นไปแล้ว ผมดึงใบตารางกิจกรรมมาดู
“วันนี้นายมีแพลนจะทำอะไร”ตอนบ่ายๆมีดำน้ำดูปะการังกับล่องเรือทัวร์เกาะ
“อยากไปดูร้านขายเสื้อน่ะ ทีเคบอกว่าอยู่ใกล้ๆกับรีสอร์ทถัดไปนี่เอง แถวนี้มีให้เช่ารถมอเตอร์ไซน์ขี่รอบเกาะพอดี ไปกันนะ”
“โอเค”ไหนๆเสื้อผมก็เอามาน้อย ไปดูไว้ก็ดีเหมือนกัน เนื่องจากตอนนี้แดดอ่อนแล้ว ภาคินกับผมเลยเห็นตรงกันว่าควรจะไปเลย
ร้านขายเสื้อที่ว่าส่วนใหญ่เป็นเสื้อแนวๆกราฟฟิค ขาร็อค หนุ่มอินดี้เขาใส่กัน โดยเฉพาะคนขายที่แตีงตัวแมทกับร้านมาก ทั้งทรงผมและรอยสัก ภาคินคุยถูกคอเลยทีเดียว เพราะเห็นว่าคอเพลงแนวออลต์ร็อคเหมือนกัน แถมเจ้าของร้านยังใจดีเป็นพิเศษให้เพ้นท์เสื้อได้ด้วย
ผมกับภาคินขลุกอยู่ที่ร้านนั้นนานอยู่หลายชั่วโมง ภาคินกำลังบรรจงเขียนข้อความภาษาอังกฤษยึกยือที่ผมอ่านไม่ออก แต่เห็นมีตัวอักษร P&Mตัวโตอยู่ก็พอจะเดาได้ว่ามันต้องเกี่ยวกับผมแน่
“ใส่คู่กันนะ”ภาคินทำหน้าภูมิใจนำเสนอ เจ้าของร้านมองมาด้วยสายตาสนใจ
“อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนกันน่ะ”พี่เขาชี้มือมาที่ผมกับภาคินด้วยสีหน้าตกใจ
“แปลกเหรอครับ”ภาคินตอบยิ้มๆ พี่เจ้าของร้านทำหน้ามึนๆก่อนจะไหวไหล่ พอดีมีลูกค้าเข้ามาพี่เขาเลยจำต้องไปต้อนรับ ผมหันไปมองก่อนจะเบิกตาโตเมื่อพบว่าลูกค้าคือสองสาวเจ้าเดิม ผมสะกิดภาคินที่ยังคงขมักเขม้นกับการเพ้นท์เสื้อให้เห็นสองสาวที่ยืนเลือกเสื้ออยู่แต่ยังมิวายแอบเมียงมองมาทางผมกับภาคิน
“อย่าบอกนะว่าตามมา”ภาคินพึมพำเบาๆ
“บังเอิญล่ะมั้ง”ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเชื่อนัก เกาะตั้งกว้างโลกคงกลมมากไปแล้ว ภาคินลุกจากโต๊ะไปหาสองสาวที่เลือกซื้ออยู่ ผมรีบเดินตามไปด้วยเพราะกลัวมันจะเหวี่ยง
“แหะๆ คือเราสองคนไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนพี่คินกับแฟนนะคะ แต่ว่าเราสองคนจะกลับแล้ว ก็เลยอยากถ่ายรูปด้วยเป็นครั้งสุดท้าย”เธอพูดด้วยอาการกล้าๆกลัวๆ ผมเหลือบมองภาคิน แต่ไม่เห็นแววขุ่นมัวบนใบหน้าของมันเลย ผมได้ยินมันแอบถอนหายใจเบาๆ
“โอเคครับ”มันส่งยิ้มให้สองสาว ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยอาการเนื้อเต้น
“วานช่วยถ่ายรูปให้หน่อยค่ะ”เจ้าของร้านดูงงๆแต่ก็ยอมถ่ายให้ เมื่อถ่ายเสร็จเรียบร้อยสองคนนั้นก็ขอลายเซ็นของภาคินกับผมโดยเซ็นให้กับเสื้อที่เพิ่งซื้อ
“ขอบคุณมากค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าจะโดนดุซะแล้ว เที่ยวให้สนุกนะคะ”แล้วทั้งคู่ก็ออกไป ภาคินดูปรอดโปร่งมากขึ้น
“นี่...น้องสองคนเป็นคนดังเหรอ”พี่เจ้าของร้านถามขึ้นมาสีหน้ายังงงอยู่
“ผมเปล่า แต่คนนู้นต่างหากที่เป็น ชื่อภาคิน พี่เคยได้ยินไหม”ผมได้ทีลองถามบ้าง พี่เจ้าของร้านขมวดคิ้ว
“คุ้นๆเหมือนเคยได้ยิน ใช่ที่เป็นแฟนเก่าไอลินนางแบบแซ่บๆหรือเปล่า”พี่เขาชี้ไปที่โปสเตอร์หวาบหวิวของพี่ไอลินที่ผนังร้าน
“ก็...ใช่ครับ”มันเกาจมูก ดันมาจำได้เรื่องนี้อีกนะ
“หูย แล้วเป็นไง แซ่บไหม”ภาคินมองพี่เจ้าของร้านด้วยท่าทางเหมือนคนเป็นใบ้
“โทษๆ ไม่ได้ตั้งใจจะถามต่อหน้าแฟนใหม่”พี่เขาหัวเราะแห้งๆ ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้วแต่ภาคินมันดูโกรธๆ หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จภาคินก็รีบพาผมออกจากร้าน
“ฉันไม่ชอบให้ใครมาพูดแบบนี้ ฉันให้เกียรติคนที่คบเสมอ นึกว่าจะเจอคนที่คุยถูกคอซะอีก”ภาคินพึมพำ
“เอาน่า พี่เขาคงไม่ได้ตั้งใจ เลิกทำหน้าบูดได้แล้ว”ผมดีดหน้าผากมันอีกครั้ง ตบหลังให้มันออกรถเสียทีจอดอยู่หน้าร้านนานแล้ว ภาคินออกรถแรงจนผมชนหลังมันดังปึก ได้ยินเสียงมันหัวเราะ ถึงว่ามันถึงได้กัดไอ้สองคนนั่นไม่ปล่อยเลย
ช่วงบ่ายๆผมกับภาคินกลับมานอนเล่นที่ห้อง จะว่าไปอยู่เงียบๆเฉยๆแบบนี้ผมเริ่มจะเบื่อแล้วเหมือนกัน
“เมฆ”ช่วงจังหวะที่ผมกำลังจะเคลิ้มหลับมันก็ส่งเสียงเรียกอยู่ใกล้ๆ ผมปรือตามอง
“แมว”มันเท้าคางนอนหันหน้ามาทางผม อีกมือเอื้อมมาเกาพุงผม
“จั้กจี้”ผมปัดมือมันออก
“ไม่ได้เรียกแบบนี้มานานแล้ว”มันยังตบพุงผมอยู่ ผมเลยพลิกตัวหนี เข้าใจไหมว่าคนจะนอนหลับแล้วมากวนมันน่าหงุดหงิด ภาคินยังไม่รามือจากการแกล้งผม ได้ยินเสียงดังกุกกัก มันทำอะไรอีกล่ะ ผมซุกหน้าลงกับหมอน ภาคินสะกิดเอวผมสองสามจึก
“หันมาหน่อย แมว”
“ฮื่ออออ”ผมปัดมือมันออก มันรั้งเอวผมให้นอนหงาย ผมย่นคิ้วก่อนจะลืมตามอง
“ถ่ายทำไม”ผมรีบเอาหมอนฟาดมันทันที เพราะมันกำลังถือโทรศัพท์ในมือ
“ถ่ายคนขี้เซาไง”มันหัวเราะเอนตัวหนีผมที่พยายามดึงกล้องออกจากมือมัน
“ไหน เอามาดูดิ๊ นายแอบถ่ายตอนอื่นด้วยหรือเปล่า ฉันไม่อยากมีคลิปฉาวอีกนะ”ผมคว้าโทรศัพท์มาจากมันได้สำเร็จ ภาคินขยับมานั่งใกล้ๆ
“ไม่มีหรอก แอบถ่ายอะไรนั่นน่ะ ระดับฉันต้องถ่ายให้เห็นชัดๆไปเลย”มันพูดเสียงระรื่น ผมเปิดดูไฟล์ในโทรศัพท์ ก็ไม่เจออะไรแบบที่ผมมโน ผมเลื่อนไปเปิดแกลลอรี่ภาพ
“ไหนว่าไม่ชอบแอบถ่ายไง”ผมเลื่อนไปเจอรูปที่ผมนอนหลับเหมือนแมวขี้เซา สภาพดูไม่ได้ หน้ามัน ผมฟูๆ มันก็ยังจะเก็บไว้อีก
“นี่ถ่ายตอนไหนเนี่ย”ผมเพิ่งรู้ว่าในโทรศัพท์มันมีรูปผมเยอะขนาดนี้ และบางรูปผมก็ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าโดนถ่าย
“ตอนนายเผลอไง นี่...จำได้ไหม รูปนี้ตอนนายมาค้างคอนโดฉันครั้งแรก”มันพูดขึ้นเมื่อผมเลื่อนมาถึงรูปที่ผมนอนหลับอยู่บนโซฟาถ่ายติดมือที่วางแหมะอยู่บนศีรษะผมด้วย
“อืม จำได้ ฉันตื่นมาก็เจอหน้านายพอดี”ผมเลื่อนดูไม่หมดเพราะมีอีกหลายร้อยรูป ปกติผมไม่ค่อยได้จับโทรศัพท์ของมันเท่าไหร่ เพราะผมไม่ใช่ประเภทขี้จับผิดจนต้องมาตามเช็ค ผมส่งโทรศัพท์คืนให้มัน
“ไม่ดูอย่างอื่นเหรอ”
“มีอะไรให้ดูหรือไง”
“ลืมไปว่านายไม่เหมือนคนอื่น”มันเก็บโทรศัพท์
“ของแปลกหายากไง นายโชคดีนะ รู้ไหม”ผมกระซิบ
“โชคดีมาก ชอบมากด้วย”ผมเบือนหน้าหนีทันที เอาอีกแล้ว หาเรื่องพูดจาให้ผมแสลงหูอีกจนได้ ดูเหมือนมันจะชอบด้วยนะที่เห็นผมทำท่าประดักประเดิก ภาคินเอี้ยวตัวหยิบกีต้าที่มันพกมาเล่น มันร้องเพลงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน หรือว่ามันแต่งใหม่
“สำหรับอัลบั้มใหม่ในอีกสามปีข้างหน้าเหรอ”ผมทักขึ้นมา ก็อย่างที่ผมเคยได้ยินมันพูดบ่อยๆว่ามันจะไม่กลับไปเป็นนักร้องอีกต่อไปแล้ว แต่ผมก็หวังให้มันทำอัลบั้มสุดท้ายเพื่อส่งท้ายตัวเองให้จบสวยๆ
“เปล่าหรอก แค่แต่งเล่นๆ นายก็รู้ว่าฉันลาขาดกับการเป็นนักร้องแล้ว”มันถอนหายใจพลางเกากีต้าอย่างใจลอย
“งั้นเหรอ นึกว่าจะมีเซอร์ไพรส์เสียอีก”
“ฉันก็เคยคิดอยากกลับไปทำอัลบั้มส่งท้ายนะ เพราะตอนจบของฉันมันห่วยสิ้นดี แต่นายรู้ไหม ลึกๆแล้วฉันยังกลัวอยู่”
“นายกลัวอะไร”
“ก็หลายๆอย่าง ฉันเคยอยู่ในจุดที่ดังมากๆ ถ้าฉันกลับไป ฉันก็ต้องหวัง ถึงแม้จะบอกว่าไม่แคร์เสียงตอบรับก็เถอะ ฉันเบื่อกับเสียงวิจารณ์ ความกดดันที่จะต้องตามมาอีก...ฉันคงไม่กลับไปแล้ว”สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงเศร้าสร้อยของอีกคน
“แต่ฉันคิดไว้แล้วล่ะว่าอีกสามปีต่อจากนี้จะทำอะไร”ภาคินพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ผมเลิกคิ้วรอฟัง
“ฉันจะทำในสิ่งที่ฝันไว้ จัดอคาเดมี่ประกวดร้องเพลง หรือไม่ก็สร้างรายการดีๆขึ้นมา แต่ในอนาคตข้างหน้าอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นฉันจะไม่คิดมาก แล้วนายล่ะ อีกสามปี นายวางแผนไว้หรือยัง”ภาคินวางกีต้าก่อนจะหันมาถาม สามปี...ผมก็เรียนจบแล้ว ทำงานอะไร ผมเองก็ไม่เคยคิดไว้
“ยังเลย ฉันยังอยู่ในวัยที่รักสนุกอยู่ ยังไม่ได้คิดอะไรจริงจังหรอก แต่นายโตกว่าฉัน ในวันข้างหน้าฉันต้องปรึกษานายอีกเยอะเลย”ผมม้วนเส้นผมยาวๆที่ละต้นคอของอีกคนเล่น
“ฉันยินดีเป็นหลักให้นายเสมอ ในทุกๆเรื่อง”มันมองหน้าผมตรงๆ ด้วยแววตาที่สื่อความหมายมากมาย
“ฉันรู้ว่านายพร้อมจะเป็น”
“แต่ฉันไม่รู้ว่านายจะมาพึ่งกันรึเปล่า นายออกจะเก่ง”
“แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องนี่ นายมองฉันผิดแล้วล่ะ”ผมยิ้มจางๆเอานิ้วจิ้มแก้มมันเบาๆ
“สองสามวันนี้ฉันคิดอะไรได้เยอะเลยล่ะ โดยเฉพาะเรื่องของเรา ตอนนี้ฉันก็ใกล้ยี่สิบหกแล้ว อีกสามปีฉันก็...”ภาคินนับนิ้วก่อนจะทำหน้าเหลือเชื่อ
“ก็จะแก่แล้ว ฉันหมายถึง ฉันคิดถึงคำว่าครอบครัว ถ้านายเป็นผู้หญิง ป่านนี้รับรองนายป่องไม่รู้กี่รอบแล้ว”ผมฟาดแขนมันไปแรงๆสองสามที มันพูดอะไรก็ไม่รู้
“ฉันก็คิดแหละ แต่นายต้องเข้าใจนะว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ง่ายที่จะยอมรับ ถ้าหากไม่เปิดใจ ฉันแค่ขอเวลาอีกหน่อย ถ้าพร้อมฉันกับนายค่อยมาสร้างคำว่าครอบครัวด้วยกัน”พูดเองก็อายเอง
“สามปี?”มันต่อรอง สามปีผมเพิ่งเรียนจบได้ปีเดียวเอง ตอนนั้นผมคงยังไม่พร้อมและคิดว่าตัวเองคงกำลังมุ่งมั่นที่จะยืนด้วยขาของตัวเองให้ได้
“นายก็รู้ว่ามากกว่านั้น นายรอฉันนะ อย่าเพิ่งรีบแก่”
“ห้ามได้ที่ไหน แต่อย่าให้ฉันรอจนขึ้นเลขสามล่ะ”
“เออน่า ฉันไม่ยอมให้นายรอจนเเห้งเหี่ยวหรอก สัญญาเลย”ผมขำตัวเองที่เล่นเป็นเด็กๆยื่นนิ้วก้อยไปให้มัน
“นายสัญญาแล้วนะ”มันก็เล่นกับผมด้วย ภาคินยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวกัน สร้างครอบครัวงั้นเหรอ...ภาคินนี่คิดไกลจริงๆ
ไม่รู้คำว่าครอบครัวของมันจะเหมือนที่ผมจินตนาการไหม แต่ในอนาคตข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้ แต่ขอแค่มีมันเป็นเสาหลักให้ผมก็พอแล้ว
Cr.my sweet bear
[/size]
------------
เอาตอนพิเศษมาเสิร์ฟฟ หวานกันให้ตายไปข้าง //ปัดมด
ตอนหน้างดหวาน เป็นพาร์ทสามปีค่ะ