☁เมื่อผมเป็นข่าว‘ฉาว’กับซุปเปอร์สตาร์☁ ตอนพิเศษ3-4-59 P.64
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

คิดเห็นอย่างไรหากมีการรวมเล่ม

ซื้อแน่นอน
71 (42.5%)
ไม่ซื้อ
9 (5.4%)
ขอคิดดูก่อน
87 (52.1%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 167

ผู้เขียน หัวข้อ: ☁เมื่อผมเป็นข่าว‘ฉาว’กับซุปเปอร์สตาร์☁ ตอนพิเศษ3-4-59 P.64  (อ่าน 597080 ครั้ง)

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
หวานซ้า~ >///< อบอุ่นละมุนละมัย

ออฟไลน์ YMP

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-2

ออฟไลน์ DREAM COME TRUE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
เป็นเรื่องที่เขียนได้ดีมากๆครับ
เหมือนชีวิตจริงมากเลย
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะครับ
สนุกมาก มีความสมจริง สำนวนการเขียนก็ดี
สนุกมากๆ อยากแนะนำให้คนอื่นที่ยังลังเลอ่านนะครับ

ออฟไลน์ จานสี

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบมากเลย แมวน่ารักก ภาคินก็ทุ่มเทดีมาก :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะสามปี ห้าปี สิบปี หรือหลายสิบปีก็ขอให้จับมือกันไปนานๆน่ะ

ออฟไลน์ whitelavenders

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
จบได้สวยงามและลงตัวมากเลยค่ะ เมฆถือเป็นนายเอกในอุดมคติเราเลยทีเดียวนะ ทั้งใจเย็น มีเหตุมีผล ไม่งี่เง่า ไม่งอแง คือด้วยนิสัยแบบนี้มันเลยเหมาะสมกับคิน ซึ่งเป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้เหวี่ยง เป็นคนแรงๆ แถมยังเป็นคนมีชื่อเสียง การได้คบคนแบบเมฆนี่ถือว่าโชคดีมากและคงมีแต่ความสบายใจ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคินถึงรักเมฆได้ขนาดนี้ เราชอบความสัมพันธ์ของคู่นี้นะ วูบวาบบ้าง หวาดเสียวบ้าง เจออุปสรรคบ้าง แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันฝ่าฟันมาได้ ยังกะคนอยู่ด้วยกันมาสักสิบปีแน่ะ 5555555 รอคู่ชลเพชรนะ น่าลุ้นดีจัง

ออฟไลน์ PrInCeZzAoFz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกดีค่ะ
น่ารักด้วย
ชอบตรงที่
ทั้งคินและเมฆมีอะไรก็บอกกันตรงๆ อ่ะ
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ M.J.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หว๊านหวานนนนนน  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ปล,อยากรู้เรื่องเพชรต่อไวๆเลยค่ะ :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ kub_kwonny

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ฟินไปอีกหลายวัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ wikawee

  • มีชีวิตอยู่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-7
ตอนนี้น้ำผึ้งเดือนห้ายังต้องยอมแพ้ แล้วตอนหน้าคืออะไร งดหวานหรอ โน่วววววววววว  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: ไม่เอามาม่านะ กินมากมันไม่ดีต่อร่างกาย  ร่างกายต้องการน้ำตาล เพราะมันเป็นแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อนของชีวิต  :hao7:

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
รวดเดียวจบเลย ประทับใจเรื่องนี้มาก

ออฟไลน์ Aumy8059yaoi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คู่น่ารักอ่ะ!!!! :man1:

ออฟไลน์ nookik

  • ลั้นลาบางเวลาเจ้าค่ะ
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ สนุก เรื่อยๆดูเป็นธรรมชาติ
น้องเมฆน่ารักดูเข้าใจ แบบที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจจังภาคินใจร้อนก็จริงแต่มั่นคงขี้หึงมากกกกกกก ก็แหง๋ละ น้องเมฆน่ารักนี่นา
เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งค่ะ ตั้งใจรอตอนพิเศษเลย >//////<

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
หวานๆ กันไป หุหุ

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
หวานจังเลย
ชอบนะค่ะ

ออฟไลน์ reborn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

ออฟไลน์ samsung009

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1

ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อิ่มเอมใจจัง..^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ฤดูใบไม้หลากสี

  • ผู้เป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • อิสระ ไม่อาจพรากไปจากเรา, จินตนาการก็อยู่คู่เราจนสิ้นลมหายใจ
ตรง ๆ นะ "ฉันต้องการแจ้งว่า รวมเล่ม ตีพิมพ์ อะไรก็ได้ที่ฉํนสามารถจับต้องมันได้ !!!!" คือมันนี๊ดส์มากกกกก

น่ารักทั้งสี่ตอนล่าสุดเลย ไม่ได้เข้ามาอ่านนานจบเสียแล้ว คิดถึงภคินกับเมฆแรก ๆ เนอะ ตอนต้นเรื่องจำได้แค่แมว ๆ ตอนนี้กลับจำชื่อได้ทั้งพระนายเลย

10 สำหรับโครงเรื่อง
10 สำหรับภาษาสละสลวย
10 สำหรับข้อคิดดี ๆ ที่แทรกสอดเข้ามา (ทำให้เราเพิ่มสเปคผู้ชายไปอีกหลายข้อ)
10 สำหรับการหักมุมในช่วงที่ผมคิดว่ามันต้องใช่ กลายเป็นทางที่ "เออดีว่ะ เดาไม่ได้ เก่ง"
10 สุดท้ายคือคาแรคเตอร์ตัวละคร ไม่ซ้ำซาก จำเจ ต่อก็ไม่ได้หายาก ไม่มีเคะที่หวานทั้งตัวและละมุนละไม แต่มีเคะที่เป็นผู้ชายแมน ๆ และพระเอกที่มากไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและเจนจัด (ในหลาย ๆ เรื่องนะ)

50 คะแนนสำหรับ คนเขียน และอีก 50 คะแนนสำหรับนิยาย เมื่อผมเป็น'ข่าว'ฉาวกับซุปเปอร์สตาร์
100 คะแนนเต็มกับนิยายที่ "กลับมาอ่านซ้ำแน่นอน" และคะแนนพิเศษสำหรับลงจนจบกับการลงตอนสม่ำเสมอในช่วงท้ายอีก 20 คะแนน

คะแนนรวม 120 คะแนนสำหรับ DuenTwinBII ที่ถ่ายทอดจินตนาการดี ๆ มาเป็นตัวหนังสือ

ผมตามนิยายคุณแบบไม่รู้ตัวหลายเรื่องเลยนะครับนี่จากใจ เมื่อผมเป็นชู้หลังจากพี่ภูไปเมืองนอกผมก็แทบไม่ได้กลับไปอ่านเลยยุ่งมาก เดี๋ยวตอนประกาศรวมเล่มผมจะซื้อ และเรื่องนี้ผมก็จะซื้อ

ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ครับ น่าเสียดายทำไมไม่ลองส่งไปพิจารณากับสำนักพิมพ์ล่ะครับ เนื้อหาเรื่องนี้ก็ไม่ได้เรทมาก ผมว่าน่าจะผ่านอยู่นะครับ

ออฟไลน์ AlexMP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตามอ่านจนจบเลย สนุกมากค่ะ
ชอบทั้งเนื้อเรื่อง ทั้งตัวละครเลย ขอบคุณครแต่งนะค่ะ
รอตอนพิเศษค่ะ

ออฟไลน์ BoJuNg

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ชอบค่ะ

ถ้าคนเราคุยกันทุกเรื่องแบบคู่นี้

ไม่ว่าจะปัญหาใหญ่แค่ไหน  ทุกคู่ก็จะผ่านมันไปได้

เป็นกำลังให้ให้ค่ะ  :3123:

รอสเป    :call:

ออฟไลน์ am_am

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ภาคินตัวร้ายยยย โดนปราบซะอยู่หมัดเลย  :o8:

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
Special 2::




หลังจากที่ผมเรียนจบ ผมก็ได้เข้าทำงานกับบริษัทเดิมที่ผมเข้าฝึกงานเมื่อตอนปีสี่ หลังที่ผมรับฝึกงานเสร็จ แม่ก็แนะนำให้ผมรู้จักกับคุณลุงกิตติกร เพื่อนเก่าของพ่อที่เคยร่วมงานด้วย พ่อของผมเคยเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับบริษัทของคุณลุง และยังเคยมีหุ้นอยู่ในบริษัทแต่ได้โอนขายให้ลุงไปเพราะช่วงนั้นฐานะทางบ้านผมไม่ค่อยดี คุณลุงเห็นว่าผมเรียนจบด้านบริหารรัฐกิจพอดีก็เลยสนใจดึงตัวผมไปทำงานด้วย โดยการเสนอให้ผมซื้อหุ้นเท่าจำนวนเท่าที่พ่อผมเคยมีหรือน้อยกว่านั้น

ผมเองก็เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้ประสบการณ์ในการทำงานถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทเล็กๆก็ตาม ผมเลยใช้เงินเก็บของตัวเองและยืมเงินแม่ส่วนหนึ่งมาซื้อหุ้นไป 20%

วันนั้นผมยังได้รู้จักพี่กุมภ์ ลูกชายของคุณลุงที่เป็นรองประธานบริษัท พี่เขาให้ผมไปศึกษาระบบงานก่อนเพราะผมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัทแบบก้าวกระโดดเพราะมีหุ้น บวกกับมีเส้นสาย และพี่กุมภ์อยากได้เด็กรุ่นใหม่ไฟแรงมาร่วมงาน พร้อมกับประโยคที่ว่า 'ประสบการณ์สร้างได้จากการเรียนรู้'

ถึงจะไม่ใช่ตำแหน่งใหญ่อะไรมากแต่ก็สร้างความกดดันให้ผมมากอยู่ดี แม้ว่างานที่ทำจะไปได้สวยก็ตาม อีกทั้งตัวผมเองก็อยากพิสูจน์ให้คุณลุงและรุ่นพี่ในฝ่ายเห็นว่าผมเองก็สามารถทำงานในตำแหน่งนี้ได้ คำติ คำนินทาทำให้ผมมีแรงฮึดมากขึ้น และที่สำคัญคือผมอยากยืนด้วยขาของตัวเอง เงินที่ผมยืมแม่มา ผมก็ทยอยใช้คืนไปได้เกือบครึ่งแล้วด้วย

“เมฆ แม่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องใช้คืนแม่ ทำไมถึงดื้อแบบนี้”แม่ถอนหายใจเมื่อผมบอกว่าโอนเงินให้แม่แล้ว

“รับไว้เถอะครับ ผมแค่ยืมเงินแม่ไปตั้งตัวเฉยๆเอง”ผมยังยืนยันคำเดิมที่พูดไว้ แม่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันไปหาภาคินที่เพิ่งตามเข้ามา

“เมฆมันดื้อแบบนี้กับคินหรือเปล่า”ผมหันไปมองภาคินบ้าง มันได้ทีเข้าไปนั่งข้างๆแม่ผมพร้อมตีหน้าให้ดูน่าสงสาร

“มากกว่านี้อีกครับแม่ ดื้อจนผมแทบคุมไม่อยู่แหน่ะ”

“แม่อนุญาติให้คินลงโทษได้ ถ้าเมฆมันดื้อมากๆ”แม่พูดด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง ภาคินหัวเราะก่อนจะหันมาทางผม

“ได้ยินไหม แม่อนุญาติแล้วนะ”ผมกอดอกมองแม่กับภาคิน

“ทีแบบนี้เข้ากันดีเชียวนะ”ผมเหลือบมองภาคินที่ยักคิ้วมาให้ผม วันนี้ผมเลิกงานเร็วก็เลยมีโอกาสเหมาะมาทานข้าวเย็นกับแม่ เพราะผมย้ายไปอยู่คอนโดที่เพิ่งซื้อใหม่ สะดวกในการเดินทางไปทำงานมากกว่าอยู่ที่บ้าน ภาคินมันก็เสนอให้ผมไปอยู่คอนโดของมันด้วยกันแต่ผมอยากมีบ้านเป็นของตัวเองก็เลยปฏิเสธคำชวนของมันไป ภาคินกลับเข้าวงการด้วยการทำโครงการปั้นนักร้องแบบที่มันตั้งใจ แถมยังได้เป็นพิธีกรคู่กับพี่โหน่งด้วย ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีสำหรับมัน

หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จผมก็ขึ้นมาเก็บของบางส่วนในห้องเพื่อย้ายไปที่คอนโด ภาคินเดินตามมาพร้อมกับบิดแขนไล่ความขี้เกียจออกจากตัว

“แม่นายเที่ยวเก่งเหมือนกันนะ”มันพูดขึ้น ผมหัวเราะ ที่ภาคินพูดแบบนี้เพราะเสาร์อาทิตย์นี้แม่ผมตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมเพื่อนขาเม้าท์ที่บ้านป่าดง

“เหมือนนายนั่นแหละ”ผมได้โอกาสแทรกขึ้นมา เมื่อวานมีข่าวซุบซิบว่ามันแอบกิ๊กกับเด็กในอคาเดมี่ที่มันปั้น

“ฉันทำงานไม่ได้หนีเที่ยวซะหน่อย”ภาคินหัวเราะพลางนั่งลงบนเตียงของผม

“แต่ก็มีเวลาว่างไปกินข้าวกับเด็กปั้น ทีฉันต้องเดทกับนายในรถ”ผมแกล้งทำเสียงมึนตึง ผมไม่ได้ติดใจอะไรหรอก เพราะข่าวเม้าท์พวกนี้ทำให้ผมชินชาและมีภูมิต้านทานไปแล้ว ภาคินเลิกคิ้วมองผม รอยยิ้มรู้ทันปรากฏอยู่บนใบหน้า

“นายหลอกฉันไม่ได้หรอก เมฆ”ผมไหวไหล่ ยักคิ้วให้มันก่อนจะหันมาเก็บเสื้ออีกสี่ห้าตัวที่แขวนอยู่ในตู้ใส่กระเป๋า ภาคินทิ้งตัวนอนแผ่บนเตียง ผมเหลือบมอง ถึงแม้ว่ามันจะอายุสามสิบในปลายปีนี้แล้ว แต่มันก็ยังหน้าเด็กเหมือนเมื่อตอนที่ผมเจอมันเมื่อหลายปีก่อน คงเพราะทรงผมใหม่กระชากวัยด้วยล่ะ ภาคินมันมือโปรเรื่องเสื้อผ้า หน้าผมอยู่แล้วนี่นะ ผมกลับมาเก็บของต่อ   

ค้นไปค้นมาผมก็เจอนิตยสารเมื่อสามปีที่แล้ว พาดหัวข่าวที่กล่าวถึงพี่เพชรพระเอกฮอตในช่วงปีนั้นทำผมหลุดยิ้มออกมา พี่เขาเองก็เจอมรสุมลูกใหญ่มากกว่าภาคินเยอะเลย พี่เพชรเก่งจริงๆที่ผ่านมาได้ แต่คงเพราะได้กำลังใจดีล่ะมั้ง แต่ได้ข่าวมาว่าช่วงนี้พี่เพชรรับงานน้อยลง เลือกบทมากขึ้น รับเล่นหนังแค่ปีล่ะเรื่องเท่านั้น ไม่ใช่ว่าอีโก้สูงเหมือนแต่ก่อน แต่พี่เขาอยากมีเวลาพักผ่อนส่วนตัวให้มากกว่าเดิม ถัดมาจากหัวข้อนั้นเป็นข่าวเก่าของภาคินกับผม เรื่องยอดขายของรถฟีโน่ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทั้งๆที่ไม่น่าเป็นไปได้

“ดูอะไรอยู่”ภาคินเลื่อนตัวมามอง เท้าคางกับที่นอน

“ข่าวเก่าน่ะ”ผมชูหน้าปกนิตยสารให้มันดู ภาคินรับไปเปิดพลิกๆดู

“รู้ไหมว่าฉันเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง”จู่ๆคนที่นอนอยู่บนเตียงก็พูดขึ้นมา

“รู้ตั้งแต่นายชอบให้ฉันใช้เนคไทปิดตา”ผมหยิบยกเรื่องบนเตียงมาพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน ภาคินหัวเราะก่อนจะปิดนิตยสาร

“ไม่ใช่เรื่องนั้น ที่ฉันพูดถึงคือฉันชอบเก็บข่าวเก่าๆของตัวเองไว้ดู”มันยกยิ้มเมื่อนึกถึง

“เอาไว้เป็นที่ระลึกถึงความแสบของนายเหรอ”ผมแอบแขวะ

“นั่นก็ส่วนหนึ่ง เพราะเวลากลับมาอ่านข่าวเก่าๆ มันก็ทำให้ฉันคิดอะไรได้เยอะแยะเลย”มันเปลี่ยนมานั่งกอดเข่า สายตาจ้องมองมาที่ผม

“อย่าพูดแบบนี้ดิ มันทำให้นายดูแก่มากกก”ผมลากเสียง มันย่นหน้าทันที

“แก่แต่ก็แรงดีเหมือนเดิมก็แล้วกัน พิสูจน์ไหมล่ะ”มันทำสายตาพราวระยับแบบเสือร้ายก่อนจะเข้ามาโถมกอดผมเต็มแรงจนผมหงายหลัง

“เฮ้ย ปล่อย มาเก็บของนะเว้ย”ผมดันให้อีกฝ่ายเลิกเกาะแกะผม 

“ส่งท้ายความทรงจำที่นี่ไง”สีหน้าเหมือนคนกลั้นหัวเราะเมื่อมันกอดรัดผมแน่น มันนี่ขยันแกล้งกันจริงๆ ภาคินหอมแก้มผมไปสองสามฟอดก่อนจะปล่อยตัวผม

“นายไม่โกรธใช่ไหม ที่ฉันซื้อคอนโดเองแล้วไม่ยอมย้ายไปอยู่กับนาย”ผมถามขณะที่รูดซิปกระเป๋าเสียงดัง

“ไม่โกรธหรอก ฉันเข้าใจว่านายกำลังไฟแรง อยากยืนด้วยขาของตัวเอง ฉันเองก็เคยผ่านจุดนี้มาแล้ว ฉันไม่ห้ามนายหรอก”ภาคินยิ้มจาง ผมเอื้อมไปจับมือของภาคิน

“ขอบใจที่เข้าใจกันนะ”

“แต่ถ้านายพร้อม นายย้ายมาอยู่ที่คอนโดฉันนะ เพราะเป็นห้องหอของเรา”มันพูดด้วยน้ำเสียงกลั้นหัวเราะ

“ไว้รอนายใกล้สามห้าก่อน ฉันค่อยย้าย”ผมดึงมือออกจากมืออีกฝ่าย ภาคินตีหน้านิ่งทันที

“อย่าบอกนะว่านายเชื่อหมอดูคนนั้นน่ะ”ผมพยายามไม่หัวเราะ เมื่อวานก่อนภาคินมันชวนผมไปดูหมอ แล้วทางนั้นเขาทักมาว่าผมกับภาคินจะไปกันไม่รอดหากว่าย้ายไปอยู่ชายคาเดียวกันก่อนอายุสามสิบห้า ภาคินมันหงุดหงิดมากถึงกับหัวเสียตลอดวัน อีแบบนี้ไม่ใช่มันหรอกเหรอที่เชื่อ

“โธ่ คิน นายก็รู้ว่าฉันไม่เชื่อ นายนั่นแหละที่เชื่อ เมื่อวานงี้พาลใส่คนอื่นไปหมด”ผมล้อเลียน มันก็เลยคว้าตุ๊กตามาปาใส่ผมแต่ผมเอี้ยวตัวหลบได้ทัน

“พรุ่งนี้นายว่างหรือเปล่า เมฆ”ภาคินเปลี่ยนมาทำสีหน้าจริงจัง

“เดี๋ยวนะ...”ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาดูตารางนัดหมาย

“ว่าง เฉพาะช่วงเช้าน่ะ โทษทีนะ”เวลาของผมกับมันมักจะไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่ แต่ผมก็พยายามจะแบ่งเวลาให้มันบ้าง

“ขอโทษทำไม เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ฉันจะพานายไปบ้านเด็กดีนะ ไม่ได้ไปเยี่ยมเด็กๆมานานแล้ว”ผมพยักหน้า จำได้ว่ารายการของมันจะไปถ่่ายรายการที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า อย่าบอกนะว่าที่เดียวกัน

“ถ่ายรายการเหรอ”

“อืม ไปไหม”

“ไปดิ”ผมเองก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้าหากจะต้องออกกล้อง อย่างน้อยก็ได้อยู่กับภาคินมันบ้าง ผมให้ภาคินไปส่งที่คอนโด มันเองก็อยู่ค้างไม่ได้เพราะต้องไปคุยงานกับพี่โหน่ง เห็นว่านัดประชุมวันนี้

“ขับรถกลับดีๆล่ะ”ผมเปิดประตูค้างไว้ ภาคินที่กำลังก้าวขาวนกลับมาหาพร้อมกับแตะปากลงมาบนหน้าผากของผม

“ครับ”มันขยิบตาให้ก่อนจะเดินไปที่ลิฟท์ ผมปิดประตูห้อง ก่อนจะเช็คอีเมลล์ว่ามีอะไรตกค้างหรือเปล่า ผมหยิบแผนงบประมาณโครงการสร้างหมู่บ้านจัดสรรมาตรวจสอบความถูกต้อง เสียงข้อความเข้าดังขึ้น  ผมละสายตาจากแฟ้มก่อนจะจ้องจอโทรศัพท์แทน

'พรุ่งนี้มีประชุมปรับแผนงานนะเมฆ ทางนั้นขอเลื่อนมาเป็นตอนเช้าแต่อาจลากยาวทั้งวัน'

ผมขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นข้อความจากพี่บีรองหัวหน้าฝ่าย หรือว่าที่ผมสัญญากับภาคินไว้จะต้องเป็นหมัน

'แล้วเขียนแผนงานเสร็จแล้วหรือยังอ่ะ พี่เพิ่งทำเสร็จเอง เพลียมาก'

ผมเบิกตากว้างทันที แผนงานอะไรวะ

'แผนงานอะไรอ่ะพี่'

'อ้าว เจมส์ไม่ได้บอกเหรอ ก็หัวหน้าแผนเขาเปลี่ยนใจขอดูจากทุกฝ่ายไง'

ซวยแล้วครับ ทำไมพี่เจมส์ไม่ได้บอกผมล่ะ

'โอเคครับ ขอบคุณมากพี่ ผมขอตัวปั่นก่อนนะ'

'เดี๋ยวช่วยครึ่งหนึ่ง ส่งรายละเอียดมาให้พี่เลย'

ผมรู้สึกรักผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาทันที หลังจากที่ส่งตารางยิบย่อยให้พี่บีแล้ว ผมก็รีบคว้าแฟ้มงานใส่กระเป๋าไปออฟฟิศทันที เพราะรายละเอียดบางส่วนอยู่ในแฟ้มเอกสารที่บริษัท ผมก็พอจะรู้มาอยู่บ้างว่ามีรุ่นพี่บางคนไม่ค่อยปลื้มผมเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าผมรู้จักคุณลุงและพี่กุมภ์ ผมได้ยินคำนินทาของพวกเขาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดให้รกสมอง ไม่คิดว่าจะโดนพี่ในฝ่ายทำแบบนี้เลย เสียความรู้สึกอยู่เหมือนกัน เมื่อมาถึงออฟฟิศผมก็รีบค้นหาเอกสารที่โต๊ะตัวเอง ระหว่างที่รอคอมติด

“ขยันจังนะ”ผมสะดุ้งเฮือกใหญ่เมื่อหันไปเจอร่างสูงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าระหว่างที่ผมค้นหาแฟ้มเอกสารที่ลิ้นชัก

“ตกใจหมดเลยพี่กุมภ์”ผมเงยหน้ามองพร้อมกับถอนหายใจ ผมกับพี่เขาก็สนิทกันระดับหนึ่งเพราะต้องร่วมงานกันบ่อยๆ

“โทษที ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตกใจ ว่าแต่หาอะไรเหรอ”พี่กุมภ์นั่งลงบนโต๊ะทำงานของผมพร้อมกับชะโงกหน้ามามองผมที่คุ้นกุกๆกักๆอยู่

“หาแฟ้มแผนงานอันเก่าอ่ะ ผมจำไม่ได้ว่าเอาไว้ที่ไหน”จำได้ว่าเอาไว้ที่ชั้นวางด้านหลังแต่ก็หาไม่เจอ

“แฟ้มเก่า?หาทำไม เมฆต้องทำแผนงานด้วยเหรอ ประชุมพรุ่งนี้แค่เรียกดูของหัวหน้าฝ่ายเองนะ ”พี่กุมภ์พูดด้วยเสียงงุนงง ผมเงยหน้ามองทันที

“ก็พี่บีบอกผมว่าต้องทำทุกคน”

“บ้าเหรอ ประชุมด่วนแบบนั้นใครเขาจะสั่งให้ทำ ทั้งบีทั้งเมฆโดนแกล้งแล้วแบบนี้”อีกฝ่ายมองผมด้วยสีหน้าเห็นใจ หรือว่าผมจะโดนแกล้งจริงๆ พี่เจมส์หลอกทั้งพี่บีทั้งผมเลยเหรอ ผมยืดตัวขึ้นพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด แต่ก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาที่ไม่ต้องทำแผนงานที่ยุ่งยาหน่าปวดหัว ผมโทรไปบอกพี่บีเรื่องนี้

[จริงอ่ะ! อีเจมส์นี่มันต้องโดนดีซะบ้าง ไว้พรุ่งนี้หาพวกมาแท็คทีมสู้กับมันกันค่ะ อย่าไปยอมมันนะเมฆ เราไม่ใช่นางเอกละครน้ำเน่ายุงตอมหึ่ง]ผมขำกับคำพูดของอีกฝ่าย

“ได้เลยพี่ ผมพร้อมเสมอ”ผมก็ไม่ยอมอยู่แล้ว มาทำให้คนอื่นเดือดร้อนแบบนี้ได้ไงแล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่ทำกับผมแบบนี้

[จัดไป]

ผมวางสายก่อนจะหันมามองพี่กุมภ์ที่นั่งมองอยู่ก่อนแล้ว ผมกับพี่กุมภ์เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น ผมไม่ได้คิดอะไรกับอีกฝ่ายแบบที่โดนนินทาในห้องน้ำหญิงแน่นอน แถมตัวพี่กุมภ์เองก็มีแฟนแล้ว แต่ไม่ได้คบแบบเปิดเผย ซึ่งผมไม่ได้รู้รายละเอียดมากแต่พี่บีเคยเม้าท์ให้ฟังว่ากิ๊กกับเด็กมหาลัย ไม่รู้ว่าจริงไหม

“แล้วพี่ไม่ไปรับ-ส่งเด็กเหรอ”ผมแซวไปเรื่อย แต่เมื่อเห็นอีกคนสะดุ้งทำหน้าแปลกๆผมก็รู้ในทันทีว่าน่าจะมีมูลแน่ๆ

“อย่าไปฟังข่าวเม้าท์ให้มากน่า ว่าแต่แม่สบายดีใช่ไหม”

“ก็เรื่อยๆ ตามประสานั่นแหละ”ผมเก็บของที่รื้อออกมาเข้าที่ให้เรียบร้อย

“เออ เมฆ พรุ่งนี้หลังประชุมเสร็จ เตรียมใจดีๆด้วยนะ”พี่เขาส่งยิ้มให้ก่อนจะยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกลา ผมนิ่วหน้า หมายความว่ายังไงกัน จะมีอะไรงั้นเหรอ?


ผมส่งข้อความไปบอกภาคินว่าดันมีประชุมด่วน เพราะผมไม่อยากฟังน้ำเสียงผิดหวังของภาคิน มันตอบกลับมาสั้นๆว่า

'ไม่เป็นไร'

มันโกรธผมแน่ๆ ผมส่งข้อความขอโทษไปอีกสองสามข้อความแต่ก็ไม่ได้รับข้อความกลับมา









*****************************************







การประชุมยืดเยื้อแสนน่าเบื่อยิงยาวเกือบถึงสี่โมงเย็นจนผมต้องแอบหยิกตัวเองไม่ให้หลับ ผมเหลือบมองพี่เจมส์ที่ก้มหน้าจดรายละเอียดการประชุมอย่างตั้งใจ เมื่อเงยหน้ามาเจอสายตาไม่เป็นมิตรของผมกับพี่บีก็ยกยิ้มให้ผม...เป็นยิ้มที่ไม่น่าดู ผมเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ นึกถึงคำพูดของพี่กุมภ์ขึ้นมาทันที หวังว่าคงไม่มีอะไรหรอกนะ หลังจากการประชุมผ่านพ้นไป พี่บีก็เข้ามาหาผมทันที

“เดี๋ยวเราไปคุยกับอิเจมส์กัน”แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน ตัวปัญหาก็เดินเข้ามาทันที

“น้องเมธาครับ หัวหน้าคณะกรรมการเรียกพบตอนนี้เลย”ผมใจกระตุกวูบ หลังการประชุม...แบบที่พี่กุมภ์บอกเลย ผมยิ้มให้พี่บีก่อนจะไปพบหัวหน้าฯตามคำสั่ง มีเรื่องเดียวที่จะพบ คือเรื่องการทำงานแน่ๆ หรือผมทำพลาดไปจุดไหน ผมเครียดขึ้นมาทันทีก่อนจะเคาะประตูห้องหัวหน้าเบาๆ

“เข้ามาได้”ผมจึงผลักบานประตูเข้าไป ผมยกมือไหว้ก่อนจะนั่งลงตามที่หัวหน้าชี้นิ้วไปยังเก้าอี้

“มีคนรายงานผมมา ว่าคุณประพฤติตัวไม่เหมาะสมในเวลางาน แล้วก็เอกสารโครงการคราวก่อนคุณเช็คข้อมูลตกหล่นไป จนทำให้ฝ่ายเราล่าช้าต้องแก้เอกสารใหม่ ผมอยากให้คุณตั้งใจให้มากกว่านี้ เพื่อตัวคุณเอง อีกอย่างผมอยากให้คนมุ่งสนใจงานมากกว่านี้”ผมพยายามยิ้มก่อนจะพึมพำขอบคุณแล้วออกมาจากห้องหัวหน้า ความกดดันเริ่มมาเยือนผมอีกครั้ง ผมถอนหายใจก่อนจะเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากห้องน้ำหญิงฝั่งตรงข้าม

“เออ หัวหน้าเรียกเมฆเข้าไปด่าเหรอ”

“ก็มีอยู่เรื่องเดียวนั่นแหละ ก็บอกแล้วว่าเอาเด็กใหม่เข้ามาไม่ได้เรื่องหรอก”

“ก็น้องเขามีเส้นดี มีหุ้นในบริษัทด้วยนี่ ได้ยินเขาคุยกันว่าพ่อน้องเขาเคยทำงานกับคุณกิตมาก่อน คุณกิตเลยแนะให้ซื้อหุ้นแล้วดึงมาทำงาน สงสัยจะคิดผิดซะแล้ว”

ผมถอนหายใจเมื่อได้ยินคำนินทาเหล่านั้นเป็นคำพูดซ้ำๆเดิมที่ผมเคยได้ยินมาแล้ว ผมเลิกใส่ใจคำเหล่านั้น แต่ก็แอบยอมรับว่ามีผลต่อตัวเองไม่น้อยเลย ผมตั้งใจจะกลับเลยแต่เผอิญเห็นป้ายประชาสัมพันธ์ว่าจะมีการจัดสัมมนาที่ต่างจังหวัด ผมอ่านรายละเอียดด้วยความสนใจ ถ้าผมไปคงได้ประโยชน์ไม่น้อย ผมหยิบใบปลิวจากโต๊ะก่อนจะออกจากบริษัทด้วยอาการล้า

“แค่โดนตินิดหน่อย อย่ามาทำจ๋อยดิวะ”ผมพึมพำกับตัวเองระหว่างที่รอลิฟท์ เสียงฝีเท้าดังขึ้นก่อนที่พี่กุมภ์จะโผล่มายืนข้างๆในมือกดโทรศัพท์ไปด้วย

“อ้าว เมฆ...แค่นี้ถึงกับจ๋อย อย่าท้อเลยน่า พ่อฝากมาบอกให้สู้ๆ”พี่กุมภ์ยกกำปั้นให้ผมที่กำลังถอดเสื้อนอกออกมาพาดแขนด้วยสีหน้าเนือยๆ

“ผมสู้อยู่แล้วน่า”ผมส่งข้อความหาภาคินบอกว่าเลิกงานแล้ว

'ทำไมไม่โทรมา?'

ผมเลิกคิ้วมองข้อความ อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนมันงอนเรื่องนี้

“เมฆไปสัมมนาด้วยเหรอ”คนข้างๆถามเมื่อเห็นใบปลิวที่ผมถืออยู่

“อ้อครับ เห็นว่าตรงกับวันหยุดพอดี ไปหาประสบการณ์เล่นๆเผื่อผมจะทำงานเก่งขึ้นมาบ้าง”อีกฝ่ายหัวเราะ

“ไม่ต้องเครียดหรอก เขาติเพื่อก่อ อยู่ไปนานๆก็ชินเอง”ก็หวังว่าอย่างนั้นแหละนะ

'นายงอนเหรอ'

ผมส่งข้อความกลับระหว่างที่ลิฟท์เปิดออก ผมกับพี่กุมภ์เข้าไปด้วยกันมีพนักงานตามมาด้วยอีกสองสามคน พี่กุมภ์เป็นรองประธานที่ไม่เคร่งครัดเท่าไหร่ เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย

'เปล่า แค่สงสัย ฉันยังอัดรายการอยู่เลย ถ้าเลิกแล้วจะโทรหานะ'

'โอเค สู้ๆ'

'นายก็สู้เหมือนกันล่ะ'

ข้อความของภาคินทำให้ผมยิ้ม สบายใจขึ้นเล็กน้อย

“น่าอิจฉาคนมีความรักซะจริงๆ”พี่กุมภ์แซว พี่เขาเคยเจอภาคินอยู่สองสามครั้งตอนที่มาคุยกับผมเรื่องงาน

“อย่ามัวแต่แซวคนอื่น รีบๆหาซะ เดี๋ยวลุงรอนาน”

ลิฟท์เปิดออกอีกครั้งก่อนที่พนักงานสองสามคนจะออกไปและมีพนักงานหญิงเข้ามาแทน ทำให้การสนทนาของผมกับอีกฝ่ายหยุดลง เพราะสองคนนี้ขาเม้าท์เรื่องของผมกับพี่กุมภ์เลย จะให้ผมหลบเลี่ยงให้ห่างจากพี่เขาก็ไม่ได้เพราะต้องทำงานประสานกันตลอด และผมก็ไม่อยากจะต้องร้อนตัวกับคำนินทาที่ถูกแต่งเสริมเติมแต่ง

“คุณกุมภ์ไปร่วมงานสัมมนาครั้งนี้ด้วยใช่ไหมคะ”หนึ่งในนั้นถามขึ้นมา

“ครับ ผมไปเป็นปกติอยู่แล้ว คราวนี้ไปเป็นตัวแทนท่านประธานน่ะครับ”พี่กุมภ์ตอบเสียงนุ่ม ผมกลับมาจมกับความคิดของตัวเองอีกครั้ง ผมจะมัวแต่ทำเล่นไม่ได้แล้ว ผมต้องมุ่งมั่นทุ่มเทมากกว่านี้ เพื่อลบคำติ คำนินทาของคนอื่น


ผมกลับคอนโดและหลับยาวทันทีเพราะความเครียดและเหนื่อยล้า รู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อภาคินกลับมา ผมขยี้ตามองนาฬิกา ...ตีสองกว่าๆแล้ว

“กลับดึกจังอ่ะ”ผมยันตัวลุกนั่งมองภาคินที่ถอดเสื้อออก เตรียมอาบน้ำ

“พอดีกินเลี้ยงกับพี่ทีมงานเพลินไปหน่อย”มันถอดกางเกงส์ยีนส์แน่นๆออก ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูมาพันเอว

“เป็นอะไร”มันนั่งลงบนเตียงเมื่อเห็นสีหน้าเครียดๆของผม

“เครียดเรื่องงานนิดหน่อยน่ะ ช่วงนี้ฉันอาจไม่ค่อยว่างนะคิน เพราะหลังจากนี้งานจะเยอะมาก มีงานสัมมนาที่ต่างจังหวัดอีก”ภาคินเอื้อมมาลูบศีรษะของผมเบาๆ

“ค่อยเป็นค่อยไป อย่ากดดันตัวเอง”

“ฉันเจอเจ้านายติมา เรื่องการทำงาน”ผมถอนหายใจ คำพูดเหล่านั้นทำผมเครียดได้ขนาดนี้เลยเหรอ

“ใครไม่เคยโดนติบ้างล่ะ ไม่มีใครทำงานเพอร์เฟ็คร้อยเปอร์เซ็นหรอก”

“เหนื่อย”ผมเอนตัวเอาหน้าผากพิงไหล่ของอีกคน บางทีผมก็คิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานประเภทนี้ แต่ผมก็อยากพิสูจน์ตัวเองว่าผมทำได้ มืออุ่นๆของภาคินเลื่อนมานวดคลึงบริเวณขมับของผมอย่างเบามือ

“นอนพักซะนะ”มันดันตัวผมออกก่อนจะประกบจูบลงมาแผ่วเบา ผมเลื่อนมือคล้องคออีกคน ภาคินย้ำจูบอยู่นานก่อนจะผละออกมากระซิบใกล้หู

“หรือทำอย่างอื่นคลายเครียดดี”ผมกระตุกยิ้ม ภาคินดึงตัวผมไปกอด ซุกหน้าลงกับซอกคอของผม ลิ้นชื้นไล่สัมผัสไปตามกกหู ผมได้กลิ่นแอลกลอฮอร์จากอีกคน ผมเลื่อนมือผ่านผ้าขนหนูวางมืออุ่นลงที่หน้าขาของอีกฝ่าย ภาคินขบเม้มผิวเนื้อแรงๆจนผมหลุดเสียงร้องเบาๆ นิ้วมือเลื่อนสัมผัสร่างกายอีกคนไม่ห่าง ภาคินเลื่อนจูบมาที่แผ่นอก มือร้อนดึงชุดนอนออกอย่างง่ายดาย ผมกระตุกผ้าขนหนูของมันออก ฝามือกอบกุมความอุ่นร้อนที่กึ่งกลางลำตัวของอีกคน ภาคินครางเสียงเบาเมื่อผมเริ่มขยับมือ

“เมฆ...”เสียงกระซิบของมันทำให้เลือดในกายของผมเดือดพล่าน ผมกดริมฝีปากลงที่ซอกคอ ภาคินโอบกอดผมแน่นก่อนจะดันให้ผมนอนลง แทรกตัวอุ่นๆเข้ามา ริมฝีปากขบเม้มตุ่มไต่เบาๆ

“ฮื่อ...”ผมเบียดตัวเข้าหามากขึ้น ส่งเสียงครางเมื่อนิ้วมือของภาคินแทรกเข้ามาขยับเข้าออกอยู่นาน เเทรกนิ้วเข้ามาอีกจนคับแน่นไปหมด ผมปรือตามองอีกคนที่ดันขาผมออกกว้างก่อนจะสอดแทรกเนื้ออุ่นร้อนเข้ามาแทนที่ ผมดันตัวเองขึ้นมาโดยใช้มือยันกับเตียง เมื่อมันเริ่มเคลื่อนขยับกาย ผมหลับตาเม้มปากแน่นขยับเบียดเข้าหา สอดรับกับจังหวะของอีกคน ภาคินวางมือลงที่บั้นเอวของผมก่อนขยับเคลื่อนเข้ามา

“อื้อ”ภาคินรั้งใบหน้าผมเข้ามาใกล้ก่อนจะขบเม้มเรียวปากอย่างหมั่นเขี้ยว ผมตอบรับลิ้นอุ่นที่สอดเข้ามา มันผละออกมา ก่อนจะถอนตัวออกดันผมให้พลิกคว่ำ สองมือโอบดึงสะโพกให้ยกสูง แล้วแทรกเนื้ออุ่นร้อนเข้ามาอีกครั้ง ร่างหนาโถมตัวเข้าหาหนักหน่วงไม่ว่างเว้น ผมหลุดเสียงร้องแผ่วเมื่ออีกคนเบียดแทรกเข้ามาจนสุดแล้วขยับเคลื่อนถี่เร็ว เสียงหอบหายใจของภาคินดังอยู่ไม่ห่าง มันก้มจูบแผ่นหลังเบา โอบรัดผมแน่นก่อนจะขยับแทรกเข้ามาหนักหน่วง

“พรุ่งนี้...”มันกระซิบใกล้หูก่อนจะขบเม้มเบาๆ

“อื้อ...อา คิน นายช่วยหน่อย”ผมครางแผ่วเมื่อรู้สึกหวาบหวิวที่ช่องท้อง มันจูบผมอีกครั้ง ผมยันตัวขึ้น มืออุ่นของอีกคนเลื่อนมากอบกุมเนื้ออุ่นที่ปวดหน่วง ภาคินเริ่มกระแทกตัวเข้ามาหนักๆ เคลื่อนมือไปด้วย ผมร้อนผ่าวไปทั่วร่าง ความอุ่นร้อนที่แทรกผ่านซ้ำๆ ทำเอาหัวขาวโพลนเมื่อผมปลดปล่อยอารมณ์ออกมาเลอะมือภาคิน มันโถมตัวเข้ามาครั้งสุดท้าย ครางแผ่วเมื่อปล่อยแรงอารมณ์ออกมา มันลูบแหวนที่เปลี่ยนมาอยู่ด้านซ้ายมือของผมเล่น ยังไม่ผละไปจากผม

“หายเครียดยัง”มันถามเสียงเย้าหยอก ผมหัวเราะเหนื่อยอ่อน ภาคินถอนตัวออกมา น้ำอุ่นเลอะซอกขาด้านใน มันโถมตัวกอดผมแน่น

“เมื่อกี้จะบอกว่าพรุ่งนี้ฉันจะค้างที่บ้านไอ้จอห์น”ผมลูบรอยสักชื่อตัวเองบนผิวอีกฝ่ายเล่น

“เที่ยว?”

“อยู่คุยกับมันเรื่องร้านเสื้อน่ะ”ภาคินพูดถึงร้านเสื้อแบรนด์ของตัวเอง PK มีเฮียคอยช่วยออกแบบลายเสื้อด้วยอีกแรง

“อ้อ...ฉันดูตารางงานสัปดาห์แล้ว ดูเหมือนว่าฝ่ายฉันต้องทำงานโคกับฝ่ายรองประธานโดยตรง เลย ตารางชีวิตเราไม่ตรงกันอีกแล้ว นายโอเคใช่ไหม”

“ฉันโอเค ถึงแม้ว่าจะมีข่าวเม้าท์ชวนหงุดหงิดก็เถอะ”ผมผงกหัวมองมันทันที มันไปได้ยินจากไหน หรือพี่กุมภ์บอก?แต่ทั้งคู่ก็คงไม่สนิทกันถึงขั้นนั้นหรอก

“นายได้ยินอะไรมา”

“ก็...'สองคนนั่นสนิทกันจะตาย น่าสงสารภาคิน โดนสวมเขาซะแล้ว'”ผมหัวเราะ ใช่...มีข่าวซุบซิบทำนองนี้ด้วย ตลกจริงๆพอเห็นข่าวว่าผมคบกับภาคิน คนบางคนก็ตีความว่าผมจะชอบผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้

“ไม่หึงนะ”ผมตบหลังมันเบาๆเหมือนกล่อมเด็ก ผมไม่ได้กลัวเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำเพราะคิดว่าภาคินมันคงเข้าใจอยู่แล้ว

“จะหึงทำไม ฉันแยกแยะได้อยู่แล้ว อีกอย่างฉันไว้ใจนายเหมือนที่นายไว้ใจฉัน”มันตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่ผมสังเกตุว่ามันยังดูกังวลอยู่

“มีอะไรรึเปล่า”ผมบิดหูมันเบาๆ

“ฉันรู้ว่านายทุ่มเทกับงานมาก แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ฉันอยากบอกนาย อย่าทำอะไรเกินตัวนะเมฆ ถ้าไม่ไหวก็พัก”ภาคินดูจะเป็นห่วงผมมากและคำพูดของมันที่เหมือนแทงใจดำผม

“ฉันเข้าใจนายนะ เมื่อตอนอายุเท่านี้ฉันทั้งทะเยอทะยานและทะนงตัวเอง ยืดหยุ่นกับตัวเองบ้างนะเมฆ อย่าตึงเกินไป”สายตามันฟ้องว่ามีเรื่องที่คิดมากมาย ผมหลุบตามองมือตัวเอง ที่มันพูดมาก็ถูกทุกอย่างเลย

“ฉันอยากประสบความสำเร็จ ตั้งแต่ขาดพ่อไปฉันไม่เคยเป็นที่พึ่งให้แม่ได้เลย ฉันคิดไว้ตลอดว่าถ้าเรียนจบ ฉันจะต้องทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว ออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เป็นเสาหลักของบ้านแทนพ่อ ฉันคิดอยู่แค่นี้ ถึงงานจะหนักแต่ฉันโอเคกับมันจริงๆ อาจมีบ้างที่ท้อ แต่ฉันวางแผนหลายๆอย่างไว้แล้ว...”ฟังดูทะเยอทะยานแต่ผมคิดเรื่องพวกนี้ไว้ก่อนเรียนจบ ช่วงก่อนเรียนจบผมคิดอะไรมากมายเลย ภาคินยิ้ม

“แผนเหรอ เล่าให้ฟังหน่อย”

“ส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องงานน่ะ”มันเงียบไปพักใหญ่เหมือนคิดอะไรอยู่

“มีอะไรก็ปรึกษาฉันได้นะ”

“อือ แต่งานของฉันมันน่าปวดหัว ไม่อยากให้นายเครียดตาม ...ง่วงแล้ว นายก็รีบๆอาบน้ำนอนได้แล้วล่ะ”ผมผละออกมาจากอ้อมแขนที่คลายออกของอีกคน ผมนอนมองภาคินลุกไปอาบน้ำ ไม่รู้เลยว่าได้ทิ้งตะกอนขุ่นไว้ให้อีกคนโดยที่ผมไม่รู้ตัว...






ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4

*****************************************





การทำงานของผมภายใต้ความกดดันจากคนรอบข้างและตัวเองเรียกได้ว่าเข้าสู่จุดเข้มข้นมากขึ้นทุกที ผมได้เรียนรู้งานมากขึ้นหลังจากที่ต้องทำงานร่วมกับฝ่ายรองประธาน ถึงแม้ผมจะมีหุ้นอยู่ในบริษัทแต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น ลุงกิตเคยบอกว่าผมอยู่ในขั้นทดลองงานสำหรับลุง ถ้าผมมีประสบการณ์และโตมากกว่านี้ ลุงจะดึงผมไปทำงานด้วยอีกที นี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมทุ่มเทกับงานมากขึ้นไปอีก 

“พี่ได้ยินมาว่าพ่อตั้งใจจะดึงเมฆไปร่วมงานด้วยในอนาคต”พี่กุมภ์พูดขึ้นหลังจากที่ประชุมเสร็จเหลือแค่ผมกับเลขาของพี่กุมภ์ที่กำลังเก็บเอกสารการประชุมอยู่

“ครับ ลุงเรียกผมไปคุยเมื่อเดือนก่อน”ถ้าเป็นไปตามนั้นจริงก็มีโอกาสสูงที่ผมจะได้ออกจากฝ่ายที่ผมทำงานอยู่ พี่กุมภ์ถอนหายใจ

“ถ้าเมฆไม่อยากทำบอกพี่ได้นะ พี่จะคุยกับท่านให้ งานส่วนนั้นไม่เหมือนกับที่เมฆทำอยู่หรอกนะ มันซับซ้อนกว่า เราต้องเรียนรู้อีกเยอะเลยล่ะ แล้วก็...พี่แค่รู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ เมฆก็รู้ว่าพักนี้บริษัทเรากำลังแย่ หุ้นส่วนบางคนก็ถอนตัวออกไป สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดี  ตัวเลือกพนักงานมีอยู่ไม่มาก พี่ไม่อยากให้เรากลายเป็นหนูไว้ใช้งาน เมฆไม่สังเกตุเหรอว่าเดี๋ยวนี้เมฆต้องทำงานร่วมกับพี่กับคณะบริหารมากขึ้น”พี่กุมภ์มีสีหน้าเคร่งเครียด ก็ใช่ว่าผมจะไม่รู้ว่าลุงกิตกำลัง'ใช้งาน'ผม แต่ในเมื่อผมเลือกจะมาในจุดนี้ ผมก็จะไม่ถอยง่ายๆ

“ผมแค่อยากลองเรียนรู้ไว้น่ะครับ”

“ไฟแรงจริงๆน่ะเราเนี่ย เฮ้อ เดี๋ยวก็ต้องไปเจรจากับCeoเรื่องโครงการที่ซ้อนทับกันอีก เมฆไม่ลืมใช่ไหม”ผมแอบถอนหายใจ ไม่ได้ลืมหรอกแต่ผมเบื่อมากกว่านัดเจรจากันตั้งหลายรอบแล้วก็ยืดเยื้อไม่จบสิ้น เพราะทั้งฝ่ายเราและฝ่ายนู้นไม่ยอมลดละให้กันเลย

“อย่าทำหน้าแบบนั้น ยังต้องเจออีกเยอะนะ”ผมคว้าขวดน้ำเดินตามพี่กุมภ์ออกไป แสบท้องนิดๆเพราะมีขนมปังตกถึงท้องแค่ก้อนเดียวเอง

ใช้เวลาเกือบๆสามชั่วโมงกว่าจะตกลงกันได้ว่าจะจับมือกันทำโครงการ ผมนั่งฟังพี่กุมภ์แจงรายะเอียดปลีกย่อยกับอีกฝ่าย ผมเหลือบมองเอกสารรายละเอียดบนโต๊ะ ผมเคยเขียนงบโครงการนี้มาก่อน แต่ก็ถูกส่งต่อให้ฝ่ายอื่นที่เก๋ากว่าทำเพราะโครงการซ้อนทับของอีกบริษัทนี่ล่ะ มีการปรับงบเยอะกว่าเดิมมากเลยจนผมคิดว่าทุ่มเกินไปหรือเปล่า แล้วถ้าหากขาดทุนล่ะ

“ว่าแต่คุณเมธามีความเห็นอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า”ประธานที่นั่งตรงข้ามกับผมหันมาถาม พี่กุมภ์หันมามองผมสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“ก็ผมคิดว่าเป็นโครงการที่ดี แต่ถ้ามองในอีกแง่หนึ่ง พื้นที่ตรงนั้นมีการจัดตั้งจากบริษัทที่มีฐานแข็งแรงกว่า ผมมองว่าเราทั้งคู่อาจจะเสียเปรียบ บางทีต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ให้เหมาะสมครับ”ผมพูดตามที่คิด ประธานอีกฝ่ายพยักหน้า

“ผมเองก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกันแต่พื้นที่ตรงนั้นทำเลดีสุดแล้ว ไว้เราค่อยคุยรายละเอียดกันอีกทีก็แล้วกัน ผมว่าในอนาคตเด็กคนนี้ต้องเป็นเฟืองสำคัญสำหรับบริษัทคุณแน่  ใช้ได้เลย”ประธานคุยกับพี่กุมภ์ ผมยิ้มให้กับคำชมที่มักได้ยินเป็นปกติ ตอนแรกๆก็ดีใจอยู่หรอก แต่อยู่นานเข้าผมก็รู้ว่าเป็นแค่คำป้อยอเพื่อหวังผลประโยชน์แค่นั้นเอง

“ขอบคุณสำหรับวันนี้ครับ”ทั้งสองฝ่ายจับมือกัน

“เหอะ ไม่น่าร่วมมือด้วยเลยจริงๆ แต่เราก็ยอมยกโครงการให้อีกฝ่ายไม่ได้”พี่กุมภ์ดูไม่ชอบใจเท่าไหร่ ผมแอบเห็นด้วย ประธานคนนั้นโงวเฮ้งไม่น่าลงทุนด้วยเลย ผมแวะทานมื้อเย็นกับพี่กุมภ์คุยเรื่องงานไปด้วยตามปกติ พี่เขาชวนผมเล่นหุ้น แต่ผมไม่กล้าเสี่ยงเพราะตลาดหุ้นมันไม่แน่นอน ผมกลัวเงินจะปลิวหายไป ผมขมวดคิ้วเมื่อจู่ๆก็คิดได้ว่าหมู่นี้ผมคิดแต่เรื่องเงินกับงาน อยู่กับภาคินก็คุยเรื่องงาน ยุ่งกับโน้ตบุ๊ค มีอีกหลายเรื่องที่ผมไม่ได้คุยกับภาคิน อย่างพรุ่งนี้ที่ผมต้องไปดูงาน หรือหรือบริษัทภายในบริษัทเริ่มไม่มั่นคง ส่วนใหญ่ผมใช้เวลากับพี่กุมภ์มากกว่าเพราะต้องคุยเรื่องงาน วางแผนนู่นนี่นั่น

“เป็นอะไร”อีกฝ่ายถามเมื่อเห็นผมเงียบไป

“เปล่าครับ แค่คิดอะไรนิดหน่อย”

“ถ้าเหนื่อยก็พักก็ได้ พรุ่งนี้หยุดซักวัน”

“พี่ก็รู้ว่าถ้าผมหยุดงานมาอีกเป็นกองแน่ ไม่เป็นไรหรอกครับ”หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ พี่กุมภ์ก็มาส่งที่คอนโด เอาหนังสือเล่นหุ้นมาให้ผมลองศึกษาก่อนเผื่อผมเปลี่ยนใจ

“เลิกงานแล้วเหรอ”เข้าห้องมาก็เจอภาคินกำลังเข้าครัวอยู่

“วันนี้เหนื่อยมาก นายรู้ไหม...”แล้วผมก็ร่ายยาวเกี่ยวกับโครงการที่เพิ่งไปคุยมา ผมถอดเสื้อนอกวางพาดโซฟา

“กินข้าวกัน”

“ฉันกินมาแล้ว”ภาคินหันมามองเหมือนต้องการคำอธิบาย

“กับพี่กุมภ์น่ะ คุยงานเสร็จพอดี”

“งานอะไรเหรอ”มันจิ้มไส้กรอกเข้าปาก

“ก็เรื่องเดิมแหละ พูดไปนายก็ไม่รู้เรื่องหรอก”ผมหยิบแฟ้มเอกสารที่ต้องตรวจความเรียบร้อยออกมาดู

“ถึงไม่รู้เรื่องฉันก็อยากรู้ว่าคุยอะไรกันบ้าง”ภาคินนั่งลงข้างๆผม

“ก็เรื่องบริษัท กับพี่กุมภ์นายก็รู้ว่าสนิทก็เพราะเรื่องงาน อย่าแก่แล้วแก่เลยได้ไหม”ผมพลิกกระดาษไปมา ปวดขมับขึ้นมาตุบๆเมื่อเห็นเส้นกราฟตรงหน้า

“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ”มันถอนหายใจ ผมปิดแฟ้มเอกสาร

“โทษที ฉันแค่เครียดนิดหน่อย”ภาคินเหลือบมองหนังสือหุ้นที่วางอยู่บนโต๊ะ

“นายคิดจะเล่นหุ้นเหรอ คิดดีๆนะ”ผมดึงหนังสือออกจากมือภาคิน

“ไม่ได้คิดจะเล่นหรอก”

“แต่ซื้อหนังสือมา คิดอะไร จะทำอะไรก็บอกกันบ้างสิ ”

“ไม่ได้ซื้อ พี่กุมภ์แค่ให้มาศึกษาดูเฉยๆ”ผมขมวดคิ้วสายตากวาดมองเอกสารตรงหน้าเหมือนเดิม ได้ยินเสียงภาคินถอนหายใจ ก่อนที่มันจะดึงแฟ้มเอกสารออกจากมือของผม

“ฉันทำงานอยู่นะคิน”ผมดึงแฟ้มกลับคืนมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“แค่คุยแป๊บเดียวเอง ไม่เสียเวลาทำงานมากหรอกมั้ง”มันทำเสียงประชด

“ก็พูดมาสิ”ผมถอนหายใจละมือจากงานก่อนจะหันไปทางภาคิน ตกใจขึ้นมาเมื่อสีหน้าของมันบึ้งตึงแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

“นายทำเกินไปแล้วนะเมฆ ฉันรู้ว่านายจริงจังกับงานแค่ไหน แต่นายอย่าทำเหมือนฉันเป็นคนนอกได้ไหม”

“ฉันทำแบบนั้นตอนไหน มีอะไรฉันก็บอกนายทุกครั้งนะ”

“แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง นายไม่เห็นบอกว่าตอนนี้บริษัทกำลังแย่ เรื่องดูงานอีก ไหนจะเรื่องธุระกิจที่นายกำลังคิดจะลงทุน”ภาคินมองผมด้วยสายตาเหมือนผิดหวัง

“ฉันไม่ได้คิดจะทำธุรกิจ แค่ศึกษาไว้เฉยๆ แล้วบางเรื่องฉันก็อยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง นายเองก็คงไม่ชอบถ้าหากว่าฉันก่าวก่ายนายไปทุกเรื่อง ฉันแค่ต้องการพื้นที่ของฉันบ้าง ก็แค่นั้นเอง ส่วนเรื่องบริษัทพูดไปนายก็ไม่เข้าใจหรอก ปวดหัวเปล่าๆ”ผมไม่รู้ว่าทำไมมันถึงคิดแบบนี้ ผมคิดว่ามันจะเข้าใจเสียอีก

“ถึงไม่รู้เรื่องฉันก็อยากฟัง”

“นายกำลังงอแงเป็นเด็กๆนะรู้ไหม”ภาคินพ่นลมหายใจออกมาแรงๆเหมือนหงุดหงิดมันลุกยืนกอดอกมองผม

“ฉันไม่ได้งอแงนะเมฆ ฉันแค่พูดให้นายรู้ตัวว่านายน่ะบ้างานเกินไปแล้ว หัดดูตัวเองบ้างว่าผอมแค่ไหน นายไม่เหมือนเดิม ไม่ใช่คนเดิมที่ฉันเคยรู้จัก”

“ฉันโตแล้วนะคิน ฉันทำงานนะ ไม่ใช่เด็กที่ใช้ชีวิตไปวันๆ”

“ฉันก็ทำงาน แต่ไม่เห็นเป็นแบบนายเลย ยุ่งแค่ไหนฉันก็มีเวลาให้นายเสมอ”มันโกรธผมเรื่องนี้สินะ ผมยอมรับว่าทำงานหนักแต่ก็เพราะผมอยากยืนด้วยตัวเอง

“งานของฉันไม่เหมือนของนายนี่ แค่เรื่องงานฉันก็เครียดพอแล้ว นายอย่าหาเรื่องกันเลยนะ”ผมเหนื่อย ภาคินมองหน้าผมอยู่นาน

“แล้วจะฝืนตัวเองทำไม โอเค งานนายรุ่งแต่ไม่มีความสุขที่ทำก็เท่ากับทรมานตัวเอง นายทะเยอทะยานเกินไปแล้ว”

“ที่นายโมโหเพราะฉันไม่มีเวลาให้นายใช่ไหม ถึงโวยวายแบบนี้”ภาคินยืนหันหลังให้ผม

“นายไม่เข้าใจที่ฉันพูดเลย ใช่ อาจมีบ้างที่ฉันน้อยใจ แต่ฉันก็เข้าใจนาย ฉันแค่อยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตนายบ้าง ฉันเคยบอกแล้วไงว่าฉันเป็นหลักให้นายได้เสมอ”

“ฉันมีมือมีขานะคิน ฉันไม่อยากพึ่งนายแค่คนเดียว”ผมเข้าใจดีว่ามันหมายถึงอะไร

“ฉันแค่อยากให้นายเห็นฉันเป็นคนในครอบครัว นายมีปัญหาอะไรก็ไม่บอกฉันเลย นายก็รู้ว่าฉันอยากสร้างครอบครัว ตอนไหนฉันก็รอได้ทั้งนั้น ฉันอยากให้นายแชร์ให้ฉันฟังบ้างว่านายคิดยังไง ฉันคุยเรื่องงานกับนายไม่ได้ ก็แค่เล่าให้ฟังสิ ว่าเกิดอะไรบ้าง  เราไม่ได้คุยกันคนละภาษานี่เมฆ ชีวิตนายไม่ได้มีแค่งานอย่างเดียวนะ นายมีฉันเป็นครอบครัวอีกคนไม่ใช่เหรอ ฉันรู้สึกเหมือนนายเห็นฉันเป็นคนอื่น ฉันก็แค่อยากให้นายเข้าใจฉันบ้าง ไม่ใช่เป็นฉันที่ต้องเข้าใจนายฝ่ายเดียว”ผมน่ะเหรอ ไม่เข้าใจมัน ผมเหมือนคนพูดไม่ออก เพราะสมองตื้อตันจนคำพูดหายไปหมด

“ฉันไม่เคยเห็นนายเป็นคนนอกเลยนะ”

“เดี๋ยวนี้นายกลายเป็นคนยิ้มยาก ขี้หงุดหงิด ยึดตัวเองเป็นหลัก เห็นแก่ตัว นี่แหละตัวนายในตอนนี้”ผมจุกเหมือนโดนค้อนทุบหัวเพราะคำพูดของมัน ผมมองสีหน้าที่เหมือนคนอัดอั้นตันใจของภาคินแล้วหน่วงในอก

“ฉันแค่...ภาคิน”ผมเงียบไปเพราะไม่รู้จะพูดอะไร

“ฉันปรับตัวเข้าหานายตลอดนะเมฆ ในบางครั้งฉันก็แค่เกลียดตัวเอง แต่รู้อะไรไหม นายใช้เวลาอยู่กับพี่กุมภ์ของนายมากกว่าฉันเสียอีก นายไม่คิดอะไรก็จริง แต่คนอื่นไม่ได้คิดเหมือนนายเสียหน่อย นายอาจจะไม่สนใจ นายเป็นแบบนี้เสมอ แต่ฉันเกลียดเวลาที่มีคนนินทานายกับหมอนั่นในด้านลบ ฉันพยายามเข้าใจมาตลอด จนฉันกลับมาคิดว่านายเคยเข้าใจฉันบ้างหรือเปล่า เมื่อก่อนมีอะไรฉันบอกนายทุกเรื่อง ฉันเกลียดที่ต้องรู้เรื่องนายผ่านจากคนอื่นทั้งๆที่ฉันก็เจอหน้านายทุกวัน จนฉันอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องของเรายังเหมือนเดิมรึเปล่า นายยังแคร์ฉันเหมือนเมื่อก่อนไหม หรือว่าเป็นนายที่เท่าเดิม มีแค่ฉันที่เพิ่มมากขึ้น ความรู้สึกของฉันกับนายมันไม่เท่ากันแล้วใช่ไหม”

“ภาคิน”ผมใจหายขึ้นมาเมื่อได้ยินมันพูดแบบนี้ ภาคินดูโล่งอกที่ได้พูดออกมา แต่น้ำหนักบนบ่าที่มองไม่เห็นกลับกดทับจนผมหายใจติดขัดแทน ที่ผ่านมาผมทำให้มันรู้สึกมากมายขนาดนี้เลยเหรอ

“ฉันมีถ่ายรายการที่ต่างจังหวัดสามวัน ระหว่างนี้ฉันอยากให้นายคิดทบทวนตัวเองให้ดี”

“ทำไมนายต้องหนีด้วย คุยกันให้จบก่อนสิ”เพราะผมกับมันไม่เคยโกรธกันนานข้ามวันเลย

“ไม่ได้หนี แต่อยู่กับตัวเองบ้างก็ดี ทบทวนตัวเองด้วยนะ เมฆ ฉันเคยบอกนายแล้ว ว่าอย่าตึงเกินไป นายเป็นคนทำให้เชือกขาดเองนะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”ภาคินคว้าเสื้อคลุมก่อนจะเดินไปที่ประตู ผมเดินตามไป ความรู้สึกตอนนี้เหรอ ไม่รู้สิ มันสับสนไปหมด ผมจะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง

“ภาคิน...”

“ฉันคิดดีแล้ว”มันยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไป ผมเดินกลับมาในห้อง มองจานข้าวบนโต๊ะที่ถูกทิ้งไว้ ผมคิดแต่เรื่องของตัวเองจนมองข้ามความรู้สึกของภาคินขนาดนี้เลยเหรอ ผมเอาแต่คิดว่ามันต้องเข้าใจผมแน่ๆ หรือผมไม่เคยเข้าใจมันเลยกันแน่...


ผมลางานสามวันเพราะถ้าไปคงทำงานไม่รู้เรื่องแน่ ตอนนี้ผมอยู่ที่ร้านเฮียจอห์นกำลังรอไอ้เจนกับไอ้เชษ

“กูโคตรแปลกใจที่มึงโผล่หน้ามาเจอกันได้ นึกว่าหมกอยู่กับงานซะอีก”ไอ้เชษทักนั่งลงข้างๆผมที่ยิ้มเจื่อนๆไปให้มัน

“เป็นอะไร สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”ไอ้เจนที่เพิ่งมาถึงถามสีหน้าเป็นห่วง

“ทะเลาะกับภาคินว่ะ”แล้วผมก็เล่าให้มันสองคนฟังด้วยสีหน้าเป็นทุกข์

“กูไม่เคยรู้เลยว่าทำให้มันอัดอั้นใจขนาดนั้น กูเอาแต่คิดว่ามันต้องเข้าใจในสิ่งที่กูทำ จนไม่ได้นึกถึงมัน”ผมหมุนแหวนบนนิ้วเล่น เพื่อนสองคนเงียบไม่พูดไม่จาจนผมต้องเงยหน้ามอง

“จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอวะ”

“จะให้พูดอะไรล่ะ มึงอยากรู้สึกแย่มากกว่านี้เหรอ”ไอ้เชษถอนหายใจ

“ก็ดี”

“ทบทวน ไม่ใช่มาตัดพ้อตัวเอง”ผมยังคงเล่นแหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายต่อไป ผมแนบหน้าลงกับโต๊ะ หลับตาฟังเสียงดนตรีหนักๆ

“กูเสียใจ”ผมพึมพำขึ้นมา เมื่อนึกถึงสีหน้าตอนที่มันพูดทุกอย่างออกมา

“ที่ทำให้มันรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก”ทั้งๆที่มันก็พูดอยู่บ่อยๆว่าอยากสร้างครอบครัวกับผม แต่เป็นผมเองที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่าครอบครัวที่มันอยากมี ผมทะเยอทะยาน คิดแผนต่างๆไว้มากมายเกี่ยวกับชีวิตการงานของผม ยอมรับว่าไม่มีชื่อของภาคินอยู่ด้วยเพราะผมตั้งใจจะสร้างตัวเองก่อน เงินกับงาน แค่สองเรื่องนี้ที่ผมยึดติดมาตลอด ก็ดีเหมือนกันที่มันปล่อยให้ผมได้คิดทบทวนตัวเอง เพราะตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะเจอหน้ามันเลย จะมองหน้ามันได้ยังไง ผมที่เคยเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้ดีมาตลอด ก้าวข้ามสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่ที่ผมวางแผนไว้อย่างดี แต่มาตอนนี้ ผมก็เข้าใจแล้ว ว่าตัวผมก็เป็นแค่นกตัวเล็กในผืนฟ้ากว้างใหญ่

ผ่านไปสามวันที่ผมไม่ได้ติดต่อภาคินและมันเองก็ไม่ได้ติดต่อผมมา นี่ก็ครบกำหนดที่มันต้องกลับมาแล้ว ผมมองหน้าจอโทรทัศน์ที่มีข่าวบันเทิง ทีมงานรายการที่ภาคินไปออกรายการเดินทางกลับมาแล้ว แต่ไร้วี่แววของมัน แสดงว่ามันไมาได้กลับมาด้วย มันไปไหน?ที่มันไม่กลับมาแบบนี้มีเพียงแค่เหตุผลเดียว คือมันไม่พร้อมจะเจอหน้าผม ผมโทรหาภาคินแต่ก็โทรไม่ติด ผมโทรอีกครั้ง โล่งอกที่มันรับสาย

“ภาคิน นายอยู่ไหน”ผมเอ่ยถามก่อนเมื่อได้ยินแต่ความเงียบ

[พักผ่อนน่ะ]

“ที่ไหน ทำไมไม่บอกกันบ้าง”

[ฉันแค่อยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง]ผมจุกทันทีเมื่อได้ยินคำตอบของมัน มันยังโกรธผมอยู่แน่ๆถึงได้แก้เผ็ดให้ผมเจ็บในอกแบบนี้

[ฟังแล้วรู้สึกยังไง]

“ภาคิน เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ”

[นายต้องเข้าใจฉันบ้าง ว่าฉันอยากอยู่เงียบๆ]

“ขอร้อง อย่าประชดเลย”แค่นี้ผมก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว

[นายก็รู้ว่าฉันเป็นคนยังไง หายโกรธแล้วจะกลับไป]แล้วมันก็วางสายทันที ผมโทรไปอีกมันก็ปิดเครื่องไปแล้ว
...เฮียจอห์น เฮียต้องรู้แน่ๆว่ามันไปที่ไหน ผมจึงกดโทรหาอีกฝ่ายทันที

[เมฆเหรอ ว่าไง]น้ำเสียงของพี่เขาดูไม่แปลกใจเท่าไหร่

“เฮียรู้ไหมว่าภาคินอยู่ที่ไหน”

[ ที่ๆมันชอบไปไง]หือ?ที่ๆมันชอบไป

“ผมเครียดอยู่นะเฮีย”ผมทำเสียงดุใส่ อีกฝ่ายหัวเราะ

[มันก็ไม่ได้บอกพี่หรอกว่าไปที่ไหน แต่มันบอกว่าจะกลับไปที่ที่เป็นความทรงจำดีๆของมัน]ผมใจเต้นถี่รัว

“ขอบคุณมากเฮีย”

ผมรู้แล้วว่ามันไปที่ไหน หวังว่ามันจะรอผมก่อนนะ ผมมีเรื่องจะพูดกับมันเยอะเลย








------------------
ตอนนี้เครียดหน่อยนะ :hao5:  เพราะอยากให้เห็นว่าหลังจากเรียนจบ
ทั้งคู่ก็ต้องปรับตัวเข้าหากันอีก ไม่มีใครดี100% เมฆก็เช่นกัน

เราจะลงตอนพิเศษให้อีก2ตอนนะคะ ตอนหน้ากับตอนThis is Phakin(หนังสือของฮี) เรื่องของเจ๊มิว
ส่วนรวมเล่ม มีแน่นอนค่ะกับทางสนพ.Nananaris Y Book
 ไม่แน่ใจว่ารอบไหนเพราะด้ายังปั่นต้นฉบับไม่เสร็จเลย :katai4:
 แต่จะแจ้งให้ทราบอีกทีค่ะ ขอบคุณที่ติดตาม :กอด1:


ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :เฮ้อ:  โอ๋ๆ ชีวิตคู่มันไม่ง่าย
เอาใจช่วยทั้งคู่นะ
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ผิดใจกันซะแล้วก็เข้าใจว่าเมฆอยากสร้างตัวแต่ก็นะคิดวางแผนอนาคตโดยที่ไม่มีคินอยู่ในนั้นเลยเป็นใครก็คงรู้สึกแย่อะ ตอนนี้คิดได้แล้วก็ง้อภาคินดีๆนะเมฆ เฮ้อออ คนละอารมณ์กับตอนที่แล้วเลยจริงๆปรับอารมณ์ไม่ทัน ฮ่าๆๆๆๆ อยากรู้เรื่องพี่เพชรแล้วนะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
บทเรียนราคาแพงเลยนะคะเนี่ย :try2: เข้าใจภาคินเลยค่ะ เพราะเมฆไม่มีเวลาให้ยังพอเข้าใจได้ แต่ถูกกันออกมาจากเรื่องราวต่างๆ จนดูคล้ายกับเป็นคนนอกเข้าไปทุกวันอย่างนี้ก็น่าน้อยใจไม่ใช่น้อยเลยเชียวล่ะ :mew2:

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
ก็นะ เมฆทำตัวเอง ขนาดเราอ่านยังรู้สึกไม่ชอบเมฆในพาร์ทนี้เลยบอกตรงๆ
ถ้าสมมติคิมเจอคนที่ดีกว่าแล้วไปจากเมฆนี่่เราจะไม่แปลกใจเลย ทั้งที่ความจริง
เราไม่ชอบดราม่าเรื่องนอกกายนอกใจนะ แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆเรากลับเข้าใจและสงสารคินมากกว่า
คือคินพยายามทุกอย่าง พยายามเข้าหาแต่เมฆเองที่ตีตัวออกห่าง ก็สมควรที่คินจะน้อยใจนะ
ความจริงคินน่าจะหายไปนานๆให้เมฆมนหาไม่เจอจะได้คิดทบทวนให้มากกว่านี้
เพราะเมฆคิดถึงแต่ตัวเองเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก ก็ให้อยู่ในโลกของตัวเองไปคนดียวซักพักก็ดีเหมือนกัน
นี่ยังดีแค่ไหนที่คินบอกคินเตือนก่อนมันจะแตกหักไปกว่านี้ ถ้าเกิดอยู่ๆคินเดินจากไปแบบไม่บอกไม่กล่าวแล้วเมฆจะรู้สึก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด